Room 9 [Far’s chapter]
แล้วกูจะทำยังไงดี??
ผมมองภาพไอ้ไปป์ถูกรูมเมทคู่รักคู่แค้นของมันลากไปจนสุดสายตา แม้ว่าผมจะส่งสายตาเมย์เดย์ๆขอความช่วยเหลือไปเท่าไหร่มันก็ไม่สามารถมาช่วยผมได้ ทิ้งกูอยู่คนเดียวไม่ว่า เสือกทิ้งไว้กับปัญหาก้อนใหญ่เลยนี่สิครับ!!
“เฮ้ย..ใครวะ เอาเถอะ กูก็รักมึงเหมือนกัน~~” ไอ้ห่านี่เมาเลอะเทอะไปใหญ่แล้ว ผมเอามือยันหน้าไอ้หนุ่มผมยาวที่พยายามยื่นหน้าเข้ามาจูบไปทั่วหน้าผม โอ๊ย...แค่นี้หน้ากูก็เปื้อนน้ำลายเต็มที่แล้วครับ!!!
แล้วไม่ทราบว่าคุณโอ๊ตแกไปเยี่ยวที่ปากีสถานหรือไร?? เหตุใดจึงไม่ออกมาซะที?? หรือจะรอให้ผมได้เสียกับเพื่อนรักเขาก่อน? สาบานได้ครับว่าถ้าผมรอดไปจากวันนี้ผมจะไปเฉ่งไอ้ไปป์ให้ตายกันไปข้างนึง กูจะแช่งให้มึงโดนไอ้ภคินจับตุ๋ยทั้งวันทั้งคืนเลยคอยดู
ผมเหลือบหางตาไปมองแซ๊กที่เอนมาซบยังกะโคตรเหง้ามันเป็นไม้เลื้อยเห็นแล้วเหนื่อยใจจริงๆ
ผมชอบคนอย่างมันไปได้ไงวะ??
ครับ...คุณอ่านไม่ผิดหรอก ผมแอบชอบเพื่อนไอ้ไปป์มัน ถามว่านานรึยัง?...ก็ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกล่ะครับ ทำไมน่ะเหรอ?...อืม..ตอบยากอ่ะ
ถ้าไม่เมาเหมือนหมาแบบนี้แซ๊กก็เป็นผู้ชายที่โคตรเจ๋งเลยล่ะครับ ดูดีทุกองศา เท่ซะจนสาวๆมองจนคอเคล็ด(ผมแอบเห็นหนุ่มๆบางคนมองด้วยอ๊ะ!! คาดว่าจะมองด้วยความชื่นชมว่าไอ้นี่เจ๋งชะมัด) มีดรีกรีเป็นเดือนคณะมนุษยศาสตร์ แถมยังเป็นนักดนตรีของมหาลัยอีก แบบนี้ใครไม่มองก็บ้าแล้วครับ
แล้วดูผมสิไอ้หัวเห็ด เด็กเนิร์ดเก็บตัว ไร้สังคม เกลียดการพูดคุยกับคนแปลกหน้า(อย่านับไอ้ไปป์ครับ อย่างมันเรียกว่าคนหน้าแปลกถึงจะถูก) แถมยังต้องมาเจอกับความจริงที่ว่า...
แซ๊กเกลียดผมครับ...
รู้ได้ไงน่ะเหรอ ก็ลองสังเกตจากหลายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสิครับ ขนาดแค่ตอนมาคอนเสิร์ตแซ๊กยังรีบลากแขนไอ้ไปป์ไปเลยเหมือนไม่อยากนั่งกับผมเสียเต็มประดา แล้วไหนจะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อีกหลายๆครั้งที่แซ๊กทำท่าทางรังเกียจผม พอผมมาก็ไม่ค่อยพูดจา เนี้ยแหละผมถึงไม่อยากไปเที่ยวกับเพื่อนไปป์นัก กลัวจะทำงานเค้ากร่อยหมดน่ะสิ เฮ้อออออออออออ.....
พอคิดมาถึงตรงนี้โอ๊ตก็เดินตัวปลิวออกมาจากห้องน้ำ ในใจผมนึกอยากจะถามว่าเยี่ยวนานขนาดนี้พี่เป็นช้างเหรอครับ?
“แบบว่า...ห้องน้ำคนเยอะน่ะ โทษที เหอๆๆ” อ่านใจกูได้รึไงวะ?
ผมพยักหน้าส่งๆไม่ตอบอะไร ขณะที่โอ๊ตมองซ้ายมองขวาหาคนที่น่าจะอยู่ณ.จุดเกิดเหตุ
“ไปป์หายไปไหน?”
“ไม่รู้ ภคินมาลากไป”
“ห๊ะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” เอ่อ...เครื่องหมายอัศเจรีย์เยอะไปมั้ยครับพี่ ผมรู้แล้วครับว่าพี่ตกใจ “พูดเป็นเล่นไป ไปป์เนี้ยนะจะยอมไปกะไอ้ภคิน”
“เราก็ไม่รู้ ก็มันมาลากไปจริงๆนิ”
“โอ๊ย..ตายห่า นี่มันวันโลกาวินาศอะไรวะเนี้ย” โอ๊ตตบหน้าผากตัวเองดังเพี๊ยะ มืออีกข้างดันแซ๊กที่ทำท่าจะเข้าไปปล้นจูบออก “ไอ้ไปป์ต้องมีอะไรปิดบังพวกกูแน่ๆ ไม่งั้นมันไม่มีทางญาติดีกับไอ้ภคินได้หรอก”
ผมพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย งานนี้คงต้องไปรีดความจริงจากปากเจ้าตัวมันล่ะ คงจะเกี่ยวข้องกับวันที่มันทิ้งผมไว้ที่ร้านSwensensแน่ๆ
“แล้วฟาร์จะกลับรึยังอ่ะ?” โอ๊ตถามผม คงจะเกรงใจที่ผมต้องมาช่วยดูแลไอ้ขี้เหล้านี่ ซึ่งผมก็เป็นพวกไม่ชอบยุ่งกับคนเมาอยู่แล้วครับ ต่อให้เป็นแซ๊กก็เหอะ(ถึงไม่เมาเขาก็ไม่อยากให้ผมยุ่งด้วยอยู่ดีแหละครับ)
“อื้อ...โอ๊ตพาแซ๊กกลับคนเดียวไหวมั้ย?”
“ไม่ไหวก็ต้องไหวล่ะวะ ไอ้เวฟก็ไม่รู้ไปอยู่โรงแรมไหนแล้ว โทรไปมันก็คงไม่สนใจแล้วล่ะ” โอ๊ตดันแว่นที่ไหลลงมาเพราะเหงื่อขึ้น “ฟาร์กลับก่อนเหอะ ไอ้แซ๊กมันไม่ได้เป็นแบบนี้ครั้งแรกหรอก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่กูต้องดูมันคนเดียวน่ะ”
เอ๊ะ...มึงบอกให้กูไป แต่พูดเหมือนจะให้กูอยู่?? เอาไงกันแน่วะ...
ผมยักไหล่ไม่ใส่ใจ...ไม่รู้ล่ะกูจะกลับแล้ว ผมพยายามดึงมือออกจากแขนแซ๊กที่มันนัวเนียยังกะปลาหมึก มันยื่นจมูกมาโฉบแก้มผมไปนิดนึง
“กลับแล้วเหยอ~~ กลับบ้านดีๆนะ เอิ๊กกกกกกกกกกกกก~”
ผมรีบวิ่งออกมาจากตรงนั้น....บ้าเอ๊ย!! หน้าแดง ใจเต้นแรงไปหมดแล้ว โอ๊ยยยยย!!!...กูจะดีใจไปทำไมวะ แซ๊กมันก็ทำแบบนั้นกับทุกคนแหละก็มันเมานี่นา..
ก็ต้องยอมรับครั้งแรกล่ะนะ...
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเริ่มชอบอยู่กับคนเมาซะแล้วสิ..
..................................................................................
...................................................
.........................
......
เรื่องที่ว่าผมชอบแซ๊กได้ยังไงน่ะเหรอ? มันไม่ใช่แค่ว่าหน้าตาดี เก่ง เท่แล้วผมไปชอบหรอกครับ เรื่องมันเกิดขึ้นตอนวันมอบตัววันแรกของมหาลัย ตอนนั้นผมยังเป็นนักเรียนจบใหม่หัวเกรียนๆไม่มีผมหนาๆเป็นทรงเห็ดเหมือนตอนนี้หรอกครับ
ผมมาจากโรงเรียนในกรุงเทพก็จริง แต่เพื่อนที่โรงเรียนเก่าไม่ได้มาด้วยกันเลยสักคน มันแยกย้ายกันไปเรียนที่อื่นหมดแล้ว ผมที่ยังไม่มีเพื่อนเลยสักคนก็เลยต้องไปหาข้าวกลางวันกินในโรงอาหารเอง วันนั้นคนเยอะมากเหมือนเกิดสงครามแย่งโต๊ะอาหารกันน่ะครับ ผมรีบล้มตัวลงนั่งที่โต๊ะตัวสุดท้ายของโรงอาหาร ตัดหน้ารุ่นพี่ที่ผมยาวรุงรังไปนิดเดียว พี่เขามองหน้าผมเหมือนไม่พอใจ ผมก็ไม่สนใจก้มหน้าก้มตากินข้าว...อย่างว่าล่ะครับ ผมก็เกรียนพอตัวเหมือนกัน
“เฮ้ย..เด็กคณะอะไรวะ” ผมก้มหน้าก้มตากินไป ทำเหมือนมีหมามาเห่าให้ฟังข้างโต๊ะ
“พี่ถามน่ะทำไมไม่ตอบ??” ก็กูไม่อยากตอบไงไอ้ควายเอ๊ย!!
“เฮ้ยมึง...น้องแม่งกวนตีนว่ะ จัดให้สักทีดีมั้ยวะ” ไอ้พี่หนวดเฟิ้มนั่นง้างหมัดขึ้นกลางอากาศผมหลับตาปี๋เพราะคิดว่างานนี้กูโดนแน่ๆ แต่.....
โด๊~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
โน้ตโดสูงแทงทะลุกระดูกค้อน ทั่ง และโกลนของไอ้รุ่นพี่คนนั้นเข้าไปจนซาบซ่านทรวงในถึงคำว่าดนตรีเลยทีเดียว ผมที่อยู่ไกลกว่ายังเอามืออุดหูแทบไม่ทัน ไม่ต้องพูดถึงไอ้พี่หนวดเฟิ้มนั่นเลยครับ คงหูดับไปเป็นที่เรียบร้อย
“ทำบุญมั้ยครับพี่ ช่วยเด็กกำพร้าได้บุญนะครับ” ไอ้หนุ่มสกินเฮดตรงหน้าฉีกยิ้มหวานจ๋อยที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเสแสร้งปานใด เด็กผู้ชายตรงหน้าอยู่ในชุดนักศึกษาใหม่เอี่ยมที่คาดว่าใส่มามอบตัวเหมือนผม สองมือของเขาถือเครื่องเป่าที่เรียกว่าแซ๊กโซโฟนเอาไว้ในมือ “เฮ้ย..ก้อยเอากล่องมาตรงนี้ดิ๊พี่เค้าจะบริจาค”
ผมเหลือบมองไปด้านหลังไอ้หนุ่มสกินเฮดก็เจอกลุ่มคนที่คาดว่าเป็นชมรมดนตรีสากลอยู่ข้างหลังเพราะดูจากการถือเครื่องดนตรีคนละไม้ละมือแบบนี้คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ สาวน้อยหน้าตาน่ารักที่ชื่อว่าก้อยฉีกยิ้มหวายจ๋อยวิ่งดุ๊กๆเอากล่องรับบริจาคมายื่นให้พี่หนวดเฟิ้มตรงหน้าซึ่งพี่แกก็ต้องควักเงินหย่อนอย่างเสียมิได้
“ขอบคุณค่ะ” สาวเจ้ายังคงยิ้มหน้าระรื่น ทำเอาก๊กพี่ถ่อยเริ่มรู้สึกประหม่าแล้วขอตัวเดินจากไปในที่สุด
เฮ้อ...รอดแล้วกู
“ฮ่าๆๆๆๆ” ไอ้หนุ่มหัวเกรียนหัวเราะพลางส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเหลือบมาสบตากับผมที่มองอย่างงงๆอยู่แล้วยักคิ้วกวนๆให้ทีนึง
อุ๊ก...ดูดีชิบหาย...
“เฮ้ย ..แซ๊กไปได้แล้วมีคิวต้องไปเปิดหมวกที่ลานกันเกราอีก” หนุ่มคนที่ถือไวโอลีนเดินเข้ามาสะกิดแซ๊กเบาๆ แซ๊กพยักหน้าหงึกหงักแล้วเดินตามกลุ่มของชมรมออกไป
.....ทิ้งไว้แต่หัวใจของผมที่เต้นแรง...
หลังจากนั้นเราก็เจอกันอีกครั้งด้วยความบังเอิญว่าแซ๊กเป็นเพื่อนของไปป์เพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียวของผม และดูถ้าว่าเขาจะจำผมไม่ได้ซะด้วย....ก็นั่นแหละครับ ผมเป็นพวกทำตัวไม่น่าสนใจอยู่แล้วล่ะ
อืม...นอกจากเรื่องที่ผมชอบแซ๊กผมมีความลับอีกอย่างจะบอกด้วยแหละ แต่เรื่องนี้ห้ามบอกใครเด็ดขาดนะครับ สัญญากับผมก่อนสิ...... สัญญาแล้วนะ!!
โอเคครับ คือผมรู้ว่า....แซ๊กชอบไปป์อยู่!!!!
ทำไมผมถึงรู้น่ะเหรอครับ?
คุณว่ามันไม่แปลกเกินไปหน่อยเหรอที่เพื่อนต่างคณะกันจะเจอกันบ่อยขนาดนี้?
คุณว่ามันไม่แปลกเกินไปหน่อยเหรอที่เพื่อนจะห่วงใยกันขนาดนี้?
คุณว่ามันไม่แปลกเกินไปหน่อยเหรอที่เพื่อนจะมองเพื่อนด้วยสายตาแบบนี้?
ผลสำรวจจากสายตาของผมแล้วชี้ประเด็นไปได้ที่จุดจุดเดียวคือ....แซ๊กแอบชอบไปป์อยู่ ส่วนไอ้เพื่อนตัวดีของผมจะรู้สึกยังไงนั้น...อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ และไม่กล้าที่จะถามมันด้วย
ส่วนไอ้หนุ่มจืดชืดอย่างผมก็คงต้องกินแห้วไปตามระเบียบแหละครับ เฮ้อ...ผมเองก็พยายามจะตัดใจอยู่หลายครั้งแล้วนะ แต่มันก็ทำไม่ได้ซะที แซ๊กเองก็ชอบมาป้วนเปี้ยนกับไปป์อยู่บ่อยๆ ถ้าจะให้ผมเลิกชอบจะมาให้เห็นหน้าบ่อยๆทำไมล่ะ!!!!
จะว่าไปทำไมผมถึงได้ซวยนักนะ รักเขาข้างเดียวไม่พอ เขายังเกลียดเรา แถมแอบชอบเพื่อนเราอีก เฮ้อออออออ...
ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างอ่อนล้าหลังจากลากสังขารกลับมาจากคอนเสิร์ตนั่นได้ อืม..จะว่าไปไปป์มันหายไปไหนกับภคินนะ??? ผมคิดซะจนคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าสองคนนั้นไปญาติดีกันตอนไหน ที่สำคัญแววตาของภคินตอนที่มาดึงแขนไปป์น่ะ ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่านะ
...มันดูโกรธ
ว่าแต่โกรธอะไรล่ะ??
หรือว่าจะหึง…
พอคิดมาถึงตรงนี้ผมก็หลุดขำกับความคิดโง่ๆของตัวเอง….รอโลกแตกไปก่อนเหอะสองคนนั้นจะได้เป็นแฟนกัน
แต่ตอนนั้นผมคงลืมนึกไปว่า
โลกก็ใกล้แตกแล้วนี่หว่า.....
TBC
บทนี้เพื่อน้องฟาร์ค่ะ หนูจะได้เป็นดาวเด่นกับเขาบ้าง
ฟาร์จะต่างกับไปป์ตรงที่ไปป์มันเป็นพวกขี้โวยวาย เห็นอะไรไม่พอใจมันก็โวยหมด แต่ฟาร์จะเงียบไว้แล้วด่าในใจ เรียกว่าเป็นยันเดเระคงไม่ผิดนักค่ะ ฮ่าๆๆ
สุดท้าย... มันเป็นเรื่องของเราสองสามคนค่ะ ฮ่าๆๆๆ(ไปป์มึงจะรู้เรื่องอะไรมั้ย!!!)
PS.คุณcho_co_late ดักทางเราทันอ่ะ เรื่องแซ๊กกะไปป์ เอา :กอด1:ไปนะคะ