- - OMG! หมดกัน..มันเอาผมเป็นเมีย - - ตอนที่40 (END) P.54 >Up.15/04/14<
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - - OMG! หมดกัน..มันเอาผมเป็นเมีย - - ตอนที่40 (END) P.54 >Up.15/04/14<  (อ่าน 631371 ครั้ง)

ออฟไลน์ powvera

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
ตอนนี้ถึงกับเสียเลือดปานกลางถึงมาก
 :katai5:   :jul1: :m25:

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3

tuktik_narak

  • บุคคลทั่วไป

ตอนที่39

   ริว

                ตอนนี้ผมพาวิสกี้ออกมาเที่ยวข้างนอก ให้เขาเลือกเองว่าจะไปที่ไหน เลือกอยู่นานจนเกือบจะมีการวางมวยกันเกิดขึ้น แต่สุดท้ายคุณชายเขาก็เลือกได้

                ‘เยาวราช’

                เห็นบอกว่าอยากกินติ่มซำ อะไรก็ไม่รู้แต่ผมก็มีหน้าที่อย่างเดียวคือตามใจก็เลยได้มายืนอยู่ที่นี่ ที่เยาวราช เห็นบอกคิดถึงอากง อาม่า เลยอยากมาซึมซับความเป็นจีน ดูเขาพูด

                “อยากกินอะไร”

                ผมหันไปมองคนถาม เห็นวิสกี้จ้องมาที่ผม แต่ผมไม่รู้จะกินอะไรดีก็เลยได้แต่บอกว่าให้วิสกี้เลือกเอง

                “แน่ใจนะ” มันถามอีกครั้งเพื่อยืนยัน

                “อ่าห๊ะ แต่อย่าแพงมากนะ ช่วงนี้พี่จน” ผมแกล้งทำหน้าเศร้าๆ แตะไหล่มันนิดๆ ทำตัวน่าสงสาร

                วิสกี้ยกนิ้วกลางใส่หน้าผม ก่อนจะยิ้มๆ แล้วเดินนำผมไป

                ผมส่ายหัวให้กับความทะลึ่งของวิสกี้ ผมล้วงกระเป๋าเดินตามตูดต้อยๆ แต่ผมกลับโคตรมีความสุข
                เพราะอะไรรู้ไหมครับ

                เพราะผมได้อยู่กับวิสกี้

                ได้เห็นวิสกี้กิน

                ได้เห็นวิสกี้นอน

                ได้เห็นวิสกี้ทำปากงอนๆ เวลาไม่พอใจผม

                ได้เห็นวิสกี้ยิ้ม เวลาที่มันมองผม

                อะไรก็ตามถึงไม่ได้อยู่ในสถานที่สวยหรู ไม่มีได้กินของราคาแพง แค่มีวิสกี้...แค่มีมันผมก็มีความสุขที่สุดในโลก

                ก่อนหน้านั้นผมเคยถามตัวเองบ่อยๆ ว่า ชาตินี้ผมจะเจอใครสักคนที่เกิดมาเพื่อผมหรือเปล่า
ผมตอบเลยว่า...ไม่

                ผมไม่เคยคิดว่าจะมีใครที่เกิดมาเพื่อรักและอยากใช้ชีวิตร่วมกันกับผม
                จนมาเจอมัน...
                ตอนแรกผมก็คิดว่านี่อาจจะไม่ใช่ความรัก เป็นแค่ความใคร่ที่ผมเผลอไปได้กับมันตอนเมาโดยที่บุพเพมันพาไป

                เขม่นกันจะตาย
                แต่กลับได้กันหน้าตาเฉย

                แต่พอคิดจะถอยห่างอย่างที่มันบอกว่าให้ลืมๆ ไปซะ แต่ผมกลับทำไม่ได้
นอนก็คิด
ตื่นก็คิด......

ภาพร่างกายของมันลอยไปมาอยู่ในหัวของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งเห็นว่ามันกอดกับใครที่ไม่ใช่ผม ก็ยิ่งโมโหจนเลือดขึ้นหน้า ไม่สนด้วยว่าคนนั้นจะเป็นผู้หญิงเพศที่เราควรให้เกียรติ

เกิดมาผมไม่เคยรู้จักคำว่าหึงเป็นยังไง

แต่มันสอนให้ผมได้ใช้กับมันคนแรก

“วิสกี้” ผมหยุดคิดเรื่องของมันแล้วตะโกนเรียกคนที่สนใจของกินทั้งในร้านและริมฟุตบาท

“หืม” มันหันหน้ากลับมามองด้วยความสงสัย

“รีบไปไหนเดินช้าๆ สิ” ผมร้องบอก

ผมก้าวเดินไปให้เร็วกว่าเดิมอีกนิด เพื่อที่จะได้เดินไปยืนคู่กัน

“อะไร” มันถามงงๆ เมื่อผมยื่นมือตัวเองไปแบไว้ตรงหน้ามัน

“จับมือกันไง คนเยอะกลัวหลง” ผมทำใจกล้าพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะๆ เสี่ยงโดนตีนแต่ของแบบนี้มันก็ต้องลองดู

เอาจริงๆ ปกติวิสกี้มันไม่แคร์ใครหรอกครับแต่นั่นมันกรณีที่มีคนมาถามว่าใช่ไหม เป็นแฟนกันหรือเปล่า

แต่ครั้งนี้ผมขอร้องให้มันแสดงออกก่อนที่จะมีคนถาม..

ก็ไม่รู้ว่ามันจะยอมไหมนะ
“ตลกละ” มันยื่นมือมาจิ้มหน้าผากผมเบาๆ

“จริงๆ นะ” ผมยังไม่เอามือลงและทำหน้าจริงจังขึ้นอีกนิด
มันหรี่ตามองหน้าผมด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ มุมปากยกขึ้นเหมือนจะเตรียมอ้าปากด่า แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่
หมับ!

“หึหึ ขอบคุณนะ” มันวางมือตัวเองลงมาบนมือผมก่อนจะยิ้มน่ารักๆ ให้ผมอีกทีเป็นของรางวัล

ผมได้แต่ขอบคุณที่มันยอมรับรักของผม

รักบ้าๆ บอๆ แต่มันก็ยังทนได้

คนอื่นชอบบอกผมกลัวเมีย เพราะเมียมันโหด มันก็ใช่ แต่หลายคนรู้ไหมเพราะอะไรผมถึงต้องตามใจ
เหตุผลง่ายๆ.....
ผมรักมัน....

ตัดฉับ ขอที่เพจเฟชบุค งดส่งทางเมลแล้วนะคะ


ต่อจ้า...

ตื่นเช้าลืมตาขึ้นมาตั้งใจว่าจะนอนกกกอดวิสกี้จนถึงเวลาอาหารเช้าแต่เปล่าเลยครับ เพราะทันทีที่ตื่นขึ้นมาแล้วมันเจอหน้าผม แรงมหาศาลก็สถิตเข้าร่างวิสกี้มั้งครับ มันถีบจนผมตกเตียงดัง โครม! ดีที่กระดูกซี่โครงไม่หัก

พอเงยหน้ามองวิสกี้ที่ถมึงทึงก็รู้เลยว่าโกรธที่ผมคง ‘มันส์’ มากไปหน่อย เมื่อคืนเลยจัดหนักถึงตีสี่กว่า เรียกว่าฟ้าเหลืองกันเลยทีเดียว

ยิ่งตอนที่วิสกี้มันจะลุกไปเข้าห้องน้ำแล้วร่างดันทรุดลงข้างเตียงเพราะขาไม่มีแรง สายตามันนี่แทบจะสับร่างผมให้แหลกหมื่นชิ้น หมื่นๆ ชิ้น

“น้องเป็นอะไรน่ะริว ถึงเดินแบบนั้น”

ทันทีที่ก้าวเข้าห้องอาหาร แม่ผมก็ทักเรื่องท่าเดินของวิสกี้เป็นอันดับแรก และนั่นก็ทำให้วิสกี้มันหันมามองผมด้วยหางตาก่อนจะหันไปยิ้มแห้งๆ ให้พ่อกับแม่ของผม

“เอ่อออออ” ก็นะ จะให้ตอบว่าไงล่ะครับในเมื่อมันเป็นเรื่องในห้องหอไม่ควรเอามาพูดในที่แจ้งแบบนี้

“หึหึ เจอหนักล่ะสิ” พ่อผมพูดขึ้นลอยๆ แต่รู้เลยว่าตั้งใจกระทบผมกับวิสกี้ทั้งคู่นั่นแหละ

“ครับ?” วิสกี้นี่หน้าเหวอเรียบร้อย

“พ่อๆ กินข้าวๆ” ผมเดินเข้าไปห้ามทัพกลางวงข้าว ก่อนที่มันจะติดเรทไปมากกว่านี้

“ริวนี่ใช้ไม่ได้ ใช้งานลูกคนอื่นหนักขนาดนี้ได้ยังไง” แม่ผมยังไม่จบ

แม่แซว พ่อหัวเราะ…

สนุกสนานครับบ้านนี้

“โธ่ แม่ครับพูดอะไรเนี่ย” ผมแกล้งโอดครวญ แต่ผมแกหัวเราะอย่างชอบใจไปแล้ว

ชอบจังแซวลูกตัวเองเนี่ย

“ไม่แกล้งแล้วๆ ดูวิสกี้สิจะร้องไห้แล้ว” ผมหันไปมองคนข้างตัวตามที่แม่บอก เห็นมันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้จริงๆ แต่พอมันหันมาทางผมเท่านั้นแหละ
มึง ตาย แน่!

ผมอ่านปากของมันแล้วจับใจความได้ว่าอย่างนี้
ผมว่านะแม่ ลูกสะใภ้แม่ไม่ร้องไห้ง่ายๆ หรอก แต่เป็นลูกชายแม่มากกว่ามั้งที่จะร้องไห้

เพราะเมียกะเอาตาย...

โชคร้ายจริงริว....

 
                ผมควานหาคนข้างๆ ตัวอย่างเคยชินเมื่อรู้สึกว่าอ้อมกอดที่เคยมีใครสักคนซบนอนตอนนี้มันว่างเปล่า
                พรึ่บ

                แต่เพราะความว่างเปล่าของเตียงอีกฝั่งทำให้ผมเบิกตาโพลงอย่างตกใจก่อนจะร้องเรียกหาเสียงดัง

                “วิสกี้ วิสกี้!”

                ผมเด้งตัวนั่งนิ่งอยู่บนที่นอน พยายามปรับสายตาให้ชินกับความมืดภายในห้องตัวเอง มองไปทางห้องน้ำก็พบแต่ความมืดแสดงว่าไม่อยู่ หรือว่าวิสกี้จะออกไปทำงานข้างนอกห้อง แต่ผมว่าไม่น่าจะใช่นะครับ เพราะก่อนนอนวิสกี้บอกเองว่างานเสร็จหมดแล้ว

                ถ้าอย่างนั้น...วิสกี้ไปไหน

                ผมลุกขึ้นจากที่นอนอย่างไว พุ่งตัวจะไปเปิดไฟอันดับแรกครับ พอสว่างเดี๋ยวสติก็มาผมคิดงั้นนะ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเอื้อมมือไปกดที่สวิตซ์ หางตาผมก็เหลือบไปเห็นใครบางคนยืนอยู่ตรงระเบียง

                คนที่ผมกำลังร้อนใจที่มาหายไปจากที่นอน

                ผมเลือกที่จะดึงมือออกมาปล่อยให้ความมืดปกคลุมห้องนอนเหมือนเดิม ผมยืนมองคนอีกฝั่งประตูนิ่งๆ ประตูที่ปิดสนิทตอบคำถามของผมได้ดีครับว่าทำไมวิสกี้ถึงไม่ได้ยินที่ผมเรียก แถมม่านที่วิสกี้บอกว่าให้เลื่อนมาปิดไว้ครึ่งหนึ่งของประตูกระจกเพราะไม่ชอบเวลาที่ตอนเช้าแล้วแสงมันแยงตา นี่ก็เป็นอีกเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่เห็นวิสกี้ยืนอยู่ที่ระเบียงตั้งแต่ตอนแรก

                เกือบโวยวายแล้วไหมล่ะไอ้ริว

                ครืดดดด

                “อ้าวตื่นทำไม” ผมเปิดประตูออกไปหาร่างนุ่มนิ่มที่ผมคิดถึง ก่อนที่มันจะประหลาดใจที่เห็นผมตื่นเวลานี้

                “ก็หาไม่เจอ ไม่ได้นอนกอดแล้วนอนไม่หลับ” ผมเข้าไปกอดเอวจากด้านหลังแล้วพูดอ้อนๆ

                มันส่งเสียง ‘หึ’ ในลำคอเบาๆ แต่ผมอยู่ใกล้เลยได้ยิน

                “แล้วออกมายืนตากลมทำไมครับ เดี๋ยวน้ำค้างกินหัวก็ไม่สบายเอาหรอก”

ผมบอก ขนาดผมออกมาไม่ถึงห้านาทียังรู้สึกเย็นๆ เลย แล้วนี่ไม่รู้ว่าวิสกี้ออกมานานหรือยัง

“พอดีนอนไม่หลับ เลยออกมาคิดอะไรเรื่อยเปื่อย” มันตอบผมแต่ยังเงยหน้ามองฟ้ามองดาวของมันไปเรื่อย

ผมมองตามไปยังพระจันทร์ดวงโตที่รายล้อมไปด้วยดาวจุดเล็กๆ วันนี้เป็นวันข้างขึ้นเลยทำให้ท้องฟ้าปลอดโปร่งสดใสกว่าวันเดือนมืด

“ทำไมนอนไม่หลับ เป็นอะไรครับ” ผมวางคางเกยไว้บนไหล่ กอดเอววิสกี้ไว้หลวมๆ ส่ายไปมาเบาๆ ตามบรรยากาศรอบตัว

“แค่คิดถึงเรื่องตัวเอง ตลกดี” มันพูดและหลุดขำ
“ตลกยังไง”
ผมถามเพราะอยากรู้ แต่กลับทำให้วิสกี้พลิกตัวหันหน้ามาทางผม แต่ผมยังเนียนกอดไม่ปล่อยนะครับ ยิ่งเห็นวิสกี้ไม่ว่าก็ยิ่งไม่ปล่อยครับ ของชอบผมนี่

“จู่ๆ ก็มาได้กันกับมึง” มันพูดเหมือนไม่อายแต่จริงๆ แล้วอายนะครับ เพราะว่ามันไม่กล้ามองตาผมนะครับแสร้งทำเป็นมองไปทางอื่น

แต่ผมกลับมองว่าน่ารักนะ

“หึหึ เขาเรียกพรหมลิขิต” ผมเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ก่อนจะพูดเสียงเบา

“ลิขิตได้แย่มาก” มันเถียงทันควัน แต่ทำผมหน้ามุ่ย

จะบอกว่ากูไม่ดีงั้นสิ...เชอะ!

ได้แต่งอนในใจครับเพราะถ้าผมเกิดงอนมันจริงๆ สุดท้ายผมก็ต้องง้อตัวเองอยู่ดีที่งอนไร้สาระ

“เนี่ยดีสุดๆ แล้ว” ผมบอกมันเบ้ปากใส่เหมือนไม่เชื่อ

“จะอ้วก” พูดไม่พอทำท่าโก่งคอซะเหมือนจริงเลยนะ

“อ้าวๆ จะหาใครบนโลกที่รักวิสกี้เท่าพี่ริวคนนี้ไม่มีหรอกครับ”

นี่ไม่ได้ยอนะครับพูดเลย

“ฮ่าๆ....ตลกละ” มันขำใหญ่แต่แอบเห็นว่าหน้าแดง

นี่ก็เป็นความน่ารักอีกอย่างของวิสกี้เขานะครับ ชอบพูดเหมือนเหวี่ยงไม่พอใจ บางทีก็เงียบกลบเกลื่อนแต่แก้มที่แดงขึ้นกับหูที่แดงขึ้น มันบ่งบอกได้ดีกว่าเยอะครับว่าวิสกี้เขินขนาดไหน

“วิสกี้” ผมเรียกอีกคนเสียงจริงจัง จู่ๆ ก็อยากคุยแบบจริงจังบ้างไม่ค่อยมีโอกาสเลย

                “หืม” มันหันหน้ามามองเหมือนรอว่าผมจะพูดอะไร

                “ต่อจากนี้ไปพี่จะรักแค่วิสกี้คนเดียวพี่สัญญา”

เพราะอะไรไม่รู้ครับทำให้ผมพูดประโยคนี้ออกมา เป็นประโยคที่อยู่ลึกๆ ในจิตใจของผม ก่อนหน้านี้ก็เคยพูดหลายครั้งแต่ทุกครั้งมันดูเล่นมากกว่าจริงจังไม่เหมือนครั้งนี้

“โหมดไหนเนี่ย”

ถามเหวี่ยงกลบเกลื่อนอาการเขิน ผมบอกแล้วว่าวิสกี้น่ารักถึงจะดูเหมือนพูดจาไม่เพราะก็เถอะ

“โหมดผู้ชายอบอุ่น”

“อุ่นตายแหละ” มันเคาะหน้าผากผมเบาๆ

“พี่จริงจังนะ พี่ไม่อยากให้วิสกี้คิดว่าพี่เล่นๆ อย่างเดียว” ผมหุบยิ้มลงแล้วกลับมาพูดด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง จริงจังเช่นเดิม

                “อืม” มันตอบรับเสียงเบาแล้วหันหน้าหนี

                หมับ

                “อื้อ”

                มันร้องเมื่อผมรัดตัวมันให้ชิดผมมากกว่าเดิม แขนวิสกี้ค้ำกับราวระเบียงด้านหลังเอาไว้ มันแอ่นตัวไปด้านหลังนิดหน่อยเพื่อไม่ให้หน้าใกล้กับผมมากเกินไป

                “รักพี่แค่ไหนบอกหน่อย”

                ผมไม่ถามหรอกครับว่ารักพี่ไหม เคยถามไปครั้งหนึ่งคอนโดแทบแตกบอกว่าผมอ่ะโง่ ถามมาได้ว่ารักไหม เพราะฉะนั้นคราวนี้ต้องระมัดระวังนิดหนึ่ง

                “มึงรักกูแค่ไหนล่ะ” ไม่ตอบแต่ย้อนถามผม

                ผมทำสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเห็นสิ่งนั้นพอดี

                “เท่าดวงดาวบนท้องฟ้า แต่เอาจริงๆ พี่ว่ามันก็ยังดูน้อยไปอยู่ดี” ผมตอบพร้อมยิ้มกว้างชอบใจกับคำตอบตัวเอง
                และชอบกับท่าทางน่ารักๆ ของวิสกี้

                “เว่อร์” มันด่ากลับ

                ฮ่าๆๆๆๆ
“พูดเรื่องจริง...อ้าวถึงตาเราแล้วบอกพี่หน่อยรักเท่าไหร่”

มันมองผมด้วยหางตาแต่แอบยิ้มมุมปาก น่ารักจนใจผมสั่นเลยครับ และรอไม่นานมันก็เขย่งเท้าขึ้นกระซิบที่ข้างหูผม

“……………………………”

!!!!!!!

มันพูดจบก็เดินเข้าห้องไปทันที โดยปล่อยให้ผมยินนิ่งเป็นก้อนหินอยู่ตรงนั้นอย่างไม่คิดจะสนใจ

ผมหันกลับไปมองวิสกี้ที่กระโดดขึ้นเตียงแล้วเอาผ้าห่มคลุมโปงผ่านประตูกระจกใสก่อนจะยิ้ม...

ยิ้ม....
และเงยหน้าหัวเราะ

“ฮ่าๆๆๆๆ วู้ว มีความสุขโว้ยยยย อิจฉาล่ะสิ เหอะ สม!”

ผมตะโกนลั่นไม่สนว่าตอนนี้ใกล้จะเช้าเต็มที แล้วก็ไม่กลัวว่าใครจะปารองเท้ามาใส่หัวเขา เงยหน้าขึ้นพูดกับพระจันทร์ดวงโตเหมือนคนเสียสติก่อนจะรีบเดินตามวิสกี้เข้าห้องไป

คืนนี้และคืนต่อไปผมต้องหลับสนิทและสุขใจแน่นอน
 
‘รักมากกว่ามึงหนึ่งดวงดาวไง’
 
ก็แค่ประโยคนี้แหละ

                แค่ประโยคธรรมด๊า ไม่ได้พิเศษอะไร ก็ไม่ได้ดีใจอะไรมากครับ
 
‘รักมากกว่ามึงหนึ่งดวงดาวไง’
               
                ไม่ได้ดีใจจริงๆ นะครับ
                คิคิคิคิคิคิคิ




นักเขียนขอเมาท์

ตอนหน้าจบแว้ววววว

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
คู่นี้ตอนนี้ไม่ค่อยรุนแรงเลยแฮะ #แอบชอบSM  :hao7:

ออฟไลน์ tomybsl

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
หวานจริงนะ น้ำตาลท่วมจอล่ะ :hao7:

ออฟไลน์ sukaz

  • I Will Love You Unconditionally
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
หวานเกิ๊นนนนนนนนนนนนน :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
แหมๆ นานวิสกี้จะหวานให้พี่ริว เล่นเอาใจสั่นเลย

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
5555555555555555555555555555555555555555555555

nightsza

  • บุคคลทั่วไป
บทจะหวานกันนะ น้ำตาลยังเรียกพี่เล้ยยย รักกันนานๆน๊าาา

ออฟไลน์ aoaer

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ขอเกลือด่วนค๊า   หวานกันจริงๆ 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






หมูกระต่าย

  • บุคคลทั่วไป
เสียดายอ่ะ

tuktik_narak

  • บุคคลทั่วไป


 

 

 

ตอนที่ 40 [END]
 
 


เหนือ

                การเดินทางไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่แต่ยังไงก็ต้องมีวันสิ้นสุดเสมอ รวมถึงตัวผมเองก็เช่นเดียวกัน แม้ว่าจุดเริ่มต้นจะมีอุปสรรคให้ผมได้ฟันฝ่ามากไปสักหน่อย แต่สิ่งเหล่านั้นก็ทำให้ผมได้รู้ว่าของทุกอย่างบนโลกกว่าจะได้มาไม่ใช่เรื่องง่าย

                ใช่ครับ...มันไม่ง่ายเลย

                แต่เคยได้ยินไหมครับคำว่า ‘หลังมรสุมท้องฟ้ามักจะสดใสเสมอ’

            ตอนนี้ผมมีความสุขทุกวัน หัวเราะทุกวัน เศร้าบ้าง ร้องไห้บ้าง แต่สักพักก็หายครับ ชีวิตผมมีหลายรสชาติมากขึ้นและนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีค่าเมื่อได้รักใครสักคนอย่างจริงจัง

                “เหม่ออะไรมึง” ผมหันไปมองคนถามเจอวิสกี้เดินแบกอุปกรณ์ร่างแบบของมันมาเต็มสองมือ สีหน้ามันดูงงนิดหน่อยครับที่เห็นผมนั่งเท้าคางแต่ตาลอยเหม่อออกไปไกลแสนไกล สู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น

                “เปล่า แค่คิดอะไรเล่นๆ ว่าแต่มาทำอะไร” ผมถามเมื่อเห็นมันนั่งลงตรงข้ามอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อย

                “มารอพี่มุธ มันบอกให้กูกลับบ้านพร้อมมันวันนี้” มันตอบเสียงเหนื่อย พลางขยับกระดูกคอไปซ้ายทีขวาทีจนได้ยินเสียงกระดูกลั่นดังมาถึงหูผม

                “อืม” ผมพยักหน้าเป็นอันว่าเข้าใจในสิ่งที่มันบอก

                “กลับพร้อมกูไหมล่ะ เห็นแม่มึงเขาบอกว่าวันนี้ให้มึงกลับบ้านเหมือนกัน” มันถามขึ้นต่อ

                “ไม่อ่ะ เดี๋ยวกูไปพร้อมพี่เขียน” ผมตอบมันกลับไป วิสกี้ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อได้แต่ส่งยิ้มล้อเลียนมาให้ผม

                จะตอนไหนๆ มึงก็ดูกวนส้นตีนตลอดเวลาจริงๆ

                “แล้วพี่ริวไปไหมวันนี้ รวมญาติทั้งทีนี่เนอะ” ผมถามขำๆ

                จริงๆ ไม่ใช่วันรวมญาติหรอกครับ ก็คงเป็นการเรียกลูกกลับบ้านไปกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาแค่นั้นแหละ ยิ่งตอนนี้ทั้งผมทั้งวิสกี้แทบจะไม่ได้กลับไปที่บ้านเลยด้วยซ้ำ

                “ไม่รู้มัน มันบอกว่างานเยอะถ้าเสร็จทันเดี๋ยวจะตามไปทีหลัง” มันตอบแต่เห็นนะว่าสายตามันดูอาฆาตยังไงพิกล

                ฮาๆๆๆ

                คงอยากจะให้พี่ริวไปพร้อมตัวเองแต่แบบคนเรามันปากแข็งไงไม่เคยจะอ้อนหรือพูดดีๆ พอมาตอนนี้ก็ได้แต่นั่งกัดฟันกรอด

                “ว่าไงจ๊ะสาวๆ”

ไม่ต้องหันไปมองให้เมื่อยตุ้ม แค่ได้ยินเสียงและสำเนียงที่คุ้นเคยก็รู้แล้วครับว่าใคร
ไอ้ห่าแพะ!

“สาวพ่อง!!” นี่ไงเจอวิสกี้จัดไปหนึ่งดอก

“อ้าวก็กูเห็นพวกมึงโตจนมีผัวกันหมดแล้วก็ต้องกลายเป็นสาวดิ ไม่เด็กแล้วแบบนี้อ่ะแม่กูบอกมา”

กวนส้นตีน!!!!

และไม่ต้องรอให้พูดอะไร ผมกับวิสกี้เรามองตาก็รู้ใจจัดเน้นๆ กลางกบาลมันอย่างตรงเป้า แม่นยำเหมือนจับวาง

เพี๊ยะ!!
“โอย กูเจ็บ!” มันกุมหัวร้องโอดโอย

ส่วนพวกผมนั่งขำ
“ว่าแต่มึงเลิกเรียนแล้วพี่กูอ่ะอยู่ไหน” วิสกี้มันถามถึงพี่มุธทันที

“ไม่ได้เรียนวิชาของพี่มึง แต่เห็นว่าเลิกหกโมงเย็นมั้ง” ไอ้แพะมันตอบกลับมา

หกโมง! คุณพระคุณเจ้า

“เอา! แล้วมันให้กูมารอทำไมตั้งสองชั่วโมงวะเนี่ย” ผมว่าแล้วว่าวิสกี้มันต้องหัวเสีย แน่ล่ะครับถ้าโดนให้มานั่งรอตั้งแต่สี่โมงเหมือนมันเป็นผม ผมก็หงุดหงิดเป็นธรรมดา

แล้วไอ้มหา’ลัยเนี่ยก็ไม่ได้เย็นเหมือนอยู่เกาหลีนะจะบอกให้

“อ้าวมึงมารอพี่มึงเหรอ ใจเย็นเดี๋ยวก็มา ฮ่าๆๆ” คำพูดมันเหมือนจะปลอบแต่ไม่ใช่ครับ อย่าหาความดีจากตัวไอ้แพะเลยครับ มันไม่เคยมี ฟังผมพูดอีกครั้งนะครับ

มัน ไม่ เคย มี !!!!

“พ่อง” มอบปลาทองให้ไอ้แพะเบาๆ ไปอีกตัว ไอ้ห่านี่ก็ชอบใจแหย่วิสกี้อยู่ได้ทุกวัน

จะว่าไปช่วงนี้ไอ้แพะมันอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะครับ เห็นว่าอยู่ในโหมดอินเลิฟ ผมล่ะสงสารน้องคนนั้นสุดติ่ง อยากจะประจานความเลวของไอ้แพะให้โลกรู้เผื่อน้องจะตาสว่างขึ้นมาบ้าง แต่ก็นะคำว่าเพื่อนมันค้ำคอผมอยู่ผมทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ

ฮาๆๆๆ

ไม่ใช่หรอกครับ ผมหยอกๆ รักดอกจึงหยอกเล่น ให้ไอ้แพะมันได้มีความสุขกับคนอื่นเขาบ้างเถอะครับ กว่ามันจะมาถึงวันนี้ได้ผมรู้ว่าข้างในจิตใจของมันไม่เคยมีความสุขเหมือนที่ใบหน้ามันแสดงออกมาเลย

ถึงแม้มันจะดูติ๊งต๊องและบ้าบอในสายตาคนอื่น แต่พวกผมรู้ดีว่านิสัยแท้จริงภายใต้หน้ากากตลกโปกฮาของมันนั้นซ่อนความเจ็บปวดไว้มากแค่ไหน

เพียงแต่มันไม่แสดงออกมาก็เท่านั้นเอง

ตอนนี้แม้ว่ามันจะยังไม่พามาเจอพวกผมแบบจริงจัง แต่พวกผมก็รู้ดีครับว่าไอ้แพะมันก้าวหน้าไปไกลมากแล้ว ในเมื่อมันไม่บอกพวกผมก็ไม่ถามครับ แค่รับรู้ว่าตอนนี้มันมีความสุขพวกผมก็ดีใจกับมันด้วย

“ไปก่อนนะพอดีมีนัดแวะมาทักเฉยๆ เห็นนั่งเปลี่ยวกันอยู่สองคน”

มันพูดลอยหน้าลอยตาแต่ผมแอบเห็นนะเมื่อสักครู่นี้มันแอบเปิดข้อความไลน์ของใครสักคนที่ชื่อ ‘น้ำแข็ง’ อมยิ้มน้อยๆ และก็มาพูดกวนตีนพวกผมก่อนไปอย่างที่ได้เห็นกันนั่นแหละครับ

“ไอ้ห่านี่กวนตีนเหี้ยๆ ถ้าไม่เห็นเป็นเพื่อนนี่กูอยากจะเอารองเท้ายัดปากมันซะที”

อินเนอร์เขาแรงอยู่ครับตอนนี้ น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง โมโหผัวอยู่ระบายกับใครไม่ได้เพราะฉะนั้น ‘เพื่อน’ คือสิ่งมีชีวิตที่สำคัญที่สุดสำหรับวิสกี้ตอนนี้ครับ ฮาๆๆๆ

 

 
วันนี้พวกผมมีนัดกันที่ผับยี่สิบเอ็ด ชื่อร้านจำง่ายๆ ครับมากันบ่อยมากช่วงก่อนนะ พักหลังเริ่มไม่มีเวลา งานเยอะ กับมีคนชอบหวงเกินเหตุ

                วันนี้มาเลี้ยงส่งให้กับพี่ปีสี่ที่กำลังจะจบการศึกษาในปีนี้ครับ ก็มี พี่ทาย พี่เขียน พี่ริว พี่เช แล้วก็พี่ปาน ส่วนใครที่เรียนสถาปัตย์ก็เรียนต่อไปนะพี่ผมเอาใจช่วย ฮ่าๆ แต่ได้ข่าวว่ามีพี่ซันคนเดียวนะที่ยังไม่จบน่ะ

                และแน่นอนครับมีสุราดนตรีที่ไหน ต้องมีนารีเต้นโคโยตี้อยู่ที่นั่น ผมมองจนเพลินตา สายตาสอดส่องอย่างละเอียด มือยกแก้วเหล้ากระดกเข้าปากอย่างลืมเมา สมองกำลังวิเคราะห์สัดส่วนของแต่ละนารีอย่างพิถีพิถัน เรื่องแบบนี้ห้ามพลาดสักนิ้วเดียวครับ

                โป๊ก!

                “โอย เจ็บ!” ผมร้องและหันมามองต้นเหตุของการเจ็บตัวของผมอย่างไว กล้าเขกหัวผมแรงๆ แบบนี้มีคนเดียวนั่นแหละครับ

                ไอ้พี่เขียน!
                “มองเข้าไป เดี๋ยวมึงโดน” มันชี้หน้าคาดโทษผม แต่ถามว่ากลัวไหม...

                กลัวครับ พูดเลย

                โถ่ คุณๆ ครับ การโดนมันทำโทษเนี่ยร้ายแรงกว่ายกพวกไปตีคนอื่นแล้วต้องนอนโรงพยาบาลซะอีก

                เจ็บ

                ร้าว

                นอนซม

                ลุกไม่ไหว....

                เหมือนเป็นไข้แต่จริงๆ แล้วเจ็บสะโพก....

                อาการเหล่านี้ผมเป็นแทบทุกครั้งที่มันคาดโทษเวลามันเริ่มโมโห เพราะฉะนั้นทางที่ดีผมต้องรีบอ้อน

                “ก็แค่มองน่า ไม่ได้จะเอากลับบ้านซะหน่อย” แอบกระแซะเข้าไปใกล้มันมากขึ้นจนตอนนี้แทบจะนั่งเกยตักกันอยู่แล้วครับ แต่อย่าแคร์เอาชีวิตรอดจากคืนนี้ไปก่อนจะดีที่สุด

                “หึหึ ก็มึงลองเอากลับดู” มันจิ้มหน้าผากจนหน้าผมหงายไปด้านหลัง ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด

                จึก! ขัดใจอ้อนไม่ได้ผล

                “โกรธเหรอ โกรธอะไรกูอ่ะ” ผมเยี่ยมหน้าไปใกล้มันกว่าเดิมจนตอนนี้ปลายจมูกเราสองคนสัมผัสเสียดสีไปมา

                ขนลุกครับ

                ฮาๆๆ แต่ต้องอดทนเพื่อชีวิตที่ดีกว่า

                “หืม กูยังไม่ได้บอกสักคำว่าโกรธ กูแค่หมั่นไส้” มันตอบแต่ยกยิ้มมุมปากให้ผมได้ชื่นใจหน่อยว่าอย่างน้อยมันก็ไม่ได้โกรธ

                ไม่รู้เพราะเสียงเพลง บรรยากาศ ฤทธิ์เหล้าหรือสายตาหื่นกามของพี่เขียนกันแน่นะครับที่ทำให้ผมเหมือนมองภาพตรงหน้าเบลอๆ ผมยิ้มเมื่อเห็นพี่เขียนยิ้มมาให้ แต่ผมรู้สึกร้อนและมองเห็นไม่ชัดจนต้องสะบัดหัวไล่อาการเหล่านั้นออกไปแรงๆ

                “เดี๋ยวหัวหลุด” พี่เขียนมันจับหน้าผมให้ตั้งตรงมองหน้ามันอีกครั้งเมื่อเห็นว่าผมสะบัดหัวแรงไป

                เสียงดนตรียังดังแบบต่อเนื่อง จังหวะสนุกๆ ทำให้ทุกคนนั่งไม่ติดที่ แต่ไม่ใช่กับผมและพี่เขียน

                ตอนนี้ทั้งโต๊ะเหลือแค่เราสองคน ส่วนคนอื่นๆ คงไปสนุกกันหมดแล้ว

                “มึงจำตอนที่มึงเจอกูครั้งแรกได้ไหม”

                จู่ๆ พี่เขียนก็ถามขึ้นโดยที่มือใหญ่ๆ ทั้งสองข้างยังประคองหน้าผมไว้แน่น

                หงึกๆ

                “จำได้” ผมตอบทั้งเสียงและการพยักหน้าเพื่อยืนยันว่าจำได้จริง

                ใครจำไม่ได้ก็แปลกแล้วครับ เหตุการณ์ตอนผมเจอพี่เขียนครั้งแรกนี่น่าประทับใจน้อยเสียเมื่อไหร่กัน

                “มึงเจอกูที่นี่มึงจำได้หรือเปล่า” มันยังถามต่อเนื่อง

                อ่า

                ใช่สินะที่ผับนี้เลยครับที่เป็นสถานที่แรกที่ผมเจอพี่เขียนอัศวินที่ขี่ม้าขาวมาช่วยผมในตอนแรกก่อนจะตกม้าตายตอนสุดท้ายที่มันมาหาว่าผมสวยเหมือนผู้หญิง

                นึกๆ ก็โมโหนะครับ ตอนนั้นผมเกลียดมันมาก ผมเกลียดทุกคนที่มาหาว่าผมสวย แต่ตอนนี้กลับตาลปัตรนอกจากจะไม่เกลียดแล้วยังรักแบบโงหัวไม่ขึ้นอีกต่างหาก

                “ทำไม” ผมถามกลับ มันยิ้มๆ

                “ตอบก่อน”

                “อื้ม จำได้” ผมพูดจบมันก็ก้มลงมาจุ๊บปากผมเบาๆ ทีหนึ่ง

                ผมไม่ได้หลบหลีกเพราะโดนมันล็อคหน้าขนาดนี้จะหนีก็คงจะทำไม่ได้ แต่แล้วจู่ๆ มันก็ยกตัวผมลอยและจับให้มานั่งคร่อมตักมันโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว

                “อะ ทำอะไรเนี่ย” ผมร้องเสียงหลง มือผมเกี่ยวคอมันทันทีเพราะกลัวร่วงจากหน้าตัก ผมทำท่าจะลุกออกแต่ก็ช้ากว่ามันที่เอื้อมมือมากดให้ผมนั่งทับลงไปแบบเดิม

                “ไม่ทำอะไรหรอก นั่งแบบนี้แหละ” มันบอกก่อนจะเอนหลังไปพิงพนักเก้าอี้โซฟาตัวใหญ่ ทำให้ผมต้องเคลื่อนตัวไปตามมันแล้วก็คงเข้าทางเพราะยิ่งเอนไปเท่าไหร่หน้าผมก็ยิ่งอยู่ใกล้มันเท่านั้น
                จุ๊บ

                โดนอีกจูบของวันนี้

                “ว่าแต่มึงถามเรื่องนั้นทำไม” ผมย้อนกลับไปถามเรื่องเดิมอย่างนึกขึ้นได้ มันค้างใจอ่ะครับจู่ๆ ก็มาถามถึงวันที่เจอกันครั้งแรก เพราะจะบอกว่าแค่พูดถึงเฉยๆ ก็คงจะไม่ใช่นิสัยของพี่เขียน

                “ก็...ไม่มีอะไร” ปฏิเสธแต่ยิ้มเจ้าเล่ห์แบบนี้แสดงว่ามีครับ

                จุ๊บ

                “บอกหน่อยน้า” ผมทำใจกล้ายื่นหน้าเข้าไปจูบปลายคางที่ไร้หนวดเคราของมันอย่างออดอ้อน

                ผมยกมือขึ้นสอดในกลุ่มผมนุ่มของมันอย่างชอบใจเมื่อสองเดือนก่อนพี่เขียนไปตัดผมสั้นมาเพราะต้องถ่ายรูปติดบัตร แต่ตอนนี้เริ่มยาวและฟูเนื่องจากการเซ็ตทรงของพี่เขียนแต่เอาจริงๆ ไม่ว่าจะทรงไหนผมก็ชอบอยู่ดี

                อย่าหัวโล้นก็พอครับ นอกนั้นผมรับได้

                “หึหึ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก จะอยากรู้ไปทำไม” ดูครับเห็นอ้อนหน่อยแล้วทำเป็นเล่นตัว เกลียดจริงๆ คนถือชอบถือไพ่เหนือกว่าเนี่ย
                จุ๊บ!

                “บอกได้ยัง” ผมจูบอีกที ครั้งนี้เน้นตรงปากขอมันไม่ใช่ตรงปลายคางเหมือนครั้งแรก

                “ลงทุนจริงๆ ไม่อายคนอื่นเขามองมาเหรอ” มันถามทั้งที่ตัวเองก็กอดเอวผมอยู่นะครับ แต่เอาจริงๆ ผมก็แอบมองรอบข้างไม่ได้

                กลุ่มคนขนาดใหญ่ที่เต้นกันกลางเวทีไม่มีใครสนใจพวกผมหรอกครับ จะมีก็แต่คนที่เดินผ่านไปผ่านมาที่มอง บ้างก็ยิ้มแล้วสะกิดคนข้างๆ ให้หันมาดู บ้างก็ทำหน้าตาตกใจเหมือนไม่เคยเห็นผู้ชายนั่งตัก จูบปากกัน แต่บางคนก็มองแล้วเดินผ่านไปเหมือนเป็นเรื่องปกติก็มีครับ

                “มึงอายเหรอ” หันหน้ากลับมาจ้องพี่เขียนอีกครั้งก่อนจะเอ่ยถามมัน

                “กูน่ะเหรออาย พูดผิดแล้ว” มันเหมือนจะขำกับคำถามของผมอยู่พอสมควร

                “กูก็ไม่อาย” ผมตอบตามความจริง

                เอาดีๆ อายไหม ไม่หรอกครับ บางคู่นี่แทบจะถอดเสื้อผ้าเอากันอยู่ละ แค่นั่งจูบกันแบบผมไม่อายหรอก และถ้าจะบอกว่าเป็นชายกับชาย แล้วยังไงผมรักกับมันแล้วทำให้หุ้นบริษัทพ่อพวกเขาตกลงหรือเปล่า ก็ไม่นี่ครับ แต่เขินไหมอันนี้พูดเลยว่าเขินเหมือนกันเวลาที่มีคนมาจ้องเยอะๆ

                “กูรักมึง” จู่ๆ พี่เขียนก็พูดใส่หน้าผมที่อยู่ห่างไม่ถึงสองเซนติเมตร

                “ห๊ะ...” ผมตกใจโดนบอกรักแบบไม่ทันตั้งหลักอีกแล้ว

                มันยิ้มให้ผมก่อนจะยกมือขึ้นเกลี่ยเส้นผมให้เสยไปด้านหลัง เรานั่งจ้องตากันอยู่นานมากจนสุดท้ายก็เป็นมันที่พูดขึ้นมาก่อน

                “มึงเจอกูที่นี่ครั้งแรก...แต่มึงรู้อะไรไหม?” มันถามขึ้นหลังจากจบประโยคบอกเล่า ผมก็ทำหน้างงสิครับ

                “รู้อะไร” ผมถามอย่างไว บางทีก็ขัดใจนะครับที่พี่เขียนมันพูดน้อย พูดช้าเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วงแบบนี้ จะสถานการณ์ไหนก็ไม่เคยสปีดคำพูดตัวเองให้เร็วเลยสินะ

                “รู้ว่ากู...ไม่ได้เจอมึงที่นี่เป็นครั้งแรกไง” มันตอบแต่ผมอ้าปากค้าง สมองที่มีแอลกอฮอล์มาหล่อเลี้ยงเริ่มทำให้ระบบการคิดของผมรวนและสับสน ต้องตั้งสติดีๆ ก่อนถึงจะเข้าใจ

                “หมายความว่าไง” ผมถามออกไปทั้งๆ ที่น่าจะเดาคำตอบได้

                “ตั้งแต่มึงปีหนึ่ง” มันพูดออกมาอีกประโยค

                แต่ทำผมขมวดคิ้ว

                เดี๋ยวนะขอตั้งสติแปบ ตั้งแต่ผมปีหนึ่ง ไม่ได้เจอผมที่นี่ครั้งแรก

                ตั้งแต่ผมปีหนึ่ง ไม่ได้เจอผมที่นี่ครั้งแรก

                ตั้งแต่ผมปีหนึ่ง ไม่ได้เจอผมที่นี่ครั้งแรก

                ตั้งแต่ผมปีหนึ่ง ไม่ได้เจอผมที่นี่ครั้งแรก

                ตั้งแต่ผมปีหนึ่ง ไม่ได้เจอผ.....

                “ห๊ะ!! อย่าบอกนะว่ามึงแอบมองกูมาตั้งแต่ปีหนึ่งอ่ะ” ตกใจสิครับ เฮ้ยเรื่องนี้ไม่ใช่เล่นๆ     

 ก่อนหน้านี้ผมเคยถามมันหลายรอบแล้วว่ารักผมตอนไหน ในใจก็เคยสงสัยเหมือนกันแหละครับว่าพี่เขียนมันน่าจะเคยเจอผมก่อนหรือเปล่า แต่ถามไปทีไรคำตอบที่ได้รับก็คือเงียบ แต่จู่ๆ ก็มาบอกกันแบบนี้ ตกใจนะครับ

                “จะว่าแบบนั้นก็ได้” มันว่าเสียงเรียบ

                “โหดมาก” ผมพูด มันอ้าปากขำเสียงดัง

                “กูก็คิดแบบนั้น สงสัยตัวเองว่าทนมาได้ยังไงตั้งหนึ่งปี” มันพูดทำเอาผมยิ้มล้อเลียน

                “ทนรักกูข้างเดียวตั้งปีอ่ะเหรอ” ผมถามแอบจิกสายตาใส่มันนิดหน่อย เริ่มมีความสุขครับ อาการเริ่มเก็บไม่อยู่แล้วต้องหาอะไรทำแก้เขินไง

                “เปล่า...ทนไม่จับมึงทำเมียตั้งปี ถ้ารู้ว่าเด็ดขนาดนี้กูไม่รอตั้งปีหรอก”

                เชี่ยยยย!!!!

                “ทะลึ่ง!!!” ผมตะโกนใส่หน้า

                หมดกันความโรมานซ์

                “หึหึ เหนือ” มันเรียกผม ผมก็หันไปมองนะครับแต่ไม่ได้ขานรับหรือว่าอะไร

                พี่เขียนจ้องหน้าผมก่อนจะพูดออกมาด้วยสีหน้า แววตา และน้ำเสียงที่จริงจัง

                “ในชีวิตกูเจอเรื่องราวอะไรมาเยอะแยะ ทั้งดีและไม่ดี ในอนาคตกูไม่รู้ว่าอดีตที่เลวร้ายเหล่านั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายมึงหรือเปล่า...แต่กูขออะไรมึงสักอย่างได้ไหม”

                ฟังพี่เขียนพูดก็พาลให้นึกไปถึงเรื่องของพิมคนรักเก่าพี่มัน เหตุการณ์ตอนที่เราไปเที่ยวเกาะช้างด้วยกัน แล้วนั่นถือว่าเป็นอดีตที่เลวร้ายของพี่เขียนด้วยหรือเปล่านะ

                “ขออะไร” ผมถามกลับไป

                ไม่รู้นะว่าพี่มันจะพูดอะไร แต่ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะร้องไห้

                “ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น สัญญากับกูนะว่ามึงจะไม่ปล่อยมือไปจากกูเด็ดขาด ตัวกูเองก็จะไม่ปล่อยมือมึงเหมือนกัน”

                พี่มันพูดพร้อมจับมือผมขึ้นไปจรดที่ริมฝีปากตัวเอง

                “สัญญา กูสัญญา” ผมตอบกลับแบบไม่ต้องคิด

                จริงๆ เรื่องนี้ผมเชื่อใจพี่เขียนอยู่แล้ว คบกันมาขนาดนี้ ผ่านอะไรด้วยกันมาขนาดนี้ เสียเวลาที่จะมางี่เง่าใส่กันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง

                “กูรักมึงนะเหนือ ถึงกูพูดไม่บ่อยแต่มึงรู้ใช่ไหมว่ากูรักมึงคนเดียว”

                จู่ๆ พี่เขียนก็พูดขึ้นอีกประโยคและทำผมช็อคเป็นรอบที่ร้อยของวัน

                “กูก็รักมึงพี่เขียน รักมากด้วย” ผมซบหน้าลงกับบ่าพี่เขียน กอดคอพี่มันแน่น

                ระหว่างนั้นไม่มีคำพูดใดๆ เกิดขึ้นระหว่างเราสองคน นอกจากน้ำตาของผมที่ไหลเปียกเสื้อพี่เขียนจนเป็นวงกว้าง และเหมือนพี่มันก็คงจะรู้จึงได้จับหน้าผมให้เงยขึ้นไปสบตากันอีกครั้ง

                “มันไม่สำคัญหรอกว่ากูรักมึงตั้งแต่เมื่อไหร่”

                พูดแล้วเอามือผมไปวางไว้ที่อกข้างซ้าย...

                “แต่สำคัญที่ว่าวันต่อไปกูยังรักมึงเหมือนเดิมก็พอ”

                ระเบิดไหมครับให้ทาย คนพูดน้อยไม่ค่อยโชว์หวานแต่เวลามันจะโรแมนติกนี่ทำเอาคนตายกันได้เลยนะครับเนี่ย

                “รักเหมือนกัน รักๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ผมพูดเบาๆ ที่ข้างหูมันหลังจากซบหน้าลงที่ซอกคอมันอีกครั้ง

                น้ำตาของผมมันยังไหลเรื่อยๆ นะครับแต่มันมาพร้อมกับรอยยิ้มของผมที่ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหยุด จนผมตัดสินใจที่จะซ่อนหน้าตัวเองด้วยการกอดคอมันแบบนี้นี่แหละ

                “เพราะฉะนั้น ไอ้เหนือ! มึงสมควรจะโดนทำโทษที่มองผู้หญิงพวกนั้นต่อหน้ากูหรือเปล่า”

                แค่คำถามนั้นของมันก็ทำเอาผมเบรกเอี๊ยด! ห้ามน้ำตาตัวเองแทบไม่ทัน ฟันนี่หุบเข้าปากแทบจะทันที

                “อะไรนะ” ผมถามทวนอีกครั้งเผื่อหูฝาดครับ เพิ่งผ่านช่วงเวลาหวานๆ มามันคงไม่ทำให้เสียบรรยากาศด้วยการถามประโยคพาซวยแบบนั้นหรอกมั้ง

                “กลับคอนโดกูดีกว่า”

                มันผลักผมลงจากตักตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนหยิบกระเป๋าเงินดึงแบงค์พันออกมาห้าใบแล้ววางไว้ คิดว่าน่าจะจ่ายให้คนอื่นๆ ด้วย

                “ไปไหนๆ ดะ....เดี๋ยว” ผมห้ามแทบไม่ทันเมื่อมันลากมือผมทำท่าจะเดินออกไปทางประตูร้าน

                อย่าเลยกูขอละ ประตูหลังกูยังซ่อมไม่เสร็จดีเลย T.T

                “ทำโทษ!”

                อย่าคิดว่าผมจะหนีได้นะครับ ในเมื่อมันเล่นจับซะแน่นแถมยังลากออกไปโดยไม่สนว่าคนจะเยอะและเบียดกันขนาดไหน กว่าจะออกจากดงมนุษย์ตรงนั้นได้เล่นเอาผมเกือบตายเพราะหาอากาศหายใจไม่ทัน

                “ดะ...เดี๋ยวววว” ผมร้องเสียงหลงแล้วหลงอีกเมื่อมันกดปลดล็อคประตูแล้วดันให้ผมขึ้นไปนั่งประจำที่ข้างคนขับ

                ปัง!

                มันปิดประตูใส่หน้าผมอย่างแรง จนผมสะบัดหน้าหนีตั้งใจว่าถ้ามันขึ้นมาจะด่าให้หูชา แต่ยังไม่ทันได้ทำแบบนั้นก็ต้องตกใจเมื่อเห็นของบางอย่างที่วางอยู่ตรงหน้าคอนโซลรถคันหรู

                แหวนว่ะ......

                ผมหยิบขึ้นมาดูก่อนจะสังเกตว่าพี่เขียนไม่ได้ตามขึ้นมานั่งบนรถกับผมด้วย

                ที่เคยพูดไว้ว่านิ้วมือมันว่างอยากหาอะไรมาใส่ นี่คือพี่มันให้ผมใช่หรือเปล่า

                แกร๊ก..

                ผมเปิดประตูรถลงมา ก็เห็นพี่มันยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ถัดจากผมไปแค่ช่วงเอื้อมมือถึง

                “ไม่ใช่ของมีราคาหรอก กูไขตู้มาได้ก็เลยเอามาให้”

                ผมหลุดยิ้ม...

                คิดอยู่แล้วว่าพี่เขียนจะต้องพูดแบบนี้ ในเมื่อ...มันเป็นแหวนพลาสติกจริงๆ นี่ครับ มีแต่กล่องเท่านั้นที่ดูหรูเกินความเป็นจริง

                “กูชอบนะ” ผมบอกอีก

                “แต่มึงคงใส่ไม่ได้” มันตอบกลับมา

                ผมมองของในมือตัวเองแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย แหวนวงเล็กนิดเดียวใส่นิ้วผมไม่ได้หรอกถึงนิ้วผมจะเล็กแต่ก็ยังใหญ่ไปอยู่ดีสำหรับแวนของเด็กน้อย

                พรึ่บ

                “ใส่นี่ไว้แล้วกัน” พี่เขียนถอดสร้อยที่คอตัวเองแล้วยื่นมาให้ผมตรงหน้า

                ผมเข้าใจความหมายของพี่เขียนแล้วครับ ในเมื่อใส่นิ้วไม่ได้ก็เปลี่ยนที่ใส่มันเท่านั้น

                ผมรับสร้อยเงินธรรมดานั้นมาจากมือพี่เขียน ก่อนจะหยิบแวนขึ้นมาแล้วร้อยมันเข้าไปในสร้อยเส้นนี้
                “ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ”

                ตอนนี้ผมพูดคำอื่นไม่ได้จริงๆ ครับ นอกจากคำว่าขอบคุณ

                ขอบคุณที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผม

                ขอบคุณที่รักผม

                ขอบคุณที่มาทำให้ผมรัก

                หมับ!

                “รักที่สุด....” มันกระซิบที่ข้างหูเบาๆ ทำให้ผมกระชับกอดพี่เขียนแน่นขึ้นไปอีก

                ผมและพี่เขียนก็พูดออกมาพร้อมกัน

                “จะรักมึงคนเดียวตลอดไป”

            “ตลอดไป”



The End

จบแล้วนะคะสำหรับเรื่อง OMG! หมดกัน...มันเอาผมเป็นเมีย
ใจหายเนอะจะว่าไป 11เดือนกับเรื่องนี้ แนนรักทุกตัวละคร
เหมือนว่ามีอยู่จริงๆ ถ้าไม่ได้เขียนต่อแล้วก็คงจะคิดถึงสุดๆอ่ะ
หลังจากนี้คงจะอัพเรื่องพี่แพะให้ ครบ10ตอนก็จะจบแบบถาวร
ยังไงก็ช่วยเม้นให้กำลังใจแนนในโค้งสุดท้ายนิดนึงนะคะ

รักทุกคน เจอกันใน
"โคตรเศร้า...รักเขาผมต้องทน"

ออฟไลน์ Nano PL

  • ขอร้อง
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 869
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-7
แปะ

สนุกมาก เป็นกำลังใจให้นะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2014 23:20:08 โดย Nano PL »

ออฟไลน์ IsDeer

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2519
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-8
 :mew1: ยังไง คู่นี้ก็น่ารักที่สุดแล้ว

aeaeja

  • บุคคลทั่วไป
จบแล้วววว
พี่เขียนหวานมากกกกกก เขินตัวบิดแทนเหนือละเนี่ย 55
จบแล้ว โหวงๆเหมือนกันนะคะ คงคิดถึงทุกตัวละครน่าดู
แต่จะติดตามเรื่องราวของพี่แพะกับน้องน้ำแข็งต่อไปค่ะ แล้วก็เรื่องอื่นๆด้วยนะคะ
ขอบคุณที่มีเรื่องดีๆมาให้อ่านค่ะ ^_^

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
จบแล้วจริงๆหรอเรื่องนี้

คงคิดถึงพี่เขียนแย่เลย

แต่ก็ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆจ๊ะ :pig4:

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
อยู่ดีๆเหมือนตัวละครตัวนึงหายไป ถ้าจำไม่ผิด ชื่อพรีมป่ะ ที่แอบร้ายหน่อยๆ เหมือนพูดถึงอยู่สองสามตอนแล้วหายไปเฉยๆ5555

สนุกมากค่ะ ^^

nightsza

  • บุคคลทั่วไป
พี่เขียนบทจะพูดเยอะที โรแมนติกขนาดนี้เหนือรักตายเลย รักกันนานๆน๊าาา มาลุ้นคู่พี่แพะต่อ

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8

ออฟไลน์ hibarihao

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
จบแล้วเย้  แฮปปี้กันหมดเลย เย้ๆ

ออฟไลน์ POPEA

  • Blood Type :: Y
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
    • http://writer.dek-d.com/popae/writer/view.php?id=794488

ออฟไลน์ pogpax

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
จบแล้ว สนุกมาก   :katai2-1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-06-2014 21:43:40 โดย pogpax »

ออฟไลน์ minyoung

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 417
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
สวัสดีค่ะ จากที่คุณพี่อ่านนะคะ ช่วงแรกรู้สึกว่าจะสนุกมาก พ่อแง่แม่งอนมาก

แต่ช่วงหลัง ๆ รู้สึกจะมีฉากหวานมากเกินไป แล้วปมที่สร้างก็ยังไม่ค่อยกระจ่างทั้งหมด


เช่นคู่พี่วอร์มุธ นั้นคู่ใคร ไม่มีบอก

ประเด็นพี่ทายก็ไม่ชัดเจน

ประเด็นพี่ซันกับคนใครซักคนที่ห้าง

จะมีภาคต่อหรือเปล่าหรือนำไปแต่งเป็นคู่หลักเรื่องใหม่อย่างไรแจ้งหน่อยนะ


สุดท้าย ในการอ่านเรื่องนี้ก็สนุกดี ดราม่ายังไม่เท่าไหร่ ปมปัญหายังไม่เคลียร์ ให้ถือว่านี่เป็นเหมือนคำติเพื่อก่อให้เกิดการพัฒนานะคะ อย่าคิดว่ามันเป็นการดูถูก หรือด่าว่านะคะ


เป็นกำลังใจในเรื่องใหม่ค่ะ

ออฟไลน์ phai

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 406
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
 :L1:

ชอบมากค่ะ
 o13

ออฟไลน์ wews

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-0

ออฟไลน์ Ningg.Destiny

  • `` เหนียงจื่อ ♥
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • twitter
โอ๊ย ชอบมากๆค่ะ
พี่เขียนแรกๆหื่นมาก หื่นสุดๆ
แบบจ้องจะฟัดเหนือตลอดเวลา 5555
แต่ตอนจบหวานเวอร์ ชอบฉากที่นั่งตักกันในผับนี่ละ

ส่วนพี่ริวกับวิสกี้คือเป็นคู่รองที่ชอบมาก
วิสกี้เคะราชินีมากลูกเอ๊ยย ชอบนิสัยวิสกี้มากจริงๆ
พี่ริวก็ทำตัวบ้าๆบ๊องๆโดนใจอีกกก
ยิ่งเวลาวิสกี้เขินแล้วชอบกลบเกลื่อนคือตลกดี

อีกคู่นึงพี่แพะกับน้องน้ำแข็งค่ะ
อยากรู้คู่นี้จะลงเอยยังไง คนเขียนมาต่อให้หน่อยนะ
สรุปแล้วชอบทุกตัวละครในนิยายเรื่องนี้ค่ะ

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
โอยยยยย
จบแล้วอ่ะ
เราอ่านรวดเดียวเลย
เห็นคอมเม้นท์ตัวเองตอนกลางๆเรื่อง งื้ออออออ
เสียใจที่ไม่ได้ตามเรื่อยๆ แต่เรามาตามเก็บหมดแล้วนะคะ
ขอบคุณที่เขียนให้อ่าน เรื่องนี้น่ารัก น้องเหนือเก๋จริงๆ ^^
มีหลายคู่ที่น่าสนใจ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ ^^

ออฟไลน์ Bejae

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-2
ตามอ่านอยู่วันหนึ่งรวดเดียวเลย
น่ารักทุกคู่เลยยยย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด