ตอนที่8
หมู่นี้อเล็กเซียวนเวียนอยู่ในสวนของปราสาททุกวันเพียงเพราะว่าต้องการที่จะได้พบกับเจ้าหมาป่าตัวใหญ่สีดำนั่นอีกครั้ง คืนวันนั้นเด็กหนุ่มอุตส่าห์หลอกล่อท่านพ่อจนอนุญาตให้เขาเลี้ยงหมาในปราสาทได้แล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้บอกความจริงเรื่องที่มันเป็นหมาป่ายักษ์ก็ตามที
ในใจลึกๆอเล็กเซียยังคงสงสัยในที่มาที่ไปของเจ้าหมาป่าสีดำ แต่จากการที่บังเอิญได้เจอมันถึงสองครั้งเด็กหนุ่มเข้าใจว่าเจ้าสัตว์หน้าขนตัวนี้จะไม่ทำอันตรายเขา เดาได้จากพฤติกรรมของมันจึงทำให้คลายความหวาดระแวงไปบ้าง
หลังจากได้เจอมันคืนนั้น อเล็กเซียไปยังห้องสมุดของปราสาท พยายามค้นหาเอกสารที่เล่าถึงเจ้าหมาป่าสีดำ ข้อมูลที่ได้เกี่ยวกับเจ้าหมาป่าดำตัวยักษ์นั้นมีอยู่สองประการ อย่างแรกคือเจ้าหมาป่าตัวนั้นคือพวกวูฟ อย่างที่สองอาจเป็นคนที่ถูกสาป บางทีคงเป็นพ่อมดที่คำสาปย้อนมาทำร้ายตนเองหรือจะเป็นใครซักคนที่ถูกพ่อมดสาปเพื่อเอาไว้ใช้งาน อเล็กเซียโอนเอนไปยังข้อสันนิษฐานอย่างหลัง
เหตุผลที่เชื่อเช่นนั้นเพราะเล็กเซียแค่ต้องการให้มันเป็นเช่นนั้นนะสิ เนื่องจากไม่อยากให้เจ้าหมาตัวนั้นเป็นพวกวูฟ ไม่ได้เกลียดพวกวูฟเป็นพิเศษแต่แค่ไม่อยากเข้าไปใกล้ชิด การที่เจ้าหมาป่าตัวนั้นพูดไม่ได้เขาจึงเข้าข้างตัวเองว่ามันต้องไม่ใช่พวกวูฟอย่างแน่นอน
หากว่าเป็นคนที่ถูกสาปจริงก็นับว่าน่าสงสาร การที่เจ้าหมาป่าตัวนั้นเคยเป็นคนมาก่อนทำให้ท่าทีสนิทสนมคุ้นเคยกับมนุษย์อย่างเขาดูไม่แปลกอะไร แต่ก็แอบสงสัยไม่ได้ว่ามันอาจจะเป็นนักฆ่าของมอร์โด ลาปิสที่เข้ามาหลอกล่อเขาหรือเปล่า
ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมถึงช่วยเขาเอาไว้เมื่อครั้งที่เจอหน้ากันที่ป่าดำล่ะ? นอกจากนั้นการที่มันผลุบโผล่มายังปราสาทที่เขาอาศัยอยู่ยิ่งไม่น่าแปลกขึ้นไปอีกหรือ มันตามเขามา?หรือว่ามีจุดประสงค์อะไรกันแน่นะ?
หากสันนิษฐานว่าเจ้าหมาป่าตัวนั้นมีวงจรความคิดเหมือนมนุษย์มันก็น่าจะมีเหตุผลที่เข้ามาใกล้ชิดกับเขา
ยิ่งคิดอเล็กเซียก็ยิ่งสับสน ระหว่างที่ยืนเพียงลำพังบริเวณมุมลับในสวนซึ่งเคยพบกับเจ้าหมาป่าตัวนั้น ต่อหน้าต่อตาเด็กหนุ่มเห็นเจ้าหมาป่าสีดำตัวใหญ่โดดข้ามกำแพงปราสาทเข้ามา
“อ๊ะ...เจ้าหมา” เนื่องจากเริ่มไม่ไว้ใจมันเสียแล้วจึงอดตกใจต่อการปรากฏตัวของมันไม่ได้ เจ้าหมาป่าสีดำตัวนั้นเดินเข้ามาหาเขาในปากคาบดาบเล่มหนึ่งเมื่อเข้ามาประชิดตัวมันวางดาบเล่มนั้นลงตรงหน้าก่อนจะขยับตัวนอนลงอย่างเกียจคร้าน
“เจ้าให้ข้าหรือ” เจ้าหมาป่าเห่าเบาๆแทนคำตอบ อเล็กเซียลังเลที่จะหยิบดาบเล่มนั้นขึ้นมาแต่พอถูกเจ้าหมาเห่าอีกครั้งเป็นเชิงเร่งเร้าเด็กหนุ่มจึงหยิบมันขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้
“สวย” ทันทีที่ชักดาบออกจากฝัก อเล็กเซียก็ตกตะลึงในความงามของคมดาบ ตัวด้ามดาบถูกฝังด้วยอัญมณีสีแดงซึ่งหาได้ยาก เพื่อทดสอบความคมเด็กหนุ่มเหวี่ยงดาบฟันเข้าที่กิ่งไม้หนาใกล้ๆทันที
กิ่งไม้หนาถูกตัดด้วยการฟันเพียงครั้งเดียวแถมอเล็กเซียไม่ได้ออกแรงอะไรมากอีกด้วย การกระทำของเขาเป็นการการันตีว่าดาบเล่มนี้มีความคมมากแค่ไหน
“เจ้าเอามาจากไหนเจ้าหมา” หมาป่าสีดำไม่ตอบอเล็กเซียตอนนี้มันกำลังเริ่มต้นเลียขนตามตัวของมันโดยไม่สนใจต่อคำถามของเด็กหนุ่ม ในตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งจะเห็นตรงบริเวณเนินไหล่ของมันมีบาดแผลที่ยังไม่สมานตัวกันดี “เจ้าหมาขอข้าดูหน่อยสิ” เจ้าหมาป่าสีดำมองหน้าเขา มันปล่อยให้อเล็กเซียเข้าใกล้และสำรวจบาดแผลโดยไม่ขัดขืน เป็นรอยแผลถูกแทงดูแล้วยังสดใหม่คิดว่าคงโดนมาเมื่อไม่นาน
“ข้าจะไปเอายารักษาแผลมาให้เจ้านะ” คิดถึงเรื่องการรักษาแผลมากเสียยิ่งกว่าเรื่องที่เจ้าหมาได้แผลมาเพราะเหตุใดขณะที่ขยับเคลื่อนกายลุกขึ้นจากท่านั่งก็รู้สึกได้ถึงแรงกระตุกเบาๆ เมื่อหันไปมองก็พบว่าเจ้าหมาป่าใช้ฟันกัดชายเสื้อของเขาเอาไว้
“ปล่อยข้าก่อนสิเจ้าหมา” เจ้าหมาป่าไม่ยอมปล่อยชายเสื้อของเขามันส่งสายตามองจ้องมาราวกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง
“ไม่อยากให้ข้าไปหรืออย่างนั้นจะให้ทำอย่างไร” เจ้าหมาปล่อยชายเสื้อของอเล็กเซียแล้ว ตอนนี้เจ้าหมาเริ่มเอาตัวใหญ่ยักษ์ของมันเข้ามาถูไถออดอ้อนเด็กหนุ่มราวกับเป็นหมาตัวเล็ก สร้างความขบขันและลำบากใจให้อเล็กเซีย
“ทำไมถึงขี้อ้อนเช่นนี้นะ” อเล็กเซียยิ้มอ่อนใจเมื่อเจ้าหมาพยายามเกยหัวอันใหญ่โตเข้ากับหน้าตักของเขา ให้ตายเถอะตัวก็ออกจะใหญ่ยักษ์ยังทำตัวเหมือนลูกหมาอยากจะนอนเกยตักเขาเสียอย่างนั้น อดเอ็นดูไม่ได้อเล็กเซียกอดรัดและซุกไซ้ใบหน้าเข้ากลุ่มขนสีดำอันแสนหนานุ่ม
“ตัวนุ่มมากเลยชักชอบขึ้นมาแล้วสิ” พึมพำกับตัวเองเบาๆขณะฝังหน้าลงไปด้วยความหมันเขี้ยว เจ้าหมาป่าสีดำดูจะชอบใจมันแกว่งหางของมันไปมาอย่างบ้าคลั่งและเริ่มต้นหยอกเด็กหนุ่มด้วยการขึ้นคร่อมก่อนจะเลียตามเนื้อตัวจนเขาชักจะเปียกแฉะ
“พอพอแล้ว” อเล็กเซียหัวเราะเสียงดัง ในตอนนั้นจู่จู่เจ้าหมาป่าก็หยุดเลียมันผละจากเขาแล้วกระโจนข้ามกำแพงหายไปอย่างกระทันหัน ทำเอาเด็กหนุ่มงงไปหมด
“ท่านอเล็กเซียเกิดอะไรขึ้นหรือครับ”
ที่แท้แล้วก็ทหารยามนี่เอง อเล็กเซียเดาว่ามันคงได้ยินฝีเท้าของคนแปลกหน้า เจ้าหมาป่าดำจึงรีบหลบหนีไป
นี่ยิ่งไม่เป็นการยืนยันว่าเจ้าหมาป่าตัวนั้นชื่นชอบเขามากเป็นพิเศษหรอกหรือ การที่มันหลีกหนีผู้คนและเข้ามาตีสนิทแค่เพียงเฉพาะเขา ถึงแม้ว่าลึกๆจะระแวงอยู่บ้าง กระนั้นยังอดดีใจที่ได้รับความรักจากสิ่งมีชีวิตที่อาจเรียกได้ว่าเป็นสัตว์อันตรายไม่ได้ เขานี่มันช่างสมกับเป็นเด็กไม่รู้จักโตตามที่ท่านพี่เคยปรามาสเอาไว้เสียจริงๆ
“ไม่มีอะไรหรอก ข้าจะกลับไปที่ห้องแล้วเจ้าจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ” อเล็กเซียออกจากบริเวณนั้นและไม่ลืมหยิบดาบที่ได้รับมาจากหมาป่าสีดำกลับไปที่ห้องด้วย
สองวันต่อมากองทัพที่ออกไปรบรวมทั้งท่านพี่ก็กลับมาถึง อเล็กเซียตื่นเต้นดีใจจนถึงกับออกไปรับที่หน้าประตูเมือง
“ท่านพี่” เมื่อเห็นท่านพี่บังคับม้าเดินนำขบวนทหารมา อเล็กเซียก็ควบม้าเข้าไปหา ข้างๆของท่านพี่ยังมีคนที่เขาไม่ถูกชะตาเคลื่อนม้าตามเคียงคู่กัน
“สบายดีหรือเอเดรียน เฟลเวเธอร์” ทักออกไปตามมารยาท คนถูกทักยิ้มกว้างมาให้อเล็กเซีย
“สบายดีครับ ขอบคุณที่เจ้าชายอุตส่าห์มีน้ำใจเป็นห่วงข้า” อเล็กเซียอดเชิดหน้าขึ้นแล้วมองดูอีกฝ่ายด้วยสายตากดต่ำไม่ได้ อย่าสำคัญตัวผิดไปนักเลยใช่ว่าเขาจะเป็นห่วงคนผู้นี้จริงๆเสียหน่อย มันก็แค่...ตามมารยาทเท่านั้น
“เจ้าดูจะเป็นห่วงเอเดรียนเสียเหลือเกินนะ เจ้าถามว่าเขาเป็นอย่างไรก่อนที่จะถามพี่เสียอีก”
“ท่านพี่ก็...อย่าหยอกกันสิครับ” รู้ได้ในทันทีว่าถูกสัพยอก ก็ท่านพี่เล่นส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้
“เอ้าเจ้าจะไม่ถามบ้างหรือว่าพี่คนนี้สบายดีหรือไม่”
“ท่านพี่นี่ละก็...ข้าก็ไม่เห็นท่านมีแผลตรงไหนเสียหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าคงสังเกตเห็นแผลภายใต้เสื้อผ้าของเอเดรียนได้อย่างนั้นสิ” อเล็กเซียเลิกคิ้วอดไม่ได้ที่จะมองสำรวจตามเนื้อตัวของเอเดรียน แต่คิดดูอีกทีเขาไม่อยากจะสนใจว่าอีกฝ่ายจะบาดเจ็บแค่ไหนจึงมองเมินแทบจะในทันที
“ข้าไม่ได้สังเกตเห็นอะไรหรอกครับท่านพี่ แค่คิดว่าในสงครามใครๆก็อาจจะบาดเจ็บกันได้ ข้าก็แค่ถามไปตามมารยาทเท่านั้น” เพื่อไม่ให้บทสนทนาเป็นไปในทางที่ทำให้ลำบากใจ หากว่ายังจับกลุ่มสนทนาโดยมีเอเดรียน เฟลเวเธอร์อยู่ในกลุ่มด้วยเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าจะถูกหยอกเย้าอะไรอีก ดังนั้นอเล็กเซียจึงขอล่วงหน้าไปยังปราสาทก่อน
หลังจากท่านพี่กลับมาถึงก็ถูกเรียกให้เข้าพบที่ท้องพระโรงทันที ตอนนี้อเล็กเซียยืนอยู่ข้างท่านพ่อที่นั่งอยู่บนบัลลังค์ ท่านพี่ยืนอยู่ที่พื้นด้านล่างและกำลังรายงานเกี่ยวกับการรบที่ผ่านมาทั้งหมด เนื้อหาที่ท่านพี่เล่านั้นส่วนใหญ่เป็นการกล่าวชมเชยเอเดรียน เฟลเวเธอร์และพวกวูฟไปมากกว่าครึ่ง
“ข้าคิดว่าท่านพ่อสมควรจะให้รางวัลตามที่เขาปรารถนาหนึ่งอย่างนะท่านพ่อ” เจ้าชายรัชทายาทเสนอ อเล็กเซียเห็นว่าท่านพ่อเองก็เห็นด้วยถึงแม้ว่าจะมีขุนนางบางคนแสดงความเป็นห่วงใยต่อคำขอที่ดูจะกว้างมากเกินไป แต่ก็เป็นเพียงเสียงซุบซิบที่พอจะให้เขากับท่านพ่อได้ยินเท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นก็เบิกตัวเอเดรียน เฟลเวเธอร์เข้ามา” หลังจากราชาพูดจบ เอเดรียน เฟลเวเธอร์ก็ถูกนำตัวเข้ามา ท่าทางการเดินอันองอาจทำให้อเล็กเซียคิดแปลกใจว่านี่นะหรือท่าทางเดินของคนเจ็บ ชายผู้นี่เดินเหินไม่เหมือนกับคนที่บาดเจ็บมาเลยซักนิด เกี่ยวกับเรื่องนี้ทำให้เด็กหนุ่มเลื่อมใสอีกฝ่ายขึ้นมานิดหน่อย
“ข้าได้ข่าวว่าเจ้าทำได้ดีในสนามรบ ทั้งยังเป็นผู้ปลิดชีพมอร์โด ลาปิสให้ข้าอีกด้วยจริงหรือไม่”
“จริงครับ” เอเดรียนไม่พูดเปล่ายังเปิดห่อผ้าที่บรรจุหัวของมอร์โด ลาปิสให้คนในท้องพระโรงดู อเล็กเซียผงะไปเล็กน้อยด้วยไม่คิดว่าชายหนุ่มจะนำหัวของศัตรูมาเป็นหลักฐานด้วย
“โอ้...นี่นะหรือมอร์โด ลาปิส เป็นชายที่หน้าตาธรรมดากว่าที่ข้าเคยคาดเอาไว้นะ” กล่าวจบราชาก็ส่งสัญญาณบอกมหาดเล็กให้นำหัวของมอร์โดออกไป
“ข้าพิจารนาดูแล้วว่าเจ้าทำได้เยี่ยมสมกับที่ข้าตั้งหวังไว้ดังนั้นข้าจะทำตามคำสัตย์ให้รางวัลตามที่เจ้าปรารถนาหนึ่งอย่าง”
อเล็กเซียอดตกใจกับคำพูดของท่านพ่อไม่ได้ นอกจากท่านพี่แล้วท่านพ่อเองก็ลั่นวาจาไปว่าจะให้เอเดรียน เฟลเวเธอร์ในสิ่งที่ปรารถนาหนึ่งอย่างด้วยหรือ เหตุใดท่านพ่อและท่านพี่จึงพูดจาออกไปเช่นนั้น ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ สำหรับท่านพี่นั้นเขาพอรู้อยู่บ้างว่าเลื่อมใสและชื่นชมเอเดรียน เฟลเวเธอร์อยู่มาก แต่ท่านพ่อนี่สิคิดไม่ออกว่าท่านคิดเห็นเป็นอย่างไร
“ข้าต้องการให้พระองค์ประทานเจ้าชายอเล็กเซียให้มาเป็นภรรยาของข้าครับ”
“อะไรนะ”
ราชากับอเล็กเซียร้องถามออกมาพร้อมกัน รัชทายาทยิ้มค้างด้วยไม่รู้ว่าที่เอเดรียนพูดนั้นคือเรื่องจริงหรือล้อเล่น ตอนนี้เด็กหนุ่มขบฟันเข้าที่ริมฝีปากจ้องมองชายหนุ่มผู้อุกอาจตาแถบถลน อย่างจะสับอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆนักไม่รู้ว่ากล้าดีอย่างไรถึงคิดขอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ต้องการให้เขาไปเป็นภรรยาหรือ ถึงเขาจะเป็นเจ้าหญิงก็ใช่ว่าท่านพ่อจะยกตัวเขาให้อีกฝ่ายง่ายๆ นี่ยิ่งเขาเป็นผู้ชายด้วยแล้ว ท่านพ่อไม่มีวันทำตามที่อีกฝ่ายขออย่างแน่นอน
“เจ้าล่อเล่นอะไรอยู่นี่ เอเดรียน เฟลเวเธอร์” ราชาถามเสียงดุดัน
“ใช่ๆแล้วท่านพ่อข้าว่าเอเดรียนแค่ล่อเล่นนะครับ..ใช่ไหมเอเดรียน” รัชทายาทหันไปถามเอเดรียน แต่คำตอบที่ได้ชายหนุ่มยังหน้าด้านยืนยันคำขอเดิม อเล็กเซียกำหมัดแน่นอยากจะเข้าไปชกอีกฝ่ายเสียเดี๋ยวนี้ เริ่มจะเข้าใจว่าทำไม
เอเดรียนถึงกล้าขอจูบจากเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ที่แท้แล้วก็เห็นเขาเป็นดั่งเช่นอิสตรีผู้หนึ่ง
“เจ้าดูถูกกันมากเกินไปแล้วนะ เอเดรียน เฟลเวอเธอร์ เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นผู้ชายยังจะกล้าขอข้าจากท่านพ่อให้ไปเป็นภรรยาเจ้าอีกหรือ..นี่เจ้าตั้งใจจะดูถูกเหยียดหยามข้าใช่หรือไม่” อเล็กเซียตวาดออกไปด้วยความเดือดดาล ไม่คาดว่าคำตอบที่ได้รับจะกลายเป็นการบอกรักต่อหน้าผู้คนมากมาย
“เจ้าชายอเล็กเซียข้าหาได้ดูถูกท่านไม่ แต่ข้ามีใจให้ท่านตั้งแต่วินาทีแรกที่พบท่าน ท่านเป็นคู่ฟ้าลิขิตเพียงหนึ่งเดียวของข้า”
“คู่ฟ้าลิขิตอย่างนั้นหรือ” ท่านพ่อพึมพำซ้ำไปมากับตัวเอง อเล็กเซียไม่เข้าใจว่าคู่ฟ้าลิขิตหมายถึงอะไร แต่จากสีหน้าของท่านพ่อกับท่านพี่แล้วคิดว่าทั้งคู่คงจะรู้อะไรบางอย่าง
“ถึงเจ้าจะอ้างว่าอเล็กเซียเป็นคู่ฟ้าลิขิตของเจ้า แต่หาใช่ข้ออ้างที่จะทำให้ข้ายกบุตรชายของข้าให้เจ้าได้ เจ้ากลับไปยังเผ่าของเจ้าเสียเจ้าผู้อุกอาจ เพื่อเป็นการตอบแทนที่เจ้าช่วยเหลืออาณาจักร ข้าจะไม่ลงโทษเจ้าไปให้พ้นจากที่นี่เสียแล้วอย่าได้เรียกร้องอะไรจากข้าอีก”
อเล็กเซียเห็นเอเดรียน เฟลเวเธอร์กระตุกยิ้มร้าย รอยยิ้มร้ายกาจนั้นทำให้อเล็กเซียหนาววูบเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้ว่าชายผู้นั้นจะลาจากไปโดยไม่ได้โวยวายใดใดทั้งนั้น แต่วินาทีที่เผลอสบตากันเด็กหนุ่มก็เข้าใจว่าเอเดรียน เฟลเวเธอร์ไม่ได้ยอมตัดใจจากเขาแต่อย่างใด
เนื่องจากติดธุระอาจจะไม่ได้ลงนิยายสองถึงสามวันนะจ๊ะ
รู้สึกว่านิยายตัวเองเริ่มเขียนยาก มีหลายฉากที่คิดไม่ตก
อันนี้ไม่ได้หายไปคิดพล๊อตแต่อย่างใด แต่คนเขียนไม่ว่างจริงๆจ้า
ขอลาไปทำธุระส่วนตัวสักหน่อย
เม้นเป็นกำลังใจกันบ้างน้า ขอบคุณ