ตอนที่ 11สิ่งที่อยากทำตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
1. ไปทำบุญกรวดน้ำให้เจ้าของร่างบ่อยๆ
2. โทรหาพี่ภาคิน ผมฝันอยากมีพี่น้องผู้ชายมาตั้งนานแล้ว
3. ให้นักสืบ ตามหาครอบครัวเดิม ...ต้องปิดปังโซ่กับครอบครัวทางนี้ด้วยแฮะ
4. เรื่องที่อยากทำ คงเป็น...อยากไปเที่ยวเมืองนอกสักครั้งในชีวิต
5. ตอนนี้มีเงินให้ซื้อของได้ตามใจอยากแล้ว แต่อยากได้อะไรน้า... ยังนึกไม่ออก
อืม เท่านี้ก่อนละกัน
ผมทำบุญกรวดน้ำให้นาวินแล้วมายืนให้อาหารปลาที่สระหลังวัดเล่น นึกขำว่ารอยกระเพื่อมผิวน้ำอะไรไม่เห็นมีเลย พอโยนอาหารปลาลงไปก็มีฝูงปลาว่ายมาแย่งกันตอดงับ ยุบยับๆ เต็มไปหมด สวยงามตรงไหน ฮ่าๆๆๆๆ
เสียงเพลงที่ผมชอบดังขึ้นมา unknow number ใครกันนะโทรมาเบอร์นี้ คนที่มีนอกจากโซ่แล้วก็มีแต่ครอบครัว... แล้วก็...
"ฮัลโหล"
"กูมาหามึงที่คอนโดมา มึงไปไหนวะ"
"ทำไมผมต้องบอกเก้าด้วยล่ะ"
"ต้องแทนตัวเองว่าวินสิ สมองมีน่ะหัดจำซะมั่ง"
"ผมไม่มีอะไรจะพูดด้วย แค่นี้นะ"
"มึงยังติดหนี้แค้นกูอยู่นะเว้ย"
"เรื่องอะไรล่ะ ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้หรอกครับ ผมความจำเสื่อมนะเก้าอย่าลืมสิ" สมองมีน่ะ... อันนี้ผมคิดในใจ หนอย... เพราะรู้ว่าติดหนี้อยู่ถึงสุภาพด้วยหรอก คนโรคจิต
"..........บอกมาตอนนี้มึงอยู่ที่ไหน"
"หาตัวเอาเองละกัน"
ผมว่า แล้วตัดสายทิ้ง ไม่บอกก็แล้วแต่สิ ปิดเสียงโทรศัพท์ไปเลย วันนี้ผมตื่นแต่ยังมืด ทำอาหารเช้าง่ายๆ ไว้ให้โซ่บนโต๊ะ แปะโน๊ตทิ้งไว้แล้วออกมาคนเดียว ถ้าไม่มีผู้คนในชีวิตของนาวินคอยวนเวียนอยู่รอบตัวแล้ว ผมก็เป็นแค่เจ้าวิน นักศึกษาธรรมดาๆ คนนึง เว้นแต่ว่าตอนนี้ผมมีอิสระและมีเงิน จะไปไหนจะทำอะไรจะซื้ออะไรก็ได้ ผมเดินออกจากวัดแล้วเดินเล่นไปตามซอยที่เต็มไปด้วยร้านรวงติดกันเป็นแถบ แวบซื้อกาแฟเย็นๆ หนึ่งแก้วแล้วเดินตามหาร้านอินเตอร์เนตใช้งาน
ร้านแถวนี้ตกแต่งสวยๆ ทั้งนั้น แถมราคาก็ราคามหาโหดซะด้วย แต่บรรยากาศดีจริงๆ ครับ สวย สบายๆ ผมนั่งค้นหาสำนักงาน นักสืบเอกชน มีตัวเลือกให้เยอะมากจนเลือกไม่ถูก ผมเลือกเบอร์หนึ่งแล้วโทรไปนัดไว้ก่อน
"วิน"
ผมหันไปตามเสียงเรียก ผู้ชายผมสั้น เปิดประตูกระจกใสแล้วเดินเข้ามาหา
"มาทำอะไรแถวนี้เนี่ย ไม่เห็นตั้งนาน"
"เอ่อ ขอโทษนะครับ แต่คุณเป็นใครเหรอ? "
"จำพี่ไม่ได้เหรอ เพื่อนไอ้คินไง พี่เรน่ะ สูงขึ้นเยอะเลยนะเรา อย่างเท่อ่ะ"
"ผมขอโทษฮะ พี่..เร ไม่ใช่ว่าผมลืมพี่นะ คืองี้ เอ่อ...ผมไปขับรถชนแล้วหัวกระแทกน่ะ เลยจำอะไรไม่ค่อยได้"
"เฮ้ย เป็นอะไรมากไหมวิน"
"ไม่เป็นอะไรครับ"
"แล้วไอ้คินรู้เรื่องยังเนี่ย? "
"เดี๋ยวผมว่าจะโทรหาอยู่พอดีครับ"
"เออ ดีแล้วๆ ไม่เจอกันหลายปี ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นนะเรา แบบนี้ค่อยคล้ายพี่ชายบ้าง ไม่ใช่ไอ้ตัวแสบนิสัยเด็กๆ แล้วสินะ"
"ผมจำไม่ได้แล้วล่ะครับ ทำตัวแย่มากเลยเหรอ"
"ไม่หรอก กับพี่ชายก็ไม่ค่อยแผลงฤทธิ์อะไร เอ้อ เอาเบอร์ติดต่อไอ้คินให้หน่อยดิ พี่คิดถึงมันอ่ะ"
"ได้ครับ"
ผมจะจดเบอร์พี่ภาคินจากในเครื่องให้ก็นึกขึ้นได้ว่ามีนามบัตรของเขาใบหนึ่งในกระเป๋าตังค์ เลยหยิบยื่นให้
พี่เรก็รับไปมองยิ้มๆ พอพลิกไปพลิกมาแล้วก็ส่งคืนเสียเฉยๆ ???
"ไม่ได้นะ เอาของสำคัญแบบนี้ให้คนอื่นได้ยังไง บอกเบอร์คินมาเดี๋ยวพี่เมมลงเครื่องเอง เบอร์เราด้วยก็ดี"
ผมรับนามบัตรดีไซน์เรียบๆ ชื่อ ภาคิน พาริตา นั่นกลับมา แล้วบอกเบอร์ให้ไปแทน พี่เรบ๊ายบายแล้วแยกจากไป ผมจึงหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆ นั่นมาพลิกดูบ้าง ข้อความที่เขียนด้วยดินสอตัวเล็กๆ นั่นมีใจความว่า
'มีแค่แกคนเดียวที่รักพี่ อย่าลืมพี่นะวิน'รู้สึกใจหาย ใจคอไม่ดี ข้อความนั้นไม่ได้เขียนถึงผม แต่ถึงน้องชายที่จากไปอยู่อีกภพหนึ่ง ผมลูบเนื้อกระดาษเนียนมือไปมาแล้วนิ่งคิดถึงไปคนที่เขียนข้อความนี้ ผมจะโทรคุยกับเขาได้ยังไงในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าต้องปลอมตัวเป็นคนที่ตายไปแล้ว น่าเห็นใจคนรับสาย
"คนเดียวที่รัก..."
ฟังดูเหงาเหลือเกิน
ผมหยิบโทรศัพท์ที่ปิดเสียงไว้ขึ้นมา คิดอยู่ว่ายังไงก็ควรจะโทรไปสักครั้ง อย่างน้อยก็ต้องบอกว่าเปลี่ยนเบอร์ใหม่แล้ว หน้าจอสัมผัสนั้นแสดงว่ามี 8 Misscall จากเบอร์เดิมที่โทรหาเมื่อเช้า สายจากเก้าทั้งหมด ยกเว้นเบอร์สุดท้ายเพิ่งจะโทรเข้านาทีที่แล้ว P Kin ทำไมถึงรู้เร็วขนาดนี้ล่ะ ไม่โทรหาก็ไม่ได้แล้ว ใจผมเต้นตึกตักตึกตักตอนที่โทรกลับไป
"ฮัลโหล"
"วิน เป็นยังไงบ้าง! "
"ผม ผม... ไม่เป็นไรครับ"
"เรบอกว่าแกรถชนหัวกระแทก"
"อืม ก็จำอะไรไม่ได้เลย แต่ภายนอกไม่เป็นอะไรหรอกครับ"
"ไม่มีใครบอกพี่เลย"
"พี่คินครับ"
"ว่าไง"
"ผมขอโทษด้วยนะ ที่ ลืมพี่..."
"เราสบายดีพี่ก็โล่งใจแล้ว ถ้าเคลียร์งานเสร็จจะกลับไปหานะ แต่ตอนนี้งานรัดตัวจริงๆ "
"ครับ"
"ไม่เห็นหน้านานแล้วนะ ขอโทษที่ทิ้งมา พี่ยังคิดถึงแกนะ"
"ครับ"
"...แล้วจะรีบกลับไป"
พอวางสาย ผมรู้สึกแปลกๆ สับสน ถ้าบอกความจริงออกไปก็คือทำร้ายพี่ชายวิน ว่าทั้งที่ร่างน้องยังอยู่ แต่จิตไม่อยู่แล้ว แต่คิดกลับกันการที่โกหกแล้วสวมรอยบุคคลอันเป็นที่รักของคนอื่น มันไม่บาปเหรอ?
"น้องครับ"
"ครับ? "
"นั่งข้างๆ ได้ไหม"
"ครับ"
ร้านนี้โล่งโปร่งและมีคอมพิวเตอร์ให้บริการน้อยเครื่อง ที่นั่งใกล้สุดก็มีระยะห่างไปเยอะโขเหมือนกัน ทำไมต้องมาขออนุญาตเนี่ย ปรากฏว่าชายหนุ่มวัยทำงานไปลากเก้าอี้BeanBag ในส่วนนั่งพักผ่อนมาใกล้ๆ และนั่งลงตรงกลางระหว่างเครื่องผมและเครื่องข้างๆ
"คือ โทดทีนะที่จู่ๆ เข้ามาทัก"
"มีอะไรเหรอครับ"
"พี่นั่งมองน้องอยู่นานแล้วน่ะ ตั้งแต่เดินเข้าร้านมาเลย แต่ไม่กล้าเข้ามากวน ก็พอดีเห็นมีคนมาทักตัดหน้าแล้วก็แลกเบอร์กัน พี่ก็เลยอยากมาคุยดู"
"ครับ? "
"น้องน่ารักมาก พี่ขอเบอร์ได้ไหมครับ"
คิ้วผมชนกันแน่น ผู้ชายแปลกหน้าในคราบหนุ่มออฟฟิศปรกติ เข้ามาขอเบอร์ แล้วบอกว่าน่ารัก มองยังไงวะเนี่ยสูงตั้ง180... แล้วหมอนี่ก็เป็นเกย์อีกแล้วเหรอ
"จะเอาไปทำไมกันครับ"
"พี่อยากรู้จัก ก็อยากจีบน่ะ"
"ขอโทษครับ ผมคงให้ไม่ได้"
ผมรวบเก็บสมุดโน๊ตเล่มเล็ก ปากกา มือถือไว้ด้วยมือเดียว ลุกจากเก้าอี้พรวดแล้วก็เดินหลบไปจ่ายเงินพนักงานเตรียมเผ่น
"แล้วทำไมถึงให้ผู้ชายคนนั้นได้ล่ะครับ"
"นั่นเพื่อนพี่ชายครับ"
ว่าแล้วก็เดินหนีจากในร้านมาอย่างไว กรุงเทพนี่เกย์เยอะจริงๆ ผมไม่ได้รังเกียจอะไรคนที่รักเพศเดียวกันนะ เพื่อนผมที่เป็นก็มีเยอะแยะ ก็ยังคบกันเฮฮาปรกติ แต่คงเพราะหน้าตาจืดๆ บ้านๆ สมัยก่อนไม่จัดอยู่ในสเปคเกย์ล่ะมั้ง เลยหลอนๆ กับการถูกผู้ชายมาขอเบอร์ตรั้งแรก ผมมองกระจกหน้าร้านเสื้อผ้าที่เดินผ่าน มันสะท้อนภาพหนุ่มหน้าสวยจ้องด้วยสายตาดุๆ กลับมา ขายาวๆ ในยีนส์เดฟกำลังก้าวเดินไปอย่างรำคาญใจ มึงเป็นใครกันน่ะ?... ตัวเราตอนนี้ดูเป็นคนเย่อหยิ่งจังเลยว่ะ ดูไม่น่าเข้าใกล้เลย
ผมเดินโฉบเข้าร้านหนังสือ หาตำราทำอาหาร อยู่ว่างๆ ไม่มีงานทำแล้ว หางานอดิเรกทำแก้เซ็งดีกว่า
ผมตั้งอ่านเพื่อเลือกเล่มที่ทำตามง่ายที่สุดอยู่ก็ตอนที่เสียงเล็กๆ ทักขึ้นมา
"วิน"
ผมมองด้วยสีหน้าว่างเปล่า แต่ข้างในหัวใจเริ่มเต้นผิดจังหวะ ผู้หญิงในรูป
แฟนเก่าของโซ่
"อาการเป็นยังไงบ้าง? "
"หาย...สนิทแล้วครับ"
"ขอโทษนะ ที่ทำให้เจ็บตัว หนัก"
"ไม่เป็นไร"
"ยูไม่น่ามายุ่งเรื่องนุกกับโซ่เลย รู้มะ โปรแบบวิน ยังไงนุกก็เอาชนะไม่ได้ สุดท้ายแล้วก็ต้องพลาดท่าให้ยูอยู่วันยันค่ำ"
ผมหน้าม้า จมูกเล็กๆ เชิดรั้น ปากอิ่ม ตัวเล็กๆ ตากลมโตนั่นจ้องขึ้นมา หน้าตาน่ารักไม่พอใจอย่างมาก โปรอะไร?
"หมายความว่ายังไง"
"ก็จะอะไรล่ะ You win ละนี่? นุกก็ปล่อยสัตว์เลี้ยงยูกลับเข้ากรงแล้ว เดี๋ยวนี้จะแตะตัวโซ่ยังเขยิบหนีเลย ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วไอถูกใจโซ่มากแท้ๆ มาแผนสูงดีนักนะ อะไรที่เป็นของตัวนี่แตะต้องไม่ได้เลย ไอ้คนบ้าอำนาจ ชอบทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเอ้ย ตัวเองไม่ได้รักไม่ได้ชอบ ก็เลิกทำตัวเป็นหมาหวงก้างได้แล้วjerk! อย่าคิดนะว่าไอไม่รู้ ว่าใครเป็นตัวการใช้ให้คนคาบข่าวไปฟ้องโซ่เรื่องของเราน่ะ แล้วเป็นไงล่ะ สมน้ำหน้า! เรื่องคราวนี้ต่อให้เข้าหน้าโซ่ไม่ติด แต่ไอก็ไม่เสียหายเท่าไหร่ร๊อก ยูดิ เฮอะ! กรรมตามสนองแท้ๆ เจ็บมั้ยล่ะสุดที่รักพังขนาดนั้น ชนะแล้วไง ตัวเองก็ตัวคนเดียวทั้งปีทั้งชาตินั่นล่ะว้า ไอ้คนไม่มีหัวใจเอ้ย"
นุกใส่เป็นชุดๆ นิ้วชี้ก็จิ้มกลางหน้าอกผมซ้ำๆ แรงๆ อย่างกับเป็นกำแพงที่เจ็บไม่เป็น ผมพยายามฟังให้ทัน แต่ก็ไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด
"วินทำให้โซ่กับนุกเลิกกันเหรอ"
"จงใจทำน่ะสิ ถามจริงเหอะยูจะไม่ปล่อยโซ่ไปเลยเหรอชีวิตนี้ ถ้าเกิดเค้าเจอคนที่ดีจริงๆน่ะ ให้อิสระกันบ้างเถอะ เก็บไว้ข้างตัวทำไม ตัวเองรักใครไม่เป็นแท้ๆ"
"เอ่อ ก็ได้นะ"
"ฮึ? อะไรนะ? "
"ก็ เข้าใจแล้ว เงียบเสียงลงหน่อยได้ไหม คนมองทั้งร้านแล้ว"
"มาแปลกนะ จะหลอกให้นุกตายใจใช่มะ นี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนอะไรรึเปล่า"
"ไม่มีแล้ว บอกว่าเข้าใจแล้วไง โอเค"
"เหอะ ขอให้จริง ถึงโซ่จะไม่ยอมให้นุกเข้าใกล้ แต่ไอก็คอยจับตามองอยู่นะ ถ้าทำอะไรให้เค้าทรมานใจอีก เราได้เห็นดีกันแน่! "
นุกชี้หน้าฆาตโทษอีกทีก่อนหัวฟัดหัวเหวี่ยงอออกจากร้านไป จุดสนใจของคนในร้านพุ่งมาที่ผมคนเดียว.... ให้มันได้อย่างนี้... นึกว่า ไม่รับโทรศัพท์ ปลีกวิเวกอยู่คนเดียวจะรอดจากโจทย์เก่าทั้งหลาย แต่ก็หนีไปไหนไม่พ้น วุ่นวายไม่รู้จบจริงๆ
ผมหยิบๆ ตำราอาหารสองสามเล่มแล้วจ่ายเงิน ไปเดินซุปเปอร์มาร์เก็ตจ่ายตลาดทำกับข้าวดีกว่า
อยู่ห้องกับโซ่เงียบๆ ก็ดีแล้ว
เฮ้อ.........
ผมหิ้วถุงของสดสองถุงหนังสืออีกถุงลงจากแท็กซี่ มาถึงหน้าคอนโดของโซ่ตอนบ่ายคล้อย ถ้าทำเสร็จก็กินเป็นมื้อค่ำพอดี
"วิน!!! "
ให้มันได้อย่างนี้สิ นี่มันวันมหาวิปโยคอะไรกันเนี่ย
"กูนึกแล้วว่ายังไงมึงต้องมาห้องไอ้โซ่ คิดว่าจะหลบหน้ากูไปได้นานแค่ไหน"
มีแต่คนมาวุ่นวายตลอดทั้งวันเลยแฮะ นึกว่าจะกลับมาทำอาหารแก้เครียด ก็มีตัวเครียดตัวเป้งมานั่งรออยู่ทางขึ้นคอนโดอีก ฆ่ากันเลยดีกว่า
"ผมให้คุณเข้าห้องไม่ได้หรอกนะ โซ่ต่างหากเจ้าของห้อง"
พูดเชิงไล่อ้อมๆ แต่ก็ไม่มีผลอะไร เหมือนพูดให้พื้นให้กำแพงฟัง เก้าแสยะยิ้มกวนๆ เดินมาขวางทาง
"ซื้ออะไรมา ที่รัก"
"ทำไมไม่เล่ามาให้หมดทีเดียว ระหว่างเรามีอะไรต้องสะสาง แล้วคุณต้องการอะไรกันแน่? "
"ต้องการ? ฮึ ความสะใจล่ะมั้ง"
"ถ้ายังอ้อมค้อมไม่ยอมพูด ผมก็ไม่อยากสนใจแล้ว"
"อย่ามาเมินกันนะ! "
เก้ากำต้นแขนและบังคับให้หมุนหันตัวไปหา อะไรกันนักหนาวะเนี่ย จะมีชีวิตเป็นของตัวเองสักวันไม่ได้เลยหรือไง บอกให้ผมเป็นอะไรต้องเป็น บอกให้ผมทำอะไรต้องทำรึไง
"ทำไมทุกคนต้องมาเอาอะไรจากวินกันนักนะ"
ผมโพล่งออกมา สะบัดไหล่ทิ้งแรงๆ
"เมื่อกี้มึงแทนตัวเองว่าวินเหรอ มึงฟังคำสั่งกูแล้วสิ"
ผมอยากจะบอกว่าแค่พร่ำบ่นกับตัวเอง แต่ก็ช่างมัน ปล่อยคนบ้าคิดไปเองแล้วกัน ปวดหัวพอแล้ววันนี้ อย่าเพิ่งมามีเหตุการณ์อะไรเพิ่มอีกเลย
"พูดว่า วินขอโทษนะ ทีซิ"
เอ๊ะ??
เก้าล้วงวัตถุเล็กๆ สีดำ ยื่นจ่อมารวดเร็ว ทำให้ผมผงะถอยหลังหนี
"อะไร"
"กูจะเอาให้แก้วฟัง พูด" เครื่องอัดเสียงงั้นเหรอ?
"พูดตามกูซะดีๆ วินขอโทษนะแก้ว วินเสียใจจริงๆ"
"วินขอโทษนะแก้ว วินเสียใจจริงๆ" แล้วมันก็ปิดเครื่องลงแกร๊ก ก้มมองนิดหนึ่งแล้วเก็บไป บรรยากาศมันหนักๆ หน่วง มันไม่แสยะยิ้มแล้ว
แต่ทั้งโกรธทั้งเคร่งเครียด
"กูนั่งรอคำขอโทษมึงหกชั่วโมง หกชั่วโมง! เป็นเหี้ยไรไม่รับโทรศัพท์ คิดว่ากูพิศวาสมึงมากรึไงถึงทำเล่นตัวน่ะ"
"...ผมไม่รู้นี่นา ก็ทำไมไม่บอกล่ะว่ามีธุระ"
"มันเป็นความผิดของมึงชัดๆ มีอย่างที่ไหนให้กูเป็นฝ่ายต้องมาตาม มานั่งรอให้มึงพูดขอโทษ มึงต้องตามไปอ้อนวอนขอให้กูยกโทษให้สิ"
"ก็บอกสักทีสิว่ามันเรื่องอะไร"
"กูยังไม่บอก เพราะกูยังไม่เชื่อใจมึง มึงมีหน้าที่ทำให้กูเชื่อใจแล้วยอมคุยด้วย เพราะถ้าเล่าอะไรไปกูกับน้องกูเป็นฝ่ายเสีย เข้าใจรึเปล่า"
".........."
"ไอ้วิน! กูถามว่าเข้าใจรึเปล่า??? "
เสียงที่เกรี้ยวกราดของเก้าเจือด้วยความเจ็บปวดเหมือนสัตว์กำลังบาดเจ็บ วินเป็นคนทำให้เป็นแบบนี้เหรอ
"เข้าใจแล้ว"
".....ฮึ รู้มั้ยมีเรื่องน่าขำเรื่องนึง เมื่อก่อน... มึง กู โซ่ แล้วก็นุก เคยเรียนห้องเดียวกันอยู่ปีนึง แต่พวกเราต่างคนก็หันไปคนละทาง และมีความสุขดี"
"......"
"พอกลับมาประจันหน้ากัน เกี่ยวข้องกัน...ทำไมเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ไปก็ไม่รู้ ไม่มีใครมีความสุขเลย สิ่งสำคัญของทุกคนถูกทำร้ายหมด ยกเว้นแต่มึง! มึงทุกข์ใจเสียใจเป็นเหมือนมนุษย์มนาเค้าบ้างรึเปล่า มีอะไรที่สำคัญที่สุดในชีวิตบ้าง"
"ผม... ผมไม่..."
"มึงต้องตอบกูมาให้ได้ อะไรที่มึงต้องการที่สุด กูจะรอฟัง"
ผมมองตามหลังเก้าที่เดินกลับไป อย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผมทุกข์ใจ เสียใจอยู่ทุกวัน สิ่งที่ผมต้องการที่สุดคือได้ชีวิตและครอบครัวเดิมของผมคืน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ ผมก็เป็นแค่คนไม่มีความสุขอีกคนนึง และผมบอกอะไรกับใครไม่ได้เลย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ยาววววว แหะๆ ตอนนี้ตัวละครเยอะจัง ฉันหวังว่าจะไม่ยัดข้อมูลให้ผู้อ่านมากไปนะคะ
ไม่รู้จะหั่นแบ่งตอนตรงไหนดีสำหรับวันๆ หนึ่งของวิน
ส่วนเก้าที่บทน้อย คิดว่า... คิดว่าจะเพิ่มขึ้นนะ ตอนหน้าเจอกันค่ะ