Re: Hot Café รัก ร้อน ลับ >>incest<< #ตอนที่31บทสรุป P.4 [25/02/17]**จบแล้วค่า**
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Re: Hot Café รัก ร้อน ลับ >>incest<< #ตอนที่31บทสรุป P.4 [25/02/17]**จบแล้วค่า**  (อ่าน 21781 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
น้ำนิ่ง คงรู้สึกว่าถูกตาน้ำทิ้ง
เลยเกิดความรู้สึกเจ็บปวด
เป็นความรู้สึกด้านอารมณ์
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
บทที่ 25 รอยแผลเป็น

หลังจากหมอผู้เป็นญาติออกไป ตาน้ำก็ทรุดตัวร้องไห้ข้างเตียงของน้ำนิ่งอีกครั้ง มือสอดเข้าไปใต้ฝ่ามือข้างขวา ข้างที่เจาะน้ำเกลือไล้รอยเจาะนั้นอย่างแผ่วเบา ราวกลับกลัวคนที่หลับอยู่จะรู้สึกเจ็บ เพื่อนทุกคนตกใจกับอาการร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง จนต้องปลอบประโลมกันอีกครั้ง  จนคนร้องไห้ฟุบหลับอยู่ข้างเตียง

น้ำนิ่งตื่นขึ้น หลังจากรู้สึกว่าตัวเองหลับไปนานมาก ลืมตาขึ้นมาก็เห็นเพดานที่ไม่คุ้นตา กวาดตามองรอบตัว เห็นเพียว พอส กับต้าร์ ที่นอนเอนซบกันอยู่ และโอม นั่งเอนหลัยอยู่ที่โซฟา แล้ว 2 คนที่หลับอยู่ข้างเตียงนี่ใครกัน ความรู้สึกไหล่ไปอยู่ที่มือทั้ง 2 ข้างที่โดนกอบกุมไว้ รู้สึกเจ็บที่ด้านขวาก็พยายามจะถอนมือออกมา แต่คนที่จับอยู่นั้นรู้สึกตัวก่อน

“น้ำนิ่ง น้ำนิ่ง ฟื้นแล้ว ฟื้นแล้วหรอ เดี๋ยวพี่ตามพี่หมอแป็ปนึงนะ” อาการตกใจของตาน้ำทำให้ทุกคนในห้องตกใจตื่น

“มึงๆ ไอ้นิ่ง มึงเป็นไงบ้าง”

สมองที่เกิดจากอาการช็อคทำให้ยังประมวลผลไม่ได้ สัมผัสที่อยู่กับมือซ้ายยังไม่ถอนออกไปไหน ความรู้สึกแปลกประหลาดแล่นเข้าสู่การประมวลผล  สัมผัสจากมือข้างซ้ายและขวาที่ให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ภวิตตรวจร่างกายของน้ำนิ่งแล้วขอให้อยู่พักอีก 1 คืน เนื่องจากอาการเครียดสะสม แต่น้ำนิ่งกลับไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเครียดเลย
หากแต่ญาติผู้พี่ขอให้พักเพื่อดูอาการเช่นนั้น

ต้าร์ ลากลับไปเรียน เพราะน้ำนิ่งขาดเรียนจึงต้องการเก็บเล็คเชอร์ให้ พร้อมกับโอม คนสุดท้ายที่อยู่ในความทรงจำของน้ำนิ่งก่อนหมดสติไป หากก่อนที่โอมจะก้าวพ้นประตูออกจากห้องนั้น คนป่วยที่เงียบมานาน ก็เอ่ยทักขึ้น

 “โอม”

“…..” เจ้าของชื่อหยุดหันมองคนเรียก ด้วยรอยยิ้ม

“ขอบคุณนะ”

“อืม หายไวๆ เจอกันที่ม.นะ”  คำทักทายเช่นนี้ ทำให้พอสรู้สึกเจ็บยิ่งนัก หากปกติแล้วจะต้องเป็นตัวเองที่คนป่วยจะเรียกหาต่อจากฝาแฝด แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่

ห้องพักคนไข้เงียบลงอีกครั้ง นานเหลือเกินที่คนที่อยู่ในห้องรู้สึกว่า สายตาน้ำนิ่งเหม่อลอย ไม่โฟกัสกับสิ่งใด ราวกับไม่อยากรับรู้ และมองเห็นอะไร

“นิ่ง… คือ น้ำ…” “ขอน้ำหน่อย”  ตาน้ำยังไม่ทันที่จะพูดจบดี คนป่วยก็เรียกขอสิ่งที่ตัวเองต้องการราวกับไม่อยากฟัง
การเรียกที่ไม่เรียกชื่อใครสักคนที่อยู่ในห้อง ทำให้คนที่นั่งอยู่รู้สึกเจ็บ ทำไมน้ำนิ่งถึงไม่เลือกที่จะเรียกใครสักคน

“น้ำนิ่ง คือ พี่.. ฟังพี่ก่อนได้มั๊ย” สรรพนามที่แทนตัวเองเปลี่ยนไป ทำให้เพื่อนในห้องรู้สึกถึงความไม่ปกติในบรรยากาศนั้น เพียว พอส และ ทิม ขอตัวออกไปรอนอกห้อง

“พี่อยากอธิบาย” ตาน้ำเริ่มพูดก่อนที่จะโน้มตัวกอดคนไข้ที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่

“วันนั้นที่เราไม่สบาย หลังจากที่คุยกัน พี่ไปยืมหนังสือเพียว แล้วก็ไข้ขึ้นอีกรอบ  กลับห้องไม่ไหว ก็เลยให้นอนพักที่นั่น ตอนเช้าน้าพิมก็มาเจอพอดี จะบอกว่ากลัวเพียวเสียหายมันก็ไม่ใช่ แต่คือน้าพิมเข้าใจไปแบบนั้นแล้วก็ไม่ทันได้อธิบายอะไร ไม่อยากให้ผู้ใหญ่เป็นกังวล พี่ก็เลยไม่ได้บอกอะไรน้อง พี่ขอโทษ อย่าโกรธพี่เลยนะ พอสกับทิมก็ไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวอะไรด้วย อย่าไปโกรธมันเลย “

เสียงฝาแฝดที่คุ้นเคยพูดอยู่ข้างหู แต่น้ำนิ่งแทบจะจับใจความอะไรไม่เลยด้วยซ้ำ เหมือนข้อความทุกอย่างที่ตาน้ำพูดมาผ่านหูแล้วก็ออกไป ไม่ได้เข้าโสตประสาทสมองเลย หากคำเดียวที่ได้ยิน คือ ‘พอสและทิมไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวอะไรด้วย’ แต่สิ่งที่น้ำนิ่งมองเห็นตั้งแต่ฟื้นมา ทำให้ไม่รู้สึกเช่นนั้น

ตาน้ำรู้ว่าเขาไม่ควรที่จะโกหก หากแต่ตอนนี้น้ำนิ่งไม่ได้เปิดใจที่จะรับฟังเรื่องราวตั้งแต่ต้น ดีที่สุดคืออธิบายปัญหาที่เพิ่งเกิดตอนนี้ เพราะคนป่วยไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง แม้กระทั่งกอดเขากลับ

ความรักและความไว้ใจที่น้ำนิ่งเคยมีให้กัน ตอนนี้เขาเป็นคนทำลายมันเอง แตกต่างกับตอนที่เกิดเรื่องเพียว ครั้งนั้นเขาเป็นผู้ถูกกระทำ แต่ครั้งนี้เขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมา ทำไมสิ่งนั้นถึงไม่ย้อนกลับมาเกิดกับตัวเขา ทำไมถึงเป็นฝาแฝดแทน
การไร้ปฏิกิริยาตอบกลับ ทำให้ตาน้ำเริ่มสะอื้นอีกครั้ง

“พี่ขอโทษ พี่… อึก ขอโทษ พี่ควรจะบอกน้องก่อน ว่าน้าพิม เข้าใจไปแบบนั้น พี่ขอโทษ อึก พี่เป็นห่วงน้องเรื่องที่ไปบ้านทิมมากกว่า ก็เลยไม่ทันได้บอกอะไร ฮือ พี่ขอโทษ”

หากถามว่าน้ำนิ่งรู้สึกอะไร สิ่งเดียวที่ทำให้รู้สึกได้ คือเสื้อที่เปียกน้ำตาของอีกฝ่าย แค่นั้นจริงๆ

เสียงโวยวายของตาน้ำทำให้เพื่อนที่อยู่บริเวรโซนรับแขกของห้องพัก เปิดประตูเข้ามา
เพียวและทิม ช่วยแยกตาน้ำออกไปนั่งพัก เปลี่ยนเป็นพอสที่ยืนอยู่ข้างเตียง

สายตาคนป่วยส่งมาด้วยคำถามราวกับต้องการให้บอกอะไรบางอย่าง หากแต่พอสไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกไป เพราะรู้เรื่องราวจากเพียว ที่เล่าให้เขาและทิมฟังว่า ตาน้ำไม่สบายอยู่ที่ห้องพี่ชายตัวเองแล้ว แม่ก็เปิดมาเจอ ก็เลยตามเลย แค่นั้น หากจริงๆ        พอสรู้มากกว่านั้นด้วยซ้ำไปแต่ก็ไม่อยากจะขัดอะไร

“มึง….เป็นไง…..” “มีอะไรจะบอกมั๊ย”
ถามคนป่วยยังไม่ทันจบ ก็ได้คำถามกลับมาซะก่อน

“มึงจะให้กูบอกเรื่องไร เรื่องพี่เพียวกับน้ำกูก็รู้เท่าที่มึงรู้” เพราะอยากให้เพื่อนสบายใจ ก็เลยตอบไปอย่างนั้น  หากแต่เห็นน้ำนิ่งส่ายหน้าก็พาให้ใจเสีย

“เรื่องมึงกับต้าร์”

“มึง… มึง รู้ได้ไง” ตอนแรกน้ำนิ่งคิดว่าภาพที่เห็นนั้นอาจจะเป็นการคิดไปเอง หากแต่พอสออกอาการเช่นนี้นั่นทำให้เขาเข้าใจถูกต้อง

“เมื่อกี้มึง 2คนนอนกอดกัน นี่เห็นกูเป็นอะไรกันไปหมด ทั้งพี่กู เพื่อนรักกู กูมันไม่สำคัญกับพวกมึงเลยสินะถึงทำกันแบบนี้ เพราะแบบนี้ใช่มั๊ยถึงอยากให้กูคบกับทิมนัก รังเกียจกู อยากให้กูไปพ้นๆกันนักใช่มั๊ย”

“ไม่… ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ กูแค่อยากให้มึงมีความสุขนะ” พอสจะโผลเข้ากอดอย่างเคย หากแต่น้ำนิ่งขยับตัวหนี

“ไม่ต้องมาจับ รังเกียจกูกันนักก็อย่ามาจับ”

“ไม่..ไม่ใช่นะ มึง มึงกูไม่ได้คิดอย่างนั้น”

เสียงคนป่วยโวยวาย ทำให้ 3 คนที่อยู่ด้านนอกรีบวิ่งเข้ามา เป็นทิมที่เข้าถึงตัวก่อน คว้าเอามือจับแขนที่น้ำนิ่งจะปาแก้วน้ำลงพื้นได้ทันที

“ไป…รังเกียจกูกันนัก ทั้งพี่ ทั้งเพื่อน ก็ไปเลย อย่ามาแตะตัวกู” คำพูดจากคนป่วยเข้ากระทบใจตาน้ำและพอสอีกครั้ง ความผิดพลาดครั้งนี้ส่งผลให้ความรู้สึกเดิมของน้ำนิ่งกลับคืน

“ชู่ว์…..คนดี ไม่ทำแบบนี้นะครับ ไม่เอา นะ ไม่เอา ทุกคนเป็นห่วงนะครับ อย่าคิดมากนะเดี๋ยวเป็นลมอีก ทิมอยู่นี่นะ ไม่เอานะไม่ร้อง”

อ้อมกอดของทิม ทำให้คนป่วยที่โวยวายสงบลงเหลือเพียงเสียงสะอื้น เพราะความรู้สึกอบอุ่นที่คุ้นเคยถูกส่งมาอีกครั้ง
ภาพตรงหน้าทำให้ตาน้ำและพอส เบี่ยงหน้าหนี เพราะรู้ดีว่าตอนนี้เขาไม่ใช่คนที่ถูกเลือกอีกต่อไป


‘หากถามว่าน้ำนิ่งรู้สึกอะไร โกรธ น้อยใจ เสียใจ คำตอบก็คงจะเป็นที่ไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะทุกอย่างผสมปนเปกันไปหมดทุกอารมณ์ จนไม่รู้จะแยกออกมาเป็นอันไหนก่อนดี หากแต่รอยแผลเป็นของเขาถูกกรีดออกอีกครั้งโดยฝาแฝดและเพื่อนรัก’


-----------------------------------TBC----------------------------------

ตอนนี้มาไวแท้ เก็บสต็อกให้คนอ่านก่อน เพราะกลัวตัวเองยุ่ง  :katai4:

น้ำนิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่สำคัญ เพราะคนอื่นรู้เรื่องก่อนตัวเอง ทั้งที่เป็นเรื่องของคนที่ตัวเองรักและอยู่ด้วยกัน
อีกส่วนคืออาการคล้ายอกหัก คนอีกคนมีคนอื่น แต่ไม่ยอมบอก เลยตั้งตัวรับไม่ทัน มองด้านของตัวเองคือ
ตาน้ำรู้เรื่องน้ำนิ่งทุกอย่างแต่น้ำนิ่งรู้เรื่องตาน้ำอีกทีคือคบเพียวไปแล้ว


*Hyperventilation เป็น อาการแสดงออก ที่เกิดจาก ความผิดปกติ ของภาวะทางจิตใจ แต่ไม่ใช่โรคจิต
ส่วนใหญ่ มักพบเกิดอาการเมื่อ มีความวิตกกังวล มีเรื่องเครียด กลัว หรือ แม้แต่ ตกใจมากๆ ก็เป็นได้ หรือในบางคนที่ปวดหัวมาก มีไข้สูงมาก หรือเจ็บปวดจากอย่างอื่น ก็มีอาการเกิดขึ้นได้ เช่นกัน ใครดูพี่ว๊ากตัวร้ายมาจะรู้ดี แฮ่ๆ

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนรอ คนอ่าน คนเม้นท์ทุกคนนะคะ

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
ถ้าไม่คิดว่าเป็นการแสดงออกจากภาวะผิดปกติเราคงคิดเป็นการงอนพี่ชายตัวเอง แบบมากๆอ่ะนะ

ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
บทที่ 26 ความคุ้นเคย

ตาน้ำกลับไปเอาเสื้อผ้าเพื่อให้น้ำนิ่งเปลี่ยนในวันกลับบ้าน โดยมีเพียวขับรถให้เหมือนเคย เหลือแค่ทิมที่ยังคงนั่งอยู่ข้างคนป่วยไม่ห่าง ส่วนพอสก็กลับไปเรียนเนื่องจากกลัวต้าร์จะจดเล็คเชอร์เก็บให้คนป่วยไม่ทัน ถึงเวลาสลับเวร ทิมขอกลับเพื่อไปให้อาหารกะทิ

หมอภวิตเรียก ตาน้ำ รวมทั้งคนใกล้ชิดที่อยู่ด้วยตอนนี้ คือ เพียว และพอสที่กลับมาหา เข้าพบ เพื่อแจ้งอาการและวิธีรักษาก่อนกลับ

“ถ้าเป็นไปได้ อยากให้พามาเจอพี่อาทิตย์ละครั้ง ในช่วยนี้ ดูแล้วสภาพจิตใจกระทบกระเทือนพอสมควร พี่กลัวว่าจะเป็นแพนิค มากกว่า ถ้าเกิดอะไรฉุกเฉิน โทรหาพี่ได้ตลอด ทุกคนเลยนะ ฝากไปบอกทิมด้วย”

คุยกับหมออยู่นาน พอทั้ง 3 คน กลับมาที่ห้องพักฝื้นอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ คนไข้ไม่อยู่แล้ว!

สอบถามกับพยาบาลที่เคาเตอร์ หรือ ประชาสัมพันธ์ก็ไม่มีใครพบเห็น  คนแรกที่ตาน้ำคิดออกตอนนี้คือ ทิม

“ทิม!! น้ำนิ่งหายไป” ทิมที่กำลังออกจากห้องเพื่อไป โรงพยาบาลรับโทรศัพท์ของเพื่อนสนิท

“มึงว่าไงนะ!! นานรึยัง”

“กูไม่รู้วะ ไปคุยกับพี่หมอมา กลับมาก็หายไปแล้ว แถมเปลี่ยนชุดออกไปด้วยคงไม่มีใครสังเกตคิดว่าเป็นกูกันหมด”

“ไอ้เหี้ยน้ำ!!!! มึงนี่มัน… ดูยังไงของมึงว่ะ แม่ง จะไปไหนต่อ เดี๋ยวกูไปหา”

ตาน้ำวนกลับไปที่คอนโดเป็นที่แรก ในใจเขาก็รู้คำตอบแน่ชัดว่าน้ำนิ่งไม่มีทางกลับมาที่นี่ เพียวและพอสไปหาที่บ้านชานเมือง ใกล้ รร. นานาชาติเดิม ก็ไม่เจอ  หากตอนนี้ทุกคนกลับมารวมกันที่ร้านกาแฟใต้คอนโดพอส ที่ที่คิดว่าน้ำนิ่งจะมา

“หรือว่ากลับบ้านที่อยุธยา” ทิมเอ่ยทัก เพราะที่นั่นดูแล้วอบอุ่น คิดว่าน้ำนิ่งน่าจะกลับไปพักได้ แต่ตาน้ำกลับส่ายหน้า

“มันไม่กลับไปคนเดียวหรอก”

“ไม่ใช่ที่นี่ คอนโดก็ไม่กลับ บ้านก็ไม่ไป แล้วมันไปไหนวะ”พอสเอ่ยขึ้นอย่างลอยๆ เขาเพียงแค่คิดว่า ถ้าน้ำนิ่งไม่อยากกลับไปที่ที่มีตาน้ำอยู่ก็น่าจะมาหาเขา

“ร้านละเพียว ถามใครรึยัง”

“พี่ที่ร้านบอกว่า ไม่มี แต่ถ้าไปจะโทรมาบอก”

“เว้ย!! จะไปหาที่ไหนว่ะ แม่งเอ้ย”

“ไอ้น้ำ มึงใจเย็นๆ ค่อยคิด” เป็นทิม ที่ปลอบใจเพื่อน แต่หากคำพูดของใครบางคนพาให้เข้ารู้สึกผิดอีกครั้ง ‘ดูแลไม่ได้ก็ปล่อยเขาไปซะ’


นานเท่าไรไม่รู้ที่น้ำนิ่งพาตัวเองออกมาจากโรงพยาบาลด้วยร่างกายที่สมองแทบจะไร้การประมวลผล หากแต่การเรียกแท๊กซี่ออกมาทำให้เขาพาตัวเองมาถึงที่นี่ได้ ‘คอนโดของทิม’ เพราะทุกๆที่เคยมีความรู้สึกที่มีฝาแฝดอยู่ อารมณ์ตอนนี้ไม่อยากที่รับรู้สิ่งใดที่จะทำให้ใจเจ็บอีก จึงได้หลีกเลี่ยงสถานที่ต่างๆ และปิดการติดต่อทุกอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ใจจึงพาขามาถึงที่นี่ ที่ที่พักหลังนี่เขามาบ่อยจนกลายเป็นความคุ้นเคย

ไม่รู้จะติดต่อเจ้าของห้องยังไง เพราะถ้าเปิดมือถือฝาแฝดก็ต้องตามตัวเจอ พาตัวเองไปนั่งในซุปเปอร์มาเก็ตใต้ดอนโด ที่มีโซนนั่งทานอาหาร นานจนง่วงแล้วเผลอหลับไป

ทิมกลับมาที่คอนโดตัวเองหลังจากแยกจากกลุ่มตาน้ำ เพราะคิดไม่ออกว่าจะตามหาอีกคนได้ที่ไหน เดินเข้าซุปเปอร์ หางตาก็เห็นร่างที่คุ้นเคยฟุบหลับอยู่ พนักงานที่เพิ่งเปลี่ยนกะตอนที่น้ำนิ่งมาพอดี ก็เข้ามาทัก

“น้องทิม เพื่อนมารอแนะ พี่เห็นมานั่งตั้งนาน ไปแจ้งที่ประชาสัมพันธ์ในตึกให้ เค้าบอกห้องไม่มีใครรับ มือถือก็โทรไม่ติด”

เพราะคุ้นหน้าคุ้นตากับคนที่มาเป็นแขกของทิมบ่อยๆ เวลามาก็เห็นทั้ง 2 คนซื้อขนม ตุนเสบียงไปกันเสมอ และเพราะทุกครั้งเจ้าของห้องได้แต่ถือตะกร้าเดินตามแขกผู้มาเยือน จึงทำให้คนรอบข้างสนใจกันเป็นธรรมดา และเป็นภาพที่ติดตา กับบรรยากาศน่ารักของทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี

 “มือถือผมแบตหมดครับ มานานแล้วใช่มั๊ย” ถามพลางเดินเข้ามาหาอีกฝ่าย

“ก็นานจนหลับอย่างที่เห็นละคะ พี่ปลุกให้ไปนั่งที่ประชาสัมพันธ์ก็ไม่ไป บอกเดี๋ยวหิวจะออกมาซื้อขนมอีกไม่ได้”
เพราะไม่เคยให้คีย์การ์ด ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะลำบากใจได้การรับ ทำให้ครั้งนี้ทิมรู้สึกผิดที่ทำให้คนที่เพิ่งหายป่วยมานอนฟุบที่โต๊ะเช่นนี้

“ขอบคุณมากนะครับพี่ที่ช่วยดูแลให้ “ พูดแล้วก็หันปลุกคนหลับอยู่

“น้ำนิ่งๆ “ส่งมือไปสัมผัสคนที่หลับให้รู้สึกตัว

“อื้อ… ทิม ทิม มาแล้ว” ลืมตาตื่น เห็นคนที่ตัวเองมารอ ก็เผลอเข้าสวมกอด

“อืม มาแล้ว อยู่นี่แล้ว ขึ้นข้างบนกันเถอะ”  ก่อนจะลุกออกไป น้ำนิ่งก็หันไปขอบคุณพี่พนักงานในร้าน

พาน้ำนิ่งขึ้นมาถึงห้อง ก็หาเสื้อผ้าให้อาบน้ำ เพื่อจะได้หาทางส่งข่าวบอกตาน้ำ

“น้ำ กูเจอแล้ว อยู่คอนโดกู”

“เหี้ยทิม! ทำไมเพิ่งมาบอก”

“กูเพิ่งแยกจากมึงแล้วกลับมาถึงมั๊ยละ กลับมาก็เจอเขานอนหลับอยู่ในซุปเปอร์ ดีพี่พนักงานจำได้ เลยช่วยดู”

ฟังคำจากเพื่อนตาน้ำก็ได้แต่ถอนหายใจ ตอนนี้น้ำนิ่งคงไม่อยากเจอเขา

“ฝากมึงช่วยดูก่อนละกัน ตอนนี้มันคงไม่อยากเจอกู มีไรก็ไลน์มานะ”

“ไม่มีปัญหา กูเคยบอกแล้วว่ากูจะดูแลเขาให้ดี”

“ขอบใจมากมึง” รีบคุยรีบวาง เพราะกลัวคนที่อาบน้ำเสร็จจะออกมาโวยวาย

หันตัวเองมองเข้าห้อง คนที่อาบน้ำออกมาพอดี  มองคนเดินออกจากห้องน้ำ ก้มลงอุ้มแมวไว้ในอ้อมกอด เดินเข้าโซฟามุมประจำ ทิมก็ก้าวขาเดินกลับเข้าห้อง มองคนนั่งลูบแมวที่น้ำตาเริ่มเอ่อไหลในกระบอกตา ทิมก็ก้าวถึงตัวเข้าโอบไว้พร้อมก็ยกนิ้วปาดน้ำตาที่ไหลออกมาก่อนจะตกถึงแก้มใส ดันให้คนที่น้ำตาเอ่อซบเข้าที่อกตัวเอง

“อึก!... ทิม”

“ชู่ว์….คนเก่ง ร้องทำไมไหนบอกทิมสิครับ”

“ทิม… น้ำ อึก! น้ำไม่รักเราแล้ว” ใจหายวูบกับคำที่ได้ยิน ฝาแฝดรักกันแบบไหน

“ทำไมถึงคิดแบบนั้นละ เล่าให้ฟังได้มั้ย”

“ก็น้ำไม่ยอมบอกเราเรื่องพี่เพียว” เหตุผลนี้เองหรอที่ทำให้คนตรงหน้าเศร้า

“อืม… น้ำนิ่ง ชอบทิมมั๊ย” คนที่อกยกหัวมามองหน้า ทิมก็รู้ว่าตัวเองเปรียบเทียบผิดพลาด จึงต้องเปลี่ยนหัวข้อใหม่

“เอาใหม่ น้ำนิ่งว่า กะทิรักทิมมั๊ย” คนนี้ต้องใช้แมวเข้าล่อเท่านั้น ถึงได้ผล

“รักสิ ก็ทิมเป็นเจ้าของกะทินิ”

“อาห๊ะ แล้วเวลาน้ำนิ่งมาเล่นด้วย ให้นมกิน ให้ปลาเส้น  ให้ขนมปัง ยอมให้น้ำนิ่งอุ้ม เล่นด้วย แบบนี้ กะทิมันรักน้ำนิ่งมั๊ย”

“ทิมรู้ด้วยหรอว่าเราแอบให้ขนม ไม่รู้สิ รักมั้ง” คนตอบเสียงอ่อยลง จากตอนแรก

“แล้วพอน้ำนิ่งกลับไป กะทิอยู่กับทิมเหมือนเดิม กะทิจะยังรักทิมอยู่มั๊ย” ไม่พูดป่าว คว้าแมวที่ตัวอีกคนมาอุ้มไว้ ให้มองเห็นภาพ

“ก็รักสิ ก็กะทิอยู่กับทิมนิ” คำตอบที่ได้ยินนั้นทำให้ทิมรู้ว่าอีกฝ่ายเริ่มลำดับความได้บ้าง

“อืม…. น้ำนิ่งรู้มั๊ย ตอนที่ยังไม่ฟื้น น้ำมันร้องไห้ ร้องตลอด มันบอกว่ามันทำน้ำนิ่งเจ็บ ร้องจนเพลียแทบจะหมดแรง พี่หมอมาดูอาการก็ให้ให้น้ำเกลือ ให้นอนพักอีกห้อง มันก็บอกว่าไม่เอา จะอยู่ห้องนี้ เดียวน้ำนิ่งตื่นมาไม่เจอมัน พี่หมอก็ต้องเอาน้ำเกลือมาให้มันในห้อง หมดก่อนที่น้ำนิ่งจะฟื้นไม่นานเอง แบบนี้ยังคิดว่าน้ำไม่รักอยู่มั๊ย”

เล่าไปก็เกิดความสงสัย แต่ใจคิดว่าเพราะฝาแฝดมีสัมผัสมากกว่าพี่น้องธรรมดาก็เป็นได้

“แต่น้ำอะ ไม่เห็นเราสำคัญเลย มีอะไรก็ไม่บอก ให้เรารู้เรื่องจากคนอื่น แบบนี้เรียกว่ารักหรอ ”

“บางที น้ำมันอาจจะยังไม่พร้อมที่จะบอกก็ได้นะ แต่ดันเกิดเรื่องซะก่อน” เท่าที่ฟังเพื่อนเล่ามันก็เป็นเช่นนั้น ตาน้ำก็อยากที่จะเห็นน้ำนิ่งมีความสุข จึงรอให้เขาและน้ำนิ่งตกลงกันได้ก่อน

“ทิมเข้าข้างน้ำ” นั่นไงละ น้ำนิ่งตอนนี้ไม่ได้นิ่งแล้ว เพราะกำลังไหลวนพาลไปเรื่อย

“ไม่เอาสิครับ นั่งอยู่ด้วยกันนี่ ยังว่าทิมจะเข้าข้างน้ำอีก หืม” ปล่อยแมวลงพื้น หันกอดคนที่ซบอยู่อย่างแนบสนิท ลูบหลังปลอบโยนอย่างถนอม คนในอ้อมกอดสะอื้นขึ้นอีกครั้ง

“เราไม่รู้ อึก! เราก็ไม่รู้ ทุกคนดูเหมือนอยากให้เราอยู่กับทิม ทั้ง น้ำ ทั้ง พอส ทำไมละ เราน่ารังเกียจหรอ ทำไมต้องไล่เรามาอยู่กับทิมด้วย”

“คนเก่งของทิม ร้องไห้อีกแล้ว ชู่ว์ ไม่เอานะไม่ร้อง” ดันตัวอีกฝ่ายออก พร้อมจูบซับน้ำตาอย่างแผ่วเบา

“’งั้นทิมถามอะไรอีกอย่าง น้ำนิ่งอยู่กับทิมแล้วมีความสุขมั๊ย” คนฟังคำถามมุดหน้าหนีซบลงกับบ่า

“ก็มี” ตอบออกมาอย่างแผ่วเบา

“เพราะทุกคน รักน้ำนิ่ง อยากเห็นน้ำนิ่งมีความสุขไง เขาถึงอยากให้น้ำนิ่งอยู่กับทิม แบบนี้ไม่เรียกว่ารักหรอ เวลาน้ำนิ่งอยู่กับกะทิน้ำนิ่งมีความสุข ทิมถึงอยากให้น้ำนิ่งมาหากะทิบ่อยๆไง” แอบบอกรักทางอ้อม หากแต่คนตรงหน้ายังวนเวียนกับเรื่องฝาแฝดและเพื่อนสนิท

“….”ไม่มีคำตอบ เรื่องแบบนี้คงต้องให้เวลาสักหน่อย

‘กอดปลอบคนงองแ โยกซ้ายขวา ราวกับกล่อมเด็กนอน ทิมรู้สึกว่าเรื่องราวครั้งนี้สำหรับฝาแฝดมันใหญ่หลวงนัก แต่ก็มองไม่ออกว่าทำไมถึงใหญ่โตเพียงนี้ อย่างน้อยการมาของน้ำนิ่งครั้งนี้ ทำให้ทิมรู้ว่าเขาเป็นคนที่น้ำนิ่งเลือกที่จะไว้ใจ’

-----------------------------------TBC-----------------------------

คนแบบน้ำนิ่งต้องเอาแมวเข้าล่อ ทิมว่าแบบนั้น

อารมณ์น้อยใจ ไม่เห็นว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ เครียด

ปนกับความรู้สึกว่าคนอื่นรังเกียจตัวเอง ตีรวน ปนเปไปหมด

ไหนจะเพื่อนที่อยู่ด้วยกันทุกวัน แต่คบกันแล้วไม่บอกอีก

ชีวิตมันเศร้านัก

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนรอ คนอ่าน คนเม้นท์ ทุกคำติชมนะคะ

ออฟไลน์ shcheribrand

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น้ำนิ่งสู้  :mew1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
น้ำนิ่ง มีภาวะทางอารมณ์อ่อนไหวมากกว่าคนทั่วไป
เพราะในอดีตเคยเกิดเรื่องไม่ดี จนตัวเองช็อค
พอเกิดเรื่องที่กระเทือนทางอารมณ์
แล้วคิดเองเออเอง ว่าถูกเพื่อนๆผลักไส
ตาน้ำก็ไม่รัก ไม่บอกเรื่องเพียว
มาหาทิม ก็คงไว้ใจทิม ทิมน่าจะปลอบโยนได้
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
นุ้งเหมียวเบื่อ มนุษย์คนเขียน อัพก็ช๊า คนอ่านก็รอ ปวดหัวๆ
แวะเอาแมวมาอ้อนคนอ่านแป๊ปนึง

ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
บทที่ 27 ง้อ

เช้าวันเรียนวันสุดท้าย ทิมรู้สึกตัวตื่น เมื่อคนข้างๆ หายไป ลุกเดินตามหา จึงได้ยินเสียงคุยกับแมวที่โซนครัว

“กะทิ ทิมจะชอบกินแบบนี้มั๊ย” แมวน้อยที่นั่งให้กำลังใจ ตอบเพียงเสียงเงี๊ยวง๊าว ทิมเดินเข้าไปด้านหลัง โผลเข้ากอด แล้วก้มจูบที่ท้ายทอยอย่างอ่อนโยน

 “ อะ ทิม” “ Morning Kiss” คนด้านหน้าก็หูแดงทันที นี่จุดอ่อนสินะ

“ทำอะไรกิน หืม”    

“แซนวิสทูน่า กินได้ป่ะ”

“แอบให้กะทิ กินแล้วใช่มั๊ย”

“รู้ทันอีกแล้ว”

“ไหนเอามาชิมสิ” น้ำนิ่งหมุนตัวหันหน้าเข้าหา ส่งแซนวิสยื่นให้ ทิมเอื้อมมือไปจับที่มืออีกฝ่ายแล้วขยับเอาแซนวิสที่มือเข้าปาก
เจ้าของมือสีหน้าขึ้นริ้วแดง

“ทิม! แกล้งอีกแล้ว”

“แกล้งอะไรละ ก็อยากให้ป้อน ป้อนไม่ได้หรอ”

“ได้ ก็ป้อนแล้วไง”

“งั้นทิมป้อนมั่ง” ว่าแล้วทิมก็ก้มลงกัดแซนวิสคำเล็กๆ แล้วขยับหน้าเข้าหาอีกคน ใช้ปากป้อนแซนวิสแล้ว ผละออกมา

“ทิม!”

“อร่อยป่ะ” เห็นคนเคี้ยวแซนวิสแล้วกลืน ทำให้ทิมขยับปากเข้าประกบอีกคนอย่างแผ่วเบา จนคนโดนโอบไว้ต้องดันออก

“อื้อ”

“สัญญาอะไรอย่างนึงก่อน”

“อะไรหรอ”

“วันนี้ไม่ว่า ตาน้ำหรือ พอส มาคุยด้วย น้ำนิ่งต้องคุยด้วย”  คนฟังได้ยินก็ส่งตาค้อนเล็กๆ แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ

“สัญญามั๊ย ถ้าไม่สัญญา ทิมจูบ”

“สัญญาๆ  ทิมไปอาบน้ำเร็วเดี๋ยวสาย”

“ไม่อยากให้จูบหรอ” ส่งน้ำเสียงตัดพ้อเล็กน้อย

“ไม่…ไม่ใช่นะ ก็สายแล้วทิมยังเล่นอีก” คนปฏิเสธหน้าขึ้นสี

“ใครบอกเล่น จูบจริงต่างหาก” ว่าแล้วก็ขยับจูบคนในอ้อมกอดอย่างแผ่วเบา

“สัญญาแล้วไม่ทำนะ โดนหนักกว่านี้แน่”

น้ำนิ่งยังคงมึนงงในคำสัญญา ไหนบอกว่าสัญญาแล้วจะไม่จูบไง ทำไมถึงโดนจูบละ นี่โดนทิมแกล้งอีกแล้วใช่มั๊ย

โรงอาหาร พอสนัดแนะกับทิมเป็นอย่างดี ให้พาน้ำนิ่งไปเจอกัน ทิมซึ่งรู้เรื่องราวดี ก็จัดที่ทางให้น้ำนิ่งนั่งชิดด้านใน เพื่อจะได้ลุกหนีเพื่อนได้ยาก

“มึง ฟังกู 2 คนก่อน กู 2 คนยังไม่ได้เป็นอะไรกันนะเว้ย”  พอสเป็นคนเอ่ยทักขึ้น

น้ำนิ่งนั่งเงียบจนทิมต้องส่งมือแอบไปจับใต้โต๊ะ
 
“เอาจริงๆ กู 2 คนแค่อยู่ในระยะศึกษากัน ยังไม่ได้เป็นแฟนกันนะเว้ย มึงอย่าเพิ่งคิดไปไกล กูเองก็เพิ่งรู้ใจกันก่อนไปงานวันเดียว จะบอกก็ไม่รู้จะบอกยังไง เพราะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยู่ในสถานะไหน” ต้าร์เสริมขึ้น ตามที่ได้ตกลงกับพอสมาก่อนหน้า

“อย่าโกรธกู 2 คนเลยน๊า” เพื่อน 2 คนเอ่ยขึ้นพร้อมกันอย่างอ้อนวอน น้ำนิ่งหันสบตาทิม แววตาที่ให้กำลังใจและเหมือนจะบอกว่ายอมรับทุกการตัดสินใจ มือที่จับไว้บีบเบาๆ ย้ำเตือน สัญญาที่เคยให้ไว้ก่อนออกมาเรียน

“คิดดูก่อน” เพราะ 2 คนตรงหน้า คือเพื่อนที่ดีที่สุด แต่คนงอนใครเขาหายงอนง่ายๆกันละ

“เดี๋ยวกูเลี้ยง มังกรเขียว ตอนนี้มีโปรบุฟเฟ่ต์ ด้วย” เสี่ยออกอาการเอาของกินมาล่อ

“เห้ยจริงดิ! อยากกินอะ โอ๊ย! “ คนตอบรับไม่ใช่คนงอนเพื่อน แต่เป็นคนนั่งข้างพอสนั่นละ เลยโดนเสยไปซะหนึ่งที

“อยากกินก็ทำให้มันหายงอนไวๆ”

“น้ำนิ่ง หายงอนกู 2 คนเถอะนะ มึงงอนพวกกูนี่ เหง๊าเหงา ชีวิตไม่สดใสซาบซ่า เสมือนว่าไม่ได้กินน้ำอัดลม ขมขื่นยิ่งกว่ากินยาแก้ไออีก ดีกันน๊าๆ  จะสอบแล้วนะมึง งอนเพื่อนเดี๋ยวสอบไม่ผ่าน เพราะสมองฟุ้งซ่าน มัวแต่คิดเรื่องอนพวกกูเนี่ย”

ต้าร์จัดเต็มจนน้ำนิ่งหลุดขำไม่ได้ ก็จริง อาทิตย์หน้าก็สอบแล้ว ถ้าแยกสมองไม่ได้ คงไม่ไหวแน่นอน

“จะเลี้ยงเมื่อไหร่ไอ้พอส” คนงอนเอ่ยถามเพื่อน ก็ของกินที่เอามาล่อนั่นร้านโปรดนี่หน่า เพื่อนรู้ใจขนาดนี้จะไม่ให้รักได้ไง

“สอบเสร็จ ห๊ะ! ห๊ะ! มึงถามว่าไรนะ ตกลงหายโกรธแล้วใช่ปะ ใช่ป่ะทิม มันหายโกรธแล้วใช่ป่ะ”

เพราะไม่เชื่อหูตัวเอง จึงต้องหันไปถามคนนั่งข้างเพื่อน

”หายก็ได้ แต่ต้องเลี้ยงทิมด้วย”

“เดี๋ยว กูแถมอาหารแมวไอ้ทิมให้ 5 กิโลเลย”

“ขนาดนั้นเชียว” เจ้าของแมวตอบรับ

“แน่นอน”

ทำให้เพื่อนรักกลับมาเข้าใจกันได้ก็โล่งใจ แต่เรื่องฝาแฝดนี่สิ ทิมไม่รู้ว่าจะทำยังไง ให้อีกคนรับฟัง

แล้วคนที่ไม่เคยมาโรงอาหารกลางก็มาถึง มาพร้อมกับขนมหวานของโปรดฝาแฝดตัวเอง

พอสและต้าร์ ขยับออกให้ตาน้ำนั่งลงตรงข้ามน้ำนิ่ง

“ซื้อมาให้อะ” ไม่รู้จะทำยังไง ก็เริ่มจากการเอาของกินมาหลอกล่อก่อน

สายตาว่างเปล่ามองขนมหวาน จนทิมต้องบีบมือเรียกสติ

“ทิมกินมั๊ย?” ถามพร้อมกับเลื่อนถ้วยขนมไปให้

“กินด้วยกันสิ เดี๋ยวป้อน” ลอบสบตาเพื่อนแล้วก็ขยับจะป้อนอีกฝ่าย ยอมทำให้กินขนมได้ นั่นก็ถือว่า ลดความมึนตึงลงไปได้บ้าง แม้จะแค่ 10 %

“บ้า ไม่เอา คนเยอะ”

“ไม่ให้ป้อนก็กินดิ ไม่กินทิมป้อนนะ” น้ำนิ่งมองคนที่ตักขนมเข้าปากแล้วส่งช้อนให้ด้วยสายตาอ้อนวอนเหมือนเจ้ากะทิร้องขอเล่นด้วยไม่มีผิด

“กินก็ได้” ตักขนมเข้าปากเพียงน้อยนิด แต่นั่นก็ทำให้ตาน้ำดีใจมากแล้วที่น้ำนิ่งยอมกินขนมที่ซื้อมาง้อ

“กินแล้ว ทิมกินให้หมดเลย” ว่าแล้ว ทิมก็ต้องรับขนมมา กูช่วยได้เท่าที่ช่วยละว่ะไอ้น้ำ พยายามต่อไปนะเว้ย

“ไวๆ ทิม จะได้เวลาเรียนแล้ว” พอสเอ่ยทัก เพราะเรียนวันสุดท้าย วิชาที่มีเรียนเหมือนกันอาจารย์จึงยุบรวม เพื่อให้มีเวลาหยุดอ่านหนังสือมากขึ้น

“ไปๆ”

เด็กบริหารเดินนำข้างหน้า มีวิศวะเดินตาม  ปรับทุกข์กันอยู่ด้านหลัง

“มึงจะยังไงน้ำ”

“เดี๋ยวตอนเย็น กูไปหาที่ห้องมึง”

“แล้วเรื่องพี่เพียว นี่มึงยังไง“

“ไม่รู้วะ กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“อ่าว… มึงนี่”

“ให้มันหายโกรธกูก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”


น้ำนิ่งรอทิมมารับที่หน้าคณะ พอสกับต้าร์เมื่อส่งเพื่อนเสร็จก็แยกไป

“เย็นนี้อยากกินอะไร” คนขับรถเอ่ยถามคนนั่งฮัมเพลงข้างๆ ปฏิกิริยาดูแตกต่างจากเมื่อวานที่บึ้งตึงกับฝาแฝด

“ไม่รู้อะ ทิมอยากกินไรอะ”

“แวะห้างมั๊ย จะได้ไม่ต้องล้างจาน”

“ก็ได้ มีของต้องซื้อด้วย” เห็นคนหันมายักคิ้วลิ่วตาให้ก็แปลกใจ อารมณ์ดีอะไรหนอ

2 หนุ่มเขาร้านอาหาร สั่งอาหารจานเดียวทานอย่างง่ายๆ เพราะคนนึงไม่ทานของหนักช่วงเย็น ส่วนนักกีฬาก็รักษาหุ่นเต็มที่
เสร็จจากร้านอาหารก็ได้เวลาซื้อของ

“ทิมมีอะไรต้องซื้อมั๊ย”

“ว่าจะซื้อขนมให้กะทิหน่อย รู้สึกเหมือนเบื่ออันที่กินอยู่เลย”

“งั้นแยกกันดีกว่า จะได้กลับไม่ดึก เสร็จแล้วเดี๋ยวเราโทรหา”

“เดินคนเดียวได้นะ” เพราะห่วงเรื่องเข้าใกล้คนแปลกหน้า เลยอดถามไม่ได้

“ได้ แป๊ปเดี๋ยวเอง มีของในใจไม่เลือกนานหรอก ไปชี้ๆ จ่ายตังค์จบเลย”

“ไม่นาน ก็ไม่เห็นต้องแยกกัน” ทิมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่อยากออกห่างจากน้ำนิ่งมากขึ้นทุกที

“ก็ทิมนานอะ กว่าทิมจะเลือก นู้นนี่นั่น เราซื้อเสร็จเดินไปหา ทิมเสร็จพอดี”

“โอเคยอม”


ซื้อของเสร็จ ก็ได้เวลากลับเขาที่พัก ถึงห้อง2 คนก็ทิ่งร่างลงบนโซฟา อย่างหมดแรง แมวน้อยเดินมาหาคลอเคลียไม่ห่าง

“น้ำนิ่ง ทิมเอาขยะไปทิ้งแป๊ปนะ เดี๋ยวไปซื้อขนมด้วย เมื่อกี้ที่ห้างหมด” ว่าแล้วก็จัดการตัวเองตามแผนที่คุยไว้กับเพื่อน

“อื้อ”

น้ำนิ่งลุกขึ้นออกไปยืนเล่นที่ระเบียง ไม่นานเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น

“ลืมอะไรหรอ อะ น้ำ” หันไปมองเห็นฝาแฝดตัวเองโผลเข้ามาสวมกอด น้ำนิ่งหมุนตัวหันหลังให้ในจังหวะนั้นทันที เพราะยืนอยู่ที่ระเบียง จะขยับหนีไปไหนก็ไม่ได้ ได้แต่ดิ้นขลุกขลักอยู่อย่างนั้น

ตาน้ำสอดมือเข้าที่ชายเสื้อของน้ำนิ่ง ลูบขึ้นไปยังบริเวณหน้าอกซ้าย ทาบมือลงตรงหัวใจเต้นอยู่แผ่วเบา

“ไม่รักพี่แล้วหรอ” คำถามที่ทำให้คนโดนกอดน้ำตาไหล เสียงหัวใจของอีกคนที่ทาบอยู่ด้านหลังส่งสัญญาณชัดเจน

“ก็น้ำ อึก.. น้ำไม่รักเรา” สรรพนามที่ได้ยิ่นทำให้รู้ว่าอีกคนยังงอนอยู่

“รักสิ รักมาก มากจนไม่รู้ว่าจะขอโทษยังไง พี่รู้พี่ผิดที่ไม่ได้เล่าให้ฟังตั้งแต่แรก แต่เอาจริงๆ พี่ก็ไม่รู้ว่าพี่รู้สึกยังไงกับเขา มันอาจจะเป็นแค่ความผูกพันที่อยู่ด้วยจนชิน แต่วันนั้นแค่แม่ของเขาบังเอิญเปิดประตูมาเจอ ก็เลยทำให้เข้าใจกันไปแบบนั้น”

คนฟังนิ่งเงียบไม่มีเสียงตอบกลับ ไม่มีชื่อของบุคคลที่สามออกมา เพราะฝาแฝดรู้ดีว่าไม่ควรพูดถึง

“น้องไม่ชอบเขาหรอ ถ้าไม่ชอบพี่เลิกยุ่งก็ได้” คนฟังส่ายหัว  เล่นเอาไปต่อไม่ถูกเหมือนกัน

“งั้นบอกพี่ได้มั๊ย รู้สึกยังไง”

“น้ำ น้ำพยายามให้เรามาอยู่กะทิม เพราะน้ำรังเกียจเราใช่มั๊ย เรามันไม่ใช่คนสำคัญ มีอะไรน้ำก็ไม่เคยบอก แถมยังให้เราไปอยู่กับคนอื่นอีก” รู้ว่าอีกคนนะรัก แต่ความน้อยใจมันมีมากกว่า

“ถ้ารังเกียจ พี่จะกอดอยู่อย่างนี้หรอ หืม แล้วอีกอย่าง น้องกับทิมก็ชอบกัน พี่จะขัดขวางทำไม”

“น้ำรู้ รู้ได้ไงว่าเราชอบทิม”

“สัญชาตญาณ” พูดแล้วก็กดจูบลงที่ขมับ


“พี่รักน้องนะ รู้ใช่มั๊ย แต่เราอยู่ด้วยกันแบบนี้มันจะไม่ดีต่อเราทั้งคู่ เราต้องมีชีวิตแบบปกติเหมือนคนอื่น ชีวิตเราต้องมีคนอื่นอยู่

ด้วย ไม่งั้นต่อไปเราจะช่วยพ่อแม่ทำงานยังไง พี่อยากให้น้องเข้มแข็งมากขึ้น เรื่องทิมพี่เห็นว่าชอบกันเลยไม่ได้ว่าอะไร ทิมเองก็

เป็นเพื่อนที่ดีของพี่ และถึงว่าน้องจะมีทิมพี่ก็ยังอยู่ด้วยนี่ไง ไม่ได้ไปไหนเลย เห็นมั๊ย ” พูดจบก็จับอีกคนหันหน้าเข้าหาตัวเอง

พร้อมยกมือของอีกฝ่ายแนบเอาที่หน้าอกหน้าซ้ายเหมือนกัน คนน้อง พยักหน้าให้กับคำถามที่พี่ส่งมาให้อย่างเข้าใจ ตัวเองก็เคย

คิดไว้นั่นละ ว่าอย่างให้ตาน้ำมีชีวิตปกติแบบคนอื่น หากแต่เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เตรียมใจนะสิ


“เรื่องของพี่ พี่ขอโทษที่ไม่ได้บอก ขอโทษที่ทำให้รู้จากคนอื่น แต่มันเป็นเพราะพี่เป็นห่วงเรื่องน้องกับทิมมากจนลืมนึกถึงเรื่องของตัวเอง อีกอย่างพี่เองก็ชิน ไม่ได้รู้สึกว่ามันแปลกใหม่ ตื่นเต้นจนต้องเล่าให้ฟังก็แค่นั้นเอง”

“เด็กดีของพี่ ยกโทษให้ได้มั๊ยครับ” เสียงหัวใจที่เต้นพร้อมกันของฝาแฝด ความรู้สึกที่ยังมีอีกคนอยู่ข้างๆกันไม่ได้หายไปไหนจริงๆ ตาน้ำยกมือปาดน้ำตาของฝาแฝดพร้อมจูบซับอย่างแผ่วเบา

“พี่อยากให้น้องรู้ว่าน้องเป็นคนสำคัญของพี่นะ ไม่ว่าน้องจะมีใคร พี่จะมีใคร น้องก็ยังเป็นคนที่พี่รักและสำคัญกับพี่ตลอดเวลา”

พูดจบก็เอาปลายจมูกของตัวเองสัมผัสกับปลายจมูกของน้อง ส่ายไปมาอย่างนุ่มนวลแบบที่อีกคนชอบให้สัมผัส

ประตูห้องที่ปิดไม่สนิท ทำให้ทิมที่เดินตามกลับขึ้นมา ได้ยินบทสนทนาของฝาแฝด แม้จะไม่ชัดเจนมาก แต่ก็น่าแปลกคำพูดเล่า

นี้เหมือนคนรักกันง้อกันมากกว่าจะเป็นพี่น้องที่ทะเลาะกัน ไหนจะภาพงอนง้อตรงหน้าที่ดูแปลกประหลาด แต่ก็ไม่อยากที่จะคิด

เกินเลยไปไกล หายงอนกันก็ดีมากแล้ว

“แต่เรายังไม่หายงอนหรอกนะ น้ำต้องโดนลงโทษ”

“อะไรอ่า แล้วเมื่อไรจะหายงอนอะ จะสอบแล้วน๊า”

“เมื่อไรที่น้ำรู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับพี่เพียว เราจะหายโกรธ”


--------------------TBC--------------------------------------

มาช้าอีกตามเคย ขอโทษนะคะ ตั้งใจจับอัพวันเสาร์
แต่โดนเพื่อนแกล้งให้เอาคอมไปช่วยทำงาน พอถึงเวลามันก็ไม่ทำ
พอจะจะอัพนิยายมันก็ให้ทำงาน
เซ็งชีวิตจริงๆ

สรุปนี่น้องมันประมวลทันพี่มั๊ย อิพี่มันพูดๆๆ อยู่ฝ่ายเดียว


ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนรอ คนอ่าน คนเม้นท์ ทุกท่านนะคะ

ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
บทที่ 28 Valentine Day’s & Chocolate Lover

น้ำนิ่งนั่งกินขนมที่ทิมซื้อมาให้อย่างสบายใจบนโซฟา แอบเอาให้กะทิน้อยกินบ้างเวลาที่เจ้าของไม่หันมอง เจ้าแมวน้อยได้ใจตะกายหาขึ้นไปอยู่บนตัวจนแทบจะกินจากปากของคน ทิมหันมองอย่างอ่อนใจ ไม่รู้จะดุแมวหรือดุคนก่อนดี ได้แต่คว้าแมวออกมาจากตัวของอีกคน

น้ำนิ่งขยับจะกินช็อคโกแลตสดที่พี่ชายทิมเอามาฝากจากญี่ปุ่น ทิมก็ต้องวางเอากะทิให้ออกห่าง คนนั่งกินขนมอยู่หันมองอย่างงุนงง

“ทิมแกล้งกะทิทำไมอะ”

“ไม่ให้กินช็อคโกแลตนะ สัตว์ไม่ควรกิน เป็นอันตรายต่อสุขภาพ”

“’งั้นเรากินเองก็ได้” ทิมขยับไปจับมือของอีกคนที่ถือช็อคโกแลตไว้

“แมวกินไม่ได้ เจ้าของแมวกินได้นะ” จับมือที่เล็กกว่าหันป้อนเข้าปากอย่างตั้งใจริมฝีปากสัมผัสให้นิ้วของอีกคน น้ำนิ่งก็หน้าแดงทันที นี่จุดอ่อนที่ 2 ต่อจากท้ายทอยหรอ

“ทิมอะ เรายังไม่ได้กินเลยนะ พี่ทอยซื้อมาฝากเราไม่ใช่หรอ”

“อ้าว ไม่ใช่ให้แบ่งกันหรอ”

“ไม่ใช่นะ นี่ของเราต่างหาก” คนฟังยิ้มขำ ก็เขาเองนั่นละที่บอกพี่ชายให้ซื้อมาให้เพราะจะให้อีกคนในวันนี้ เจ้าตัวกลับไม่ได้รู้สึกอะไร คิดว่าเป็นของฝากแบบทุกครั้ง

“อยากกินป่ะ” คนฟังพยักหน้า หงึกๆ แต่มือนั้นถูกอีกฝ่ายรวบไว้ทั้ง 2 ข้างจะไปหยิบกินได้ไง

ทิมที่ยังอมช๊อคโกแลตอยู่ในปาก ขยับตัวเข้าหา สัมผัสริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา นุ่มนวล แต่คนถูกสัมผัสนั้นแทบหยุดหายใจ เมื่อถูกลิ้นร้อนดันช๊อคโกแลตเข้ามาในปากของตัวเอง แถมลิ้นนั้นยังวนกวาดชิมรสชาติในปากราวกับอยากลิ้มรสทั้งคนและช๊อคโกแลตก็ไม่ปาน

น้ำนิ่งกำมือ2 ข้างของตัวเองแน่น ทำให้ทิมต้องขยับส่งมือตัวเองเข้าผสานไว้ ไม่นานก็ผละออกมา

“อร่อยปะ” คนถามยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ ราวกับดีใจที่ได้แกล้งลูกแมวตัวโต

บึ่ก! “ โอ๊ย” ก็โดนทุบเข้าที่อกอย่างจัง

“ทิมอะ ไม่ให้กินแล้ว” คนหวงขนมลุกหนี หยิบขนมติดตัวไปที่ระเบียงด้วย

“อะไรอ่า นี่ทิมให้พี่ทอยซื้อมาให้น้ำนิ่งนะ ไม่ใช่ของฝากพี่ทอยสักหน่อย”

“จริงหรอ” คนถามหันหน้าไปหา พร้อมกับเอวตัวเองที่โดนรวบไว้ในอ้อมแขนของอีกคน

เห็นคนที่กอดตัวเองยักคิ้วลิ่วตาอย่างกรุ่มกริ่มก็เชื่อได้ว่าที่พูดนะเรื่องจริง

“Happy Valentine Day’s ครับ ” เสียงกระซิบที่หูทำเอาคนฟังหน้าแดงอีกแล้ว เขินง่ายจริงนะ

น้ำนิ่งขยับตัววางช๊อคโกแลตไว้ข้างๆ พร้อมยกมือปิดตาทิมเบาๆ

“อะไรอะ”

“ชู่ว์ เด็กดีต้องไม่ดื้อ หลับตาก่อน” ได้ยินเสียงข้างหูตัวเอง กึกๆ เบาๆ พร้อมกับความรู้สึกจิวที่หูโดนถอดออก ก็ตกใจจนอยากจะลืมตา แต่คนในอ้อมกอดส่งเสียงทักขึ้นมาอีก

“อย่าลืมตานะ ถ้าลืมตาจะโดนลงโทษ”  สัมผัสเสียดที่หูทำให้ทิมยิ้มออก

“เสร็จแล้ว ลืมตาได้” ความรู้สึกที่หูทำให้ทิมยกมือสัมผัสแบบไม่รู้ตัว

“อยากเห็นอะ”

น้ำนิ่งหยิบโทรศัพท์เปิดกล้องให้ทิมดู จิวหมุดอันเดิมถูกเปลี่ยนเป็นต่างหูห่วงเพชรแบบเป็นหนามเตยแบบติดหู

“โอ๊ะตายพอดี พี่ว๊ากวิศวะใส่แบบนี้น้องจะกลัวมั๊ยเนี่ย” เพราะรู้ว่าขึ้นปีสามจะมีกิจกรรมมากมาย รุ่นพี่ก็เรียกรวมตัวแต่เนิ่นๆ

 “ไม่ชอบหรอ” คนโดนทักหน้าเสียลง

“ชอบครับ แฟนซื้ออะไรให้ก็ชอบหมดละครับ ใครถาม ใครแซวก็จะบอกว่าแฟนซื้อให้ครับ แฟนผมชอบแบบนี้ ผมก็ชอบครับ โอ
เคปะ” พูดจบก็หอมเข้าที่แก้มใสทั้งซ้ายขวา

“ทิมอะ แกล้งเราอีกแล้ว”

“แล้วอีกข้างอะ” เพราะอีกคนไม่เจาะหูเลยทำให้เอ่ยถามถึงอีกชิ้นที่คู่กัน น้ำนิ่งหยิบกล่องเล็กๆมาเปิดให้ดู ในนั้นมีสร้อยคอเส้นเล็กร้อยกับต่างหูอีกข้างที่เหมือนกันอยู่ ทิมจำได้ดี สร้อยเส้นนี้แม่ของเขาให้น้ำนิ่งวันที่ไปบ้าน เพราะบอกว่าซื้อมาให้ทิมแล้วเขาไม่ยอมใส่ อยากให้น้ำนิ่งช่วยรับไว้ใส่แทนที เอาจริงๆ แม่ซื้อเตรียมไว้ให้น้ำนิ่งนั่นละ

“ใส่ให้” หยิบสร้อยที่อีกคนร้อยต่างหูเล็กใส่ไว้เป็นจี้คล้องลงที่คอ พร้อมกับเกี่ยวสร้อยขึ้นมาจูบที่ต่างหู

“อยู่เป็นคู่กันนะ” พูดเสร็จก็เอ่ยขึ้น

“อือ” เสียงตอบรับมีแค่นี้ เพราะเขินมาก ก็คิดแค่ว่าใส่ต่างหูให้อีกคนก็จบกับ สร้อยตัวเองใส่เองก็ได้ กลายเป็นของที่ตัวเองทำไว้ใส่อีกฝ่ายดันใส่ให้เฉย

“แย่จัง ทิมไม่มีอะไรให้เลยสิเนี่ย”

“ไม่เห็นเป็นไรเลย นี่ก็ได้กินช็อคโกแลตแล้วนี่ไง”

“เดี๋ยวนะ มีช็อคโกแลตแล้วต้องมีกุหลาบใช่ป่ะ” คนฟังหน้าตาตื่นเพราะกลัวตัวเองโดนเซอร์ไพร์ส แต่ทิมไม่ได้ขยับตัวไปไหนก็ยิ่งมึนงง

สัมผัสจากชายเสื้อของน้ำนิ่งทำให้ลมหายใจแทบขาดช่วง มือของทิมที่ลูบขึ้นมาจนทำให้เสื้อเปิดขึ้นทำให้ตกใจ

“ท..ทิม”  ตัวสั่น ใจสั่น ก็นี่มันตรงระเบียงนะ

“หืม” คนถูกเรียกไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่โน้มตัวกดริมฝีปากที่หน้าอกหน้าซ้ายของคนในอ้อมกอด รอยคิสมาร์คสีกุหลาบถูกสร้างขึ้นตรงแนวที่หัวใจเต้นพอดี

“อะ ทิม” คนถูกทำรอยรู้สึกเหมือนโดนตัวอะไรกัดเบาๆ จนร้องทักขึ้นอีกที

“กุหลาบจริงไม่กี่วันก็เหี่ยวแล้ว รอยนี้อยู่ได้ตั้งหลายวัน หายก็ไม่ต้องเสียตังค์ซื้อใหม่ ทำได้เรื่อยๆด้วย” คนฟังทุบอกคนพูด บึกๆ เพราะความเขิน มือคนพูดเกลี่ยอยู่ที่รอยที่ตัวเองทำไว้ แล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

“ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันนะ” จูบที่ขมับของคนตัวเล็กกว่า

“ขอบคุณเหมือนกันที่ให้อยู่ด้วย”

.
.
.
.
.
.
.
เพียวนั่งมองคนที่ทำอะไรยุกยิกๆ โซนครัวห้องตัวเองก็ต้องแปลกใจ  ร้อยวันพันปีก็ไม่เห็นจะเข้าครัว อารมณ์ดีรึไงกัน
แต่เอาเหอะ ตามใจท่าน ขัดศรัทธา เดี๋ยวจะมีปัญหากันอีก  เอาแค่เห็นว่าเคลียร์กับน้ำนิ่งได้เขาก็สบายใจแล้ว นี่ละนะ อยู่ดีไม่ว่าดี ชอบทำอะไรไม่คิดถึงผลที่จะเกิด ก็มานั่งปวดหัวตามแก้ปัญหาทีหลัง คิดแล้วก็ก็ปวดสมอง อ่านหนังสือต่อดีกว่า

อ่านหนังสือเพลินๆ ส่วนครัวก็ส่งกลิ่นหอมจนต้องหันไปมอง สายตาปะทะกับคนที่ขมวดคิ้วจ้องมาพอดี คนที่อยู่ตรงครัวก็หันไปมองของตรงหน้าต่อ ทำอะไรนะ ก้มอ่านหนังสือต่อ ไม่นาน กลิ่นหอมๆ ก็มาอยู่ตรงหน้า

‘ช็อคโกแลตลาวา’ หันมองคนข้างๆ ก็ต้องแปลกใจ นี่ทำมาให้กินหรอ
คนเอามาวางยังคงนั่งทำหน้านิ่งๆ  เหมือนส่งกระแสจิตให้ช็อคโกแลตลาวานั้น พักเดียวก็หันมามองเพียว พร้อมคำถาม

“ไม่น่ากินหรอ”

“ก็น่ากินดี” ตอบอย่างไม่ได้หันไปมองหน้าคนถาม สายตายังคงจ้องมองขนมตรงหน้า

“น่ากินก็กินดิ” คราวนี้หันมองหน้าอย่างเป็นคำถาม

คนถูกมองขยับหยิบช้อนตักขนมหมุนหันมาจ่อที่ปาก เพียวหยิบช้อนจากมือนั้นส่งเข้าปากตัวเอง
ความหอมของขนมตรงหน้า ที่ยังอุ่นเพราะเพิ่งออกจากเตา รสชาติไม่หวานและไม่ขมเกินไปของช็อคโกแลตแบบที่เขาชอบ
รู้ได้ยังไงกันว่าชอบรสชาติแบบไหน

ตาน้ำยังคงมองหน้าเพียว ด้วยแววตาสงสัย ‘รสชาติจะเป็นไงนะ อร่อยมั๊ย กินได้รึป่าว แต่ไม่คายออกมาก็แสดงว่าไม่แย่ละว่ะ’

“อร่อยดี เอาสูตรมาจากไหน”

“ก็อยากทำ ลองเปิดหาสูตรดู”

เด็กชายตรงหน้าโตขึ้นอีกแล้ว แต่ก่อนมีอะไรก็มาหาพี่เพียวตลอด แม้จะมีคำพูดไม่เข้าหูกันบ้าง ทะเลาะต่อยตีกันบ้าง แต่ครั้งนี้หาวิธีที่ทำอะไรด้วยตัวเอง ก็รู้สึกว่าคนข้างๆ โตขึ้นอีกนิด

 “กินอีกดิ” กินไปได้แค่คำเดียวก็ถูกสั่งให้กินอีก

“แล้วน้ำไม่กินหรอ” คนทำส่ายหัว นี่น่าสงสัยเกินไปแล้ว ทำเองแต่ไม่กินนี่แปลกๆนะ

“ทำมาให้กิน” คำพูดชวนใจกระตุก วูบวาบ อาการแบบนี้คืออะไรกัน คนพูดขยับตักขนมมาให้กินอีก เพียวก็ต้องยื่นมือไปรับช้อนมาส่งเข้าปากตัวเอง  เป็นอย่างนี้เรื่อยจนขนมหมดไปเกือบครึ่งชิ้น

เพียวรู้สึกว่าตัวเองเคี้ยวโดนอะไรบางอย่าง คิ้วขมวดอย่างสงสัย ตาน้ำเห็นปฏิกิริยาคนข้างๆ ก็วางช้อนลงแล้วหันมามอง

“อะไรอะน้ำ”

“อะไร อะไร” คำซ้อนคำของฝาแฝดที่แปลกประหลาดจะออกมาต่อเมื่อเวลาตื่นเต้น และตกใจ ตอนนี้เวลาไหนกันละ

เพียวคายสิ่งที่ตัวเองสัมผัสในปากออก มองกระดาษโพสต์อิทเล็กๆ แบบกันน้ำอยู่ในมือ

คนทำขนมพยักหน้าให้แกะดู  เมื่อเปิดอ่านก็ทำให้เพียวหน้าขึ้นสี หลายคำเข้าก็ได้ออกมาหลายแผ่น ประกอบรวมกันได้เป็น

‘ Happy Valentine Day’S Thank You For Everything 14.02.17’ K.

ลายมือที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะทุกๆครั้งที่อยู่ห้อง หากตาน้ำออกไปก่อน ก็จะเขียนโน้ตทิ้งไว้ให้ รวมถึงวันสำคัญและเทศกาลต่างๆเช่นกัน

“ขอบคุณนะน้ำ” ตาน้ำส่งกระดาษโพสต์อิทแผ่นใหญ่กว่าให้เพียวแปะแผ่นเล็กๆ รวมกัน

ทำไมจะไม่รู้ ว่าเจ้าของห้อง แอบเก็บกระดาษที่เขาเขียนไว้ทุกแผ่นละ ไม่ใช่ว่ารื้อห้องหรอก แต่บังเอิญวันนั้นหาของไม่เจอ ก็เปิดดูมันทุกตู้ แต่เจ้าตัวก็ไม่รู้เรื่องว่าเขารู้ เวลาหยิบเสื้อผ้าให้ก็หยิบให้เองอยู่ดี เพราะกลัวเขาเปิดตู้ไปเจอ

“ลืมเลยว่าวาเลนไทน์ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปขนมไว้ก่อนกิน “ หันบอกคนทำขนมนั่งนิ่งดูทีวีกระดิกขาสบายใจ แหงละ ภารกิจตัวเองเสร็จเรียบร้อย

ตาน้ำหันมองเพียวอีกครั้ง สายตาที่เพียวมองว่ามันเป็นสายตาของการเอือมระอา จึงต้องหันหน้าหนี
เสียงแจ้งเตือนข้อความของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

รูปขนมที่มีผลไม้ในจานเมื่อกี้ถูกส่งมาจากเบอร์ของคนข้างๆ ก็ต้องอมยิ้ม ตาน้ำเห็นเพียวอมยิ้มได้บ้างก็สบายใจ

ขนมหมดกลับเข้าสู่โหมดอ่านหนังสือ นั่งอ่านกันคนละมุมโซฟา อ่านไปเรื่อยๆ สายตาของตาน้ำก็สะดุดก็ของบางอย่างในหนังสือ
การ์ดเขียนข้อความลายมือเจ้าของห้อง  พร้อมรูปวาดเด็กผู้ชาย 2 คน คนละมุมกระดาษ เด็กผู้ชายตัวเล็กกว่า ทำท่าตะโกนบอก เด็กผู้ชายหน้าบึ้ง

‘ Happy Valentine Day’S Thank You For Everything 14.02.17’ P. เหมือนเป๊ะ นี่ไม่ได้ลอกมาใช่มั๊ย

“เพียว”  เรียกแล้วขยับเอาคางไปเกยที่ไหล่

“หืม”

“ขอบคุณ และก็ขอโทษสำหรับทุกเรื่องที่เคยทำไม่ดีด้วย ” ได้ยินคำขอโทษก็ทำให้น้ำตาคลอ วัยรุ่นเลือดร้อน แต่พอเวลาเลยผ่านมาตาน้ำก็เข้าใจได้ว่าสิ่งที่เคยทำไปมันทำร้ายจิตใจของอีกคน และเพราะการดูแลอย่างดีมาตลอดของเพียวทำให้รู้สึกผิดจนอยากจะขอโทษ

“อือ”

“ยกโทษให้ได้มั๊ย”

“อือ” ก็เพราะรัก จึงยอม แต่ก็ไม่อยากให้อีกคนรู้ว่ารัก เพราะเพียวกลัวว่าจะไม่ได้รับความรักนั้นตอบ เพราะตอนนี้สิ่งที่ดีคือบรรยากาศตรงหน้าที่อยากจะรักษาไว้ก่อนจะจากไปไกล
.
.
.
.
.
.
ตาร์มาให้พอสช่วยติวหนังสือเหมือนเดิม แต่วันนี้ความรู้สึกยังไม่อยากอ่านหนังสือก็ทำให้กลิ้งเกลือกกินขนมนอนดูทีวีไปเรื่อยๆ

“ตาร์ เมื่อไรจะอ่านหนังสือ”

“ก็ให้มึงอ่านนำก่อนไง เดี๋ยวกูอ่านตามใช่ป่ะ พอไม่เข้าใจมึงจะได้ตอบกูได้ไง”

“มึงนี่น้า จะปี 3 แล้ว ตั้งใจหน่อย ปีหน้าก็ต้องทำกิจกรรมเยอะขึ้นอีก จะไหวมั๊ยห๊ะ เรียนไม่จบขึ้นมาอาจารย์แบบกูเสียใจตาย”

“เสียใจที่กูเรียนไม่จบพร้อมมึง”

“ป่าว เสียใจเสียดายเวลาที่ติวให้มึงแล้วมึงไม่จบ”

“โห่…พอส อย่าใจร้ายกับกูเลยน๊ะๆๆๆ นี่กูอยู่ให้มึงติวทุกวัน ทั้งวันเลย”

“หรอ อยู่ให้ติว หรืออยู่นอนเล่น “

“อะๆ อ่านก็ได้ ว่าแต่ มึงไปหยิบน้ำในตู้ให้หน่อยดิ ตะกี้กูแช่ไว้ เย็นละมั้ง”

“เอ๊ะ นี่กูเจ้าของห้อง หรือมึง ใช้กูจัง”

“น๊าๆๆๆ พอสน๊ะ ไปหยิบให้กูหน่อย ไปปุ๊ป กูปิดทีวีอ่านหนังสือเลย จริง สัญญา”

คำออดอ้อนของอีนคนทำให้พอสใจอ่อน เดินไปเปิดประตูตู้เย็นก็ชะงักกํบของที่เห็นตรงหน้า

‘เค๊กป๊อปรูปขนมเค๊ก 3 ชั้น เรียงอยู่บนจาน ส่วนล่างของตัวเค๊กเขียนคำว่า  ‘ Happy Valentine Day’S ‘ แยกแต่ละชิ้นเป็นคำ

“ชอบป่ะ” เสียงพูดข้างหู ทำให้ตกใจ

“มึงทำเองหรอ” อาการยักคิ้วของคนตรงหน้าคือคำตอบ

“สวยจนไม่กล้ากินเลย ทำเก่งขนาดนี้ปิดเทอมไปทำงานที่ร้านมั๊ย”

“แหนะ เอาเชียวนะมึง กินก่อน ไม่อร่อยมึงอาจจะเปลี่ยนใจไม่ให้กูไปทำขนมแล้วก็ได้”

พอสหยิบขนมชิ้นที่ไม่มีคำเขียนออกมาชิม

“อร่อย อร่อย” รอยยิ้มของคนตรงหน้าทำให้คนทำยิ้มออก

“อร่อยก็กินเยอะๆ เดี๋ยวทำมาให้กินอีก”

“สวย เสียดาย”

“มึงนี่ เหมือนน้ำนิ่งเข้าไปทุกวัน” เสียงหัวเราะของคนที่กำลังกินขนมอย่างอารมรณ์ดี ทำให้อารมณ์ดีตาม

“ขอบคุณนะต้าร์”

“อือ เหมือนกัน”

“ตกลงไปทำงานที่ร้านนะ?”

“คิดดูก่อนดีกว่า เดี๋ยวเรียนไม่จบขึ้นมาอาจารย์สอนพิเศษจะว่าเอาได้”

“อย่ามากวนตีนหน่า”

ความสัมพันธ์ที่รอเวลาสร้างคำจำกัดความ มันคือบรรยากาศที่อยากจะรักษาไว้ เพราะไม่รู้ว่าวันข้างหน้า ใครคนใดคนนึงจะเปลี่ยนไปหรือป่าว และคำจำกัดความนั้นมันจะเกิดขึ้นมั๊ย ชีวิตคนเรานั่น ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนเสมอ

--------------------------------TBC------------------------------------

Happy Valentine Day’s นะคะ

ทิมก็ตอดเข้าไปทีละน้อยๆเนอะ

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนรอ คนอ่าน คนเม้นท์ ทุกคนนะคะ

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2
 :L2: :mew4: :mew4:

Happy Valentine Day’s

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Happy Valentine Day’s
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
บทที่ 29 ความลับ

ผ่านภารกิจตะบี้ตะบันสอบกันมาอย่างดุเดือด ก็ได้เวลาปิดเทอม แต่ปิดเทอมใหญ่ครั้งนี้ทำให้เด็กที่เคยทำงานที่ร้านกลับต่างจังหวัดไปซะเกือบหมด ทำให้น้ำนิ่งขอร้องให้ทิมและตาน้ำไปช่วยงานที่ร้าน รวมถึงต้าร์ และเหล่าทะโมนวิศวะที่เข้ามาช่วย
ปฏิบัติการทำเค๊กป๊อปอันลือเรื่องทำให้ต้าร์โดนจัดไปอยู่ฝ่ายทำขายชั่วคราว ปิดเทอมแบบนี้ร้านเปิดเต็มวัน แม้ว่าเด็กจะน้อยลงแต่ก็ยังขายได้เรื่อยๆ เพียวแอบลงเรียนซัมเมอร์โดยที่ไม่บอกใคร เพื่อเทอมหน้าจะได้มีเวลาเตรียมตัว เรียนภาษา

“ทำไมพี่เพียวใส่ชุดนักศึกษา” ต้าร์ถามอย่างสงสัย หลายวันแล้วที่เห็น ก็อดไม่ได้

“เข้าไปช่วยงานอาจารย์อะ ไม่อยากแต่งตัวไม่เรียบร้อย”

“ทุกวันเลยหรอ”

“อือ”

บรรยากาศระหว่าง ตาน้ำ น้ำนิ่ง และเพียว เรียกว่าอยู่ในช่วงอึมครึมก็ว่าได้ เพราะเห็นได้ชัดว่าน้ำนิ่งยังไม่คุยกับเพียวเหมือนเดิม รวมถึงอาการหน้างอเวลาที่เจอตาน้ำ แต่ระหว่างฝาแฝดนั้นก็มีการคุยกันเหมือนเดิม จะมีก็แต่การหยอกล้อให้เพื่อนเห็น ตาน้ำยังคงหาเรื่องแกล้งน้ำนิ่ง ทุกเวลาที่ว่าง คนโดนแกล้งก็น่างอไปเรื่อยๆ ทุกวัน

ฝาแฝดกลับบ้านอยุธยาอาทิตย์เว้นอาทิตย์ มีเพื่อนๆ ตามไปสรวลเสเฮฮาตลอด คุณตาคุณยายก็ชอบใจนักที่บ้านมีเสียงหัวเราะ
หากแต่อาทิตย์นี้ เหล่าวิศวะมีโครงการต้องไปศึกษาดูเขื่อน ที่กาจนบุรี 3 วัน 2คืน การจัดตารางทำงานใหม่ของร้านก็เกิดขึ้นอีก

“ปิดร้านไปเที่ยวด้วยกันหมดนี่ละ” พอสเอ่ยด้วยอาการอยากเที่ยว

“แม่ด่าตาย ถ้าอยากไปก็ไปกันเถอะ พี่อยู่ได้” ตาน้ำหันมองหน้าคนพูด สายตาดุที่ส่งไปทำให้เพียวต้องหลบตา

“น้ำนิ่งอยากไปรึป่าว” ทิมหันถามคนที่ย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ด้วยตั้งแต่ทะเลาะกับฝาแฝดโดยให้เหตุผลว่า’น้ำต้องโดนลงโทษ’

“ถ้าไปแล้วกะทิละ”

“ก็ต้องเอาไปฝากแม่ดู”

“ได้หรอ” คำถามกลับทำให้ทิมอมยิ้ม แอบอยากเที่ยวเหมือนกันสิท่า

“เอาจริงๆ แค่กาญฯ ไปทำไมตั้ง 3 วัน 2 คืนว่ะ โอ๊ย ไอ้เชี้ยน้ำ”

“เสือกได้ทุกเรื่องจริงมึง ความลับทางราชการวิศวะ ไม่เปิดเผยให้บริหารฟัง”

“ไอ้งก!” บรรยากาศที่แปรเปลี่ยนไปก็มีแต่ คนที่เถียงกับตาน้ำเปลี่ยนเป็นต้าร์ แทนที่จะเป็นพอสเหมือนเดิม

“ก็กว่าจะไปถึง กว่าจะเก็บข้อมูล ก็วันนึงละ อีกวันก็สรุปรีพอร์ต ที่นั่นเลย เผื่อมีข้อมูลตกหล่น จะได้เก็บทัน ถ้าวันเหลือก็เที่ยว
เพราะเดี๋ยววิศวะต้องมีออกค่ายอาสาอีก” เป็นทิมที่ทำให้โลกรอบตัวน้ำนิ่งสงบสุขทุกครั้งไป

“ไปด้วย” ต้าร์เอ่ยร้องอีกครั้ง

“มึงนี่แม่งร้องตามทุกงาน” คู่กัดร้องทักอีกรอบ

“เค้าเรียกตามหาแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตเว้ย”

“ นู้นเลย เค๊กมึงนั่นอะ แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ไปทำให้เสร็จๆเลย “

โดนไล่ออกจากวงสนทนา ต้าร์ก็ลากพอสเดินบ่นงุบงิ๊บออกไป ตาน้ำสบตาทิมส่งสัญญาณไปที่เพียว

“พี่เพียว จะไปด้วยกันรึป่าว” เพียวเงยหน้ามองตาน้ำ และน้ำนิ่ง รวมถึงคนที่ถาม

“เอ่อ ที่ร้านไม่มีคนอยู่นะสิ” เอาจริงๆ ถ้าไปก็ต้องขาดเรียน 1 วัน แม้ซัมเมอร์จะไม่ยุ่งยาก แต่การที่เรียนโดยเพื่อนไม่มาลงเรียนด้วยนี่ลำบากนะ

“ทิมเอาพี่ที่บ้านมาช่วยเอามั๊ย ถ้าแค่เสิร์ฟคงไม่อยาก”

“อย่าเลย พี่เกรงใจ”

“ไม่ต้องเกรงใจเลย รู้จักกันแล้วก็อยากให้ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง จะได้สนิทกันไว้ ที่ชวนทิมมาทำงานที่ร้านนี่สนุกจะตาย แถมให้เงินอีก ทิมต้องเกรงใจมากกว่า มีอะไรช่วยได้ก็อยากช่วยนะ” หันมองน้ำนิ่งที่พยักหน้าหงึกๆ การโต้ตอบที่ยังไม่มีคำพูดเอื้อนเอ่ย แต่ปฏิกิริยาทางร่างกายตอบกลับมาแบบนี้ก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง

“เดี๋ยวพี่ต้องบอกแม่ก่อนละ ว่าแม่ว่าไง เดี๋ยวบอกอีกที”



สุดท้าย ทริปกาญจนบุรีก็มีสมาชิกครบทุกคน ตามที่คุยกันไว้

แก็งค์วิศวะ นำเที่ยวด้วยไปในตัว ไม่ว่าจะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำแคว สันเขื่อนศรีนครินทร์ ประตูระบายน้ำ ชุมชนริมพื้นที่เขื่อน
ฝ่ายเด็กวิศวะ ที่ถ่ายรูปเก็บข้อมูลกันไป เหล่าผู้ติดตามก็ถ่ายรูปเล่นกันเองบ้าง โดยเฉพาะ เพื่อนซี้บริหาร ที่มีเพียวเป็นตากล้องให้  เก็บข้อมูลได้พอประมาณก็เข้าที่พักแพริมน้ำ  กลุ่มวิศวะนั่งทำรายงาน ผู้ติดตามที่เหลือ ก็พักผ่อนกันไป  ต้าร์กับพอส เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน  น้ำนิ่งนั่งห้อยขามองอยู่บนที่พัก ทุกอย่างอยู่ในสายตาของตาน้ำและทิม อย่างละไม่ได้  ไม่นานเพียวก็เดินมานั่งข้างๆ ทำให้ตาน้ำขยับจะลุกขึ้น แต่ทิมรั้งไว้ก่อน

“มึงให้เขาคุยกันบ้างเถอะ”  คุยนะคุยได้ แต่ใจนะกลัวว่าน้องอยู่ใกล้เพียวแล้วจะมีอะไรผิดพลาด เพราะนึกคิดจนเป็นความเคยชินไปแล้ว  ไม่ได้ตอบอะไรทิมกลับ หากสายตายังไม่ละจากแฝดตัวเอง

เพียวเห็นน้ำนิ่งยังมองต้าร์กับพอสเล่นน้ำ ก็เดินเข้าไปหา

“ขอพี่นั่งด้วยได้มั๊ย” ไม่มีเสียงตอบรับ แต่ขยับตัวไปอีกฝั่ง นั่นก็แสดงว่านั่งได้ น้ำนิ่งคนเดิมที่เลือกคนพูดด้วยกลับมาอีกครั้งหลังจากเกิดเรื่องเขาและตาน้ำ

“น้ำนิ่งโกรธพี่เรื่องน้ำรึป่าว?  ถ้าโกรธ พี่ขอโทษนะ” ไม่มีคำตอบจากคนฟัง มีแต่การที่หันมามองหน้า แล้วหันกลับไป

ก็ไม่รู้ว่าโกรธในแบบไหน โกรธที่เป็นเรื่องของคนใกล้ตัวหรือโกรธเพราะไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ หรือไม่โกรธดี สับสน

ใจคิดถึงตัวเองและทิมในความรู้สึกที่เป็นอยู่ ทำให้คิดถึงตาน้ำ หันไปมองก็เห็นว่าอีกคนมองอยู่ สายตาที่มองไม่ได้มองเลยไปที่เพียว แต่มองอยู่ที่น้ำนิ่งเท่านั้น ถ้าเป็นความสุขของตาน้ำ ก็ไม่อยากจะขัด

“พี่เพียว ชอบตาน้ำจริงๆหรอ” เพราะฝาแฝดให้คำตอบในความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ จึงอยากรู้ของอีกฝ่ายดู

“ตอนแรก พี่ก็ไม่รู้ตัวหรอก เอาจริงๆ เพราะมองแต่น้ำนิ่งจนเคยชิน ช่วงพี่มีปัญหา เกเร เรียนบ้างไม่เรียนบ้าง อยู่ดีๆ น้ำมันก็มาหา บอกว่าติวหนังสือให้หน่อย มันจะสอบวิศวะ พอได้ติวให้ มันก็กลายได้ทบทวนให้ตัวเอง หลายอย่างที่น้ำทำ ไม่รู้จะเข้าข้างตัวเองรึป่าวนะ พอพี่ย้อนกลับไปคิด มันเหมือนน้ำทำให้พี่ทุกอย่างทางอ้อม มาให้ติวหนังสือ ทำให้พี่ได้ทบทวนของพี่เอง ให้ทำกับข้าว ทำขนมให้กิน จนเอาไปทำที่ร้านได้ ทุกๆวันพี่ต้องอ่านหนังสือเพื่อเตรียมจะติวให้น้ำ จนกลายเป็นพี่เลิกไปเที่ยวกลางคืนเลยละ”

 น้ำนิ่งหันมองคู่สนทนาแบบจริงจัง บรรยกาศหวานที่ออกมาระหว่างพูดนี่มันอะไรกันนะ

“ ถามว่าพี่ชอบน้ำรึป่าว ก็คงชอบละ มันอยู่ด้วยกันจนชิน แต่ก็แปลกที่ความเคยชินมันทำให้เรามีความสุขได้ ถึงจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้หงุดหงิดกันบ้าง แต่มันก็ชินมาตั้งแต่เด็กแล้วละ” เพียวพูดจบก็หยุดมองน้ำนิ่ง

“พี่ขออะไรอย่างนะ น้ำนิ่งอย่าบอกน้ำว่าพี่รู้สึกยังไง” เอ่อ… นี่ก็ยิ่งแปลก ชอบเขาแต่ไม่ให้บอก น้ำนิ่งยิ่งคิดถึงความแปลกของ 2 คนนี้

“ทำไมหรอ”

“ พี่ไม่อยากให้น้ำรู้ เพราะเดี๋ยวพี่จะไปเรียนต่อแล้ว ห่างกันไป ความรู้สึกก็คงจะหายไปเอง พี่คิดแบบนั้นนะ ความลับนี้พี่ไว้ใจน้องชายพี่ได้ใช่มั๊ย” 

คำพูดนี้ทำให้น้ำนิ่งรู้สึกถูกบาด ตาน้ำไม่รู้ว่ารู้สึกยังไงกับเพียว เพียวชอบตาน้ำแต่ไม่อยากให้รู้ เพราะเดี๋ยวก็ห่างกันแล้วทำไมความรู้สึกมันยากจัง ทำไมไม่เข้าใจกันง่ายๆนะ แต่จะทำยังไงได้ ได้แต่พยักหน้าตอบรับไป


ความรู้สึกที่ได้ความสับสนทำให้น้ำนิ่งหนักอึ้ง ลุกขึ้นหมุนตัวเองเข้าห้องพัก เป็นอีกครั้งที่ตาน้ำขยับจะลุกตาม แต่ทิมก็รั้งไว้


“ถ้ามึงวิ่งตามคนนึง คนที่ไม่ได้ถูกมึงตามจะรู้สึกยังไง” เพราะทิมรู้สึกว่า ตาน้ำก็คงรู้สึกกับเพียวอยู่บ้าง แต่อะไรบางอย่างยังทำให้สับสน เป็นทิมที่วิ่งเข้าไปหาน้ำนิ่งแทน  เข้าห้องพัก ก็ปิดรูดม่านสนิท เห็นเป้าหมายยืนนิ่งๆเพื่อปรับตัวเองที่รับไม่ได้กับความสับสนที่ได้รับมาก็เข้ากอด ทิมไม่รู้หรอกว่า 2 คนนั้นคุยอะไรกัน แต่การกระทำของคนตรงหน้าทำให้รู้ว่ากำลังดึงตัวเองกลับสู่ภาวะปกติ  เห็นเป้าหมายก็สวมกอดจากด้านหลัง กดจูบที่ท้ายทอยอย่างเคย คนโดนกอดหูแดงไปหมด

“อ๊ะ ทิม”

“คนเก่งทิม เป็นอะไรครับ บอกหน่อย”

“ คุยกับพี่เพียวแล้วรู้สึกแปลกๆ บอกไม่ถูก” เดาไม่ผิด แต่ไม่อยากถามต่อ คนนี้ต้องรอให้พูดเองทุกอย่าง คนถูกกอดหันหน้าเข้า ทิมขยับหอมที่แก้มใกล้ใบหู คนถูกหอมเอียงหลบเล็กๆ

“เครียดหรอ หืม” ขยับดันตัวคนในอ้อมกอดให้นั่ง ข้างๆ ทีวีบนโต๊ะยาว น้ำนิ่งยกมือคล้องที่คอ

“บอกไม่ถูกเหมือนกัน คงแค่คิดตามไม่ทัน” ทิมขยับให้ตัวเองอยู่ในหว่างขาของอีกคน มือสอดเข้าที่เสื้อด้านหลังลูบไล้สัมผัสราวกับปลอบโยน

“งั้นก็อย่าเพิ่งคิด เดี๋ยวปวดหัวอีก” กระซิบที่หูเบาๆ แล้วขยับมาจูบ จูบแล้วผละออก

“เข้าใจมั๊ยครับคนเก่ง”  ขยับจูบอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ส่งลิ้นร้อนไล่ชิมริมฝีปากหวาน ไม่นานเจ้าของริมฝีปากก็เปิดรับ จูบครั้งนี้ นุ่มนวล แผ่วเบา ลิ้นที่สัมผัสกันนั้น ราวกับปลอบโยนและให้กำลังใจ

“อื้อ” ทิมขยับมือไล่เสื้อยืดของอีกคนขึ้นมา จนน้ำนิ่งยกมือขึ้นให้ถอดออก ไซร้เข้าที่แก้ม ใบหู คอ ไหล่ ไล่ลงไปจนถึงแผงอก น้ำนิ่งรู้สึกเหมือนลมหายใจจะขาดเสียให้ได้  เพราะลิ้นร้อนนั้น ไล่วนที่ฐาน อยู่นาน มืออีกข้างก็สัมผัสยอดอกอย่างแผ่วเบา ความเสียวซ่านที่ได้รับ ทำให้มือบางขยำเข้าที่ผมอันเดอร์วีคัทของอีกคน  เสียดูดเริ่มดังขึ้นทำให้น้ำนิ่งเริ่มเกรณ็งจนเผลอแอ่นอก
เข้าหาแบบไม่รู้ตัว

“อื้อ ทิม” ทิมลากลิ้นลงตามร่างกาย จนถึงสะดือ ไล่วนอยู่อย่างนั้น เพราะคนในอ้อมกอด ช่างหอมหวานไปทั้งตัว ร่างกายที่ดุดันของอีกฝ่าย ทำให้ทิมรู้สึกถึงความต้องการ รั้งร่างบางมาจูบแล้วปล่อย ซ้ำๆ อย่างแผ่วเบา

“พอก่อนนะ” คนตัวสั่น ใจสั่นทำหน้าตื่น

“ ทำ ทำไมหรอ”  ทิมขยับกอดอย่างแนบชิด หน้าซุกเข้าที่บ่าบางของอีกคน

“ทิมไม่อยากให้รู้สึกว่า ชวนมาเที่ยว เพราะอยากทำอะไรแบบนี้ ” คำตอบทำให้น้ำนิ่งเขิน แม้จะเตรียมใจมาบ้างว่าเรื่องแบบนี้อาจจะเกิด แต่ก็ 2 จิต 2 ใจ เพราะเชื่อใจคนในอ้อมกอด

“แต่ว่า….” จบคำทิมก็ละมือรั้งกางเกงขาสั้นของน้ำนิ่งเพื่อถอดออก ขยับจูบอีกครั้ง

เพราะร่างกายที่แนบชิดกันอยู่ทำให้รู้สึกถึงความต้องการของทั้งคู่ไม่ต่างกัน 

“อะ ทิม” มือของอีกคนกอบกุมของตัวเองจนสะดุ้ง นิ้วใหญ่ปาดน้ำใสจากยอดแล้วรั้งขึ้นลง

น้ำนิ่งส่งมือตัวเองเข้าไปในกางเกงของอีกฝ่าย จูบที่แผงอกอย่างแผ่วเบา

“อะ น้ำนิ่ง อื้อ” เห็นคนตรงหน้ารู้สึกดี น้ำนิ่งก็เพิ่มแรงขยับมือขึ้นลงมากไปอีก มืออีกข้างที่ว่าง กดจิกที่ที่ไหล่หนาระบายความเสียวซ่านอย่างที่เคยทำเวลาโดนจูบ เสียงครางสอดผสานสลับกันไปมา พร้อมกับเสียงขยับมือของทั้งคู่ ไม่นานก็เงียบลง
น้ำนิ่งโผลซบเข้ากับอกของคนที่ยืนอยู่อย่างหมดแรง

“เช็ดก่อน หรือจะไปล้าง” คำถามดังขึ้นอย่างแผ่วเบาทำให้น้ำนิ่งเงยหน้ามอง หาคำตอบไม่ได้เพราะสมองยังคงไม่ประมวลผล
ยกมือของตัวเองที่เลอะน้ำของอีกฝ่ายขึ้นมามอง ทิมคว้ามือนั้นมาซับด้วยกระดาษทิชู่อย่างแผ่วเบา แล้วก้มลงใช้ลิ้นไล่เลียสิ่งที่เลอะเทอะบนตัวของน้ำนิ่งออกจนหมด

“ท… ทิม”

“หืม… "

"ทำไมไม่เช็ดดีๆ”

“ก็อยากเช็ดแบบนี้” ลิ้นร้อนไล่เลียเช็ดคราบ และครอบครองส่วนกลางกายอีกครั้ง ความเสียวซ่านทำให้น้ำนิ่งรู้สึกวูบวาบไปหมด
 
“ทิมๆ ไม่เอานะ มันสกปรกนะ”  ลิ้นร้อนยังคงไล่วนตามความยาวไม่หยุด ทิมใช้ปากขยับเข้าออก หลายครั้ง จนน้ำนิ่งจะปลดปล่อยออกมา ก็ดันหน้าทิมออก แต่ทิมกับกอดรั้งตัวน้ำนิ่งแน่นกว่าเดิม

“ทิม! เอาปากออกมานะ” คำพูดที่เรียบเรียงไม่ปกติของฝาแฝดเกิดจากอาการตกใจ และตื่นเต้นเสมอ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ทิมทำตามแต่อย่างใด ร่างกายน้ำนิ่งปลดปล่อยอีกครั้งโดยที่ทิมไม่ยอมถอนปากออก ความเสียวซ่านที่ได้รับนั้น ทำให้น้ำนิ่งเกร็งจนหอบ

ทิมลุกขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยน น้ำนิ่งยกมือเช็ดคราบที่เลอะริมฝีปากอย่างแผ่วเบา

“รู้แล้วใช่มั๊ย ที่ไม่ทำที่นี่ ไม่ใช่เพราะว่าทิมรังเกียจ แต่แค่อยากกลับไปบ้านเรามากกว่า” ไม่ว่าทิมจะพูดออกมาให้ดูปกติอย่างไร คำพูดพวกนี้น้ำนิ่งก็เขินจนหน้าขึ้นสีทุกทีไป



-----------------------------------TBC-----------------------------
สุขสันต์วันหยุดค่า

อยากไปเที่ยวกาญฯ บ้าง อิอิ

ส่งหนุ่มๆ ไปกันก่อนเนอะ

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนรอ คนอ่าน คนเม้นท์ทุกคนนะคะ


ป.ล.แถมรูปหนูกะทิตัวจริงของคนเขียนให้ แม่นางน้อยเป็นเชื้อรา ต้องตัดขนออกเกลี้ยง

แปลงร่างจากแมวกลายเป็นไฮยีน่าตัวน้อย หมดสวยเลย
:mew6:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
เพียวอ่ะ จะหนีตาน้ำไปอีกแล้วหรอ

ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ลูกแมวตัวน้อยตัวสีขาว นอนกินขนมมองเจ้านาย 2 คนกอดก่ายกันอยู่บนโซฟา เบด ที่ตอนนี้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นเตียงนอนสำหรับ 2 คนอย่างสบายๆ เสียงกระทบกันของร่างกายเจ้านายทั้ง 2 ทำให้ลูกแมวไม่กล้าที่จะวิ่งเข้าไปเล่นด้วย ได้แต่นอนมองสะบัดหางส่ายไปมา 2 ขาของเจ้านายตัวเล็ก  เกี่ยวรัดร่างกายของเจ้านายตัวใหญ่เหมือนไม่อยากแยกออกจากกัน

“อื้อ ทิม” ก็ตั้งแต่กลับมาจากการไปอยู่รวมกับบรรดาพี่แมวตัวอื่นที่บ้านใหญ่ กะทิน้อย ก็เห็นภาพเจ้านาย 2 คนเล่นกันแบบนี้ประจำ แรกๆ ก็วิ่งเข้าหาเพราะอยากจะเล่นด้วย แต่ก็โดนกันออกมา หลังๆจึงได้แต่นอนมอง เพราะรู้ว่าเมื่อเจ้านายเล่นกันเสร็จก็จะถึงคราวตัวเองได้เล่นด้วยบ้าง

“อื้ม คนเก่ง” เสียงเจ้านายร้องสอดผสานกันในห้อง ทำให้เจ้าแมวน้อยตกใจรีบฟังเสียงนั้น แต่ไม่ใช่เสียงที่เรียกตัวเองก็หันไปกินขนมต่อ

ทิมซุกไซร้เที่ร่างกายของน้ำนิ่งอย่างลุ่มหลง ใบหน้าที่คล้ายเพื่อนตัวเอง แต่ร่างกายกลับแตกต่างอย่างชัดเจน เพราะบอบบางและหอมหวาน น่าสัมผัส ตลอดเวลา 2 มือ สอดผสานเข้ากับมือของคนด้านร่าง รับความเกร็งของร่างกายอีกฝ่ายที่ส่งผ่านมือที่จิกเพิ่มความเสียวซ่านยิ่งขึ้นไปอีก

“อ๊ะ ทิม อื้อ” เสียงครางเรียกชื่อตัวเองจากอีกฝ่าย ทำให้ทิมเกือบจะยั้งแรงที่มีไว้ไม่อยู่ ด้วยร่างกายนักกีฬา ที่ใหญ่กว่าก็กลัวว่าจะทำให้น้ำนิ่งเจ็บทุกครั้งไป

“เจ็บหรอ หืม”

“อื้อ ทิม” ทิมละมืออกจากมือของน้ำนิ่ง สอดเข้าที่ด้านหลังเพราะอยากแนบชิดร่างกายให้มากขึ้น มือน้ำนิ่งปัดป่ายไปทั่ว จนต้องจับให้มากอดตัวเองไว้ที่ บ่า น้ำนิ่งไล้มือลงที่เนินอก มีรอยสักรูปอินฟินีตี้ที่ตัวเองเคยแอบมองเมื่ออีกคนถอดเสื้อ แต่ไม่นานมานี้ส่วนกลม 2 ข้าง มันถูกเพิ่มตัวหนังสือภาษาอังกฤษ  คือ T และ N ตัวใหญ่ เล็กติดกัน พร้อมหัวใจเล็กๆสีแดงระหว่างกลาง มือบางลูบไล้อยู่อย่างนั้น มืออีกข้าง ไล้ลงที่ลอนกล้ามซิกแพ็ค จนถึงส่วนวี ยิ่งทำให้ทิมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกยั่วมากขึ้นเรื่อยๆ

“ อื้ม..ยั่วทิมหรอ”

“ป... ป่าว สักหน่อย”

“ป่าวแล้วเป็นไร  เสียวหรอ”

ยิ่งถูกถามก็ยิ่งหน้าแดง แถมคำถามยิ่งกระตุ้นอารมณ์ให้ขึ้นสูงอีก หลังๆน้ำนิ่งเองยิ่งรู้สึกว่าทิมทะลึ่งมากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องมุดหน้าหนี

“บอกเร็ว”

“อื้อ เสียว ไม่ไหวแล้ว”

ได้ยินคนด้านล่างร้องบอกแบบนั้น ทิมก็ยับตัวใช้มือรั้งรูดของอีกฝ่าย น้ำนิ่งที่ได้รับสัมผัสที่เสียดเสียวทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ยิ่งทำให้รู้สึกแทบจะทนไม่ไหว ขยับตัวหนีแต่ก็เหมือนว่าจะไม่หลุดพ้น เพราะยิ่งทำให้ตัวเองแนบแนนกับทิมมากขึ้นไปอีก ร่างกาย บิดรวน เพราะต้องการจะหลุดพ้นความสียวนี้  มือของทิมที่ขยับขึ้นลงอยู่ที่เร่งอารมณ์มากขึ้น ไม่นาก็ปลดปล่อย

“อ๊า...ทิม”

“ครับ อื๊อ เสร็จแล้วหรอ”  คนด้านล่างปลดปล่อยออกมา ทิมก็ถอดร่างกายออกมาจนหมด แล้วดันเข้าไปใหม่

“อ๊ะ ทิม ทิม”

“หืม ชอบหรอ “  ขยับทำซ้ำๆ อยู่ไม่นาน ทิมก็ปลดปล่อยตาม

“อ๊า”  ซบลงที่ร่างบางด้านล่าง

“รักนะครับ”

“อืม” แม้ทิมจะยังไม่เคยได้ยินคำบอกรักตอบ แต่ที่ยอมถึงขนาดนี้ก็รู้ว่าน้ำนิ่งรักแหมือนกันละ แต่จะทำไงได้ ได้เมื่อคนตรงหน้ายังสับสนกับความรู้สึกของคนรอบตัวไปหมด ไม่ว่าจะเป็น ฝาแฝด เพื่อน หรือว่ารุ่นพี่ ทำให้คำนี้ไม่ออกมาให้ได้ยินสักที
เสียงเจ้านาย 2 คนเงียบเสียงลง แมวน้อยก็ยกหัวมอง แต่ร่างกายเจ้านายทั้ง 2 ยังคงกอดรัดกันอย่างแนบแน่น  ก็ได้แต่ล้มตัวลงนอนต่อ

ทิมขยับหมุนร่างกายให้เปลี่ยนให้น้ำนิ่งอยู่ด้านบน ทั้งที่ส่วนที่เชื่อมต่อกันนั้นยังไม่ถอนออก

“โอ๊ะ ทิม”

“นอนข้างบนแบบนี้ จะได้ไม่หนัก”  เสียงร้องของเจ้านายตัวเล็ก ทำให้กะทิลุกขึ้นมาหา เพราะคิดว่าโดนเจ้านายตัวโตรังแก เลยต้องเข้ามาช่วย แมวน้อยชอบนักเรื่องเล่นต่อสู้กับนายทั้ง 2

“ยังไม่เสร็จ ออกไปก่อนเลย เดี๋ยวโดนทับแบน” ทิมหันพูดกับแมวน้อย แต่คนที่ฟังรู้เรื่องมากกว่า สีหน้าขึ้นสีอย่างชัดเจน
บอกกะทิไปแบบนั้นได้ไงเล้า  อยากจะต่อว่า แต่ก็ทำได้แค่ ทุบลงไปที่อกเบาๆ เพราะอยู่ในช่วงพักเอาแรง

“โอ๊ย! น้ำนิ่ง ทุบทิมทำไมเนี่ย” ไม่ได้เจ็บหรอก แต่ถ้าแอ็คชั่นไม่เนียน คนทุบจะเสียใจ

“ก็ ทิมอะ พูดแบบนั้นได้ไง น่าอาย”

“อายทิมหรอ” อยากจะตอบว่าอายทั้งคนทั้งแมว แต่ก็มุดหน้าหนีแทน จนทิมต้องจับดันตัวยกขึ้นเพื่อจะมองหน้าอย่างชัดเจน
น้ำนิ่งลุกขึ้นนั่งตรงๆได้ก็รู้สึกถึงสิ่ที่อยู่ในร่างกายของทิมที่ขยายตัวบอกความต้องการอีกครั้ง

“อ๊ะ ทิม”

“ก็บอกแล้วว่ายังไม่เสร็จ” พูดจบ ทิมก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่งพิงตรงๆ ท่านี้ทำให้รู้สึกสอดลึกเข้าไปอีก ยกคนตัวบางขึ้นพร้อมขยับเปลี่ยนเครื่องป้องกัน แล้วจับตัวน้ำนิ่งค่อยๆกดลง

 “อ๊า…...” “อื้ม….” เสียงเจ้านาย 2 คนร้องสอดขึ้นอีกครั้ง ทำให้เจ้าแมวน้อยรู้ว่ายังไม่ถึงคิวตัวเอง

“ขออีกนะ” จบเสียงทิมที่กระซิบอยู่ข้างหู น้ำนิ่งที่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร ก็รู้สึกร่างกายตัวเองอ่อนระทวยเพราะโดนไซร้เข้าตามตัวอีกครั้ง ทิมที่โอบกอดอยู่นั้น ประคองตัวน้ำนิ่งยกสูงขึ้นแล้วปล่อยลง

“อื๊อ…ทิม ทิม”  คนถูกจับขยัยตัวร้องเสียงสั่น ก็ท่านี้มันรู้สึกลึกจริงๆนั่นละ


ชักพาให้น้ำนิ่งขยับตัวเองแล้ว ทิมก็ขยับตัวขึ้นรับแรงกระแทก ยิ่งทำให้เกิดเสียงเนื้อกระทบกันดังอีก มือน้ำนิ่งที่คล้องคออยู่ ปล่อยจิกลงที่ตัวทิม ยิ่งทำให้เพิ่มความรู้สึกและสัมผัสมากขึ้นเป็นทวีคูณ ยิ่งทำให้ทิมชอบ จนบางทีทิมเริ่มรู้สึกว่า ตัวเองใกล้จะเป็นคนซาดิสม์ ก็เพราะเขาเองนั่นละ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ เขาเป็นคนบอกน้ำนิ่งเองว่า ถ้ารู้สึกเจ็บให้บอก แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นให้ระบายออกแบบนี้ ยิ่งน้ำนิ่งกดเล็บจิกลงมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ทิมรู้ว่าน้ำนิ่งรู้สึกดียังไง ขยับจูบอย่างแผ่วเบาแล้วเพิ่มความรุนแรงขึ้นรื่อยๆ แล้วก็ละปากออก วิธีนี้ยื่งทำให้นิ่งโหยหาการจูบ จนเป็นฝ่ายขยับเข้ามจูบทิมเองอีกครั้ง


“อ่า..ทิม”  สะบัดจูบออกเพราะความเสียวทำให้ต้องร้องคราง ท่านี้ทิมเองก็รู้สึกเสียวมากกว่าท่าอื่นเหมือนกัน

“ชอบมั๊ย ชอบมั๊ยครับ อืม…..”

“อื๊อ…อื๊อ”

“อะไรนะ อะ ไม่รู้เรื่องเลย” ยิ่งใช้เวลามากขึ้น น้ำนิ่งรู้สึกว่ตัวเองเริ่มเสียววาบทั้งตัวไปถึงสมอง

“ถามไม่ตอบ ลงโทษแล้วนะ”

ทิมยอกตัวน้ำนิ่งขึ้นสูงจนร่างกายเกือหลุดออกจากกัน แล้วดันลง พร้อมๆกับที่ตัวเองยกสะโพกขึ้นรับแรงกระแทก

“อ๊า ทิม อื้อ “ ทิมทำซ้ำๆ อยู่อีกไม่นาน น้ำนิ่งก็ยังไม่สามารถตอบอะไรที่เป็นประโยคได้

“พอแล้ว พอแล้วนะ” เสียงคนด้านบนเอ่ยอย่างเหนื่อยหอบ

“อื้อ พร้อมกันนะ” 

“อ๊า…. “ เสียงร้องสอดผสาน หน้าเงยรับความรู้สึกเสียวซ่านทั้ง 2 คน  ทิมกดสะโพกน้ำนิ่งให้แนบสนิทตัวสะโพกตัวเอง ปลดปล่อยจนสุด ก็ดึงคนตัวบางเข้ามากอดให้ซบอยู่ที่อก ครั้งนี้ น้ำนิ่งหายหอบมากกว่าเดิม แต่ก็ยังดิ้นเล็กน้อยเมื่อถูกกอด
“เหนียวตัวนะทิม” เพราะความร้อนรุ่มที่ร่างกายส่งออกมา แม้ในห้องจะแอร์เย็นขนาดไหนก็ยังไม่สามารถช่วยได้

“อาบน้ำกัน”

“พอแล้วนะ เหนื่อย”

“อาบน้ำไง คิดอะไรเนี่ย หืม” พูดแซวจนคนในอ้อมกอดหน้าขึ้นสี ทำให้ทิมอดใจไม่ไหวที่จะหันไปหอมแก้มแดงซ้ำๆ

“อื้อ…ทิมอะ ชอบแกล้ง”

“ไม่แกล้งคุณแล้วจะแกล้งใครละครับ หรือจะให้ผมไปแกล้งคนอื่น”  คำพูดกึ่งแซวทำให้คนข้างหน้ายู่หน้าใส่

“ก็ลองดูดิ”  แมวตัวใหญ่ในอ้อมกอดขู่ฟ่อๆ

“ไม่กล้าหรอกครับ กลัวแม่แมวโกรธ ใช่มั๊ยกะทิ”

“อ๊ะ” หันไปมองก็เห็นแมวน้อยนั่งตาแป๋ว ทำให้น้ำนิ่ง อยากจะมุดหน้าหนีอีกครั้ง ทิมเห็นก็ยิ่งขำ ยิ่งถ้ารู้ว่าที่ทำเมื่อกี้กะทินั่งมอง อยู่ตลอด ก็คงจะยิ่งเขินไปอีก  ลูบหัว ลูบหลังคนเขินแมวอย่างแผ่วเบา

“หายเหนื่อยยัง”

“อื้อ”  น้ำนิ่งลุกขึ้นมาตอบ ทิมตั้งท่าจะช้อนตัวไปห้องน้ำ แต่น้ำนิ่งขืนตัว ทำให้ทิมแปลกใจ

“ว่าไงครับ”  น้ำนิ่งขยับจูบรอยสักที่เนินอกของทิมอย่างแผ่วเบา แล้วยันตัวเองจะถอยร่างกายออก

“เบาๆ เดี๋ยวเจ็บ” ทิมช่วยขยับออกพร้อมประคองไปที่ห้องน้ำ คนอ่อนแรงยืนพิงผนังเพื่อตั้งสติ แต่ทิมก็จัดการขยับให้หลังพิงหน้าอกตัวเอง แล้วอาบน้ำฟอกสบู่ให้  ลูบไปทั่วร่ากายจนถึงจุดกึ่งกลางตัว ก็อดไม่ได้ที่จะสัมผัส ขยับรั้งรูดอีกครั้ง สุดท้ายทั้ง 2 คนก็ใช้มือให้กันอีก ทิมจับคนหน้าบึ้งล้างฟองสบู่แล้วปล่อยให้ออกมาแต่งตัวก่อน รั้งไว้ก็ยิ่งจะหน้างอ

ออกมาจากห้องน้ำ เห็นคนนอนหลับอยู่บนเตียง โดยมีเจ้าแมวน้อยที่รู้หน้าที่ว่าได้เวลาออดอ้อนเอาใจเจ้านายตัวเล็กอยู่บนตัว
แต่งตัวเสร็จ ทิมก็เดินไปอุ้มลูกแมวน้อยออก คนที่นอนอยู่ก็ลืมตามองอย่างหน้าบึ้ง

“ไม่นอนกับกะทินะครับ เดี๋ยวเป็นภูมิแพ้นะ” เพราะเพื่อนบอกไว้ น้ำนิ่งไม่ค่อยแข็งแรง จึงต้องระวังไว้ก่อน 

แต่เจ้าตัวก็ชอบสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ไปทั่ว เจอที่ไหนเล่นได้เป็นต้องเล่น เอากะทิมานอนกอดจนหลับไปทุกคืน ทิมต้องคว้าแมวออกเป็นประจำ รู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง วันไหนรู้ตัวก็ทำหน้ายู่ใส่ตลอด แม้ทิมจะซื้อเครื่องกรองสำหรับคนเป็นภูมิแพ้เพื่อป้องกันน้ำนิ่งเป็น แต่ก็ต้องกันไว้ก่อน

“กอดให้ทิมกอดแทนนะ”  ขยับตัวนอนที่ประจำเพราะคนอีกเว้นที่ไว้ให้ด้วยความเคยชิน สอดแขนให้หนุน มืออีกข้างสอดเข้าชายเสื้อเลื่อนขึ้นวางแนบที่หน้าอกซ้ายตรงหัวใจเต้น เหมือนทุกวัน

“ฝันดีนะทิม” กดจูบที่ขมับบนหัวอย่างแผ่วเบา

“ฝันดีเช่นกันครับ”

----------------------TBC----------------------

แฮ่... NC แบบนี้ไม่รู้ถูกใจคนอ่านรึป่าว เขียนคู่อื่นร้อนแรงแล้ว อยากลองเขียนแบบนี้บ้าง

ขอบคุณพื้นที่บอร์ด คนอ่าน คนรอที่ยังคงรอกันเสมอ คนเม้นท์ทุกคนนะคะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ทิม น้ำนิ่ง  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
บทที่ 32 บทสรุป

ตาน้ำมองห้องที่ตัวเองเคยอยู่มานาน ตอนนี้ข้าวของถูกปรับเปลี่ยนส่งกลับไปไว้ที่บ้านของเจ้าของห้องบางส่วน ทำให้ห้องดูแปลกไป ยืนหมุนคว้างอยู่กลางห้องจนเจ้าของห้องมายืนจ้องหน้า

“เป็นอะไรรึป่าว” เพราะเลื่อนการเดินทางมาเร็วกว่าที่เคยบอกไว้ครั้งแรก ก็กลัวว่าคนตรงหน้าจะงอแง

“แค่รู้สึกว่าห้องมันแปลกๆ” เพียวใจเสียกับคำตอบ เพราะรู้ว่าอีกคนจะต้องไปๆมาๆที่นี่ ก็อยากที่จัดใหม่ ไม่รู้ว่าคิดไปองหรือป่าว ว่ากลัวตาน้ำจะขึ้นถึงเขา ยกมือสัมผัสใบหน้าของคนตัวโตกว่าอย่างแผ่วเบา ตาน้ำยกมือจับข้อมือแล้วขยับมาจูบ

“ติดต่อมาบ้างนะเพียว” คำขอร้องทำให้เพียวต้องกลั้นน้ำตา ถ้าจะไม่ติดต่อมาเลย กลัวจะเป็นแบบครั้งก่อนที่ยังไงตาน้ำก็ต้องหาเขาเจออยู่ดี แต่ครั้งนี้อยู่กันคนละประเทศ มันไม่ได้ง่ายๆแบบครั้งที่แล้วหรอก

“อือ” ตอบรับไปแค่นั้น แค่ลดการติดต่อลงเรื่อยๆ ต่างคนก็คงจะชินไปเอง

ตาน้ำดึงคนตัวเล็กกว่าขยับเข้าชิด ไม่ได้ยกมือโอบกอดแต่เอาคางเกยไว้ที่ไหล่บาง กลายเป็นเพียวที่กลั้นใจตัวเองก่อนจะยกมือขึ้นโอบกอดแทน เด็กชายตัวน้อยที่คอยสอนหนังสือให้ประจำ เริ่มงอแงอีกแล้วสินะ ตั้งแต่เด็กเวลาตาน้ำหงุดหงิดตัวเอง ที่ทำอะไรไม่ได้อย่างใจ ก็กลายเป็นเพียวที่ดึงเอาโอบกอดทุกครั้งไป แต่คราวนี้อะไรกันละที่ทำให้เป็นอย่างนี้ เพียวนึกไม่ออก
แม้อยากจะเอ่ยว่าไม่อยากให้ไปมากเพียงใด แต่ตาน้ำก็ไม่อยากเป็นตัวทำลายความฝันของอีกคน เพราะเขาเคยทำมันพลาดมาแล้วครั้งนึง 

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ที่ 2 คนยืนแนบชิดกันอยู่อย่างนั้น เพียวได้สติจึงผละออกก่อน  แต่ตาน้ำก็ดึงเพียวเข้ามาจูบอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากสัมผัสความหวานเพียงชั่วครู่ ตาน้ำก็ขยับจูบที่หน้าผาก

“ไปเถอะ”  2 ทั้งคนก้าวออกจากห้อง เพียวหันกลับมามองห้องที่มีความทรงจำต่างๆ มากมาย กับคนข้างๆ ตอนนี้มันกำลังจะถูกทิ้งไว้ที่ประเทศไทย เขากำลังจะเริ่มใหม่อีกครั้ง

ข้าวของสำหรับเดินทางถูกส่งไปที่บ้าน มาสนามบินพร้อมรถตู้ แม่ของเพียวบอกว่า จะได้ไม่ทุกลักทุเลในการเดินทางไปสนามบิน

บนรถฟอร์จูนเนอร์สีขาวที่มีตาน้ำเป็นคนขับ ช่างเงียบงัน ต่างคนอย่างอยู่กับตัวเอง ตาน้ำเองอย่างให้เพียวเก็บความทรงจำไว้ให้มากที่สุด

ที่สนามบิน พ่อ แม่ของเพียว พอส ตาร์ และทิม กับน้ำนิ่งทุกคนรอพร้อมกันอยู่แล้ว ขาดแต่ทางบ้านของฝาแฝดที่ตาน้ำพาไปลา ขอพรคุณตาคุณยายมาก่อนแล้ว รวมถึงโทรศัพท์บอกลาพ่อแม่ของฝาแฝดด้วย

เพียวเข้ากอดพ่อและแม่

“พ่อจะไม่บอกว่าให้ตั้งใจเรียน เพราะพ่อรู้ว่าที่เพียวทำได้ขนาดนี้เพราะความตั้งใจของลูกอยู่แล้ว แต่อย่าเครียดเกินไปนะลูก พ่อกับแม่เป็นห่วง แล้วจะไปหาบ่อยๆ”

“เด็กดีของแม่ โตแล้วนะ ไปอยู่นู้นคิดถึงพ่อกับแม่บ้างนะลูก” เพียวเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่เขาที่เริ่มงองแง แต่เป็นพ่อกับแม่รึป่าว
“พ่อครับ แม่ครับ ญี่ปุ่นนะครับไม่ใช่ยุโรป บินแค่ 5 ชั่วโมงเองนะ”

“นั่นสิ ถ้าเป็นยุโรป แม่คงไม่ให้ไป จริงมั๊ยพ่อ”

“จริง ถึงพ่อจะชอบยุโรปนะ แต่การใช้เวลาเดินทางไปหาลูกนานๆ ก็ใจจะขาดนะ” เพียวรู้ว่าพ่อกับแม่อยากให้เขาผ่อนคลาย
เป็นพอสที่ขยับกอดอีกคน ภาพครอบครัว 4 คน กอดกันตรงหน้า ทำให้คนผ่านไปมา อมยิ้ม

“พี่เพียว อย่าลืมยูนิคอร์น แล้วก็ดูแลตัวเองด้วยนะ”

“ไม่ได้ไปเที่ยวนะ แหม่”

“งั้นหรอ เดียวพอสไปเที่ยวแทนเนอะ เนอะพ่อ แม่”

“ก็ดีนะ” ที่จริงแล้ว พ่อ แม่ อยากจะตามไปส่งด้วย แต่เพียวเองขอร้องไว้ เพราะเวลาที่ลาจากกันนั้น มันน่าใจหาย อีกทั้งไม่อยากให้ชีวิตใหม่มีความทรงจำที่ทำให้ตัวห่วงหาอาทร

“ต้าร์ ฝากพอสด้วยนะ” แม้จะเป็นไม้เบื่อไม้เมา แต่พี่ชาย ก็ยังคงเป็นพี่ชายที่รักน้องที่สุด จนต้องฝากคนข้างตัวน้องให้ช่วยดูแล

“แหม่ ญี่ปุ่น 5 ชั่วเองพี่เพียว จะบินมาดุมันแล้วบินกลับก็ไหวน่า”

เพียวหันมองน้ำนิ่ง ขยับจะเข้ากอด แต่ก็ยั้งตัวไว้ จนกลายเป็นน้ำนิ่งเองที่ขยับกอด ทำให้ทุกคนในกลุ่มมองย่างแปลกใจ

“ขอบคุณนะน้ำนิ่ง ขอบคุณมากๆ”

“พี่น้องกันนะ ขอบคุณทำไมละ” ประโยคแปลกๆ ที่ออกมาจากฝาแฝด ทำให้รู้ว่าความรู้สึกตอนนี้ไม่ปกติ น้ำนิ่งน้ำตาคลอ จนทิมขยับเข้ามาจับมือไว้

“โชคดีนะพี่เพียว” เพียวมองทิม ขยับสายตามองฝาแฝดทั้ง 2

“ฝากดูแลด้วยนะ” คนที่จะฝากได้ ยามฝาแฝดงอแงก็คงจะมีแต่ทิม  เพราะอยู่กันมานาน ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันก็เหมือนใช่ รู้จักนิสัยใจคอเป็นอย่างดี คนสุดท้าย เพียวยืนมองหน้า สายตาปะทะกับคมนั้น ทุกคนถอยห่างเพื่อให้ 2 คนมีพื้นที่ส่วนตัว

“ดูแลตัวเองนะน้ำ ไม่สบายก็กินยาบ้าง “คำลาของอีกคนทำให้ตาน้ำ มีน้ำใสคลออยู่ในดวงตา แม้พยามจะกลั้นมากเท่าไร แต่เหมือนน้ำนั้นจะไหลออกมาให้ได้ สุดท้ายเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าเห็นน้ำตา จึงต้องดึเข้ามากอดไว้

“ขอบคุณ สำหรับทุกๆอย่างนะเพียว” ตอบกลับคนลาอย่างเสียงสั่น เพียวเองรับรู้แรงสั่นคลอนได้อย่างดี น้อยครั้งที่เด็กชายตัวโตของเขาจะร้องไห้

“และก็ขอโทษสำหรับทุกๆอย่าง” เพียวไม่มีเสียงตอบ หากแต่พยักหน้าอยู่ในอ้อมกอดนั้น อ้อมกอดที่เขาอยากสัมผัสและเก็บความรู้สึกไว้ให้นานแสนนาน

“ดูแลตัวเองนะน้ำ” คำเป็นห่วงซ้ำๆถูกส่งออกมา เพราะเป็ฯห่วงมาก จึงไม่อาจจะส่งคำอื่นออกไปได้

“อืม เพียวก็ดูแลตัวเองด้วยนะ” อ้อมกอด ถูกผละออก เพียวโบกมือลาทุกคน ตาน้ำยื่นมองคนเดินจากไปอย่างไม่ละสายตาจากร่างนั้น

น้ำนิ่งขยับมาจับมือ ราวกลับจะเรียกสติ แต่ตาน้ำก็คว้าเอามากอดไว้ เป็นคนน้องที่ต้องปลอบคนพี่ ฝาแฝดยืนคุยกันให้ได้ยืนกัน 2 คน

“น้ำไม่ร้องนะไม่ร้อง”

“อึก อือๆ ไม่ร้อง”    

“เรารักน้ำนะ” คำพูดบอกรักราวกับคนเป็นคู่รักส่งออกมา

“น้ำก็รักนิ่งนะ” คนพูดได้รับคำตอบกลับเช่นกัน

“น้องรักพี่นะ อะไรที่พี่รักน้องก็รักเหมือนกัน อย่าทรมานตัวเองเลย พี่ดูแลน้องมามากพอแล้ว น้องอยากให้พี่ทำตามใจตัวเองบ้าง อย่าฝืนตัวเองเลย ถ้ารักเขาก็ไปบอกเขาเถอะนะ” คำพูดบอกรักถูกส่งออกมา แต่ครั้งนี้ เป็นคำพูดในการย้ำเตือนความเป็นพี่น้องได้อย่างดี ความรักของฝาแฝดถูกแตกออกมา จากความรักที่เคยมีให้กันแค่ 2 คน ตอนนี้มันแตกออกมาเป็นใครอีกคนสำหรับเขาทั้งคู่ แม้ว่าจะรักกันมากมาย สุดท้ายความรักที่มีมันก็เป็นแค่พี่น้อง และดูท่าครั้งนี้ เป็นคนน้องที่ดูเหมือนจะแยกความรู้สึกนี้ออกมาได้ก่อนตาน้ำผละออกจากอ้อมกอดน้ำนิ่ง มองอย่างงๆ  น้ำนิ่งหันรับของที่ทิมส่งให้ แล้วส่งให้ตาน้ำ


มองดูของในมือ  อย่างแปลกใจ แต่ก็ดึงฝาแฝดมากอดไว้อีกครั้ง

“พี่รักน้องนะ รักเสมอ ถึงแม้ว่าพี่จะมีใคร น้องก็ยังเป็นคนที่พี่รัก ขอบคุณมากๆ”

“เหมือนกัน”
.
.
.
.
.
เพราะยังไม่ถึงเวลาขึ้นเครื่อง แต่เพียวต้องการเข้าเกตท์มาก่อน เพราะต้องการปรับตัวเองให้คุ้นชิน เดินเล่นเรื่อยเปื่อยอยู่ด้านใน จนถึงจุดรอขึ้นเครื่อง คนที่จะต้องจากบ้านไปไกล เริ่มใจหายขึ้นทุกที  แม้จะปลอบใจตัวเองว่ามันก็เป็นแค่การเดินทาง เพียงแต่อยู่นานหน่อยแค่นั้นเอง

ผู้โดยสารชั้น business class ถูกเรียกขึ้นเครื่องก่อน เพียวจึงเดินขึ้นเครื่องไป จัดแจงเก็บสัมภาระเสร็จสรรพ ก็หยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาเตรียมจะถ่ายรูปสุดท้าย  เสียงข้างตัวทำให้รู้ว่าที่นั่งด้านข้างมีคนถูกจับจองไว้  ขนาดบินไฟท์วันธรรมดานะเนี่ย

แต่เมื่อเปิดกล้องจากโทรศัพท์จะถ่ายรูป เงาสะท้อนในโทรศัพท์กลับทำให้ตกใจ จนตั้งหันมองคนนั้งข้างๆ จังหวะเดียวกันที่คนข้างๆ ยกกล้องกดถ่ายรูปตัวเองสวนมาพอดี ทำให้รูปนั้นกลายเป็นรูปคู่ไปโดยปริยาย

“น้ำ!! ทำไม ทำไม ถึง….” ความตกใจนั้นทำให้เพียว อื้อ อึงกับสิ่งที่เห็น อะไรกัน หลังๆอยู่ด้วยกันตลอด ทำไมถึงไม่รู้เลยว่าจะมาอยู่ตรงนี้ด้วย คนถูกถามส่งพาสปอร์ต และตั๋วเครื่องบินให้ดู

“มีแค่นี้ ไปด้วยได้มั๊ย”แล้วจะให้เพียวตอบว่าอะไร ทำไมทุกอย่างมันช่างพอเหมาะพอเจาะอย่างนี้ละ เพียวเริ่มรู้สึกว่าตัวเองถูกคนรอบข้างหลอก นึกน้อยใจเสียใจจนน้ำตาเอ่อ ตาน้ำเห็นอาการของคนตรงหน้า เลยยื่นมือไปจับไว้

“น้ำนิ่งกับทิมจัดการให้ ” สายตาคนที่มีน้ำตาเอ่อล้นมองอย่างสงสัย แต่เมื่อสบตากับเจ้าของเรื่องว่าไม่ได้โกหก ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป หากแต่มือของตาน้ำนั้น จับมือของเพียวอยู่ตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่องบิน



สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น

ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย กระเป๋าเดินทางของเพียวที่เอามา 2 ใบนั้น ใบนึงถูกตกไปอยู่ที่มืออีกคนโดยปริยาย

ตาน้ำกดส่งข้อความบอกคนที่ประเทศไทย เพราะรู้ว่าเพียวยังไม่ได้จัดการกับโทรศัพท์เป็นแน่

“ไหนเอาที่พักมาดู อยู่ตรงไหน” ตาน้ำเอ่ยถามคนที่ดูตื่นตาตื่นใจกับสถานที่ใหม่ ที่ทำการบ้านมาบ้างรึป่าวเนี่ย
เมื่อดูที่พักแล้วก็ต้องแปลกใจ มันห่างจากมหาลัยอยู่นะ

“ทำไมอยู่ตรงนี้ละ ใครเลือกให้”

“แม่กับพ่อช่วยเลือก เราอยากได้ที่ห่างจากตัวเมืองหน่อย กลัวในเมืองวุ่นวายอะ ที่นี่มีคอนเน็คชั่นกับมหาลัยด้วย ” ญี่ปุ่นะครับ ไม่ใช่ประเทศไทย ได้แต่คิดแต่ไม่ได้เอ่ยออกไป มีคนช่วยวางแพลนก็โล่งใจ อย่างน้อยคนตรงหน้าก็ศึกษาข้อมูลมาบ้าง

“แล้วกระเป๋าน้ำละ”

“ไม่มี” เพียวตกใจในคำตอบ

“ก็บอกแล้ว ว่าน้ำนิ่งกับทิมจัดการให้ตอนที่อยู่สนามบิน “ ถ้า 2 คนนั้นไม่จัดการให้ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาใช่มั๊ย ความคิดน้อยใจถูกส่งขี้นมาในใจเพียว แต่ไม่ได้พูดออกไป

“แล้วมีตังค์มารึป่าว” คนถูกถามทำหน้าตกใจเมื่อได้ยิน รื้อค้นของตัวเองวุ่นวาย แต่เปิด cover พาสปอร์ตดู ก็พบบัตรเครดิต
และเงินของประเทศญี่ปุ่นอยู่ส่วนนึง  นี่เขาคิดถูกใช่มั๊ยที่ให้น้ำนิ่งเรียนบริหารแทน จัดการอะไรทุกอย่างได้เป็นระบบขนาดนี้

“นี่ไง ว่าแต่ จะไปไหนยังไงก่อน จะได้ซื้อตั๋วรถถูก”

“ก็เอาของไปเก็บที่พัก แล้วก็หาข้าวกิน เดินเล่น” ฟังคำตอบ ก็หงุดหงิด ชิลล์ไปมั๊ยครับคุณ ลืมรึป่าวว่าผมมาด้วยเนี่ย

ตาน้ำแยกไปซื้อตั๋วรถไฟ  แล้วก็พาคนมาเรียนเดินไปสถานี นั่งรถไฟออกจากสนามบินไปยังที่พัก คนที่ไม่เคย มาตื่นตาตื่นใจกับสิ่งรอบข้างไปหมด ตาน้ำได้แต่ยิ้มขำ

เผลอตื่นเต้นสักพัก ตัวเองก็รู้ตัว หันมองคนข้างๆ อย่างอายๆ แต่ตาน้ำก็ไม่ได้มีสีหน้าล้อเลียนอย่างใด มีแต่รอยยิ้มที่ส่งให้อย่างเอ็นดู ถึงสถานี ตาน้ำก็กระตุกแขนเพียวให้เตรียมตัวลง

“น้ำเคยมาแล้วหรอ” ถาม เพราะคนตรงหน้าดูคล่องแคล่วไปหมด

“ อือ เคยมา มากันหมดบ้านเลย แม่ชอบญี่ปุ่นมีเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่นด้วยมั้ง  ปิดเทอม ก็ไปบ้านปู่ ย่า สลับ กับมาที่นี่ละ สงสัยเบื่อออสฯจัด” เด็กหนุ่ม 2 คนกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เดินไปตามท้องถนน เพื่อเข้าที่พัก เพียวมองข้างทางตลอดเวลา ราวกับจะปรับตัว ไม่นาน ก็ถึง อาร์พาร์ทเม้น คล้ายกับที่ไทย แต่ทรงตึกดูทันสมัยกว่า ติดต่อเข้าที่พักได้ ก็พากันขึ้นมาบนห้อง

ห้องที่เพียวเลือกไม่ใหญ่โต หรูหรา แต่เป็นห้องธรรมดาคล้ายเจ้าตัวอยู่ที่ กทม. เข้าไป ด้านขวาเป็นส่วนครัว ด้านซ้ายเป็นห้องน้ำ เดินเข้าส่วนห้องนอน ก็มีโต๊ะเล็กๆ อยู่ด้านขวา ฟูกนอน ปูนอนกับพื้น

“ โอ๊ย เหนื่อย เดินทางแบบไม่ได้เตรียมตัวนี่ หมดพลังจริงๆ” เพียวมองเด็กชายตัวโตเริ่มงอแง

“ อาบน้ำมั๊ย”

“ ไม่มีเสื้ออะ” หันมองเพียวค้นกระเป๋า หยิบอะไรบ้างอย่างออกมาส่งให้ก็ตกใจ เสื้อผ้าของเขาเอง

“ทำไมถึงเอา..”

“ไปอาบก่อน เดี๋ยวเราเก็บของก่อน”

ตาน้ำเดินไปตรงห้องน้ำ แต่ก็ต้องเดินกลับมา ลากเพียวไป เพียวดิ้น ต้องการจะสะบัดออก แต่สุดท้าย ตัวเองก็ไปถึงห้องน้ำอยู่ดี

“อันนี้ ใช้แบบนี้นะ จะตากผ้าก็เปิดอันนี้ มันจะมีลมออกมา ฝนตกตากในห้องน้ำได้ แบบนี้ๆๆๆ” ฟังตาน้ำสอนใช้อุปกรณ์ในห้องน้ำก็ขำ เพียวว่าเพียวเรียนภาษาญี่ปุ่นมานะ สงสัยตาน้ำจะลืม สุดท้าย 2 คนก็อาบน้ำพร้อมกัน ตาน้ำปล่อยเพียวออกมาแต่ตัวก่อน แล้วเดินตามออกมา

เพียวหงุดหงิดกับตัวเอง ทั้งๆที่ตั้งใจจะมาคนเดียว ไม่อยากให้ที่นี่ มีกลิ่นอายของอีกคนอยู่ แต่สุดท้าย เขาก็หนีไม่ตาน้ำไม่พ้น อย่างที่อีกคนบอกไว้  ยืนมองห้องที่ตัวเองจะอยู่อาศัย ก็โดนสวมกอดจากด้านหลัง

“ตอบมาทำไมถึงเอาเสื้อผ้าเรามาด้วย” คำถามตอบยาก ไม่รู้เหมือนกันว่าหยิบมาทำไม เผื่อคิดถึงละมั้ง

“สงสัยหยิบติดมา แล้วน้ำ ทำไมถึงขึ้นเครื่องมา” จะว่าฝาแฝดกับเพื่อนจัดการให้ แต่จะไม่มีก็ได้นี่หน่า

“ เพียว… น้ำขอโทษ น้ำขอโทษสำหรับทุกเรื่องที่น้ำทำไม่ดีด้วย น้ำขี้ขลาดเกินกว่าจะรู้ว่ารู้สึกยังไง น้ำไม่รู้จะทำยังไงถึงจะเข้าหาเพียวได้ ถึงต้องหาเรื่องให้ติวหนังสือ น้ำรู้ ว่าน้ำทำลายความฝันที่เพียวจะเรียนวิศวะจากเรื่องของน้ำนิ่ง แต่ตอนนั้น น้ำรู้สึกแย่ รู้สึกแย่ที่คนที่ตัวเองรู้สึกดีด้วย เป็นคนที่ทำร้ายน้ำนิ่ง แต่น้ำก็พยายามที่จะเรียนวิศวะให้ได้ น้ำอยากทำความฝันเพียวแทน เพียวยกโทษให้น้ำได้มั๊ย ขอโอกาสน้ำได้มั๊ย เราเริ่มใหม่กันได้รึป่าว” คนฟังน้ำไหลอาบแก้ม ได้แต่นิ่งงันฟังคำพูดที่ออกมาจากปากคนที่โอบกอดอยู่ด้านหลัง ไม่มีเสียงตอบรับจากคนฟัง ทำให้ตาน้ำถอนหายใจ

“แต่ถ้าเพียว ไม่โอเค น้ำก็จะไป ไม่อยู่ให้เพียวรำคาญอีก” คำบอกลาจากคนตรงหน้า ทำให้ใจหาย

“แล้วเรื่องนั้น เรื่องน้ำนิ่ง น้ำไม่โกรธเราแล้วหรอ”

“เรื่องมันผ่านไปแล้วนะ แต่ถ้าเพียวยืนยันเหมือนเดิมว่าเพียวไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้ว่าเพื่อนเพียวจะทำแบบนั้นกับน้ำนิ่ง น้ำจะเชื่อ”

“แล้วน้ำ น้ำไม่ได้ชอบพอส หรอ” ตาน้ำหมุนคนในอ้อมกอดให้หันมาเผชิญหน้า

“ ที่ทำแบบนั้น เพราะอยากให้หึง” เพียวหรี่ตามองคนตอบ

“รวมถึงเรื่องบนรถด้วย”

“ก็ทำไมไม่หึงละ “ วันนั้นก็เห็นอยู่ว่า เพียวเห็นเขาขึ้นไปบนรถกับพอส แต่คนตรงหน้าดันนิ่ง เฉย ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผิดแผนไปใหญ่

“แล้วเพียวละ ชอบน้ำนิ่งรึป่าว” คนถูกถามส่ายหน้า

“ที่ทำเหมือนชอบน้ำนิ่ง เพราะไม่อยากให้น้ำรู้ว่าเรารู้สึกยังไง เรากลัวน้ำปฎิเสธ

“ห๊ะ!! ว่าไงนะ พูดใหม่ได้ป่ะ”

“น้ำ!!”

“ขอโทษนะเพียว ขอโทษ เราเริ่มกันใหม่นะ”

“แล้วน้ำนิ่งละ” เพราะรู้ว่าความรู้สึกของฝาแฝดมันดูไม่ปกติมากกว่าพี่น้องทั่วไป เคยคิดแต่ก็ปฏิเสธความคิดนั้นออกไป สุดท้ายมันก็วนกลับมาใหม่เรื่อยมา

“น้ำนิ่งเป็นน้อง เป็นน้องนะ ใครมันจะไปนอนกับคนหน้าเหมือนกันได้ทั้งชีวิตเล่า ตกลงว่าตกลงรึป่าว” ประโยคสับสนเริ่มออกมาจากปากทำให้เพียวเริ่มขำ ฝาแฝดแยกความรู้สึกที่สับสนออกแล้วสินะ

“อื้อ ตกลง”

ชีวิตใหม่ที่ญี่ปุ่น ดูราวกับมีแสงสว่างในความรักเกิดขึ้น ระหว่าคน 2 คน ตาน้ำอยู่พาเพียวเที่ยว จนรู้จักเส้นทาง และมั่นใจว่าดูแลตัวเองได้จึงกลับกระเป๋าเสื้อผ้าถูกฝากมากับพี่ชายทิม  โชคดีที่เป็นปิดเทอมทำให้คนที่ตามมาพาคนมาอยู่ใหม่ได้เที่ยวก่อนเปิดเทอม
.
.
.
.
 6 ชั่วโมงที่แล้ว ลานจอดรถด้านนอกสนามบินสุวรรณภูมิ


ทิมและน้ำนิ่ง ยืนมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีเครื่องบิน บินขึ้นลงสนุกสนานราวกับอยู่ในเกมส์  รถของฝาแฝดถูกฝากกลับโดยคนขับรถบ้านพอส 2 คนนั่งอยู่บนหลังคารถสปอร์ต ของทิม เมื่อได้เวลา ไฟท์ สุววรณภูมิ- นาริตะออกจากสนามบิน น้ำนิ่งก็หยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาพร้อมถ่ายรูปตัวเองและทิม โดยมีฉากหลังเป็นเครื่องบินที่มุ่งหน้าประเทศญี่ปุ่น

2 คน มองหน้ากันราวกับซึบซับบบรกาศความอิ่มเอมนั้นไว้ จนเครื่องบินลับสายตา ทิมก็ลงมายืนด้านล่าง พร้อมกับส่งมือให้น้ำนิ่งจับราวกับจะช่วยประคอง

แต่น้ำนิ่งจับมือทิมอยู่อย่างนั้น ไม่ขยับตัว ทำให้ทิมยิ่งงง

“ ทิม”

“ หือ”

“ เป็นแฟนกันนะ” นี่มันต้องมีอะไรประหลาดเกิดขึ้นบนโลกใช่มั๊ย ลำดับความสัมพันธ์ของมนุษย์ถึงผิดเพี้ยนแบบนี้

“อืมมมม ตอบว่าอะไรดีนะ” ตอนนี้ความรู้สึกสับสนขอฝาแฝดหายไปแล้วสินะ  คนรอฟังคำตอบหน้างอ ทำให้ทิมยิ่งขำ

“ ตกลงครับ ตกลง ใครจะไม่ตกลงกันละ แฟนน่ารักซะขนาดนี้”

"เป็นแฟนกันแล้วนะ"


-----------------------------------------The End---------------------------------------------

จบแล้วนะคะ สารภาพว่า บทลาที่สนามบินคนเขียนร้องไห้ น้ำตาซึม
ความลับของทุกคนยังคงเป็นความลับต่อไป แฮ่

ขอบพระคุณ
Mura_saki  ที่ติดตามมาตั้งแต่ตอนแรก
รวมถึง
bluerose
❣☾月亮☽❣
kiolkiol
3 words 8 letters
♥►MAGNOLIA◄♥
mintmiko
Pimjean
Jessiebier
Supparang-k
shcheribrand
Tennyo_Y
mareya.no7
รวมถึงทุกๆคนที่ผ่านเข้ามาอ่านนะคะ
เรื่องแรกได้กำลังใจเยอะเยอะมากมาย จะนำไปปรับปรุงต่อๆไปนะคะ

เรื่องนี้ จะมีตอนพิเศษอีกเล็กน้อยคะ
เดี๋ยวจะลงให้อ่านกันนะคะ

ขอบคุณพื้นที่บอร์ดมากๆคะ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
 :pig4: :pig4: :pig4:
รอตอนพิเศษอยู่น้าาา รักน้ำนิ่งทิม รักตาน้ำเพียว

ขอบคุณไรต์มากๆๆ เรื่องนี้ก็ สนุกกกๆo13 o13

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ฝาแฝด ไม่สับสนและ
ตาน้ำ เพียว  :กอด1:
ทิม น้ำนิ่ง  :กอด1:
ต้าร์ พอส  :กอด1:
รอตอนพิเศษ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
ชอบเพียวกับตาน้ำ

สมหวังสักทีน้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kiiro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
วันนี้คนเขียนมาอยุธยา คิดถึงฝาแฝดเลยต้องแวะเข้ามาทักทาย ตอนนี้ยุ่งมากๆ ขอเวลอีกสักพักจะอัพตอนพิเศษให้นะคะ

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
มันผิดเพี้ยนตั้งแต่แรกเนอะ....สรุป...ตาน้ำ..ได้หมดถ้าสดชื่น555

ออฟไลน์ kiolkiol

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อมก อมก อมก รู้สึกเสียใจลึกๆเราเชียคู่แฝด แงงงงงง แต่ดีแล้วค่ะที่จบแฮปปี้ เย่ อ่านรวดเดียวจนจบ หน่วงสุดๆค่ะ ตอนหลังๆคิดนะว่า น้ำนิ่งนี่ใจอ่อนง่ายจริงๆค่ะ ฮึ่ม โกรธตาน้ำมากค่ะ เบื่อ ลำไย น่าจับตีสักที แง่ง พอสก็ดูน่ารัก ดีค่ะ เพียวก็ดูงงๆกับชีวิต ตบบ่าๆ ทิมเหมือนมาคั่นกลางแล้ว แยกสองแฝดออกจากกันนางเหมือนคนที่อยู่วงโคจรด้านนอกไม่รับรู้อะไรเลย สงสารเหมืนกันค่ะ ฮืออออ แต่สงสารน้องน้อยน้ำนิ่งสุดละค่ะ โฮฮฮ แต่จบแฮปปี้ค่ะ ย้ำไว้กลัวตัวเองลืม 55555

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
เป็นความสับสน ซับซ้อน วกวน แต่ก็นี่แหละ ใจคน

ทุกอย่างเริ่มที่ตาน้ำ แล้วตาน้ำก็ต้องทำให้จบด้วยดี
เพียวนิสัยดีนะ แต่เสียโอกาสไปหน่อย น่าสงสารสุดละ

น้ำนิ่งน่าสงสาร ความรู้สึก ความคิด รวนง่าย เพราะเรื่องในอดีต
ความสัมพันธ์ที่ผูกพัน ทำให้แยกยาก
ทิมช่วยชีวิตน้ำนิ่งไว้ได้นะ ใจเย็น อบอุ่น น้ำนิ่งขอเป็นแฟนเลย เห็นไหม 555

พอสก็ยังมีความลับอยู่ แต่เก็บไว้ดีแล้ว อย่าฟื้นอดีตให้ต้องเจ็บกันอีก
ตาร์มาแบบงงๆ คือชอบแต่แรกอะนะ แต่แค่รอให้พอสรู้สึกเหมือนกัน ตาร์เนียนและแผนสูง

ขอบคุณคนแต่งมากนะคะ เรื่องราวน่าลุ้นทุกตอนเลยค่ะ

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด