บทที่ 21
ตำนานรักสองราชวงศ์ : ความจริงที่ต้องปกปิด
รุ่งเช้าองค์ชายคาเซียก็ทรงเสด็จไปหาพระชายาโซเทเรียตามที่พระองค์ได้ให้สัญญาเอาไว้ แม้พระองค์จะทรงรู้สึกวิงเวียนอยู่ไม่น้อย...
“เป็นไงบ้าง โซล เมื่อวานนอนหลับไหม”พระองค์ตรัสถามองค์ชายร่างเล็กอย่างเป็นห่วงเป็นใย “ขอโทษที่เมื่อวานไม่ได้มาส่งโซลเข้านอนนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก คาเซีย เมื่อวานโซลก็นอนหลับเหมือนปกติแหละ”รอยยิ้มสดใสถูกส่งมาให้พระองค์ “โซลเถอะ เป็นยังไงบ้าง ไม่เป็นไข้ใช่ไหม”
“ไม่เป็นไร แค่พักผ่อนไม่พอเฉยๆ โซลไม่ต้องห่วงหรอก”มือเรียวโอบประคองร่างอวบไว้หลวมๆ “ไม่คลื่นไส้ ไม่อาเจียนแล้วใช่ไหม”
“อื้ม ไม่มีอาการพวกนั้นแล้วล่ะ”องค์ชายโซเทเรียตรัสตอบด้วยรอยยิ้ม “แล้วคาเซียล่ะ เป็นยังไงบ้าง”
“ยังเพลียๆอยู่นิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”พระองค์ทรงตอบกลับอย่างอ่อนโยน
รอยยิ้มบางเบาถูกคลี่ออกมา... พระองค์ทรงรู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งที่พระองค์บอกพระชายาของพระองค์ไปนั้นเป็นสิ่งโป้ปดทั้งสิ้น ร่างกายของพระองค์นั้นสมควรได้รับการพักผ่อนที่มากกว่านี้... แต่มันคงเป็นไปไม่ได้
หลังจากที่ทั้งสองพระองค์เสวยพระกระยาหารเช้าจนเสร็จ องค์ชายคาเซียก็ทรงเสด็จไปช่วยราชกิจขององค์ทริสเซย์เหมือนทุกๆวัน
ข้าควรจะบอกเรื่องลูกแก่ฝ่าบาทดีไหม... หรือรอเวลาที่เหมาะสมกว่านี้...องค์ชายทรงหันไปหาร่างที่ทำงานอยู่อย่างเคร่งเครียด พระหัตถ์เรียววางแนบพระอุทร
“จริงสิ... คาเซีย”องค์ราชาทรงเงยพระพักตร์ขึ้นมาจากกองแผนที่และเอกสารมากมาย “เดือนหน้าข้าต้องไปหาเสด็จพ่อและเสด็จแม่ที่นอกเมือง... เพื่อรับพวกท่านไปเยี่ยมเสด็จพี่ที่วินเซเร”
“พะยะค่ะ ฝ่าบาท”ข้าคงต้องเก็บเรื่องลูกในท้องเอาไว้ก่อน... คงจะดีกว่าสินะ “แล้วจะทรงเสด็จกลับมาเมื่อไหร่หรือพะยะค่ะ”
“ข้าไปประมาณ 4-5 เดือน ระหว่างนั้น ข้าคงต้องวานให้เจ้าดูแลเฟรนเซียแทนข้าเสียหน่อยล่ะนะ คาเซีย”พระองค์ทรงตรัสตอบ
“รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ ฝ่าบาท”
อ่า... 5 เดือน... ฝ่าบาทจะเสด็จไปเดือนหน้า... ถ้าเช่นนั้น เมื่อพระองค์ทรงเสด็จกลับมา ข้าก็คงอุ้มท้องได้เจ็ดเดือนเกือบแปดเดือน ส่วนโซลก็คงคลอดแล้วสินะ...
ไม่เป็นไรนะ ลูกจ๋า... ถึงพระราชบิดาของลูกจะมิได้ดูแลลูก แต่มารดาจะดูแลเจ้าเองนะ ลูกรัก“เจ้ามีเรื่องอะไรจะบอกข้าหรือเปล่า คาเซีย”องค์ทริสเซย์ทรงตรัสถามขึ้น หลังจากที่ทรงสังเกตเห็นพระพักตร์ของพระชายาคลี่ยิ้มหมองๆ
“เอาไว้ทรงเสด็จกลับจากการไปนอกวังก่อน แล้วกระหม่อมจะทูลบอกพระองค์นะพะยะค่ะ”พระองค์ตอบกลับฝ่าบาทด้วยรอยยิ้ม “ถึงเวลานั้นกระหม่อมค่อยทูลพระองค์ก็ยังมิสายหรอกพะยะค่ะ”
“อีกราวๆ 6 เดือนเนี่ยนะ”องค์ราชาทรงทวนคำ
“พะยะค่ะ”
“ตามใจเจ้าแล้วกัน”
แล้วกิจวัตรที่เหมือนกับทุกๆวันก็ดำเนินต่อไป...
+++++++++++++++
“เหตุใดองค์ชายถึงไม่ทูลบอกเรื่องสายพระสกุลในพระครรภ์ของพระองค์แก่ฝ่าบาทล่ะเพคะ”เรลถามขึ้นทันที เมื่อองค์ชายของนางเสด็จกลับมาถึงห้องบรรทมในเวลาค่ำ
“เราจะบอกแก่ฝ่าบาทได้อย่างไร ในเมื่อพระองค์มีหมายกำหนดการณ์จะเสด็จไปต่างเมืองในเดือนหน้านี้แล้ว”องค์ชายตรัสกลับแผ่วเบา “ถ้าเราทูลบอกพระองค์ไป เจ้าคิดหรือว่าพระองค์จะยอมเสด็จออกจากวังตามหมายกำหนดการณ์”
“เลื่อนกำหนดการณ์พวกนั้นออกไปก็ได้นิเพคะ”เรลไม่ยอมแก่พระองค์ง่ายๆ ดวงตาของนางสื่อให้เห็นอย่างชัดเจนว่านางไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พระองค์ทำ
“ฝ่าบาทจะทรงเสด็จไปหาพระบิดาและพระมารดา ก่อนจะพากันเสด็จไปเยี่ยมพระพี่นาง เจ้าจะให้เราขัดขวางการพบหน้ากันของคนในครอบครัวเช่นนั้นหรือ เรล”องค์คาเซียทรงใช้เหตุผลอธิบายให้กับนางกำนัลน้อยฟังอย่างช้าๆ “นานครั้งครอบครัวถึงจะได้พบกัน เราไม่อาจจะขัดขวางพวกเขาได้หรอกนะ”
“แต่... องค์ชายเพคะ ถ้ามีเหตุอันใดเกิดขึ้นระหว่างที่ฝ่าบาทไม่อยู่จะทำเช่นไรล่ะเพคะ”เสียงใสยังคงสวนกลับอย่างไม่หยุดหย่อนด้วยความเป็นห่วงนายของตน “พระองค์สมควรได้รับการพักผ่อนมากๆดังเช่นพระชายาโซเทเรีย มิใช่ทรงงานหนักอย่างทุกวันนี้นะเพคะ”
“เรล เราไม่เป็นอะไรไปง่ายๆหรอก...”เสียงหวานตรัสเบาๆ พระเนตรหวานทอดมองนางกำนัลอย่างอ่อนโยน “เราจะต้องไม่เป็นอะไร”
“องค์ชาย... ไม่ทรงตามเสด็จฝ่าบาทไปล่ะเพคะ อย่างน้อย เสด็จไปกับฝ่าบาทก็ปลอดภัยกว่าอยู่ในวังหลวงแห่งนี้นะเพคะ”เรลอ่อนข้อลงเล็กน้อย แต่ก็ยังดื้อดึงให้องค์ชายของนางอยู่ข้างกายเจ้าชีวิตอยู่ดังเดิม
“ถ้าเราตามเสด็จฝ่าบาท แล้วใครจะว่าราชกิจแทนพระองค์ล่ะ”องค์ชายตรัสถามกลับ
“เหล่าขุนนางไงเพคะ สมัยก่อนพวกเขาก็ทำกันได้ไม่ใช่หรือเพคะ”
“มันก็ใช่ แต่เพลานี้ ยังมีกิจมากมายที่จะต้องมีผู้นำในการกันงานให้สำเร็จ เราไม่อาจจะปล่อยมันทิ้งไปได้หรอกนะ”
“ท่านมหาเสนาทั้งสองเป็นผู้นำในการบริหารราชกิจของบ้านเมืองอยู่แล้วไม่ใช่เพคะ”
“ถึงกระนั้นเราก็ยังวางใจไม่ได้หรอกนะเรล”องค์ชายทรงยื่นพระหัตถ์มาลูบไล้เรือนผมนิ่มของนางกำนัลส่วนพระองค์ “แล้วโซเทเรียอีกล่ะ ถ้าเราไม่อยู่ ใครจะดูแลเขาแทนเรากัน”
“เอ่อ...”
“ถึงเฟรุยจะคอยดูแลโซลอยู่ แต่ข้าก็อยากดูแลเขา ให้สมกับที่เขามอบความรักและความไว้ใจให้กับข้า”
“แล้วตัวองค์ชายเองล่ะเพคะ พระองค์ก็สมควรได้รับการดูแลเช่นกัน ยิ่งในเพลานี้ พระองค์ตั้งครรภ์อ่อนๆ ถ้าเกิดการกระทบกระเทือนขึ้นมา อาจจะสูญเสียทารกในพระครรภ์ไปได้นะเพคะ”เรลแย้งขึ้นมาทันที
“เรล ชายาของเราตั้งครรภ์ได้สี่เดือนครึ่งแล้ว ถ้าข้าตามเสด็จฝ่าบาทไป โซลก็อุ้มครรภ์ได้ประมาณห้าเดือนครึ่ง กว่าจะกลับก็คงมีประสูติกาลแล้ว”องค์คาเซียผินพระพักตร์ไปมองดวงดาราบนท้องนภาแล้วคลี่รอยยิ้มบางเบา “ข้ามีพวกเจ้าดูแลอยู่ไม่ใช่เหรอ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าไม่มีทางที่จะปล่อยให้ข้าตกอยู่ในอันตรายหรอก”
“แน่นอนเพคะ หม่อมฉันจะปกป้องพระองค์ด้วยชีวิต แต่... องค์ชายเพคะ ถ้าเกิดอะไรขึ้น จะทำอย่างไรเพคะ”เรลเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“ข้าจะดูแลตัวเองให้ เรล... แม้จะไม่มีใครคอยปกป้องข้าอยู่ข้างๆตลอดเวลา ข้าก็ต้องทำให้ได้”
“แล้วพระองค์จะสามารถดูแลสายพระสกุลในขณะที่ทรงงานเช่นนี้ได้หรือเพคะ”
“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน เรล”พระองค์ตรัสตอบ พระหัตถ์เรียวลูบไล้พระอุทรแผ่วเบา “แม้ตัวข้าอาจจะเป็นมารดาที่ไม่ดีนัก แต่ข้าจะเป็นบิดาที่เป็นตัวอย่างให้กับลูกของข้าได้”
“องค์ชาย... พระองค์จะต้องเป็นทั้งพระบิดาและพระมารดาที่ดีของราชบุตรของพระองค์ได้แน่นอนเพคะ”เรลกอบกุมพระหัตถ์บางหลวม ๆ
“ข้าก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน...”
“องค์ชายพะยะค่ะ”เซทเปิดบานทวารออกแล้วเดินพรวดพราดเข้ามาอย่างรวดเร็ว “เรฟบอกกระหม่อมว่าเดือนหน้า ฝ่าบาทจะทรงเสด็จไปนอกอาณาจักรหรือพะยะค่ะ”
“ใช่แล้วล่ะ เซท”เสียงหวานตอบรับอย่างไม่ปิดบัง
“องค์ชาย... เช่นนี้จะดีหรือพะยะค่ะ”เซทเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่สบายใจนัก “พระองค์จะทรงมีเวลาพักผ่อนน้อยลงนะพะยะค่ะ”
“ห่วงเราเหรอ...”รอยยิ้มหวาน ๆ ถูกส่งให้ นัยน์พระเนตรขององค์คาเซียฉายแววเจ้าเล่ห์ชั่ววินาที ก่อนจะเลือนหายไป
“แน่นอนอยู่แล้วล่ะพะยะค่ะ กระหม่อมย่อมเป็นห่วงพระองค์”เซทตอบกลับทันควัน ก่อนที่จะสังเกตเห็นแววเนตรของนายเหนือหัว “องค์ชาย... อย่าบอกนะว่า...”
“ถ้าห่วงเราก็มาช่วยเราทำสิ เซทที่รัก”
“โถ่... ฝ่าบาท”ใบหน้าที่เรียบเฉยบึ้งตึงขึ้นมาเล็ก ๆ “พระองค์ก็ทรงทราบว่ากระหม่อมไม่ถนัดงานเอกสารนี่พะยะค่ะ”
“ไม่ถนัดไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้มิใช่หรือ เซท”พระองค์เถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ พระเนตรกลมโตฉายแววสนุกสนาน “ไม่ถนัดของเจ้านี่สามารถทำให้เหล่าขุนนางหน้าหงายได้กี่ครั้งแล้วล่ะ เซท”
“ฝ่าบาท นั่นมัน...”
“พอแล้ว ถ้าเจ้าห่วงเราก็มาช่วยเราทำ ถ้าไม่... เราทำเองผู้เดียวก็ได้ แม้จะต้องเหนื่อยยากแค่ไหนก็ตามที”องค์ชายทรงตัดบท แล้วเอนกายลงบรรทมทันที “ข้าจะพักผ่อนแล้ว เจ้าก็ไปพักเถอะ เซท เดี๋ยวลูกของเจ้าไม่แข็งแรงข้าไม่รู้ด้วยนะ”
“พะยะค่ะ ฝ่าบาท...”องครักษ์คนเก่งตอบกลับเสียงอ่อย แล้วเขาก็กลับไปยังที่พักของตนอย่างเงียบ ๆ “ข้าต้องมาทำงานเอกสารจริง ๆ หรือนี่... ลูกครับ ถ้าลูกเกิดมาแล้วต้องเก่งงานเอกสารนะลูก...”
รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นที่มุมโอษฐ์เรียว... อา... องค์ชายช่างดูพระเกษมสำราญยิ่งนัก
แน่สิ... การแกล้งเซทเป็นหนึ่งในความสำราญเล็ก ๆ ของพระองค์นี่... แม้จะแกล้งไม่ได้ทุก ๆ วัน แต่นาน ๆ ครั้งก็สนุกดีนะ
++++++++++++++++++++
สายชาร์ตโน้ตบุ๊คส์เสียTT(ได้มาใหม่แล้ววว)