ตอนที่ ๑๓
“พี่โนว่ายังไงนะครับ จะให้ผมเนี่ยนะไปช่วยเกี่ยวข้าว!!!” ขจรเกียรติถามย้ำอย่างตกใจ เมื่อได้ยินคำสั่งของเจ้าของบ้านที่นั่งอยู่บนม้าหินด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ก็ใช่น่ะสิ ไหนๆก็อยู่ว่างๆ จะช่วยงานแทนค่าที่พักไม่ได้หรือไง”
“แต่ผมไม่เคยทำ ดูแล้วไม่น่าใช่งานง่ายเท่าไหร่นะ”
“ไม่ยากหรอก แค่ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ก็ไหนบอกอยากจะยอมทำทุกอย่างไง อีแค่นี้ก็บ่นเสียแล้ว”
“เฮ้อ .... ก็ได้ครับ ยังไงซะก็ดีกว่ากลับไปกรุงเทพตอนนี้”
อโณชาหลิ่วตาอย่างสงสัยเมื่อได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่ม “พี่ถามจริงๆนะจอน ทำไมจอนถึงไม่กลับกรุงเทพ ถ้าแค่ทะเลาะกับแม่มันไม่น่าจะ.... พี่ดูจากท่าทีของจอนแล้วมันน่าจะมีเรื่องร้ายแรงกว่านี้”
“เอ่อ...ไม่ไม่มีอะไรหรอกครับ”
“แต่พี่ว่ามี ในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง พี่ยังเป็นห่วงจอนอยู่นะ”
ขจรเกียรติหันมามองอดีตคนรักช้าๆ ก่อนจะหลบตาลง “ขอบคุณนะครับ แต่ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่....ทะเลาะกับแม่น่ะ”
“เอาเถอะ ไม่เป็นไร” อโณชาตัดบท “พี่ไปนาก่อน จักรยานที่ใต้ถุนน่ะจอนจะขับไปไหนก็ได้นะ”
.
.
.
อโณชาขี่ไอ้รอดเยื้องย่างมาถึงบ้านผู้ใหญ่มั่น เบื้องหน้านั้นลูกชายผู้ใหญ่กำลังฉีกยิ้มให้อย่างมีความสุขเมื่อเห็นแขกผู้มาเยือน
“อรุณสวัสดิ์ครับพี่เมฆ”
“อื้ม....เมื่อคืนหลับสบายมั้ย”
“เอ่อ.... ก็ดีครับ”
“แต่พี่หลับไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ อยู่ๆก็รู้สึกว่านอนคนเดียวมานานเกินไปแล้ว”
“หรอออออ” หลายยายหลวยลากเสียงยาว “เยอะนักนะ”
“แฮ่ๆๆ ไม่เท่าไหร่หรอกน่า”
“ช่างเถอะ เอาเป็นว่า พี่จะช่วยผมอย่างที่บอกใช่มั้ย”
“อื้ม ช่วยสิ เราไปกันเลยมั้ย”
“ครับพี่”
ชายหนุ่มสองคนกับความสองตัวค่อยๆก้าวไปข้างหน้าบนถนนลูกรังของบ้านเดิมบาง เมฆินทร์พาอโณชาไปหาชาวบ้านเพื่อแนะนำให้รู้จักและขอแรงให้มาช่วยลงแขกกันที่นาของหลานนางฉลวย และด้วยมิตรจิตมิตรใจที่ชาวบ้านแห่งนี้มีให้กันมาตลอด ทุกคนจึงไม่ปฏิเสธต่อคำขอร้องของลูกชายผู้ใหญ่บ้านคนนี้
.
.
.
“เฮ้อออ” หนุ่มกรุงถอนหายใจเบาๆ บนเถียงนา ก่อนจะล้มตัวลงนอนกางแขนอย่างหมดแรง เมฆินทร์มองเขาด้วยเอ็นดูก่อนจะใช้มือลูบไรผมที่ปรกหน้าอโณชาอยู่
“เหนื่อยหรอ”
“เปล่าหรอกครับ อากาศมันร้อนๆน่ะ”
“โนรู้มั้ย” เมฆินทร์ยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนจะพูดต่อ “วันนี้โนทำให้พี่รู้สึกอะไรบางอย่าง”
“ยังไงหรอครับ”
“พี่รู้สึกเหมือน พาแฟนไปให้ใครๆรู้จักน่ะ”
“บ้าเหอะ!!!” อโณชาสบถหน้าแดง พลางดีดตัวขึ้นมาทันที“ผมยังไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ทั้งนั้นนะ”
“แล้วจะเป็นเมื่อไหร่ล่ะ พี่รอมานานแล้วนะ”
“นานที่ไหน เพิ่งจะบอกเมื่อไม่กี่วันเอง”
“ใครบอกว่าไม่นาน ตั้งแต่วันที่พี่เจอโน .... หลายปีแล้วนะที่พี่รออยู่” เมฆินทร์ลูบแก้มของอโณชาอย่างแผ่วเบา “ไม่เห็นใจพี่บ้างหรอ”
“พี่เมฆ...” อโณชาหลบสายตาอ่านใจของอีกฝ่าย หากแต่ร่างกายยังคงไม่ไหวติงปล่อยให้เมฆินทร์ไล้แก้มขาวของตน
“อีกนานไหมโน ที่พี่จะได้ยินคำนั้น แววตาของโนตอนนี้ทำให้พี่คิดว่าในใจของเราคงจะคิดไม่ต่างกันหรอก”
ชายหนุ่มจับมือกร้านของอีกฝ่ายให้หลุดจากใบหน้าของตน ก่อนจะยิ้มให้
“อีกไม่นานหรอกครับ .... ผมเริ่มคิดว่าที่เดิมบางน่าอยู่กรุงเทพเป็นไหนๆเลยล่ะ”
“โนจะอยู่ที่นี่ กับพี่ตลอดไปงั้นหรอ?”
“เปล่าซะหน่อย” อโณชายิ้มเจ้าเล่ห์ “ผมจะอยู่กับป้าทอง นังทิ้ง แล้วก็ลุงวันต่างหากเล่า”
“อ้าว แล้วพี่ล่ะโน”
“ก็อยู่บ้านตัวเองไปสิ ผมก็มีบ้านของย่านี่นา” ชายหนุ่มหัวเราะพลางหันหลังให้ “ผมกลับบ้านดีกว่า”
“นี่แน่ะ เล่นลิ้นดีนัก” เมฆินทร์ตะครุบหนุ่มกรุงจากข้างหลังพร้อมทั้งกอดเขาไว้แน่น แต่อโณชาก็ไม่ได้สะทกสะท้านกลับหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหันมาพูดกับหนุ่มบ้านนาผิวเข้ม
“ถ้าอย่างนั้น เอาเป็นว่า ผมจะอยู่ตรงนี้ แค่ตะวันตกดินก็แล้วกัน .... หรือจนกว่าพี่จะเบื่อที่จะทำแบบนี้”
“ถ้ารอพี่เบื่อ บางทีตะวันตกดินคงไม่พอหรอกโน”
ลมทุ่งพัดมาอีกระลอกหนึ่ง หากแต่เสียงของสายลมก็ไม่ดังเท่ากับเสียงสองหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน อโณชาเอนหลังพิงแผงอกของเมฆินทร์พลางหลับตาลงช้าๆ และปล่อยให้เมฆินทร์โอบกอดจากด้านหลัง เขานึกขอบคุณความโหดร้ายของสังคมเมืองหลวงอยู่ไม่น้อยที่เป็นเหมือนสายลมพัดพาให้เขาได้มายืนอยู่ที่นี่และได้มาอยู่ในอ้อมแขนของพี่ชายคนนี้ ....
....ไม่สิ เมฆินทร์คงอยากจะเป็นมากกว่านั้น แต่ทว่า อโณชาคงนึกสนุกอยู่ไม่น้อยกับการหยอกคนตัวโตให้แง่งอนกับการเล่นตัวของเขา ทั้งที่ตอนนี้ เขาคงแน่ใจแล้วล่ะว่าใจที่เคยบอบช้ำของตนนั้น ควรจะมอบให้ใครเป็นผู้ดูแลต่อไป
.
.
.
นฤบดินทร์นั่งกระสับกระส่ายอยู่บนโต๊ะทำงานในวันที่ไม่ค่อยมีใครมาหาเท่าไหร่ เขาครุ่นคิดถึงความลำเอียงที่เมฆินทร์หยิบยื่นให้เขาเสมอไม่ว่าจะนานสักเท่าไหร่ และไม่ว่าจะนานสักเท่าไหร่ที่เขานึกโกรธตัวเองไม่น้อยไปกว่าความรู้สึกน้อยใจนั่นก็คือ ทำไมเขาถึงยังรักยังเป็นห่วงรุ่นพี่จอมทึ่มคนนี้นัก
การพาขจรเกียรติไปหาอโณชากลายเป็นการสร้างปัญหาให้แก่เมฆินทร์เหมือนการขว้างก้างไปคาคอ เขาแอบสะใจอยู่ลึกๆเพราะจริงๆแล้ว หากเมฆินทร์ไม่สมหวังในความรัก บางทีโอกาสที่รุ่นพี่คนนั้นจะหันมาเหลียวแลเขาบ้างอาจจะเพิ่มขึ้นมาสักหน่อย หากแต่ด้วยความปรารถนาดีของเขาที่มีมากกว่าทำให้นฤบดินทร์รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่ยอมใจอ่อนให้กับเด็กหนุ่มคนนั้น
รถของนฤบดินทร์ขับเคลื่อนมาบนถนนลูกรังของบ้านเดิมบาง ก่อนจะมาหยุดลงที่หน้าบ้านของนางฉลวย เจ้าของรถก้าวลงจากรถพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่นานนัก บ่าวทองก็ออกมาต้อนรับ
“มาหาคุณโนหรอคะ”
“เอ่อ .. เปล่าหรอกครับ ผมมาหาเอ่อ คุณจอนน่ะ”
“อ้อ ค่ะ คุณจอนอยู่ข้างบน จะให้ป้าไปตามให้มั้ยคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมไปหาเขาเอง”
นฤบดินทร์ก้าวขึ้นบันไดไปช้าๆ เขาสอดส่ายสายตาไปทั่วบริเวณเพื่อมองหาเด็กหนุ่มคนนั้นและเมื่อไม่พบเขาจึงตัดสินใจเดินลึกเข้าไปในตัวบ้านอีก .... และเบื้องหน้านั้น สิ่งที่เขาเห็น...
“เฮ้ย นายกำลังทำอะไรน่ะ”
ขจรเกียรติสะดุ้งสุดตัว ในขณะที่เขากำลังรื้อค้นชั้นวางของในบ้านรวมถึงหีบเก่าๆที่วางเรียงรายอยู่ ใบหน้าของเด็กหนุ่มซีดเผือดหากแต่ยังยืนนิ่งไม่ไหวติง
“นี่ใช่มั้ย จุดประสงค์ของนาย ไอ้เลว”
เกษตรอำเภอหนุ่มพุ่งเข้าไปคว้าแขนของขจรเกียรติ หัวขโมยมือใหม่สะบัดมือออกก่อนจะกระโจนหนีแต่ก็ไม่ทันเมื่อถูกนฤบดินทร์กระโดดถีบกลางหลังจนต้องร้องโอดโอย
“อ๊ากกกกกก”
“นายนี่มันเลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ เสียแรงที่อุตส่าห์เห็นใจ” นฤบดินทร์ล๊อกแขนของจอนไว้จากด้านหลังโดนเอาหน้าของอีกฝ่ายแนบไว้กับพื้นเรือน
“พี่หน่อง ผมขอโทษ ผมจำเป็นจริงๆ” จอนละล่ำละลัก “ถึงผมจะเลวแค่ไหนแต่ผมก็ไม่อยากจะขโมยของใครจริงๆนะพี่”
“แล้วไอ้ที่นายทำมันเรียกว่าอะไร”
“ผม.... ผมขอโทษ แต่ผมจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ”
“นายจะเอาเงินไปทำอะไร”
“ผม....ผมติดหนี้โต๊ะบอลอยู่ห้าหมื่น แล้วพวกมันก็ไล่ตามผมอยู่” ขจรเกียรติเฉลย
“ไอ้เด็กบ้า ....ทำไมแกถึงได้สิ้นคิดนักนะ” นฤบดินทร์สบถ “แล้วก็หาทางออกด้วยการขโมยเนี่ยนะ แกมัน....โอ๊ย ไม่รู้จะด่ายังไงดีเว้ย”
“พี่หน่อง .... ผมขอโทษ แต่พี่ปล่อยผมก่อนเถอะครับ เดี๋ยวพี่โนก็คงจะกลับมาแล้ว “
“แล้วไง อย่าคิดว่าชั้นจะเอาผิดนายไม่ได้นะไอ้เด็กเวร”
“ผมไม่ทำแบบนั้นแล้วครับพี่ ผมสัญญา ผมก็แค่...ไม่มีที่จะไป ผมยังกลับกรุงเทพไม่ได้ตอนนี้ ไอ้พวกนั้นมัน”
“นี่แกยังมีหน้าจะอยู่บ้านเขาอีกหรอวะไอ้จอน ชั้นไม่รู้จะนิยายความเลวให้แกยังไงดีจริงๆ”
“ผมไม่มีที่ไปจริงๆครับพี่ ได้โปรดเถอะ อย่าบอกพี่โนเลยนะครับ”
นฤบดินทร์นึกเจ็บใจอยู่ลึกๆ ไม่ว่าใครๆก็ล้วนแต่ใส่ใจความรู้สึกของคนๆนั้น มันทำให้เขาพลันนึกถึงเมฆินทร์ เขาชั่งใจอยู่ครู่เดียวก่อนจะปล่อยมือให้ขจรเกียรติเป็นอิสระ
“ชั้นขอถามนายสักหน่อยได้มั้ย”
“ครับ”ชายหนุ่มรับคำ นฤบดินทร์จ้องมองไปในแววตาคู่นั้นอย่างหาคำตอบ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอด
“นายจะสัญญากับชั้นได้มั้ย ว่านายจะไม่ทำพฤติกรรมเลวๆแบบนี้อีก”
“แน่นอนครับ ผมสัญญา ที่ผมทำเพราะจะเป็นจริงๆ”
นฤบดินทร์กลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะถามคำถามต่อไป
“แล้วก็....นายยังรักโนอยู่หรือเปล่า”
“เอ่อ....”เด็กหนุ่มหลุบตาต่ำ ก่อนจะถอนหายใจ “ถ้าให้ตอบตามตรง ผมยอมรับว่ายังรู้สึกดีๆกับพี่โนครับ ในวันที่ผมจนตรอก มันทำให้ผมนึกถึงพี่โน พี่โนเป็นผู้ให้แก่ผมเสมอไม่ว่าผมจะทำเลวกับพี่เขาสักแค่ไหน และผมเองก็อยากจะกลับไปยืนที่เดิมอีกครั้ง”
ขจรเกียรติใช้มือทั้งสองข้างลูบหน้าตัวเอง ก่อนจะเลื่อนออกช้าๆ “แต่ผมรู้ พี่โนเขาไม่ได้อยากให้ผมไปยืนตรงนั้นแล้ว และคนเลวๆอย่างผมก็คงทำอะไรไม่ได้
นฤบดินทร์รู้สึกอิจฉาอโณชา ที่ไม่ว่าใครๆต่างก็พากันรุมรัก ในขณะที่เขาไม่ว่าจะทำดีแค่ไหนก็ไม่มีใครสนใจ
“ถ้าอย่างนั้น ปัญหาของนายตอนนี้ก็มีแค่ว่า นายไม่มีที่ไปสินะ”
ขจรเกียรติพยักหน้ารับ และทั้งหมดนี้ก็ครบเงื่อนไขที่เพียงพอต่อสิ่งที่นฤบดินทร์จะตัดสินใจต่อไป...
“ไปเก็บข้าวของซะ”
“อะไรนะครับ!”
“ไปเก็บข้าวของซะ แล้วไปจากที่นี่ ชั้นจะให้นายไปอยู่กับชั้น”
“พี่หน่อง!” ขจรเกียรติอุทาน เมื่อได้ยินน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย
“ชั้นจะไปรอข้างล่าง”
“เดี๋ยวก่อนครับ” จอนเอ่ยถามด้วยความงุนงง “พี่....ทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน”
“นายไม่มีสิทธิ์มาถามชั้น และอย่ามาเซ้าซี้ไปมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นชั้นอาจจะเปลี่ยนใจบอกเรื่องนี้กับโน คราวนี้นายอาจจะมีที่ไปเป็นซังเตพร้อมข้าวแดงสามมื้อก็ได้”
.
.
.
เกษตรอำเภอหนุ่มและหัวขโมยกลับใจนั่งเงียบๆอยู่ใต้ถุนเรือนของนางฉลวย ก่อนที่อโณชาและเมฆินทร์จะกลับมาหลังจากเรื่องวุ่นๆจบลงได้ไม่นาน ทั้งคู่ดูแปลกใจไม่น้อยเมื่อพบนฤบดินทร์นั่งอยู่ข้างๆกับขจรเกียรติเช่นนี้
“อ้าวหน่องมาได้ยังไงเนี่ย” เมฆินทร์เอ่ยขึ้น
“ผม...มาหาโน”
“มาหาผม?” อโณชาเลิกคิ้ว
“ครับ มีเรื่องจะขอร้อง”
“อ้อ ได้สิครับ ด้วยความยินดี”
“ได้ข่าวมาว่า โนจะเอาไอ้เจ้านี่ไปช่วยเกี่ยวข้าวงั้นหรอครับ”
“อ่ะ....ใช่ครับ “ อโณชาตอบด้วยความสงสัยอยู่ลึกๆ
“ผมคิดว่า เอาคนกรุงเทพมาทำนาเกี่ยวข้าวมันคงดูไม่ค่อยเข้าท่าซักเท่าไหร่ แล้วเผอิญผมก็กำลังหาคนมาดูแลทำความสะอาดบ้านอยู่พอดี ผมก็เลย...”
“ฮะ อะไรนะ จะให้ผมไปเป็นคนทำความสะอาดบ้าน!!!?” ขจรเกียรติอุทานลั่น แต่นฤบดินทร์ก็ถมึงตาใส่เป็นเชิงข่มขู่ทำให้ท่าทีของเด็กหนุ่มเมืองกรุงฝ่อลง ก่อนที่เขาจะพูดต่อ
“ถ้าไม่รังเกียจ ผมอยากจะขอยืมตัวน้องคนนี้ไปช่วยดูแลบ้านให้หน่อย อย่างน้อยน้องเขาก็จะมีรายได้ด้วย”
“เอ่อ.... จะดีหรอครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมคิดว่าก็ยังดีกว่าเอาไปเกี่ยวข้าวแหละ อีกอย่าง ยังไงซะจอนเขาก็เป็นคนรู้จักของโน” หน่องปรายตามายังหัวขโมยมือใหม่ ก่อนจะพูดต่อ “ยังไงซะก็น่าจะไว้ใจได้”
“จอนว่าไงล่ะ โอเคหรือเปล่า” อโณชาหันมาถามขจรเกียรติ
“ผม...เอ่อ ...โอเคก็ได้ครับ”
“งั้นผมขอตัวกลับเลยนะครับ” นฤบดินทร์ยิ้มให้กับเจ้าของบ้าน ก่อนจะแตะบ่าของเมฆินทร์เบาๆ “ผมไปก่อนนะพี่เมฆ”
เมฆินทร์มองตามทั้งคู่ไปช้าๆ ก่อนจะหันมามองหน้าอโณชาที่งุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่แพ้กัน ไม่นานนัก รถของนฤบดินทร์ก็แล่นออกไปและทิ้งความสงสัยต่างๆไว้เบื้องหลังยังแอบเรื่อยเฉื่อยอยู่ แต่พี่เมฆกับเจ้าโนมันหวานกันทุกตอนจนคนเขียนก็ชักหมั่นไส้
เรื่องนี้จะมาต่อเรื่อยๆนะครับ แต่ความสม่ำเสมออาจจะประมาณนี้แหละ
เพราะกำลังสนุกกับนิยายเรื่องใหม่ ที่ได้ใช้ภาษาหรูหราสะใจนัก
โฆษณาเสียเลย เรื่องนี้
อิฐเก่าเล่าตำนานเป็นเรื่องแนวย้อนยุคนิดๆ สมัยกรุงศรีอยุธยา
(ไม่นิดละมั้ง
)
เผื่อใครชอบก็ตามไปให้กำลังใจกันได้นะครับ
ขอบคุณที่ติดตามเรื่องนี้ด้วย
ขอบคุณมากครับ