26
พิเศษ ฟิล์ม
กลางดึกคืนที่ทุกคนล้วนแต่สนุกสนานกับการที่ตัวเองสอบเสร็จ แต่สำหรับผม ไม่ว่าจะสอบหรือไม่สอบ จะเครียดแค่ไหนก็ตาม มันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาได้เลยแม้แต่น้อย
เพราะถ้าหัวใจมันไม่มีความสุข จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต ร้ายแรงหรือดีเด่แค่ไหน มันก็ไม่มีความสุขอยู่ดีนั่นแหละ
ผมถอนหายใจขณะที่กระดกเหล้าเข้าปากเป็นแก้วที่เท่าไหร่ไม่รู้จำไม่ได้ ผมควรจะเคยชินเสียทีกับความรู้สึกนี้ ความรู้สึกปวดแปลบไปทั่วทั้งหัวใจตลอดเวลา นี่ถ้าผมอ่อนแอสักนิดป่านนี้น้ำตาคงไหลออกมาเป็นกระบุงแน่ๆ
เกลียดความรู้สึกแบบนี้ชะมัด . .
ก็ดันไปรักเพื่อนสนิทตัวเอง มิหนำซ้ำยังจับเขาทำ . . เมียอีกนะ
สมควรที่จะนั่งเหงานั่งเศร้าอยู่ร้านเหล้าแบบนี้คนเดียว เปล่าเปลี่ยวเอกา
ร้านประจำของผมเป็นร้านเงียบๆ มีดนตรีคลอเบาๆ เหมาะกับพวกอกหักอย่างผม ผมเป็นหุ้นส่วนร้านนี้เอง จึงไม่แปลกที่มาทุกวันแถมยังแดกฟรี เจ้าของร้านเป็นญาติของญาติอีกที . . น้อยคนนักที่จะรู้ว่าผมเป็นหุ้นที่นี่ เพราะอะไรน่ะเหรอ . . ก็เพิ่งจะเข้ามาร่วมบริหารได้ไม่นานเอง แค่อยากหาอะไรทำเพื่อที่จะได้ลืมอะไรบางอย่างได้ก็เท่านั้น
โทรศัพท์ผมสั่นครืดคราด ข้างๆขวดเบลนสองแปดห้าที่เหลืออยู่ครึ่งกลม ดึกดื่นป่านนี้ใครมันจะโทรมาวะ . . ถ้าเป็นกิ๊งล่ะก็ แม่ง น่าเบื่อว่ะ ผมเตรียมตัวที่จะกดตัดสาย . .
แต่ไม่ใช่กิ๊งแฮะ
นี่มันไอ้เหนือ สุดรักสุดดวงใจสุดจะถวิลหาของไอ้คินตาจอมโวยวายนี่หว่า
มันลงไปเที่ยวกรุงเทพด้วยกันนี่หว่า เห้ย หรือว่าพวกแม่งจะมีเรื่อง! เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงกดรับสายมันอย่างไว
“ฮัลโหล!!”
“เชี่ยฟิล์มมมมมมมม คินตอบรับกูแล้วว่ะ!!!!!!”
น้ำเสียงอะเลิร์ทขนาดนี้ . . ผมว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องร้าย
ฮ่า ๆ ๆ เดี๋ยวกูฉลองให้พวกมึงเอง กับเบลนสองแปดห้าคนเดียวนี่แหละ
“ตอบรับอะไรของมึง” ผมแกล้งทำไก๋
“ก็ . . เรื่องที่กูขอคบมันไงเล่า!!” คงจะยินดีปรีดาชิบหาย ผมอดยิ้มไม่ได้ ดีใจกับมันทั้งคู่ครับ คนหนึ่งก็รักซะมากมาย ส่วนอีกคนก็รักแต่ไม่รู้จะรออะไร ในที่สุดก็มีวันนี้สินะ . .
“ฮ่าๆๆ ดีใจด้วย” ผมขอลืมเรื่องของตัวเองไปก่อนนะ “แล้วมึงได้ทำตามที่กูบอกป่ะวะ”
“…” เหนือเงียบแฮะ
“อ้าว ไอ้สัด เป็นไรอีก”
“โดนเฉดหัวออกมานอนนอกห้องอ่ะดิ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ เชี่ยเหนือ แม่งกากกกกกกกกกกกกกก”
“กากด๋อยไรล่ะ คินมันคงจะไหวอ่ะนะวันนี้มันไปเหยียบเศษแก้วมา”
“แล้วมันเป็นไรมากป่ะ” นอกจากโวยวายแล้ว มันยังซุ่มซ่าม เอ๋อบ้างในบางเวลา นี่คงเป็นเสน่ห์ของมันสินะบักคิน
“โชคดีแผลเล็กว่ะ” เสียงเหนือดูโล่งใจ “แต่มึง . . เพราะมึงเลย ฟายยยย มึงทำให้กูได้นอนบนโซฟา”
“สมน้ำหน้า”
“คินคิดว่ากูหื่นแล้วมั้ง”
“แล้วมันใช่น้อยที่ไหนล่ะ”
“กูไม่ได้หื่น”
“แต่มึงก็เชื่อกูทำตามที่กูบอก ฟาย” ผมอดหัวเราะไม่ได้ เรื่องมันสองคนเป็นความสุขเดียวของผมตอนนี้ “พอขอเป็นแฟนปุ๊บ ลากไปซั่มบนเตียงปั๊บ มันเป็นเคล็ดรับรองรักกันยืดดดดดดดดดดด”
“เลิกพูดถึงแม่ง กูไม่ได้ทำแล้ว” เหนือทำเสียงจิ๊จ๊ะ ไอ้เวรเอ๊ย มึงคงเสียดายอยู่ล่ะสิท่า . .
“คินขาวนะเว้ย เห็นหน้าแม่งหล่อแบบละอ่อนๆอย่างนั้น เนื้อในมันบาง แถมยังเซ็กซี่มากๆ” เคยอาบน้ำด้วยกันตอนค่ายรับน้องนอกสถานที่ พอจะจำภาพนั้นได้ครับ เพื่อนคณะเดียวกันมองมันตาเป็นระวิงเชียว
“หุบปาก”
“มึงทนไม่ไหวอ่ะดิ” คงจะว้อนน่าดู . .
“กูทนที่มึงพูดถึงคินแบบนั้นไม่ไหวต่างหากล่ะ” อื้มมม สาดนี่ เห่อแฟนชิบหาย ยังไม่ทันไรก็ออกอาการหวงซะแล้ว ของเค้าดีจริงว่ะครับ “แล้วมึงเป็นไงบ้าง เรื่องของมึงอ่ะ”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้สุขกับเรื่องของมันสองคนดี เชี่ยเหนือก็ลากผมกลับเข้ามาหาความทุกข์ซะอย่างนั้น
เวรจริงๆ
“มันก็เหมือนเดิม มันไม่เคยมีอะไรดีขึ้นอยู่แล้ว”
เหนือเงียบไป ผมกับมันหลังจากที่กินเหล้าวงเดียวกันแล้วรู้สึกว่าผมจะได้เพื่อนสนิทเพิ่มมาอีกหนึ่งคน สำหรับไอ้หล่อนี่คงพ่วงตำแหน่ง “แฟนเพื่อนรัก” ด้วย เหนือคงไม่อยากซักไซ้อะไรผมมาก มันเล่าให้ฟังสองสามคำเรื่องเชี่ยคินพาช้อปปิ้งหมดเป็นหมื่นๆ(นี่ถือว่ายังน้อยนะ สำหรับคุณหนูคิน) ทำเอามันตกใจชิบหายเรื่องการใช้เงินของอนาคตเมีย แต่ก็นะ . . แม้จะเกิดมาจากความไม่พร้อมแต่เชี่ยคินก็เกิดมาอยู่บนความเพียบพร้อม ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง เป็นของธรรมดา
ผมวางสายจากเหนือ และก็พบว่าน้ำสีอัมพันในแก้วกำลังละลาย อืมมม รสชาติคงไม่อร่อยแล้ว . . น่าจะเททิ้งเสีย
ยังไม่ทันจะได้เท ชายหญิงคู่หนึ่งก็เดินเข้ามาในร้านเสียก่อน
ไอ้พีท เพื่อนร่วมคณะกับดาวคณะผมเองครับ เพื่อนผมนี่แหละ ได้ข่าวว่าเพิ่งจะตกลงปลงใจคบกันได้ไม่นาน . . แต่ทำเอาคนที่ผมแคร์น้ำตาตกใน ซึมกะทือไม่เป็นวรรคเป็นเวร
งงกันล่ะสิ
สั้นๆง่ายๆครับ ในตอนนั้นนะ ผมชอบมิก มิกชอบพีท ส่วนพีทชอบคิน . .
มันเหมือนห่วงโซ่อาหาร เอ๊ะ ไม่สิ มันคือห่วงโซ่แห่งความวุ่นวายไม่รู้จบต่างหาก เอาเป็นว่าไอ้คินหลุดรอดจากห่วงนี่ไปแล้ว . . เหลือก็เพียงแต่ผม มิก และพีท 3 คน
พีทมันชอบเชี่ยคินถึงขั้นหลงเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะนั่งเรียนหรืออะไรก็ตามต้องหาโอกาสเหมาะเพื่อที่จะเข้าหาเพื่อนผมทุกที ส่วนไอ้มิกแม่งก็นั่งใจแป้ว พยายามไม่แสดงอาการออกมา ผมคนเดียวที่รู้ ผมคนเดียวที่สังเกตตลอดมา ก็ทำไงได้ ในสายตาผม . . ก็มีแต่มันมาตั้งแต่ปี 1 แล้ว
พอรู้ว่ามิกรักเชี่ยพีทแม่งก็ทำให้มันหลงครับ ตอนที่คินมันรุกเข้าไปหาไอ้เหนือนั่นแหละ เหมือนพีทจะพยายามเข้าหาคินผ่านทางมิก แต่เชี่ยมิกเป็นพวกคิดมากคิดไปเองแต่ไม่ชอบแสดงออก มันทำให้ผมโมโหมาก เพราะบางครั้งผมก็เห็นมันโอเวอร์กับเชี่ยพีทมากเกินไปจนลืมรักตัวเอง จนในที่สุด เมื่ออารมณ์ผมโคตรรุนแรงและสติขาดสะบั้น . . วันนั้นผมจึงได้เสียเพื่อนที่ผมรักที่สุดคนหนึ่งไป และยังไม่ได้เขาคืนกลับมา
แม้แต่คำว่าเพื่อน . . มิกก็ไม่อยากจะให้กับผม
“ความรักแม่งห้ามกันได้ด้วยเหรอวะ!!!!” ผมเคยตะโกนบอกมันท่ามกลางสายฝนหน้าหอมัน ในวันที่ผมจัดการพรากความบริสุทธิ์ของมันไป “ก็เหมือนมึงที่ไปรักไอ้เลวนั่นทั้งๆที่มึงก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ได้มองมึงเลย”
“นั่นมันเรื่องของกู” มันสวนกลับมา ห้องมันอยู่ชั้นสองและมันยืนอยู่ริมระเบียงที่ฝนสาดใส่นิดหน่อยแต่เชื่อเถอะ ผมเปียกกว่าร้อยเท่า
“…”
“กลับไปซะ กูไม่อยากเห็นหน้ามึง”
“ไม่ กูไม่กลับ!!” ผมอารมณ์ร้อน เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่ง มันรู้ดี
“เรื่องของมึง” มันตั้งท่าจะเข้าไปในห้อง
“มิก!!!!”
“หุบปากซะ!!! ไปให้พ้น มึง . . ทรยศ มึงเพื่อนกูแท้ๆอ่ะ มึงเพื่อนกู!!!!!!” มันทึ้งหัวตัวเองอย่างเจ็บปวด ผมกลืนน้ำลายมองดูภาพนั้นอย่างปวดร้าวไม่แพ้กัน มิกให้ผมได้แค่คำว่าเพื่อน และมันก็รักผมแบบเพื่อนมากๆ แต่ผมแม่งเลว ผมเลวเอง
“มิก กูขอโทษ” ผมกระซิบ มันไม่มีทางจะได้ยิน
“ไปให้พ้นหน้ากูซะ”
นั่นอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้พูดได้คุยกับคนที่ผมรักเป็นเรื่องเป็นราว หลังจากวันนั้น นอกจากหน้าผมแล้ว ปลายนิ้วก้อยของผมไอ้เชี่ยมิกก็ไม่อยากจะมอง ผมพยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่า อยากให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิม กลับมาเป็นเพื่อนกัน โดยไม่จำเป็นต้องสนใจก็ได้ว่าผมคิดอะไรด้วย ให้เหมือนวันที่ผ่านๆมา . . โอกาสที่ผมขอเป็นครั้งสุดท้าย มิกก็ยังไม่ยอมให้
ยิ่งคิด ผมก็ยิ่งเจ็บปวด นานเท่าไหร่แล้วที่ในหัวผมเอาแต่นึกถึงไอ้ตี๋หน้าจืดๆคนหนึ่ง และหัวใจเจ็บปวดรวดร้าวจนแทบทนไม่ได้
ผมมันบ้า ผมบ้า เพราะผมรัก . .
สองวันต่อมาผมมาเรียนเป็นคนสุดท้ายของห้อง เวลาเก้าโมงเกือบๆจะห้านาที อาจารย์ตั้งท่าจะล็อคห้องแล้วด้วยครับ ผมยิ้มแหยๆให้อาจารย์อย่างเกรงใจ เจ๊แกจิกผมหนึ่งฉึกก่อนสะบัดบ๊อบเดินไปสอนที่หน้าห้องต่อ คณะผมก็เป็นแบบนี้แหละครับ . . เป๊ะเวอร์ เป๊ะเกิน จะหยวนๆให้หน่อยก็ไม่ได้
ผมเห็นหน้าไอ้คินตาลอยเด่นมาแต่ไกล มันนั่งข้างมิก แต่ผมตัดสินใจว่าวันนี้เลือกที่จะไม่สนใจมิกดีกว่า เออแฮะ มึงเลือกได้ด้วยเหรอวะฟิล์ม - -
“สัดคิน มีผัวให้เอาแล้วเหรอมึงอ่ะ” ปากเสีย ปากหมา คือตัวผม
“กวนตีนละครับจวยยยยยย” มันชูนิ้วกลางส่งมาให้ เถื่อนดิบขนาดนี้เนี่ยนะที่ไอ้เหนือผู้ชายหล่อใสเซอร์สะอาดหลงรัก ฮ่าๆ ผมหย่อนก้นนั่งลงข้างมัน ระหว่างภัทรกับคิน ไอ้เชี่ยภัทรอย่าไปสนใจมันเลยครับ มันคือมันสมองของกลุ่ม ปล่อยแม่งแดกชีทกับปากกาสตาบิโล่ต่อไปเถอะ
“ของฝากล่ะ” ผมแบมือหันไปทวงของฝากจากไอ้คิน มองไปก็เห็นมิกอยู่ในสายตา แต่ไม่ใช่จุดโฟกัส . . ช่างแม่งบ้างไรบ้าง
“อยู่หลังรถ เที่ยงๆค่อยเอาละกันมึง” คินตอบส่งๆ มันเกรงใจอาจารย์ครับ เพราะจิกเก่งเหลือเกิน
ไอ้ผมก็หน้าด้าน ชวนมันคุยต่อไป
“แต๊งเว่ย” เหลือบไปเห็นรองเท้าแตะกับผ้าพันแผลเล็กๆที่เท้าของเชี่ยคิน เหยียบแก้วมาท่าจะจริงอย่างที่ไอ้เหนือบอก
“เห้ย ไม่ใช่ดิ ไม่ใช่รถกู รถสัดเหนือ”
“ฮึ่ยยยยย อิจฉาว่ะเห้ย เพื่อนกูมันอินเลิฟฟฟฟฟฟ”
“ก็แน่นอนอ่ะ ฮี่ ๆๆๆ ไม่หาบ้างสักคนสองคนวะ คนนั้นไง กูเห็นเขามาเฝ้ามึงทุกเช้าทุกเย็น” แม้กระทั่งไอ้เชี่ยคินที่ตอนนี้แทบจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่ตึกวิศวะยังสังเกตได้เลยครับว่ามีผู้หญิงมาเฝ้าผมจริงๆ T^T คนนี้เป็นคนที่ป๊าอยากจะให้ผมหมั้นด้วยมากๆเพราะเป็นลูกสาวของเพื่อนป๊า แถมเธอยังชอบผมเอามากๆ สวยเริ่ดเชิ่ดหยิ่งขนาดนั้นแต่ก็กล้าแสดงออกเรื่องผมตรงๆจนบางทีผมก็รู้สึกทึ่ง
. . เธอคนนี้ที่ชื่อกิ๊งไง
“เอิ่มมม เค้าสวยนะเว้ย แต่ก็สวยเกิน มั่นเกิน กูกลัว” ผมยักไหล่ส่งๆ หันมาเปิดสมุดเล็กเชอร์เพื่อเตรียมเรียนบ้างไรบ้าง
“สูงเกินด้วย ผู้หญิงเหี้ยไรสูงเท่ากูเลยอ่ะ”
“สาด ไปว่าเค้าเหี้ย เค้าเรียกว่าเค้าเป็นผู้หญิงลิมิเต็ดอิดิชั่นเว้ย”
ผมเถียงให้กิ๊งนิดหน่อย ก่อนที่จะหันไปหาอาจารย์จอมดุ หางตาแอบเห็นเชี่ยมิกทำดินสอตก จนเดือดร้อนไอ้คินต้องก้มลงไปช่วยเก็บให้
เสี้ยววินาที ผมกับมันสบตากัน
และจากนั้น ต่างฝ่ายต่างก็เบือนหน้าหนี เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่อย่างน้อย สายตาที่มันมองมา ก็ไม่ได้ส่งมาแบบเกลียดๆเหมือนอย่างเคยอาจเป็นเพราะมันไม่ทันได้ตั้งตัว นี่แหละเรื่องดีของวันนี้
“แดกข้าวววววววววววววววววววววววววววววววววววววว” ไอ้คินตาโวยวายทันทีเมื่อถึงหน้าตึก
“มึงจะแดกกับเพื่อน หรือมึงจะแดกกับผัวครับ” ภัทรพูดขึ้นมาบ้าง มันเห็นไอ้เหนือที่ยืนรอไอ้คินอยู่ไม่ไกล ผัวเมียคู่นี้หนิอะไรกันนักกันหนาวะ แม่งต้องเจอกันเช้าสายบ่ายเย็นก่อนนอนกลางดึกรุ่งสางเลยรึยังไง
. . อารมณ์คนอิจฉา T^T
“แดกกับเพื่อนสิเว้ย” พูดจบแม่งก็รีบเดินไปหาไอ้เชี่ยเหนือทันที . . กูไม่เข้าใจความหมายมึงว่ะ ฮ่าๆๆๆ แต่ผมชอบเวลาที่คินมันมีความสุขครับ มันเป็นผู้ชายที่ทำให้โลกสดใสได้เวลาแม่งยิ้ม เอ่อ นี่ผมไม่ได้รักใครสองคนในเวลาเดียวกันนะ เวลาไอ้มิกมันยิ้ม โลกของผมคนเดียวครับที่สดใส . . ต่างกันอยู่นะ
“มาทำไร ไม่ยอมไปร่ำไปเรียน” ถุยว่ะ เชี่ยคินพูดเสียงกระชากๆ แต่ท่าทางนี่ดี๊ด๊าชิบหาย แม่ง อย่างฮา
“หึ มารับแฟนไง” เหนือ โยธา ไอ้สัดนี่แม่งก็เท่ตลอดเว มันยักคิ้วให้พวกผมเป็นเชิงทัก
“ไปๆ แดกข้าวได้แล้วกูหิว”
“แดกไหนล่ะ”
“หลังมอร้านเดิมละกัน”
ผมเดินตามมันทั้งสี่ไปอย่างเงียบๆ ไอ้คินคุยจ้อกับเชี่ยภัทรเรื่องเด็กคอนแวนต์ในพารากอนที่มันแสนจะคิดถึง ไอ้เหนือก็เกาหัวมองแฟนมันยิ้มๆ ไอ้มิกจิ้มอะไรไม่รู้ในมือถือมันไปเรื่อย จนในที่สุด . .
“เห้ย เชี่ยมิก ไปรถเชี่ยฟิล์มละกันนะ เจอกันนนนนนนนนนนนนนนนนนนน” หน้ากลมๆของไอ้คินโผล่ออกมาหลังจากที่เหนือออกรถไป ทิ้งให้ไอ้มิกอ้าปากค้างยืนงงเป็นไก่ส่วนผมกำลังจะตาแตก
เล่นเหี้ยอะไรของมึงเนี่ยคินนนนนนนนนนนนนนนน!!!!!!!
คิดดูนะครับ คนที่ไม่ได้คุยอะไรกัน ไม่ได้มองหน้าอะไรกันเลย(มิกฝ่ายเดียวเหอะ) มันจะเป็นยังไงเมื่อต้องทิ้งให้อยู่ด้วยกันสองคน . .
เหมือนโชคจะเข้าข้างผมบ้าง ที่วันนี้เชี่ยมิกติดรถเชี่ยภัทรมาเรียน
ผมกลืนน้ำลาย ขณะที่มันหันหลังขวับกลับมา
หัวใจผมเต้นตึกๆ วันนี้มันจะพูดอะไรกับผมมั้ยน้า . .
มันนิ่ง ก้มหน้า และก็เล่นเกมในมือถือต่อ ส่วนผม . . เอ๋อ
คงจะประมาณว่ารอผมขยับตัวแล้วมันก็จะตามไป ทั้งๆที่ไม่พูดอะไร อย่างนั้นใช่มั้ย T^T ก็ยังดีวะ ผมเดินนำมันมายังฟอร์จูนเนอร์คันโปรด แต่ยังไม่ทันที่จะกดกุญแจรถ . .
“ฟิล์ม!!” เหวยยยยยยยยยยยย
นักศึกษาสาวกระโปรงทรงเอสั้นจุ๊ดจู๋แสนเปรี้ยวแต่สวยเด็ด เธอเดินก้าวฉับๆมาหาผม(เสียงรองเท้าส้นสูงดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ)
“อ้าว กิ๊ง มาได้ไงเนี่ย” ผมตั้งตัวไม่ค่อยถูกเลย เธอเรียนวิทยาการจัดการ ที่เป็นที่ขึ้นชื่อของที่นี่อยู่แล้วว่ามีผู้หญิงสวย และเธอก็สวยระดับต้นๆ
“ขับรถมา” กิ๊งสะบัดกุญแจเบนซ์ไปมาต่อหน้าผม “จะไปกินข้าวใช่มั้ยคะ ไปด้วยสิ”
“ฮะ?” ผมอึ้งแดก มองหน้าไอ้มิกที่ตื่นตระหนกเป็นที่เรียบร้อยกับความมั่นเกินคนของเธอ นี่ถ้าผมได้แต่งงานกับกิ๊ง ผมคงไม่มีเขี้ยวเล็บเหลือเลย ไม่ใช่เพราะตัดออกเอง แต่กิ๊งนี่แหละจะเป็นคนเอาตะไบมาถูให้ซะเกลี้ยง
“งงไรอ่ะ ก็จะไปด้วย ขึ้นรถกันสิคะ”
เวรกรรม ผมกลืนน้ำลายขณะกดกุญแจรถให้ประตูเปิด กิ๊งก้าวฉับๆตัดหน้าไอ้มิกที่จะนั่งข้างคนขับ เธอแทนที่มันเรียบร้อย
โอ้ย หมดกัน ฝันที่สวยหรูของกู T^T
“จะดีเหรอครับกิ๊ง เพื่อนฟิล์มมีแต่ผู้ชายทั้งนั้นนะ” ผมไม่วายอยากให้เธอเปลี่ยนใจตอนขับรถออกมา
“จะเป็นไรไปล่ะ ดีออกจะได้รู้จักเพื่อนฟิล์มให้ครบทุกคนไปเลย” กิ๊งยิ้มกริ่ม ผมเห็นลิปสติกสีแดงแจ๋โดดเด่นมีฟันสีขาวเรียงสวย อืมมม หน้าเป๊ะ หุ่นเป๊ะ แต่ทำม้ายทำไม คิดหื่นด้วยไม่ลง
“เอ่อ คนอื่นจะมองกิ๊งไม่ดีอ่ะ”
“กิ๊งไม่เคยสนใจความคิดคนอื่นอยู่แล้วค่ะ”
กูยอม . . TT
ใช้เวลาไม่นานก็ถึงหลังมอ รถติดนิดหน่อยเนื่องจากมันเป็นช่วงเวลาเที่ยงพอดีเด๊ะ ผมลอบมองไอ้มิกผ่านทางกระจกหลังอยู่บ่อยๆ มันไม่ทำอะไรนอกจากเล่นเกมในมือถือ กิ๊งถามคำ มันก็ตอบคำ แต่เธอดูเหมือนจะไม่รำคาญหรืออารมณ์เสียใส่มัน เออแฮะ เข้าใจง่ายดี
“แม่งช้าว่ะ ที่สั่งไปเย็นหมดแล้ว อุ้ยยยย” ผมทำปากขมุบขมิบใส่ไอ้ตัวจุ้นที่นั่งตัวลีบเอ่ยทักเมื่อพวกผมไปถึงอยู่ข้างๆสามีมัน
“คนนี้ชื่อคินตารึเปล่าคะฟิล์ม” ผมเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งได้ไม่ทันไร ก็โดนสวนมาด้วยคำถาม
“เอ่อ ครับ”
แอบสังเกตเห็นไอ้เหนือกระแอมนิดๆพร้อมๆกับวางแขนพาดไปที่พนักด้านหลังไอ้เชี่ยคิน แหม ทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเต็มที่ สาดดดด หมั่นไส้ กิ๊งไม่สนคินเว้ย เค้าสนกูนี่ T^T
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ น่ารักสมคำร่ำลือ” เชี่ยคินถึงกับยิ้มค้างเมื่อกิ๊งชมมันว่าน่ารัก . . “แล้วนี่คงจะเป็นเหนือใช่มั้ย เป็นไง จำเราได้รึเปล่า เราเคยทำโค้กหกรดใส่เธอตอนอยู่โรงกลาง”
“อ๋อออ ครับ ลืมไม่ลง” โอยยย แม่งฮา ไอ้เหนือหน้าเจื่อนโคตร
เป็นอย่างที่ผมคาด ทุกคนที่นั่งอยู่ในร้านหันมามองกิ๊งเป็นตาเดียวเนื่องจากนั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าเทพบุตร(แหม อย่าเพิ่งทำหน้างั้นผมไม่ได้หลงตัวเองนะ ถ้าตัดผมออกพวกแม่งก็เป็นเทพบุตรกันอยู่ดีนั่นแหละ) ก็บอกแล้ว ผู้หญิงคนเดียวมานั่งทานข้าวกับชายล้วนได้ยังไง
“กิ๊งมีเรียนอีกทีตอนกี่โมงอ่ะ” ผมชวนเธอคุย ผมทานเสร็จแล้ว และสังเกตว่าทั้งโต๊ะก็ทานเสร็จแล้ว ทุกคนรอคอยสาวสวยที่กำลังทานอย่างเนิบๆด้วยทวงท่าที่สง่างาม(เกินไปมั้ย?)
“บ่ายนี้แหละค่ะ” เธอตอบ
“เอ่อ นี่เที่ยงห้าสิบแล้วน้า ไม่รีบเหรอ” ผมเตือนเธอ ผมก็มีเรียนเหมือนกัน ตัวโหดซะด้วย
“กิ๊งเลทได้ค่ะ” แต่กูเลทไม่ได้อ่ะครับ โธ่ TT
“เอ่อ . .” ภัทรพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ - -
“ขอโทษนะคะ ขอสั่งไอติมด้วยค่ะ”
ตึง !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
แถมจะล้มหงายท้องกันทั้งโต๊ะ
กิ๊งชิวได้อีก ให้ตายเถอะ
“พวกมึงกลับกันก่อนเลย เดี๋ยวกูไปส่งกิ๊งเอง” ผมพูดทั้งน้ำตาไหลพราก เฮ้ย ไม่ได้ไหลจริงนะครับ เอ่อะ?!
“อื้ม เจอกันบนห้อง อย่าเลทนะ”
ลุกขึ้นพรึ่บพรั่บอย่างรวดเร็วไม่สงสารกูเลย TT ภัทรกับคินส่งสัญญาณบอกมาว่า “ขอให้รอดปลอดภัยกลับมานะสัด” ประมาณนี้อ่ะครับ
ส่วนมิก . . ไม่มีแม้แต่จะหันมามอง
สาดเอ๊ย . . หวังอะไรอยู่วะครับฟิล์ม!
กว่าที่ผมจะไปส่งแม่เจ้าประคุณเสร็จก็เลทมาแล้วเกือบยี่สิบนาที สาบานได้ว่ารีบที่สุดในชีวิตแล้ว T^T ผมได้ยินเสียงอาจารย์เช็คชื่อ ตอนที่กำลังจะเปิดประตู เวรละกู ชิบหายขิงๆแล้วววววววT^T
“วาธุสิทธิ์(ครับ!) วิมลนาถ(ค่ะ!) วราธร . .” นั่นไงล่ะ ชื่อผมแล้ว!!! ผมกำลังจะเปิดประตูเข้าไป แต่ทว่า . . “นายวราธร . . ”
“อาจารย์ครับ!”
เสียงหนึ่งทำเอาผมหยุดชะงักกึก
“ฮะ หา ว่าไง นายมาวิน”
เชี่ยมิก
“อาจารย์ข้ามชื่อผมไปอ่ะ”
“ฮะ บ้าน่า อย่ามาอำ ฉันอ่านชื่อเธอไปแล้วนะ”
“ยังนะครับ อาจารย์ลองตรวจดูอีกทีดูสิ”
“เอ่อ ใช่ๆๆๆครับ อาจารย์ก็ข้ามชื่อผมมมมมมมมมมมม” คินตา โภคินทร์พิพัฒน์ก็ช่วยผมครับ
โอกาสของผมมาแล้วสินะ . .
ผมค่อยๆเปิดประตู พยายามไม่ให้เกิดเสียงดังมากที่สุด แอบเห็นไอ้เชี่ยมิกกับไอ้เชี่ยคินไปยืนรุมทึ้งอาจารย์สาว(ค่อนไปทางแก่)ว่ายังไม่ติ๊กชื่ออย่างงั้นอย่างงี้ จนในที่สุด . .
“อุ๊ยตายแล้ว ฉันลืมจริงๆเหรอ!!”
“ครับ”
“อุ๊ย ขอโทษจริงๆนะจ๊ะ”
มันทั้งคู่ย้ายกลับมานั่งที่ เชี่ยคินยักคิ้วกวนๆส่งให้ ส่วนมิก . . ก็ไม่มองมาเหมือนเดิมนั่นแหละ
“โอเคนะ วราธร . . ”
“มาครับผม!!!” ผมตอบอย่างสดชื่น
รอดไปแล้ว . . หนึ่งคาบ
ผมแอบเหลือบไปมองเชี่ยมิกที่ก้มหน้าก้มตาเรียนหนังสือลูกเดียว . . มีเซนส์บอกแปลกๆว่ามันรู้ว่าผมมอง แต่ทำเป็นไม่สนใจ . .
ผมยิ้ม ด้วยความที่อารมณ์ดีที่สุดในช่วงชีวิตตอนนี้แล้ว
ขอบใจนะ ^^
“แหนะ ๆ ยิ้มเชียวนะไอ้สาดดดดดดดดดดดดด”
ไอ้เชี่ยคินมันต้องรู้อะไรมาแน่ๆเลย!
ถามเล่นๆ(ทั้งๆที่อีกนานกว่าจะจบ)ว่าถ้ามีการรวมเล่ม
จะมีคนสนใจมั้ย?
รักคนอ่านค่ะ