กว่าจะลงเอยด้วยคำว่า...รัก 11
#เพลิง
“พี่คะ! ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย!” ผมมองเด็กสาวที่ยืนขวางอยู่ตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า จำได้ว่าเป็นเพื่อนไอ้เด็กรับใช้ แต่มาขอให้ผมช่วยอะไร แล้วทำไมต้องเป็นผมที่กำลังจะกลับไปนอน เสียงเพลงก็ดังขึ้นมากกว่าตอนหัวค่ำจนต้องตะโกนคุยกัน
“มีอะไร”
“ธารค่ะ ธารกำลังแย่ช่วยธารด้วยนะคะ”
“ทำไมต้องช่วย?”
“ก็ธารกำลังแย่แล้วค่ะ ธารอยู่กับพี่ใช่ไหมคะพี่เพลิง ช่วยธารด้วยนะคะ” แขนผมถูกเขย่ารัว ๆ ตามระดับความร้อนใจของเด็กสาวตรงหน้า ผมมองแขนตัวเองแล้วถาม
“มันเป็นอะไร?”
“ธารเมาค่ะ อยู่ดี ๆ ก็เมาทั้งที่ไม่ได้กินเหล้าเลย” ผมชะงักคิดถึงท่าทางไอ้เด็กรับใช้ ที่เห็นเดินไปทางห้องน้ำกับผู้ชายคนหนึ่ง คุ้น ๆ หน้าว่าเรียนบริหารเหมือนกัน อาจจะเป็นรุ่นพี่ของมันหรือเพื่อน แต่ผมไม่ได้สนใจ เห็นกลุ่มมันตั้งแต่เข้ามาตอนแรกแล้ว เพราะพวกผมนั่งอยู่บนชั้นสองที่มองลงมาเห็นเวที และคนที่อยู่ชั้นล่างได้หมด ยังแปลกใจอยู่ว่าหน้าอ่อน ๆ อย่างไอ้ตัววุ่นวายกล้ามาเที่ยวสถานที่แบบนี้ด้วยเหรอ
“นะคะพี่เพลิงกุ๊กไก่ขอร้อง พี่จำหนูได้ใช่ไหมที่เป็นเพื่อนธาร พี่ไปช่วยธารด้วยนะคะ”
“ไม่เห็นจำได้” สีหน้าของกุ๊กไก่สลดลง แต่ยังพึมพำบอกเสียงอ่อย
“ก็เจอกันวันก่อน” อ๋อ วันที่กูไปแกล้งมันถึงคณะใช่ไหม
“ช่วยแล้วจะได้อะไร”
“อะไรก็ได้ค่ะพี่อยากได้อะไรคะ”
“ถ้าอย่างนั้น...” ผมแสยะยิ้มเหลือบตามองไอ้ออฟที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก้มลงไปกระซิบข้างหูเพื่อนของไอ้ตัววุ่นวาย เธออึ้งเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมบอก นัยน์ตากลมโตมองหน้าผมสายตาสั่นระริก “ตกลงไหมล่ะไม่อย่างนั้นก็ไม่ช่วย”
“แต่ธารกำลังจะแย่นะคะพี่ ธารเหมือนคนถูกมอมยา แล้วพวกนั้นกำลังจะเอาตัวธารไป ตอนนี้เก้าตามไปแล้ว แต่พวกมันมีหลายคน เก้าคนเดียวไม่ไหวแน่ค่ะ” จากที่บอกกับอาการที่ผมเห็น เดาได้ไม่อยากว่าถ้าไม่เมา ก็คงไม่พ้นเรื่องนี้แน่ ๆ แต่มันทำตัวมันเอง ผมควรเสือกไหม?
“ควรช่วย?”
“ขอร้องเถอะค่ะ พี่อยากได้อะไรกุ๊กไก่ยอมหมดขอแค่ไปช่วยธารก่อนนะคะ”
“อย่าลืมที่พูดไว้ล่ะ มันอยู่ไหนนำทางไปสิ” ผมกับไอ้ออฟเดินตามเพื่อนไอ้ตัววุ่นวายไปทางหลังร้าน ก็ไม่ผิดอย่างที่คิด ถ้ามันจะมอมยาใครสักคนไปทำมิดีมิร้าย ทางที่สะดวกที่สุดก็ต้องเป็นทางนี้ เพราะมีแต่เด็กเสิร์ฟเท่านั้นที่ใช้ แต่เวลางานก็ไม่ค่อยมีใครมาทางนี้กันหรอก
ผมก้าวยาว ๆ ตามไป จนทันได้เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังฉุดกระชากลากดึงกัน อยู่แถวทางออกด้านหลัง ทางตรงนั้นมืดมาก ปกติจะเป็นทางเข้าออกพนักงาน จึงไม่ได้เปิดไฟไว้ หรือคงเปิดเฉพาะเวลามีคนมา จะมีก็แค่แสงสลัวส่องมาจากเวที ที่ไม่ได้ช่วยให้สว่างอะไรมากมายนัก
“เฮ้ย พวกมึงทำอะไรกันวะ” ผมตะโกนถามก่อนที่พวกมันจะพากันออกไป คนกลุ่มนั้นหยุดชะงักพอดีกับประตูเปิดออก แสงสลัวจากข้างนอกส่องเข้ามาให้เห็น ว่าไอ้ตัวปัญหามันถูกแบกพาดไหล่ กำลังจะถูกพาออกไปจากที่นี่อยู่แล้ว
“ถ้าไม่อยากมีเรื่องก็อย่าเสือก”
“ไม่เสือกไม่ได้ว่ะ มีคนขอร้องให้กูมาเสือก” ผมมองไอ้ออฟทางหางตาเป็นอันรู้กัน ไม่เห็นเพื่อนของไอ้ตัวน่ารำคาญตามมาด้วย คิดว่าไอ้ออฟคงให้รออยู่ข้างหลัง แบบนี้จะปะทะหรืออะไรค่อยสะดวกหน่อย
พอผมบอกอย่างนั้น พวกมันเลยซุบซิบอะไรกันบางอย่างเหมือนกำลังปรึกษา พอเห็นผมกับไอ้ออฟเดินเข้าไปหา มันวางไอ้ตัววุ่นวายลงแล้วดันไปข้างหลัง พวกมันมีสามฝั่งผมมีสอง ก็ไม่ได้ถือว่าเสียเปรียบอะไรนัก แล้วอีกคนไปไหน เมื่อกี้ยายเด็กกุ๊กไก่อะไรนั่น บอกว่าเพื่อนตามมาช่วยแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมมันไม่อยู่ที่นี่ หรือมันหลงไปทางอื่น
“มึงสองคนนี่อยากเสือกเรื่องชาวบ้านกันจริง ๆ “
“กูก็ไม่ได้อยากเสือกแต่ส่งเด็กนั่นมา”
“กูไม่สงสัยหรอก ก็แม่งน่ากินขนาดนี้ แต่อยากได้ของดีก็เข้ามาแย่งเอาสิวะ”
“ตามที่ขอ” ผลัวะ! มันขอผมก็จัดให้ ถือคติเปิดก่อนได้เปรียบ ผมถีบมันหงายหลังตั้งแต่มันยังพูดไม่จบ และนั่นเหมือนเป็นการเปิดให้พวกเราตะลุมบอนใส่กัน สามต่อสองไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมกับไอ้ออฟ ก็ไม่เคยพูดว่าตัวเองดี เคยมีเรื่องชกต่อยมานักต่อนัก ไม่หาเรื่องเขาแก้เครียดเขาก็มาหาเรื่องเอง
ตีกันจนทุกคนหลุดออกไปหลังร้าน ฟาดกันไปฟาดกันมาไม่มีใครยอมใคร พวกผมโดนพอสมควรจากการต่อสู้สะเปะสะปะของพวกมัน ส่วนพวกมันก็เรียกได้ว่าหนักทีเดียว ผมกับไอ้ออฟอาจจะได้เปรียบเพราะสู้เป็น วิชาป้องกันตัวก็เรียนมาไม่น้อย ทั้งยูโด คาราเต้ มวยไทย ไปฝึกไปเรียนมาหมดตั้งแต่ ม.ต้น ซ้อมกันตลอด ฝึกกำลังไม่เคยขาด ห้องฟิตเนสส่วนตัวก็มี แค่นี้เลยไม่ต้องเปลืองแรงเสียเวลาจัดการนาน พวกมันก็อ่วมล่าถอยไป
“มึง” ผมหันกลับมาหาได้เด็กรับใช้ที่ตอนนี้มันเลื้อย ต้องบอกว่าเลื้อยเพราะแม่งยืนไม่อยู่ ต้องนั่งลงกับพื้นแล้วใช้มือสาวไปตามผนังลากสังขารตัวเองไป
“อย่านะ อย่ามายุ่ง!”
“แม่งกูไม่ได้อยากยุ่ง แต่มึงจะกลับไหม ไม่กลับกูจะได้ทิ้งไว้นี่ ไม่น่าเสียเวลามาช่วยเลย”
“ใจเย็นมึงน้องมันโดนยา พากลับไปก่อน” ไอ้ออฟบอกเสียงนิ่ง ไอ้ห่านี่แม่งติดภาพพระเอกอยู่หรือไงวะ อะไรก็ดีไปหมด ผมเห็นนะว่าได้เด็กรับใช้มองไอ้ออฟด้วยสายตาชื่นชม แต่ไว้รู้จักสันดานมันก่อนเถอะ แล้วมึงจะเปลี่ยนใจแทบไม่ทัน ผมกับเพื่อนยังไม่ได้พูดอะไรกันอีก กุ๊กไก่ก็วิ่งตามออกมา
“พี่คะ! ธาร! ธารเป็นไงบ้าง”
“ใครน่ะ..”
“นี่กุ๊กไก่ไง เก้าล่ะธารเก้าไปไหน พี่เห็นเก้าไหมคะ”
“ไม่เห็น อย่าเพิ่งถามพาเพื่อนออกไปจากที่นี่ก่อน” ไอ้ออฟบอก พยุงไอ้เด็กรับใช้ลุกขึ้นด้วย ผมยืนมองนิ่ง ใจก็ไม่อยากยุ่ง แต่แม่งมาอาศัยอยู่ด้วยไง จะทิ้งไว้อย่างนี้ก็กระไรอยู่ ไอ้ออฟก็รู้ว่าผมคิดอะไรมันเลยมองหน้า มึงกดดันกูอยู่ใช่ไหม
ไอ้เพื่อนเหี้ย!
“กลับเลยนะคะ เดี๋ยวกุ๊กไก่ไปส่งธารเอง”
“ไม่ต้องหรอกน้องให้ธารกลับกับไอ้เพลิง ส่วนน้องกลับเองได้ไหมหรือจะให้พี่ไปส่ง” ไอ้ออฟถามเสียงนุ่ม แม่งแกล้งทำตัวเป็นพระเอกอีกแล้วสินะมึง หมั่นไส้ไอ้เพื่อนเวร
“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ กุ๊กไก่เอารถมากลับเองได้ แต่..ธารจะไม่เป็นไรใช่ไหมคะพี่” ไม่เป็นไรกับผีนะสิ! ดูก็รู้ว่ามันไม่จบแค่นี้แน่ ตอนนี้มันก็เริ่มเลื้อยใส่ไอ้ออฟแล้ว นี่อย่าให้เป็นเหมือนที่กูคิดไว้เลยเถอะนะขอร้อง
“ธารไม่เป็นไรมากหรอก เดี๋ยวมึงพาน้องกลับเลยก็แล้วกัน” ไอ้ออฟบอกกุ๊กไก่แล้วหันมาบอกผม
“เออ งั้นมึงไปส่งน้องเขาด้วย” ผมบอกไอ้ออฟ เพราะหน้าตื่น ๆ มือสั่น ๆ นั่น ไม่รู้จะขับรถถึงบ้านหรือเปล่า
“ไปเถอะเดี๋ยวพี่ไปส่งไม่ต้องห่วงเพื่อน” ไอ้ออฟส่งไอ้ตัววุ่นวายมาให้ผม แม่งก็ทิ้งน้ำหนักลงมาทั้งหมดเลย ยืนก็ไม่อยู่จนกูต้องกอดไว้ สองคนนั้นเดินแยกไปทางลานจอดรถข้างผับ กุ๊กไก่หันมามองเพื่อนเหมือนยังห่วง ผมเลยพยุงไอ้ตัวปัญหาไปที่รถตัวเองที่จอดไว้ไม่ไกลบ้าง และเพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้ก็ตอนนี้เอง..
เหี้ยแล้วไงกูขี่มอ’ ไซค์มา!
สติไอ้ธารไม่มีเหลือเลย ยืนเองมันยังยืนไม่ได้ แล้วผมกับบิ๊กไบค์จะเอามันกลับไปยังไงยังนึกไม่ออก ลากไอ้ตัวปัญหาที่ตอนนี้ มือมันเลื้อยไปตามตัวผมจนน่ารำคาญ เดินมาถึงดูคาติลูกรัก เลยต้องทิ้งมันนอนเกลือกกลิ้งไปกับพื้นแถวนั้น แถมแม่งยังอ้วกออกมาอีก ผมถอยรถออกจากช่องจอด แล้วยืนมองคนที่นอนเลื้อยอยู่บนพื้นอย่างหนักใจ จะขนมันกลับยังไงวะเนี่ยกู
“ลุกขึ้น!”
“ไม่เอาไม่ลุกนะครับ น้องไม่ไหวแล้ว ทำไมร้อน ร้อนไปหมด” มันบอกไม่ไหวผมเข้าใจ แต่ไม่ไหวแล้วดึงทึ้งเสื้อผ้าตัวเองบ่นร้อน ๆ ไปด้วยนี่แม่งหมายความว่ายังไงวะ ผมเองก็กินเหล้าเข้าไปไม่น้อยด้วย คือยอมรับก็ได้ว่าเมาพอสมควร แต่ก็ยังพอจะรู้ตัวอยู่
“ลุกไม่ไหวมึงจะนอนอยู่นี่รอให้เขาลากไปยำหรือไง ลุกขึ้น!”
“ลุกไม่ขึ้นอ่าพี่ชาย..พี่ชายครับช่วยธารด้วย”
“พี่ชายไหนของมึงอีกวะลุกเดี๋ยวนี้! “ผมกระชากปีกมันขึ้น ความหงุดหงิดนี่มาเต็ม พอลุกขึ้นได้ดันไม่มีแรงทรงตัวอีก เลยต้องโผซบอกผมทิ้งน้ำหนักมาให้เต็ม ๆ แม่งหงุดหงิดโว้ย! อย่าให้กูรู้นะว่าใครใส่ยามัน จะลากมากระทืบให้ลืมบ้านเลขที่เลย โทษฐานที่ทำให้กูต้องมาวุ่นวายกับไอ้ตัวปัญหานี่!
ผมนั่งคร่อมบนรถพยายามดึงไอ้ธารขึ้นนั่งซ้อนท้าย ทุลักทุเลจนจะล้มหัวทิ่มหลายครั้ง มันก็ยังขึ้นมาไม่ได้ จนผมต้องลงจากรถไปอุ้มมันขึ้นนั่งเอง เบาะนั่งก็แคบ ๆ นั่นแหละ แต่นั่งได้แล้วปัญหามันยังไม่จบ ขืนพาไปอย่างนี้มันได้หงายหลังตกรถก่อนถึงห้องแน่ แล้วกูจะทำยังไงกับมันดีง่วงก็ง่วง ยื้อยุดกันอยู่นานกว่าจะจับให้มันนั่งดี ๆ ได้ ปากก็บ่นงึมงำอะไรของมันไม่รู้
พอผมขึ้นมานั่งข้างหน้า เอวก็ถูกมันกอดหมับเข้าให้อย่างรู้งาน เปล่า..มันไม่ได้กอดเพราะกลัวตก แต่แม่งกอดแล้วลูบไล้ไปทั่ว แถมขยำกล้ามหน้าอกจนกูสยิวไปหมด มึงไม่รู้หรือไงว่าหัวนมมันไวความรู้สึก!
“นั่งดี ๆ สิวะ! “ตะคอกไปแต่มันไม่สะเทือนหรอก ก็รู้ล่ะว่าตอนนี้มันไม่มีสติเหลือเลย แต่จะเอาอะไรกับคนขี้รำคาญอย่างผม แค่พาไปด้วยนี่ก็ดีเท่าไหร่แล้ว จับมือไอ้เด็กรับใช้ที่กำลังบีบขยำกล้ามเนื้ออย่างมันมือกระชากออก แล้วเอามาประสานกันที่หน้าท้อง ให้มันกอดเอวผมไว้ รีบเก็บขาตั้งรถสตาร์ทเครื่อง ออกตัวไปก่อนที่มือมันจะหลุดจากกัน ผมต้องขับรถมือเดียว ส่วนอีกมือคอยจับมือทั้งสองข้างมันไว้ให้อยู่ในท่ากอดเอว ไม่อย่างนั้นแม่งก็ลูบ ๆ คลำ ๆ กูอยู่นี่แหละ คิดว่ากูอดทนเก่งนักหรือไงกับเรื่องพวกนี้ ดีที่ท้ายเบาะนั่งสูง เลยเทให้มันทิ้งน้ำหนักมาที่ผมจนหมด ตอนนี้แน่ใจแล้วว่ามันไม่ได้โดนมอมยาธรรมดา แต่มีอะไรที่มากกว่านั้น...
มาถึงคอนโดก็ดึกมากแล้ว ขับรถเข้าไปเก็บในที่จอดส่วนตัวที่ รปภ.เปิดรอ จากนั้นผมก็ไม่เสียเวลาลากมันอีก จัดการแบกร่างปวกเปียกขึ้นพาดไหล่ไปทั้งอย่างนั้น ดึก ๆ อย่างนี้ไม่มีใครหรอก นอกจากพนักงานกะกลางคืนคนเดียวกับ รปภ. คอยดูแลความเรียบร้อยทั่วไป ถึงห้องผมเกือบจะโยนมันลงพื้นแล้ว ถ้าไม่ติดว่ามันดิ้นแล้วยืดตัวขึ้นกอดคอผมไว้แน่น
ต่อ.....