คลานมาแปะต่อค่ะ... ตอนกลางวัน-หัวค่ำ นี่ค่อนข้างไร้สมาธิในการอ่านทบทวน จะมามีสมาธิก็ช่วง สี่ห้าทุ่มขึ้นไปตอนชาวบ้านเขาหลับกันหมดแล้วนี่ล่ะค่ะ เฮ้อ...
บทที่ 29
ท้องฟ้าเช้านี้แจ่มใสผิดจากสองสามวันที่ผ่านมา ทำให้อเล็กซ์นั้นอารมณ์ดีกว่าเดิมและชวนกีรติคุยโน่นนี่ จนริวที่มานั่งเป็นเพื่อนเริ่มหมั่นไส้ขึ้นมาเล็กน้อย
“จะคุยอะไรกันนักหนาอเล็กซ์ เอาเวลาคุยไปตรวจสอบดูแลความเรียบร้อยของหมู่บ้านไม่ดีกว่าหรือ”
ริวเปรยขัดขึ้นเสียงเรียบ ทว่าอเล็กซ์นั้นตอบกลับมาอย่างร่าเริง
“อ๊ะ! ไม่ต้องห่วงครับคุณริว ผมให้ระบบสำรองคอยดูแลหมู่บ้านของเราและบริเวณที่ดินรอบ ๆ อยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ถ้ามีเรื่องอะไรผิดปกติขึ้นมารับรองว่าระบบจะแจ้งให้ทราบแน่...”
พูดมาถึงท้ายประโยคเจ้าตัวก็ชะงักแล้วบอกกับทั้งสองคนที่ฟังอยู่
“รู้สึกเหมือนจะมีเรื่องผิดปกติแล้วล่ะครับ หน้าปากซอยทางเข้า มีรถยนต์ติดทะเบียนซึ่งไม่มีอยู่ในฐานระบบข้อมูลของสมาชิกหมู่บ้าน กำลังเลี้ยวเข้ามา...อาจจะเป็นแขกของคุณเวธน์ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตแจ้งทางคุณเวธน์ก่อนนะครับ”
อเล็กซ์บอกแล้วก็เงียบไป ซึ่งกีรติกับริวก็พอคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังแจ้งให้เวธน์ทราบ เพราะเพียงไม่นานเวธน์นั้นก็เดินออกมาจากสำนักงานพร้อมกรกฎและปาลิน อันเป็นเวลาเดียวกับรถยนต์ยี่ห้อหรูราคาแพงหลักสิบล้านเลี้ยวเข้ามาในหมู่บ้าน
“แขกของคุณเวธน์หรือครับ”
หนุ่มญี่ปุ่นหันมาถามคนที่เดินมาหยุดยืนที่ป้อมยาม ซึ่งเวธน์ก็สั่นศีรษะพร้อมกับตอบ
“ไม่ใช่ครับ... อีกอย่างวันนี้ผมจำไม่ได้เลยว่าผมนัดคนที่ขับรถติดป้ายทะเบียนของสถานทูตมาหาด้วยน่ะ”
พอเวธน์ตอบแบบนั้น คนอื่นก็นิ่งคิดแล้วจึงหันมาทางกีรติเป็นตาเดียว
“หรือว่าจะเป็นแขกของคุณกีรติ”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ...โนอาก็ไม่ได้โทรมาบอกล่วงหน้านี่ครับ”
กีรติตอบคำถามของกรกฎด้วยความงุนงงไม่แพ้คนอื่น ทว่าพอรถยนต์เคลื่อนมาจอดใกล้ป้อมยาม และคนขับลงไปเปิดประตูให้กับคนที่นั่งเบาะหลังก้าวลงมา ชายหนุ่มร่างเล็กก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง แล้วหลุดอุทานออกมาเป็นภาษาลาซาอย่างลืมตัว
“ท่านพ่อ!”
คนอื่นที่ได้ยินพากันขมวดคิ้วยุ่ง และพออเล็กซ์แปลให้พวกเขาฟัง ทุกคนก็ต่างพากันนิ่งอึ้ง และหันขวับไปมองยังร่างสูงสง่างามในสูทสีเทาแทบจะพร้อมกัน
“...ภาวนาให้เป็นเรื่องดีนะคุณริว”
เวธน์ตบบ่าหนุ่มญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้เขาเบา ๆ แล้วจึงเดินตรงไปหาลูคัส พร้อมกับโค้งศีรษะให้ ก่อนกล่าวทักทายเป็นภาษาอังกฤษอย่างสุภาพ
“สวัสดีครับท่าน ผมเป็นเจ้าของที่ดินของหมู่บ้านแห่งนี้ ชื่อเวธน์ครับ”
ลูคัสมองคนตรงหน้าแล้วจึงยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะยื่นมือให้จับ ทำเอาเวธน์ชะงัก มองอีกฝ่ายอย่างลังเลชั่วครู่ แล้วจึงยื่นมือของตนไปสัมผัสกับมือของอีกฝ่ายเบา ๆ ซึ่งลูคัสนั้นก็ทักทายกลับเป็นภาษาไทยชัดเจน
“ยินดีที่รู้จักครับคุณเวธน์ ผมชื่อลูคัสเป็นพ่อของคีโอ...หรือกีรติ ชื่อที่พวกคุณคุ้นเคยกัน”
เวธน์ฝืนยิ้ม ลองอีกฝ่ายพูดมาแบบนี้ แสดงให้เห็นว่าเรื่องของกีรตินั้นคงรู้ถึงหูเจ้าตัวเข้าให้แล้วเป็นแน่
“เชิญท่านไปนั่งสนทนากันที่ห้องรับแขกของสำนักงานหมู่บ้านดีกว่านะครับ แดดวันนี้ค่อนข้างจะแรงมากเสียด้วย”
เวธน์เปลี่ยนมาใช้ภาษาไทยตามอีกฝ่าย แล้วเดินนำลูคัสไปที่สำนักงานหมู่บ้าน กรกฎกับปาลินเองก็รีบตามไปทันที ส่วนกีรตินั้นยืนนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก จนริวต้องสะกิดเตือน
“กีครับ...ตามไปสิครับ”
“เอ่อ...แต่ว่า...”
กีรติยังคงลังเล แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อชายในเครื่องแบบสูทดำอีกคนที่ลงตามลูคัสมาจากรถ เดินตรงเข้ามาหาเขา ชายผิวคล้ำหยุดยืนตรง ยกมือขวาขึ้นประสานหน้าอก พร้อมกับโค้งศีรษะคำนับอย่างสุภาพนอบน้อม
“ท่านคีโอขอรับ ท่านลูคัสให้มาเชิญท่านไปด้วยขอรับ”
“อะ...อืม...”
กีรติพยักหน้ารับรู้ แล้วเหลือบไปมองริว อีกฝ่ายยิ้มน้อย ๆ อย่างอ่อนโยนเป็นเชิงให้กำลังใจ ทำให้กีรติเม้มปากน้อย ๆ พร้อมกับพยักหน้าตอบรับ จากนั้นจึงเหลือบไปมองพวงกุญแจกระจกยันต์ที่ริวให้ไว้ กีรตินิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจหยิบมันมาใส่กระเป๋าเสื้อของเขา
“...ขอพกไปเป็นเครื่องรางให้อุ่นใจหน่อยนะครับ”
กีรติหันมาบอกกับริว ซึ่งริวก็ยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยความดีใจที่คนรักให้ความสำคัญกับของที่ตนมอบให้เช่นนี้
“ท่านคีโอ...เชิญครับ”
ชายสูทดำโค้งเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มร่างเล็กเดินนำหน้าตนไป กีรติพยักหน้ารับรู้ แล้วเดินตัวตรงนำไปด้วยท่วงท่าที่ดูสง่างามผิดเคย ทำให้ริวชะงักและรู้สึกปวดแปลบในอกขึ้นมานิด ๆ ทว่าก็ต้องรีบสลัดความคิดน้อยเนื้อต่ำใจทิ้งไป เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา กีรติได้พิสูจน์ให้เห็นเสมอว่า ความแตกต่างระหว่างชนชั้นของพวกเขา ไม่ได้ทำให้ความรักที่มีแก่กันลดน้อยถอยลงได้เลย
‘กี...ผมรักคุณนะ ต่อให้เรื่องทุกอย่างจะต้องจบลงแบบไม่สวยงามนัก แต่ผมก็จะยังคงรักคุณตลอดไป...’
ริวนิ่งคิดและเฝ้าภาวนาขอให้สิ่งที่ตนกังวลอย่าได้เกิดขึ้น ถึงแม้ครั้งนี้จะดูคาดหวังได้ยากเย็นเสียยิ่งกว่าครั้งที่เขาปรารถนาจะหลุดพ้นจากเงาของตระกูลตนเองก็ตาม
อีกด้านหนึ่งที่ห้องรับแขกในสำนักงานหมู่บ้าน บนโซฟามีเวธน์ ลูคัสและกีรตินั่งอยู่ ส่วนคนอื่นต่างไปยืนหลบอยู่ห่างออกไป
“คีโอ...จริงหรือไม่ที่ทุกคนในหมู่บ้านนี้ทราบฐานะที่แท้จริงของลูกกันหมดแล้ว”
คำถามแรกของลูคัส ไม่เพียงแต่ทำให้กีรติสะดุ้ง ทว่ากลับทำให้คนอื่นที่ได้ยินล้วนตกใจกันไปถ้วนหน้า แม้จะมีบางรายที่พอคาดเดาสาเหตุถึงการมาของลูคัสได้บ้างแล้วก็ตาม
“ผม...คือ...”
กีรติอ้ำอึ้งในทีแรก ก่อนจะเม้มปากน้อย ๆ แล้วยืดตัวเงยหน้าเผชิญกับบิดาอย่างกล้าหาญ
“ครับ ทุกคนในที่นี้ล่วงรู้ฐานะของผมกันหมดแล้ว”
ลูคัสรับฟังด้วยใบหน้าเรียบเฉยยากจะอ่านอารมณ์ออก ทำเอาเวธน์ที่ฟังอยู่อดกังวลแทนลูกน้องของเขาไม่ได้
“แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น แต่พวกเราทุกคนที่นี่ สามารถรับรองกับท่านได้ว่า จะไม่มีทางให้ความลับของเขาแพร่งพรายออกไปภายนอกหมู่บ้านได้อย่างแน่นอนครับ”
ลูคัสหันมาทางเวธน์ สีหน้าเคร่งขรึมไร้อารมณ์กลับมีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับ เมื่อเห็นถึงความจริงจังและจริงใจของหนุ่มไทยผู้นี้
“ขอบคุณสำหรับความกรุณาและปรารถนาดี ที่คุณมีต่อลูกชายของผม...หากมีแค่เรื่องการผิดสัญญาระหว่างกันเพียงเรื่องเดียว ผมก็คงพอจะอนุโลมให้เขาใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านที่อบอุ่นแห่งนี้ต่อไปได้...”
ลูคัสพูดเพียงแค่นั้นแล้วสบตากับอีกฝ่ายนิ่ง ซึ่งก็ทำให้เวธน์ชะงักแล้วจึงหลุบตาหลบอย่างช้า ๆ เนื่องจากเข้าใจดีว่าลูคัสนั้นหมายความถึงเรื่องใด
“คีโอ...นอกจากเรื่องที่ทุกคนในหมู่บ้านนี้ รู้ตัวตนที่แท้จริงของลูกแล้ว ลูกยังมีเรื่องไหนที่ปิดบังพ่ออยู่อีกไหม”
ลูคัสหันกลับมาถามบุตรชายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทำเอาบรรยากาศอึมครึมยิ่งชวนให้อึดอัดมากขึ้น
“โหดน่าดูเลยนะพ่อของคุณกีรติเนี่ย...ขนาดรู้อยู่แก่ใจ ยังบังคับให้ลูกชายสารภาพด้วยตัวเองอีก”
ปาลินที่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ กระซิบกับลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งกรกฎเองก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ส่วนแฟนธอมที่ไม่ได้หลับแต่นั่งรับฟังอยู่ในห้องเงียบ ๆ ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ อย่างนึกสงสารรุ่นน้องของตน
“ผม...”
กีรติเริ่มมีอาการลังเลและเป็นกังวลอีกครั้ง ชายหนุ่มเม้มปากแน่น และมีสีหน้าครุ่นคิดคล้ายกำลังตัดสินใจบางอย่าง เขาหลับตาลงช้า ๆ มือยกขึ้นสัมผัสเครื่องรางในกระเป๋าเสื้อบริเวณหน้าอก แล้วจึงลืมตาขึ้นสบตากับบิดาโดยไม่มีแววลังเลใด ๆ ให้เห็นอีก
“ผมมีคนที่ผมรักและตัดสินใจอยู่เคียงข้างกับเขาไปชั่วชีวิตแล้วครับท่านพ่อ”
คำตอบของกีรติทำให้แต่ละคนในที่นั้นนิ่งอึ้ง แม้กระทั่งลูคัสเองก็ยังชะงักไปเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าบุตรชายจะกล้าตอบอย่างหนักแน่นจริงจังเช่นนี้ ทว่าราชาหนุ่มกลับยังคงมีสีหน้าเคร่งขรึมนิ่งเฉย พร้อมกับตั้งคำถามถัดมา
“แล้วคนรักของลูกคนนี้ คู่ควรพอที่จะทำให้ประชาชนชาวลาซายอมรับเขา ในฐานะราชินีของราชาคนต่อไปได้หรือไม่ล่ะคีโอ”
แม้จะเตรียมใจมาล่วงหน้าหากจะถูกบิดาตำหนิด้วยวาจารุนแรงก็ตาม ทว่าเพียงแค่คำถามเรียบ ๆ ง่าย ๆ ของลูคัส ก็ทำเอากีรติถึงกับคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
“พ่อเข้าใจว่าเรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้ แต่พ่อก็อยากให้ลูกตระหนักถึงความจริงในเรื่องที่ว่า ลูกนั้นคือเจ้าชายรัชทายาทแห่งลาซา ผู้ที่จะต้องรับหน้าที่ปกครองประเทศสืบต่อไป ในอนาคตข้างหน้านี้”
ลูคัสเอ่ยต่อมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบเย็นชาเสียจนองครักษ์คนสนิทยังต้องลอบกลืนน้ำลายลงคอ เหลือบมองเจ้าชายของเขาก็เห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าซีดเผือด แม้แต่คนนอกอย่างพวกเวธน์ยังแลดูวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านพ่อ...แต่ว่า..ผมกับคุณริว...เรา...”
กีรติพยายามคิดหาถ้อยคำมาแย้ง แต่ก็ดูเหมือนว่าสมองของเขาจะว่างเปล่าคิดอะไรไม่ออกขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
“คีโอ...ลูกคงรักคนสำคัญของลูกมากสินะ”
คำถามถัดมาทำให้กีรติชะงักเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ ที่รับฟัง ต่างล้วนมีความหวังในใจขึ้นมานิด ๆ ว่า ลูคัสอาจจะเข้าใจและเห็นใจต่อความรักครั้งนี้ของบุตรชายก็เป็นได้
“คะ...ครับ ผมรักเขามาก ...รักมากจริง ๆ”
กีรติรับคำเสียงแผ่วลง แค่เพียงนึกว่าจะต้องพรากจากริวไป เขาก็รู้สึกแน่นในอกจนเหมือนจะหายใจไม่ออกขึ้นมาทันที
“ลูกรักเขามาก จนยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกมีได้ไหมล่ะคีโอ”
กีรติชะงักพลางสบตากับอีกฝ่ายนิ่งอย่างหวั่นวิตก เพราะคำถามนั้นของบิดามันเหมือนจะแฝงความนัยบางอย่างที่เขาไม่อยากให้ตนเองเดาถูก
“ท่านพ่อหมายความว่าอะไรหรือครับ...”
กีรติย้อนถามกลับไป และเฝ้าภาวนาว่าจะได้รับคำตอบกลับมาแตกต่างจากที่คิดเอาไว้ ทว่า...
“ถ้าลูกรักเขามากจนยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างได้...พ่อก็จะยอมปล่อยให้ลูกได้ทำตามใจชอบ เพียงแต่ขอให้ลูกจงจดจำเอาไว้อย่างหนึ่งว่า...นับตั้งแต่ที่ลูกเลือกความรักแทนหน้าที่ เจ้าชายคีโอแห่งประเทศลาซา ก็จะไม่มีตัวตนสำหรับพ่อและประชาชนชาวลาซาอีกต่อไป”
กีรติทิ้งตัวพิงพนักโซฟาอย่างอ่อนแรง ไร้ซึ่งคำพูดโต้แย้งอันใดออกไปทั้งสิ้น ทางด้านเวธน์นั้นมองชายหนุ่มอย่างนึกสงสาร เพราะแม้ว่าลูคัสจะไม่ได้บังคับขู่เข็ญให้กีรติเลิกกับริว ทว่าทางเลือกที่เจ้าตัวมอบให้ ก็ไม่แตกต่างอันใดกับการบังคับสักนิด
“ลูกอาจจะต้องการเวลาสำหรับคิดคำตอบ...เอาไว้พ่อจะมาฟังคำตอบของลูกในช่วงเย็นนี้แล้วกัน”
ลูคัสที่เห็นสภาพอ่อนแรงของบุตรชายเอ่ยขึ้นเบา ๆ แล้วจึงหันกลับไปทางเวธน์พร้อมเอ่ยลา ซึ่งเวธน์ก็รีบโค้งศีรษะตอบรับพลางลุกขึ้นเดินไปหมายจะส่งอีกฝ่ายถึงรถ ทว่าลูคัสนั้นปฏิเสธด้วยความเกรงใจเสียก่อน หากแต่สายตาที่มองไปยังบุตรชายวูบหนึ่งแล้วจึงหันกลับมามองเจ้าของที่ดินหนุ่มนั้น ทำให้เวธน์ชะงัก เขาสบตาราชาหนุ่มครู่หนึ่งแล้วจึงโค้งให้อีกครั้ง ก่อนจะกลับเข้าไปในสำนักงาน เพื่อตั้งใจปลอบโยนให้กีรตินั้นได้คลายเศร้าลงไปบ้างแทน
อีกด้านหนึ่งที่ป้อมยาม ริวนั้นกลับไม่ได้มีอาการช็อกหรือโมโหโวยวายแต่อย่างใด ทำเอาเจอรัลด์นึกแปลกใจ เนื่องจากเพราะอเล็กซ์ส่งข้อความไปบอกเขาว่าบิดาของกีรติมาที่หมู่บ้าน เขาจึงรีบตรงมายังป้อมยาม เพราะเกรงว่าริวจะเสียใจหรือลืมตัวอาละวาด หากแต่ชายหนุ่มกลับนิ่งรับฟังเสียงที่อเล็กซ์ถ่ายทอดด้วยท่าทางนิ่งเฉยกว่าที่คิด
ทว่าจู่ ๆ ริวที่นิ่งเงียบก็ลุกขึ้นยืน ทำเอาเจอรัลด์สะดุ้งโหยง แล้วก็พลันเข้าใจว่าเหตุใดริวถึงลุกขึ้นมาเช่นนี้
“คุณคงเป็น คุณยูกิมูระ ริว สินะ”
ลูคัสที่เดินตรงมาป้อมยามเอ่ยทักทายกับริว ซึ่งหนุ่มญี่ปุ่นนั้นก็โค้งศีรษะให้กับอีกฝ่าย ทว่าคำพูดที่ตอบกลับไปนั้นหาใช่การทักทายแนะนำตัวเองอย่างที่ควรเป็น
“ผมเข้าใจว่าท่านปรารถนาดีต่อกีรติ จึงต้องใช้วิธีการที่เด็ดขาดเช่นนี้ ...แต่ผมเองก็ไม่อาจจะเห็นด้วยกับการกระทำของท่านทั้งหมด เพราะเขาเองก็เป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับผมเช่นกัน”
ลูคัสเลิกคิ้วมองหน้าอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะล่วงรู้ถึงบทสนทนาภายในสำนักงานเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทางแปลกใจออกไปมากนัก
“ผมแค่เสนอทางเลือกให้ลูกชายของผมได้เลือกก็เท่านั้น”
คำตอบของลูคัสทำให้ริวเม้มปากน้อย ๆ แล้วจึงเอ่ยโต้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มอารมณ์
“ครับ...ทางเลือกที่ทำให้กีรติเจ็บปวดจนหัวใจแทบสลาย”
ลูคัสชะงักเล็กน้อยแต่ก็ยังคงมีท่าทางนิ่งเฉยไม่หวั่นไหวใด ๆ ให้เห็น
“กีรติเป็นคนจิตใจดี อ่อนโยน จนผมเองก็เผลอคิดไปว่า บางทีหากเรื่องของผมกับเขาถูกล่วงรู้เข้า ผมคงจะมีหนทางพูดคุยตกลงกับทางครอบครัวของเขาได้บ้าง...แต่ผมเพิ่งจะรู้ตอนนี้เองว่า...ท่านนั้นเหมาะสมกับการเป็นราชาเสียยิ่งกว่าเป็นพ่อคน”
“นี่คุณมากไปแล้วนะ!”
จาค็อบตวาดใส่ริว แต่ก็ต้องชะงักเมื่อลูคัสยกมือขึ้นห้ามปรามช้า ๆ
“ผมเข้าใจว่าคุณรู้สึกเช่นไร ...แต่คุณพูดถูกแล้ว สำหรับผม ความเป็นราชาย่อมมาก่อนความเป็นพ่อคน... คีโอเองก็เช่นกัน เขาเป็นเจ้าชาย เป็นรัชทายาท มาก่อนที่จะได้รู้จักคุณด้วยซ้ำ”
ลูคัสเปรยด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้วี่แววขุ่นเคืองโกรธแค้นใด ๆ ให้สัมผัสทั้งสิ้น
“ใช่...ผมรู้ดี และเตรียมตัวเตรียมใจอยู่เสมอ หากจะต้องผิดหวังและต้องจากกับเขาในวันใดวันหนึ่ง...”
ริวโต้ตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครืออย่างพยายามควบคุมอารมณ์นิด ๆ แล้วสบตากับอีกฝ่ายนิ่งด้วยแววตาจริงจังหนักแน่น
“และถ้าหากผมรู้ว่าท่านจะเลือกวิธีนี้มาใช้บีบบังคับเขาล่วงหน้า...ผมก็คงเป็นฝ่ายออกไปจากชีวิตของกีรติเสียก่อน ...ผมมั่นใจว่ากีรติรักผมเหมือนกับที่ผมรักเขา... การที่เราเลิกกัน อาจจะทำให้เขาเสียใจมากก็จริง ...แต่ก็คงน้อยกว่าการที่ต้องถูกพ่อแท้ ๆ ยื่นคำตัดขาดกับตัวเองแน่!”
ลูคัสยืนนิ่งสบตากับหนุ่มญี่ปุ่นอยู่สักพัก ก่อนจะเอ่ยถามกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบยากอ่านอารมณ์ออกเช่นเคย
“แสดงว่าคุณพร้อมที่จะเลิกกับคีโอ เพื่ออนาคตของคีโอเองสินะ”
ริวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงสูดลมหายใจเข้าปอด แสดงถึงการตัดสินใจเด็ดเดี่ยว
“ผมจะส่งกีรติคืนให้คุณ...กีรติที่ยังคงไม่รู้จักและรักคนที่ไม่คู่ควรกันอย่างผม”
คำพูดของริวทำให้ลูคัสขมวดคิ้วอย่างประหลาดใจ ทว่าเจอรัลด์ที่ยืนฟังอยู่ถึงกับเบิกตากว้างแล้วรีบแย้งออกไป
“คุณริว! เดี๋ยวก่อน! คุณคงไม่...”
ริวหันมายิ้มน้อย ๆ ให้เจอรัลด์ ทำเอานักประดิษฐ์หนุ่มพูดอะไรไม่ออก จากนั้นหนุ่มญี่ปุ่นก็หันไปทางลูคัสแล้วบอกกับอีกฝ่าย
“กลับไปที่สำนักงานกันเถอะครับ...”
ริวบอกแล้วจึงเดินนำไป ทางด้านจาค็อบทำเหมือนจะห้ามไม่ให้ลูคัสตาม เพราะรู้สึกไม่ไว้วางใจในตัวริวนัก เนื่องจากสืบทราบมาว่าอีกฝ่ายนั้นเคยเป็นอดีตนักพรตองเมียวมาก่อน และยังมีวิชาอาคมแปลก ๆ ที่สามารถทำร้ายคนธรรมดาได้อีกด้วย
“ไม่เป็นไร จาค็อบ...ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า เขาจะเลือกทางที่จะไม่ทำให้คีโอต้องเสียใจ ให้ฉันได้เห็นแบบไหน”
เจอรัลด์มองตามคนที่เดินไปอย่างเวทนา เสียงอเล็กซ์ที่ดังขัดขึ้นทำให้เขาชะงักงัน
“ทำไมคุณริวต้องเสียสละขนาดนี้ด้วยล่ะครับ ทั้งที่เขาสามารถใช้อาคมบังคับเปลี่ยนใจคุณพ่อของคุณกีรติได้เลยด้วยซ้ำ”
เจอรัลด์ถอนหายใจเบา ๆ ใช่ว่าเขาจะไม่เคยคิดแบบอเล็กซ์ แต่เขาก็รู้ดีว่าริวจะไม่ทำแบบนั้นแน่ หนุ่มญี่ปุ่นหยิ่งในศักดิ์ศรีและรักกีรติมาก เสียจนไม่อาจจะลงมือใช้วิธีอันเห็นแก่ตัว ทำให้ความรักของตนสมหวังได้
“คุณริวเป็นคนแบบนี้ล่ะอเล็กซ์ ...และเพราะเขาเป็นคนแบบนี้ ก็เลยทำให้คุณกีรติสนใจและให้ความสำคัญกับเขามากยิ่งกว่าใครในหมู่บ้านนี้ยังไงล่ะ”
เจอรัลด์พึมพำตอบ เขาเดินตามพวกริวไปแต่เลือกที่จะเข้าไปทางประตูด้านหลังสำนักงาน โดยตั้งใจไปหาแฟนธอมเพื่อคอยปลอบโยนภายหลัง เพราะเจอรัลด์มั่นใจว่า แฟนธอมนั้นจะต้องรู้สึกเจ็บปวดต่อการตัดสินใจในครั้งนี้ของริวไปด้วยเป็นแน่
อีกด้านหนึ่งภายในสำนักงานหมู่บ้าน กีรตินั้นถึงกับสะดุ้งนิด ๆ ด้วยความตกใจ เมื่อเห็นริวเดินเปิดประตูเข้ามา โดยมีลูคัสเดินตามมาด้วย
“คุณริว...”
“กี...ขอโทษนะ เพราะผมแท้ ๆ ถึงทำให้คุณต้องปวดใจแบบนี้”
ริวเดินมาทรุดตัวชันเข่าต่อหน้าอีกฝ่าย ทำให้กีรติน้ำตาคลอก่อนจะสะอื้นตอบ
“ไม่ใช่ความผิดของคุณริวหรอกครับ...แต่ผิดที่ผมเองต่างหาก...ผิดที่ผมไม่อาจจะเลือกตัดใจได้ทั้งจากคุณ จากครอบครัว และจากประเทศ...ผมขอโทษครับคุณริว...ขอโทษจริง ๆ”
เสียงสะอื้นและคำพูดขอโทษของคนรัก ทำเอาริวปวดแปลบไปทั้งหัวใจ เขาเหลือบไปมองลูคัสแวบหนึ่งก็ทันได้เห็นแววตาเฉยชานั้นฉายแววเจ็บปวดไม่ต่างกัน และนั่นจึงทำให้ริวชะงักงัน ก่อนจะหลุบตาลงพลางยิ้มเศร้า ๆ ให้กับตัวเอง จากนั้นหนุ่มญี่ปุ่นจึงหันกลับมาหาคนที่นั่งอยู่ แล้วบอกกับอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน
“กี...คุณเชื่อไหมว่าผมรักคุณมาก ...รักมาจากหัวใจ รักโดยไม่สนว่าคุณจะเป็นใคร มีฐานะอะไร”
กีรติสบตาริวพลางพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะพึมพำตอบ
“ผมรู้ครับ...ผมเองก็รักคุณมาก ...รักจนลืมไปว่าตัวเองเป็นใคร...และมีหน้าที่อะไรต้องรับผิดชอบ...ผมอยากเป็นนายกีรติ...เป็นคนธรรมดา ที่ทำหน้าที่เป็นยามประจำหมู่บ้านมีสุขแห่งนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ...แต่ผม...แต่ผมก็ทิ้งครอบครัว...ทิ้งผู้คนที่ลาซาไปไม่ได้...”
ริวถอนหายใจยาว แล้วจึงเอื้อมมือไปลูบใบหน้าอ่อนเยาว์ของคนรักอย่างทะนุถนอม
“ผมเองก็ยอมให้คุณทำแบบนั้นไม่ได้เหมือนกัน...ผมรักคุณนะกีรติ ...และเพราะรักมาก จึงต้องตัดสินใจทำแบบนี้”
กีรติสบตากับอีกฝ่ายอย่างงุนงง ก่อนจะอุทานเบา ๆ อย่างตกใจ เมื่ออีกฝ่ายยกมือขึ้นอังหน้าของตน
“นั่นคุณจะทำอะไรเจ้าชายน่ะ!”
จาค็อบขยับจะไปขวางอย่างตกใจเมื่อเห็นฝ่ามือของริวปรากฏแสงเรืองรองขึ้น ทว่าลูคัสนั้นกลับยกมือห้ามเอาไว้
“ปล่อยเขาจัดการธุระของเขาให้เรียบร้อยเถอะจาค็อบ พวกเราคอยดูอยู่เงียบ ๆ จะดีกว่า”
ลูคัสเปรยบอกเรียบ ๆ มาถึงจุดนี้เขาที่รับรู้ข้อมูลประวัติของริวมาก่อนหน้านั้นไม่แตกต่างจากองครักษ์คนสนิท ก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่าริวต้องการทำอะไรกันแน่
“คุณริว...หรือว่าคุณจะ...”
กีรติที่เอะใจต่อการกระทำและคำพูดของทุกฝ่ายเริ่มฉุกคิดขึ้นมาได้ เขาพยายามจะขยับหนี แต่ก็ดูเหมือนเรี่ยวแรงของเขาจะหดหายไป หนังตาเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าของริวก็เริ่มเลือนหายไปจากอนุสติทีละน้อย
“ไม่นะครับ...ไม่เอานะคุณริว...ผมรักคุณนะครับ...ผมรักคุณ...ผมไม่อยากลืมคุณ...ไม่อยาก...”
กีรติหลับลงไปพร้อมกับหัวใจซึ่งปวดร้าวเจียนแตกสลายของผู้ใช้อาคมที่ต้องทำให้คนรักลืมเลือนตนด้วยมือของตัวเอง
“ขอโทษนะกี...ผมไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว...”
ริวพึมพำแล้วยกมือของอีกฝ่ายขึ้นจูบแผ่วเบา ภาพที่เห็นทำให้พวกเวธน์ต้องเบือนหน้าหนีอย่างนึกสงสาร
“ผมขอคืนกีรติให้กับท่าน...เขาจะจดจำเรื่องของผมและเรื่องของหมู่บ้านแห่งนี้ไม่ได้อีก ...และถ้าไม่จำเป็นท่านก็อย่ากระตุ้นให้เขานึกได้จะดีที่สุด...เพราะผมไม่อยากให้เขาต้องเจ็บปวดแบบนี้อีกแล้ว”
ริวที่ยังคงนั่งคุกเข่าก้มหน้าบอกกับลูคัสโดยไม่หันกลับไปมองอีกฝ่าย ทั้งหมดอยู่ในความเงียบชวนอึดอัดอยู่พักใหญ่ ริวจึงยันกายลุกขึ้น แล้วเดินออกจากสำนักงานหมู่บ้านไปโดยไม่พูดจากับใครทั้งสิ้น
“ผมคงต้องพาคีโอกลับประเทศก่อน...ไว้คราวหน้า ผมจะหาเวลามาขอบคุณเรื่องคีโอ อย่างเป็นทางการอีกครั้ง”
ลูคัสบอกกับเวธน์แล้วเดินตรงไปอุ้มร่างของบุตรชายที่หลับไปทั้งน้ำตา ก่อนจะหันมาพยักหน้าเป็นเชิงอำลาเจ้าของที่ดินหนุ่มอีกครั้ง ทางด้านจาค็อบนั้นยืนโค้งให้กับพวกเวธน์แล้วตามผู้เป็นเจ้านายไปติด ๆ
พอลับร่างพวกลูคัสไปแล้ว เวธน์จึงค่อย ๆ เดินไปทิ้งตัวทรุดนั่งลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง โดยที่ปาลินนั้นตามไปนั่งใกล้ ๆ และโอบกอดคนรักอย่างปลอบโยน
“...ทำไมคุณริวถึงต้องเลือกวิธีที่ทำร้ายทั้งตัวเองและทำร้ายคนที่เขารักแบบนี้ด้วยนะ...ทั้งสองคนนั่นไม่ควรจะต้องจากกันแบบนี้เลยแท้ ๆ”
เวธน์พึมพำแผ่วเบาแล้วพิงศีรษะลงกับอกกว้างของปาลินอย่างไม่สนใจว่าจะมีใครมองมาหรือไม่
“...ผมเชื่อนะครับว่า ต่อให้เป็นอาคมที่รุนแรงร้ายกาจสักเพียงใด...แต่มันก็ไม่อาจที่จะลบความรักแท้ของคนเราให้เลือนหายไปจากหัวใจได้อย่างแน่นอน”
คำพูดของปาลินทำให้เวธน์นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มมีรอยยิ้มให้เห็น ทางด้านกรกฎยืนมองคนทั้งสองอยู่เงียบ ๆ โดยไม่คิดเข้าไปร่วมสนทนาด้วย ทว่าสักพักเขาก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นเบา ๆ จากห้องของแฟนธอม พร้อมกับเสียงปลอบโยนอันคุ้นเคยจากเจอรัลด์ที่ดังแว่วมาให้ได้ยิน
เลขาหนุ่มลอบถอนหายใจ เมื่อรู้สึกว่าตนเริ่มเป็นส่วนเกินในที่นี้ ชายหนุ่มตัดสินใจเดินเลี่ยงออกไปด้านนอกสำนักงาน ทว่าพอได้เห็นป้อมยามประจำหมู่บ้านเขาก็ต้องใจหาย เพราะนับตั้งแต่นี้ไป เขาคงไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มแจ่มใส จากคนที่อยู่เฝ้าประจำป้อมในช่วงเช้านั่นอีกแล้ว
“...คุณกีรติ ผมเองก็เป็นอีกคน ที่คาดหวังว่าคุณจะไม่ลืมคุณริว...ไม่ลืมพวกเราทุกคนที่นี่... และเมื่อวันนั้นที่คุณจดจำทุกอย่างได้ทั้งหมด...คุณจะสามารถตัดใจทิ้งทุกอย่างที่นั่น และกลับมาหาคนที่เสียสละเพื่อคุณคนนั้นอีกครั้งหนึ่ง...”
กรกฎพึมพำแล้วก็หัวเราะหยันตัวเอง ทั้งความคิดที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ และความเห็นแก่ตัวที่อยากให้อีกฝ่ายตัดใจทิ้งบ้านเกิด และเลือกใช้ชีวิตธรรมดาในแบบเดิมที่ผ่านมาก่อนหน้านั้นแทน
“ช่วยไม่ได้ ...ก็เราเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปนี่นะ ...จะอิจฉาบ้าง จะเห็นแก่ตัวบ้าง... มันจะแปลกอะไร”
กรกฎเปรยบอกตัวเอง แล้วตัดสินใจเดินตรงไปยังซอยสอง อันเป็นที่ตั้งของบ้านพักแพทย์ประจำหมู่บ้าน อย่างน้อยแม้เจ้าของบ้านจะคอยกวนประสาทและชอบพูดจาให้เขาโมโหอยู่ประจำ แต่หมอหนุ่มก็เป็นเพียงคนเดียวที่เขาสามารถพูดระบายทุกเรื่องได้โดยไม่ต้องเก็บงำความรู้สึกของตนเอาไว้ อย่างที่เขามักเป็นอยู่เสมอต่อหน้าคนอื่น
... TBC ...