ตอนที่ 1
พี่รหัสตัวแสบ
“ไหนดูสิ” ฝนดึงกระดาษจากมือของลูกจัน “มันจะออกสอบหรือไงวะ มึงถึงต้องจ้องขนาดนั้น”
“กูกลัวยิ่งกว่าเข้าสอบอีกมึง ป่านนี้รอยหยักในสมองกูยังหาคำตอบไม่ได้เลย”
ลูกจันถอนใจยาว ผมคิดว่าอาการของเด็กปีหนึ่งหลายๆ คนคงไม่ต่างกันเท่าไหร่ หลังจากได้รับกระดาษคำใบ้มา พวกผมมีเวลาหนึ่งอาทิตย์เพื่อหาให้ได้ว่าพี่รหัสของตนเป็นใคร จากคำใบ้ที่พี่รหัสเป็นคนเขียน
“
ชื่อเล็กกว่าโลก ฝนอ่านข้อความในกระดาษ “อะไรวะ”
“ก็อย่างดาวพุธ ดาวอังคาร ดาวศุกร์หรือเปล่าวะ พวกดาวที่มีขนาดเล็กกว่าโลก” ขลุ่ยผู้ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเรียนเก่งที่สุดในกลุ่มสี่ยอดกุมารพูดขึ้น ถึงแม้ลูกจันจะเป็นกุมารี แต่ผมคิดว่าอย่างลูกจันเหมาะสมกับการเป็นกุมารมากกว่า
“ตกลงกูต้องไปเรียนดาราศาสตร์เหรอวะถึงจะหาชื่อรุ่นพี่เจอ มีรุ่นพี่คนไหนชื่อทำนองนี้มั้ง นึกออกกันไหม”
ผมส่ายหน้า เท่าที่รู้จักไม่มีใครชื่อทำนองนั้นเลย “หรือจะเป็น กรวด หิน ดิน ทรายวะ” ผมพยายามช่วยเท่าที่ช่วยได้
“โอ๊ยย ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องหากันแล้ว ส่วนใหญ่มันก็เล็กกว่าโลกทั้งนั้น” ลูกจันทำหน้าเซ็ง
“แล้วของมึงล่ะรู้แล้วเหรอว่าใคร” ฝนหันมาถามเมื่อเห็นผมทำท่าชิลๆ สบายๆ
ผมยิ้มกริ่ม ยักคิ้วให้เพื่อนด้วยท่าทางของคนเหนือกว่า หยิบกระดาษที่ได้รับออกจากกระเป๋า โบกสะบัดไปมา
“ของกูเห็นอยู่โต้งๆ อย่างชัด”
“โห~โคตรน่าอิจฉา” ลูกจันซบหน้าลงกับโต๊ะ ฝนเอื้อมมือมาดึงกระดาษจากมือผม เร็วจนผมดึงหนีไม่ทัน
“ยืนอยู่ตรงหน้า ไม่เห็นเหรอ” ทั้งโต๊ะเงียบกริบ เหมือนมีอีกาบินผ่านหน้า ผมยิ้มกว้างพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “เห็นมะ กูบอกแล้วว่าเห็นกันอยู่โต้งๆ”
“ไอ้เหี้ย!” ฝนตบหัวผมดังผลั้ว ตัวใหญ่กว่าแล้วข่มเหงเพื่อนเหรอวะ
“ฮ่าๆ มึงแย่กว่ากูอีก” ลูกจันสดชื่นขึ้นมาทันที เมื่อรู้ว่าผมได้รุ่นพี่ที่โหดกว่าและแสบกว่า
“ขลุ่ย” ผมหันไปเรียกเพื่อน
“หือ”
“มึงแปลดิ” ผมดึงกระดาษจากมือฝนยัดใส่มือขลุ่ย เจ้าตัวขยับแว่น อ่านข้อความสั้นๆ นานเหมือนมันยาวสักหนึ่งหน้ากระดาษ
“กูว่าน่าจะอยู่ในกลุ่มพี่ว๊าก หรือไม่ก็พวกพี่ที่ยืนอยู่หน้าแถว” ขลุ่ยมองกระดาษในมืออย่างพิจารณา “หาคนที่อยู่ปีสอง ท่าทางโหดๆ หน่อย น่าจะเป็นผู้ชาย”
“ทำไมมึงคิดได้วะ” ฝนจ้องหน้าขลุ่ย
“มันฉลาดกว่ามึงไง” ผมยินดีที่จะเป็นคนเฉลยให้เพื่อนฟัง
ผลั้ว!
ทุกอย่างแก้ได้ด้วยกำลัง ผมคิดว่านี่คือสโลแกนประจำตัวฝนแน่ๆ
“แล้วมึงจะไปขอคำใบ้เพิ่มหรือเปล่า” ลูกจันถามผม คำใบ้มีทั้งหมดสามชุด แจกหนึ่งชุด อีกสองชุดไปขอได้ แต่ต้องถูกลงโทษก่อนถึงจะได้รับ ซึ่งถ้าเทียบกับการหาพี่รหัสไม่เจอแล้ว อย่างหลังน่าจะหนักกว่า”
“รอก่อนยังมีเวลา แต่พี่รหัสกูแม่งกวนตีนวะ เหมือนอยากให้กูถูกลงโทษเลย” ผมบ่นเป็นหมีกินผึ้ง คำใบ้บ้าอะไรวะ ใครจะไปทายถูก “แล้วของมึงสองตัวล่ะ”
“ของกูไม่ยาก” ขลุ่ยเปิดกระเป๋า ดึงคำใบ้ออกมาให้พวกผมดู “คิดว่าเป็นพี่อ้อสันทนาการ”
“อืมม กูก็ว่าน่าจะใช่” ผมพยักหน้าก่อนส่งคำใบ้คืนให้กับขลุ่ย เรื่องอะไรจะบอกเพื่อนว่าผมอ่านแล้วมึนตึบ มันเดายังไงของมันวะ
“ส่วนของกูมีตัวเลือกอยู่สามคน คิดว่าหาเจอไม่ยากไม่ต้องใช้คำใบ้” ฝนบอกเล่าของตัวเอง สรุปแล้วมีแค่ผมกับลูกจันเท่านั้นที่ได้คำใบ้โหดหน่อย
“หรือของมึงจะอยู่ในกลุ่มนั้น” ลูกจันบุ้ยใบ้ไปทางด้านหลังผม ทุกคนจึงหันไปมอง
“เฮ้ย เซินเจิ้น!” ผมร้องด้วยความดีใจ
“เซินเจิ้นอะไรของมึง” ฝนหันมามองหน้าผม
“หรือว่าพี่กลุ่มนี้มีเรื่อง ไปลอกเลียนอะไรของใครมาเหรอ” ขลุ่ยคาดเดาจากคำเรียกของผม
“มึงน่าจะไปเป็นโคนันนะไอ้ขลุ่ย แม่งวิเคราะห์เก่งเหลือเกิน” ฝนพูดประชดเพื่อน
“กูอ่านทุกเล่มเลย” แต่ดูเหมือนขลุ่ยจะไม่รับมุก
“เปล่าๆ” ผมรีบปฏิเสธก่อนที่เพื่อนจะคิดไปไกล “กูชอบสไตล์พี่คนนี้เลยว่าจะเอามาเป็นแบบอย่าง เผื่อจะดูดีขึ้นบ้าง” ผมเลือกใช้คำให้ฟังดูดีหน่อย ถึงยังไงพวกผมก็เพิ่งสนิทกัน จะบอกว่าตั้งใจก๊อปทั้งเนื้อทั้งตัวก็คงไม่ได้
“งั้นมึงต้องเรียกพี่เขาว่ามาสเตอร์พีซ ส่วนมึงอะเซินเจิ้น” ฝนแก้คำให้ผม
“กูรู้น่า”
“จะก๊อปทำไมวะเป็นตัวของตัวเองดีแล้ว”
“มึงมีแฟนหรือยังวะ” ผมถามฝนด้วยสายตาซื่อๆ
“ยัง”
คราวนี้ผมเปลี่ยนมายิ้มแฉ่ง ยักคิ้วให้เพื่อน “นั่นไง เหตุผลของกู”
“อ้าวไอ้นี่ วอนตีนซะแล้ว”
ผมเลิกสนใจฝน หยิบโทรศัพท์ออกมาถือ หันไปทางที่ลูกจันนั่ง
“ลูกจันยิ้มหน่อย”
“ถ่ายกูเหรอ” ลูกจันถามพร้อมกับยกมือขึ้นจัดผม
“เปล่า กูถ่ายโต๊ะข้างหลัง”
“มึงแม่ง..” ลูกจันตั้งท่าจะด่าผม แต่พอผมกดชัตเตอร์ก็ดันยิ้มจริงๆ
“พี่คีรินทร์”
“หือ” ผมหันไปมองหน้าขลุ่ย
“คนนั้นน่ะชื่อพี่คีรินทร์ ในคณะเราถือว่าดังมาก โดยเฉพาะในหมู่สาวๆ มึงคิดถูกแล้วที่เลือกคนนี้เป็นแบบ”
“มึงรู้จักพี่ทุกคนเลยเหรอวะ” ผมถามด้วยความทึ่ง ผมเองยังจำได้ไม่กี่คน
“ไม่หมด เฉพาะที่ดังๆ กูศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคณะเราก่อนมาเข้าเรียน”
ผมกับฝนถึงกับยกมือไหว้ขลุ่ย กูยอมมึงแล้วจริงๆ
“แต่สามคนนี้กูรู้จักหมด คนซ้ายพี่คีรินทร์ คนกลางพี่มิ่ง คนขวาพี่ทวีป” ขลุ่ยหยุดพูดเบิกตากว้าง หันไปหาลูกจันด้วยสีหน้าตื่นเต้น “กูรู้แล้วว่าพี่รหัสลูกจันเป็นใคร”
“ใคร!” ลูกจันตาลุกโพลง
“มึงว่าอะไรที่ใหญ่กว่าประเทศแต่เล็กกว่าโลกล่ะ”
“ใหญ่กว่าประเทศเล็กกว่าโลก?” ลูกจันขมวดคิ้วทวนคำ ก่อนหันขวับไปมองด้านหลัง “ทวีป!”
“กูว่าใช่แน่ๆ ไม่มีชื่อไหนต้องสงสัยเท่าชื่อนี้อีกแล้ว” ขลุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจ ผมเลยสะกิดขลุ่ยที่แขน
“ของกูล่ะ” ผมมองขลุ่ยด้วยความหวัง
“ไม่รู้” ขลุ่ยหันมาตอบผมแบบไม่เหลือเยื่อใย
ผมถอนใจเซ็งๆ ตอนนี้ก็เหลือผมคนเดียวแล้ว ที่ยังหารายชื่อผู้ต้องสงสัยไม่ได้ ผมมองตรงไปยังโต๊ะที่อยู่ห่างออกไป หนึ่งในนั้นจะเป็นพี่รหัสของผมหรือเปล่าวะ แต่ไม่น่าจะใช่ คนหนึ่งดูเฮฮา อีกคน มองเบนสายตาไปมองคุณมาสเตอร์พีชของผม ถึงจะดูโหดไปนิด แต่คงไม่กวนตีนหรอกมั้ง ผมปัดความคิดที่ว่าสองคนนี้จะเป็นพี่รหัสของผมออกไปจากหัว
หลังการวิเคราะห์ของขลุ่ย ผมจึงใช้เวลาระหว่างประชุมเชียร์แอบมองรุ่นพี่แต่ละคนที่ยืนอยู่หน้าแถว พยายามดูว่าใครเข้าข่ายต้องสงสัยบ้าง แต่จังหวะนี้ทุกคนดูโหดอย่างเท่าเทียมกัน แม้แต่คนที่ไม่เคยตะโกนเลยอย่างพี่คีรินทร์ คนอะไรวะแค่ยืนยังหล่อ เอ๊ย! แค่ยืนยังน่ากลัว สายตาที่มองตรงมาทำเอาขนลุกเบาๆ
เมื่อพยายามหาด้วยตัวเองจนเข้าสู่วันที่สามผมก็ยอมแพ้ เดินหน้าเศร้าเป็นหมาหงอยไปขอคำใบ้เพิ่มหลังประชุมเชียร์เสร็จ
หลังจากผ่านการวิดพื้นโชว์รุ่นพี่ไปสามสิบครั้ง ผมก็ได้กระดาษคำใบ้มาหนึ่งชุด ด้วยมืออันสั่นระริก หมดแรงจะถือกระดาษแผ่นเดียวเอาไว้ให้มั่น ผมแกะมันออกด้วยความหวัง ดวงตาเป็นประกาย
ไม่เห็นจริงเหรอ ออกจะสูงใหญ่
ไอ้พี่รหัสตัวแสบ!!
ผมขยำกระดาษเป็นก้อนกลม อยากจะปาลงพื้นให้หายเจ็บใจ แต่ก็กลัวว่าจะโดนวิดพื้นอีกสามสิบครั้ง จึงได้แต่ก่นด่าอยู่ในใจ อย่าให้เจอตัวนะเฟ้ย อย่าให้รู้ว่าเป็นใครเชียว!
“จะเอาอีกใบไหม”
ดูเหมือนสีหน้าของผมจะบอกทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ผมยิ้มให้รุ่นพี่ด้วยความเคารพรัก กัดฟันพูดด้วยรอยยิ้ม
“ครับ”
“ถ้าอย่างนั้น..” ระหว่างที่รุ่นพี่กำลังตัดสินใจ คุณมาสเตอร์พีซก็เดินเข้ามาพอดี
“มาก็ดี ฝากจัดการเรื่องขอคำใบ้ชุดที่สามต่อที จะไปเอาของ”
“อืม”
สายตาที่มองมาทำเอาใจผมเต้นตุ่มๆ ต่อมๆ ลุ้นว่าคราวนี้จะโดนให้ทำอะไรอีก
“ใครให้คุณจ้องตาผม”
ผมรีบก้มหน้าลง
“จะเอาคำใบ้ที่สามใช่ไหม”
“ครับ”
“วิดพื้นสามสิบครั้ง”
“แต่ผมเพิ่งวิดพื้นไปเมื่อกี้เองครับ” ผมพยายามขอความเห็นใจ
“ไม่เคารพรุ่นพี่ เปลี่ยนเป็นสามสิบห้าครั้ง”
ผมได้แต่ก่นด่าพี่รหัสตัวแสบอยู่ในใจ ที่ทำให้ผมซวยถึงขนาดนี้ ก่อนลงไปวิดพื้นสามสิบห้าครั้ง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเมื่อคุณเพิ่งผ่านการวิดพื้นมา
หลังจากได้คำใบ้ ผมพาร่างอันอ่อนแรงไปรวมกลุ่มกับเพื่อนที่รออยู่ด้านนอก
“มึงเปิดอ่านให้กูที” ผมส่งให้ขลุ่ย อีกฝ่ายรับไปเปิดอ่าน ทำหน้านิ่งๆ
“เป็นไงวะ” ผมถามด้วยความหวัง
“มึงอ่านเองเถอะ” ขลุ่ยส่งคืนให้ผม
“
นี่เป็นคำแนะนำที่ดีที่สุด ไปตัดแว่นซะถ้าป่านนี้ยังหาไม่เห็น ไอ้เหี้ยย!” ผมลงท้ายด้วยคำสรรเสริญเดียวที่คิดออก
“เอาน่ามึง อย่างน้อยก็รู้ว่าเป็นคนตัวใหญ่” ลูกจันพูดปลอบผม แต่เสียงพูดดังขลุกขลักเหมือนคนกลั้นขำ
“คนตัวสูงมีเป็นสิบ กูจะรู้ไหมวะ” ผมขยี้ผมตัวเอง “วันนี้แยกย้ายกันกลับก่อนเถอะว่ะ กูไม่มีอารมณ์ไปไหนต่อแล้ว”
“ดีเหมือนกันกูจะกลับไปเล่นเกม” ฝนคว้ากระเป๋าขึ้นสะพายบนบ่า พวกผมเดินห่างจากสถานที่ใช้ประชุมเชียร์โดยไม่รู้ว่ามีร่างสูงของใครคนหนึ่งยืนมองอยู่
ผมลากสังขารตัวเองขึ้นจากเตียงเพราะความหิว บ้านผมอยู่ต่างจังหวัด ผมจึงพักอยู่หอพักใกล้ๆ กับมหา’ลัย เสาร์อาทิตย์ถึงจะไปนอนบ้านพี่โต๊ะ พี่ชายคนเดียวของผมที่อาศัยอยู่พี่กับเหนือ ผู้ชายที่เรียกว่าแฟนหรือสามี หรือจะเรียกว่าพ่อของพี่โต๊ะก็ได้ พ่อแม่ผมเปิดร้านขายเฟอร์นิเจอร์เล็กๆ อยู่ที่ต่างจังหวัด ชื่อลูกชายสองคนถึงออกมาพิสดารอย่างนี้ คนพี่ชื่อโต๊ะ คนน้องชื่อเก้าอี้ แต่เผื่อความเท่ผมจึงบอกใครต่อใครว่าผมชื่อเก้า
ผมพาตัวเองลงมาที่ร้านขายอาหารตามสั่งใกล้ๆ กับหอพัก สายตากวาดหาโต๊ะว่าง ก่อนจะปะทะเข้ากับร่างสูงที่นั่งอยู่
คุณมาสเตอร์พีซนี่หว่า! ผมรีบเดินไปนั่งโต๊ะตัวติดกันราวกับกลัวใครแย่ง เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นอีกฝ่ายใส่ชุดอื่นที่ไม่ใช่ชุดนักศึกษา ผมที่เคยหวีเสยขึ้นไปตกลงมาปรกหน้าผาก เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีดธรรมดาๆ กลับส่งให้อีกฝ่ายดูน่ามอง เฮ้อ คนหล่อของจริงมันเป็นอย่างนี้นี่เอง
จะว่าไปพี่เขยผมก็หล่อมาก แต่เพราะอายุห่างกันและอีกฝ่ายทำงานเป็นผู้บริหารไปแล้ว ซึ่งไม่น่าจะใช่แนวของผม คนนี้แหละ! ต้องช่วยให้ผมสลัดคราบหนุ่มภูธรออกไปได้แน่นอน ว่าแต่พักอยู่แถวนี้เหมือนกันเหรอวะ โชคดีจริง!
แต่ดูเหมือนความโชคดีของผมยังไม่หมดเพียงแค่นั้น หลังจากที่ผมจ่ายเงินและเดินออกจากร้าน ยังพบคนตัวสูงเดินนำหน้าผมอยู่ไม่ไกล ผมเดินตามไปเรื่อยๆ มองพิจารณาอีกฝ่ายจากทางด้านหลัง
เฮ้ย! หอเดียวกัน ผมตาลุกโพลง เมื่ออีกฝ่ายเดินเลี้ยวเข้าไปในหอพักที่ผมพักอยู่ ผมเร่งฝีเท้าเพื่อก้าวให้ทัน
“พี่อยู่หอนี้เหรอครับ” คนถูกทักชะงักนิดหนึ่งหันมามองผม คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน
“ผมคนที่พี่ให้วิดพื้นวันนี้ไง”
“จำได้สิ เด็กปีหนึ่งคนเดียวที่มาขอคำใบ้” เหมือนโดนหมัดต่อยเข้าที่ท้อง ดู๊ดูเลือกจำแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้น
“ผมถามหน่อยสิ พี่มีเพื่อนตัวใหญ่ๆ ไหม ชื่ออะไรกันบ้างเหรอ” ผมยิ้มประจบ ทำเป็นลืมเลือนสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ ผลประโยชน์ต้องมาก่อน
“ใหญ่แค่ไหน”
“แค่..” อ้าวแล้วผมจะไปรู้ไหมเล่า
“ออกกำลังกายเถอะ”
“ครับ?” ผมเลิกคิ้วขึ้น เมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็ชวนผมออกกำลังกายซะอย่างนั้น
“ให้ผมออกกำลังกายทำไมครับ” เมื่อสงสัยก็ต้องถาม
ร่างสูงหยุดเดินเมื่อถึงชั้นสามหันมามองหน้าผม “คนที่หาพี่รหัสไม่เจอ ต้องวิ่งรอบสนามบอลสิบรอบ ฉะนั้นไปออกกำลังกายเตรียมไว้เถอะ”
ผมอ้าปากค้าง มองร่างสูงเดินตรงไปตามทางเดินหน้าห้องพักก ก่อนไขกุญแจและหายเข้าไปในห้อง 307 ปล่อยให้ผมยืนโง่ๆ อยู่ตรงขั้นบันได
เออ! ไม่ง้อก็ได้ ผมเดินสะบัดตูนขึ้นบันได เหลืออีกสี่วันสบายๆ อยู่แล้ว ผมยักไหล่ก่อนไขกุญแจเข้าห้องหมายเลข 503 เก้าอี้ซะอย่าง ผมทิ้งตัวลงนอนหงายแผ่หราอยู่บนเตียง
ว่าแต่...สี่วันจะซ้อมวิ่งทันจริงเหรอวะ เป็นลมไปขายหน้าสาวๆ ตายชัก!
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
.
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin