ตอนที่ 8 : กะทันหันรามิลมองโทรศัพท์ที่วางไว้ข้างตัว เขาไม่เจอจินตั้งแต่วันศุกร์หลังจากแยกกันที่หน้าตึกพีพีอาร์บิวดิ้ง ใบหน้าของเด็กหนุ่มติดอยู่ในใจของเขา สีหน้าที่เศร้าลงแต่ก็ยังยิ้มทำให้เขาไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ ความไม่แน่ใจนั้นทำให้เขาติดอยู่กับเรื่องนี้จนถึงวันนี้
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน ออกไปเดินเล่นบ้างก็ดี เขาอยากบริหารห้างสรรพสินค้าที่ตัวเองรับผิดชอบให้ออกมาดีที่สุด ดังนั้นเขาควรออกไปดูสาขาอื่นบ้าง
รามิลสตาร์ทรถขับออกจากรั้วบ้าน เขาเคาะนิ้วลงกับพวงมาลัย เมื่อความคิดยังคอยวนเวียนอยู่เรื่องเดิม เขาจึงต่อสายไปหาเจ้าตัว
“สวัสดีครับ”
ชายหนุ่มยิ้มแค่เพียงเพราะได้ยินเสียงอีกฝ่าย เขารู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมากเมื่อเสียงที่ตอบรับสดใสตามปกติ
“จิน”
“ครับ ขอโทษครับใครโทรมา”
!!!
“ไม่ได้บันทึกชื่อฉันไว้เหรอ!”
“หึๆ ผมล้อเล่นครับ” ปลายสายหัวเราะ รามิลส่ายศีรษะไปมา ร้ายจริงๆ
“คุณรามิลมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ถ้าไม่มีโทรหาไม่ได้ใช่ไหม”
“โทรได้ครับ แต่ถ้าไม่มีเราจะโทรหากันทำไมละครับ อย่างน้อยก็ต้องอยากคุยเล่น อยากคุยธุระ หรือเราแค่จะหายใจใส่กัน”
รามิลยิ้มกว้าง ความรู้สึกที่ติดอยู่ในใจตั้งแต่บ่ายวันศุกร์หายไปโดยสิ้นเชิง
“ฉันจะถามว่าวันนั้นเป็นอะไร”
“วันนั้น?”
“เมื่อวันศุกร์ เหมือนสีหน้าเราไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“โหตั้งวันศุกร์ผมจะจำได้ไหมครับ” เสียงหัวเราะดังขึ้นมา “ลืมไปแล้วครับ อาจจะแค่ร้อนมั้ง”
“อืม”
“แล้วนี่อยู่ไหน วันนี้ร้านปิดใช่ไหม”
“ใช่ครับ ผมอยู่บ้านไม่ได้ออกไปไหน หยุดอาทิตย์ละวันเลยอยากพัก”
“ทำหกวันตั้งแต่เช้าถึงดึกก็หนักเหมือนกันนะ”
“ไม่หนักหรอกครับ ผลัดกันพักคนละสองสามรอบ ไม่อย่างนั้นคุณรามิลจะได้เจอผมบนดาดฟ้าเหรอครับ” รามิลอมยิ้มที่จินปกป้องร้านที่ตัวเองทำงานอยู่
“จินบอกว่าเจ้าของร้านเป็นญาติกันใช่ไหม”
“ครับ จริงๆ เป็นญาติห่างๆ แต่เพราะสนิทกันผมเลยเรียกว่าญาติสนิท งงไหมครับ”
“หึๆ ไม่งง แล้วอย่างฉันเรียกอะไร”
“อย่างคุณรามิลเหรอครับ ขอคิดก่อน” ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง
“เรียกว่าคนแปลกหน้าที่สนิทดีไหมครับ”
“หือ ฉันเป็นคนแปลกหน้าที่ไหน”
“เอาจริงๆ เราแทบไม่รู้จักกันเลยนี่ครับ เราไม่รู้ประวัติของกันและกัน ไม่รู้กระทั้งอายุหรือนามสกุล แต่เราก็คุยกันได้ ผมเลยคิดว่าคำนี้น่าจะเหมาะที่สุด”
“นั่นสินะ” รามิลเองไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนั้นเลย แต่ถึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายเขากลับคุยได้อย่างสนิทใจ หรือแบบนี้ที่เขาเรียกว่าคุยกันด้วยใจไม่เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่รอบกาย
“ถ้าอย่างนั้นฉันถามได้ไหม”
“ถามมาสิครับ”
“จินมีพี่น้องกี่คน เรียนจบอะไรมา” รามิลชะงักแต่เขาพลาดไปแล้วได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่โกรธ เรื่องการศึกษาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนโดยเฉพาะกับคนที่ไม่แน่ใจว่าเขาเรียนสูงไหม ชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าพนักงานร้านกาแฟส่วนใหญ่จบวุฒิอะไรมา
“ผมมีพี่น้องสองคนครับ ผู้ชายทั้งคู่ ผมเป็นพี่คนโต ผมจบเศรษฐศาสตร์มาแต่ยังหางานทำไม่ได้ ผมดักคอไว้ก่อนเผื่อคุณรามิลจะถามว่าทำไมผมมาทำงานร้านกาแฟ และใช่ครับผมจบปริญญาตรีถ้าจะถามซ้ำให้แน่ใจละก็”
เสียงปลายสายล้อเลียน รามิลหัวเราะออกมาเบาๆ เขาเกือบจะทำอย่างนั้นอยู่พอดี ชายหนุ่มนึกอยากเสนองานให้อีกฝ่ายแต่เขาติดเรื่องที่ก่อเอาไว้ ใครจะคิดว่าการเล่นสนุกไหลไปตามน้ำของเขาในวันนั้นจะทำให้หลายอย่างยุ่งยากในวันนี้
“นี่จะซักประวัติผมทางโทรศัพท์จริงๆ เหรอครับ”
“ก็ไม่อยากเป็นคนแปลกหน้าแล้ว”
โทรศัพท์เงียบ ไม่มีใครพูดอะไรต่อ ต่างคนต่างชะงัก
“เป็นพี่แทนได้ไหม ฉันอายุห่างจากจินหลายปี” รามิลหาทางออกให้ตัวเอง
“เป็นพี่ได้ครับเพราะแก่จริง”
“เจ้าเด็กร้ายกาจ”
“ฮ่าๆ ไม่เคยมีใครเรียกผมแบบนี้เลยครับ ผมออกจะน่ารักน่าเอ็นดู”
“เฮ้อ” รามิลถอนใจออกมาดังๆ ตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยิน “พี่ก็อยากเถียงนะแต่นายก็น่าเอ็นดูจริงๆ”
“....”
“จิน” รามิลเรียกเมื่ออีกฝ่ายเงียบไป
“พี่! เหรอครับ”
“หึๆ ใช่พี่” รามิลนึกเอ็นดูอาการตกใจของอีกฝ่าย
“ก็ให้เป็นพี่แล้วไม่ใช่เหรอ เป็นแล้วพี่ก็ต้องเป็นพี่สิ”
“แต่ผมไม่เรียกว่าพี่นะครับ”
“อ้าว ทำไมอย่างนั้น”
“ก็ผมชอบเรียกคุณรามิลนี่ครับ เพราะดี”
“ตามใจเรา ทีนี้ก็ออกมาได้แล้ว”
“ออก ออกไปไหนครับ”
“หน้าบ้าน พี่จอดรถแล้ว”
“หะ!” เขาไม่ค่อยได้ยินจินอุทานไม่สุภาพเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้เหมือนเจ้าตัวจะตกใจมากจริงๆ
“วันนี้รถไม่ติด พี่ขึ้นทางด่วนมาลงใกล้ๆ ขับมาแป๊บเดียว ออกมาเถอะพี่วางสายละนะ” รามิลตัดสาย เขายกยิ้มมุมปาก มองตรงไปยังบ้านที่เคยมาส่งอีกฝ่าย ดีที่ทางเข้าไม่ซับซ้อนเขาจึงจำได้
“มาจริงๆ เหรอครับ”
รามิลหัวเราะขำ เมื่อจินวิ่งออกมาและถามเขาด้วยประโยคนี้ ชายหนุ่มเปิดประตูรถลงไป
“ก็มาจริงๆ สิ”
“ไม่เห็นบอกกันเลย”
รามิลไม่ได้บอกเพราะเขาตัดสินใจกะทันหัน พออีกฝ่ายรับสายและบอกว่าอยู่ที่บ้านเขาก็เปลี่ยนเส้นทางทันที
“เข้าไปได้ไหม หรือจะให้ยืนคุยตรงนี้”
“เข้าไปก็ได้ครับ แต่วันนี้ที่บ้านผมอยู่กันครบนะครับ” จินเดินนำอีกฝ่ายเข้าไปในบ้าน
รามิลทำความเคารพพ่อแม่ของจิน น้องชายของอีกฝ่ายยกมือขึ้นไหว้เขา อายุน่าจะห่างจากจินพอสมควรเขาเดาว่าน่าจะอยู่มัธยมปลาย
“นี่พ่อแม่ของผมครับ ส่วนนั่นจอมน้องชายผม คนนี้ชื่อคุณรามิลครับเป็นลูกค้าที่ร้านแต่สนิทกัน”
สายตาของผู้ใหญ่ที่มองเขามีความสงสัยอยู่ในนั้น แต่ทั้งคู่เลือกจะต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มใจดี
“เชิญนั่งครับ” พ่อของจินผายมือให้เขานั่งลงบนโซฟาตัวใกล้ๆ รามิลค้อมศีรษะก่อนลงนั่ง
“ไม่เห็นเราบอกพ่อว่าวันนี้จะมีคนมาหา พ่อเลยอยู่สภาพนี้เลย” บิดาของจินหัวเราะเมื่อก้มลงมองเสื้อผ้าของตัวเอง เสื้อยืดกับกางเกงเล ไม่ได้ดูน่าเกลียดเลยแต่รามิลคิดว่าอีกฝ่ายคงตั้งใจพูดให้ขำ เพื่อให้บรรยากาศเป็นกันเองขึ้น
“ผมไม่ได้บอกจินเองครับ พอดีผ่านมาแถวนี้จำได้ว่าใกล้กับบ้านจินเลยแวะมา” รามิลโกหกหน้าตาย จะให้เขาบอกได้อย่างไรว่าเขาเปลี่ยนใจทันทีเมื่อได้ยินเสียงของจิน
“อ๋อ แวะมาได้ ว่างก็แวะมา”
“ขอบคุณครับ”
“แล้วนี่มีธุระไปไหนต่อหรือเปล่า ถ้าไม่มีอยู่กินข้าวกลางวันด้วยกันก่อน”
“ไม่มีครับ ขอบคุณมากครับ” รามิลรับคำชวน ทำเป็นไม่เป็นดวงตาเบิกโตของจิน
“พี่จินไม่เห็นบอกเลยว่ามีรุ่นพี่เท่แบบนี้” จอมมองเขาด้วยดวงตาเป็นมิตร ใบหน้าติดรอยยิ้มคล้ายพี่ชาย แต่ดูเหมือนจะทะเล้นกว่า
“ลูกค้า รุ่นพี่ที่ไหน”
“ก็นั่นแหละ พี่รามิลหล่อมากเลยครับ เท่มากด้วย”
“ไปขอเป็นน้องคุณรามิลเลยไหมเรา ทีกับพี่ไม่เห็นเคยชม”
“เอาสิ จอมไปนะ พ่อเซ็นอนุมัติเลย”
“ฮ่าๆ ถามเขาก่อนไหมเจ้าจอม ว่าพี่เขาอยากได้เอ็งไปไหม”
“พี่รามิลครับ ผมถูบ้านกวาดบ้านซักผ้าเป็นนะครับ ล้างจานก็ได้ด้วย ทำงานดี้ดี”
“เหรอ~” สามเสียงประสานขึ้นพร้อมกันตามด้วยเสียงหัวเราะดังทั่วห้อง รามิลพลอยหัวเราะตามไปด้วย
เขานั่งฟังครอบครัวของจินคุยกัน ตอบคำถามพ่อกับแม่ของจินบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคำถามจากจอมมากกว่า ดูเหมือนน้องของจินจะปลื้มเขาอยู่ไม่น้อย
หลังมื้ออาหารผ่านไป จินพาเขาเดินขึ้นชั้นบน เจ้าตัวมองซ้ายมองขวาเขาจึงมองตาม
“หาอะไร”
รอยยิ้มเขินทำให้รามิลหรี่ตาลง เขาเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่าย “มีอะไร”
“แม่ให้ผมพาพี่รามิลขึ้นมานั่งเล่นครับ บอกสงสารต้องอยู่กับผู้ใหญ่กับจอม”
“พี่อยู่ได้ ทุกคนน่ารักมาก”
“ขอบคุณครับ”
“เดี๋ยว ยังไม่ได้บอกพี่เลยว่ามีอะไรทำไมเมื่อกี้ยิ้มแปลกๆ” รามิลจับไหล่ของจินทั้งสองข้าง ดึงให้หันมาเผชิญหน้ากัน หน้าของจินขึ้นสีแดงเรื่อ แม้เห็นไม่ชัดนักแต่ก็เห็น
“ก็ผมไม่มีที่ไหนให้พาไปนอกจากห้องนอนนี่ครับ แล้วมันก็รกด้วย”
“หึๆ แล้วที่มองหาเมื่อกี้คือกำลังคิดว่าจะเอาพี่ไปทิ้งไว้ตรงไหนใช่ไหม”
“เปล่านะครับ ก็แค่คิดว่าตรงนี้มันพอนั่งเล่นได้หรือเปล่า” จินชี้มือไปที่โถงโล่งหน้าห้อง มีโต๊ะญี่ปุ่นกับโน้ตบุ๊คเครื่องหนึ่งตั้งอยู่
“ไม่ได้”
“ไม่ได้เหรอครับ”
“อันที่จริงแล้วได้ แต่พี่ตอบว่าไม่ได้เพราะอยากเข้าไปดูห้องของเรามากกว่า”
“คนอะไรยิ่งพูดเหมือนยิ่งยุ” เสียงบ่นอุบอิบ เจ้าตัวตวัดตาค้อนเขา แต่ก็ยอมเปิดประตูห้องให้เข้าไป
ห้องของจินสะอาดตา ไม่มีอะไรที่สามารถใช้คำว่ารกได้เลย
“ไม่เห็นรก” รามิลหันไปมองเจ้าของห้อง เขาขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายแดง ชายหนุ่มมองสำรวจห้องอีกครั้ง ริมฝีปากค่อยๆ ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม เมื่อเขารู้แล้วว่าอีกฝ่ายเขินอะไร
ห้องนอนของจินเป็นสีฟ้าอ่อน ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ผ้าม่านโทนสีเดียวกับห้อง มีตุ๊กตามากมายวางเรียงอยู่บนเตียง รามิลเดินไปนั่งลงบนเตียง หยิบตุ๊กตาหมีตัวหนึ่งขึ้นมา หน้าของจินก็ยิ่งแดงมากขึ้น
“เป็นไรไป น่ารักดีออก”
“ก็นั่นแหละครับ ว่าแล้วเชียวว่าต้องพูดคำนี้ ไม่เหมือห้องของผู้ชายใช่ไหมครับ”
ถ้าไม่นับสีฟ้าพาสเทลกับตุ๊กตามากมายบนเตียง อย่างอื่นรามิลก็คิดว่าปกติดี
“ไม่หรอก ผู้ชายที่ชอบแบบนี้มีเยอะแยะ มานั่งนี่เถอะ” รามิลตบมือลงบนเตียงข้างตัว
“จำคุณดาได้ไหม” รามิลเริ่มพูดเมื่อจินนั่งลง
“คุณดา คนที่เจอวันนั้นเหรอครับ”
“ใช่”
“จำได้ครับ”
“พี่บอกเธอไปแล้วนะว่าพี่มีแฟน”
มีแฟน! จู่ๆ หัวใจของเขาก็รู้สึกหนักแต่จินยังรักษาสีหน้าไว้ได้อย่างดี เขาระบายยิ้มบนใบหน้า “ไม่เห็นบอกผมมั้งเลยครับ”
“จะบอกได้ยังไงก็พี่ไม่มี”
“อ้าว!” หัวใจของจินกลับมาเต้นตามปกติ “แล้วทำไมถึงบอกคุณดาแบบนั้นครับ”
“พี่คิดว่าพี่ควรบอกเธอ บอกแบบนี้ดีกว่าบอกว่าไม่ได้คิดอะไร”
“ก็พอเข้าใจได้ครับ แบบนี้ก็ดีตรงนี้คุณดาจะได้เริ่มความรู้สึกใหม่กับใครสักคนที่ใช่สำหรับเธอ”
“แล้วจินมีไหม”
“อะไรครับ” ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง
“แฟน”
ไม่มีหรอกครับ ผมจะเอาเวลาที่ไหนไปหา”
“กับลูกค้าที่มาร้านล่ะ ไม่มีคนไหนที่ชอบเลยเหรอ”
จินคลี่ยิ้มออกช้าๆ มองใบหน้าของเขา “คิดว่าพนักงานออฟฟิศคนไหนจะสนใจเด็กร้านกาแฟเหรอครับ”
“อย่าพูดแบบนั้น” รามิลดุออกไป เขาไม่ชอบฟังเวลาจินพูดถึงตัวเองแบบนี้
“ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ มันเป็นเรื่องจริง ผมก็พูดไปตามจริง ไม่ได้คิดมากอะไร”
“แล้วจินชอบแบบไหน มีสเป็คไหม”
“อืม” จินหยุดคิด “ผมชอบคนที่มีอะไรคล้ายๆ กันครับ ฐานะพอๆ กัน ความคิดคล้ายกัน นิสัยคล้ายกัน ผมว่ามันน่าจะดี”
“ไม่ชอบคนรวยเหรอ คนรวยก็ดีนะ”
“ไม่เอาดีกว่าครับ ผมว่าคนที่พอดีๆ กันน่าจะเข้าใจกัน อยู่ด้วยกันได้ดีกว่า”
“งั้นไม่มีแฟนก็ดี”
“อ้าวทำไมอย่างนั้นละครับ!”
รามิลชะงัก ไม่ใช่แค่จินที่แปลกใจ เขาเองก็แปลกใจตัวเองว่าพูดอะไรออกไป
“เรายังเด็ก เอาอนาคตให้มั่นคงก่อน”
“อ๋อครับ แต่จริงๆ ผมยี่สิบเอ็ดแล้วนะครับ ไม่เด็กแล้ว”
“พี่ยี่สิบเจ็ด..ขืนพูดแก่อีกคำเดี๋ยวเราจะโดน” รามิลดักคอจินเอาไว้ก่อน อีกฝ่ายจึงยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกายขำเขา
รามิลมองใบหน้าของจิน สมองของเขาเริ่มทบทวนทุกอย่างช้าๆ ทำไมเขาต้องปฏิเสธดารณี ทำไมเขาถึงร้อนใจแค่เพราะเห็นสีหน้าไม่สบายใจของอีกฝ่าย ทำไมเขามาที่นี่อย่างรวดเร็ว ทำไมเขาต้องเล่าเรื่องที่เขาคุยกับดารณีให้จินฟังราวกับแก้ตัว แล้วทำไมเขาถึงเห็นว่าใบหน้าที่อยู่ตรงหน้าน่ามอง
“พี่รามิลครับ พ่อให้มาถามว่ามีแข่งวอลเลย์บอลไทยญี่ปุ่นสนใจจะดูด้วยกันไหมครับ” จอมโผล่หน้าเข้ามาในห้อง รามิลจึงหลุดจากภวังค์ เขาส่งยิ้มให้เด็กหนุ่ม
“เอาสิ พี่ดูด้วย”
“งั้นไปกันเลยครับ เชียร์กันหลายๆ คนสนุกดี”
รามิลลุกขึ้นยืน เดินตามพี่น้องสองคนลงมา เขามองแผ่นหลังของจิน มองใบหน้าด้านข้างที่หันไปคุยกับน้องชาย มองรอยยิ้ม มองริมฝีปากที่ขยับไปมา เขามองมันได้ไม่รู้เบื่อ รามิลคิดว่าความสงสัยของเขาได้รับคำตอบแล้ว
เอารูปสี่หนุ่มมาฝากค่า ✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
**แอบแจ้งข่าวว่า..หนุ่มๆ เปิดให้รับตัวแล้วนะคะ แต่เนื่องจากนิยายยังลงไม่จบจึงไม่สามารถลงรายละเอียดได้ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สนพ. deep publishing ค่า
>>กดที่นี่เลย<< Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin