1
Boy's love story / (รีไรท์)Mpreg โซ่รัก(คล้อง)หัวใจนาย EP.39อาจารย์กัน รู้ความจริงแล้ว
« กระทู้ล่าสุด โดย PFlove เมื่อ 12-05-2024 08:31:42 »EP.39อาจารย์กัน รู้ความจริงแล้ว
Part’ s กันตภณ ผมพูดก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำไปทันที ไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะรีบออกไปทันทีเช่นกัน ผมดูใจร้ายแต่การที่คนรักนอกกายมันเจ็บมากกว่า และการเสียชีวิตของป๊าผมมันก็มาจากที่ผมกลับไปมีสัมพันธ์กับภีมอีกครั้งจนป๊าเครียด แต่ผลที่ผมได้รับหลังจากนั้นคือคนรักนอกกายไปนอนกับคนอื่นอันนี้เจ็บยิ่งกว่าหลายเท่า เจ็บจนไม่อยากกลับไป ผมรีบเดินลงมาชั้นล่าง และสิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจคือรถผมมาจอดที่หน้าบ้านภีมปภพ ผมรีบเข้าไปในรถคันหรูของผม
//รองศาสตราจารย์ค่ะ มีประชุมด่วนค่ะ รบกวนอาจารย์เข้ามาที่คณะได้ไหมคะ//เสียงเจ้าหน้าที่ที่ดูแลคณะของผมโทรมาบอกผมด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน
//ได้ครับผมจะเข้าไปเดี๋ยวนี้// ผมกดวางสายผ่านบลูทูธก่อนจะเดินไปขึ้นรถและรีบขับรถออกไป
ผมขับตรงไปที่มหาวิทยาลัยทันทีทั้งที่วันนี้ผมไม่มีสอน น่าจะเป็นเรื่องด่วนมาก ผมใช้เวลาไม่นานก็มาถึงมหาวิทยาลัย ผมรีบเดินตรงไปยังห้องประชุมของคณะทันที ระหว่างที่ผมกำลังเดินตรงผ่านไป ผมเห็นแพรวากำลังยืนคุยกับอาจารย์เปรมสินี ผมเลือกที่จะหยุดเดิน ผมไม่เคยเสียมารยาทในการแอบฟังคนอื่นมาก่อนแต่ว่าครั้งผมจำเป็น แต่ผมคิดว่าเธอไม่ได้มาดีแน่ๆ สังเกตจากที่แพรวาจ้องมองบีมเมื่อเห็นเธียรพาบีมขึ้นบนบ้านในฐานะ ภรรยาของเขาที่ไม่ใช่เธอที่ตามเธียรวิชย์มาตั้งแต่เด็ก สายตาคู่นั้นจ้องมองด้วยความเกลียดชัง
“แต่เราไม่มีระเบียบข้อนี้น่ะแพรวา ที่จะไม่ให้คนที่ท้องและคลอดลูกแล้วมารับปริญญาบัตรได้ และกันต์ธีย์เขาก็เรียบจบตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดทุกอย่าง”
“แต่หนูไม่ต้องการให้มันเข้ารับปริญญาอะไรทั้งนั้น!”
“เธอก็ได้ไปแล้วนี่ เกียรตินิยมรองอันดับสองน่ะ แทนเขาไปแล้วแพรวา!”
“ตอนนั้นหนูแค่อยากได้เพื่อไปเอารางวัลจากคนที่หนูรักแต่นี้ มันดันมาแย้งของรักหนูไป ก็ถือว่ามันช่วยไม่ได้ อาจารย์ต้องช่วยหนูจัดการเรื่องนี้ ไหน ไหน เราก็เล่นเกมด้วยกันมาพักใหญ่แล้ว”
“เธอขอมากไปแล้วน่ะ แพรวา”
“แล้วตำแหน่งรองศาสตราจารย์ละคะ ขอมากไปไหมคะ ทั้งที่ความสามารถไม่ถึง ถ้าหนูเอาคลิปทีอาจารย์คุยกับหนูไปประจาน อาจารย์จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนคะ ถ้าทุกคนรู้ความจริง ว่าอาจารย์ไต่เต้าเร็วเพราะอะไร” แพรวาพูด
“แพรวา!!”
"ไหนอาจารย์บอกว่าจะส่งนางบีมนี้ไปให้ใคร ไม่ส่งไปละคะ เพื่อว่าคนนั้นจะสนองความอยากมันและมันจะได้ไปจากพี่เธียรของแพรวา" แพรวาพูด นั้นแหละว่าวันที่บีมโดนวางยาอาจารย์เปรมสินีก็อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
"เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องที่เธอควรจะรู้แพรวา ระวังนะพ่อเธออาจจะเดือดร้อน ฉันเตือน!" อาจารย์เปรมสินีพูด
"ไม่ได้อยากยุ่งหรอกนะคะแต่อยากให้อาจารย์จัดการอีบีมให้แพรวา นี้ค่ะที่แพรวาต้องการตอนนี้"แพรวานี่ก็อีกคน แต่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“ อ้อ! เห็นอาจารย์บอกว่ามีของดี ส่งให้แพรวาด้วยค่ะ อันนี้คือรางวัลของแพรวา ที่แพรวาช่วยให้อาจารย์ได้ทำหน้าที่กรรมการพิจารณาตัดสินนักศึกษาที่เขารับเกียรตินิยมของคณะค่ะ” และผมก็ต้องรีบเดินผ่านไป ก่อนที่แพรวาจะเดินออกมาเจอว่าผมดักฟัง แพรวาเธอนิสัยเสียมาตั้งแต่เด็ก ร้องเอาของคนอื่น และยิ่งมีพ่อแม่หนุนลูกจนไม่มองว่าที่เขาทำอยู่น่ะผิดหรือถูก เพราะวคำว่ารักลูกมาก เพราะมีลูกยาก และเป็นลูกสาวคนเดียวอีก และพ่อของเธอก็เคยเป็นเพื่อนรักของพี่เกริก แถมปู่ของเธอก็เป็นเพื่อนรักที่ป๊าร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา จนก่อตั้งโรงเรียนและมันก็เป็นมรดกตกทอดเพื่อรุ่นหลานๆ ของผม แต่เธอกลับเอาตรงนี้มาเป็นข้อต่อรอง เพื่อให้เธียรวิชญ์ทำเหมือนกับเป็นคนรักของเธอ จนหลานผมต้องหนีไปเรียนเมืองนอก
ผมเดินเข้าไปในห้องประชุมการประชุมก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับคณะทั้งนั้น ผมก็นั่งฟังจนกระทั่งรองศาสตราจารย์เปรมสินีเดินเข้ามานั่ง เธอกล่าวขอโทษขอโพยคนอื่นพร้อมข้ออ้างว่าเธอติดสายด่วนจากทางบ้าน แต่ที่จริงเธอไปคุยข้อตกลงกับแพรวาอยู่ ผมนั่งจนประชุมเสร็จเรียบร้อย ผมก็รีบเดินออกเพื่อตามอาจารย์เปรมสินีไปติดๆ ทันที เรื่องที่ประชุมวันนี้ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด ผมค่อยโล่งอกไปหน่อย
“อาจารย์เปรมสินีครับ” ผมเรียกเธอไว้ได้ทัน เธอหันมามองผม สีหน้าแววตาที่เหมือนเธอไม่ได้แอบทำเรื่องไม่ดีเอาไว้เลยสักนิด
“ว่าไงคะอาจารย์กันตภณ แม้ไม่ค่อยได้เจอเลยนะคะ ได้ข่าวว่ายุ่ง เป็นพ่อลูกอ่อน” อาจารย์เปรมสินีพูด ก่อนจะเอียงคอมองผม
“ผมไม่จำเป็นต้องรายงานคุณหรอกเพราะว่าคุณรอบรู้ไปหมด ภาษาบ้านๆ เขาเรียกชอบสอดรู้สอดเห็นนะครับ” ผมพูด เปรมสินีถึงกับชักสีหน้าแสดงอาการไม่พอใจผมขึ้นมาทันที
“นี้อาจารย์กัน มันจะมากไปแล้วนะคะ” น้ำเสียงที่ฟังดูรู้ว่าเธอคงโกรธผมจนมือไม้สั่น
“ผมว่าไม่มากไปหรอกครับ สำหรับคนที่มีจิตใจแบบคุณ” “ผมหันมาพูดใส่หน้าเธอทันที
“ถ้าผมเป็นคุณน่ะ การที่กล้าทำเรื่องแย่ๆ แบบนี้ได้ ในอาชีพที่ใครก็เรียกว่าแม่พิมพ์ของชาติ แต่กลับมาทำร้ายนักศึกษาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดีถ้าทุกคนในมหาวิทยาลัยรู้เรื่องนี้ ผมว่าอยู่บนบ่ามันก็สูงเกินไปนะครับคุณ “ผมพูด
“คุณพูดเรื่องอะไรฉันไม่รู้เรื่อง” อาจารย์เปรมสินีทท่าจะหันหลังเดินออก
“คุณทำได้ยังไงครับ คุณทำกับนักศึกษาลงได้ยังไง เพื่อให้คุณได้ตำแหน่งรองศาสตราจารย์มา เขาไปทำอะไรให้คุณ เขาเป็นแค่นักศึกษาคนหนึ่ง แต่คุณกับเอาเขามาเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ใส่ตัวคุณเอง และนี้คุณยังจะกล้าทำกับเขาต่ออีกเหรอครับ”
“คุณไม่น่าเกิดมาเพื่อเป็นครูอาจารย์ให้คนอื่นเขานับถือเลยครับ เพราะว่าคุณค่าในตัวคุณเองก็ไม่มีเหลือ แถมจรรยาบรรณความเป็นครูบาอาจารย์ก็ไม่มีเหลือแล้วเช่นกัน” ผมพูด
“ผมเสียดายความสามารถของคุณน่ะ คุณเป็นคนเก่งนะครับ แต่แค่ตำแหน่งที่คุณต้องการมันมาช้าไป จนคุณรอไม่ได้ต้องลดตัวลงไป เป็นคนรับใช้ให้คนพาล คุณก็ไม่ควรค่าให้ใครยกมือไหว้ แม้แต่นักศึกษาเองก็เถอะ” ผมพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินออกไป ผมรีบเดินเข้าไปในลิฟต์ เพื่อลงไปชั้นล่าง และจังหวะนั้นลิฟต์ถูกเปิดออกโดยอาจารย์ท่านหนึ่งเดินเข้ามาในลิฟต์ เขายืนรอจนประตูลิฟต์ปิดลงก่อนจะหันมาหาผม
“อาจารย์ค่ะ ดิฉันว่าจะคุยกับอาจารย์เรื่องอาจารย์เปรมสินี หลายครั้งแล้วค่ะ ดิฉันเห็นเธอลับๆ ล่อ ๆ ถ่ายรูปอาจารย์กับกันต์ธี ตั้งแต่ตอนที่กันต์ธีย์ยังมาช่วยงานอาจารย์อยู่นะคะ “ผมหันมามองอาจารย์กรองแก้ว
“เขารู้ว่าอาจารย์นำเสนอชื่อ นายกันต์ธีร์เข้ารับการคัดเลือกและเขาก็รู้อีกว่ากันต์ธีร์ทำงานหาเงินตอนกลางคืน “ผมหันไปมองหน้าอาจารย์กรองแก้ว
“เขาเอาเรื่องนี้มาพูดก่อนที่อาจารย์จะเข้าไปขอยกเลิกไม่ให้กันต์ธีร์เข้ารับคัดเลือกนะคะ “ผมยืนสุดลมหายใจออกยาวๆ
“ส่วนแพรวานี้ก็มาหาอาจารย์เปรมสินี เพื่อให้ได้ส่งรายชื่อเข้าคัดเลือกโดยยื่นข้อเสนอ ให้พ่อเธอเซนต์เสนอตำแหน่งรองศาสตราจารย์เพิ่มอีกคน ซึ่งพวกเราเห็นว่ามันเร็วเกินไปสำหรับอาจารย์มาใหม่อย่างอาจารย์เปรมสินี” ผมพยักหน้า
“ผมคิดว่าผมควรจะส่งตรวจสอบเรื่องนี้”ผมพูด
. “ดิฉันจะให้ความร่วมมือกับอาจารย์ถ้าอาจารย์ต้องการค่ะ ดิฉันไม่เห็นด้วยกับการที่อาจารย์ทำอยู่นะคะ ไม่ได้มีความโกรธแค้นส่วนตัวแต่อย่างใด แต่ดิฉันคิดว่าเธอมีอะไรที่ซ้อนอยู่เบื้องหลังนะคะ ” อาจารย์กรองแก้วบอกผม ผมพยักหน้า จังหวะที่ประตูลิฟต์เปิดออก อาจารย์กรองแก้วเดินแยกออกไปพอดี และคนที่ผมควรจะเข้าไปขอความช่วยเหลืออีกคนคือคนที่ผมไม่ได้พูดคุยกับเขามานานมาก หลายปี นับจากที่เราแยกกัน หลินทำงานอยู่ด้านจรรยาบรรณและวิชาชีพ ผมต้องขับรถไปที่นั่น ในวันนี้ เพื่อคุยกับเธอ ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยที่ผมสอนเท่าไหร่ แต่ผมกลับไม่เคยแวะไปหาเขาสักที
“สวัสดีครับ ผมมาขอพบ คุณศรัญญาครับ” ผมเดินมาติดเจ้าหน้าที่ คนหนี่ง ผมหันไปเห็นห้องทำงาน หัวหน้า ป้ายหน้าห้องคือชื่อของหลิน ผมไม่ได้เจอเธอมาหลายปีแล้ว
“สักครู่นะคะ” เธอบอกผมก่อนจะเดินเข้าห้องนั้นไป
“เชิญค่ะคุณกันตภณ” เขาผายมือให้ผมเดินเข้าไปในห้องนั้น ผมเดินไปหยุดหน้าโต๊ะทำงานนั้น หลินเงยหน้าขึ้นมามองผม หลินเป็นผู้หญิงที่สวยในแบบฉบับที่เธอเป็น หลินเงยหน้ามองผม ก่อนจะวางปากกาลง หลินทำงานอยู่ในตำแหน่งหัวหน้างาน เธอมีอำนาจพอะจะส่งคนเข้าไปตรวจสอบหากมีบางสิ่งที่ไม่โปร่งใส
“พี่กันมาหาหลินเหรอคะ”
“ใช่ครับหลิน สบายดีไหมครับ”
“เกือบห้าปีแล้วนะคะ ที่ไม่ได้คุยกัน หลินสบายดีค่ะและพี่กันน่าจะสบายดีนะคะ หลินเจออาม่าบ่อยที่โรงพยาบาลนะคะ เจอหลินก็เข้าไปทักทายท่านค่ะเพราะว่าตอนที่หลินอยู่บ้านท่าน ท่านก็ดูแลหลินอย่างดี เป็นผู้ใหญ่ที่หลินนับถือค่ะ “หลินพูด พร้อมกับเอามือมาประสานกันไว้เพราะตอนหลินอยู่เธอก็ทำหน้าที่ลูกสะใภ้อย่างดีเช่นกัน ตอนเลิกกันผมกับหลินก็เลิกกันด้วยดีไม่ได้มีปากเสียงอะไรกัน
“หลิน เพิ่งจะไปโรงพยาบาลพี่ภีมมาค่ะ หลินได้เจอเด็กคนนั้นด้วยนะคะ คนที่พี่กันรับจะเป็นพ่อเด็กนะคะ น้องน่ารักดีนะคะ หลินเสียดายแทนตัวเองจังค่ะ” ถึงกับตกใจที่ได้ยินที่หลินพูดเรื่องเด็กที่มีลูก หลินน่าจะหมายถึงบีม
“หลินพี่ขอโทษ หลินไม่ใช่ไม่ดีพร้อม หลินดีมากแต่พี่เองต่างหากที่ไม่ดีพอ” ผมพูด
“พี่เป็นผู้ชายที่หลินอยากได้พี่เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบและตลอดเวลาห้าปีที่เราแต่งงานกันพี่ให้เกียรติหลินมาก แม้จะไม่ได้รักใคร่ ถึงแม้พี่จะแอบไปหาความสุขตัวเองบ้างแต่พี่ก็ให้เกียรติหลินไม่เคยพาเขาคนนั้นมาหยามหลิน และทุกครั้งที่เราออกไปข้างนอกด้วยกัน พี่ก็ให้หลินเป็นที่หนึ่ง” หลินบอกผม ผมยอมรับว่าใช่
“ขนาดหลินตั้งใจที่จะให้พี่พาหลินไปหาหมอภีม เพื่อให้หมอภีมรู้ว่าหลินรู้เรื่องพี่กับเขา พี่ยังให้เกียรติหลินมากทั้งที่ตอนนั้นพี่ก็เจ็บไม่แพ้กัน” หลินพูด
“หลินไม่โกรธพี่แล้วค่ะแต่หลินอยากให้พี่คิดดูให้ดีดี การที่พี่ทำแบบนี้ เพื่อให้หมอภีมตัดใจจากพี่แล้วพี่กลับเป็นคนที่เจ็บ พี่จะทำแบบนั้นทำไหมคะ” หลินพูดกับผม นี้เขาติดตามเรื่องของผมตลอดแต่ผมซิ แทบจะไม่มีเวลาติดตามเขาเลยว่าเขาเป็นยังไงบ้าง
“เพราะว่าพี่หมอภีมเขาเป็นลูกชายคนเดียวใช่ไหมคะ พี่ถึงไม่ยอมกลับไป” หลินถามผม
“และการที่พี่อยากรับผิดชอบเด็กคนนั้นเพื่อให้หมอภีมตัดใจจากพี่จริงๆ น่ะ พี่คิดว่ามันไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอคะพี่กัน” ผมมองหน้าหลิน
“หลินทราบมาว่าหมอภีมปภพคือหมอเจ้าของไข้น้องเขา พี่เลือกไปฝากกับหมอภีมเพราะพี่อยากให้หมอภีมรู้ว่าพี่ไปคบกับน้องเขาใช่ไหมคะ” หลินพูด
“ทั้งที่พี่ก็รู้อยู่ว่าใจพี่รักใครอยู่ พี่ก็รู้ดีไม่ใช่เหรอคะว่ามันทรมานแค่ไหนถ้าต้องทนเป็นคนที่พยายามที่จะรัก หลินน่ะเข้าใจมันดีทีเดียวค่ะ “หลินพูด
“เด็กคนนั้นน่ะ เขาไม่ได้มีลูกกับพี่หรอกครับหลิน” ผมบอกกับหลิน
“หลินทราบค่ะ สายป่านบอกหลินหมดแล้ว และหลินก็ดูออกว่าเด็กนั้น ลูกใคร” หลินพูด
“หลินอยู่กับครอบครัวพี่มาห้าปีนะคะ หลินเห็นแว๊ปเดียวหลินก็เดาได้เลยว่า ลูกของเธียรวิชย์” หลินพูด
“ฟู่!!” ผมพ่นลมหายใจออกมายาวๆ
“เขาไปอยู่ด้วยกันแล้วหลิน” ผมพูด
“ถ้าการที่พี่ต้องการให้หมอภีมอยู่ห่างพี่เพราะว่าหลิน หลินขอโทษค่ะ ที่หลินขอพี่ไปวันนั้น แต่วันนี้หลินขอถอนคำพูดนั้น พี่กลับไปหาหัวใจตัวเองเถอะนะคะ” หลินพูดกับผม
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาคิดโกรธแค้นกัน เราน่ะเป็นเพื่อนกันได้นี่ค่ะพี่กัน “หลินยิ้มให้ผมพร้อมกับกุมมือผมเอาไว้ ผมพยักหน้า
“แล้ววันนี้พี่กันมาหาหลิน พี่มีเรื่องอะไรให้หลินช่วยใช่ไหมคะ” หลินถามผม
“หลิน พี่ เออ พี่ อยากให้หลินช่วย ตรวจสอบความไม่โปร่งใส่ ของตำแหน่งอาจารย์ในมหาวิทยาลัยให้พี่หน่อยครับ” ผมพูดกับหลิน ผมรู้สึกผิดที่ไม่ได้ติดต่อหาเธอเลยตั้งแต่เลิกรากันไป
“คือว่าอาจารย์คนนี้เขาได้ตำแหน่งรองศาสตราจารย์มาด้วยความไม่โปร่งใส และเด็กคนที่ท้องตอนแรกพี่เสนอชื่อเขาเข้ารับการคัดเลือก เกียรตินิยมอันดับสอง แต่เขาก็มามีเรื่องซะก่อน และจู่ๆ แพรวา ลูกสาวเพื่อนของพี่ชายพี่น่ะ ที่ชอบมาตามติดเธียรวิชญ์ก็ได้ไป มันมีอะไรหลายอย่างที่ไม่ถูกต้อง แม้กระทั่งคนเซนต์อนุมัติเองก็เช่นกัน “ผมพูดให้หลินฟัง
“พี่กันกำลังหมายถึงท่านอธิการบดีเหรอคะ” หลินถามผม ผมพยักหน้า
“พี่ไม่แค้นเคืองอะไรเขาเป็นการส่วนตัวแต่พี่คิดว่าเขาทำไม่ถูกแถมเขายังจะทำให้เด็กคนหนึ่งต้องมามัวหมองอีก พี่ที่เป็นอาจารย์เขา ก็ควรทำอะไรสักอย่าง” ผมพูดพร้อมกับมองหน้าหลิน
“หลินจะจัดการให้ค่ะ หลินจะทำหนังสือเข้าไปขอตรวจสอบ หลินรบกวนพี่เขียนหนังสือเป็นรายลักษณ์อักษรมายื่นให้หลินได้ไหมคะ “หลินบอกผม มุมปากผมกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
“ได้ครับหลิน พี่ขอบคุณมากนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” หลินตอบผม
“เด็กๆ เป็นไงบ้าง ลูกของหลินกับแฟนใหม่หลินน่ะ” ผมถามถึงลูกๆ ของหลิน ผมดูจากชุดทำงานเธอกำลังใส่ชุดคลุมท้องอยู่
“เด็กๆ สบายดีค่ะ และนี่หลินก็กำลังท้องลูกคนที่สี่ค่ะพี่กัน” หลินตอบ
“ยินดีด้วยนะหลิน ม๊าพี่บ่นหาหลินอยู่น่ะ” ผมพูด
“ช่วงนี้หลินยุ่งมากเลยไม่ได้แวะไปหาท่านที่บ้านเลยค่ะ หลินขอโทษนะคะที่ไปทั้งที่หลินเลิกกับพี่แล้วแต่ว่า ม๊าน่ะดีกับหลินไม่แพ้กัน ส่วนป๊าพี่ก็มีบุญคุณกับหลิน ส่งให้หลินได้เรียนจนจบขนาดนี้ ห้าปีนั้น คือการชดใช้บุญคุณที่ท่านให้โอกาสหลิน” ผมยิ้มให้หลิน
“ถ้าไม่ได้ท่านส่งให้หลินเรียน หลินคงไม่มีหน้าที่การงานแบบนี้ ขนาดพ่อแม่หลินเองยังมองว่าการศึกษาไม่ใช่ของลูกหญิงเลยนะคะ เขาคิดว่าแต่งงานไปก็คือไปเลี้ยงครอบครัวไม่เหมือนลูกชาย” หลินพูด ตอนที่หลินแต่งงานกับผมป๊าผมส่งให้หลินไปเรียนภาคค่ำ เธอเก่ง เธอพยายามจนเรียนจบปริญญาตรีและตอนนี้เธอจบปริญญาโทแล้ว
“แต่ป๊าของพี่ เป็นคนที่มีความคิดที่ทันสมัยมาก ครอบครัวพี่น่ะโชคดีมากนะคะ” หลินพูด ผมยิ้มให้เธอ ทำไมหลานๆ ผมคิดว่าป๊าของผมเข้มงวดเกินไป น่าจะได้มาฟังอาหลินของพวกเขาพูดตอนนี้น่ะ
“พี่กลับก่อนนะครับหลิน “ผมบอกเธอก่อนจะลุกขึ้น วันนี้ผมสบายใจแล้ว ผมคิดว่าหลินจะโกรธเกลียดผมจนไม่อยากจะมองหน้าผมเสียด้วยซ้ำ
“พี่กันค่ะ “ผมกำลังจะหันหลังเดินออก
“เรื่องที่พี่หมอภีมกับยายสายป่านนะคะ คืนนั้นน่ะ หลินไม่รู้ว่าน้องจะทำแบบนั้น “หลินพูดกับผม
“เรื่องมันผ่านไปแล้วครับ พี่เข้าใจเธอน่ะ เธอคงอยากให้พี่รู้สึกเหมือนที่พี่เคยทำกับหลิน” ผมพูด
“สายป่านบอกกับหลินว่า เขากับหมอภีมไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ มันแค่การจัดฉากเท่านั้นและคืนนั้น หมอภีมเขาโดยยากล่อมประสาทนะคะ “ผมหันมามองหลินอีกครั้ง
“จริงๆ ค่ะ “ผมนิ่งไปพักหนึ่ง
“ที่เหลือก็แล้วแต่พี่จะตัดสินใจ ว่าพี่จะทำยังไง หลินขอโทษแทนสายป่านด้วยนะคะ เธอรักหลินมาก หลินก็รักน้องคนนี้มากเช่นกันเลยไม่กล้าที่จะบอกความจริง” หลินพูดกับผม ผมหันมายิ้มให้ หลินก่อนจะเดินออกมาจากห้องทำงานของหลิน
ม๊า//ฮัลโหล อากันเหรอ วันนี้กลับบ้านหรือเปล่า ม๊าจะได้ทำอาหารไว้รอน่ะ///
กัน//กลับครับม๊าแต่ผมว่าจะแวะไปดูลูกเจ้าเธียรซะหน่อย//
ม๊า// ดีดี ไปดูหลานหน่อยน่ะ หลานมันน่ารักอ่ะ หน้าตามันเหมือนป๊ามันไม่มีผิดเลยน่ะ ม๊าก็เพิ่งจะกลับมา // ฟังจากน้ำเสียงของม๊าผม ดูม๊ามีความสุขมาก
กัน//ครับม๊า แล้วผมจะรีบกับน่ะม๊า // ผมกดวางสายการสนทนาจากม๊าของผม ผมเป็นลูกหลงของม๊า จึงเป็นอาที่อายุไม่ห่างจากหลานชายมักเท่าไหร่ ความใกล้ชิดของผมกลับหลานจึงมาก เหมือนเพื่อน เหมือนพี่น้องกันมากกว่า ผมเคยเสียสละหลายอย่างให้เธียรวิชญ์ในฐานะที่ผมเป็นเจ๊กของเขา แล้วนี่ผมต้องเสียสละบีมให้เขาด้วยหรือ
****
Part’ s หมอภีมปภพ ผมเดินออกมาจากห้องผ่าตัด วันนี้เครสผ่าตัดทำคลอด ผมเลยไม่ได้ลงเวรตรวจ ผมเดินไปยืนรอที่ด้านหน้าลิฟต์ เพื่อรอจะลงไปที่ห้องทำงานของผม เพื่อไปดูว่าพรุ่งนี้มีคนไข้ที่ผมนัดเอาไว้เยอะไหม ผมยืนยิ่งใช้ความคิด ภาพวันเก่าๆ ของผมกับกันตภณ มันย้อนกลับมาฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หญิงแม่// หมอภีม วันนี้พ่อบอกว่าให้เราเข้าบ้านน่ะ กินข้าวกับพ่อแม่บ้าง อยู่ไม่ได้ไกลกันเลยแต่หาตัวยากจริงๆ” //แม่ผมส่งข้อความหาผม
ภีมปภพ// ครับแม่// ผมส่งข้อความไปบอกแม่บอกผม
“เจ็บไหมคะพี่หมอภีม และที่เจ็บกว่านีั้น คือคนรักของพี่เขาเลือกที่จะไปรักกับคนอื่น หึๆ ช่างน่าขำดีนะคะ “เสียงที่ดังมาจากทางด้านหลังของผม ผมหันไปมอง เจ้าของเสียงนั้นคือหมอสายป่าน
“พอใจน้องสายป่านหรือยังครับ ที่ตั้งใจมากที่เอาตัวมาแรกกับการแก้แค้นให้พี่สาวคืนนั้น” ผมหันมาถามเธอ ก่อนจะเป็นฝ่ายหันหน้าหนีแทนด้วยความละอายใจแทนเธอ
“คุ้มดีนะคะ ที่เห็นพี่สองคนเจ็บเหมือนที่สายป่านเห็นพี่ทำกับพี่หลิน พี่คงไม่รู้ว่าเบื้องหลังความสุขของพี่สองคน มันคือภาพผู้หญิงคนที่ร้องไห้เสียใจ ต่อให้ไม่ได้แต่งมาเพราะความรักแต่ในเมื่อเขาเลือกให้แล้วและพี่สองคนเองที่ไม่ยอมออกมายอมรับว่าคบกันตั้งแต่ทีแรก” สายป่านพูดเขามองหน้าผม
“เธอมัน” ผมหันมา
“งูพิษเหรอคะ” สายป่านพูด ผมหันกลับไปกดลิฟต์รัวๆ
“ไม่ต้องห่วงนะคะ วันนี้ สายป่านมาทำงานวันสุดท้าย สายป่านออกไปเปิดคลินิกแล้วค่ะ ที่มาทำที่นี้ก็เพื่อ มาดูว่าพี่เจ็บสาสมพอหรือยัง” สายป่านพูดก่อนจะเป็นฝ่ายเดินหันหลังออกไป เหลือไว้แค่ผม ที่ยืนกำมัด ทันทีที่ลิฟต์เปิดออก ผมเดินออกมาก็เจอหญิงแม่ของผม ยืนคุยกับใครสักคนอยู่
“อ้าวภีม มาแล้วหรือจะกลับเข้าบ้านกับแม่เลยไหมเรา” แม่ถามผม
“นี้ลูกชายเหรอ หล่อไม่เบาน่ะ ว่าแต่แต่งงานแต่งการหรือยังล่ะ” อีกคนน่าจะเป็นเพื่อนของแม่ผม
“ยัง ยังเลือกอยู่” แม่ผมตอบแทนผม
“ยังครับ ผมยังอยากทำงานก่อนนะครับ” ผมตอบเพื่อนของคุณแม่ผม
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวเลยนะ เอาไว้เจอกันวันงานแต่งลูกสาวฉันเลยแล้วกันน่ะและหาลูกสะใภ้ให้ลูกชายได้แล้ว จะได้มีหลานไวๆ เดี๋ยวไม่ทัน” เพื่อนของแม่ผมพูดก่อนจะเดินออกไป หญิงแม่หันมามองหน้าผม ผมรู้ว่ารู้สึกยังไง
“ภีม” แม่เรียกผม
“ผมขอโทษครับแม่” ผมหันมาพูด ผมรู้ว่าแม่อยากให้ผมมีครอบครัวได้แล้ว
“แล้วภีมจะรอกันเขาอยู่แบบนี้เหรอ “หญิงแม่ของผม ถามผม
“ครับ” ผมตอบแม่
“งั้นแม่กลับบ้านก่อนน่ะ ไปเจอกันที่บ้านน่ะ พี่สาวเราเขาก็จะมาทานอาหารด้วยพร้อมกับหลานๆ” แม่ผมพูด
“ครับแม่ แม่กลับไปก่อนดีกว่าผมว่าจะไปดูว่าพรุ่งนี้ผมมีคนไข้นัดกี่คน ผมจะได้จัดการเวลาได้ถูก และผมจะขับรถไปเองครับ”
“เออ ภีม คนขับรถเขาบอกว่าเราให้คนไปขับรถใครมาจากผับรึ” แม่หันมาถามผม
“รถของกันนะครับ พอดีเขาไป ธุระที่นั่นนะครับแม่” ผมบอกแม่แต่ไม่ได้บอกทั้งหมด
“ปกติกันเขาไม่ใช่คนชอบดื่มไม่ใช่เหรอ” หญิงแม่ถามผมทันทีแสดงว่าแม่เดาว่าการที่กันตภณไม่ขับรถมาเองอาจจะเมา
“เขาไปทำธุระนะครับและเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยนะครับแม่ ผมเลยไปพาเขากลับนะครับแม่ “ผมหันมาบอกหญิงแม่ของผม
“มีอะไรทำไมไม่หันหน้ามาคุยกันล่ะ พ่อเราเขาก็บอกว่าเขาไม่ห้ามแล้วไง โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้วน่ะ ยังมางอนใส่กันไปมา น่าจริงๆ “หญิงแม่ผมพูดก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋า
“แม่ไปน่ะ ขับรถดีดีน่ะภีม แม่เป็นห่วง” หญิงแม่หันมาบอกผม ผมพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงาน ไปเปิดคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานของผม ผมเหลือบไปหยิบหนังสือที่ผมต้องพกติดตัวตลอด เกี่ยวกับอาการคนไข้ และในนั้น ผมสอดรูปถ่ายเอาไว้ รูปถ่ายตอนปีหนึ่ง ตอนที่ผมกล้าเปิดใจบอกความในใจกับกันตภณเขาและขอกันเป็นแฟนทันที ผมมองดูภาพนี้ทีไรผมก็ยิ้มมีความสุข เพื่อนผมถ่ายให้ กันนั่งทำหน้านิ่งสไตล์ของเขามาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว และผมเองก็นั่งเอามือเท้าคาง สายตาผมที่มองกันตภณ มันแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าผมรักเขามากแค่ไหน
ภีม// กันรู้ไหมว่าทำไม ภีมแอบชอบกันอ่ะ//
กัน// อืมม นั้นซิ ทำไมอ่ะ// (สีหน้าที่นิ่งมากเหมือนเจ้าชายน้ำแข็ง ยิ้มก็แค่มุมปากนิ่งๆ)
ภีม// นั้นซิ ทำไม ทั้งที่กันนะ ทำหน้าได้นิ่งมาก เดายากมาก ว่ากันอยู่ในโหมดไหน โกรธ ไม่พอใจหรือว่าดีใจ หรือเสียใจ เดายากมาก // และคนตรงหน้าหันมามองหน้าผม ขมวดคิ้วเป็นปมทันที
ภีม// แต่สิ่งหนึ่งที่ภีมอ่านได้จากแววตากัน คือ //
กัน หันมามองผมก่อนจะ //อะไรล่ะ//
ภีม// กันรู้สึกยังไงกับภีมไง // ฝ่ามือหนาๆ นั้นประคองใบหน้าคนข้างๆ ของผมไว้ ก่อนที่ริมฝีปากหนาๆ ของผมจะประกบจูบ ริมฝีปากที่ดูบางเฉียบนั้น
“ภีม ป๊ากูมา ไอ้เชี้ย” กันรีบผลักหน้าหล่อๆ ของผมออกทันที และทุกวันหยุด ป๊าของกันจะต้องมารับกันกลับไปอยู่บ้าน เพื่อช่วยม๊าของกันดูแลหลานแต่นั่นผมก็นัดเจอกันที่ห้างได้ เพราะว่ากันต้องตามรับตามส่งหลานไปเรียนพิเศษ ระหว่างนั่งรอก็ไปหาที่พลอดรักกันเหมือนหนุ่มสาวเขาทำกัน แต่ต้องแอบซ่อนมากกว่าเพราะว่าตอนนั้น ความรักแบบนี้ยังไม่มีใครกล้าเปิดเผยเหมือนเช่นปัจจุบัน
TBC