Chapter 13“วินนนนนน” เสียงตะโกนเรียกชื่อจากอีกฝั่งถนนทำให้ผมต้องหยุดแล้วหันไปมองว่าคนที่เรียกเป็นใคร “รอกูด้วยดิวะ” ไอ้เตี้ยโบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณให้ผมยืนรอมันอีกฝั่ง ผมถอนหายใจออกมาอีกครั้งตอนที่มันหันไปคุยโม้กับพี่อาร์มในรถ คือมึงให้กูยืนรอแต่มึงหันไปฝอยกับแฟนตัวเองเนี่ยนะ เฮ้ออ คนมีแฟนนี่น่าเบื่อฉิบหาย
“เบส...ถ้ามึงจะช้าขนาดนี้กูเขาไปก่อนนะ”
“เฮ้ยอะไรวะ รอเดี๋ยวดิ พี่อาร์มอีกสองชั่วโมงเจอกันนะครับ” มันด่าผมเสร็จก็หันไปล่ำลาแฟนตัวเองต่ออีกเกือบ 5 นาทีถึงจะเสด็จเดินข้ามฝั่งมาหาผมได้ “รอนิดหน่อยทำเป็นบ่น”
“กูเบื่อที่จะรอแล้ว....”
“อะไรของมึงเนี่ยวิน พูดคนล่ะเรื่องกับกูป่ะวะ” ผมส่ายหน้าให้ไอ้เตี้ยเป็นคำตอบก่อนจะพากันเดินขึ้นไปพร้อมๆกับมัน ไวท์กับเกมส์จองพื้นที่ด้านหลังไว้ให้ผมกับเบสเรียบร้อยแล้ว
“วินมานั่งข้างกู” ไอ้ไวท์ตบพื้นที่ด้านข้างตัวเองก่อนจะดึงมือผมให้ขยับไปนั่งใกล้ๆมัน “หมีแพนด้าจังเลยนะช่วงนี้”
“อื้อ...กูนอนไม่ค่อยหลับน่ะ”
“เอาน่า....อย่าคิดมาก” มือไวท์ตอนที่ลูบที่หัวผมเบาๆยังให้ความอบอุ่นเหมือนเดิม ผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติแล้วนะครับ พยายามกลับมายิ้ม หัวเราะ และก็มีความสุขเหมือนเดิมแล้ว แต่เพื่อนในกลุ่มก็ยังสังเกตผมได้เสมอ แค่มันไม่ถามเท่านั้นว่าผมเป็นอะไร
ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ผ่านนับๆดูคิดว่าคงเกิน 3-4 เดือนได้แล้วมั้ง ผมไม่ได้เจอบัสเตอร์อีกเลยหลังจากคืนนั้น มันเป็นคืนสุดท้ายที่เรานอนมองหน้ากัน และเป็นคืนสุดท้ายที่ผมตั้งปณิธานกับตัวเองไว้แล้วว่า ผมจะไม่วิ่งไล่ตามเขาอีก
ทุกอย่างมันจบลงแล้ว บัสเตอร์สร้างกำแพงขึ้นกั้นตัวผมกับมัน ไม่มีค้อน...
ไม่มีประตู หรืออะไรก็ตามที่จะสามารถพังทลายกำแพงที่มันสร้างขึ้นมากั้นผมได้
ผมรู้แล้วล่ะว่าเขา ไม่ได้รักผม พอรู้ตัวว่ามันไม่มีแม้คำว่ารักเหลือให้กัน น้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าร้องนานแค่ไหน รู้แค่ว่าผมร้องจนเหนื่อย กัดหมอนแล้วทุบกับที่นอนตะโกนบอกกับตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าว่าจะไม่กลับไปทำให้เขาลำบาก เพราะเขาไม่มีทางเลือกผม
ผมนี่มันโง่จริงๆหลอกตัวเองไปเรื่อย คิดว่าเขาจะหันกลับมา คิดว่าสุดท้ายแล้วเขาจะรักแค่ผม ทั้งๆที่มันไม่ใช่....ที่คืนนั้นบัสเตอร์เขาพูดให้ผมเลือก บังคับให้ผมฟังเสียงพี่บลูในโทรศัพท์ ผมเพิ่งจะมาเข้าใจก็ตอนนี้เองว่า เขาขีดเส้นทางให้ผมแล้ว ว่าคนที่ต้องไปก็คือผม
“ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกแล้วเพื่อนกู”
“เปล่าสักหน่อย” ผมปัดมือไอ้เกมส์ออกจากแก้มตัวเองก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะ มือหนาของใครสักคนสอดเข้าในศีรษะผมก่อนจะออกแรงบีบนวดเบาๆเพื่อทำให้ผมผ่อนคลาย
“มึงยังมีกูนะวิน” ลมหายใจที่รินรดอยู่ตรงคอพร้อมกับจูบเบาๆที่ผมสัมผัสได้ เกมส์เป็นคนแบบนี้มันห่วงเพื่อนๆทุกคน เวลาที่ใครลำบากมันพร้อมจะยื่นมือเข้าไปช่วยเสมอ ผมไม่อยากทำให้เพื่อนเครียดไปกับผม แต่มันก็ทำใจร่าเริงมีความสุขเหมือนเดิมไม่ได้ ที่ทำได้มากสุดก็คือฝืนยิ้มและพูดกับพวกมันว่า
ผมโอเคหลังจากเรียนจบคาบพวกไอ้เกมส์ก็ลากผมมากินข้าวที่โรงอาหารคณะเกษตร ทั้งๆที่ผมอยากจะกลับไปนอนเต็มแก่แต่ก็โดนมันลากมันกินด้วยจนได้ สมาชิกที่มาด้วยก็มีไอ้ไวท์ ไอ้เกมส์ แล้วก็ตัวเสือกทุกเรื่องอย่างไอ้พอร์ช ไม่ต้องถามถึงไอ้เบสหรอกนะครับ รายนั้นเขาติดแฟน แทบจะยืนแดกกันหน้าอาคารเรียนตอนที่เดินลงมาแล้ว
“เชี่ยแม่งเหนื่อยนะเนี่ย จะมากินอะไรไกลขนาดนี้วะไวท์”
“มึงจะบ่นอะไรนักหนาวะพอร์ช ถ้าไม่อยากมาก็กลับไปเลยไป รำคาญว่ะ”
“ไม่เอานะ ห้ามรำคาญเขาดิไวท์” มึงไม่รำคาญกันหรอกพอร์ชไวท์ แต่กูเนี่ยรำคาญมึง
“มึงเลิกง๊องแง๊งใส่เมียมึงได้ไหมพอร์ช กินที่นี้แหละดีแล้ว จะได้ไม่ต้องเบียดกับคนอื่น” ก็จริงอย่างที่เกมส์พูดนั่นแหละ โรงอาหารคณะเกษตรมีข้อดีตรงที่คนน้อย น้อย เวลาจะซื้อข้าวซื้อน้ำไม่ต้องรอต่อแถวยาวเหยียดอย่างโรงอาหารกลาง แต่ข้อเสียคือยู่ไกลกันดาร เวลาจะมาต้องขับรถมา แต่ถึงขับรถมาก็ต้องเดินข้ามถนนมาโคตรไกลอีก แดดประเทศไทยก็ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่าทำตัวแรง โรงอาหารคณะนี้แม่งก็สมชื่อด้วย อยู่กลางแปลงคณะเกษตรแถมตั้งโดดเด่นเป็นตึกเดียวด้วย เพราะนานๆทีผมกับพวกเพื่อนๆถึงจะมากินที่นี้ แต่ว่า...มาคิดๆดูอีกทีผมไม่น่ามาเลยด้วยซ้ำ ลืมไปเลยว่าโรงนี้มันใกล้กับคณะที่ไอ้บัสเรียนอยู่เหมือนกัน
“วิน” นั่นไง คิดยังไม่ทันขาดคำ ถึงคนที่เจอจะไม่ใช่บัสเตอร์ แต่อีกไม่นานมันก็คงมาแหละมั้ง
“หวัดดีครับพี่บลู พี่ฟิล์ม”
“เออหวัดดี ไงหน้าบูดแบบนี้หมายความว่าไงวะ” พี่ฟิล์มยื่นมืออย่างควายมาลูบหัวผมเบาๆผมยิ้มรับสัมผัสก่อนจะดึงมือมันออกเพราะมันทำให้หัวผมเสียทรง
“ทำไมวันนี้มากินไกลจังล่ะวิน นั่งด้วยกันสิ ที่ยังเหลือ”
“เอ่อ..คือ” ไม่รู้ทำไมพอเห็นหน้าพี่บลูใจมันก็พาลจะนึกไปถึงแฟนเขาอยู่เรื่อย จะหาว่าผมเสียมารยาทก็ได้ แต่ผมไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าเขา
“ไม่เป็นไรนั่งด้วยกันนี่แหละ พี่รอบัสเตอร์เลิกเรียนอยู่ เดี๋ยวสักพักก็คงมามั้ง” เพราะแบบนี้ไงผมถึงไม่อยากนั่งกับพี่ แต่จะให้เดินหนีก็ดูจะเป็นการเสียมารยาทเกินเหตุที่ทำได้ก็แค่ยิ้มแล้วเลื่อนเก้าอี้นั่งลงฝั่งตรงกันข้ามกับพี่บลู
“เอาน่า...มีพี่อยู่อย่าไปหงอ” ไอ้พี่ฟิล์มที่นั่งอยู่ข้างๆพูดพร้อมกับยักคิ้วเหมือนให้กำลังใจ แต่สำหรับผมมองว่าแม่กวนตีนมากกว่า
“นั่งนี่เหรอวะ” ไอ้เกมส์มาถึงก็ยืนทำหน้างงที่เห็นพี่บลูกับพี่ฟิล์มนั่งร่วมโต๊ะด้วย
“แล้วมึงเห็นกูยืนหรือไงล่ะ รีบๆนั่งได้แล้ว ยืนค้ำหัวกูอยู่ได้ แล้วก็รีบๆแดกด้วยเสร็จแล้วจะได้รีบไป”
“อ่าวนั่งนี้งั้นเหรอ” ไอ้พอร์ชก็อีกตัว ดูหน้ามันดิจ้องพี่บลูแปลกๆด้วย ผมว่ามันต้องคุ้นหน้าพี่บลูแหงๆว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน “ไวท์ผู้ชายคนนี้แม่งหน้าคุ้นมากอ่ะ”
“เมียเก่ามึงเหรอ”
“ไม่ใช่เว้ย...กูมีมึงเป็นเมียคนเดียว” มันกระซิบกันเสียงไม่ดังมาก แต่ก็มากพอให้ผมได้ยิน ดีอยู่ที่พี่บลูเดินออกไปข้างนอก
“แน่ใจว่ามีกูเป็นเมียคนเดียว”
“ตอนนี้มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่กูคุ้นจริงๆนะ ใครวะ”
“พี่บลู...คนที่เราเจอที่ผับตอนนั้นกับไอ้บัสไง” ผมเป็นคนไขข้อข้องใจให้พอร์ชแทนเพื่อนๆคนอื่น
“นั่นไงกูว่าแล้ว คุ้นๆ” มันพูดเสร็จก็ตบมือไปมาเหมือนเด็กแล้วชมตัวเองด้วยว่าเก่ง จำคนแม่น คืออยากจะตะโกนบอกแม่งจริงๆว่าคนอื่นเขาจำกันได้หมดแล้วมีมึงคนเดียวเลยพอร์ชที่ช้าสุด
“เงียบปากสักทีเถอะพอร์ช รำคาญว่ะแม่ง ไม่ต้องมาอ้อนกูเลย อี๋ น้ำลายมึงไม่ต้องเอามาแปะที่คอกูด้วย” ผมเลิกสนใจสองผัวเมียแล้วหันไปมองพี่บลูที่ยืนรอใครสักคนอยู่ด้านนอก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคนที่บลูรอคือใคร ผมไม่อยากเจอมันเลยว่ะ ยังไม่พร้อมที่จะเจอมันตอนนี้ พอคิดได้ดังนั้นก็ทำท่าจะลุกเดินหนีแต่โดนไอ้พี่ฟิล์มดึงมือไว้ก่อน
“ไม่ไหว....” ผมคิดว่าไอ้พี่ฟิล์มมันรู้ว่าที่ผมพูดว่าไม่ไหวหมายถึงอะไร
“ต้องไหวดิวะ นั่งลง”
“ฮึ้ย!! ถ้ากูร้องไห้ต่อหน้ามันนะมึงรับผิดชอบเลยนะเว้ย”
“ขนาดกูอยู่กับแม่งทุกวันกูยังชิวๆเลย มึงเพิ่งเจอมันวันนี้ทำไมจะไม่ไหววะ” เชี่ยพี่ฟิล์มมันชอบพูดจาเป็นปริศนา ตั้งแต่คราวที่แล้วแหละ จนคราวนี้ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันจะสื่ออะไร
“เออพี่ฟิล์ม ลืมแนะนำนี่เพื่อนผมชื่อพอร์ชกับไวท์”
“หวัดดีครับพี่” มันสองคนพูดแล้วก็ยกมือไหว้พี่เขา เราคุยกันสับเพเหระไปเรื่อยจนพี่บลูกับใครบางคนเดินเข้ามานั่นแหละทั้งโต๊ะถึงเงียบแล้วพุ่งสายตามาที่ผมทันที รู้เลยว่าใครบางคนที่เดินเข้ามาเป็นใครแม้ไม่ได้เงยหน้ามองก็พอจะเดาได้ว่าเป็นมัน
“กูไปซื้อน้ำแป๊บนึงนะ เอาไรเปล่า” ผมรีบลุกขึ้นยืนแล้วเสมองไปทางพวกไอ้พอร์ชมันทำหน้าอึ้งๆแล้วส่ายหน้าให้ผมทั้งคู่ “โอเคงั้นเดี๋ยวกูมานะ”
“เดี๋ยวดิวิน ให้บัสเตอร์ไปด้วยนะ บัสไปซื้อน้ำไปเดี๋ยวพี่จะไปซื้อข้าว เราเอาเหมือนเดิมใช่ป่ะ”
“ครับ”
“พี่บลูเดี๋ยว..วินไปซื้อให้ก็ได้ พี่เอาน้ำอะไรอ่ะ”
“จะถือมายังไงหมดเอามันไปด้วยนั่นแหละไป...”สุดท้ายผลจากแรงคะยั้นคะยอของพี่บลูทำให้ผมต้องเดินมาซื้อน้ำพร้อมกับบัสเตอร์ เราไม่ได้เดินคู่กันหรอกนะครับ ผมเดินนำส่วนมันเดินตามหลัง ถึงไม่หันกลับไปมองก็พอจะเดาได้ว่าดวงตาคมคู่นั้นกำลังมองผมอยู่ ความรู้สึกที่ส่งผ่านถึงกันมีแต่ความอึดอัดเต็มไปหมด ผมไม่อยากอยู่ที่นี้ ผมอยากกลับบ้านแล้ว กลัวตัวเองทนไม่ไหว กลัวว่าช่วงเวลา3-4เดือนที่ผ่านมามันจะไร้ประโยชน์
“ป้าผมเอา....”
“น้ำใบเตย 1 โค้ก 1 น้ำแดงโซดา 1 ครับป้า” ตอนที่มันเดินมาสั่งผมถึงกับเม้มปากทันที แม่งทำแบบนี้ทำไมวะ ทำเป็นรู้เรื่องกูดีไปหมด หมดรักกูแล้วมึงก็ควรลืมเรื่องของกูไปด้วยเลยดิ “อ่ะนี่น้ำใบเตย”
“อื้อ” ผมรับมันมาถือไว้เสร็จก็ยืนแบงค์ยี่สิบกลับไปให้ไอ้บัส
“ไม่เป็นไร ผมเลี้ยง”
“ไม่ต้องเลี้ยงหรอก กูมีปัญญาเลี้ยงตัวเองได้ ขอบใจนะ” ผมยิ้มเบาๆที่มุมปากก่อนจะเดินหนีมันมาทันที เมื่อกี้ถ้าผมสบตามันมากกว่านี้ น้ำตามาแน่ๆ แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่าอยากกอดมันมากแค่ไหน แต่ผมสัญญาไว้แล้วนี่เนอะว่าจะไม่ทำให้มันลำบากใจ
จะว่าไป บัสเตอร์นี่เก่งจังเลยนะครับ ไม่รู้มันทำยังไงถึงสามารถหมดรักกับคนๆนึงได้เร็วขนาดนี้ กูใช้เวลามาตั้งหลายเดือนกว่าจะทำใจได้แค่นิดหน่อย พอมาเจอหน้ามึงวันนี้ที่ทำใจมาทั้งหมดแม่งสูญเปล่าละลายไปกับน้ำหมดแล้ว
“ไปไหม เสาร์นี้เว้ย”
“ไปพี่ไป” พอเดินมาถึงโต๊ะก็ได้ยินทั้งเสียงหัวเราะกับเสียงพูดคุยกันดังลั่นโรงอาหาร
“ไปไหนกันอ่ะ” ผมนั่งลงข้างๆพี่ฟิล์มแล้วหันไปถามมัน
“ไปค่ายทำปะการังปลอมที่ชลบุรี มึงไปดิวิน พวกนี้มันตกลงไปกันหมด แล้ว สนุกนะเว้ย”
“มีใครไปบ้างอ่ะ” ผมหันไปกระซิบถามพี่ฟิล์มเบาๆเพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน ไอ้พี่ฟิล์มแม่งก็รู้ดีหันมากระซิบชิดหูกูเลย “ไปหมดอ่ะ เพื่อนมึงสามคนแล้วก็กู ไอ้บลู แล้วก็ไอ้บัส”
“ไม่ไปดีกว่า”
“เสียใจว่ะน้อง ปฏิเสธไปก็ไม่ทันแล้ว” ไอ้พี่ฟิล์มยื้อคอผมมากอดแน่นก่อนจะขยี้หัวผมอีกรอบ จังหวะที่มันทำแบบนั้นผมหันไปเห็นหน้าพี่บลูกับไอ้บัสพอดี พี่บลูทำหน้างงๆขมวดคิ้วนิดหน่อยส่วนไอ้บัสไม่มีสีหน้าอะไรแสดงออกมาสักนิด แค่มองเฉยๆแล้วหันไปเรียกพี่บลูให้หันกลับมาคุยกับมันแทน
“มันไม่หึงมึงเลยเนอะเชี่ยบัสเนี่ย”
“ผมก็บอกพี่แล้ว”
“เห็นหน้ามันแล้วหมั่นไส้ฉิบหาย คอยดูเถอะกูจะกระชากหน้ากากแม่งให้ดู”
“พี่ต้องการจะทำอะไรกันแน่วะ”
“หึเดี๋ยวมึงก็รู้เอง” พี่ฟิล์มแม่งต้องวางแผนอะไรไว้แน่ๆ กูคิดผิดไหมวะที่จะไปทริปทำปะการังกับมันเนี่ย
***************************************
ผมยืนมองแผ่นหลังที่กำลังคุยล้อต่อกระซิกกับพี่ฟิล์มด้วยความรู้สึกหลายหลาย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ผมถึงไม่รู้สึกยินดีกับรอยยิ้มที่เขามีให้คนอื่นแบบนั้น ผมไม่ชอบ...
ยิ่งมองเห็นตอนที่วินเอียงแก้มรับมือของไอ้ฟิล์มด้วยแล้ว ผมยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่ จะทำเป็นเมินมองไม่เห็นสุดท้ายก็หันกลับมามองแม่งอยู่ดี จะเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อแล้วตะโกนใส่หน้าไอ้พี่ฟิล์มว่าอย่ายุ่งกับวินก็ไม่ได้ เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกัน
“บัส....” ที่สำคัญผมก็เลือกแล้วด้วยว่าผมจะอยู่ข้างๆใคร
“ครับพี่บลู”
“มีอะไรหรือเปล่าเห็นมองไปทางนั้นตั้งนานแล้ว”
“เปล่าหรอกพี่บลูผมมองอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ” ผมพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปเกลี่ยปอยผมพี่เขาเบาๆ พี่บลูเป็นผู้ชายที่น่ารัก ใครเห็นก็คงจะชอบ พูดเพราะ ใจดี เวลายิ้มแต่ล่ะทียอมรับว่าดูดีไปหมด แต่ก็ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่รู้สึกแม้แต่จะชอบเขานะ เคยพยายามแล้ว แต่สุดท้ายคนที่เป็นอันดับหนึ่งในใจก็มีแค่วินเท่านั้น
“อย่าทิ้งพี่นะ”
พี่บลูขยับเอาหัวพิงที่อกผมก่อนจะพูดเบาๆด้วยเสียงแหบพร่า ผมไม่รู้ว่าช่วงเวลาที่เขาหายไปต่างจังหวัดกับพี่ฟิล์ม พี่เขาไปรู้อะไรมา มีช่วงนึงหลังจากคืนนั้นที่พี่บลูโทรมาว่าจะไปต่างจังหวัด เขากลับมาหาผมพร้อมกับกอดผมแน่น พูดกับผมซ้ำๆย้ำๆว่าอย่าทิ้งเขา พอถามว่าเกิดอะไรขึ้นพี่เขาก็เอาแต่ส่ายหน้าว่าไม่มีอะไร แต่พอถามว่าไปกับใครได้คำตอบว่าเป็นพี่ฟิล์มก็พอจะเดาได้ว่าพี่ฟิล์มเขาเล่าอะไรให้พี่บลูฟังบ้าง
ผมไม่รู้ว่าพี่ฟิล์มรู้เรื่องของผมกับวินมากน้อยแค่ไหน แต่ก็มากพอที่ทำให้พี่บลูระแวงเรื่องของผม ตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าจริงๆแล้วคนที่พี่ฟิล์มชอบคือพี่บลูหรือวินกันแน่
ตอนแรกเคยคิดว่าเป็นพี่บลูชัวร์ๆแต่ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วแหละครับ เพราะจากที่เห็น พี่เขาก็ดูจะเอ็นดูวินซะเกินพี่น้องทั่วไปแล้วด้วย
“บัสเตอร์” พี่บลูช้อนตาขึ้นเรียกผมอีกครั้งเหมือนเป็นการย้ำอีกรอบว่าที่ถามไปเมื่อกี้ได้ยินหรือเปล่า
“ครับ”
“พี่พูดว่าอย่าทิ้งพี่นะ” เป็นครั้งแรกที่ผมไม่ได้เออออตอบคำถามพี่เขา เพราะผมชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าผมจะไม่เดินจากเขาไปไหน ทั้งๆที่ย้ำแล้วว่าพี่บลูไม่ใช่คนผิด แต่ในใจก็รู้อยู่แล้วลึกๆว่าคนที่ผมต้องการมากที่สุดคือใคร
“บัสเตอร์ทำไมไม่ตอบ”
“ผม....”
“ขึ้นรถได้แล้วจะกอดกันอีกนานไหมครับฝั่งนั้น” พี่ฟิล์มตะโกนเรียกผมให้รีบเดินตามเขาไปที่รถบัส เห็นวิน มองมาทางนี้แว่บหนึ่งแต่พอเห็นผมเขาก็รีบหันหน้าหนีทันที
“เดี๋ยวเรื่องนี้เราค่อยคุยกันนะครับพี่บลู ขึ้นรถเถอะ ทุกคนรออยู่” วันนี้อย่างที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่าพี่ฟิล์มกับพวกชมรมรักทะเลจะมาทำปะการังกันที่จังหวัดชลบุรี คนมาทริปนี้กันประมาณ 50-60 คน มีปีหนึ่งอย่างผมแค่ไม่ถึง 10 ส่วนปีอื่นๆก็กระจายกันไปตามชั้นปี พี่บลูกับพี่ฟิล์มเป็นต้นเรื่องในการทำหัวข้อนี้ทำให้เขาสองคนต้องไปนั่งด้วยกันด้านหน้า ส่วนเพื่อนวินมีพี่ไวท์กับพี่พอร์ชที่นั่งเบาะสองคน ส่วนวินกับพี่เกมส์นั่งเบาะสาม แล้วผมที่เดินขึ้นมาทีหลัง เลยทำให้ตอนนี้พื้นที่บนรถถูกจับจองหมดแล้ว จะมีเหลือก็แต่ที่นั่งข้างๆวินนี่แหละ ผมเลยทำท่าจะขยับลงไปนั่งข้างๆเขา
“ขอนั่งด้วยคนนะ”
“เกมส์กูอยากนั่งติดหน้าต่าง” เขาไม่ตอบผมแต่กลับหันไปอ้อนพี่เกมส์แทน เจ็บดีครับ แต่ผมก็ยังไม่กล้านั่งเพราะวินเขายังไม่อนุญาต
“มึงไม่ต้องเลย ชอบเมารถทัวร์จะมานั่งติดหน้าทำเชี่ยอะไรนั่นนี่แหละ เอ้าแล้วทำไมไม่ชวนน้องนั่งด้วยเล่า”
“มึงก็ชวนมันดิ”
“เชี่ยนี่แม่งนิสัยเสีย บัสนั่งเลยไม่ต้องไปสนใจมันหรอก”
“ครับพี่” ผมขยับนั่งลงข้างๆเขา วินขยับตัวหนีผมนิดนึง แต่หนีไม่ได้หรอกครับเพราะเบาะสามกับผู้ชายสามคนยังไงมันก็เบียดอยู่ดี ไหล่ที่สัมผัสกันครั้งแรกในรอบหลายเดือนทำเอาหัวใจผมพองโตแล้วก็เต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ ตลอดทางถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าที่เคยเป็น
วินไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้วผมคอยตามดูเขาตลอด ตั้งแต่คืนนั้น วินก็ไม่ไลน์ ไม่โทรมาหา เขารักษาคำพูดตัวเอง มีก็แต่ผมนี่แหละที่ไม่รักษาคำพูด ทั้งๆที่เป็นคนไล่เขาไปแท้ๆ แต่กลับคิดถึงเขาจนจะเป็นจะตาย แค่สองคืนที่ไม่มีการติดต่อกลับมา ผมก็แทบทนรอไม่ไหว จนสุดท้ายก็ต้องขับรถไปดูหน้าบ้านวิน เดินผ่านคณะวินเพื่อได้มองเห็นเขาบ้างก็ยังดี
วินไม่เคยรู้ว่าผมทำแบบนี้
ป่านนี้คงเข้าใจผิดไปต่างๆนาๆแล้วมั้งว่าผมไม่รักเขา...ดีแล้ว ให้เข้าใจแบบนั้นแหละดีแล้ว ทั้งๆที่พูดว่าดีแล้วแต่ก็ไม่รู้ทำไมถึงเจ็บใจทุกทีที่รู้ว่าวินเข้าใจผมผิด
ตุบ!!
ผมหันไปมองหัวเล็กๆที่เอนมาสบที่บ่าผม กลิ่นน้ำหอมสไตล์วินลอยฟุ้งเข้าจมูก อดไม่ได้ที่จะเผลอสูดดมตามกลิ่น
“โทษทีว่ะ” พี่เกมส์พูดเสียงเบาก่อนจะจับหัวเพื่อนตัวเองที่เอนพิงผมอยู่ให้ไปพิงเขาแทน
“ไม่เป็นไรพี่” ผมยิ้มเบาๆแล้วเสหน้าหันมองไปทางอื่น ก่อนจะพยายามข่มตาหลับลงช้าๆ ไม่อยากคิดแล้วว่าวินรู้สึกยังไง
เพราะที่เจอแบบนี้ก็เจ็บไม่น้อยเหมือนกัน
เรามาถึงที่พักกันเกือบๆเก้าโมงเช้า พี่ฟิล์มและพี่บลูสั่งให้เราเอาของเขาไปเก็บในห้องพัก ซึ่งห้องพักไม่ได้หรูนอนแบ่งกันเป็นห้องๆแต่เป็นการนอนเรียงกันยาวเป็นตับเหมือนทหาร จะแบ่งก็แค่แยกชายหญิง ตอนที่เดินเข้ามาทุกคนเลือกพื้นที่นอนกันแล้วเกือบหมด ผมนอนข้างๆพี่บลู ส่วนวินนอนฝั่งตรงข้ามกับผม เขานอนข้างๆเพื่อนเขาพร้อมกันนั้นมีพี่ฟิล์มนอนประกบวินอีกฝั่งด้วย
“เย้ได้นอนข้างวิน”
“พี่ฟิล์มม อย่ามานัวได้ป่ะ อื้ออออ ไอ้บ้านี่” ผมมองภาพไอ้พี่ฟิล์มนัวเนียวินบนที่นอน มันทั้งกอด รัดฟัดเหวี่ยง บางครั้งแอบเห็นมันหอมแก้มวินด้วย แล้วก็บ่อยครั้งที่พี่ฟิล์มทำเสร็จก็หันมาหยักคิ้วกวนตีนใส่ผม มันรู้ว่าผมไม่ชอบ ต่อให้ผมทำหน้าเฉย นิ่งเหมือนไม่มีอะไร แต่จริงๆแล้วในใจผมก็มีแต่ผมเท่านั้นที่รู้ดีว่ารู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของเขาขนาดไหน
“ไปกันเถอะพี่บลู ไปหาอะไรกินกันก่อนจะได้ไม่หิว” ผมทนมองไม่ได้ ทุกครั้งที่เห็นภาพเหล่านี้ผมมักจะเดินหนี หรือทำยังไงก็ได้ที่จะหลีกเลี่ยงภาพเหล่านี้ให้มากที่สุด
ไม่ใช่ว่าผมไม่หวง...ผมน่ะทั้งหวง ทั้งหึงเลยก็ว่าได้
แต่ตอนนี้ผมไม่สิทธิ์ที่จะทำอะไรทั้งนั้น
ก็อย่างที่บอกผมปล่อยมือเขาไปแล้ว ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะทวงคืนอะไรทั้งนั้น
หลังจากที่กินข้าเที่ยงเสร็จ พวกเราก็ตามพี่ทหารมาปลูกปะการังปลอมทันที ปะการังปลอมที่ทำขึ้นมาจากซากเรือเก่าของทหารเรือ โดยที่เราทั้งทริปมีหน้าที่ขนซากเหล่านี้ลงไปวางในทะเล ใช้ระยะเวลาในการทำครึ่งค่อนวัน กว่าจะทำเสร็จก็ปาเข้าไปเย็น ตอนหันไปเห็นวินยิ้มมีความสุข สนุกสนานที่ได้ทำกิจกรรมผมก็พลอยยิ้มไปด้วย
ผมไม่ค่อยชอบเวลาที่วินทำหน้าเศร้า หรือทำหน้าเฉยๆ เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่เหมาะกับวินเลยสักนิด
“บัส นายจะไปนอนก่อนก็ได้นะ ไม่ต้องรอพี่”
“ไม่เป็นพี่บลู เดี๋ยวผมไปเดินเล่นรอล่ะกัน เสร็จแล้วก็เดินไปตามนะ” ช่วงเวลาค่ำคืนในพื้นที่ต่างจังหวัด เวลาแค่สามทุ่มกว่าๆ ก็สามารถทำให้ท้องฟ้าทั้งหมดมีดาวนับล้านดวงอยู่บนหัว ถ้าในเวลานี้แต่อยู่ที่กรุงเทพผมคงไม่มีโอกาสเห็นดาวเยอะแยะมากมายขนาดนี้ เพราะไฟจากบ้านเรือนมันสว่างเกินกว่าดาวที่ผมกำลังมองเห็น
ผมเดินมาเรื่อยๆจนถึงสะพานปลาไม่ไกลจากที่พักมากนัก ตอนแรกกะว่าจะเดินกลับแล้วเพราะมีใครบางคนนั่งอยู่แต่พอมองดูดีๆรู้ว่าเป็นคนๆหนึ่งที่ผมรู้จักดีก็ห้ามใจตัวเองไม่ให้สืบเท้าเข้าไปหาไม่ได้
“นั่งด้วยได้หรือเปล่า” เขาสะดุ้งโหยงตอนที่ผมพูดถามเขาออกไป
“นั่งดิ...กูกำลังจะกลับพอดี” ผมรู้ว่าวินหลบหน้าผม เขาพยายามอย่างมากที่จะไม่ทำตัวให้ผมลำบากใจ เขาพยายามรักษาสัญญาที่ตัวเองให้ไว้ แต่ยิ่งเห็นวินทำแบบนี้มากเท่าไหร่ผมก็เริ่มไม่พอใจมากเท่านั้น
“จะไปไหนล่ะนั่งเป็นเพื่อนก่อนไม่ได้หรือไง”
“แต่กูไม่อยากทำให้มึงลำบากใจ”
“ไม่หรอก” ไม่เคยรู้สึกแบบนั้นเลยสักที ผมขยับนั่งลงใกล้ๆกับวิน หย่อนขาลงไปในทะเล ลมแรงขึ้นเรื่อยๆแต่ก็ไม่ทีท่าว่าจะมีพายุ เสียงลมกับเสียงทะเลยทำให้เราต่างจมดิ่งลงในความคิดตัวเอง ผมไม่รู้หรอกเขาคิดอะไร แต่ผมดีใจที่อย่างน้อยเขาก็ยอมนั่งอยู่ข้างๆ
ถึงจะไม่ได้พูดจ้อเหมือนแต่ก่อนแต่อย่างน้อยเขาก็พูดกับผม ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกเสียดาย หรือแม้แต่รู้สึกถึงความผิดพลาดที่ตัวเองทำไปทั้งหมด
ผมเลือกผิดใช่ไหม
เพราะที่ผมเลือกมันไม่เพียงแต่ทำร้ายจิตใจวิน แต่กลับทำร้ายจิตใจผมด้วย…ถ้าตอนนี้ผมจะเห็นแก่ตัวจะมีใครด่าผมไหมนะ.....
สัมผัสเล็กๆที่อยู่ตรงปลายนิ้วก้อยมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีมากกว่าเก่า ผมไม่ได้ขยับมือหนี ส่วนตัววินเองก็ไม่ได้ขยับ แปลกแหะแค่สัมผัสกันแค่นี้มันกลับทำให้ใจผมเต้นโครมครามทั้งๆที่มากกว่านี้เราก็เคยทำมาแล้ว
“กูว่า...กู” วินทำท่าจะขยับมือตัวเองออก แต่เป็นผมเองที่คว้ามือเขามาจับไว้ก่อน
“อย่าเพิ่งไปไหนเลย...นะ” ผมยื้อมือวินมาวางไว้บนตัก ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเบาๆแบบที่ชอบทำให้เขา วินเม้มปากตัวเองแน่นสนิท น้ำตาคลอหน่วยเต็มสองเบ้าตา ดูก็รู้ว่าเขาพยายามอย่างมากไม่ให้มันไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้น
ผมทำให้เขาร้องไห้อีกแล้วสินะ
“มึงไม่น่าทำแบบนี้เลยรู้ไหมบัส...ฮึก..มึงรู้ตัวหรือเปล่าว่ามึง...กำลังทำร้ายกู...กูจะลืมมึงได้แล้วแท้ๆ”
“ขอโทษ” ถ้ามีคำไหนที่มากกว่าคำว่าขอโทษผมก็อยากจะบอกเขา
“มึงรู้ไหมบัส ว่ากูเจ็บปวดแค่ไหนตอนที่มึงพูดให้กูเลือกทั้งๆที่กูรักมึงขนาดนั้น...โอเคได้กูเลือกจะถอยออกมาก็ได้...แต่ทั้งๆที่กูถอยออกมาแล้ว มึงจะมาทำแบบนี้อีกทำไมวะ...ทำให้กูเสียใจอีกทำไม...ในเมื่อ...ฮึก..ไม่รักแล้วก็อย่ามาให้ความหวังดิ...ฮือ...ทำแบบนี้ทำไม” เสียงสั่นพร่าในตอนท้ายพร้อมกับศีรษะวินที่วางลงบนไหล่ผม มือวินทุบที่หลังผมหลายครั้งจนตัวผมรู้สึกเจ็บไปหมด แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นกำเสื้อผมแน่น “ทำแบบนี้ทำไมวะ ปล่อยมือกูไปแล้วแท้ๆ ฮือ...ฮือ...”
“.....”
“ฮือ....ทำแบบนี้ทำไม”
“ผมคิดถึงวิน” ผมพูดพร้อมกับเชยคางวินให้เงยหน้าขึ้นมองผม ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้คนตรงหน้า
“บัส...ฮึก...รู้ตัวไหมว่ามึงพูดอะไรออกมา”
“รู้ดิ...รู้หมดแหละ” แต่จะให้ทำไงวะเพราะตอนนี้ผมไม่อยากทำให้วินต้องเสียใจอีกแล้ว ผมไม่สนด้วยว่าพี่บลูจะรู้สึกแบบไหน แค่ตอนนี้ผมอยากดูแลคนตรงหน้าให้มากที่สุด ผมอยากปกป้องเขา ไม่อยากทำให้เขาร้องไห้ หรือต้องเสียใจอีก ยิ่งเห็นน้ำตาพรั่งพรูมากเท่าไหร่ ใจผมแม่งก็เจ็บมากเท่านั้น
“วิน....ผมตัดสินใจแล้วว่ะ”
“ตัดสินใจอะไรของมึง”
“ตัดสินใจว่าผมจะบอกเรื่องของเรากับพี่บลู...ผมทนไม่ได้ว่ะที่เห็นวินร้องไห้แบบนี้ หยุดร้องเถอะนะคนดี ตาวินบวมจนจะเป็นหมีแพนด้าอยู่แล้วรู้ไหมครับ”
“กูไม่เอาด้วยหรอกนะ” วินทำหน้างอ เบะปากเหมือนเด็กน้อยจนผมอดไม่ได้ที่จะจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากเขา
“ไม่เอาก็เรื่องของวินดิ เรื่องนี้ผมตัดสินใจแล้ว” ผมพูดบอกวินกับริมฝีปากเขา “อ้าปากหน่อย”
“อ้าปากเชี่ยอะไรล่ะ” วินจับหน้าผมไว้ทั้งสองข้างก่อนจะดึงมันออกให้ห่างจากหน้าตัวเอง “มึงไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”
ที่วินพูดแบบนี้คงหมายถึงจะให้ผมเลือกพี่บลูเหมือนเดิมส่วนวินจะอยู่ข้างๆผมในฐานะที่ไม่สำคัญเหมือนเดิมน่ะเหรอ ไม่เอาหรอก
“ผมบอกวินแล้วว่าผมเลือกได้คนเดียว ผมไม่จับใครไว้ด้วยมืออย่างล่ะข้าง”
“นั่นแหละ เพราะงั้นคนที่มึงเลือกไม่สมควรเป็นกู....” วินเม้มปากแน่นก่อนยิ้มทั้งๆที่ดวงตาเศร้า “พี่บลูเขาไม่ได้ผิดอะไรด้วย ปล่อยให้มันเป็นในแบบที่มันควรเป็นอย่างนี้แหละดีแล้ว”
“วิน....” ผมเรียกชื่อเขาพร้อมกับเอื้อมมือไปกอดเขาแน่นราวกับจะถ่ายทอดความรู้สึกทั้งรักและขอโทษส่งไปให้เขาได้รับรู้ ผมไม่มั่นใจเท่าไหร่หรอกว่าคราวนี้วินพูดจริงหรือพูดเล่น แต่ทั้งสีหน้า ท่าทาง ที่เขาถ่ายทอดมาให้ผม มันทำให้ผมใจสั่นจนไปไม่ถูก “อย่าพูดเหมือนจะไปจากผมแบบนั้นดิวะ”
“มึงจะห้ามอะไรกูได้...บัส...มึงเป็นคนปล่อยมือกูเองไม่ใช่เหรอ”
“...........” ความเงียบเข้าครอบงำเราทั้งคู่ ใช่ผมเป็นคนปล่อยมือวินเอง แต่ถ้ามันจะไม่สายเกินไปผมก็อยากจะ.....
“วิน!!!บัสเตอร์!!!!”
ขอโอกาสอีกสักครั้ง
ทั้งผมและก็วินเงยหน้าหันไปมองคนที่ยืนอยู่ริมสะพาน ผู้ชายตัวเล็กที่ผมสัญญาว่าจะไม่ทิ้งเขา ผู้ชายตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้น
“กูบอกแล้วว่ายังไงมึงก็ทิ้งพี่เขาไม่ได้...ไปเถอะ...ไม่ต้องห่วงกูหรอก...”
>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC
ฉันเจ็บทุการกระทำที่ทำให้เธอเสียใจ ฉันทรมานแค่ไหนใครจะรู้ที่ผ่านมาาาา
อีกไม่กี่ตอนคนเขียนจะเป็นไท เย้!!! ฉลองก่อนเลย 5555555555555555 รักคนอ่านเจอกันอีกทีอาทิตย์หน้านะคะ