▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓CHAPTER 13: คืนพิเศษ วันนี้พ่อของต้นโทรมาแต่เช้า ดีนะที่ต้นตื่นแล้ว ปกติพ่อไม่เคยโทรมาเช้าๆ วันเสาร์แบบนี้หรอกเพราะต้นบอกพ่อกับแม่ว่าวันหยุดขอนอนตื่นสายหน่อย พ่อกับแม่จึงมักจะโทรมาตอนสายๆ แทน แสดงว่าพ่อคงมีเรื่องสำคัญแน่เลย
"สวัสดีครับพ่อ คิดถึงพ่อจังเลยครับ พ่อสบายดีนะครับ" ต้นถามอย่างดีใจ รอยยิ้มระบายไปทั่วใบหน้า
"สบายดีลูก ต้นล่ะลูก เป็นไง ช่วงนี้เรียนหนักไหมลูก" เสียงที่ตอบมาอีกฝั่งก็ฟังดูดีใจและมีความสุขเช่นกัน ก็แน่ล่ะ ลูกชายคนเดียว หัวแก้วหัวแหวน ต้นจึงเป็นความสุขและความหวังของพ่อกับแม่โดยไม่มีใครมาแบ่งไปได้เลย
"สบายดีครับพ่อ ช่วงนี้ก็เรียนหนักนิดหน่อยครับ ใกล้จะสอบแล้วด้วย ต้นก็เลยต้องอ่านหนังสือแทบทุกวันเลยครับ แม่ไม่อยู่เหรอครับพ่อ"
"ออกไปทำบุญที่วัดตั้งแต่เช้ากับแม่พลอยแล้วล่ะลูก พาเจ้าติวไปด้วย"
ถ้าเป็นวันหยุดและเป็นวันพระด้วย แม่ของต้นกับสนมักจะไปทำบุญด้วยกัน ส่วนติวที่พ่อพูดถึงก็คือลูกพี่ลูกน้องของต้นที่พ่อกับแม่พามาอยู่ด้วยนั่นเอง ปีนี้ติวอายุ 13 แล้ว พอช่วยทำงานได้หลายอย่าง แต่ก็มีแอบซนบ้างตามประสา
"แล้วติวมันดื้อไหมครับพ่อ วันนั้นต้นโทรหา ถามว่าอยู่ที่ไหน มันบอกอะไรของมันก็ไม่รู้ สงสัยแอบไปเล่นเกมส์ที่ร้านแน่ๆ เลย" ต้นบอกพลางหัวเราะเบาๆ
"ก็ดื้อนิดหน่อย ตามประสาเด็กวัยรุ่นแหละลูก แต่พ่อว่าติวมันก็ว่านอนสอนง่ายอยู่นะ ไม่ถึงกับดื้อมาก ช่วยทำงานบ้านได้หลายอย่าง น้าเขาก็ชมว่าตั้งแต่ติวมาอยู่ที่บ้านเรามันก็หายเกเรไปเยอะเลย"
"ครับพ่อ"
"พ่อโทรมาจะบอกต้นว่า ที่ดินที่ย่าแบ่งให้น่ะ ตอนนี้พ่อขายได้แล้วนะลูก พ่อว่าจะเก็บเงินนี้ไว้ให้ต้นไปเรียนปริญญาโทที่เมืองนอก ตระกูลเรายังไม่มีใครได้ไปเรียนที่เมืองนอกกันเลย พ่อเลยอยากให้ต้นไป ต้นคิดว่ายังไงมั่งลูก"
"จริงเหรอครับพ่อ ต้นสนใจครับ เดี๋ยวต้นจะไปหาข้อมูลไว้ครับว่าต้นจะไปเรียนที่ไหนดี" ต้นบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"ดีแล้วลูก สมัยนี้คนจบปริญญาตรีเดินกันให้เกลื่อนถนน จบโทก็เริ่มเยอะ ถ้าต้นได้ปริญญาโทจากเมืองนอก ต้นก็น่าจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นอีก"
"ครับพ่อ ต้นก็ว่าอย่างนั้น อ้อ พ่อรู้หรือยังครับว่าสนเขาอยากจะเปิดร้านอาหาร เรียนจบแล้วเขาจะทำธุรกิจร้านอาหารเลย ผมว่าก็ดีนะครับพ่อ สนเขาทำอาหารอร่อย ต้องมีลูกค้าเยอะแน่ๆ"
"อืม...เห็นพ่อแต้วเขามาเล่าให้ฟังอยู่เหมือนกันลูก สนนี่เขาก็ขยันนะลูก ผู้หญิงคนไหนได้สนเป็นแฟนคงโชคดี อ้อ แล้วนี่สนอยู่ไหมล่ะลูก พ่ออยากคุยกับสนหน่อย"
ต้นหน้าเสียไปเล็กน้อยเมื่อพ่อพูดถึงแฟนของสน ยังไงก็คงไม่ใช่ต้นอยู่แล้วล่ะ
"ไม่อยู่ครับพ่อ ไปทำกิจกรรมที่กรุงเทพ แต่น่าจะกลับมาถึงวันนี้ตอนสายๆ ครับ"
"อ้อ ถ้าสนมายังไงฝากบอกให้เขาโทรหาพ่อกับแม่หน่อยนะต้น เห็นเงียบไปหลายวันเลย พ่ออยากคุยด้วย"
"ครับพ่อ ได้ครับ"
"อ้อ แล้วตอนนี้สนเขามีแฟนหรือยังล่ะลูก ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ยินข่าวเลย"
พ่อพูดเรื่องนี้อีกแล้ว ต้นชักกลัวว่าพ่อจะถามมาถึงต้นด้วย
"ยังเลยครับพ่อ ช่วงนี้สนเขาพยายามหาอาชีพเสริมทำเวลาว่างๆ อยู่ครับพ่อ อ้อ...หรืออาจจะมีแล้วแต่ต้นไม่รู้ก็ได้" ต้นพยายามหัวเราะให้ดูเป็นปกติ
"เหรอลูก อืม...สนนี่ขยันจริงๆ ขยันเหมือนพ่อกับแม่เขาเลย อ้อต้น...ถ้าต้นจะมีแฟน พ่อก็ไม่ห้ามนะลูก พ่อไม่รู้ว่าต้นกลัวพ่อกับแม่ว่าหรือเปล่าถ้าต้นจะมีแฟน ไม่ต้องกลัวนะลูก พ่อกับแม่ไม่ว่าหรอก ขอแค่ไม่ทำอะไรเกินเลยก็พอแล้วลูก"
จนได้สินะ แต่ก็ดีที่คราวนี้พ่อไม่ถามว่าทำไมต้นยังไม่มีแฟนเหมือนคราวก่อนๆ
"ครับพ่อ ถ้าต้นเจอคนที่ถูกใจ ต้นจะลองจีบดูละกันครับ"
ผู้เป็นพ่อหัวเราะชอบใจ
"เอาเลยลูก ถ้ามีปัญหาอะไรก็ถามพ่อ หรือจะถามสนก็ได้นะลูก"
"ครับพ่อ"
"งั้นก็แค่นี้แหละลูก ยังไงต้นอย่าลืมหาข้อมูลเรื่องเรียนต่อเมืองนอกนะลูก"
"ครับพ่อ สวัสดีครับ"
ต้นวางสายไปแล้วก็ยิ้มด้วยความดีใจ ขอบคุณพ่อกับแม่จริงๆ ที่มอบโอกาสดีๆ แบบนี้ให้กับต้น เขาจะไม่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังเลย แต่ก็คงมีเรื่องเดียวเท่านั้นแหละที่ต้นคงทำให้พ่อกับแม่ไม่ได้ ต้นกลัวพ่อกับแม่ผิดหวังจริงๆ ถ้าสักวันความลับนี้ถูกเปิดเผย
เสียงเคาะประตูห้องรัวๆ พร้อมกับเสียงร้องเรียกชื่อของต้นซ้ำๆ ทำให้ต้นต้องรีบใส่กางเกงอย่างรวดเร็ว กำลังชั่งใจว่าจะใส่เสื้อก่อนดีไหมแต่เสียงเคาะและเสียงเรียกที่ไม่ยอมหยุดนั้นทำให้ต้นตัดสินใจรีบเดินไปเปิดประตูก่อนที่จะจัดการตัวเองให้เรียบร้อย
"ต้น ต้น ต้น เรากลับมาแล้ว เปิดประตูให้หน่อย ต้น ต้น อยู่หรือเปล่า เปิดประตูให้เราหน่อย" สนร้องเรียกพร้อมกับเคาะประตูห้องของต้นไปด้วย ไม่ได้เคาะหรือเรียกเสียงดังมาก แต่น้ำเสียงก็ดูเร่งเร้าอยู่ไม่น้อย
พอต้นเปิดประตูออกมาเท่านั้น สนก็ยิ้มดีใจจนแก้มแทบปริ
"คิดถึงต้น...ไม่ได้เจอตั้งหลายวันเลย ขอกอดหน่อย" สนไม่พูดเปล่า แต่เดินเข้าไปกอดต้นที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ ไม่ใช่อะไร ต้นยังไม่ได้ใส่เสื้อเลย เวลาสนมากอดเขาทั้งที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อมันก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน
พอสนกอดจนหนำใจแล้วต้นก็เลยถาม "ทำไมรีบมาล่ะ"
"ก็รีบมาหานายไง กลัวมาแล้วไม่เจอ พอลงจากรถทัวร์นะ เราก็รีบนั่งรถแดงมาเลย กลัวนายจะไปข้างนอกซะก่อน น้ำก็ยังไม่ได้อาบ ของก็ยังไม่ได้เอาไปเก็บเลยเห็นไหมเนี่ย" สนบอกพลางชี้ไปที่กระเป๋าเสื้อผ้าที่เขาวางไว้ข้างประตูห้องของต้น
ต้นมองตามแล้วก็ขำ "ไปแค่ไม่ถึงอาทิตย์เอง คิดถึงขนาดนี้เลยเหรอ"
"ก็ใช่สิ...นายไม่คิดถึงเราหรือไง
ช่วงหลังๆ มานี้สนทำตัวแปลกๆ กับต้นมากขึ้น จนต้นอดสงสัยไม่ได้ว่าสนคิดอะไรกับเขากันแน่ บวกกับที่พี่ทินบอกวันนั้น สิ่งที่สนทำก็ยิ่งน่าสงสัย แต่ต้นก็ยังไม่กล้าถามสนไปตรงๆ หรอก เขาไม่อยากจะไปกดดันสนเรื่องนี้ เกิดสนไม่ได้คิดอะไรขึ้นมาจะกลายเป็นว่าต้นหาเรื่องคิดไปเอง ทำให้สนลำบากใจเปล่าๆ
"คิดถึงสิ" คนตอบยิ้มแก้มแทบปริเช่นกัน
"แล้วนี่นายกำลังจะออกไปแล้วเหรอ"
"อืม...นัดไว้สิบเอ็ดโมงน่ะ"
"เราไปด้วยได้ไหม" สนรีบถามกลับมาแทบจะทันทีที่ต้นพูดจบ
"อย่าเลย...นายเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ เราไปนานนะ อาจจะทำงานจนดึกเลย นายพักก่อนดีกว่า เราว่านายคงไม่ได้นอนหรอกบนรถทัวร์ หลับยากจะตาย"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อน ไปดูแลนายไง เผื่อใครมารังแกนาย"
"โธ่...ไม่มีใครเขารังแกเราหรอก ในคณะเราไม่มีใครกล้าทำแบบนี้กับเราอยู่แล้ว"
"นายเดินทางไปคนเดียวก็เหงาแย่สิ ไม่เป็นไรให้เราไปเป็นเพื่อนเถอะ...นะๆๆ" สนอ้อนอย่างไม่ลดละ
แม้ว่าจะเกรงใจสนที่เพิ่งจะกลับมาจากไปทำกิจกรรมที่กรุงเทพมา แต่พอเห็นสนตั้งใจแบบนี้ ต้นก็ชักจะไม่กล้าขัด เรื่องที่ต้นกังวลมีเรื่องเดียวคือสนไม่ค่อยสนิทกับกลุ่มเพื่อนๆ ของต้นเท่าไร ไม่รู้ว่าสนจะเบื่อหรือเปล่าที่ไม่รู้จักใคร แถมต้นยังต้องทำงานกับเพื่อนๆ อาจจะไม่ได้มีเวลามาคุยกับสนอีก
ต้นพยักหน้าตกลง "ตามใจละกัน ถ้านายไม่เหนื่อยจนเกินไป แต่เราบอกไว้ก่อนนะ...เราจะต้องทำงานกับเพื่อนๆ เราคงไม่ค่อยได้คุยกับนายหรอก เรากลัวนายจะเบื่อเสียก่อน"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราก็หาอะไรทำได้ เอางี้ เดี๋ยวทำอาหารเที่ยงให้กินด้วย ดีไหม"
ต้นพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม ก็ดีเหมือนกัน เพื่อนๆ เขาที่ได้กินอาหารฝีมือสนต้องติดใจ ถ้าสนเปิดร้านจะได้มีลูกค้าเพิ่ม
"เดี๋ยวเราไปอาบน้ำก่อนนะแป๊บนึง นายรอเราด้วยนะ อ้อ...แล้วสองคนนั้นล่ะ ไปไหนซะล่ะวันนี้"
"อ๋อ...นิกเขาพาจั่นไปบ้านป้าน่ะ สงสัยจะไปคุยเรื่องที่นายอยากจะทำของไปขายนั่นแหละ" ต้นตอบไป
"อ๋อ..." สนยิ้มอย่างดีใจที่นิกไม่ลืมที่เคยสัญญากับเขาไว้วันนั้น "เดี๋ยวเราไปอาบน้ำก่อนนะ ไม่นาน ไม่ถึงสิบนาที"
สนบอกแล้วก็เดินมาหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของเขา ก่อนจะผลุนเข้าห้องตัวเองไป ต้นเห็นแล้วก็อดยิ้มตามและส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ชีวิตช่วงนี้ของเขากับสนก็ดูจะมีความสุขมากทีเดียว ยิ่งนับวันสนก็ยิ่งดูเหมือนจะเป็นมากกว่าเพื่อน คอยดูแลเขาดีเป็นพิเศษจนต้นอดคิดไปไกลไม่ได้ สนกำลังเล่นอะไรของเขาอยู่นะ สนจะรู้ไหม แม้ว่าต้นจะมีความสุขมากแค่ไหน แต่มันก็มีความทุกข์มากด้วยเหมือนกัน
ต้นพาสนนั่งรถแดงไปลงแถวๆ บ้านของเต้ แล้วก็นั่งมอเตอร์ไซค์ไปต่ออีกเล็กน้อย มาถึงบ้านเต้ก็ประมาณสิบเอ็ดโมงเช้าพอดี มีคนอื่นๆ มารอกันอยู่ก่อนแล้วสามสี่คน ถามไปถามมาก็ได้ความว่าต้นมาถึงเป็นคนสุดท้าย แต่ก็ยังมาทันเวลาที่นัดไว้พอดี เมื่อทุกคนเห็นว่าต้นมากับใครต่างก็ทำสีหน้าแปลกใจ จริงๆ หลายคนก็รู้จักสนอยู่บ้างแล้ว แม้จะไม่สนิทแต่ก็รู้ว่าสนเป็นเพื่อนที่สนิทมากของต้น
"อ๋อ...วันนี้สนเขาอยากมาด้วย เดี๋ยวตอนเที่ยงจะทำอะไรอร่อยๆ ให้กินด้วยนะเว้ย" ต้นบอกเมื่อเห็นสายตาของเพื่อนๆ แต่ละคนที่มองมาด้วยความสงสัย เพื่อนๆ ของต้นร้องอ๋อ
"ดีเลยว่ะ เนี่ยกำลังว่าจะให้มอไซค์ไปซื้ออาหารตามสั่งพอดีเลย ว่าแต่...ทำแล้วกินได้นะเว้ย" เต้แซวพลางขำเบาๆ
"ฝีมืออย่างงี้เลย...ขอบอก" ต้นยกนิ้วโป้งไปด้วยเป็นการการันตีคุณภาพ
แต่ก่อนจะลงมือทำงานกัน เต้ก็พาต้นกับสนไปไหว้พ่อกับแม่ที่กำลังนั่งดูทีวีด้วยกันอยู่อีกมุมหนึ่งของบ้านอย่างสบายอารมณ์ พร้อมกับขออนุญาตให้สนใช้ครัวทำอาหารให้เพื่อนๆ กินกันด้วย ดูเหมือนเจ้าของบ้านจะทำสีหน้าแปลกใจปนทึ่งนิดๆ แต่ก็อนุญาตแต่โดยดี
จากนั้นต้นกับเพื่อนๆ จึงได้ลงมือกันทำงาน ส่วนสนก็วิ่งเข้าครัวไป สักพักแม่ของเต็ก็ตามเข้าไปดูด้วยเพราะอยากรู้ว่าเด็กหนุ่มอย่างสนทำไมถึงสนใจทำอาหาร ลูกสาวของบ้านนี้เสียอีกที่สอนเท่าไรก็ยังไม่เห็นอยากทำเลย
ดีที่ว่าในตู้เย็นมีผัก เนื้อสัตว์ ไข่และอาหารสดๆ อื่นอีกจำนวนหนึ่งอยู่แล้ว สนจึงไม่ต้องออกไปซื้ออะไรมาเพิ่ม เท่าที่มีอยู่ก็น่าจะพอทำอาหารได้หลายอย่างและพอกินกันทุกคน
แม่ของเต้เห็นสนทำอาหารอย่างคล่องแคล่วว่องไวก็เอ่ยปากชม ไม่เท่านั้นยังไปตามเต้ย น้องสาวของเต้ที่นอนดูทีวีอยู่ข้างบนลงมาช่วยเป็นลูกมือของสนด้วย เผื่อว่าเธอจะเกิดแรงบันดาลใจอยากหัดทำอาหารขึ้นมาบ้าง ตอนแรกเต้ยอิดออด แต่พอเห็นหนุ่มหล่ออย่างสนทำอาหารเป็น เต้ยก็ยอมลงมาเป็นลูกมือสนแต่โดยดี
"โห...พี่สนทำอาหารเก่งจังเลย เต้ยเสียอีก ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ขนาดทอดไข่ยังทำไม่เป็นเลย เนี่ย เต้ยอยากลองทอดไข่ดู พี่สนสอนเต้ยหน่อยได้ไหมคะ"
เสียงใสๆ ที่แสดงอาการตื่นเต้นนั้นทำให้สนอดยิ้มไม่ได้ เด็กสาววัยเพียง 17 ปีดูท่าจะขี้อ้อนพอสมควร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเป็นลูกสาวคนเล็กด้วยนั่นเอง
"ได้เลยครับ เดี๋ยวพี่สอนให้ ให้พี่ผัดผักเสร็จก่อนนะ"
"ได้ค่ะ อ้อ...วันหลังถ้าพี่สนมาที่บ้านเต้ยอีก พี่สนสอนเต้ยทำอาหารอย่างอื่นด้วยนะคะ เต้ยอยากทำอาหารเก่งๆ แบบนี้ค่ะ"
"ได้เลย" สนยิ้มแล้วก็หันไปจัดการกับผัดผักที่สุกได้ที่แล้ว
ในช่วงกินข้าวกลางวัน เต้ยดูตื่นเต้นกับอาหารที่เธอช่วยสนทำมากเป็นพิเศษ เต้ยอวดเพื่อนๆ ของพี่ชายและพ่อกับแม่อย่างภาคภูมิใจ ใครๆ เห็นก็ต้องรู้ว่าเธอปลื้มสนมากแค่ไหน
"เนี่ยพี่เต้เห็นไหม เต้ยทำอาหารเป็นตั้งหลายอย่างแล้วนะ เต้ยทำไข่เจียวกับหมูทอดได้แล้ว พี่สนเก่งมากเลย สอนเก่งด้วย" เต้ยเล่าด้วยรอยยิ้มพลางหันไปมองสนอย่างชื่นชม
"อะไรยัยเต้ย เมื่อก่อนพี่ไม่เห็นเราชอบเข้าครัวเลย แม่สอนก็ไม่ยอมทำ พอมีหนุ่มๆ มาสอนกลับไม่บ่นสักคำเลยนะเรา"
"ก็แม่สอนไม่สนุกนี่" เต้ยตอบเสียงอ่อยๆ แล้วก็ยิ้มร่า "แต่ถ้าได้เรียนทำอาหารกับพี่สนบ่อยๆ นะ เต้ยต้องทำอาหารเก่งแน่ๆ เลย ต่อไปจะได้ทำให้ทุกคนในบ้านทานไง ดีไหมคะคุณแม่"
ทุกคนที่อยู่บนโต๊ะอาหารพากันหัวเราะ
"อร่อยมากๆ เลยว่ะสน เปิดร้านเมื่อร้านบอกด้วยนะเว้ย จะแวะไปอุดหนุน" อาหารอร่อยขนาดนี้ เต้ไม่ชมไม่ได้แล้ว
"จริงค่ะ พี่สนทำอาหารอร่อยมาก ไม่ได้อวยเว่อร์นะคะ ฝีมือแบบนี้เปิดร้านอาหารรวยแน่ๆ ค่ะ พี่เต้ไปวันไหนให้เต้ยไปด้วยนะคะ เต้ยอยากไปร้านพี่สน"
เสียงใสๆ แถมขี้อ้อนแบบนี้ทำให้พี่ชายต้องมองและยิ้มอย่างเอ็นดู "จ้า "
เต้ยแสดงออกว่าปลื้มสนมากทีเดียว สนเองก็ยิ้มไม่หุบเช่นกันจนต้นเห็นแล้วก็ชักหวั่นใจ
"วันหลังพี่สนมาที่นี่อีกนะคะ เต้ยจะได้เรียนทำอาหารด้วย พี่สนสอนสนุกดีค่ะ ขนาดเต้ยไม่ชอบทำอาหารนะคะ วันนี้ยังทำได้ตั้งหลายอย่างแน่ะ" สาวน้อยหันไปคุยกับชายหนุ่มที่ตัวเองเพิ่งรู้จักได้ไม่นาน แต่น้ำเสียงฟังดูเหมือนสนิทสนมกันมาก
"ครับ ถ้ามีโอกาส" สนตอบแล้วก็แอบชำเลืองมองต้นที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยเช่นกัน ไม่รู้ว่าต้นจะคิดอะไรหรือเปล่า แต่ก็ดูเงียบๆ ไป คงจะคิดน้อยใจไปกันใหญ่แล้วแน่ๆ เลย
แน่ล่ะ ที่ต้นเคยเข้าใจว่าสนอาจจะคิดอะไรบางอย่างที่พิเศษกับเขา พอมาวันนี้ต้นก็ชักไม่มั่นใจอีกแล้ว ยังไงๆ สนก็คงเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง เขาก็คงต้องชอบสาวๆ อย่างน้องเต้ยมากกว่าต้นแน่นอน ฟุ้งซ่านอยู่ได้ตั้งนานนะต้น ก็คงต้องกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงเสียที
"ต้น กินนี่สิ เรารู้ว่านายชอบ"
เสียงพูดของสนพร้อมกับอาหารที่ตักใส่ลงมาในจานทำให้ต้นค่อยๆ ตื่นจากความคิดดังกล่าว ต้นหันไปยิ้มกับเพื่อนแล้วก็หันมาตักอาหารที่สนตักมาให้เข้าปาก คงไม่มีอะไรหรอก สนก็คงแค่ดูแลเขาตามประสาที่เป็นเพื่อนกันมานั่นแหละ ไม่มีอะไรพิเศษอย่างที่ต้นสงสัยแล้วล่ะ อย่าคิดเตลิดไปไกลแบบนั้นอีกเลยนะต้น เจียมตัวเจียมใจเสียบ้าง
ตกบ่าย ต้นกับเพื่อนๆ ก็ยังคงทำงานกันต่อ สนเดินเข้ามาคุยด้วยบ้าง ไปหาหนังสืออ่านเล่นบ้าง ดีที่ว่าเต้ยออกไปธุระกับเพื่อนที่เธอนัดไว้ข้างนอกแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาก็คงต้องนั่งคุยกับเธอไม่เลิกเป็นแน่
"ทำไมไอ้สนมันเงียบๆ ไปวะต้น" เต้เอ่ยขึ้นในช่วงหนึ่งของการนั่งทำงาน
ต้นหันไปมองตรงโซฟาที่เห็นสนนั่งอ่านหนังสือเมื่อสักครู่นี้ก็ไม่เห็นสนแล้ว
"เดี๋ยวเราไปดูเอง"
ต้นเดินไปดูตรงโซฟาที่สนนั่งอ่านหนังสืออยู่ แล้วก็ได้เห็นว่าเพื่อนที่แสนรักของเขานอนหลับไปแล้ว สนคงจะเหนื่อยนั่นเอง ตอนที่อยู่บนรถทัวร์สนนอนหลับๆ ตื่นๆ แถมตอนเช้าต้นบอกให้พักก็ยังไม่ยอมพัก ยังอุตส่าห์ตามมาเป็นเพื่อนต้นจนได้
ต้นแอบยิ้มอย่างเอ็นดู เหนื่อยขนาดนี้สนก็ยังอุตส่าห์จะตามมาคอยดูแล ตอนที่เดินทางมาสนก็ช่วยถือของให้ ต้นจะถือเองเขาก็ไม่ยอม จัดการเรียกรถให้เสร็จสรรพ ต้นแทบไม่ต้องทำอะไรเลย แต่พอถึงตอนนี้ก็หมดแรงข้าวต้มเสียแล้ว
"หลับไปแล้ว" ต้นหันไปบอกเพื่อนๆ เขาค่อยๆ ก้มลงเก็บหนังสือที่ตกอยู่ข้างตัวสนขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ แล้วก็กลับมานั่งทำงานกับเพื่อนตามเดิม
"ไอ้สนนี่ดูมันเป็นห่วงมึงมากเลยนะต้น" เพื่อนคนหนึ่งของต้นเอ่ยขึ้นหลังจากที่ต้นกลับมานั่งทำงานต่อได้สักพัก
ต้นพยักหน้ายอมรับ ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่เขาจะปฏิเสธเรื่องนี้
"บางทีนะเว้ย พวกกูก็คิดว่ามึงกับไอ้สนเป็นคู่เกย์กันเสียอีกว่ะ" เพื่อนคนเดิมพูดพลางหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขำ จริงๆ ก็แค่พูดเล่นเท่านั้น แต่ก็ทำให้ต้นรู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่จะคุยเรื่องนี้พอสมควร ตอนนี้ในกลุ่มเพื่อนๆ ของต้นมีเพียงเจนี่ นิกและปั้นจั่นเท่านั้นที่รู้เรื่องที่ต้นเป็นเกย์ คนอื่นๆ ยังไม่มีใครรู้เลยเพราะต้นยังไม่มั่นใจที่จะเปิดเผย
"แล้วนี่มันมีแฟนหรือยังวะ" เพื่อนคนเดิมยังคงไม่หายสงสัย
"ตอนนี้น่าจะยังไม่มีนะ" ต้นคิดว่าเรื่องจะจบแล้วแต่เพื่อนของเขากลับยังสนุกกับเรื่องนี้ไม่เลิกรา
"พวกมึงสองคนนี่ชักยังไงๆ แล้วว่ะ มึงก็ไม่มีแฟน ไอ้สนก็ไม่มีแฟน เป็นอะไรกันหรือเปล่าวะ"
เต้เห็นต้นมีสีหน้าอึดอัดใจก็เลยรีบปราม
"พอแล้วพวกมึง ไอ้ต้นมันอุตส่าห์มาช่วยทำงานแล้วยังมาล้อมันอีก เดี๋ยวก็ให้ทำเองซะเลยนี่"
นั่นแหละจึงทำให้เพื่อนๆ ของต้นหยุดได้ เต้นับว่าเป็นเพื่อนที่สนิทของต้นอีกคนหนึ่งในคณะ แต่จะว่าไปแล้ว เต้ก็สงสัยในความสัมพันธ์ของต้นกับสนเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะไม่ได้พูดออกมาก็ตาม
ต้นย่อตัวลงข้างๆ โซฟาพลางยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นเพื่อนรักนอนหลับอย่างสบาย ใจจริงก็ยังไม่อยากปลุกสนให้ตื่นตอนนี้หรอก แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องกลับแล้ว
"สน ตื่นได้แล้ว กลับกันเถอะ"
เสียงเรียกพร้อมกับอะไรบางอย่างที่มาเขย่าแขน ทำให้สนค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น พอเห็นว่าต้นมานั่งย่อเข่าอยู่ข้างๆ ก็ยิ้มให้อย่างเขินๆ ก็แน่ล่ะ ปากบอกว่าจะมาอยู่ดูแลแต่ดันมานอนหลับเสียอย่างนั้น
"นายทำงานเสร็จแล้วเหรอ" สนถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียเล็กน้อย
"เสร็จตั้งนานแล้ว ไอ้ต้นมันไม่อยากปลุกมึง มันก็เลยนั่งคุยเล่นกับกูรอให้มึงตื่น แต่ดูท่าทางมึงจะไม่ตื่นง่ายๆ กูก็เลยให้ไอ้ต้นมาปลุกมึงซะเลย"
สนหันไปมองตามเสียง เต้นั่นเอง แล้วสนก็ค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งแล้วใช้มือจัดทรงผมให้เข้าที่ ดึงเสื้อให้คลายยับ
"กี่โมงแล้ว"
"หกโมง" ต้นบอกแล้วก็ลุกขึ้นยืน "พอดีเต้เขาจะต้องพาครอบครัวไปข้างนอกน่ะ เราก็เลยต้องมาปลุกนาย ขอโทษนะ"
"ขอโทษทำไม เราสิต้องขอโทษนาย ไม่ได้ดูแลนายเลย มัวแต่หลับ" สนรีบบอก
"พวกมึงสองคนนี่คุยกันเพราะเกินไปไหมเนี่ย คุยกันแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ เลยหรือเปล่าวะ" เต้ถามด้วยความสงสัย เขาไม่เคยเห็นเพื่อนที่ไหนคุยกันแบบนี้มาก่อนเลย
"อือ กูกับต้นก็คุยกันแบบนี้แหละ เดี๋ยวขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงก่อนนะ" สนเปลี่ยนเรื่องพูดพลางลุกขึ้นยืน
"เออๆ ตามสบาย ขอโทษด้วยนะเว้ยไม่ได้เลี้ยงข้าวเย็นพวกมึง พอดีต้องไปธุระว่ะ" เต้บอกอย่างเกรงใจ ต้นมาช่วยทำงาน สนมาทำอาหารให้กิน แต่เขายังไม่ได้ทำอะไรตอบแทนน้ำใจของเพื่อนเลย เอาไว้คราวหลังแล้วกัน
หลังจากออกมาจากบ้านเต้ สนก็ชวนต้นไปกินข้าวเย็นด้วยกันที่ตลาดโต้รุ่งแห่งหนึ่งที่สนเคยมากินกับเพื่อนที่คณะสองสามครั้ง จากนั้นจึงพาต้นนั่งรถแดงกลับมาที่บ้าน ดีที่ว่ายังพอมีรถวิ่งอยู่บ้าง ไม่งั้นก็ลำบากแย่เลย
ระหว่างทาง ต้นหยิบโทรศัพท์ออกมา เสียบหูฟังแล้วก็ส่งหูฟังอีกข้างหนึ่งให้สน สนมองอย่างแปลกใจแต่ก็รับมาแต่โดยดี ตอนนี้บนรถมีเพียงแค่ต้นกับสนสองคนที่นั่งอยู่ด้านหลังเท่านั้น
"เราชอบเพลงนี้" ดูเหมือนคนพูดจะประหม่าอยู่ไม่น้อย เพลงนี้คงมีอะไรสักอย่างที่พิเศษต้นถึงอยากให้สนฟัง
พอสนฟังไปได้หน่อยหนึ่งก็ขอหูฟังอีกข้างมาจากต้น
"ขอฟังแบบเต็มๆ หน่อยได้ไหม"
ต้นยิ้มเขินๆ พร้อมกับส่งหูฟังอีกข้างให้สน
https://www.youtube.com/v/7sv1wdULphwเคยแอบมองเธออย่างนั้น
เคยเก็บไปฝันเดียวดาย
เคยโกรธดวงดาวแสนไกล
ที่ไม่ดลใจเธอเลยสักครั้ง
รู้ว่าเป็นเพียงแค่ฝัน
รู้ว่าตัวฉันเป็นใคร
ก็รู้แต่ไม่อาจห้ามใจ
ก็ยังฝันไกล หวังไปเลื่อนลอย
เผื่อจะมีซักคืน เผื่อจะมีซักวัน
ที่มีปาฏิหาริย์ช่วยทำให้ฝันจริงขึ้นมา
ได้เป็นคนรักเธอ ได้เป็นคนพิเศษ ในสายตา
แม้ตื่นมาทุกอย่างจะหาย และกลับไปเหมือนวันเก่า
ยอมหากจะต้องผิดหวัง
ยอมกลับไปเหงาดังเดิม
และยอมถูกความจริงซ้ำเติม
แลกกับคืนหนึ่งให้ใจนอนฝันดีแสงไฟข้างถนนที่สาดส่องเข้ามาเป็นระยะจากทุกทิศทุกทางช่วยให้ใบหน้าของสนที่ดูยิ้มละไมมีเสน่ห์น่าหลงใหล ไม่รู้ว่าสนฟังเพลงนี้แล้วจะรู้สึกยังไงบ้าง เห็นแต่นั่งยิ้มและมองต้นเหมือนกับคิดอะไรบางอย่าง ต้นดีใจที่ในที่สุดสนก็ได้ฟังเพลงนี้ สนคงไม่เคยรู้สินะว่าในทุกๆ ค่ำคืนต้นจะฝันถึงสนยังไงบ้าง คนที่แอบรักเพื่อนอย่างต้นก็มักจะมีโลกส่วนตัวที่สุข เศร้าและเหงาอย่างนี้แหละ เพ้อฝันลมๆ แล้งๆ แม้ความจริงจะไม่สมหวัง แต่ความรักที่สวยงามก็อยู่ในจินตนาการของต้นเสมอ
สายตาที่ส่งมาพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนทำให้ต้นเขินจนต้องหลบและหันไปมองทางอื่น จนกระทั่งเพลงนั้นจบลง สนก็ส่งหูฟังคืนให้ต้น สีหน้ายังคงระบายด้วยรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา ต้นเก็บหูฟังและโทรศัพท์ใส่กระเป๋าสะพายแล้วก็นั่งเงียบ ไม่กล้าสบตาเพื่อน
"เพลงเพราะดีนะ เราชอบ"
ต้นหันไปมองเจ้าของเสียงแล้วก็หันกลับมาก้มดูมือของตัวเองเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
"เวลานายฝันถึงเรา นายฝันยังไงบ้างล่ะต้น ไม่ได้ฝัน...ว่าทำมิดีมิร้ายกับเราใช่ไหม"
คำถามนี้คงจะมาจากเนื้อเพลงนั่นเอง แต่สนก็ทำให้มันตลกในตอนท้ายเสียอย่างนั้น
"บ้า..."
"แล้วฝันอะไรบ้างล่ะ อยากรู้...บอกได้ไหม" สนถามพร้อมกับเขยิบเข้ามานั่งจนชิดตัวของต้น
"จำไม่ได้แล้ว..."
เห็นคนตอบเขินจนหน้าแดงสนก็เลยไม่อยากแกล้งให้เพื่อนเขินไปมากกว่านี้
"ไว้วันไหนจำได้บอกเราด้วยนะ"
ต้นพยักหน้าน้อยๆ
"เรื่องเต้ย ต้นอย่าคิดมากนะ เราไม่ได้คิดอะไรกับน้องเขาหรอก"
จู่ๆ สนก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้คนฟังหันไปมองอย่างสงสัย
"นายบอกเราทำไมเหรอ..."
"ก็...ไม่รู้สิ กลัวคนบางคนน้อยใจมั้ง" สนหัวเราะเบาๆ
"ไม่ต้องห่วงเราหรอก ถ้านายชอบใคร...นายก็ชอบไปเหอะ เราไม่เป็นไรหรอก"
"จริงเหรอ..." สนเลิกคิ้ว ทำหน้าทะเล้น
ต้นหน้าม่อยลงเล็กน้อย "จริงสิ เราจะไปห้ามหัวใจใครได้ล่ะ ถ้านายชอบใคร ก็ทำตามหัวใจของนาย ไม่ต้องห่วงเราหรอก เรารู้...ว่าเราเป็นใคร"
สนลูบผมเพื่อนอย่างเบามือ เขารู้ว่าต้นน้อยใจแต่ก็พยายามกลบเกลื่อน
"สน...นายรู้ตัวไหมว่านายน่ะ เป็นผู้ชายที่แปลกที่สุดในโลก ขนาดรู้ว่าเราเป็นอะไร คิดยังไงกับนาย นายก็ยังคบเป็นเพื่อนกับเราได้ เราไม่เคยเจอใครแบบนี้เลย"
ในระหว่างที่ต้นพูด สนหยุดฟังอย่างตั้งใจ พอต้นพูดจบสนก็หัวเราะเบาๆ ไม่รู้สิ ต้นรู้สึกว่าสนดูมีความสุข สายตาและรอยยิ้มของสนบ่งบอกว่าเขามีความสุขมาก แต่ก็ไม่รู้ว่ามีความสุขเพราะอะไร
"ก็เจอแล้วนี่ไง ก็ดีไม่ใช่เหรอ"
ต้นกับสนประสานสายตากันและยิ้มอย่างมีความหมาย จากนั้นก็หันไปมองดูบรรยากาศรอบๆ ตัวแก้เขิน ปล่อยใจให้คิดไปตามสิ่งที่อยากจะคิด
"ต้น..."
"หืม..."
สองหนุ่มหันหน้ามามองกันอีกครั้ง ใจจดใจจ่อกับบทสนทนาต่อไปที่จะเกิดขึ้น
"นายคงจะรอคอยปาฏิหาริย์นี้มานานแล้วใช่ไหม"
แม้จะเป็นคำถามที่มาจากเนื้อเพลง แต่มันก็ทำให้ต้นอดใจเต้นรัวไม่ได้ว่าสนต้องการสื่ออะไรกันแน่ ต้นพยักหน้ายอมรับ ส่งรอยยิ้มให้คนที่นั่งข้างๆ อย่างมีความหวัง
"เหนื่อยจัง ขอนอนหน่อยนะ"
แล้วสนก็เอนตัวซบลงบนไหล่ของต้น ไม่ได้พูดอะไรอีกเลยหลังจากนั้น แล้วก็หลับไปจริงๆ เพราะความอ่อนเพลียจากการเดินทางตลอดทั้งคืน นี่คือปาฏิหาริย์ที่ต้นรอคอยหรือเปล่านะ?
แม้สนจะไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้ต้นคิดเดาไปต่างๆ นาๆ แต่ต้นก็มีความสุขมากแล้ว ตอนนี้คนที่ต้นรักหมดหัวใจนอนซบอยู่ที่ไหล่ ช่างเหมือนกับที่เคยฝันไว้ ต้นใช้มือปัดเกลี่ยผมที่ปรกหน้าสนขึ้นอย่างเบามือ ความอบอุ่นจากคนที่นอนหลับไหลแผ่ซ่านซึมผ่านเข้ามาถึงหัวใจของต้น เสียงเพลงที่เพิ่งฟังไปเมื่อสักครู่นี้ดังขึ้นในใจอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้คงเป็นเพียงแค่ความฝัน ตื่นขึ้นมาแล้วทุกอย่างก็หายไป ต้นจะขอยอมแลกความเจ็บปวดทั้งหมดกับช่วงเวลาสั้นๆ ขอเพียงแค่ได้อยู่ใกล้ชิดกับสนในบรรยากาศพิเศษแห่งค่ำคืนนี้
"เรารักนายนะสน หวังว่าวันนึงจะมีปาฏิหาริย์ ทำให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไป"
TBC