-22-
“เสร็จยังแม่ให้มาตาม”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้งตามมาด้วยร่างสูงใหญ่โผล่หน้าเข้ามา พีทเห็นคนตรงหน้าก็เลิกคิ้วแปลกใจก่อนรอยยิ้มสวยจะปรากฏบนใบหน้าหล่อ
“ไหนว่ากลับมาพรุ่งนี้ไง”
อีกฝ่ายยิ้มขี้เล่นเดินอาด ๆ เข้ามานั่งบนเตียงของคนตัวขาว
“เซอร์ไพรส์ไง ตกใจไหมล่ะ”
“นิดหน่อย”
พีทโคลงหัวอมยิ้ม มือขาวหยิบโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง หยิบกระเป๋าสตางค์แล้วหันมาพยักหน้าให้คนที่นั่งอยู่บนเตียงตัวเอง
“จะไปด้วยกันไหมหรือว่าจะนอนก่อน”
“ไปสิ โถ่กลับมาหาครอบครัวทั้งที่
พี่จะให้ผมเอาแต่นอนหรือไง”
“ใครจะไปรู้ก็น่าจะเดินทางมาเหนื่อย ๆ เอ...ดำขึ้นอีกแล้วสิ”
พีทเดินเข้ามาสำรวจน้องชายของตัวเอง ภีมส่ายหัวถอนหายใจหน่าย
“ผมเรียนนายร้อยนะพี่ไม่ได้เป็นสจ๊วตเหมือนพี่ที่วัน ๆ ได้ออกแดดบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตัวขาวโอโม่แสบตาจะตาย”
น้องชายตัวดีที่ถ้าไม่บอกก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาทั้งสองเป็นพี่น้องกันเมื่อก่อนก็มีส่วนคล้ายอยู่หรอกแต่พอเจ้าตัวสอบติดแล้วต้องไปเรียนไปฝึก กลับมาอีกทีพีทแทบร้องไห้เพราะนอกจากจะดำขึ้นแล้วกิริยาท่าทางของน้องชายก็เปลี่ยนไปด้วย เขาล่ะอยากจะไปกราบขอบคุณคุณครูที่โรงเรียนที่สามารถทำให้ลิงกังกลายเป็นกอริลา เอ้ย...กลายเป็นผู้เป็นคนได้ขนาดนี้
“พูดมาก”
“ใช่ซี่! ผมไม่ใช่พ่อคุณชายของพี่นี่”
พีทเลิกคิ้วสูงด้วยความแปลกใจ ก่อนจะหรี่ตามองน้องชายที่ลอยหน้าลอยตาใส่ได้น่าหมั่นไส้ที่สุด
“ไปรู้อะไรมา”
เพราะพีทมั่นใจว่าเขายังไม่เคยพูดถึงเรื่องคิวให้คนที่บ้านรับรู้ น้องชายตัวดียักไหล่ประสานมือกับท้ายทอย
“ถึงผมจะอยู่ที่โรงเรียนแต่พี่อย่าลืมนะว่าพวกเพื่อนผมก็มีเรียนอยู่มหาลัยเก่าพี่ แล้วบังเอิญ....เพื่อนผมก็เรียนอยู่ปีสามคณะวิศวะฯด้วยสิ”
ภีมยักคิ้วหลิ่วตาใส่ พีทตบหน้าผากตัวเองเสียงดังแปะ อมยิ้มส่ายหัวลืมไปเสียสนิทเลย
“มีอะไรจะสารภาพหรือเปล่าพี่”
คราวนี้เป็นพีทที่ลอยหน้าลอยตาใส่น้องชาย
“ไม่บอก”
“กินเด็กก็งี้ อยากเก็บความเป็นอมตะไว้คนเดียวล่ะสิ”
“เพ้อเจ้อ ก็ยังไม่ได้คบกันเลยยังไม่ได้บอกเรื่องของคิว”
“คิว?”
“ก็ผู้ชายคนนั้นแหละ อย่ามาทำเป็นไม่รู้ พี่รู้นะว่าเพื่อนเราคงจะบอกหมดแล้ว”
“ก็นิดหน่อย แต่เขาเป็นผู้รากมากดีไม่ใช่หรือพี่”
“ก็รู้เยอะนี่”
ภีมส่งเสียงจิ๊จ๊ะใส่พี่ชาย พีทมองน้องชายด้วยความเอ็นดูแล้วยิ้มขำ
“แล้วมันจะไม่เป็นปัญหาหรือไง”
“ปัญหาอะไร”
“โถ่พี่ ก็เขามีหน้ามีตาในสังคม พ่อแม่เขาจะรับได้หรือถ้าลูกเขามีแฟนเป็นผู้ชาย”
พีทแกล้งขมวดคิ้วเครียด คนเป็นน้องเห็นดังนั้นก็พาลเครียดไปด้วย
“เฮ้ยพี่ ผมแค่พูดไร้สาระอย่าคิดมากเลย”
พีทส่ายหน้า
“ต้องคิดมากสิ เพราะคนนี้
พี่จริงจัง”
ภีมเบิกตากว้างอ้าปากหวอ
“เรื่องจริง? ผมไม่คิดว่าพี่จะชอบเด็ก เอ๊ะแต่ก็ไม่เด็กสิอายุเท่าผม”
พีทแกล้งทำหน้าเศร้า ร้อนจนถึงคนเป็นน้องต้องรีบลุกเดินมาหาลูบหน้าลูบหลังปลอบ
“เฮ้ยไม่เป็นไรนะพี่ เรื่องนี้ต้องมีทางออกเราค่อย ๆ ช่วยกันคิดก็ได้ โอ่ยแล้วพ่อแม่ไอ้หมอนั่นมันเป็นไงวะเนี่ย เป็นคุณหญิงคุณนายใส่เพชรเต็มตัวหรือเปล่า”
พีทเกือบหลุดขำเมื่อเห็นน้องชายทำท่าร้อนรนเกาหัวเกรียน ๆ ของตัวเองอย่างคิดไม่ตก
“น่ารัก”
“หือ?”
พีทเลิกแกล้งเด็กเงยหน้ามองภีมแล้วยิ้มหวาน
“พ่อแม่คิวน่ารัก บอกว่าว่าง ๆ ให้ไปเที่ยวบ้าน”
ภีมหน้าเหวอ สตั๊นไปสามวิแล้วร้องโวยวาย
“โว๊ย พี่แม่งคนอุตส่าห์เครียด หลอกกันได้นะแม่ง”
“ก็ดูเราสิ ตลกจะตาย ไป ๆ พ่อแม่รอแย่แล้ว”
พีทผลักหัวน้องชายแล้วรุนหลังเด็กขี้บ่นให้เดินออกจากห้อง ภีมบ่นตลอดทางจนถึงชั้นล่าง ทุกคนนั่งเล่นกันอยู่พอเห็นว่าเขาสองพี่น้องลงมาก็พยักหน้าเป็นสัญญาณให้ออกเดินทาง
“น้าพีท~~~~~~”
หมับ!
แรงปะทะเท่าแมวชนตรงขาของพีทเรียกให้ร่างสูงก้มไปมองด้วยความเอ็นดู คนตัวขาวย่อตัวลงไปรับเด็กหญิงวัยสี่ขวบเข้ามาในอ้อมกอด
“ว่าไงคะน้องเอม”
“น้องเอมคิดถึง~~~~”
กลัวน้าชายจะไม่เชื่อเด็กหญิงลูกครึ่งจึงยืดตัวหอมแก้มคุณน้าคนโปรดอีกฟอดใหญ่
“น้าพีทก็คิดถึงน้องเอมค่ะ”
“อะไรกันน้าภีมก็ยืนอยู่ไม่เห็นน้องเอมจะสนใจกันบ้างเลย”
หนุ่มตัวสูงผิวกร้านแดดทำหน้าบึ้งย่อตัวลงมาหาหลานสาวของตัวเองบ้าง เด็กน้อยเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นก็เบิกตากว้างแล้วรีบยิ้มเอาใจ
“น้าภีมน้องเอมก็คิดถึงนะคะ”
บอกไปอย่างนั้นแต่แขนเล็กกลับกอดคอน้าชายคนหล่อแน่น เรียกสายตาเอ็นดูจากผู้ใหญ่ในบ้านกันใหญ่ ภีมเบะปากงอนก่อนจะรับแรงปะทะจากด้านหลังจนเจ้าตัวหน้าเกือบทิ่ม
“พี่ก้ามาแล้ววววววววววว”
เสียงหัวเราะดังขึ้นเมื่อหลานชายอีกคนปรากฏตัวขึ้น ภีมหัวเราะแล้วกอดเด็กน้อยจากด้านหลังให้ขยับขึ้นขี่คอ เด็กน้อยชอบใจร้องเรียกให้พ่อแม่ตัวเองดูใหญ่
“แด๊ดมัมดู ๆ พี่ก้าสูงกว่าน้องเอมอีก”
“น้าพีทน้องเอมอยากขี่คอบ้าง”
พอเห็นแฝดพี่ตัวเองทำเด็กน้อยก็ไม่ยอมร้องจะขี่คอแบบที่ภีมให้ลูก้าขี่บ้าง พีทจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่สาว ลูกพี่ลูกน้องของเขา
“น้องเอมเป็นผู้หญิงเล่นแบบพี่ก้าไม่ได้ค่ะ”
เมื่อคุณแม่พูดแบบนั้นเด็กหญิงก็ก้มหน้าหงอยกอดคอพีทอย่างน่าสงสาร พี่ชายเงียบเสียงลงก้มไปกระซิบอะไรบางอย่างกับภีม เห็นน้องชายตัวเองอมยิ้มพยักหน้าแล้วย่อตัวลงปล่อยหลานชายลงพื้น
“น้องเอมขี่คอพี่ก้าก็ได้นะ”
“แต่พี่ก้าตัวเท่าน้องเอม”
“พี่ก้าแข็งแรง สบ๊าย”
ลูก้าทำท่าเบ่งกล้ามให้น้องสาวฝาแฝดของตัวเองดู เด็กหญิงมองพี่ชายตาแป๋วแล้วส่ายหน้า
“ไม่ขี่ก็ได้เดี๋ยวพี่ก้าเจ็บ”
พวกผู้ใหญ่ต่างอมยิ้มเอ็นดูมองสองพี่น้องคุยกันจนกระทั่งพี่เขยของเขาบอกให้ออกเดินทาง วันนี้บ้านพีทและญาติ ๆ ที่ประกอบไปด้วยบ้านของลุงจะเดินทางไปเที่ยวเขาค้อกัน ขับรถกันไปสามคัน มีคันของบ้านพีท ของพี่เขย แล้วก็ของลุง
ใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงจากที่บ้านมายังเขาค้อ จริง ๆ แล้วใช้เวลาไม่มากขนาดนี้แต่เพราะพวกเขามีเด็กและคนสูงอายุจึงแวะระหว่างทางกันค่อนข้างบ่อย บ้านที่พี่เขยของพีทซื้อไว้อยู่ในหมู่บ้านที่ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักตากอากาศกันหมด ตัวบ้านแยกเดี่ยวตั้งอยู่ตามเนินเขาดูสวยงาม ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ต่างประเทศ
“นี่เห็นว่าบ้านข้าง ๆ เราถูกซื้อไปแล้วล่ะ”
พี่จีลูกพี่ลูกน้องของพีทบอก พี่จีเป็นแม่ของลูก้าและเอ็มม่าซึ่งบ้านที่พวกเขาอยู่กันตอนนี้ก็คือบ้านที่พี่เขยชาวอังกฤษซื้อไว้นั่นเอง
“เร็วจัง พี่เพิ่งบอกผมไปเมื่อเดือนที่แล้วว่าเขาเพิ่งประกาศขายนี่ครับ”
“ใช่ ๆ เห็นเจ้าของเก่าบอกกับจอห์นว่าขายให้คนรู้จัก นี่เขาก็มากันนะมีเด็กด้วยคนเล็กรุ่นเดียวกับลูก้าเอ็มม่าเลย วิ่งเล่นกันสนุกอยู่นอกบ้านน่ะ เอ้อลูกชายบ้านนั้นเขาก็หล๊อหล่อ พีทเอ๊ย! อย่างกับพระเอกหนัง”
พีทหัวเราะพี่สาวที่บรรยายสรรพคุณบ้านข้าง ๆ อย่างออกรสออกชาติโดยเฉพาะลูกชายของบ้านนั้น
“พี่! ออกไปเดินเล่นกัน”
ภีมโผล่หน้าเข้ามาในครัวกวักมือเรียกพีท พี่จีพยักหน้าให้เชิงอนุญาตเพราะหน้าที่ในครัวตอนนี้ยังไม่มีอะไรให้ทำ พีทเดินไปล้างมือแล้วเดินมาหาน้องชาย
“ไม่ง่วงหรือไง”
“นอนไปในรถแล้ว”
“แน่สิให้พี่ขับตัวเองกับแม่นอนสบายเลย”
ภีมทำปากยื่น พาดแขนบนบ่าพี่ชายที่เตี้ยกว่าเขาเล็กน้อย
“ก็พี่อาสาเอง”
“เออ ๆ ไม่เถียง ไปสิอากาศกำลังดี”
สองพี่น้องเดินออกมาจากบ้าน ตอนนี้เป็นเวลาย่ำเย็นอุณหภูมิที่นี่น่าจะประมาณยี่สิบองศาต้น ๆ เป็นอากาศแบบที่พีทชอบ ได้ยินเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ มาจากบ้านข้าง ๆ ก็อมยิ้ม สงสัยสองแสบคงได้เพื่อนใหม่กลับไป
“เออว่าจะถามก็ลืม”
“ว่า?”
“กับหมอนั่นพี่จริงจังใช่ป่ะ”
พีทเลิกคิ้ว พอประมวลผลในสิ่งที่น้องถามได้ก็พยักหน้า เขาสองคนออกมานั่งเล่นที่สวนหลังบ้าน โชคดีที่บ้านของพี่เขยได้ทำเลดีตั้งอยู่บนเนินเขา มองลงไปเห็นบ้านตั้งเรียงราย อีกฝั่งหนึ่งเป็นภูเขา บรรยากาศสงบเงียบแม้เป็นช่วงปีใหม่ เหมาะแก่การพักผ่อนจริง ๆ
“อืม ตอนแรกก็ไม่คิดอะไรหรอก แต่พออยู่ด้วยกันไปเรียนรู้กันไปเรื่อย ๆ คิวเป็นคนดีนะ ดีมากเลยล่ะ”
“อ่าฮะ เขาดีกับพี่ผมก็ดีใจด้วย แต่ว่า...”
พีทเลิกคิ้วถาม ภีมมองพี่ชายนิ่งแล้วถอนหายใจ
“พี่ลืมเขาได้แล้วหรือ”พีทชะงัก ตาสวยหลุบมองมือบนตักตัวเอง ริมฝีปากขบเม้มอย่างคนใช้ความคิด ชั่วครู่พี่ชายก็เงยหน้าขึ้นมาวาดยิ้มสวยส่งให้ผู้เป็นน้อง
“ยังไม่ลืมหรอก”
“อ้าว”
“ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องลืมเขานี่ เขาก็ถือเป็นความทรงจำที่ดีของพี่ทำไมพี่ต้องลืมด้วยล่ะ”
“แต่เขาทำให้พี่เสียใจ!”
เสียงของภีมแข็งกร้าวขึ้น พีทยิ้มส่ายหัวยกแขนกอดคอน้องชาย
“พี่ทำตัวเองต่างหาก”“...”
“ก็แค่เก็บเขาไว้เป็นความทรงจำแล้วเดินหน้าต่อไปแค่นั้นเอง อย่าไปโกรธอะไรเขาเลยน่ะ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว”
“แต่พี่ก็ไม่เคยเปิดใจให้ใครเลยนะ”
ภีมเถียง เขารู้ดีว่าพี่ชายรักคน ๆ นั้นมากแค่ไหน แต่...
“ตอนนี้พี่ก็เปิดแล้วนี่ไง”
คนน้องทำหน้ายู่แล้วถอนหายใจ
“ตอนแรกนะผมคิดว่าพี่จะลงเอยกับโคคนนั้นชื่ออะไรนะ โยใช่ป่ะ”
“อือชื่อโย แต่ก็บอกแล้วนี่ว่านิสัยบางอย่างไปด้วยกันไม่ได้”
“แล้วกับคิวล่ะ”
พีทยักไหล่ นึกถึงเด็กหมีที่เพิ่งส่งข้อความบอกเขาว่าสัญญาณไม่ค่อยมีอาจจะขาดการติดต่อไปด้วยรอยยิ้มหวานแล้วตอบน้องชาย
“พี่สบายใจเวลาอยู่กับคิว รู้สึกเป็นตัวของตัวเอง”
“ได้ยินแบบนี้ก็ดี๊”
พีทหลุดหัวเราะหันไปมองน้องชาย
“ทำไมต้องเสียงสูง”
“เขาฮิตกันไม่ใช่หรือไง”
“แล้วเราเป็นไงบ้าง”
“เหมือนเดิม ก็ดีพี่ปีหน้าก็จบผมว่าจะกลับมาอยู่ค่ายพ่อ”
พีทพยักหน้าเข้าใจพ่อของเขาก็เป็นทหารเหมือนกันแต่ตอนนี้เกษียณตัวเองออกมาปลูกผักเลี้ยงหมาตามประสาคนแก่แล้ว
“ดีแล้ว”
“แล้วพี่อ่ะไม่คิดจะกลับมาอยู่บ้านหรือไง”
“ยังก่อนยังสนุกกับงานอยู่”
คนน้องส่ายหัว เห็นแบบนี้พี่ชายเขาดื้ออย่าบอกใครเลย ไม่รู้ไอ้หมอนั่นจะรู้หรือเปล่า
“ไปเดินเล่นกัน”
พีทเปลี่ยนเรื่องตบหน้าขาน้องชายเบา ๆ ให้ลุกขึ้น สองพี่น้องเดินชมนกชมไม้กันไปเรื่อยจนถึงสนามเด็กเล่นที่มีหลาน ๆ ของพวกเขาเล่นกันอยู่
“โอ๊ะ ลูกบอลใครครับ”
พีทย่อตัวเก็บลูกบอลที่กลิ้งมาโดนเท้าตัวเอง เด็กผู้ชายวัยน่าจะประมาณหลานทั้งสองของเขาวิ่งยิ้มแฉ่งเข้ามาหยุดตรงหน้าก่อนจะพนมมือไหว้อย่างสวยงาม
“สวัสดีคับ! ของพี่ฟรอสเองคับน้าฉุดหล่อ”
พีทหลุดหัวเราะให้กับความปากหวานของเด็กน้อยตรงหน้า เห็นแล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้จนต้องย่อตัวลงไปนั่งคุยเล่นด้วย
“ของพี่ฟรอสคนหล่อหรือครับ”
พอรู้ตัวว่าถูกชมเด็กชายก็ยิ้มกว้างพยักหน้าลงหงึกหงัก
“คับผม!”
“ให้น้าพีทเล่นด้วยคนได้ไหมครับ”
เด็กน้อยทำหน้าคิดจนเสียงฝีเท้าเล็ก ๆ ดังตึกตักเข้ามาใกล้
“น้าพีท~ น้าภีม”
“ลูก้ากับเอ็มม่ารู้จักน้าฉุดหล่อด้วยหยอ”
เด็กแฝดพยักหน้ายิ้มแฉ่งก่อนที่จะกระโจนมากอดขาเขาคนละข้าง
“ช่าย~~~ น้าพีทเป็นน้าของพี่ก้าเอง”
ภีมย่อตัวนั่งลงคุยกับเด็ก ๆ บ้าง
“แล้วเด็ก ๆ เล่นอะไรกันอยู่ครับ”
“เล่นเตะบอลอยู่คับน้าภีม แต่พี่ก้าเตะแรงไปหน่อยบอลเลยออกมานอกสนาม พี่ฟรอสเลยวิ่งมาเก็บให้”
“ใช่ ๆ พี่ฟรอสใจดีที่ฉุด”
เอ็มม่าเอ่ยชมเพื่อนใหม่ด้วยท่าทางขวยเขิน คนถูกชมก็บิดเขิน ผู้ใหญ่สองคนได้แต่อมยิ้มเอ็นดู
“พี่ฟาก็เล่นด้วยแต่พี่ฟายืนรออยู่ตรงโน้นกับคุณพ่อ”
เด็กตัวเล็กชี้มือไปทางสนามหญ้าที่มีเด็กตัวโตกว่ายืนยิ้มโบกมือมาให้ข้างกันนั้นเป็นคุณพ่อของเด็กทั้งสองที่ยืนนิ่งมองเขาทั้งสองคนอยู่ก่อนแล้ว
พีทรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองชาดิก ลมหายใจขาดห้วงลมเย็นที่พัดผ่านร่างกายหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ ขอบตาร้อนผ่าวและเริ่มพร่ามัวเมื่อชายหนุ่มผู้เป็นพ่อของเด็กทั้งสองเดินเข้ามาหาอย่างเชื่องช้า
“พีทจริง ๆ ด้วย พี่มองอยู่ตั้งนาน”
กว่าพีทจะหาเสียงของตัวเองเจอ น้ำตาเจ้ากรรมก็ชิงไหลออกมาเสียก่อนแล้ว
“พี่คิน”tbc
Talk. เตรียมต้มน้ำให้เดือด