Cardiotoxin.. ความรักน่ะควรจะเป็นสิ่งที่น่าทะนุถนอมมากที่สุด..
..แต่จะทำยังไง.. ในเมื่อผมได้ทำร้ายมันจนแหลกคามือไปซะแล้ว...
.
“ ชาไม่อยากเป็นเพื่อนเต๋าแล้ว! เข้า ใจ มั๊ย!! ”
ประโยคนั้นดังวนอยู่ในห้วงคำนึงของผมย้ำๆซ้ำราวกับเทปที่เปิดกรอไปมาอยู่อย่างนั้น พูดกันอย่างนี้ก็ไม่ต่างกับการทำให้ความรู้สึกของผมแหลกเป็นเศษ แล้วก็เหยียบซ้ำให้จมดิน ..ไม่อยากเป็นเพื่อนกันแล้วอย่างนั้นหรอ?.. คิดจะตัดความสัมพันธ์กันดื้อๆอย่างนี้น่ะหรอ?.. ถ้าอย่างนั้นผมก็จะตัดความเป็นเพื่อนกันแบบดื้อๆได้เหมือนกัน!
“ ถ้าไม่อยากเป็นเพื่อนกัน งั้นก็จะทำให้เป็นอย่างอื่น.. ”
ผมพูดประโยคนี้ออกไปด้วยหลากความรู้สึก ..ทั้งโกรธทั้งเสียใจ.. รู้ตัวอีกก็กระชากแขนของอีกคนมาอย่างแรง ดึงให้ร่างนั้นเข้าใกล้อ้อมแขนอีกครั้งก่อนจะขบเม้มเข้าที่ลำคอระหง คนในอาณัติเบือนหน้าหนีขัดขืนปลายจมูกที่พยายามซุกไซร้
“ ปล่อยนะเต๋า!! ” อีกคนตวาดใส่พร้อมทั้งพยายามจะผลักออก ผมรวบเรียวแขนที่ปัดป่ายอยู่นี้ไว้ในรอบกำมือ ..รังเกียจกันขนาดนี้เลยใช่มั๊ย?!
“ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!! ”
ไม่ปล่อยซะหรอก! คชาไม่รู้รึไงว่าทำให้ผมเสียใจถึงขนาดไหน.. แรงดิ้นที่ผมเข้าใจว่าอีกคนคงจะพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว แต่สำหรับผมมันเป็นเพียงเรี่ยวแรงขัดขืนเล็กๆน้อยๆที่กำลังทำให้อารมณ์บางอย่างคุกรุ่นขึ้นมา ผมยิ่งรุกหนัก.. เรียวมือละลาบละล้วงใต้สาบเสื้อจนอีกคนตัวสั่นเทา
“ ถ้าเต๋าบอกว่าพี่ต้นเล่าให้เต๋าฟังหมดแล้วล่ะ.. ”
คชาเบิกตากว้างเมื่อได้ยินสิ่งที่ไม่คาดคิด ขณะที่ผมเลื่อนปลายลิ้นมาลามเลียขอบเอวบาง เข้าขบจนเป็นรอยฟันก่อนจะกดจูบซ้ำ คนตรงหน้าหลุดเสียงครางแผ่วเบาด้วยความเจ็บ
“ แล้วถ้าเต๋าบอกว่า.. เต๋าอยากทำแบบคืนนั้นอีกล่ะชา.. ”
ผิวเนื้อเนียนนิ่มยิ่งทำให้ผมแทบคลั่ง ปีศาจราคะเข้าครอบงำจิตใจจนแทบไม่รับรู้อะไร
“ ปล่อยชาเถอะนะ.. ”
“ บอกให้ปล่อย.. ฮึก.. ไง.. ”
ผมผละจากอีกฝ่ายทันทีที่ได้ยินเสียงสะอื้น ก่อนที่จะเตลิดไปกว่านี้ คนตัวเล็กหล่นร่วงลงกองกับพื้นแทบจะในวินาทีนั้น บ้าจริง!.. นี่ผมลืมไปแล้วรึไง.. คืนนั้นที่ผมทำร้ายคนตรงหน้าลงไปน่ะ คชายังพอจะเข้าใจว่าผมเมา แต่ตอนนี้.. ตอนที่ผมยังมีสติดีอยู่อย่างนี้.. ผมกลับเผลอทำมันลงไป..
“ ชา.. เต๋าขอโทษ.. ” ผมทรุดลงข้างกัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจิตใจของคนตรงหน้าบอบช้ำจากเหตุการณ์เมื่อครู่ไปมากแค่ไหน.. เอื้อมมือไปหมายจะแตะลงบนไหล่บางที่กำลังไหวสะท้าน หากทว่ากลับถูกปัดออกแทบจะทันที ..ผมคงถูกเกลียดเข้าจริงๆซะแล้วสินะ
“ ทำไม.. ฮึก.. ทำไมเต๋าเปลี่ยนไปขนาดนี้ล่ะ??.. ” ฝ่ายนั้นนั่งชันเข่ากอดตัวเองแน่น ก่อนจะสะอื้นออกมาอย่างหนัก
“ เต๋าไม่เคยเป็นแบบนี้.. แม้จะเคยขู่กันบ้าง.. ต..แต่ก็ไม่เคยตวาดใส่เราแบบนี้.. ”
“ เต๋าน่ะ.. ออกจะเป็นเพื่อนที่ดีขนาดนั้น.. มีอะไรก็คุยกันได้ตลอด.. ไม่เคยวู่วามขนาดนี้.. ”
“ ฮึก.. เราไม่เข้าใจ.. เต๋าคนนั้นน่ะ.. หายไปไหนกัน?.. ”
หน้าหวานเงยขึ้นมาราวกับต้องการคำตอบจากกัน นัยน์ตาเรียวเล็กคู่นั้นเปี่ยมด้วยน้ำตาสะท้อนตรงหน้าผม เพียงเท่านั้นความรู้สึกผิดก็ถาโถมเข้ามา.. แล้วจะให้ผมทำยังไง.. จะให้เราบอกไปว่าเราเปลี่ยนไปเพราะแอบรักงั้นหรอคชา?..
“ ทำไมล่ะชา?.. ” ผมเอ่ยขึ้น “ ทั้งที่ตัวเองก็เสียหายตั้งขนาดนี้.. แล้วเราก็เป็นคนทำนะ.. ทำไมถึงยังไม่ยอมเรียกร้องอะไร ทำไมยังให้อภัยกันอย่างนี้ล่ะ?! ”
นี่คือสิ่งที่ผมยังไม่เคยเข้าใจ ผมทั้งทำร้ายทั้งขืนใจคชาขนาดนั้น ทำไมยังนิ่งเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาเลย ขอแค่เพียงเรียกร้องความรับผิดชอบมา ..ผมก็ยินดีนะ..
“ ก็เพราะ.. ชาเห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเราไงเต๋า.. ล..แล้วคืนนั้นเต๋าก็เมาด้วย เรารู้.. เต๋าไม่ได้ตั้งใจหรอก.. ”
ประโยคเหล่านั้นทำเอาผมหน้าชา.. มันยิ่งกว่าละอายใจ ทั้งที่คชาทั้งแสนดีแล้วก็เปราะบางขนาดนี้.. นี่ผมทำร้ายเขาไปถึงขนาดนี้ได้ยังไง.. คชายังเห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเรา.. แต่ผมกลับทำอะไรโดยไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้เลย..
..ไม่เห็นแก่ความเป็นเพื่อน เพราะผมไม่เคยคิดกับคนๆนี้เป็นเพียงแค่เพื่อนกัน..
“ ต.. เต๋าขอโทษ.. ”
รู้ตัวอีกทีหยาดน้ำจากนัยน์ตาก็ร่วงสู่พื้น ยังร้องไห้ง่ายๆเหมือนเดิมสินะไอ่เต๋าเอ้ย! ..ไม่รู้ว่าคชาจะเข้าใจคำว่า ‘ขอโทษ’ ของผมบ้างไหม.. ไม่ใช่เพียงแค่ขอโทษเรื่องที่ผมเผลอทำร้ายเขาในคืนนั้นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์อย่างที่คชานั้นเข้าใจ แต่ขอโทษ.. ที่ผมวางแผนบ้าบอแบบนี้ขึ้นมา
“ เต๋าคนเดิมน่ะ.. อยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนหรอก.. ”
ผมเคลื่อนตัวเข้าใกล้อีกคน นั่งลงพิงบานประตูอยู่ข้างกัน พยายามโอบร่างคนตัวเล็กนั้นเข้ามาในอ้อมแขนเพียงข้างเดียว ฝ่ายนั้นมีท่าทีเหมือนจะขัดขืนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนิ่งแล้วยอมให้ผมกอดไว้
“ รู้มั๊ยว่าชากลัวแค่ไหน!.. กลัวจนแทบบ้า เมื่อกี้เต๋าน่ากลัวจะตายไป.. ” ไม่ใช่เพียงแต่คนในอ้อมกอดที่ยิ่งสะอื้นหนัก ตัวผมเองก็ไม่รู้ว่าน้ำตาของตัวเองจากไหนที่มันมากมายถึงขนาดนี้ “ ชากลัวว่าเต๋าจะทำร้ายชาเหมือนคืนนั้นอีก.. ถ้าเป็นอย่างนั้นอีกล่ะก็.. ชาคงไม่รู้จะมีชีวิตต่อยังไงแล้ว.. ”
..บอบบางชะมัด.. บอบบางเกินไปจริงๆ แต่ผมก็ยังทำร้ายได้ลง..“ ขอโทษนะที่ตวาดใส่ แต่เต๋าไม่รู้จริงๆ.. ว่าทำไมชาถึงทำอะไรโดยไม่ห่วงตัวเองแบบนี้ ”
ผมตระกองร่างนี้ไว้ด้วยความทะนุถนอมอย่างถึงที่สุด เจ้าคนหน้าเดียวนี่ยังสะอื้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ปลายนิ้วละไล้เรือนผมเพื่อปลอบโยนอีกฝ่าย เพียงครู่หนึ่ง.. ใบหน้านั้นก็ซบลงบนลาดไหล่ ก่อนที่เรียวแขนแบบบางจะโอบเข้ามาที่เอวของผม
“ ไอ่เด็กขี้แยเอ้ย! เลิกร้องไห้ได้แล้ว ฮึก.. ยิ่งร้องเต๋ายิ่งรู้สึกผิดนะ.. ”
ผมปล่อยให้อีกฝ่ายได้ร้องไห้ต่อซักพัก ก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วมาปาดน้ำตาบนแก้มเนียน ..ก็เพราะทั้งน่าปกป้องน่าดูแลอย่างนี้ไง ผมถึงได้รัก.. รักจนไม่รู้ว่าจะถอนตัวยังไง..
เจ้าคนหน้าเดียวแหงนหน้ามาหาผม ก่อนจะคลี่ยิ้มให้กัน “ เต๋าเองก็เหมือนกันแหละ หยุดร้องได้แล้ว ขี้แยกว่าชาซะอีก ”
ฝ่ายนั้นเลื่อนปลายนิ้วมาปาดน้ำตาให้ผมบ้าง ความรู้สึกวางใจกันอย่างสนิทของคนตรงหน้าเหมือนจะยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่ผมได้วางแผนกระทำไปนั้นมันเลวระยำมากแค่ไหน.. ผมยังเคยคิดจะบอกให้คชารู้เรื่องที่ผม ‘ตั้งใจ’ นี้ ขู่ปิดปากกัน แล้วก็ทำให้อีกคนนี้มาเป็นของผมโดยใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง ..แต่สิ่งที่คชาทำให้… มันดีเกินกว่าที่จะทำให้ผมเลวได้ขนาดนั้น
ผมทนฝืนกลืนก้อนสะอื้นที่จุกลำคอ กล่าวคำขอโทษซ้ำไปซ้ำมา “ ขอโทษนะชา.. เต๋าขอโทษ.. ”
..ไม่วิงวอนให้เธอสงสาร อ้อนวอนให้เธอมีใจ..
..แต่อย่าใจร้าย อย่าเกลียดกันก็พอ..“ ลุกขึ้นมาดีกว่า เราสองคนนั่งอยู่ตรงนี้นานเกินไปแล้ว ” ผมกล่าวกับอีกคน ก่อนจะยันตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วยื่นมือให้อีกคนหวังจะช่วยฉุดขึ้นมา ฝ่ายนั้นก็ยื่นมือมาจับกันไว้ แต่ไม่ทันได้ลุกขึ้นดีก็ทรุดลงไปอีกรอบจนผมต้องใช้แขนอีกข้างประคองกันไว้
“ ชา! เป็นไรไปน่ะ?! ”
คนหน้าเดียวกุมขมับแน่น ก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วมานวดที่หว่างคิ้ว แล้วเอ่ยเสียงแผ่ว “ น..หน้ามืดน่ะ.. ”
ผมรู้สึกโล่งใจที่อย่างน้อยคนตรงหน้าก็เป็นแค่อาการประจำเวลาที่เจ้าตัวเจอเรื่องเครียดมาอย่างหนัก ไม่ได้เป็นอะไรที่น่ากลัวกว่านั้น.. ผมค่อยๆประคองร่างนั้นให้นั่งลงบนโซฟาอย่างแผ่วเบา แล้วนั่งลงข้างกันคอยดูแลอาการ
“ ก็ร้องไห้หนักขนาดนี้ ไม่ปวดหัวด้วยก็บ้าแล้ว ”
ผมบอกให้อีกฝ่ายนอนลงเพื่อที่ผมจะให้ทำหน้าที่ประจำ.. หมอนวดประจำตัวคชานั่นแหละครับ แต่ดูเหมือนอีกคนจะแสดงท่าทีขลาดๆ นี่คงกลัวว่าผมจะทำอะไรอีกล่ะสิ
“ นอนไปเหอะหน่า แค่นวด ไม่ใช่นาบ ”
ว่าจบจึงค่อยดันให้หัวทุยๆนั่นนอนหนุนลงบนหน้าตัก กดน้ำหนักจากปลายฝ่ามือลงบนใบหน้าเพื่อให้อีกคนได้คลายความเมื่อยล้า หลับตาพริ้มเชียวนะไอ่ตัวเล็ก.. ปล่อยให้เวลาได้ล่วงเลยไปสักพัก ก่อนจะพบว่าลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของคนตัวเล็กบ่งบอกว่าเจ้าตัวได้เข้าสู้ห่วงนิทราไปเสียแล้ว
ผมสบมองหน้าหวานของคนบนตักแล้วลอบยิ้ม จินตนาการถึงรอยยิ้มของเจ้าคนหน้าเดียวที่ทำให้โลก ‘สว่าง’ ขึ้นมา ..อย่าน่ารักไปกว่านี้เลยได้มั๊ยคชา.. แค่นี้ผมเองก็รักจนไม่รู้จะหาทางออกอย่างไรแล้ว จากตอนที่เจอกันแล้วเคยคิดไปเองว่าเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ ยิ่งนานวันที่หวังว่าความรักที่มีให้มันจะลดน้อยลงไปจนเป็นเพื่อนกันได้อย่างปกติ ..แต่มันไม่ใช่เลยสักนิด…
ความรู้สึกที่ผมมีมันกลับยิ่งเพิ่มพูน อยากจะบอกกล่าวกันออกไป แต่ในเมื่อ ‘ความเป็นเพื่อน’ ระหว่างเราคือสิ่งที่คชาอยากจะรักษาไว้มากที่สุด รักษาเอาไว้จนแม้แต่จะต้องทำร้ายตัวเอง เพราะฉะนั้นแล้ว.. ผมเองก็ควรจะเก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ภายในใจ ไม่พูดมันออกมาให้ต้องทำร้ายอีกฝ่ายไปมากกว่านี้จะดีกว่า..
..ต่อให้ตัวผมเองจำต้องทนทรมานไปอีกสักแค่ไหนก็ตาม…
..อะไรที่ควรจะเป็นความลับน่ะ..
..ปล่อยให้มันเป็นเพียงความลับไปอย่างนั้นมันคงจะดีกว่า...
.
ทันใดนั้นเอง เสียงเครื่องมือสื่อสารที่สั่นรัวท่ามกลางความเงียบงันก็ปลุกผมขึ้นจากภวังค์ความคิด นึกขึ้นได้ว่ามือถือของคชานั้นยังอยู่ที่หลังเบาะรถ.. ยังไม่ได้หยิบออกมาเลยด้วยซ้ำ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นเครื่องของผมแล้วสินะ.. ผมลอบมองชื่อคนโทรเข้าบนหน้าจอก่อนจะขมวดคิ้ว
เพราะมันคือไอ่อ้นนั่นเอง.. ตื้อไม่เลิกจริงๆเหอะแม่ง!
ผมค่อยๆเคลื่อนตัวออกมาอย่างแผ่วเบา จัดแจงหมอนให้คนตัวเล็กได้หนุน ก่อนจะเดินไปรับสายคุยที่ระเบียงเพื่อไม่เป็นการรบกวนคนที่หลับอยู่
“ กูบอกมึงแล้วใช่มั๊ยไอ่อ้นว่าไม่ต้องโทรมาแล้ว ”
“ ตอนที่มึงพูดกับกูน่ะ.. มันของเครื่องคชา มึงไม่ได้บอกนี่ว่าห้ามกูโทรหามึงน่ะ ”
ผมกำหมัดแน่น ไอ่นี่มันวอนโดนส้นชะมัด! “ มีอะไรก็รีบๆพูดมาเลยดีกว่า! แม่งกวนตีนชิบหายอ่ะมึง”
“ คชาอยู่กับมึงใช่มั๊ย? มึงทำอะไรเค้า?! ”
น้ำเสียงร้อนรนทำให้ผมลอบยิ้มด้วยความสะใจ เป็นห่วงมากนักสินะ หึ! มึงควรจะรู้ได้แล้วว่าคชาน่ะ.. ‘ของใคร’
“ อยู่กับกูเอง สบายใจได้.. หึหึ แต่ถ้าถามว่ากูจะทำอะไรรึเปล่าน่ะ.. ไม่แน่หรอกนะ.. ” ผมแกล้งกวนตีนกลับให้มันประสาทเสียเล่น ทั้งที่ในใจผมเองก็ไม่คิดจะทำอะไรอย่างนั้นอีกแล้วล่ะครับ
“ ไอ่เต๋า!!!.. ”
ผมรีบกดตัดสายก่อนที่เจ้าหนุ่มผมยาวนั่นจะได้โวยวายต่อ คุยกับมันเรื่องคชาแล้วแม่งรู้สึกรำคาญใจชะมัด มันน่ะ.. ศัตรูหมายเลขของผมเลยล่ะครับ แต่จะไปใส่ใจอะไรกับมัน ปล่อยให้มันหัวเสียไปอย่างนั้นแหละครับ เพราะตอนนี้คนที่ผมควรจะโทรหาแล้วบอกเรื่องที่ว่าผมเคลียร์กับคชาได้เรียบร้อยแล้วนี่ก็มีเพียงคนเดียว..
..คนที่เป็นที่ปรึกษาของผม ..พี่ต้นยังไงล่ะครับ..
TBC._ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
TALK TO WRITER:
ไม่คาดคิดเลยว่าเล้าเป็ดจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้อ่ะค่ะ TAT
เสียดายมากเลย.. เรายังไม่ได้อ่านเม้นท์ของตอนที่เพิ่งลงไปเลยอ่ะค่ะ *ร้องไห้โฮ*
แอบไม่มั่นใจกับตอนนี้อีกแล้วล่ะค่ะ ปรู๊ฟเองยังรู้สึกแปลกๆ คำผิดอะไรก็ช่วยบอกกันหน่อยนะค่ะ
ปล. ตอนหน้าเป็นตอนจบแล้วอ่ะค่ะ