H.I.D.E.
“ราคามันสูงนะไอ้น้อง..แล้วมาสักอย่างนี้พ่อแม่ไม่ว่าหรือวะครับ?”
ปลายคิ้วขมวดชนกัน ซ้ำปากจัดๆ นั้นยังพร่ำสอนแล้วก็บ่นๆ บ่นจนเด็กหนุ่มที่บังเอิญแวะเข้ามาในร้านหันมาเผชิญหน้ากันอย่างท้าทาย แววตาแทบไม่ต่างกัน หากแต่ความถือดีนั้น บอกได้เลยว่าไอ้เด็กที่อายุน้อยกว่านั่น ‘ชนะ’ อย่างราบคาบ
“มีตังค์จ่ายอะครับ อยากสักด้วยสักไม่ได้หรือพี่?”
“อยากมีสักสี ว่างั้น ? อายุแม่งถึง 17 ยังเถอะน้อง?”
“..สีกับเข็มที่สักนี่..มันมีเชื้อเหี้ยผสมอยู่หรือครับ ต่ำกว่า 17 ถึงสักไม่ได้?”
“...”
“ผมแค่ชอบลายเส้นพี่ ไม่รู้ดิ แค่เห็นแว๊บแรกก็เดินเข้ามาล่ะ..แต่ไม่คิดว่าถ้าสักแล้วมันจะติดเชื้อเหี้ย ”
“อ้าว.. ไอ้เด็กเวรนี้ พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ที่พูดนี้แค่อยากให้คิดให้ดี รอยสักมันก็เหมือนกับแผลเป็น ถ้าตัดสินใจสักแล้วมันลบไม่ได้ มันติดไปชั่วชีวิต หรือถ้าอยากลบจริงๆ เวลาลบค่าใช้จ่ายมันสูงยิ่งกว่าตอนสัก แล้วเวลาลบก็เจ็บไม่ต่างกันเลยนะครับคุณน้อง”
“อืมส์..งั้นผมอยากสัก”
คำพูดตัดบทมันมาพร้อมกับการที่ไอ้เด็กคิดลบนั่นเปิดเสื้อโชว์รอยแผลเป็นที่เหมือนรอยกรีดจางๆ บนแผ่นอก
“สักปิดรอยนี้ได้ไหมพี่?”
คราวนี้ไม่มีคำถามอะไร นอกจากสัมผัสจากฝ่ามือที่ใช้ขยี้หัวทุยๆ ของว่าที่คุณลูกค้ารายที่สอง..
“ติดใจภาพไหนล่ะ?”
ลายสักจำนวนมากถูกวางให้เลือกลงตรงหน้า มันละลานตาจนเด็กหนุ่มแทบจะเลือกไม่ถูก
“เยอะอ่ะพี่ เยอะจนเลือกไม่ถูกเลยช่วยหน่อยสิ”
“งั้นก็ต้องหาลายที่ชอบก่อน ชี้ชัดแบบเจาะจง อยากได้ลายประมาณไหน ลายอะไร? มีลายที่ชอบอยู่ในใจแล้วหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะพี่”
คำตอบง่ายๆ ที่ทำให้ยิ่งเรื่องที่ว่ายากยิ่ง ดูยากขึ้นไปอีก
“งั้นเอาเป็นพวกสัตว์ไหม? แบบหลับตาแล้วตัวอะไรแว๊บเข้ามาในหัว ลองดูดิ”
ควรนี้เด็กหนุ่มยอมทำตาม เปลือกตาหลุบลงแล้วนั่งนิ่งๆ ก่อนสิ่งหนึ่งมันจะผ่านเข้ามาในความมืดมิดหลังม่านเปลือกตาที่ปิดสนิทลง เล่นเอาลืมตาแทบไม่ทัน เด็กหนุ่นสั่นหัวสะบัดหน้า จนถึงขั้นตบแก้มตัวเองซ้ำๆ ให้ภาพนั้นมันหายไป
“เห็นตัวอะไรวะ?”
.
.
.
“เห็น..ตะขาบอ่ะพี่..”
คำตอบนี้เล่นเอาเงียบไปทั้งช่างทั้งลูกค้า นั่งนิ่งมองหน้ากันอยู่นาน จนช่างสักรวมผมยาวๆ ของตนมามัดไว้ ผมยาวๆ ที่ปิดบังช่วงแผ่นอกที่โผล่พ้นเนื้อกล้าม ผิวเนื้อช่วงนั้นมีรอยสักรูปตะขาบพาดอยู่
“เอารอยสักเหมือนพี่ไหม?”
คำเชิญชวนมาพร้อมบางสิ่งที่เหมือนจะเก็บซ่อนไว้ในดวงตา เด็กหนุ่มก้มหน้าลงมองรอยสักหัวใจที่เต้นอย่างรุนแรงอดไม่ได้ที่จะเผลอเอื้อมมือไปสัมผัสมัน อย่างกับตะขาบจริงๆ ที่พาดอยู่อย่างน่าสะพรึ่ง..
“..เหมือนมันขยับได้เลยพี่..”
.
.
.
“อยากได้ไหมล่ะ?”
ไม่มีคำเชิญชวนอื่นตามมาจากพี่ช่างสักอีกนอกจาก รอยยิ้มเศร้าๆ
***
“ไอเดียร์ มีลูกค้าไหมวะ?”
กลิ่นเหล้าฟุ้งเข้ามาเมื่อเจ้าของร้านสักตัวจริงอย่างพี่นพกลับมาจากงานเลี้ยงสังสรรค์ งานเลี้ยงรุ่นที่เล่นเลี้ยงกันข้ามวัน ข้ามคืน และก็เพราะเหตุนี้ล่ะมันส่งผลให้พ่อนักเขียนการ์ตูนอย่างไอเดียร์ เลยต้องจูนปรับเวลาตัวเองมารับงานนอกอย่างไม่กล้าออกปากปฏิเสธ
‘มาเฝ้าร้านให้กูหน่อย วันสองวันเอง ถ้าได้ลูกค้ากูแบ่งเปอร์เซ็นต์ให้ หรือถ้าลายไหนมึงสักได้ มึงเอาค่าจ้างไปเลยค่าสีค่าไฟกูไม่คิด ขอให้มีคนเฝ้าร้านก็พอ นะไอเดียร์’ รับปากแบบขำๆ ไม่คิดอะไร จนสุดท้ายดันได้ลูกค้ามาแบบงงๆ ถึงสองคนด้วยกัน คนแรกเป็นหนุ่มญี่ปุ่น ที่แสนเงียบส่วนคนที่สองเป็นไอ้น้องอวดดี..
ที่..
“มีลูกค้านี่หว่าไอเดียร์”
พี่นพแกเอ่ยถามเมื่อหันไปแล้วเห็นสีที่ใช้สักมันถูกผสมเหลืออยู่
“มีมาสักสองคนพี่นพ”
“หรอ? แล้วสักอะไรไปวะไอเดียร์?”
.
.
.
“..สักรูปเดียวกันทั้งสองคนเลยพี่นพ..”
พูดจบแล้วอดไม่ได้ที่จะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไล้รอยสักรูปตะขาบบนแผ่นอกแล้วรอยยิ้มกว้างก็หลุดออกมาอย่างอารมณ์ดี เมื่อมีเสียงโทรศัพท์ดังเข้า ไอเดียร์รับสายพร้อมกับกล่าวลา รุ่นพี่ที่คงน่าจะเมาข้ามวัน
เดินออกมาจากร้านแล้วคิดถึงใบหน้าลูกค้าสองคนนั่น ..
บางครั้ง..
แค่บางครั้ง..
บางครั้งโชคชะตามันก็ไม่ใช่เป็นฝ่ายเลือกหนทางให้เจ้าของชีวิต คิดไปถึงเจ้าเด็กหนุ่มนั่น รอยยิ้มอวดดีกลายเป็นรอยยิ้มจางๆ หลังจากที่มือคู่นั้นละออกมาจากรอยสักรูปตะขาบบนแผ่นอกไอเดียร์
‘ไม่เอาตะขาบพี่..ผมอยากได้ลายนี้..’
..อีกครั้งที่จรดเข็มลงลายเดียวกัน ลายสักที่เหมือนกันกับหนุ่มญี่ปุ่นก่อนหน้านี้ รอยสักที่มีแค่สองก็อปปี้เท่านั้น แถมยังเป็นรอยสักจากช่างคนเดียวกัน ช่างที่คงไม่มีวันจะสักให้ใครได้อีก
'..นี้เงินค่าจ้างครับ แล้วนี้นี้แผ่นก็อปปี้รอยสักผม ถ้ามีคนมาสักวันนี้แล้วเลือกรอยสักแผ่นนี้ เงินนี้ผมจ่ายให้เขา'เพิ่งจะเคยเจอ..ไอเดียร์เพิ่งจะเคยเจอคนสองคนที่เรียกได้อย่างเต็มปากเลยว่าคนของโชคชะตา คนหนึ่งวางแผนการณ์ทุกอย่าง ส่วนอีกคนเดินตามทุกสิ่งที่วางไว้โดยไม่กังขา คนสองคนที่ท้าทายและฝ่าฝืนโชคชะตาด้วยการหาหนทางให้ตัวเอง.. ซ้ำแล้วยังจะเป็นฝ่ายชนะเสียด้วยสิ คิดแล้วอดอมยิ้มตามไม่ได้
***
“ขำอะไร ภัทร?”
ไอ้งูยักษ์มันถือวิสาสะคว้าข้อมือไอเดียร์มากำแน่น ปล่อยให้เจ้าของข้อมือหยุดยืนอยู่ข้างๆ แล้วสายฝนจากบนฟ้าก็กระหนำลงมาอย่างกับเทน้ำทิ้งจากอ่างกะระมัง
คนเปียกสองคนที่ยืนเผชิญหน้ากัน ไอเดียร์ยกมือตัวเองขึ้นแล้วใช้สายตามองให้ไอ้คุณมังคุดปล่อยมือนั้นออก ก่อนจะใช้สองมือที่ได้อิสระของตัวเองมาประคองใบหน้าคมๆ นั้นให้ก้มลงมาแนบกับหน้าผากตัวเอง
“..ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น..มันจะเหมือนวันนี้นะ ELเราจะเดินไปด้วยกัน จะเปียกไปด้วยกัน จะไม่ทิ้งกัน..”
“...”
“...”
“มันจะไม่มีวันที่ไอทิ้งยูหรอก..ไม่มีทาง..”
กลางสายฝนที่พรมหนาลงมาเหมือนม่าน ริมทางเท้าที่ไร้ร้างผู้คน จูบจากริมฝีปากหนามันละมุนลงมาแตะที่หน้าผาก ก่อนจะลากปลายจมูกเคลียลงมาที่แก้มซ้ายขวา แล้วจบลงที่ริมฝีปากสั่นๆ ที่เย็นเฉียบ..
“ไอบอกกับยูแล้วไง ต่อให้ตาย..ก็จะตายไปด้วยกัน..”