BED CARE JOB
#พนักงานดูแลเตียง
ตอนที่ 20 ไม่เคยคิดสักครั้ง
ผมนั่งรถมากับคุณคีนโดยมีคุณเคนทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถให้เรา รถแล่นผ่านรั้วประตูคฤหาสน์ใหญ่มาได้สักพักคุณคีนจึงพูดขึ้นทำลายความเงียบ
“คุณแม่ทำให้ตกใจหรือเปล่า”
“ไม่ครับ” ผมบอกเขาด้วยความกระอักกระอ่วนใจ
“ถ้าไม่แล้วทำไมทำหน้าแปลก ๆ”
“ผมมองคุณแม่คุณแล้วรู้สึกผิดนิดหน่อยครับที่ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าผมกับคุณพ่อคุณเคยนอกใจคุณแม่” พอผมพูดจบก็ได้ยินเสียงคนที่นั่งหลังพวงมาลัยหัวเราะ
ไม่ตลกเลยนะครับคุณเคน ผมอยากจะดุเขาบ้างแต่ก็ไม่กล้าพูด
“คุณนี่น้า”
“ก็ตอนนั้นผมไม่รู้จริง ๆ ว่ามิสเตอร์เคคือคุณนี่ครับ เอ้อ..จริงสิ เกือบลืม”
“หืม?มีอะไร”
“คุณแม่คุณบอกว่ารู้เรื่องที่ผมกับคุณเจอกันได้ยังไงด้วยครับ”
“งั้นเหรอ”
“คุณดูไม่ตกใจเลย รู้อยู่แล้วหรือครับ” ผมมองท่าทีที่นิ่งเฉย ไม่ทุกข์ร้อนของคุณคีน
“ถ้าคุณแม่ผมไม่รู้สิถึงแปลก”
“เอ๊ะ ครับ?แปลว่าคุณแม่คุณรู้เรื่องมาตลอดเหรอครับ”
“ไม่ใช่ครับ ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้เรื่องเรา คงมารู้กันช่วงหลัง” ช่วงหลังอะไร? ยังไม่ทันได้ถามคุณเคนก็พูดขึ้นมาบ้าง
“พี่เคนก็ไม่รู้เรื่องครับน้องเปล”
“อ้าวเหรอครับ แล้วคุณเคนรู้ได้ไง คุณคีนบอกเหรอ”
“ไม่ใช่ครับ พี่เคนเห็นพฤติกรรมเจ้านายพี่ที่ผิดปกติ ไม่เคยสายก็สาย ไม่เคยโอ้เอ้ก็ทำ รู้ว่าชอบกาแฟแต่อยากจะไปกินอยู่แค่ร้านเดียว ไปทีก็นั่งแช่อยู่นาน มันยังไง ๆ ก็ไม่รู้ ว่าไหมครับ” คุณเคนเล่าให้ฟังอย่างอารมณ์ดี
“พูดมากน่ะเคน” คุณคีนชมเชยคุณเคนเสียงขรึม
“คุณเป็นอย่างนั้นเหรอครับ ผมไม่เห็นรู้เรื่อง แล้วอย่างนี้มีคนรู้เรื่องเราเยอะไหมครับ”
“ผมไม่แน่ใจ อาจจะฟังดูน่ากลัวแต่มันคือความจริง คนรอบตัวผมหูตาเป็นสับปะรดทั้งนั้น อยู่ที่จะพูดหรือไม่ เหมือนเรื่องคุณศักดิ์ชัยกับผม ครั้งนี้เขาคงไม่รู้จะหาเรื่องอะไรมาโจมตีพรรค จึงเล่นประเด็นมาที่ผม”
“คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”
“ผมชินแล้ว เคยเจอมาทุกแบบทั้งข่าวจริงหรือไม่จริง แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก”
การจราจรคับคั่งหนาแน่นแม้จะเป็นวันเสาร์ พ้นช่วงหัวค่ำแล้วแต่รถยังติด ยิ่งขับเข้าไปใกล้ใจกลางเมืองมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งติดมากขึ้นทุกที
“หิวหรือเปล่า ที่จริงตั้งใจจะกินข้าวที่บ้าน แต่ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะบานปลายขนาดนี้ ผมขอโทษด้วย” คุณคีนพูดเลี่ยงถึงเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นว่าเป็นเหตุการณ์อะไร
“หิวนิดหน่อย แต่ยังไหวครับ ก่อนเลิกงานผมกินขนมที่ร้านพี่ปุยฝ้ายมาเยอะเลย แล้วคุณล่ะครับ หิวไหม”
“ยังไม่หิว” ผมว่าสาเหตุที่คุณคีนไม่หิว น่าจะมาจากการปะทะอารมณ์กับคุณกวินทร์จนทำให้เขาไม่อยากกินอาหารแน่ ๆ
“แต่คุณเคนอาจจะหิวแล้วก็ได้ ใช่ไหมครับคุณเคน” ผมถามไปที่คุณเคนเพื่อหาเสียงสนับสนุน
“น้องเปลช่างรู้ใจพี่เคน ใช่ครับพี่เคนหิวมากเลย” คุณเคนตอบและสบตากับผมผ่านทางกระจกมองหลัง
“งั้นเรากินอะไรดีครับ”
“ร้านนั้นคงไปไม่ได้...” คุณคีนพึมพำเบา ๆ
“ไม่จำเป็นต้องกินที่ร้านก็ได้ครับ สั่งมาที่ห้องก็ได้ เดี๋ยวผมโทรสั่งแล้วออกไปรับที่หน้าประตูให้เอง”
“เป็นความคิดที่ดีนะน้องเปล” คุณเคนเห็นด้วย
“คุณคีนกับคุณเคนอยากกินอะไรครับ” ผมเงยหน้าถามคนหน้านิ่งแล้วสลับไปมองคนที่กำลังขับรถ
“คุณเลือกเลย ผมกินอะไรก็ได้”
“อะไรก็ได้นี่อันตรายมากนะครับ” ผมแกล้งแหย่เขา อยากรู้ว่าคุณคีนกินอะไรก็ได้อย่างที่พูดจริงไหม ตอนผมเลือกอาหารในคืนนี้คงเป็นคำตอบให้ผมได้ว่าเขากินอะไรก็ได้จริงหรือเปล่า
คอนโดคุณคีนที่คุณเคนพามานั้น ไม่ใช่คอนโดแห่งเดิมที่อยู่ใกล้ร้านกาแฟพี่ปุยฝ้าย แต่เป็นอีกที่หนึ่ง ความหรูหราโอ่อ่าไม่ได้แตกต่างจากที่เก่าเลย ผมมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตาเช่นเคย
“ทำไมถึงมาที่นี่ครับ”
“ที่เดิมอาจจะมีนักข่าวไปดักรออยู่ ที่นี่ปลอดภัยกว่า” คุณคีนอธิบายสั้น ๆ
“ครับ”
“เจ้านายพี่ก็พูดสั้นเหลือเกิน คืออย่างนี้ครับน้องเปล มีคนรู้ไม่น้อยว่าคุณคีนอยู่ที่คอนโดนั้น ช่วงนี้เราควรหลีกเลี่ยงกลับไปที่เดิมก่อน ส่วนที่นี่เป็นคอนโดใหม่ที่ยังไม่มีใครรู้ทำให้ปลอดภัยมากกว่าครับ”
“อ่อ..ครับ” ผมพยักหน้าว่าเข้าใจ ไม่มีใครรู้ก็จริง แต่คุณเคนรู้นะครับ ผมเลือกไม่ถาม ต่อให้ถามไปคุณเคนก็จะบอกว่าเพราะหน้าที่อีก
ผมตั้งใจโทรสั่งอาหารเป็นอย่างแรกเมื่อเข้ามาในห้อง ดังนั้นจึงไปขอโทรศัพท์ตัวเองคืนจากคุณเคนแต่เขากลับเอาเครื่องอื่นให้และอ้างเหตุผลว่าความปลอดภัย ผมเลยไม่ได้เซ้าซี้อะไร โทรสั่งอาหารไปพลาง มองรอบ ๆ ห้องไปพลาง ใจเริ่มนึกกลัวว่าภายหน้าถ้าคุณคีนไม่เหลืออะไรจริง ๆ ผมจะเลี้ยงเขาไหวไหม ผมคงจะเป็นทุกข์และต้องเศร้าอย่างมากหากพาลูกชายคุณแม่ไปกินข้าวข้างทางหรือพาไปอยู่ห้องเช่าเล็ก ๆ
ผมจะกัดฟันแล้วซื้อบ้านหลังหนึ่งให้คุณนะครับคุณคีน
ผมสั่งอาหารเสร็จเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นคุณคีนถอดเสื้อสูทออกแล้วเหลือเพียงเสื้อเชิ้ต เขายืนมองผมแปลก ๆ จนผมทนไม่ได้จึงถามกลับไป
“มองผมแบบนั้นทำไมครับ”
“ตะกี้คิดอะไรอยู่ถึงทำหน้าจะร้องไห้”
“ไม่มีอะไรครับ”
“พูดไม่จริงนะครับ” คุณคีนบอก แน่นอนว่าผมโกหกไม่เก่ง แต่ผมไม่มีทางยอมรับหรอกว่าผมกำลังคิดถึงแผนข้างหน้าหากวันหนึ่งเขาไม่เหลืออะไร
“ไม่มีอะไรครับ” แต่ผมก็ยังตะแบงยืนยันว่าไม่มีอะไร คุณคีนคงเห็นว่าไม่มีประโยชน์เลยไม่ถามต่ออีก
“ไปอาบน้ำก่อนสิ”
“คุณคีนไปอาบก่อนเลยครับ ผมจะรอรับของที่มาส่ง กลัวเขามาตอนที่ผมไม่อยู่ อีกอย่างคุณคงไม่อยากไปรับเองหรอกใช่ไหมครับ” ผมจี้จุดเขาได้ถูก อุตส่าห์มาซื้อคอนโดใหม่หลบผู้คนขนาดนี้ การออกไปเผชิญหน้าคนคงไม่ใช่ความคิดที่ดี
“...” คุณคีนมองผมอย่างไม่แน่ใจว่าควรจะให้ผมไปรับของดีหรือเปล่า
“ผมมีหน้ากากอนามัยอยู่ในกระเป๋า เดี๋ยวผมจะสวมมันตอนไปรับของดีไหมครับ”
“โอเค ก็ได้ งั้นผมไปอาบน้ำก่อน”
ผมมองตามหลังคุณคีนที่กำลังจะเข้าไปในห้องนอนเพื่ออาบน้ำ จู่ ๆ กลับฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าผมไม่เห็นคุณเคนอีกเลยตั้งแต่เขาเอาโทรศัพท์มาให้ จังหวะเดียวกันนั้นคุณเคนก็เปิดประตูออกมาจากห้องนอนอีกห้องด้วยสภาพที่ดูก็รู้ว่าอาบน้ำมาเรียบร้อยแล้ว
คุณเคนอยู่ในชุดนอนเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ไม่เหมือนกับชุดนอนคุณคีน แสดงว่าคืนนี้คุณเคนคงนอนค้างที่นี่ เขาเดินเข้าไปหาคุณคีนแล้วคุยกันเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่งเสร็จแล้วคุณคีนเข้าห้องหายไป ส่วนคุณเคนก็กลับไปที่ห้องที่เขาเพิ่งจะออกมาเมื่อตะกี้นี้
ผมเริ่มเข้าใจพี่ปุยฝ้ายขึ้นมาบ้างแล้วทำไมเธอถึงคิดว่าคุณคีนกับคุณเคนน่าจะเป็นมากกว่าเจ้านายลูกน้อง ไม่นานประตูถูกเปิดออกพร้อมกับร่างคุณเคนที่เดินมาหาผมพลางยื่นของในมือให้ผม เขาดูคุ้นเคยและผ่อนคลายสบาย ๆ ไม่แน่ใจว่าเขาอาจจะเคยมาพักที่นี่หลายครั้งแล้ว
“นี่ครับน้องเปล”
“ให้ผมทำไมครับ” ของในมือคุณเคนคือธนบัตรสีเทาสองใบ
“เจ้านายบอกให้พี่เอาเงินมาให้น้องหน่อย แต่พี่ไม่รู้ว่าน้องเปลสั่งอะไรไปบ้าง ถ้าไม่พอให้บอกนะ เจ้านายพี่เขาใจดี”
“ไม่เป็นไรครับพี่เคน ผมสั่งไปไม่กี่อย่าง ผมจ่ายได้”
“อย่าให้ผู้ใหญ่เสียน้ำใจครับ รับไปเถอะ” คุณเคนยิ้มพลางยัดเยียดเงินนั้นให้ผม
ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ภายในห้องก็ดังขึ้น คุณเคนบอกว่าคงเป็นนิติบุคคลโทรขึ้นมาจากด้านล่าง คนส่งอาหารน่าจะมาถึงแล้ว ผมเลือกที่จะไปรับสายเอง นิติบุคคลโทรมาด้วยเรื่องที่คุณเคนสันนิษฐานไว้ ผมไปหยิบหน้ากากอนามัยมาสวมก่อนจะบอกคุณเคนว่าผมจะลงไปข้างล่างสักครู่
ไม่มีอะไรพิเศษหลังจากที่ผมถือถุงอาหารกลับเข้ามาในห้อง คุณคีนอาบน้ำเสร็จพอดี เราทั้งสามคนจึงนั่งกินข้าวด้วยกันเงียบ ๆ คุณคีนกินอะไรก็ได้อย่างที่บอกไว้ เมื่ออิ่มแล้ว คุณคีนไล่ผมไปอาบน้ำ ส่วนคุณเคนอาสาล้างจานให้เอง ผมไม่ทักท้วงเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายใจ
อาบน้ำสระผมเรียบร้อย ผมเปิดประตูออกมาเห็นคุณคีนนั่งอยู่ที่โซฟา เขาหันหลังให้ผม ข้างกายมีคุณเคนนั่งอยู่ พวกเขาสองคนดูเหมือนกำลังดูอะไรอยู่เลยไม่ได้ยินเสียงเปิดประตู
“มีเบอร์น่าสงสัยหลายเบอร์ครับ แต่เบอร์พวกนี้ผมเอาไปเช็กแล้วปรากฎว่าเป็นพวกเบอร์โทรมาก่อกวน ประเภทใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง โชคดีที่น้องเปลไม่ได้รับเลยสักสาย” คุณเคนกำลังพูดกับคุณคีน ผมฟังโดยไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกันมาก่อนหน้านี้
“อืม ถ้ารับสาย ผมเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะทนได้แค่ไหน” ผมเดินเข้าไปใกล้พวกเขาขึ้นเรื่อย ๆ
“เบอร์แปลก ๆ พวกนี้ถ้าบอกน้องเปล เขาน่าจะเข้าใจ คนไม่ประสงค์ดีทั้งนั้น”
“คุณศักดิ์ต้องมีรูปที่ชัดกว่านี้แล้วให้คนไปสืบประวัติเปลมาแน่” คุณคีนคาดเดา
“รอบนี้คุณศักดิ์ดูจะเล่นแรงไปหน่อยนะครับ วันนั้นที่ร้านอาหารเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นหรือเปล่า” คุณคีนถอนหายใจก่อนจะตอบ
“ก็คุยปกติ”
“อันที่จริงคุณศักดิ์เอง เขาก็รู้อยู่แล้วนี่ครับว่าไม่ควรให้คนมาถ่ายรูป มันผิดกฎร้าน สร้างข่าวมาแบบนี้ถ้าถูกจับได้ ตัวเขาเองนั่นแหละที่จะซวยกว่าคุณ”
“คงโกรธที่เห็นผมพาคนอื่นมาและเขาคงไม่เชื่อว่าเปลเป็นน้องชายเคน”
“เรื่องผ่านมานมนานหลายปีแล้วแท้ ๆ” คุณเคนพูดพลางส่ายหน้า
“คุณศักดิ์เขารักน้องชายมาก ย่อมต้องแค้นผมมากเป็นธรรมดา” ผมขมวดคิ้ว น้องชายคุณศักดิ์กับคุณคีนงั้นหรือ?
“จะโทษคุณคนเดียวก็ไม่ถูก ทุกอย่างเป็นเพราะคุณกวินทร์นะครับ”
“คนลงมือคือผม ใครเป็นคนสั่งหรือถูกสั่งให้ทำก็ไม่สำคัญเท่ากับน้องชายเขาที่ไม่ยอมกลับมาเมืองไทยอีก”
“แต่ครั้งนี้คุณกวินทร์ยื่นมือเข้ามาจัดการเองคงไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมครับ”
“อืม พ่อเองก็คงรู้อยู่ก่อนแล้วว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวถึงเรียกให้เราไปที่บ้าน ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่โมโหแล้วรีบเข้ามาช่วยขนาดนี้” คุณคีนแค่นเสียงในตอนท้าย
“แล้วคุณรู้ข่าวน้องชายคุณศักดิ์บ้างไหม”
“พอรู้บ้าง”
“เขาเป็นไงบ้างครับ”
“ถามเพราะนึกถึงหรือว่าห่วง” คุณคีนย้อนถามกลับ
“นึกถึงสิครับ คนเคยรู้จัก เคยเห็นหน้าค่าตากัน คุณอย่าลืมว่าช่วงเวลาที่คุณอยู่กับเขา ผมเองก็อยู่กับคุณด้วยนะครับ” คุณเคนเสียงดังขึ้นเล็กน้อยระหว่างตอบ ทำให้ผมได้ยินคำตอบชัดเจน ในใจผมเจ็บโดยไร้สาเหตุ ผมอาจจะซื่อแต่ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจสถานการณ์ น้องชายคุณศักดิ์น่าจะมีความสัมพันธ์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งกับคุณคีนแน่นอน
ผมไม่ได้สนใจว่าเขาจะเคยรักกันหรือเปล่า แต่สิ่งที่ผมสนใจคือเขายังรักกันและติดต่อกันอยู่ไหม นั่นต่างหาก ถ้าเขายังรักและติดต่อกันอยู่ ผมคงไม่สามารถทำตามคำพูดที่ให้ไว้กับแม่คุณคีนได้ ผมไม่นิยมเป็นมือที่สามและตัวสำรองของใคร
และผมมั่นใจในตัวเองว่า ต่อให้ผมรักเขามากแค่ไหน ถ้าเขาไม่ได้รักผม เห็นผมเป็นคนแก้ขัดหรือคั่นเวลา ผมก็คงไม่โอเค
ในเมื่อรักได้ก็เลิกรักได้เช่นกัน
“เขาสบายดี มีชีวิตที่ดี”
“มีแฟนใหม่?”
“เปล่า ไม่มีใคร เท่าที่รู้ตอนนี้ยังไม่มี”
“อย่าบอกนะว่าพวกคุณยังติดต่อกันอยู่ ด้วยความเคารพนะครับ ต่อให้คุณเป็นเจ้านายผมแต่ถ้าคุณยังติดต่อกับเขาทั้งที่มีน้องเปลแล้ว ผมจะไปบอกน้องเปลเดี๋ยวนี้ว่าให้หนีไปจากคุณ” คุณเคนบอกทำเสียงคล้ายกับกำลังขมขู่คุณคีน
“เพ้อเจ้อไปใหญ่แล้วเคน คิดอะไรเป็นตุเป็นตะ ผมไม่ได้ติดต่อกับเขา”
“แล้วคุณรู้เรื่องได้ไง”
“เคทโทรมาบอก” เคท? ชื่อนี้อีกแล้ว ผมยังนึกชื่อนี้ไม่ออกสักที
“พูดถึงคุณเคท คุณดูนี่ครับ” คุณเคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ผมจำโทรศัพท์เครื่องนั้นได้เพราะเป็นเครื่องที่ผมใช้อยู่ตอนนี้
“เคทโทรหาเปล?” ประโยคนี้ทำให้ผมจำคนชื่อเคทได้เสียที ใช่แล้ว เธอคือผู้หญิงพูดไม่ชัดที่โทรหาผมเมื่อวันก่อน
“ครับ โทรมาตั้งแต่คืนวันศุกร์” คุณเคนพูดต่อ ผมเห็นคุณคีนส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นบ้าง
“ใจร้อนจริง ยุ่งไปเสียทุกเรื่อง”
“เธอคงตื่นเต้นก็คุณบอกคุณเคทไปไม่ใช่หรือครับว่าจะพาน้องเปลไปที่นั่น” คุณเคนหัวเราะ
“ผมแค่เกริ่นให้เคทรู้ตัวไว้”
“คุณจะพาน้องเปลไปเมื่อไหร่”
“อาจจะหลังเขาสอบเสร็จ”
“น้องเปลจะยอมไปหรือเปล่าครับ”
“ไม่รู้สิ กลัวดื้อไม่ยอมไปเหมือนกัน แต่ยังไงผมคงต้องถามเขาก่อน” คุณคีนตอบด้วยเสียงที่ไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่
“ถ้างั้นก็ถามผมตอนนี้เลยสิครับ”
ผมโพล่งไปกลางวงสนทนาของเขาสองคน คุณคีนและคุณเคนลุกขึ้นยืนหันกลับมาทางผม ทั้งคู่มีอาการตกใจไม่ต่างกัน
“มายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” คุณคีนเก็บอาการได้เร็วเอ่ยถามผมเสียงเรียบ
“ตั้งแต่ที่คุณคุยเรื่องโทรศัพท์ผมครับ” คำตอบของผมทำให้ผู้ชายตัวสูงใหญ่สองคนสบตากันโดยมิได้นัดหมายแต่ครั้งนี้คุณเคนได้สติเร็วกว่าคุณคีน
“คุณคีนครับ นี่โทรศัพท์น้องเปล แล้วผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ ไม่รู้ทำไมคืนนี้ถึงง่วงนอนเร็วเหลือเกิน” คุณเคนหาวหวอด เขายิ้มให้ผมนิดหนึ่งแล้วหายเข้าไปในห้องนอนอย่างรวดเร็วโดยไม่รอความเห็น
“คุณคีนมีเรื่องจะถามผมไม่ใช่หรือครับ” ผมมองหน้าเขา สบตาคุณคีนอย่างตรงไปตรงมา
“เข้าไปคุยในห้องดีกว่า” คุณคีนเดินอ้อมโซฟาแล้วจูงมือผมให้เข้าห้องนอนไปพร้อมกัน แต่ผมไม่ไป ออกแรงขืนตัว
“คุยตรงนี้ก็ได้ครับ ผมยังไม่อยากนอน”
“ไม่ได้ให้นอน แค่ไปคุยในห้อง นอนคุยสบาย ๆ ดีกว่าไหมครับ”
“...” ผมไม่พูดแต่ส่ายหน้า ผมไม่ได้อยากดื้อกับเขา แต่ทำไมคุณคีนต้องพยายามกีดกันผมจากเรื่องที่เกี่ยวกับตัวผมด้วย