-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦♥♦
Unbelievable Love Index
Prologue (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2087712#msg2087712)
Chapter One (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2087723#msg2087723)
Chapter Two (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2088809#msg2088809)
Chapter Three (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2098045#msg2098045)
Chapter Four (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2104474#msg2104474)
Chapter Five (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2104637#msg2104637)
Chapter Six (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2106895#msg2106895)
Chapter Seven (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2120799#msg2120799)
Chapter Eight (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2122249#msg2122249)
Chapter Nine (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2129522#msg2129522)
Haven't We Met (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2129524#msg2129524)
Chapter Ten (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2131463#msg2131463)
You Again (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2131466#msg2131466)
Chapter Eleven Part 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2133898#msg2133898) Part 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2141318#msg2141318)
Chapter Twelve (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2174458#msg2174458)
Chapter Thirteen (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2174767#msg2174767)
The Day after Our First Night (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2175963#msg2175963)
Songkran Festival (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2176939#msg2176939)
Chapter Fourteen (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2178398#msg2178398)
Chapter Fifteen (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2180788#msg2180788)
Chapter Sixteen (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2242549#msg2242549)
Chapter Seventeen (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2254790#msg2254790)
Chapter Eighteen (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2265652#msg2265652)
Chapter Nineteen (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2295915#msg2295915)
Merry X'mas & Happy New Year (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2299432#msg2299432)
Epilogue (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2301925#msg2301925)
เจอกันที่ MEB (https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=40682)
[attachment deleted by admin]
-
UNBELIEVABLE LOVE
Prologue
“ไอ้พุ ทางนี้ๆ”
เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายของพี่รหัสผมเองครับ อย่าว่าแต่ผมจะได้ยิน คนอื่นๆ ในร้านก็หันมาสนใจไอ้พุเป็นตาเดียว
ผมยิ้มแหยๆ ให้กับแขกคนอื่นๆ แล้วก็รีบเดินตัวลีบเข้าไปหาพี่แก “หูยย พี่พิท ไม่ประกาศออกไมค์ไปเลยล่ะ”
“เออ เอาไว้คราวหน้า เดี๋ยวกูทำ”
“ผมประโช้ดดดดด เข้าใจป่ะ ประชดอะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” พี่พิทหัวเราะชอบใจ
ผมเห็นพี่แกนั่งอยู่คนเดียวก็เลยถาม “แล้วคนอื่นๆ ล่ะพี่”
“เฮียแพทกำลังมา พี่ปลายมาดึกๆ”
ไงล่ะ คล้องจองกันดีใช่ม้า น้องรหัสชื่อพุ พี่รหัสชื่อพิท ลุงรหัสชื่อแพท ยกเว้นแต่ปู่รหัสผมเท่านั้นทื่ชื่อ ปลาย เนี่ย เราสามคน คือ ผม พี่พิท และเฮียแพท ก็เคยคุยกันหลายครั้งแล้วว่าจะตัดพี่ปลายออกจากกองมรดก เอ้ย ออกจากกลุ่ม โทษฐานชื่อไม่คล้องจองคนอื่นๆ …แต่พี่ปลายแกหาข้ออ้างได้ว่า คำว่า พุ พิท แพท และปลาย ถ้าเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ก็ใช้ตัว P เหมือนกัน พวกเราก็เลยหยวนๆ ให้ ยังไม่ตัดออกจากกลุ่ม คึคึ
นั่งกินกันไป คุยกันไปได้สักพัก เฮียแพทก็เดินเข้ามาพร้อมผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่พอๆ กับเฮียแกอีกคน
“ไงไอ้แก่ ออกมาจากหลุมได้ซะทีนะมึง” มาถึงก็ไซด์เฮดร็อคผมเลย ไม่พอ เฮียแกยังดีดหน้าผากผมอีกทีก่อนจะปล่อย
ที่เฮียแพทเรียกผมไว้ไอ้แก่น่ะ ไม่ใช่ว่าผมหน้าแก่หรืออะไรนะครับ อย่าเข้าใจผิด ผมก็หน้าตาเหมือนเด็กปีหนึ่งทั่วๆ ไปแหละ แต่ที่ถูกเรียกว่าไอ้แก่ ก็เพราะผมไม่ค่อยจะออกมาสังสรรค์กับใครๆ เขาสักเท่าไหร่ อยู่แต่หอ ไม่ออกไปไหน เพื่อนเพิ่นก็ไม่ค่อยจะคบ ทำตัวเหมือนคนแก่ พวกพี่ๆ เขาก็เลยเรียกผมว่า ‘ไอ้แก่’ กัน
“ก็ผมต้องอ่านหนังสือบ้างอะไรบ้าง”
“ตอแหล เพื่อนมึงบอก มึงอะ โดดประจำ อย่ามาโกหก” เฮียแกด่า แล้วพี่พิทก็พลอยผสมโรงไปด้วย “แล้วมันนะ เขาติวเติวอะไรกัน มันก็ไม่ไปด้วยนะ”
“แต่ผมก็ไม่เคยสอบตกนะ” ผมรีบแก้ตัว รุมกูจัง
“ใช่เฮีย มันนี่แหละได้ A+ ของจารย์วิน ขนาดไม่ค่อยเข้าเรียนนะ” เจือกอีกแล้วพี่กู
“อ๋อ คนนี้เอง” เสียงไม่คุ้นเอ่ยขึ้น
ผมหันไปมองจึงรู้ว่าเป็นคนที่มากับเฮียแพทนั่นเอง “น้องกูบอกอยู่เหมือนกัน ไม่น่าเชื่อ อาจารย์คนนี้ แค่ A ธรรมดายังยากแล้ว ได้ A+ เนี่ย สุดยอด”
เฮียแพทเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง โคตรเท่ห์อะ ผมชอบมาก พยายามทำเลียนแบบแต่มันไม่ได้ ทำทีไร คิ้วมันขึ้นทั้งสองข้างทุกที“จริงอะ”
“ครับ ออกตามที่อ่านเป๊ะเลย” มันจะไม่ออกตามที่อ่านได้ไง ก็ผมอ่านมันทุกบทเลย หลายรอบด้วย
คือ ผมไม่รู้ว่ามันจะออกอะไรไงครับ ตอนที่เขาเก็งข้อสอบกันก็ไม่อยู่ เลยอ่านมันหมดทุกบท อ่านจนอ๊วกอะ เคยเป็นกันป่ะ เวียนหัวไปหมด สอบเสร็จผมไข้ขึ้นเลย
“อ้าว งั้นวันนี้มึงก็ต้องเลี้ยงพวกกูดิ” เฮียแพทพูดยิ้มๆ แล้วก็นั่งลงข้างๆ ผม พร้อมกับจับหัวผมโยกไปมา เป็นอะไรกับหัวกูมากมั้ยเนี่ย เดี๋ยวดีด เดี๋ยวหมุน เดี๋ยวโยก กูเจ็บ เข้าใจมั้ย
ผมปัดมือใหญ่ๆ ของเฮียแกออก แล้วบอกกวนๆ “เลี้ยงได้ แต่ครึ่งเดือนที่เหลือ เฮียต้องเลี้ยงผมนะ”
“ผมด้วยๆ” พี่พิทขอแจม เห็นท่าทางพี่แกแล้วผมอดขำไม่ได้ “ติ๊งต๊องวะพี่ อายโต๊ะข้างๆ บ้าง”
พี่พิทแกก็หัวเราะขำตัวเอง แล้วก็มองหน้าเพื่อนเฮียแพท ก่อนจะถาม “แล้วนี่ใคร เมื่อไหร่เฮียจะแนะนำ”
“เออ ลืมไป นี่เพื่อนกู ไอ้อิฐ อยู่เศรษฐศาสตร์ปีสาม แล้วนี่ น้องกับหลานรหัสกู ไอ้พิทกับไอ้พุ”
พี่อิฐพยักหน้าทักทายยิ้มๆ ผมกับพี่พิทก็ยิ้มให้เช่นกัน เราคุยกันอยู่สักครู่ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องเรียน เรื่องกีฬาคณะที่กำลังจะถึง แล้วก็เรื่องไร้สาระอื่นๆ ผมรู้สึกปวดฉี่ แต่พยายามทน ไม่ยอมไป เพราะเวลากินเหล้าแล้วไปฉี่ แป๊บเดียวก็จะรู้สึกปวดอีก ต้องลุกบ่อยๆ
แต่ในที่สุดก็ทนไม่ได้ ไม่ไหวจริงๆ “พี่ ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
“ฝากด้วย” พี่พิทว่า ผมก็ได้แต่ส่ายหัว มันฝากกันได้รึไง ของแบบนี้
กว่าจะเดินฝ่าฝูงชนมาที่ห้องน้ำได้ก็แทบจะเยี่ยวราด ผมรีบเข้าไปทำธุระส่วนตัว แล้วก็เดินกลับ ไม่รู้ว่าเมาหรือเปล่า แต่เดินสะดุดขาตัวเองจะล้ม แล้วตามสัญชาตญาณผมยกมือขึ้นยันประตูห้องน้ำไว้ เพื่อช่วยพยุงตัวเอง แต่โชคร้ายประตูไม่ได้ล็อค ตัวผมซึ่งก็ไม่ใช่เล็กๆ เลยถลาตามเข้าไป
“โป๊ก!” เสียงประตูกระแทกใส่ศีรษะใครสักคน
“โอ๊ย!” เสียงร้องของผู้หญิง
“เฮอะ” เสียงผมเอง ตอนแรกจะร้องว่า เฮ้ย แต่เสียงมันขาดหายไปเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า
ชายหนุ่มหน้าตาดี ไม่อยากจะชมมันหรอกนะ แต่มันหล่อมาก หล่อแบบเถื่อนๆ อะครับ เห็นแล้วอิจฉา ไมกูถึงไม่หล่อแบบมันบ้างวะ กับผู้หญิงที่ไม่รู้ว่าหน้าตาดีหรือเปล่าเพราะเธอหันหลังให้ผม แต่สังเกตจากหุ่นแล้วก็น่าจะดีอะครับ
ผู้ชายนั่งอยู่บนโถส้วม ส่วนผู้หญิงนั่งอยู่บนตัวผู้ชาย ไม่ต้องอธิบายใช่มั้ยครับ ว่าเขากำลังทำอะไรกันอยู่
“มึงจะมองอีกนานมั้ย ปิดประตู!” เสียงตะคอกของผู้ชายคนนั้นทำให้ผมได้สติ
รีบปิดประตูให้มัน แล้วก็แจ้นกลับมาที่โต๊ะ ความมึนเมาทั้งหลายแทบจะไม่หลงเหลือ... เฮียแพทมองหน้าผมอย่างสงสัยแล้วถาม “เป็นไรมึง หน้าตาตื่น”
“ปะ เปล่า” ผมรีบปฏิเสธ แล้วก็รีบหาเรื่องมาคุย “เมื่อไหร่พี่ปลายจะมาเนี่ย”
“ใกล้ถึงแล้ว” พี่พิทบอก แล้วก็ชงเหล้าให้ผม
สักพักพี่ปลายก็มา เฮียแพทก็แนะนำให้รู้จักกับพี่อิฐ
แล้วพวกเราก็นั่งกินนั่งคุยกันไปจนเกือบจะห้าทุ่ม ผมก็บอกเพราะรู้ลิมิตตัวเองดี “เฮีย ผมไม่ไหวแล้ว ขอกลับก่อนนะ”
“เฮ้ย จะรีบไปไหนวะ พรุ่งนี้วันเสาร์นะ” พี่พิทโวยวายตามแบบฉบับของแก ยิ่งเหล้าเข้าปากก็ยิ่งดัง
“ไม่ไหวแล้วพี่ เดี๋ยวกลับบ้านไม่ได้” ผมบอก ลิ้นเริ่มจะพันกัน
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง” พี่ปลายบอก
“ไม่ต้องพี่ เดี๋ยวผมไปส่งมันเอง” เฮียแพทแทรก
“พี่ไปส่งดีกว่า ทางเดียวกัน คอนโดนายอยู่ตั้งไกล เสียเวลาอ้อมไปอ้อมมา” พี่ปลายยังยืนยัน
ไม่รู้ว่าผมเมาหรือตาฝาด แต่เฮียแพทยิ้มที่มุมปากแล้วมองพี่ปลายเหมือนท้าทายก่อนจะบอก “ผมจะไปนอนห้องมันพอดี ขี้เกียจกลับ ไกล”
พี่ปลายยักไหล่เหมือนไม่เดือดร้อน “ตามใจ ถ้านายไม่ลำบาก”
“ผมไม่ลำบาก” เฮียแพทย้ำ
“แต่ผมลำบาก” อ้าว แค่คิดนะ ไหงมันถึงเสียงดังจัง
เฮียแพทหันมามองผมตาขวาง “ลำบากไรไอ้แก่”
“ก็เฮียไปทีไร ผมต้องลงมานอนพื้นทุกที ตัวโตยังกะควา-”
“เดี๋ยวกูเตะ เตียงมึงอะเล็กเอง กูออกจะหุ่นนายแบบ”
“เออๆ ขี้เกียจเถียงวะ ง่วงแล้ว ไปได้ยัง” ที่ไม่เถียงเพราะเฮียแกหุ่นดีจริงๆ ครับ นอกจากหุ่นดีแล้วยังหน้าตาดีด้วย สูสีกับไอ้คนที่อยู่ในห้องน้ำเลย เฮ้ย ไปคิดถึงมันทำไมวะ ไม่เอาๆ ไม่คิดๆ
“เป็นเชี่ยไรของมึง” เฮียแพทถามเมื่อเห็นผมสะบัดหัวไปมา
ผมส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วเอาศอกเท้าโต๊ะ ส่ายไปส่ายมาก็ชักมึน “ไม่ได้เป็นไร ไปกันได้ยังอะ”
“รอเช็คบิลก่อนดิมึง พอจะไปก็เร่งยิกๆ เชียวนะ” เฮียแพทบ่นไป กระดกเหล้าไป
จะพากูกลับถึงบ้านมั้ยเนี่ย!
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
UNBELIEVABLE LOVE
Chapter One
“ถือให้หน่อย”
สิ้นเสียงบอก กระเป๋าเป้ใบหนึ่งก็ถูกวางลงบนตักของผม
...อะไรวะ นี่มึงไม่คิดจะถามกูก่อนเลยใช่มั้ย
ตั้งใจจะบอกอย่างนั้นจริงๆ นะ แต่พอได้มองเจ้าของกระเป๋าเต็มตา ผมก็ต้องอึ้ง และยิ่งอึ้งขึ้นไปอีกเมื่อได้เห็นการแต่งกายของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เบาะรถเมล์ที่ผมนั่ง
ชุดนักศึกษามหาวิทยาลัย ผูกไทด์ ตราเดียวกันกับผม…
รุ่นเดียวกันนี่หว่า… ไอ้เราก็นึกว่ารุ่นเฮียแพท หรือไม่ก็พี่พิท เพราะลักษณะท่าทางมันไม่เหมือนเด็กปี 1 เลยสักนิดเดียว
ตัวสูง ไหล่กว้าง ผมทรงสกินเฮด หน้าตาไม่ต้องพูดถึง มันหล่อ ตอกย้ำด้วยสาวน้อยสาวใหญ่บนรถเมล์ที่แอบมองมาที่มันบ่อยๆ นี่ไง
พยายามไม่อิจฉา….แต่มันก็อดเอามาเปรียบเทียบกับตัวเองไม่ได้
ตัวเตี้ย หน้าเหียก นี่ถ้ากูดำด้วยนะ จบเลย
ความขี้เหร่ทั้งหลายทั้งปวงนี่ต้องโทษพ่อกับแม่ผมครับ
ส่วนสูง… พ่อเป็นคนสูงครับ ประมาณ 185 ส่วนแม่สูง 150 เอง พอผมเกิดมาก็ได้พ่อกับแม่มาอย่างละครึ่ง เลยสูงได้แค่ 170 แต่น้องผมดิมันได้พ่อมาเต็มๆ อยู่แค่ ม. 5 มันก็ 180 แล้ว
หน้าตา…พ่อผมไม่ค่อยหล่อ แต่แม่สวยมาก น้องผมมันหน้าเหมือนแม่ ส่วนผมหน้าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เหมือนพ่อ แล้วคิดว่าผมจะหน้าตายังไงล่ะครับ… ทีความสูงล่ะเอาไปหาร
เฮ้อ... เซ็งเป็ด เซ็งไก่ เซ็งห่าน
เซ็งมึงด้วยแหละ ผมคิดในใจแล้วก็มองค้อนไอ้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ถ้ามันหันมาเห็น มันคงคิดว่าผมบ้า
ไปดีกว่าก่อนที่ต่อมอิจฉาจะทำงานหนักกว่านี้ ผมคิด แต่จริงๆมันถึงป้ายที่ผมจะลงพอดี...
“อ๊ะ” ผมยื่นกระเป๋าคืนไอ้หล่อ แล้วก็เดินไปยืนรอแถวๆ ประตู
พอลงจากรถ เสียงเพลงจากมือถือก็ดังขึ้นพอดี เบอร์ในหน้าจอบอกว่าเป็นพี่ปลาย ผมกดรับแล้วรีบบอก “อยู่ข้างหน้าแล้วครับ”
[โอเค อยู่ร้าน BO นะ]
“ครับ”
วางสายจากพี่ปลายแล้วผมก็รีบจ้ำไปที่ร้านBO ตามที่พี่แกบอก... วันนี้พี่เขาจะพาผมมาเลี้ยงฉลองที่ได้ A+ วิชาของจารย์วิน ซึ่งตอนแรกผมก็ปฏิเสธไปแล้ว เพราะสงสัยว่าอีแค่ A+ ไมต้องเลี้ยงวะ ทำกะกูได้ทุนไปเยอรมัน แต่พี่แกก็ยืนยันอยู่นั่นแหละว่าจะต้องเลี้ยง ผมเลยไม่อยากขัดศรัทธา ยอมตกลง... แต่ที่จริง ชอบของฟรี คึคึ
“เบียร์นะ” พี่ปลายถาม แต่มือน่ะเทเบียร์ใส่แก้วให้ผมเรียบร้อยแล้ว
นั่งกินกันไป คุยกันไป จนสามทุ่มกว่า เสียงเพลงจากมือถือของผมก็ดังขึ้น ผมมองเบอร์แล้วก็กดรับ
“ครับ”
[อยู่ไหน]
“อยู่กับพี่ปลาย”
[…….]
“ฮัลโหล”
[ที่ไหน]
“ร้าน BO ตรงห้าง CC”
[เดี๋ยวมึงขอตัวไปห้องน้ำนะ]
“ไปไมอะ”
[บอกให้ไปก็ไปเหอะน่า ไม่ต้องบอกพี่ปลายนะว่ากูโทรมา]
“ไมอะ”
[อย่าเพิ่งถาม ทำตามที่กูบอกก่อน]
“โอเค”
เสียง ตู๊ดๆๆ บอกให้รู้ว่าคนปลายสายกดตัดไปแล้ว
“ใครโทรมา” คนที่นั่งอยู่ด้วยเอ่ยถาม
“เพื่อนครับ” ผมโกหกไปตามที่เฮียแพทสั่ง ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจ
นั่งกินกันไปสักครู่ ผมก็บอก “เดี๋ยวไปห้องน้ำแป๊บนะครับ”
พี่ปลายก็พยักหน้าให้
ผมเดินไปเข้าห้องน้ำในห้าง เพราะร้าน BO อยู่ตรงด้านข้างของห้าง…
“เฮีย” พอเดินพ้นสายตาของพี่ปลาย ผมก็กดหาเฮียแพททันที “มีไรอะ”
[มึงอยู่ไหน]
“อยู่ในห้าง”
[เดี๋ยวมึงกลับบ้านเลยนะ ไม่ต้องกลับไปหาพี่ปลายแล้ว] เสียงเฮียแกร้อนรนแปลกๆ
“อ้าว ไมอะ”
[เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง ตอนนี้กลับบ้านก่อน]
“แต่กระเป๋ายังอยู่ที่โต๊ะ”
[เอ้า แล้วไมไม่เอามาด้วยวะ] ได้ยินเสียงถอนหายใจตามสไตล์พี่แก เวลาที่ไม่ได้ดังใจ
ผมชักสงสัยแล้วนะเนี่ย อะไรกันนักหนา “เฮ้ย เฮีย นี่มันเรื่องไรกันวะ ไมผมต้องให้ผมหนีพี่ปลายกลับบ้านด้วย”
เฮียแกถอนหายใจอีกละ [มึงรู้ใช่มั้ยว่าพี่ปลายเป็นเกย์]
“รู้” ตอนที่รู้ว่าพี่ปลายเป็นเกย์ผมก็เฉยๆ นะ ไม่ได้คิดอะไร ผมถามงงๆ “แล้วไง”
[วันนี้เขาไม่ได้ชวนพวกกูมาด้วย มึงรู้ใช่มั้ย]
“เขาบอกเฮียกับพี่พิทไม่ว่าง”
[ไม่ว่างเหี้ยไรล่ะ มันยังไม่ได้บอกกูซักคำ] เหี้ยเต็มหูเลย... สรุปที่โทรมาเนี่ย โมโหที่เขาไม่ชวน หรือยังไง งงนะเนี่ย
[มันชวนมึงคนเดียว เพราะมันกะจะกินมึง เข้าใจยัง] เสียงเฮียแกหงุดหงิดมาก
“อย่ามาอำ” ผมบอก ไม่เชื่อหรอก เฮียแพทบ้าไปแล้ว เออ ถ้าหน้าตาพี่ปลายแย่ๆ ก็ว่าไปอย่าง นี่ออกจะหล่อ สายผมเนี่ย มีผมนี่แหละ หน้าเหียกอยู่คนเดียว คนอื่นๆ เขาก็หล่อกันหมด
พี่ปลายหล่อแบบผู้ดี เฮียแพทหล่อแบบเซอร์ๆ ส่วนพี่พิทก็หล่อแบบตี๋อินเตอร์… แต่ละคนก็ฮ็อทๆ ทั้งนั้น แล้วพี่ปลายจะมาสนใจเด็กกะโปโลอย่างผมทำไม
ผมส่ายหัวทั้งๆ ที่รู้ว่าเฮียแพทไม่เห็น “คิดได้ไงเฮีย”
[ไอ้พุ นี่กูซีเรียส ถ้าไม่เชื่อ มึงเดินไปแอบดูก็ได้ กูว่าตอนนี้มันคงกำลังเอายาใส่ในแก้วมึงชัวร์]
ได้ยินเสียงจริงจังของเฮียแกแล้วผมก็ชักจะเริ่มเอนเอียงไปเชื่อเฮียแกละ แต่ก็ยังไม่มาก จนกระทั่งเห็นพี่ปลายกำลังหย่อนอะไรใส่ในแก้วผมนั่นแหละ ถึงกับอึ้งไปเลย เฮียแพท แม่ง เปลี่ยนอาชีพดีมั้ย
“ฮะ เฮีย” ผมเรียกเฮียแพทเสียงสั่น เป็นไปได้ไงวะ นึกว่ามีแต่ในหนัง
[มันทำจริงใช่มั้ย]
“อือ…” ผมตอบลอยๆ ก่อนจะได้ยินเสียงติ๊ดๆ พร้อมกับเสียงสบถของเฮียแพท [ชิบหายแล้ว แม่ง แบตจะหมด]
“เฮ้ย” พอรู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่อยู่คอยกำกับแล้ว ผมก็ชักจะใจเสีย
[ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวมึงนั่งแท็กซี่มาที่คอนโดกูนะ ไม่ต้องกลับไปหามันแล้ว]
“อะ โอ เค” เสียงผมสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ ทั้งๆ ที่พี่ปลายก็ยังไม่ทันได้ทำอะไรผมด้วยซ้ำ งงตัวเองมาก กูกลัวอะไรวะ
ได้ยินเสียงติ๊ดๆ อีกสองสามครั้งแล้วสัญญาณก็ขาดไป ผมรีบจ้ำจะออกไปเรียกแท็กซี่“ปึ๊ก”
“โอ๊ะ” แรงปะทะระหว่างผมกับคนที่กำลังเดินสวนเข้ามาทางประตู ทำเอาผมแทบหงายหลัง ดีแต่ว่ามีมือมารั้งไว้ แต่เสียงดุๆ ที่ตามมานี่สิ “เดินยังไงวะ ไม่...เป็นไร?”
ผมเงยหน้ามองคนถามแล้วก็ชักจะเชื่อทฤษฎีโลกกลม เพิ่งจะเจอกันเมื่อตอนเย็นนี่เอง ดึกก็ยังจะได้เจอกันอีก
“ทำไมหน้าซีด เป็นอะไร” ไอ้หล่อถามผมเสียงอ่อน
“ปะ เปล่า” พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น แต่ก็ทำไม่ได้ อย่าว่าแต่เสียง ตัวยังสั่นเลย
ไอ้หล่อมันมองผมนิ่งๆ แป๊บหนึ่ง ก่อนจะพยุงไปนั่งที่ม้าหินหน้าห้าง แล้วบอก “สูดหายใจลึกๆ” และเมื่อผมทำตามมันก็บอก “นั่นแหละ สูดอีก เก่งมาก อีกที”
ที่ทำตามเนี่ยไม่ได้บ้ายอนะ แต่เป็นเพราะทำแล้วมันรู้สึกว่ามือค่อยๆ หายสั่นต่างหาก
“มือเย็นมากเลย จะเป็นลมหรือเปล่า” ไอ้หล่อมันจับมือผมไปบีบเบาๆ มือมันอุ่นดี นุ่มด้วย แต่ใหญ่กว่ามือผมอย่างเห็นได้ชัด
“พุ” ผมสะดุ้งกับเสียงเรียก หันไปมองที่มาของเสียงแล้วก็ตัวสั่นขึ้นมาอีก “เป็นอะไร”
“ปะ เปล่า” ผมตอบเสียงสั่น มองพี่ปลายหวาดๆ เผลอบีบมือไอ้หล่อจนมันสะดุ้ง “ทะ โทษ”
“ไม่เป็นไร” ไอ้หล่อบอก แล้วทำท่าเหมือนจะลุกขึ้น แต่ติดมือผมที่รั้งมันไว้ เราสองคนสบตากัน ไม่แน่ใจว่าสายตาผมที่แสดงออกไปเป็นแบบไหน จึงทำให้มันดึงผมเข้าไปกอดแล้วกระซิบบอก “ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไรแล้ว”
“พุ” เสียงพี่ปลายอีกครั้ง “นี่ใคร เพื่อนเหรอ”
ผมส่ายหน้า กำลังคิดหาคำตอบ แต่ไม่ต้องแล้วเพราะไอ้หล่อมันตอบเองเลย “ผมเป็นแฟนพุ ชื่อเล่ย์”
พี่ปลายนิ่วหน้า แล้วจ้องมาที่ผม “จริงเหรอ”
ผมพยักหน้า ตอนนี้ เอายังไงก็ได้ ขอให้พ้นจากพี่ปลายไปก่อน
“พุน่าจะไม่สบาย เดี๋ยวผมพากลับบ้านก่อน” ไอ้หล่อ ซึ่งตอนนี้ผมรู้แล้วชื่อเล่ย์บอก แล้วพยุงผมให้ลุกขึ้น
“กระเป๋า” นึกได้พอดีว่าควรจะเอาตอนนี้ดีที่สุด
พี่ปลายยื่นกระเป๋าเป้สีดำที่สะพายอยู่ให้แล้วบอก “อยู่นี่ พี่หยิบมาด้วย กลัวหาย นึกว่าพุหนีกลับบ้านไปแล้ว”
เล่ย์รับกระเป๋ามาจากพี่ปลายแล้วบอก “ขอบคุณครับ”
…ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ รู้สึกเลยว่าปากสั่น
“…….เกิดจากอาการช็อค”
“แล้วเมื่อไหร่จะฟื้นครับ”
“หมอก็ไม่แน่ใจ แต่ไม่น่าจะเกินวันนี้”
เสียงคุยของคนสองคนลอยห่างออกไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เงียบไป… ผมลืมตาขึ้นช้า แล้วมองไปรอบๆ
…ไม่ใช่ห้องเรา
ผมค่อยๆ ลำดับเหตุการณ์ย้อนหลังที่พอจะจำได้
ผมไปกินเหล้ากับพี่ปลาย… เฮียแพทโทรมา… ผมชนกับไอ้หล่อ เออ ผมจำได้ละ มันชื่อเล่ย์… พี่ปลายมาเจอ… ไอ้เล่ย์พาผมมารอแท็กซี่… แล้วยังไงต่อ…
เสียงแกร๊กของลูกบิดที่ถูกหมุนทำผมหลุดจากภวังค์
“ฟื้นแล้ว?” คนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาถามแล้วก็ชะโงกหน้าออกไปนอกประตู “ไอ้เล่ย์ แฟนมึงฟื้นแล้ว”
ใครแฟนใคร? ผมมองไอ้คนพูดงงๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป... สักครู่ไอ้เล่ย์ก็เดินเข้ามาในห้อง “เป็นไงบ้าง?”
“สงสัยยังไม่หายช็อค” ไอ้คนไม่ทราบชื่อบอก เมื่อผมไม่พูด แต่นอนมองพวกมันตาปริบๆ
ไอ้เล่ย์เดินมานั่งข้างเตียงแล้วถาม “จำได้มั้ย เกิดไรขึ้น” แล้วมันก็ไม่รอคำตอบ เฉลยเอง “มึงเป็นลม กูเลยพามานี่ เพราะไม่รู้จักบ้านมึง”
อ๋อ เพราะอย่างนี้เอง ว่าแล้วทำไมจำอะไรไม่ได้เลย…
ผมพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง และคำพูดแรกที่ออกมาจากปาก คือ “กระเป๋า” ก็ผมเพิ่งจะกดเงินมา ถึงจะไม่มากเท่าไหร่แต่ก็เป็นค่าขนมของผมทั้งเดือนเชียวนะ
“อยู่ข้างนอก” ไอ้เล่ย์บอก แล้วช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้นนั่ง เรี่ยวแรงกูหายไปไหนหมดวะ แค่ลุกขึ้นนั่งนี่ถึงกับหอบเลย
พอลุกขึ้นนั่งได้ ผมก็วาดขาลงจากเตียงทันที แต่ไอ้เล่ย์มันจับไว้ก่อน “จะไปไหน”
“กลับบ้านดิ ขอบใจนะ”
“เดี๋ยวกูไปส่ง” ไอ้เล่ย์บอกพร้อมกับดันผมให้นอนลงไปใหม่ แต่ผมขืนตัวไว้ พร้อมกับสั่นศีรษะ “เกรงใจ กลับเองได้”
“มึงอย่าดื้อ ยืนยังจะไม่ไหว” มันบอกเสียงดุ หน้ามันแบบรำคาญเต็มที่เลย
อยากจะเถียงนะ แต่มันพูดถูก แค่นั่งเฉยๆ ยังไม่ค่อยมีแรงเลย
“กูว่า ให้มันกินอะไรก่อนดีกว่า แล้วค่อยพากลับบ้าน เดี๋ยวแม่งก็เป็นลมเป็นแล้งไปอีก” เสียงไอ้คนไม่ทราบชื่อบอกเพิ่งสังเกตว่ามันก็หล่อเหมือนกัน แต่คนละแบบกับไอ้เล่ย์ รายนั้นออกแนวฮาร์ดคอร์ ส่วนคนนี้ซอล์ฟหน่อย แนวคุณชาย
“เออ ดีเหมือนกัน สั่งให้หน่อย เอาพวกข้าวต้มนะ” ไอ้เล่ย์ถือโอกาสสั่งแล้วมันก็พยุงผมเดินออกไปนอกห้อง พาไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวข้างหน้าต่าง
...วิวสวยมาก
นั่งรอสักพักก็มีคนมาเคาะประตู ไอ้คนไม่ทราบชื่อเดินไปเปิดแล้วก็รับถาดอาหารมาวางไว้ตรงหน้าผม แค่ได้กลิ่น เสียงท้องก็ร้องโครกคราก... ไอ้ท้องบ้าไม่ไว้หน้าเจ้านายเลย
หน้าร้อนวูบ ผมแอบชำเลืองมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่มันก็เปิดผาครอบออกให้เฉยๆ ก่อนพยักหน้าให้ลงมือ แล้วเดินหายเข้าไปในห้องนอนที่ผมเพิ่งจะลุกออกมา…
กินไปได้ประมาณครึ่งถ้วย ไอ้เล่ย์ก็เดินกลับมา เปิดตู้เย็นหยิบน้ำมาเทใส่แก้วแล้วเอามาวางตรงหน้าผม... มองข้าวต้มในชามที่เหลือเพียงครึ่ง ก่อนจะเดินไปนั่งกับไอ้คนไม่ทราบชื่อ ที่กำลังดูทีวีอยู่
มันไม่ถามสักคำว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมผมจึงทำท่าตื่นๆ ตอนที่เจอกัน และทำไมผมจึงเป็นลม…
ผมควรจะโล่งอกหรือเปล่า ที่มันไม่สนใจ… แต่ทำไมต้องรู้สึกผิดหวังด้วยวะ
“ไปอาบน้ำก่อน เสื้อผ้าเตรียมไว้ให้แล้ว” ไอ้เล่ย์บอกหลังจากที่เห็นว่าผมกินเสร็จแล้ว
ผมส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปอาบที่ห้องก็ได้”
“ไปอาบ กูเหม็น” มันพูดทั้งๆ ที่ตามองทีวีอยู่
แล้วมันเกี่ยวไรกับมึงวะเดี๋ยวกูกลับเองก็ได้ ไม่จำเป็นต้องให้มึงไปส่งหรอก’ ผมแย้งในใจ แต่สุดท้ายก็เดินไปอาบน้ำตามที่มันบอก…
…กลายเป็นคนว่าง่ายไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะเรา
เดินออกมาจากห้องน้ำ ผมหยิบเสื้อยืดคอกลมที่วางอยู่บนเตียงมาใส่... ตัวใหญ่มาก
ไม่เป็นไร ผมชอบใส่เสื้อตัวโคร่งๆ อยู่แล้ว แต่กางเกงนี่สิ…อุตส่าห์พยายามไม่คิดแล้วนะ แต่พอเห็นบ็อกเซอร์ที่วางอยู่บนกางเกงขาสั้นที่ไอ้เล่ย์มันเอามาเตรียมไว้ให้ ผมก็รู้สึกหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที
จะอะไรซะอีก... ก็ตอนฟื้นขึ้นมาบนตัวผมก็มีแค่เสื้อยืดกับกางเกงนอนสวมอยู่เท่านั้น บ๊อกซ่งบ๊อกเซอร์ไม่รู้อยู่ไหน
…แล้วกูจะอายทำไมวะ ผู้ชายเหมือนกัน
สลัดศีรษะไล่ความเขินอาย ผมหยิบบ๊อกเซอร์และกางเกงมาใส่ แล้วเดินออกไปนอกห้อง เห็นไอ้เล่ย์มันมองมาเลยถาม “เห็นเข็มขัดมั้ย”
มันชี้ไปที่โซฟาอีกตัวที่มันกับเพื่อนไม่ได้นั่ง มองตามไปก็เห็นเสื้อกับกางเกง รวมทั้งบ๊อกเซอร์พับไว้เรียบร้อย เข็มขัดนักศึกษาสีดำวางอยู่ด้านบน
ผมหยิบเข็ดขัดมาคาดเอวแล้วจับเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเป้ที่วางอยู่ใกล้ๆ กันส่วนไอ้เล่ย์ก็ลุกขึ้นยืน แล้วถาม “เอาไรป่ะ”
ผมหันไปมอง นึกว่ามันถามผม ก็เห็นมันเตะขาเพื่อนมัน “เฮ้ย ไอ้เกียร์ เอาไรมั้ย”
ไอ้คนที่ผมจะเพิ่งรู้ว่าชื่อเกียร์ส่ายหน้า ตายังมองทีวีอยู่ “ไม่เอา”
ไอ้เล่ย์พยักหน้าให้ผมเหมือนกับบอกว่า ‘ไป’ แล้วก็เดินไปหยิบหมวกกันน็อคแบบเต็มใบสีดำสนิทสองใบที่วางอยู่ตรงตู้เตี้ยข้างประตู ก่อนจะออกจากห้องไป
ตามมารยาทผมหันไปบอกไอ้คนที่กำลังดูทีวีอยู่ “ขอบใจนะ” มันก็หันมามองผมงงๆ แล้วบอก “เออ ไม่เป็นไร” ก่อนจะหันกลับไปสนใจภาพในจอทีวีต่อ
เดินออกมาจากห้อง เห็นไอ้เล่ย์กำลังก้าวเข้าไปในลิฟท์พอดี ผมเลยรีบวิ่งตามเข้าไป
ออกมาจากลิฟท์ ไอ้เล่ย์มันก็บอก “ไปรอข้างหน้า เดี๋ยวไปเอารถก่อน” แล้วก็ยื่นหมวกกันน็อคให้
ผมพยักหน้า แล้วไปยืนรอด้านหน้าของอาคารตามที่มันบอก พร้อมกับใส่หมวกกันน็อครอไปด้วย
ว๊าวววว… ความรู้สึกแรก ตอนที่มันขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดตรงหน้า
ปกติผมก็ไม่ค่อยสนใจมอเตอร์ไซค์เท่าไหร่ คือ เห็นแล้วมันก็งั้นๆ อะนะ ยกเว้นแต่พวกรถใหญ่ๆ อย่างพวกฮาร์เล่ย์ นั่นแหละผมถึงจะเรียกว่าสวย แต่คันนี้ คันที่ไอ้เล่ย์ขี่มา… สวยมาก เห็นแล้ว ชอบเลย
เป็นรถผู้ชาย สีดำสนิทเกือบทั้งคัน แต่มีลูกเล่นตรงแม็กซ์สีทองแดงนี่แหละ สวยดี... อย่าว่าแต่ผมเลยครับที่ชอบ คนเดินไปเดินมาแถวนั้นต่างก็หันมามองกันทุกคน
“จะมองอีกนานมั้ย ขึ้นมา!” ได้ยินเสียงกระชากๆ ของมัน ผมเลยต้องรีบขึ้นคร่อมโดยอัตโนมัติ เพราะตอนที่มันบอก ‘ขึ้นมา!’ ผมดันไปคิดถึงตอนที่มันบอก ‘ปิดประตู!’ ตอนที่เจอกันครั้งแรกเฉยเลย
...ดีที่สวมหมวกไว้ ไม่งั้นมันคงเห็นว่าหน้าและหูของผมแดงขนาดไหน
“จะดึงเสื้อทำไม จะกอดก็กอด กูอนุญาต” ไอ้เล่ย์มันหันมาบอก ตอนติดไปแดง “แล้วกระเป๋า ใส่ไรไว้ กูเจ็บหลัง”
ผมเปิดกระเป๋าที่เอาวางไว้ข้างหน้าดูของข้างใน ก็เห็นแม็กซ์เย็บกระดาษ กรรไกร กล่องดินสอ เต็มกระเป๋าไปหมด เลยจะจัดใหม่ แต่ไอ้เล่ย์ มันก็ชิงบอกก่อน “จะเขียวแล้ว สะพายหลังไป”
รถออกตัวอีกครั้ง ผมเอาเป้มาสะพายหลัง แต่ยังคงจับชายเสื้อมันไว้เหมือนเดิม แต่เพราะรถที่นั่งอยู่เป็นรถผู้ชาย เบาะคนซ้อนจะสูงกว่าเบาะคนขี่ ตัวคนซ้อนก็จะเอนไปทางคนขับ ผมนั่งเกร็งไปสักพักก็ไม่ไหว ประกอบกับมันขับรถเร็วมาก ฉวัดเฉวียน แซงซ้ายป่ายขวา
มึงจะพากูกลับถึงบ้านมั้ยเนี่ย!
ในที่สุดผมก็ต้องยอมแพ้ เอนตัวไปกอดเอวมันไว้ รู้สึกเหมือนได้ยินมันหัวเราะเลย แต่คงจะหูแว่ว เพราะเสียงลมเสียงท่อไอเสียดังลั่นไปหมด ถึงมันหัวเราะจริงๆ ก็คงไม่ได้ยินอยู่ดี
และแล้วมันก็พาผมมาถึงบ้าน… เย้ กูรอดแล้วโว้ย!!!
อยากจะลงไปเต้นแรพให้คนแถวนั้นดู แต่ขาสั่นเลยทำไม่ได้นอกจากหันไปบอกคนมาส่ง “ขอบ..” แต่ไม่ทัน มันไปโน่นแล้ว “..คุณนะ”
“รีบขนาดนั้นไม่ต้องมาส่งก็ได้นะ” ผมบ่นงึมงำให้มดแมวแถวนั้นฟัง แล้วหันหลังเดินขึ้นหอพัก ที่ติดปากเรียกว่าบ้าน
และเมื่อเข้าไปในตัวอาคาร เสียงเฮียแพทก็ดังมาก่อนตัว “ไอ้พุ! มึงหายไปไหนมา เขาตามหากันให้ทั่ว”
“เฮ้ย เฮีย เบาๆ ดิ ตะโกนทำไม” ผมบอกด้วยเกรงใจคนแถวนั้นที่หันมามองเป็นตาเดียว
“มึงจะไม่ให้กูตะโกนเหรอ มึงหายไปเป็นวัน เนี่ยกูจะไปแจ้งความอยู่แล้ว” เฮียแพทยิ่งแหกปากหนักขึ้นกว่าเดิม ผมเลยต้องรีบบอก “เฮีย ใจเย็นๆ เดี๋ยวไปคุยกันบนห้องดีกว่า คนมองเต็มแล้ว”
แล้วผมก็ลากเฮียแพทเดินขึ้นห้องที่อยู่ชั้นห้า... ที่ต้องขึ้นบันไดเพราะมันถูก ก็เลยไม่มีลิฟท์
กว่าจะขึ้นมาถึงชั้นที่ผมอยู่ก็เดินกันเหงื่อตก พอเปิดประตูเข้าห้องได้ เฮียแพทก็ใส่เลย “เล่ามา มึงไปอยู่ทีไหนมา เสร็จไอ้ปลายไปหรือยัง”
“ย๊างงง” พูดถึงพี่ปลายแล้วก็ขนลุก ผมเล่าให้เฮียแพทฟัง ตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วเผอิญเห็นมุมปากเขียวๆ ของเฮียแกพอดี “แล้วนี่เฮียไปทำไรมา ไมปากแตก”
“ไม่มีไร” เฮียแพทว่าพร้อมกับแตะแผลตรงมุมปากเผลอๆ แล้วโยกหัวผมเหมือนมันเขี้ยว “มึงไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
เห็นหน้าตาท่าทางโล่งอกโล่งใจของเฮียแกแล้วผมก็ยิ้มออกมา “ขอบคุณนะเฮีย” รู้สึกอุ่นใจเหมือนมีพี่ชายเลย “ว่าแต่เฮียรู้ได้ไงว่าพี่ปลายแกจะทำยังงั้น?”
“มึงไม่ใช่คนแรก” เฮียแพทบอก แล้วให้เหตุผล “กูถึงไม่อยากให้มึงไปไหนมาไหนกับมันสองต่อสองไง” ก่อนจะเสริมขำๆ “แบบมึงเนี่ย สเป็คมันเลย”
“ห๊ะ?” ผมทำตาโต แล้วยิ้มแหยๆ “รสนิยมประหลาดดีเนอะ”
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!” เฮียแพทหัวเราะก๊าก แล้วพยักหน้าเห็นด้วย “มันชอบของแปลกฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”
เออ รู้ตัวดีว่าหน้าตาแย่ แต่ไม่ต้องสนับสนุนขนาดนี้ก็ได้...
ผมทำหน้ายู่ “หัวเราะอร่อยไปมั้ย ไว้หน้ากันบ้างก็ได้”
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”
จะหัวเราะตอกย้ำปมด้วยผมอีกนานมั้ย “เฮีย กลับบ้านไปเลยป่ะ!”
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”
สรุปวันนั้น เฮียก็ไม่ยอมกลับบ้าน ผมเลยต้องระเห็จมานอนที่พื้นอีกตามเคย เพราะเฮียแกอ้างว่าผมทำให้แกเป็นห่วง ดังนั้นผมต้องนอนพื้น เสียสละให้แกนอนเตียง
...ได้ข่าวว่า มาทีไรเฮียก็นอนเตียงทุกทีนะ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องห่วงไม่ห่วงเล้ย
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
ไม่รู้ทำไมอ่านเรื่องนี้แล้วอมยิ้มไปตลอด ฮ่าาาา
รู้สึกน้องพุจะเสน่ห์แรง (มว๊ากกกก) นะคะ *กรี๊ดดดด*
หนุ่มหล่อกี่คนๆที่เข้ามารู้จัก ก็แลดูเหมือนจะตกหลุมน้องทุกคนเลย ชอบอ่ะ
แบบนี้มิเกิดศึกชิงนายระดับประเทศขึ้นเลยเรอะ?!
ว่าแต่พี่ปลายนี่แกคิดจะงาบน้องพุจริงง่ะ มีใส่ยาในน้ำด้วย
เฮียแพทก็แสดงความเป็นห่วงแบบมากๆ ส่วนนายเล่ย์ก็สมอ้างเป็นแฟนแถมดูแลดี๊ดีอีก
โฮะๆๆๆ อยากอ่านต่อมั่กๆ รอดูว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรต่อไป สนุกมากเลยจ้าาาา
-
เกือบไปแล้วไหมนั่น
เกือบไปแล้วนะพุ
ดีนะที่เล่ห์ช่วย
พี่แพทนี่ห่วงพุมากเลยเนอะๆ
รอติดตามตอนต่อไปจร้า
-
เลย์ จากแฟนจำเป็น
เป้นแฟนตัวจริงมั้ยเนี่ย
พี่แพทไปซัดกับพี่ปลายมาเหรอ
มุมปากถึงได้เขียวแบบนั้น
แต่พี่ปลาย.... :เฮ้อ:
-
สนุกอ่ะ แอบงงนิดๆตอนขึ้นตอนใหม่
แต่อ่านแล้วสนุกมากป็นเรื่องแนวที่ชอบเลย
พี่ปลายเริ่มมาก็ชั่วเลยอ่ะ
รีบมาต่อนะคะ
-
ขอแปะไว้ก่อน เดี๋ยวจะมาอ่านทีหลังนะ
-
เฮียแพทอ่า ว่าแต่พี่ปลายเค้าจะกินน้องพุ ตัวเองก็อย่าคิดจะกินน้องอีกคนล่ะ
ไม่งั้นพุได้ช็อกหนีไปอยู่กับแฟนจำเป็นนายเล่ย์แน่เลย :z1:
คนมันเสน่ห์แรงก็เงี้ย มีแต่คนอยากมายุ่งด้วย :o8:
-
สนุกมากอ่า
อ่านไปก็มียิ้มบ้าง หัวเราะบ้าง (ท่าจะอินขนาด)
+เป็ด +โหวต รอตอนต่อไปนะครับ
-
เสน่ห์แรงจริงนะน้องพุ
-
สายรหัสนี้...ขอ 4P ไปเลยจ้า!!!
หูยยยย เรื่องแอบลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนมาก ๆ ฮ้า
แบบว่าเราไม่เชื่อหรอกว่าน้องพุหน้าตาไม่ดี มีหนุ่มมารุมขนาดนี้ ไม่จริ๊งไม่จริง
ว่าแต่พี่ปลายจะทำแบบนั้นกับน้องจริงเหรอ ลุคพี่แกมาแนวสุภาพบุรุษเลยนะ
เจ๊ชอบมองคนแบบฉาบฉวบค่ะ 5555
เรื่องนี้ก็สนุกอีกแล้วอ่า น่ารักเป็นธรรมชาติอีกแล้ว ติดตามค่ะ ๆ
ยังรอตาวันกับน้องพลเสมอนะ จุ๊บ ๆ
-
พุหน้าตาไม่ดีจริงหรอ ไม่เชื่ออะ 5555
ทำไมมีแต่คนมารุมมะตุ้ม
พี่ปลาย ร้ายกาจ ทำแบบนั้นกับน้องนุ่งได้ไง
เล่ย์ดูลึกลับนะ รออ่านต่อจ้า
-
สนุกอ่ะ แต่ว่าปู่รหัสไม่น่าทำแบบนั้นเลยนะ
-
UNBELIEVABLE LOVE
Chapter Two
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผ่านไป วงโคจรของผมกับพี่ปลายก็ไม่ค่อยจะได้มาบรรจบกันซักเท่าไหร่ มีบ้างที่เห็นกันไกลๆ แต่พี่ปลายก็ไม่ได้เข้ามาทักหรือพูดคุยเหมือนเดิม…ประกอบกับผมยังคงรู้สึกกลัวพี่แกอยู่หน่อยๆ จึงเลี่ยงหนีทุกครั้งที่เห็นแกตั้งแต่ไกลๆ ทำให้เราไม่เคยได้ประจันหน้ากันสักที
“เฮ้ย จะไปไหนวะ” เสียงทักพร้อมกับท่อนแขนหนักๆ พาดลงมาบนไหล่ ขณะที่ผมกำลังจะเดินออกนอกรั้วมหาวิทยาลัย
ไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ว่าใคร “กลับบ้านดิ แล้วนี่ขาหรือแขนอะเฮีย หนักชิบ”
“มึงอยากลองมั้ย ขาอะ” ว่าพร้อมกับโบกผมไปที แล้วพูดต่อ “อย่าเพิ่งกลับ ไปกินเหล้ากันก่อน”
“กินอีกละ หยุดมั่งเถ๊อะ”
“แหม พูดเหมือนมึงกินด้วยประจำเลยนะ ชวนทีไรแม่งก็จะกลับแต่บ้าน ยังไงวันนี้มึงก็ต้องไป ห้ามปฏิเสธ”
แล้วผมก็ถูกลากมานั่งกินเหล้าที่ร้านประจำของเฮียแพทและพี่พิทข้างหลังมอ…
“เอ้า โชนนนนน” รอบที่เท่าไหร่ จำไม่ได้ เพราะยกกันบ่อยเหลือเกิน
“ไอ้พุ หมดแก้วเว้ย ห้ามจิบ แม่ง แก้วเดียวทั้งคืน” พี่พิทว่าแล้วก็ปัดมือผมออก จับแก้วเองยกกระดกใส่ปากผมจนสำลักกระอักกระไอ
“เฮ้ย ไอ้เชี่ย เบาๆ มึง เข้าปากเข้าจมูกแล้ว” เฮียแพทว่า เหมือนจะเห็นใจนะ ถ้าไม่มีรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะอย่างสะใจตามมา
พี่อิฐที่นั่งอยู่ด้วย ยื่นทิชชู่ให้ “เอานี่”
“ขอบคุณครับ” ผมรับทิชชู่มาเช็ดปาก จมูก และคอ “ไมพี่อิฐมาคบกับเฮียแพทได้อะ ออกจะดีขนาดนี้”
เห็นฝ่ามือพิฆาตลอยมาแว๊บๆ ทางหางตา ผมรีบเอนหลบ ความซวยเลยไปตกที่พี่พิทแทน “โอ๊ย เฮีย มาตบผมไม”
“ก็มึงเสือกไปรับแทนมันทำไมล่ะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไอ้พุสะใจ “ยิงนกตัวเดียวได้นัดสองตัว”
“ไม่ใช่ละ ยิงนกสองตัวใช้นกตัวเดียว” พี่พิทแก้
“ไม่ใช่เว้ย ต้องยิงนกสองตัวใช้ปืนสองนัด” เฮียแพทว่าอย่างภูมิใจ
“พอกันเลย ทั้งสามคน” พี่อิฐส่ายหน้าระอา “กระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว”
“เออใช่” แล้วพวกเราสามคนก็ก้มหัวคารวะพี่อิฐ กับคำตอบที่… “ถูกต้องแล้วคร๊าบบบบ”
“เอ้า โชนนนน” พี่พิทครับ ชอบมากกับคำนี้
ผ่านไปเกือบสี่ทุ่ม….
“โอเด้เพื่อนเอ๋ยคือดั่งเคยกันนั้น สังสรรค์กันจั๊กหว่าง…ในเวลาว่างๆมาแกล้มฮ่วมกัน บรรยากาศอยู่นา… หลายคนมาเทิงเล่นลมเย็นๆได้พัดพาเหล้าเด็ดๆอยู่บ้าน ของแกล้มอยู่ท่งนา”
“โทสับมึง ไอ้พุ” บอกเฉยๆ ได้มั้ย ทำไมต้องกระทุ้งด้วย
“เลาะเลียบตามแคบน้ำ แคมหนอง ก็มีของกินเป็นอาหาร... หอยปากกว้างนั่นแหละโตการมันเป็นโตมารกัดกกข้าวในนา…” กว่าจะหาเจอ เหมือนเข้าไปในเขาวงกต“โหล?”
[ไมเสียงอ้อแอ้งี้ เมาอะดิ] ใครวะเสียงคุ้นๆ
“ใครอะ”
[จำน้องตัวเองไม่ได้รึไง]
“อ้าว เปลี่ยนเบอร์เหรอ”
[เปล่า แบตหมด โทรศัพท์ไอ้ข้าว]
“เออ แล้วโทรมามีไรอะ”
[จะกลับตอนไหน รออยู่ที่หอเนี่ย]
อึ้งครับ “เฮ้ย มาได้ไง”
[ขี่มอ’ไซค์มา]
“จากพิษณุโลกอะนะ”
[เดี๋ยวค่อยถามได้ป๊ะ หิว รีบกลับมาเร็วๆ เลย] แม่ง นี่มันเป็นน้องหรือพี่วะ
แต่… “เออๆ เดี๋ยวรีบไป”
แล้วมันก็ตัดสายไป โดยไม่กล่าวลา…. ไม่มีมารยาทเลย น้องใครวะ
“เฮีย พี่พิท พี่อิฐ เดี๋ยวผมกลับก่อนนะ น้องมา” ผมบอก แล้วคว้าเป้ขึ้นมาคล้องไหล่ “แล้วเจอกันพี่ ไปละ”
“เฮ้ย เดี๋ยวกูไปส่ง” เฮียแพทบอก แล้วทำท่าจะลุกตาม
ผมรีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องเฮีย ไปได้ๆ กินต่อเหอะ”
“แน่ใจ?”
“แน่” ผมพยักหน้า แล้วเดินออกมา ได้ยินเสียงตะโกนตามหลังมา “ถึงแล้วโทรมาด้วยนะ”
ผมไม่ได้หันไปมอง แต่ยกมือโบกให้รู้ว่าได้ยิน แล้วก็เดินไปยืนรอรถที่หน้าร้านแต่ผ่านไปเกือบสิบนาทีก็ยังไม่มีรถผ่านมาสักคัน
รู้งี้ให้เฮียแพทไปส่งก็ดี... เปลี่ยนใจตอนนี้จะทันมั้ยเนี่ย
“บรื้นๆ”
เสียงเบิ้ลรถมอเตอร์ไซค์ดังขึ้นใกล้ๆ จุดที่ยืนอยู่ ผมไม่ได้หันไปมอง แต่ขยับหลบให้
“บรื้นๆ”
เอ้า ไอ้นี่ จะให้กูปีนกำแพงหลบเลยมั้ย…. โมโหครับ กวนตีนจริงๆ ขอมองหน้าหน่อยดิ๊“อ้าว…”
“เดี๋ยวไปส่ง” ไอ้เล่ย์ครับ
ผมส่ายหน้า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับเอง”
“ขึ้นมา” ไม่ได้เจอกันเกือบเดือน มันก็ยังไม่คิดจะฟังใครเหมือนเดิม
ผมกำลังจะอ้าปากปฏิเสธอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายชิงพูดก่อน “เร็ว อย่าให้ต้องบังคับ”
ผมอ้าปากค้าง... นี่มึงยังไม่ได้บังคับกูอีกเรอะ
แล้วคิดว่าผมจะยอมเหรอ…
“……….”
“……….”
...ยอมก็ได้วะ
“เหม็นเหล้า” มันว่า ตอนที่ผมขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว
“กินเหล้ามันก็ต้องเหม็นเหล้าดิ จะให้เหม็นน้ำหวานเหรอ” ผมเถียง มันก็หันมามอง เหมือนจะแปลกใจ... ไมอะ กูก็สู้คนนะเว้ย
แต่แทนที่จะโกรธ มันกลับอมยิ้มเฉย “แค่กินใช่มั้ย นึกว่าอาบด้วย”
ผมยกเสื้อขึ้นดม “แหวะ” เหม็นมาก ก็ตอนพี่พิทกระดก ไม่สิ ตอนพี่พิทกระแทกแก้วเหล้าใส่ปากผม มันหกใส่เสื้อด้วย
“อ๊ะ” มันยื่นหมวกกันน็อคมาให้ แต่ผมไม่รับ เพราะเห็นมีแค่ใบเดียว “นายใส่เหอะ”
เอาอีกละ ชอบทำหน้ารำคาญใส่กูจัง “ทำตามที่บอกโดยไม่เถียงสักเรื่องได้มั้ย”
“นี่ยังไม่ท-” มันสวมให้เองเลย พร้อมกับหัวเราะหึๆ อย่างสะใจ ก่อนจะช่วยขยับหมวกไปมาจนเข้าที่ แล้วก็เช็คสภาพโดยการตบที่หมวกแปะหนึ่ง“ที่เดิมใช่มั้ย”
“อือ”
ลืมถามไป มันจำได้ด้วยเหรอ…
เมื่อมาถึงหอพูดคำว่าขอบคุณยังไม่ทันจบ ไอ้เล่ย์มันก็จากไปอย่างรวดเร็วเหมือนเดิม... เต็มใจมาส่งกูมั้ยเนี่ย!
“เหม็นเหล้า” คำแรกที่ไอ้น้องชายบังเกิดเกล้ามันทัก เหมือนไอ้คนที่เพิ่งไปเลยเนอะ น่าจะเป็นพี่น้องกันจริงๆ
“พี่พุ หวัดดีครับ” ส่วนนี่ก็เสียงไอ้ข้าว เพื่อนน้องชายผม
“หวัดดี มารอนานยังอะ”
“นานมาก” เสียงน้องผม
ไอ้ข้าวส่ายหน้า สงสัยจะเบื่อเพื่อนมัน “ไม่นานหรอกพี่ มาถึงตอนที่โทรไปหาพี่นั่นแหละ”
“งั้นเดี๋ยวเอาของไปเก็บก่อน แล้วค่อยออกไปหาไรกินกัน” ผมว่าแล้วก็ยกกระเป๋าที่วางอยู่กับพื้นขึ้นมาสะพาย “ใส่อะไรมาวะ โคตรจะหนักเลย”
“น้าปริมฝากมาให้พี่พุครับ” แม่ผมเองครับ
“เอามานี่ เดี๋ยวถือเอง เดินไปเฉยๆ เหอะ อย่าล้มก็พอ” น้องผมครับ ดึงกระเป๋าไปถือเอง แล้วก็เดินดุ่มๆ ขึ้นบันใดไป พร้อมกับบ่นพึมพำอะไรสักอย่าง…
ผมหันไปมองไอ้ข้าวเป็นเชิงถาม “มันเป็นไรมากป๊ะ”
“ทะเลาะกับแฟนมา”
“พุ….เคยถูห้องมั่งป่ะ”
“ก็รอพันมาถูให้อะ” ลืมแนะนำไป น้องผมมันชื่อพันครับ พันทิวา โคตรลิเก ดีนะที่ผมเกิดกลางคืน ไม่งั้นคงได้ชื่อนี้มา เพราะแม่เขาชอบ ตั้งใจไว้ว่าถ้ามีลูกจะให้ชื่อนี้ อิ อิ ซวยไอ้พันไป
แต่ไม่สงสารมันหรอก ดูปากมันดิ “ซกมกชิบเป๋ง”
“เฮ้ย ถอดรองเท้าดิ” ดูมัน เดินย่ำเข้าไปทั้งรองเท้าเลย
แต่มันก็ไม่สนใจ เดินเทิ่งๆ เข้าไปนั่งที่เตียง ใช้นิ้วคีบเสื้อกับบ๊อกเซอร์ของผมที่ถอดไว้เมื่อเช้าโยนใส่ตะกร้าอย่างหยะแหยง แล้วหันไปถามไอ้ข้าว “มึงกล้าถอดมั้ย”
ไอ้ข้าวทำหน้าลำบากใจ จดๆ จ้องๆ อยู่ตรงประตูไม่กล้าเข้ามา “อึ้ม…”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไอ้คุณชายมันหัวเราะสะใจที่เพื่อนเห็นด้วย
ไอ้สองตัวนี่ก็เว่อร์จริงๆ มันไม่ได้สกปรกขนาดนั้นซะหน่อย ก็แค่ช่วงนี้กิจกรรมมันเยอะ กลับมาก็นอนเลย ไม่มีเวลาเก็บห้องถูพื้นแค่นั้นเอง…
ไอ้พันเดินไปแกะขวดน้ำที่วางอยู่มุมห้องมาสองขวด โยนให้เพื่อนขวดหนึ่ง แล้วก็หันมาสั่งพี่มัน “ไปอาบน้ำ เหม็น”
“ก็ไหนบอกหิว”
“ทนได้ ไปอาบเหอะ ขอร้อง”
หมั่นไส้ ผมแลบลิ้นใส่ “ครับพ่อ”
เดินออกมาจากห้องน้ำ...ไอ้พันกับไอ้ข้าวเหงื่อซก แต่ห้องสะอาดเรี่ยมเลย“ว้าว….”
“มึงก่อน” ไอ้พันบอกเพื่อนมัน แล้วก็หันมาทางผม “มีผ้าเช็ดตัวอีกผืนป่ะ ให้ไอ้ข้าวมันยืมหน่อย”
ผมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่เอี่ยม ยังไม่เคยใช้สักครั้งมาให้มัน “อ๊ะ”
“ผืนเก่าๆ ก็ได้พี่ ใหม่ไป”
“ผืนเก่าอยู่โน่น ไปเอาดิ” พยักพเยิดไปทางตะกร้าใส่ผ้าที่ยังไม่ได้ซักไอ้ข้าวทำหน้าเกือบๆ จะหยะแหยงแล้วหัวเราะแหะๆ “งั้น ผืนนี้ก็ได้พี่”
หลังจากที่แต่งตัวเสร็จแล้ว ผมก็เดินไปนั่งที่เตียง ใช้เท้าเขี่ยๆ ไอ้คนที่นอนหลับตาแผ่อยู่ตรงพื้นข้างๆ “เพี๊ยะ!” โดนมันตีเอาครับ มือหนักชิบเป๋ง
“แขวนพระ” มันบอกทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่
“ไอ้ข้าวบอกทะเลาะกับแฟนมา จริงป่ะ”
“ไม่ได้ทะเลาะ เลิกกัน”
“เอ้า” หนักยิ่งกว่าทะเลาะอีก แต่ผมก็ไม่ค่อยจะห่วงมันเท่าไหร่หรอกครับ หลายรอบละ ไม่เห็นมันคบกับใครได้นาน แป๊บๆ ก็เลิก “คนไหนเนี่ย ใช่ที่ชื่อปลาป่ะ”
“ชื่อเดียร์ ปลาเลิกไปตั้งนานแล้ว” มันว่า แล้วพอดีกับไอ้ข้าวเดินออกมาจากห้องน้ำ มันก็เลยลุกเดินเข้าไปอาบต่อ
หลังจากทุกคนอาบน้ำเสร็จ ผมก็พาไอ้พันกับไอ้ข้าวลงไปทานข้าวมันไก่เจ้าอร่อยที่เปิดตั้งแต่6 โมงเย็นถึงเช้า ซึ่งขายอยู่ไม่ไกลจากหอพักนัก
“เอาหนัง เนื้อ กับเครื่องใน แต่ไม่เอาหัวใจจานใหญ่ ข้าวสาม”
เด็กรับออเดอร์พยักหน้าแล้วบอก “หยิบน้ำที่ตู้ได้เลยนะครับ”
“น้ำเปล่านะ” ไอ้พันครับ เหมือนมันจะถาม แต่ไม่ฟังใครเขาเลย เดินไปโน่นแล้ว... ถ้ากูอยากกินน้ำอัดลมจะทำไงวะเนี่ย
หลังจากไก่จานที่สองถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมข้าวอีกสามจาน พวกเราก็เริ่มจะเงยหน้าขึ้นมาคุยกัน
“พี่พุผอมไปนะ เรียนหนักเหรอ” ไอ้ข้าวครับ เพิ่งสังเกตเห็นเหรอมึง ไม่รอทักกูตอนกลับทีเดียวเลยล่ะ
“กินเหล้าเยอะอะดิ” คุณก็น่าจะรู้ว่าใคร
“เยอะที่ไหนเล่า นานๆ ที”
“เหรอ....” มันลากเสียง ไม่เชื่อกูอีก
“กวนวะ เอานี่อะ กินเยอะๆ อิ่มแล้วจะได้นิสัยดีๆ” ตักข้าวในจานให้มันครับ เหมือนจะดี แต่จริงๆ กินไม่หมด คึคึ
กินข้าวเสร็จเราไม่ได้ไปไหนต่อ กลับมาที่หอเพราะทั้งไอ้ข้าวและไอ้พันก็เพลียจากการเดินทางจนตาจะปิดอยู่แล้ว
“มีอันเดียว?” ไอ้พันถาม เมื่อเห็นผมลากที่นอนยางพารามาปูให้
“อือ” จริงๆ ไม่คิดจะซื้อด้วยซ้ำ ถ้าเฮียแพทไม่มานอนด้วยบ่อยๆ
“งั้น เดี๋ยวให้ไอ้ข้าวมันนอน แล้วพันนอนกับพุ”
อย่าแปลกใจครับ ว่าทำไมไอ้พันมันถึงไม่เรียกผมว่าพี่ มันเรียกแค่พุนี่ก็นับว่าสุภาพแล้วครับเพราะสำหรับแถวบ้านผม ถ้าเป็นพี่น้องครอบครัวอื่น อายุห่างกันไม่มาก ปีสองปี ก็จะพูดกูมึงกัน ไม่มีเรียกพี่เรียกน้องหรอกครับ แต่พอดีแม่ผมเป็นครู พวกเราก็เลยจะสุภาพกว่าคนอื่นนิดหนึ่ง... นิดเดียวจริงๆ
สายๆ ของวันรุ่งขึ้น ผมก็พาเด็กบ้านนอกไปเที่ยวห้างกัน เพราะไอ้ข้าวมันเพิ่งเข้ากรุงเทพฯเป็นครั้งแรก
อยากมาสยาม อยากนั่งรถไฟฟ้ากับใต้ดิน มันบอก…และผมก็พามันทัวร์สมใจ
หลังจากที่ผจญภัยกันจนเหนื่อย ก็ตั้งใจจะไปหาไรกินที่ฟู๊ดคอร์ท เผอิญเดินผ่านร้านคริสปี้ ครีม เห็นคนต่อคิวนิดเดียว ก็เลยไปต่อคิวซื้อกับเขาบ้าง
“เป็นไง หร่อยป๊ะ” ถามไอ้ข้าวครับ เพราะไอ้พันมันเคยกินแล้ว มันไม่ชอบ บอกว่าหวานเกิน
“มีหวานน้อยกว่านี้มั้ยพี่” ไอ้ข้าวถาม พร้อมกับแกะน้ำตาลที่เคลือบอยู่ออก
“ไม่มี อันนี้หวานน้อยที่สุดแล้ว” รสออริจินอลครับ
แล้วหลังจากนั้นพวกเราก็เข้าไปกินอาหารกันที่ฟู๊ดคอร์ท อิ่มแล้วก็ไปเดินย่อย ดูนั่นดูนี่ จนมาหยุดอยู่ที่ช๊อปขายนาฬิกายี่ห้อหนึ่ง…
“ขอดูเรือนนั้นครับ” ไอ้พันบอกพนักงานขายนาฬิกาและเมื่อพนักงานคนนั้นหยิบออกมาให้ดูมันก็จับแขนผมไปแล้วเอานาฬิกาเรือนนั้นมาทาบ “สวยป๊ะ?”
“สวย” เรือนนี้ผมอยากได้มาก เห็นครั้งแรกก็ถูกใจแล้ว ชอบแบบมัน แต่ตัดใจซื้อไม่ได้สักที ถึงจะไม่แพงมาก แต่สำหรับคนที่ยังไม่ได้ทำงานอย่างผม ก็ยังรู้สึกว่ามันฟุ่มเฟือยเกินไปอยู่ดี
พลิกดูโน่นดูนี่อยู่แป๊บหนึ่ง แล้วไอ้พันก็พยักหน้าบอกพนักงาน “เอาเรือนนี้แล้วก็ตั้งเวลาให้ด้วยนะครับ”
“เฮ้ย” ผมพยายามรั้งมันไว้ “จะซื้อเหรอ แพงไปเปล่า”
“มีตังค์” ดูมันพูด อยากจะบ้องกะโหลกสักที
ทำอะไรไม่ได้ ก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย เออ เรื่องของมึงละกัน ตังค์มึงนี่…แค่นี้ขนหน้าแข้งคงไม่ร่วงหรอกครับ มันรวย มีเงินเก็บหลายแสนจากค่าขายข้าวและผลไม้ที่พ่อแบ่งให้มัน
…แต่ไอ้พุได้ส่วนแบ่งนิดเดียวเพราะไม่เคยไปช่วยนอกจากไปเกะกะ
หลังจากที่ออกมาจากร้านนาฬิกา…
มันคงเห็นผมเงียบ ไม่ยอมพูดยอมจาเลยถามเหมือนง้อ “โกรธเหรอ”
ผมเหล่ตามองมันหน้าบึ้งๆ “สมควรโกรธมั้ยล่ะ”
“ไม่สมควร” ดูมัน…
“กวนตีน” เน้นๆ ครับแล้วแทนที่จะสลดนะ ไม่มี หัวเราะขำอีก “ไอ้ข้าว โดนัทหมดยัง”
“ยัง” ไอ้ข้าวมันชูถุงโดนัทที่หอบหิ้วมาด้วยให้ดู
“เอามาให้พี่กูกินหน่อยดิ๊ กินหวานๆ จะได้อารมณ์ดี” พูดไปหัวเราะไป หมั่นไส้มาก ผมเลยเตะมันไปที แล้วมันก็ยิ่งหัวเราะหนักขึ้นอีก…ไอ้น้องบ้า
เดินเล่นไปเรื่อยๆ จนเริ่มจะเมื่อยขา แล้วก็แวะดูหนังหนึ่งเรื่องก่อนกลับ...
“เธอๆ” เด็กนักเรียนผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาสะกิดไอ้พัน ขณะที่พวกเรากำลังจะออกจากห้างเพื่อไปขึ้นรถแท็กซี่
“ครับ?”
“ทำของตก” เด็กนักเรียนคนนั้นพูดพร้อมยิ้มหวานให้ ก่อนจะเอากระดาษมายัดใส่มือมัน แล้วเดินจากไป…
“เสน่ห์แรงจริงเว้ยเพื่อนกู” ไอ้ข้าวแซว
“ไรวะ” ผมถามด้วยความสงสัย ไอ้พันมันเลยยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ดู... เป็นเบอร์โทร แล้วก็ชื่อ ‘อุ๋ย’
อิจฉา….. “ปึ้ก!”
“ไรเนี่ย” ไอ้พันถามงงๆ เพราะอยู่ดีๆ ก็โดนทุบ
“ทำไม อยากทุบอะ” ใช้สิทธิ์ความเป็นพี่เต็มที่
“ซาดิสม์” ไอ้พันบ่นงึมงำ แต่ผมไม่สนใจเดินนำหน้าออกมา
...มีความสุขได้รังแกน้อง คึคึ
กว่าจะกลับถึงหอก็เกือบทุ่มแล้ว พวกเราเลยแวะหาไรกินกันก่อนจะขึ้นห้อง…
“กะเพราหมูสับไข่ดาว สูตรโบราณนะ” ผมสั่ง
“อะไร สูตรโบราณ” ไอ้พันงง
“ไม่ต้องใส่ถั่ว ข้าวโพด แล้วก็ผักอื่นๆ ที่ไม่ใช่กะเพราไง” ถ้าเป็นแถวบ้านผมไม่ต้องบอกครับ เพราะที่นั่นผัดกะเพราก็คือผัดกะเพราจริงๆ ถั่วฝักยาว แครอท ข้าวโพด ไม่มีให้เห็น
“งั้นเอาด้วย” ไอ้คนไม่มีความคิดเป็นของตัวเองสั่งตาม แล้วก็หันไปถามเพื่อนมัน “มึงล่ะ เอาไร”
ไอ้ข้าวมองเมนูนานมาก…… สุดท้าย “คะน้าหมูกรอบก็ได้”
“กูก็นึกว่ามึงจะสั่งไรพิสดาร นานซะ” ไอ้พันบ่นเพื่อนเลิฟ แล้วก็เดินไปหยิบน้ำเปล่าในตู้แช่มาสามขวด โดยไม่ถามความเห็นของเพื่อนร่วมโต๊ะอีกตามเคย
พออาหารถูกนำมาเสิร์ฟ ทุกคนก็ตั้งหน้าตั้งตากิน ไม่พูดคุยกัน... เหมือนจะมีมารยาท แต่ไม่ใช่ หิวมาก ทั้งหิว ทั้งเหนื่อย
ผ่านไปเกือบสิบนาที ไอ้พันก็เอ่ยขึ้น “พุ…เดี๋ยวพันกลับพรุ่งนี้นะ”
“กี่โมง”
“เช้ามืด เดี๋ยวไปพัทยาต่อ”
“ไปไม” ผมถามแล้วก็ดูดน้ำจากขวด เผ็ดมาก… ไอ้พันรวบช้อนส้อม ข้าวในจานหมดเกลี้ยง ดูดน้ำในขวดไปอึก ก่อนจะตอบ “เอารถไปให้ญาติไอ้ข้าว”
“คันที่ขี่มาเหรอ”
“ใช่ ตอนกลับนั่งรถทัวร์” บอกโดยไม่ต้องให้ผมถาม ฉลาดเหมือนพี่มันเลย
เช้าวันรุ่งขึ้น… เมื่อตื่นขึ้นมา ไอ้พันกับไอ้ข้าวก็ไม่อยู่แล้ว
ผมลุกเดินเข้าห้องน้ำ กำลังจะล้างหน้า แต่เหลือบเห็นนาฬิกาที่ข้อมือเสียก่อนเป็นเรือนที่ไอ้พันมันเพิ่งจะซื้อมาครับ…
มีกระดาษแผ่นเล็กๆ สอดอยู่เมื่อดึงออกมาดูก็เห็นลายมืออันอุบาทว์ของน้องชายตัวเอง
‘ดูแลตัวเองดีๆ นะ’
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
มีน้องน่ารักนะเนี่ย :-[
ส่วนเราเป็นน้องที่เห้มาก5555
-
น้องชายตัวดีคิดไรกับพี่ชายรึเปล่าเนี่ย :o8:
-
ชอบอ่าาาาาา กดLikeเลย
รอตอนต่อไปอยู่นะค่ะ : )
-
คิดว่าน่าจะมีหลายคู่อยู่นะ
-
พันน่ารักอ่ะ
เป็นน้องที่น่ารักมากๆ
รอติดตามจร้า
-
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย น้องพัน ทำไมน่ารักอย่างเน้ นี่คงไม่ได้คิดอะไรหรอกช่ายป่ะ แบบว่า.. พี่กลัวเด็กแว้นเสียใจอ่ะ
-
อ้าวทำแบบนี้เราแอบคิดนะเนี่ย
-
เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบอ่ะ
ดำเนินเรื่องได้ดีไม่มีติดขัด ไปเรื่อยๆ
ปล.น้องพันน่ารักจุงเลย :impress2:
-
แหม่ น้องพันก็น่ารักนะเนี่ย
แต่คงไม่เก้บตังค์ทีหลังนะ^^
-
น้องพันน่าร้ากกกกกกกก แม้จะกวนตีนก็ตาม 55555
-
น้องพันน่ารักจังเลย เหมือนเห็นตัวเองเป็นพุ ชอบแกล้งน้อง แต่น้องเราก็เป็นแบบน้องพัน ยอมให้พี่ทุกอย่างอะ รักที่สวดดด :กอด1:
เดี๋ยวนี้บังเอิญเจอกันบ่อยจังเลยนะเล่ย์อะ ได้มาส่งหอเค้าสองครั้งแล้ว ครั้งที่สามจะได้ขึ้นห้องป่ะเนี่ย :z1:
รออ่านทุกเรื่องเลยนะคะ น้องนอยก็รออยู่นะ :impress2:
-
น้องพันน่ารักออก โดยเฉพาะตอนท้าย แหมๆ อยากให้ของพี่ก็ไม่บอกตรงๆ
พุซกมกเหรอเนี่ย ทั้งน้องทั้งเพื่อนน้องพากันรังเกียจแบบแทบปิดอาการไม่อยู่ กร๊าก
เล่ย์มาได้จังหวะอีกละ พาไปส่งบ้านด้วยเน้อ คิดอะไรปะเนี่ย
รอตอนต่อไปค่า
-
ตามๆ ชอบผลงานทุกเรื่องของคนเขียนเลย ^^//เอ๊ะ แต่ว่าทั้ง 4เรื่อง นายเอกมาจากพิษณุโลกทั้งนั้นเลยอ่ะ เป็นญาติกันหมดเปล่า?
-
โอ๊ะสนุกอ่ะ พุน่ารัก น่ารักแบบไม่รู้ตัว ใครๆก็เอ็นดู :man1:
ปล. ได้อ่านเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองของคุณคนเขียน เดี๋ยวไปตามอ่านเรื่องอื่นด้วยดีกว่า ท่าจะสนุกไม่แพ้กัน :pig4:
-
รอๆๆๆๆ
-
สนุกคะ รออ่านตอนต่อไปคะ :pig4:
-
UNBELIEVABLE LOVE
Chapter Three
“โอเด้เพื่อนเอ๋ยคือดั่งเคยกันนั้น สังสรรค์กันจั๊กหว่าง… ในเวลาว่างๆมาแกล้มฮ่วมกัน บรรยากาศอยู่นา… หลายคนมาเทิงเล่นลมเย็นๆได้พัดพาเหล้าเด็ดๆอยู่บ้าน…”
เสียงมือถือของผมเองครับ…ใครวะมากวนเวลากิน กำลังอร่อยเลย“ครับ”
[อยู่ไหน] เสียงเฮียแพทนี่หว่า แต่เบอร์นี้ไม่ใช่เบอร์เฮียแก ผมก็แกล้งทำเป็นจำไม่ได้ เพื่อชะลอเวลา หาข้ออ้าง “เอ่อ... ใครครับ”
[นี่มึงจำเสียงพี่มึงไม่ได้รึไง หา]
“โทษครับ ผมเป็นลูกคนโตครับ ไม่มีพี่”
[อย่ามากวนตีน บอกมา อยู่ไหน]
ได้ยินน้ำเสียงหงุดหงิดๆ ของเฮียแกแล้วชักเสียวสันหลัง เลยต้องเลิกเล่นลิ้น “อยู่เซ็นทรัล”
[ไปทำไรเซ็นทรัล]
“ก็... มาเดินเล่น”
[แล้วมึงไม่มีเรียนเหรอวันนี้]
“เอ่อ...”
[มึงโดดอีกแล้วใช่มั้ย]
“ก็วิชามันน่าเบื่อ”
[กูเห็นมึงเบื่อทุกวิชาแหละ มีวิชาไหนมั่งที่มึงไม่เบื่อ]
“ก็วิชานี้มันมีตั้งสามพีเรียดติดๆ กัน ใครจะไปเรียนไหว” คือ ผมเข้าไปแล้วครับ แต่พอเช็คชื่อเสร็จก็ออกมา วิชานี้ไม่มีอะไร อาจารย์ก็บรรยายไป นักศึกษาก็นั่งหาวไป ผมเคยทนเรียนอยู่ในช่วงแรกๆ ไม่เห็นได้ไรเข้าหัวมาสักนิดเดียว เพราะมันเบื่อไง ใจจรดใจจ่อแต่ว่าเมื่อไหร่จะเลิกว้าาา เลยไม่สนใจเรียน
ดังนั้น ถึงจะโดดหรือไม่โดดก็มีค่าเท่ากัน ผมจึงคิดว่าโดดออกมาเดินเล่นยังจะมีประโยชน์ซะมากกว่า…
[ไมจะไม่ไหว คนอื่นเขาก็เรียนกันได้ มีแต่มึงนี่แหละที่เรียนไม่ไหว แม่ง โดดประจำ เดี๋ยวกูจะฟ้องพ่อมึง]
“ฟ้องไม พ่อเขาไม่สนหรอก แค่ไม่ตกก็พอ” เรื่องจริงครับ จะโดดจะเกยังไง พ่อผมไม่เคยว่า ขอแค่อย่าให้ตกหรือโดนเรียกผู้ปกครองเท่านั้น
[เออ ดีเว้ย บ้านนี้] เฮียแกบ่น เห็นอย่างนี้เฮียแพทอะ โคตรจะขยันเลยนะครับ ตั้งใจเรียนมาก ให้กินเหล้าเมามายขนาดไหน ก็ต้องถ่อสังขารไปเรียนจนได้ พอๆ กับพี่พิทเลย พี่ปลายก็ด้วย รายนั้นเกียรตินิยมเห็นอยู่รำไร มีก็แต่ผมที่แหละนอกคอกอยู่คนเดียว...
[แล้วจะกลับกี่โมง]
“อีกสักพักแหละ ว่าจะดูหนังก่อน”
[ดูกับใคร]
“ดูคนเดียว”
[ซื้อตั๋วยัง]
“ยัง”
[งั้นก็อย่าเพิ่งซื้อ เดี๋ยวกูเรียนเสร็จแล้วจะไปดูเป็นเพื่อน]
“แล้วเฮียจะเรียนเสร็จกี่โมง”
[สี่โมง]
“อึ้มม...” ตอนนี้บ่ายสองครับ เฮียแพทเรียนเสร็จบ่ายสี่โมงเย็น กว่าจะออกมาจากห้อง กว่าจะไปเอารถ แล้วกว่าจะขับรถมาอีก คาดว่าน่าจะมาถึงนี่สักห้าโมงเย็น แล้วสามชั่วโมงที่เหลือจะให้ผมไปทำไรล่ะครับ “ผมดูคนเดียวดีกว่ามั้ง เฮียไม่ต้องลำบากหรอก”
[ไม่ลำบาก กูเต็มใจ]
แต่ผมลำบากครับเฮีย สามชั่วโมงจะให้ผมไปรอเฮียตรงไหนล่ะครับ แต่.... “ก็ได้ แล้วรีบมานะ”
[เออๆ แค่นี้ก่อนนะ ก็ต้องรีบไปเรียนแล้ว] แล้วก็ตัดสายไป โดยไม่รอให้ผมตอบ นิสัยเหมือนไอ้คนที่บ้านผมเลย...
ผ่านไปเกือบชั่วโมง เดินเล่นจนปวดขา... ไม่ไหวแล้ว ต้องหาที่นั่งพอดีหันไปเห็นร้านไอศกรีมร้านหนึ่ง ที่เฮียแพทเคยซื้อให้กิน อร่อยดี อร่อยกว่าไอศกรีมทั่วๆ ไป….
ผมไม่รู้หรอกว่ายี่ห้อมันอ่านว่าอะไร ส่วนคนซื้อให้กินบอก อ่านว่า 'แหกก้นแดก'
…ใครจะไปเชื่อวะ ถึงผมจะซื่อ แต่ก็ไม่ได้โง่นะเว้ย
ตอนเฮียแกซื้อให้กินก็อร่อยดี แต่พอมาซื้อเอง.... เชี่ย ไอติมบ้าไรวะ แพงชิบเป๋งมึงจะขายไปสร้างบ้านรึไง
โอเค อร่อย แต่มันต้องแพงขนาดนี้เลยเหรอ จานนี้จานเดียว ผมซื้อไอติมใส่ข้าวเหนียวหนมปังได้หลายสิบเลยอะ เสียดาย...
และขณะที่ผมกำลังนึกบ่นราคาแพงเว่อร์ของไอศกรีม ‘แหกก้นแดก’ อยู่ในใจ เก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ถูกเลื่อนออก… แล้วใครคนหนึ่งก็ถือวิสาสะนั่งลงโดยไม่รอคำเชิญ
ผมเงยหน้าขึ้นมองแขกไม่ได้รับเชิญตาค้าง… อะไรของมัน มีมั้ย ที่จะขอหรือถามหรือพูดอะไรสักอย่างก็ได้ให้เจ้าของโต๊ะเขารู้ว่าอยากนั่งด้วย
แต่ดูมันดิ พอนั่งลงปุ๊บ ก็กดเกมส์ในไอโฟนเล่นปั๊บ ไม่สนใจใคร กระทั่งคนที่นั่งอยู่กับมัน ผมเลยบอก “ครับ อนุญาต”
มันเหลือบตามามองแว๊บเดียว แล้วก็หันไปสนใจเกมส์ต่อไม่พูดอะไร แต่ผมก็ตาไว แอบเห็นมุมปากมันกระตุกขึ้นนิดหนึ่ง... ขำไรวะ
ผ่านไปสักครู่มันก็ชะงักนิ้วที่กำลังกดเกมส์เล่นยิกๆ แล้วเหลือบมองจานไอศกรีมที่อยู่ตรงหน้าผม“ไม่กิน?”
“เฮ้ย!ไอติม” ผมรีบก้มลงมองจาน แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ของเขาดีจริงๆ ครับ ไม่ละลายเลย…
แล้วผมก็ตั้งหน้าตั้งตาตักไอศกรีมเข้าปาก ไม่สนใจเสียงหัวเราะหึๆ ของไอ้คนที่นั่งตรงข้าม เพราะถึงจะดียังไง ก็มีสิทธิ์ละลายได้ มันแพงอะ เสียดาย…
นั่งกินไอศกรีมสลับกับเหลือบมองไอ้คนที่นั่งตรงข้ามไปด้วย… อะไรของมันสรุปมึงจะมานั่งเล่นเกมส์แค่นี้ใช่มั้ย กูงง
พอกินเสร็จผมก็นั่งมองหน้ามัน แต่มันก็เล่นเกมส์เฉย “นาย… มีไรเปล่า”
“อิ่มแล้ว?”
จะอิ่มได้ไง ไม่ใช้ข้าว… แง่ว แค่ความคิดครับ กลัวมันเตะเอา เลยแค่พยักหน้าเฉยๆ
พอผมพยักหน้า มันก็ลุกขึ้นหยิบบิลเดินไปที่เคาน์เตอร์“เฮ้ย เดี๋ยว” วิ่งมาทันตอนที่มันจะยื่นบิลให้พนักงานพอดี เลยรีบคว้าคืนมา แต่มันก็ไวมาก ดึงกลับคืนไป แล้วก็ถามผมงงๆ “อะไร?”
มึงจะงงอะไร กูสิต้องงง อยู่ดีๆ ก็มานั่งด้วย กินไรก็ไม่ได้กิน แล้วยังจะมาจ่ายเงินให้อีก “เดี๋ยวจ่ายเอง”
อีกครั้ง ที่มันทำหน้ารำคาญ ก่อนจะยื่นบิลให้พนักงานพร้อมแบงค์ห้าร้อย แล้วไม่รอตังค์ทอน ลากผมออกมาจากร้านทันที…
“ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”
เสียงหัวเราะของคนอื่นๆ ที่อยู่ในโรงครับ จริงๆ มันเป็นหนังแอคชั่น แต่ก็มีช่วงที่ตัวละครยิงมุกใส่กัน ก็เลยมีเสียงหัวเราะอย่างที่ได้ยินนี่แหละ…
ครับ ผมอยู่ในโรงหนัง โดนไอ้คนที่นั่งกอดอกหลับตาอยู่ข้างๆ ลากมา… มันให้เหตุผลว่า ได้ตั๋วฟรีมา หมดอายุวันนี้ ถ้าไม่ใช้ก็เสียดาย และมันก็ไปนั่งเป็นเพื่อนผมกินไอติมแล้ว ดังนั้นผมก็ต้องมานั่งเป็นเพื่อนมันดูหนังเช่นกัน
แล้วมันก็… มานอนหลับอยู่ในโรง
อะไรของม๊าน!
และเมื่อหนังจบ… จนคนลุกออกไปเกือบหมดโรงแล้ว ไอ้คนข้างๆ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ผมเลยต้องเขย่าเรียก “นาย… ตื่นๆ”
มันกระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะลืมตางัวเงียๆ “จบแล้ว?”
“จบแล้ว” ผมบอก แล้วรีบยื่นมือไปคว้าแขนมันไว้ เมื่อมันยืนขึ้นแล้วเซหน่อยๆ นี่มึงหลับ หรือเมากันแน่วะเนี่ย
พอออกไปนอกโรง เจอแสงสว่าง… ตามันแดงแจ๋เลย เหมือนคนที่นอนยังไม่เต็มอิ่มอะ ไปทำไรมาวะ
“เข้าห้องน้ำมั้ย” มันถาม แล้วพอผมส่ายหน้า มันก็ยื่นกระเป๋าตังค์กับไอโฟนให้แล้วบอก “รออยู่นี่” ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
ฝากทำไมวะ กระเป๋ากางเกงก็มี งงกับมันจริงๆ
รออยู่ไม่นานมันก็เดินออกมา… หน้าตาสดใส ตามไรผมเปียกชื้นนิดๆ แสดงว่าคงเข้าไปล้างหน้ามา
“สนุกมั้ย” มันถามขณะที่กำลังเดินลงบันใดเลื่อน
“สนุกมาก” ผมบอก เสียดายแทนมัน อุตส่าห์ได้ตั๋วมา “แล้วหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่อะ”
“ตั้งแต่โลโก้พาราเมาท์ พิคเจอร์สขึ้น” มันบอกพร้อมกับดึงแขนผมให้หลบคนที่อยู่ข้างหลังซึ่งเอ่ยขอทางเบียดลงมา“โทษครับๆ”
แล้วพอลงไปถึงข้างล่าง พี่แกก็หยุดเดินธรรมดาเหมือนเดิม แล้วกี้นี้จะรีบไปไหนวะ นี่ถ้ามากับไอ้พัน มันจะต้องบอก ‘แม่ยายถูกหวยจะรีบไปขอส่วนแบ่ง’
พอเดินลงมาถึงชั้นจี ผมก็บอก “เอ่อ… งั้นเรา…กลับก่อนนะ”
“ไปกินข้าวก่อน” อารายอีกวะเนี่ย
ผมส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่หิว”
“ไม่หิวก็ไปนั่งเป็นเพื่อนหน่อย”
…แม่ง บังคับกูอีกละ
ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าๆ ในการเดินทางไปร้านอาหาร… มาซะไกลเลย ในห้างก็มีทำไมไม่กินว้า
ระหว่างเดินตามพนักงานต้อนรับไปที่โต๊ะ ผมก็กวาดตามองสำรวจรอบๆ ร้านไปด้วย… เป็นบ้านเก่าทรงสเปนที่ถูกนำมาดัดแปลงและทาสีใหม่ สวนรอบๆ ถูกตัดแต่งจนสวย “ข้างนอกก็น่านั่ง”
“ร้อน” คนที่ลากผมมาบอกสั้นๆ ก่อนจะเสริมตอนหลัง“สักเดือนธันวาถึงจะนั่งสบาย”
พนักงานต้อนรับหยุดยืนตรงโต๊ะใกล้หน้าต่างตัวหนึ่งแล้วผายมือเชิญนั่ง ก่อนจะวางเมนูลงตรงหน้าพวกเราคนละเล่ม“ประเดี๋ยวจะมีพนักงานมารับออเดอร์นะคะ”
ผมเปิดเมนูอาหารอ่านเล่นๆ ไม่ได้ตั้งใจจะสั่ง… แต่ละรายการน่ากินๆ ทั้งนั้น
“พุ จะสั่งอะไร?” คนที่นั่งตรงข้ามเอ่ยถามเมื่อมีพนักงานมารับออเดอร์แล้วผมยังเปิดเมนูดูไม่เลิก
ปิดเมนูเข้าหากัน ผมมองคนถามแล้วสั่นศีรษะปฏิเสธ “ไม่กิน”
“ไม่กินก็สั่งให้หน่อยสองอย่าง” บังคับอีกละ
แต่ผมก็ยอม “สั่งอะไรไปบ้างแล้วอะ”
“ไก่ผัดซอสมะขามปลากะพงทอดสมุนไพรกับเต้าหู้ทรงเครื่องครับ” พนักงานเป็นคนตอบแทน
“มีแต่แห้งๆ” ผมเปรยขึ้นมาขณะที่เปิดเมนูดูรายการอาหารใหม่ “งั้นเอานี่ป๊ะ ต้มยำกุ้ง”
เสียงหัวเราะหึๆ ดังมาจากฝั่งตรงข้าม ก่อนเจ้าของเสียงหัวเราะจะว่ายิ้มๆ “เมนูประจำชาติ”
“แล้วจะเอาป่ะล่ะ”
“ถ้าไม่เอาจะโดนต่อยมั้ย” อีกฝ่ายถามยิ้มๆ
เพิ่งจะรู้สึกว่าคำถามตัวเองนักเลงมาก ผมรีบแก้ตัว “เอ้ย หมายถึง ถ้าไม่เอาก็จะได้เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น”
“หึๆ เอาต้มยำกุ้งก็ได้”
ไม่สนใจน้ำเสียงกลั้วหัวเราะที่ได้ยิน ผมมองหารายการน่ากินอีกอย่าง “เอาผักมั่งนะ ผัดยอดฟักแม้ว?”
เมื่อคนให้สั่งพยักหน้าอนุมัติ พนักงานก็จดลงไปแล้วขอทวนเมนู ก่อนจะขอตัวเมื่อได้รับออเดอร์เรียบร้อยแล้ว
ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ ไม่อยากนั่งมองหน้ากันเฉยๆ ผมก็ชวนคนที่นั่งตรงข้ามคุยคลายความอึดอัด “นายเรียนคณะอะไร เกษตร?” เดาจากกระถางต้นไม้นานาพันธุ์ที่อยู่ตรงกระบะหลังครับ วันนี้มันไม่ได้เอามอเตอร์ไซค์มา แต่เป็นกระบะมีแคปแทน
อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่พยักหน้าแทน“แล้วมึง?”
“บริหาร”
“บริหารอะไร” อันนี้คือมันกวนหรือว่าอยากรู้จริงๆ วะเนี่ย... และมันคงเห็นผมทำหน้าอึนๆ มึนๆ เลยขยาย “เอกอะไร”
“อ๋อ” เก็ทแล้วครับ “บัญชี”
แล้วหลังจากนั้นผมก็ได้รู้ว่ามันเรียนเกษตร สาขาพืชไร่ เพราะมันมีไร่อยู่ต่างจังหวัด ส่วนเพื่อนมัน ไอ้เกียร์อะครับ เรียนการบิน เพราะอยากออกไปสำรวจอวกาศกับองค์การนาซ่า... พูดแล้วก็ขำเอง แสดงถึงความเชื่อมั่นในตัวเพื่อนมาก
เอิ่ม… นิดหนึ่งครับ ผมบอกหรือยังครับว่าไอ้คนลากผมมาด้วยเป็นใคร
แต่ถึงไม่บอกก็น่าจะเดากันได้เนอะ ว่ามันคือ… ไอ้เล่ย์
รอไม่นาน อาหารที่สั่งไปก็ถูกทยอยลำเลียงมาเสิร์ฟ ไอ้เล่ย์พยักหน้าให้ลงมือ แต่ผมสั่นศีรษะปฏิเสธ “ไม่เป็นไร กินเลย”
“กินด้วยกัน” คนชอบบังคับบอกแล้วตักไก่ผัดซอสมะขามใส่จานให้
ตอนแรกว่าจะชิมพอไม่ให้เสียมารยาทเฉยๆ แต่พอได้ลิ้มรสชาติของอาหาร น้ำย่อยในกระเพาะก็ช่วยกันทำงานอย่างครื้นเครง“อร่อยดี” ผมบอกคนตักหลังจากกลืนไก่ลงคอเรียบร้อยแล้ว
มันยิ้มพอใจ แล้วตักกับข้าวอีกอย่างมาใส่จานให้ “อันนี้ก็อร่อยของขึ้นชื่อร้านเขา”
“อะไร?” เหมือนจะเป็นเนื้อปลา
“ปลากะพงทอดสมุนไพร”
“อ๋อ” ผมพยักหน้า จำได้ว่าพนักงานทวนให้ฟังอยู่เหมือนกัน“ทำไมรู้อะ มาบ่อยเหรอ”
“สองสามครั้ง” อีกฝ่ายบอก แล้วทำท่าจะตักกับข้าวอีกอย่างมาให้ ผมจึงรีบร้องห้าม “เอ้ย พอแล้ว นายกินเถอะ เดี๋ยวเราตักเอง”
แต่ฟังซะที่ไหน ตักมาใส่จานให้จนได้ “นี่ก็อร่อยเต้าหู้ทรงเครื่อง”
“อร่อยก็กินเองบ้างดิ” ผมว่าพร้อมกับตักกับข้าวใส่จานให้มันบ้าง ก็ปลากะพงทอดสมุนไพรที่เจ้ามือเขาบอกว่าเป็นอาหารขึ้นชื่อของร้านนั่นแหละ“อ๊ะ ตักให้”
ไอ้เล่ย์ยกยิ้ม ไม่พูดอะไร แต่ยอมตักอาหารคำแรกเข้าปาก
นั่งกินกันไปคุยกันไปจนอิ่ม จากที่ตอนแรกแค่จะชิมกลายเป็นว่าผมกินเยอะกว่าไอ้เล่ย์ซะอีก เพราะอีกฝ่ายคอยแต่จะตักกับข้าวมาใส่จานให้เรื่อยๆ
และเมื่ออาหารมื้อนั้นผ่านพ้นไป ไอ้เล่ย์ก็ได้รู้อัตถะชีวประวัติของผมไปเรียบร้อย ตั้งแต่มีพ่อแม่ญาติพี่น้องกี่คน ชื่ออะไรกันบ้าง เป็นคนจังหวัดอะไร เรียนจบมาจากที่ไหน แล้วอนาคตอยากเป็นอะไร บลาๆๆ เยอะแยะมากมาย
แต่ของมัน… ผมก็รู้แค่เท่าที่บอกไปกี้นี้แหละ เพราะส่วนมาก คนที่พูดจะเป็นผม
…เวลาเกร็งหรือประหม่าผมจะพูดเยอะครับ ถามมาคำ ผมตอบไปสิบคำ
เมื่ออิ่มหนำสำราญกันแล้ว คนที่ลากผมมากินข้าวด้วยก็ขับรถไปส่งที่หอพักเป็นครั้งที่สามตั้งแต่เจอกัน
“รอแป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวขึ้นไปเอาชุดมาให้” ชุดที่ยืมใส่มาวันนั้นอะครับ เกือบลืม
แต่เจ้าของชุดกลับบอก “เก็บไว้ก่อน เดี๋ยวมาเอา”
“อ้าว ไมอะ จะรีบกลับเหรอ?”
“อืม” อีกฝ่ายงึมงำในลำคอเหมือนไม่อยากจะตอบ… ไม่รู้ว่าเหนื่อยหรือรำคาญ
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ผมก็ไม่คิดจะรั้งไว้ จึงกล่าวลา “ขอบคุณนะ” วันนี้ได้มีโอกาสขอบคุณมันแบบเต็มๆ คำซะที ไม่ใช่ว่ามันเปลี่ยนนิสัยหรอกครับ แต่เป็นเพราะผมยังไม่ได้ปิดประตู มันเลยซิ่งหนีไม่ได้ กร๊ากก
นึกว่าปิดประตูแล้วมันจะซิ่งรถออกไปเหมือนทุกที แต่ครั้งนี้มันกลับจอดรอ จนกระทั่งผมเดินเข้าไปในตัวอาคารแล้วหันกลับไปมองก็ยังเห็นว่ายังจอดอยู่… งง แต่ก็ชั่งมันเถอะ ง่วงแล้ว
ขึ้นห้องไปอาบน้ำนอน… แต่ก็หลับไม่ลง ในใจเหมือนมีอะไรที่ยังค้างคาอยู่แต่พยายามนึกยังไงก็นึกไม่ออก
ลืมอะไรว้า….
ลืมอะไร….
รู้สึกกระสับกระส่าย ผมนอนพลิกไปพลิกมา… ก่อนลุกพรวดพราดขึ้นมานั่ง เมื่อนึกออกว่าลืมอะไร
ชิบเป๋งแล้ว
ลืมเฮียแพท!!!
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
ซวยแน่ลืมเฮียแพทซะได้ 555
-
ลืมเฮียแพทได้ไงอ่ะ
-
ไอ๊ย๊า แล้วแบบนี้เฮียแพทไม่กระโดดทีบเอาเล๊อ
อิอิ รอตอนต่อไปจร้า
-
เฮียแพทเลยเป็นพ่อสายบัวรอเก้อ
-
พุลืมเฮียแพทซะได้ ระวังเฮียจะงอน 5555
พุเสน่ห์แรงแท้ คนชอบเยอะแยะ :-[
เล่ย์นี้เหมือนจะเจอกับพุบ่อยๆนะ สตอกเกอร์รึเปล่านะเรา 5555
-
ตายละๆ คุณน้องลืมเฮียแพทได้ยังไงเนี่ย
พี่แกนัดก่อนเสียอีก รอเก้อไปเลยเน้อ
นายเล่ย์นี่ยังไงๆนะ คล้ายจะมาถูกที่ถูกจังหวะหลายครั้งละ
เดาออกตั้งแต่เลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งปุ๊กลงไปแล้วล่ะว่าใคร ในเรื่องนิสัยประมาณนี้น่าจะมีฮีคนเดียว
มีไปดูหนัง กินข้าว นั่งเป็นเพื่อนกินติม ไปส่งที่หอ แถมยังจอดรถอยู่รอจนเขาขึ้นอาคารไปปลอดภัย
แหม ทำขนาดนี้มันก็น่าคิดกันบ้างแหละนะ รอติดตามต่อจ้า
-
ฮ่าๆเฮียแพทโดนลืม น่าสงสารเฮีย คนเขียนคราหน้าขอเฮียแพทแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยหน่อยน้าาา
สงสาร พาร์ทนี้ได้ออกโรงแต่เสียง
-
เฮียแพทจะไม่ตามมาคิดบัญชีถึงห้องหรือจ๊ะ :z1:
-
แอ๋....
ลืมเฮียแพทซะละ
แล้วเล่ย์นี่กำลังจีบอยู่รึเปล่าเนี่ย ?
-
กฎสูงสุดบัญญัติไว้ว่า
โทษของการลืมเฮียแพทคือ "หัวหลุดจากบ่า"
55555555+
-
ลืมเฮียซะงั้น พุจะโดนไรป่าวเนี่ย 5555
-
คนทั้งคนลืมได้ไง..ไม่มีใครเข้าทำอย่างง้านนนน ♫ :m27:
-
ดูเหมือนเล่ย์จะเป็นพระเอก หุหุ
-
จิ้มหนึ่งที!
+1 ((:
มาต่อไวๆน้ะครับ :z2:
-
เจอผู้ชายละ ลืมพี่ลืมเชื้อเลยนะ 55
-
ฟินน่าเร่ นายเอกน่ารัก
-
น้องพุน่ารักกกกกกกกกกแต่ลืมเฮียเฉยเลยน้า
เฮียแพท ตกลงเฮียเป็นพระรองเกาหลีใช่มั๊ย สงสารเฮียเบาๆ :m17:
-
เล่ย์น่าหลง :o8:
ลืมเฮียได้ยังไง
นี่เราอ่านมา ทั้งนั่งกินไอติม"แหกก้นแดก" ทั้งไปดูหนัง ทั้งไปกินข้าว จนกระทั่งกลับมาถึงหอ
ยังนึกอยู่เลยว่าแล้วไอ้สามชั่วโมงที่จะต้องรอเฮียล่ะ หายไปไหนแล้วว
จะโดนเฮียเฉ่งไหมเนี่ย
-
UNBELIEVABLE LOVE
Chapter Four
เพราะผมถือคติที่ว่า ลูกผู้ชาย ทำแล้วต้องกล้ารับ… วันนี้ผมจึงตั้งไว้ว่าจะยอมโดนด่า แต่ยังไงก็ต้องมาขอโทษเฮียแพทให้ได้ แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ผมเดินจนทั่วคณะ กระทั่งเลยไปมนุษย์มาด้วยก็ยังไม่เจอตัวแก เห็นแต่พี่รหัสผมที่กำลังกินข้าวอยู่ที่โรงอาหารเท่านั้น“พี่พิท”
พี่พิทเงยหน้าขึ้นมาจากจานข้าว “ไร?”
“เห็นเฮียแพทป๊ะ”
“เห็น” แล้วไมผมไม่เห็นวะ เดินจนขาลากแล้วเนี่ย “อยู่ไหนอะ”
พี่แพทหยุดกินข้าว แล้วมองหน้าผมตรงๆ “มึงอยากเจอเฮียแพททำไม”
“ก็…อยากคุยด้วย” โทรไปเฮียแกก็ตัดสายทิ้ง เลยต้องตามหาตัวเป็นๆ
“เอาไว้ค่อยคุย ตอนนี้อย่าเพิ่งไปยุ่งกับแกดีกว่า”
“ไมอะ”
“เห็นบอกว่าเมื่อวานนัดหมาไว้ แล้วหมามันผิดนัด”
“เอิ่ม หมาเลยเหรอ” ท่าทางจะโกรธมาก…
เมื่อวานพอผมนึกได้ว่าลืมอะไรก็รีบลุกไปเอามือถือมาดู แต่ปรากฏว่าแบตหมด ไม่รู้เหมือนกันว่าหมดตั้งแต่ตอนไหน ซึ่งจะเป็นตอนไหนก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือมันทำให้เฮียแพทติดต่อผมไม่ได้
แล้วผมก็ดันลืมที่นัดกับเฮียแกไว้ไงวะ… ฮือ อยากจะร้องไห้
พี่พิทมองหน้าผมแล้วก็หัวเราะ “หึ หึ กูว่าแล้วหมาที่ไหน มึงนี่เอง”
“ไม่ได้ตั้งใจ มันลืมจริงจริ๊ง” ผมบอกเสียงอ่อย พยายามหาพวกแม้จะรู้ตัวเองผิดเต็มประตู
พี่พิทหยิบฝาโออิชิขว้างใส่ผม “มึงอายุเท่าไหร่ นัดกันยังไม่ทันข้ามวัน ลืม?”
ผมนั่งลงตรงข้ามกับพี่พิท แล้วยกมือกุมขมับ “เฮ้อ แล้วจะทำไงล่ะเนี่ย”
ได้อ่านข้อความที่เฮียแกส่งมาแล้วโคตรรู้สึกผิด…ฉบับแรกๆ ก็ออกแนวด่าครับ แต่ฉบับหลังๆ เริ่มเครียด ท่าทางแกคงจะห่วงผมมากที่อยู่ๆ ก็ไม่สามารถติดต่อได้
…อ่านข้อความจบ ผมรีบโทรกลับไปหาแกทันที ท่าทางเฮียแพทคงจะดีใจมากที่ได้ยินเสียงผม ทั้งด่าทั้งถามด้วยความเป็นห่วง แต่พอผมบอกว่าลืมเท่านั้นแหละ
‘อะไรนะ’ เสียงเย็นมาก
กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอด้วยความยากลำบาก ผมสารภาพตะกุกตะกัก ‘คะ คือ ผะ ผมไม่ได้เป็นไร คะ แค่ลืมอะเฮีย’
ความเงียบมาเยือน… เฮียแพทไม่พูดอะไรต่อสักคำ แต่ลมหายใจที่ดังลอดเข้ามาทำให้รู้แกกำลังพยายามระงับความโกรธ ก่อนที่สายจะถูกตัดทิ้งเงียบๆ
ผมไม่ได้โทรกลับไป เพราะรู้ว่าเฮียแกคงโกรธจนไม่อยากจะพูดด้วย… แต่ก็เครียดจนนอนไม่หลับ กะว่าวันนี้จะขอโทษอีกฝ่ายซึ่งๆ หน้า กลับหาตัวไม่เจอซะงั้น
โทรไปก็ติด แต่สายถูกตัดทิ้ง… ท่าทางเฮียแกคงจะไม่อภัยให้ง่ายๆ
เฮ้อ… ไอ้พุนะไอ้พุ
“ให้กูแนะนำมั้ย” พี่พิทถาม แล้วยักคิ้วกวนๆ พอผมพยักหน้า พี่แกก็ร่ายต่อ “มีสองวิธีที่จะทำให้เฮียแพทหายโกรธ”
“ทำไงอะ” ผมถามอย่างมีความหวัง
พี่พิทยกนิ้ว “หนึ่ง ไปให้แกสำเร็จโทษ ตบ เตะ ตี รับรองหายโกรธชัวร์”
“ตบ เตะ ตี ผมไม่ตายก่อนเหรอ รองเท้าเฮียแกเบอร์ไร” เซ็งพี่รหัสกูจริงๆ ช่วยได้มากเลย“แล้วอีกข้อล่ะ”
“รอ… เดี๋ยวแกก็หายโกรธเอง อย่าไปเซ้าซี้ เดี๋ยวจะยิ่งโกรธไปใหญ่” พี่พิทบอก แล้วตักข้าวใส่ปาก เป็นการบอกกลายๆ ว่า กูไม่มีอะไรจะแนะนำแล้ว
อีกไม่ถึงอาทิตย์ก็จะสอบไฟนอลแล้ว สอบเสร็จผมก็ต้องกลับบ้านที่พิษณุโลก เกิดเฮียแกยังไม่หายโกรธ กว่าจะเจอกันอีกทีก็โน่นเลย เกือบสามเดือน ผมคงกินไม่ได้นอนไม่หลับแหงๆ “นานไป เกิดเฮียแกโกรธผมสักปี ก็ตายดิ”
“แล้วมึงจะทำไง”
“ผมจะไปขอโทษ” อยากให้เฮียแกรู้ว่าผมเสียใจจริงๆ
พี่พิทถอนหายใจ “เรื่องของมึงเถ๊อะ แล้วอย่าว่ากูไม่เตือน”
ดังสุภาษิตที่ว่า ‘ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ในนั่น’ ในที่สุดผมก็ได้เจอกับคนที่กำลังตามหามาหลายวันตัวสูงๆ หุ่นแมนๆ นั่นน่ะ เฮียผมเองไม่รอช้า ผมรีบวิ่งไปจับแขนแกไว้ “เฮีย...”
เฮียแพทสะบัดแขนออก แล้วมองผมโกรธๆ “อะไร”
“เฮีย ผมขอโทษ วันนั้นผมลืมจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจจะเบี้ยวนะ” พยายามทำเสียงให้น่าสงสารที่สุด แต่จริงๆ ก็ไม่ต้องทำหรอกครับ เพราะเห็นหน้าเฮียแพทแล้วผมก็ใจเสียไปเยอะเลย “ผมขอโทษนะ”
“แค่นี้ใช่มั้ย ที่มึงจะพูด” เฮียแพทพูดเสียงเย็นชา ก่อนจะเดินหนีไป
ผมรีบวิ่งตามไป“เฮีย ฟังผมก่อน”
เฮียแพทหยุดเดิน แล้วหันมาจ้องหน้าผม “อ๊ะ มึงอยากพูดมากใช่มั้ย พูดมา”
“เอ่อ ผม…มะ ไม่” ตาเฮียแพทน่ากลัวมาก ไม่เคยรู้สึกมาก่อน พอเห็นยังงี้ผมพูดไม่ออกเลย
“หมดแล้วใช่มั้ย เรื่องที่จะพูด กูจะได้ไป” พูดแล้วก็ไม่รอคำตอบ หันหลังเดินหนีไป…
ตอนแรก ผมว่าจะวิ่งตามไปอีกรอบ แต่เปลี่ยนใจ เดินไปนั่งคอตกที่ม้าหินหน้าคณะ
“เป็นไง บอกแล้วไม่ฟัง” เสียงพี่พิทครับ
ผมไม่ตอบ นั่งมองมือตัวเอง กลัวเฮียแพทจะโกรธไม่ยอมหาย ใจเสียอะ คนเลยเล่นเคยหยอกกัน แล้วมาเป็นยังงี้ “เฮ้อ”
“เฮ้ย อย่าซีเรียส เดี๋ยวแกก็หายโกรธเองแหละ” พี่พิทบอก ลูบหัวปลอบใจ แล้วก็ผลักจนผมเซ “เฮ้ย พี่อะ คนยิ่งเครียดๆ ยังจะมาทำงี้อีก”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” กูเซ็งพี่กูจริงๆ เล้ย
ผ่านไปอาทิตย์กว่า เข้าสู่ช่วงเวลาการสอบไฟนอล เฮียแพทก็ยังไม่หายโกรธ ผมก็พยายามง้อนะ เพราะรู้ตัวว่าผิดไง เจอที่ไหนก็ยิ้มให้ ซื้อขนมไปฝากมั่งอะไรมั่ง แต่ก็ยังไม่เป็นผล พี่พิทก็บอก เดี๋ยวเฮียแกก็ใจอ่อนเองแหละ แต่รู้สึกว่าเฮียจะใจแข็งมากเลยนะ ขนาดแค่ยิ้ม ยังไม่ยิ้มให้เลย… เฮ้อ!
“ไอ้พุ รอด้วย...”
ผมหันไปมองคนเรียกที่วิ่งกระหืดกระหอบมาหา เพื่อนคณะเดียวกันครับ ชื่อเอ้ “ว่า?”
“เป็นไงมั่ง ทำได้ป๊ะ” มันถามถึงข้อสอบอะครับ วันนี้สอบไฟนอลวันสุดท้ายแล้ว “ได้มั่ง ไม่ได้มั่ง มั่วๆ ไป...แล้วนายล่ะ”
“ไม่ค่อยได้วะ ที่เก็งมาไม่เข้าเลย” ไอ้เอ้พูดเสียงเซ็ง ก่อนจะแหกปาก “โอ๊ย! เครียดโว๊ย”
“อย่าซีเรียส ยังไงมันก็ผ่านไปแล้ว ทำไรไม่ได้อยู่ดี”
“มึงก็พูดได้สิ ผ่านฉลุยอยู่แล้วนี่”
“เออ ขอให้เป็นงั้นจริงๆ เถอะ จะขอบคุณมาก” ผมพนมมือสาธุ “แล้วนี่ สอบเสร็จจะกลับบ้านเลยป๊ะ”
“ยังไม่อยากลับว่ะ กูว่าจะอยู่ทำใจอีกสองสามวันแล้วค่อยกลับ... มึงล่ะ”
“ว่าจะกลับเย็นนี้เลย คิดถึงบ้าน”
“กลับแม่งทุกเดือน ยังจะคิดถึงอีกเหรอ อย่าเพิ่งกลับดิวะ ไปกินเหล้าเป็นเพื่อนกูก่อน”
กำลังอ้าปากจะปฏิเสธไอ้เอ้ แต่เหลือบไปเห็นเฮียแพทที่กำลังจะเดินผ่านไปพอดี ผมจึงยิ้มให้ แต่เฮียแพททำไงรู้มั้ยครับ เฮียแพทมองหน้าผมประมาณว่า กูรู้จักมึงด้วยเหรอ แล้วก็เดินผ่านไป โดยไม่พูดอะไรสักคำ
เฮ้อ... รอบนี้เฮียโกรธโคตรนาน
“ลุงรหัสมึงไม่ใช่เหรอ” ไอ้เอ้พยักพเยิดไปยังคนที่เพิ่งเดินผ่าน
ผมพยักหน้ารับเซ็งๆ “อือ...”
“เป็นไร ทะเลาะกันเหรอ”
“เปล่า” ผมตอบ แล้วก็รู้สึกเซ็งมากๆ “อยากกินเหล้าใช่ป๊ะ”
ไอ้เอ้ทำหน้าดีใจ “เออดิ”
“กินก็กิน แต่ต้องไปกินที่ทะเลนะ”
“ห๊ะ?”
“ทะเลอะ พัทยา บางแสน หัวหิน ที่ไหนก็ได้”
“ทะเลกรุงเทพฯ ได้มั้ย” ยังจะเล่นมุก เดี๋ยวปั๊ด ไม่ไปด้วยซะเลย“จะไปไม่ไป ไม่ไปจะได้กลับบ้าน”
“ไปดิไป กี่วันดี”
“วันเดียว กลับพรุ่งนี้”
“มึงบ้าเปล่า เสียเวลานั่งรถไปตั้งไกล แล้วอยู่วันเดียวเนี่ยนะ สักสองวันดิ”
“เออๆ สองวันก็สองวัน แล้วจะไปที่ไหนกันดี”
“พัทยาดิ ไปดูฝรั่งอาบแดด” เชี่ยจริงๆ เมื่อตะกี้ยังบอกว่าเครียดอยู่หยกๆ “ว่าแต่ เราจะไปกันยังไงวะ”
“เออ นั่นดิ” กูเซ็ง อยากซ่าแต่ไม่มีรถ
“ไปรถทัวร์ไง ที่เอกมัยอะ” เสียงใครวะ ผมกับไอ้เอ้หันไปมอง ก็เห็นนักศึกษาปี 1 เหมือนพวกผมที่ไม่คุ้นหน้า ยืนเบื่อๆ กันอยู่สองคน “เดี๋ยวพวกกูไปด้วย เซ็งเหมือนกัน”
ผมมองหน้าไอ้เอ้ ส่วนไอ้เอ้ก็มองหน้าผมเหมือนปรึกษากันว่าจะเอาไง แล้วเราสองคนก็พยักหน้าอารมณ์นี้ อยากกินเหล้าอย่างเดียว ไม่คิดกลัวอะไรทั้งนั้น ถ้าเกิดเขาหลอกพาไปขายที่เรือตังเกก็คงจะไม่รอด
“โอเค งั้นไปจัดกระเป๋าก่อน เจอกันที่เอกมัย กี่โมงดี” ผมถาม แล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
“จัดทำไม แค่สองวัน ไปชุดนี้แหละ” เอิ่ม ถ้านับวันนี้ด้วยก็สามวัน เสื้อผ้าชุดเดียว มึงไปเข้าค่ายกันเรอะ
“เหอะน่า เสียเวลาวะ อยากเมาแล้ว” มันยังคะยั้นคะยอ
“ว่าไง” ผมถามได้เอ้ ซึ่งคำตอบของมันคือ “เออวะ วันนี้กูจะเมาเว้ย ไม่อาบน้ำ” ทุเรศจริงๆ
“แล้วนายล่ะ” ผมถามไอ้คนที่ยืนเงียบไม่ยอมพูดยอมจา
“เสื้อผ้าเดี๋ยวค่อยไปหาซื้อข้างหน้าก็ได้” มันตอบ
“เออๆ เอาไงก็เอาวะ” เสียงเดียวหรือจะสู้สามเสียง
แล้วเราก็ไปซื้อตั๋วรถทัวร์ที่เอกมัยเพื่อเดินทางไปพัทยา... ซึ่งระหว่างที่รอพวกเราก็คุยกัน ทำให้รู้ที่มาของแต่ละคน...
คนที่ทักพวกผมคนแรก ชื่อ เดียว เรียนวิศวะ เพิ่งจะเลิกกับแฟนมา เสียใจ อยากกินเหล้า
คนที่ไม่ค่อยพูด ชื่อ ซอล เรียนสถาปัตย์ เป็นเพื่อนสนิทของไอ้เดียว รู้จักกันมาตั้งแต่ประถม ไอ้ซอลเจอแฟนเก่าควงแฟนใหม่มาเย้ย เสียใจ อยากกินเหล้า
ไอ้เอ้ ทำข้อสอบไม่ได้ เครียด อยากกินเหล้า
ผม ไอ้พุ โดนลุงรหัสโกรธ เครียด อยากกินเหล้า
เฮ้อ... แต่ละคน
เมื่อไปถึงพัทยาพวกเราก็ตรงไปที่หาดก่อนเลย เช่าเก้าอี้ผ้าใบ แล้วก็สั่งอาหารมาสองสามอย่างพร้อมโซดาน้ำแข็ง เหล้าไม่ต้องเพราะซื้อมาเองแล้ว… งบน้อยครับ ต้องประหยัด
นั่งกินกันไป คุยกันไปเพลินๆ แป๊บเดียวตะวันใกล้จะตกดิน ฟ้าเริ่มมืด ผมก็นึกได้ว่ายังไม่ได้เช่าห้องพักเลย เผอิญเด็กเสิร์ฟเอาน้ำแข็งที่สั่งเพิ่มมาให้พอดี จึงถือโอกาสสอบถาม “น้องครับ แถวไหนมีห้องให้เช่าบ้างครับ”
“แถวนี้ก็มีค่ะ พี่จะเอาห้องแบบไหนล่ะ”
“เอาแบบดีๆ ถูกๆ” ผมว่ายิ้มๆ
คิ้วขมวดฉับ น้องมันย้อนกวนๆ “มีค่ะ ดีๆ ถูกๆ แต่มันแยกกันอยู่นะ จะเอาเปล่า”
“แง่ว” โดนเด็กสวน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไอ้เดียวหัวเราะสะใจ... เหมือนไม่ได้มาด้วยกัน
“เช่าไมวะ เสียดายเงิน เอามาซื้อเหล้ากินดีกว่า” ไอ้เอ้มันบ่น
ไอ้นี่ก็ถามแปลก “แล้วจะไม่นอนกันรึไง”
“มากินเหล้าเว้ย ไม่ได้มานอน”
“งั้นมึงไม่ต้องนอน เดี๋ยวพวกกูสามคนนอนเอง” ไอ้เดียวบอก
“ไรวะ รุมกันนี่หว่า” ไอ้เอ้ท้วงเสียงอ่อย
สรุปแล้วเราก็ได้ห้องพักแถวๆ นั้น ซึ่งเด็กเสิร์ฟบอกว่าเป็นเกสเฮ้าส์ แต่ผมว่า มันคือโรงแรมจิ้งหรีดว่ะ ดูยังไงก็ไม่ใช่เกสเฮ้าส์ ห้องเล็กมาก หอที่ผมพักอยู่ยังใหญ่กว่าเลยแต่เพราะดึกแล้ว ห้องพักหายาก และมันก็ถูกด้วยเลยต้องยอม...
เราเช่าแค่ห้องเดียวครับ จริงๆ ห้องหนึ่งจำกัดสองคน ถ้าเกินต้องเพิ่มเงินเป็นรายหัว ซึ่งก็ไม่แพงสักเท่าไหร่... ไอ้เดียวมันให้เหตุผลว่า ยังไงพวกเราก็ตั้งใจมากินเหล้ากันอยู่แล้ว คงไม่ค่อยได้นอน และอีกอย่าง มันบอกว่านอนห้องเดียวกันปลอดภัยกว่า มันไม่ค่อยไว้ใจสถานที่เท่าไหร่ เจ้าของหน้าตาเหมือนแม่เล้า น่ากลัว
...แล้วมึงก็ยังจะมาเช่าเขาอีก
เกสเฮ้าส์ตามที่เด็กเสิร์ฟยืนยันมีทั้งหมดสามชั้นครับ พวกเราได้ห้องพักชั้นสอง...
“ทำไมไม่มีคนไทยเลยวะ” ไอ้ซอลเปรยออกมาระหว่างที่พวกเรากำลังเดินไปห้องพักหลังจากได้คีย์การ์ดมาแล้ว
ฝรั่งเต็มไปหมด ทั้งขาวทั้งดำ ตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้น ผู้หญิงก็พอมีบ้างครับ แต่น้อย...
“แล้วที่ยืนอยู่นี่ไม่ใช่คนไทยเหรอ” ไอ้เอ้มันกวน เลยโดนไอ้เดียวโบกไปที... สนิทกันอย่างรวดเร็วเหล้าสร้างมิตรภาพจริงๆ
เมื่อเข้าไปในห้อง ไอ้เดียวก็จัดการล็อคประตูแล้วก็ลากเตียงไปยันประตูไว้ ผมมองมันงงๆ “ทำไรวะ”
“ปลอดภัยไว้ก่อน” มันบอก
ผม ไอ้ซอล ไอ้เอ้ มองหน้ากัน แล้วก็เริ่มเหงื่อตก... กูจะได้นอนมั้ยเนี่ย คืนนี้
“เฮ้ย ไม่ต้องเครียด กูแค่ป้องกันไว้เฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก”
“ถ้ามึงจะไม่ทำแบบนี้ กูก็จะไม่เครียดเลย” ไอ้ซอลบอก ท่าทางมันเครียดจริงๆ
“แต่กูว่ากันไว้ก็ดีนะ เมื่อกี้กูเห็นพวกไอ้หรั่งมันมองมึงกับไอ้พุแปลกๆ ว่ะ” ไอ้เอ้บอก เลยโดนไอ้เดียวโบกไปอีกที “มึงจะพูดให้พวกมันคิดทำไมวะ”
…กูคิดตั้งแต่มึงลากเตียงไปปิดประตูไว้แล้ว
สรุป คืนนั้นพวกเราก็ไม่กล้าหลับครับ ไม่กล้าเมาด้วย เลยนั่งเล่าเรื่องผีกัน
เริ่มวันใหม่ เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ พวกเราก็เดินลงไปเช็คเอาท์กัน แล้วก็นั่งรถสองแถวไปที่หาดจอมเทียน... เช่าเก้าอี้ผ้าใบนอนกันครับ ง่วงสุดๆ
ผมตื่นมาอีกทีเกือบเที่ยงแล้ว ลืมตาขึ้นก็เห็นไอ้เอ้กับไอ้เดียวนั่งก๊งเหล้ากันอยู่ ส่วนไอ้ซอลยังไม่ฟื้น
“ได้นอนกันมั่งป๊ะเนี่ย” ผมถามไอ้สองคนที่กำลังก๊งเหล้ากันอยู่ เพราะเห็นตามันแดงๆ คล้ายคนไม่ได้นอน
ไอ้เดียวส่ายหน้า “นอนได้ไง หลับกันหมดก็โดนปล้นสิ”
“แล้วจะนอนป่ะล่ะ เดี๋ยวเฝ้าเอง”
“ไม่ง่วงแล้ว มากินเหล้ากันดีกว่า ผสมไรดี” มันถามพร้อมกับคีบน้ำแข็งใส่แก้วว่าง
ผมยกมือห้าม “อย่าเพิ่ง ขอกินข้าวก่อน หิว”
ไอ้เอ้เอี้ยวไปหยิบเมนูที่วางอยู่ด้านหลังแล้วโยนให้ “อยากกินไร เลือกเลย”
พอเด็กเสิร์ฟมา ผมก็สั่ง “ปูทะเลพริกไทดำ กุ้งกระเทียม ทะเลเผา ยำไข่แมงดา ข้าวเปล่าโถหนึ่ง”
“ส้มตำปูปลาร้าด้วย” ไอ้เอ้ครับ ไม่มีวันไหนที่มันจะไม่กินส้มตำ
“มาทะเล กินส้มตำ” ไอ้เดียวส่ายหน้า แล้วเอื้อมมือไปเขย่าไอ้ซอล “เฮ้ย ตื่นๆ กินข้าว”
ไอ้ซอลงัวเงียๆ ลุกขึ้นมานั่ง แล้วด้วยความเบลอมันก็หยิบโซดาไปล้างหน้า “โอ๊ย เชี่ย!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไม่มีใครเห็นใจครับ มีแต่คนสมน้ำหน้า
เวลาผ่านไปเกือบบ่ายสาม ทั้งเหล้าทั้งโซดากองเต็มโต๊ะ
“น้อง เรดอีกขวด โซดาสาม” ไอ้เดียวสั่ง โซดาสามคือของผมกับไอ้ซอลครับ มันกับไอ้เอ้กินเพียวๆ จริงๆ ตอนแรกผมกับไอ้ซอลกินเบียร์ครับ แต่มันเปลือง เลยต้องหันมากินเหล้าแทน...
นั่งกินกันไปเรื่อยๆ ฟ้าก็เริ่มจะมืด ผมยกนาฬิกาข้อมือดูเวลา เกือบจะหกโมงแล้ว “เฮ้ย จะหกโมงแล้ว กลับยัง”
“มึงอยากกลับแล้วเหรอ” ไอ้เอ้ถามเสียงอ้อแอ้... จะรอดมั้ยเพื่อนกู
“เฮ้ย อย่าเพิ่งกลับดิ กินไปนิดเดียวเอง” ไอ้เดียวครับ คอโคตรแข็ง เหล้าหมดไปเกือบสี่ขวด มันยังนิ่งอยู่เลย
จริงๆ ผมก็เริ่มติดลมแล้วล่ะ ไม่อยากกลับเท่าไหร่ แต่ที่ถามเพราะกลัวพวกมันจะลืม “แล้วจะเอาไง จะอยู่ต่อเหรอ งั้นก็ไปหาที่พักก่อน แบบเมื่อคืนไม่เอานะเว้ย”
ไอ้ซอลยกมือขึ้นกดไลค์ แล้วบอก “ถ้าเป็นแบบเมื่อคืน กูขอนอนที่หาดนี่ดีกว่า”
“เออน่า ไม่เหมือนหรอก” ไอ้เดียวบอก แล้วมองไอ้เอ้ที่นอนหลับตาอยู่บนเก้าอี้อย่างอนาถใจ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนสนิทมัน “เดี๋ยวไปเดินดูห้องกัน แถวนี้น่าจะโอเคกว่าเมื่อวาน มึงไปไหวป่ะเนี่ย”
“ไหวดิ” ไอ้ซอลบอก แล้วก็ลุกขึ้นยืนเซๆ
ไอ้เดียวส่ายหน้า แล้วเอานิ้วจิ้มหน้าผากไอ้ซอลแรงๆ จนมันหงายหลังลงนั่งที่เก้าอี้เหมือนเดิม “มึงเฝ้าไอ้เอ้ไปเลย เดี๋ยวกูไปกับไอ้พุเอง”
คืนนั้นพวกเราได้นอนในห้องที่สะอาด ปลอดภัย และใหญ่กว่าเดิม ซึ่งดีต่อสุขภาพจิตของพวกเรามาก เพราะไม่ต้องมานั่งเครียดกันทั้งคืน แต่ที่ไม่ดีคือสุขภาพกระเป๋าเงินเราน่ะสิครับ มันดีกว่า มันก็ต้องแพงกว่า จริงมั้ยครับ และที่นี่ก็ไม่ให้นอนเกินห้องละสามคน จึงต้องเปิดสองห้อง แต่สุดท้ายเราก็มารวมกันอยู่ห้องเดียวเหมือนเดิม... เสียดายเงินจริงๆ
“ผู้หญิงแม่งเหี้ย!” ประโยคนี้คุ้นๆ นะ ว่ามั้ย
“ผู้หญิงแม่งเลว!” เสียงไอ้เดียวครับ มันด่าแฟนมัน
“ผู้ชายยิ่งกว่าเหี้ย! แม่งโคตรเลว!” อันนี้เสียงไอ้ซอลครับ สรุปแล้วมันเป็นเกย์ครับ ที่ว่าแฟนเก่าควงแฟนใหม่มาให้เห็นอะ คือผู้ชายที่เป็นแฟนมันควงผู้หญิงมาครับ
“อาจารย์แม่งเหี้ย!”
“ไม่ใช่ละๆ” ผมโบกหัวไอ้เอ้ไปที... นรกจะกินกบาล
“มึงคิดดู กูยอมมันทุกอย่าง ฮึก ฮึก” ไอ้ซอลเริ่มร้อง “แต่มันก็ยังมาทำยังงี้กับกู ฮือ!!!”
ผมรีบขยับหลบ... แม่ง น่ากลัว
“เฮ้ย ไม่ต้องร้อง มึงยังมีกูอยู่ทั้งคน” ไอ้เดียวโอบเพื่อนมันไว้ แล้วตบหัวปลอบ แต่...“ไอ้เชี่ย เจ็บ!” ไอ้ซอลผลักไอ้เดียวจนล้ม แล้วยกมือคลำหัวตรงที่โดนตบ น้ำตงน้ำตาหายเกลี้ยง
ผมกับไอ้เอ้ทนไม่ไหวต้องปล่อยก๊ากออกมา “ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”
กว่าเหล้าสองกลมจะหมด ก็ปาเข้าไปตีสาม... พวกเราตื่นขึ้นมาอีกทีเกือบบ่ายสอง เลยเวลาเช็คเอาท์ โดนไปสองคืน แถมพอเขาเช็คห้อง ทั้งเบียร์ทั้งน้ำอัดลมในตู้เย็นก็หมดเกลี้ยง โดนชาร์จกระเป๋าแฟบไปตามๆ กัน
“กลับกันเลยป๊ะ” ผมถามไอ้สามคนที่เหมือนจะยังไม่อยากกลับ
“ตังค์มึงเหลือเท่าไหร่” ไอ้เดียวมันถาม
“พันนึง” พันสุดท้ายแล้วครับ หมดนี่ก็ไม่รู้จะกลับบ้านยังไงแล้ว...
“พวกมึงล่ะ”
ไอ้ซอลควักกระเป๋ามาส่อง “เจ็ดร้อย”
“ห้าร้อย” ไอ้เอ้ครับ
ไอ้เดียวควักเงินตัวเองออกมานับ “กูเหลือสองพันกว่า ยังได้อยู่”
“ได้ไรวะ” ผมงง แต่ไม่นาน เพราะมันตรงดิ่งไปนั่งลงที่เก้าอี้ผ้าใบตรงริมหาดแล้วก็สั่งเหล้ากับกับแกล้มมาเรียบร้อยแล้ว
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ไอ้เดียวก็กระดิกมือเรียก “ไอ้พุ เอาตังค์มาดิ๊”
กระดิกนิ้วเรียกเหมือนกูเป็นหมาเลยนะมึง... ผมบ่นในใจ แต่ก็ควักเงินให้ แล้วมันก็หันกระดิกนิ้วเรียกเงินจากคนอื่นๆ ต่อ“ไอ้ซอล มาๆ มึงด้วยไอ้เอ้”
คือ ตอนนี้แอลกอฮอล์มันอยู่ในเส้นเลือดแล้วอะครับ มันก็เลยมึนๆ เบลอๆ คิดอะไรไม่ค่อยทัน ไม่ได้นึกด้วย ว่าหมดพันนี้แล้วผมจะเอาเงินที่ไหนกลับบ้าน หรือ ถ้าตังค์หมดแล้วพวกเราจะกลับกรุงเทพฯกันยังไง
หลังจากนั้นไม่นาน เหล้าขวดที่สามของวันนี้พร้อมกับแกล้มก็หมดไปอีกชุด แล้วอยู่ดีๆ ไอ้เดียวก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินหายไปไหนไม่รู้ เกือบครึ่งชั่วโมงจึงกลับมา
“ไปไหนมาวะ” ไอ้เอ้ถาม
ไอ้เดียวควักเงินออกมาให้ดู “ไปหาเงินมา”
“เฮ้ย! อย่าบอกนะว่า..” ไอ้ซอลทำตาโต
“อะไร” ไอ้เดียวนั่งลงแล้วยกขวดเหล้าขึ้นกระดกจนหมด
ไอ้ซอลยังทำตาโตอยู่ “มะ มึง.. มึง”
“ผลั๊วะ!” เสียงไอ้ซอลโดนตบครับ แล้วคนตบมันก็ว่า “มึงๆ อยู่ได้ จะพูดไรก็พูดดิ”
ไอ้ซอลยกมือขึ้นคลำหัว ก่อนจะพูดเสียงเศร้า “มึงไปขายตูดมาเปล่า”
“ผลัวะ!!” ดอกนี้แรงกว่าเดิม “สัด กูไปขายทองมาเว้ย”
“เฮ้ย!!!” ผม ไอ้เอ้ ไอ้ซอลครับ “ถึงขั้นขายทองเลยเหรอวะ”
ไอ้เดียวโบกมือไปมาประมาณว่าอย่าตกใจ “ถ้าไม่ขาย กูก็ตั้งใจจะทิ้งอยู่แล้ว”
“หา!!!” นี่มึงรวยมาก หรือว่าบ้ามากวะ จะทิ้งทอง
“ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม เห็นแล้วแสลงใจ” ไอ้เดียวบอก แล้วเรียกเด็กเสิร์ฟมาสั่งเหล้าและอาหารเพิ่ม
ไอ้ซอลทำหน้าเข้าใจ “ของแฟนมึงเหรอ”
“อดีตแฟนเว้ย”
“มึงขายเท่าไหร่”
“สองพัน”
“เฮ้ย! ถูกไปเปล่า” พวกผม
“ช่างแม่ง ดีกว่าไม่มีตังค์กินเหล้า” มึงยังจะกินอีกเรอะ ไม่กลับหรือไงบ้านอะ
แล้วเวลาก็ผ่านไป พร้อมกับเงินสองพันที่เหลือเพียงหกสิบบาท...
“ส้มตำไง ซื้อได้” ไอ้เอ้เสนอ ชีวิตมึงจะกินแต่ส้มตำรึไง
“ไม่เอา ถั่วต้มดีกว่า” ไอ้ซอลครับ ไอ้นี่ก็อีกคน มาทะเล จะกินถั่วต้ม
ผมนั่งมองพวกมันมึนๆ เบลอๆ ส่วนไอ้เดียวก็กดโทรศัพท์หาเพื่อน จะให้มารับ...
“เฮ้ย ไอ้ปอม อยู่ไหนวะ....เชียงใหม่? เออ แค่นี้นะ เดี๋ยวแบตหมด” ไอ้เดียวตัดสายเพื่อนมัน แล้วก็กดหาคนอื่นต่อ เป็นแบบนี้อยู่สามสี่คน จนผมทนไม่ไหว “เฮ้ย เดี๋ยวเราโทรเอง”
คนแรกที่คิดถึง เฮียแพทก่อนเลย รอสายนานมาก ก่อนที่มันจะถูกตัดไป ผมโทรอยู่สามรอบก็มีคนรับสาย
[ฮัลโหล] เสียงผู้หญิงครับ
“ครับ ขอสายเฮียแพทครับ”
ปลายสายเงียบไปแป๊บหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมา [ไม่อยู่ค่ะ]
“ไปไหน ทราบมั้ยครับ”
[ไม่ทราบค่ะ] นี่มันเครื่องตอบรับอัตโนมัติหรือเปล่าวะ ทำไมเสียงคุณเธอช่างไร้อารมณ์เหลือเกิน เหมือนพูดตามบทเลย [มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มีจะได้วาง]
“ครับ งั้น แค่นี้ละกันครับ ขอบคุณมากครับ” เฮ้อจะโกรธอีกนานมั้ยเนี่ย... ผมว่าผมได้ยินเสียงห้าวคุ้นหูแว่วมาตามสายนะ
“ว่าไง?” ไอ้เดียวมันถามอย่างมีความหวัง
ผมไม่ตอบแต่ส่ายหน้า แล้วกดหาพี่พิทเป็นคนต่อไป แต่ก็ไม่ติด สงสัยจะแบตหมด ไม่ก็ปิดเครื่อง... ทำไงดีวะเนี่ย
โทรหาใครก็ไม่ติด เซ็งว่ะ กินเหล้าดีกว่า…
“กูรู้แล้ว ว่าทำไง” อยู่ดีๆ ไอ้เดียวก็โพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสดใส
ไอ้เอ้กับไอ้ซอลยังเถียงกับเรื่องส้มตำกับถั่วต้ม เหลือผมคนเดียวที่สนใจมัน “ทำไง”
ไอ้เดียวทำหน้าเจ้าเล่ห์แล้วเหล่ไปทางไอ้เอ้ “ที่นี่เขามีสนามมวย เอามันขึ้นชก”
ผมอดขำพรืดไม่ได้ ก่อนจะส่ายหัวกับความคิดของมัน ไอ้เอ้มันตัวสูงกว่าผมแค่นิดเดียวเอง น่าจะไม่เกินร้อยเจ็ดห้า แล้วตัวก็ผอมๆ จะตายก่อนมั้ยนั่น “คิดได้ไง”
“มันไม่เจ็บหรอก เมาขนาดนี้”
ไอ้เอ้โบกไอ้เดียวไปที “สัด กูได้ยินนะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไอ้เดียวหัวเราะขำก่อนจะพ่นลมออกมาอย่างหนักใจ“เอาไงดีวะ โทรหาใครก็ไม่ติด”
ผมก็นึกไม่ออก หยิบมือถือมาดูรายชื่อ เผื่อจะมีใครที่พอจะช่วยได้...
ชื่อที่เจอ นอกจากเฮียแพท กับพี่พิทแล้วก็มี ไอ้เอ้ ซึ่งมันก็อยู่ที่นี่แล้วก็เบอร์ของ แม่ พ่อ ไอ้พัน ซึ่งสามคนนี้ตัดออกไปได้เลย ถ้ารู้เหตุผลที่เงินหมด ผมต้องโดนบ่นเละแน่...ที่เหลือเป็นเบอร์เพื่อนเก่าที่โรงเรียนมัธยมอีกสองสามคนซึ่งถ้าไม่อยู่พิษณุโลกก็อยู่เชียงใหม่กันหมด ผมเลื่อนดูไปเรื่อยๆ “เฮ้ย!!”
“อะไร!” ไอ้สามคนมันสะดุ้ง “ตะโกนทำไมวะ”
ผมมองชื่อในมือถือใหม่อีกครั้ง แปลกใจว่าผมไปได้เบอร์เจ้าของชื่อตั้งแต่ตอนไหน... แต่ก็แค่แปลกใจ ไม่คิดจะโทรหา เพราะไม่ได้สนิทกัน
...แค่คนเคยเจอกันสองสามครั้ง
“เปล่า” ผมส่ายหน้า
“แล้วจะตะโกนทำแป๊ะอะไรวะ” ไอ้สามคนมันบ่น ก่อนจะถอนหายใจออกมา แล้วก็กินเหล้าต่อ... สรุปว่าพวกมึงไม่ทุกข์ร้อนกันเลยใช่มั้ย ที่กลับบ้านไม่ได้
ผมเลื่อนดูรายชื่อในมือถือไปเรื่อยๆ แต่ละชื่อที่เม็มไว้ก็คงไม่มีใครจะสามารถมาช่วยพวกเราได้ในตอนนี้... พี่รหัสที่หวังพึ่ง ก็ปิดเครื่องซะงั้น
…เอาไงดีว้า มองฟ้าก็ใกล้จะมืดแล้วด้วย
...เอาวะ ลองดูละกัน
ผมเลื่อนกลับมายังชื่อแปลกปลอมที่เพิ่งเห็น ก่อนจะกดโทรออก แล้วรอใจสั่นๆ
[ฮัลโหล?]เสียงคุ้นหูดังมาตามสาย แปร่งกว่าตัวเป็นๆ เล็กน้อยแต่ผมก็จำได้ว่าเป็นเสียงของใคร
“เฮ้ย!” ผมโยนมือถือทิ้งด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรับเร็วขนาดนี้
ไอ้สามคนมองมางงๆ “เป็นไรของมึง”
[พุ?] เสียงดังมาจากมือถือครับ [เป็นอะไร...พุ?]
ไอ้เดียวหยิบมือถือที่ตกอยู่กับพื้นทรายส่งให้ผมงงๆ “จะทิ้งทำไมรับสิ”
ผมรับมือถือมาแนบหู แล้วพูดเสียงสั่นๆ “อะ เอ่อ...เล่ย์ใช่มั้ย”
[แล้วโทรหาใครล่ะ] ตัวจริง เสียงจริงเลยแบบนี้
“เอ่อ... คือ... นาย” โอ๊ยย ไมมันพูดยากงี้วะ
[คืออะไร] มันคงจะเริ่มหงุดหงิดละ
“อยู่ที่ไหนว่างหรือเปล่าช่วยมารับได้มั้ยไม่มีตังค์กลับบ้าน” ผมพูดเร็วปรื๋อ แล้วก็กลั้นใจรอ
มันเงียบไปแป๊บหนึ่ง แล้วบอก [เอาใหม่ซิ ช้าๆ แบบที่คนปกติเขาคุยกัน]
ผมสูดหายใจเข้าปอดสองเฮือก แล้วสารภาพเสียงอ่อย “ตังค์หมด กลับไม่ได้”
[อยู่ที่ไหน]
“พัทยา”
[แล้วได้กินอะไรหรือยัง?]
“กินแล้ว” กินจนตังค์หมดอะ
[อยู่กันกี่คน] ทำไมรู้วะ
“มีเพื่อนอีกสามคน”
[อืม... แล้วอยู่ตรงไหนของพัทยา]
“หาดจอมเทียน”
[โอเค.. รออยู่นั่นแหละ เดี๋ยวไปรับ... ถ้าหิวก็สั่งไรมากินกันก่อน เดี๋ยวถึงแล้วจะไปจ่ายให้]มันสั่งเรียบๆ ไม่มีหงุดหงิดหรือรำคาญ “แค่-”
“เฮ้ย เดี๋ยวๆ” ผมรีบเรียกไว้ ก่อนที่มันจะตัดสายทิ้ง
[ว่าไง]
“เอ่อ… ขอบคุณครับ”
อีกฝ่ายหัวเราะหึ [จดไว้ด้วย กี่ครั้งแล้ว]
ผมทำหน้าแหย “เอิ่ม..”
[หึ หึ... แล้วเจอกัน] พูดจบก็ตัดสายทิ้ง... ทำไมผมถึงรู้จักแต่คนนิสัยแบบนี้วะเนี่ย
เห็นผมวางมือถือลงบนโต๊ะ ผู้ร่วมชะตากรรมทั้งสามคนก็ถามอย่างมีความหวัง “ว่าไงมึง” ก่อนจะตะโกนออกมาอย่างดีใจเมื่อผมพยักหน้า
“เย้!!!”
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
นี่ใช่มั้ย นิยามของคำว่า ราชรถมาเกย 5555
-
เฮียแพทดันมาโกรธตอนน้องนุ่งกำลังต้องการความช่วยเหลือพอดี
อดทำคะแนนเลยนะเฮียนะ ปล่อยเล่ย์เค้าขี่ม้าขาวมาช่วย(อีกแล้ว)
แต่เข้าใจที่เฮียโกรธ เป็นเราเราก็โกรธว่ะ
ยิ่งถ้ารู้ว่าเบี้ยวเราแล้วไปหนุกหนานกับชาวบ้านจนลืมเราเสียสนิทมานะ จะโคตรโกรธเลย
ชอบเวลาเล่ย์เรียกชื่อพุ ไม่รู้ทำไม ~
-
555 กินกันจนเงินหมด แล้วถ้าหาคนมารับไม่ได้จะทำงัยล่ะนั่น
-
UNBELIEVABLE LOVE
Chapter Five
เรานั่งเล่นอยู่ริมหาดอีกแป๊บหนึ่ง เด็กเสิร์ฟก็เดินมาบอก “เอ่อ พี่คะ ไปนั่งในร้านดีกว่ามั้ยคะ ตรงนี้ยุงชุม”
“เอาไง กินต่อมั้ย” ไอ้พวกนั้นหันมาถาม
“อยากกินป่ะละ”
“อยากดิวะ”
“งั้นก็กิน” ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว... เอาไว้กลับไปค่อยใช้คืน
แล้วพวกเราก็ย้ายสถานที่พำนักเข้าไปในร้าน... กินกันอยู่เกือบสองชั่วโมง เสียงเพลงจากมือถือก็ดังขึ้น
เห็นชื่อคนที่โทรมา ผมก็รีบกดรับ “ฮัลโหล”
[อยู่ตรงไหน]
“อยู่ในร้าน AA ที่ข้างหน้ามีต้นมะพร้าวใหญ่ๆ อะ”
“หาดนี้ก็มีแต่ต้นมะพร้าว จะหากันเจอมั้ยเนี่ย” ไอ้เดียวมันแทรกขึ้นมา “มานี่เดี๋ยวกูบอกทางเอง”
คือผมกับการบอกทางเนี่ย ไม่ค่อยจะถูกกันสักเท่าไหร่ครับ เลยยืนมือถือให้มัน...
“ฮัลโหล... ฮัลโหล... เอ้า วางไปแล้ว” มันยื่นมือถือคืนให้
“สายหลุดมั้ง” ผมกดโทรออกใหม่อีกครั้ง ฟังเพลงรอสายจนเกือบจะจบเพลงก็ไม่มีคนรับสาย กำลังว่าจะกดใหม่...
“เฮ้ยๆ ของกูๆ” เสียงไอ้ซอลครับ อะไรของมัน
“พลัวะ!” เสียงไอ้เดียวโบกไอ้ซอล “เมาแล้วเสี้ยนนะมึง”
สงสัยครับ เลยหันไปมองตามสายตาของพวกมัน...ฮีโร่ของพวกเราครับ เด่นมาเลยทั้งหุ่น ทั้งหน้าตา มีแต่คนเหลียวมอง
พอเดินมาถึงโต๊ะที่พวกผมนั่งอยู่ มันก็กวาดตามองขวดเหล้าขวดโซดา และกับแกล้มที่อยู่บนโต๊ะ แล้วยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “พอมั้ย?”
“หะ อะไรนะ?” หูกูเฝื่อนเปล่าวะเนี่ย
“สั่งเพิ่มอีกมั้ย”
แต่ละคนทำหน้าประมาณว่ารู้ผลสอบแล้วผ่านทุกวิชา ดีใจมาก...
“น้อง สั่งเหล้าเพิ่มหน่อย” เสียงไอ้เดียว
“ส้มตำปูปลาร้าด้วย” เสียงไอ้เอ้ครับ
“เฮ้ย!” ไอ้ซอลเอาเท้าสะกิดผม แล้วกระซิบ “เพื่อนมึงเหรอ”
ผมพยักหน้า แล้วก็ส่ายหน้า เพราะไม่รู้ว่าระหว่างผมกับมันจะเรียกว่าอะไรดี แฟนก็ไม่ใช่ เพื่อนก็ไม่เชิง รู้จักกันแบบมึนๆ งงๆ
“อะไรของมึง” ไอ้ซอลส่ายหน้า พลอยงงไปด้วย
แล้วผมก็แนะนำให้ไอ้เลย์และทุกๆ คนรู้จักกัน… ผิดคาดครับ มันเข้ากับคนอื่นๆ ได้ดีเลย แป๊บเดียวก็คุยเหมือนรู้จักกันมานานแล้วงั้นแหละ โดยเฉพาะไอ้ซอลเนี่ย มันชะโงกหน้ามาคุยกับไอ้เล่ย์ จนผมต้องเอนหลบเกือบหงายหลังอะ
เก้าอี้มันเป็นม้านั่งแบบยาวไม่มีพนักพิงครับ นั่งได้ประมาณสามคนถ้าเบียดๆ กันหน่อย แต่จะให้สบายก็ต้องนั่งแค่สองคน ตอนแรกผมนั่งกับไอ้ซอล แล้วพอไอ้เล่ย์มา มันก็มานั่งเบียดด้วย ผมเลยต้องเลื่อนตำแหน่งไปอยู่ตรงกลาง เวลาที่ไอ้ซอลมันจะคุยกับไอ้เล่ย์ มันก็ชะโงกหน้าข้ามมาคุย แล้วด้วยความที่มันมึนๆ เมาๆ อยู่แล้ว มันก็เลยไม่ค่อยจะมีกระดูกเท่าไหร่ เอนมั่วไปหมด ดีแต่ว่าคนที่นั่งข้างๆ จับไว้ทัน ไม่งั้นผมคงได้ไปนอนวัดพื้นแน่ๆ
“ไอ้ซอล นั่งดีๆ สัดนี่ เมาแล้วชอบเลื้อยวะ” ไอ้เดียวด่าเพื่อนมัน แล้วก็ผลักไอ้ซอลให้นั่งตรงๆ ก่อนจะโบกปิดท้าย
“เฮ้ย ไปตบมันมาก เดี๋ยวก็สมองไหลพอดี” คือ ตั้งแต่มาถึงพัทยาเนี่ย ผมเห็นได้เดียวมันตบไอ้ซอลเป็นสิบแล้วอะ
“ไม่เป็นไรหรอก กะโหลกมันหนา” ไอ้เดียวพูดยิ้มๆ
ไอ้ซอลคว้าฝาเหล้าได้ก็ขว้างใส่ไอ้เดียว โดนหน้าผากดังโป๊ก “เป็นไง มึง ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“มากันตั้งแต่เมื่อไหร่” ไอ้เล่ย์ถามผมซึ่งกำลังหัวเราะสะใจแทนไอ้ซอล
“อืม...” มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ… มึนอะ คิดไม่ออก เลยหาตัวช่วย “เรามาตั้งแต่เมื่อไหร่อะ”
“วันนี้เป็นวันที่สาม” ไอ้เดียวพยายามนึก คงจะมึนไม่ต่างจากผม “สองวันที่แล้ว มาตอนบ่าย”
“แล้วพักที่ไหนกัน” พอผมบอกชื่อที่พักคืนแรก ไอ้เล่ย์ก็ทำหน้าตกใจ “ที่ไหนนะ”
“ที่ X เกสต์เฮ้าส์”
“ทำไมไปนอนที่นั่น” ท่าทางมันจะไม่ชอบใจเท่าไหร่ “รู้มั้ยมันเป็นอะไร”
ผมกับไอ้เดียวส่ายหน้า ที่ไอ้ซอลกับไอ้เอ้ไม่ได้ส่ายหน้า ไม่ใช่ว่ามันรู้หรอกครับ แต่ไอ้เอ้มันหลับไปแล้ว กรนด้วย ทุเรศจริง... ส่วนไอ้ซอลก็ฟุบลงไปกับโต๊ะแล้ว เลยเหลือแต่ผมกับไอ้เดียวเท่านั้น “ไม่รู้”
“มันเป็น…กึ่งๆ ซ่องกึ่งๆ ม่านรูด”
ผมกับไอ้เดียวมองหน้ากันอึนๆ “กูว่าแล้ว หน้าตาเจ้าของแม่งเหมือนแม่เล้า”
“แล้วทำไมนายรู้?” ผมถามไอ้เล่ย์อย่างสงสัย รู้ดีขนาดนี้ เคยเข้ามาก่อนล่ะสิ
“คิดไปไหน” ไอ้เล่ย์มันถามเหมือนจะหมั่นไส้แล้วดีดจมูกผม
“โอ๊ย!” ถึงจะไม่แรงมันก็เจ็บนะเว้ย ดั้งยิ่งไม่ค่อยจะมีอยู่ด้วย… ผมกุมจมูกหน้ามุ่ย
ไอ้คนซาดิสม์หัวเราะหึๆ แล้วบอก “บ้านเพื่อนกูอยู่แถวนั้น…แล้วเมื่อคืนวานล่ะ”
“แถวนี้แหละ โรงแรม D” ไอ้เดียวบอก ส่วนผมก็ยังนั่งเครียดเรื่องที่พักคืนแรกไม่เลิก…
“เครียดอะไร” ไอ้เล่ย์ถามแล้วก็ยกนิ้วเคาะหัวผมเบาๆ “เรื่องมันผ่านไปแล้ว จะคิดให้ปวดหัวทำไม”
คือ ผมจะเป็นคนที่ความรู้สึกช้าอะครับ ดีเลย์กว่าคนอื่นตลอด อย่างเรื่องที่พักวันแรก ถ้าให้ผมไปเช่าห้องคนเดียวผมก็เฉยๆ นะ ไม่รู้สึกว่าไม่ปลอดภัย แต่พอไอ้เดียวมันดันเตียงไปปิดประตู ผมก็เริ่มคิดละ แต่ก็ยังไม่เครียดเท่าตอนที่ไอ้เล่ย์บอกว่าเป็นซ่อง ตอนนี้เครียดหนักเลย นึกไปต่างๆ นาๆ ถ้าวันนั้นพวกเราไม่ระวังตัว ถ้าวันนั้นเราแยกห้องนอน บลาๆๆๆ เยอะแยะมากมายครับ
แม่ผมเคยบอกว่า ผมอะเรียนเก่งแต่ไม่ค่อยจะทันคน ส่วนไอ้พันอะเก่งเรื่องคนส่วนเรื่องเรียนก็เอาตัวรอดได้ ทำให้แม่มักจะไม่ค่อยยุ่งเรื่องส่วนตัวของมันเท่าไหร่ มีแต่ผมนี่แหละที่มักจะโดนบังคับโน่นนี่ ตอนเรียนมัธยมแค่ผมไม่กลับบ้านคืนเดียวนะ เรื่องใหญ่ พ่อต้องออกมาตาม แต่ไอ้พันหายไปเกือบอาทิตย์ยังไม่มีใครว่าเลย
ตอนเรียนอยู่ ม.4 มีพี่ ม.6 มาหาผมที่บ้านทุกอาทิตย์ แล้วก็อยู่คุยนานมาก กว่าจะกลับก็ค่ำทุกวัน ผมก็ไม่ได้สงสัยอะไร แค่รู้สึกว่าไม่อยากให้เขามาหา ไม่ได้รังเกียจนะครับ แค่เสียเวลาเล่นเกมส์แต่ก็ไม่กล้าพูดตรงๆ และก็ไม่รู้ด้วยว่าเขามาจีบ บางทีเขาชวนไปดูหนัง ถ้าเป็นเรื่องที่ผมอยากดู ผมก็ไป ถ้าไม่ใช่ผมก็ไม่ไป แต่ส่วนมากก็มีแต่เรื่องที่ผมอยากดูทั้งนั้น บางทีก็ชวนไปกินข้าว กินไอศกรีม ผมก็ไปและช่วยออกทุกครั้ง ถึงเขาจะออกเยอะกว่าก็เถอะผมเลยไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่าเป็นเพื่อนกัน เคยนึกเหมือนกันว่าพี่เขาก็มีเพื่อน ทำไมไม่ชวนเพื่อนไปวะ แต่ก็แค่คิดไม่กล้าถาม... จนวันหนึ่งไอ้พันมันถามว่าผมกับพี่คนนั้นเป็นแฟนกันเหรอ ผมก็ เฮ้ย ไร ไม่ได้เป็น คิดได้ไง แล้วมันก็ถาม ไม่ได้เป็น แล้วไปเที่ยว ไปดูหนัง กินข้าวกับเขาทำไม ผมบอก ก็เขาชวนไปเป็นเพื่อน ไอ้พันทำหน้าตาประมาณว่าเอือมมากตอนนั้นมันอยู่ ม.2 ครับ แต่มีแฟนแล้ว อยู่ ม.3 แก่แดดจริงๆมันบอก รู้ตัวหรือเปล่าว่าเขามาจีบ ผมก็ หะ? ล้อเล่นใช่มั้ย แล้วมันก็สาธยายไม่มีรุ่นพี่ที่ไหนจะไปเฝ้ารุ่นน้องทุกอาทิตย์โดยไม่หวังผลตอบแทน แล้วกินข้าว ดูหนังเนี่ย ถ้าครั้งสองครั้งยังโอเค แต่นี่แทบจะเรียกได้ว่าทุกอาทิตย์ รุ่นน้องกับรุ่นพี่ที่ไหนเขาทำกัน แล้วพอผมคิดตามก็ เออ จริงๆ ด้วยแล้วไมใช่ไอ้พันรู้คนเดียวนะครับ คนอื่นก็รู้ อย่างพ่อผม แม่ผม เพื่อนผม รู้กันหมด แต่พวกเขานึกว่าผมรู้และเต็มใจเหอะๆ
ผ่านไปเกือบสามทุ่ม ไอ้เล่ย์เรียกพนักงานมาสั่งอาหารใส่กล่อง แล้วก็เช็คบิล…
“จะกลับแล้วเหรอ” ไอ้เดียวถามอย่างเสียดาย... จะกินอะไรเยอะแยะวะเนี่ย
“ไปกินต่อที่ห้อง เดี๋ยวขับรถไม่ไหว” ไอ้เล่ย์บอก
“ห้องไหน” ผมถามงงๆ
“ห้องพัก” เอิ่ม บอกแค่นี้ไม่ต้องบอกก็ได้นะ
ผมขี้เกียจเล่นยี่สิบคำถามกับมัน เลยหันไปเขย่าไอ้ซอลให้ลุก “เฮ้ย ซอล ลุก กลับแล้ว”
“เพี๊ยะ!” ไอ้เดียวครับ ตบไอ้เอ้ ที่สะดุ้งขึ้นมานั่งตาขวาง “ไอ้เชี่ย มึงจะตบกูทำไมเนี่ย”
“ลุก จะกลับแล้ว” ไอ้เดียวพูดยิ้มๆ
“สาดดด” ไอ้เอ้ดึงคอเสื้อไอ้เดียวแล้วกำน้ำแข็งใส่ลงไป ส่วนไอ้เดียวก็เต้นเป็นเจ้าเข้า “เชี่ย! เย็นๆๆๆ”
แขกโต๊ะอื่นก็หันมามอง คงจะรำคาญเสียงพวกเราแน่ๆ เลย พอดีเด็กเสิร์ฟเอาอาหารกับเงินทอนมาส่ง พวกเราก็เลยไม่ต้องอยู่ให้ลูกค้าคนอื่นๆ ใช้สายตาพิฆาตนาน…
“พุ มานั่งหน้า” ไอ้เล่ย์บอก ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูเข้าไปนั่งกับพวกไอ้เอ้ ตั้งใจจะให้ไอ้เดียวนั่งหน้า เพราะมันตัวสูง “ให้คนขายาวๆ นั่งหน้าดิ”
“มานั่งหน้า” มันพูดเน้นๆ แล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งประจำที่คนขับโดยไม่รอดูว่าผมจะทำตามหรือไม่
แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ นอกจากเปิดประตูด้านหน้าฝั่งผู้โดยสารเข้าไปนั่ง เหลือบมองไปด้านหลัง ท่าทางก็ไม่ลำบากเพราะวันนี้ไอ้เล่ย์มันไม่ได้เอากระบะมีแคบมาอย่างที่ผมคิดครับ เป็นบีเอ็มสีดำคันใหญ่แทน…
มันขับพาเรามาจอดที่โรงแรมระดับห้าดาวแห่งหนึ่งครับ…
“เข้าไปรอที่ล็อบบี้เลย เดี๋ยวเอาของก่อน” ไอ้เล่ย์บอก แต่พอผมจะเดินตามพวกเพื่อนๆ ไป มันก็ดึงแขนไว้ “อย่าเพิ่งไป มาช่วยถือของก่อน”
ผมเดินตามมันไปที่ท้ายรถ “แล้วไม่เปิดกระโปรงล่ะ”
“เดี๋ยวค่อยเปิด” มันบอก แล้วยืนพิงรถไว้ ก่อนจะดึงผมเข้าไปหา “เฮ้ย!”
ตกใจสิครับ อยู่ๆ ก็ถูกดึงไปกอด “ทำไร ปล่อย”
“ชีส์ อย่าเสียงดัง เดี๋ยวคนก็ออกมาดู ไม่อายรึไง” มันพูดเสียงดุ แต่ตานี่เยิ้มเลยครับ
มึงเพิ่งกินไปนิดเดียวเองนะเหล้าอะ
“อ๊วก!!! โอ๊ก!!!!”
เสียงใครอ้วกวะ โคตรดัง... ผมตื่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด ปวดหัวแทบบ้า ยังจะมาเจอเสียงรบกวนประสาทอีก แต่พอหลับตาลงก็นอนต่อไม่ได้ เพราะรู้สึกผะอืดผะอมจนต้องรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ
เชี่ย ประตูห้องน้ำล็อค สายตาผมสอดส่ายไปเห็นถังขยะเลยคว้ามาแทนก่อน แล้วปล่อยของเก่าที่กินเข้าไปเมื่อคืนออกมา
พอปล่อยออกจนสะใจแล้ว ผมก็มองหาน้ำบ้วนปาก แต่ไม่เจอ มีแต่โซดาที่เหลืออยู่ครึ่งขวดก็เลยเอามาแก้ขัด…แล้วเดินโซซัดโซซาไปล้มตัวลงนอนที่เตียงอีกครั้ง ก่อนจะหลับตาลง
ไม่รู้ว่านอนไปนานเท่าไหร่ แต่ในความรู้สึกผมเหมือนแป๊บเดียวเอง ก็มีคนมาเขย่าเบาๆ “พุ…. ลุกมากินยาก่อน”
“อือ….” จริงๆ ผมจะบอกว่าไม่กิน แต่ทำไมเสียงมันเป็นงั้นก็ไม่รู้
แล้วผมก็ถูกจับให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนที่ยาเม็ดขมๆ จะถูกยัดเข้ามาในปาก “กินน้ำ”
กำลังหิวน้ำอยู่พอดี เลยกินไปซะหมดแก้ว ก่อนที่จะถูกจับให้นอนลง เสียงหัวเราะคุ้นๆ ดังขึ้น “หึ หึ หมดสภาพจริงๆ”
แล้วผมก็หลับไป….
ตื่นขึ้นมาอีกทีเพราะความผะอืดผะอม รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ แล้วก็อ้วกใส่โถส้วม แต่ไม่มีอะไรออกมานอกจากน้ำกับลม นั่งกอดโถส้วมอยู่สักครู่ ท่าทางจะไม่มีอะไรออกมาจริงๆ ก็ลุกขึ้นจะเดินออกไปจากห้องน้ำ แต่เผอิญสายตาเหลือบไปเห็นสิ่งมีชีวิตบางอย่างนอนนิ่งอยู่ในอ่างอาบน้ำพอดี “เฮ้ย!!”
“อะไร?” เสียงถามจากไอ้เล่ย์ตรงหน้าประตูห้องน้ำ ผมหันไปมองมัน แล้วก็หันกลับมาพิจารณาผ้าม่านที่หลุดออกมาจากราวเหมือนมีคนกระชากแล้วก็ร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่ในอ่างอีกครั้ง ไอ้เอ้นั่นเอง “มะ มันเป็นไรอะ”
ไอ้เล่ย์หัวเราะหึๆ เปิดน้ำใส่แก้วแล้วยื่นให้ผม “แค่เมา ยังไม่ตาย”
พอรู้ว่าเพื่อนยังไม่ตาย ผมก็สบายใจ รับแก้วน้ำจากไอ้เล่ย์มาบ้วนปาก แล้วก็ถือโอกาสล้างหน้าไปด้วย แต่พอเงยหน้าขึ้นจากอ่างล้างหน้า ผมก็ต้องร้องอย่างตกใจอีกครั้ง “เฮ้ย!”
“อะไรอีก” มันคงสงสัย มึงจะร้องอะไรนักหนา... แต่ผมไม่สนใจ มองสำรวจตัวเองที่มีแค่บ๊อกเซอร์ใส่อยู่ตัวเดียว ไอ้เล่ย์ทำท่าว่าเข้าใจ “ไม่ได้ทำอะไรหรอกน่า เห็นนอนไม่สบายก็เลยเช็ดตัวให้”
พอผมมองหน้ามันประมาณว่าแน่นะ มันก็ทำหน้าเอือมๆ เหมือนไอ้พันเด๊ะ “โดนทำหรือไม่ทำเนี่ย ไม่รู้ตัวเองเลยหรือไง”
“แล้วจะรู้มั้ย ก็คนมันไม่เคย” ผมบ่นพึมพำตามหลังไอ้เล่ย์ที่ส่ายหน้าเดินหนีไปแล้ว แต่ก็ยังได้ยินเสียงมันแว่วๆ “ใครจะไปทำลง กลัวโดนอ๊วกใส่”
...แล้วใครจะรู้ล่ะวะ
...ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ผมก็คงจะไม่คิดหรอกครับ
เมื่อคืน… หลังจากที่โดนดุว่าเสียงดังผมก็มองมันตาปริบๆ ใจนี่เต้นตึกตักๆ ดังจนคิดว่ามันก็คงจะได้ยินอะ
ถามว่ากลัวมั้ย กลัวครับ มือที่วางอยู่บนอกของคนที่กอดผมไว้เนี่ย เห็นเลยว่าสั่นแต่มันเป็นความกลัวคนละแบบกับตอนที่รู้ว่าพี่ปลายใส่ยาลงไปในแก้วครับ
…ตอนนั้นผมกลัวและรังเกียจ
แต่ตอนนี้มันเป็นความกลัวผสมตื่นเต้น และไม่รู้สึกรังเกียจสักนิดเดียว
พอมันก้มหน้ามาหา ผมก็พยายามเอนหนี แต่ถูกจับศีรษะด้านหลังไว้ ส่วนแขนข้างที่กอดอยู่ตรงเอวก็รัดแน่นขึ้น... รู้ว่าหนีไม่พ้น ผมก็เลยหลับตาปี๋ ก่อนที่ริมฝีปากอุ่นๆ จะกดประทับลงมา
จูบแรกของผม!!!
“อ้าปาก” เสียงมันกระซิบสั่ง
ไม่ได้คิดจะทำตามที่มันสั่งหรอกนะ แต่พอรู้ตัวอีกที ลิ้นของมันก็สอดเข้ามาในปากแล้ว
ถามว่ามันจูบเก่งมั้ย… ไม่รู้ครับ เพราะเพิ่งเคยจูบกับมันเป็นคนแรกรู้แต่ว่าตอนที่มันถอนปากออกไป แข้งขามันอ่อนไปหมด ถ้าไม่ใช่เพราะมันกอดไว้ ผมคงทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว
แล้วมันก็บอก “ค่าจ้าง”
แพงไปมั้ยครับ!!
ตอนนี้อยากอาบน้ำมาก แต่ไอ้เอ้มันก็ดันนอนอยู่ในอ่าง เลยไม่รู้จะอาบยังไง เลยต้องเดินออกมาขอความช่วยเหลือจากคนที่นั่งดูทีวีอยู่ “เล่ย์...”
มันไม่ขานรับ แต่หันมองเหมือนถาม…
“ไปช่วยยกไอ้เอ้ออกมาหน่อยดิ อยากอาบน้ำ”
“ไปอาบห้องโน้น” มันพยักหน้าไปทางประตูที่เปิดอยู่ ทำให้ผมนึกได้ว่า ห้องที่พวกเราอยู่มันเป็นห้องแฝดครับ เปิดถึงกันได้ กำลังจะเดินไป ก็มีปัญหาอีกอย่าง แล้วกูจะเอาชุดที่ไหนใส่วะเนี่ย “แล้วเสื้อผ้าเราอะ”
มันชี้ไปที่ถุงกระดาษมันๆ ที่วางอยู่ตรงเก้าอี้ “ชุดเก่าส่งซัก”
ผมเดินไปเปิดดู มีทั้งเสื้อและกางเกงหลายตัว ป้ายราคายังไม่ได้เอาออกเลย “ซื้อมาจากไหน”
“เอาท์เล็ท มอลล์”
“ตอนไหน”
“ตอนบ่าย” มันก็ถามคำตอบคำจริงๆ เลยแต่เมื่อตะกี้นี้มันบอกว่าบ่าย บ่ายเหรอ… ผมรีบมองหานาฬิกาก็เห็นวางอยู่ตรงโต๊ะหัวเตียง “เฮ้ย!”
ไอ้เล่ย์สะดุ้ง แล้วก็หันมามองรำคาญๆ เพราะตั้งแต่ตื่นมาผมเฮ้ยหลายรอบเหลือเกิน“ร้องทำไม”
“ก็มันบ่ายสามแล้วอะ”
“แล้วไง”
“ก็โดนชาร์จสองวันอะดิ”
มันส่ายหน้า แล้วหันไปดูทีวีต่อ “ก็ถูกแล้ว อยู่สองวันจะให้ชาร์จวันเดียวหรือไง”
“แล้ววันนี้จะไม่กลับเหรอ” ถ้าวันนี้ไม่กลับก็กลายเป็นสี่คืนห้าวัน
“ดูสภาพแต่ละคนก่อน”
เออ เอาไงก็เอาวะ ผมคิดปลงๆ แล้วก็หยิบเสื้อผ้าในถุงออกมาดู “แล้วชุดไหนของเรา”
“อยากใส่ตัวไหนก็ใส่ไป” ผมหยิบเสื้อยืดคอวีสีน้ำตาลกับกางเกงขาสั้นแค่เข่าสีดำขึ้นมา เห็นเบอร์ก็รู้ว่าใส่ได้พอดี แล้วก็มีกางกางในด้วยครับอะไรมันจะละเอียดขนาดนั้น
“เอาผ้าเช็ดตัวไปด้วยนะ ห้องโน้นมันเอาไปเช็ดอ๊วกกันหมดแล้ว” ไอ้เล่ย์บอก
แล้วพอผมเดินเข้าไปอีกห้องหนึ่ง เห็นสภาพแล้วก็ต้องตกใจ... อะไรวะเนี่ย!
เตียงนอนครับ เหลือแต่เตียงจริงๆ ที่นอนถูกยกลงมาข้างล่าง คือ เตียงโรงแรมมันจะมีที่นอนสองชั้นใช่เปล่าครับ มันก็ดึงลงมาหมดเลย ห้องนี้มีที่นอนห้าอันรวมของเตียงเสริมด้วย มันลากลงมาหมด กระจัดกระจายอยู่เต็มห้อง แล้วไอ้เดียวก็นอนอยู่บนเตียงที่ไม่มีที่นอน โดยที่ไม่ได้ห่มผ้าด้วย แอร์ก็เปิดซะเย็นเจี๊ยบ
...แม่งจะเป็นปอดบวมตายมั้ยเนี่ยเพื่อนกู
ผมหยิบผ้านวมไปคลุมให้ไอ้เดียวแล้วก็พยายามมองหาไอ้ซอล แต่ไม่เจอ นึกว่ามันคงจะเข้าไปนอนในอ่างเหมือนไอ้เอ้ แต่ก็ไม่มี เลยเดินกลับมาที่ห้องเพื่อถามไอ้เล่ย์ “ไอ้ซอลล่ะ”
“ก็อยู่ที่ห้องนั่นแหละ”
“ไม่มี” ผมลากเสียงบอกให้รู้ว่าไม่มีจริงๆ
“หาดีหรือยัง”
“ดีแล้ว ไม่มีจริงๆ”
ไอ้เล่ย์ลุกขึ้นยืนเซ็งๆ ประมาณว่าผมไปขัดจังหวะการดูหนังของมันอะ“ถ้าเจอนะ”
“อุ๊ย” ผมยกมือกุมหูข้างที่โดนดีด แล้วก็ผลักไอ้คนที่ทำอย่างแรง แต่เหมือนผลักหินอะ ไม่ขยับสักนิด…
แล้วไอ้หินก็เดินหนีไปพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างสะใจ เออ กูไม่ตัวใหญ่มั่งก็แล้วไป ชิ
ผมเดินตามไอ้เล่ย์ไป เห็นมันเดินไปดึงที่นอนที่กระจัดกระจายอยู่รอบๆ ห้องขึ้นดูทีละอัน ก็แซวขำๆ “หาไร แมงสาบเหรอ”
มันหันมามองเหมือนคาดโทษ ก่อนจะยกที่นอนตรงข้างๆ โซฟาออก ข้างใต้เป็นอะไรรู้มั้ยครับ… ไอ้ซอล!
มันไปทำบ้าอะไรใต้ที่นอนวะ
ผมรีบเดินเข้าไปดูมัน เอานิ้วรองใต้จมูก… โอเค ยังไม่ตาย แต่พอเงยหน้าขึ้นมา “จุ๊บ”
“เฮ้ย!” ผมตกใจ ยกมือกุมแก้ม ส่วนไอ้คนทำก็ยักคิ้วให้แล้วบอก “รางวัล”
ผมเลย… ไปอาบน้ำดีว่า
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ผมหลุดหัวเราะออกมาเมื่อไอ้เล่ย์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ฟัง
ไอ้เดียวครับ มันเมาแล้วไม่ยอมให้ใครนอน พอใครจะไปนอนมันก็จะลากลงมาจากเตียง แล้วสุดท้ายมันนั่นแหละที่รื้อที่นอนออกมาจากเตียง เพราะจะไม่ให้ใครนอน...
ส่วนผมที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวกับเขาเพราะหลับครับ ไอ้เล่ย์บอกว่านั่งพิงผนังห้องหลับทั้งๆ ที่มือยังจับแก้วเหล้าอยู่ ตั้งแต่ตอนที่ไอ้เดียวยังไม่ได้ลากที่นอนลงมาแล้ว พอไอ้เดียวเห็นมันก็บอกว่าไม่เป็นไร เพราะยังอยู่ในวงเหล้า จะหลับก็หลับไป แต่ห้ามไปหลับที่เตียง... ชั่วจริงมึง
สุดท้ายไอ้เอ้มันก็ทนไม่ไหวเข้ามาขังตัวอยู่ในห้องน้ำ ตอนแรกที่ผมตื่นมาแล้วได้ยินเสียงอ้วกและเข้าห้องน้ำไม่ได้ก็เพราะมันนี่แหละครับ ส่วนไอ้ซอลมันก็มุดเข้าไปใต้ที่นอนหนีไอ้เดียวครับ... ดีไม่ขาดใจตาย
สรุปเลยเหลือไอ้เล่ย์นั่งกินอยู่กับไอ้เดียวแค่สองคน แต่ด้วยความที่ไอ้เล่ย์มันเพิ่งจะมากิน มันก็เลยไม่ค่อยเมา แต่ไอ้เดียวมันกินติดๆ กันมาหลายวันแล้ว อยู่ได้ไม่นานมันก็ฟุบ…
เดอะวินเนอร์จึงตกเป็นของ…...นายเล่ย์
เย้!!!
แล้วประมาณห้าโมงเย็นไอ้เอ้ก็ฟื้น…. ฟื้นขึ้นมาพร้อมเสียงอ้วก“โอ๊ก!!!”
หลังจากนั้นไม่นานไอ้ซอลก็ฟื้นขึ้นมาอีกคน แต่ไอ้เดียวนานหน่อย เกือบทุ่มกว่ามันจะฟื้น…
“อีกซักกรึ๊บมั้ยครับท่าน” ผมล้อไอ้เดียวที่นั่งคอตกกุมแก้วกาแฟอยู่ตรงโต๊ะหน้าทีวีที่มันไม่ยอมให้ใครเปิด... เพราะมันปวดหัว!
“เป็นไงล่ะ เมื่อคืนทำเป็นเสี้ยน กูจะนอนก็ไม่ให้นอน” ไอ้เอ้หัวเราะหึๆ อย่างสะใจมีไอ้ซอลกดไลค์เป็นลูกคู่ “ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว ฮ่า ฮะ โอ๊ย!”
ไอ้ซอลโดนไอ้เดียวตบกบาลครับ “เสียงดังทำพ่อมึงเหรอ กูปวดหัว!!”
“กูว่ามึงนั่นแหละ เสียงดังสุด” ไอ้เล่ย์ว่าขำๆ พอดีเสียงมือถือของผมดังขึ้น ชื่อพี่พิทโชว์หรา… ผมเดินเลี่ยงออกมาคุยอีกห้องหนึ่ง... กลัวเสียงจะไปรบกวนไอ้เดียว คึคึ
“โหล”
[มีไร] อารายวะ โทรมาแล้วดันมาถามเราอีก งงนะเนี่ย
“มีไรอะไร?”
[ก็มึงโทรมาหากูไม่ใช่เหรอ]
“โหพี่ ไม่โทรมาปีหน้าเลยล่ะ” นี่ถ้าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ผมคงจะสวดเสร็จไปแล้วล่ะ
[เพิ่งเห็นเว้ย เพิ่งเปิดเครื่อง แล้วมึงมีไร ว่ามา]
“ตอนนั้นน่ะมี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว”
[อะไรของมึง… แล้วตอนนี้อยู่ไหนเนี่ย]
“พัทยา”
[ไปทำไรพัทยา]
“มาปีนเขา” ผมพูดขำๆ
[กวนตีนละ เดี๋ยวกูถีบให้]
“เหอะๆ ไม่กลัว อยู่ไกล”
[เดี๋ยวกลับมาก่อน มึงโดนแน่… แล้วไปกับใคร พัทยาอะ]
“มากับ… ไอ้เอ้ ไอ้เดียว ไอ้ซอล แล้วก็ไอ้เล่ย์เพิ่งมาเมื่อวาน”
[ไอ้เอ้ กูรู้จัก แต่คนอื่นๆ มันเป็นใคร ทำไมกูไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน]
“อยู่คนละคณะ พี่พิทไม่รู้จักหรอก”
[มึงมีเพื่อนต่างคณะด้วยเหรอ] พี่พิททำเสียงสงสัยอย่างมาก
“ไรอะ เห็นงี้ ผมก็มีมนุษย์สัมพันธ์ดีเยี่ยมนะเว้ย”
[เหรอ…] พี่พิทลากเสียงถาม นึกหน้าออกเลยว่าคงกำลังทำหน้าดูถูกเต็มที่ [เออๆ ถ้ามึงไม่มีไรก็ดีแล้ว งั้นแค่นี้นะ]แล้วพี่แกก็วางไป โดยที่ผมยังไม่ทันได้เอ่ยลา...พี่ใครวะ มารยาทดีจริงๆ
เดินกลับมาที่ห้องเห็นทุกคนมองมาเป็นตาเดียว ผมก็เลิกคิ้วขึ้น“อะไร?”
“พวกกูตกลงกันแล้วว่า…” ไอ้เอ้มันพูดแล้วก็หยุดไปเหมือนต้องการให้ลุ้น และผมก็ลุ้นจริงๆ ครับ “ว่า…”
“พวกกูจะไปเที่ยวบ้านมึง”
ผมรีบส่ายหน้าอย่างเร็ว “ไปไม๊ ไม่ต้องไป”
“ทำไม มึงรังเกียจพวกกูเหรอ” ไอ้เดียวครับ จะไปๆ เนี่ย หายปวดหัวยังเหอะ
“ร่วมชะตากรรมเดียวกันมาตั้งสี่วันแล้ว มึงยังไม่นับพวกกูเป็นเพื่อนอีกเหรอ” ไอ้ซอลครับ ดราม่ามาเลย
ผมเหลือบมองไอ้เล่ย์ที่ยืนสูบบุหรี่อยู่นอกระเบียง ท่าทางจะไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับพวกนี้ “แล้วจะไปไง มันไกลนะ”
“กลัวไรวะ บ้านมึงไกลมาก อยู่ในป่าหิมพานต์ต้องข้ามทะเลสีทันดรไปรึไง รถทัวร์เยอะแยะ” ไอ้เดียวว่า แล้วก็ยกกาแฟดำขึ้นซด ก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำไปอ้วกรอบที่ร้อย
“อยากไปก็ไป แต่พาเที่ยวไกลๆ ไม่ได้นะ ที่บ้านมีรถคันเดียว พ่อต้องใช้” พูดขนาดนี้ พวกมึงก็น่าจะเข้าใจนะว่ากูไม่อยากให้ไป
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ไม่รบกวนรถพ่อมึงหรอก รถไอ้เล่ย์ก็มี”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับรถ….” ถามยังไม่ทันจบ ผมก็เก็ทเอง “ห๊ะ เล่ย์ก็ไปเหรอ”
“ก็เออดิ”
จะไปกันทำไม!!!
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
ลุ้นๆ ว่าใครเป็นพระเอก แล้วทำไรกัน เอิ๊กๆ
-
อร๊างงง ค้างง่า :z3:
เลย์ดึงพุไปกอด แล้วต่อนี้คืออะไร จูจุ๊บหรือเปล่า :o8:
ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ยอมขนาดนี้ เริ่มคิดเร็วได้แล้วนะพุ คริๆ :z1:
อยากอ่านอีกค่า :กอด1:
-
เล่ย์คะแนนนำโด่งแล้ว เฮียมัวแต่กกสาวจะไม่ทันเอานะ
แต่ตลกดีกินเหล้าจนหมดตัว เฮ้อ จะเอาโล่กันรึหนุ่มๆ
-
พี่แพทงอนเกินชายแล้วนะ
เชียร์เล่ย์สุดใจ
-
อิเฮียแพทนี่กะจะงอนข้ามปีเลยรึไง หักคะแนนด่วนๆ
ยอดชายนายเล่ย์จะทำไรน้องพุน้อย คิดค่ามารับ? :z1:
อยากอ่านต่ออ่ะ :o11:
-
เชียร์เล่ย์ ฮู่เร่ๆ
งอนพี่แพทแล้ว ผู้ชายอะไรงอนนานเกิน
-
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากก
ชอบพุน่าร๊ากกก โดยเฉพาะตอนอยู่กับพัน
พี่ ๆ เฮีย ๆ ทั้งหลาย
ดูท่าทางจะโดนเล่ย์ทำคะแนนนำอยู่นะ
มาต่อเร็ว ๆ นะคะ ^^
-
อร๊ายยยยยยยยย
เชียร์เล่ย์ใจขาดดิ้น
:o8: :o8:
-
เล่ย์ รักก้บอกไป :o8: เฮียแพทโกรธนานเกิน :a14:
-
พี่แพทงอนยาววววววววไปเลยนะ :interest:
แพทมัวแต่งอน พุโดนเล่ย์คาบไปกินแน่ๆอ่ะ หุหุ :z1:
-
เฮียโกรธนานนะเนี่ย เล่ย์เยี่ยมมากกกกตามมารับถึงที่เลย
-
ง้าาาา~ ทำไมตัดกันอย่างนี้ล่ะ??
เป็นกำลังใจให้ครับ
+1 เน้ออออออๆๆ~~
-
เป็นวงเหล้าที่ฮามาก
เล่ย์ได้ใจไปเต็มๆ ดูแลเพื่อนได้ดีจริงๆ
-
55555
เพื่อนใหม่แต่ละคนแสบสันใช่ย้อย
จะไปถล่มบ้านพุแล้วนะ
-
เล่ย์น่ารักอ้ะ :o8: ดูแลทุกคนได้สุดยอดเลย
เฮียแพทก็เอาแต่งอน เล่ย์คะแนนนำไปไกลโพ้นแล้วว ฮ่าๆๆ :laugh:
-
ได้เพื่อนเลยวุ้ยๆเหมือนสนิทกันมานานมาก ฮ่าๆ
พุ ได้เพื่อนไปล่มบ้านแล้ว
-
อ่านไปอ่านมาแบบพระเอกมันใช่มากกกกกกกกกก♥
-
ฮาจริง อะไรจริง กะจะไปเมาบ้านพุป่าวนิ หรือว่าจะพาเลย์ไปเปิดตัวเอ่ย
-
เลิฟเล่ย์ 555
เดียวอย่างฮาอ่ะ
สงสารเอ้ต้องหนีไปนอนในอ่างอาบน้ำ
ส่วนซอลไม่รู้จะสงสารหรือขำดีโดนตบหัวหลายรอบมากกกกแถมต้องมุดไปนอนใต้ที่นอนอีก
-
ยิ่งอ่านยิ่งชอบเล่ย์ โอ๊ย ดูแลพุแอนด์ผองเพื่อนดีทั่วถึงทุกคนเลยอ่ะ
มีจุ๊บมีไรด้วย ฮี่ๆๆ
ไปบ้านพุแล้วเพื่อนๆจะไปก่อวีรกรรมอะไรอีกเนี่ย
-
อร๊ายยยยยยยยยยย พุพาเขยเข้าบ้าน :mc2: :mc3: :m24:
-
ป๊าดดดดด! มาต่อเเล้นนนนน
1+
-
เมากันสี่คืนห้าวัน
กินหรืออาบกันจ๊ะ
ตอนนี้เล่ย์คะแนนนำลิ่วเลย ^^
-
พาว่าที่แฟนไปเปิดตัวนะจ๊ะพุ :impress2:
ว่าแล้วต้องจูจุ๊บกัน คราวหน้าอย่าเมานะพุ เค้ารอตอนสำคัญอยู่ :laugh:
-
UNBELIEVABLE LOVE
Chapter Six
“พุ ข้างหน้าเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาหรือตรงไป” ไอ้เล่ย์มันถามเมื่อรถวิ่งมาถึงแยกแถวๆ สิงห์บุรี รถมันไม่ได้ติด GPS ครับ บอกไม่ค่อยได้ใช้
ผมพยายามมองแล้วแต่ก็ไม่เห็นมีป้ายไหนเขียนว่าไปพิษณุโลกเลยส่ายหน้า “ไม่รู้อะ”
“โห ไอ้พุ นี่บ้านมึงป่ะเนี่ย” เสียงไอ้เดียวครับ สอดมาเชียว
“ทำไม มีคนขับรถอะ ไม่เคยต้องจำทาง” ผมตอบมันกวนๆ
ไอ้เดียวมันส่ายหน้าแบบเอือมๆ “ทุเรศจริงๆ เกิดถูกจับไปขาย แล้วหนีออกมา แต่จำทางกลับบ้านไม่ได้ มึงจะทำไง”
“เฮ้ย กินเหล้ามากไปป่ะเนี่ย จินตนาการบรรเจิดจริงๆ แค่จำทางไม่ได้ ทำไมมันเลยเถิดไปถึงโน่นได้วะ” ผมว่ามันขำๆ
“เฮ้ย เล่ย์ แวะปั๊มหน่อยดิ ปวดเยี่ยววะ” เสียงไอ้เอ้บอกคนขับ คนเขากำลังเถียงกันเรื่องทาง ดันจะเข้าปั๊มอีก
“เออ พอดีแหละ อยากกินกาแฟด้วย” ไอ้เดียวเสริม
ไอ้เล่ย์ไม่ตอบแต่หักพวงมาลัยเข้าปั๊มน้ำมันที่อยู่ตรงหน้า… ผมทำธุระส่วนตัวเสร็จ เดินออกมาจากห้องน้ำ ไอ้เอ้ก็ชวนไปซื้อขนมในมินิมาร์ท แต่พอซื้อเสร็จมันก็มีปัญหาอีก“แล้วไอ้เล่ย์มันจะให้เรากินขนมบนรถมันมั้ยวะ”
“เออว่ะ” รถมันสะอาดมาก เงาวับยังกับว่าชีวิตนี้ไม่เคยเจอฝุ่นมาก่อนอะ
พอเดินกลับไปที่รถ ก็เห็นไอ้เล่ย์ยืนคุยโทรศัพท์อยู่คนเดียว พอวางสายมันก็บอก “ไปกินข้าวกันก่อน จะได้ไม่ต้องแวะอีก”
“แล้วคนอื่นอะ”
“ไปที่ร้านแล้ว” มันตอบแล้วก็พยักพเยิดมาที่ถุงขนมในมือผม “เอาไว้ที่รถก่อนมั้ย”
ผมพยักหน้า เปิดประตูเอาขนมไปวางไว้ในรถ “แล้ว…กินขนมในรถได้ปะ”
มันทำหน้างง “ทำไมไม่ได้”
“ก็เงาวับขนาดนี้ ใครจะกล้าทำเลอะล่ะ”
“ก็กินดีๆ อย่าให้เลอะ” พูดแบบนี้ กูจะกล้ากินมั้ยเนี่ย
พอกินข้าวเสร็จ ขึ้นมานั่งบนรถ ผมก็นึกขึ้นได้ “เออ กี้นี้คุยกับใคร คนบอกทางป่ะ”
“ไอ้เกียร์ มันไม่เคยมาเหมือนกัน”
“งั้นเดี๋ยวถามพ่อให้” ผมบอกที่บ้านแล้วครับเรื่องที่จะพาเพื่อนมาบ้าน พ่อกับแม่ก็ไม่ว่า ถามแค่ว่ากี่คนจะได้เตรียมที่หลับที่นอนถูก วันนี้ก็โทรมาแต่เช้า ถามว่าออกหรือยัง จะถึงบ้านกี่โมง จะได้เตรียมกับข้าวไว้รอ…
ฟังเพลงรอสายจนตัดไปพ่อก็ยังไม่รับ โทรอีกสองสามรอบก็ยังไม่รับ ผมเลยเปลี่ยนเป็นโทรหาไอ้พันแทน แป๊บเดียวมันก็รับ…
[โหล]
“พัน พุนะ”
[เห็นเบอร์ก็รู้แล้ว] ไอ้น้องบ้าหนิ กวนจริงๆ
“รู้ก็ดีแล้ว แล้วก็รู้ใช่ป่ะว่าวันนี้จะพาเพื่อนไปบ้านอะ”
[รู้... แล้วออกหรือยัง]
“ถึงสิงห์บุรีแล้ว แต่ว่าไปต่อไม่ถูกอะ ช่วยบอกทางหน่อยสิ”
[โอเค ตอนนี้ให้ตรงไปก่อน แล้วพอเจอแยก…]
“เดี๋ยวๆ คุยกับคนขับดีกว่า จำไม่ได้อะ” แล้วผมก็ยื่นมือถือให้ไอ้เล่ย์ ได้ยินเสียงไอ้เดียวบอก “เป็นเนที่ห่วยมาก กูว่ามึงมานั่งข้างหลังดีกว่ามา”
ผมไม่ตอบ แต่ยกนิ้วกลางให้มันแทน เลยโดนโบกไปที
“ครับ…อืม.....โอเค….อืม…อืม…โอเค ได้…อืม…ครับ” เสียงไอ้เล่ย์มันคุยกับไอ้พันครับ
“ว่าไง ไปถูกป๊ะ” ผมถามมันลุ้นๆ ว่าจะไปกันถูกหรือเปล่า ไอ้เล่ย์ก็พยักหน้า ทำไมมันเข้าใจกันง่ายจังวะ
พอสบายใจว่าไปถูกแล้ว ผมก็หันมาสนใจกับมันฝรั่งในถุงต่อ แต่ยังไม่ทันจะหยิบเข้าปาก ไอ้ซอลก็บอก “เฮ้ย เอามากินมั่งดิ๊”
“อะไรวะ หมดแล้วเหรอ” ก็ข้างหลังมันมีตั้งสามถุง กินหรือยัดวะเนี่ย
แล้วมันก็ตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน “เออ หมดแล้ว”
มองมันฝรั่งในถุงด้วยความอาลัยก่อนจะหยิบใส่ทิชชู่ไว้ห้าหกชิ้น แล้วผมก็ยื่นทั้งถุงให้พวกสัมภเวสีข้างหลัง
“เชี่ย จะแย่งทำไมเนี่ย” เสียงไอ้เดียวบ่นใครไม่รู้ แล้วมันก็ร้องอย่างตกใจ “เฮ้ย! ชิบหายแล้ว”
ผมหันไปมองแล้วก็ต้องเหงื่อตกเมื่อเห็นมันฝรั่งเกือบครึ่งถุงหกใส่รถอันสะอาดเอี่ยมของไอ้เล่ย์
เจ้าของรถมันก็เหลือบมองกระจกหลังแล้วบอก “เตรียมเงินค่าล้างรถไว้เลยพวกมึง” แล้วก็หันไปสนใจถนนตรงหน้าต่อ ท่าทางเหมือนไม่โกรธครับ นี่ถ้าเป็นรถเฮียแพทแล้วมีใครไปทำเลอะขนาดนี้นะ คงจะโดนไม่ใช่น้อย...
ผมหันกลับมา ยังคงได้ยินเสียงง๊องแง๊งๆ จากข้างหลังอยู่ แต่ก็เริ่มจะทำใจได้แล้วครับ ตั้งแต่กลับมาจากพัทยาเมื่อคืนอะ พวกมันก็เป็นงี้ตลอด หยิบมันฝรั่งใส่ปาก แล้วก็นึกถึงคนขับ “กินป๊ะ”
“กิน” มันบอก ผมเลยยื่นมันฝรั่งไปไว้ใกล้ๆ มือมัน แต่มันไม่หยิบ “เดี๋ยวมือเปื้อน”
โห คุณชาย จะกินแล้วยังจะเรื่องมากอีก “แล้วจะกินป่ะล่ะ”
“กิน” มันบอกคำเดิม แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยิบเหมือนเดิม
อ๊ะ เห็นแก่ความดีความชอบที่ผ่านมานะ หยิบให้ก็ได้วะ
“ฮิ้วววววววววววววววววว” เสียงเห่าหอนจากสัมภเวสีที่นั่งอยู่ข้างหลังครับ“เขาป้อนกันแล้ววววว” ไอ้เดียวร้องเป็นเพลง โดยมีไอ้ซอลเป็นลูกคู่ “เขาป้อนกันแน่แล้ววว”
แล้วไอ้เอ้หรือมันจะพลาด “โห่ ฮิ้ว โห่ ฮิ้ว โห่”
“ฮิ้วววววววว” มันทั้งสามตัวประสานเสียงกัน
“หุบปาก ใครแซวอีก กูจะให้ไปนั่งกระโปรงหลัง” ไอ้เล่ย์บอกเสียงดุ แต่ดันยิ้ม…
กูไม่น่ายอมให้พวกมึงมาบ้านเลย!!!
และแล้วด้วยความเชี่ยวชาญในการขับรถของไอ้เล่ย์และการบอกทางของไอ้พันทำให้เรามาถึงพิษณุโลกได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย….
พอลงจากรถได้ ไอ้พวกสามตัวหลังก็กรูเข้าไปไหว้ผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใต้ถุนบ้านผม “สวัสดีครับ แม่!!!”
“เฮ้ย! นั่น น้าข้างบ้านเรา” ทั้งสามคนยืนทำตาปริบๆ ส่วนแม่ก็ทำหน้าดุ “ไปแกล้งเพื่อน”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ผมหัวเราะสะใจ แล้วเดินเข้าไปหอมแก้มแม่ดังฟอด!! “คิดถึงแม่จัง”
ไอ้เล่ย์เดินเข้ามาพร้อมกับกระเช้าของขวัญในมือซึ่งไม่รู้ว่ามันไปซื้อมาตอนไหน “สวัสดีครับแม่”
แม่ผมยิ้มหน้าบาน สงสัยจะชอบของฝาก คึคึ“ไหว้พระเถอะลูก”
“ไปซื้อมาตอนไหนวะ คิดจะทำคะแนน ไม่บอกเพื่อนเลยนะมึง” ไอ้เดียวแซว เลยโดนไอ้เล่ย์โบกไปที
“มากันเหนื่อยๆ พุไปเอาน้ำมาให้เพื่อนกินสิลูก”
“เหนื่อยอะไรแม่ กินมาตลอดทาง” ผมว่า แต่ก็เดินขึ้นเรือนไปหยิบน้ำให้พวกมัน
บ้านผมเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูงครับ หลังก็ใหญ่พอประมาณ มีสี่ห้อง เป็นห้องพระหนึ่ง ห้องพ่อกับแม่ ห้องผม แล้วก็ห้องไอ้พัน งานนี้คงต้องนอนเบียดกันหน่อยแล้ว…
“พ่อไม่อยู่เหรอครับ” ผมถามแม่ หลังจากที่เอาน้ำมาเสิร์ฟคุณชายทั้งหลายแล้ว
“เข้าเมือง เดี๋ยวก็มา” แม่บอก พร้อมกับเสียงมอเตอร์ไซค์คุ้นๆ ดังขึ้นมาพอดี…
ทุกคนมองไปยังที่มาของเสียง เป็นเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนสองคนกำลังขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามา หนึ่งในนั้น ก็คือน้องผมเองครับ…
“จะเอาอะ จะเอา” ไอ้ซอลครับ มันชี้ไปที่ไอ้พันแล้วร้องงอแง เลยโดนไอ้เดียวโบกไปที “ไอ้นี่ ปัญญาอ่อนได้ทุกงาน”
พอจอดรถเสร็จ เพื่อนไอ้พันก็ยกมือไหว้แม่ผม “แม่ หวัดดีครับ”
แม่ยกมือรับไหว้ “ไหว้พระเถอะลูก”
“มันไหว้แม่ ไม่ได้ไหว้พระ” ไอ้พันครับ กวนตีนกระทั่งแม่ นรกจะกินกบาล ในฐานะพี่ที่ดี ผมเลยโบกมันไปที “ทะลึ่ง”
แล้วมันจะทำไงครับ… มันก็ตอบโต้ไม่ได้ เพราะผมเป็นพี่มัน กร๊ากกกก ดีจังที่เกิดก่อนมัน
“เฮ้ย ใครอะ” ไอ้ซอลสะกิดอย่างอยากรู้อยากเห็น ไอ้นี่ เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้
“น้องเรา ชื่อพัน” ผมพูดเสียงดัง ให้คนอื่นได้ยินด้วย จะได้แนะนำทีเดียว “กับเพื่อน ชื่อ… ไรวะ”
ไอ้เด็กที่ผมจำชื่อไม่ได้ทำหน้ามุ่ย “เบ็นครับพี่ เพิ่งจะเจอกันไม่นานนี้เอง ลืมซะแระ”
“แสดงว่าหน้าโหล พี่ถึงจำไม่ได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” พูดแล้วไม่มีใครขำ ขำเองก็ได้วะ“ส่วนนี่ เพื่อนพี่ ชื่อซอล เดียว เอ้ เล่ย์”
เมื่อทุกคนทักทายทำความรู้จักกันเรียบร้อยแล้วก็ไม่ได้ไปไหน นั่งคุยเล่นอยู่ใต้ถุนบ้านสักพักเล็กๆ พ่อผมก็มา…
“พ่อ!” ผมวิ่งเข้าไปกอดพ่อ แล้วแนะนำเพื่อนๆ ให้รู้จัก “เพื่อนพุครับ ชื่อ เอ้ เดียว ซอล เล่ย์”
“สวัสดีครับพ่อ” ทุกคนยกมือไหว้ รวมถึงไอ้เบ็นด้วย
พ่อยกมือรับไหว้ยิ้มๆ ก่อนจะบอก “ตามสบายนะทุกคน เดี๋ยวพ่อขอตัวไปอาบน้ำก่อน ร้อน”
“พ่อหล่ออ๊ะ” ไอ้ซอลอีกแล้วครับ ไอ้นี่หนิ กระทั่งพ่อเพื่อนมันยังไม่เว้น
“ทำไมพ่อมึงหนุ่มจังวะ” ไอ้เอ้สงสัย
พ่อผมอายุน้อยกว่าแม่ครับ ประกอบกับต้องทำงานกลางแจ้ง เลยดูแข็งแรงไม่เหยาะแหยะเหมือนหนุ่มออฟฟิศ…
...นั่งคุยนั่งเล่นกันอยู่อีกสักครู่ แม่ก็ไล่ให้เอาของขึ้นไปเก็บ แล้วก็อาบน้ำอาบท่า
ผมเปิดประตูห้องตัวเอง แล้วบอก “เดี๋ยวนอนนี่สามคน แล้วก็ไปนอนกับเราคนหนึ่ง”
“ห้องใครวะ” ไอ้เดียวถาม”
“ห้องเราเอง”
“อ้าว แล้วมึงจะไปนอนไหนล่ะ”
“นอนกับน้อง”
“งั้นเดี๋ยวกูเสียสละไปนอนกับน้องมึงด้วย” ไอ้ซอลอีกแล้วครับ ชักยังไง
ไอ้เดียวโบกไอ้ซอลไปที แล้วบอก “มึงอยากตายเหรอ เห็นขาน้องมันมั้ย ให้ไอ้เล่ย์ไป”
ปกติ ผมว่าห้องผมก็ใหญ่นะ แต่พอต้องมารองรับผู้ชายตัวโตๆ สามคน ก็เลยดูเล็กไปถนัดใจ “นอนกันได้ป่ะ ถ้าเบียดก็ยังมีอีกห้องนะ”
“ห้องไหน”
“ห้องพระ”
พวกมันมองหน้ากัน แล้วทำตาปริบๆ “ไม่เป็นไร กูนอนเบียดกันดีกว่า อบอุ่นดี”
แล้วก็ตกลงกันได้ว่า ไอ้ซอล ไอ้เดียว ไอ้เอ้ นอนห้องผม ส่วนผมกับไอ้เล่ย์ ไปนอนห้องไอ้พัน
ค่ำวันนั้น…
“นายนอนบนเตียงนะ เดี๋ยวเรากับน้องนอนข้างล่างเอง” ผมบอกไอ้เล่ย์ ตอนที่มันกลับมาจากอาบน้ำ แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้า “นอนไปเลย เดี๋ยวนอนข้างล่างเอง”
คงจะบังคับมันไม่ได้ ผมจึงพยักหน้าตกลง “งั้นก็ได้ ให้เจ้าของห้องมันนอนเตียงละกัน”
แต่พอถึงเวลานอนจริงๆ“พุ ไปนอนบนเตียง เดี๋ยวพันนอนล่างเอง”
“เฮ้ย ไม่เป็นไร นอนไปเลย เจ้าของห้อง”
“เหอะน่า ขึ้นมา ยิ่งแก่ๆ อยู่ด้วย เดี๋ยวกระดูกกระเดี๊ยวหักไปทำไง” กวนตีนจริงจริ๊งน้องผม
ผมยกนิ้วกลางให้มันแล้วก็คลานขึ้นไปนอนบนเตียง… ไอ้พันหัวเราะหึๆ แล้วบอก “ด่าเก่งจริ๊ง ตั้งแต่ไปอยู่ไกลบ้าน”
แต่ผมไม่สนใจแล้ว ง่วง นอนดีกว่า….
ตื่นเช้าขึ้นมา อาบน้ำอาบท่าแล้ว ผมก็เดินเข้าไปหาแม่ในครัว...
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ” แม่ทัก ก่อนจะพยักพเยิดไปยังถาดอาหารที่เตรียมไว้ใส่บาตร “ไปใส่บาตรสิ”
ผมพยักหน้า “ครับ” แล้วยกถาดเดินออกมา
ตั้งแต่ไปเรียนที่กรุงเทพฯ พอกลับมาบ้าน การใส่บาตรที่ผมกับไอ้พันเคยผลัดกันก็กลายเป็นหน้าที่ประจำของผมไปแล้ว... สงสัยแม่รู้ว่าลูกเป็นคนบาป เลยให้ทำบุญเยอะๆ
“ไปไหน”
หันไปมองเจ้าของเสียงทักที่น่าจะลุกนานแล้ว เพราะตอนผมตื่นก็ไม่เห็นอีกฝ่ายและที่นอนก็ถูกพับไว้เรียบร้อย... น่าจะเดาได้นะครับว่าเป็นใคร “ไปตักบาตร ไปด้วยกันป๊ะ”
“ที่ไหน วัด?” ไอ้เล่ย์ถาม พร้อมกับดึงถาดใส่อาหารไปถือเอง
“หน้าบ้าน” ทุกๆ เช้าที่ไม่ใช่วันพระหรือวันสำคัญทางศาสนา จะมีพระภิกษุและสามเณรประมาณ 4 รูปเดินมารับบิณฑบาตที่หน้าบ้านครับ ตอนเด็กๆ ผมกับไอ้พันมีหน้าที่ใส่บาตรก่อนไปโรงเรียน แล้วทุกครั้งเราจะไม่ตักข้าวใส่บาตรจนหมด เหลือไว้นิดหน่อย เอาไว้กินเอง เพราะแม่บอกว่ากินข้าวก้นบาตรแล้วจะฉลาด... และตอนเด็กๆ ผมตัวโตกว่าไอ้พัน ทำให้ผมได้กินข้าวเยอะกว่า นี่คือเหตุผลว่าทำไมผมจึงฉลาดกว่ามัน คึคึ
พวกเราไปยืนรอใส่บาตรที่ถนนหน้าบ้าน... ระหว่างถนนกับบ้านคือลานอเนกประสงค์ ทั้งใช้เล่นฟุตบอล ตะกร้อ แบต วอลเล่ย์ บาสที่ไอ้พันมันทำไว้ครับ ไม่ใหญ่มาก กว้างยาวรวมกันประมาณครึ่งไร่
ยืนรออยู่ไม่นานพระภิกษุกับสามเณรก็เดินมาถึง... ผมให้ไอ้เล่ย์ตักข้าวใส่บาตร ส่วนตัวเองเป็นคนใส่กับ
“ว่าเป็นมั้ย” ไอ้เล่ย์ถามตอนจะกรวดน้ำ
ผมส่ายหน้า ลืมครับ ไม่ได้ใส่นาน หนังสือสวดมนต์ก็ไม่ได้เอามาด้วย...
“งั้นก็แตะมือไว้”
ผมเขยิบไปนั่งใกล้ๆ แล้วแตะมือมันไว้ พอพระเริ่มสวดมันก็เริ่มท่องบทกรวดน้ำพร้อมกับเทน้ำลงดิน...
“อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร…อิทัง เม ญาตินัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย… อิทัง เม ครุปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ… อิทัง เทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ เทวะตาโย… อิทัง เปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ เปตะโย… อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพสัตตา”
หลังจากที่พระให้พรจบแล้ว พวกเราก็ช่วยกันเก็บภาชนะที่ใส่ของมาแล้วถือเข้าบ้าน เจอไอ้ซอลกับไอ้เดียวนั่งอยู่ตรงแคร่ใต้ถุนบ้าน...
“ทำไมไม่ชวนมั่งวะ อยากใส่เหมือนกัน” ไอ้เดียวต่อว่า ทั้งๆ ที่ปาท่องโก๋ยังเต็มปาก
“เอาไว้พรุ่งนี้จะปลุก แล้วให้ตื่นนะ” ผมบอกแล้วหยิบปาท่องโก๋ใส่ปากบ้าง “ซื้อมาจากไหนอะ แถวนี้มีขายด้วยเหรอ”
“ไม่รู้เหมือนกัน แม่เอามาให้” สงสัยจะไปซื้อที่ตลาดในอำเภอครับ อยู่ห่างจากบ้านผมไปประมาณ 15 โล แต่ในต่างจังหวัดระยะทางแค่นี้ วิ่งรถแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว แต่ว่ากินปาท่องโก๋เปล่าๆ มันจะไปอร่อยอะไร “ใครจะเอากาแฟมั่ง เดี๋ยวไปชงให้”
“มีโอวัลตินป่ะ กาแฟมันมีคาเฟอีน กูกินไม่ได้” ไอ้ซอลถาม
“สัส วันก่อนยังแดกแอลกอฮอล์อยู่เลย วันนี้กินคาเฟอีนไม่ได้” ไอ้เอ้ครับ โผล่มาหน้าตาสดใส สงสัยเพิ่งจะอาบน้ำมา
ไอ้ซอลยักคิ้วให้กวนๆ แล้วบอก “หน้าตากูออกจะคุณหนูขนาดนี้ แพ้คาเฟอีนมันผิดตรงไหนวะ”
“เหรอ.....” ไอ้เอ้ลากเสียงอย่างหมั่นไส้
แต่ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายไปมากกว่านี้ ผมก็รีบตัดบท “สรุปใครจะเอาไรกันมั่งเนี่ย โอวัลตินหนึ่ง ที่เหลือกาแฟใช่มั้ย”
“เฮ้ย ของกู เปลี่ยนเป็นมอคค่านะ” ไอ้เดียว ไอ้เรื่องมาก
“ไม่เคยกินเว้ย อะไรคือมอคค่า”
ไอ้เดียวมองหน้าผมประมาณว่า มึงไปอยู่ที่ไหนมา ไม่รู้จักมอคค่า “กาแฟผสมโอวัลตินไง โว้ ทำไมฉลาดงี้ เพื่อนกู”
“พูดมาก เดี๋ยวก็ได้กินบาทาแทนมอคค่า” ผมบอก... ไอ้เอ้กับไอ้ซอลที่เพิ่งจะกัดกันไปหยกๆ ยื่นมือมาแปะกันอย่างถูกใจ “สะใจจริงเว้ย มึงนี่ต้องซวยสุดๆ โดนไอ้พุด่า กร๊ากกก”
ไอ้เดียวทำหน้ามุ่ย “จำไว้เลยพวกมึง รุมกู”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไอ้เอ้กับไอ้ซอลแหกปากหัวเราะดังลั่น โดยมีผมร่วมแจมเพราะอดขำหน้าไอ้เดียวไม่ได้
“นายล่ะ เอาไร” ผมถามไอ้เล่ย์
“ถ้าไม่เอากาแฟ จะโดนด่าอย่างไอ้เดียวมั้ย” ไอ้นี่ก็อีกคน วอนซะแล้ว
ผมพยักหน้า แล้วบังคับเสร็จสรรพ” โดน ดังนั้นห้ามเลือก กินได้แต่กาแฟอย่างเดียว”
“ฮิ้วววววว” เสียงสัมภเวสีเห่าหอน... จะโห่ทำไม
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก...ผมเดินลงเรือนมาพร้อมแก้วโอวัลตินของไอ้ซอล มอคค่าของไอ้เดียว กาแฟของไอ้เอ้และไอ้เล่ย์
หยิบกันคนละหมับสองหมับ ไม่นาน แม้วิญญาณของปาท่องโก๋ก็ยังไม่เหลือให้เห็น
“มีข้าวต้มหมูด้วยนะ ใครจะเอาบ้าง” เมื่อตะกี้แอบเห็นมาครับ แม่กำลังตักใส่ถ้วยพอดีเลย
“แจกไอติมอย่าถามเด็ก” ไอ้เอ้บอก คำคมวันนี้ครับ
“เกิดเด็กมันเป็นหวัด ทำไงอะ” ไอ้ซอลทำตาแบ๊ว
ผมส่ายหน้าอย่างระอา ขี้เกียจฟังมันเถียงกันเลยเดินขึ้นเรือนไปยกข้าวมาให้พวกมันกิน เผื่อจะหุบปากได้บ้าง...
พอเดินเข้าไปในครัว แม่ก็ชี้ไปยังถาดที่ใส่ชามข้าวต้มไว้เรียบร้อยแล้วห้าชาม “ยกไปเลย แม่จัดให้แล้ว”
ผมยกถาดใส่ชามข้าวต้มขึ้นมา แล้วมองถาดเครื่องปรุง กำลังชั่งใจว่าจะยกไปพร้อมกันดีหรือเดี๋ยวค่อยมายก ถาดที่ถือไว้ก็ถูกดึงออกไปจากมือซะก่อน
“ถือเครื่องปรุงไป” ไอ้เล่ย์บอก แล้วก็เดินออกจากครัวไป
เดินลงบันไดมา ยังไม่ทันที่จะเอาเครื่องปรุงวาง ข้าวในถ้วยพวกมันก็เกือบจะเกลี้ยงแล้ว “เป็นไงมั่ง อร่อยป๊ะ”
“อร่อย ไม่ต้องปรุงเลยว่ะ” ไอ้เดียวยกนิ้วให้
“ใครจะเติมก็บอกนะ แม่ทำไว้เยอะ” ผมบอก แล้วก็ตักข้าวใส่ปากบ้าง พอดีกับที่เสียงมอเตอร์ไซค์คุ้นหูดังขึ้น...
“อ้าว แฟนกูกลับมาแระ” ไอ้ซอลพูดยิ้มๆ แต่ไม่มีใครสนใจมัน... ทุกคนชิน
พอไอ้พันเอารถมาจอด ไอ้ซอลก็แซว “ไปไหนมาครับ คุณแฟน”
“ไปสั่งราวนมหมูครับ จะได้เอามาย่างกินกัน” ไอ้พันบอกยิ้มๆ เพราะตั้งแต่เมื่อคืนละที่ไอ้ซอลเรียกมันว่าคุณแฟน... มันเขินจนเลิกเขินแล้ว
“เป็นไง ราวนมหมู” ไอ้เดียวสงสัย
“ก็... เนื้อแถวๆ ราวนมหมู” ไอ้พันพยายามอธิบาย แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้กระจ่างขึ้น
“กินข้าวยังอะ” ที่ถามเพราะมันมีเพื่อนเยอะครับ หายไปแบบนี้ บางทีมันก็แวะกินกับเพื่อน ไม่ค่อยแบกท้องมากินที่บ้านหรอก...
แต่ครั้งนี้มันส่ายหน้า “ยัง หอมจัง แม่ทำไรกิน”
“ข้าวต้มหมู”
“ไหน ขอชิมหน่อย” มันบอก แล้วก็แย่งช้อนในมือผมไปตักข้าวใส่ปาก น้องใครวะ ไม่มีมารยาทเลย... ยังไม่พอ กินเสร็จทำหน้ายู่อีก “ทำไมจืดแบบนี้ ได้ปรุงปะเนี่ย”
“ก็ชอบกินแบบนี้ อยากกินรสจัดก็ไปเอาถ้วยตัวเองมาสิ”
“ไม่เอา จะกินถ้วยนี้” ดูมัน
แล้วมันก็ตักกินจนหมดชาม “ไปตักถ้วยใหม่มาเลยนะ”
“งก” ไอ้พันว่ายิ้มๆ ก่อนจะถือชามข้ามต้มขึ้นเรือนไป และเมื่อมันถือถาดใส่ชามข้าวต้มลงมาใหม่ พ่อก็ขับรถมาจอดพอดี...
“พ่อ สวัสดีครับ” พวกเพื่อนๆ ผมยกมือไหว้พ่อ
พ่อก็ยกมือรับไหว้แล้วบอก “ไม่ต้องไหว้แล้ว เจอกันบ่อยๆ”
“ไปไหนมาครับ” ผมถาม
“ไปดูไร่มา” ที่บ้านผมทำทั้งนาและไร่ครับ ก่อนหน้านี้ทำนาอย่างเดียว ตอนหลังไปซื้อไร่เพิ่มอีกหมู่บ้านหนึ่ง แล้วก็จ้างคนเฝ้า แต่ยังไงเราก็เป็นเจ้าของจึงต้องไปดู
“พ่อ กินข้าวครับ” ไอ้พันยกชามข้าวต้มมาวางไว้ตรงหน้าพ่อ แล้วก็บอกเพื่อนๆ ผม “ใครยังไม่อิ่ม ไม่ต้องเกรงใจนะครับ มีเยอะ” แล้วก็หายขึ้นเรือนไปอีกรอบ
ผมเลื่อนถาดเครื่องปรุงมาใกล้ๆ มือพ่อ... สองพ่อลูกเขามีรสนิยมการกินคล้ายๆ กันครับ ต้องรสจัดๆ ไม่งั้นกินไม่อร่อย
“เฮ้ย กินดิ” ผมยกชามข้าวต้มในถาดไปวางตรงหน้าไอ้เดียว เมื่อเห็นมันไม่หยิบ ทั้งๆ ที่เมื่อตะกี้นี้มันยังบอกจะต่ออยู่เลย...
แล้วพอเห็นมันทำท่ากระมิดกระเมี้ยน กินเรียบร้อยเชียว ผมเลยหันไปบอกพ่อ “พ่อ มันกลัวพ่ออะ”
“กลัวทำไม พ่อออกจะหล่อขนาดนี้” พ่อพูดยิ้มๆ แต่พวกมันก็ยังเกร็งอยู่ดี พ่อจึงชวนคุย “แล้วนี่เรียนคณะเดียวกันหมดเลยเหรอ”
“เปล่าครับ คนละคณะ มีไอ้เอ้กับไอ้พุที่อยู่บริหาร” พอไอ้ซอลตอบ พ่อก็เลิกคิ้วขึ้น ประมาณว่า แล้วพวกมึงมารู้จักกันได้ไงวะ
แล้วผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เลยยกมือห้ามก่อนที่ไอ้ซอลจะพูดต่อ “เออ ในนี้มีรุ่นน้องพ่อด้วย ให้เดา ว่าใคร”
“จริงอะ” พ่อผมทำหน้าไม่เชื่อ เพราะหุ่นอย่างผมไม่น่าจะเป็นเพื่อนกับเด็กคณะที่พ่อเคยเรียน ถ้าเป็นไอ้พันก็ว่าไปอย่าง
ผมพยักหน้า “จริงดิ๊ ใบ้ให้ก็ได้ มีคนเดียว”
“มันใบ้ตรงไหนวะ” พ่อบ่น แล้วก็เหล่ตามองเพื่อนๆ ผม
“เดี๋ยวนะครับ” ไอ้เดียวยกมือเหมือนขออนุญาตคุณครูเข้าห้องน้ำ “พ่อก็เรียนที่เดียวกับพวกเราเหรอครับ รุ่นไหนอะ”
พ่อพยักหน้า “รุ่นตั้งแต่มหาวิทยาลัยยังเป็นป่าอยู่เลย”
“ว้าว...” ไอ้เอ้ร้องอย่างตื่นเต้น “แล้วแม่ล่ะครับ”
“แม่ก็ด้วย” ผมตอบ พอดีกับที่ไอ้พันเดินลงมาจากเรือนพร้อมข้าวต้มอีกสองชาม
“แล้วพ่อเรียนไรครับ” ไอ้เดียวถาม ผมเลยรีบบอก “ไม่เอา อย่าเพิ่งบอก เดี๋ยวพวกนี้มีพิรุธ ให้พ่อเดาก่อนว่าใครเป็นรุ่นน้องคณะพ่อ”
“มีรุ่นน้องพ่อด้วยเหรอ ใคร” ไอ้พันสงสัย ไอ้นี่มันก็ตั้งใจจะเรียนคณะเดียวกันกับพ่อครับ ไม่ใช่จะเจริญรอยตามหรืออะไรหรอกนะครับ แต่มันชอบ...ตั้งแต่เด็กๆ แล้วที่มันชอบไปไร่ไปนากับพ่อ
พ่อมองพินิจพิจารณาดูเพื่อนๆ ผมแต่ละคน หยุดอยู่ตรงไอ้เดียว กับไอ้เล่ย์นานหน่อย แล้วก็ชี้ไปที่ไอ้เล่ย์ “คนนั้น”
“เอ้ย รู้ได้ไงอะ”
พ่อยักคิ้วให้กวนๆ “แล้วถูกมั้ย”
“ถูกก็ได้” ผมทำหน้าเซ็ง ส่วนพ่อก็หัวเราะชอบใจ
“พ่อเรียนเกษตรเหรอครับ” ไอ้เล่ย์ถาม
“ใช่ พืชไร่ เราล่ะ”
“ผมก็พืชไร่เหมือนกันครับ”
“เออ โลกกลมดีเว้ย แล้วรู้จักอาจารย์วิทยาหรือเปล่า”
“รู้จักครับ เทอมหน้าก็คงจะได้เรียนกับแก”
“เพื่อนรักพ่อเอง ขอเอบวกไปเลย บอกว่าเป็นลูกพ่อ มันให้อยู่แล้ว” พ่อพูดขำๆ
“โห พ่อ คอร์รัปชั่นกันตั้งแต่ยังเรียนไม่จบเลยเหรอ” ผมลากเสียงถาม ก่อนจะทำท่าคารวะ “ประเทศไทยจงเจริญ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ทุกคนประสานเสียงหัวเราะ ทำให้อาการเกร็งๆ ลดลงไปเยอะ
แล้วพ่อก็เล่าวีรกรรมความซ่าสมัยยังเรียนอยู่ให้พวกเราฟัง ยิ่งมีรุ่นน้องในคณะอยู่ด้วยการเล่าเรื่องยิ่งมีรสมีชาดเพราะคนฟังรู้ว่ากำลังพูดถึงอะไรอยู่ ทั้งเรื่องรับน้อง เรื่องเรียน เรื่องอาจารย์ บลาๆๆๆๆ ประมาณว่าคุยกันยังไม่จบประโยคดี คนฟังก็เก็ทแล้ว คุยยาวจนผมเอาถ้วยเอาชามไปล้างแล้วลงมาใหม่ก็ยังไม่เลิกอะ
...พ่อใครวะ ขี้โม้จริงๆ
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
ซอลฮาอ่ะ :m4:
-
สนุกมากค่ะ :z2:ยาวซะใจดีจัง :pig4: :pig4:
รอตอนต่อไปนะ
-
โอ้ว เพิ่งเห็นเลยต้องรีบเข้ามาอ่าน
สนุกมากกกกกก พุออกแนวซื่อ ๆ อ่ะ น่ารักดี
พระเอกเป็นใครไม่รู้แต่ขอเชียร์ เล่ย์แล้วกัน เท่ห์มาก ๆ :-[
ส่วนเฮียแพท จะงอนมากไปไหม เชอะ :m16:
-
เพื่อนวงเหล้า ฮามากๆ
-
น่ารักกันแท้~
ซอลก็ฮา ร้องจะเอาน้องพัน ฮ่าๆๆ :m20:
-
น้องพันน่าร๊ากอ่ะ
:m1:
-
เล่ย์เริ่มรุกแล้วใช่ป่ะ
สมน้ำหน้าเฮียแพท งอนจนหลุดวงโคจรไปเลย
ปล่อยให้เล่ย์ทำคะแนนคนเดียวน่ะดีแล้ว
แล้วพุก็ไม่ต้องไปง้อนะ ปล่อยเฮียแกไว้อย่างนั้นแหละ
ซอลจะคู่กับพันหรือเปล่าน้า ติดตามๆๆ
-
น้องพันน่าจะหวงพี่พุพอตัวอยู่นะ
-
ชอบตอนเพื่อนๆแซวที่พุป้อนขนมเล่ย์ในรถ
กินนมไปอ่านไป อ่านถึงตรงนี้นี่ปากมันยิ้มแบบออโต้อ่ะ นมเกือบไหลออกจากปาก กร๊าก
น่ารัก น่ารัก
เล่ย์เตรียมการมาดีนะ มีซื้อของฝากมาด้วย อิอิ เตรียมมาฝากตัวอ่ะดิ
โอ๊ย ชอบจัง
-
ครอบครัวพุน่ารักกันทั้งบ้านเลยอะ :o8:
เพื่อนซอลตลกดี น่ารักขนาดนี้แฟนทิ้งได้ไง แต่ไม่เป็นไร หาใหม่เอาแจ่มๆ o13
น้องพันกับเพื่อนเบ็นทำไมอยู่ด้วยกันบ่อยจัง มีไรในกอไผ่ป่ะเนี่ย :z1:
แต่เลย์ทำคะแนนใหญ่เลยน้า กิ๊วๆ :-[
-
พันหวงพี่ละสินั่น กิ๊วๆ :m12: :m12:
-
น่ารักดีอะ พันมีกันท่าด้วยแฮะ
-
ซอลร้องจะเอาพัน
ระวังนะ ได้ข่าวว่าพันแมนโคตร 5555
-
โอย น่ารักมากๆ เลยค่ะ อ่านรวดเดียวจบ
ชอบซอลที่ตะแง้วๆ จะเอาจะเอาๆ กร้ากกกกกกกก
(อยากให้ลงเอยกับตาเดียวซะนี่กระไร *สะบัดป๊อบ)
เล่ห์ก็แมนมากอ่ะ ไปหลงหนูพุตอนไหนเนี้ยยยย
แต่เรื่องพี่แพทยังไม่เคลียร์ คนอะไรขี้งอน โดยโฉบตัดหน้าแล้ว!
จะรอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อนะคะ *3*
-
สนุกดีครับ...อ่านแล้วเพลินดึ :call: :call: :call: :call:
-
พันโครตรักพุอ่ะ...น่ารักมั่กๆ
-
สนุกมั่กๆ น่าร๊ากกกกกกที่สุด!!
-
เรื่องนี้มีคนเต็มปะวะ 5555
-
:กอด1:
-
555555555555
มั่วได้ใจมากอะ เจอกันก็ชวนกันไปกินเหล้ายาวเลย รั่วมาก
อนึ่งซอล เดียว เหมือนจะเป็นผู้ชาย และซอลกริ๊ดน้องพัน อืม..... ชักงงเพศ
-
ชอบการดำเนินเรื่องจังเลยค่ะ เรื่อยๆน่ารักๆ อ่านแล้วสบายใจ ยิ้มได้ตลอด
-
ไม่ได้อ่านนานเลย มาอีกทีอัพไปเยอะแล้ว
พีแพทโกรธน้องแล้วหายไปเลย โธ่
เล่ย์คะแนนนำสุดๆ >w<
-
ไม่ไร้สาระน๊า
อ่านเพลินมาก อ่านไปยิ้มไป
ชอบเล่ย์จัง ตอนที่กรวดน้ำได้แบบว่า พระเอกจริงๆ
-
อ่านเพลินค่ะ :z2:รอตอนต่อไปนะ :pig4:
-
เอาละเว้ย (ว่าที่ผู้สมัครนำแหน่ง)ลูกเขยกับ(อนาคต)คุณพ่อตาเขาเริ่มสนิทสนมกันแล้ว
จบมาคณะเดียวกันสาขาเดียวกัน งี้ก็มาช่วยดูแลกิจการครอบครัวได้ด้วยสิ
แถมยังให้คำแนะนำน้องชายซึ่งกำลังสนใจจะเรียนคณะนี้ได้ด้วยอีกต่อ
โอ้โห โกยคะแนนได้เยอะเลยนะเล่ย์นะ ในขณะที่พี่แพทยังคงหายไปจากสารบบ
เรื่องไม่ไร้สาระหรอกค่ะ เรื่องไร้สาระอะไรจะสนุก ทำให้เรามีความสุขและยิ้มได้ทุกครั้งที่อ่านขนาดนี้
-
ได้รุ่นน้องเป็นลูกเขย ??
เอิ้ก ๆ
-
เข้าทางพ่อง่ายแล้วสินะเลย์
-
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เหล้า สร้างมิตรภาพ อิอิ
ท่าทางพ่อจะได้รุ่นน้องตัวเองเป็นลูกเขยแล้วววว
แต่ต้องผ่านทางน้องชายให้ได้ก่อนนี้แหละ
แต่พันเนี่ย ชักแอบสงสัยนะ หวงพี่แบบแปลกๆ
-
อิจฉาคนชนบทจัง......บรรยากาศดี
-
ไม่ไร้สาระหรอกค่ะ น่ารักดีออก ตอนนี้ว่าที่พ่อตากับลูกเขยก็เข้ากันได้ดีออก :impress2:
เห็นอนาคตรำไร :o8:
-
น่ารักดีอะ เพลินดีด้วย อ่านไปขำไปยิ้มไป
-
ถูกใจพ่ออ่ะดิ ลูกเขยๆ :m12: :m11:
-
เล่ย์ รีบทำคะแนนกับคุณพ่อคุณแม่ไว้เลยนะ หุหุ :m12:
เรื่อยๆ ฮาๆ กวนๆ แต่น่ารักดีอ่ะ
ชอบการดำเนินเรื่องแบบนี้ดีจังค่ะ ดูเรียลๆ ไม่เครียดดีด้วย :laugh:
ปล.ชื่อเรื่อง ไร้สาระสตอรี่ ก็ได้นะคะ ฮาดีออก 555
แต่ลองหาภาษาไทยดูเน้อ ชื่อเรื่องเป็นภาษาอังกิดถ้ามันไม่ค่อยเด่นหรือแปลกจริงๆ คนอ่านจะจำไม่ค่อยได้จ้ะ :กอด1:
-
:กอด1:เรื่องราวสนุกอ่านเพลินดี
-
ท่าทางคุณพ่อจะถูกใจนะเนี่ย อิอิ
-
คุณพ่อคุยเก่ง 55555
-
ฮาดีนะพวกนี้เนี่ย ฮ่าๆๆ
-
อ่านเพลินดีออก
ไม่เห็นไร้สาระเลย ^^
-
เรื่องนี้น่ารักดีค่ะ ชอบ อ่านแล้วเพลินดี
บวกให้เลย o13
-
ชอบพันอ่ะ
-
พุ น่ารักมากกกกกก
><
ชอบอ่ะ ดูเอ๋อๆดีนะ ฮ่าๆๆๆ
น้องชายก็น่าเอ็นดู อร๊ายยยยย
แต่เล่ย์ฟินสุด ไปรับไปส่ง ไปหา
เหยยยย เข้าทางพ่อทางแม่ด้วย
ขอให้โชคดีนะ กรั๊กๆ
><
มีเรื่องใหม่แล้ว อย่าลืมเรื่องเก่านะะะ
รอน้องนอยอยู่ เบาๆ
-
น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกก!!
ตกลงเล่ย์นี่จีบพุอยู่ป่ะ ? >< 55555555555555
เฮียแพทหายงอนยังเนี่ย ระวังน้องพุจะเสร็จคนอื่นก่อนนะเฮียยยยยย! 5555555555
ชอบซอลลลลล ให้คู่กับน้องพันได้มั้ยยย xD
-
:110011: :z7:
มาเต้นๆรอตอนต่อไปไปพลางๆค่ะ แหะๆ
อยากอ่านน้องพุกับเล่ย์จังเลยยยย
-
คาวาอี้จริงๆ
ใจจริงชอบเฉียแพท♥♥
-
พ่อหนุ่มน่ารัก รู้ตัวป่ะเนี่ยว่าเค้าตามจีบ 555
แล้วจะสับราง บริหารเสน่ห์ยังไงดีน้อ...
ขอบคุณและรออ่านต่อจ้า
-
น่ารักจ้า สนุก อ่านแล้วไม่เครียด เพลินๆ มีความสุขดี
ถ้ารุ่นพี่รู้ว่ารุ่นน้องมาจีบลูกชายจะว่าไงเนี๊ย :laugh:
-
+1 ค่ะ อ่านแล้วตลกดี หลงรักพุ เลย์และพองเพื่อน รอตอนต่อไปจ้ะ :L2:
-
อย่างงี้ก็เข้าทางคุณพ่อได้สินะ
ส่วนน้องพันหวงพี่ชายพอตัวอยู่นะเนี่ย
-
อ่านเรื่องนี้อีกจัง เมื่อไหร่จะมาต่ออีกอ่ะ :call: :call:
-
o9 o9
*เข้ามาดีดดิ้น*
อยากอ่านๆๆ
คิดถึงคนเขียน-พุ-เล่ย์-เพื่อนๆ-ฯลฯจังเลย
-
ทำไมแอบเห็นว่าพุเป็นที่เอ็นดูของน้องพันล่ะ?
ฮาาาา น่ารักจริงจัง
-
UNBELIEVABLE LOVE
Chapter Seven
ขณะที่พ่อกำลังโม้จนน้ำลายเปียก...หน้าไอ้เดียว เพราะดันไปนั่งซะใกล้ เสียงเพลงจากมือถือของผมก็ดังขึ้น
“%$#@*^&_**&*$^&$^##” เพลงนี้ตั้งไว้เพื่อพี่พิทโดยเฉพาะครับ เป็นเพลงฝรั่ง ผมฟังไม่ออกหรอก แต่จังหวะมันดี เลยเอามาเป็นเพลงรอสาย “ครับ”
[อยู่ไหนวะ]
“อยู่บ้านดิ พี่พิทล่ะ”
[อยู่บ้าน]
“บ้านใคร บ้านพี่พิทหรือพี่จ๋า”
[บ้านกูดิ จะไปอยู่ไมบ้านไอ้จ๋า] พี่จ๋าเป็นแฟนพี่พิทครับ และก็เป็นผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย แต่ที่พี่พิทเรียกว่า ‘ไอ้จ๋า’ เพราะเป็นเพื่อนกันมาก่อน เลยยังติดเรียกแบบเดิมๆ อยู่
“อ้าว ไหนบอกจะไปเชียงใหม่”
[อาทิตย์หน้าโน่น ไปด้วยกันปะล่ะ]
“ไม่เอา ไม่อยากไปเป็น ก ข ค ง จ ฉ”
[เยอะล่ะ เยอะ]
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แล้วอยู่บ้านกับใครครับ พ่อกับแม่ แล้วก็พี่แพรอยู่เปล่า”
พี่พิทเป็นคนกรุงเทพฯโดยกำเนิดครับ ถึงจะอยู่คอนโดแต่ก็กลับบ้านบ่อยๆ บางทีเสาร์อาทิตย์ไหนไม่ได้กลับพิษณุโลก ผมก็ไปนอนกับพี่พิทที่บ้าน พ่อกับแม่ใจดี ส่วนพี่แพรนี่ ตอนแรกที่เจอเกร็งมากเลยครับ ตอนสวัสดี พี่เขาก็แค่พยักหน้าให้เฉยๆ ไม่พูด ไม่ยิ้มด้วย เลยนึกว่าพี่เขาไม่ต้อนรับ พอพี่พิทชวนไปบ้านอีก ผมก็หาข้ออ้างไม่ยอมไป พอบ่อยเข้า พี่พิทก็ถามเพราะพี่แพรหรือเปล่า แล้วก็บอก ไม่ต้องซีเรียส พี่แพรเป็นแบบนั้นกับทุกคน พวกมีโลกส่วนตัวสูง ขนาดพี่พิทเป็นน้อง พี่แพรยังไม่ค่อยจะคุยด้วยเลย นับประสาอะไรกับคนนอกอย่างผม...
หลังจากนั้นพอไปบ่อยๆ เข้า พี่แพรก็เริ่มพูดด้วย แล้วก็ยิ้มให้ บางทีเวลาไปเที่ยวก็ซื้อของมาฝากผมด้วย เฮียแพทรู้ยังบอก ‘มึงนี่โคตรจะโชคดี ขนาดกูรู้จักพี่แพรก่อนมึงอีก ยังไม่เคยได้ของฝากจากเขาสักชิ้นเลย’
[อยู่กันครบแหละ ไอ้จ๋าด้วย กำลังทำเสต็กกันอยู่] เสาร์อาทิตย์เป็นวันครอบครัวครับ มีจัดเลี้ยงเล็กๆ ทำเสต็กมั่ง บาร์บีคิวมั่ง หมูสะเต๊ะมั่ง แล้วแต่ว่าอาทิตย์ไหนอยากกินอะไร... นี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้ผมชอบไปบ้านพี่พิท คึคึ
“โห เสียดายอะ”
[เสียดายก็มาดิ เยอะด้วย ไม่รู้จะกินกันหมดเปล่า]
“เก็บไว้ให้ด้วย เดี๋ยวกลับไปกิน”
[หึ หึ เดี๋ยวกูจะเก็บไว้ให้ แต่กว่ามึงจะมาคงขึ้นรา แล้วถ้าไม่แดกนะมึง] มีขู่ๆ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
[เฮ้ย เฮียแพทก็มานะเว้ย อยากคุยมั้ย]
“อยากดิ ว่าแต่เฮียเขาจะอยากคุยกับผมเหรอ”
[ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูจัดการเอง] ว่าแล้ว ก็ได้ยินเสียงกุกกักๆ เหมือนพี่พิทกำลังเดิน ก่อนจะได้ยินเสียงแว่วๆ ว่า 'เฮีย มีคนอยากคุยด้วย' ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงตามสายมา [ฮัลโหล]
“....อะ เอ่อ...เฮีย นี่พุนะ เฮียเป็นไงมั่ง สบายดีเปล่า”
[ก็ดี] เฮียแพทตอบห้วนๆ แล้วผมก็ได้ยินเหมือนเสียงถอนหายใจ ก่อนที่แกจะพูดต่อ [แล้วมึงล่ะ]
“ครับ ดีครับ ตอนนี้อยู่บ้าน เพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จ... เออ เฮียกินไรยัง”
[กินแล้ว]
“เหรอ กินไรอะ”
[กาแฟ] เฮียแกตอบสั้นๆ เหมือนไม่อยากจะสนทนาต่อ แต่ผมก็ทำหน้ามึน ถามต่อ “แล้ว...อร่อยป๊ะ”
ถามไปแล้วก็ด่าตัวเอง เป็นคำถามที่ปัญญาอ่อนมาก กาแฟ อร่อยมั้ย.. และเฮียแพทก็คงจะคิดเหมือนกันจึงเงียบไป ก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ดูดีกว่ากี้นี้นิดหนึ่ง [หึ หึ เออ อร่อย]
“หัวเราะไมอะ กาแฟก็อร่อยได้นะ”
[ก็ไม่ได้ว่าอะไร อร่อยก็อร่อยไง]
“แล้ว...เฮียจะไปเชียงใหม่กับพี่พิทป๊ะ อาทิตย์หน้าอะ”
[ไม่ไป] เฮียแพทว่า ก่อนจะถามผมบ้าง [มึงจะไปกับมัน?]
“จะไปเป็นกขคเขาทำไม๊ อยู่บ้านดีกว่า เพื่อนเยอะแยะ”
[เพื่อนไหน]
“เพื่อนที่ไปพัทยาด้วยกันอะ”
[ไปพัทยามาด้วยเหรอ วันไหน]
“หลังสอบ ก่อนกลับมานี่”
[วันที่มึงโทรหากู?]
“ใช่ วันนั้นแหละ” อยากจะต่อด้วย ‘วันที่เฮียไม่ยอมรับสายอะ’ แต่เดี๋ยวเฮียแกโดดถีบขาคู่ เพราะคดีติดตัวยังไม่ได้สะสาง เลยต้องเงียบไว้“แล้วเฮียจะไปไหนเปล่า หยุดยาวขนาดนี้”
[ไม่รู้จะไปไหน ไม่มีที่ไป]
“ไม่มีที่ไป ก็ไปเชียงใหม่กับพี่พิทดิ น่าสนุกออก”
[จะให้กูไปดูมันจีบแฟนเหรอ]
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า งั้นมาเที่ยวบ้านผมป๊ะล่ะ”
[กูกำลังรออยู่เนี่ย ว่าเมื่อไหร่มึงจะชวน]
“ก็มันลำบากอะ เลยไม่อยากจะชวน”
[กูไปบ้านมึง แล้วต้องไปแบกหินแบกปูนรึไง ถึงต้องลำบาก]
“เปล่า ไม่ถึงขนาดน้านน แต่ถ้ามาก็ต้องนอนเบียดๆ กับคนอื่นนะ ห้องไม่มี”
[นอนที่ไหนกูก็นอนได้ ไม่ใช่คนเรื่องมาก]
“หรา….” แล้วทำไมเวลามานอนที่ห้อง ต้องมาแย่งเตียงนอนผมทุกทีเลยวะ
[ฮ่า ฮ่า ฮ่า] เฮียแพทหัวเราะแล้วก็ต่อเหมือนรู้ใจ [ไร มึงเป็นน้อง นอนพื้นอะถูกแล้ว]
“น้องต้องเป็นคนเสียสละใช๊ป่ะ”
[ใช่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า]
เห็นเฮียแพทกำลังอารมณ์ดี ผมก็เลยตัดสินใจลองเสี่ยงอีกสักรอบ “เฮีย วันนั้นผมขอโทษนะ
[หยุด ไม่ต้องพูด กูอุตส่าห์ไม่คิดแล้ว เดี๋ยวก็โกรธอีกซะเลย] เสียงเข้มมาเลยอะ
ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันใด “ครับๆ แล้วเฮียจะมาบ้านผมวันไหนอะ”
[เพื่อนมึงจะกลับวันไหน]
“ไม่รู้อะ” ไม่ได้ถามครับ เดี๋ยวพวกมันจะหาว่าไล่ “ไมอะ เฮียกลัวได้นอนพื้นใช่ป่ะ”
[เออ]
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า สรุปจะมาวันไหนอะ เดี๋ยวจะได้ล้มควายไว้เลี้ยง”
[ควายที่พ่อมึงเก็บไว้ขายส่งมึงเรียนอะนะ]
“แร้งงงง ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
[หึ หึ จะไปเมื่อไหร่เดี๋ยวโทรบอก]
“คร๊าบบ” ผมรับคำยิ้มๆ ใจมาละ เฮียแพทยอมพูดด้วย...
ผมถอนหายใจโล่งอก หลังจากที่คุยกับเฮียแพทจบ แต่เมื่อหันไปมองรอบๆ “เฮ้ย คนหายไปไหนกันหมด”
“หมดที่ไหน กูยังอยู่เนี่ย เห็นมั้ย” ไอ้เอ้ ที่นอนเล่นอยู่บนเปลบอกกวน ผมเลยสวนกับ “อ้าว นี่คนเหรอ”
“เดี๋ยวกูถีบ” มันว่าแล้ววาดขาลงจากเปลเหมือนจะลุกขึ้นมาถีบจริงๆ ผมเลยต้องรีบลุกขึ้นยืนเตรียมตัววิ่งหนี “ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“ไอ้เล่ย์ไปดูไร่กับพ่อมึง ส่วนไอ้เดียวกับไอ้ซอลไปดูเขาจับปลากับน้องมึง” ไอ้เอ้บอก
“แล้วแม่อะ”
“ไปบ้านข้างๆ เดี๋ยวมา” ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืน “ส่วนกูก็รอมึงว่าจะไปไหน ระหว่างไร่กับไปจับปลา”
ไปไร่ก็โคตรจะไกล ขี่มอเตอร์ไซค์ไปเมื่อไหร่จะถึง “ไปดูเขาจับปลาดีกว่า”
“ได้เยอะป๊ะ” ผมถามไอ้พันที่ยืนดูเขาจับปลากันอยู่ มันหันมามองแล้วยื่นมือให้จับ ดึงขึ้นไปยืนบนขอบสระด้วยกัน “ไม่เยอะเท่าไหร่”
รู้จักสระกันหรือเปล่าครับ มันจะคล้ายๆ คลอง แต่จะเล็กกว่า ประโยชน์คือเอากักเก็บน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้ง และเอาไว้ดักปลาที่ไหลมาตามคลอง ประมาณช่วงมีนาเมษาก็จะสูบน้ำออกแล้วจับปลา เรียกว่าวิดสระ
...ตอนเด็กๆ ผมชอบมาก บ้านไหนวิดสระไม่ได้ ต้องไปช่วยเขาตลอด
“สระเราจะวิดเมื่อไหร่”
“เสาร์หน้า”
“แล้วไมไม่ลงไปช่วยเขาจับล่ะ”
“ไม่เอา เปื้อน” โห ไอ้คุณชาย แต่ผมก็ไม่ลงเหมือนกัน ไม่ได้กลัวเปื้อน แต่ขี้เกียจ คึคึ
ขณะที่ยืนดูเขาจับปลากันอยู่ ก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าเพื่อนผมหายไปคนหนึ่ง“อ้าว เดียวไปไหนอะ”
“โน่น ช่วยเขาจับปลาอยู่โน่น” ไอ้ซอลชี้ให้ดูคนที่กำลังพยายามจับปลาไหลอยู่ตรงขอบสระ ท่าทางสนุกมาก
ยืนดูไอ้เดียวจับปลาอยู่สักพัก ก็ได้ยินเสียงมันร้องโหยหวน“โอ๊ย!!”
“เป็นไร” พวกเราร้องถามพร้อมกันด้วยความตกใจ
“เชี่ย โคตรปวดเลย” ไอ้เดียวสบถเสียงสั่น พร้อมกับบีบนิ้วไว้แน่น คนที่จับปลาอยู่ข้างๆ มันก้มลงหยิบอะไรสักอย่าง แล้วโยนให้พวกเราดู... ปลาแขยงครับ เคยโดนเหมือนกัน เวลาจับปลาทีไร ไม่เงี่ยงปลาแขยง ก็ปลากด ไม่งั้นก็ปลาดุกต้องทิ่มเอาสักที ยิ่งปลาแขยงยิ่งปวด เห็นตัวเล็กๆ ยังงี้ พิษโคตรเยอะ โดนทีน้ำตาแทบร่วง
สรุป ไอ้เดียวปวดนิ้วจนไม่มีอารมณ์จะจับปลาต่อ พวกเราก็เลยพากันกลับบ้าน การจับปลาก็จบลงด้วยประการ ฉะนี้
ตอนบ่ายๆ หลังจากอิ่มหนำสำราญกับมื้อเที่ยงแล้ว นั่งรอให้อาหารย่อยสักพักเล็กๆ ไอ้พันก็จูงรถมอเตอร์ไซค์ออกมาจากใต้ถุนบ้าน ขึ้นคร่อม แล้วเรียก “พุ ไปเอาหมูกัน”
“หมูไรอะ” ถามโดยไม่รอคำตอบ ผมขึ้นไปนั่งซ้อน
“ราวนมหมู”
“อ๋อ” ผมพยักหน้าเข้าใจ แต่มันคงไม่เห็น “ที่ไหน”
“ที่ตลาดสิ”
นี่มันกวนตีน หรือผมถามไม่เคลียร์เองวะ “ตลาดไหน”
“ตลาดกลาง” มันหมายถึงตลาดในหมู่บ้านแหละครับ อยู่ไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่
“งั้นก็ผ่านร้านป้าบัวดิ วันนี้เปิดป๊ะ” ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำครับ อร่อยมาก ถ้ามีโอกาสผมต้องแวะกินประจำ
“เพิ่งกินข้าวเที่ยงไปเนี่ยนะ”
“นั่นมันข้าว นี่มันก๋วยเตี๋ยว ไม่เหมือนกัน”
“เหรอ….” มันลากเสียงกวนๆ หมั่นไส้เลยโบกไปที
มันขี่รถไม่เร็วครับ เลยได้ยินเสียงมันจิ๊ปาก “พุ ชอบเล่นหัว เดี๋ยวเถอะ”
“ก็อยากเล่นอะ จะทำไม”
“อยากรู้ ก็ลองทำอีกทีสิ” มีขู่เสียงดุ ไม่กลัวเว้ย แค่ไม่อยากทำเฉยๆคึคึ
ไอ้พันมันเป็นวัยรุ่นที่หัวโบราณมากครับ ไม่ชอบให้ใครเล่นหัว ใช้เท้าก็ไม่ได้ ดีนะว่าผมเป็นพี่มัน ไม่งั้นคงโดนชกคว่ำไปแล้ว
เรื่องความหัวโบราณของมันมีเยอะครับ ไม่ได้มีเรื่องเล่นหัวหรือใช้เท้าอย่างเดียว อย่างเรื่องเพื่อนก็เหมือนกัน ถ้ามาบ้านแล้วไม่ไหว้พ่อแม่ ไม่ไหว้ผม มันก็จะไม่ให้มาที่บ้านอีกเลย บอกถ้าไม่เคารพพ่อแม่และพี่มัน มันก็ไม่คบ... เครียดแทนเพื่อนมันจริงๆ
อย่าว่าแต่เพื่อนเลยครับ แฟนก็เหมือนกัน ถ้าพามาบ้านแล้วทำตัวเป็นคุณหนู ไม่หยิบไม่จับอะไรช่วยแม่นะ มันเลิกหมดอะ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมมันถึงเปลี่ยนแฟนบ่อยๆ ไม่ใช่เพราะเจ้าชู้แต่อย่างใด
ผมก็สงสัย มันเลือกมากขนาดนี้ ชาตินี้ผมจะมีน้องสะใภ้กับเขามั้ยเนี่ย... เฮ้อ
หลังจากที่ได้ราวนมหมูมาแล้ว กลับมาถึงบ้านไอ้พันก็ไปก่อกองไฟไฟเตรียมย่างกับแกล้มวันนี้ทันที…
“ต้องมีเบียร์เย็นๆ” ไอ้เดียวเปรยออกมาระหว่างใช้สมุดปกอ่อนพัดไฟให้ติดเร็วๆ
“เหลือของเมื่อคืนลังหนึ่ง แต่ยังไม่ได้แช่” ไอ้พันบอก
ไอ้เดียวลุกขึ้นยืน แล้วบอก “ไอ้ซอล ไปแช่ดิ๊”
“อ้าว สัส เห็นลุกขึ้นยืนกูก็นึกว่าจะไปทำเอง” ไอ้ซอลด่า ส่วนไอ้เดียวก็หัวเราะขำ เป็นงี้ตลอดสองคนมัน สงสัยเพราะคบกันมานาน เลยคุยกันดีๆ ไม่ได้ ต้องมีหยอกมีด่ากันทุกที
“เดี๋ยวแช่ให้ จะไปอาบน้ำด้วย ร้อน” ผมบอกแล้วเดินขึ้นเรือน
หยิบเบียร์หมดทั้งลังยัดใส่ตู้เย็นทั้งข้างล่างทั้งช่องฟรีซ แล้วก็เดินเข้าไปห้องไอ้พัน เปลี่ยนเป็นผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำที่ห้องน้ำชั้นบน
บ้านผมมีห้องน้ำสองห้องครับ ชั้นบนคนในบ้านใช้ ส่วนชั้นล่างทำไว้เวลาแขกมา เพราะรังเกียจแขกไม่อยากให้ขึ้นไปข้างบน ม่ายช่ายแขกจะได้เข้าห้องน้ำสะดวกไม่ต้องขึ้นไปชั้นบน
น้ำเย็นดี อาบด้วยสระผมด้วย ก็ร่วมครึ่งชั่วโมงกว่าจะเสร็จ รีบเดินไปที่ตู้เย็นเปิดช่องฟรีซดูเบียร์ กลัวมันแตกครับ แต่หาไม่เจอซักขวด แสดงว่าพวกข้างล่างเอาไปกินเรียบร้อยแล้ว เลยเดินเข้าห้องไปใส่เสื้อผ้า
ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็ชะโงกออกไปทางหน้าต่าง ตะโกนถามพวกข้างล่าง “กินได้ยัง”
“กินได้แล้วครับคุณชาย พร้อมเมื่อไหร่ก็ลงมานะครับ” ไอ้เอ้ตะโกนตอบมา
ผมยกนิ้วกลางให้มัน แล้วผลุบหัวเข้ามา แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อหันมาเจอคนยืนซ้อนหลังอยู่ ใจหายวาบเลยครับ“เฮ้ย!” นึกว่าผี
“โทษที ตกใจเหรอ” คนทำให้ผมตกใจถามยิ้มๆไม่ได้จริงใจเลย
“ตกใจดิ” ผมบอกเสียงสั่น ใจเต้นตึกตักๆ ไอ้บ้านี่ มาไม่ให้สุ้มให้เสียง คนยิ่งขวัญอ่อนอยู่ด้วย ไหนใครบอกคนเกิดวันเสาร์ดวงแข็ง แล้วทำไมผมขี้กลัวนักวะ ตอนเด็กๆ ผมเล่นไฟฉาย แกว่งไปแกว่งมา แล้วแสงมันไปกระทบกับตาหมา ทำให้ตามันเรืองแสง ผมกรี๊ดลั่นเลย พ่อตกใจกระโดดลงบ้านมาดู เพราะลงบันใดไม่ทันใจ ดีขาไม่หัก... แล้วคืนนั้นผมก็ไข้ขึ้นเพราะความกลัว ตอนเช้ามาเสียงหายอีก แค่เห็นตาหมาก็ไข้ขึ้น ตาขาวขนาดไหน คิดดูละกัน
“ตกใจมากเหรอ” ไอ้เล่ย์ถามหน้าตากังวล คงไม่คิดว่าผมจะกลัวขนาดนี้
ผมพยักหน้า แล้วบอก “ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาย”
“แก้มเย็นเจี๊ยบเลย” อีกฝ่ายบอก ใช้นิ้วเกลี่ยแก้มผมเบาๆ ส่วนมืออีกข้างก็ลูบหลังปลอบอย่างอ่อนโยน
เดี๋ยวนะ ลูบหลังปลอบเหรอ...
เฮ้ย! แล้วมาซบกับอกมันตอนไหนวะ รู้สึกตัว ผมรีบผละออก แต่แขนมันรัดแน่นมาก “ปะ ปล่อยก่อน ไม่เป็นไรแล้ว”
“ใจยังเต้นอยู่เลย” มันบอก แต่ผมว่าที่ใจมันเต้นตึกตักๆ ตอนนี้ไม่ใช่เพราะตกใจเรื่องเมื่อกี้แล้ว
“ไม่เต้นก็ตายดิ” เอิ่ม ลืมตัวไปหน่อย ดันไปกวนมันซะงั้น... หยีตาเตรียมรับโทษ ไม่โดนดีดหน้าผากหรือจมูก ก็หู ชอบนักมันอะ
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ทั้งสามอย่าง… ให้เดาว่ามันทำไร
แน่ะๆ คิดไรอยู่ รู้นะ คึคึ
“เพี๊ยะ!” เสียงอะไร? เสียงมันตีก้นผมครับ... สะดุ้งเลย
ไม่เจ็บหรอกครับ แต่อายอะ ทั้งอายทั้งโมโหแต่อายเยอะกว่า... ไอ้บ้านี่ ทำไรวะ!
ลืมตาขึ้นมา เห็นมันอมยิ้ม ประกายตาบอกว่าขำชัดๆ หมั่นไส้ว่ะ เอาซักทีดีมั้ย ง้างหมัด เตรียมต่อยเต็มที่ ถ้าไม่ได้ยินเสียงดุๆ ขู่เอาซะก่อน “อยากโดนหนักกว่านี้ ก็ลองต่อยดู”
เออ ไม่ต่อยก็ได้วะ บิดแม่งเลย ตรงไหนรู้มั้ยครับ ก็ตรงที่ใกล้มือที่สุด ตรงหัวนมมันนั่นแหละ หึๆ เจ็บล่ะสิ ซู๊ดปากใหญ่“พุ เจ็บ”
“ก็จะทำให้เจ็บ” ผมบอกอย่างสะใจ
“ซาดิสม์เหรอ ปล่อย” มันบอกรอดไรฟัน ตอนแรกไม่คิดจะปล่อยครับ แต่เจอประโยคต่อมาเลยต้องรีบปล่อย “หรืออยากจะโดนบิดมั่ง”
พอผมปล่อย มันก็ยกมือลูบหน้าอกตรงที่โดนบิด แต่แขนอีกข้างก็ยังโอบเอวผมอยู่ดี “ปล่อยดิ จะลงไปข้างล่าง”
“ผมยังไม่แห้งเลย จะรีบลงไปทำไม” เวลาสระผมเสร็จ ผมจะเช็ดหมาดๆ แล้วปล่อยให้แห้งเองครับ ไม่ชอบไดร์ “เดี๋ยวโดนลมก็แห้งเองแหละ”
“เดี๋ยวก็หัวขึ้นรา ผมร่วง หัวล้าน” มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ แค่ไม่เช็ดผมเนี่ยนะ “เกินไป”
ไอ้เล่ย์หัวเราะหึๆ แล้วดึงผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดอยู่บนคอผมมาเช็ดให้ “มา เช็ดให้”
“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวทำเอง” ผมรีบบอก พยายามแย่งผ้ามาเช็ดเอง แต่มันก็ไม่ปล่อย แถมยังจิ๊ปากอีกต่างหาก “อย่าดื้อ ว่าง่ายๆ สักเรื่องได้มั้ย”
ไรวะ ไม่ได้เป็นไรกันสักหน่อย อยู่ดีๆ ก็มาดุ... ผมทำหน้ายุ่ง แต่ก็ยอมทำตัวเป็นเด็กว่าง่าย ยืนนิ่งๆ ให้มันเช็ดผมให้จนแห้ง
“อ๊ะ แห้งแล้ว” ไอ้เล่ย์บอก แล้วก้มลงหอมหัวผม“หอมจัง”
ตลอดอะ หาเศษหาเลยตลอดยังงี้ต้องจัดการ “ตุ๊บ”
“เจ็บนะ เดี๋ยวเถอะ” คนโดนต่อยจิ๊ปาก แต่ผมก็ไม่สนใจ ยักคิ้วให้มันกวนๆ แล้วบอก “ไมอะ ไม่ได้ต่อย แค่ทุบ”
ถามว่าผมโกรธมั้ยที่โดนมันกอด มันหอม ถ้าไม่โกหกตัวเอง โม่โกรธครับ แต่ที่ทุบมันไปก็เพราะเขิน... อย่างเดียวเลย
แกล้งทำเป็นเก่งไปงั้นแหละ แต่ที่จริงใจสั่นจะแย่ หน้านี่ร้อนวูบวาบ ขนาดไม่ได้ส่องกระจกยังรู้ว่าตัวเองต้องหน้าแดงแน่ๆ เลย...
ไม่รู้อย่างนี้เขาเรียกว่า ‘รัก’ หรือเปล่า... แต่ที่แน่ๆ ผมคงมีใจให้คนๆ นี้ไม่น้อย
เดินลงเรือนมาแบบเบลอๆ ผมนั่งลงข้างๆ ไอ้ซอลที่อมยิ้มกวนๆ “อะไร”
ไอ้ซอลแกล้งทำเป็นตกใจซะเว่อร์ “อะไร ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ร้อนตัวนะมึง” แล้วมันก็เอนตัวมากระซิบบอกเบาๆ “ที่คอเป็นรอยอะ”
ผมตกใจรีบตะปบคอตัวเองไว้ แล้วก็นึกได้ว่า ไอ้คนที่กำลังอาบน้ำอยู่ข้างบนมันแค่หอมหัวผมเองนี่หว่า แล้วจะมีรอยที่คอได้ไงวะ
“รอยแป้ง” ไอ้ซอลเฉลยเมื่อผมหันไปมองมันตาเขียว ก่อนจะหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ... กวนตีนจริงๆ เพื่อนกู
หมั่นไส้เลยโบกมันไปที ก่อนจะเดินไปหาไอ้พันกับไอ้เดียวที่นั่งย่างหมูอยู่ไม่ไกล “ไหนบอกสุกแล้ว ไม่เห็นมีซักชิ้น”
“หมดไปแล้ว ลงมาช้าเอง ช่วยไม่ได้” ไอ้พันบอกกวนๆ
“ก็อาบน้ำอยู่”
“อาบหรือนอน นานขนาดนั้น” มันบ่น แล้วก็คีบหมูชิ้นที่น่าจะสุกเรียบร้อยแล้วใส่จาน “อะ เอาไปหั่นสิ”
ผมนั่งกินหมูแกล้มเบียร์ได้สักครู่ ไอ้เล่ย์ก็เดินลงมาจากเรือน หน้าขาวใสมาเลย...
ไอ้เล่ย์มันเป็นคนที่ขาวมากครับ ขาวแบบคนที่อยู่เมืองหนาวอะ ขาวแบบใสๆ ซึ่งต่างจากผมกับไอ้พันที่ขาวเหลือง เพราะได้เชื้อพวนมาจากแม่
“เขยิบไปหน่อย” มาถึงก็มีปัญหาเลย
“ไปนั่งตรงนั้นสิ ว่าง”
“จะนั่งตรงนี้” ที่มีตั้งเยอะตั้งแยะ จะมาเบียดทำไมเนี่ย... ผมทำหน้าเซ็ง แต่สุดท้ายก็ต้องยอมมันเพราะไม่อยากดราม่า แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าถ้าไอ้เล่ย์มา พ่อก็ต้องมาด้วยสิ “เออ พ่อล่ะ ไม่ได้กลับมาด้วยเหรอ”
“ไปบ้านลุงปัน” ไอ้พันที่เดินเอาจานหมูมาส่งให้บอก ก่อนจะมองหน้าไอ้เล่ย์ “พี่ พอดีผมนัดเพื่อนไว้ว่าจะไปรับ แต่รถไม่อยู่ พี่ช่วยไปรับพวกมันกับผมหน่อยสิ”
ไอ้เล่ย์หันมามองผม แล้วถามหาของที่ฝากไว้เมื่อเช้า“กุญแจรถ”
“อยู่ตรงหัวเตียงบนห้อง เดี๋ยวไปหยิบให้”
“เดี๋ยวไปหยิบเอง นั่งเถอะ” มันกดบ่าผมให้นั่งลง แล้วเดินขึ้นเรือนไป... ขายาวมาก ก้าวทีสองสามขั้น แป๊บเดียวมันก็ลงมา ยื่นกุญแจให้ไอ้พัน แต่น้องผมกลับส่ายหน้า “พี่ขับให้หน่อยสิ ผมขับไม่แข็ง”
ผมมองไอ้คนพูดแบบไม่ไว้ใจ ถ้าอย่างไอ้พันที่ขับรถเป็นตั้งแต่อยู่ ม.1 ไม่เรียกว่าขับแข็ง แล้วผมที่เพิ่งจะขับเป็นตอน ม.5 ล่ะ เรียกว่าอะไร
...อย่าว่าแต่รถยนต์เลยครับ รถสิบล้อ รถไถ รถขนหินปูนทรายมันก็ยังเคยขับ แล้วมาบอกว่าขับรถไม่แข็งเนี่ยนะ “ไปรับใครอะ เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน จะซื้อขนมกินด้วย”
“หลายคน พุไม่ต้องไปหรอก เดี๋ยวขากลับไม่มีที่นั่ง จะกินอะไร บอกมา เดี๋ยวซื้อให้”
“เอาพวกมันฝรั่งทอด แล้วก็ขาไก่” ผมบอกอย่างจำใจ เพราะท่าทางแบบนี้ ยังไงมันคงไม่ยอมให้ไปกับมันด้วยแน่ๆ
“ฝากซื้อนมรสสตอเบอรี่ให้ด้วยสิ” ไอ้เดียวครับ หน้าตาอย่างกับมหาโจร กินนมสตอเบอรี่
หลังจากที่ไอ้พันกับไอ้เล่ย์ขับรถออกจากบ้านไปแล้ว ผมก็เดินไปช่วยไอ้เดียวย่างหมู ในใจก็กังวลนิดหน่อยว่าไอ้น้องชายตัวดีมันคิดจะทำอะไร
…ผ่านไปพักใหญ่ เสียงเครื่องยนต์ของรถก็ดังมาแต่ไกล เป็นรถกระบะครับ แต่ไม่ใช่รถพ่อ
“พี่พุ หวัดดีครับ” ไอ้ข้าวครับ จำมันได้มั้ย คนที่ไปกรุงเทพฯกับไอ้พันอะ
ผมพยักหน้าให้มันยิ้มๆ เห็นมันเอาศอกกระทุ้งเพื่อนที่มาด้วย เหมือนจะบอกให้ไหว้ผม “เพื่อนผมพี่ ชื่อปักษ์”
ผมพยักหน้าอีกรอบเมื่อเพื่อนไอ้ข้าวยกมือไหว้ ก่อนจะแนะนำเพื่อนๆ ให้ไอ้ข้าวกับเพื่อนรู้จัก “นี่เพื่อนพี่ คนนี้ชื่อเดียว นี่ซอล ส่วนคนนั้น ชื่อเอ้”
ไอ้ข้าวกับเพื่อนยกมือไหว้เพื่อนผม แบบไหว้กราดเหมือนนักมวย “หวัดดีครับ พี่ๆ”
“ทำไม เด็กแถวนี้มีแต่คนหน้าตาดีๆ วะ” ไอ้ซอลเปรยออกมา ก่อนจะหันมาแขวะผม “ยกเว้นมึง”
“กวนตีน” โดนผมด่าแทนที่จะสลด ไม่มี หัวเราะคิกคักๆ เห็นเป็นเรื่องตลกไป
“แล้วไอ้พันไปไหนอะพี่” ไอ้ข้าวถาม
“เห็นบอกจะไปรับเพื่อนอะ นึกว่าไปรับข้าวซะอีก”
ไอ้ข้าวส่ายหน้า “เปล่าพี่ มันบอกให้ผมมาเอง”
ผมพยักหน้า แล้วพยักพเยิดไปที่ขวดเบียร์ “กินมั้ย กินก็จัดการเองเลย ไม่ต้องเกรงใจ”
“นึกว่าจะไม่ชวนซะแล้ว”
ไอ้ข้าวกับเพื่อนมาได้สักพักใหญ่ๆ ไอ้พันกับไอ้เล่ย์ก็กลับมา ไม่เห็นคนอื่นสักคน “อ้าว ไหนบอกไปรับเพื่อน”
“ไม่อยู่บ้าน ช่างมันเหอะ ไม่มาก็ดี ไม่เปลือง” ไอ้พันบอก แล้วทำท่าจะเลี่ยงขึ้นเรือนไป แต่ผมตาไวมองเห็นหน้ามันแว๊บๆ “เฮ้ย! เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป หน้าไปโดนไรมาอะ”
“เปล่า ไม่มีอะไร” มันบอก พอดีกับที่ผมเหลือบเห็นหน้าไอ้เล่ย์อีกคน “ไม่มีอะไรได้ไง ทำไมหน้าตายับเยินกันขนาดนี้”
ตอนนี้คนอื่นๆ ก็เริ่มสนใจเหมือนกันแล้วครับ หยุดมือหันมามองกันหมด
ผมมองหน้าไอ้เล่ย์ ซึ่งมันก็แค่ยักไหล่ ไม่พูดอะไร เลยต้องมาคาดคั้นเอากับน้องชายสุดที่รักแทน “พัน”
ไอ้พันมันก็นิ่ง ไม่ยอมตอบ แต่แล้วไอ้ข้าวก็โพล่งขึ้นมา “เจอคู่อริ! ใช่ป่ะ”
ไอ้พันทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ แล้วบอก “อือ ใช่ พวกไอ้ใหญ่”
...บ้าหรือเปล่า ไปตีกับเขามา แต่ไม่รู้ว่าตีกับใคร
“มันมากันกี่คน” ไอ้ข้าวถามต่อ
“กี่คนวะพี่” มันหันไปหาผู้ร่วมอุดมการณ์
ไอ้เล่ย์ใช้นิ้วถูจมูกที่มีเลือดกำเดาแห้งกรังติดอยู่ แล้วงึมงำตอบ “สามคนมั้ง”
“เออ ใช่ๆ สามคน” แม่ง ตีกันยังไงวะ ไม่รู้ว่าศัตรูมีกี่คน…
...มีพิรุธครับ อย่างนี้เขาเรียกมีพิรุธ
“แล้วพวกมันเป็นไงมั่ง” ไอ้ข้าวทำหน้าที่ซักต่อ มึงน่าจะไปเรียนทนายนะ ไม่ควรจะเรียนช่าง... ไอ้ข้าวเป็นเพื่อนกับไอ้พันมาตั้งแต่ประถมแล้วครับ แต่ไอ้พันต่อมอปลาย ส่วนไอ้ข้าวไปต่อเทคนิค
“ก็...เจ็บแหละ” มันตอบได้กำปั้นทุบดินมาก ตีกันแล้วใครจะไม่เจ็บมั่งวะ ฮู้ น้องผม
แล้วพอไอ้ข้าวจะถามต่อ ไอ้พันก็ยกมือห้าม “เอาไว้ให้กูอาบน้ำเสร็จก่อนได้มั้ย เดี๋ยวมาให้ถามใหม่... ไปทำแผลให้หน่อยดิ” ประโยคหลังมันบอกผมครับ
“ไปอาบน้ำก่อนดิ” ฝุ่นเต็มตัวเลยครับ แขนขาก็ถลอกปอกเปิก สงสัยคงจะล้มลุกคลุกคลานกันเลยทีเดียว ซึ่งก็ไม่ต่างจากอีกคนที่กำลังเดินตามผมขึ้นเรือนมาซักเท่าไหร่
“พี่อาบข้างบน เดี๋ยวผมอาบข้างล่างเอง” ไอ้พันเสียสละให้แขก
หลังจากที่ไอ้เล่ย์อาบน้ำเสร็จ ผมก็ให้มันนั่งที่ห้องโถง หยิบกล่องปฐมพยาบาลที่วางอยู่ใต้โต๊ะวางทีวีออกมา... ไม่ใช่ว่าคนบ้านผมชอบมีเรื่องจนต้องมีกล่องปฐมพยาบาลติดบ้านไว้หรอกนะครับ แต่มันคือของขวัญวันเกิดที่ไอ้พันซื้อให้ตอนผมอยู่ ม.4 มันบอกว่าผมซุ่มซ่ามให้เอาไว้ทำแผลตัวเอง
…น้องเวร
“คิ้วแตกด้วยอะ แอนตาซิลไม่แจกหรอกนะแบบนี้” ผมแซวมัน แล้วพอเอาทิงเจอร์ไปทาให้ที่แผลมันก็ซี๊ดปาก “เจ็บเหรอ”
“ลองมั้ย” มันถามหน้านิ่ง ไม่รู้พูดเล่นพูดจริง
“ไม่เอาอะ ไม่ใช่นักเลง”
อีกฝ่ายยกยิ้มน้อยๆ แต่ไม่พูดอะไรนั่งให้ผมทำแผลเงียบๆ แผลมันไม่ค่อยเยอะหรอกครับ แต่เน้นๆ ทั้งนั้น คิ้วแตก ปากเจ่อ แก้มเริ่มม่วงแล้ว ถ้าทายาหม่องจะแสบตาเปล่าวะ “ทายาหม่องนะ”
“อืม... อย่าทิ่มเข้ามาในตาแล้วกัน” มันพูดยิ้มๆ
“พูดมาก เดี๋ยวก็ควักมาโปะใส่ซะเลย”
“ใจร้าย” มันบอก แล้วจ้องมาจนผมต้องหลุบตาลง ทาโหนกแก้มสีม่วงๆ เสร็จก็บอก “ไหน ขอดูมือหน่อย”
มันยื่นมือมาให้ดูแต่โดยดี แต่พอผมจับมือมันไว้เพราะทายาไม่ถนัด มันก็ใช้นิ้วโป้งลูบหลังมือผมเล่นเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นมาลอยๆ “นุ่ม”
“อยากทำเองใช่มั้ย”
“นิดๆ หน่อยๆ” มันบ่น แต่ก็หยุดลูบ
ไม่นานผมก็ทำเสร็จ ไอ้เล่ย์ยกมือข้างที่มีผ้าพันเป็นปุ้มๆ ดูแล้วก็หัวเราะขำ “หึ หึ เหมือนอาการหนัก”
เห็นมือมันแล้วผมก็นึกขำไปด้วย “ทำสุดฝีมือเลยนะเนี่ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า... แม่ทำเก่ง เดี๋ยวแม่กลับมาให้แม่ทำให้ใหม่”
บอกแล้วผมก็ลุกขึ้นยืน แต่ถูกจับมือไว้ “พุ.....”
“เป็นแฟนกันนะ”
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
ยังไม่จุใจเลย
-
:z3:คิดถึงเรื่องนี้มากกก มาอัพบ่อยๆน้าาาา ยังแอบงงตกลงใครพระเอก 55555 เล่ห์หรือพี่แพท
-
มาน้อยจังน๊ออออ
-
เคยช่วยวิดบ่อปลา...มันมาก
อยู่ต่างจังหวัดมีความสุขจัง
แล้วเจ้าพันจะรับได้หรอก
ว่าพี่มีแฟนผู้ชาย...หัวโบราณเสียยังงั้น
-
*กรีดร้องงง* ดีใจจังได้อ่านเรื่องนี้แล้ว
สรุปคืนดีกับเฮียแพทแล้วเน้อ ตอนแรกๆที่โทรคุยกันเฮียแกก็ดูจะวางฟอร์มอยู่นะ
นี่ถ้ายังงอนต่อนะ จะหักคะแนนให้สะบั้นเลย โทษฐานงอนเกินงามจนน่าหมั่นไส้
ถ้าเฮียแพทมาแล้วเจอกับเล่ย์จะเป็นยังไงน้าาา~~~
ว่าแต่ตอนนี้พี่เล่ย์ขวัญใจอิฉันโผล่มาแต่ชื่อเองอ่ะ แงงงง ไม่รู้ไปทำคะแนนกับว่าที่พ่อตาถึงไหนแล้วน้อ
ถึงพุจะว่าน้องพันช่างเลือก หัวโบราณ แต่หัวโบราณเรื่องมารยาทอะไรแบบนี้เราชอบออก เหอๆ
:3123:
-
ู^
^
เคยเหมือนกัน ตอนไปเยี่ยมบ้านยายที่ต่างจังหวัด
เป็นประสบการณ์ใหม่ของเด็กกรุงเทพจริงๆ สนุกสนาน555
-
อัยย๊ะ จะรถไฟชนกันป่ะเนี้ย
-
แอบสั้นนะ
อยากอ่านอีก
-
จะเอาอีก
><
พุแม่งน่ารัก
ชวนเฮียแพทมาทำไมอ้ะะะ
แต่เอามาเจอกันก็ดีนะ
ฮ่าๆๆ อยากรู้ เล่ย์ จะทำไง!!
-
เฮียแพทยอมดีกับน้องแล้ว
เป็นผู้ชายนะเฮียอย่างอนนานน
ตอนนี้สั้นเนอะ รอตอนต่อไปนะคะ ^^
-
อิเฮียแพทนี่ท่ามากชะมัด ถ้ามาจริงก็รถไฟชนกันล่ะงานนี้ จะมีงอนน้องพุอีกป่ะเนี๊ย
พุน่ารัก เหมือนเป็นน้องของพันเลย พี่กลัวน้อง :laugh:
-
แจกเป็ด :กอด1:
-
อั๊ยยะ เฮียกะเล่ย์จะได้เจอกันแล้ว รอลุ้นสถานการณ์ต่อไป
แต่แอบเชียร์เฮียนะ รีบตามมาทำคะแนนด่วนๆ
-
เฮียแพทยอมดีกับน้องสักทีน้า นึกว่าจะเล่นตัวต่อ ฮ่าๆๆๆ
อยากให้เฮียแพทมาเจอกับเล่ย์อ่ะ ท่าจะสนุก แค่คิดก็สนุกละ
-
เล่ย์ ............. สู้! o13
-
มีสิ ก็เพื่อนน้องพันที่ไปกทม.ด้วยกันไง 555 // เราเหมือนจะเชียร์เฮียแพทอ่ะ จะโดนเตะไหมอ่ะ ดูท่าแม่ยกเล่ย์จะเยอะ
-
เฮียแพทมาเล๊ยยย ดูสิว่าเล่ย์จะออกอาการหรือพี่แพทจะออกยังงัยบ้าง
-
เฮียแพทมาบ้านพุก็จะได้รู้ว่าคนที่ทำให้พุเบี้ยวนัดอะเป็นใคร :z1:
แล้วจะมีศึกชิงพุเกิดขึ้นมะ เพราะเล่ย์ก็เปิดตัวเรียบร้อยแล้ว เฮียยังไม่ชัดเจนเลย
งั้นขออีกหน่อยได้ไหมอ่า อยากอ่านต่อจังเลย :impress2:
-
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมากกก
พุเอ๋อสุดๆ แต่เสน่ห์กระจาย 555
มาถึงบ้านแล้ว แถมยังเป็นน้องคณะอีก
ไม่บอกก็รู้เราเชียบ์ใคร
อีกอย่างเฮียแพทยังไม่โดน คือเฮียมาแผ่วๆมาก
แถมพุเราโดนจูบแอนด์จุ๊บแล้วด้วย!!!!
-
รถไฟจะชนกันละเว้ยเฮ้ย อิอิ
-
ท่าทางจะเกิดเหตุการณ์รถไฟชนกัน
มาปูเสื่อรอดูว่าเล่ย์หรือเฮียแพทที่จะออกอาการมากกว่า อิอิ :-[
-
อ่าาาาาาาาา ชอบจังเลยค่ะ สนุกมาก อ่านไปยิ้มไปตลอด
แต่งได้สนุกมาก เราติดตามผลงานนักแต่งมา2เรื่องแล้ว
สนุกทุกเรื่องเลย ชอบมากๆค่ะ แค่เห็นชื่อผู้แต่ง เราก็เข้ามาอ่านแล้ว
เพราะสนุกทุกเรื่องจริงๆ ชอบมากๆๆ จริงๆนะคะ
คือแบบ อ่านแล้วมันชุ่มชื่นหัวใจมาก ขอเป็นแฟนคลับนะคะ
ชอบผลงานของผู้แต่งมากค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆค่ะ
*****************************************
เราชอบเล่ย์ มากเลยค่ะ คือแบบ เทคแคร์ดีมากๆเลยอะ
เป็นกันเองดี ให้ความรู้สึกแบบพึ่งพาได้ เท่ห์เวอร์น่ารักมากกกก
และดูเหมือนว่าจะรวยน่าดู และก็คงจะชอบพุด้วย แต่พุเนี่ย
ซื่อดี ฮาดีด้วย เพราะอย่างงี้ถึงมีแต่คนรุมชอบซินะน่ารักมากเลย
ส่วนเฮียแพทนี่ เอ๊ะ!! ยังไง? แต่เฮียแกก็ดูรัก(?)และเป็นห่วงพุดี
ส่วยพี่ปรายหายเลย 555 แกแลดูจิตๆนะ รายนี้ สนุกมากค่ะ ชอบมากจริงๆ
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[
-
เฮียเเพทหรือเล่ย์หว่า :z1:
รถไฟจะชนกันแล้ว
-
รออ่านตอนต่อไป คาดว่ารถไฟจะชนกันสนั่นแน่ๆ 5555 :laugh:
-
UNBELIEVABLE LOVE
Chapter Eight
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากใส่บาตรกันเรียบร้อยแล้ว ผมก็เอ่ยถามชาวคณะที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายเพลา “เดี๋ยววันนี้ไปไหว้หลวงพ่อใหญ่กันมั้ย มาพิษณุโลกทั้งที”
“หลวงพ่อใหญ่คือใคร” ไอ้ซอลถามงงๆ
“พระพุทธชินราช”
“อ๋อ งั้นก็ไปดิ รีบๆ หน่อยละกัน เดี๋ยวจะได้กลับมากินเหล้าต่อ” ดูมันจะไปทำบุญทั้งที ยังไม่วายห่วงเรื่องเหล้า “เมื่อคืนยังไม่สะใจใช่ป๊ะ ใครวะอ้วกเสียงดังลั่นบ้านเลย”
ไอ้ซอลพยักพเยิดไปทางเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ “ไอ้เดียว”
“สัด” ไอ้เดียวตบหัวเพื่อนรักมันอย่างหมั่นไส้ “โบ๊ยนะมึง”
ไอ้ซอลคลำหัวแล้วบ่นพึมพำ “ภาพที่กูสร้างไว้ แตกสลายลงในคืนเดียว”
“กูว่ามึงแตกมานานแล้ว เลิกสร้างเหอะ” ไอ้เดียวบอกเบื่อๆ ส่วนคนอื่นๆ ก็หัวเราะขำ
นึกย้อนไปเมื่อวันที่ผมเจอกับพวกมันครั้งแรกแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้... เหลือเชื่อจริงๆ แค่รู้จักกันไม่ถึงเดือน แต่ตอนนี้เราสนิทกันยิ่งกว่าเพื่อนที่คบกันมาเป็นปีซะอีก
“เฮ้ย ไอ้พุ อยากดูแข่งเรือยาววะ” ไอ้ซอลบอก มาจากไหนของมันเนี่ย ไม่ได้ดูดินฟ้าอากาศเล้ย
“มีที่พิจิตรโน่น แล้วเขาก็แข่งกันเดือนกันยาตุลา มาแข่งอะไรเดือนนี้ พายๆ ไป เรือติดหินโสโครกกันพอดี”
“ไม่ใช่ไททานิค จะติดหินโสโครกได้ไง”
“หินโสโครกบ้านมึงดิ ไททานิคมันชนภูเขาน้ำแข็งเว้ย” ไอ้เดียวแสดงตัวเป็นผู้รู้
ปล่อยให้มันสองคนกัดกันให้พอ ผมเดินขึ้นเรือนไปยกสำรับกับข้าวลงมา กินข้าวเช้าแล้วจะได้ไปไหว้พระกัน เผื่อพวกมันอยากไปเที่ยวที่อื่นต่อด้วย…
“คนอื่นๆ ไปไหนหมดวะ” ไอ้เอ้ถามขณะที่กำลังกินข้าวกันอยู่
“พ่อกับแม่ไปบ้านญาติอีกอำเภอหนึ่ง ส่วนพันไปโรงเรียน”
“อ้าว ยังไม่ปิดเทอมอีกเหรอ”
“ปิดแล้ว แต่มีกิจกรรมอะไรไม่รู้ค้างสองคืน”
“แล้วพ่อกับแม่จะกลับป่ะ”
“กลับวันศุกร์”
“อ้าว ทางสะดวกแล้วมึง” ไอ้เดียวเอาศอกกระทุ้งไอ้เล่ย์ ทำหน้าได้เลวมาก
“ผลั๊วะ”
“โป๊ก!”
เสียงแรกคือ เสียงไอ้เล่ย์โบกไอ้เดียว ส่วนเสียงที่สองคือการปะทะกันระหว่างลูกแตงกวากับหน้าผากไอ้เดียวด้วยฝีมืออันแม่นยำของผมเอง... โดนเต็มๆ ทั้งหน้าทั้งหลัง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า กร๊ากก ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไอ้ซอลครับ หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง... หัวเราะได้เว่อร์มาก เหมือนคนเก็บกดมานาน
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ พวกเราก็เตรียมตัวออกเดินทาง แต่พอดีผมนึกอะไรขึ้นมาได้ก่อน จึงรีบกดโทรหาเฮียแพท...เพิ่งจะคืนดีกัน ยังไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
[โหล] เสียงงัวเงียมากอะ เหมือนยังไม่อยากตื่น
“เฮีย ผมเอง พุ”
[เออ ว่าไง โทรมาไมแต่เช้า]
จะเก้าโมงแล้ว เช้าตรงไหน “จะโทรมาถามว่า เฮียจะมาบ้านผมวันไหน วันนี้หรือเปล่า”
[ทำไม คิดถึงกูมาก อยากให้ไปวันนี้] เฮียแพทพูดกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“เปล่า ผมจะออกไปข้างนอก เดี๋ยวกลับมาไม่ทัน”
[…………] เสียงเฮียแกหายไป นึกว่าสัญญาณขาดซะอีก “เฮีย?”
[เออๆๆ จะไปไหนก็ไปเหอะ]
“อ้าว แล้วเฮียจะมาวันไหนอะ ถ้ารู้ จะได้ไม่ออกไปไหน”
[อีกสองสามวัน เดี๋ยวโทรไปบอก]
“โอเค งั้นไม่กวนเฮียละ นอนต่อเหอะ หวัดดีครับ”
แล้วเฮียแพทก็ตัดสายไปโดยไม่กล่าวลา ตามสไตล์ของสายรหัสผม
“ลุงรหัส เขาจะมาเที่ยวบ้าน กลัวไม่เจอกัน” ผมบอกคนอื่นๆ ที่มองมาอย่างสงสัย “เออ เอาเสื้อผ้าไปสักชุดนะ เดี๋ยวพาไปเที่ยวน้ำตก”
“มึงจะพาไปถูกเหรอ ขนาดบ้านตัวเองยังมาไม่ถูกเลย” ไอ้เดียวแขวะ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” อันนี้เสียงไอ้ซอลกับไอ้เอ้ครับ หัวเราะเยาะผมอย่างสะใจ ไม่ช่วยแล้วยังทับถม... เพื่อนชั่ว
ไหว้พระขอพรกับเรียบร้อยแล้ว เดินกลับไปที่รถ ก็เห็นเก๋งป้ายแดงคันหนึ่งกำลังถอยออกจากซอง
“ครืดดด” เสียงท้ายรถคันนั้นขูดกับขอบปูนครับ เจ้าของรถคงตกใจ ชะงักไปแป๊บหนึ่ง เปิดกระจกลงแล้วชะโงกหน้ามาดูท้าย
“กูว่าแล้ว ผู้หญิง” เสียงพึมพำจากคนรอบข้าง
เนื่องจากวัดนี้มีคนมาทำบุญเยอะมาก ทำให้ต้องจอดรถเบียดๆ กัน แล้วถ้ายังขับรถไม่เก่งก็มักจะได้แผลกลับไปแบบรถเก๋งคันนี้แหละครับ
“เย้ยยย!” เสียงพวกเราเองครับ หวาดเสียว ถอยมาเกือบเฉี่ยวรถของเรา... ไอ้เล่ย์รีบเดินไปหาเจ้าของรถคันนั้น “คุณ เดินหน้าก่อน เดี๋ยวผมถอยออกให้เอง”
หลังจากที่ไอ้เล่ย์ถอยรถออกมาจากซองแล้ว พวกเราก็ขึ้นไปนั่ง รอให้รถป้ายแดงคันนั้นขับออกไปก่อน... ไม่ใช่ว่าเป็นคนดี แต่รถคันนั้นมันขวางทางออกอยู่
ผ่านไปสักครู่ หลังจากที่รถคันดังกล่าว ถอยหน้าถอยหลังอยู่สองสามจึ๊ก
“โครม!” เอิ่ม ไฟท้ายแตก
“ประกันแม่งร้องไห้แน่ งานนี้” เสียงไอ้เอ้
“สงสารรถชิบหาย” เสียงไอ้เดียว
ไอ้เล่ย์ดึงเบรกมือแล้วเปิดประตูรถ เดินเข้าไปหาเจ้าของรถคันนั้น พูดอะไรสักอย่าง ผู้หญิงคนนั้นก็เปิดประตูลงมา ให้ไอ้เล่ย์ขึ้นไปนั่งตรงที่คนขับแทน… ไม่นานเกินรอ รถคันนั้นก็สามารถถอยออกมาจากซองได้อย่างสวัสดิภาพ ไร้ซึ่งรอยขีดข่วนใดๆ
…นอกจากรอยเดิมที่เกือบจะเกินเยียวยา
“แมนมากเพื่อนกู” ไอ้เดียวแซว หลังจากที่ไอ้เล่ย์กลับขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว
“หรือมึงจะไม่ไปเที่ยวน้ำตก” ไอ้เล่ย์ว่าเพราะถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างก็คงอีกนาน
พวกเราเลยรีบตะโกน “ไปคร๊าบบบ ไป”
“ว๊าวว สวยยย” ไอ้ซอลอุทาน แล้วก็วิ่งไปยืนที่สะพานข้ามลำน้ำเข็ก “พวกเรา มาถ่ายรูปกัน”
“มา เดี๋ยวถ่ายให้” ผมบอก รับกล้องมาจากไอ้เอ้
หลังจากถ่ายให้จนพวกมันพอใจแล้ว ไอ้เดียวก็เริ่มจะเนรคุณ “เฮ้ย มาถ่ายด้วยกันสิพวกมึง แหม ห่างกันหน่อยไม่ได้เชียวนะ ต้องแพ็คคู่ตลอด”
ไอ้เอ้เดินมาดึงกล้องไปจากมือผม “มา เดี๋ยวกูถ่ายให้”
ถ่ายได้สองสามรูปผมก็จะเดินต่อ แต่ถูกไอ้ซอลดึงไว้ “เฮ้ย จะรีบไปไหนวะ มาถ่ายรูปคู่ก่อน”
“พอแล้ว ถ่ายไรกันเยอะแยะ” ผมบ่น เนื่องจากเป็นคนที่ไม่ค่อยจะชอบกล้องซักเท่าไหร่ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างแทบจะไม่มีใครรู้ เพราะไม่เคยถ่ายเก็บไว้เลย
“พอได้ไง” ไอ้เดียวแย้ง ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้ผมถึงกับอึ้ง “เป็นแฟนกันประสาอะไร ไม่มีรูปคู่สักรูป”
ผมหันควับไปมองสบตาไอ้เล่ย์ ซึ่งอีกฝ่ายก็แค่ยักไหล่ เหมือนจะบอกว่า ‘ไม่เกี่ยวนะ มันพูดของมันเอง’ แล้วดึงผมไปกอด “เฮ้ย! ทำไร”
“กอดแฟน”
“ใครเป็นแฟน ยังไม่ได้ตกลงเลย อย่ามามั่ว”
“หมดเวลาปฏิเสธตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เงียบแปลว่าตกลง” ดูคนโมเมดิเมื่อคืนนะ พอพูด ‘เป็นแฟนกันนะ’ จบ พี่แกก็เดินลงเรือนไป ไม่รอฟังด้วยว่าผมจะตอบยังไง
...แล้วใครจะไปรู้วะ ว่าพูดจริงพูดเล่น
ยังไม่ทันที่ผมจะแย้งอะไร ไอ้เดียวก็ตะโกนออกมา “เฮ้ย! สองผัวเมียคู่นั้นอะ มัวแต่เถียงอะไรกันอยู่ จะถ่ายรูปแล้ว ยิ้มหน่อย”
ไอ้เพื่อนชั่ว... ผมยกนิ้วกลางให้ พอดีกับที่มันกดชัตเตอร์ “ไอ้เล่ย์ ไม่ดูแลเมียเลยว่ะ แม่งหยาบคาย ให้ของลับกูด้วย”
“ถ้ายังไม่หุบปาก เดี๋ยวมึงจะเจอยิ่งกว่าของลับ” ไอ้เล่ย์ว่า
ผมหัวเราะสะใจ เมื่อเห็นหน้าไอ้เดียว ให้มันรู้ซะมั่ง ว่าใครเป็นใครแต่พอได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ของไอ้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็นึกได้หุบยิ้มฉับ… เนียนเลยนะ
“แหมๆ เข้ากันเป็นฉาบเป็นฉิ่งเลยนะ” อันนี้ไอ้ซอล ลูกคู่ไอ้เดียว
“ยัง ยังไม่จบ” ไอ้เล่ย์ว่า แต่ดันยิ้ม... ช่วยได้มากเลยครับ
“เฮ้ย พอๆ เห็นมั้ยเนี่ย มันอายจนตัวแดงแล้ว แซวมากๆ เดี๋ยวก็ตัวไหม้พอดี” เหมือนจะดี แต่ได้ว่าข่าวว่ามึงนั่นแหละเป็นคนเริ่ม ไอ้เดียว ไอ้เพื่อนเวร
กว่าเราจะเลิกเล่นน้ำตกก็เย็นมากแล้ว แต่เพราะไม่มีใครรออยู่ที่บ้านเลยไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เผอิญผ่านร้านอาหารร้านหนึ่ง บรรยากาศน่านั่ง พวกเราเลยตกลงแวะไปกินข้าวกันที่นั่น
พอเจอที่นั่ง ไอ้เอ้ก็บอก “กูขอหลับก่อนได้มั้ย แม่งน่านอน”
โต๊ะที่เด็กเสิร์ฟพาเราไปนั่งเป็นแบบเก้าอี้ไม้พับได้ที่มีเบาะนุ่มๆ วางไว้ด้านบนครับ เหมาะแก่การนอนดูทีวีมากๆ
และเมื่อพนักงานยื่นเมนูให้…
“จ้าวสมุทร” ไอ้ซอล
“กุ้งแม่น้ำราดซอสมะขาม” ผม
“กะพงสองน้ำ” ไอ้เดียว
“เต๋าล้อมเกาะ” ไอ้เอ้
“กุ้งอบฟองเบียร์” ไอ้เดียว
“เป็ดเจ็ดเซียน” ไอ้ซอล
“กุ้งแม่น้ำต้มยำมะพร้าวอ่อน” ผม
“ข้าวเปล่าโถหนึ่ง” ไอ้เอ้
“แบล็คขวดใหญ่ โซดาหก โค้กหนึ่ง น้ำเปล่าสาม น้ำแข็งถังหนึ่ง” ไอ้เดียว
ไอ้เล่ย์มองพวกผมแล้วหัวเราะขำ “เซียนมาก ได้ดูเมนูกันมั้ยเนี่ย”
อย่าว่าแต่ไอ้เล่ย์เลยครับ เด็กเสิร์ฟยังขำอะ สั่งกันฟ้าถล่มดินทลายประหนึ่งว่าพรุ่งนี้จะไม่ได้กินข้าวกันอีกแล้ว
หลังจากที่เด็กเสิร์ฟรับออเดอร์ไปแล้ว ผมก็ลุกขึ้นยืนเพราะอั้นมานานแล้ว
“ไปไหน” ไอ้เล่ย์ถาม
“ห้องน้ำ”
ไอ้เล่ย์ลุกเดินตามออกมา ตอนแรกผมว่าจะบอกมันแล้วว่าไม่ต้องไป แต่มาคิดดูอีกที เกิดมันบอกว่าไม่ได้ตาม จะหน้าแตกซะเปล่าๆ เลยเฉยไว้
หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว ขณะที่ผมกำลังยืนล้างมืออยู่ตรงเคาน์เตอร์ ก็ได้ยินใครสักคนแผดเสียงออกมา “ไอ้เหี้ย!! มึงไปเอามันมาแล้วใช่มั้ย”
ตกใจสะดุ้งเลย หันไปมองก็เห็นผู้ชายหนึ่งในสองที่เดินเข้าห้องน้ำมาพร้อมกับผมกำลังยืนเท้าสะเอวด่าผู้ชายอีกคนที่ยกมือห้าม “เบาๆ จะตะโกนทำไม”
“ทำไม กูจะตะโกน อีเหี้ยหน้าไหนมันจะทำไม” ผู้ชายคนแรกยังคงแผดเสียงอยู่เหมือนเดิม แถมยังจ้องหน้าผมเหมือนหาเรื่องด้วย แล้วพูดเสียงตะคอก “มองอะไร! มึงไม่เคยเห็นผัวเมียทะเลาะกันรึไง อ๋อ หรือมึงอยากได้ผัวกู”
ผมทำหน้าเหวอ... ที่มองเพราะยังอึ้งอยู่ครับ ไม่ใช่เพราะอยากได้สามีใครแต่อย่างใด
“อย่าลาม” เสียงของไอ้เล่ย์ครับ ไม่รู้เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ “จะทะเลาะกันก็อย่ามาลากคนอื่นเข้าไปยุ่งด้วย”
“ทำไม มึงเดือดร้อนอะไรด้วย เป็นผัวมันหรือไง… %#&#@#@^&... %*^&#@@$@$*… %$&*&$#@@%^&$#&” ข้างหลังคือคำด่าที่หยาบคายมาก ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
“ผลั๊วะ!” เสียงหลังมือกระทบหน้า พร้อมกับการเงียบหายไปของคำด่า… ผมทำหน้าเหวอ มองคนที่กระเด็นไปกองกับพื้นด้วยความตกใจ
...แล้วไอ้คุณเล่ย์ไปยืนตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไวจังวะ
“ไอ้สัส!! มึงทำเมียกู” ผู้ชายอีกคนเหวี่ยงหมัดมาใส่ไอ้เล่ย์ แต่เหมือนมวยคนละรุ่น หุ่นมาตรฐานทั้งคู่ อีกคนมาตรฐานชาวไทย ส่วนอีกคนมาตรฐานฝรั่ง แล้วมันจะวัดกันไหวเรอะ
ไอ้เล่ย์บล็อกหมัดที่อีกฝ่ายเหวี่ยงมา แล้วก็สวนกลับไป แค่นั้นแหละ ร่วง…. ลงไปกองกับผู้ชายคนแรก
“ถ้าขืนยังปล่อยให้เมียเที่ยวด่าคนอื่นไปทั่วแบบนี้ คราวหน้าอาจจะไม่ใช่แค่หมัดที่จะโดน” ไอ้เล่ย์ขู่
“ก็มันเป็นตุ๊ด…” คุณสามีพยายามจะแก้ตัวให้ภรรยา แต่โดนดักคอไว้ก่อน “เป็นตุ๊ดก็ไม่จำเป็นต้องปากจัด”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงดังมาจากหน้าห้องน้ำ ชุดพนักงาน น่าจะเป็นการ์ด
“ไม่มีอะไรครับ แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย” ไอ้เล่ย์บอก แล้วหันไปมองหน้าสองคนนั้น ตอนแรกเหมือนคนที่ด่าเก่งจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ถูกคนที่มาด้วยปรามไว้ เลยไม่พูดอะไร แค่พยักหน้าเออออ “ครับ ไม่มีอะไรครับ”
ผมว่าการ์ดไม่เชื่อหรอก แต่ในเมื่อคนที่นอนกองอยู่กับพื้นยังไม่เอาเรื่อง แล้วพวกเขาจะมาหาเหาใส่หัวทำไม เลยบอกแค่ว่า “ไม่มีอะไรก็ดีแล้วครับ งั้นพวกเราขอตัวไปดูแลบริเวณอื่นก่อน ทานอาหารกันให้อร่อยนะครับ”
“นั่นแน่ หายไปไหนกันตั้งนานสองนาน” ไอ้ซอลแซว เมื่อพวกเราเดินกลับมาที่โต๊ะ
ผมโบกไอ้คนแซวไปที แล้วบอก “ไม่ใช่อย่างที่คิดแล้วกัน”
“แล้วมึงรู้เหรอว่ากูคิดอะไร” มันยักคิ้วกวนๆ ก่อนจะถามเสียงจริงจัง “สรุปหายไปไหนกันมา”
พอผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง ไอ้ซอลก็ว่า “แล้วไมมึงไม่ด่ากลับวะ แม่ง จะนางเอกไปไหน”
หยิบฝาโซดาที่วางอยู่แถวนั้นขว้างใส่มัน แล้วผมก็บอก “ไม่ใช่นางเอกเว้ย แต่อึ้งอยู่ งงว่าอยู่ดีๆ มาด่าทำไม”
“มันบ้าไง คนดีๆ ที่ไหนจะมาด่ากันในห้องน้ำ” ไอ้เดียวว่า ก่อนจะต่อ “เหม็นจะตาย”
ตอนแรกเหมือนจะเป็นเรื่องเป็นราว แต่พอเจอประโยคสุดท้ายผมสำลักเหล้าเข้าจมูกเลย
ไอ้เอ้ทำหน้าหยะแหยง “อี๋ ไอ้พุ ทุเรศว่ะ กระเด็นเข้ากับไปแล้วมั้งเนี่ย”
“ไม่เป็นไร กระเด็นเข้าจานไหน เดี๋ยวเรากินเองคนเดียวก็ได้”
“แผนสูงนะมึง กะจะแดกคนเดียวล่ะสิ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“เอ้า หัวเราะเข้าไป สำลักเหล้าตายกูจะหัวเราะให้ฟันร่วงเลย”
นั่งคุยนั่งแหย่กันได้สักพัก ผมก็นึกขึ้นได้ หันไปบอกไอ้เล่ย์ “ขอดูมือหน่อยสิ เจ็บป๊ะ”
“ไม่รอให้มันหายก่อนล่ะ”
“โห ประชดประชันน่าดู” ผมว่า ไอ้เล่ย์มันก็ยิ้มๆ แล้วส่งมือมาให้ดูแต่โดยดี มือข้างเดิมนั่นแหละครับ ที่ผมทำแผลให้ ยังมีรอยทิงเจอร์กับยาแดงอยู่เลย
“อุ้ย เดียว มือเป็นไงมั่ง ไหนขอดูหน่อยซิ” ไอ้ซอลครับ กวนตีนจริงๆ
ไอ้เดียวยื่นมือให้ไอ้ซอล แล้วบอก “ไม่เป็นไรจ๊ะที่รัก นิดๆ หน่อยๆ ไกลหัวใจเยอะ เพื่อน้องแล้วพี่เจ็บได้เสมอ”
“หุบปากไปเลยพวกมึง ถ้าใครแซวอีก มื้อนี้กูจะให้หาร”
สองตัวมันทำท่ารูดซิบปาก ก่อนที่ไอ้ซอลจะหลุดออกมา “ไม่แซวแล้วๆ แหม แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยนะ”
“ยัง ยังจะมีแถม” ไอ้เล่ย์ขู่ขำๆ
เวลาผ่านไปเกือบสามทุ่ม พวกเราหลายคนก็เริ่มเลื้อย เพลียเพราะเล่นน้ำตก แล้วยังมาเจอเหล้าอีก ยิ่งง่วงเข้าไปใหญ่ แต่ยังเหลือผู้ยิ่งใหญ่สองคนที่ยังคงนั่งก๊งกันเหมือนไม่รู้สึกรู้สมอะไรทั้งสิ้น… ไอ้เดียวกับไอ้เล่ย์ครับ คงเพราะพวกมันตัวใหญ่เลยกักเก็บพลังงานไว้เยอะ
“ง่วง?” เสียงกระซิบถามจากคนข้างๆ
“อืม…” ผมพึมพำตอบ ตอนนี้ลืมตาไม่ขึ้นแล้วครับ แต่ยังรู้ตัวอยู่
“งั้นก็นอนไปเลย เดี๋ยวใกล้กลับแล้วจะปลุก” ไม่ต้องบอก ตอนนี้ก็กำลังจะไปเฝ้าพระอินทร์อยู่แล้ว
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ในความรู้สึกของผมเหมือนเพิ่งจะหลับไปได้แป๊บเดียวเอง“พุ ตื่น กลับแล้ว”
ผมลืมตางัวเงีย มองนาฬิกาข้อมือ แต่ก็ถามคนที่เขย่าด้วยความเคยชิน “กี่โมงแล้ว”
“เกือบตีหนึ่งแล้ว ป่ะ”
ผมลุกขึ้นยืนตามแรงฉุดของคนข้างๆ แล้วเดินงัวเงียๆ ตามออกไป “นี่ง่วงหรือเมา” ไอ้เล่ย์ถามขำๆ เพราะผมเดินเซไปเซมาเหมือนปู “ลืมตาสิ เดี๋ยวก็ช.. เฮ้ย! ระวัง”
ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงเตือน ผมก็รู้สึกเจ็บที่เข่า พร้อมกับเสียงเหมือนอะไรสักอย่างล้ม “โครม!”
ตาสว่างเลยผม “อูยยย”
“เป็นไงมั่ง ไหนดูดิ๊” ไอ้เล่ย์จับมือของผมข้างที่กำลังลูบบรรเทาอาการเจ็บออก แต่มองไม่เห็นแผลหรอกครับเพราะผมใส่ยีนส์ขายาว “ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยไปทายาที่บ้าน”
“กูซึ้งละ ว่าทำไมพันถึงว่ามึงซุ่มซ่าม” ไอ้ซอลครับ ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ
ผมยกนิ้วกลางให้ไอ้ซอล แล้วกระโดดขี่หลังมัน “พูดมาก แบกไปเลย”
“ไอ้เชี่ย หนัก ลงไป เดี๋ยวหลังกูหัก” ไอ้ซอลโวยวาย แต่ผมไม่ยอมลง เอาขาล็อคมันไว้ แล้วด้วยความที่เราสองคนตัวเท่าๆ กันทำให้มันรับน้ำหนักผมไม่ไหว เซจะล้ม ดีแต่ว่ามีคนมาจับไว้
“ลงมา เดี๋ยวมันล้มก็เจ็บหนัก” ไอ้เล่ย์บ่น แล้วดึงผมลงจากหลังไอ้ซอล “ถ้าอยากขี่ มาขี่นี่”
ผมหัวเราะขำไอ้ซอลที่ทำหลังค่อมเหมือนคนแก่ “แกล้งมัน สนุกดี”
เราเดินหยอกเดินล้อกันไปจนถึงรถ ตอนนี้ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง นั่งคุยเป็นเพื่อนคนขับได้สบาย…
กลับมาถึงบ้านแล้วก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าคืนนี้ไอ้พันต้องค้างที่โรงเรียน... งั้นก็แสดงว่าคืนนี้ผมต้องนอนกับไอ้เล่ย์แค่สองคนสิ
“แกร็ก” เพราะกำลังใจลอย แค่เสียงเปิดประตูเบาๆ ก็ทำเอาผมสะดุ้งโหยง
คนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องเลิกคิ้วขึ้น “เป็นไร?”
“ปะ เปล่า” ส่ายหน้าปฏิเสธคอแทบหลุด ผมถามอีกฝ่ายเสียงสั่นๆ “อะ อาบน้ำป๊ะ”
ไอ้เล่ย์ทำสายตาแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แค่พยักหน้า...
ถูมือที่ชื้นเหงื่อกับกางเกงที่ใส่อยู่เผลอๆ ผมบอกด้วยเสียงที่สั่นน้อยลง “งั้นก็... ไปอาบก่อนเลย เดี๋ยวเราอาบทีหลัง”
“อืม…” อีกฝ่ายพึมพำตอบรับในลำคอ แต่แทนที่มันจะเดินออกไปอาบน้ำ กลับเดินหน้านิ่งตรงมาหาผมช้าๆ
“มะ มีอะไร” ผมถามหน้าตาตื่น พร้อมกับขยับถอยจนหลังชนตู้
แต่คนต้นเหตุก็ไม่ยอมตอบ ยังคงเดินตรงเข้ามาก่อนจะหยุดเมื่อระยะห่างระหว่างเราเหลือเพียงแค่คืบ
ผมหลับตาปี๋เมื่อไอ้เล่ย์เท้าข้อศอกกับตู้เสื้อผ้าแล้วก้มลงมาในใจก็นึก… คงไม่พ้นต้องโดนจูบแน่ๆ
แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่ แม้จะรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ของอีกฝ่ายเป่ารดอยู่ตรงหน้าผาก แต่อวัยวะส่วนอื่นบนใบหน้ากลับไม่ถูกล่วงเกิน ผมจึงค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมองทีละข้าง และอีกข้าง… ก็เห็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกใจหายใจคว่ำอยู่ ณ ขณะนี้กำลังอมยิ้ม ประกายตาไหวระริกขบขัน
สนุกมากสินะ ได้แกล้งคนอื่นนี่!!
“กลัวเหรอ?” ไอ้เล่ย์ถามกลั้วหัวเราะ
ไอ้บ้า แกล้งกันนี่หว่า… ทั้งโมโหทั้งหมั่นไส้ผมต่อยแขนมันดังปึก แล้วปฏิเสธเสียงแข็ง “ไม่ได้กลัวเว้ย” ทั้งๆ ที่มีหลักฐานคือแก้มและหูแดงๆ อยู่ทนโท่
อีกฝ่ายไม่โต้แย้ง แค่หัวเราะหึๆ แล้วเลิกคิ้วขึ้นยั่วๆ
เริ่มจะโมโหจริงจัง ผมผลักอกไอ้คนชอบแกล้งจนมันเซแล้วเดินหนี แต่ก้าวยังไม่ทันจะพ้นก็ถูกรวบเอวรั้งไว้ด้วยแขนยาวๆ ก่อนทั้งตัวของผมจะลอยหวือไปปะทะกับอกแข็งๆ ของมัน“เฮ้ย!”
“เสียงดัง เดี๋ยวพวกนั้นก็ได้ยินหรอก” ไอ้เล่ย์กระซิบดุคล้ายๆ วันนั้น
“ก็ช่า- อื้อ” ผมร้องประท้วง เมื่อเถียงยังไม่ทันจบก็โดนจูบปิดปากเสียก่อน…
แต่อีกฝ่ายก็ไม่สนใจ ควานลิ้นอุ่นชื้นไปทั่วโพรงปาก แล้วตวัดดูดดึงลิ้นของผมเหมือนหยอกล้อ “อืม…”
ไม่รู้ว่าโดนจูบอยู่นานเท่าไหร่ รู้แต่ว่าตอนนี้… ผมไม่ไหวแล้ว!
“อื้อ… อื้อ…” ผมร้องประท้วงพร้อมกับตีแขนตัวต้นเหตุที่ทำให้เกือบจะขาดใจตายเพราะหายใจไม่ทัน แล้วรีบอ้าปากหอบลมเข้าปอดหลังจากที่อีกฝ่ายถอนจูบออกไป “ฮ๊า… ฮ๊า…”
“หายใจทางจมูกสิ” ไอ้เล่ย์สอน
อยากรู้ซะที่ไหนเล่า!!
แต่ถึงไม่อยากรู้ก็ต้องทำตามครับ เพราะผมหายใจเข้าปอดได้แค่สองสามเฮือก ริมฝีปากอุ่นๆ ก็กดประทับลงมาอีกครั้ง
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
ชอบเล่ย์55555 มุ่งมั่นกับชีวิตจริงนะเนี่ย
อยากให้คู่กับเฮียแพทอ้าาาา
-
อ่านตอนพิเศษแล้ว แบบ...เปลี่ยนใจ ให้เล่ย์คู่เฮียแพทได้ไหมคะ ฮ่าๆๆๆๆ
เคมีดูท่าจะเข้ากันดีนะ แถมคุณแม่เฮียแพทดูท่าจะชอบเล่ย์ด้วยนะ :laugh:
ปล. น้องเล่ย์ลวนลามน้องพุตลอด
-
อ้าว คุณแม่ๆรู้จักกันหรอกเหรอ
เล่ย์ เนียนตลอดดดด
เฮียแพทไล่ตามไม่ทันแล้ว เฮียเสียโอกาสทำคะแนนยาวเลย 555
-
เล่ย์มือปลาหมึกดึ๊บๆกอดไม่ปล่อยเลยนะ มีทั้งหอมทั้งจูบทั้งตีก้น(อ๊ายย><)
เจ้าพุเสียหายหลายแสนแล้ววว รับผิดชอบด้วยนะพ่อคุณ
ตอนเห็นชื่อตอนที่หัวกระทู้ก็นึกสงสัยแบบเดาไปก่อนว่าน่าจะเป็นพุกับซัมวันซักคน
แต่ปรากฎว่าเป็นเฮียแพทกับเล่ย์ โอ้! เหนือความคาดหมายๆ
จะบอกว่าคล้ายกับเม้นต์บนๆ คืออ่านไปแอบจิ้นเฮียแพทกับเล่ย์ไปอ่ะ กร๊ากกกก
เฮียแพทนี่แอบนินทาปนกัดคุณแม่เล่ย์ตลอดเลยอ่ะ ฮ่าๆๆ แต่แกก็ดูแบบขี้โม้โอ้อวดจริงๆนั่นแหละ
-
อืม เลย์ดูเป็นผู้ใหญ่จริงแระ
-
ตอนธรรมดาพุกับเลย์หวานน่ารักเชียว :o8:
แต่พอตอนพิเศษมา เฮียแพทขโมยซีน เห็นมีคนเชียร์คู่เลย์ด้วย ม่ายน้า :serius2:
เดี๋ยวพุเสียใจเหมือนโดนหักหลัง :z3:
เหมือนเฮียจะแอบหมั่นไส้เล่ย์นิดๆ แล้วถ้ามาเป็นคู่แข่งกันนี่ คงสนุกน่าดู พุก็เอ๋อๆไปตามเรื่องตามราว :laugh:
-
รอพี่แพทมาป๊ะกับเล่ย์ที่บ้านพุ
-
เฮียแพทออกแนวหมั่นไส้เล่ย์ และถ้ามาชนกันที่บ้านพุเนี่ยจะทำไงหล่ะนี่
-
ชอบตอนพิเศษค่ะ :z2:
:pig4: :pig4:
-
อ่านไปอ่านมา หรือแพทจะเข้าเกียร์. อิอิ
-
เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้วนะเฮียแพท...
-
จากตอนพิเศษ เป็นการบอกเป็นนัยๆรึเปล่าว่า " แพท เล่ย์ เกียร์"
ต้องได้มีสัมพันธ์ต่อกัน และต้องมีความผูกพันกันต่อไปในวันข้างหน้า อิ อิ
รอตอนต่อไปอยู่แหละว่า เมื่อแพทเจอะเล่ย์ที่บ้านพุแล้ว จะเป็นอย่าไร รอจ้ะรอ
-
อ้าว เฮียมีหมั่นไส้เล่ย์ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แล้วแบบว่า... ถ้ามาเจอตอนอยู่กับหลานรหัสสุดเลิฟ จะออกมาเป็นแบบไหนนะ :m29:
-
ตามอ่านตามลุ้นจ๊ะ
-
แอบจิ้นเฮียแพทกับเล่ย์ :impress2:
-
จะมีให้ทุกคู่เลยป่าวน้อ... สนุกจังคับ
-
ตอนพิเศษจะบอกอะไร
ฮ่าๆๆ
ชื่อตอนแบบ ,, อย่างกะพระนางที่พลัดพราก
แล้วน้องพุฉันล่ะ ก๊ากกกกกกกก
แต่รถพี่เกียร์ หนูอยากนั่ง!!!
-
ไปตีกันมาแล้วมาขอพุเป็นแฟนแสดงว่าผ่านด่านน้องพันได้แล้วใข่มั้ย
-
สงสัยพันชวนเล่ย์ไปคุยกันแบบลูกผู้ชายเรื่องพุแน่เลย
คงตกลงกันได้เรียบร้อยล่ะ ได้แผลมากันขนาดนั้นน่ะ
หึ หึ หึ พันมันมองโลกมองคนได้เก่งกว่าพุจริงๆน่ะแหละ
-
ขอเป็นแฟนแล้ว เชียร์เล่ย์อยู่นะ
-
พุตอบได้แค่สองคำตอบนะ
.
โอเคกับตกลงอะ
555555555555555555555555555555555555555555555555555
-
ไปเคลียร์กับพันมาอ่ะจิ
เจ็บทั้งคู่เลย
สรุปพุจะยอมเป็นแฟนกับเล่ย์มั้ยน๊อ.. ^^
-
เอาแล้ว ไปซัดกับพุมาแล้วซินะ ขอเป็นแฟนแล้วด้วย ว้ายยยลุ้นจัง งุงิ
-
เล่ย์ มาทีหลังแต่นำหน้าทุกคนเลยน้า ฮ่าๆๆ
พุตอบได้แค่สองคำนะ "ตกลง"
-
อิอิ เขาขอเป็นแฟนกันแล้ววว *เตรียมจุดพลุ*
อย่างที่หลายคอมเม้นต์บอกมา สงสัยเล่ย์กับน้องพันจะไปเคลียร์กันมาแล้วเรียบร้อย
ซุ่มรอฟังคำตอบของพุด้วยคน
:impress2:
-
เล่ย์มาแล้ว คิดถึงเป็นที่สุด
เรื่องนี้สนุกมากค่าาาาา
รอตอนต่อนะคะ^^
-
ชอบอ่ะ น่ารักมากอ่ะเรื่องนี้อ่ะ อิอิอิอิอิ
อย่ามาม่าเป็นพออ่ะ
อิจฉาพุคราบ
-
ถ้าพุปฎิเสธเนี่ย ก็ข้ามขั้นโลดเลยนะเล่ :m12:
แฟนเฟินไม่ต้องเป็นมันละ สามีภรรยาไปเลยดีกว่า ฮ่าๆๆๆๆ :m20: :m20: :m20:
-
มาขอพุเป็นแฟนแบบนี้แสดงว่เคลียร์กับน้องพันมาแล้วอะดิ ยับเยินทั้งคู่ พุต้องดูแลทั้งสองคนนะ เดี๋ยวน้อยใจแย่ :z1:
น้องพันนี่น่ารักจริงๆน้า หวงห่วงพี่ชายแบบนี้ แต่เดี๋ยวพ่เลย์เค้าอาสาดูแลต่อแล้ว
แล้วอย่างนี้พุจะว่ายังไงน้อ ตกลงอย่างเดียวนะพุ :o8:
-
อร๋ายยยย เลย์ขอพุเป็นแฟนแล้ว คงผ่านด่านน้องพันแล้วอะดิ ยับเยินกันขนาดนี้อะ
-
:mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
-
น้องพุจะตอบไงละเนีย o13 o13
-
สงสัยจะเจออริหน้าใหม่ ซัดกันมันเลย
พุ เอ๋อมากกก ชีวิตคนเมืองทำให้เอ๋อได้ขนาดนี้
ข้าขอคารวะ
-
ออกไปเคลียร์กันมาช่ะ
น้องพันว่าไง
อะไรยังไงงงงงง
พุ ตกลงไปเลย ฮึกกกกก เอาเลย
คยกันเลยยยยย พลีสสสส
-
เรื่องนี้น่ารักดี ชอบๆ :m4:
-
คุยกันมาแล้วแบบแมนๆ ขอพี่ชายผ่านน้องชาย ว่างั้น?
ก็เหลือผู้ปกครองจริงๆ สินะ 55
มีหาเศษหาเลยนะ นิดนึงก็ยังดี อะฮ้า (น่ารักอ่ะ)
ขอบคุณ และรออ่านต่อจ้า
-
คนอื่นแอบจิ้นแพทเล่ย์ แต่ผมแอบจิ้นแพทเกียร์นะ 555
-
อะไรอะ มาให้คาใจชัดๆ!!!!!!!!!!!!!!!!!
-
UNBELIEVABLE LOVE
Chapter Nine
“เฮ้ย หั่นเร็วๆ กันหน่อย พระจะมาแล้ว ยังไม่มีกับข้าวอะไรเลย”
ได้ยินเสียงโวยวายของไอ้ซอลขณะจะไปอาบน้ำผมจึงเลี้ยวเข้าไปชะโงกหน้าบอก “เอาอาหารง่ายๆ ก็ได้”
“อ้าวมึง เพิ่งตื่นเหรอ” ไอ้ซอลทัก
“โห ไอ้คุณชายพุ กว่าจะตื่นได้ไม่รอให้พระฉันเพลก่อนล่ะ” ไอ้เอ้ที่กำลังตำอะไรสักอย่างในครกเงยหน้ามาต่อว่าเมื่อเห็นผมยังอยู่ในชุดนอน
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดแก้ตัว ไอ้เดียวก็ทำตัวเป็นทนายแก้ต่างให้เสียก่อน“เฮ้ย มึงก็อย่าไปว่ามันมากเลย สงสารมันเถอะ มันคงเพลีย”
“เพลียอะไรวะ เหล้าก็ไม่ได้กิ- ฮ่า ฮ่า ฮ่า” แย้งยังไม่ทันจบ ไอ้เอ้ก็ปล่อยก๊ากออกมาเมื่อเก็ทมุกไอ้เดียว แล้วพวกมันสามตัวก็ประสานเสียงหัวเราะกันอย่างครื้นเครง “ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”
ปกติผมจะเข้าใจมุกของพวกมันช้ามาก แต่ครั้งนี้เหมือนมีชนัฎปักหลัง แค่มันพูดมานิดเดียวผมก็ร้อนตัวแล้ว และรู้ว่ายิ่งแก้ตัวก็คงจะยิ่งโดนพวกมันล้อ ผมจึงไม่พูดอะไร เอื้อมไปหยิบมะเขือเปราะที่วางอยู่ในถาดขว้างพวกมันคนละโป๊กสองโป๊ก
“โอ๊ย! ไอ้เชี่ย เจ็บ” ไอ้เดียวร้องเพราะโดนกลางกบาลพอดี
“สม” ผมว่าแล้วหยิบมะเขือลูกใหม่ขึ้นมา แต่ขว้างไม่ไปเพราะโดนมือของใครคนหนึ่งจับไว้
ไอ้เล่ย์แกะมะเขือออกจากมือผมแล้วโยนกลับไปใส่ถาด ว่าเรียบๆ “ทำอะไรกัน พระจะมาแล้ว” ก่อนจะหันหลังเดินจากไป… มาเร็วเคลมเร็วดีจริงๆ
เหมือนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ ไอ้ซอลรีบกลับมาทำอาหารต่อ พร้อมกับเร่งลูกมือไปด้วย “เร็วๆ พวกมึง เดี๋ยวไม่ทัน”
“จะทำอะไร?” ผมถามอย่างสงสัย ท่าทางจะอลังการมาก
“แกงเขียวหวานไก่กับต้มฟักกระดูกหมู” ไม่ทันชัวร์
“ยากไปมั้ย เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอกทำง่ายๆ ก็พอ”
“อาหารอะไรล่ะ ง่ายๆ”
“ไข่เจียวหรือยำปลากระป๋องก็ได้”
“เออๆ งั้นก็ลงมือเลยไอ้เอ้ ไข่อยู่ข้างมึงอะ ตอกสิ” ไอ้ซอลสั่ง ตั้งตัวเป็นหัวหน้าไปแล้ว แต่พวกเราก็ไม่มีใครค้าน ทำตามที่มันบอกเพราะมันทำอาหารเก่งสุด
“เดี๋ยวเราหั่นพริกให้” ผมเสนอตัว
“อย่า!” ทุกคนร้องขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนจะไอ้เดียวจะเสริม “อย่าได้ให้มันจับของมีคมเชียว”
“มาตีไข่ดีกว่ามา” ไอ้เอ้ที่กำลังหั่นหอมและมะเขือเทศบอก “งานยากๆ ที่เหมาะกับมึง” ก่อนที่พวกมันทั้งสามตัวจะประสานเสียงกันอีกครั้ง “ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”
“ไอ้พวกบ้า” ผมงึมงำด่าแต่ไม่สามารถปฏิเสธความจริงได้ว่าการตีไข่เป็นงานที่เหมาะสมกับผมที่สุดแล้ว… หรือไม่ใช่
“เพล้ง!”
“นั่น กูว่าแล้ว” ไอ้ซอลกลอกตาเมื่อผมทำชามไข่หลุดมือแตก ก่อนจะดุ “ไปอาบน้ำเลยไอ้พุ ไม่ต้องช่วยแล้ว”
“ก็มันลื่นอะ” ผมงึมงำแก้ตัว
“ยัง ยังจะเถียง ไปเลยมึง ไปอาบน้ำเลย”
ผมทำหน้ามุ่ย “เออๆๆ ไปก็ได้วะ ชิ”
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ คนอื่นๆ ก็ทำกับข้าวเสร็จพอดี…
“ไอ้เล่ย์ไปใส่บาตรกัน” ไอ้เดียวตะโกนเรียกคนที่กำลังรดน้ำผักอยู่ตรงแปลงผักคะน้าข้างๆ บ้าน
เจ้าของชื่อหันมามองแล้วสั่นศีรษะ “ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ” คงเห็นว่าคนเยอะแล้ว
“เฮ้ย ไม่ได้อุตส่าห์มีโอกาสแล้ว เกิดชาติหน้าจะได้เจอกันอีก เคยได้ยินมั้ย ทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรคว่ำขัน”
“ร่วมขัน!!” พวกเราพูดแก้ ส่วนไอ้เดียวก็หัวเราะขำมุกตัวเอง “ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“คว่ำขันก็ไม่ต้องเจอกันอีกแล้ว” ไอ้ซอลส่ายหน้า เอาไหล่กระแทกผม แล้วพยักพเยิดไปทางแปลกผักเมื่อไอ้เล่ย์ไม่มีทีท่าว่าจะไปด้วย “ไอ้พุ มึงไปลากมันมาเลย”
“ทำไมต้องเป็นเราวะ” ผมอิดออด
“ยังต้องถามอีกเหรอ” ทั้งสามคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนไอ้ซอลจะว่า “ไปดิ เร็ว”
จำใจเดินไปหาคนที่ยังคงรดน้ำผักอยู่ ผมงึมงำชวน “ไปตักบาตรกันมั้ย” คิดถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วก็อดหน้าแดงไม่ได้
“พูดอะไร” อีกฝ่ายเลิกคิ้วถามมือก็ยังจับสายยางรดน้ำผักไปเรื่อยๆ
“ไปตักบาตรกัน”
“ก็ไปสิ” ไอ้เล่ย์บอก แล้วเดินไปปิดน้ำ
“เอ๊า ไปง่ายๆ งี้อะนะ”
“แล้วทำไมต้องยาก” อีกฝ่ายว่าพร้อมกับยักคิ้วกวนๆ ก่อนจะหัวเราะหึๆ เมื่อผมยู่หน้าใส่
กลับมาจากตักบาตรก็ต้องช่วยกันเก็บกวาดครัวที่รกเหมือนโดนขีปนาวุธถล่ม หลังจากนั้นจึงได้ลงมือรับประทานอาหารเช้า
ถึงแม้อาหารมื้อนั้นจะไม่เลิศเลออะไรมาก แต่ก็อร่อยพอตัว…
“ไอ้พุ ถามจริง มึงทำอะไรเป็นมั่งเนี่ย นอกจากเรียน” ไอ้เอ้ถามขณะที่เรากำลังนั่งเล่นรอให้อาหารย่อย
“เป็นเยอะอะ ขี้เกียจบอก”
“ถุย” พวกมันประสานเสียงสรรเสริญผม
“เอางี้ มึงเคยทำนาป๊ะ”
“เคยดิ เคยเกี่ยวข้าว แต่ไปทำครั้งเดียว พ่อบอก ‘พุ พ่อว่าพุไปเอาดีทางการเรียนดีกว่า ไม่ต้องมาช่วยพ่อหรอก พ่อกลัวจะต้องมาตามเก็บไส้ให้พุว่ะ’ เราก็เลยไม่ได้ไปทำอีก”
“กร๊ากกกก ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไอ้สามตัวหัวเราะเหมือนคนบ้า ไอ้เดียวไม่ได้หัวเราะอย่างเดียว ทุบอกตัวเองด้วย
ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ผมหันมามองคนที่นั่งข้างๆ “ขำอะไร เดี๋ยวเหอะ”
ดีดหูผม ไอ้เล่ย์พูดกลั้วหัวเราะ “พาลว่ะ”
ผมเลยทุบมันกลับ แต่ก็ถูกจับมือไว้ แล้วเสียงเห่าหอนของสัมภเวสีแถวนั้นก็ดังขึ้น “อุ๊ย ผัวเมียเขาหยอกกันน่ารักจังเลยเนาะ อิจฉาอะ”
“อิจฉาทำไมจ๊ะ น้องก็มีพี่อยู่ทั้งคน” ไม่ต้องบอกใช่มั้ยครับ ว่ามันสองตัวคือใคร
“คืนนี้นอนใต้ถุนเลย ทั้งสองคน” ผมว่า
“แน่ะๆ เขินๆ” ไอ้ซอลว่า แล้วมันสองคนกับลูกคู่ ก็พากันหัวเราะขำอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผม… เพื่อนชั่ว
“ปล่อยสิ” ผมบอกไอ้คนที่ยังไม่ยอมปล่อยมือผม
แต่นอกจากจะไม่ปล่อยแล้วมันยังจะมาดุผมอีก “อยู่เฉยๆ ยิ่งเขินมันก็ยิ่งล้อ”
แล้วมันห้ามกันได้มั้ย ความเขินเนี่ย!!
นั่งเล่นนั่งคุยกันไปซักพัก ไอ้เดียวก็เริ่มถามหาเหล้า“เปรี้ยวปากว่ะ อยากกินเหล้า”
“กูว่ามึงเป็นแอลกอฮอล์ลิสซึ่มแล้วว่ะ ไม่ได้กินซักวันจะตายมั้ย” ไอ้ซอลด่าเพื่อน
ไอ้เดียวก็ยักคิ้วกวนๆ แล้วตอบ “ไม่ตายหรอก แต่กูอยาก”
นั่งฟังพวกมันสองคนเถียงกันไปหยอกกันมาสักครู่ คนที่นั่งข้างๆ ก็สะกิดให้ลุกขึ้น “ไปเดินเล่นกัน”
ผมลุกขึ้นเขินๆ พร้อมกับเสียงเห่าหอนของสัมภเวสีทั้งสามตัว “ฮิ้วววววววววววววววว”
“จะโห่ทำบ้าอะไร แค่เดินเล่น” ผมงึมงำกลบเกลื่อนความอาย ส่วนพวกมันก็พร้อมใจกันทำหน้ากวนตีน “หราาาาา”
“หุบปากไปเลยพวกมึง” ไอ้เล่ย์ดุแล้วดึงผมให้ออกเดิน
แต่ยังเดินไม่ทันจะพ้น ไอ้ซอลก็เรียกไว้ “ไอ้พุอ้อยข้างบ้านนี่กินได้มั้ย” ข้างบ้าน พ่อปลูกอ้อยไว้ประมาณหนึ่งงานครับ ยิ่งหน้าแล้งยิ่งหวาน
ผมพยักหน้าอนุญาต “ตามสบายเลย” แล้วเดินต่อ
เดินมาถึงสระน้ำที่พ่อขุดไว้ ไอ้เล่ย์ก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นดินโดยไม่กลัวกางเกงเปื้อน แถมยังฉุดผมให้นั่งลงเปื้อนเป็นเพื่อนอีกต่างหาก
นั่งกันอยู่เงียบๆ สักพัก ไม่เห็นคนชวนมาพูดอะไรก็สงสัย “มีอะไรหรือเปล่า”
“อยากอยู่เงียบๆ”
“อ้าว” พูดงี้เหมือนผมมากวนมันเลยอะ
ไอ้เล่ย์หัวเราะหึๆ แล้วบอก “สองคน”
“แล้วไป”
เรานั่งอยู่เงียบๆ สักพัก ผมก็ชักจะทนนิ่งต่อไปไม่ไหว หยิบก้อนหินมาปาใส่น้ำเล่น แต่พอจะปาก้อนต่อไปก็ถูกจับมือไว้
“พุ?”
ผมไม่ได้ขานรับ แต่หันไปมองคนเรียกเหมือนถาม
“เคยไปน่านมั้ย”
“ไม่เคยอะ”
“แล้วอยากไปหรือเปล่า”
ผมพยักหน้า “อยาก… แต่ไปช่วงนี้ไม่ได้”
ไอ้เล่ย์ละสายตาจากน้ำที่กระเพื่อมไหวในสระมามองผม แล้วเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเหมือนถาม
“เดี๋ยวลุงรหัสจะมาเที่ยวบ้าน”
“วันไหน”
“เมื่อวานโทรไป เขาบอกอีกสองสามวัน”
“ก็ชวนไปด้วย”
“ไม่รู้เขาจะไปหรือเปล่า ไม่รู้จักใครเลย”
“แล้วไอ้พวกที่นั่งอยู่บ้านนั่นล่ะ รู้จักกันมานานมากเลยใช่มั้ย” มันประชด
ตอนที่รู้ว่าผมกับพวกไอ้เดียวไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย แต่ก็ยังไปค้างที่พัทยาด้วยกัน มันก็ดุซะ บอกเอาอะไรคิด เกิดเป็นคนไม่ดี ป่านนี้คงกลายเป็นศพไปแล้ว นี่ผมก็ไม่ได้บอกไอ้พันและพ่อกับแม่นะ ถ้าบอกคงจะโดนสวดยับ
“แล้วจะไปวันไหนอะ”
“อังคารหน้า” วันนี้วันพุธครับ
ผมพยักหน้า “อืม… บ้านใครอะ”
“บ้านยายกู”
“สวยป๊ะ”
“ก็ดี บรรยากาศคล้ายๆ บ้านมึงนี่แหละ แต่ใหญ่กว่านิดหน่อย”
แล้วเราก็เงียบกันไปอีกรอบ… แต่คราวนี้ไอ้เล่ย์เป็นคนขยับก่อน“พุ?”
“หือ?”
“เป็นแฟนกันแล้ว มึงอยากให้กูเปลี่ยนอะไรมั้ย” ไอ้เล่ย์ว่า ก่อนจะพูดดักเมื่อผมอ้าปากจะค้าน “แล้วไม่ต้องบอกนะ ว่าไม่ใช่แฟน หรือจะให้ทำมากกว่าจูบ”
ใจสั่นระรัวกับคำขู่ของอีกฝ่าย ทำอะไรไม่ถูก ก็ได้แต่งึมงำด่าเขินๆ“ไอ้บ้า”
…ก็จริงของมันถ้าไม่มีใจให้ผมก็คงไม่ยอมให้จูบให้หอมขนาดนี้หรอก
“เอ้าเร็ว โอกาสทองมีครั้งเดียว” อีกฝ่ายว่าขำๆ “ถ้าไม่บอกถือว่ามึงรับกูได้ ต่อไปห้ามมาบ่นนะ”
“อืม…” ผมพยายามคิด แต่สมองกำลังเบลอ เลยนึกออกแค่เรื่องเดียว“ไม่ชอบให้พูดมึง-กู” มันขัดหูอะ สงวนไว้ให้พี่ให้เพื่อนก็พอแล้ว… ถ้าจะมีแฟน ผมก็อยากให้เขาพูดด้วยเพราะๆ
“ได้” ทำไมมันยอมง่ายจังวะ “แต่มึงต้องแทนตัวเองว่าพุ แล้วเรียกกูว่าพี่”
ผมมองคนพูดอย่างสงสัย ทำไมต้องเรียกพี่ อายุเท่ากัน
“กูแก่กว่ามึง” ไอ้เล่ย์บอก แล้วล้วงกระเป๋าใส่ธนบัตรออกมา แล้วบัตรประชาชนยื่นให้
เออวะ มันเกิดก่อนผมปีกว่าด้วยซ้ำ มันเกิดต้นปีขาล ส่วนผมเกิดปลายปีเถาะ“กูเรียนซ้ำ ม. 6 ปีหนึ่ง” เจ้าของบัตรบอกโดยไม่ต้องให้ผมถาม
“ทำไมอะ ไม่สบายเหรอ”
“เปล่า” มันปฏิเสธ ไม่ได้ขยายความอะไร แต่ดีดหูผมที่กำลังพยายามกลั้นยิ้มแทน “ยิ้มอะไร”
ผมไม่ได้โต้ตอบ แค่หลุดเสียงหัวเราะที่พยายามกลั้นไว้อย่างสุดความสามารถออกมา “หึๆๆๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า หน้าอย่างเด๋อ”
ไอ้เล่ย์ เอ้ย ไม่ใช่ ต้องเรียก ‘พี่เล่ย์’สิ… นับกันตามจริง น่าจะแก่กว่าพี่พิทด้วย
พี่เล่ย์หัวเราะหึ ไม่เดือดร้อนที่โดนผมล้อเลียนเรื่องรูปถ่ายในบัตรประชาชน แค่ยกยิ้มมุมปากแล้วเลิกคิ้วขึ้น “ใครถ่ายบัตรแล้วดูดี?”
“เรา เอ้ย พุไง” ยังไม่ชินครับ ขอเวลาปรับตัวหน่อยละกัน
อีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้น “จริงอะ” ก่อนจะแบมือขอ “ไหน เอามาดูดิ๊”
“อยู่บนบ้าน” ไม่ได้ออกไปไหน เลยไม่ได้พกติดตัว… แต่ขอยืนยันว่าดูดีจริงๆ ครับ เพราะก่อนจะไปถ่ายบัตร ผมเห็นตัวอย่างอันอุบาทว์ของเพื่อนๆ ที่ไปถ่ายก่อนแล้ว จึงมีเวลาเตรียมตัว ฝึกทำหน้าหล่อกับกระจกอยู่นานหลายชั่วโมง จนแน่ใจว่าถ้าถ่ายรูปออกมาแล้วต้องดูดีจึงยอมไปอำเภอถึงใครจะว่า ‘แค่บัตรใบเดียว’ ผมก็ไม่สนเพราะไอ้บัตรใบเดียวนี่แหละที่เราจะต้องทนอยู่กับมันไปหลายปี
ขนาดพี่เล่ย์หน้าตาดีๆ ยังดูเด๋อเลย แล้วคิดว่าถ้าผมปล่อยไปตามยถากรรม รูปในบัตรประชาชนมันจะออกมาทุเรศแค่ไหน… คิดเอาเองเห๊อะ
หลังจากหัวข้อเรื่องบัตรประชาชนผ่านพ้นไป เราก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระอื่นๆ ทั้งเรื่องส่วนตัว เรื่องทั่วไป เรื่องดินฟ้าอากาศ บลาๆๆๆ
…และก็เช่นเคย คนที่ฟังเยอะก็คือพี่เล่ย์ และคนที่พูดเยอะก็คือผมเหมือนเดิม
รู้สึกขัดๆ เขินๆ กับสายตาที่มองมา ผมเสก้มมองพื้น มือไม้ที่วางอยู่เฉยๆ ก็เกะกะจนต้องหาอะไรให้มันทำ… ดึงหญ้าโชคร้ายที่อยู่ใกล้ๆ ตัวเล่น
“โกรธอะไรมัน” พี่เล่ย์ถามกลั้วหัวเราะ ก่อนจะดึงมือผมไปวางที่ตัก แล้วแกะหญ้าที่กำไว้ออกมาทิ้งให้ พร้อมกันนั้นก็พยักพเยิดไปยังพื้นโดยรอบ
หน้าที่ร้อนวูบวาบอยู่ตลอดเวลาขณะที่เราคุยกันยิ่งเห่อแดงขึ้นมามากกว่าเดิมเมื่อมองตามสายตาของอีกฝ่ายไป… คิดว่าดึงเล่นแค่นิดเดียว แต่คงไม่ใช่ เพราะพื้นดินรอบตัวผมมันโล่งเตียน ไร้วัชพืชปกคลุมแม้แต่ต้นเดียว
“ตื่นเต้น?” ถามมาได้ ดูไม่ออกรึไง
“เปล๊า” ผมปฏิเสธเสียงสูง
คนถามอมยิ้ม จับมือของผมไปวางทาบที่อกข้างซ้าย แล้วบอก “พี่ก็ตื่นเต้น”
ผมทำตาโตเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของชีพจรใต้มือ ก่อนจะยกมืออีกข้างวางทาบอกด้านซ้ายของตัวเอง… รัวแรงไม่แพ้กันเลย
“...พุก็เป็นแฟนคนแรกของพี่เหมือนกัน”
มั่นใจเหลือเกินนะ ว่าผมไม่เคยมีแฟนมาก่อน!!
“ฮิ้วววววว”
เสียงโห่ต้อนรับจากสัมภเวสีทั้งสามเมื่อพวกเราเดินกลับมา
“อะไร” ผมทำหน้าดุกลบเกลื่อนความอาย
“อารายยย” ไอ้ซอลยิ้มกวน เลื่อนสายตามามองมือของผมที่ถูกกุมไว้หลวมๆ แล้วคนอื่นๆ ก็มองตาม ก่อนไอ้เดียวจะว่า “ตกลงใจคบหากันเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย กูจะได้แซวถนัดปาก”
…แค่นี้มันยังไม่ถนัดอีกเหรอ
“ตามสบาย” พี่เล่ย์อนุญาตยิ้มๆ
“พี่เล่ย์” ผมทำหน้ายู่ ต่อยแขนคนที่ออกปากอนุญาตอย่างหมั่นไส้
“อ้าว ทำไมเรียกพี่อะ” ไอ้เอ้สงสัย ผมจึงอธิบายให้ฟัง
ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ ก่อนไอ้เดียวจะบอก “แต่ขอเรียกเหมือนเดิมได้ป๊ะ เรียกพี่แล้วไม่สนิท เข้าไม่ถึง” ส่วนไอ้เอ้กับไอ้ซอลก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่”
เจ้าของชื่อพยักหน้าอนุญาต“เออ จะเรียกอะไรก็เรียกไป” ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย “วันนี้อยากจะไปเที่ยวไหนกันหรือเปล่า?”
“ไม่!” ไอ้เดียวส่ายหน้า“วันนี้กูจะกินเหล้า ฉลองให้ไอ้พุที่ขายออกสักที” แล้วยกแก้วน้ำขึ้นตะโกน “เอ้า ไช!!”
“โย!!” เสียงของลูกคู่ทั้งสอง
“ไช!!”
“โย!!”
“ไช!!”
“โย!!”
“ไช! ไช! ไช!”
“โย! โย! โย!”
ผมหลงคบไอ้พวกนี้ได้ไงวะ โคตรปัญญาอ่อน…
และเย็นวันนั้น…
“ไอ้พุ มาๆ ยกเลยๆ อย่านิ่ง” ไอ้เดียวว่าพร้อมกับเอาแก้วมาชนแก้วผม “เร็วๆ”
ผมส่ายหน้า ทำเสียงให้น่าสงสาร เพราะรู้สึกผะอืดผะอมเต็มที “ไม่ไหวแล้ว” โดนมันกรอกมาตั้งแต่บ่าย ขนาดผมแอบเททิ้งเกินครึ่งแล้วนะ
“ไม่ไหวก็ต้องไหว ถ้าไม่กินถือว่ามึงดูถูกน้ำใจพวกกูที่อุตส่าห์จัดงานให้”
…ใครขอวะ
ท่าทางคงปฏิเสธลำบาก ผมหันไปมองคนที่เพิ่งจะกดวางสายโทรศัพท์แล้วบอกด้วยน้ำเสียงออดอ้อนที่เป็นไปโดยอัตโนมัติ “พี่เล่ย์ กินแทนหน่อยดิ”
เจ้าของชื่ออมยิ้ม พยักหน้าว่าโอเค ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้ว แต่ถูกสกัดดาวรุ่งเสียก่อน…
ไอ้เอ้ตะปบแก้วไว้แล้วบอก “ไม่ได้เว้ย ห้ามกินแทนกัน”
“ทำไมจะกินไม่ได้ ก็เป็นแฟนกัน” ผมเถียงก่อนจะกัดปากเขินๆ เมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป
“ฮิ้ววววววว” เสียงไอ้เอ้กับไอ้เดียวครับ ส่วนไอ้ซอลก็ทำเสียงแบบคนใต้ “อุ๊ย พูดอะไรออกมา”
“พูดมาก” ผมว่าเขินๆ ก่อนจะหยิบฝาโซดาขว้างพวกมัน แล้วตีขาคนข้างๆ ที่กำลังหัวเราะหึๆ “หยุดหัวเราะ”
“เกเร” คนโดนตีว่ายิ้มๆ ก่อนจะขยี้หัวผมหยอกๆ
“ฮิ้ววววววว” อีกแล้วครับอะไรของพวกมัน
“แค่นี้จะโห่ทำไม” พี่เล่ย์ว่าเสียงรำคาญ “เดี๋ยวกูจูบโชว์ดีกว่ามั้ย”
“เฮ้ย!” ผมร้องพร้อมกระเด้งตัวหนี แต่ติดแขนที่โอบอยู่ตรงเอวทำให้ไปไหนไม่ได้ใกล ส่วนคนอื่นๆ ก็บอก “จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย!”
“พี่เล่ย์! ไม่เอานะ!” ผมโวยวายเมื่ออีกฝ่ายโน้มหน้าลงมาหา… แค่นี้ก็อายจะแย่แล้ว
“จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย!” ขอลาออกจากการเป็นเพื่อนพวกมันได้มั้ย
“จุ๊บ”
สรรพสิ่งรอบกายสงัดเงียบชั่วขณะ ก่อนไอ้เอ้ ไอ้ซอล ไอ้เดียวจะร้อง “โห๊ยย แค่เนี๊ยะ” เมื่อพี่เล่ย์เพียงจุ๊บหน้าผากผมเท่านั้น “ไม่ใจเลยว่ะ”
คนไม่ใจยกยิ้มมุมปาก “กูไม่ได้โรคจิต” ก่อนจะดึงผมให้นั่งตรงๆ แล้วกระซิบถามกลั้วหัวเราะ “กลัวเหรอ”
“กลัวดิ” ผมว่าหน้ามุ่ย ก่อนจะขู่ “ถ้าทำจริงจะโกรธให้ดู”
“โอเค” อีกฝ่ายพยักหน้าเหมือนเข้าใจ ก่อนจะก้มมาใหม่ “งั้นทำจริงดีกว่า”
“เฮ้ย!” ผมร้องออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ จึงรู้ว่าโดนแกล้ง… ต่อยแขนคนชอบแกล้งไปที พร้อมกับบ่น “ชอบแกล้งว่ะ”
“หึๆ ก็พุน่าแกล้ง”
“เฮ้ยๆๆ พวกมึงหยุดเลย ถ้าไม่จูบกันก็ไม่ต้องมาจีบกันให้ดู” ไอ้เดียวโวยวาย
ก่อนลูกคู่จะช่วยกันสนับสนุน “ช่าย!!”
…มันเกี่ยวกันมั้ย!!!
เช้าของวันใหม่ ได้ยินเสียงไก่ขันผมก็ลืมตาขึ้น... ทั้งๆ ที่กว่าจะได้นอนก็ดึกดื่นเที่ยงคืนแล้ว แต่กลับไม่รู้สึกเพลียหรือง่วงแม้แต่น้อย
เหล่มองคนที่นอนอยู่ไม่ไกลก็เห็นนอนนิ่ง... สงสัยยังน็อคอยู่ เพราะเมื่อวาน ตั้งแต่หัวค่ำเป็นต้นมาพี่เล่ย์ต้องดื่มในส่วนของผมด้วย ให้คอแข็งยังไงก็ต้องฟุบ
เลิกผ้าห่มออก แล้วตวัดขาลงจากเตียงแผ่วเบา ผมย่องไปที่ประตูเหมือนเป็นพวกตีนแมว ก่อนจะอุทานออกมาเมื่อถูกกระชากชายเสื้อจนหงายหลัง ล้มลงไปนั่งทับตักของคนที่ผมคิดว่ายังไม่ตื่น “เฮ้ย!”
“จะรีบไปไหน” เสียงพูดไม่งัวเงียสักนิด
“แกล้งหลับนี่” ผมกล่าวหาหน้ามุ่ย
“ถ้าไม่แกล้งก็คงไม่เห็นคนทำตัวเป็นพวกย่องเบา” คนถูกกล่าวหาว่ากลั้วหัวเราะ ก่อนจะก้มลงงับหูผมหยอกๆ
“ฮื้อ” ผมสะดุ้ง ตีแขนคนชอบแกล้งพร้อมกับแก้ตัวไปด้วย “เปล่าย่องซะหน่อย แค่ไม่อยากทำเสียงดังรบกวนคนนอนหรอก” แล้วพยายามแกะแขนที่รัดอยู่รอบเอวออก... แต่ยิ่งแกะก็ยิ่งถูกรัดแน่นกว่าเก่า “ปล่อยดิ”
“จะไปไหน”
“หุงข้าว เดี๋ยวใส่บาตรไม่ทัน” ผมหาข้ออ้าง
แต่แทนที่อีกฝ่ายจะปล่อย กลับรั้งจนหลังของผมเอนแนบอก “พวกนั้นจัดการไปแล้ว”
ผมเงยหน้ามองคนพูดอย่างแปลกใจ “รู้ได้ไง”
“ฟังสิ”
เงี่ยหูฟังก็ได้ยินแต่เสียงไก่ที่ยังขันไม่เลิก “ไม่เห- เออ จริงด้วย” แย้งยังไม่ทันจะจบ เสียงคร้องแคร้งของตะหลิวกับกระทะดังกระทบกันและเสียงไอ้ซอลบ่นไอ้เดียวและไอ้เอ้ดังก็ดังขึ้น... เบากว่าเสียงไก่ขัน แต่ก็ยังพอได้ยิน…
ดื่มกันขนาดนั้น ยังจะลุกไหวอีก!!
“ยังไงก็ต้องไปช่วยอยู่ดี” ผมยังคงยืนยัน
“จะไปช่วยหรือไปเกะกะเขา” พี่เล่ย์ว่านิ่งๆ ก่อนจะร้อง “โอ๊ย” เพราะโดนทุบ
“สม” ผมซ้ำเติมแล้วพยายามดิ้นลงจากตักของอีกฝ่าย ก่อนจะชะงักเมื่อมือแข็งๆ เลื่อนมาจับสะโพกไว้ไม่ให้ขยับ...
เจ้าของมือกระซิบเสียงพร่า “อย่าดิ้น”
“ฮึ?” ผมทำตัวแข็ง ไม่กระดุกกระดิกทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจ ก่อนจะร้อนวูบไปทั่วหน้าเมื่อบั้นท้ายสัมผัสกับอะไรสักอย่าง “ลามก”
“มีอารมณ์กับแฟน ลามกตรงไหน” พูดไม่อายเลย... ตั้งแต่ตกลงเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้ว พี่แกหน้าด้านไม่มีลิมิตจริงๆ
หลังจากนั่งนิ่งอยู่ชั่วครู่ มืออุ่นๆ ของคนที่บอกไม่ให้ดิ้น ก็ขยับเลื่อนเข้ามาในเสื้อ ผมรีบตะครุบจับไว้แล้วหาข้ออ้างใหม่ “ฮื้อ พี่เล่ย์ ปล่อยก่อน จะไปอาบน้ำ”
“อาบทำไม แค่นี้ก็หอมจะแย่แล้ว” พูดพร้อมกับกดจมูกโด่งๆ สูดดมผิวเนื้อตรงซอกคอเป็นการยืนยัน “ฮืม”
ดันคางสากๆ ของอีกฝ่ายออก ผมบ่นงึมงำ “มันใช่ประเด็นมั้ย” แล้วพยายามทำเสียงดุ “ปล่อยเร็วๆ เลย เดี๋ยวไม่ทันใส่บาตร”
“เกี่ยวอะไรกับใส่บาตร”
“ก็ยังไม่ได้อาบน้ำจะใส่บาตรได้ยังไง”
“ก็ใส่ชุดนี้”
“ไม่เอา ใส่บาตรไม่ยอมอาบน้ำเกิดชาติหน้าเดี๋ยวตัวเหม็น” ทฤษฎีของผมเองครับ เพิ่งตั้งเมื่อตะกี้นี้
พี่เล่ย์หัวเราะหึๆ “ยังคิดจะเกิดอีกเหรอ”
“คิดสิ” ถ้าชาติหน้ามีจริง และได้เกิดมาเจอพ่อ แม่ ไอ้พัน ไอ้เอ้ ไอ้เดียว ไอ้ซอล… และพี่เล่ย์ ผมก็อยากจะเกิดมาอีก “หรือพี่เล่ย์ไม่คิด”
“แต่ก่อนไม่เคยคิด แต่ตอนนี้คิดแล้ว” ตอบพร้อมกับกดจูบลงบนหน้าผาก แล้วกระซิบเหมือนสัญญา
“ถ้าเกิดแล้วได้เจอกับพุอีก พี่ก็จะขอเกิดใหม่”
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
UNBELIEVABLE LOVE
Haven’t We Met
“อุ้ย คุณเนตร น้องแพท สวัสดีค่า”
เสียงแปร๋นๆ ของใครบางคนร้องทักผมกับคุณแม่ พอหันไปมองตามเสียง ก็เห็นสาวใหญ่ในชุดแสคสีเขียวอ่อนกำลังเดินตรงเข้ามาหาด้วยท่าทางดีอกดีใจจนเกินเหตุ
คุณแม่ยิ้มอ่อนๆ แล้วเอ่ยทักตามมารยาท “อ้าว คุณพิม สวัสดีค่ะ ไปไงมาไงคะเนี่ย”
คุณพิมเป็นพวกเศรษฐีใหม่ครับ รวยขึ้นมาเพราะสามีจับธุรกิจถูก อย่างที่เขาว่าไว้ คนเรา พอมีเงินก็อยากมีอำนาจ อยากมีคนนับหน้าถือตา นั่นจึงเป็นเหตุให้คุณพิมมักจะชอบมาติดต่อสมาคมกับคุณหญิงคุณนายที่มีเชื้อสายผู้ดีเก่า อย่างแม่ผมเป็นต้น
“พาลูกๆ มาเลือกรถค่ะ ของขวัญที่แกสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้” คุณพิมบอกอย่างภูมิใจ ก่อนจะหันไปบอกเด็กหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ “ไหว้ป้าเขาสิลูก”
“สวัสดีครับ” ทั้งสองคนกล่าวพร้อมกับยกมือไหว้คุณแม่อย่างนอบน้อม ท่วงท่านุ่มนวลอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้แม่ของผมอดยิ้มอย่างชื่นชมไม่ได้ ก่อนจะหันมาพยักพเยิดให้ผมเหมือนกับจะบอกว่าให้ดูเป็นตัวอย่าง ผมเลยได้แต่ย่นจมูก โธ่เอ้ย แค่ทุกวันนี้ผมตั้งใจเรียน ไม่เกกมะเหรกเกเรก็ดีกว่าลูกคนอื่นเขาเยอะแล้ว จะเอาอะไรกับวัยรุ่นยุคนี้ล่ะครับคุณแม่…
“ลูกพิมค่ะ คนนี้ชื่อเกียร์” คุณพิมพยักพเยิดไปยังเด็กหนุ่มที่ยืนเยื้องไปทางขวาซึ่งไว้ผมรองทรงแบบนักเรียน แต่ยาวกว่านิดหน่อย แล้วผายมือไปยังคนที่ไว้ผมทรงสกินเฮด ที่ยืนถัดไปจากคนแรก “ส่วนอีกคนชื่อเล่ย์ค่ะ”
เป็นพี่น้องที่หน้าตาไม่เหมือนกันเลย… ไม่มีเค้าสักนิดเดียว
“สวัสดีจ๊ะหลานๆ นี่ลูกป้าจ๊ะ ชื่อแพท” ทั้งสองคนไม่ยกมือไหว้ เพียงแค่ผงกศีรษะทักทาย คงไม่แน่ใจว่าผมอายุเท่าไหร่ ผมก็พยักหน้าให้ยิ้มๆ แล้วถาม “กี้นี้คุณน้าบอกว่าสอบติด ที่ไหนครับ”
“ตาเกียร์เขาสอบติด ม. A ค่ะ คณะวิศวะ”
“งั้นก็ที่เดียวกับตาแพทสิ ใช่มั้ย” คุณแม่หันมาถาม ผมพยักหน้า “ครับ ผมเรียนบริหาร ปี 2 แล้วเกียร์ล่ะ”
“การบินค่ะ หลักสูตรนานาชาติ” คุณพิมตอบเองด้วยท่าทางภาคภูมิใจ ว้าว ได้ข่าวว่าค่าเทอมมันตั้งสองสามล้านไม่ใช่เหรอ แล้วก็พูดต่อ “ส่วนตาเล่ย์เขาติด ม.A เหมือนกันแต่คณะเกษตร”
“ทำไมเลือกเรียนเกษตรล่ะจ๊ะ” ถูกต้องแล้วครับคุณแม่ ผมกำลังจะถามอยู่พอดี คือ หน้าตาน้องเขาน่าจะเรียนพวกช่างกลมากกว่า
“ผมจะนำความรู้ไปพัฒนาไร่ที่ต่างจังหวัดครับ” ผมอดยิ้มไม่ได้เมือได้ยินน้องเขาตอบเหมือนกับท่องตามสคริปต์เลย
“ดีจ๊ะ ประเทศเราเป็นประเทศเกษตรกรรม มีไร่นาเยอะแยะที่เราสามารถพัฒนาได้อีก แต่เพราะเกษตรกรไม่มีความรู้ทำให้เราพัฒนาไปได้ไม่ถึงไหน” คุณแม่บอก เล่ย์ก็ยิ้มรับแล้วพยักหน้าแบบว่าเห็นด้วยเต็มที่ หน้าตาไม่เหมือนคนที่เข้ากับผู้ใหญ่ได้เลยนะมึง
คุยกันได้อีกแป๊บ คุณพิมก็ชวนผมกับคุณแม่ให้ช่วยดูรถให้น้องที่ชื่อเกียร์
“แล้วของเล่ย์ล่ะ เลือกได้แล้วเหรอ” คุณแม่ถามอีกแล้ว ท่าทางจะสนใจไอ้น้องคนนี้มาก คือ ทั้งเกียร์และเล่ย์หน้าตาหล่อมากครับ คงเพราะแม่เขาสวย แต่เกียร์หล่อแบบคุณชาย ส่วนเล่ย์หล่อแบบแบดบอย แต่กิริยาท่าทางกลับอ่อนน้อมถ่อมตนผิดกับลุคส์ทีเห็น เพราะงี้มั้ง คุณแม่เลยชอบ
“รายนี้เขาเป็นเด็กแว้นค่ะ รถยนต์ไม่ค่อยจะเอา ที่บ้านก็มีอยู่แค่สองคัน เป็นกระบะกับบีเอ็ม ที่เหลือมีแต่มอไซค์ ไม่รู้ชอบอะไรนักหนา” เอ่อ คุณครับ แค่สองคัน คนอื่นมีแค่คันเดียวก็หรูแล้ว ไม่อยากนินทาหรอกนะ แต่ที่ฟังมาเนี่ย รู้เลยว่าอวดรวย
ผมเหลือบมองไอ้น้องสองคน อยากรู้ว่าจะชอบโอ้อวดความร่ำรวยเหมือนคนเป็นแม่หรือเปล่า แต่มันก็ยืนเฉยๆ ไม่สนับสนุน ไม่คัดค้าน เหมือนกับเรื่องที่คุณพิมพูดเป็นเรื่องของคนอื่น ไม่เกี่ยวกับตน
พอเดินไปถึงรถคันที่เกียร์ต้องการ โอ้ พระเจ้า สปอร์ตราคายี่สิบกว่าล้าน พ่อมึงผลิตแบงค์ได้เหรอ แต่สวยจริงๆ ครับ สวยมาก แล้วก็เพิ่งรู้ครับ ไอ้น้องเกียร์มันมองคันนี้มานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเจอ แต่เลือกไว้ก่อนแล้ว พอสอบได้ก็ขอ
“คันนี้เหรอ”
“ครับ” ไอ้เกียร์บอก ไม่มีท่าทางเสียดายเงินแทนพ่อแม่สักนิด แล้วก็หันไปทางไอ้เล่ย์ “เท่ห์ป่ะ”
“อืมม ก็ดี” มันพูด แต่หน้าตามันบอกไม่ใช่
“แต่...” ไอ้เกียร์ถาม
“กูไม่ชอบสีมัน”
“แล้วจะเอาสีไร”
“สีไรก็ได้ ดำ ขาว เทา”
“ชมพูดีกว่ามั้ง”
“เออ ได้ แต่แยกกันอยู่เลยนะ ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
หลังจากที่จัดการเรื่องเอกสารอะไรเรียบร้อยแล้ว คุณพิมก็ขอเลี้ยงอาหารกลางวันคุณแม่กับผม ซึ่งพวกเราก็รับไว้ด้วยความเต็มใจ…
ตามสไตล์คนมีเงินแต่อาจจะไม่มีรสนิยมที่มักจะคิดว่า อาหารอร่อยต้องราคาแพงเสมอ คุณพิมพาพวกเราไปเลี้ยงที่ร้านอาหารมีชื่อแห่งหนึ่ง อาหารโอเค แต่ในความรู้สึกผมคิดว่าราคามันแพงเกินไป แต่ก็ช่างเถอะ ไม่ใช่เงินผม เสียดายทำไมให้ปวดหัว
“ตาเกียร์ไปเยอรมันค่ะ ส่วนตาเล่ย์ก็ไปเดนมาร์ก” คุณพิมกำลังโม้เรื่องลูกชายทั้งสองได้ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ “เลยเรียนช้ากว่าคนอื่นปีหนึ่ง”
“เรียนช้าไปปีหนึ่ง แต่ได้ประสบการณ์ทั้งภาษาทั้งการใช้ชีวิตตามลำพัง ก็ถือว่าคุ้มมากแล้วค่ะ” คุณแม่เอ่ย
“ค่า ตาเล่ย์กับตาเกียร์เขาก็บอกอย่างนั้น คัดค้านยังไงก็ไม่ฟัง อุตส่าห์บอกว่าจะให้ไปเรียนต่อตรีที่เมืองนอกก็ไม่เอา บอกว่าอยากไปแค่ปีเดียว ดีเหมือนกันไม่เปลืองเงิน” คุณพิมประชดลูกๆ แกมเอ็นดู
คุณแม่ยิ้มเอ็นดูอีกคน คงจะชอบไอ้เด็กสองคนนี่มาก “แล้วทำไมถึงไม่อยากเรียนเมืองนอกกันล่ะจ๊ะ ไม่ชอบเหรอ”
“ก็ชอบครับ แต่ผมจะเรียนวิชาการเกษตรเพื่อพัฒนาไร่และสวนที่อยู่ในไทย ไม่แน่ใจวิธีการสอนของประเทศอื่นว่าจะเหมาะกับสภาพภูมิอากาศของบ้านเราหรือเปล่า จึงคิดว่าเรียนที่ไทยน่าจะเหมาะกว่า” เล่ย์ตอบ ดูมีหลักการและจุดมุ่งหมายดีมาก มากกว่าตอนผมเลือกคณะที่จะเรียนเยอะเลย
“แล้วเกียร์ล่ะจ๊ะ”
เกียร์ยกมือลูบต้นคอเหมือนเขิน ก่อนจะบอก “คือ… ผมคิดถึงบ้านอะครับ ไปเยอรมันแค่ปีเดียว ผมอยากจะบินกลับบ้านซะหลายรอบ ถ้าต้องอยู่สามสี่ปีคงไม่รอด อีกอย่างตอนนี้คณะที่ผมอยากเรียนก็มีหลักสูตรนานาชาติ จบมาได้ปริญญาของเมืองนอกด้วย จึงคิดว่าเรียนที่ไทยก็คงจะไม่ต่างจากไปเรียนที่เมืองนอกสักเท่าไหร่”
หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ พวกเราก็ขอตัวกลับ… ระหว่างที่อยู่บนรถ
“คุณพิมเลี้ยงลูกยังไง ถึงมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้นะ”
“สร้างภาพหรือเปล่าก็ไม่รู้” หมั่นไส้ครับ ชมอยู่นั่นแหละ ลูกตัวเองนั่งอยู่นี่ไม่เคยชม มีแต่บ่น
“อย่ามองคนในแง่ร้าย ตาแพท” นั่นไง บ่นอีกแล้ว
“ผมพูดเล่นนน”
คุณแม่ก็เอาแต่พูดถึงลูกชายคุณพิมตลอดทาง สงสัยจะชอบใจมาก
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
หวานนิดๆ น่ารักอ่ะ
-
:กอด1: :กอด1: :กอด1:อ้ายยยจิบ้าตายยยถ้าจะน่ารักกนขนาดนี้ รอตอนต่อไปนะคะ
-
เป็นแฟนกันแบ้ววววววว
-
เย้ เป็นแฟนกันแล้ว
เดี๋ยวรอเฮียแพทมาเจอ จะเกิดไรขึ้นเปล่า
-
เขินมากกกกกกกกกกกกกกกกกก5555555
ไม่หวานมากนะแต่เขิน ชอบค่าาาาาา
-
เค้าเป็นแฟนกันแย้ววววววว น่ารัก
หวังว่าตอนเฮียแพทมาจะไม่มาม่านะ
-
ไปกันช้า ๆ
หวานวันละนิดเนอะ ^^
-
พุเป็นแฟนกับเล่ย์อย่างงงๆอีกแล้ว แต่คนอ่านอยากกรีดรองลั่นบ้าน ดีใจที่เป็นแฟนกันซะที :impress2:
เลย์มาเปิดตัวที่บ้านพุแล้ว ก็เลยอยากพาพุไปเปิดตัวที่บ้านเลย์บ้างล่ะสิ แต่ขนไปทั้งขโยงแบบนี้เลยดิ น่าจะสนุกดี :z1:
ตอนนี้ยาวจุใจ กดบวก กดเป็ดกันไป ชอบๆๆๆๆ :o8:
-
ทำไมเล่ย์มันดูเป็นแฟนที่ดีอย่างนี้
คงไม่หักมุมนะ
-
น่ารักอะ พุเลย์เป็นแฟนกันแล้ว
-
เล่ย์ต้องรีบทำคะแนนด่วนๆเลย เดี๋ยวไม่งั้นเจอพี่แพทมาสกัดดาวรุ่งแล้วจะแย่นะเออ :laugh:
-
อยากแซวบ้างหวานมาก น่ารักสุดๆแล้วงี้เฮียแพทคงกินแห้วอ่ะ ฮ่าๆๆ
-
สนุกดีๆๆๆ
งงๆ ว่า ชื่อเรื่อง นี่ กะ เนื้อ เรื่อง ???
ช่างเหอะๆ สนุกแล้วกัน ห้าๆๆๆ
ต่อ ๆๆๆ
เป็น แฟน กัน แล้ว อิอิอิ
แล้ว พวกสายรหัสนี่ ??
ลุงรหัส คิด ไร กะ หลาน ปะ เนี่ย ถ้า ใช่ ก้ จับ คู่ อื่น ไป เลย ,, เกียร์ ไงๆๆ เอา มา บ้าน พุ พร้อม กัน เลย ก้ดี นะ
-
เลย์น่ารักจัง
:กอด1: :pig4:
-
กรี๊ดไม่ได้อ่านหลายวัน เป็นแฟนกันแล้ว :-[
อยากได้หวานๆ ขอน้ำตาลให้คนอ่านอีกหน่อยน้าา :impress:
ปล.เล่มันก็น่ารักเนอะ
-
เรื่องน่ารักดีค่ะ
-
น่าัรักอ่ะ :-[
-
น้องพุกับพี่เล่ย์
-
จะได้หวานกันซักกี่วันน้อ ถ้าพี่แพทมาจะเป็นเรื่องรึเปล่าก็ไมรู้ เพราะดูท่าที่เขาจะคิดกับพุเกินกว่าพี่น้องรหัสนะ
-
น่ารักมากๆหวานนน
-
เค้าเป็นแฟนกันแล้วแหละ อ๊าย น่ารักจังเลยตัวเองทั้งสองคน
แถมมีเพื่อนหน่วยสังเกตการณ์คอยแซวตลอดอ่ะ
แต่ก็นะพวกนี้นี่กลัวเกรงแต่เล่ย์ ไม่เห็นกลัวพุเลย(ก็พุมันน่ากลัวเสียที่ไหน ฮ่าๆ)
โอ้ เฮียแพทใกล้จะมาถึงแล้ว งี้เจอกันเล่ย์คงจะจำกันได้ว่าครั้งแต่ก่อนเก่าเราเคยเจอกัน
แถมตอนนี้เฮียยังช้าไปหลายก้าวหลายกิโลแล้วนะ พุเค้ามีเจ้าของแล้วจ้ะ
-
เป็นแฟนกันง่ายดีเนอะ
พุก็ยอมเขามาตั้งแต่แรกแล้วนิ
เล่ย์เหมือนมีปมปัญหาในชีวิต
คนนี้นี่แหละพระเอกตัวจริง
เป็นแพทไปไม่ได้ โคตรจะเรื่อยเฉื่อยแฉะ
-
โฮววววววว
กลิ่นอายความเขิน กระจายมาถึงนี่
น่ารักไปนะเลย์ ><
ชอบอ้ะ ,,
แล้วเฮียแพทนี่ยังไงนะ จะมาตอนไหน
เจอกันหน่อย หุหุ ^^
-
รอๆ ชอบอะ น่ารัก เรื่อยๆ ดี
-
พี่แพทแห้วไปเนอะ เค้าเป็นแฟนกันแล้วววว
แต่น้องพันยังว่างนะพี่แพท :teach:
-
เป็นแฟนกันแล้วแบบพุไม่รู้ตัว ถ้างั้น จัดพี่แพทมาได้แล้ว
อยากดูปฏิกิริยาของเล่ย์กับพี่แพทบ้าง ถ้าจะมันส์ หุ หุ
-
เป็นแฟนกันแล้ววววววว
-
พี่เล่ย์จะน่ารักไปไหนนน ? :z10: :z10:
ชอบเวลาพี่เล่ย์อยู่กับพี่พุมากกกกกกกกก
น่ารัก หวานนนนนนนน ชอบอ้ะ !!
:z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
ขอร้อง จากใจ อย่าหักมุมนะคะ TT :m15:
มาอัพไวๆน่าาาาาาาาาาาาาาาาา :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
-
หวานวันละนิดจิตแจ่มใส
เล่ย์เท่มาก!!!
-
ฮิ้ววววว!!! ชอบเรื่องนี้
อ่านไปยิ้มไป มีความสุข
เล่ย์นายมันพระเอกมั่กมาก
เนียนสุดยอดได้ใจสุดๆ
กดบวกให้พัน มีน้องงี้รักขาดใจดิ้น
อยากให้เกียร์มาไวๆ จะได้เจอพันทิวาคนเก่ง
ปล่อยเป็ดให้คนเขียนน่ารักสีรุ้งสดใส จะได้อ่านต่อไวๆ
เป็น-แฟน!
เป็น-แฟน!
เป็น-แฟน! (ชูป้ายไฟ)
-
พี่เล่ย์ก็ ชอบให้เพื่อนแซวให้มั๊ยล่ะ
เห็นบ่นแทนพุ แต่ยิ้มทุกครั้งเถอะค่ะ 555
-
หวานนิดหวานหน่อย
เดวเฮียมา จะกลายเ่ป็นสงครามแน่ๆ
เพราะงั้นขอหวานเยอะๆนะค่าาาา หึึหึ
-
เรื่องนี้หวานแบบมึนๆ นายเอกรั่วตลอดเวลา
-
รออัพน้าาาาาาาาาาาาาาา >< :z2: :z2: :z2: :z2:
-
ชอบค่ะ สนุกดี
-
มารอน้องพุ
><
-
UNBELIEVABLE LOVE
Chapter Ten
สองวันผ่านไป ขณะที่พวกเรากำลังล้อมวงกินข้าวกลางวันกันอยู่…
“อันนี้อะไรวะพุ อร่อยดีว่ะ” ไอ้เดียวถาม พร้อมชี้ไปที่ถ้วยพริก
“พริกมะเขือ” สูตรแม่ผมเองครับ ใช้มะเขือเปราะทำ ตำแล้วก็เอามาผัดกับหอมและใบโหระพา... เครื่องมันน่าจะมากกว่านี้นะ แต่จำได้แค่นี้
ไอ้เอ้ลองชิมบ้าง “เออ เดี๋ยวขอสูตรไปให้แม่หน่อยสิ อร่อยดี”
“ถามแม่โน่น ทำไม่เป็นเหมือนกัน” แม่เพิ่งกลับมาพอดีครับ ทันทำพริกมะเขือเป็นกับข้าวมื้อกลางวันให้พวกผม แต่แม่กับพ่อไม่กินด้วย บอกยังอิ่มอยู่
“เออ กูรู้ ไม่คิดจะหวังอะไรจากมึงเล้ยจริงๆ” ไอ้เอ้ประชด
ผมหยิบมะเขือในจานผักเตรียมปาใส่มัน แต่นับว่าชะตามันยังไม่ถึงฆาต เสียงเพลงจากมือถือผมช่วยชีวิตไว้พอดี
“ครับ”
[เออ กำลังไปนะ เตรียมห้องไว้ด้วย สี่คน] เสียงเฮียแพทครับ สี่คนเลยเหรอ จะมีห้องให้นอนมั้ยเนี่ย
“แล้ว อีกสามคนเป็นใครอะ”
[ไอ้พิท จ๋า แล้วก็อาย เพื่อนจ๋า]
“อ้าว นึกว่าพี่พิทไปเชียงใหม่แล้ว”
[มันเปลี่ยนใจ จะแวะนี่ก่อน]
“อืม… แล้วเฮียมาไงอะ ขึ้นเครื่องหรือว่าขับรถมาเอง”
[ขับรถ]
“โอเค… ตอนนี้ถึงไหนแล้วอะ”
[ถึงหนองบัวแล้ว]
“แล้วมากันตั้งแต่กี่โมง”
[สิบโมงกว่าๆ]
“ไวอะ แล้วใครขับรถ เฮียหรือพี่พิท”
[ไอ้พิท]
“มาถูกใช่มั้ย”
[ถูก ไม่เกินบ่ายสอง น่าจะถึง]
“โอเค… แล้วกินไรกันมายัง”
[รอไปกินบ้านมึงนั่นแหละ]
“โอเค เดี๋ยวจะได้เตรียมไว้ให้”
[หึ หึ กูพูดเล่น กินกันก่อนขึ้นรถแล้ว]
“อ้าว แต่ผมจะเตรียมไว้จริงนะ”
[เออๆ เตรียมไว้เหอะ เดี๋ยวไปกิน หิวอีกแล้วเนี่ย]
“โอเค”
[แล้วมึงกำลังทำไรอยู่]
“กินข้าว”
[อ้าว แล้วก็ไม่บอก งั้นไปกินต่อเหอะ ใกล้ถึงแล้วจะโทรไป]
“ครับ บายครับ”
[บาย] ผิดคาดวุ้ย มีบอกลาก่อนวางด้วย
เมื่อของคาวหมดและกำลังต่อด้วยของหวานผมก็บอกกับชาวคณะ
“เดี๋ยวลุงกับพี่รหัสเราจะมา สี่คน ต้องนอนเบียดๆ กันหน่อยนะ”
“มาวันไหน” ไอ้เดียวถามทั้งๆ ที่ยังมีวุ้นคาอยู่ในปาก
“วันนี้แหละ กำลังมา”
“ลุงรหัส? ใช่คนที่ทำให้มึงเครียดจนต้องไปกินเหล้าที่พัทยาป๊ะ” ไอ้เอ้ถาม
ผมพยักหน้า รอจนกลืนขนมลงคอแล้วจึงตอบ “อือ คนนั้นแหละ”
“คืนดีกันละ”
“อือ ฮึ”
“ทำไม เกิดไรขึ้น” ไอ้เดียวสงสัย เพราะเวลากินเหล้าแล้วผมจะง่วงและซึม ไม่ค่อยพูดความในใจอะไรออกไป กินเหล้าด้วยกันมาก็หลายวัน พวกมันเลยยังไม่รู้ว่าที่ไปพัทยาเพราะผมเครียดเรื่องอะไร
“ก็…” ไม่อยากจะเล่าเลยว่ะ ไอ้พวกนี้มันต้องรุมด่าผมแน่
ผมเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เห็นอีกฝ่ายมองมาเหมือนสนใจอยู่แล้ว “คือ… วันนั้นที่เราดูหนังกันอะ”
“อะไร ไอ้พุ แอบไปดูหนังกันมาสองคนเหรอ แม่งไม่ชวนเลยนะ” ไอ้ซอลพูดแทรกขึ้นมา
“ไม่ช่ายย เรื่องมันนานมาแล้ว ก่อนพวกเราจะเจอกันอีก”
“เออ งั้นก็แล้วไป อย่าให้รู้นะว่าแอบไปดูหนังกันสองคน ไม่งั้นล่ะน่าดู” ไอ้ซอลขู่
“แล้วมึงจะไปยุ่งอะไรกับเขาเนี่ย มันไปดูหนังกันสองคนก็ไม่แปลก แต่มึงนั่นแหละที่แปลก เสือกจะตามเขาไปทำไม” ไอ้เดียวด่าเพื่อนตัวเอง
ไอ้ซอลยักคิ้วกวนๆ แล้วลอยหน้าลอยตาพูด…ได้น่าถีบมาก“ไมอะ ก็กูจะไปเป็นกขคงจฉชซ…”
“เยอะละ เยอะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไอ้ซอลหัวเราะขำตัวเอง ก่อนจะหันมาเอาเรื่องกับผม “แล้วเมื่อไหร่มึงจะเล่าเนี่ย กูรอฟังจนรากงอกแล้ว”
นี่ถ้านั่งอยู่ใกล้ๆ นะ จะขอโบกซักที กวนตีน“ก็พูดแทรกอยู่ แล้วจะไปเล่าตอนไหนวะ”
“ก็นี่ไง ไม่แทรกแล้ว อะ เร็วๆ เล่าๆ”
“ก็… วันนั้นที่ไปดูหนังกับพี่เล่ย์อะจริงๆ นัดกับเฮียแพทไว้ก่อนแล้ว… แต่ลืม”
ทุกคนนั่งอึ้ง ก่อนไอ้เอ้จะถามทวน “เอาใหม่นะ มึงนัดกับเฮียแพท แล้วลืม ก็เลยมานัดกับพี่เล่ย์อีกคน”
“เปล่า คนนี้ไม่ได้นัด อยู่ดีๆ ก็มาบังคับให้ไปดูหนังด้วยเฉยเลย” ผมเหล่ตามองคนชอบบังคับที่นั่งอยู่ข้างๆ
พี่เล่ย์ยักไหล่ ยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง“ใจง่ายเอง ช่วยไม่ได้”
“อ้าว พูดงี้ก็สวยดิ”
“ไม่สวย… หล่อ” พูดได้หน้าตาเฉยมาก
และแน่นอน ต้องมีเสียงจากสัมภเวสีทั้งสามตัวเป็นลูกคู่ “ฮิ้ววววววววววววววววว”
“สรุป พอไอ้เล่ย์ชวน มึงก็ตามมันไปง่ายๆ แล้วลืมลุงรหัสมึง” ไอ้เดียวยังไม่เลิกสงสัย
“อือ ฮึ… ก็หลงความหล่อพี่เล่ย์อะ ตาพร่าไปหมด คิดอะไรไม่ออกเลย” ผมบอก พร้อมกับมีแอ๊คติ้งประกอบ
“ฮิ้วววววววววววว” อีกรอบ
กำลังหัวเราะขำอยู่ดีๆ ก็รู้สึกเจ็บที่หูเพราะโดนดีด แล้วคนทำก็ว่า “ประชดประชัน”
ทุบขาคนซาดิสม์ไปทีแล้วก็แก้ตัว “อะไรอะ ก็กี้นี้พี่พูดเองนะ ว่าตัวเองหล่อ… อุตส่าห์เห็นด้วยนะเนี่ย”
“เยอะไป”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ประมาณบ่ายสองโมง เฮียแพทก็โทรมาบอกว่า ถึงแล้วแต่หาทางเข้าบ้านไม่เจอ ผมเลยชวนพี่เล่ย์ออกไปรับ…
“ตรงมาเรื่อยๆ ก่อน ผมยืนรออยู่หน้าทางเข้าอะ”
[มีอะไรเป็นจุดสังเกตมั้ย]
“มีศาลาอยู่หน้าปากทาง รถเก๋งสีดำจอดอยู่ข้างๆ แล้วก็มีคนยืนอยู่สองคนอะ”
[เออ กูว่ากูเห็นมึงละ] นิสัยเดิม วางไปละ
เฮียแพทวางไปไม่ถึงนาที ฮอนด้าซีวิคสีขาวที่ผมจำได้ว่าเป็นของพี่พิทก็วิ่งมาชะลอจอดลงตรงหน้าพวกเรา พร้อมกันกับที่เสียงแตรมอเตอร์ไซค์คุ้นหูดังขึ้น “ปริ๊น!”
ไอ้พันครับ มากับไอ้ข้าว เพื่อนซี้เขา หายไปตั้งกะเช้า “รถเป็นไร”
“เปล่า มารอเพื่อน” ผมบอก แล้วทำสัญญาณมือให้มันลงรถมาก่อน พอเฮียแพทกับพี่จ๋าลดกระจกลงมา ผมก็ยกมือไหว้ “ทุกคนหวัดดีคร๊าบ” แล้วแนะนำคนในรถให้รู้จักกับไอ้พันและไอ้ข้าว “นี่น้องผมครับ พันกับข้าว…. เดี๋ยวให้น้องมันนำทาง พี่พิทขับตามมอ’ไซค์มันไปนะ”
“แล้วมึงจะไปไหน” เฮียแพทถาม
“เดี๋ยวขับตามหลังไป” ผมบอก
“เหมือนรถผู้นำประเทศเลยว่ะ มีขบวนประกบหน้าหลัง” พี่พิทว่าขำๆ
“เออใช่ พี่พิทเอาหวอมาวางด้วยดิ”
“มึงจะบ้าเหรอ” พี่พิทด่า ก่อนจะหันไปเปิดเก๊ะหาอะไรสักอย่าง แต่คงจะหาไม่เจอจึงหันไปถามพี่จ๋าที่นั่งอยู่ด้านหลังกับเพื่อน “จ๋า ไซเรนอยู่ไหน”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
แล้วขณะที่เรากำลังขับตามรถพี่พิทเข้าไปในบ้าน ผมก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้จัดห้องให้เฮียแพทกับพี่พิทและพี่จ๋าเลย “เออ เดี๋ยวพี่เล่ย์ไปนอนรวมกับคนอื่นที่ห้องพุได้มั้ยอะ ห้องพัน เดี๋ยวให้เฮียแพท พี่พิท แล้วก็พี่จ๋ากับเพื่อนนอน”
“ถ้าไม่ได้ จะทำยังไง”
“ไม่รู้อะ ยังไม่ได้คิด” ก็ไม่ได้คิดไง ว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอม
พี่เล่ย์หัวเราะในลำคอ ก่อนจะถาม “แล้วพุจะนอนไหน”
“เดี๋ยวพุกับพันไปนอนห้องพ่อแม่”
“ที่นอนพอมั้ย”
ผมนั่งนับนิ้ว “มีใครบ้างนะ พี่พิท พี่จ๋า เพื่อนพี่จ๋า เฮียแพท ไอ้ซอล ไอ้เดียว ไอ้เอ้ พัน พุ แล้วก็พี่”
“สิบคน” พี่เล่ย์ช่วยคิด
“อืม… สิบคน แล้วก็มีฟูกสี่ ที่นอนสอง”
“ขาดสี่” ว่าแล้วพี่แกก็กลับรถ “ที่นี่มีห้างมั้ย”
“ถามซะเหมือนอยู่ใกลปืนเที่ยง มีสิ ท็อปแลนด์กับเซ็นทรัล”
อีกฝ่ายอมยิ้ม “ที่ไหนใกล้”
“ท๊อปแลนด์ แล้วจะไปไมอะ ซื้อฟูกเหรอ ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพันกับพุนอนเสื่อก็ได้ แล้วอีกสองคนที่ขาดก็เอาผ้านวมมาปูแทน ไม่ใช่หน้าหนาว ห่มผ้าแพรกำลังเย็นสบาย” ผมถามเองแล้วก็สรุปเองเสร็จสรรพ
“ซื้อเก็บไว้ก็ดี เผื่อมีคนอื่นมาเพิ่มอีก”
“ไม่ไหวละมั้ง ถ้ามาอีก ก็คงต้องกางเต็นท์นอนกันแล้ว”
พี่เล่ย์หัวเราะขำ “แล้วพ่อกับแม่ไม่ว่าเหรอ คนเยอะขนาดนี้”
“ไม่ว่าหรอก พ่อเขาชอบ บอกคนเยอะๆ ครึกครื้นดี”
“พ่อไม่ว่า แล้วแม่ล่ะ ต้องมาทำอาหารเลี้ยงคนตั้งเยอะ เหนื่อยแย่”
ผมส่ายหน้า ไม่เห็นด้วยอย่างแรง “แม่ยิ่งชอบ จะได้โชว์ฝีมือทำกับข้าว ถ้าชมว่าอร่อยนะ ทำลืมเหนื่อยเลย เดี๋ยวคอยดูเหอะ เย็นนี้ได้กินพริกมะเขืออีกแน่” พูดแล้วก็เอนหลบมือที่ลอยวืดมา เจ้าของมือบอก “เป็นลูกที่กตัญญูมาก นินทาแม่”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ผ่านไปสักครู่ คนขับก็บอก “พุ โทรบอกคนที่บ้านหน่อย ว่าจะไปห้าง เดี๋ยวเป็นห่วง”
“เออ ใช่ ลืมไปเลย”
“ประจำ… เดี๋ยวซื้อปลาทะเลให้กิน”
“ปลาอะไร”
“ปลาทู”
“ไม่ใช่แมว”
“หึ หึ”
เมื่อมาถึงห้าง เดินผ่านร้านไอศกรีมสเวนเซ่นส์ ผมก็ชวนคนที่มาด้วยให้แวะ“กินติมก่อนนะ แล้วค่อยไปเลือกของ”
“อือ”
เข้าไปนั่งในร้าน เมื่อพนักงานนำเมนูมาให้ ผมก็ไม่เห็นคนที่นั่งตรงข้ามจะกางเมนูออกดู เลยสงสัย “พี่เล่ย์ไม่กินเหรอ”
“พุสั่งเลย เดี๋ยวพี่กินด้วย”
“ไม่เอา สั่งเองดิ เดี๋ยวไม่อิ่ม”
“ไอศกรีมนะไม่ใช่ข้าว จะกินจนอิ่มเลยเหรอ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ถึงจะรู้ว่าโดนประชด แต่ขำอะ
อย่าว่าแต่ผมจะขำ พนักงานยังแอบอมยิ้ม “งั้นลองซักเมนูก่อนมั้ยคะ ถ้าไม่อิ่มค่อยสั่งเพิ่ม”
“ครับ งั้นเอา… แมงโก้เครปก็ได้”
พนักงานจดรายการที่สั่งลงไปในกระดาษที่ถืออยู่ แล้วพูดยิ้มๆ “แมงโก้เครป ช้อนสอง รอสักครู่ค่ะ”
ออกจากร้านไอศกรีม พวกเราก็มุ่งตรงไปที่แผนกเครื่องนอน เลือกที่นอนแบบพับได้สี่ผืน
“รถจะพอใส่เหรอ” ผืนสองผืนก็พอได้ แต่นี่สี่ผืนมันจะไหวเหรอว้า
พี่เล่ย์ใช้นิ้วชี้เคาะปลายจมูก ซึ่งมักจะเผลอทำทุกครั้งที่ใช้ความคิด “น่าจะพอ… ถ้าไม่พอก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเอาใส่กระโปรงหลัง”
ชำระค่าสิ้นค้าเรียบร้อย สนนราคาอยู่ที่แปดพันบาทไทย พนักงานก็เข็นที่นอนไปส่งที่รถ… สรุป ด้านหลังของรถกว้างพอจะใส่ที่นอนผืนบางๆ ได้ถึงสี่ผืน ถึงแม้จะต้องเบียดเสียดยัดเยียดไปหน่อยก็ตาม
เห็นสภาพรถแล้วผมก็ต้องถามคนขับด้วยความเป็นห่วง จริงๆ ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง “มันไม่บังเหรอ กระจกหลังมองเห็นป๊ะ”
“พุก็ไปนั่งข้างหลังสิ ที่นอนจะได้ยุบลงมาอีก” พี่เล่ย์พูดยิ้มๆ
“เอาจริงใช่ป๊ะ กำลังง่วงพอดีเลย” ผมทำท่าจะปีนข้ามไปนั่งข้างหลัง แต่ถูกมือใหญ่ๆ ดึงให้นั่งลงกับที่ “ไม่มานั่งคุยเป็นเพื่อน พี่นอนบ้าง อย่าร้องนะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ขำอะไรก็ไม่รู้ ทำไมผมเส้นตื้นจังวะ
ระหว่างเดินทาง นั่งๆ ไปไม่มีไรทำ ผมก็จับโน่นเปิดนี่เล่น เจอกระป๋องมันฝรั่งทอดในเก๊ะ ก็หยิบมาเปิดฝาแล้วหยิบใส่ปาก แอบเห็นคนขับเหลือบตามอง ก็เลยสงสัย “ไรครับ อยากกินเหรอ”
อีกฝ่ายไม่ตอบ มือที่แตะอยู่ตรงกระปุกเกียร์วาดมาวางตรงท้อง ทำเอาสะดุ้ง “เฮ้ย!”
“อะไร เสียงดังทำไม”
“ก็พี่ทำไรอะ หวาดเสียวนะเว้ย” ถ้าต่ำกว่านี้อีกนิดนะ
พี่เล่ย์นิ่วหน้า แป๊บเดียวก็เก็ท “คิดอะไร ทะลึ่ง”
อ้าว นี่ผมคิดไปเองใช่มั้ย แต่ยังไงเราก็ไม่ยอมผิด... นิสัยดีมาก คึคึ“ก็ทำให้คิดทำไมล่ะ”
“หึ หึ ถ้าจะทำก็ทำเลย ไม่รอให้คิดได้หรอก” ดูคำตอบซะก่อน โคตรน่าไว้ใจ
“แล้วมาจับทำไมอะ”
“อยากรู้… กินไม่ขาดปาก เอาไปเก็บไว้ที่ไหนหมด”
ผมยักคิ้วให้คนอยากรู้กวนๆ “ไมอะ เมทาบอลิซึมดี”
“มิน่า ไม่โตซะที เผาทิ้งไปหมด”
มาพูดเรื่องปมด้อย โกรธเว้ยโกรธ ยกแขนกอดอก ผมทำหน้ามุ่ย “เออ จำไว้”
ปกติพี่แกจะหัวเราะอยู่แค่ในลำคอ เหมือนกลัวว่าถ้าหัวเราะเสียงดังแล้วใครจะมาขโมยเสียงไปงั้นแหละ แต่ครั้งนี้ คงจะถูกใจมาก หัวเราะลั่นเลย “ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!”
กลับมาถึงบ้านก็โดนไอ้ซอลอาละวาดใส่ก่อนเลย“ไอ้พุ กูก็นึกว่ามึงตกส้วมท็อปแลนด์ตายไปแล้ว หายไปซะ”
“อย่าพูดมาก มาช่วยกันขนที่นอนเลย” ผมบอก แต่พอหันไป… ไม่ต้องละ ไอ้ข้าว ไอ้พัน ไอ้เดียว มาโน่นแล้ว
...คิดไปคิดมา ตัวเล็กก็ดีเหมือนกันนะ
ผมเดินตัวเบาไปหาเฮียแพท พี่พิท พี่จ๋า และพี่อาย ที่นั่งอยู่บนตั่งที่ใต้ถุนบ้าน “พี่จ๋า พี่อาย กินข้าวยังครับ”
ทั้งสองคนพยักหน้า แล้วบอกยิ้มๆ “กินแล้วจ๊ะ อร่อยมาก”
“แหม ไอ้พุ เห็นสาวๆ เป็นไม่ได้ แถไปทักก่อนเลยนะ พี่มึงนั่งอยู่นี่ทั้งคน ไม่ถามสักคำ” พี่พิทแกล้งน้อยใจ
“อ้าวเหรอ พี่พิทกินข้าวยัง”
“กินแล้ว แต่ยังไม่อิ่ม”
“อ้าว ไมอะ ข้าวหมดเหรอ”
“ไม่หมดหรอก แต่กูอยากกินของหวาน”
“แล้วก็ไม่บอก มีอ้อย เอาป่ะ เดี๋ยวไปตัดมาให้ หวานๆ เลย”
พี่พิททำตาโต “เออ ดีๆ ตรงไหน เดี๋ยวกูไปช่วยตัด”
ผมชี้ป่าอ้อยให้พี่พิทดู แล้วก็หันมาสนใจคนที่ยังนั่งเงียบอยู่ “เฮีย กินข้าวอร่อยเปล่า”
“อร่อย” แล้วเฮียแกก็นิ่งไป ไม่พูดอะไรต่อ
“อิ่มป่ะ”
“อิ่ม” ถามคำตอบคำ เหมือนจะยังไม่หายโกรธนะเนี่ย
“เอ่อ…” ไปไม่เป็นเลยกู ไม่รู้จะถามอะไรต่อดี เลยหันไปหาพี่พิท กำลังจะบอกว่า ให้ไปตัดอ้อยกัน แต่เฮียแพทก็โพล่งขึ้นมาก่อน “คนที่มากับมึง ใคร”
“ใครอะ พวกที่มาด้วยน่ะเหรอ”
“เจ้าของรถบีเอ็ม”
“อ๋อ พี่เล่ย์ เดี๋ยวลงมาจะแนะนำให้รู้จัก” พี่เล่ย์ขึ้นไปข้างบนพร้อมกับที่นอน ยังไม่ลงมาเลยครับ “เออ เห็นห้องกันแล้วใช่ป๊ะ นอนกันได้มั้ย”
“นอนได้” พี่จ๋าเป็นคนตอบ “พวกพี่มานี่ รบกวนแย่ เห็นบอกไปซื้อที่นอนมาใหม่เลยเหรอ”
“ไม่รบกวนหรอกครับ มากันเยอะๆ สนุกดี” ผมบอก แต่ไม่เอ่ยถึงที่นอน “พวกพี่รู้จักคนอื่นๆ กันหมดแล้วใช่มั้ย ไอ้เอ้ ไอ้ซอล ไอ้เดียวอะ”
“น้องมึงแนะนำให้รู้จักแล้ว” พี่พิทบอก แล้วลุกขึ้นยืน “ไปตัดอ้อยกัน”
ผมพยักหน้า แล้วชวนอีกคนไปด้วย “เฮียไปด้วยกัน”
“ไม่เอา ร้อน” สำอางจริงเว้ย เฮียกู
“เอาไปทำไร” พี่เล่ย์ถาม เมื่อเห็นผมเดินถือมีดออกมาจากในครัว
“ตัดอ้อย”
“เล่มเล็กไปมั้ย ใหญ่กว่านี้หน่อยดีกว่า” อีกฝ่ายว่า แล้วรับมีดที่ผมยื่นคืนให้ไปเก็บไว้ในครัว หยิบเล่มใหม่มา พอผมยื่นมือไปรับก็ส่ายหน้าแล้วบอก “เดี๋ยวพี่ถือเอง เห็นท่าถือมีดกี้นี้แล้วหวาดเสียว”
“ไหนๆ ก็ไหนๆ ตัดให้ด้วยดิ” ผมแซวยิ้มๆ
“เออ เดี๋ยวตัดให้ จะเอากี่ต้น”
“ไม่รู้อะ คนจะกินอยู่ข้างล่างโน่น” พี่พิทยืนรออยู่ตรงบันใดครับ พอเดินลงไปผมก็แนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกัน “พี่พิท นี่พี่เล่ย์ครับ… พี่รหัสพุ” ประโยคหลังบอกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
ทั้งสองคนพยักหน้าและยิ้มให้กัน แล้วผมก็บอก “เดี๋ยวให้พี่เล่ย์ตัดให้”
“อ้าว ไปกวนเขาทำไม ตัดเองก็ได้” พี่พิทว่า เหมือนคนมีมารยาทเนอะ นั่นเพราะยังไม่สนิทครับลองสนิทสิ จะมีมั้ย ความเกรงใจ…
“ไม่เป็นไร เขาว่าง” พูดเสร็จก็รีบถอยหลบ กลัวโดนดีดหู แต่คงจะหลบแรงไปหน่อย ชนพี่พิทซะกระเด็น “อะไรของมึง”
ผมหัวเราะขำกับสายตาคาดโทษของคนที่ผมหลบและท่าท่างมึนงงของพี่พิท “โทษๆ สะดุดรากไม้…. แล้วพี่พิทเจอพ่อกับแม่ยัง”
“เจอแล้ว”
“แล้วไปไหนรู้ป๊ะ กลับมายังไม่เห็นเลย”
“ไปบ้านใครซักคนนี่แหละ จำชื่อไม่ได้ แต่เดี๋ยวเย็นๆ ก็กลับ”
“พี่ๆ ครับ นี่พี่เล่ย์ครับ ยังไม่ได้แนะนำให้รู้จัก” หลังจากที่ได้อ้อยมาแล้ว ผมก็ลากพี่เล่ย์ไปแนะนำให้คนอื่นๆ รู้จัก ก่อนจะแนะนำคนอื่นให้พี่เล่ย์รู้จักด้วย “เฮียแพท ลุงรหัสพุ… พี่จ๋าแฟนพี่พิท แล้วก็พี่อายเพื่อนพี่จ๋า”
ระหว่างที่แนะนำผมเห็นเฮียแพทมองพี่เล่ย์นานเป็นพิเศษก็สงสัย แต่ไม่ได้ถามออกไป กะรอให้โอกาสเหมาะก่อนแล้วค่อยถาม…
แนะนำตัวเสร็จ พี่เล่ย์ก็นั่งลงคุยกับพี่ๆ คนอื่นๆ สักครู่ไอ้พันก็เดินมา “พี่เล่ย์ ขอยืมรถหน่อยสิ”
“พุ?” พี่เล่ย์ถามหากุญแจที่ฝากไว้ ผมควักออกมาจากกระเป๋าข้างของกางเกงขาสั้นแค่เข่าที่ใส่อยู่ ยื่นให้เจ้าของรถ ซึ่งยื่นต่อให้ไอ้พันแบบไม่หวงไม่ห่วงอะไรเลย เห็นแบบนั้นก็ยิ่งเกรงใจ เลยต้องทำหน้าที่ทนายซักน้องสุดที่รักแทน “เอาไปไมอะ”
“ซื้อของ”
“ของไร”
“พวกข้าวสารอาหารแห้ง”
“ซื้อไปไหน ตักบาตรเทโวเหรอ”
“ซื้อมากิน… ใครเขาตักบาตรเทโวกันเดือนนี้…” ไอ้พันลากเสียงตอบ กวนว่ะ
“จะรู้มั้ยอะ ก็ไม่เคยบวช” ผมเถียง
คนนั่งข้างๆ ก็หัวเราะ หึๆ “เจ็บมั้ย”
“อะไรเจ็บ”
“ข้างๆ อะ เจ็บมั้ย แถไปขนาดนั้น” พอพี่เล่ย์พูดจบ ไอ้พันก็หัวเราะก๊ากอย่างสะใจ “เฮีย พูดเหมือนมานั่งอยู่ในใจผมเลยว่ะ ขอแปะมือหน่อย” แล้วพี่เล่ย์ก็บ้าจี้ยื่นไปแปะกับมันเฉย
แล้วผมทำไง… ผมจะทำอะไรด้ายยย นอกจากบ่นงึมงำๆ อาฆาตแค้นทั้งสองคน
เข้ากันเป็นฉิ่งเป็นฉาบ มันน่าจะมาเป็นแฟนกันนัก
“พุ?” ไอ้พันเรียก
“อะไร” ผมขานรับห้วนๆ มองหน้ายิ้มๆ ของมันอย่างหมั่นไส้
“อยากกินไรป๊ะ เดี๋ยวซื้อมาให้”
“ไม่ต้อง อยากกินเดี๋ยวซื้อเองได้” ผมตอบ แกล้งทำเป็นโกรธ เดี๋ยวมันจะได้ซื้อขนมมาง้อ
แต่สงสัยแผนนี้จะใช้บ่อยไปหน่อย ครั้งนี้เลยไม่ได้ผล ไอ้พันมันรู้แกว“เออ พอดีเลย เงินยิ่งไม่ค่อยจะมี”
“น้อง” เฮียแพทยื่นธนบัตรสีเทาให้ไอ้พันสามใบ “พี่ช่วยค่าข้าว”
แต่ไอ้พันไม่รับ เพราะที่บ้านเราไม่ว่าแขกจะมาเยอะหรืออยู่นานขนาดไหน ก็จะไม่ให้ออกเงินค่าอาหาร “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวค่อยช่วยออกค่าเหล้าดีกว่า”
เฮียแพทพยักหน้าเข้าใจ แล้วเก็บเงินเข้ากระเป๋า…
“ไปซื้อกับใคร” พี่เล่ย์ถามไอ้พัน
“พี่เดียว พี่ซอล พี่เอ้ ไอ้ข้าว ผม” ยกไปกันหมด จะมีที่เหลือใส่ของมั้ยเนี่ย
ตกเย็น แม่ก็โทรมาบอกว่าจะกลับดึกๆ ให้ทำอะไรกินกันไปก่อน… เข้าล็อคขี้เมา หมักคอหมูเตรียมย่าง
แล้วก็เข้าล็อคผม… เมื่อเฮียแพทนั่งอยู่คนเดียว เพราะคนอื่นๆ ไปทำภารกิจกันหมด
พี่เล่ย์ ไอ้เดียว ไอ้ข้าวและไอ้พันไปซื้อเหล้า… จะขนกันไปทำไมเยอะแยะ ไม่เข้าใจ
พี่จ๋ากับพี่อายไปอายน้ำ
ไอ้เอ้กับพี่พิทกำลังก่อกองไฟ
ไอ้ซอลทำน้ำจิ้ม
ส่วนผมกับเฮียแพท… รอกิน งานหนักมาก คึคึ
“เฮีย”
“ว่าไง”
ขี้เกียจอ้อมค้อม ผมยิงตรงประเด็นเลย “เมื่อกลางวัน เฮียจ้องพี่เล่ย์ทำไมอะ”
เฮียแพทนิ่งไปแป๊บ แล้วบอก “กูรู้จักมัน”
“จริงดิ ไม่เห็นพี่เล่ย์ว่าอะไรเลย” ผมว่า แล้วก็ถามด้วยความสงสัย “รู้จักกันนานยัง”
“เจอกันครั้งแรก ปีที่แล้ว”
มีครั้งแรก ก็ต้องมีครั้งที่สองสิ “เจอกันบ่อยเหรอ”
“สามครั้ง”
“อ้าว แล้วไมพี่เล่ย์จำเฮียไม่ได้อะ”
เฮียแพทส่งเสียงหึขึ้นจมูก ไม่ยอมตอบคำถาม เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นแทน “มึงรู้จักกับมันมานานยัง”
“ก็…..” ผมพยายามนึก ว่าเรารู้จักกันจริงๆ จังเมื่อไหร่ นานหรือยัง “สักพักแล้วล่ะ”
“เจอกันยังไง”
ผมยกนิ้วขึ้นถูกจมูกนึกถึงครั้งแรกที่เจอกัน ยังงั้นเขาเรียกว่าเจอกันได้เปล่าหว่า… ไม่เอาดีกว่า “เฮียจำเรื่องพี่ปลายได้ป๊ะ”
เฮียแพทไม่ตอบ แต่หันมามอง เหมือนจะบอกว่า ‘กูไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์’
“พี่เล่ย์อะ คนที่ช่วยผม”
“แล้วมันมาเจอมึงได้ไง”
“เดินชนกันตรงประตู แล้วคงเห็นผมจะเป็นลมมั้ง พี่เล่ย์เลยพาออกไปนั่งข้างนอก”
“แล้วครั้งที่สอง?”
ผมสงสัย ทำไมเฮียแพทต้องถามซะละเอียดขนาดนี้ แต่ก็ตอบแต่โดยดี“อืม… วันนั้นที่เราไปกินเหล้ากันแล้วผมกลับก่อนเพราะน้องผมมาหาที่หออะ ตอนกำลังยืนรอรถก็เจอพี่เล่ย์พอดี เขาเลยพาไปส่ง”
เฮียแพทพยักหน้า เหมือนมั่นใจอะไรสักอย่าง “ครั้งที่สาม?”
เอาไงดีวะ บอกตรงๆ ผมโดนด่าแน่ “ก็… ก่อนสอบ ผมไปนั่งกินไอติม แล้วพี่เล่ย์ น่าจะเดินผ่านแล้วเห็นมั้ง เขาเลยมานั่งด้วย”
“แค่นี้?” เฮียแพทถามเหมือนรู้เลยอะ
“แล้วเขาก็ชวนดูหนัง ก่อนกลับก็พาไปกินข้าว”
“ใช่วันที่มึงเบี้ยวกูมั้ย” เฮียแพทถามเสียงเรียบ ไม่บ่งบอกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน
ผมพยักหน้าแล้วยิ้มแหยๆ อุตส่าห์คืนดีกันแล้ว อย่าโกรธอีกนะ
“กูไม่โกรธมึงแล้ว สบายใจได้” พูดงี้ค่อยยิ้มออกหน่อย“แต่กูมีเรื่องจะบอกมึง”
ผมหันไปมองคนพูดอย่างสนใจ อุตส่าห์ไม่โกรธ ต้องตั้งใจฟังหน่อย
“ไอ้เล่ย์ไม่ได้บังเอิญเจอมึง”
“…..”
“มันเป็นน้องกู”
“…..”
“แม่มันเป็นเมียน้อยพ่อกู”
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
UNBELIEVABLE LOVE
You Again
“โกหก!!!”
ผมตวาดออกไปด้วยความโมโห เมื่อจู่ๆ ไอ้เด็กที่คุณแม่เคยชื่นชมหนักหนา เดินเข้ามาในห้องทำงาน แล้วบอกว่าเป็นลูกอีกคนหนึ่งของคุณพ่อ “นายต้องการอะไร”
มันหันมามองด้วยดวงตาเฉยชา เหมือนไม่รู้สึกรู้สมกับการตวาดของผม ก่อนจะหันไปมองสบตากับคุณพ่อ “ผมไม่ได้ต้องการอะไร แค่คิดว่าคุณควรจะรู้”
“ภาวิตา” คุณพ่อพึมพำออกมา น่าจะเป็นชื่อของหญิงแพศยาที่ให้กำเนิดไอ้เด็กเวรนี่ แต่นั่นยังไม่ทำให้ผมกลัวเท่าแววตาอ่อนโยนที่ท่านกำลังมองไปที่มัน “แล้วตอนนี้แม่ของลูกอยู่ที่ไหน”
“คุณพ่อ!” ผมตะโกนออกมาด้วยความแตกตื่น ยังไม่ทันจะรู้แน่ชัด แต่คุณพ่อกลับเรียกมันเต็มปากเต็มคำว่า ‘ลูก’ “คุณพ่อรู้ได้ไงว่ามันเป็นลูก ยังไม่ได้ตรวจ DNA เลย มันอาจจะเป…”
“เงียบ!” ตั้งแต่เล็กจนโต คุณพ่อไม่เคยใช้น้ำเสียงแบบนี้กับผมสักครั้ง แต่เพราะไอ้เด็กเวรนี่ ที่ทำให้คุณพ่อตวาดผมด้วยน้ำเสียงระคายหูแบบนี้ ไอ้เด็กที่ท่านยังไม่รู้แน่ชัดด้วยซ้ำว่ามันเป็นลูกจริงๆ หรือไม่ “ถ้ายังอยากฟังและมีส่วนร่วมเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็สงบสติอารมณ์และอยู่เงียบๆ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ออกไป”
ผมยืนกำหมัดแน่น มองตรงไปยังไอ้คนที่เข้ามาแทรกแซงและบั่นทอนความสงบสุขครอบครัวของเรา... โกรธและเกลียดจนไม่อยากอยู่ร่วมห้องกับมันแต่เพราะความกระหายใคร่รู้ ทำให้ผมไม่สามารถก้าวเท้าออกไปจากห้องนี้ได้
เมื่อผมเงียบเสียงลงแล้ว คุณพ่อก็หันไปหามันอีกครั้ง แล้วเอ่ยคำที่แสลงหูสุดจะทน “แม่ของลูก…”
“เธอเสียชีวิตหลังจากที่คลอดผมได้สามวัน”
“แล้วใครดูแลลูก”
“เพื่อนเก่าของแม่ เธอรู้ข่าว จึงนำผมมาเลี้ยงและรับเป็นบุตรบุญธรรม”
“พิมมาลา” คุณพ่อเอ่ยชื่อออกมาเหมือนถาม
มันพยักหน้า
“พวกเขาดูแลลูกดีไหม”
มันพยักหน้าอีกครั้ง “ดีมาก”
ถ้าดีแล้วมึงจะมาทำไมที่นี่! ผมตะโกนร้องก้องอยู่ในใจ ไม่กล้าเปล่งเสียงออกมา เพราะกลัวจะถูกไล่ออกจากห้อง แล้วไม่สามารถรู้ได้ว่า มันพูดอะไรกับคุณพ่อ
“ลูกรู้เรื่องพ่อตอนไหน” ผมกัดฟันกรอด เมื่อได้ยินคุณพ่อแทนตัวเองกับมันอย่างสนิทสนม
ตั้งแต่ประถม”
“แล้วทำไม…” คุณพ่อพูดเสียงเครือ
“ทำไมผมจึงไม่มาหาคุณตั้งแต่ตอนแรกที่รู้?” พี่เล่ย์มันถามเหมือนรู้ใจคุณพ่อ ซึ่งท่านก็พยักหน้ายอมรับ
“เพราะผมรู้ ว่าคุณจะต้องหาทางเอาผมมาอยู่ด้วยให้ได้ และผมยังไม่พร้อมที่จะจากครอบครัวที่รักและอยู่ด้วยมาตั้งแต่เกิด เพื่อมาอยู่กับคนแปลกหน้าที่แม้จะได้ชื่อว่าพ่อแต่ก็ไม่เคยพบกันมาก่อนเลยสักครั้งเดียว อีกอย่าง ครอบครัวของคุณก็ดูมีความสุขดีอยู่แล้ว ผมไม่อยากเป็นมือที่สาม”
“ทำไมคิดอย่างนั้น”
มันยักไหล่แต่ไม่ตอบ กิริยาที่คุณพ่อเกลียดมาก แต่พอมันทำ เหอะ คุณพ่ออาจจะชอบก็ได้
“แล้วตอนนี้….” คุณพ่อถามอย่างมีความหวัง แต่ผมกลับร้อนรน นึกถึงคุณแม่ ที่หากรู้เรื่องนี้ ท่านจะรู้สึกอย่างไร สามีที่เคารพรัก อยู่ด้วยกันมายี่สิบกว่าปีไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ไม่เคยมีเรื่องให้ร้อนใจ แต่วันนี้กลับจะนำลูกที่เกิดกับชู้เข้ามาอยู่ในบ้าน แค่คิดผมก็ชาวาบตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว
มันหันมามองสบตาผมเหมือนรู้ว่าคิดอะไร และพูดทั้งๆ ที่ยังไม่ละสายตาไป “วันนี้ผมอายุยี่สิบปีบริบูรณ์ ตามกฎหมาย ผมไม่ใช่ผู้เยาว์อีกต่อไป”
ผมไม่เข้าใจ มันหมายความว่ายังไง แต่ดูเหมือนคุณพ่อจะรู้ “แล้วถ้าพ่อขอร้อง”
“ถ้าคุณอยากพบผม เรานัดเจอกันข้างนอกได้ แต่ผมคงไม่มาที่นี่อีก”
“แล้ววันนี้”
“ผมมีนัดแล้ว”
มันคุยอีกสองสามคำ แล้วขอตัวกลับ แต่เมื่อเดินไปถึงประตูกลับถูกคุณพ่อรั้งไว้ “เดี๋ยวก่อน ดาวฤกษ์….ชื่อเล่นของลูก”
“เล่ย์……ฮัลเลย์”
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
เห้ยยยยยยยยยยยย
อย่าบอก ว่า เลย์ เล่นละครนะ
สงสาร หนู พุ เกินนนนนนนนนนน
ต่อๆๆๆๆ
-
อะไรกัน อย่าบอกว่าเล่ย์เข้ามาแบบมีแผน
ยังนึกอยู่ว่า เป็นสุภาพบุรุษมากๆ มีน้ำใจ
แล้วมันจริงใจไหมค่ะ เท่าที่อ่าน พี่ว่าเล่ย์จริงใจ
เฮียแพทอย่ามามั่ว (ว่าเล่ย์ไม่บังเอิญเจอ) อย่าอคติ เพราะเขาเป็นลูกเมียน้อย
ทำไมรู้สึกไม่ชอบแพทตะหงิดๆ เหมือนจะเป็นมารหัวใจเลยอ่ะ
ปล. ไอ่พี่แพท ไม่เห็นมันจะน่ารักที่ตรงไหน เอาแต่ใจก็เท่านั้น กับรุ่นน้องยังเอาเปรียบ
แล้วกับน้องตัวเอง คนละแม่ จะใจร้ายใส่เขาแค่ไหน
-
:sad4: อย่าทำร้าย คนอ่านด้วยปลายปากกา
ขอให้เฮียแพทเป็นตัวโกงทำให้เข้าใจผิด อย่าทำร้ายไอตอนที่หวานๆที่ผ่านมา
เลย์ไม่ได้เข้ามาเพราะแบบนี้ใช่หรือเปล่า อย่านะ จะร้องไห้แล้ว
-
โห...พลิกล็อก ยิ่งกว่า กำลังมัน
-
โอ๊ยตาย อ่านจบต้องร้องเชรดดดดดดดด...
แปลกใจที่ความสัมพันธ์ของเฮียแพทกับเล่ย์จะกลับมาเป็นญาติกันเพราะเหตุนี้
นั้นแสดงว่าตอนที่เจอกันนี่เป็นเหตุการณ์ที่บรรดาเมียๆมาเจอกันเองอ่ะดิ เหอะๆ ทนได้ไงวะ แม่เล่ย์ก็โม้โอ้อวดซะ
แบบว่าเป็นอะไรที่คาดไม่ถึง กร๊าก เราคงเป็นหนึ่งในคนที่ไม่ตบเข่าฉาดอ่ะคุณเรนโบว์
เพราะคิดไม่ทัน เหอๆ ขนาดว่าต้องมาอ่านคอมเม้นต์ของคนอื่นๆก่อนถึงจะถึงบางอ้อ
แต่ส่วนตัวแล้วคิด(เข้าข้าง)ว่าเล่ย์ไม่ได้มีจุดประสงค์ร้ายอะไร เค้าก็ดูจริงใจดี
ถึงจะน่าสงสัยตรงที่จู่ๆก็เข้ามาทำนู่นนี่นั่นให้ อยู่ถูกที่ถูกเวลาหลายครั้งหลายคราว รุกหน้ารวดเร็ว ก็เถอะ
ว่าแต่เฮียแพทมีหลักฐานอะไรนอกจากนี้อะเปล่ามากล่าวหากันแบบนี้เนี่ย หรือเป็นแค่การคาดเดาของเฮีย
ไม่อยากให้เฮียกลายเป็นคนไม่ดีไปเลยอ่ะ แค่ที่เฮียเงียบๆงอนๆอะไรอยู่เนี่ยก็น่าจะโดนคนรุมเฮียอยู่แล้ว เห็นใจเฮียอ่ะ
รอติดตามชมว่าเรื่องจะพลิกไปในทางใดกันแน่ หวาดเสียวจริง
-
อั๊ยยะ งานมา
-
บอกตรงๆว่า เยดเข้ อาราเล่เยี่ยว
คาดไม่ถึงจริงๆ
-
โอ้ ลั๋น ล่า :a5:
เซอร์ไพรส์และ โอว...มันช่างซับซ้อน
-
ป๊าดดดดด เซอไพรส์มากกก :a5:
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะนี่ หวังว่าเล่ย์จะไม่มีอะไรแอบแฝงนะ
สมกับชื่อเรื่องจริงๆ unbelievable มากกกกก :serius2:
-
เป็นไปได้ไง คุณเนตร กะ คุณพิม มีซะมีคนเดียวกันเหรอ
-
พลิกล็อคจริงๆ แต่ยังเชียร์เล่ย์อยู่นะ ถึงจะเป็นลูกเมียน้อยแต่เล่ย์ก็จำเฮียแพทไม่ได้ หรือว่าแกล้งจำไม่ได้ แต่เฮียจำเล่ย์ได้ด้วยเหรอ ที่มาที่ไปเรื่องแม่เล่ย์เป็นเมียน้อย มันเป็นยังไง
-
ไม่คิดว่าสิ่งที่เลย์แสดงเป็นละครนะ :z3:
แต่เฮียแพทน่าจะชอบพุซะแล้ว
งานเข้าเลย์ซะแล้ว :z13:
:pig4: :pig4:
-
อรั่ก :z6:
พูดไม่ออกกันเลยทีเดียว เล่ย์ตั้งใจมาหลอกเหรอ สงสารน้องพุอ่า
-
กำแล้วงัย เรื่องเป็นงัยล่ะเนี้ย เลย์เข้ามาแบบมีแผนจริงอะ
-
คนเขาอยากได้ ถึงมีการวางแผน
ก็ไม่เสียหายอะไร
-
ไม่ได้ตบเข่าฉาด แต่กระโดดเอาหัวโหม่งข้างฝา
ชะ!!! จะหักมุมกันแบบนี้จริง ๆ เหรอ โหดร้ายไปมั๊ยยย
-
เหมือนเฮียจะหลอกพุอ่ะ เฮียชอบพุแหงๆ แล้วคงจะดูออกอ่ะ ว่าพุกับเล่ย์ชอบกัน เลยจะยุให้แตกกันอ่ะ โดนแฟนคลับเฮียแพทกระทืบ
เชียร์เล่ย์ พุ ครับผม!
-
อ้าว ใช่เหรอ อ่านตอนพิเศษ (หน้า 6)ไม่ใช่นี่นา
ตอนพิเศษพี่แพทยังพูดคุณพิมที่เป็นแม่เล่ย์ ว่า "คุณพิมเป็นพวกเศรษฐีใหม่ครับ รวยขึ้นมาเพราะสามีจับธุรกิจถูก"
คนที่เป็นเมียหลวง เมียน้อยคงไม่ทักกันดีๆหรอกมั้ง แถมแม่ของพี่แพทยังเอ็นดูเล่ย์ด้วยนี่
หรือแม่พี่แพทจะเป็นนางฟ้า อภัยให้เมียน้อยได้
-
เฮียอย่าหยอกแรงน๊า
แต่ถึงเป็นแบบนั้นจริง เล่ย์คงไม่คิดร้ายหรอกมั้ง
น่าจะเข้าหาเพราะชอบจริงๆน่ะแหละ
(เพราะความหล่อพี่เล่ย์ ทำให้หาเหตุผลเข้าข้างตลอด 55+)
-
:a5: เชดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :z3: :z3: :z3: :z3:
เอางี้เลยเรอะ ม่ายยยยยยยย เล่ย์ชอบพุจริงๆใช่มั้ย ใช่มั๊ย ใช่มั๊ย ใช่มั๊ย ใช่มั๊ย ใช่มั๊ย ใช่มั๊ยย
มันไม่ดราม่าใช่มะ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :z3: :z3: :z3: :z3:
-
โอ๊ยยยยย ชอบบบบบบบบ :-[
-
เฮ้ยยยย...เอาจริงดิ
-
เอิ่มมม.. :confuse: :confuse:จริงเหรอแพท
-
o22
แต่ยังเชียร์พี่เลย์ o13
-
เอาตรงๆนะ ถ้าเราเป็นพุ เราคงสงสัยว่า แล้วเล่ย์ทำแบบนั้นแล้วจะได้อะไร
พุไม่ได้เป็น "แฟน" เฮียแพทนะ ถ้าว่าระแวงมั้ย เราว่าพุไม่ระแวง แต่จะสงสัยว่าทำไม
มาแย่งจากเฮียแพทก็ไม่ใช่ประเด็น เพราะอย่างที่บอกตอนแรกนั้นล่ะ
เฮียแพท ทำอะไรไม่ชัดเจนเองนะ เข้ามาในรูปแบบขอลุงรหัส แต่ทำอะไรข้ามเส้น โดยที่ไม่ชัดเจนว่าตัวเองข้ามเส้นเพราะอะไร
ถ้าเล่ย์มีแผนจริง โดยทำการจีบพุตัดหน้าเฮียแพท เรามองว่าพุมองไม่เห็น(ไม่คิดถึง)จุดนี้แน่ๆ เพราะพุไม่ได้อะไรกะเฮียแพทมากไปกว่าลุงรหัส
คนเราถ้ารู้สึกดีๆกับใครสักคน เวลาที่กล่าวถึงคนคนนั้นเค้าจะพูดด้วยชื่อ แต่เวลาที่ใครถามว่าเด๋วจะมีใครมาเที่ยวที่บ้านอีก พุก็ตอบว่าลุงรหัสกับพี่รหัส พุวางเฮียแพทไว้แค่ตำแหน่งนั้น
ในขณะที่เวลาพูดถึงเล่ย์ก็จะกล่าวชื่อมาเลย
ยอมรับว่าค่อนข้างไม่ชอบเฮียแพทตรงที่ไม่มีความชัดเจนนี้แหละ ริจะจีบเค้าแต่ไม่ประกาศตัวเอง และยังเรียกร้องเค้าเอามากกว่าที่ตัวเองให้ อันนี้พูดในแง่ที่เฮียแพทงอนพุไปหลายรอบ
ในขณะที่เล่ย์ เข้ามาโดยไม่อ้างอิงสิ่งใด เข้ามาตรงๆ ทำทุกอย่างให้ไม่มีแทงกั๊ก เล่ย์เลยดูภาษีดีกับตรงนี้
รออ่านตอนหน้านะค่ะ
ปล. หวังว่าคนเขียนคงไม่กดดันกะคอมเม้นเรานะ เราแค่แสดงทัศนคติน่ะ แนวทางเรื่องจะเป็นไงต่อก็แล้วแต่คนเขียนเลยจ้า
-
เอาจริงดิ!!!
คนเขียนเคลียร์ด่วนน!!
-
แรงตรงนี้แหละ อ๊ายยย
-
อารายยยกันน
-
ถ้ามันพลิกล็อคก็คงต้องบอกว่าเหยดเข้ =_=
แต่เชื่อปะว่าชอบเล่ย์มาก ชอบมากกว่าแพทไปแล้ว
ถ้าเปลี่ยนพระเอกขอหลบไปทำใจก่อนนะคะ
5555555555555555555555555555555555555555
-
เกิดอาการมึนงงขึ้นมากะทันหัน อารายฟะเนี่ย o2
เล่ย์เข้าหาพุด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์เหรอ แต่ก็ไม่น่าใช่นะ เพราะถ้ารู้ว่าเฮียแพทจะมา สู้หลบฉากไปก่อนจะไม่ดีกว่าเหรอ :confuse:
แล้วตอนพิเศษมันไม่ได้ทำให้เอะใจเรื่องแม่เล่ย์เป็นเมียน้อยพ่อเฮียเลยนะ โอ๊ะ! เหลือเชื่อจริงๆ :z3:
เล่ย์ออกมาแถลงหน่อยว่ามันอะไรยังไง :เฮ้อ:
-
เฮียแพทมีส่วนร่วมกับคนที่มาชอบพุตลอดเลยนะ :เฮ้อ:
ถ้าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แล้วเล่ย์ทำเพื่ออะไร ใครดี ใครร้าย :serius2:
แต่ยังไงไม่รู้แหละ ตอนนี้คนอ่านหลงรักเล่ย์กับพุไปแล้วด้วยซิ :กอด1:
-
ปมดราม่ามาแล้วสินะะะ
อ่อยยยยย
แล้วยังไง น้องคนละแม่แล้วยังง้ายยยยยย
มาเคลียร์เซ่!!!!
;__;
อยากรู้มากๆ !!!!
-
อ๊ากกกกก เพิ่งเข้ามาอ่าน
เชียร์เล่ย์อยู่ดีๆ เจอตอนสุดท้ายเข้าไปนี่ช็อคเลย :a5:
สมชื่อเรื่องจริงๆ unbelieveable สุดๆ
หวังว่าที่เล่ย์ทำไปคงไม่ใช่มีแผนอะไรหรอกนะ :sad4:
-
ตั้งแต่อ่านมา เราว่าเล่ย์ไม่ได้บังเอิญมาเจอพุนะ เราว่าตั้งใจเลยแหละ แต่คิดในแง่ดีว่าชอบพุ เลยตั้งใจมาจีบ แต่ไม่คิดว่าแม่เล่ย์จะเป็นเมียน้อยพ่อแพทเลย งานนี้มีดราม่าป่าวเนี่ย เหอๆๆๆ :sad4: :sad4: :sad4:
-
อ๊ากกกกกก ศรีลงแดง
-
เช็ดดดดดดดดดดดดดดดดดด เฉลยได้คว้างมากกกกก
อะไรอย่างไรต่อไปรอชมจ๊ะ
-
ไม่จริงอ่ะ...
-
ใช่เหรอ เฮียแพทอำป่าว ตอนเจอกันครั้งแรกยังนั่งกินข้าวกันอยู่เลย
ท่าทีคุณแม่ทั้งสองก็ปกติ ถ้าเป็นเรื่องจริงก็รู้จักกันก่อนหน้านั้นแล้วสิ
เฮียแพทต้องการอะไรกันแน่
-
ม่ายยยยยยยย คนเขียนกลับมาก๊อนนนนน :dont2:
พี่เล่ย์กับอิเฮียแพทจะอะไรกันยังไงก็ช่างดิ แต่อย่ามาทำน้องพุเค้าเสียใจนะ :sad4:
-
โอ้ววววววววววววว โน ว่าจะไม่ดราม่านี่โคตรๆดราม่า อะไรจะขนาดนั้นเนี้ยแค่คิดถึงตอนหน้าก็เจ็บแล้วเถอะ o22 :a5:
-
เห้ยยยยยยยยยยย ความจริงคืออะไรนี่!!
-
เอาล่ะสิ จะเป็นยังไงเนี่ย ไม่อยากเดาเลย :o12:
แต่ยังเชียร์ เล่ย์พุ อยู่นะ แอบไม่ชอบเฮียแพทอ่ะ 555
-
ถึงน้องพุจะยังคงร่าเริงได้ทั้งที่ยังคิดมากเรื่องที่เฮียแพทพูด
แต่บรรยากาศมันก็ดูอึดอัด ไม่เหมือนเดิมนิดๆอย่างบอกไม่ถูกเนอะ
รีบๆเคลียร์กันให้เข้าใจกระจ่างแจ้งน้าทั้งสามคน
-
อย่าหลอกพุกันนะ ไม่งั้นโกรธ
-
กลัวอิพี่แพทจะตีมึนโกหกพุ(และคนอ่าน)จังเลยเนี่ย o22
เล่ย์มันดูปกติ นิ่งๆ เฉยๆ มากกกกกกกก :serius2:
-
ถูดตัดฉับๆๆ อีกแล้ว 555 ฉากกินเหล้าเยอะจังเรื่องนี้ ตอนแรกๆ ไม่ค่อยมี
-
จบตอนเท่านี้เหรออออ
ค้างไปนะะะ
ถามเลยพุ อย่าเก็บไว้ แม่งไม่สบายใจเลยว่ะ (แทนพุ)
อ่อยยยย อะไรยังไงล่ะ
สติลชอบเล่ย์ !!!
-
อู้ววววว อึกอัดเเทนน้องพุ :z3:
-
พุคิดมากเหรอ อย่าเพิ่งง่วงดิ รีบถามก่อน เดี๋ยวคนที่คิดมากจะเป็นพี่เล่ย์แทน :z1:
ถ้าเฮียแพทไม่ใส่ไฟเกินจริง มันก็ไม่น่าจะมีอะไร เห็นเล่ย์เฉยๆ o16
แต่พุก็น่ารักเหมือนเดิม อันนี้ช่วยไม่ได้จริงๆ :o8:
-
ใช่ๆ รีบเคลียร์กันเถอะ
ที่จริงเล่ย์ก็น่าจะรู้นะว่าพี่แพทต้องบอกพุอยู่แล้ว ไงก็ต้องเคลียร์ล่ะ
น้องพุใจเย็นมากๆ ยังไงก็ฟังพี่เขาก่อนนะ
-
เคลียร์กันดีดีนา คงไม่จริงช่ายป่ะเลย์คงไม่ทำพุเสียใจช่ายป่ะ
-
ถามไปเลยพุ...ไอ้พวกชอบสร้างควา่มร้าวฉานอย่าให้มันได้ใจ :z6:
-
ความหวังอยู่ที่พี่เล่ย์นะคะะะะะะะะะ :sad4: :sad4:
-
ต้องบอกเลย์ว่า มีอะไรจะเล่าไหม
เหนือชั้นกว่า
-
รู้สึกไม่ค่อยชอบเฮียแพทนะ :z3:
พุถามเลย์มาเลย :pig4: :pig4:
-
เอาแล้ว เลือกข้างไม่ถูกเลยทีนี้ บ๊ะะ ดราม่าฉากใหญ่ใกล้จะมา ไงก็น่าจะเป็นเล่ย์นะที่เป็นพระเอก แต่เราเชียร์เฮียแพท (เราชอบคนปากแข็งอิอิ)
-
พุทำไมไม่ถามให้เคลียร์ไปเลยล่ะ ปล่อยให้ค้างคาไว้ในใจ เดี๋ยวก็ตกตะกอนอยู่ตลอดไปนะ
แล้วตะกอนในใจเนี่ย เมื่อมีอะไรไปกระทบมันก็จะขุ่นขึ้นมา พาให้หงุดหงิดพาลเป็นทุกข์ได้นะ
เล่ย์เขาก็เปิดโอกาสให้แล้วนี่
-
ถามเลย ถามเลย ถามเลยจ๊ะ
-
เคลียร์ให้จบจะได้ไม่ค้างคา
-
แพทอย่ามาชี้ทางให้ พุ แบบนี้เสะ ไม่แฟร์เลยนะ :z6:
-
เรื่องราวทำไมมันมาเป็นแบบนี้เนี้ยยย หวังว่าเลย์ที่เค้ามาทำดีกับพุ
ไม่ได้มีแผน ไม่ได้หวังอะไรใช้มั๊ย พี่แพทไม่น่ามาทำให้พุหนักใจ และกังวลเลย
อยากให้พี่ปลายโผล่มาอีกจัง แบบว่าชอบแบบพี่ปลายอ่ะ
-
พี่เล่ย์ก็ดูจริงใจนี่นา หรืออิเฮียแพทจะใส่ไฟ
:m31: อ๊ากกกก อยากรู้ๆๆๆๆ มาต่อไวๆนะ
-
เคลียร์ไม่เคลียร์อะไรอยางไร ลุ้นมากกกกกกกกกกกกกก
-
ครั้งแรกที่เจอกัน เล่ย์ไม่ได้ตั้งใจหรอก ก็เจอกันในห้องน้ำในขณะที่เล่ย์กำลัง อะจึ๋ยๆ อยู่
แต่ต่อมา เมื่อเลย์เห็นว่าพุมากับแพท นั่นก็ไม่แน่แล้วล่ะ
แต่เชื่ออย่างหนึ่งว่า เลย์ไม่ได้หลอกพุ ไม่ได้ไม่จริงใจ แต่อาจจะมีเจตนาอะไรแฝงมาด้วย
เอาน่า เล่ย์ต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างสิ
หรือว่า รู้ว่าแพทก็คิดอะไรกับพุ แต่เล่ย์รู้สึกถูกชะตากับพุ ก็เลยตัดหน้าพี่ชายซะงั้น
-
UNBELIEVABLE LOVE
Chapter Eleven (Part 1)
“แม่มันเป็นเมียน้อยพ่อกู” เฮียแพทบอกแล้วมองมานิ่งๆ
“อืม....” ไม่เข้าใจ พี่เล่ย์เป็นลูกคนละแม่กับเฮียแพทแล้ว…ยังไง “ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เรื่องนี้เกี่ยวกับผมยังไง”
เฮียแพทถอนหายใจดังเฮือก “ก็มึงเป็นคนที่กู... มึงเป็นเหมือนน้องกู...”
ผมนั่งทำตาปริบๆ ชักจะงงกับประเด็นของเฮียแก...
“มันเข้าหามึงเพราะมึงรู้จักกับกู”
“........”
“ความบังเอิญ มันเกิดขึ้นได้ไม่บ่อยหรอกนะ ถ้าไม่ตั้งใจ”
“........”
“ทำไมอยู่ดีๆ มันถึงมาตีสนิทกับมึง มันมีแผนอะไรหรือเปล่า”
“........”
“และถ้ามันบริสุทธิ์ใจจริง ทำไมมันถึงทำเป็นไม่รู้จักกู”
“........”
“มึงเอาไปคิดดูละกัน คนจริงใจ เขาคงไม่ปิดบังตัวเอง”
ไม่รู้จะตอบว่ายังไง ผมได้แต่นั่งเงียบ ก่อนจะขอตัวลุกออกมาเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์คุ้นหูดังขึ้น...แล้วเดินตรงไปหาคนที่เป็นหัวข้อการสนทนา
“เยอะไปป๊ะเนี่ย กินกี่วันจะหมด” ผมถามอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นจำนวนเหล้า เบียร์ โซดา และน้ำอัดลมที่สมาชิกในรถขนออกมาจากกระโปรงหลัง
“มันไม่เน่าไม่เสีย วันนี้กินไม่หมด พรุ่งนี้ก็กินต่อได้” ไอ้เดียวว่า
“เดี๋ยวก็ตับแข็ง”
“แหม่ เหมือนไม่ได้กินด้วยกันเลยเนาะ”
เถียงกับไอ้เดียวพอหอมปากหอมคอ ผมก็เดินตรงไปหาคนที่ยังยืนอยู่หลังรถ “มีไรให้พุช่วยถือป๊ะ”
พี่เล่ย์ไม่ตอบ แต่ก้มลงไปหยิบถุงขนมขึ้นมา แล้วพูดล้อๆ “หนักไปป๊ะ”
“เออ ท่าทางจะหนักไปจริงๆ ด้วย พุคงถือไม่ไหว พี่เล่ย์ถือไปเองละกัน” ผมว่าแล้วก็หลังหันเตรียมเดินหนี แต่คอเสื้อด้านหลังกลับถูกดึงรั้งไว้“เฮ้ย!”
คนดึงหัวเราะหึๆ “อย่าอู้ ถ้ายังอยากกินเมอแรงอยู่ ก็มาถือไป”
“มีเมอแรงด้วยเหรอ” ผมร้องอย่างดีใจ เปิดถุงหากระป๋องเมอแรง ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่ยืนอมยิ้มอยู่ด้วยสายตากล่าวหา “ไม่เห็นมี”
“ไปดูที่หน้ารถ”
เดินไปเปิดประตูรถ ก็เห็นขนมเมอแรงสามกระป๋องใหญ่ๆ วางอยู่ตรงเบาะผู้โดยสารด้านหน้า “ซื้อมาจากไหนอะ”
“ท๊อปแลนด์”
“ห่ะ เหยียบเท่าไหร่เนี่ย กลับมาไวขนาดนี้” ถึงจะเป็นห้างที่ใกล้ที่สุดก็เถอะ
“ร้อยกว่า”
“กว่าเท่าไหร่ กว่าสองร้อยหรือเปล่า” ผมประชด พี่เล่ย์ก็หัวเราะหึๆ ไม่ยอมตอบ แสดงว่าเป็นไปได้ที่การคาดเดาของผมจะถูกต้อง
และหลังจากที่ทุกคนมาพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว พวกเราก็เริ่มตั้งวง… กินกันไปซักพักไอ้ซอลก็ส่งเสียงโหยหวนขึ้น ไม่ อ๊าย อย่านะ อย่า!!”
“ผลั๊วะ!” เสียงไอ้ซอลโดนโบกครับส่วนไอ้คนที่โบกก็บอกด้วยความหมั่นไส้ “อ๊ะ มึงมีไรจะแสดงอีกมั้ย”
ไอ้ซอลยกมือคลำหัว ปากก็พึมพำ “เชี่ย กูเจ็บนะเว้ย ตบมาได้”
“แล้วมึงจะเสือกดราม่าทำไม เอาแก้วมา” คือ... เหล้าในแก้วของไอ้ซอลมันหมดอะครับ ไอ้เดียวมันเลยจะชงให้ไหม่
คราวนี้ ไอ้ซอลยอมยื่นแก้วให้ไอ้เดียวแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่วายบ่นพึมพำ “ถ้าสมองกูไหลนะมึง”
“จะไหลได้ไง กระโหลกหนาซะขนาดนั้น” ไอ้เดียวว่า ส่วนคนอื่นๆ ก็หัวเราะขำ โดยเฉพาะพี่จ๋ากับพี่อาย...
สองคนนี้เส้นตื้นมาก อะไรนิดอะไรหน่อยก็ขำ... บอก ไม่เคยกินเหล้ากับใครสนุกเท่านี้มาก่อน เพราะคนที่เคยไปกินด้วย ส่วนมาก พอมีผู้หญิงอยู่ด้วยก็มักจะห่วงภาพพจน์ ไม่ค่อยปล่อยมุกกันสักเท่าไหร่
แต่มุกที่นี่... ปล่อยกันทิ้งๆ ขว้างๆ ขำไม่ขำไม่สนใจ กากไม่กากกูก็จะปล่อย ใครจะทำไม
แถมบางทียังมีละครเวทีเหมือนเมื่อตะกี้ให้ดูอีกด้วย.... แล้วจะไม่ให้หัวเราะยังไงไหว
ถึงแม้ปากจะยิ้มขำกับการปล่อยมุกของเพื่อนๆ ตรงหน้า... แต่ในหัวผมกลับเต็มไปด้วยประโยคคำพูดที่เฮียแพทบอกออกมาเมื่อตอนเย็น
'ไม่ใช่ความบังเอิญ'
'ไม่บริสุทธิ์ใจ'
'มีแผนการ'
'ปิดบัง'
เหลือบมองคนสองคนที่กำลังยืนคุยกันอย่างออกรสออกชาดแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้.. คนไม่ชอบพูดกับคนไม่ค่อยพูดมาเจอกัน แล้วทำไมถึงพูดไม่หยุดวะ
เหมือนมีซิกเซนต์ เพียงแค่เหลือบมอง คนทั้งคู่ก็หันมาสบตากับผมโดยไม่ได้นัดหมาย...
ไอ้พันมองมางงๆ คงสงสัยผมยิ้มอะไร
พี่เล่ย์มองมา อาจจะงง แต่ก็ยิ้มตอบ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม
อดไม่ได้ ผมฉีกยิ้มกว้างขึ้น แล้วส่ายหน้า พูดไม่ออกเสียง “ไม่มีไร”
ทั้งคู่ยักไหล่ แล้วหันกลับไปคุยกันต่อ... ผมหันกลับมาสนใจเพื่อนๆ ที่โต๊ะ ซึ่งเพิ่งจะสังเกตุว่าเสียงพูดคุยเงียบหายไปแล้ว และทุกคนต่างก็มองตรงมาที่ผมเป็นตาเดียว
“ไร” ผมแกล้งทำเสียงดุแก้เขิน
“ไร ยังไม่มีใครว่าอะไรเลย ร้อนตัวนะมึง” ไอ้เดียวบอก ก่อนจะแกล้งทำเป็นส่ายหน้าแล้วพูดไม่ออกเสียงล้อเลียนผม
ผมหยิบถั่วลิสงคั่วที่อยู่ในจานปาใส่มันด้วยความหมั่นไส้ เผอิญหันไปสบตากับเฮียแพทพอดี เลยคลี่ยิ้มให้น้อยๆ
เฮียแพทไม่ได้ยิ้มตอบ แต่พยักหน้ารับรู้ แล้วยกเหล้ากระดกเข้าปากจนหมดแก้ว...
“ยืนอยู่ด้วยกันแบบนี้ เหมือนพี่น้องเลยเนอะ หุ่นไล่เลี่ยกันเลย” พี่จ๋าพยักพเยิดไปยังพี่เล่ย์และไอ้พันที่ยืนคุยกันอยู่ข้างๆ เตาย่างคอหมู ซึ่งหลายคนก็พยักหน้าเห็นด้วย...
ดูดีๆ สองคนนี้เขาก็เหมือนพี่น้องกันจริงๆ แหละ หัวเกรียนพอกัน ความสูงก็พอกัน พี่เล่ย์เหมือนจะสูงเท่าพ่อผม ขาดเกินไม่น่าจะถึงเซนต์ ส่วนไอ้พันก็ไล่ตามมาติดๆ ปีที่แล้วมันวัดได้ร้อยแปดสิบ ตอนนี้ก็น่าจะเกินแล้ว
“มึงถูกเก็บมาจากกองขยะใช่มั้ยไอ้พุ” ไอ้ซอลทำหน้าซีเรียส
ผมก็พยักหน้า เล่นตามมัน “อือ เห็นแม่บอก ตอนนั้นมดกำลังเจาะเลย”
“อ๋อ มึงนี่เอง ที่เป็นข่าวหน้าหนึ่งของทุกสำนัก เป็นดาราก็ไม่บอก” มันพูดแล้วก็หัวเราะขำมุกตัวเอง ผมและคนอื่นๆ ก็พลอยขำไปด้วย
หัวเราะขำกันอยู่ดีๆ ไอ้เอ้ก็โพล่งขึ้นมา “กูว่า เฮียแพทกับไอ้เล่ย์หน้าคล้ายๆ กันว่ะ ถ้าบอกว่าเป็นพี่น้องกัน กูก็เชื่อ”
ทุกคนหันมาสนใจเฮียแพทก่อนจะหันไปมองพี่เล่ย์“เออว่ะ เหมือนจริงๆ ด้วย”
“แต่ไอ้เล่ย์หล่อกว่า” ไอ้ซอลกระซิบกระซาบเชียร์เพื่อนเต็มที่ แต่เสียงมึงดังมาก ขอบอก
“สงสัยไอ้เล่ย์เป็นน้องชายที่หายสาบสูญไปตั้งแต่เด็กของเฮียแพท” ไอ้เดียวพูดขำๆ แต่เฮียแพททำหน้าเครียดพร้อมกับลุกขึ้นยืน พูดพึมพำเบาๆ แต่พอจะจับใจความได้ว่า “ไปห้องน้ำ”
ไอ้เดียวมองตามเฮียแพทไปงงๆ “กูพูดไรผิดเปล่าวะ ดูเฮียแกไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่”
“หรือเขาปวดหนัก หน้าเครียดๆ” ไอ้ซอลออกความเห็น... อยากจะบอก เพราะมึงนั่นแหละ กระซิบซะดังเลย
พี่พิทหัวเราะขำคำสันนิษฐานของไอ้ซอล“ไม่มีไรหรอก อย่าซีเรียส”
หลังจากเฮียแพทเดินหายขึ้นเรือนไปได้ไม่นาน พี่เล่ย์ก็เดินมานั่งที่โต๊ะ แล้วใช้หลังมือแตะตามคอและหน้าผากของผม “ไม่สบาย?”
หน้าร้อนวูบกับการกระทำประเจิดประเจ้อของอีกฝ่าย เพราะที่นั่งกันอยู่ ไม่ได้มีเพียงพวกเราเท่านั้น... ผมลอบมองปฏิกิริยาของพี่ๆ ที่มาใหม่ แต่ไม่มีใครสนใจเราสองคนเพราะกำลังขำมุกของไอ้เดียวอยู่
ผ่อนลมหายใจที่กลั้นไว้ออกมา ผมสั่นศีรษะปฏิเสธคนที่ยังรอคำตอบอยู่“เปล่าครับ ไม่ได้เป็นไร”
พี่เล่ย์เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง“แล้วทำไมนั่งเฉย ไม่เห็นกินอะไรเลย”
“ถามแบบนี้หมายความว่าไง เห็นพุตะกละขนาดนั้นเลย” อันนี้ผมอยากรู้จริงๆ นะเนี่ย ไม่ได้พูดเอาขำ
พี่เล่ย์หัวเราะหึๆ แล้วบอก “ก็เห็น นิ่งเป็นหลับ.....”
“ขยับเป็นแดก” ไอ้เอ้ครับ ขนาดกำลังหัวเราะอยู่ก็ยังอุตส่าห์หันมาต่อให้ ไม่ไว้หน้ากันเล้ยยย ไอ้เพื่อนเวร
แล้วไอ้ซอลก็เสริม“กินยังกับยัดหมอน นอนยังกับเมาเห็ด เย็-” พูดไม่ทันจบ ไอ้เดียวก็รีบตะปบปากมันไว้ “ชัทอัพเพื่อน”
เชื่อเถอะ ต่อกันในใจจนจบแล้วล่ะ ไม่ต้องรอไอ้ซอลหรอก
พี่พิทหัวเราะกึกกึก เลยโดนพี่จ๋าถวายผางเข้าให้ “ทะลึ่ง”
“คิดเหมือนกันอะดิ ไม่คิดจะรู้ได้ไงว่าทะลึ่ง” พี่พิทเถียง แล้วยักคิ้วให้พี่จ๋ากวนๆ
นั่งเล่นนั่งแซวกันสักครู่ ผมก็นึกขึ้นได้ว่าสองมือย่างยังไม่ค่อยได้กินอะไรสักเท่าไหร่ เพราะมัวแต่ย่างให้คนอื่น เลยดันขาคนที่นั่งข้างๆ ออก แล้วก็ลุกยืน “หลีกแป๊บ เดี๋ยวไปหาไรมาให้กิน”
“อิ่มแล้ว ไม่ต้องหรอก”
“กินไรอิ่ม”
“ก็กินคอหมูย่างนี่แหละ ซอลมันตักไปให้”
ผมมองหน้าไอ้ซอลประมาณว่า 'มึงหวังผลไรป๊ะเนี่ย' มันก็ยักคิ้วตอบ แล้วบอก “รอให้มึงตักให้ ไอ้เล่ย์กับพันคงหิวตายกันพอดี มึงไม่นึกได้พรุ่งนี้เลยล่ะ”
“แล้วจะรู้มั้ยอะ ว่าอยากกิน” ผมงึมงำเถียง
พี่เล่ย์หัวเราะหึๆ “รอยเมื่อตอนบ่ายหายแล้ว?”
“รอยไร”
“รอยถลอกเพราะแถไปข้างๆ คูๆ อะ จะเอาใหม่อีกแล้วเหรอ”
คราวนี้เสียงหัวเราะดังลั่นโต๊ะ เพราะเมื่อตอนบ่ายคนที่อยู่ในเหตุการณ์แถของผมก็หลายคนอยู่เหมือน
ผมเหล่ตามองคนเปิดประเด็นอย่างคาดโทษ เดี๋ยวเหอะ อยู่สองคนก่อน!
ห้าทุ่มกว่าๆ พ่อกับแม่ผมก็โทรมาบอกว่าจะค้างบ้านงาน กลับพรุ่งนี้ตอนเย็นทีเดียว....
ผ่านไปจนเวลาเลยเที่ยงคืน คณะใหม่ที่เพิ่งมาวันนี้ก็ทนอยู่ต่อไม่ไหวขอตัวไปนอนก่อน...
นั่งกินกันไปอีกซักพัก ไอ้พันก็ต้องไปส่งไอ้ข้าว ตอนแรกจะเอามอเตอร์ไซค์ไป แต่ตอนหลังต้องเปลี่ยนใจมายืมรถพี่เล่ย์อีกครั้ง เพราะมีสัมภเวสีสามตัวขอตามไปด้วย บอกอยากเห็นบ้านไอ้ข้าว
…มืดๆ แบบนี้นะ เป็นข้ออ้างที่สิ้นคิดมากๆ
“มีเรื่องคาใจอะไรก็เคลียร์กันซะนะ” ไอ้ซอลกระซิบบอก ก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่สตาร์ทเครื่องรอแล้ว
ขณะที่รถกำลังตีโค้งออกจากบริเวณบ้านไป ไอ้ข้าวก็กดกระจกลงมาแล้วยกมือไหว้ผมกับพี่เล่ย์“พี่พุ พี่เล่ย์หวัดดีครับ”
นิสัยดีจริงๆ ผิดกับน้องของใครบางคนเลย
“ง่วงมั้ย” พี่เล่ย์ถามเมื่อไฟท้ายรถลับหายไปจากสายตาแล้ว
พอผมส่ายหน้าก็เดินไปใต้ถุนบ้าน หยิบเสื่อกับไฟฉายออกมา แล้วกดปิดไฟหน้าบ้านจนบริเวณโดยรอบมืดสนิท มองแทบไม่เห็นทาง...
“ไปไหนอะ” ผมถามเมื่ออีกฝ่ายจูงเดินไปหลังบ้าน
“ดูดาว”
เดินมาถึงกองฟางที่อยู่ห่างออกจากบ้านไปไม่เท่าไหร่ พี่เล่ย์ก็กางเสื่อที่ถือมาด้วยปูลงไปบนกองฟางแล้วเอนนอนลงไปหนุนแขนตัวเอง ก่อนจะตบที่ว่างข้างๆ ตัว
พอเอนนอนตามลงไป คนที่นอนอยู่ก่อนก็ยื่นแขนออกมาแล้วรั้งผมเข้าไปกอด
ไม่ได้ขัดขืนเพราะมืดขนาดนี้คงไม่มีใครเห็น
เรานอนดูดาวกันเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร
ผ่านไปสักครู่ จนผมเคลิ้มเกือบจะหลับ อีกฝ่ายก็เอ่ยถามออกมา “มีอะไรจะถามพี่หรือเปล่า”
“ฮึ?” ง่วงไง ก็เลยประมวลผลช้าไปหน่อย
“อยากถามอะไรพี่หรือเปล่า”
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
เล่ย์เท่ว่ะ... o13
-
แมนสวดๆเลยเพ่ o13
พุอย่าปล่อยให้หลุดมือไปเชียวนะ ผู้ชายแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนะเฟ้ย :m26:
เป็นผู้ชายที่ แรร์ไอเทมมากกกกกกกกกก :interest:
-
โล่งอก เคลียร์แล้วค่ะ :impress2:
ตอนนี้เฮียแพทดูเหมือนตัวร้ายไปแล้วอะ ทั้งเรื่องพ่อและเรื่องพุ :z3:
เพิ่งรู้ว่าพี่เล่ย์ชื่อดาวฤกษ์ แต่ชื่อเล่นเป็นดาวหางนะ :m20:
แล้วก็ชอบพี่เกียร์อะ น่าร้ากกกก รู้สึกจะคล้ายๆพุเลย :o8:
เอาอีกๆๆๆๆ อยากให้พี่เล่ย์ตีตราจองพุเร็วๆ :haun4:
-
พี่เลย์เท่ห์อะ เฮียแพทกลายเป็นตัวอิจฉาไปเลยอะ พี่เกียร์ตลกมากเลยอะ
-
น้องเกียร์ กะน้องพุน่ารักนะ ชอบๆๆ :impress3:
คุณพี่ดาวหาง เท่ห์อ่ะ :impress2:
-
พี่แพทคิดไปเอง แต่ก็นะ มันก็ชวนให้หวั่นไหวจริง ๆ แหละ
-
อ่าน 2 ตอนรวด แล้วเรารู้สึกว่าเล่ย์มีอะไรที่มากกว่านั้น เอาเป็นว่าเราจะรอเฉลยเรื่อยๆแล้วกันิสงสารพุกับเฮียแพทเนอะ
-
อ้อ แพทดูละครหลังข่าวมากไปน่ะเอง
เด็กน้อยชะมัดเลยแฮะ
-
สนุกมากกกกก ภาษาก็ดี แอร๊ยยยยย รักเรื่องนี้จัง
เป็นนิยายที่มีพลังจู่โจมไม่รุนแรงนักแต่ซึมลึกเรื่อยๆ กว่าจะรู้ตัว
โดนเข้าไป แกะ แพะ ไม่ออกแล้วววววววว จมปลักรักนิยายเรื่องนี้เสียแล้ว :กอด1:
-
เล่ย์ ใจนายหล่อมาก สุดยอด o13
อืม ชื่อดาวฤกษ์ ชื่อเล่น ดาวหาง ไม่หล่อ ทำไม่ได้นะเนี่ย
-
เลย์ นายมันใช่เลย พระเอกตัวจริง
ดาวกฤษ์ซะด้วย
เท่ชะมัด
+เป็ดให้ฮัลเลย์เท่ค่อดๆ
-
อยากตอบบ้องหูพี่แพทมากค่ะ
ไม่เหลือความดีงามให้ชื่นชมเลย
เสียดายแม่กับพ่อดูแล้วเป็คนดีล้านเปอร์แน่ๆ
อีกฝั่งนั่งที่แม่โอ้อวดลูกจนหน้าหมั่นไส้นั่นยังดูจะเลี้ยงลูกได้มีความคิดความอ่านมากกว่าโข
อ่านถึงตอนนี้แล้วยิ่งอยากขอบคุณคนแต่ง ที่แต่งให้พี่เลห์เป็นพระเอกนะคะ o13
-
พี่เล่ย์ o13 เท่สุดๆอ่ะ
ส่วนพี่แพทคิดว่าไม่ได้ตั้งใจจะใส่ร้าย(คิดเอาเองว่าพื้นฐานเป็นคนดี)
แต่คนที่ครอบครัวอยู่ดีมีสุขปกติมาตลอด แล้วมีลูกอีกคนโผล่มาก็คงอดคิดอคติไม่ได้
ซ้ำยังคิดว่าพ่อมีเมียน้อยอีก โดนไม่ได้ฟังทีมาที่ไปเลยมองในแง่ลบไว้ก่อนละเนอะ
-
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[ พี่แพทอย่าเป็นตัวร้ายเลยนะ ขอร้อง
-
เท่ห์อะ ชอบพี่เล่ย์ โครตแมน
ขอบคุณมากค่ะ :L1: :pig4: :L1:
-
โคตรเท่เลยอ่ะ
เกียร์ฮามาก
-
สรุป เฮียแพท ความคิดความอ่านนี่แย่บรม ดูถูกคนชะมัด ขี้อิจฉาอีกต่างหาก
-
เคลียร์ที่สุด ดีจังเวลา 2 คนนี้คุยกันแบบนี้ มีอะไรไม่เข้าใจก็ถามก็พูดให้มันกระจ่างไป แต่นะพูดเรื่องซีเรียสไหง๋ฮาตลอดๆ
แพทนี่กล่าวร้ายเล่ย์เกินจริงเพราะอคติ ทั้งๆที่เล่ย์ไม่ได้เข้าไปสร้างเรื่องร้อนใจให้ครอบครัว หรือเรียกร้องอะไรเลย
พ่อแม่ และเกียร์ น่ารัก และ ฮามาก
นับถือน้ำใจของแม่เลย์มากๆ ถ้าเป็นคนอื่นไม่ทำแบบนี้หรอก
สุดท้าย พุน่ารักมาก และ พุเอาเชือกมัด เอาเหล็กอ๊อกเล่ย์ติดกะตัวไปเลย อย่าให้หลุดมือเชียว :teach:
-
เคลียร์ไม่เคลียร์ ก็กดบวก 1 ไปแล้ว
โฮววววว พี่เล่ย์ ชอบมากกกกก
ทำไมเก๋ขนาดนี้ ดูเท่ว่ะ เป็นเราก็เชื่อหมดใจแล้วล่ะ
แล้วพี่แพท ที่ยังไงล่ะ
เข้าใจฟีลว่า อยู่ๆก็มีลูกพ่ออีกคนเข้ามานะ
แต่เฮียแพททำกิริยาไม่พระรองเลยอ่ะ นี่มันตัวร้ายนะ !
-
เล่ย์อย่างหล่อเลยอ่ะตอนนี้ :impress2: ส่วนวันข้างหน้าจะเป็นไง ก็ต้องดูกันต่อไป
แต่แอบฮาตอนพุพูดถึงตัวเอง แล้วเล่ย์ว่าพุหลอกถามให้ชม ไรงี้ :laugh: ตลกดี
:m26: แต่อย่าว่างั้นงี้โง้นเลยนะ คนอ่านอยากอ่านมุมเล่ย์ตอนเจอพุเหมือนกัน ว่าจะรู้สึกเหมือนกับที่คนอ่านรู้สึกรึป่าว แบบว่าพุน่ารักมากกกกกกอ่ะ
สุดท้ายแระ เกือบลืม ชอบเกียร์ ผู้ชายคนนี้ก็น่ารัก+ฮาดี ชอบๆ แล้วก็คุณแม่เกียร์ด้วย จะดูอวดรวยหรืออะไรก็ช่าง แต่แม่ก็สุดยอดมากที่รับลูกเพื่อนมาเลี้ยงเหมือนลูกตัว o13
บวกจ้า
-
o13 พี่เล่ย์ เท่สุดๆ :m19:
-
จากตอนที่ 7
กะแล้วว่าพุต้องเกิดอาการงงๆว่าทำไม แพทเอ้ยยยยยยยย "มึงเป็นคนที่กู... มึงเหมือนเป็นน้องกู"
จะเอาประเด็นที่บอกว่าเล่ย์มาแย่งพุ เพราะพุเป็นเหมือนน้องแพทน่ะ เป็นใคร ใครก็งงจ้าาา นี้แหละผลของคนไม่ชัดเจน
เล่ย์เองก็จับความรู้สึกของพุเร็วนะ แถมยังทำอะไรรักษาหน้าพุด้วย โดยการไม่โวยวาย มาเคลียร์กันตอนอยู่ 2 คน (เหมือนเราจะเข้าข้างเล่ย์มากๆ)
ตอนที่ 8
กล่าวอย่างตลกๆ เชื้อคุณพ่อโคตรแรง ครั้งเดียวติด สุดยอดดด แต่สงสารคุณแม่จัง ยังไม่ทันได้เลี้ยงลูกเลย ไม่รู้ว่าจะได้ให้นมเล่ย์เลยรึเปล่า แต่ครอบครัวคุณพิมดีมากๆ เลี้ยงดูเล่ย์มาได้ดี
ส่วนแพท กลายเป็นตัวร้ายไปเลย เข้าใจอารมณ์นะ คงช็อคที่อยู่ดีๆพ่อก็มีลูกมาใหม่อีกคน แต่ภาวะทางอารมณ์ของแพท หึ ไม่โตเลย อายุอยู่ปี 3 ซะเปล่า นี้ถ้ารู้ว่าพุกะเล่ย์เป็นแฟนกันแล้ว คงทุรนทุรายกว่านี้แน่ๆ
-
พี่เล่ย์โคตรเท่ห์อ่ะ
เพิ่งรู้ว่าชื่อมาจาก ฮัลเลย์นะเนี่ย
-
แมนม๊ากกกกกกมากพี่เล่ย์ สวดยอดดดที่สุดอ่ะ
รักน้องพุให้มาก ๆ เนาะ ^^
-
ชื่อจริงดาวฤกษ์ ชื่อเล่นเป็นดาวหางเรอะ
ว่าแต่เฮียแกเท่ห์จริงๆนะ อ๊าย :-[ :-[ พุอย่าทำเฮียค้างเซ่ :impress2: :impress2:
-
T-Tอย่ามาม่านะ :sad4:
-
วิเคราะห์แพท(ตามความคิดความเข้าใจของฉัน)
ตั้งแต่วันแรกที่เล่ย์ไปพบพ่อ แพทคงรู้สึกตกใจ เสียใจ ผิดหวัง(ในตัวคุณพ่อ)
ขณะเดียวกันก็รู้สึกโกรธ(อาจจะถึงขั้นเกลียดด้วย)คุณแม่ของเล่ย์และลามมายังเล่ย์ด้วย
และเมื่อรู้ว่าเล่ย์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบายไม่น้อยไปกว่าตน
ก็ชักจะรู้สึกอิจฉาแหละ(ก็คนที่ไม่ชอบนี่ ไม่อยากให้ได้ดีเท่าหรือดีเกินหน้าแหละ)
พอมารู้ว่าเล่ย์คิดอะไรรู้สึกอะไรกับพุ ซึ่งแพทก็คิดและรู้สึกเช่นเดียวกัน
แต่ดูเหมือนเล่ย์จะแซงหน้าแพทไปไกลเชียว ได้ใจพุไปภายในเวลาอันรวดเร็ว(ทีตูเป็นมดแดงเฝ้ามาเป็นปีๆ)
แพทก็จับเรื่องราวในอดีตมาผสมกับปัจจุบัน เลยกลายเป็นริษยาเล่ย์ "กูจะทำไงดีว้าา..ให้ไอ้เล่ย์ไม่สมหวัง"
จึงงัดเรื่องนี้ เรื่องที่แพทคิดเองว่า เป็นเรื่องที่พุไม่น่าจะรับได้มาบอกพุ หวังจะดิสเครดิตเล่ย์ แต่แพทคงคิดผิดเนอะ
:เฮ้อ:ขืนแพทเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นแบบนี้ไปตลอด ชีวิตคงหาความสุขไม่ได้ล่ะ
มาตอนนี้ฉันกลับรู้สึกสงสารแพทนะ เก็บเรื่องหนักอกหน่วงใจไว้คนเดียว จะบอกแม่ก็ไม่ได้ กลัวแม่เสียใจ
จะคุยกับพ่อก็คงมีเจ้าตัว"ทิฐิ"กั้นไว้ จะปรึกษาใครก็คงไม่กล้า กลัวเสียหน้าและภาพลักษณ์ของครอบครัว
ขอร้องคนเขียนทีจ้ะ ช่วยปลดล็อกตรงนี้ให้แพทที
-
โอ๊ยยย ประทับใจเกียร์
เป็นเด็กที่โตและฉลาดเกินวัยจริงๆ ชอบๆๆๆ
-
ทำไมไปๆมาๆ เฮียแพทกลายเป็นแบบนี้อ่ะ
เหมือนตัวร้ายเลย แต่ก็เข้าใจนะ อยู่ๆก็มีใครไม่รู้มาเป็นพี่น้องกัน ก็ทำใจยากอยู่
-
o13
-
อยากจับคู่เกียร์ กับพี่แพทจัง
-
เลย์เท่มากอ่ะ สุดยอดรู้ความจริงมาตั้งแต่เด็กแต่ก็ไม่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไป
ยังเป็นคนดี เป็นลูกที่น่ารัก แล้วก็โตขึ้นมาด้วยความอบอุ่น
ไม่เหมือนบางคนที่พยายามทำให้ตัวเองมีปัญหา
ส่วนเฮียแพท
เข้าใจเฮียแพทนะที่ไม่ชอบเลย์ เคยเป็นลูกของพ่อคนเดียวมาตลอด
วันนึงมารู้ว่าต้องแบ่งพ่อให้คนอื่นด้วยก็ต้องโกรธต้องเกลียดเป็นธรรมดา
แต่แบบว่า ตอนนั้นเฮียก็น่าจะโตแล้วนะ เล่ย์ 20 เฮียก็ต้อง 21
มันเลยวัยที่จะมาอิจฉาพี่น้องแล้วหรือเปล่า
ส่วนที่บอกว่าเล่ย์เข้าหาพุเพราะมีจุดประสงค์นี่ยิ่งไม่ใช่
เพราะขนาดพุเองยังไม่รู้ตัวเลย แล้วเล่ย์จะไปรู้กะเฮียได้ยังไงว่าสนใจใครอยู่
แล้วยิ่งนิสัยอย่างเล่ย์แล้วยิ่งไม่น่าใช่ใหญ่
ตรงๆ เลยก็คือเชียร์เล่ย์ค่ะ
แต่บางมุมเฮียแพทก็ดูร้ายๆ เอาแต่ใจเหมือนเคะราชินีอะไรแบบนี้
ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า
-
เล่ย์เท่สุดๆ เกียร์ฉลาดล้ำเกินไป โคตรฮาอ่ะตอนที่เล่ย์เล่า
ส่วนเฮียแพทจะร้ายไหมเนี่ย น่ากลัว
-
ชอบตอนนี้ที่สุดเลยรักคนแต่งจริงๆค่ะ :L1: :L1: :L1:
รอตอนต่อไปค่ะ :z2:มาต่อเร็วนะ :pig4:
-
ขอสมัครเป็นเเม่ยกพี่เล่ย์ค่ะ :laugh:
ผู้ชายอะไรน่าร๊ากกกกกกกกก :o8:
อยากให้น้องพุได้เจอกับเกียร์อีกครั้งจัง ท่าทางจะมันส์น่าดู 55555+
-
หมดข้อกล่าวหา
แพทมองโลกแง่ร้าย ตั้งแง่กับน้อง
สงสัยจะหวงพ่อ รวมทั้งอาจหวงสมบัติ
-
อ่านแล้วฮาเกียร์มาก ๆ อ่ะ ชอบ น่ารักไปไหมเนี่ย :m20:
แต่เล่ย์ แมนมากกกก เท่ห์สุดยอด อย่าให้หลุดมือนะพุ :impress2:
ส่วนเฮียแพท โต ๆ กันแล้ว อย่าอคติกับน้องนักเลย เค้าก็ไม่ต้องการอะไรสักหน่อย (นอกจากพุ 555 )
-
เล่ย์เท่ห์ได้ใจจริง ๆ
เกียร์ก็น่ารัก ฮาตอนหนีออกจากบ้าน
อะไรจะดราม่าขนาดน๊านนน 5555
แพทดูเจ้าคิดเจ้าแค้น
ไม่น่าไว้ใจเลย
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ ^^
-
สนุกดีอะ ชอบพี่เล่ห์ o13 o13
แล้วเดี๋ยวพันจะมีคู่ปะ แอบอยากอ่าน :z2:
ชอบเดียว เอ้ ซอล ด้วย ฮาดี :m20:
-
พี่เล่ย์เท๊เท่ :3123: :3123: :3123: :3123:
-
กรี๊ด ท่านเลย์ (ยกระดับความเท่ห์) เจ๋งสุดยอด รักตายเลย พระเอกในนิยายที่ใฝ่ฝัน
-
ฮัลเลย์เท่มากกก พุอย่าให้หลุดมือเชียวนะ :monkeysad:
-
โอ้ เคลียร์แล้วชัดเจน เข้าใจกันทั้งสองคน
เรื่องเล่ย์มันมีอะไรซับซ้อนมากกว่าที่คิดไว้จริงๆด้วย
อ่านไปก็ขำไป โดยเฉพาะเจ้าเกียร์ที่ออกอาการดราม่าตั้งแต่เล็กนี่ทำเราฮามากกก
ทั้งหนีออกจากบ้านเอย ทั้งทำตัวเป็นเจ้าหนูนักสืบ ทั้งอดทนตื้อพี่ชายอยู่ตั้งนานนม
งานนี้ขอบอกเลยว่าคุณน้องชนะเลิศค่ะ!
เพิ่งรู้ชื่อจริงเล่ย์ กับชื่อเล่นเต็มๆ คิดไม่ถึงนะเนี่ยว่าเล่ย์จะมาจากฮัลเลย์
อยากถามเฮียแพทอีกทีว่าที่เฮียบอกว่าเล่ย์เข้ามาอย่างมีจุดประสงค์นี่เฮียคิดเอาเองใช่ป่ะ
ดูเล่ย์เค้าก็ไม่อะไรกับพ่อที่แท้จริงของตัวเองนะ
อย่างที่เคยบอกไป เราเห็นใจเฮียแพทอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งมารู้ว่าคุณพ่อตัวเองทำแบบนี้แล้วล่ะก็นะ
ไม่อยากให้เฮียดูเป็นคนเลวในสายตาคนอื่นอ่ะ คนเขียนช่วยล่วยยย
-
จึ้กๆ เฮียแพทโดนพี่เล่ย์เรากัดไปหลายแผลเลย เฮียก็เก็บๆมาคิดบ้างเล็กๆเน้อ
ช่วงนี้และก่อนหน้านี้อะไรๆมันประดังเข้ามา เป็นธรรมดาที่คนเราจะมีเป๋ๆไปบ้าง
แต่ซักพักคงจะตั้งตัวตั้งสติได้ รู้คิดว่าควรจะทำอะไรอย่างไรต่อไป
-
from this coversation, it's clearly that Lay is pretty more
mature than Pat.
Pat is such a drama brat, insecure and coward backstabber.
Screw you....Pat
-
เจอโดนบอกว่าเป็น drama queen สำหรับผู้ชายนี้เจ็บกว่าโดนเตะกลางสี่แยกอีกนะเนี่ย
But I think that Hulley said is truth.
-
drama queen :laugh:
เจ็บแปล๊บๆเลยอ่ะ
ชีวิตมันสั้น มีเรื่องให้ทำอีกเยอะแยะ แต่อารมณ์พี่แพทเราก็ต้องเข้าใจเหมือนกัน
เป็นใครก็คงช็อคและโกรธนะ
-
โอเค เคลียร์ล่ะ สงสารทั้งคู่ล่ะ มันเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก แต่ฝ่ายก็ต่างสิทธิที่จะคิด แต่เรายังไม่อยากปล่อยใจไป100% เพราะอ่านจากชื่อเรื่องแล้ว กลัวโดนหักมุม
-
^^
-
แพทโดนเล่ย์ว่าหลายคำเลยเจ็บ ๆ ทั้งนั้น
ที่เห็นแน่ ๆ คือ..
เล่ย์มีวุฒิภาวะสูงกว่าแพทเยอะ!!
-
อือนะ คงเหมือนกับโดนแย่งพ่อกับแย่งคนที่ชอบไปพร้อมกันล่ะมั้ง
-
ไปแอบคุยกันตอนไหนนะ ถ้าพุแอบฟังด้วยจะเกิดอาการแบบเค้าไหม o2
เล่ย์พูดอะไรดีๆเยอะเลย เฮียแพทคงจะโอเคขึ้นถึงจะต้องใช้เวลาก็เถอะ :เฮ้อ:
-
จบ ประถมปีที่ 4
อ่านภาษาต่างประเทศ ไม่ออก
เคยมีความรู้สึกคล้ายคุณ แพท
ในตอน เด็กๆ
แต่มองกลับไป...ไม่ดีเลย
-
เคลียร์ประเด็นเรื่องเล่ย์ไปแล้ว
คงจะไม่มีอะไรในกอไผ่(?) o18
แต่ไม่ไว้ใจชื่อเรื่องอ้ะะ :z2:
ปล. drama queen ขำกร้ากก โดนไปหลายดอกเลย :jul3:
-
ตอนที่แล้วพี่เล่ย์เท่ม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
น้องพุก็น่ารัก ยั่วไม่รู้ตัว เมื่อไหร่พี่เล่ย์จะเอาจริงอ่ะ :z1:
น้องเกียร์ฉลาด ท่าทางแสบไม่เบา อยากอ่านเรื่องน้องเกียร์จัง :impress:
ตอนที่แล้วอิเฮียแพทนี่มันตัวร้ายชัดๆ แต่ตอนนี้แอบสงสารเบาๆ
ความอิจฉาริษยานี่มันเหมือนจะเผาไหม้ตัวแกเองเลยนะ อยากให้เฮียคิดได้ไวๆ
สุดท้าย :จุ๊บๆ: คนแต่งจ้า
-
อั๊ยยะ เฮียเล่ย์เท่ห์มากกกก กรี๊ซซซซซซ :m1: :m1: :m1:
เฮียแพทก็แถซะจะดราม่าให้ได้เลยใช่ไหม เด็กมีปัญหาชัดๆ
-
o13
-
Oh, English novel. I like it although take time to find meaning of words.
Pat is Drama Queen so he is Uke. :confuse: :confuse:
-
ตอนนี้แสดงถึงวุฒิภาวะที่ต่างกันอย่างมากระหว่างเล่ย์ กับแพท
แต่ก็ไม่โทษแพทหรอก แพทอยู่อย่างมีความสุข เชื่อมั่นมาตลอดว่าว่าพ่อเป็นดี รักครอบครัว อยู่ๆก็มีลูกอีกคนโผล่มา ก็ต้องผิดหวังเป็นธรรมดา
แต่เล่ย์อยู่กับความพื้นฐานความจริงมาโดยตลอดและมีครอบครัวที่น่ารักมาก จึงเข้าใจโลกเป็นธรรมดา
-
That's AWESOMEEEEEEEE!!!
Harley, I love you!
+& little duckling
-
:sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
-
พี่เล่ย์ดูคิดได้อ่ะ
คุยกันที ฉันก็ต้องรื้อฟื้นอิ๊ง 5555
เฮียแพทลองคิดตามดูนะ อย่ามัวแต่อคติ !!!
-
ดูเหมือนพี่แพทจะฝั่งใจกับละครหลังข่าวมาก ที่ว่าลูกเมียน้อยมาเพื่อทำลายครอบครัว
รวมไปถึงต้องแย่งคนรักของตน He's really Drama Queen.
ฝั่งใจกับสิ่งที่ตัวเองรู้สึกเพียงด้านเดียว แล้วผูกเรื่องไปเรื่อยๆตามความคิดตัว คนแบบนี้จะว่าไปก็อธิบายอะไรไปก็เท่านั้น ไม่ฟังหรอก
แถมยังหลับหูหลับตาเถียง บางทีต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ตั้งสติฟัง
สมมติตอนที่แพทบอกพุว่า พุเป็นคนที่แพทรัก ที่เล่ย์เข้ามาเพราะจะมาแย่งพุไป อืมมมม แพทจะเจ็บหนักเลยนะเนี่ย เพราะพุคงบอกแพทว่า ไม่ได้คิดอะไรด้วย
ถามว่าตอนนี้เคลียร์ให้แพทรึเปล่า ยอมรับว่าไม่รู้สึกดีกับแพทขึ้นเท่าไหร่ 5555555 ยังมองว่าตอนนี้แพทยิ่งพูดไรก็ยิ่งเสีย เพราะสิ่งที่พูดมายิ่งชี้ให้เห็นว่าวุฒิภาวะของแพทไม่ได้โตไปกว่าเด็กประถมเลย เข้าใจนะว่าชีวิตที่ผ่านมาเนี่ยไม่ปะทะกับความทุกข์เท่าไหร่ พอเจอเข้าไปเลยเสียหลัก
แต่การกระทำของแพทที่เรียกว่า "แทงข้างหลัง" มันเป็นการกระทำที่ไม่แมน ไม่แฟร๋ในการต่อสู้เรื่องความรักของคนที่ได้ชื่อว่า "ผู้ชาย" ที่รู้สึกอคติยาวนานแบบนี้ เพราะส่วนนี้ด้วยละมั้ง
แทนที่จะสู้กันตรงๆโดยไม่เอาเรื่องอื่นมาเกี่ยว
-
พึ่งเข้ามาอ่านเลย ชอบค่ะ ชอบอิมเมจตัวละครเพื่อนนายเอกของเรามาก :oni2:
นี่ถ้ามีเพื่อนแบบนี้หายเครียดจนเป็นบ้าแน่ๆ ฮ่าๆๆๆ :laugh3: :laugh3: :laugh3:
-
ชอบคำพูดของเลย์นะ แลดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเฮียแพทแต่ถ้ามองกลับกันเป็นเราก็คงทนไม่ได้ที่อยู่ๆมีใครไม่รู้โผล่มาแล้วบอกว่าเป็นลูกของพ่อเราคงช็อกแน่ๆ แต่อย่างที่เลย์ว่ามองไปข้างหน้าแทนที่จะมาฝังใจอยู่แต่กับอดีต
-
มวยคนละรุ่นเลย แพทกับเล่ย์
ความเข้าใจชีวิตเข้าใจโลก และมุมมอง ของเล่ย์กับแพทต่างกันมาก
เล่ย์แอบปากจักเหมือนกันนะจ๊ะ
น้องพุเหมาะกับพี่เลย์ที่สุด เพราะดูจะเป็นผู้ดูแลปกป้องพุได้ แพทคงไม่สามารถทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีเท่าเลย์
ชักจะเห็นด้วยกับหลายๆคนซะแล้ว ที่จะให้น้องเกียร์จับคู่กับแพท น้องเกียร์คงจะดูแล"Queen"คนนี้ได้ดีแน่ๆ
-
จบป.3 ภาษาปะกิดไม่แข็งแรง
-
ฮาที่สุดก็ดราม่าควีนเนี่ยละ ก๊ากเลย
แต่ก็เข้าใจแพทนิดๆ พ่อเป็นฮีโร่ เป็นคนที่ภูมิใจมาตลอด มาเจอเรื่องแบบนี้ก็คงไปไม่เป็นเหมือนกัน
-
โดนน้องสั่งสอน เจ็บแปล๊บๆเลยมั๊ยนั่นพี่แพท :laugh:
แพทนี่โตแต่ตัวจริงๆ แต่วุฒิภาวะทางอารมณ์ยังด้อยกว่าเด็กประถมมากกกกอ่ะ
ปล.เวอร์ชั่นภาษาอังกิดได้อารมณ์มากกว่าภาษาไทยจริงๆด้วยจ้ะ :กอด1:
-
ขอเวอร์ชั่นภาษาไทยสัีกหน่อยเถอะค่ะ
คิดว่ามันคงจะเข้าใจอะไรมากขึ้นแน่ๆ
บอกตรงๆ ว่าไม่ค่อยเข้าใจ แม้จะอ่านออกบ้าง
-
:m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16:
งง ได้อีก
-
น่าอายจริงๆ ที่จะบอกว่า ขอเวอร์ชั่นไทยหน่อยค่ะ
...ToT....
เหมือนจะอ่านออกแต่ก็ไม่ใช่อะ มัน อย่าง Drama Queen ที่เหมือนจะเข้าใจ แต่ว่าถ้าลองนำมาเปรียบเทียบเป็นคำไทยก็นึกไม่ออกเลย
-
พี่เล่ย์มีวุฒิภาวะมากกว่าเฮียแพทจริงๆอะนะ สงบเยือกเย็นดีจริง
ครอบครัวคงเป็นส่วนสำคัญ ไม่งั้นพี่เล่ย์อาจทำตัวดราม่ายิ่งกว่าเฮียแพทก็ได้
แต่เข้าใจเฮียแพทอยู่เหมือนกัน มีพ่อเป็นเหมือนฮีโร่ คงรู้สึกเหมือนโดนพ่อหักหลัง
-
พี่แพท --> Drama Queen 5555+
-
นั่นซินะเพราะทำตัวไม่เหมือนผู้ใหญ่แล้วใครจะคิดว่าอายุมากกว่าแถมเป็นพี่อีก
ไม่สุขุมเยือกเย็นพอ
ได้ฝึกภาษาไปในตัวเยี่ยมๆๆๆ
-
:a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
o22 o22 o22 o22 o22 o22 o22 o22 o22 o22
แปลไม่ออก...
:sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
:o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
-
มารอพี่เล่ย์
>..<
-
UNBELIEVABLE LOVE
Chapter Eleven (Part 2)
ตาสว่างทันที ผมลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ เพื่อจะได้คุยกันแบบจริงจังและเป็นกิจจะลักษณะ แต่อีกฝ่ายก็ยังนอนอยู่เหมือนเดิม
แต่ไม่เป็นไร จริงจังคนเดียวก็ได้วะ “พี่เล่ย์รู้จักเฮียแพทหรือเปล่า”
“เคยเจอกัน” ถามว่ารู้จักมั้ย ไม่ได้ถามว่าเคยเจอกันมั้ยฮู้ งั้นขอโมเมว่ารู้จักละกัน
...คำถามต่อไป มันจะดูละลาบละล้วงไปหรือเปล่าหว่าแต่ถ้าไม่ถาม มันคงตะหงิดอยู่ในใจไปเรื่อยๆ
“พี่เล่ย์เป็นน้องเฮียแพทใช่มั้ย” เอิ่ม ไม่ได้ตั้งใจจะโพล่งออกมาแบบนี้นะ มันหลุดไปเอง
“โดยสายเลือด...ใช่” พี่เล่ย์บอก แล้วถามกลับ “เขาบอกอะไรพุบ้าง”
ไม่ต้องถามก็รู้ว่า 'เขา' ในที่นี้หมายถึงใคร ผมอ้อมแอ้มตอบ “ก็... บอกพี่เล่ย์เป็นน้องคนละแม่”
“อืม... แล้ว?”
เรื่องนี้ควรบอกดีไหมหว่า พูดไปแล้วจะโดนเตะมั้ยเนี่ย เสียวจริงๆ “บอกแม่พี่เล่ย์เป็นเมียน้อยพ่อเขา”
“ไม่ใช่เมียน้อย” พี่เล่ย์บอกเรียบๆ น้ำเสียงไม่บ่งบอกว่าโกรธหรือแค้นเคือง “แค่ one night stand”
อึ้งรับประทานครับ ถึงจะไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่คำนี้ก็พอรู้อยู่…ไปต่อไม่เป็นเลย
“แม่ไปฝึกงานที่บริษัทของปู่ ในแผนกที่พ่อดูแลอยู่.... พ่อแต่งงานแล้ว เมียกำลังท้องแก่ใกล้คลอด... วันสุดท้ายของการฝึกงาน พ่อพาทุกคนไปเลี้ยงส่ง......พี่เกิดคืนนั้น” พี่เล่ย์เล่าเรื่อยๆ เหมือนกับไม่ใช่เรื่องของตัวเอง “แม่ตัดสินใจไม่บอกพ่อว่าท้อง เพราะอีกฝ่ายมีครอบครัวแล้ว และที่มีอะไรกันก็เพราะความเมา ไม่ใช่เพราะรัก เลยคิดจะคลอดและเลี้ยงพี่คนเดียว”
ผมอยากจะบอก แม่พี่เล่ย์ทำไม่ถูก พ่อทุกคนควรมีสิทธิ์รู้ว่าตัวเองมีลูก และลูกทุกคนก็ควรจะได้รู้ว่าพ่อตัวเองเป็นใคร แต่ก็นั่นแหละ ต่างคนต่างเหตุผล... อย่างน้อยแม่พี่เล่ย์ก็ยังคิดจะคลอดลูก หากเป็นผมที่เจอเหตุการณ์นั้น บางทีอาจจะตัดสินใจทำอะไรที่แย่กว่านั้นก็เป็นได้
“แม่กลับบ้านที่ต่างจังหวัด... แล้วก็คลอดพี่ที่โรงพยาบาลของอำเภอ โรงพยาบาลเล็กๆ เครื่องมือหมอไม่พร้อม แม่เสียเลือดมาก... พี่เกิดได้สามวัน แม่ก็ตาย”
“.........” ไม่รู้ว่าควรแสดงความเห็นใจมั้ย เพราะน้ำเสียงไม่เศร้าเลย
“แม่แจ้งกับโรงพยาบาลว่าโดนข่มขืน ไม่รู้พ่อเด็กเป็นใคร ส่วนชื่อคนที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉินก็คือเพื่อนสนิทของแม่ที่เคยเรียนด้วยกันตอนมอปลาย กว่าจะติดต่อได้ก็เกือบอาทิตย์ พี่เกือบจะต้องไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้ว”
“อ้าว แล้วญาติคนอื่นๆ ล่ะ”
“ตากับยายเสียแล้ว แม่เป็นลูกคนเดียว ญาติคนอื่นๆ ก็ไม่รู้อยู่ไหน”
ผมพยักหน้าเข้าใจ...
“แล้วเพื่อนแม่ก็รับพี่เป็นบุตรบุญธรรม” พี่เล่ย์เล่าต่อ
“หมายถึงครอบครัวปัจจุบัน?”
“ใช่... รู้จักไอ้เกียร์ใช่มั้ย”
ผมพยักหน้า นึกถึงผู้ชายหน้าเหมือนลูกครึ่งคนที่เห็นในคอนโดพี่เล่ย์วันนั้น “ครับ เพื่อนที่อยู่คอนโดเดียวกันกับพี่เล่ย์”
“ไม่ใช่เพื่อน น้อง... มันอายุน้อยกว่าพี่สามเดือน”
“ลูกของครอบครัวคนปัจจุบัน?”
“ใช่... ตอนที่แม่รับพี่มาเลี้ยง ท่านก็กำลังท้องไอ้เกียร์ ใกล้จะคลอดพอดี”
ทำไมมันลึกลับซับซ้อนงี้วะเนี่ย “แล้วพี่เล่ย์รู้ตอนไหนว่าเป็นลูกเลี้ยง”
“ปอสี่” ผมว่ามันยิ้มว่ะ เห็นฟันขาวๆ “ไอ้เกียร์มันเป็นเด็กที่ฉลาดมาก ชอบดู discovery เป็นชีวิตจิตใจ... ตอนประมาณปอสามมั้ง มันก็เดินมาถามแม่ว่า 'แม่ เกียร์เป็นลูกที่แม่เก็บมาเลี้ยงใช่มั้ย' แม่ก็ถามว่าทำไมคิดงั้น มันก็บอก 'มนุษย์ใช้เวลาอุ้มท้องเก้าเดือน แต่เกียร์กับพี่เล่ย์อายุห่างกันแค่สามเดือน จึงเป็นไปไม่ได้ที่เกียร์กับพี่เล่ย์จะเป็นพี่น้องกัน และแม่ก็รักพี่เล่ย์มากกว่าเกียร์ ดังนั้นเกียร์คงเป็นลูกที่แม่เก็บมาเลี้ยงแน่ๆ”
ผมอึ้งอะ“โห นี่คำพูดของเด็กปอสามเหรอ”
“ก็บอกแล้วว่ามันฉลาด” พี่เล่ย์ว่ายิ้มๆ ก่อนจะเล่าต่อ“ตอนนั้นพี่ก็คิดว่ามันเป็นลูกที่แม่เก็บมาเลี้ยงเหมือนกัน เพราะมันไม่มีอะไรเหมือนพ่อและแม่เลย พี่ถนัดซ้ายเหมือนแม่ ชอบฟังเพลงร็อคเหมือนพ่อ แต่ไอ้เกียร์ถนัดขวาและชอบฟังเพลงป๊อบ ผมก็เป็นสีน้ำตาล ทั้งๆ ที่คนอื่นเป็นสีดำกันหมด...”
“อ้าว นั่นสีผมจริงๆ เหรอ นึกว่าทำสี”
“ไม่ได้ทำ ตอนเด็กๆ สีอ่อนกว่านี้อีก แต่พอโตมันก็เข้มขึ้น... เปลี่ยนอาจารย์ฝ่ายปกครองทีไรมันโดนเพ่งเล็งทุกที เพราะอาจารย์คิดว่ามันไปย้อมผมมา... พ่อยังชอบล้อบ่อยๆ ว่าไอ้เกียร์เป็นลูกชู้ฝรั่งของแม่” พี่เล่ย์พูดกลั้วหัวเราะ เป็นคนดีจริงๆ มีความสุขบนความทุกข์ของน้อง
“อ้าว แล้วไม่ใช่เหรอ” ส่วนไอ้พุ ก็ไม่ได้ต่างกันเล้ยยเหอะๆ
พี่เล่ย์หัวเราะขำ แล้วบอก “มันได้เชื้อฝรั่งมาจากปู่ทวด แต่พ่อไม่ยอมบอกเพราะชอบแกล้งมัน”
“ดีมากเลย ครอบครัวนี้” ผมพูดปลงๆ ส่วนพี่เล่ย์ก็หัวเราะขำ รอจนมันหยุด ผมก็เริ่มเข้าสู่โหมดจริงจัง “แล้วพี่รู้เรื่องจริงได้ยังไง”
“อืม... วันนั้นที่ไอ้เกียร์ถาม แม่ก็ไม่ยอมบอกว่าจริงหรือไม่จริง แต่ตัวมันก็ฟังธงไปเรียบร้อยแล้วว่าตัวเองเป็นลูกที่ถูกเก็บมาเลี้ยง” พี่เล่ย์หยุดพูด เพราะกลั้นขำไม่อยู่ “มันทำทุกวิถีทางที่คิดว่าจะทำให้รู้ว่าพ่อแม่ตัวเองเป็นใคร... แอบฟังพ่อแม่คุยกัน... รื้อเอกสารทั้งในห้องทำงานและห้องนอนของพ่อแม่... มันบ้าขนาดปีนขึ้นไปบนฝ้าเพราะคิดว่าเขาอาจจะซ่อนไว้บนนั้น...ดีไม่ตกมาตาย”
ผมนึกภาพตามแล้วก็ไม่สามารถกลั้นหัวเราะต่อไปได้ ปล่อยก๊ากออกมา
...แล้วทำไมมันกลายเป็นเรื่องขำขันไปได้ว่ะเนี่ย เรากำลังคุยเรื่องซีเรียสกันอยู่ไม่ใช่เรอะ
“มีวันหนึ่ง ตอนปอสี่ มันหนีออกจากบ้าน เขียนจดหมายลาไว้ว่า 'เกียร์ขอบคุณพ่อกับแม่และพี่เล่ย์มากที่ยอมให้อยู่ด้วยมาตั้งนาน ตอนนี้เกียร์โตแล้ว เกียร์จะออกไปตามหาพ่อแม่ตัวจริง ชาติหน้ามีจริงขอให้เกียร์ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อกับแม่และน้องพี่เล่ย์จริงๆ บ๊ายบาย - เกียร์ ลูกที่เก็บมาเลี้ยง' แล้วมันก็วาดรูปเด็กผู้ชายแบกถุงผ้าน้ำตาไหลไว้ใต้ข้อความ”
“เฮ้ย เขียนยังงี้จริงๆ อะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” อะไรมันจะฮาขนาดนั้น
“เขียนประมาณนี้แหละ แต่ที่จำได้แม่นคือคำลงท้ายกับรูปเด็กผู้ชายแบกถุงผ้ายืนร้องไห้ ตอนนั้นพี่กับแม่ร้องไห้เลย นึกว่ามันหนีไปจริงๆ”
“อ้าว แล้วไม่ได้หนีจริงๆ เหรอ” จริงๆ ผมก็อยากตบเข้าประเด็นหลักอยู่เหมือนกัน แต่ใช่ว่าจะหาโอกาสแบบนี้ได้ง่ายๆ เพราะปกติพี่แกแทบจะไม่คุยเกี่ยวกับตัวเองเลย... รู้จักกันแรกๆ ยังคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กมีปัญหาบ้านแตกสาแหรกขาดหรือเปล่าวะ ถึงไม่ยอมพูดถึงเรื่องทางบ้านเลย
“หนีไปแล้ว... พอดียามของหมู่บ้านเห็นมันหอบหิ้วถุงใส่เสื้อผ้ากับของเล่นพะรุงพะรังก็ถามว่าจะไปไหน ถึงจะฉลาดแต่ก็ยังเด็ก พอโดนตะล่อมถามมันก็บอกความจริง เขาก็บอกว่าจะพามันไปหาพ่อแม่เอง แล้วก็วกกลับมาส่งที่บ้าน ตอนที่พวกเรากำลังจะเอารถออกตามหาอยู่พอดี... วันนั้นแหละที่พี่รู้ว่าตัวเองเป็นลูกเลี้ยง เพราะแม่กลัวว่าไอ้เกียร์มันจะบ้าไปมากกว่านี้เลยต้องบอกความจริง แล้วมอบไดอารี่ของแม่ให้พี่... ในนั้นก็บอกหมดทุกอย่างเกี่ยวกับแม่ รวมทั้งชื่อพ่อด้วย”
“แล้วพี่เล่ย์ว่าไง”
“ก็... ไม่ได้ว่าไง งงอยู่ เพราะไม่เคยคิด มีแต่ไอ้เกียร์แหละที่ร้องไห้ลั่นบ้าน”
“อ้าว แล้วเขาไม่ดีใจเหรอที่ไม่ได้เป็นลูกเลี้ยง”
“มันบอก มันทำใจไว้แล้วว่ามันไม่ใช่ลูกของพ่อกับแม่ แต่ยังไม่ได้ทำใจว่าพี่ไม่ใช่พี่มัน งงกับมันมั้ย ลอจิกของเด็กปอสี่”
“เออว่ะ” ผมก็งง ต่างกันยังไงวะ “แล้วยังไงต่อ พอรู้ว่าพ่อแม่เป็นใคร พี่เล่ย์ทำไง ออกตามหามั้ย”
“ไม่ใช่ไอ้เกียร์” พี่เล่ย์ว่าขำๆ ก่อนจะบอก “ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ตามหาใครทั้งนั้น แต่ก็เสียใจมาก ถึงขั้นเก็บเอาไปฝันว่าโดนพ่อแม่กับไอ้เกียร์มายืนชี้หน้าไล่ออกจากบ้านเกือบอาทิตย์เลย”
ไม่มีไรทำ ผมหยิบฟางเส้นหนึ่งมากัดเล่น แล้วก็รีบทิ้ง... เกือบจะเป็นควายไปแล้วมั้ยล่ะ
“ตอนมอสอง... ด้วยความอยากรู้ของไอ้เกียร์ มันก็สามารถสืบมาได้ว่า พ่อพี่ทำงานที่ไหน ตำแหน่งอะไร”
“เชอร์ล็อคโฮล์มส์น้อย” ผมบอก
“มันเสือกอะดิ” คนเล่าแย้งขำๆ ก่อนจะต่อ “แล้วมันก็ชวนพี่ไปแอบดูพ่อที่บริษัท”
“แล้วไปป๊ะ”
“ไม่ไป”
“อ้าว...” แล้วบอกทำไมวะ
พี่เล่ย์หัวเราะหึๆ “มันตื้อทุกวัน จนมอห้าก็ยังไม่เลิก พี่รำคาญเลยยอมไป”
...ใช้เวลาตื้อตั้งแต่ ม.2 ถึง ม.5!! ไอ้คนตื้อก็โคตรจะมีความพยายาม ส่วนไอ้คนโดนตื้อก็โคตรจะใจแข็ง
“พอได้เห็นพ่อ... วันต่อมามันก็มาพร่ำว่า พี่ควรจะไปพบพ่อและบอกความจริงให้ท่านรู้ว่ายังมีลูกอีกคนหนึ่ง พ่อกับลูกควรจะได้รู้จักกัน พ่อลูกต้องพลัดพรากจากกันมันทรมานขนาดไหน บลาๆๆ ดราม่าตามสไตล์มัน”
“แล้วพี่ไปป๊ะ...ไม่ไป” ผมถามเอง ตอบเองเสร็จสรรพ พี่เล่ย์ก็หัวเราะขำก่อนจะบอก “จริงๆ พี่ก็อยากจะไปพบพ่อเหมือนกัน แต่ติดตรงที่ว่าอายุยังไม่ครบยี่สิบ”
“เกี่ยวไรกับยี่สิบ”
“ครบยี่สิบก็ถือว่าบรรลุนิติภาวะ พ้นสภาพการเป็นผู้เยาว์ พ่อก็ไม่สามารถบังคับให้พี่ไปอยู่ด้วยได้... เพราะถ้าเขาเป็นพ่อพี่จริง ก็คงจะคิดเหมือนพี่ ไม่ยอมให้ลูกตัวเองไปอยู่กับคนอื่นแน่ๆ”
อืม... ตอนนั้นอยู่ ม.5 น่าจะอายุสิบเจ็ด คิดลึกขนาดนี้เลย
“วันเกิดอายุครบยี่สิบ... พี่ก็ไปหาพ่อที่บริษัท... รู้มั้ยพ่ออยู่กับใคร”
“ไม่รู้” ผมตอบโดยไม่คิด พี่เล่ย์ก็ว่า“เดาสิ ใช้สมองซะบ้าง ฝ่อหมดแล้ว”
“โห ว่ากันขนาดนี้เลยเหรอ” ผมทำหน้ามุ่ยยิ่งเห็นอีกฝ่ายหัวเราะขำก็ยิ่งหมั่นไส้ เอาไฟฉายเคาะขาซะ“อ้าว ดับเลย”
“ไหน เอามาดูดิ๊” เห็นมือคนถามเป็นเงารางๆ ในความมืด ผมก็ยื่นไฟฉายไปให้ แต่แทนที่จะรับไปดีๆ กลับคว้ามือแล้วดึงจนผมล้มลงไป หัวกระแทกกับคางดังโป๊ก...
หัวแข็งครับ ไม่ค่อยเจ็บ แต่เจ้าของคางสิ ซี๊ดปากเลย “สมน้ำหน้า”
อีกฝ่ายบ่นงึมงำอะไรไม่รู้ ฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วพอผมจะลุกขึ้น แขนแข็งๆ ก็ล็อคไว้ไม่ยอมปล่อย ก่อนเจ้าของแขนจะบอก “หนาว”
“สำออยว่ะ” ผมว่า แต่ไม่ได้ขัดขืน เอนหน้าแนบกับอกอุ่น...
คนสำออยหัวเราะหึๆ แล้วบอก “จะฟังต่อมั้ย ถ้าฟังก็ต้องยอมให้กอดดีๆ ห้ามดิ้น” แบล็คเมล์กันแบบนี้เลย
ผมย่นจมูก ขนาดนี้ยังไม่ยอมอีกเหรอ“ฟังดิ... แล้วสรุปอยู่กับใคร”
“ลุงรหัสพุ” พี่เล่ย์ว่า มือก็ไม่อยู่นิ่ง.... คึคึ คิดอะไรกันอยู่ แค่หมุนเปิดถ่านไฟฉายออกมา แล้วใส่กลับเข้าไปใหม่ ก่อนจะปิดให้สนิท แล้วลองเปิดดู “อะ ติดแล้ว... ทำไมไม่ซื้อแบบที่ชาร์จไฟ ประหยัดกว่า”
“เผื่อต้องไปอยู่ในที่ๆ ไฟฟ้าเข้าไม่ถึงไง”
“เผื่อยาวไปมั้ย”
ผมหัวเราะขำ แล้วก็เร่ง “เล่าต่อดิ”
“อืม... ถึงไหนแล้ว”
“ถึงดาวอังคาร ฮ่า ฮ่า ฮ่า” สรุปเราคุยเรื่องซีเรียสกันอยู่ใช่มั้ย
“โอเค ไปรอที่ดาวอังคารก่อนเลย เดี๋ยวพี่ตามไป ขอนอนพักก่อน”
“เฮ้ย ไม่ได้ๆ มาเล่าต่อเลย ถึงตอนเจอพ่อกับเฮียแพทแล้ว”
พี่เล่ย์หัวเราะขำ ก่อนจะเล่าต่อ “พี่ตั้งใจให้พ่อรู้แค่คนเดียว ก็เลยขอคุยส่วนตัว แต่ลุงรหัสพุไม่ยอมออกไป จะขอฟังด้วย พ่อก็เลยตามใจ”
“แล้วพี่เล่ย์บอกป๊ะ”
“บอก... ตั้งใจมาแล้ว แค่จะบอกให้รับรู้ เชื่อไม่เชื่อก็อีกเรื่องหนึ่ง”
“แล้วพ่อเชื่อมั้ย”
“เชื่อ เขาจำแม่พี่ได้”
“แล้วพี่เล่ย์ทำไง”
“ไม่ทำไง คุยเสร็จก็กลับ”
“ห๊ะ แค่เนี้ย” ฟังมาตั้งนาน จบง่ายๆ แบบเนี้ย
“อืม แค่นี้แหละ พี่แค่อยากให้พ่อรู้เฉยๆ”
“แล้วพ่อพี่ไม่รั้งไว้เหรอ”
“พี่รับปากแล้วว่าจะออกมาพบ ถ้าเขาอยากเจอ”
“ทำไมจบง่ายจัง ไม่มีฉากเรียกน้ำตาซึ้งๆ เลยเหรอ แบบกอดกันแล้วร้องไห้อะไรเงี้ย”
พี่เล่ย์หัวเราะขำ “เลิกดูได้แล้วนะ ละครหลังข่าว” แล้วก็บ่นงึมงำ “ดราม่าพอกับไอ้เกียร์เลย อยู่ด้วยกันจะขนาดไหนวะเนี่ย”
“ท่าทางจะสนุกถ้าได้อยู่กับพี่เกียร์” ผมบอกขำๆ ก่อนจะนึกได้ “แล้วเฮียแพทล่ะ เป็นไง”
“ก็...สบายดี” ตอบได้กวนจริงๆ หมั่นไส้เลยทุบไหล่คนกวนดังบึ๊ก “กวนว่ะ”
“พุ ชอบใช้กำลัง เดี๋ยวเถอะ” เธ่อ ทำเป็นดุ ไม่เห็นกลัว
“โอ๋ เจ็บเหรอ ไหนๆ มา เดี๋ยวเป่าให้” ผมพูดล้อๆ ก่อนจะลูบคลำบริเวณที่ลงกำปั้นไปเมื่อตะกี้ แต่ถูกจับมือไว้
คนจับบอก “อยู่เฉยๆ ถ้าไม่อยากให้ขึ้น”
“อะไรขึ้น” ผมถามด้วยความปากไว ก่อนจะหน้าแดงเมื่ออีกฝ่ายจับมือผมไปวางตรงนั้น “ตรงนี้”
“เฮ้ย พี่เล่ย์ ทุเรศว่ะ” ผมว่าพร้อมกับยกกำปั้นจะทุบคนทุเรศ แต่โดนขู่ซะก่อน “หนึ่งจูบต่อหนึ่งที”
ทำอะไรไม่ได้ ผมก็ได้แต่บ่นงึมงำ อีกฝ่ายก็พูดล้อๆ “แมงหวี่ที่ไหนมาบินข้างหูวะ”
“เลิกพูดได้แล้ว เล่าเลย” อารมณ์เสีย
“เล่าอะไร”
“เฮียแพทอะ เป็นไง ห้ามตอบว่าสบายดีนะ” ผมรีบดักคอไว้ พี่เล่ย์ก็หัวเราะหึๆ “ไม่สบายก็ได้... ลุงรหัสพุก็โกรธมาก ไม่ยอมรับว่าพี่เป็นลูกอีกคนของพ่อ จะให้ตรวจ DNA”
“แล้วพี่จะตรวจป๊ะ”
“ไม่”
“เอ๊า” ผมงงกับคนๆ นี้จริงๆ
“แค่คิดว่าเขาควรจะได้รู้ว่ายังมีลูกคือพี่อีกคนหนึ่ง และก็สบายดีไม่มีอะไรต้องห่วง แต่ไม่ได้ต้องการอะไรจากเขา… เพราะหากพี่เป็นพ่อ ก็คงอยากรู้เหมือนกัน”
“นึกว่าพี่เกียร์กล่อมจนยอม”
“มีส่วน… เพราะถ้าไม่มีไอ้เกียร์ พ่อกับพี่คงไม่ได้พบกัน” พี่เล่ย์พูดขำๆ“สองปีกว่าที่มันพูดกรอกหู จนพี่รู้สึกผิด เหมือนกับเป็นฝ่ายทิ้งพ่อไป”
“หึๆๆ” ผมหัวเราะตัวสั่น นึกภาพออกเลย
รอจนผมหยุดหัวเราะ แล้วพี่เล่ย์ก็ถาม “คำถามต่อไป?”
“อืม…” จะบอกว่าไม่คิดอะไรกับคำพูดของเฮียแพทเลยมันก็ไม่ใช่ แม้ไม่ได้ระแวงว่าพี่เล่ย์เข้าหาผมเพื่อแก้แค้นเฮียแพทแบบในนิยายน้ำเน่า เพราะหากต้องการแก้แค้นจริงๆ เป้าหมายก็ควรจะเป็นแฟนของเฮียแพทน่าจะได้ผลกว่า… แต่ถึงยังไงผมก็ยังอยากจะฟังคำยืนยันจากปากอีกฝ่ายอยู่ดี “เวลาที่เราเจอกัน... บังเอิญหรือพี่เล่ย์ตั้งใจ”
“ตอนไหน”
“ก็…ทุกตอน”
“ตอนแรกด้วยมั้ย ในห้องน้ำ?” พี่เล่ย์ถามกลั้วหัวเราะ
ผมควรจะดีใจใช่มั้ย ที่อีกฝ่ายจำการพบกันของเราได้ตั้งแต่ครั้งแรก... แต่พอนึกถึงผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ด้วย“ตอนนั้นไม่ประทับใจ ไม่นับ ห้ามพูดถึงด้วย”
“อืม… ตอนแรกที่ไม่ใช่ในห้องน้ำ” ยัง ยังไม่จบอีก “หึ หึ บนรถเมล์?”
“อือ ฮึ… บังเอิญหรือว่าตั้งใจ”
“วันนั้น… พี่ไม่ได้ขับรถไปเรียนเพราะตอนเย็นต้องไปรับมอ’ไซค์ที่อู่ ตอนที่ออกมาจากมอ เห็นพุกำลังก้าวขึ้นรถเมล์ คันที่ผ่านอู่พอดี ก็เลยขึ้นตาม…”
“บังเอิญ” ผมสรุป
“ฟังให้จบแล้วค่อยตัดสิน” พี่เล่ย์ว่า แล้วเล่าต่อ “พอรถออกได้ไม่นาน ไอ้เกียร์ก็โทรมา เพราะพี่นัดมันไว้ที่หน้ามอ จะให้ขับรถไปส่งที่อู่”
“อ้าว…” น่าจะคุยก่อนที่จะเอากระเป๋ามาวางที่ตักผม เพราะหลังจากนั้นก็ไม่เห็อีกฝ่ายจะคุยโทรศัพท์เลย
“พี่ลงต่อจากพุป้ายหนึ่ง ปรากฏว่ามอ’ไซค์ยังซ่อมไม่เสร็จ ช่างบอกอีกประมาณสามชั่วโมง พี่เลยไปหาอะไรกินที่ห้างข้างๆ รอเวลา เพราะไหนๆ ก็มาแล้วไม่อยากให้เสียเที่ยว… พออู่โทรมาว่าเสร็จแล้ว เดินออกไปนอกห้าง ไอ้เกียร์โทรมาพอดีให้ซื้ออาหารญี่ปุ่นไปฝาก ไถ่โทษที่ทำให้มันรอเก้อ พี่ก็เลยเดินกลับเข้าไปใหม่… แล้วก็เจอกับพุ”
“แล้วสรุปว่าไง”
“สรุปว่า วันนั้นพี่ก็ไม่ได้ไปเอามอ’ไซค์และไอ้เกียร์ก็ไม่ได้กินอาหารญี่ปุ่น” พี่เล่ย์ว่าขำๆ ก่อนจะพูดเสียงจริงจัง “ทำไมพุถึงอยากรู้ มันสำคัญด้วยหรือ จะบังเอิญหรือตั้งใจ แต่ทั้งสองก็ทำให้เราได้เจอกัน แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว”
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถ้าเฮียแพทไม่จุดประเด็นไว้ก่อน แค่นี้ก็คงจะพอ “ขอถามข้อหนึ่ง…”
“อืม… ว่ามา”
เอาวะ เว้ากันซื่อๆ นี่แหละ ขี้เกียจอ้อมค้อมละ “พี่เล่ย์ไม่ได้มีอะไรแอบแฝงใช่มั้ย… ที่คบกับพุเพราะพุเป็นพุใช่มั้ย”
“ถ้าพุไม่เป็นพุ แล้วพุจะเป็นอะไร” อีกฝ่ายว่าขำๆ ผมก็เลยจิ๊ปากแล้วบอก “ฮื้อ พี่อะ คนยิ่งซีเรียส ไม่ใช่เรื่องตลกนะเนี่ย”
“โอเคๆ แต่ก่อนตอบ พี่ขอถามข้อหนึ่ง… พุคิดว่าพี่จริงใจกับพุหรือเปล่า”
ผมถอนหายใจอีกเฮือก “พุเชื่อละ ว่าพี่เล่ย์กับพ่อเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน นิสัยเหมือนกันเด๊ะ”
“ยังไง”
“ก็ยังงี้ไง… ชอบตอบคำถามด้วยคำถาม”
มือใหญ่ที่วางอยู่ตรงเอวเลื่อนขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ “เพราะพี่เชื่อว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด... พี่ไม่ต้องการให้พุเชื่อในสิ่งที่พี่พูด แต่ให้ตัดสินจากสิ่งที่พี่ทำ”
ได้ยินอย่างนั้นผมก็ได้แต่นิ่ง วนนิ้วกับกระดุมเชิ๊ตของอีกฝ่ายเล่น ก่อนจะพูดพึมพำ “นั่นก็ใช่ แต่การสื่อสารก็สำคัญเหมือนกัน พุไม่อยากคิดเองเออเอง อะไรที่ไม่รู้ไม่มั่นก็อยากจะถาม”
“อะไรที่พุไม่มั่นใจ”
ผมเผลอยักไหล่ ก่อนจะตอบ “คือ… เข้าใจป๊ะ พี่เล่ย์ทั้งหล่อทั้งรวย” พูดแล้วก็เขินแต่คนโดนชมไม่มีทีท่าว่าจะเขินสักนิดเดียว มีอืมๆ ด้วย เหมือนการโดนชมว่าหล่อว่ารวยเป็นเรื่องปกติธรรมดาของชีวิต “แล้วมาคบกับคนอย่างพุเนี่ยนะ”
“คนแบบพุเป็นยังไง”
“ก็แบบ…รวยก็ไม่รวย หน้าตาก็จืดๆ” ไม่เหมาะสมกันอย่างยิ่ง
พี่เล่ย์นิ่งไปนิด ก่อนจะถามช้าๆ เหมือนไม่แน่ใจ “ที่พูดมาเนี่ย เป็นคำถามหลอก จะให้พี่ชม ใช่มั้ย”
ตายไปเลยเจอตอบแบบนี้ “โอเค จบ ไม่คุยละ”
“เฮ้ย พี่สงสัยจริงๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ดูเขาดิ ไอ้พี่บ้า
แล้วนี่ผมหลงประเด็นไปไหนแล้วเนี่ย ซีเรียสได้แป๊บเดียว หลุดไปอีกละ“ยังไม่ตอบพุเลย… มีไรแอบแฝงหรือเปล่า”
“พุก็ยังไม่ได้ตอบพี่เหมือนกัน… คิดว่าพี่จริงใจหรือเปล่า”
“ก็… จริงใจมั้ง”
“ทำไมต้องมีมั้ง… ไม่มั่นใจ?”
“จริงใจคร๊าบบบ”
“ประชด?”
เรื่องมากจริงเว้ย“จริงใจครับ… แล้วคำตอบของพี่ล่ะ”
“จริงใจแล้วจะมีอะไรแอบแฝงได้ยังไง”
ขอตบเข่าฉาด “น๊าน ว่าแล้วต้องตอบแบบนี้ ทำไมแทงหวยไม่ถูกวะ”
พี่เล่ย์หัวเราะขำ ก่อนจะถาม “หมดหรือยังคำถาม”
ปิดบัง… ก็เล่าซะหมดเปลือกขนาดนี้ จะมีอะไรปิดบังอีก
บริสุทธิ์ใจ… การกระทำสำคัญกว่าคำพูด จริงใจหรือแอบแฝงคงต้องวัดกันต่อไป
บังเอิญหรือตั้งใจ… ก็อย่างที่บอก จะตั้งใจหรือบังเอิญ แต่ก็ทำให้ได้เจอกัน แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว
“คำถามสุดท้าย…” ผมบอก พออีกฝ่ายพูดอืมอยู่ในลำคอก็บอก “พี่เล่ย์คิดอะไรกับเฮียแพท”
“คิดอะไร… คิดว่าเป็นลูกอีกคนของพ่อ ใช่มั้ย?” คงจะงงกับคำถามอย่าว่าแต่คนตอบเลย คนถามอย่างผมยังงงตัวเอง
“หมายถึงความรู้สึกอะ…รัก ชอบ อิจฉา เกลียด โกรธ อะไรแบบเนี้ย” แล้วมันก็นิ่งไปนานมาก จนผมนึกว่ามันหลับไปแล้ว “พี่?”
“อืม… ก็เฉยๆ นะ ไม่รู้สึกอะไรเลย”
“เนี่ยนะคำตอบ คิดซะนาน” นึกว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนกว่านี้
“ก็มันหาคำตอบไม่ได้ เลยต้องคิดนาน” พี่เล่ย์ว่า ก่อนจะถาม “ทำไม… ต้องรู้สึกด้วยเหรอ”
ชักสงสัย… ผมมีแฟนตายด้านเปล่าวะ
“เปล่า… แค่แปลกใจว่าปกติพี่น้องต่างแม่ก็น่าจะไม่ชอบกัน อิจฉาริษยากันอะไรแบบเนี้ย”
“ปกติของใคร”
“ก็ของคนทั่วๆ ไป ดูอย่างหนัง…” หลุดไปแล้วผมรีบหุบปากเลย… และก็เป็นไปตามคาด เมื่อพี่เล่ย์บอก “สรุปเอาความคิดนี้มาจากละครหลังข่าวใช่มั้ย ดราม่ามาเลย”
“พี่ไม่รู้อะไร เรื่องจริงยิ่งกว่านิยายอีก ขอบอก” ผมเถียง
“ยกตัวอย่างเช่น…”
ผมยิ้มอย่างมีชัย “ยกตัวอย่างเช่นพี่กับเฮียแพท… พี่น้องที่พลัดพรากจากกันตั้งแต่เด็ก สุดท้ายก็ได้มาเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน และรู้จักกับพุเหมือนกัน… เห็นมั้ย พรหมลิขิตชัวร์”
“พรหมลิขิตขีดเขี่ยให้เหี้-” ผมรีบยกมือขึ้นปิดปากคนพูด “จบๆ ห้ามพูดๆ เดี๋ยวปั๊ด…” ชอบทำเป็นเล่นอยู่เรื่อย
“เดี๋ยวปั๊ดอะไร” น้ำเสียงท้าทายมาก... แล้วเราจะยอมได้ไง
“เดี๋ยวปั๊ด…” ผมว่า แล้วดันตัวขึ้นไปจุ๊บแก้มคนท้า ก่อนจะยักคิ้วในความมืด “แบบเนี้ย”
พี่เล่ย์เงียบไปแป๊บหนึ่ง แล้วบอก “ว้าว พัฒนาขึ้นนะเรา” พร้อมพลิกตัวคร่อมร่างผม ก้มลงหอมไปทั่วทั้งหน้า ก่อนจะลามเลยมาที่ซอกคอและไหล่ “อืมมมมม์” ก่อนมือซุกซนข้างหนึ่งจะล้วงเข้าไปในกางเกงผม ทั้งลูบทั้งขยำอย่างมันมือ
ชักจะเลยเถิดเกินกว่าที่คิด กลัวจะหยุดไม่อยู่หากปล่อยต่อไป ผมรีบตะครุบมือของอีกฝ่ายไว้ “เดี๋ยวๆ พี่เล่ย์ หยุดก่อน หยู๊ดดด”
อีกฝ่ายหยุดตามที่ผมขอ แต่ยังไม่ยอมเอามือออกจากกางเกง เสียงหอบหายใจ ฟังแล้วมันดูหื่นๆ ยังไงไม่รู้ จะรอดมั้ยเนี่ยงานนี้
“พะ พุยังไม่พร้อม พะ พี่เล่ย์อย่าทำพุเลยนะ” เสียงสั่นเลยผม…กลัวเพราะไม่เคยเลยเถิดขนาดนี้มาก่อน
พี่เล่ย์ถอนหายใจ ก่อนจะดึงมือออก แล้วบ่นเซ็งๆ“แกล้งกันใช่มั้ย… ยั่วแล้วหนี”
แค่หอมแก้มเอง ยั่วตรงไหนวะ!
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
นี่ทีเซอร์ช่ะ
อ่อยยยย
พี่เล่ย์น่ารักมากไปแล้วนะ
นี่ตักบาตรกัน 3 คนเราะ
หึหึ เอาแล้ว เฮียจะทำไงเนี่ย
รอดูกันต่อไปปปป
-
อู้ว หนุ่มสาวสมัยนี้มันต้องงี้สิทำบุญบ้างอะไรบ้าง
-
พุมาแล้ว :z2:ขอบคุณค่ะ :pig4:
-
หุหุ น่ารักดีอะ
-
พุมาแล้ว เย้ดีใจ ใส่บาตร 3 คน เป็น 3พี ใช่ปะ
(เกี่ยวกันมะเนี่ย)
ขอบคุณมากๆๆๆ ค่ะ :L1: :pig4: :L1:
-
^^
-
น่ารักกันจริงๆ :-[ :-[
-
เอามายั่วคนอ่านอีกแล้ว
นี่เฮียแพทยังไม่รู้ใช่ไหมว่าพุกับเล่ห์เป็นแฟนกัน
พุท่าจะงานงอกอีกแล้วล่ะ
-
นี่ขนาดทีเซอร์นะ
อชขอเเบบจัดเต็มเลยได้มั้ยค๊าาาา
พี่เล่ห์น่ารักขึ้นทุกวันๆ :-[
-
น่ารัก ^^
-
รออ่านเต็มบทนะคะ ^^
-
นี่แค่ทีเซอร์ ตอนแรกๆถ้ายาวขนาดนี้ก็เป็นตอนปกติแล้ว รักคนเขียนที่ซู้ดดดดด :man1:
รอแบบเต็มๆ อยากรู้ว่าตักบาตรกันสามคน จะเกิดอะไรขึ้น แต่ชาติหน้าอาจได้เจอกันอีกนะ :z1:
-
:กอด1:
-
รอตอนเต็ม
แต่พี่เล่ย์น่ารักจังเนาะพุ
-
พี่เลย์น่ารักอ่ะ
หลงแล้วเนี่ย...เนอะพุเนอะ
-
ไม่น่ะ ไม่สามพี
เพราะพี่เล่ย์โดดเด้งแมนโคตรๆ
แต่พี่แพท เด็กอ่ะ
-
พี่เล่ย์นี่แมนได้ใจจริงๆ o13
ส่วนคุณน้องเกียร์ ท่าทางจะกวน มึน เกรียน ได้โล่เลย :laugh:
-
ถ้าจะ open house กันขนาดชวนพี่วินมาด้วยขนาดนี้ :m28: :m28: :m29:
-
รอๆๆ :z2:
-
พี่เล่ย์ เพอร์เฟ็คแมนตัวจริง ง ง >..<
-
พี่เลย์น่ารัก :impress2:
-
รอๆๆๆๆๆจ้า
-
รอๆๆๆๆๆจ้า
-
จะตักบาตรกันสามคนเลยเหรอ
น้องพุคิดแผนปรองดองให้หนุ่มๆสองคนนั่นหรือเปล่านะ
รอติดตามตอนเต็มๆนะคะ
-
ขอเป็นแฟนติดตามเรื่องนี้ด้วยคนคะ
พุน่ารัก เล่ห์เท่มากๆ o13
-
เรื่องนี้น่ารักจัง
พุเค้าชอบตัวนะ แต่เค้าชอบพี่เล่ย์มากกว่า ก๊าก...
-
อ่านแล้วเข้าใจและเห็นใจแพทมากขึ้นเยอะ
อยู่ดีๆ มีมารหัวขนที่ไหนก็ไม่รู้โผล่มากลางครอบครัวเป็นใครๆ ก็ต้องเกลียดทั้งนั้น
ที่เชียร์เลย์ แล้วด่าแพท ก็เพราะเชียร์พระเอกทั้งนั้น ลองให้เกิดกับครอบครัวตัวเองดูเถอะ ขี้คร้านจะด่าอีกฝ่ายหนักกว่านี้
แล้วที่เลย์พูดเหมือนเป็นเพราะเอก ก็เพราะเตรียมตัวล่วงหน้า+ทำใจมาแล้วตั้งหลายปี
ในขณะที่แพทไม่ได้รู้อะไรล่วงหน้ามาก่อนเลย ครอบครัวอบอุ่นพังทลายต่อหน้าเพราะ"ผู้ชายทรยศ" คนนั้น
และถ้าเลย์คิดจะปล่อยให้อดีตผ่านไปจริง ก็ไม่สมควรไปที่บริษัทตั้งแต่วันนั้น เพราะเรื่องไม่มีวันจบ
ทุกอย่างไม่มีวันเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นในความคิดของพ่อ หรือรอยร้าวในครอบครัวนั้น
ความสุขอยู่รอบตัวเลย์ หลังจากปล่อยระเบิดทำลายครอบครัวคนอื่น .... เยี่ยมมากเลย์
.
.
.
อินกะนิยายไปหน่อยขออภัย 555555
-
หายไปนานอ่ะ
คิดถึงพี่เล่ย์แล้ว
><
:call:
-
เค้ารออยู่นะ :z3:
-
รอ :o12:
-
เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ถ้ามองในมุมของแพทเราก็เข้าใจความรู้สึกนะ ใครๆก็รับไม่ได้ถ้าเกิดว่าอยู่เกิดมีพี่น้องโผล่มา
เพื่อบอกว่าตอนนี้พ่อของเราไม่ใช่ของเราคนเดียว เป็นใครก็ทำใจไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่จะทำใจยอมรับได้ง่ายๆ
ส่วนในมุมของเล่ย์ ถ้าเราเป็นเล่ย์เราก็อยากรู้แหละว่าพ่อคือใคร แต่ว่าพ่อที่ได้ชื่อแค่ว่าคนให้กำเนิดไม่ได้เลี้ยงดู มันก็ไม่มีความผูกพันกันหรอก มีแค่ความรู้สึกว่า เออนะคนนี้แหละที่ชื่อว่าพ่อ แต่ที่เลย์ตัดสินใจไปหาบอกความจรืงกับพ่อ เราก็มองว่ามันไม่ได้ผิดนะ อย่างน้อยไม่ได้เลี้ยงดูเราก็รับรู้ว่า มีลูกอยู่อีกคนก็ยังดี อะไรประมาณนี้อ่ะ
พิมพ์เองงงเอง 55 ใครจะรู้จริงเท่าคนเขียนอ่ะเนอะ
เรื่องนี้เราว่าใครก็ไม่ผิดนะ พี่แพทก็ไม่ผิดที่โกรธ เลย์ก็ไม่ผิดที่บอก มันอยู่กับความคิดและความเป็นผู้ใหญ่อย่างที่เลย์บอก
ปล รอตอนต่อไปค่ะ
-
เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ถ้ามองในมุมของแพทเราก็เข้าใจความรู้สึกนะ ใครๆก็รับไม่ได้ถ้าเกิดว่าอยู่เกิดมีพี่น้องโผล่มา
เพื่อบอกว่าตอนนี้พ่อของเราไม่ใช่ของเราคนเดียว เป็นใครก็ทำใจไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่จะทำใจยอมรับได้ง่ายๆ
ส่วนในมุมของเล่ย์ ถ้าเราเป็นเล่ย์เราก็อยากรู้แหละว่าพ่อคือใคร แต่ว่าพ่อที่ได้ชื่อแค่ว่าคนให้กำเนิดไม่ได้เลี้ยงดู มันก็ไม่มีความผูกพันกันหรอก มีแค่ความรู้สึกว่า เออนะคนนี้แหละที่ชื่อว่าพ่อ แต่ที่เลย์ตัดสินใจไปหาบอกความจรืงกับพ่อ เราก็มองว่ามันไม่ได้ผิดนะ อย่างน้อยไม่ได้เลี้ยงดูเราก็รับรู้ว่า มีลูกอยู่อีกคนก็ยังดี อะไรประมาณนี้อ่ะ
พิมพ์เองงงเอง 55 ใครจะรู้จริงเท่าคนเขียนอ่ะเนอะ
เรื่องนี้เราว่าใครก็ไม่ผิดนะ พี่แพทก็ไม่ผิดที่โกรธ เลย์ก็ไม่ผิดที่บอก มันอยู่กับความคิดและความเป็นผู้ใหญ่อย่างที่เลย์บอก
ปล รอตอนต่อไปค่ะ
เจอซะทีคนที่เข้าใจเรา 5555
-
เจอคนเข้าใจแล้วก็มาต่อได้แล้วจ้า
คิดถึงพุกะพี่เล่ย์จะแย่
-
ได้โปรดดดดดดดดดดดดดดดด มาต่อไวๆน๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาา :z3:
ชอบอ่ะ ชอบพุ กะ คุณชายฮาเล่ย์ :m3:
-
อ่านรวดเดียวถึงตอนล่าสุดเลย ชอบมากกกกกกกกกกก ชอบเกียร์อ้ะ อยากให้มีบทเยอะๆ กว่านี้ท่าจะฮา กร๊ากกกก
-
คิดถึงเล่ย์สุดหล่อ
+เป็ด
-
ง่า คนแต่งหายอีกแระเรื่องนี้ 555 ชอบเล่ย์อะ เท่ดี
-
อ่านแล้วเราว่า เล่ย์โชคดีที่ได้อยู่กับครอบครัวที่ดี มีความคิด มีเหตุผล มีพี่น้องที่ดีอย่างเกียร์
แล้วก็มีแฟนที่น่ารักอย่างพุด้วย .. :กอด1:
เรื่องพ่อของเล่ย์ ถ้าเป็นเราก็คงทำแบบเดียวกัน แค่ให้รับรู้แล้วมีความสุขกับครอบครัวของเขาต่อไป
เพราะเราเองก็มีความสุขกับครอบครัวของเราเหมือนกัน .. :กอด1:
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วมาต่อเร็วๆนะ กอดอีกที :กอด1:
-
น้องพุ-พี่เล่ย์ มาได้แล้ว คิดถึง
-
UNBELIEVABLE LOVE
Chapter Twelve
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนาฬิกาที่ตั้งปลุกไว้
'คนหายไปไหนหมดหว่า' ผมคิดขณะที่เดินออกจากห้องจะไปล้างหน้าแปรงฟัน แต่พอเดินไปถึงห้องน้ำกลับได้ยินเสียงเหมือนคนอาบน้ำจึงหันหลังกลับแล้วมานั่งรอที่ห้องโถง สักครู่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ เดินตรงมา แล้วเสียงคุ้นๆ ก็ทักขึ้น “นั่งทำไร”
ผมหันไปมอง เห็นเฮียแพทเดินใส่ผ้าเช็ดตัวมาผืนเดียว หยดน้ำเกาะพราวตามใบหน้าและลำตัว “อ้าว เฮีย เมื่อคืนเป็นไงมั่ง หลับสบายป๊ะ”
“สบาย”
ผมหัวเราะ พร้อมกับลุกขึ้นยืน “สบายจริงอะ แล้วทำไมลุกมาอาบน้ำแต่เช้า ร้อนล่ะสิ”
“กูชิน” เฮียแพทว่า แล้วเหล่ตามอง “ว่าแต่มึงเหอะ ตื่นมาทำไรแต่เช้า ปกติวันหยุดเห็นตื่นบ่ายทุกที”
“ก็อยู่นั่นไม่มีไรทำ” แถอีกแล้วผม
“แล้วอยู่นี่มึงจะทำอะไร” เฮียแพทถามเสียงดูถูก
“ตักบาตร เฮียไปตักด้วยกันป่ะ”
“ตักที่ไหน”
“หน้าบ้านนี่แหละ พระมาเจ็ดโมง”
“เออ เอาดิ ดีเหมือนกัน”
ผมพยักหน้า “งั้นเฮียไปใส่ชุดก่อนเลย เดี๋ยวเตรียมกับข้าวใส่บาตรก่อน”
“ใครเตรียม”
“จะใครซะอีก ก็ผมไง”
“พระจะฉันได้มั้ยเนี่ย” เฮียแพทแซว แล้วเดินหัวเราะหายเข้าไปในห้องนอนของไอ้พัน
“ดูถูกว่ะ” ผมบ่นงึมงำ แล้วเดินเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันที่ห้องน้ำ แต่ยังไม่อาบน้ำเพราะยังไงก็ต้องทำกับข้าว เดี๋ยวตัวเหม็น
อาบน้ำแปรงฟันเสร็จก็เดินตรงไปเคาะประตูห้องนอนตัวเอง กะจะไปปลุกพี่เล่ย์และคนอื่นๆ แต่พอเข้าไปกลับเห็นคนแค่คนเดียวกำลังยืนพับผ้าห่มหันหลังให้ประตู ท่อนล่างสวมยีนส์สีซีดที่ซีดมากจนเกือบจะเป็นสีขาว แล้วเปลือยท่อนบนเผยให้แผ่นหลังขาวเนียนสะอาดตา และคงจะสะอาดมากกว่านี้ถ้าหากไม่มีรอยสักที่ไหล่ด้านซ้าย ทำไมไม่เคยสังเกตวะ
“พี่เล่ย์สักด้วยเหรอ”
เจ้าของรอยสักหันมามอง แล้วยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง“ฮึ?”
“ก็ที่อยู่ตรงไหล่”
“อ๋อ” เหมือนเพิ่งจำได้ว่าตัวเองมีรอยสัก เอื้อมมือไปลูบแล้วบอก“ลูกเสือ...”
มองไกลๆ เหมือนกับเป็นรูปวงกลม แต่พอผมเดินเข้ามองใกล้ๆ เออว่ะ ลูกเสือจริงๆ ด้วย “มันทำไรกันอะ สู้กัน?”
“เล่น… มันเป็นพี่น้องกัน”
พอบอกว่าเป็นพี่น้องกัน ผมก็นึกได้เลย พี่เล่ย์เกิดปีขาล ส่วนน้องชายเกิดทีหลังสามเดือนก็น่าจะเป็นปีขาลเหมือนกัน “เสือสองตัวนี้เป็นพี่เล่ย์กับพี่เกียร์ใช่ป๊ะ”
พี่เล่ย์เลิกคิ้วขึ้น แล้วบอก “เก่ง”
แล้วทำไมผมต้องดีใจขนาดนี้ด้วยวะ แค่โดนชมว่าเก่งเอง“แล้วคิดไงถึงได้ไปสัก”
“ไม่ได้คิด ถ้าคิดก็คงไม่สัก”
“เมาอะดิ”
พี่เล่ย์อมยิ้ม ไม่ปฏิเสธ “ตอนขึ้นมอปลาย แม่ยอมให้พี่กับไอ้เกียร์ออกมาอยู่กันตามลำพังที่คอนโดเพราะจะได้เดินทางไปโรงเรียนได้สะดวก... วันแรกเลย Open House ไม่รู้ใครเป็นใคร มั่วไปหมด” พี่เล่ย์หยุดพูด ก่อนจะยักไหล่ “วินมอ'ไซค์ยังมี”
“จริงอะ” ผมทำหน้าไม่เชื่อ อีกฝ่ายก็พยักหน้ายืนยันว่าจริง ผมเลยแซว “น่าจะมีคนขับแท็กซี่ด้วยเนอะ จะได้ไปส่งคนเมาที่บ้าน”
“จะได้ไปอ้วกใส่รถเขาอะดิ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” คุยกับพี่เล่ย์ทีไร เป็นงี้ทุกที ไหลออกนอกประเด็นตลอด “แล้วไงต่อ”
“ก็กินกันจนเมา แล้วไอ้เกียร์มันก็นึกพิเรนทร์อยากสัก… แล้วพอดีหนึ่งในแขกที่มามีคนหนึ่งเป็นช่างสัก อุปกรณ์พร้อม”
“ไม่แปลกใจเลย ขนาดวินมอ’ไซค์ยังมี นับประสาอะไรกับช่างสัก” ผมทำหน้าปลง
พี่เล่ย์ก็หัวเราะ แล้วก็เล่าต่อ “แล้วมันก็บังคับให้พี่สักด้วย…เป็นรูปเสือคนละตัว แต่พอเขาจะลงเข็ม มันก็เปลี่ยนใจ บอกเสือมันเป็นพี่น้องกันก็ควรจะได้อยู่ด้วยกัน เราเลยเป่ายิงฉุบกัน ใครแพ้ต้องเป็นคนสัก… แล้วใครแพ้ก็น่าจะรู้แล้วนะ”
ผมพยักหน้าแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ในที่สุดผมก็หาจุดอ่อนของอีกฝ่ายเจอ อิ อิ
“ยิ้มอะไร…”
“เปล๊า….”
พี่เล่ย์มองแบบไม่เชื่อ ก่อนจะยักไหล่แล้วก้มลงอุ้มที่นอนและผ้าห่มที่พับเรียบร้อยแล้วไปวางไปไว้บนเตียง ทำให้ผมนึกได้ว่าเข้ามาในห้องนี้ทำไม “แล้วคนอื่นๆ ไปไหนหมดอะ”
“ยังไม่มีใครกลับมาตั้งแต่เมื่อคืน” พออีกฝ่ายบอก ผมก็นึกได้ว่าที่นอนข้างๆ ก็ไม่มีรอยคนนอนนี่หว่า… ตายละวา ไม่มีใครอยู่ ยังงี้คงจะต้องโชว์ฝีมือเองจริงๆ ซะล่ะมั้ง ผมคิด ก่อนจะอ้อนคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ “เดี๋ยวแต่งตัวเสร็จแล้ว พี่เล่ย์แล้วออกไปช่วยพุเตรียมของใส่บาตรหน่อยนะ เดี๋ยวพุไปหุงข้าวก่อน” พูดเสร็จก็หันหลังกลับจะเดินออกจากห้อง แต่ถูกรั้งไว้ก่อน หันไปหาเพราะสงสัยว่าจะดึงแขนไว้ทำไม คนดึงก็ก้มลมมาจุ๊บที่ปากผม แล้วบอก “มอร์นิ่งคิส”
ผมรีบดันคางมันไว้ ก่อนที่จะลามไกลไปกว่านี้ “ไม่ต้องเลย เดี๋ยวก็หาว่าพุยั่วอีก”
“ก็ยั่วจริงๆ ดูใส่ชุดสิ เซ็กซี่เชียว” อีกฝ่ายว่า
ผมก้มลงมองสำรวจตัวเอง เซ็กซี่ตรงไหนวะ เสื้อยืดคอย้วยเพราะใส่มาหลายปีแล้ว กับกางเกงนอนขายาวที่ปลายรุ่ยเพราะใส่มานานแล้วเหมือนกัน “นี่ประชดใช่มั้ย”
“ประชดที่ไหน ก็พี่ชอบของแปลก” พี่เล่ย์ว่าขำๆ ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อทีเชิ๊ตสีเทาที่อยู่ในตู้มาใส่ แล้วดันผมให้เดินออกจากห้อง “ป่ะ เดี๋ยวไม่ทัน”
“ใครผิด”
“ครับๆ พี่ผิดเองก็ได้ครับ”
เดินออกมาจากห้องยังไม่ทันถึงครัว พี่จ๋ากับพี่อายก็เปิดประตูห้องออกมาพอดี
“อ้าว” ผมอุทานออกมา ก่อนจะเอ่ยทัก “เป็นไงบ้างครับ นอนหลับสบายดีหรือเปล่า”
“สบายดีจ๊ะ” พี่จ๋าเป็นคนตอบก่อนจะถาม “แล้วนี่จะไปไหนกัน”
ผมชี้ไปที่ครัว “ทำกับข้าวใส่บาตรครับ” ก่อนจะสังเกตเห็นหน้าพี่อายแดงๆ จึงถามด้วยความเป็นห่วง “พี่อายไม่สบายหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าแดงๆ”
“ปะ เปล่าจ๊ะ แค่รู้สึกร้อนๆ น่ะ” พี่อายตอบ
ผมพยักหน้า ไม่เซ้าซี้ “ครับ แต่ถ้าไม่สบายก็บอกนะครับ เดี๋ยวหายาให้”
“ขอบใจจ๊ะ แต่พี่ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ” พี่อายยืนยัน ก่อนจะถาม “ให้พวกพี่ช่วยทำกับข้าวมั้ย”
ผมพยักหน้าโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายถามเป็นครั้งที่สอง “เยี่ยมครับ”
พี่จ๋าหัวเราะขำ ก่อนจะเดินนำไปที่ครัว โดยมีพี่อายเดินตามไปติดๆ
“คนเยอะแล้ว เดี๋ยวพี่ไปรดน้ำผักดีกว่า” พี่เล่ย์บอก
ผมพยักหน้าเห็นด้วย “ครับอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์” แล้วรีบวิ่งหนีไปที่หน้าประตูครัว หันกลับไปมองก็เห็นอีกชี้หน้าเหมือนฝากไว้ก่อน… ผมอมยิ้มแล้วยักคิ้วอย่างเป็นต่อ ก่อนจะหันหลังกลับเข้าครัว ก็เผอิญได้ยินบทสนทนาของสองสาวเข้า
“บุพเพสันนิวาส ขนาดไม่ได้อยู่กรุงเทพก็ยังได้เจอกัน กลับไปนี่รีบสานสัมพันธ์เลยนะ” เสียงพี่จ๋าครับ
“บ้า พูดยังกับเขารู้จักฉันงั้นแหละ” ส่วนนี่ก็เสียงพี่อาย
…กำลังพูดถึงใครอยู่หว่า
“ก็ได้รู้จักแล้วไง แกยังสวัสดีเขาอยู่เลยเมื่อวาน” พี่จ๋าว่า ก่อนจะต่อขำๆ “แค่ได้อยู่ใกล้ๆ ก็ถึงกับหน้าแดงตัวแดง ถ้าได้เป็นแฟนแกจะทำไงวะ”
“พูดมาก” พี่อายว่าด้วยน้ำเสียงอายๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด “เออ ว่าแต่เขามารู้จักกับพุได้ไงอะ เรียนที่เดียวกันเหรอ”
“ไม่ใช่หรอก พุมันเด็กต่างจังหวัด”
ได้จังหวะเหมาะ ผมใช้โอกาสนี้เดินเข้าไปเพราะใจจริงก็ไม่ได้อยากแอบฟังอยู่แล้ว “พูดถึงผม มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ปะ เปล่าจ๊ะ” พี่อายปฏิเสธ แต่พี่จ๋าไม่สนใจ “อายเขาอยากรู้ว่าพุกับเล่ย์รู้จักกันได้ไง”
“อ๋อ…” คนที่พูดถึงคือพี่เล่ย์หรอกเหรอ… ผมคิดแต่ลืมเอะใจ ตอบเลี่ยงคัมภีร์ “ก็เจอกันบ่อยๆ อะครับ” บ่อยมากด้วยสำหรับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
“แล้วทำไมเขาถึงมาเที่ยวบ้านพุล่ะ” พี่จ๋ายังเป็นคนถามอยู่เหมือนเดิม แต่เห็นได้ชัดว่าพี่อายก็สนใจมาก ขนาดเลิกหั่นผักหันมาฟังเลย“สนิทกันเหรอ”
“ก็…สนิทครับ” เป็นแฟนกันก็ต้องสนิทสิเนอะ
“งั้นก็ต้องรู้เรื่องส่วนตัวของเขาสิ ขอถามหน่อยได้มั้ย”
“ก็…ได้มั้งครับ” ผมพยักหน้าแบบไม่มั่นใจ เพราะถ้าส่วนตัวมากๆ ก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกัน
“เล่ย์มีแฟนยัง”
“มะ มีแล้ว มั้ง” ผมตอบเขินๆ ลืมไปว่าไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นแฟนกับพี่เล่ย์นอกจากเพื่อนๆ
“ทำไมต้องมั้ง สรุปว่ามีหรือไม่มี”
“มีครับ”
เมื่อได้รับคำตอบ พี่จ๋ากับพี่อายก็หันไปมองหน้ากัน แล้วพี่อายก็หันไปหั่นผักต่อด้วยท่าทางเซ็งๆ ทำให้ผมนึกถึงบทสนทนาของสองสาวก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้
อ๋อ… ที่ว่าบุพเพสันนิวาสเพราะอย่างนี้นี่เอง
ชิ… หมั่นไส้คนสเน่ห์แรง!
ใช้เวลาไม่นาน กับข้าวง่ายๆ สองสามอย่างก็เสร็จเรียบร้อย พร้อมนำไปใส่บาตร ด้วยฝีมือของเราทั้งสามคน
...เอาน่า ถึงผมจะเป็นตัวเกะกะซะส่วนใหญ่ แต่ก็ถือว่าทำแหละ
เมื่อพี่จ๋ากับพี่อายบอกจะไปดูเฮียแพทกับพี่พิทที่ห้อง ผมจึงอาสายกถาดอาหารลงไปวางไว้ที่แคร่หน้าบ้าน... มองหาพี่เล่ย์ก็ไม่เห็น แต่จะเดินตามหาก็ทำไม่ได้เพราะกลัวจะมีมือดีมาขโมยกับข้าวไปซะก่อน
...มือดีที่ว่าคือหมาของคนข้างบ้านครับ พวกมันชอบมาวิ่งเล่นที่บ้านผม
นั่งรออยู่แป๊บเดียวพี่ๆ ทั้งสี่คนก็เดินลงเรือนมา…
“รอแป๊บนะครับ” ผมบอกแล้วลุกออกไปตามหาพี่เล่ย์
“ไปไหน” เฮียแพทถาม
“ไปตามคน” ผมบอก แล้วรีบวิ่งปรู๊ดไปหลังบ้าน เห็นพี่เล่ย์กำลังรดน้ำให้ต้นมะละกออยู่ “พี่เล่ย์ ไปใส่บาตรกัน”
ไม่มีการอิดออด อีกฝ่ายฉีดน้ำล้างมือแล้วเดินไปปิดก๊อก ก่อนจะเดินมาตีคู่ไปที่หน้าบ้านพร้อมผม
“ไปครับ พร้อมแล้ว” ผมบอกคนอื่นๆ ก่อนจะยกถาดมาถือก่อนจะโดนแย่งโดยคนตัวโตสองคน
พี่เล่ย์ปล่อยมือออกจากถาดโดยไม่พูดอะไร ส่วนเฮียแพทก็ถือถาดเดินดุ่มๆ นำออกไป
เหอะๆ หวังว่าตอนใส่บาตรจะไม่เกิดศึกแย่งทัพพีกันหรอกนะ
“แค่นี้จะพอใส่เหรอวะ” พี่พิทถามเมื่อเห็นกับข้าวที่เตรียมไว้
“พอครับ แค่นี้ก็เยอะแล้ว” มีกับข้าวสามถุงครับ แล้วก็ผลไม้กระป๋องอีกสามกระป๋อง กับดอกไม้ธูปเทียนหกชุด “แบ่งให้บ้านอื่นใส่บ้าง เดี๋ยวพระหนัก”
“ทะลึ่งละมึง กับพระกับเจ้าก็ไม่เว้น” พี่พิทว่า
ผมหัวเราะขำ ก่อนจะบอกจริงจัง “พระที่วัดมีไม่กี่รูป ใส่ไปเยอะๆ ฉันไม่หมดก็จะเสียเปล่าๆ”
“เด็กวัดล่ะ”
“มีอยู่นิดเดียว ไม่ถึงสิบคนเลย... คนใส่บาตรกันเกือบทุกบ้าน แล้วบ้านแถวนี้มีกี่หลังลองนับดิ”
“ถ้าอยากทำบุญ ใส่ปัจจัยไปก็ได้ ท่านจะได้นำไปซื้อของใช้จำเป็นที่ไม่มีคนถวาย” พี่เล่ย์แนะนำ คงเห็นท่าทางอยากได้บุญเยอะๆ ของพี่พิท
“เออ ดีเหมือนกัน” พี่พิทเห็นด้วย “ว่าแต่จะถวายยังไง ไม่มีซอง”
“เสียบไปกับดอกไม้ธูปเทียนก็ได้”
และเมื่อเคลียร์ปัญหาคาใจของพี่พิทได้เรียบร้อยแล้ว รอไม่นานพระภิกษุกับเณรสามรูปก็เดินมาถึง... พวกเราแบ่งกันตักข้าวใส่บาตรคนละทัพพี แล้วหยิบของคาวหวานและดอกไม้ธูปเทียนที่มีปัจจัยเสียบไว้วางถวายบนฝาบาตรที่ท่านเปิดรอ
แล้วก็มาถึงตอนยาก เมื่อมีจอกกรวดน้ำแค่ใบเดียว... และมันวางอยู่ตรงหน้าเฮียแพท
“เฮียว่าเป็นเปล่า” ผมกระซิบเพราะนั่งติดกัน…
เฮียแกไม่ยอมตอบ แต่หันมาสบตาประมาณว่า ‘กูไม่ใช่มึง’
ผมพยักหน้าเข้าใจ เหลือบมองพี่เล่ย์ที่นั่งอยู่อีกฝั่ง ก็ไม่เห็นพี่แกจะมีทีท่าอะไรที่ถูกแย่งหน้าที่ประจำไปก็ลอบผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
...แค่เฮียคนเดียวก็เครียดจะแย่ ถ้าพี่เล่ย์เป็นด้วยผมคงต้องหายามากิน
แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อพระท่านขึ้นยะถา และเฮียแพทเริ่มว่าบทกรวดน้ำพร้อมเทน้ำลงดิน มือใหญ่ๆ ขาวๆ ก็ยื่นมาแตะที่ข้อศอกของเฮียแก
คนโดนแตะถึงกับสะดุ้ง หันมามองหน้าพี่เล่ย์อย่างแปลกใจ แต่คนแตะก็ไม่ได้สนใจ ทอดสายตามองน้ำพร้อมว่าบทกรวดน้ำเบาๆ จนกระทั่งน้ำถูกเทลงดินจนหมด จึงหันกลับมาพนมมือรับพร
เฮียแพทเหมือนได้สติ วางจอกกรวดน้ำลง แล้วพนมมือรับพร
ผมยกมือที่กำลังพนมขึ้นบังปากที่ฉีกกว้างอย่างห้ามไม่อยู่... อุ่นวาบข้างในอก เพราะสุขใจที่มีส่วนร่วมให้พี่น้องได้ทำบุญร่วมกัน
คนหนึ่งก็พี่... อีกคนก็แฟน
...แม้จะต่างสถานะ แต่ก็เป็นคนสำคัญทั้งคู่
ใส่บาตรเรียบร้อยแล้ว เดินกลับยังไม่ทันจะถึงบ้าน เสียงเครื่องยนต์ของรถสองคันก็ดังขึ้น...
“กลับมากันแล้วมั้ง” ผมพึมพำ แล้วชะเง้อคอมองก็เห็นบีเอ็มของพี่เล่ย์ และกระบะของไอ้ข้าววิ่งตามกันมาดังคาด
“ขนอะไรกันมา” เฮียแพทสงสัย เมื่อเห็นด้านหลังรถกระบะมีท่อสูบน้ำบรรทุกมาด้วย
“ท่อสูบน้ำ... วันนี้จะวิดสระกัน”
“วิดสระอะไร” พี่อายถามงงๆ เด็กเตบก็งี้แหละ
“วิดสระจับปลาครับ”
“อ๋อ...”
“กินข้าวกันมายัง” ผมถามน้องชายกับคนอื่นๆ ที่เดินลงจากรถมา ซึ่งก็ส่ายหน้าปฏิเสธกันหมด
“พุกินยัง” ไอ้พันถาม
“ยัง”
“แล้วมีไรกินบ้าง”
“ยังไม่มีอะ ทำใส่บาตรเฉยๆ แต่กับข้าวคนกินยังไม่ได้ทำ” ตอบเหมือนทำเองครับ แต่จริงๆ พี่อายกับพี่จ๋าเป็นคนทำ“แล้วนี่จะวิดกันกี่โมง”
มันยกนาฬิกาข้อมือดูเวลาแล้วบอก “เดี๋ยวเอาท่อไปวางตอนนี้แหละ”
“ไม่กินไรก่อนล่ะ ไม่หิวเหรอ”
“หิวดิ ทำไรให้กินหน่อย เดี๋ยวกลับมา” มันว่า แล้วก็เดินไปนั่งหลังพวงมาลัยรถกระบะ พอสตาร์ทเครื่องเท่านั้นแหละ พวกไอ้เอ้ ไอ้เดียว และไอ้ซอล ก็กระโดดขึ้นด้านหลังปั๊บ
มองตามหลังรถที่บรรทุกทั้งคนและท่อสูบน้ำไป แล้วผมก็หันมาหาสองหญิงที่ยืนอยู่ด้วย เรียกอ้อนๆ “พี่อาย... พี่จ๋า...”
พี่จ๋ากับพี่อายก็หัวเราะขำๆ รู้ว่าตัวเองต้องมีหน้าที่ทำกับข้าวเลี้ยงคน...
“อร่อยดี พุไม่ได้ทำใช่มั้ย”
ไอ้พันถามหลังจากกลืนผัดเปรี้ยวหวานลงคอ แล้วหัวเราะขำเมื่อผมชกแขนมันอย่างหมั่นไส้ “หึ หึ ไรอะ ก็เห็นมันอร่อย ก็เลยอยากรู้”
กัดเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วผมก็บอก “อิ่มยัง อิ่มแล้วก็ไปทำงานไป” พูดเสร็จก็พอดีไอ้ข้าวมันเดินมา “ข้าว เอาเพื่อนไปเก็บดิ๊”
“มันทำไม กวนตีนพี่พุเหรอ” ไอ้ข้าวถามยิ้มๆ แล้วก็เท้าศอกบนบ่าไอ้พัน ไอ้คนโดนเท้าก็เหล่ตามอง “สบายไปป๊ะ”
“ยังไม่สบาย ถ้าจะให้สบาย ต้องยังงี้” มันว่า ก่อนจะกอดคอคนถามแล้วโหน
“เฮ้ย!” ไอ้พันร้องโวยวาย แล้วหันไปโบกเพื่อนสนิทมัน “ไอ้เชี่ย กูกินข้าวอยู่ เห็นมั้ยเนี่ย”
“เห็น... แต่กูจะทำ” ไอ้ข้าวยักคิ้วกวนๆ ก่อนกระโดดหลบฝ่ามือของไอ้พันแล้วหัวเราะขำ... พอเห็นพี่เล่ย์กับไอ้เดียวที่กินข้าวอิ่มแล้ว และตอนนี้นั่งเล่นอยู่ตรงเปลก็เอ่ยชวน“พี่เล่ย์ พี่เดียว ไปสระกัน”
หลังจากทั้งสามคนเดินลับสายตาไปแล้ว ผมก็หันมาถามคนที่ยังนั่งกินข้าวอยู่ “ใครอยากลองจับปลากันบ้างครับ จะได้หาชุดให้”
“พี่! ปลาๆ” ผมร้องอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นปลาตัวใหญ่ที่มุดตัวอยู่ใต้เลน แต่เห็นรูปร่างชัดเจน
พี่เล่ย์หันซ้ายหันขวามองตามมือผม แต่คงจะมองไม่เห็น “ตรงไหน”
“ที่เท้า! เร็ว เดี๋ยวหนี” ผมบอกแล้วชี้ไปที่เท้าข้างขวา แต่พอพี่เล่ย์ก้มลงไปจะจับ มันก็ดิ้นหนีเกือบจะตกลงไปในแอ่งน้ำ ผมเลยรีบกระโจนไปตะครุบ ตัวใหญ่มาก ใช้แค่มือจับคงจะหลุด เลยต้องกอดไว้ พี่เล่ย์เดินมาช่วยจับแล้วถามขำๆ เพราะผมเปื้อนไปทั้งตัว “ต้องลงทุนขนาดนี้เลย”
“Hi Risk Hi Return เคยได้ยินปะ” ผมตอบกวนๆ แต่พอเห็นปลาที่จับได้เท่านั้นแหละ“โห โคตรไอ้ช่อน”
“ปลาเจ้าพ่อเปล่าพี่ ตัวใหญ่ขนาดนี้” ไอ้ปักษ์ที่เพิ่งจะตามมาตอนหลังถาม
ผมเหล่มองมัน แต่คนตอบกลับเป็นไอ้พัน “มึงอย่ามั่ว เจ้าพ่อไรมาอยู่ในน้ำ”
“เจ้าพ่อวารีไง”
“เจ้าพ่อไรวะ ไม่เคยได้ยิน มั่วจริงมึง”
ผมปล่อยให้มันสองคนเถียงกันไป แล้วหันมาสนใจปลาตรงหน้า “สิบโลได้มั้ยเนี่ย”
“เกิน” พี่เล่ย์ว่า
แล้วพวกเราก็ช่วยกันยกมันขึ้นไปที่ขอบสระ เอาใส่กาละมังแยกไว้ต่างหากแล้วขึงตาข่ายกันมันกระโดดหนี ก่อนจะไปจับปลากันใหม่...
“พี่พิท ทำไร” ผมเดินไปหาพี่รหัสที่กำลังช่วยเด็กที่เป็นน้องๆ ข้างบ้านผมจับอะไรอยู่สักอย่าง
พี่พิทหันมามอง แล้วบอก “จับปลาไหล”
“โอเค จบ” ผมว่า แล้วเดินกลับไปหาพี่เล่ย์ที่ยืนอยู่ไม่ไกล ได้ยินเสียงบ่นของพี่พิทแว่วๆ “อะไรของมัน”
ที่หนีมาเพราะผมไม่ชอบปลาไหลครับ หน้าตามันเหมือนงู เห็นแล้วมันหยึยๆ
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก... จับปลาอยู่นานจนตะวันตรงหัว
“หนาว?” พี่เล่ย์ถามเมื่อเห็นผมยืนกอดอกนิ่ง ไม่กระตือรือร้นเหมือนตอนแรกๆ
ผมพยักหน้า ห่อไหล่ด้วยความหนาว “หิวด้วย พี่เล่ย์หิวป๊ะ”
“นิดหน่อย” พี่เล่ย์ว่า แต่ยังคงก้มจับปลาอยู่
ผมหันมองหาไอ้พัน เห็นมันกับเพื่อนๆ อยู่ไม่ไกล เลยตะโกนบอก “พัน ขึ้นก่อนเหอะ หิว”
“เออวะ กูก็หิวเหมือนกัน” ไอ้ข้าวบอกเพื่อนมัน ซึ่งคนอื่นๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย ไอ้พันเลยหันไปบอกเพื่อนผมและพี่คนอื่นๆ ที่มาช่วย แล้วพวกเราก็พากันไปโดดน้ำล้างตัวที่สระอีกลูกหนึ่งที่สูบน้ำไปทิ้งไว้
“น้ำอุ่นดีวะ” พี่พิทว่า ปากงี้ซีดเชียว คงจะหนาวพอๆ กับผม
เพราะไอ้พันมันตัวสูง น้ำก็อยู่แค่ประมาณอก พอล้างเนื้อล้างตัวเสร็จ ผมก็ลอยไปกอดคอมันไว้ ให้พาเดินขึ้นฝั่ง ขี้เกียจว่ายเอง เหนื่อย 555
“เหมือนลูกลิง” มันว่า
“ใช่ พุเหมือนลูกลิง แต่พันเหมือนอุรังอุตัง ฮ่า ฮ่า ฮ่า” หัวเราะเยาะมันแล้ว ผมก็รีบว่ายน้ำหนีขึ้นฝั่ง แล้ววิ่งไปหาพี่เล่ย์ที่ขึ้นไปก่อนแล้ว กะว่าถ้าไอ้พันตามมาก็จะใช้พี่เล่ย์เป็นเกราะกำบัง แต่ผิดคาด หันไปมองเห็นมันส่งสายตาคาดโทษมาเท่านั้น
“ทำไร” พี่เล่ย์ถามเมื่อเห็นผมแลบลิ้นให้ไอ้พัน
“เปล่า... หิวแล้ว พี่เล่ย์รีบเดินดิ”
พี่เล่ย์เหล่ตามองแล้วพูดกวนๆ “กลัวคนขาสั้นเดินตามไม่ทัน”
“เออ ไม่ยาวมั่งก็แล้วไป”
“อะไรยาว ระบุด้วย” มันว่าขำๆ
ตอนแรกก็ไม่เก็ทหรอกครับ แต่พอเห็นสายตาเท่านั้นแหละ“ทะลึ่ง”
“หึ หึ ทะลึ่งอะไร หมายถึงแขนหรือขาที่ยาว คิดไปไหน”
“อย่ามา”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“หอมจัง” ผมว่าแล้วนั่งลงข้างๆ เฮียแพทที่ยื่นมือมาผลักอย่างรังเกียจ “เฮ้ย เดี๋ยวกูเปียก ไปนั่งไกลๆ เลย”
ผมทำหน้ามุ่ย “ชิ กับน้องกับนุ่งทำเป็นรังเกียจ จำไว้”
“เพ้อเจ้อ” เฮียแกว่าแล้วยื่นไม้ที่เสียบปลาย่างมาให้ “อ๊ะ แดกๆ ไป จะได้เงียบปาก”
“น้ำจิ้มล่ะ ไม่มีเหรอ”
พอผมถาม พี่อายก็ยื่นถ้วยน้ำจิ้มมาให้ “นี่จ๊ะ แต่จริงๆ ไม่ต้องจิ้มก็อร่อยนะ เนื้อหว๊านหวาน”
“ปลามันสด” พี่จ๋าสนับสนุน แล้วแกะเนื้อปลาใส่ปากพี่พิทที่อ้ารอเหมือนลูกนก สบายจริ๊งพี่ผม
กินปลาไปได้สองคำ ผ้าเช็ดตัวอุ่นๆ ก็ถูกคลุมลงมาที่ไหล่ ผมเงยหน้าขึ้นยิ้มให้คนที่เอามาคลุมให้ แล้วเอ่ยชวน “พี่เล่ย์กินปลาดิ อร่อย... เนื้อหวานมาก”
ยื่นผ้าเช็ดตัวอีกผืนให้กับพี่พิทแล้วเจ้าของชื่อก็หยิบเนื้อปลาที่ผมยื่นให้เข้าปากโดยไม่จิ้ม “อืม..”
“อร่อยปะ”
อีกฝ่ายพยักหน้า“อร่อย” แล้วนั่งลงข้างๆ ผม ก่อนจะใช้ไม้เขี่ยปลาช่อนเผาที่ห่อด้วยดินเหนียวออกมาจากกองไฟ “สุกแล้วมั้ง”
“เนื้อขาวจั๊วะเลย” ผมว่าเมื่อพี่เล่ย์ลอกดินเหนียวที่ถูกเผาจนแห้งออกแล้วเกล็ดและหนังของปลามันก็หลุดออกมาด้วยเหลือแต่เนื้อขาวๆ ที่อยู่ด้านใน... เห็นแล้วน้ำลายสอ แต่พอคนลอกยื่นให้ ด้วยมารยาทของเจ้าของบ้านที่ดี เลยต้องบอก “ให้พี่พิทก่อน เดี๋ยวพุค่อยเอาตัวใหม่”
“ไม่ต้องๆ กินเลย เดี๋ยวทำเอง อยากลอง” พี่พิทว่า เมื่อพี่เล่ย์ยื่นปลาให้... เสร็จไอ้พุ อิอิ
หยิบเข้าปากคำแรก... โอ้ว เนื้ออย่างหวานอะ อร่อยกว่าตัวแรกที่กินอีก แต่จะมาอร่อยอยู่คนเดียวก็กระไรอยู่ เลยหยิบใส่ปากคนแกะให้ที่ตอนนี้กำลังย่างปลาอีกตัวอยู่ ก่อนจะหันไปจ๊ะเอ๋กับสายตาของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ผมจึงรู้สึกตัวว่าไม่ได้อยู่กันแค่สองคน หันไปมองคนอื่นๆ ก็เห็นพี่จ๋ากับพี่อายมองมาแปลกๆ ส่วนพี่พิทก็เลิกคิ้วขึ้นเหมือนสงสัย แต่จะชักมือกลับตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เลยต้องปล่อยเลยตามเลย...
'เอาวะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด'
“อ้าว ไมอาบน้ำแล้วอะ” ผมถามไอ้พันที่เดินหน้าใสมากับไอ้ข้าวและไอ้เดียว พร้อมกระติกใหญ่ๆ สองกระติก “ไม่จับแล้วเหรอ ปลาอะ”
“ไม่ต้องจับแล้ว เมื่อกี้มีคนมาเหมาสองสระที่เหลือ” ไอ้พันว่า แล้วเปิดฝากระติกหยิบสปายให้กับผู้หญิง และเบียร์ให้กับพวกผู้ชาย
“เฮ้ย ของพุล่ะ” ผมโวยวายเมื่อเบียร์ถูกส่งเลยไปไม่ถึงซักที
“ไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวไม่สบาย” น้องชายบังเกิดเกล้ามันบอก
“ไม่เอาเว้ย ทีพี่เล่ย์กับพี่พิทยังกินได้เลย ไม่ได้อาบเหมือนกัน”
ไอ้พันถอนหายใจเอือมๆ แต่ยังไม่ทันที่มันจะว่าอะไร พี่เล่ย์ก็ลุกพร้อมกับดึงผมให้ยืนขึ้นตามไปด้วย แล้วบ่น“หนาวจนปากเขียว ยังจะดื้อ”
“ปากไม่ได้เขียวซะหน่อย ปากม่วง” ผมเถียงไปข้างๆ คูๆ อีกฝ่ายก็หัวเราะหึๆ แต่ไม่ได้ว่าอะไร เดินนำหน้าไป พอดีผมนึกอะไรได้เลยหันไปสั่งน้องชายสุดที่รักทันที “พัน อยากกินมันเผาอะ หาให้หน่อยสิ”
ไอ้พันพยักหน้าแบบตัดรำคาญ “อือๆ เดี๋ยวหาให้ ไปอาบน้ำเหอะ”
“พี่เล่ย์” ผมเรียกคนที่นั่งอยู่ใกล้กระติกแล้วยื่นแก้วเบียร์ให้... อยากอยู่ตรงทิศตะวันตักเอง ช่วยไม่ได้
เจ้าของชื่อรับแก้วไป แต่ยังไม่เทเบียร์ให้ “ไม่สบายหรือเปล่า ทำไมเสียงเป็นงั้น”
“เปล่า สบายดี” ผมตอบเสียงเหมือนคนคัดจมูก ซึ่งจะเป็นทุกครั้งที่ผมกินเบียร์ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ถ้ากินเหล้าก็ไม่เป็นนะ
พี่เล่ย์ทำหน้าไม่ไว้ใจ แต่ก็เทเบียร์ให้ “แก้วสุดท้ายนะ”
“อืม...” ผมรับปาก เพราะชักจะมึนๆ แล้วเหมือนกัน แล้วหันไปใช้น้องชายสุดที่รักต่อ “พัน มันเผาได้ยัง”
“ได้แล้ว เอาไปดิ” มันว่า แล้วเขี่ยมันเผาออกมาจากกองไฟหัวหนึ่ง
“มันร้อนอะ เป่าให้ด้วยดิ” ผมแกล้งบอก แต่มันก็ทำให้ ถึงจะทำไปบ่นไปก็เถอะ
มันเอากระดาษหนังสือพิมพ์ห่อแล้วบิออกจนเห็นเนื้อเหลืองๆ น่ากินมาก ก่อนจะยื่นส่งให้พร้อมกับคำประชดประชัน “อ๊ะครับ คุณชาย” แต่ผมสนที่ไหน รับมากินอย่างเอร็ดอร่อย
มันเผาร้อนๆ อร่อยมาก เฟรนซ์ฟรายยังต้องหลบอะ
เรานั่งกินเหล้ากินเบียร์กันเกือบจะหกโมงเย็นก็เริ่มจะทนไม่ไหว เพราะโดนยุงรังควาน เลยต้องย้ายถิ่นฐานไปปักหลักที่แคร่หน้าบ้านแทน...
ผมซึ่งตอนนี้เลิกกินเบียร์แล้ว หันมาเอาดีทางกินกับ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เลยถามพี่ๆ ที่กำลังเมามันไม่แพ้กัน “พี่พิทจะไปเชียงใหม่วันไหนอะ”
“ถามทำไม จะไล่กูเหรอ” กวนเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ พี่รหัสผม
“เปล่า... ถ้าไม่รีบจะชวนไปน่าน”
“ไปไมวะ”
ไปปลูกผักมั้ง ถามได้ ฮู้ “ไปเที่ยว...”
“แล้วไมต้องไปน่าน บ้านใคร”
“บ้านพี่เล่ย์” ผมบอก แล้วหันชวนเฮียแพท “เฮียก็อย่าเพิ่งกลับนะ ไปเที่ยวด้วยกันก่อน”
“คิดดูก่อน”
“คิดไมอะ มีธุระ?” ผมถามไปแล้วก็หยิบมันเผาหัวสุดท้ายมากิน
เฮียแพทก็ยักไหล่ “ไปวันไหน”
“อังคารที่จะถึงเนี่ย”
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
:z13: :z13: รออยู่นะ
-
เปิดตัวโลดดดดน้องพุ ^^
-
แนะ พี่เลย์พาน้องพุกไปเปิดตัว :กอด1:
-
ดีใจมาต่อแล้ว
อย่าแคร์สื่อพุ เปิดตัวไปเล้ยยยย
-
หวานๆกันหน่อย นานๆมาที อิอิห
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
จะได้ให้ชุดให้">>>หา
แล้วพวกเราก็ช่วยกันยกมันขึ้นไปที่ขอบใส่>>>สระ
อยากมีน้องแบบพันมั่ง สารพัดประโยชน์
พุก็สมเป็นคุณชาย มีแต่คนคอยดูแล
ปล.อยากเห็นรอยสักมั่งฮิ
-
วุ้ย น่ารักอะ
-
อ่อยยยย
ไปบ้านพี่ฮัลเล่ย์ เยเยเย
ไปยังไงดีล่ะ ,,
ไปด้วยนะ เราไปบ้านพี่เล่ย์ด้วย
><
-
UNBELIEVABLE LOVE
Chapter Thirteen
“ถึงแล้วโทรบอกด้วยนะ”
ไอ้พันมาเกาะประตูรถสั่ง เพราะมันติดงานที่โรงเรียนเลยไปด้วยไม่ได้ ส่วนพี่พิทกับเฮียแพทและคนอื่นๆ กลับไปตั้งแต่วันก่อนแล้ว เพราะแม่พี่จ๋าโทรมาบอกให้กลับบ้านเร็วๆ ห้ามโอ้เอ้ เลยเหลือเฉพาะชาวคณะของพวกผม คือ พี่เล่ย์ ไอ้เดียว ไอ้ซอล ไอ้เอ้ และผม ห้าคนเหมือนเดิม แต่พวกเราก็ตกลงกันไว้แล้วว่าช่วงสงกรานต์จะไปเที่ยวบ้านพี่จ๋า... ถ้าเป็นไปได้
“พัน... งานเสร็จแล้วตามไปนะ” ไอ้ซอลครับ เสนอหน้ามาเชียว
ไอ้พันมันก็พยักหน้ายิ้มๆ “ครับ... เที่ยวเผื่อด้วยนะครับ”
“ไม่... อยากเที่ยวก็ไปเอง”
หัวเราะขำท่าทางไอ้ซอลแล้วมันก็หันไปพูดกับคนขับที่ยังยืนอยู่นอกรถ “เฮีย ดูพุดีๆ นะ อย่าปล่อยให้ไปทำร้ายใครล่ะ”
“เฮ้ย! กวนว่ะ” หมั่นไส้ หยิกพุงแม่งเลย
“โอ๊ย!” ร้องโหยหวนเลย สมน้ำหน้ามัน
“เฮ้ย ไอ้พุ ทำไรแฟนกู” คุณก็น่าจะรู้ว่าใคร
หยอกกันไปแกล้งกันมาสักครู่ คนขับก็เปิดประตูรถเข้ามานั่ง “พร้อมยัง”
“พร้อมแล้ว!!!” เสียงคนในรถครับ... เหมือนเด็กจะไปออกค่ายเลย
แต่พอพี่เล่ย์ออกรถ ไอ้เดียวก็ร้องโวยวายขึ้นมา “เฮ้ย!! จอดก่อน จอดๆ”
พี่เล่ย์เบรครถหัวทิ่มเลย ตกใจเสียงไอ้เดียว “จอดทำไม”
“ยังไม่ได้ลาพ่อกับแม่เลย”
ทุกคนทำหน้าเอือม เพราะพ่อกับแม่ไปทำบุญขึ้นบ้านใหม่ของคนในหมู่บ้านตั้งแต่เช้า คนอื่นๆ ก็ลากันเรียบร้อย มีแต่ไอ้เดียวที่เมาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขา… กินตั้งแต่วันมายันวันกลับ
“เขาลากันเรียบร้อยแล้ว...” ไอ้เอ้ลากเสียง บอกให้รู้ว่าเอือมมากๆ
“ตอนไหน”
“เมื่อเช้า ตอนที่มึงยังหลับอยู่อะ”
“อ้าว แล้วไมไม่ปลุกกูวะ”
“ไม่ปลุกเชี่ยไร ถ้าไอ้พุไม่ห้ามไว้นะ มึงโดนน้ำสาดไปแล้ว”
เดินทางออกจากบ้านมาได้สักพักใหญ่ๆ คนขับก็ถาม “หิวยัง”
ผมเหลือบมองนาฬิกาที่หน้ารถ... เกือบบ่ายสองแล้ว “ยังไม่ค่อยหิว ข้างหลังล่ะ หิวป๊ะ”
“ม่ายยย” เสียงไอ้เดียวครับ ส่วนอีกสองคนหลับ
“พี่เล่ย์หิวเหรอ แวะก็ดีนะ พุจะเข้าห้องน้ำด้วย”
“อีกครึ่งชั่วโมงไหวมั้ย” อีกฝ่ายถาม แล้วพอเห็นผมมองอย่างสงสัยก็อธิบาย “มีร้านอาหารอร่อย ห้องน้ำสะอาด”
ฟังแล้วอดหัวเราะไม่ได้“ได้ค่าโฆษณาเท่าไหร่อะ”
“ทำให้ฟรี ลูกสาวสวย” ผมนี่หุบยิ้มฉับเลย ส่วนคนพูดก็ยิ้มชอบใจอะดิ
ผมแกล้งทำหน้าบึ้ง“ตลกมาก”
“หึๆ”
“ปลุกไอ้สองตัวนั้นดิ๊ จะกินมั้ยข้าว” พี่เล่ย์หันไปบอกไอ้เดียวหลังจากเลี้ยวรถเข้ามาจอดในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ไอ้เอ้กับไอ้ซอลงัวเงียๆ เดินลงจากรถแล้วมายืนโงนเงนอยู่ข้างนอก ผมเลยก้มลงไปหยิบน้ำเปล่าในรถออกมาให้ “อ๊ะ ล้างหน้าก่อน”
หลังจากที่มันสองคนล้างหน้าล้างตาจนเกือบจะหายงัวเงียแล้ว พวกเราก็เดินเข้าไปในร้าน...
“จองไว้หรือเปล่าครับ” พนักงานถามเมื่อเห็นเราเดินเข้าไป
พี่เล่ย์พยักหน้าแล้วบอกชื่อ “น้ำพุครับ”
พอได้ยินชื่อที่ใช้จอง ไอ้ซอลนี่ตาวาวเลย แต่คงจะเห็นคนเยอะเลยไม่แซว แค่ส่งสายตากวนๆ มาให้ผมเท่านั้น แต่ก็ยังไม่วายหัวเราะเจ้าเล่ห์ “อิ อิ”
เมื่อพนักงานนำพวกเรามานั่งที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว ผมก็ถามอย่างสงสัย “พี่เล่ย์จองตอนไหนอะ”
“เมื่อวาน... ถ้าจองวันนี้ คงไม่ได้กิน คิวยาว”
“ทำไมคิวยาว อร่อยเหรอ”
“ก็น่าจะอร่อยนะ แม่พี่แนะนำมา”
“อ้าว พี่เล่ย์ก็เพิ่งเคยมาเหรอ”
“อืม...” พี่เล่ย์รับคำในลำคอ ก่อนจะถาม “จะเข้าห้องน้ำมั้ย ทางโน้น” บอกพร้อมชี้ไปทางป้ายแกะสลักเป็นรูปผู้ชายครึ่งตัวยกมือสวัสดี
พอผมลุก ไอ้เอ้ก็ลุกตาม “ไปด้วย”
ห้องน้ำสะอาดมากๆ สมกับที่พี่เล่ย์โฆษณา... แต่อาหารจะอร่อยหรือไม่ต้องลองชิม
ทำธุระเสร็จเดินกลับมาที่โต๊ะ ก็พอดีกับพนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟ เป็นปูก้ามโตๆ ผัดพริกไทดำ กับปลาผัดขึ้นฉ่าย
“ปลาไรครับ” ผมถามคนสั่ง เพราะแยกเนื้อปลาไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร
“ปลาเก๋า”
“ทำไมเสิร์ฟเร็วจัง ของค้างสต็อคหรือเปล่า” ไอ้เอ้สงสัย
“ไม่หรอก ก็บอกไว้ว่าจะมาเวลานี้ เขาก็คงเตรียมเครื่องไว้แล้ว”
“อร่อยทุกอย่างเลยวะ ฝีมือจริงๆ” ไอ้เดียวชมขณะที่พวกเราเดินกลับมาที่รถ
“ของก็สด” ไอ้ซอลเสริม ก่อนจะนึกฉงน “ทำได้ไงวะ อยู่ไกลทะเลขนาดนี้”
“มันอยู่ที่โลจิสติกส์เว้ย” ไอ้เอ้แสดงภูมิ ผมเลยแกล้งถาม “แปลว่าไรอะ”
มันยักไหล่ “ไม่รู้เหมือนวะ กูก็พูดไปงั้นแหละ เท่ห์ดี”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“สร่างยัง” พี่เล่ย์ถามไอ้เดียวขณะที่มันกำลังจะเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างหลัง
“สร่างแล้ว มีไร”
พี่เล่ย์ไม่ตอบ แต่โยนกุญแจรถให้มัน “มึงมาขับ กูเมื่อย” ก่อนจะดึงผมให้ไปนั่งข้างหลังด้วย
“เอ้ มานั่งหน้าดิ” ไอ้เดียวบอก แล้วพอคนถูกชวนทำหน้าสงสัยว่าทำไมไม่ชวนเพื่อนสนิทของมันไปนั่งด้วยกัน ก็ได้รับคำอธิบาย “อย่าไปหวังพึ่งอะไรมันเลย หนังท้องตึงหนังตาหย่อน แม่งเดี๋ยวก็หลับ ปล่อยให้กูนั่งเหงาอยู่คนเดียว”
ไอ้ซอลยกนิ้วกลางให้เพื่อนมัน “เฮ้ย กูไม่ได้เป็นยังงั้นซะหน่อย”
“งั้นมึงมานั่งหน้า”
“ไม่เอา” ไอ้ซอลว่าแล้วหยิบหมอนอิงมากอด เอนศีรษะซบกับประตูเตรียมหลับ แต่ก็ยังพึมพำแก้ตัว “กูกลัวไอ้เอ้มันเมื่อย”
“โถ ไอ้คนดี” ไอ้เอ้ว่าอย่างหมั่นไส้แล้วเอี้ยวตัวมาโบกมันไปที
“หนาวมั้ย” รถเคลื่อนตัวออกมาจากร้านอาหารได้สักพักคนที่นั่งข้างๆ ก็ถาม... ผมส่ายหน้า จะหนาวได้ไง ก็พี่ท่านเล่นกอดซะแน่นขนาดนี้ “ร้อน”
อีกฝ่ายก็หัวเราะหึๆ แล้วบอก “ร้อนก็ต้องทน”
“ฮิ้ววว” เสียงไอ้เดียวครับ อยู่ใกล้ไม้ใกล้มือยังงี้เลยโดนผมโบกไปที... ตีเบาๆ แต่รถกระตุกวูบ“เฮ้ย ไอ้พุ เดี๋ยวรถคว่ำ ไอ้นี่หนิ”
“เว่อร์ละๆ”
มันหัวเราะหึๆ แล้วยักคิ้วหลิ่วตาให้ผมผ่านกระจกมองหลัง... กวนตีนจริงๆ
ไม่อยากจะสนใจ ผมหันกลับมาคุยกับพี่เล่ย์ต่อ “เราต้องอยู่น่านกี่วันอะ”
“พุอยากอยู่กี่วันล่ะ”
“กี่วันก็ได้ แต่สงกรานต์ พุอยากมารดน้ำพ่อกับแม่”
“งั้นเดี๋ยวรดน้ำยายเสร็จเราค่อยกลับพิษณุโลก โอเคมั้ย”
“ครับ โอเค” ผมพยักหน้าเห็นด้วย แล้วพอดีมองไปที่ช่องหลังเบาะคนขับเห็นผ้าอะไรยัดอยู่ในนั้นเลยหยิบออกมาดู “ไรอะ ผ้าหรือเปล่า”
ผมยกให้เจ้าของรถดู อีกฝ่ายก็บอก “ผ้าที่แถมตอนซื้อที่นอนไง คงลืมเอาลงไป”
“ดีแล้วที่ลืม” ผมว่าแล้วแกะออกมาจากซอง คลี่ออกดู ผืนก็ใหญ่ใช้ได้ บางไปหน่อย แต่ก็เหมาะสำหรับอากาศหน้าร้อนพอดี... เห็นไอ้ซอลมันนั่งกอดอกหลับตา คงจะหนาวเลยเอาไปห่มให้ มันก็สะดุ้งหน่อยๆ แล้วลืมตาขึ้นมามองงงๆ ผมเลยบอก “หนาวป๊ะ ห่มผ้าดิ”
“อืม แต๊งส์” มันว่า แล้วก็หลับตาลงไปใหม่
ทำภารกิจเสร็จแล้ว ผมก็กลับมานอนซุกกับอกพี่เล่ย์ต่อ...
เกือบสองทุ่มพวกเราก็เดินทางมาถึงเรือนไทยหลังใหญ่มากที่ห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีต้นอะไรบ้าง... เพราะมันมืด
พอพี่เล่ย์ขับรถไปจอดตรงลานหน้าบ้านก็มีผู้ชายสองคนวิ่งเหยาะๆ เข้ามาหา... ยกมือสวัสดีพี่เล่ย์แล้วก็เดินอ้อมไปที่กระโปรงหลังรถ ยกกระเป๋าเสื้อผ้าพวกเราออกมา
“พี่ครับ เดี๋ยวพวกเรายกเอง” ไอ้เดียวว่า แต่สองคนนั้นไม่สนใจ เดินไปไหนแล้วก็ไม่รู้
“เขายกให้น่ะดีแล้ว... ไปไหว้ยายก่อน” พี่เล่ย์บอก แล้วพาพวกเราเดินไปขึ้นเรือน
ตรงกลางห้องมีผู้หญิงมีอายุคนหนึ่งนั่งอยู่บนตั่ง กับผู้หญิงอายุไม่มากที่น่าจะเป็นสาวใช้กำลังนั่งบีบนวดให้... พี่เล่ย์เดินไปนั่งคุกเข่าใกล้ๆ แล้วก้มลงกราบที่ตัก “ยาย สวัสดีครับ”
ยายก็ยกมือลูบหัวมัน แล้วบอก “ไหว้พระเถอะจ๊ะ แล้วนั่นพาใครมาด้วยล่ะ”
“เพื่อนครับ” พี่เล่ย์บอกยาย แล้วหันมาพยักหน้าให้พวกเราเดินเข้าไปหา แล้วไล่แนะนำรายตัว “คนนี้ชื่อเดียวครับ” พอไอ้เดียวยกมือไหว้ มันก็ไล่ต่อไปที่ไอ้ซอลและไอ้เอ้ จนมาถึงผม “พุ มานี่”
ผมเดินย่อตัวไปนั่งใกล้ๆ แล้วพอจะยกมือไหว้ พี่เล่ย์ก็ลากให้ไปนั่งพับเพียบตรงหน้ายายซะก่อน “คนนี้ พุครับ”
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ ยายพยักหน้ารับไหว้ ยิ้มน้อยๆ แล้วบอก “ไหน เข้ามาใกล้ๆ ยายหน่อยซิ”
พอผมขยับเข้าไปหา ยายก็จับปลายคางผมแล้วหันซ้ายหันขวา ก่อนจะบอก “อืมๆ”
หลังจากนั้นท่านก็คุยกับพวกเราเกี่ยวกับการเดินทางว่าลำบากหรือไม่ แล้วถามถึงสารทุกข์สุขดิบของครอบครัวพี่เล่ย์ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่หรือพี่เกียร์ ก่อนจะบอกให้พี่เล่ย์พาพวกเราไปกินข้าว
“ยายไม่กินด้วยกันหรือครับ” ผมถาม ท่านก็ส่ายหน้า แล้วบอกยิ้มๆ “ยายกินตั้งแต่หกโมงแล้ว รอไม่ไหว ผิดเวลาเดี๋ยวปวดท้อง”
“งั้น พวกผมขอตัวก่อนนะครับ”
“จ๊ะ ตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ นึกว่าเป็นบ้านตัวเองนะ”
“อาหารเหนือนะ กินเป็นมั้ย” พี่เล่ย์ถามพวกเราเมื่อเปิดฝาชีแล้วเห็นอาหารแปลกตาไม่คุ้นหน้า เพราะถึงผมจะเป็นคนเหนือ ก็ไม่ได้เหนือขนาดนี้ครับ อาหารการกินส่วนมากก็คล้ายๆ กับภาคกลาง“หรือจะเอาไข่เจียวเพิ่มสักจานดี”
“เฮ้ย ไม่ต้อง กินได้” ไอ้เดียวว่า แล้วตักน้ำพริกอ่องอาหารที่ผมรู้จักเพียงอย่างเดียวในนั้นมาใส่จาน พวกผมก็เลยลงมือบ้าง
นั่งกินกันไปได้แป๊บเดียว ไม่รู้พี่เล่ย์ไปสั่งแม่ครัวตอนไหน ไข่เจียวจานใหญ่ กับหมูทอดถึงถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ
“ขอบคุณครับ” ผมบอกเมื่ออีกฝ่ายตักไข่มาใส่จานให้ แล้วพูดอย่างเกรงใจ “จริงๆ กับข้าวตั้งเยอะตั้งแยะแล้ว ไม่ต้องทำเพิ่มก็ได้”
“เยอะแยะแล้วกินได้กี่อย่าง” พี่เล่ย์ว่า แล้วตักหมูทอดมาให้อีกชิ้น “เห็นตักแต่น้ำพริกอ่อง”
ผมทำหน้ามุ่ย “เปล่าซะหน่อย ตักตั้งหลายอย่าง”
“แล้วก็เอามาวางไว้ขอบจาน” ก็ผมอยากรู้นี่ครับ ว่ารสชาดมันเป็นไง เลยตักมาชิม แล้วมันไม่ชินปาก เลยกินไอ้ที่มันกินได้อย่างเดียว
“เดี๋ยวยายว่าเรื่องมาก” ผมบอกอย่างไม่สบายใจ มาบ้านคนอื่นแล้วต้องให้เขาลำบากอีก
พี่เล่ย์ยิ้มปลอบใจ แล้วบอก “ไม่ว่าหรอก ขนาดไอ้เกียร์มันเป็นหลานท่าน มาหาก็บ่อย มันยังกินไม่ค่อยได้เลย มาทีไรต้องทำไข่เจียวหรือไม่ก็ข้าวผัดให้มันทุกที”
“ก็นั่นเขาเป็นหลาน” ผมว่า
“นี่ก็หลาน” อีกฝ่ายย้อน ซึ่งมองตาแล้วผมก็ชักจะไม่แน่ใจ คำว่า 'หลาน' หมายถึงตัวเองหรือใคร
หลังจากอิ่มข้าวมื้อเย็น เอ้ย มื้อดึกแล้ว พี่เล่ย์ก็พาพวกเราไปที่ห้อง “นอนห้องนี้ สองคน แล้วก็อีกห้องคนหนึ่ง หรือจะนอนด้วยกันทั้งสามคน”
“แล้วไอ้พุล่ะ” พอไอ้เอ้ถามก็โดนโบกทันที ไอ้ซอลพูดแบบมีเลศนัย “ยังต้องถามอีกเหรอมึง”
“อะไร” ผมว่าเขินๆ
“อะไร” ไอ้ซอลมันพูดล้อๆ กวนตีนจริงๆ เพื่อนกู
ก่อนที่เรื่องราวมันจะบานปลายไปมากกว่านี้ พี่เล่ย์ก็พูดขัดขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่ประตูตรงผนังห้อง “ประตูห้องน้ำอยู่ตรงนั้น...ห้องมันเชื่อมกัน เวลาจะใช้ก็ล็อคทั้งสองข้าง” พอทั้งสามคนพยักหน้าเข้าใจ เจ้าของบ้านก็ถามต่อ “สรุปจะเอาไง นอนด้วยกันทั้งสามคนใช่มั้ย จะได้ให้คนไปขนที่นอนห้องนั้นมาให้”
“นอนด้วยกันสามคนนี่แหละ แต่ไม่ต้องขนหรอก เตียงใหญ่จะตาย นอนสี่คนยังได้เลย สบายมาก” ใช่ครับ เตียงใหญ่มากๆ ห้องก็อย่างกว้าง ห้องผมกับห้องไอ้พันรวมกันยังไม่กว้างเท่านี้เลย
“อืม... งั้นก็ตามใจ... g’night” ว่าแล้วก็รุนหลังผมให้ออกเดิน แต่พอพ้นประตูออกมาได้หน่อยเดียว ก็มีคนเรียกไว้ “เฮ้ย ไอ้เล่ย์”
พอพวกเราหันไปมอง ไอ้เดียวก็โผล่หัวออกมาจากประตูแล้วบอก “ไปขอมันก่อนนะเว้ย อย่าชิงสุกก่อนห่าม”
พี่เล่ย์ไม่ตอบแต่ชูนิ้วกลางให้... ส่วนไอ้คนอยากโดนด่าก็หัวเราะชอบใจไป
เดินมาถึงห้อง เจ้าของบ้านก็ถาม “อาบน้ำก่อนมั้ย หรือจะจัดของก่อน”
“พี่เล่ย์อาบก่อนเลย เดี๋ยวพุจัดของก่อน”
พี่เล่ย์พยักหน้า “โอเค...” แล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
หยิบผ้าเช็ดตัวและชุดที่จะใส่คืนนี้ออกมาวาง ส่วนชุดที่เหลือก็ถือวิสาสะแขวนไว้ในตู้ ก่อนจะเดินไปเปิดทีวีดู เพราะไม่มีอะไรทำ แต่ก็ดูไม่รู้เรื่องสักนิดเดียว เพราะใจมันคอยพะวงแต่เรื่องที่จะเกิดคืนนี้
...สังหรณ์ใจว่าคงไม่รอด
ถามว่ากลัวมั้ย... กลัวสิครับ แต่ไม่เหมือนความกลัวที่เกิดขึ้นกับคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นพี่ปลายหรือรุ่นพี่ม.6
กับพี่เล่ย์ มันเป็นความกลัวกึ่งคาดหวัง… ทั้งกลัวทั้งตื่นเต้น
“แกร๊ก” กำลังนั่งคิดโน่นคิดนี่เพลินๆ เสียงเปิดประตู ทำเอาสะดุ้ง
หันไปมองก็เห็นเจ้าของห้องเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาผืนเดียว หยดน้ำยังเกาะพราวอยู่ตามตัว แสดงว่าอาบเสร็จก็คงจะออกมาเลย...
ผ้าเช็ดตัวอะ จะนุ่งให้มันกระชับกว่านี้ไม่ได้หรือไงนะ หมิ่นเหม่เหลือเกิ๊น... ผมบ่นในใจ ก่อนจะเบนหลบดวงตายิ้มได้ของอีกฝ่าย แล้วเสหยิบผ้าเช็ดตัวกับชุดที่เตรียมไว้ขึ้นมา ก่อนจะเดินขาขวิดหนีเข้าห้องน้ำโดยไม่ได้พูดอะไร...
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว แต่ผมยังคงไม่ออกไป ยืนจ้องหน้าตัวเองในกระจก แล้วสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนออกมาช้าๆ จนกระทั่งชีพจรที่เต้นรัวแรงค่อยๆ สงบลงจึงเดินออกมา
เห็นพี่เล่ย์นอนเอกเขนกดูทีวีอยู่บนเตียงเสื้อไม่ใส่ มีแค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวก็ว่าเขินๆ “ไม่ใส่เสื้อ เดี๋ยวก็เป็นหวัด” รู้แล้วว่าหุ่นดี ไม่ต้องโชว์มากก็ได้
“ร้อน” อีกฝ่ายตอบ แล้วเหลือบตามองเสื้อยืดและกางเกงนอนขายาวที่ผมใส่อยู่ยิ้มๆ
หน้าร้อนวูบวาบเมื่อสบกับสายตาที่มองมาหวานเยิ้ม ผมเลี่ยงไปนั่งปลายเตียง ห่างไกลจากเจ้าของสายตาแล้วเช็ดผมเบาๆ ก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่อเตียงยวบลงและคนตัวโตขยับมานั่งซ้อนหลัง “มา เดี๋ยวพี่เช็ดให้”
รู้ว่าขัดขืนไม่ได้ ผมก็เลยปล่อยให้อีกฝ่ายเช็ดตามต้องการ ก่อนจะชวนคุยแก้เขิน “หนังเรื่องไรครับ”
“A walk in the clouds” สำเนียงเป๊ะๆ
“หนังเก่าเหรอ ไม่เคยได้ยิน”
“อืม... หลายปีแล้ว” เสียงพึมพำเบาๆ แต่ก็ได้ยินชัดเจนเพราะปากอยู่ใกล้หูผมมาก... แล้วจมูกโด่งๆ ก็ถูกกดลงมาตรงซอกคอ “หอมจัง”
ผมทำคอย่นและรีบหาข้ออ้าง เมื่อจมูกถูกเปลี่ยนเป็นปากอุ่นๆ แทน “อื้อ... จะดูหนัง”
“ก็ดูไปสิ ไม่ได้ห้าม” อีกฝ่ายว่า ก่อนจะโยนผ้าทิ้งแล้วตวัดกอดผมไว้ทั้งตัว
“มันดูไม่ถนัดอะ อึดอัดด้วย” ผมท้วงและพยายามแกะท่อนแขนที่รัดอยู่รอบเอวออก แต่ยิ่งพยายามแกะเท่าไหร่ก็ดูเหมือนจะถูกรัดแน่นขึ้นเท่านั้น
“อืมมม์...” เจ้าของแขนทำเสียงงึมงำพร้อมกับไล่จูบไปทั่วลาดไหล่ ก่อนที่มืออุ่นๆ ข้างหนึ่งจะสอดเข้ามาในชายเสื้อ แล้วลูบไล้ไปมา... ผมรีบตะครุบจับไว้เมื่อมือข้างนั้นเลื่อนขึ้นไปลูบไล้ที่ยอดอก แล้วร้องห้ามเสียงสั่น “อยะ อย่าครับ... พะ พี่...” ก่อนที่เสียงร้องห้ามจะขาดหายไปในปากอุ่นๆ ที่แนบลงมา“อื้อ...”
“อืมมม์...”
รู้สึกเหมือนนานมากกว่าอีกฝ่ายจะยอมถอนจูบออกไป... ผิวกายร้อนวูบวาบเมื่อมืออุ่นๆ ยังคงลูบไล้ไปมาไม่หยุด แต่เพราะไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน ผมจึงได้แต่เอนซบศีรษะกับแผ่นอกกว้างเหมือนคนไม่มีกระดูก
มือใหญ่แข็งแรงข้างที่วางทาบอยู่ข้างแก้มเลื่อนลูบไปมาเหมือนปลอบ ก่อนปลายนิ้วแข็งๆ จะดันปลายคางผมขึ้นเบาๆ
เสียงแหบพร่ากระซิบออกมาอย่างเว้าวอน “คนดี...พี่ขอได้มั้ย”
ผมขบริมฝีปากมองสบสายตาหยาดเยิ้มของอีกฝ่ายด้วยความหวาดหวั่น ความคิดในหัวตีกันจนสับสนไปหมด “พะ พุ...กลัว”
กลัวพ่อแม่จะเสียใจ...
กลัวโดนทิ้ง...
กลัวเจ็บ...
กลัวไปหมดทุกอย่าง...
“ไม่ต้องกลัวนะครับ... พี่สัญญาจะไม่ทำให้พุเจ็บ” พี่เล่ย์บอก ก่อนจะกดจูบลงมาที่หน้าผากเบาๆ เหมือนเป็นตราประทับคำมั่นที่ไม่ได้หมายถึงร่างกายเพียงอย่างเดียว
“.......”
“.......”
กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ผมพยักหน้าให้ช้าๆ อย่างไม่ค่อยจะมั่นใจสักเท่าไหร่ ก่อนจะหลับตาลงเมื่อใบหน้าของอีกฝ่ายลอยใกล้เข้ามา...
จุมพิตอบอุ่นที่แตะลงบนหน้าผาก มาพร้อมกับเสียงกระซิบบอก
“พี่รักพุนะ”
(แล้วกล้องก็แพนไปที่จอทีวี 555+)
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
เปิดตัวไปเลยจ๊ะพุ อย่าได้แคร์ อิอิ :impress2: :impress2:
-
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ :z2:
แล้วก้อมาต่อเยอะๆๆ น๊าาาาา :m3:
-
โอ๊ยดีใจ มาต่อเเล้ว :impress2:
ถึงกับขยี้ตาาาาาาาาา
ฟินมากกกกกกก :-[ :o8:
-
เค้าก็เคยนะ วิดสระจับปลาตอนเด็กๆ ทั้งวันได้ตั้ง 4 ตัว จับยากมากกกกกก :laugh:
จะพากันไปเปิดตัวลูกสะใภ้ที่บ้านพี่เลย์แล้ว อิอิ :z1:
แต่เดอะแก๊งไปด้วย ทริปนี้มีฮาแน่นอน :m20:
ไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่ชาวบ้านชาวเมืองเขาก็รู้กันทั่วแล้วว่าเล่ย์กับพุเป็นอะไรกัน
เล่นหวานใส่กันขนาดนี้ อิจฉาๆ :impress2:
-
เรื่องนี้น่ารักจัง ไม่รู้พลาดไปได้ไงอ่ะ ตัวละครก็นิสัยน่ารัก ไม่ค่อยละครหลังข่าวเท่าไร
-
:L1: :L1: :L1: ให้กำลังใจคนแต่งค่ะ
กลับมาต่อแล้ว ดีใจจัง
เล่ย์นี่ช่างแหย่พุจริงๆ จองร้านอาหารยังใช้ชื่อพุจองเลย
อื้ย!!! จะน่ารักไปไหนคู่นี้
คนรักกัน ชอบกัน มันก็ต้องมีบ้างที่แสดงอาการ
ปล่อยไปธรรมชาติดีแล้วพุ อย่าเกร็ง เครียดเปล่าๆ
:pig4:
-
เปิดตัวกันเลยๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ชอบพันกับพุอ่ะ อิอิ เเต่อยู่กับพี่เลย์ก็น่ารัก :o8:
-
หวานจัง
-
UNBELIEVABLE LOVE
The Day After Our First Night
เสียงจิ๊บๆๆ ที่ดังไม่เลิกทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมอง แล้วเมื่อหันไปทางขวาจึงเห็นนกกระจิบตัวหนึ่งเกาะอยู่ตรงขอบหน้าต่าง… เพราะความลืมตัวอยากดูให้ถนัดๆ จึงพลิกตัวนอนตะแคง
“โอ๊ย!” เจ็บจี๊ดขึ้นไปถึงข้างบนเลยอะ เจ็บจนน้ำตาซึม เจ็บมากๆ เจ็บจนไม่ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามา “อ้าว ตื่นแล้- เป็นไรครับ”
ตอนแรกผมส่ายหน้า ก่อนจะเปลี่ยนใจบอกความจริง “ปวดอะ...”
พี่เล่ย์เดินมานั่งลงบนเตียง ใช้หลังมืออังที่หน้าผากและซอกคอเพื่อวัดไข้ ก่อนจะเกลี่ยน้ำตาที่ซึมออกมาให้อย่างอ่อนโยน ส่วนมืออีกข้างก็เลื่อนมาวางไว้ตรงสะโพกด้านหลังแล้วนวดให้เบาๆ “ตรงนี้?”
“อืมม” ผมตอบด้วยเสียงคราง
“แล้วตรงนั้นยังเจ็บอยู่มั้ย”
หน้าเห่อขึ้นมาทันตาเห็น ผมหลุบตามองเฉพาะแค่เข่าของคนถาม ก่อนจะอ้อมแอ้มตอบ “นิดหน่อย” แล้วก็ถอนใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่ออีกฝ่ายบอก “อืม เดี๋ยวอาบน้ำแล้วค่อยทายาอีกรอบ”
“กี่โมงแล้วอะ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องพูดก่อนที่หัวข้อจะวกกลับมาที่ก้นผมอีก
พี่เล่ย์ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาแล้วบอก “สี่โมงเย็น”
“ห๊ะ?” ทำไมเวลามันเดินเร็วจัง เมื่อเช้าตอนที่ถูกปลุกให้ลุกขึ้นมากินยามันเพิ่งจะเจ็ดโมงเอง “เหมือนนอนไปนิดเดียวเอง”
“หิวมั้ย”
พอพี่เล่ย์ถามเท่านั้นแหละ ไอ้ท้องเวรมันก็ไม่ไว้หน้าเจ้านายเลย ร้องโครกครากขึ้นมาทันที
นึกว่าพี่เล่ย์จะหัวเราะซะอีก แต่กลับถามเฉยๆ “ลุกไหวมั้ย หรือจะกินที่นี่”
“อยากอาบน้ำ...” ตอบไปคนละเรื่อง
“กินก่อน เดี๋ยวค่อยอาบ” พี่เล่ย์บอก มือข้างหนึ่งยังคงนวดให้ผมต่อ ส่วนอีกข้างก็ควักมือถือออกมาโทรหาใครสักคน และระหว่างที่รอก็ถามขอความเห็น “กินไรดี ข้าวต้มปลามั้ย?”
“ครับ” ผมพึมพำตอบตาปรือๆ ไม่ค่อยง่วงแล้ว แต่รู้สึกเพลียๆ
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ พี่เล่ย์ก็ดึงผ้าห่มมาคลุมให้ผมถึงคอ ก่อนจะลุกไปเปิดประตู รับน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่ยกข้าวต้มปลาหอมฉุยเข้ามาให้
เห็นผมนอนอยู่บนเตียง น้องก็ยิ้มให้อายๆ ผมก็ยิ้มตอบเขินๆ และเมื่อวางชามข้าวต้มเรียบร้อยแล้ว น้องก็ถามพี่เล่ย์อย่างมีความหวัง “นาย? เดี๋ยวพี่ป้องจะพาเพื่อนนายไปซื้อของในเมือง หนูขอไปด้วยได้มั้ย”
“มีใครไปบ้าง?”
“เพื่อนนายสามคน แล้วก็พี่ป้อง พี่พงศ์”
พี่เล่ย์ขมวดคิ้ว “จะไปได้ไง มีแต่ผู้ชาย”
“พี่พงศ์ก็ไป” น้องบอกเสียงอ่อย มองเห็นแววว่าจะไม่ได้ไปอยู่รำไร
พี่เล่ย์นิ่งไปนิด ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ขอแม่หรือยัง?”
“ขอแล้ว แม่บอกให้มาถามนาย ถ้านายให้ไปแม่ก็ไม่ว่า” น้องบอกด้วยน้ำเสียงที่ปิดไม่มิดว่าตื่นเต้น คงเดาได้ว่ามีโอกาสที่จะได้ไป
พี่เล่ย์พยักหน้า “อืม... จะไปก็ไป แต่ระวังตัวด้วย อยู่กับพี่เขา อย่าเดินไปไหนคนเดียว”
น้องพยักหน้าคอแทบหลุด แล้วยกมือไหว้ ย่อเข้าด้วย “ขอบคุณค่ะ” แล้วก็รีบวิ่งปรู๊ดออกจากห้องไป คงกลัวพี่เล่ย์เปลี่ยนใจ แต่โดนเรียกไว้เสียก่อน “เดี๋ยว”
น้องหน้าเสีย คงนึกว่าพี่เล่ย์เปลี่ยนใจ แต่พอเห็นธนบัตรสีเทาสองใบที่พี่เล่ย์ยื่นให้ก็ยิ้มปากกว้าง แล้วยกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะ”
“แบ่งกับพงศ์คนละพัน”
“ค่ะ”
อิ่มข้าวแล้วพี่เล่ย์ก็อุ้มผมเข้าไปในห้องน้ำ วางลงบนเก้าอี้ ส่วนตัวเองก็เดินไปเปิดน้ำใส่อ่าง
“ทำไมในห้องน้ำถึงมีเก้าอี้ด้วยอะ?” ก็มันสงสัยจริงๆ นี่นา ไม่ใช่เก้าอี้ธรรมดาด้วยนะครับ เป็นเก้าอี้บุนวมอย่างดี
พี่เล่ย์หันมามองแบบตัวโกงก่อนจะบอกยิ้มๆ “ก็เตรียมไว้”
“เตรียมไว้ทำไร” ยังครับ ยังไม่เก็ท แต่พอคนตัวโตไม่ตอบเอาแต่ยิ้มผมก็เริ่มเอะใจ แล้วหน้าก็เห่อขึ้นมาทันตาเห็น “บ้า”
พี่เล่ย์ห้วเราะหึๆ “บ้าอะไร ก็พี่กลัวพุเจ็บ”
ผมมองค้อนคนพูด แล้วบอกโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย “ถ้ากลัวพุเจ็บ ก็ต้องห้ามทำ”
“ทำอะไร” ถามเหมือนซื่อ แต่ตาโคตรเจ้าเล่ห์ คงรู้ว่าผมไม่กล้าพูดแน่ๆ “ระบุด้วย”
“บ้า ใครจะพูด” ผมบ่นพึมพำ ก่อนจะย่นจมูกใส่คนเจ้าเล่ห์ที่หัวเราะหึๆ แล้วรีบยกมือปิดหน้าเมื่ออีกฝ่ายเริ่มปลดกระดุมเชิ๊ตที่ใส่อยู่ “เอ้ย ทำไร”
“ก็จะอาบน้ำให้”
“ไม่ต้องๆ พุอาบเองได้” ผมบอกพร้อมกับแยกนิ้วออกจากกัน แอบมองคนหน้าด้านที่ตอนนี้ถอดเสื้อออกเรียบร้อยแล้ว และกำลังปลดกระดุมกางเกงยีนส์
“ไม่ต้องแอบ ดูได้ตามสบาย พี่ไม่หวง” พี่เล่ย์พูดกลั้วหัวเราะ
“บ้า” ปากก็ด่า แต่ตาหลับแน่น
พี่เล่ย์หัวเราะหึๆ “ด่าเป็นคำเดียว”
ผมลืมตาพรึ่บ เพราะรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆ ตรงต้นคอ... ก่อนจะรีบตะครุบเสื้อคลุมอาบน้ำที่กำลังถูกปลด “อ๊ะ พี่เล่ย์ ไม่อ๊าววว เดี๋ยวพุอาบเอง”
“เดินยังไม่ไหว จะอาบเองยังไง”
“อาบได้ละกัน พี่เล่ย์ออกไปก่อนสิ” ปากก็พูดไป มือก็ยื้อเสื้อคลุมที่อีกฝ่ายพยายามจะปลดไว้ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเพราะตอนนี้มันร่นลงไปที่เอวเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นลางแพ้มารำไรผมก็เริ่มใช้ลูกอ้อน “อื้อ พี่เล่ย์ ให้พุอาบเองนะครับ น้าาา”
“พี่อาบให้ดีกว่า”
“ไม่ดี”
“ไม่ดียังไง”
ถามมาได้เนาะ “ก็พุอายอะ”
“อายอะไร หืม ทำยังกับพี่ไม่เคยเห็น”
มันเหมือนกันที่ไหนเล่า แล้วอีกอย่างเมื่อคืนมันก็สลัวๆ ไม่ได้สว่างโร่เหมือนตอนนี้ซะหน่อย ผมคิด แต่ยังไม่ทันได้พูดออกไป เสื้อคลุมก็ถูกกระตุกออกไป แล้วตัวก็ลอยวื๊ดขึ้นจากพื้น “เฮ้ย!”
คนอุ้มหัวเราะหึๆ แล้วเดินไปวางผมลงในอ่าง ก่อนเจ้าตัวจะก้าวตามมานั่งซ้อนหลังแล้วดึงผมเข้าไปกอด “ร้อนไปมั้ย”
“ไม่ครับ” ผมตอบพร้อมกับหลับตาลง เอนหลังพิงแผงอกแข็งๆ ของอีกฝ่ายอย่างยอมแพ้ เพราะขัดขืนไปก็คงจะไม่สามารถพ้นเงื้อมมือมารไปได้อยู่ดี
(แล้วกล้องก็แพนไปที่ฝักบัว 555+)
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
อั๊ยยะ ข้ามคืนเข้าหออะ หนูฟินไม่ถูก 55+
ขอบคุณมากๆๆค่ะ รอพุ+เล่ย์ แล้วเฮียแพทไปไสหว่า
-
ใช่ ข้ามคืนเข้าหอไปได้ไง ตัดฉับ ๆ เค้าอยากรู้นะ อิอิ :haun5: :interest: o3 o3 :t4:
-
:oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:
-
เห้ยยยยยย
ตัดกลับมาเร็วจัง
คนอ่านยังค้างอยู่น่าน ตามกลับมาไม่ทันนนน
โฮวววว ว่าแต่ ,, พี่เล่ย์ทำเขินมาก
ที่บอกว่า พุเสียงดัง
แง๊ ฉันยังไม่ทันได้ยินเสียงพุเลย ทำอีกๆๆๆ #ห้ะะะ
น่ารักมากทั้งคู่เลย!!!
-
โอ้ รู้สึกว่าอะไรบางอย่างที่สำคัญมันจะหายไปนะ เหอๆๆ :oo1: :oo1:
-
โคตรเขินพี่เล่ย์เลย >______<
เมื่อไรจะเปิดตัวสักทีคะ พุจะได้ไม่ต้องคิดมาก5555555
พี่เล่ย์รักพุคนเดียวแหละ ฮือออิจฉาก๊ากกกกก
-
ก้าวหน้ามากกกหนูพุ
-
ชอบที่พุอยู่กับเลย์อะ มันดูเรียบง่ายดี
-
ขนาดข้ามคืนเข้าหอไป
พี่เล่ห์ก็ยังทำเราเขินได้ :o8: :-[
เอาเซ่ๆ ถ้าไม่ข้ามจะขนาดไหนนนนนน :impress2:
-
เหอๆ คืนเข้าหอหายไป แต่ไม่เป็นไร ยังไงพุก็เป็นของพี่เลย์แล้ว แอร๊ยย >///<
มาอยู่ด้วยกันแบบนี้แล้ว อย่าลืมพาแม่ไปขอน้องพุนะพี่เล่ย์ 55+
-
ว๊ายยย หนูพุออกเรือนเต็มตัวแล้วหรอนี่ :o8: :o8: :o8:
-
ลงเอยกันแระ น่ารักจังน้า :กอด1:
-
แอบจิ้น เดียว-ซอล ค่ะ 555 :o8:
รออยู่น้า... มาต่อเร็วๆด้วย
-
ไวเกิ๊นนนนนนนนนนนนนนนนน :a5:
แต่แหล่มมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :mc4:
-
^^
-
เห้ยยยย
ไม่มี ตอน ที่ อยู่ บ้าน พี่เลย์ กะ ตอนเล่นสงกรานต์ หรอ
อยาก อ่าน อ่ะ
:serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
อิอิอิ
รอ อ่าน จ้าาาา
-
:กอด1:
-
UNBELIEVABLE LOVE
Songkran Festival
“พุ?”
ไม่สนใจเสียงกระซิบเรียกข้างๆ หู ผมยังคงนอนหลับตานิ่ง
“จะตื่นไม่ตื่น”
“อื้อ” ผมบ่นงึมงำ ปัดนิ้วที่เขี่ยจมูกออกอย่างรำคาญ
“หึ หึ” คนมาปลุกหัวเราะเจ้าเล่ห์ ก่อนที่มืออุ่นๆ จะค่อยๆ เลื้อยเข้ามาในเสื้อช้าๆ
รีบตะครุบมือที่เลื้อยสูงขึ้นไปข้างบน ผมประท้วงทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่ “อื้อ พี่อะ พุง่วง”
“แล้วไม่เล่นใช่มั้ย สงกรานต์?”
“เล่น” ผมตอบเสียงงัวเงีย ตาก็ยังไม่ยอมลืม
“เล่นก็ลุก”
“สิบนาที” ผมต่อรอง ง่วงก็ง่วง อยากเล่นก็อยากเล่น
พี่เล่ย์หัวเราะหึๆ แล้วบอก “ให้สามนาที”
“เจ็ดดิ สามนาทียังไม่หายง่วงเลย”
“ห้านาที ห้ามต่อรอง”
ผมพยักหน้า “อือ ฮึ” ก่อนจะพลิกตัวไปหาคนตัวโตกว่าเมื่ออีกฝ่ายล้มตัวลงนอนข้างๆ ขยับซุกจนได้ที่แล้วก็ครางออกมาอย่างมีความสุข “อืมมม”
และคงจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าจะไม่รู้สึกเจ็บจี๊ดๆ ที่หู “จะสบายไปมั้ย แค่ห้านาทีนะ”
“อื้อ ขี้โกงอะ เริ่มจับเวลาใหม่เลย”
“โกงไร อย่ามั่ว”
“เนี่ย เห็นมั้ย ชวนคุยอะ ไม่เอา นับใหม่ๆ ห้ามพูดด้วย” ผมบอก พร้อมกับยกมือปิดปากอีกฝ่ายไว้
พี่เล่ย์หัวเราะหึๆ จับมือผมออกไปวางไว้ที่เอว แล้วริมฝีปากอุ่นๆ ก็ทาบลงมาที่
หน้าผาก
เปลือกตา
จมูก
แก้ม คาง
และจบลงที่ปาก
ลิ้นอุ่นชื้นลากเลียไปตามริมฝีปากด้านนอกจนพอใจ ก่อนจะชอนไชเข้ามาในโพรงปาก
“ปึง ปึง ปึง”
สะดุ้งตกใจกับเสียงเคาะประตูด้านนอก เราทั้งสองผละออกจากกัน...
“ไอ้เดียวมาตามแล้ว” คนพูดถอนหายใจเซ็งๆ ก่อนจะตบก้นผมหยอกๆ “เอ้า ลุกสิครับ”
“อื้อ” ผมเด้งตัวลุกขึ้นนั่งแล้วตีแขนคนชอบแกล้งไปที “คนยิ่งเจ็บก้นอยู่”
“อ้าวเหรอ” อีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้น แววตาเจ้าเล่ห์ “ไหน ขอดูหน่อยซิ” ก่อนอมยิ้มเมื่อผมรีบโดดลงจากเตียง “ไม่ต้องเลย… แบร่!!” …แลบลิ้นให้คนเจ้าเล่ห์แล้วผมก็รีบวิ่งออกมาข้างนอกได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝ่ายดังตามมา
“เฮ!!!!”
เสียงโห่ร้องอย่างดีใจของน้องๆ ที่ยืนรออยู่บนรถทำเอาผมเขินเดินไม่ไปเลย...
“โหยไอ้พุ กว่าจะมาได้ กูเติมน้ำมาสองรอบแล้วเนี่ย” ไอ้ซอลบ่น
มองดูน้องๆ ก็เห็นเปียกกันซ่ก คงจะทนรอไปเล่นข้างนอกไม่ไหว สาดกันเองซะเลย “โทษๆ ช้าไปหน่อย”
“ไม่หน่อยละมึง เกือบครึ่งชั่วโมงอะ”
“มึงจะแปลกใจทำไม ใครไปตาม ให้รู้ซะมั่ง” ไอ้เดียวว่า
ไอ้ซอลทำท่านึกตามแล้วบอก “เออว่ะ ลืมไป”
ผมหมั่นไส้เลยโบกมันไปคนละที ก่อนจะรีบปีนหนีขึ้นไปบนรถ
“ไอ้พุ!!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เล่นกันได้สักชั่วโมงผมก็เริ่มหนาว ยืนเกาะถังใส่น้ำปากสั่น...
“หนาว?” พี่เล่ย์ถาม
ผมก็พยักหน้า ซี๊ดปาก ห่อไหล่เพราะความหนาว...
“ไปนั่งหน้ามั้ย”
ผมส่ายหน้า บอกเสียงสั่นๆ “ไม่เป็นไร ทนได้”
และขณะที่พวกเรากำลังคุยกันอยู่นั้น รถของเราก็วิ่งผ่านกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ที่ตั้งถังน้ำอยู่ที่ข้างถนน หนึ่งในนั้นมีสายยางแบบที่นักดับเพลิงใช้อยู่ในมือ พอเห็นเขายกสายยางขึ้นทุกคนก็รีบหลบ เพราะถ้าโดนต้องจุกแน่ๆ
แต่ก็ไม่ทุกคนที่หลบทัน เพราะมีน้องผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงท้ายกระบะถูกน้ำกระแทกเต็มๆ แรงปะทะจากน้ำทำให้น้องเสียการทรงตัว ตีลังกากลิ้งตกรถไป
“ตุ๊บ!”
“เฮ้ย!” พวกเราที่เห็นเหตุการณ์ร้องออกมาอย่างตกใจ แล้วใครสักคนก็ทุบข้างกระบะเพื่อให้คนขับจอดรถ “ปัง! ปัง! ปัง!”
ผมหลับตาแน่นเมื่อเห็นรถทัวร์คันหนึ่งวิ่งตรงมาที่น้องผู้หญิงคนนั้น...
“กรี๊ดดดด” เสียงหวีดร้องอย่างตกใจของคนที่เห็นเหตุการณ์ดังลั่นถนน
“เอี๊ยด!!!” เสียงเบรกของรถทัวร์ดังจนแสบแก้วหู
เมื่อไม่มีเสียงปะทะกันระหว่างเหล็กกับเนื้อ ผมก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามอง... พี่เล่ย์ซึ่งโดดลงไปจากรถตอนไหนไม่รู้ กำลังอุ้มน้องคนที่กลิ้งตกลงไปขึ้นมาวางไว้ที่รถ แล้วสำรวจตามศีรษะและร่างกายหาร่องรอยของบาดแผล ก่อนจะจับหน้าน้องเขาให้หันมาสบตา “เกน?”
“...........”
เมื่อน้องเขายังคงนั่งนิ่งอยู่ พี่เล่ย์จึงตบที่แก้มเบาๆ “เกน? ได้ยินมั้ย”
น้องเกนกระพริบตาปริบๆ ตาลอยๆ ค่อยๆ เลื่อนมาโฟกัสที่หน้าพี่เล่ย์ ก่อนจะผวาเข้ามาหา แล้วปล่อยโฮออกมาอย่างขวัญเสีย “นาย!”
“ชูว์ ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไรแล้ว” พี่เล่ย์ลูบหลังลูบไหล่ปลอบ
พวกเราถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าน้องเขาไม่เป็นอะไรมาก แต่ก็ยังไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่ เพราะตอนที่น้องเขาตีลังกาลังไป ไม่รู้ว่าศีรษะฟาดกับพื้นหรือเปล่า
“เป็นไรมากหรือเปล่า ไอ้หนุ่ม” คนขับรถทัวร์เปิดหน้าต่างออกมาตะโกนถาม
“ไม่เป็นไรแล้วครับ ขอบคุณมากครับ” ไอ้เดียวตะโกนตอบกลับไป
“เออๆ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” คนขับรถทัวร์ว่า ก่อนจะบ่นออกมา “เกือบซวยไปแล้วไหมล่ะ แม่ง เล่นยังไงกัน ไม่ระวังเลย” แล้วลุงแกก็ปิดกระจกหักพวงมาลัยหลบแล้วขับออกไป แกคงเสียเซลฟ์น่าดู เพราะถ้าเบรคไม่ทันน้องเกนคงไม่รอดแน่ๆ ดีแต่ว่ามันเป็นในเมือง รถเลยวิ่งไม่เร็วเท่าไหร่ ถ้าเป็นถนนข้างนอก ผมก็ไม่มั่นใจว่าน้องเกนจะรอดหรือเปล่า แค่คิดก็สยองแล้ว
“พี่... น้องเขาเป็นไรมากหรือเปล่า” วัยรุ่นคนหนึ่งเดินมาถาม ผมเพิ่งสังเกตุว่ารอบๆ บริเวณนั้น คนหยุดสาดน้ำกันหมดแล้ว
“ก็ตกรถน่ะสิ ดีที่ไม่โดนรถเหยียบ มึงเล่นยังไงวะ” น้องที่กำลังช่วยพี่เล่ย์ปลอบน้องเกนพูดโกรธๆ ก่อนจะกระโดดลงมายืนที่พื้นเตรียมมีเรื่องเต็มที่ “ถ้าน้องกูเป็นอะไรไปนะมึง”
“ผมขอโทษจริงๆ ไม่นึกว่ามันจะแรงขนาดนั้น” น้องเขาพูดอย่างสำนึกผิด
“มึงขอโทษแล้วมันหายมั้ย สัด”
“ใจเย็น” พี่เล่ย์ว่า แล้วคว้าเสื้อพี่ชายน้องเกนที่กำลังจะเดินเข้าไปหาคนที่สาดน้ำใส่น้องเกนไว้
พี่ชายน้องเกนมองพี่เล่ย์ตาขวาง “นายมาห้ามผมทำไม ไม่เห็นเหรอว่ามั-”
“ไอ้พงศ์... ชักจะลามแล้วนะมึง” พี่คนขับรถที่ผมจำได้ว่าชื่อพี่ป้องว่าเสียงดุ
พี่เล่ย์ยกมือขึ้นห้าม “ไม่เป็นไร รีบพาเกนไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ”
“เดี๋ยวมึงไปขอโทษนายด้วยนะ” พี่ป้องบอกน้องพงศ์ที่ยังคงนั่งหน้าหงิกอยู่ตรงเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์จ่ายเงิน
น้องพงศ์กอดอก เม้มปากแน่น “ขอโทษเรื่องไร ทำไมผมต้องขอโทษ ถ้านายไม่ห้ามผม ป่านนี้ไอ้นั่นมันโดนซัดหมอบไปแล้ว”
พี่ป้องหันมามองพวกผมเหมือนขอโทษ ก่อนที่พี่อีกคนหนึ่งที่ผมจำชื่อไม่ได้จะโบกคนที่นั่งกอดอกปากยื่นไปที “ถุย ตัวเท่าลูกหมา ทำอวดเก่ง นายแม่งไม่น่าห้ามเลย ปล่อยให้มันตายคาตีนเขาไป”
“เฮ้ย! พี่ชิต เรื่องไรมาตีผมเนี่ย” น้องพงศ์บ่น ยกมือขึ้นคลำศีรษะบริเวณที่โดนโบก แล้วมองคนทำหน้างอ
“ก็มึงมันกวนตีน จะโดนเขากระทืบเอายังไม่สำนึก”
“เหอะ ตัวใหญ่กว่ามันผมก็ล้มมาแล้ว ตัวเท่ากันผมจะกลัวทำไม”
“โธ่.... ไอ้... ไอ้...” พี่ชิตเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ไอ้สันขวาน...”
ผมหลุดหัวเราะคิกออกมาเมื่อได้ยินคำด่าของพี่เขา ก่อนจะรีบซบหน้าลงกับไหล่ไอ้ซอลเพราะกลัวน้องพงศ์จะเห็นแล้วนึกว่าหัวเราะเขา เดี๋ยวจะโกรธอีก
ส่วนไอ้ซอล ไอ้เอ้ ไอ้เดียวก็ไม่แพ้กัน กลั้นยิ้มจนแก้มป่อง
“มึงไม่ได้สังเกตุเลยใช่มั้ยว่าไอ้นั่นมันเล่นอยู่ตรงไหน” พี่ป้องถามเอือมๆ
“จะเล่นตรงไหน ก็เล่นตรงถนน”
“แล้วไงต่อ?”
“ก็...” น้องพงศ์พูดแล้วก็หยุด ก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้
“ก็อะไร?” พี่ป้องถามย้ำ
น้องพงศ์นั่งเงียบ ก่อนจะยักไหล่แบบยอมแพ้กึ่งขัดใจ “ถนนหน้าบ้าน”
“คิดได้แล้วใช่มั้ยทีนี้” พี่ป้องว่าอย่างหมั่นไส้ “คราวหน้าถ้าอยากมีเรื่องก็กรุณานับตีนคู่ต่อสู้ด้วยว่ามีกี่ตีน”
“ไม่ต้องนับไอ้พวกที่อยู่ตรงถังน้ำ ยังจะมีไอ้พวกที่นั่งกินเหล้าอยู่อีก ไปต่างถิ่นแล้วเสือกทำซ่า สัด” พี่ชิตเสริม
“ถ้าอยากมีเรื่องกูไม่ว่า แต่ต้องไม่ใช่ตอนที่มีเด็กกับผู้หญิงอยู่ด้วยแบบนี้”
แล้วพี่สองคนก็ผลัดกันเทศน์น้องพงศ์จนน้องมันคงทนต่อไม่ไหว รีบลุกไปหาพี่เล่ย์ที่กำลังเคลียร์เรื่องค่ารักษาของน้องเกนตรงเคาน์เตอร์
พี่เล่ย์หันมามองน้องพงศ์งงๆ เมื่ออีกฝ่ายเดินเข้าไปยกมือไหว้ ผมไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไรกัน น้องพงศ์คงจะขอโทษแหละ แล้วพี่เล่ย์ก็พูดอะไรสักอย่าง ก่อนจะผลักศีรษะน้องพงศ์เหมือนหยอกแล้วลากคอมากอดไว้ด้วยท่าไซด์เฮดล็อค สักครู่เสียงหัวเราะก็ดังมาจากคนทั้งสอง
“ตอนเด็กๆ มันติดนายมาก” พี่ป้องบอกพวกเรายิ้มๆ “นายพูดอะไรมันเชื่อหมด ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ แต่พอโตขึ้นทำไมนิสัยยังงี้ก็ไม่รู้”
“เลือดหนุ่มมันทำ” พี่ชิตว่า
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” พวกเราะประสานเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน
กว่าจะออกจากโรงพยาบาลก็เกือบทุ่มแล้ว พวกเราเลยตกลงกันว่าจะกลับบ้าน ไม่มีใครมีอารมณ์เล่นสงกรานต์ต่อ พี่เล่ย์เลยให้ผู้หญิงกับน้องตัวเล็กๆ เข้าไปนั่งเบียดกันข้างหน้า จะได้ไม่หนาว ส่วนพวกผู้ชายก็นั่งโต้ลมที่กระบะหลัง...
“นาย...” พี่ชิตที่ถูกระเห็จออกมานั่งข้างหลังยื่นเหล้าแบนเล็กๆ มาให้พี่เล่ย์ “แก้หนาว” ซึ่งพี่ท่านก็ไม่ปฏิเสธรับมากระดกแล้วส่งต่อให้ไอ้เดียวที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมก็เลยโวยวาย “เฮ้ย แล้วพุล่ะ? หนาวเหมือนกันนะ”
“เดี๋ยวพี่กอดแป๊บเดียวก็หาย”
“ฮิ้ววววว” เสียงไอ้เดียว ไอ้เอ้ ไอ้ซอลครับ ขนาดกระซิบมันก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน
ผมเหล่ตามองพวกมันอย่างคาดโทษ ก่อนจะขวิดปลายคางคนพูดมากไม่แรงนัก...ก็กลัวแฟนเจ็บอะพี่เล่ย์ก็หัวเราะหึๆ แล้วเอาคางวางลงบนกลางกระบาลผม ก่อนจะถูๆๆๆๆๆๆ
“อื้อออ เจ็บ”
“หึ หึ”
“เอิ่ม คุณครับ กรุณาอย่าสร้างโลกส่วนตัวกันแค่สองคน” ไอ้เดียวว่าอย่างสุภาพ ก่อนไอ้ซอลจะเสริมได้ถ่อยมากๆ “เห็นใจพวกกูบ้าง อ้วกจะแตกแล้ว”
หมั่นไส้ เลยเอื้อมมือไปผลักมันแรงๆ แต่คงจะผลักแรงไปหน่อย มันถึงเอียงไปชนกับไอ้เอ้ ศีรษะโขกกันเสียงดัง “โป๊ก!!”
“โอ๊ย!!”
“เชี่ย!!”
“เฮ้ย!!” ผมร้องอย่างตกใจ เผลอยกมือขึ้นมาไหว้พวกมันอย่างลืมตัว “ขอโทษษษษ...เจ็บมั้ย”
ไอ้เอ้ซี๊ดปาก ยกมือคลำบริเวณที่เจ็บป้อยๆ พร้อมบ่นพึมพำ “เชี่ย หัวกู”
“นี่มึงกะฆ่ากูเลยใช่มั้ย ไอ้พุ” ไอ้ซอลบ่นพร้อมกับโบกผมไปทีหนึ่ง
ผมปล่อยให้มันเอาคืน แล้วถามมันอย่างเป็นห่วง “ขอโทษๆ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะ เป็นไงมั่ง เจ็บป๊ะ”
“ลองมั้ยมึง” ไอ้เอ้ว่า แล้วยื่นเท้ามาจะถีบผม แต่คนที่นั่งซ้อนหลังผมเขายกขาขึ้นพอดี เลยรับไปเต็มๆ
พี่เล่ย์เหลือบมองรอยเปื้อนที่เกิดจากเท้าไอ้เอ้ตรงขากางเกงแล้วบอก“เปื้อนขนาดนี้ มึงไปเอาโคลนมาสาดใส่กูเลยดีกว่า สัด”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ไอ้ซอลหัวเราะขำ ลืมความเจ็บไปชั่วขณะเมื่อเห็นรอยเท้าไอ้เอ้บนขากางเกงพี่เล่ย์
“เป็นไงวันนี้ สนุกมั้ย”
“สนุกอะไรเล่า กลัวจะแย่” ถึงตอนนี้ภาพน้องเกนกลิ้งตกลงไปจากรถยังติดตาผมอยู่เลย ถ้ารถทัวร์วิ่งมาเร็วๆ แล้วเบรคไม่ทัน หรือถ้ารถของเราวิ่งเร็วๆ แล้วน้องเกนตกลงไปคอหัก แค่คิดผมก็สยองแล้ว
พี่เล่ย์อมยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะปิดไฟกลางห้อง เดินมานั่งที่เตียงแล้วบอก “เดี๋ยวพี่ทำให้หายกลัวเอง”
มองตาวาวๆ ของคนถามอย่างไม่ไว้ใจ ผมถามอย่างระแวง “ยังไง”
คราวนี้พี่แกก้มลงมากระซิบจนเกือบชิดหูเลย “ก็ทำให้เสียวแทน”
“เฮ้ย! พี่เล่ย์ ทะลึ่งว่ะ”
คนทะลึ่งหัวเราะหึๆ แล้วบอก “เอ้า ก็จะได้หายกลัวไง เปลี่ยนมาเป็นเสี-”
ผมรีบยกมือปิดปากอีกฝ่ายไว้แล้วบอก “ไม่ต้องพูดแล้ว นอนเลยๆ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
พี่น้ำกับซอลมีอะไรกันเปล่า
-
พี่น้ำข้างบ้านมีซัมติงกับซอลมาก่อนรึป่าว
แล้วพี่แพทมารู้ว่าพุย้ายบ้านหลังคนอื่นจะโดนงอนอีกไหมเนี้ย
-
ข้ามไกลไปนะ คืนนั้นคืนพิเศษของคนอ่านหายไปอ่ะ เอ๊ะเขาอาจจะยังไม่ซัมบาลาหึ่มกันก็ได้(บอกตัวเอง) = =
-
ซอล พี่น้ำ ..พี่น้ำ ซอล เอ๊ะ ยังไงน้า
ป.ล. เค้าอยากอ่านตอน ...นั้นอะ ตัวเอง ... o18
-
ตัวเองไม่ลืมคืนเข้าหอของเค้าใช่ปะ :z1: เนี่ยไม่ได้ทวงอะไรหร๊อกกก แบบว่า ๆ มีคนขอมาเยอะอะเน๊อะ :oo1: :oo1: ประมาณล้านเจ็ดแล้วเนี่ย ไม่รู้อยากรู้อะไรนักหนาเน๊อะ แบบว่าเค้าก็รออะ ไม่ได้หื่นนะแต่มันอยู่ในกระแสเลือดแล้ว
:pighaun: :pighaun: :haun4:
รอพี่เล่ย์กะน้องพุ (โดยเฉพาะคืนนั้นหน่ะ) เย้เฮียแพทมาแล้ว :กอด1:
ขอบคุณมากค่ะ :L1: :pig4: :L1:
-
พี่น้ำกับซอลนี่ยังไง
-
น้ำซอล อะไร ยังไง?
ส่วนพี่เล่ย์ บ้ายมาอยู่กับพุเลยดีกว่ามั๊ยนั่น 555+ :laugh:
-
อ๊ะ ซอล จากพูดเก่งกลายเป็นเงียบไปเลยทีเดียว
ส่วนเรื่องพี่แพท กะ เล่ย์นี่ ยังไม่ปะฉะดะ กันตรงๆชิมิ
-
อะอะ จาช่ายแฟนเก่าซอลป่ะ
-
ซอลกับพี่น้ำแอบมีความหลังอะไรกันรึเปล่าเนี่ย :z2:
สนุกมากๆเลยค่ะ มาต่อไวๆนะ :bye2:
-
พี่เลย์อ่อนโยนอ่ะ
ชอบมากกกกกก
-
^^
-
พี่น้ำกับซอลมีไรกันอะ แล้วเฮียแพทนี่ก็น่าจะทำใจได้แล้วนะ 555
-
พี่น้ำกับซอลลลลลลลลล! ฮิฮิฮิ
-
UNBELIEVABLE LOVE
Chapter Fourteen
“หมดยัง...” ผมถามคนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องพร้อมกล่องกระดาษกล่องใหญ่
“หมดแล้ว” อีกฝ่ายตอบ วางกล่องลงแล้วเดินไปที่เตียงทำท่าจะทิ้งตัวลงนอน ผมเลยรีบร้องห้ามอย่างตกใจ “เฮ้ย พี่เล่ย์ ไปอาบน้ำก่อนดิ ตัวเปื้อนอะ”
“ไม่เอา เหนื่อย” งอแงมาก
ขี้เกียจเถียง เดี๋ยวงานไม่เสร็จ ผมกลับมาสนใจกับการจัดหนังสือเข้าชั้นต่อ... แต่ไม่นานก็ได้ยินเสียงกุกกักๆ ดังขึ้น พอเหลือบมองก็เห็นคนงอแงกำลังเปิดตู้หาผ้าเช็ดตัวอยู่ “ผ้าเช็ดตัวอยู่ตู้ขวาสุดครับ”
พี่เล่ย์หันกลับมา “ใครบอกว่าพี่จะหาผ้าเช็ดตัว”
“แล้วหาไร”
“ก็... ผ้าเช็ดตัว” พูดแล้วก็ยักคิ้วกวนๆ
“บ้าปะเนี่ย” ผมส่ายหน้าเอือมๆ แล้วหันมาจัดหนังสือต่อ ส่วนคนบ้าก็เดินหัวเราะหายเข้าห้องน้ำไป...
พวกเราตกลงที่จะย้ายมาอยู่ด้วยกันครับ... เปล่าครับ ไม่ใช่ผมกับพี่เล่ย์ถึงแม้อีกฝ่ายจะทำตัวเหมือนว่าย้ายมาอยู่ด้วยก็ตาม
พวกเราก็คือ ผม ไอ้เดียว ไอ้ซอล และไอ้เอ้ครับ...
หลังจากที่กลับมาจากพิษณุโลก พี่เล่ย์ก็ชวนผมให้ย้ายไปอยู่ที่คอนโดด้วยกัน แต่ผมไม่ตกลง ไม่ใช่ว่าไม่อยากอยู่นะครับ ใครจะไม่อยากอยู่กับคนที่เรารักบ้าง แต่ว่าผมก็อยากมีที่ที่เป็นของตัวเอง
อาณาจักรส่วนตัว... ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นของของผม
เผื่อนะครับ... เผื่อวันไหนที่พวกเราทะเลาะกันรุนแรงจนทนอยู่ด้วยกันไม่ไหว ไม่ว่าจะเป็นชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือถาวร เมื่อถึงเวลานั้นผมก็จะได้ไม่ต้องไปรบกวนใคร
“ไม่มีทาง” พี่เล่ย์ว่าแล้วทำหน้าบึ้ง เมื่อผมบอกตามที่คิด
“อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน” ผมรีบพูดเพราะกลัวอีกฝ่ายจะโกรธ “วันนี้พี่เล่ย์อาจจะรักพุ แต่อนาคตอาจจะเกลียดพุ จนไม่อยากจะเห็นหน้าก็ได้” แล้วพอพี่แกอ้าปากจะแย้ง ผมก็ยกมือห้ามแล้วพูดต่อ “พุก็ไม่อยากให้มันเกิดหรอกนะ แต่วันไหนเกิดเราทะเลาะกัน พุก็อยากมีที่ที่จะไป... พี่เล่ย์ก็จะได้รู้ไงว่าพุอยู่ไหน ไม่ต้องเป็นห่วงหรือออกตามหา”
หน้าบึ้งๆ ค่อยคลายลง แล้วมันก็ถอนหายใจ ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด “ก็ได้... แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้ทะเลาะกัน พุต้องไปอยู่กับพี่”
“เอ้า” ผมยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ ไหงมันกลายเป็นงี้ไปได้ล่ะ“แล้วไมพี่เล่ย์ไม่มาอยู่กับพุล่ะ”
อีกฝ่ายส่ายหน้า “ไม่เอา ผนังบาง”
“แล้วมันเกี่ยวกันยังไง” ผมงง
พี่เล่ย์ทำตาเจ้าเล่ห์ แล้วก้มลงมากระซิบที่ข้างหูผม “ก็พุเสียงดัง”
“พี่เล่ย์!”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
สรุปแล้วพวกเราก็ไปๆ มาๆ ครับ บางทีผมก็ไปนอนที่คอนโด บางทีพี่เล่ย์ก็มานอนที่หอผม... จนกระทั่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้วที่ไอ้เดียวมันมาชวนไปเช่าบ้านอยู่ด้วยกัน เป็นทาวน์โฮมสามชั้น สี่ห้องนอนสี่ห้องน้ำ
ชั้นสามมีห้องนอนสองห้อง ทั้งสองห้องมีห้องน้ำในตัว แต่ขนาดของห้องไม่เท่ากัน คาดว่าห้องเล็กน่าจะทำไว้สำหรับเด็ก เพราะแคบพอๆ กับหอผมเลย และห้องใหญ่คงจะเป็นห้องของเจ้าของบ้านเพราะกว้างกว่าห้องเล็กประมาณสองเท่า ส่วนชั้นสองก็มีสองห้องนอนเช่นกันแต่ห้องน้ำมีห้องเดียวอยู่ด้านนอก
สำหรับชั้นหนึ่งก็จะมีโซนที่เป็นห้องรับแขก และโซนที่เป็นครัวฝรั่งอยู่ติดกับห้องน้ำตรงทางขึ้นบันได... หลังบ้านเทปูนเป็นที่ซักล้าง และเนื่องจากบ้านหลังนี้อยู่ริมสุดจึงมีเนื้อที่ข้างบ้านอีกประมาณสองเมตรซึ่งได้ปรับหน้าดินเรียบร้อยแล้ว บริเวณหน้าบ้านก็กว้างพอสมควร น่าจะจอดรถได้สองคัน... มองไปที่บ้านหลังข้างๆ เห็นเขาปูกระเบื้องมุงหลังคาทำที่จอดรถ แต่หลังนี้ไม่มีอะไรเลย เหมือนซื้อมายังไงก็อยู่ยังงั้น เฟอร์นิเจอร์ในบ้านก็มีเพียงแอร์ห้าตัว โซฟาและชั้นวางทีวี กับครัวฝรั่ง แต่ไม่มีเตา ดีนะที่มีเครื่องดูดควัน ซึ่งไอ้เดียวก็บอกว่า คนที่เป็นเจ้าของบ้านคือเพื่อนของน้ามันเอง ซื้อแล้วไม่ได้อยู่เพราะไกลที่ทำงานใหม่ เลยบอกให้เช่า...
หลังจากตกลงใจที่จะย้ายเข้ามาอยู่แล้ว พวกเราก็แบ่งห้องกัน ชั้นบนห้องใหญ่เป็นของผมครับ พี่เล่ย์ไปหักคอคนอื่นมาห้องเล็กไอ้เอ้อยู่ ชั้นสองไอ้ซอลกับไอ้เดียวอยู่ ส่วนค่าห้องก็จ่ายตามขนาดและความสะดวกสบายของห้อง ค่าเช่าบ้านหนึ่งหมื่น เพราะเจ้าของบ้านบอกว่าเห็นเป็นหลานเพื่อนเลยคิดถูกๆ ห้องผมสี่พัน ส่วนห้องอื่นห้องละสองพัน ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำค่าไฟ ค่าส่วนกลาง หรือแม้แต่ค่าแก๊ส ค่าน้ำมัน น้ำปลา ฯลฯ หารเท่า...
สำหรับหน้าที่ก็แบ่งกันตามความถนัด... ไอ้ซอลทำอาหาร มันเก็บพวกผมคนละสองพัน อยากกินไรให้บอก ไอ้เดียวล้างห้องน้ำสองห้อง ชั้นสองกับชั้นหนึ่ง ไอ้เอ้กับผมทำความสะอาดบ้าน เฉพาะที่เป็นบริเวณส่วนกลาง ส่วนห้องก็ห้องใครห้องมัน
และแล้วก็ถึงเวลาซื้อของเข้าบ้าน... จะบอกว่า พี่เล่ย์ตื่นเต้นกว่าผมอีกครับ ซื้อดะจริงๆ ตั้งแต่เตียงนอน โซฟา ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางหนังสือ โต๊ะวางคอมพ์ ทีวี เครื่องเสียง ยันตู้เย็น แล้วก็ให้ช่างมาทำบิวท์อินด้วยครับ ขนาดแย้งแล้วนะว่าเป็นแค่บ้านเช่าก็ไม่ฟัง... สรุปใครอยู่วะเนี่ย
“ใหญ่ไปป่าว” ผมถามพี่เล่ย์ที่กำลังดูช่างประกอบเตียง... คนตัวโตๆ สามคนนอนได้สบาย
“ก็เท่าที่ห้อง” มันหมายถึงที่คอนโดครับ
'นอนคนเดียว ไม่ต้องใหญ่ขนาดนี้ก็ได้มั้ง' ผมอยากจะบอก แต่พูดตอนนี้ก็สายไปแล้วครับ ก็พี่ท่านซื้อไปแล้วนี่... แต่ดูจากเสื้อผ้าและข้าวของๆ คนซื้อที่อยู่ในตู้ตอนนี้ ผมคิดถูกแล้วครับที่ไม่ได้แย้ง เพราะผมคงไม่ได้นอนคนเดียวแน่ๆ
เมื่อทำห้องเสร็จและพร้อมเข้าอยู่แล้ว วันนี้ผมจึงได้ฤกษ์เอากุญแจไปคืนเจ้าของหอและขนสมบัติส่วนตัวอันน้อยนิดมาอยู่บ้านใหม่... ที่จัดเรียงตอนนี้ก็เป็นพวกหนังสือเรียนและนิยายกำลังภายในกับการ์ตูนสิบกว่าเล่ม
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” ไม่ใช่เสียงเคาะประตูครับ เสียงไอ้ซอลที่ชะโงกหน้าเข้ามาเพราะกี้นี้ตอนพี่เล่ย์เข้ามายังไม่ได้ปิดประตู “จะทำมาม่าผัด เอาด้วยมั้ย”
แค่ได้ยินก็น้ำลายสอแล้ว “เอาดิ หิวอยู่พอดีเลย”
“พี่เล่ย์ล่ะ เอาป๊ะ”
“เอา” ผมตอบแทน เพราะเจ้าของชื่อยังอยู่ในห้องน้ำ ไอ้ซอลก็พยักหน้าก่อนจะเก็บหน้ากลับไป แล้วเสียงเดินลงบันไดก็ดังตามมา...
ไอ้ซอลคล้อยหลังไปได้แป๊บเดียว สุดที่รักของผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี “กี้นี้ซอลมันมาถามว่าจะกินมาม่าผัดมั้ย พุบอกว่ากินนะ ให้ทำเผื่อพี่เล่ย์ด้วย”
“อืม...” พี่เล่ย์พยักหน้าแล้วเดินมาจุ๊บหัวเหม็นๆ ของผมทีนึงก่อนจะเดินเลยไปปิดประตู แล้วก็หน้าต่าง ก่อนจะเปิดแอร์แต่ก็ยังไม่ปิดพัดลม “ไม่ร้อนหรือไง ทำไมไม่เปิดแอร์”
ผมส่ายหน้าเพราะไม่ใช่พวกขี้ร้อนเหมือนอีกฝ่าย เล่นเปิดทั้งแอร์ทั้งพัดลมขนาดนั้น
“ไปอาบน้ำป๊ะ เดี๋ยวที่เหลือพี่ทำเอง” พี่เล่ย์แย่งหนังสือจากมือผมไปจัดเองหลังจากที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว... พี่แกเป็นคนที่ติดยีนส์มากครับ นอกจากเวลานอนแล้ว ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือออกไปข้างนอกผมก็เห็นใส่แต่ยีนส์ ขนาดวันสงกรานต์ก็ยังใส่ยีนส์ไปเล่นน้ำ
เดินออกมาจากห้องน้ำ กล่องที่วางอยู่กลางห้องหายไปและจานมาม่าผัดก็วางอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว... เพิ่งรู้ว่าหิวจัดก็ตอนที่คีบมาม่าใส่ปากนี่แหละ มือสั่นเลย
“หิวมาก?” พี่เล่ย์หยุดกิน คงเห็นมือผมสั่น
ผมก็พยักหน้าเฉยๆ เพราะมาม่ายังเต็มปากอยู่เลย...
“อิ่มมั้ย แบ่งของพี่ไปอีกสิ” ผมรีบยกมือกันไว้เมื่อเห็นมันทำท่าจะตักแบ่งให้ “พอแล้ว แค่นี้ก็จะกินไม่หมดแล้ว” จานละสองซองเลยมั้ง พูนขนาดนี้ ไหนจะหมูจะผักอีก แล้วพอกินๆ ไปก็ชักจะไม่ไหวแล้วจริงๆ “พี่เล่ย์อิ่มมั้ย แบ่งของพุไปก็ได้นะ”
พี่เล่ย์หัวเราะหึๆ “กินไม่หมดล่ะสิ”
“อือ...เยอะมาก”
“กินไม่หมดก็ทิ้งไป อย่าฝืน เดี๋ยวปวดท้อง”
หลังจากกินมาม่าผัดกันจนอิ่มแปร้ พี่เล่ย์เก็บจานลงไปข้างล่าง... สมกับเป็นกุลบุรุษจริงๆ คึคึ ส่วนผมก็ย้ายถิ่นฐานขึ้นไปนอนบนเตียง แล้วเปิดทีวีดู สักพักอีกฝ่ายก็กลับขึ้นมา
“นี่จะดูหนัง หรือให้หนังดู” พี่แกว่าแล้วดึงรีโมทจากมือผมไปกดปิดทีวี ก่อนจะเดินไปดึงปิดม่าน แล้วกลับมาขึ้นเตียง
ผมพลิกตัวเข้าไปซุกกับอกกว้าง ขยับไปขยับมาจนได้ท่าที่สบายที่สุดแล้วหลับตา...
“ปลูกคะน้าด้วยนะ”
นั่งยองๆ มองชาวสวนจำเป็นที่กำลังโรยเมล็ดผักลงบนแปลงที่ทำเป็นล็อคๆ ไว้ เห็นแล้วนึกถึงตอนเรียนประถม ที่เวลาหน้าหนาวอาจารย์ก็จะเกณฑ์นักเรียนไปออกกำลังกายโดยการปลูกผัก ซึ่งมักจะเป็นผักคะน้าซะส่วนใหญ่
“นี่แหละ ผักคะน้า” พี่เล่ย์ยกถุงเมล็ดผักคะน้าให้ดู ก่อนจะชี้ไปที่แปลงว่างๆ แปลงหนึ่ง “เดี๋ยวค่อยเอาต้นกล้าย้ายไปใส่แปลงนั้น”
“แล้วนานป๊ะกว่าจะย้ายได้” ลืมไปหมดแล้ว ไม่ได้ปลูกมานาน
“ประมาณสามอาทิตย์”
“อืม...” พยักหน้าเข้าใจแล้วผมก็ลุกขึ้นเดินไปดูแปลงอื่นๆ ที่อีกฝ่ายปักข่ากับตะไคร้ไว้ ก่อนจะมาเจอแปลงที่มีต้นกล้าสีเขียวต้นเล็กจนเกือบมองไม่เห็นโผล่ขึ้นมา “แล้วแปลงนี้ผักไรครับ”
พี่เล่ย์เหลือบมามองแว๊บนึง ก่อนจะตอบ “ผักบุ้งจีนครึ่งนึง อีกครึ่งเป็นหอมกับผักชี”
“ร้อนงี้จะปลูกได้เหรอ” มันเป็นผักเมืองหนาวหรือเปล่า จำไม่ได้
“ได้”
อย่าได้นึกไปนะครับว่าแปลงมันจะใหญ่โตอะไรมากมาย พื้นที่ว่างวัดจากตัวบ้านไปชนกำแพงของโครงการก็ประมาณแค่เมตรเจ็ดสิบเองแต่ที่มันมีหลายแปลงเพราะทำเป็นแปลงเล็กๆ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสามแปลง รูปสี่เหลี่ยมจตุรัสแปลงนึง... แปลงที่เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสเอาไว้เพาะต้นกล้า ส่วนแปลงที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าเอาไว้ย้ายต้นกล้าไปใส่
นอกจากผักพวกนี้ก็ยังมีพริก กะเพรา โหระพา มะเขือเปราะ มะเขือพวงที่ปลูกไว้ในกระถางหน้าบ้านอีกสามสี่กระถาง เป็นกระถางยาวๆ ที่เขาเอาไว้ปลูกดอกไม้อะครับ แต่พี่เล่ย์เอามาปลูกผัก
ยืนชื่นชมสวนครัวฝีมือแฟนตัวเองอยู่สักครู่ ใครบางคนก็ร้องทักออกมา “น้อง เพิ่งมาอยู่เหรอ ไม่เคยเห็นหน้า”
เงยหน้าขึ้นมอง เป็นผู้ชายที่กำลังล้างรถอยู่บ้านข้างๆ ผมก็ยิ้มให้ “ครับ มาอยู่ยังไม่ถึงเดือนเลย”
“พี่ชื่อน้ำ น้องล่ะ” พี่เขาหยุดล้างรถ แล้วเดินมายืนคุยตรงรั้วที่กั้นระหว่างบ้านที่ผมอยู่กับบ้านเขา
“พุครับ”
“น้องอยู่กับใคร วันก่อนพี่เห็นมีผู้ชายอยู่สองสามคน”
“อยู่กับเพื่อนครับ ช่วยกันแชร์ค่าบ้าน”
“อ้าว ไม่ใช่บ้านตัวเองเหรอ เห็นปลูกอะไรเต็มไปหมด” พี่น้ำว่า พร้อมกวาดตัวมองไปรอบตัวบ้าน
“ปลูกไว้กินครับ จะได้ไม่ต้องไปซื้อ” พูดเหมือนเป็นความคิดตัวเองเลย
“เออ ดีๆ ถ้าโตแล้วเอามาแบ่งพี่มั่งนะ” อีกฝ่ายว่าขำๆ ผมก็พยักหน้า “ครับ ต้นละห้าบาท”
“เอิ่ม... พี่ว่าหน้าน้องมันแดงๆ นะ สงสัยเลือดจะสูบฉีดดี” พี่น้ำว่าแล้วแกล้งทำหน้าลำบากใจจนผมอดขำไม่ได้ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
จังหวะเดียวกันนั้นพี่เล่ย์ก็เดินมาล้างมือที่ก๊อกหน้าบ้านพอดี “ขำอะไร”
“อ้าว พี่เล่ย์ นี่พี่น้ำครับ อยู่บ้านข้างๆ เรา... พี่น้ำ นี่พี่เล่ย์ครับ”
พี่เล่ย์ยิ้มให้กับคนข้างบ้าน ก่อนจะบอกผม “ไอ้ซอลมันทำกับข้าวเสร็จแล้ว จะกินเลยมั้ย”
ผมพยักหน้าก่อนจะหันไปลาพี่น้ำ “พี่น้ำ เอาไว้ค่อยคุยกันใหม่นะครับ ขอไปกินข้าวก่อน หิว”
“โอเค” พี่น้ำว่า แล้วหันกลับไปล้างรถใหม่
วันหยุดสุดสัปดาห์ ถ้าเป็นคนอื่นๆ ก็อาจจะไปเดินเล่นที่ห้างตากแอร์เย็นๆ หรือไม่ก็ไปเที่ยวต่างจังหวัดเพื่อชื่นชมกับธรรมชาติ
แต่สำหรับผม... ชอบอยู่บ้านครับ
ดูหนังแผ่น...
อ่านหนังสือ...
หรือไม่ก็จัดปาร์ตี้เล็กๆ หาโน่นหานี่มาทำกิน
ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบสังสรรค์นะ
ชอบครับ... แต่ไม่ชอบแสงสีเสียง
เวลากินเหล้าผมก็ชอบกินในร้านที่ไม่ต้องตะโกนคุยกัน ไม่ชอบไปเบียดกับใคร ไม่ชอบแสงเลเซอร์ที่สาดส่องไปมาจนเวียนหัวไปหมด
ส่วนพี่เล่ย์.... ตอนนี้กำลังเมามันกับการตกแต่งบ้านครับ วันก่อนพี่แกเพิ่งจะทำพื้นหลังบ้านไป เป็นพื้นไม้ระแนง หลังจากทำเสร็จก็ไปซื้อน้ำตกจำลองชุดเล็กๆ มาชุดนึง และโต๊ะเก้าอี้อีกชุด...
เพื่ออะไรรู้มั้ยครับ... เพื่อไว้สำหรับกินเหล้าตอนเย็นๆ ครับ
…ดีจริงๆ แฟนกู
แล้วตอนนี้พี่ท่านก็อยู่โน่นครับ หลังบ้าน กำลังฉลองที่กินเหล้าใหม่ รวมทั้งคนอื่นๆ ด้วย ยกเว้นผม... เรื่องไรจะออกไปตากแดดให้ตัวดำ นอนตากแอร์ดูทีวีอยู่ในบ้านดีกว่า
พูดเล่นครับ... ไม่ร้อนเท่าไหร่หรอก ช่วงบ่ายแดดมันจะไปตกที่หน้าบ้าน ข้างหลังก็ร่มสบาย แต่ผมกำลังดูหนังอยู่ มันส์มากๆ เดี๋ยวดูจบค่อยออกไป
สงสัยใช่มั้ยครับ ว่าทำขนาดนี้แล้วจะได้อะไร ในเมื่อบ้านก็ไม่ใช่บ้านของตัวเอง... ตอบ ไม่ได้อะไรเลยครับ แต่วันก่อนน้าเจ้าของบ้านเขามาเยี่ยม พอเห็นว่าบ้านถูกดัดแปลงอะไรไปบ้าง น้าเขาก็บอกจะไม่เก็บค่าเช่าสามเดือนเพราะที่พี่เล่ย์ทำไปมันก็เกินค่าเช่าแล้ว... โชคดีไป
“ติ๊งต่อง”
กำลังดูหนังเพลินๆ เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น ชะเง้อคอมองก็เห็นพี่ข้างบ้านยืนอยู่ตรงประตูรั้ว ผมเลยเดินออกไปหา
“ของฝาก” พี่น้ำว่าแล้วยื่นถุงใส่ขนมและข้าวหลามให้ ผมก็ยกมือไหว้ขอบคุณแล้วรับมา ก่อนจะถาม “ไปไหนมาครับ”
“ไปเพชรมา”
“ไปเที่ยวเหรอครับ”
“เปล่า บ้านพี่อยู่นั่น”
“อ๋อ”
“ทำไรอยู่”
“ดูหนังครับ” ผมตอบ แล้วก็นึกขึ้นได้เลยชวน “คนอื่นกินเหล้าอยู่หลังบ้าน พี่น้ำกินด้วยกันมั้ยครับ”
พี่น้ำส่ายหน้า “เกรงใจ”
“ฮื้อ จะเกรงใจทำไมครับ คนกันเอง นะครับ กินด้วยกัน” ผมคะยั้นคะยอ เพราะอีกฝ่ายก็เป็นคนที่มีอัธยาศัยดี น่าจะเข้ากับคนอื่นๆ ได้ และอีกอย่าง ผมเห็นพี่เขาอยู่บ้านคนเดียว ไม่ค่อยมีใครมาหา ท่าทางจะเหงา...
พี่น้ำทำท่าคิด ก่อนจะถาม “แล้วพุกินด้วยมั้ย”
ผมพยักหน้า “กินครับ แต่รอดูหนังจบก่อน เกือบละ”
“โอเค... แต่เดี๋ยวพี่ขอไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อยมาใหม่”
“ครับ... มาให้ได้นะครับ ห้ามเบี้ยว” ผมกำชับยิ้มๆ
หลังจากพี่น้ำเดินกลับเข้าบ้านไปแล้ว ผมก็ยกขนมไปเก็บไว้ในครัว ก่อนจะเปิดประตูหลังบ้านแล้วชะโงกหน้าออกไปถามชาวคณะ “พี่น้ำซื้อขนมมาฝาก มีใครอยากกินป๊ะ”
“ขนมไร” ไอ้เอ้ถาม นอกจากส้มตำแล้วมันก็เป็นคนที่ชอบกินขนมหวานมาก
ผมแกะถุงที่ถูกเย็บไว้ออกดูแล้วตอบ “หม้อแกง กับข้าวหลาม เอาป๊ะ”
“เอาข้าวหลาม”
ผมถือข้าวหลามสองกระบอกออกไปให้พวกมัน แล้วบอก “ชวนพี่น้ำมากินด้วยนะ เดี๋ยวมา”
ทุกคนก็พยักหน้ารับรู้ ไม่มีใครว่าอะไร...
“พี่น้ำ โชนๆ”
ไอ้เดียวครับ หลังจากพี่น้ำมากินเหล้ากับพวกเราได้สักชั่วโมง ความสนิทสนมก็เริ่มจะเพิ่มขึ้น... ถึงแม้จะมีอายุมากกว่าพวกเราหลายปี แต่พี่เขากลับเข้ากับพวกเราได้อย่างน่าแปลก
และสิ่งที่แปลกอีกอย่างหนึ่งก็คือ... ไอ้ซอล
ถึงมันจะไม่ได้เป็นคนที่พูดเยอะที่สุดในกลุ่ม แต่มันก็ไม่ใช่คนเงียบหรือขี้อายเลย... แต่วันนี้กลับเงียบผิดปกติ หรือจริงๆ ต้องบอกว่าเงียบผิดปกติตั้งแต่พี่น้ำมา...
และผมสังเกตได้ว่ามันพยายามหนีพี่น้ำ
พี่น้ำนั่งโต๊ะมันก็จะเดินไปย่างสเต็คมันได้สูตรทำสเต็คมาครับ เลยเอามาลองทำ ลาภปากพวกผม… แต่พอพี่น้ำเดินไปที่เตา มันก็จะเดินกลับมาที่โต๊ะ พอพี่น้ำพูดกับมัน มันก็ทำเป็นไม่ได้ยินหรือตอนที่พี่น้ำมองมัน มันก็จะหันไปทางอื่น
อยากรู้ว่าผมสังเกตเห็นคนเดียวหรือเปล่า เลยกระซิบถามคนนั่งข้างๆ “พี่เล่ย์ ว่าไอ้ซอลมันแปลกๆ ปะ” แล้วแทนที่คนถูกถามจะตอบดีๆ กลับยกมือตีหัวผมแปะนึง ก่อนจะดุ “ยุ่ง”
ผมทำหน้ามุ่ย “ยุ่งไรเล่า แค่ถามเฉยๆ”
“นั่นแหละที่เรียกว่ายุ่ง เรื่องส่วนตัวเขา”
“พูดงี้ก็หมายความว่าสนใจเหมือนกันอะดิ” ผมว่าอย่างรู้ทัน แต่อีกฝ่ายก็ไม่ตอบ อมยิ้มแล้วยักคิ้วกวนๆ ก่อนจะมีเสียงกระแอมดังๆ ขัดจังหวะการสนทนาขึ้น “อะแฮ่ม! อะแฮ่ม!”
พวกเราหันไปมอง ก่อนพี่เล่ย์จะถามด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่ความหมายคนละทาง “ส้นตีนติดคอเหรอครับ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะจากคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ไอ้เดียว
คนถูกถามยกนิ้วกลางให้พี่เล่ย์ แล้วบอก “จะหวานก็ไปช่วยหวานกันในห้องนะครับ สงสารหัวใจดวงน้อยๆ ที่ยังไม่มีคู่บ้าง”
“อิจฉา?” ผมว่าแล้วยักคิ้วให้มันกวนๆ
“เออ กูอิจฉา มีไรมั้ย” มันตอบสะบัดๆ ออกอาการจนเว่อร์ คนอื่นก็หัวเราะขำกับท่าทางของมัน... ยกเว้นไอ้ซอลที่ยิ้มเฉยๆ เหมือนคนที่มีอะไรอยู่ในใจ
นั่งกินกันเกือบห้าโมง เสียงมือถือของผมก็ดังขึ้น.... เบอร์เฮียแพทครับ
“ฮัลโหลครับ”
[อยู่ไหน]
“อยู่บ้าน... เฮียล่ะ”
[ก็อยู่บ้านมึงอะ]
“บ้านไหน” ผมงง
[หอมึงอะ]
“เอ้ย ผมย้ายแล้ว” ลืมบอกคนอื่นเลย มัวแต่ยุ่งอยู่
[ย้าย? ไปไหน]
“ย้ายมาเช่าบ้านอยู่กับเพื่อน แถวใกล้ๆ มอแหละ”
[เพื่อน? ใคร?]
“ก็พวกที่เฮียเจอที่พิษณุโลกอะ”
เฮียแพทเงียบไปแป๊บนึง ก่อนจะถาม [อยู่ตรงไหน เดี๋ยวกูไปหา]
“หมู่บ้าน B อะ รู้จักปะ อยู่ฝั่งเดียวกับมหาวิทยาลัย”
[รู้จัก] เฮียแพทว่า ก่อนจะวางสายไป โดยไม่กล่าวลา
“เฮียแพทจะมาหา” ผมบอกคนข้างๆ ที่เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม ซึ่งพี่ท่านก็พยักหน้ารับรู้แล้วยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มไม่พูดอะไร...
เรานั่งกินกันไปอีกสักพักใหญ่ๆ เสียงเพลงจากมือถือของผมก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ครับ?”
[บ้านเลขที่เท่าไหร่ ยามถาม] ที่นี่ระบบรักษาความปลอดภัยเขาดีครับ อย่าว่าแต่คนนอกเลยครับ รถของคนในเอง ถ้าไม่มีสติกเกอร์ยังต้องแลกบัตรเลย
“211 ซอย 9 หลังสุดท้าย ขวามือ”
แล้วเฮียแกก็ตัดสายไปโดยไม่ลาเหมือนเดิม สักครู่ยามของหมู่บ้านก็ปั่นจักรยานมาจอดที่หน้าบ้าน เป็นการมาส่งและเช็คความปลอดภัยไปในตัว... เมื่อผมเดินออกไป แกก็ยกมือตะเบ๊ะแล้วบอกเชิงถาม “มีคนมาหาครับเจ้านาย” ยามแกเรียกทุกคนว่าเจ้านายครับ อย่าแปลกใจ...
“ครับ พี่ผมเอง”
ยามพยักหน้า เมื่อมั่นใจว่าเฮียแพทนัดกับผมไว้จริงๆ ก็ยกมือตะเบ๊ะอีกครั้งแล้วปั่นจักรยานออกไป
“จอดไว้ข้างหน้านี่แหละเฮีย ไม่หาย” ข้างในไม่ว่างครับ ทั้งกระบะทั้งมอ'ไซค์เต็มไปหมด แทบจะไม่มีที่เดินแล้ว
“ยามแม่งโคตรแข็งขัน... ตรวจกูซะ นึกว่าเข้าวัง” เฮียแพทว่าเมื่อเดินเข้ามาในบ้าน
“ดีแล้ว ปลอดภัยไว้ก่อน” ผมว่า แล้วมองของที่อยู่ในมือเฮียแพท “ไรอะ เอามาฝากใช่มั้ย”
เฮียแพทพยักหน้า ก่อนจะยื่นถุงที่ถืออยู่ให้ แล้วถาม “ใครอยู่บ้าง”
“ทุกคน... ครบองค์ประชุม”
ผมพาเฮียแพทเดินไปหลังบ้าน ตรงที่คนอื่นๆ นั่งอยู่... พอเปิดประตูออกไป ทุกคนก็หันมามองเป็นตาเดียว ก่อนที่ไอ้เดียวจะร้องทัก “อ้าวเฮีย... มาเลยๆ นั่งด้วยกัน” แล้วตัวเองก็ย้ายไปนั่งฝั่งเดียวกับพี่เล่ย์ ส่วนผมก็เอาขวดเหล้าไปวางตรงกลางโต๊ะ “เฮียแพทเอามาฝาก” แล้วเดินไปหาไอ้ซอลที่กำลังย่างตีนไก่อยู่… หมูหมดครับ มันเลยเอาตีนไก่มาย่างแทน กินกันกับพินาศอะ
“สุกยัง”
“จะสุกแล้ว ไปเอาจานมาดิ๊” มาถึงก็ใช้เลย
ได้ตีนไก่ย่างหอมๆ แล้วผมก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ ก่อนจะนึกอะไรได้ “อ้าว ลืมแนะนำพี่น้ำกับเฮียเลย”
“เขาแนะนำกันเรียบร้อยแล้ว รอมึงพอดีเฮียกลับไปก็ยังไม่ได้รู้จักกัน” ไอ้เดียวมันว่าอย่างดูถูก เพราะผมเป็นงี้เรื่อย ชอบลืมโน่นลืมนี่บ่อยๆ “หาซื้อแบรนด์ให้มันกินหน่อยนะ รู้สึกว่ามันจะหลวมๆ นะ” ประโยคนี้มันพูดกับพี่เล่ย์ครับ
“ไรวะ แป๊บเดียวเอง หลวมแล้วเหรอ” พอไอ้เอ้พูดจบ หนังยางที่อยู่ในมือพี่เล่ย์ก็ลอยไปปะทะหน้ามันปั๊บ... ไอ้เดียวที่กำลังหัวเราะชะงักกึก ส่วนไอ้คนโดนดีดยกมือขึ้นกุมแก้มแล้วซี๊ดปาก “เชี่ย เจ็บนะโว้ย ดีดมาได้”
“เดี๋ยวมึงจะได้กินตีนกูด้วย” พี่เล่ย์ว่าเสียงนิ่ง แต่ตาโคตรจะดุ ผมก็มองงงๆ ว่าโกรธอะไรแต่ตาแบบนี้ผมเคยเห็นครั้งหนึ่ง ก็ตอนหลังมือคนที่ด่าผมในห้องน้ำวันที่ไปเที่ยวน้ำตกไงครับ เลยไม่อยากจะเซ้าซี้ กลับไปหาไอ้ซอลดีกว่า… กลัว
“เฮ้ย ไรวะ แค่ล้อเล่นเอง” เสียงอ่อยๆ ของไอ้เอ้ดังตามหลังมา แล้วพี่เล่ย์ตอบอะไรไม่รู้งึมงำๆ ฟังไม่ได้ศัพท์เพราะอยู่ไกล แต่ได้ยินเสียงไอ้เอ้อีกครั้ง “เออ กูขอโทษละกัน ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
ว่าจะไม่ใส่ใจแล้วนะ แต่มันสงสัยอะ ก็เลยพยายามคิดว่าเพราะอะไรพี่เล่ย์ถึงโกรธ...
แต่กว่าจะเก็ท ไอ้ซอลก็ย่างไก่เสร็จไปสองชุดแล้ว... ผมเดินไปหาไอ้เอ้แล้วโบกไปที ไอ้คนโดนโบกก็กำลังยกแก้ว เหล้ากระแทกเข้าปากเข้าจมูก สำลักกระอักกระไอจนตาแดง “เฮ้ย ไรเนี่ย”
“แล้วกี้นี้พูดไร” ผมว่าอย่างหมั่นไส้ ไอ้เอ้ก็งงๆ เพราะมันพูดตั้งนานแล้ว “พูดไรวะ”
“ก็ที่โดนพี่เล่ย์ดีดแก้มอะ”
ไอ้เอ้ทำหน้าว่านึกได้ก่อนจะถอนหายใจเอือมๆ “โอ๊ยยยย เขาไปดาวอังคารกลับมาสองรอบแล้ว เพิ่งจะเข้าใจเหรอ” ส่วนคนอื่นก็หัวเราะขำ ขนาดพี่เล่ย์ยังอมยิ้มดึงผมไปนั่งข้างๆ แล้วว่า“ไม่พูดดีกว่ามั้ย จะได้ไม่มีใครรู้”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” คราวนี้ทุกคนหัวเราะลั่นเลย ขนาดไอ้ซอลที่ย่างไก่อยู่ผมยังได้ยินเสียงมันเลย... หมั่นไส้คนจุดชนวนเลยทุบขาไปที แต่ไม่สะดุ้งหรอกครับ อย่างหนา
เบื่อพวกมัน... ไปรดน้ำผักดีกว่า เย็นแล้วด้วย
“ทำไร” เสียงคุ้นๆ ถามผมที่กำลังเด็ดใบกะเพราขึ้นมาดม... โรคจิตครับ ชอบดมใบกะเพรา
หันไปมองคนถามแล้วผมก็บอกอย่างภูมิใจ… ตรงไหนวะ “รดน้ำผัก”
“ผักอะไร นั่นมันสมุนไพร”
“เหมือนกันแหละ” ผมเถียงไปข้างๆ คูๆ ตามความชำนาญ แล้วถามกลับ “เฮียมีไรเปล่า”
เฮียแพทยักไหล่ “เปล่า” แล้วกวาดตามองไปทั่วสวนที่ผมขอโมเมว่าเป็นของตัวเอง ของแฟนก็เหมือนนของเรา คึคึ“ใครปลูก”
“พี่เล่ย์”
เฮียแพทพยักหน้า “กูก็ว่างั้นแหละ คงไม่ใช่มึง... ขนาดตะบองเพชรที่ไม่ต้องดูแลอะไรมาก อยู่กับมึงยังเหี่ยว ผักงามขนาดนี้คงไม่ใช่มึง”
“หูยยย ดูถูกกก”
“แล้วผิดมั้ย”
“ไม่”
เฮียแพทหัวเราะหึๆ แล้วก็เงียบไป มองดูผมรดน้ำตรงนั้นตรงนี้ สักครู่ก็ถามขึ้นมาใหม่ “ใครชวนมาอยู่นี่”
“ไอ้เดียว” ผมตอบ พร้อมกับแหวกใบของต้นมะเขือเปราะดูลูกมัน หลายลูกเลยครับ ตอนที่ซื้อมายังไม่มีสักลูก... ต้องเป็นเพราะผมหมั่นรดน้ำให้มันแน่ๆ
แต่พี่เล่ย์บอก... อย่ารดเยอะ เดี๋ยวมันจะตาย ฮ่วย
“มีกี่ห้อง”
“สี่” ถามมาผมก็ตอบไป แต่ไม่ค่อยได้ฟังเท่าไหร่หรอกครับ มัวแต่ชื่นชมพริก มะเขือที่มันออกลูกมาซะดกเลยตอนมันออกลูกใหม่ๆ ผมมายืนดูมันจนพี่เล่ย์ต้องลากเข้าบ้าน... บอกจ้องมากๆ เดี๋ยวมันเหี่ยว... บ้าป๊ะ ใครจะไปเชื่อ ถึงไม่ใช่เด็กเกษตรแต่ก็พอรู้บ้าง อะไรบ้าง… มีความสุข เหมือนได้อยู่บ้านที่ต่างจังหวัดเลย
“ใครอยู่บ้าง”
“ก็มีผม ไอ้เอ้ ไอ้เดียว ไอ้ซอล” ผมตอบ ก่อนจะร้องอย่างตื่นเต้น “เฮ้ย!”
เฮียแพทนิ่วหน้า แล้วเดินมาใกล้ๆ “อะไร”
“นี่ๆๆ เฮียดู” ผมชี้ไปที่ดอกมะเขือพวงดอกเล็กๆ แต่เฮียแกก็เหมือนจะไม่เก็ท “เห็นเปล่า ดอกมันออกแล้ว”
“เออ แล้วไง” เฮียแกไม่มีอารมณ์ร่วมเลยครับ
“ก็มันออกดอกแล้ว เดี๋ยวมันก็มีลูก”
เฮียแพทส่ายหน้า “ลำบากไปป๊ะ ไมไม่ซื้อเอาวะ ไม่กี่บาท”
“มันไม่เหมือนกัน”
“ไม่เหมือนยังไง ต้นนี้มันออกลูกมาเป็นทองรึไง”
ผมทำหน้ามุ่ย “ฮู้! เฮียนี่” ไม่มีอารมณ์สุนทรีย์เล้ย
เบื่อเฮียแพท... ผมหันไปรดน้ำต้นไม้ต่อ เฮียแพทก็เดินไปมองแปลงผักที่อยู่ข้างๆ บ้าน แล้วเรียกผม “พุ?”
และผมก็ยังคงเพลินอยู่กับต้นมะเขือพวงที่กำลังออกดอก “ครับ?”
“มึงคบกับพี่เล่ย์ใช่มั้ย”
“ครับ” ตอบไปแล้ว มือที่กำลังแหวกต้นมะเขือพวงก็ชะงัก... ผมหันไปมองเฮียแพท ที่กำลังจ้องมาเขม็ง แล้วกลั้นใจถาม “เฮีย... รังเกียจหรือเปล่า?”
ผมรู้... สักวันเฮียแพทต้องถาม
ถึงจะไม่เคยบอกตรงๆ แต่เฮียแกก็ต้องรู้ น่าจะรู้ตั้งแต่ตอนที่อยู่พิษณุโลกแล้ว... แต่ผมก็ไม่กล้าที่เอ่ยปากเอง
รอเวลาที่เฮียแกจะถาม...
“กูต้องกลับละ มีธุระ ฝากลาคนอื่นๆ ด้วย” เฮียแพทว่า แล้วผลุนผลันไปที่รถ ผมก็ได้แต่มองตามไปเฉยๆ ไม่ได้ห้ามหรือรั้งไว้
ผมหวังอะไร... ให้เฮียแพทยินดีที่มีน้องเป็นเกย์
เปล่าเลย... ผมแค่หวังว่าเฮียจะไม่รังเกียจถึงขั้นผลุนผลันกลับไปเพราะไม่อยากอยู่ใกล้ๆ เกย์อย่างผม ก็แค่นั้น
แค่นั้นจริงๆ
ผมไม่รู้ว่าตัวเองเสียใจหรือเปล่า...
ไม่มีน้ำตา... แต่ใจมันโหวงๆ
มือมันสั่น... จนต้องกำไว้แน่นๆ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ผมยืนมองที่ว่างที่เคยมีรถเฮียแพทจอดอยู่ จนกระทั่งมีมืออุ่นๆ วางลงบนไหล่ พร้อมเสียงบอก “เข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวยุงกัด”
หากเป็นเวลาปกติ ผมคงไม่กล้า... แต่ในตอนนี้ แม้จะเป็นหน้าบ้านที่ใครอาจมองมาเห็น ผมกลับหันไปหาเจ้าของมือแล้วสวมกอดไว้แน่น... แน่นจนความโหวงเหวงในใจมันค่อยๆ จางลงไป
คนที่ผมกอดไม่พูดอะไร แขนข้างหนึ่งกอดผมไว้หลวมๆ ส่วนมืออีกข้างก็ลูบหลังลูบไหล่ให้เบาๆ
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
ทำน้องพุเสียน้ำตาไปหน่อยนึงมันน่าจะโดนตบจริง ๆ สิ
-
โห เกือบเป็นเรื่องแล้วไหมล่ะ ทำน้องพุเสียน้ำตา ที่ไม่บอกเพราะเขินสินะ
-
เกือบไปแล้วอีพี่เลย์
-
นึกว่านอกใจ......ตกใจหมดเลยอ่ะ! 555
-
โหย เป็นเรากะคิดมากเหมือนพุอะ
-
555 เกือบโกรธเลย์ล่ะ
-
ว่าเเล้วต้องไม่มีอะไร :laugh:
พี่เล่ห์เค้าน่ารักจะตายยยยย :-[
-
เกือบได้หัวแตกแล้วมั๊ยล่ะพี่เล่ย์ หุหุ o18 o18
-
งื้อ ข้ามรายละเอียดที่น่านไปอ่า
อยากรู้ว่าคุณยายสงสัยไรรึเปล่าไรงี้555
ย้ายมาอยู่งี้เฮฮาเลย แต่พี่น้ำกับซอลนี่มีไรป่าวเนี่ย
รอขยายความนะคะ
พี่เล่ย์เนี่ยเกือบแย่แล้วมั้ย ดีนะที่พุยังไม่พูดไม่ถามอะไร
เรื่องเลยผ่านไปได้ด้วยดี
-
โห่ นั่งเกร็งต้องนาน นึกว่าพี่เลย์จะมีคนอื่นซะแล้ว เกือบเสียน้ำตาซะแล้วใหมหล่ะ :sad4:
ขอบคุณมากๆค่ะ :L1: :pig4: :L1:
-
ดีนะที่ได้เข้าใจกันก่อนที่พุจะคิดมากไปกว่านี้
ชอบเกียร์อ่ะ แอบแย่งเรทติ้งตลอดนะคะคุณณณณณณ
-
นั่นดิ แทนที่จะบอกดีๆ ดันมาทำให้ระแวงนะคนเรา
(ก็พี่เค้าเขิลลลลลลล)
-
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ขอเบิร์ดกระโหลกพี่เล่ย์สักที
ตอนแรกใจวูบละ แบบชิบหายจะดราม่าหรอ
ไม่นะะะะะะะะะะะะะะะะ :z3: :z3: :z3:
แค่เดินแบบเองพ่อคู๊นนนนนนนนน
อายไร ตัวเองออกจะหล่อ :impress2:
-
สนุกมากๆๆๆเลยยยยย
รอๆๆๆ ตอนต่อไปจ้า
-
ลืมเรื่องนี้ไปแล้ววว TT'
ผ่านมาเจอ แบบดีใจ ชอบเรื่องนี้มาก แต่เจือกจำชื่อเรื่องไม่ได้ -*-
นั่งอ่านใหม่หมด สนุกค่ะ ><
-
เสียน้ำตาฟรีเลยพุ พี่เล่ย์ไม่นอกใจอยู่แล้ว ออกจะรักออกจะหลงขนาดนี้ :o8:
แต่ไปเป็นนายแบบไม่เห็นต้องอายน้องเลยนี่พี่เล่ย์ แต่พุคงเห็นแผงอกพี่เล่ย์บ่อยแล้ว เลยชิน :jul3:
พุหึงแต่ไม่แสดงอาการเท่าไหร่ แล้วถ้าพี่เล่ย์หึงนี่จะเป็นยังไงบ้างนะ :z1:
-
เพิ่งอ่านวันนี้ ขอว่าบอกน่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
โห พุนอยด์ไปเลย ไอ้พี่เล่ย์บ้า
-
พี่เล่ย์ โคตรน่ารักอ่ะ
ฮืออออ
ชอบบบบบบบ
แล้วพี่น้ำกะ ซอลนี่ยังไงวะะ หึหึ
-
ถูกต้องครับ
ถ้ามีอะไรเดี้ยวเขาก็มาเล่าเอง
คว่มลับไม่มีในโลก
จะรู้ช้าหริอเร็วเท่านั้น
:laugh5: :laugh5: :haun1:
-
กว่าจะอ่านทัน 55 5 5
คิดภาพพี่เล่ย์หน้าเหวอคงฮาน่าดู :laugh: :laugh:
-
:oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:
-
สงสัยพี่น้ำข้างบ้าน จะเป็นแฟนเก่าเพื่อนพุ
-
:a5:
อย่างฮาาาาาาาา :laugh5:
-
ที่แท้พี่เล่ย์ก็อายพุน่ะเอง เล่นเอาหายใจไม่ทั่วท้อง
-
โหย เล่ย์เล่นเอาระแวงเลยอ่ะ
ที่แท้ก็มาเดินแบบนี่เอง
-
น่ารักอะเล่ย์
-
ดีนะที่พุไม่ระแวงจนทนไม่ไหวแล้วขอเลิกน่ะ
พี่เล่ย์เน่ียน้า
-
UNBELIEVABLE LOVE
Chapter Fifteen
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป หลังจากเฮียแพทผลุนผันออกจากบ้านไปวันนั้น...
“มึงทะเลาะกับเฮียแพท?”
ผมเงยหน้ามองคนที่ทรุดตัวนั่งลงฝั่งตรงข้าม ส่ายหน้าแล้วก้มมองหนังสือที่กางอยู่ในมือต่อ...
พี่พิทเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียงดัง “เฮียแพทก็เอาแต่กินเหล้า มึงก็เอาแต่นั่งเศร้าอย่างนี้เนี่ยนะ บอกไม่มีอะไร?”
“...........”
“มีอะไรก็บอกกันบ้างสิวะ ไม่พูดแล้วใครจะรู้”
“...........”
“กูเป็นพี่มึงนะ มีอะไรก็ระบายให้กูฟังบ้างก็ได้”
“...........”
“...........”
หลังจากนั่งเงียบกันอยู่สักพัก เสียงถอนหายใจของพี่พิทดังก็ขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่เสียงเสียดสีกันของผ้าจะดังตามมา แม้จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองก็รู้ได้ทันทีว่าพี่พิทกำลังลุกขึ้นยืน “โทษทีที่ยุ่งเรื่องของมึง...”
ผมเงยหน้าควับ แต่อีกฝ่ายหันหลังเดินไปโน่นแล้ว “พี่พิท...”
เจ้าของชื่อไม่ตอบและไม่ยอมหันกลับมา แต่ยังดีที่หยุดเดิน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าอีกฝ่ายยังโกรธไม่มาก...
“ผะ ผม...ผมเป็นเกย์” บอกไปแล้วก็กลั้นใจรอ... รอให้อีกฝ่ายเดินหนีผมไปอีกคน
แม้ในมหาวิทยาลัยจะมีเกย์ มีตุ๊ด มีกระเทยอยู่เกลื่อนกลาด แต่ผมก็ไม่มั่นใจว่าพี่พิทจะรับได้หรือเปล่าที่ผมเป็น 'เกย์'
ที่ผมกลัวพี่พิทโกรธ ไม่ใช่เรื่องเป็นเกย์อย่างเดียว แต่ผมกลัวพี่พิทจะคิดว่าผมหลอกแกมาตลอด... แต่ผมไม่เคยรู้มาก่อนจริงๆ นะ ว่าตัวเองเป็นเกย์
จริงๆ ต้องบอกว่า ไม่เคยคิดมากกว่า...
ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีแฟนเป็นผู้ชาย...
ไม่เคยคิดว่าจะมีผู้ชายมาชอบ... ทุกวันนี้ก็ยังสงสัยอยู่ว่าพี่เล่ย์ชอบผมตรงไหนวะ
และไม่เคยชอบผู้ชายมาก่อนด้วย...
อย่างกรณีพี่ ม.6 ที่ไอ้พันมันบอกว่ามาจีบผม ตอนที่รู้ว่าพี่เขาไม่ได้คิดกับผมแค่พี่น้อง ผมตกใจมาก ไม่กล้าคุย ไม่กล้าเข้าใกล้ และหลบหน้าอีกฝ่ายตลอด... ก็รู้นะว่ามันไม่ดี แต่ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ มันกลัว มันสั่นขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ แต่เมื่อสองเดือนก่อนที่เจอกัน พี่เขามากับแฟน ผมก็คุยกับเขาได้ปกตินะ พอคิดว่าเขาคงไม่ชอบผมแล้ว ก็สบายใจขึ้น คุยด้วยได้
...พี่ปลายไม่ต้องพูดถึง อันนี้กลัวจนเป็นลม
แต่ผมไม่ได้รังเกียจเกย์นะ เพราะตอนเรียนมัธยมเพื่อนผมหลายคนก็เป็นตุ๊ดตอนนั้นแยกไม่ออกครับ เหมารวมหมดและพวกมันก็ชอบมากอดมาซบผม แต่ผมก็เฉยๆ เพราะรู้ว่ามันทำเล่นๆ
แต่พอมีคนมาชอบจริงๆ กลับกลัว... กูปกติมั้ยเนี่ย
“แล้วไง?” พี่พิทหันกลับมาหน้าตางงงวย
“กะ ก็...ก็พี่พิทรังเกีย-” ผมพูดตะกุกตะกัก แต่ยังพูดไม่ทันจบอีกฝ่ายก็ยกมือห้ามเสียก่อน “กูจะรังเกียจมึงทำไม...รู้ตั้งนานแล้วเหอะ”
ผมทำหน้าเหวอ“ห๊ะ? ตั้งแต่เมื่อไหร่”
พี่พิททำหน้าเยาะๆ เดินกลับมาโบกผมทีนึง ก่อนจะนั่งลง “แหมมึง ประเจิดประเจ้อซะขนาดนั้น ไม่รู้ก็ควายแล้ว”
'ประเจิดประเจ้ออะไรวะ' ผมพยายามนึก ก่อนจะหน้าร้อนวาบอ๊ากลืมได้ไง “ที่พิษณุโลกอะเหรอ?”
พี่พิทกอดอกแล้วส่ายหน้าเซ็งๆ “ถึงไม่เห็นตอนไปพิษณุโลก แต่เด็กเกษตรมารับเด็กบริหารทุกวันๆ มึงคิดว่าจะไม่มีใครพูดถึงเลยเหรอ แถมยังเป็นผู้ชายกับผู้ชายอีก... น้องกูฮ็อทมาก เดี๋ยวกระบะ เดี๋ยวมอ'ไซค์ เดี๋ยวบีเอ็ม เผลอๆ มีสปอร์ตด้วย” รู้สึกตอนท้ายๆ จะออกแนวหมั่นไส้นะ
ผมยกมือขึ้นเกาท้ายทอยเขินๆ ลืมนึกเรื่องนี้ไปเลย มัวแต่เครียดเรื่องเฮียแพท “แล้ว...พี่พิทไม่รังเกียจจริงๆ นะ”
“เออ กูจะรังเกียจมึงหาพระแสงของ้าวอะไรล่ะ” พี่พิทยืนยันตามสไตล์แก ก่อนจะเหล่ตามองผมอย่างไม่ไว้ใจ “หรือมึงแอบชอบกูอยู่”
“อี๋....”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“แล้วยังไง ไอ้ที่มึงทำหน้าเหมือนหมาที่บ้านออกลูกตาย เพราะเรื่องนี้?” พี่พิทเลิกคิ้วถามหลังจากหยุดหัวเราะ
“บ้านผมมีหมาที่ไหนเล่า” ผมบ่นงึมงำ แต่ก็พยักหน้า
“ไม่ต้องเครียดๆ” พี่พิทตบหัวผมแปะๆ เหมือนจะปลอบนะ แต่หนักมือไปหน่อยมั้ย
ผลักมือพี่พิทออก ผมทำหน้ามุ่ย “เจ๊บ”
พี่พิทหัวเราะหึๆ สะใจเขาล่ะ ก่อนจะพูดเป็นงานเป็นการ “อย่าซีเรียส ชายแท้อย่างกูยังรับได้ เสือไบอย่างเฮียแพทจะรับไม่ได้ ก็ให้มันรู้ไป”
“ห๊ะ?” ผมทำตาโตรอบที่ร้อย “เฮียแพทเป็นไบ?”
พี่พิททำหน้าเซ็งใส่ผมอีกละ “นี่มึงรู้อะไรเกี่ยวกับชาวบ้านบ้างเนี่ย ห๊ะ? เฮียแพทเป็นลุงมึงนะเว้ย...อยากเอาหัวโขกหินซักสิบครั้ง มีน้องไง่” ว่าแล้วพี่แกก็ทำท่าเอาหัวโขกโต๊ะ แต่ไม่ถูกหรอกครับ แค่ผงกขึ้นผงกลง... กลัวเจ็บอะดิ โด่ นึกว่าจะแน่
ถ้าเฮียแพทเป็นไบ ก็คงไม่รังเกียจที่ผมเป็นเกย์สิ แล้วทำไมวันนั้นถึงโกรธผมล่ะ“แล้วทำไมเฮียแพทถึงโกรธผม?”
พี่พิทเลิกคิ้วขึ้น “มึงบอกเฮียแพทแล้ว?” พอผมพยักหน้า แกก็ถามต่อ “แล้วเฮียว่าไง?”
ผมส่ายหน้า “ไม่ได้ว่า แต่เดินออกไปเลย” ก่อนจะเอาคางวางไว้ที่โต๊ะ พึมพำเซ็งๆ “เฮียโกรธผมแน่เลย”
“เขาบอกเหรอว่าโกรธมึง”
เหล่ตามองคนถาม... ไม่โกรธหรอกเนอะ แบบนั้นอะ “เปล่า บอกมีธุระด่วน...ข้ออ้างชัวร์”
“มึงก็คิดมาก เฮียแกอาจมีธุระจริงๆ ก็ได้”
“เหรอ...” ผมลากเสียง บอกให้รู้ว่าไม่เชื่อ “แล้วไมอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ ผมยังไม่เห็นเฮียเลยอะ ไปหาก็ไม่เจอ ถ้าไม่โกรธ แล้วไมต้องหลบหน้า”
“เอ้า เฮียแกอยู่ปีสี่แล้ว ก็ต้องยุ่งเป็นธรรมดา วุ่นเรื่องเรียน แล้วยังจะต้องทำเรื่องฝึกงานอีก มันธรรมดาที่อาจคลาดกันได้”
“อืม...” ผมพึมพำอยู่ในลำคอ พยายามทำใจให้เชื่อทนายแก้ต่างของเฮียแพท แต่ก็ยากชะมัด...เฮ้อออ
พี่พิทนั่งคุยนั่งปลอบผมอยู่อีกสักครู่ ก็ลุกขึ้น แต่ก่อนจะเดินจากไปก็จับศีรษะผมโยกเล่นเบาๆ “มึงไม่ต้องคิดมาก เฮียเขาไม่โกรธมึงหรอก เชื่อกู”
“ทำไมพี่พิทถึงมั่นใจนัก?”
“เพราะกู....”
“......”
“......”
“พี่พิททำไม?”
“เป็น....เทพีหยั่งรู้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
...ไปซะแล้ว พี่กู
เย็นวันนั้น...
“ทำอะไรกัน?”
ผมหันไปยิ้มกว้างให้เจ้าของเสียงที่ออกไปทำธุระและเพิ่งกลับเข้ามา แต่เจ้าของสิ่งประดิษฐ์ชิงตอบเสียก่อน “เก้าอี้เด็ก”
“พี่เล่ย์ว่ามันเหมือนตัวไร?” ผมถามคนที่กำลังเดินตรงมาหา พยายามกลั้นขำเต็มที่
“หนู?”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ผมหัวเราะสะใจ ก่อนจะยักคิ้วให้ไอ้ซอลกวนๆ “เห็นมั้ย ใครๆ ก็เห็นเป็นหนู”
พี่เล่ย์เลิกคิ้วขึ้น มองหน้ามุ่ยๆ ของไอ้ซอลขำๆ “แล้วสรุปมึงทำตัวไร?”
“หมีเว้ย พวกมึงแม่ง ตาไม่ถึง”
คนมาใหม่หัวเราะหึๆ แล้วทรุดลงนั่งข้างๆ ผม “แล้วพุทำไร”
“ช่วยมันแปะกระดาษไง จะได้เสร็จเร็วๆ” งานไอ้ซอลมันครับ โดนตีกลับมาแก้รอบที่ร้อย บ่นอาจารย์ใหญ่
“ช่วยให้เสร็จหรือช่วยให้เละ”
ผมเหล่ตามอง แล้วใช้ไหล่กระแทกไหล่คนชอบดูถูก แต่ไหล่พี่แกแข็งมาก “อูยยย พี่อะ”
“อะไร” พี่เล่ย์เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะส่ายหน้าให้กับความพาลเกเรของผม “ทำตัวเอง”
“สม” ไอ้ซอลครับ เสือกทุกงาน
ว่าจะยกนิ้วกลางให้มัน มือก็ไม่ว่าง เลยแลบลิ้นให้มันแทน...
นั่งช่วยไอ้ซอลแปะกระดาษไปเรื่อยๆ จนเวลาล่วงเลยไปเกือบทุ่ม ผมก็ชักจะทนไม่ไหว “ไม่หิวกันเหรอ?”
“กินไร?” คนที่กำลังช่วยตัดกระดาษเพิ่มถามโดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา
“ไก่ทอด”
“เออ กูก็กำลังอยากกินพิซซ่าพอดี” ไอ้ซอลเสริม
พี่เล่ย์ลากโน๊ตบุ๊คของไอ้ซอลที่วางอยู่ข้างๆ มาเซิร์ชหาเว็บของร้านพิซซ่าที่เราสั่งประจำ ก่อนจะถามหาคนอื่นๆ “ไอ้เอ้กับไอ้เดียวกลับมายัง?”
“เอ้อาบน้ำอยู่” ผมบอก
“ไอ้เดียวยังอยู่ที่มอ” ไอ้ซอลครับ
พี่เล่ย์หยิบมือถือออกมากดหาคนที่ไม่อยู่ “อยู่ไหนวะ...จะสั่งพิซซ่า กินมั้ย...ไก่ไร...อืม...โอเค”
หลังจากวางสายจากไอ้เดียวแล้ว พี่เล่ย์ก็หันหน้าจอให้ผมกับไอ้ซอลดูโปรโมชั่นของร้าน “เอาชุดนี้มั้ย แล้วค่อยสั่งไก่เพิ่ม” และเมื่อพวกเราพยักหน้าตกลงก็ถาม “เอาหน้าไรบ้าง ฮาวายเอี้ยนกับซีฟู๊ดนะ”
…ฮาวายเอี้ยนหน้าโปรดผมครับ ส่วนซีฟู๊ดไอ้ซอลมันชอบ
หลังจากตกลงเรื่องหน้าพิซซ่าได้แล้ว ก็ถึงคิวของไก่... ผมกับไอ้ซอลก็เถียงกันเรื่องไก่อะไรอร่อยกว่ากันระหว่างบาร์บีคิวกับไก่กรอบ คนกลางเลยตัดรำคาญสั่งมันทั้งสองอย่างและไก่เผ็ดของไอ้เดียวอีกกล่อง
“เอาไอติมด้วย” ผมบอกเมื่อเลือกไก่และพิซซ่าได้แล้ว“สี่ถ้วย”
พี่เล่ย์เลิกคิ้วขึ้น “กินหมด?”
“สั่งไว้กินวันอื่นด้วยไง” เสียดายค่าส่งครับ ตั้งสี่สิบบาท ต้องสั่งให้คุ้ม
แล้วหลังจากสั่งอาหารเสร็จ พี่เล่ย์ก็ลุกหายเข้าไปในครัว บอกจะไปทอดเฟร้นซ์ฟราย ส่วนผมก็ช่วยไอ้ซอลแปะกระดาษไปเรื่อยๆ
ผ่านไปสักพัก พิซซ่ายังไม่ทันจะมาส่ง ไอ้เอ้ก็เดินลงมาจากชั้นบน และไอ้เดียวก็เปิดประตูเข้าบ้านมาพอดี
“ทำไรกันวะ” ไอ้เดียวทัก แต่ไอ้เอ้มันรู้อยู่แล้วจึงนั่งขัดสมาธิลงข้างๆ ผม ช่วยตัดกระดาษ
“กินข้าวอยู่” ไอ้ซอลตอบกวนๆ ก่อนจะเอนหลบม้วนกระดาษที่ไอ้เดียวถืออยู่แล้วหัวเราะขำ
คงจะชินกับคำพูดกวนๆ ของไอ้ซอล ไอ้เดียวไม่สนใจถามหาคนที่ไม่อยู่ “ไอ้เล่ย์ล่ะ”
“ในครัวกำลั-” พูดยังไม่ทันจบ พี่เล่ย์ก็ถือจานใส่เฟร้นซ์ฟรายออกมา พร้อมกับเสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นพอดี
“พอดีเลย” ผมว่าแล้วลุกขึ้นยืนเดินตามเอาเงินไปให้ไอ้เดียวที่นำออกไปรับของแล้ว แต่ถูกปฏิเสธ “ไม่ต้อง พวกมึงออกบ่อยแล้ว เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง”
“โอเค” ผมไม่ได้โต้แย้ง รับบัตรมาประทับตราบ้านเลขที่ให้พนักงานที่มาส่ง แล้วช่วยแบ่งของมาถือเข้าไปในบ้าน
“มื้อนี้เดียวเลี้ยง” ผมว่ายิ้มๆ ขณะวางของลง
“เย้!!” เสียงไอ้เอ้กับไอ้ซอลครับ
และเมื่อทำการกวาดล้างพิซซ่า ไก่ เฟร้นซ์ฟราย สปาเก็ตตี้ ขนมปังกระเทียม และไอศกรีมอีกสองถ้วยจนเกลี้ยงไม่มีเหลือแล้ว ทุกคนก็กลับมาช่วยกันลงแขกงานไอ้ซอลต่อ ก่อนจะเสร็จและแยกย้ายกันไปตอนเกือบจะเที่ยงคืน...
เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ ผมยืนมองตัวอย่างหนังที่ฉายอยู่ในทีวีจนจบแล้วก็คลานขึ้นเตียง นอนคว่ำหน้าเกยอกเปลือยของคนที่นอนพิงหัวเตียงดูทีวีอยู่ “เสาร์นี้ว่างป๊ะ”
“ว่าง” พี่เล่ย์บอกแล้วดึงผ้าไปเช็ดผมให้พร้อมกับบ่น “สระอะไรบ่อยๆ”
ผมย่นจมูก “ก็อาบน้ำทีไร ผมมันเปียกทุกที” แล้ววกกลับมาเรื่องที่ยังค้างคาอยู่ “ถ้าว่าง งั้นเสาร์นี้ไปดูหนังกันนะ”
“เรื่องไร”
“เรื่องที่โฆษณากี๊นี้”
“มันเข้าแล้วเหรอ”
“เออใช่... มันเข้าวันที่เท่าไหร่อะ”
“เปิดเน็ตดู”
ผมสั่นศีรษะ กำลังสบายเลย ขี้เกียจลุก “ไม่เป็นไร ไม่เข้าก็ดูเรื่องอื่นได้”
และขณะที่กำลังเคลิ้มๆ พี่เล่ย์ก็บอก “วันอาทิตย์เดี๋ยวไปบ้านพี่นะ”
“ฮึ?” ยังงงอยู่ครับ ตาปรือแล้ว
“แม่อยากเจอพุ”
คราวนี้ตาโตเลยครับ ผมชันข้อศอกขึ้น แล้วมองหน้าอีกฝ่ายแบบต้องการคำยืนยัน “พูดใหม่ดิ๊”
“วันอาทิตย์แม่ชวนไปกินข้าวที่บ้าน”
กระพริบตาปริบๆ ผมถามย้ำอีกรอบ “แม่พี่เล่ย์อะนะ”
“แม่ไอ้เกียร์” พี่เล่ย์ตอบหน้านิ่งๆ ผมก็พลอยนิ่งตามเพราะสมองสั่งการช้าชั่วขณะก่อนจะร้องออกมา “ฮื้อ ก็คนเดียวกันอะ”
พี่เล่ย์หัวเราะหึๆ “ก็ใช่ไง”
ซบหน้าลงไปบนอกของอีกฝ่ายใหม่อีกรอบ แล้วถามเสียงอู้อี้ “ดุมั้ย”
“บ่นอะไร”
เงยหน้าขึ้นนิดนึง ให้เสียงมันดังชัดๆ “แม่ดุมั้ยอะ”
มือใหญ่ๆ ลูบศีรษะผมเบาๆ “อืม... พ่อบอกว่าแม่นิสัยเหมือนพี่ ดุมั้ยล่ะ”
“ดุ” ผมตอบ แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาคนถามยิ้มๆ และเมื่ออีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม ก็บอก “ตอนแรกอะ อย่างดุ ตวาดพุด้วย”
“ฮื้อ เคยด้วยเหรอ”
“ทำไมจะไม่เคย ตวาดพุว่า...มึงจะมองอีกนานมั้ย ปิดประตู! จำได้ยัง” ผมบอกพร้อมกับยักคิ้วให้
พี่เล่ย์ยักคิ้วตอบ “ก็อยากไปขัดจังหวะเอ- อ๊ะ เจ็บครับ” หยิกซะเลยอยากพูดมาก
“สม” ผมบอก แล้วพยายามดึงมือที่ถูกจับไว้คืนมา แต่ไม่เป็นผล “ฮื้อ ปล่อยสิ”
“ปล่อย เดี๋ยวก็มาหยิกพี่อีก”
“ไม่หยิกแล้ว”
“ไม่เชื่อ” พี่เล่ย์ว่ายิ้มๆ ก่อนจะยกมือผมขึ้นไปจุ๊บทีละนิ้วๆ
ผมหัวเราะคิก เมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนจากจูบมากัดแทน “ฮื้อ จั๊กกะจี้”
พี่เล่ย์หัวเราะหึๆ ก่อนจะลากลิ้นไปตามฝ่ามือแล้วไล่เลยไปที่ท้องแขน “อืม…”
“ฮื้อ ไหนบอกว่าจะให้พุพักไง” ผมท้วงเสียงสั่นเมื่อฝ่ามืออุ่นๆ สอดเข้ามาในเสื้อ
(แล้วกล้องก็แพนไปที่ไฟเพดาน 555+)
ช่วงบ่ายของวันต่อมา...
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
หันไปมองคนที่กำลังเคาะกระจกของร้านอาหารไทยที่ผมกับพี่เล่ย์กำลังนั่งอยู่งงๆ แล้วก็ยิ้มกว้างออกมา เมื่อเห็นว่าคนเคาะเป็นน้องรหัสผมเอง ก่อนจะทำสัญญาณมือให้น้องเดินเข้ามาข้างใน แล้วบอกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “น้องรหัสพุ”
พี่เล่ย์พยักหน้ารับรู้ “อืม...”
จริงๆ วันนี้เราตั้งใจมาดูหนังกันครับ แต่ไม่มีโปรแกรมที่อยากจะดู เลยมากินข้าวแทน...
“พี่พุ หวัดดีค่ะ” น้องยกมือไหว้เมื่อเดินมาถึงโต๊ะที่พวกเรานั่งอยู่
ผมก็ยกมือรับไหว้ “หวัดดีครับ” แล้วแนะนำพี่เล่ย์ให้อีกฝ่ายรู้จักเมื่อน้องมองมาอย่างสงสัย “นี่พี่เล่ย์...แฟนพี่”
น้องชะงักมือที่กำลังจะยกไหว้นิดหนึ่ง ก่อนจะยิ้มแล้วบอก “หวัดดีค่ะ”
พี่เล่ย์ยกมือรับไหว้ พร้อมกันกับที่ผมแนะนำน้องให้รู้จัก “น้องพิ้งค์ น้องรหัสพุ หญิงเดียวในสาย”
“สายนี้คัดมาแล้วใช่มั้ย ต้อง 'พ.พาน' เท่านั้น” พี่เล่ย์ว่ายิ้มๆ
“ใช่ ถ้าไม่ใช่ พ.พาน ห้ามเข้ากลุ่ม” ผมตอบยิ้มๆ แล้วบอกน้อง “น้องพิ้งค์ นั่งก่อนครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พิ้งค์อยู่ไม่นาน” น้องบอก
“อ้าว มีธุระเหรอครับ”
น้องพยักหน้า “ค่ะ นัดเพื่อนไว้ จะมาดูหนังกัน”
“แล้วเพื่อนอยู่ไหนครับ”
“ยังไม่มาค่ะ นัดไว้บ่ายสอง”
ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา เพิ่งจะเที่ยงกว่าๆ เอง “โห อีกตั้งชั่วโมงกว่า” ผมมองสบตาพี่เล่ย์ เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าจึงเอ่ยชวนน้องรหัส “น้องพิ้งค์ทานอะไรมาหรือยัง ถ้ายังทานด้วยกันก็ได้ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”
“อุ้ย ไม่เป็นไรค่ะ พิ้งค์เกรงใจ”
“เกรงใจทำไมครับ ตั้งแต่เป็นพี่น้องกัน พี่ยังไม่เคยเลี้ยงน้องพิ้งค์สักครั้งเลย” ยังไม่เคยเลี้ยง เพราะสมาชิกยังไม่ครบครับ รอเฮียแพทอยู่ ไม่เจอกันซะที
น้องพิ้งค์อิดออดอยู่ชั่วครู่ แต่เมื่อผมคะยั้นคะยอมากๆ ก็ตอบตกลง
หลังจากทานอาหารกันจนอิ่มและเดินออกมาจากร้าน เพื่อนของน้องพิ้งค์ก็โทรมาพอดี
“พี่พุ พี่เล่ย์ ขอบคุณมากค่ะ” น้องพิ้งค์ยกมือไหว้ขอบคุณและไหว้ลาไปในตัวเมื่อเพื่อนที่นัดไว้มาถึงแล้ว “อิ่มแปร้เลย”
ผมยิ้มรับ “ยินดีครับ...แล้วน้องพิ้งค์นัดเจอเพื่อนที่ไหนครับ”
“หน้าโรงค่ะ” น้องตอบ พร้อมกับยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู แล้วบอก “งั้น พิ้งค์ไปก่อนนะคะ บ๊ายบายค่ะ”
ผมยกมือโบกตอบ “บายครับ” ก่อนจะยิ้มเขินๆ เมื่ออีกฝ่ายไม่ได้เดินไปทันทีแต่กระซิบบอก “แฟนพี่พุมาก” แล้วหัวเราะคิกๆ แล้วโบกมือบ๊ายบายอีกรอบ “ไปจริงละคราวนี้ บ๊ายบายค่ะ”
“ไปไหนต่อดี” พี่เล่ย์ถาม เมื่อน้องพิ้งค์คล้อยหลังไปได้ไม่นาน
ผมยกมือขึ้นลูบพุงตัวเอง อึดอัดมากๆ “เดินย่อยก่อน อิ่มมากกก”
พี่เล่ย์หัวเราะหึๆ “ก็บอกให้ทิ้งไป ไม่เชื่อเอง”
“ไม่เอาอะ เสียดาย จานตั้งแพง” ก็พี่ท่านสิครับ สั่งมาซะเยอะแยะเลย แล้วจานนึงก็ไม่ใช่ถูกๆ ร้อยขึ้นทั้งนั้น “นี่ถ้าไม่คิดว่ามันจะน่าเกลียดนะ ห่อกลับไปให้ยามแล้ว”
คนข้างๆ ผมไม่ว่าอะไร ยกแขนขึ้นโอบไหล่แล้วรั้งให้ออกเดิน...
ไม่ได้ซื้ออะไรหรอกครับ... เดินมองโน่นมองนี่เล่นเพลินๆ แล้วก็ชวนกันกลับ เผอิญผ่านร้านน้ำ เห็นสีสวยดีเลยลองซื้อมาชิม
“แหวะ”
คนขับรถเหลือบมองมา ก่อนจะถาม “เป็นไร”
ผมไม่ตอบยื่นแก้วนมกล้วยฟรุ๊ตสลัดไปจ่อที่ปากของคนถาม… เห็นสีมันสวยดีครับเลยลองสั่งมาชิมดู
“อะไร” พี่เล่ย์ทำหน้าไม่ไว้ใจ
“ลองกินดูดิ”
ตอนแรกเหมือนจะไม่ยอมกิน แต่ก็เปลี่ยนใจก้มลงดูดน้ำสีเหลืองๆ ในแก้วที่ผมถืออยู่เข้าไปอึกหนึ่ง แล้วทำหน้าเบ้ “เลี่ยน น้ำไร”
“น้ำนมกล้วยฟรุ๊ตสลัด” ผมบอก แล้วยกขึ้นดูดอีกอึก ก่อนจะทำหน้าเลี่ยนสุดชีวิต...
“ทำหน้าเหมือนจะตาย แล้วจะกินทำไม ทิ้งไปสิ”
“เสียดายอ่ะ ตั้งสี่สิบห้าบาท”
“เสียดาย เดี๋ยวก็ท้องเสีย”
“ไม่เสียหรอกน่า ตั้งแพง เสียได้ไง”
“แพงก็ใช่ว่าจะเป็นของดี”
“ดีดิ” ผมเถียง
“ดื้อ” มีบ่นครับ แต่พอผมเอนไปซบที่ไหล่ คนขี้บ่นก็ยกมือลูบศีรษะแล้วถามอย่างเป็นห่วง “เป็นไร”
“เวียนหัวอะ”
“มันเลี่ยนไง กินเยอะก็เป็นงั้นแหละ” บอกแล้วก็ดึงแก้วในมือผมไปวางไว้ที่ช่องวางแก้ว “เลิกกินเถอะ กินอีกเดี๋ยวก็ปวดหัว”
คราวนี้ไม่เถียงแล้วครับ เพราะจริงๆ แล้วก็รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย...
ไม่น่าเลยเรา... นี่แหละผลของการชอบลอง
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
เฮ้อ...เดาใจเฮียไม่ออก
-
เฮียแพทเป็นอะไร
-
ไม่ได้รังเกียจ แต่อกหักจ้ะ
-
โดนความจริงตอกเข้าไปเต็มๆหน้า ถึงกับอยู่สู้หน้าคนอื่นไม่ได้
นี้แหละน้าาาาาา ถ้าชัดเจนตั้งแต่ที่แรกก็คงเห็นใจ แต่ตอนนีี้ไม่อ่ะ
สมน้ำหน้า!!!!!!!!!!!!!!!!! :angry2:
-
ไม่รู้ว่าเฮียไม่ชอบเล่หรือว่าอกหักจากพุกันแน่นะเนี่ย 555+
-
เฮียแพทคิดอะไรอยู่น๊า
-
เฮียแพท. ทำใจเถอะนะ.
-
นั่นสิ เฮียแพทต้องแอบคิดอะไรกับพุแน่
-
ช้ำใจอะดิ พุเขามีพี่เลย์แล้วเลยยิ่งยกกำลัง
-
พี่แพทกลายเป็น
มดแดงเกาะช่อมะม่วง
เฝ้ามานาน เทวดาคาบไปรับประทาน
:laugh5: :laugh5: :haun1:
-
ชีช้ำกะหล่ำปลีอ่ะเด้ เฮียยย :o10: :o10:
-
เฮียไม่ได้รังเกียจ เฮียแค่เฮิร์ท กร๊ากก :laugh: :laugh:
-
โถเฮียแพทกลับไปเลียแผลใจอ่ะเด้
-
อ่านจบแล้ว.........เศร้า :o12:
-
พี่เลย์อบอุ่นจริงๆ :man1:
-
ตอนนี้แอบสงสารเฮียแพทอะ พุเสียใจยังมีพี่เล่ย์อยู่ข้างๆ แต่เฮียแพทจะมีใครอยู่ข้างๆเหมือนพุหรือเปล่าก็ไม่รู้
คงหมือนฟ้าถล่มดินทลาย คนที่รักทำให้เสียใจคนแล้วคนเล่า น่าสงสารแต่ไม่รู้จะฟูมฟายเหมือนเราอะป่าว T^T
ถึงไม่มีพี่เล่ย์ แต่สำหรับพุเฮียก็คงเป็นได้แค่พี่ชายที่แสนดีมั้ง ตัดใจซะเถอะ :กอด1:
ว่าแต่เฮียบอกเหรอว่าชอบพุแบบนั้น อาจจะรู้สึกหวงน้องก็ได้เนอะ :P
-
เฮียแพทคิดอะไรเนี่ย
ทำพุเสียใจ :เฮ้อ:
-
อ่านผิด อ่านคำว่า จบตอน เป็น ตอนจบ :laugh:
เรื่องเฮียแพทค้างๆคาๆเนาะ เห็นใจแก หาคู่ให้แกหน่อยนะ
-
จริงๆเเล้วเฮียเเพทเเขาก็น่าสงสารนะนี่ :เฮ้อ:
เเต่เราก็รักพี่เล่ห์มากกว่าอยู่ดี อิอิ
-
คิดว่าที่เฮียผลุนผลันออกไป ไม่ใช่เพราะรังเกียจ
แต่เพราะขอเวลาทำใจต่างหาก
ก็หวังว่าเฮียจะเข้าใจและไม่ทำตัวเป็นเด็กที่เรียกร้องหาความอบอุ่นอีก
พุก็อย่าคิดมาก ไม่มีอะไรหรอกนะ
-
สงสารเฮียแพท ยิ่งคิดว่าเล่ย์มาแย่งคุณพ่อ แล้วนี่เป็นคนที่รักนะ :เฮ้อ:
น้องเล่ย์อบอุ่นอะ
รอตอนต่อไปจ้า :pig4:
-
น่าสงสารเฮีย....หาคู่ให้เขาหน่อยเร๊ววว ><
-
อีตาเฮียแพทคงจาหึงมั้ง
-
อิเฮียคงกำลังสับสน น่าสงสารเหมือนกันนะ :L3:
น้องพุน้อยเสียใจเลย พี่เล่ย์ปลอบด่วนๆ
-
ยังอยากรู้เรื่องที่น่านอยู่นะ
-
เดี๋ยวมาอ่านนะจ๊ะหนูพุ แปะโป้งไว้ก่อน :กอด1:
-
รักเค้าแต่ไม่กล้าบอกแล้วเค้าจะรู้มั้ย :เฮ้อ:
เลยเสร็จเล่ย์สิ
-
เพิ่งอ่านทันต่อล่าสุดครับ ชอบมากๆครับ จริงๆชอบเรื่องแนวๆนี้ เรื่อยๆมาเรียงๆ ไม่ต้องดราม่าอะไรมากมาย
มันดูสมจริง มีเหตุมีผล เป็นชีวิตของคนรักกันจริงๆ ไม่ต้องมี 3P 4P ให้วุ่นวายปวดหัว
อ่านทุกครั้ง แล้วมีความสุขทุกครั้ง จบแล้วนึกคึงที่ไรก็ยิ้ม
ชอบทั้งเรื่องนี้ และเรื่องของพี่ปอนด์กับน้องพล เลยครับ
ปล.ผู้แต่ง ยังแต่งเรื่องอื่นๆอีกไหมครับ จะตามไปอ่าน
-
เฮียเเพทคิดไรอยู่น่ะ
อกหักอ่ะดิ เฝ้านาน
พุเลยเสร็จเล่เลย
-
^^
-
มาดันเรื่องนี้บ้าง ^^
อึ๊บ อึ๊บ
-
ค้างเลยไหงเฮียหนีไปซะงั้นอะ
รออ่านตอนต่อไปค้าบ
-
ชอบเกียร์อ่ะ
หาบทให้เกียร์เยอะๆหน่อยจิ
อิอิ
ตอ อ่าน จ้า
-
ชอบเลย์จังคะ เลย์รักพุมากเลย ชอบนิสัยด้วย อยู่กับความเป็นจริงเสมอ ไม่ว่าเรื่องพ่อ ครอบครัวที่เลี้ยง และคนรัก น่ารักมากคะ พุโชคดีที่มี ดาวฤกษ์ ^^
-
อ่านตอนแรกอยากให้พันคู่กับซอล
แต่ดูเหมือนน้ำกับซอลจะมีอะไรบางอย่างกันแน่ๆ เลย
เกียร์น่ารัก หาคู่ให้เกียร์ด่วนๆ เลยนะคะ (ดูเชิงน่าจะรับนะเนี่ย ฮะๆ)
-
ชอบๆๆๆๆ
-
เพิ่งไล่อ่านจบครับ
สนุกมากกกกกกกกก
รอลุ้นตอนต่อไปครับ
-
รออยู่นะคะ >.<
-
หายไปพักนึงเพราะจำชื่อเรื่องไม่ได้
อิชั้นผิดไปแล้ววววววววว :o12:
-
เจ้าพุเด็กซึน เฮียเค้าไม่ได้รังเกียจ แต่เค้าเสียใจตะหาก อกหักแล้วเฮีย ทำใจนะคะ
เดี๋ยวเฮียต้องได้เจอคนที่ดีค่ะ
พุน่ารักอ่ะ นั่งปลื้มกับพืชผักสวนครัวที่คุณแฟนปลูก เล่ย์คงดีใจเนอะ
เพิ่งได้ตามอ่านค่ะ กรี๊ดพระเอกเรื่องนี้มาก เท่ห์อ่ะ แมนอ่ะ ที่สุดอ่ะ
ส่วนนายเอกของเราน่ารักมาก ซึนมาก ซื่อมาก อ่านแล้วมีความสุขค่ะ
รอมาต่อนะคะ
-
เรื่องนี้ก็น่ารัก :m1:
-
:mc4: :mc4: :mc4:ในที่สุดก็ตามทัน :mc4: :mc4:
พุน่ารักมากพี่เลย์ก็แมนมากอะ :-[ :-[ :-[ :-[
-
:t3: :t3:เข้ามารอ :t3: :t3: :t3:
-
น้องไปแจมเรื่องนู่น เลยแอบแว๊บมาดันเรื่องนี้ค่ะ คิดถึงพุอ่ะ
-
รอมาต่อ พุน่ารักมากๆ
-
คนเขียนเค้าลืมเรื่องนี้แล้วมั้ง??
แง~~~ กลับมาต่อน่ะ รออ่านอยู่
ปล.ชอบเกียร์มาก
-
มาต่อเถอะนะ *.*
-
UNBELIEVABLE LOVE
Chapter Sixteen
ภาพบ้านพี่เล่ย์ที่ผมวาดไว้ในใจ...
คฤหาสน์หรูสไตล์ยุโรปหลังใหญ่... มีเสาโรมันสองต้นใหญ่ตรงมุกหน้าบ้าน แล้วถนนจากประตูรั้วไปตัวบ้านก็จะมีน้ำพุรูปสิงโตพ่นน้ำหรือไม่ก็กามเทพแผลงศรประดับไปตลอดทาง... และมีไม้ประดับปลูกประปรายอยู่ทั่วสนาม
แต่ที่เห็นมัน....
“ว๊าวววว”
“เป็นไง?” คนถามยิ้มน้อยๆ พาดแขนไว้บนหลังคารถ แล้วเงยหน้าสำรวจบ้านตัวเองเหมือนคิดถึง
“สวย...” ผมพึมพำตอบเหมือนละเมอ... เป็นบ้านสไตล์โมเดิร์นครับ มองเผินๆ เหมือนใครเอากล่องสี่เหลี่ยมมาเรียงซ้อนกัน แต่เป็นการซ้อนกันที่ลงตัวมาก... แต่ที่ผมติดใจก็ตรงที่บ้านมันอยู่บนเนินนี่แหละครับ... ให้บรรยากาศเหมือนบ้านพักบนเขาเลย
ปล่อยให้ผมหมุนดูโน่นดูนี่อยู่สักครู่ พี่เล่ย์ก็อ้อมมาหา จูงมือพาเดินไปที่บันได “เดี๋ยวค่อยมาดู มีเวลาทั้งวัน”
แต่เผอิญเดินผ่านสิ่งที่น่าสนใจเสียก่อน “อ๊ะ สระว่ายน้ำ” อยู่ติดกับตัวบ้านเลยครับ แล้วตรงกลางสระก็มีศาลานั่งเล่นด้วย
“ไม่ใช่สระ บ่อปลา”
“อ้าว เหรอ” ชะโงกหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ น้ำใสแจ๋วเลย “ไม่เห็นมีปลาซักตัว”
“โดนไอ้เกียร์ฆ่าตายหมด” พี่เล่ย์ว่าขำๆ
“ฆ่าทำไมอะ”
แล้ววีรกรรมความเกรียนของพี่เกียร์ก็ถูกถ่ายทอดออกมาอีกเรื่อง...
พี่เกียร์เป็นคนรักสัตว์มากครับ และเพราะความรักสัตว์นี่แหละจึงทำให้พี่แกกลัวปลาจะเบื่อที่วันๆ ได้กินแต่อาหารเม็ด เวลาตัวเองกินอะไรที่อร่อยๆ ก็อยากให้ปลาได้กินด้วย ไม่ว่าจะเป็น นม ขนม ข้าว น้ำหวาน พี่แกก็เอามาหย่อนใส่บ่อตลอด แล้วทำบ่อยๆ น้ำมันก็เน่า ปลาก็ตาย ลอยตุ๊บป่องๆ... และคงจะไม่มีใครรู้ว่าอยู่ดีๆ ทำไมน้ำมันถึงเน่าได้ ถ้าพี่เกียร์จะไม่พูดว่า 'ทำไมมันตายอะ เกียร์อุตส่าห์ให้อาหารทุกวัน'
“บันไดนะ”
เจ้าของบ้านเอ่ยเตือน เพราะกี้นี้ผมสะดุดไปรอบแล้ว มัวแต่มองโน่นมองนี่เพลิน ข้างนอกว่าสวยแล้ว ข้างในยิ่งสวยกว่า ไม่ได้หรูหรามีโคมไฟระย้าอะไรแบบนั้นนะครับ แต่ที่ผมชอบคือวิธีการเล่นระดับมากกว่า เก๋มากๆ
“ทำไมบ้านเงียบจัง มีคนอยู่หรือเปล่า?” ตั้งแต่รถวิ่งเข้ามาละ ไม่เห็นคนซักคนเดียว บ้านใหญ่ขนาดนี้มันน่าจะมีคนรับใช้สักสองสามคนไม่ใช่เหรอ
“มีสิ” คนนำทางบอก ก่อนเสียงหัวเราะแว่วๆ จากที่ไหนสักแห่งจะดังขึ้น... พวกเราหยุดเดินเพื่อจับที่มาของเสียง ก่อนพี่เล่ย์จะบอก “ที่ครัว” แล้วก็พาผมเดินตรงไปยังบันไดที่ทอดขึ้นไปอีกชั้น
'ทำไมครัวอยู่สูงจัง' ได้แต่คิดครับ พูดไม่ออก... หลังจากตื่นตาตื่นใจกับบ้านพี่เล่ย์จนความวิตกกังวลเรื่องแม่พี่เล่ย์หายไปชั่วครู่ ตอนนี้เมื่อได้รู้ว่าอีกไม่กี่วินาทีก็จะได้เจอกับตัวเป็นๆ ของท่าน ผมก็กลับมาวิตกจริตอีกแล้ว
สงสัยความกังวลของผมจะส่งตรงไปถึงคนที่เดินอยู่ข้างๆ อีกฝ่ายจึงยิ้มปลอบใจแล้วเลื่อนมือมาจับศีรษะผมโยกหยอกๆ “กลัวอะไร พี่บอกแล้วไงว่าแม่นิสัยเหมือนพี่”
หน้าผม “นี่คือคำปลอบเหรอ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
และเสียงหัวเราะของพี่เล่ย์คงจะดังมาก คนข้างบนถึงหยุดคุยกัน แล้วส่งเสียงถามมา “ตาเล่ย์?”
“ครับ เล่ย์เอง” พี่เล่ย์ตอบ แล้วขยับหลบให้ผมเดินนำ แต่ผมสั่นหน้า กระซิบเกี่ยง “พี่เล่ย์ขึ้นก่อนดิ” แต่อีกฝ่ายไม่สน จับผมกลับหลังหันแล้วดันให้ออกเดิน
“ฮื้อ” ผมประท้วง
“เร็วๆ เดี๋ยวแม่รอ”
จำใจเดินขึ้นบันไดไป ผมนึกคาดโทษคนที่เดินตามหลังมาอยู่ในใจ 'เดี๋ยวจะโกรธสองวันเลย คอยดู'
กลั้นใจก้าวขึ้นบันไดขั้นสุดท้าย เตรียมตัวเตรียมใจพบกับแม่พี่เล่ย์เต็มที่ แต่... “อ้าว...”
“ทางนี้” พี่เล่ย์บอก พร้อมกับจูงผมเดินเลี้ยวไปทางซ้ายมือ ถึงได้เห็นผู้ชายกับผู้หญิงสองหนึ่งนั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์กลางห้อง... น่าจะเป็นพ่อกับแม่พี่เล่ย์
พอเดินเข้าไปได้ระยะพอสมควร ผมก็ยกมือไหว้ทั้งสองคน “สวัสดีครับ”
พ่อยกมือรับไหว้ แต่แม่ไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ ยิงคำถามใส่คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมทันที “น้องพุ?”
“ครับ...” พี่เล่ย์ตอบ
“ผู้ชาย?” แม่ถามเหมือนไม่เคยรู้มาก่อน
“ครับ...”
“นี่แกมีแฟนเป็นผู้ชาย?!” เสียงแม่เกรี้ยวกราดขึ้นเรื่อยๆ
“ครับ...” พี่เล่ย์ยังตอบสั้นๆ เหมือนเดิม
“ผู้หญิงเยอะแยะทำไมไม่ชอบ ทำไมต้องมาชอบผู้ชาย ห๊ะ!”
“......”
“แม่รับไม่ได้” แม่พี่เล่ย์พูด พร้อมกับกำหมัดแน่น “เลิกกันซะ”
“ไม่...ผมไม่เลิก ผมรักพุ”
“ถ้าไม่เลิกแกกับแม่ก็ขาดกัน... ออกไปจากบ้านชั้น!”
“คุณ!” พ่อที่นั่งเงียบมานานส่งเสียงปรามออกมา แต่กลับโดนแม่ตวาด “คุณไม่ต้องยุ่ง นี่มันเรื่องของชั้นกับลูก!”
“แล้วไง มันก็เป็นลูกของผมเหมือนกัน!” พ่อตวาดกลับ “เล่ย์ไม่ต้องไป ใครรับไม่ได้ก็ช่างเขา พ่อรับได้”
แม่อ้าปากค้าง ก่อนจะกัดฟันพูด “อ๋อ นี่รุมกันใช่มั้ย...ได้...งั้นชั้นไปเอง”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปเอง” พี่เล่ย์พูด
แม้จะเตรียมใจมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่นึกว่าเรื่องราวมันจะรุนแรงขนาดนี้...
ไม่ต้องส่งกระจกก็พอจะเดาได้ว่า หน้าตัวเองตอนนี้คงไม่มีสีเลือดเหลืออยู่สักน้อย... ผมเอื้อมไปจับแขนคนที่กำลังจะหันหลังกลับ แล้วปรามเสียงสั่น “พะ พี่เล่ย์ อยะ อย่า...” ทะเลาะกันเลยครับ คือ คำต่อมาที่ผมพูดไม่ออกเพราะก้อนสะอื้นถูกดันขึ้นมาเสียก่อน “ฮึก...ฮึก...ฮึก...”
“โอ้โห ทำไมรับน้องไม่รอเลย...” จำได้ว่าเป็นเสียงพี่เกียร์ แต่ยังไม่ทันที่จะได้พิจารณาคำพูดที่ได้ยิน ตัวผมก็ถูกดึงไปกอดเสียก่อน “ชู่ววว์...ไม่ต้องร้องนะ ไม่ต้องร้อง แม่เขาล้อเล่น...”
“ใครว่าชั้นล้อเล่นยะ”
“แม่...”
“เออๆๆ ล้อเล่นก็ล้อเล่น แค่นี้ก็ต้องทำเสียงดุด้วย... น้องพุไม่ต้องร้องนะลูก แม่แค่หยอกเล่นเฉยๆ”
ได้ฟังอย่างนั้นผมควรจะเงียบใช่มั้ยครับ แต่เปล่าเลย... กลับยิ่งร้องหนักเข้าไปอีก
ก็ตอนแรกร้องเพราะเสียใจและตกใจ
แต่ตอนนี้...ร้องเพราะโล่งใจครับ
“โดนทุกคน” พี่เกียร์ว่า หลังจากเหตุการณ์สงบ“ทำตัวให้ชินซะ เพราะหลังจากนี้ก็จะมีมาอีกเรื่อยๆ”
ยังจะมีมาอีกเหรอ... แค่คิดก็เหงื่อตกแล้ว
หลังจากอยู่แกล้งผม เอ้ย อยู่คุยกับพวกเราสักครู่ แม่กับพ่อก็ขอตัวลงไปข้างล่าง...
ผมเดินไปหาคนที่กำลังยืนทอดไส้กรอกและแฮมอยู่หน้าเตา “พุช่วยทำ” อยากช่วยแต่แรกแล้วครับ แต่โดนล็อคตัวไว้ เลยขยับไปไหนไม่ได้
พี่เล่ย์ก็ยื่นตะหลิวให้ แล้วว่ายิ้มๆ “เอาแบบไม่ไหม้นะ ไหม้ๆ ไม่เอา”
“จัดไป ไหม้ๆ ใช่มั้ย ของถนัดเลย” ผมตอบ พร้อมยักคิ้วกวนๆ เลยโดนดีดหูไปที “อื้อ เจ็บนะ”
พูดไปเถ๊อะ คนทำเขาสนใจที่ไหน โน่นเดินไปหาพี่เกียร์แล้ว “ไปกินข้างนอก” แล้วสองคนเขาก็ช่วยกันขนอุปกรณ์ในการรับประทานอาหารเช้า ทั้งจาน ส้อม มีด ซอส น้ำส้ม น้ำเปล่า และอื่นๆ อีกมากมายออกไปวางไว้ที่โต๊ะริมสระว่ายน้ำที่ผมเพิ่งสังเกตเห็นเมื่อตะกี้นี้ตอนที่กำลังคุยกับพ่อและแม่พอดี
“ไหม้แล้ว” พี่เกียร์ว่าตอนที่เดินกลับมาเอาของเพิ่ม
ผมรีบหันกลับไปมองกระทะ “เฮ้ย!” ควันขึ้นเลยอะ ดีนะแค่เกรียมๆ ไม่ถึงกับไหม้
ไม่แปลกใจเลย ทำไมคนบ้านนี้ถึงได้มีแต่คนตัวโตๆ แม้กระทั่งแม่ยังสูงกว่าผมเลย... ก็ดูปริมาณอาหารที่กินดิ
ไส้กรอก แฮม เบคอน ไข่ดาว อย่างละสอง... ตอนแรกก็นึกว่าทำเผื่อใคร เพราะเยอะมากๆ
แต่ตอนนี้เข้าใจละ
“เล่นมั้ย” พี่เล่ย์ถามเมื่อเห็นผมมานั่งคุกเข่าเอามือแกว่งน้ำในสระเล่น “หรือจะดูบ้านก่อน แล้วค่อยเล่นตอนเย็น”
ยื่นมือไปให้อีกฝ่ายดึงขึ้น แล้วผมก็บอก “ดูบ้านก่อนดีกว่า”
ดูข้างหน้าจนหมดแล้ว พวกเราก็เดินอ้อมมาข้างหลัง...
“ข้างบนห้องพี่ ส่วนข้างล่างห้องไอ้เกียร์” ฟังแล้วอาจจะเหมือนกับว่าห้องพี่เกียร์อยู่ใต้ห้องพี่เล่ย์ แต่ไม่ใช่ครับ มันอยู่เยื้องๆ กัน ระเบียงห้องพี่เกียร์มีบันไดเชื่อมไปที่ประตูห้องพี่เล่ย์ ส่วนระเบียงห้องพี่เล่ย์ก็อยู่ด้านบนของห้องพี่เกียร์... เขียวเชียว ไม่รู้ปลูกอะไรไว้บ้าง
กำลังยืนชมวิวทิวทัศน์กันอยู่ พี่เกียร์ก็เลื่อนประตูเปิดออกมายืนที่ระเบียงพอดี ถึงจะคุยโทรศัพท์อยู่ แต่พี่แกก็ยังอุตส่าห์โบกมือทักพวกเรา... เฟรนด์ลี่มากๆ
พี่เล่ย์โบกมือตอบ แล้วก็ชวนผมให้เดินต่อ “ดูรอบๆ ให้หมดก่อน เดี๋ยวค่อยขึ้นไปดูห้อง”
“กี่ชั้นครับ” มองจากข้างนอกเหมือนมีแค่สองชั้น แต่ตอนที่เดินขึ้นไปหาพ่อกับแม่เหมือนมันจะเป็นสามชั้นเลย
“สองชั้นครึ่ง” พี่เล่ย์บอก ผมก็พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะร้องออกมาอย่างตื่นเต้น เมื่อเดินเลยออกมาหน่อยแล้วเห็นบ้านหลังเล็กๆ ถูกสร้างอยู่ระหว่างต้นไม้ใหญ่สองต้น“เอ้ย บ้านต้นไม้!” เดินไปจับบันไดเชือกที่ห้อยอยู่ ลองกระตุกๆ ดู “ของจริงป๊ะเนี่ย” พอพี่เล่ย์พยักหน้า ผมก็เตรียมเลย “แล้วขึ้นได้ป๊ะ”
“ได้” พี่เล่ย์ว่า แล้วเดินมาจับเชือกให้ “ถอดรองเท้าออกก่อน เดี๋ยวลื่น”
บ้านหลังเล็กๆ ตอนที่มองอยู่ข้างล่าง แต่ที่จริงแล้วก็กว้างใช้ได้เลย... พี่เล่ย์ต้องก้มนิดนึง แต่ผมยืนได้สบายเลย
“ทำไมยังไหม่อยู่เลย สร้างนานยัง?” สีไม้ ดูยังไงๆ ก็เหมือนเพิ่งสร้างอะครับ
“นานแล้ว ตั้งแต่พี่อยู่ ป. 5 แต่เพิ่งจะซ่อมไป มันเลยไม่เก่า” คนที่นั่งห้อยขาอยู่ตรงประตูตอบ
ผมเดินไปนั่งขัดสมาธิข้างๆ พยายามไม่มองลงไปข้างล่าง เพราะกลัวความสูง” แล้วเคยมีคนตกป๊ะ”
“มี... ลูกคนทำสวน” พี่เล่ย์บอก “เมื่อสองเดือนที่แล้ว”
“แล้วเป็นไรมากมั้ย”
“แขนหัก... ถลาลงไปจากตรงนี้” คนเล่าๆ แล้วก็แตะตรงระเบียงที่ตัวเองพิงไหล่อยู่ “ไม้มันผุ”
“เอ้า แล้วจะไปพิงมันทำไมล่ะ เขยิบมาดิ” ผมบอกหน้าตื่น พร้อมกับดึงแขนคนตัวโตให้ขยับออกมา แต่แรงมดหรือจะสู้แรงช้าง กลายเป็นผมเองที่ถลาเข้าไปหาอีกฝ่าย “เฮ้ย!” ใจหายวาบเลยครับ“พี่เล่ย์ เล่นไรเนี่ย ถ้าตกไปนะ”
“กลัวอะไร ยังไงก็มีพี่ตกเป็นเพื่อน”
ได้ยินคำตอบก็ต้องทำหน้ามุ่ย “มันเป็นเรื่องที่น่าดีใจใช่มั้ย?”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
สรุป ที่น้องลูกคนทำสวนเขาตกลงไป ก็เพราะบ้านไม่ได้ซ่อมมานานหลายปีแล้วครับ โดนแดดโดนฝนจนผุพัง แต่ไม่มีใครใส่ใจ เพราะตั้งแต่ขึ้น ม.ปลาย พี่เล่ย์กับพี่เกียร์ก็ไม่ได้มาเล่นบนนี้อีก... จนกระทั่งลูกคนทำสวนเขาแอบปีนขึ้นมา แล้วตกลงไปนั่นแหละ แม่ถึงให้คนมาซ่อมเพราะกลัวจะมีเด็กแอบมาปีนเล่นแล้วตกลงไปอีก
นั่งอยู่บนนี้ก็ดีครับ มองเห็นรอบบ้านเลย... รวมทั้งผู้หญิงบ้านข้างๆ ที่กำลังนอนอาบแดดอยู่ตรงสระว่ายน้ำด้วย คึคึ
“นั่นบ้านใครครับ” เป็นบ้านสไตล์โมเดิร์นเหมือนกัน ทรงสี่เหลี่ยมชั้นเดียว มีทางเดินเชื่อมกับบ้านใหญ่
มองตามมือของผมไป แล้วเจ้าถิ่นก็บอก “ไม่ใช่บ้าน... ออฟฟิศพ่อพี่”
ผมพยักหน้าเข้าใจ แล้วก็ถามเรื่องที่จะถามหลายรอบแล้วแต่ลืมก่อนทุกที “บ้านนี้จ้างสถาปนิกออกแบบให้หรือคิดกันเองครับ”
“แม่พี่เป็นสถาปนิก”
“ว๊าวว” อึ้งครับ... อึ้งมากๆ
“ไม่เหมือนใช่มั้ย” พี่เล่ย์ถามขำๆ
ผมก็บ้าจี้พยักหน้า “อื้อ นึกว่าจบนิเทศน์ซะอีก”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ดูรอบๆ บ้านหมดแล้ว ก็เข้ามาดูในบ้านบ้าง... เข้าทางหลังบ้านนั่นแหละครับ เดินขึ้นบันไดมา ผ่านระเบียงห้องพี่เกียร์ ขึ้นมาที่ห้องพี่เล่ย์
ห้องพี่เล่ย์มีชั้นครึ่งครับ...
ข้างล่างแบ่งเป็นมุมพักผ่อนกับมุมทำงาน ส่วนห้องนอนอยู่บนชั้นลอย และถ้าเปิดประตูออกไปก็จะเจอกับสวนขนาดเล็ก
“ถ้าเปิดประตูตอนกลางคืน อาจตายได้นะเนี่ย” ต้นไม้เพียบ
พี่เล่ย์หัวเราะหึๆ แล้วพูดไปคนละเรื่อง “หิวมั้ย?” แต่เป็นเรื่องที่ผมต้องการพอดีเลย “หิว”
“สปาเก็ตตี้ได้มั้ย ไม่มีข้าว”
ผมพยักหน้า “ขี้เมานะ”
“คร๊าบเจ้านาย”
ผมยกมือขึ้นตบศีรษะอีกฝ่ายแปะๆ “ดีมาก…เด็กดีๆ”
พี่เล่ย์ก็เหล่ตามมอง “สูงไปมั้ย... แค่ไหล่ก็พอมั้ง”
ผมแกล้งทำท่ายกมือไหว้ “เค้าขอโทษ... ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เลยโดนผลักหัวทิ่ม
“หึ หึ” อันนี้เสียงใครก็น่าจะเดาได้นะครับ
“เบาไปหรือเปล่า แรงกว่านี้ดิ” ผมประชด
“หึ หึ”
“พี่เล่ย์ทำเป็นเหรอ?”
เพิ่งจะนึกได้ครับว่าไม่เคยเห็นอีกฝ่ายทำอาหารเลย นอกจากทอดไส้กรอกและเบคอนกับไข่ดาวเมื่อเช้า
พี่เล่ย์อมยิ้ม “เดี๋ยวก็รู้”
ผมทำหน้าหวาดเสียว “โรงบาลอยู่ไกลมั้ยอะ”
“หึ หึ”
“หัวเราะทำไมอะ กันไว้ดีกว่าแก้นะ”
อีกฝ่ายยังคงหัวเราะหึๆ แต่ไม่พูดอะไร เปิดตู้เย็นหยิบกุ้ง ปลาหมึก พริกชี้ฟ้า แล้วก็เมล็ดพริกไทยอ่อนออกมา... ก้มๆ เงยๆ อยู่ชั่วครู่ก็หันมาบอก “ไปเด็ดใบกะเพรามาให้พี่หน่อย” พี่เล่ย์บอก ก่อนจะถามเหมือนไม่แน่ใจ “รู้จักใช่มั้ย ใบกะเพรา?”
ต่อยแขนคนช่างดูถูกไปที “รู้จักดิ บ้า”
“หึๆ งั้นก็ไปเด็ดมาให้หน่อย”
ไอ้ให้ไปเด็ดก็ไปเด็ดได้ครับ แต่จะให้ไปเด็ดที่ไหนอะดิ “แล้วมันอยู่ไหนอะ?”
“ที่สวนพี่”
“อ๋อ” ผมพยักหน้า เก็ทละ “เอาเยอะป๊ะ?”
“เอามาซัก…” พูดพร้อมกับมองหาอะไรสักอย่าง ก่อนจะได้ตะกร้าล้างผักมาใบ “เต็มนี่ละกัน”
“เฮ้ย! ทำไมทำงั้น?”
ผมกระชากมือที่กำลังรูดใบกะเพรากลับด้วยความตกใจกับเสียงที่ดังมาจากด้านหลัง ก่อนจะหันไปมองคนที่ร้องทักงงๆ “ทะ ทำอะไรครับ?”
“ก็ที่ทำอยู่อะ เดี๋ยวมันก็ตายหมด” พี่เกียร์ว่า ก่อนจะพึมพำเบาๆ แต่ผมก็ได้ยินอยู่ดี ‘เข้าใจละ ทำไมพี่เล่ย์ถึงให้มาดู’ ก่อนจะสาธิตวิธีการเด็ดใบกะเพราที่ถูกต้องให้ดู “ต้องเด็ดอย่างนี้... มันจะได้แตกใบใหม่”
ผมพยักหน้าเข้าใจ แล้วลงมือทำตามต้นแบบ...
แค่เด็ดใบกะเพรา ไม่เห็นจะยาก เนอะ
เด็ดใบกะเพราเสร็จ พวกเราก็เดินลงบันไดจากสวนของพี่เล่ย์มาที่สระว่ายน้ำ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดอีกสามขั้นไปที่ห้องครัว...
สะดวกดีครับ ทางมันเชื่อมกันหมดเลย... คนออกแบบเขาเก่งจริงๆ
“หอมจัง” แค่ได้กลิ่นก็น้ำลายสอแล้วครับ
“อีกแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว” พี่เล่ย์ว่า ก่อนจะสั่ง “เอากะเพราไปล้างให้หน่อย”
ผมเดินเอาไปล้างที่เคาน์เตอร์กลางห้อง ก่อนจะนำไปให้พ่อครัวหัวป่าก์... แอบมองในกระทะ หน้าตาดีครับ ท่าทางคงไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล
“ว้าว”
หน้าตาสวยงามมาก... เอาส้อมลงไปม้วนเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปาก ตอนแรกเคี้ยวด้วยความระมัดระวังครับ ยังไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ แต่พอกลืนลงคอแล้ว... อืมมมม
พี่เล่ย์เลิกคิ้วถาม “เป็นไง กินได้มั้ย”
“ขอเบิ้ลได้ป๊ะ?”
“หึ หึ” พี่เล่ย์ส่ายหน้า “จานนี้ก็ให้หมดก่อนเหอะ”
“อร่อยมากกก” ผมลากเสียงยืนยัน พอดีกับพี่เกียร์ที่เดินออกไปคุยโทรศัพท์เปิดประตูกลับเข้ามาพอดี “เสร็จแล้ว?”
“เสร็จแล้ว” พี่เล่ย์บอก แล้วเลื่อนจานสปาเก็ตตี้ไปให้
หลังจากอิ่มของคาว พี่เกียร์ก็หยิบมะม่วงสุกออกมาจากตู้เย็น
“เดี๋ยวพุปอกให้” ผมรีบอาสา
พี่เกียร์ไม่ว่าอะไร เดินไปหยิบมีดมาให้... สองพี่น้องเขามีวิธีส่งมีดแบบเดียวกันเลยครับสงสัยจะเป็นทั้งครอบครัว
ผมใช้เวลาปอกไม่ถึงห้านาที...
เปล่าครับ ห้านาทีไม่ใช่ว่าปอกเสร็จ แต่เป็นห้านาทีที่ทำให้คนๆ หนึ่งอดรนทนไม่ไหว ต้องยื่นมือออกมา “จะได้กินมั้ย ทำแบบนั้น... มานี่ เดี๋ยวพี่ปอกให้”
ยอมแพ้ครับ ยื่นมีดปอกผลไม้และมะม่วงสุกให้อีกฝ่ายอย่างว่าง่าย เพราะหากผมปอกต่อไปคงได้เหลือแต่แกนไม่ต้องกินเนื้อกันพอดี แต่พออีกฝ่ายปอกไปได้นิดเดียวผมก็หยีตาอย่างหวาดเสียว
“เป็นไร” คนปอกถามอย่างสงสัย
“หวาดเสียว” ผมบอกพร้อมกับซี๊ดปากเสียวๆ เมื่อเห็นท่าปอกผลไม้ของอีกฝ่าย “ทำไมปอกแบบน้านน”
อีกฝ่ายทำหน้างง “ไม่ให้ปอกแบบนี้ แล้วจะให้ปอกแบบไหน”
“ปอกแบบนี้” ผมทำท่าปอกแบบที่ถนัดให้ดู คือปอกออกจากตัว แต่พี่เล่ย์ทำคือปอกเข้าหาตัวอะครับ
พี่เล่ย์พยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังปอกเหมือนเดิม “ไม่ถนัด”
และยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรต่อ เสียงกระแอมก็ดังขึ้นตรงประตู “อะแฮ่ม”
พี่เล่ย์เงยหน้าขึ้นมองคนมาใหม่แว๊บนึง ก่อนจะหันมาสนใจมะม่วงในมือต่อ... ส่วนพี่เกียร์ “อะไรติดคอ เดี๋ยวพี่เอาตีนล้วงให้เอาป๊ะ?”
“โห บ้านนี้เขาทักทายน้องกันแบบนี้ใช่มั้ย” เสียงของบุคคลนิรนามตอบ แล้วเขาก็ยกมือไหว้ผม “พี่พุ หวัดดีครับ”
ผมยกมือรับไหว้งงๆ ว่าอีกฝ่ายรู้จักผมได้ไง “เอ่อ หวัดดีครับ”
“อิงครับ” ทีนี้ก็รู้ละ ว่าชื่อของบุคคลนิรนามคืออะไร
และน้องเขาคงเห็นว่าผมทำหน้างงกว่าเดิม จึงหันไปมองค้อนพี่เกียร์และพี่เล่ย์ “ไรเนี่ย ไม่มีใครบอกพี่พุเรื่องอิงเลยเหรอ”
“คิดว่าตัวเองสำคัญขนาดนั้น?” พี่เล่ย์เลิกคิ้วถาม
แต่แทนที่น้องเขาจะโกรธ กลับกวนกลับ “มากกกก”
“ถุย” เสียงพี่เล่ย์กับพี่เกียร์ครับ พร้อมเพรียงกันดีจริงๆ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
หลังจากหยุดหัวเราะ น้องเขาก็แนะนำตัวเองว่าเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกแม่พี่เล่ย์เก็บมาเลี้ยง แต่โดนสองคนนี้รังแกเลยต้องหนีออกไปอยู่ข้างนอก“ชีวิตช่างเหมือนนางซิน” ประโยคปิดท้ายหลังจากที่เล่าจบครับ... สงสัยจะดราม่ากันทั้งบ้าน
“เชื่อมันเหรอ” พี่เล่ย์พูดขึ้นมาลอยๆ หลังจากที่อีกฝ่ายพูดจบ
“ไรอะ อิงออกจะหน้าตาน่าเชื่อถือ”
“เหรอ” เสียงพี่เกียร์ครับ ก่อนจะตบท้ายด้วย “เพ้อเจ้อ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” น้องอิงไม่เดือดร้อน หัวเราะเฉย
“หลานแม่พี่” พี่เล่ย์เฉลย... เพราะถ้ารอให้น้องอิงเฉลยเอง คงจะอีกยาว
“อ้าว เรียนที่เดียวกันหมดเลย พี่พุเรียนไรครับ” น้องอิงถาม เมื่อรู้ว่าผมก็เรียนที่ม. A เหมือนกัน
“บัญชีครับ อิงล่ะ”
“อิงเรียนเกษตร”
ผมมองหุ่นของอีกฝ่ายแล้วทำหน้าฉงน “จริงดิ”
“จริงครับ” น้องมันว่ายิ้มๆ ก่อนจะทำหน้ามุ่ย “ทำไมทุกคนต้องสงสัยเวลาที่รู้ว่าอิงเรียนเกษตร หุ่นอิงไม่ให้เหรอ” แล้วยกแขนขึ้นมาเบ่งกล้าม “ออกจะล่ำแมนแฮนซั่มขนาดนี้”
ผมหัวเราะขำกับท่าทางของอีกฝาย... นี่เรียกว่าล่ำแล้วใช่มั้ย“อือฮึ นึกว่าเรียนบริหารเหมือนพี่ซะอีก ไม่งั้นก็น่าจะเป็นพวกนิเทศน์ หรือไม่ก็เศรษฐศาสตร์อะไรแบบนี้”
น้องอิงย่นจมูก แต่ไม่ได้ว่าอะไร พันสปาเก็ตตี้เข้าปาก... พี่เล่ย์ทำเผื่อไว้ เพราะน้องอิงโทรบอกก่อนแล้วว่าจะมา
“พี่พุกลับตอนไหนอะ อยู่นานป๊ะ?”
“กลับพรุ่งนี้ตอนเช้า” พี่เล่ย์ตอบแทน เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะกลับตอนไหน
“ดีเลย... อิงง่วงมาก ขอไปนอนก่อน เดี๋ยวตอนเย็นค่อยคุยกัน” น้องอิงว่าพร้อมกับลุกขึ้น ก่อนจะย้ำ “อย่าเพิ่งหนีกลับนะ เดี๋ยวอิงมา”
ผมพยักหน้ายิ้มๆ “ครับ ไม่หนี”
“นิ่งเป็นหลับ ขยับเป็นแดกจริงๆ” พี่เกียร์พึมพำ
“ไรเล่า อิงไม่ได้นอนเหอะ เมื่อคืน”
“แล้วทำไรอยู่?”
“รายงานดิ เพิ่งเสร็จเมื่อเช้าเนี่ย”
“เออ งั้นก็รีบไปนอนเลยปะ”
“เอาไง จะดูบ้านต่อ หรือไปนั่งเล่นที่ห้องดี” พี่เล่ย์ถาม หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว
ผมนิ่งคิดอยู่นิดเดียว ก่อนจะตอบ “ไปที่ห้องดีกว่า” ตอนนี้ชักง่วงแล้ว ถ้าเห็นท่าไม่ดีจะได้นอน
“ง่วง?”
ผมพยักหน้าอยู่กับไหล่ที่หนุนนอน ตาปิดไปเรียบร้อย “อืม...”
คนเป็นหมอนหัวเราะหึๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร ก่อนเสียงทีวีที่เรากำลังดูกันอยู่จะค่อยๆ เบาลงๆ จนในที่สุดก็เงียบไป...
ปรือตามองหน้าจอ เห็นยังมีภาพฉายอยู่ ผมจึงบอกอย่างเกรงใจ “เปิดเสียงก็ได้ พุนอนได้”
พี่เล่ย์ไม่ตอบ... แต่ก็ไม่เปิดเสียง... และลูบศีรษะผมเบาๆ เป็นเชิงบอกว่า 'นอนเถอะ'
ผมจึง... ปิดเปลือกตาที่กำลังหนักอึ้งลง
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
หายไปนานกับเรื่องนี้
ดีใจที่จะได้อ่านต่อค่ะ
พี่เล่ย์ยังเท่เหมือนเดิม
-
พี่เล่ย์ยอดมาก น้องเกนเกือบไปแล้วนะ
-
กลับมาให้หายคิดถึงพี่เล่ย์ น้องพุ
พี่เล่ย์ ยังคงความเท่ห์ ไม่เปลี่ยนเลยทีเดียว
สารภาพว่า ทิ้งช่วงนานจนเกือบลืมตอนเก่าไปแล้ว
แต่ด้วยความที่เพิ่งมาย้อนอ่าน เกี่ยวกับ เล่ห์ เกียร์ ที่โยงกับเรื่องอื่น
ก็เลยต่อติดจ้า
-
หวูววววว อัพเเล้วววว ดีใจจัง o18 o18
-
หายคิดถึงไปจิ๊ดดดนึง คิดถึงพี่เลย์ กะพุม๊ากกกมาก ว่างๆมาต่ออีกเน้อ คิดฮอตหลาย
ขอบคุณจ้า :L1: :pig4: :L1:
-
เย้ๆๆ ๆๆ กลับมาแล้วว :mc4: :mc4: :mc4:
อย่าลืมฝาแฝดอีก2คู่น่ะ 2เรื่องนั้นเค้าก็ตามอ่านอยู่ :z3: :z3:
+1+เป็ด สำหรับตอนนี้น้าาา :L2:
:pig4: :pig4: :pig4:
-
คิดถึงจังเลยยยยยยย เกือบลืมนะเนี้ย
คนเขียนหายไปตั้งนาน คนอ่านคอยเหงือกแห้ง ตาแห้งแล้ว
มาบ่อยๆนะค้าา :L2: :L2:
-
ชอบพี่เลย์และน้องพุ
แอบคิดถึงเหมือนกันนะเนี่ย
-
ยังหวานกันจนน่าอิจฉาเหมือนเดิมเลยนะ ><
-
หายไปนานมากกกก :z3:
-
:m4: :m4:
มาให้หายคิดถึงแถมยังน่ารักเหมือนเดิมเลยคู่นี้
-
พระเอกเราเท่ห์มากนะ สุดๆๆๆ อ่ะ o13
-
หวานตลอดอะ แต่น่าหวาดเสียวแทนน้องเกนอะ เกือบไปแล้วอะ
-
น่ารักมาก
-
ทำให้หายกลัวทำยังงัย มาต่ออีกนิดซิ อิ อิ
-
ชื่อตอนทำเอาเราคิดไปไกลอะ :laugh:
พี่เล่ย์เท่มากมาย พุก็น่ารักเหมือนเดิม :man1:
อยากอ่านอีก :impress2:
-
สุดหล่อ สุดเท่ พี่เล่ย์ตา ลา ลา
MERRY CHRISTMAS :mc2:
-
พ่อดาวฤกษ์มาส่องสว่างที่ลานน้ำพุ แระ ^^......ชอบเรื่องนี้มาก
-
:impress3: :impress3: :impress3:นึกว่าจะไม่ได้อ่านแล้ว :impress3: :impress3:
:mc4: :mc4: :mc4: :mc4:ดีใจที่มาต่อจ้า :L2: :L2: :L2: :L2:
รออออออออออออออออออออออจ้า :กอด1: :กอด1: :กอด1: :call: :call: :call: :call:
-
คิดถึงพุอ่าาาาาาาาาา พี่เล่ห์ตอนนี้เท่ห์มากกกกกกกกก ที่สุด
-
ดีใจๆได้อ่านต่อแล้ว :m4: (แอบลืมตัวละครบางตัวด้วยแหะๆ)
แต่ยังไงน้องพุก็ยังคงน่ารัก และพี่เล่ย์ก็ยังคงเท่เหมือนเดิม :impress2:
-
หวานมดขึ้นอ่ะ :z1:
-
น่ารักเหมือนเดิมเลยคู่นี้ หายไปนาน กอดๆ
-
น่ารักมาก :m1:
-
คิดถึงมากอ่ะ เรื่องนี้ อ่านอีกทีก็ไม่ผิดหวังเลย พุน่ารัก พี่เล่ย์ก็เท่ อ่านไปยิ้มไป มีความสุขอ่ะ .. :กอด1:
-
ยอมแต่โดยดีละกัน 5555555555 น่ารักอ่ะพุ :m12:
-
บริการดีอย่างนี้น่ารักจริงเลย
-
อ่านทันแล้ววววววววววววว
อยากจะบอกว่าชอบเรื่องนี้มากกกกก
รักม้ากมากกกกกกกกกกกกกกก
โดยเฉพาะพระเอกของเรื่อง เล่ย์แม่งโคตรพ่อโคตรแม่หล่อ
หล่อทั้งภายในภายนอก ยิ่งความคิดนะ เอบวกเลยพี่
กดบวกปี้บๆให้แทบไม่ทัน ฮ่าๆ
พุนี่ก้ซึนดีจริงๆแต่นางน่ารักมากนะ ชอบๆ
ชอบพันกับเกียร์ด้วย ถึงออกไม่บ่อย
แต่ด้วยลักษณะนิสัยนี่ปลื้มมาก
แต่ฮัลเล่ย์เท่ห์สุดหล่อสุดละ ยิ่งอ่านก้ยิ่งรัก
ยิ่งพล่ามก้ยิ่งรู้สึกว่ายิ่งเพ้อ? 555555555555555
ผู้ชายหล่อความคิดการกระทำดีมันคงมีแต่ในฟิควายแหง
ถ้ามีจริงนะ ได้เกิดเป็นพุสักชั่วโมงนึงเราคงฟินไปสิบชาติ 555
ขอบคุณสำหรับเนื้อเรื่องดีๆนะคะ
จะรอติดตามไปเรื่อยๆเน้อ >.<
เกือบลืมๆ บวกๆให้จ้ะ
-
ยอมๆๆๆๆๆ อาบด้วยคน
-
:o8: :o8: :o8:
-
เค้าก็อยากให้พี่เล่ย์อาบน้ำให้มั่ง ฮี่ฮี่
-
คู่นี้หวานจัง :man1:
:pig4:
-
พี่เล่ย์เท่ และหื่นมากกกกกกก
อั้ยย่ะ เหนื่อยและเขินแทนพุเลยอ้ะ
คิดถึงจังเลย ,,
ขอแบบทีเดียวต่อทุกเรื่องได้ไหม????
> // <
-
อยากได้ตอนต่อไปเป็นของขวัญปีใหม่ กิกิ
-
เพิ่งเห็นว่าน้องพุกับพี่เล่ย์กลับมาแล้ว
คิดถึงน้องพุมากมายจ้า :L2:
-
หวานกันเว่ออ่ะ คู่นี้ :o8:
-
แล้วยังไงๆๆๆๆ ปิดไฟแล้วอะไรต่อ?
555. คนอ่่านแอบอยากอ่านต่อ มาตาอด้วยนะจ๊ะ คิดถึง กร้ากกก
-
:-[ :-[
-
น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก !
:-[
-
:o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
:-[ :-[ :-[
-
น้องพุน่ารักเหมือนเดิม ขอบคุณค่ะ ที่มาลงต่อ ชอบมากกก
-
สวัสดีปีใหม่นะฮะ
ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง
เปลี่ยนปีพอศอใหม่แล้ว มาอัพเรื่องบ่อยๆหน่อยนะฮะ
คิดถึงเล่ย์ (ชายที่แสนดี) อิอิ
-
UNBELIEVABLE LOVE
Chapter Seventeen
“RRRRRRR...RRRRRRR... RRRRRRR... R”
เสียงริงโทนโหดมากขนาดผมไม่ใช่คนหูไวยังต้องตื่น... ไม่รู้ว่ามันคือเพลงอะไร เพราะไม่มีคนร้อง มีแต่เสียงโซโลกีตาร์
“พุ?” เสียงกระซิบดังมาจากคนที่ซ้อนอยู่ข้างหลัง
ผมพลิกตัว แล้วเอาหน้าไปซุกไว้ใต้คางคนเรียก... ยังไม่อยากตื่นอ่า “ง่วงงงง”
“ต้องโทษใครดี?”
ผมไม่ตอบ งึมงำต่อรอง “อีกห้านาที”
“เที่ยงคืนแล้ว เดี๋ยวอ่านไม่ทัน”
“งั้นสาม” ขออีกนิดก็ยังดี
“อย่างอแง” พี่เล่ย์ว่า แต่ดันกระชับกอดซะงั้น แล้วผมควรจะลุกมั้ยเนี่ย “นับหนึ่ง...”
“......”
“นับสอง...”
“......”
“พุ...” เสียงอย่างดุ
ลืมตาพรึบเลยผม “อื้อออ ตื่นแล้วๆ”
“ตื่นแล้วก็ลุก” พูดแล้วคุณพี่ก็ลุกขึ้นนั่ง พร้อมกับรั้งผมขึ้นไปด้วย “ไปอาบน้ำ จะได้สดชื่น”
ไถลตัวลงจากเตียงแบบเบลอๆ เพราะวิญญาณยังไม่เข้าร่างดี... แล้วก็เดินโซซัดโซเซเข้าห้องน้ำไป
“ห้ามไปหลับในห้องน้ำนะ” ชิ รู้ทันอีก
ความง่วงหายไปชั่วขณะ หันไปย่นจมูกให้กับคนที่กำลังนวดแขนข้างที่ผมหนุนนอนไปมา คงจะเป็นตะคริว... สมน้ำหน้า คึคึ
สงสัยใช่มั้ยครับ ว่าอีกฝ่ายปลุกผมให้ลุกมาทำไมตอนเที่ยงคืน... จะไปไหนกัน?
เปล่าครับ ไม่ได้ไปไหน... แต่ที่ต้องลุกมาตอนเที่ยงคืนก็เพราะ พรุ่งนี้ผมมีเทสต์ย่อยของวิชาบัญชี
แล้วก็สงสัยอีกอะดิ ว่าพี่เล่ย์เกี่ยวไรด้วย... ตอนแรกก็จะไม่เกี่ยวอยู่แล้วครับ ถ้าพี่ท่านจะไม่เผอิญไปเห็นไอ้เอ้อ่านหนังสือเรียนอย่างคร่ำเคร่งสองวันติดๆ กัน พอถามก็ได้ความว่า มันมีเทสต์ย่อยวันจันทร์ซึ่งก็คือพรุ่งนี้ เอ้ย ไม่ใช่ดิ ต้องเป็นวันนี้ เพราะตอนนี้มันเลยเที่ยงคืนมาแล้วซึ่งทำให้พี่ท่านเกิดปุจฉาว่าผมก็เรียนกับไอ้เอ้ แล้วไม่ต้องเทสต์ด้วยหรือยังไง เพราะไม่เห็นทำไรนอกจากอ่านนิยาย... ฟงอวิ๋นครับ เพิ่งได้ภาคใหม่มาสามเล่มอ่านแบบไม่ยอมหลับยอมนอนกันเลยทีเดียว
แล้วพอรู้ว่าผมก็ต้องเทสต์เหมือนกัน แต่ยังไม่ได้อ่านหนังสือซักตัว... เท่านั้นแหละ
ฟงอวิ๋นของผม... โดนยึด!!!
ฮึ่ย! ไอ้เอ้นะไอ้เอ้... ทำไมไม่อ่านในห้องตัวเองวะจะลงมาอ่านข้างล่างทามม้าย
แล้วพอผมต่อรองขออ่านตอนเที่ยงคืนไปถึงเช้า และสัญญาว่าอ่านทันแน่ๆ พี่เล่ย์ถึงโอเค... ไม่ใช่ข้ออ้างนะ เป็นมาแต่เด็กแล้วครับ ต้องอ่านช่วงนี้สมองกำลังโล่งเลยยัดอะไรก็เข้าอ่านตอนพระอาทิตย์ขึ้นไม่ได้ เดี๋ยวเสื่อมคึคึ
แต่ยังไงพี่แกก็ยังไม่ยอมคืนฟงอวิ๋นของผมอยู่ดี บอกสอบเสร็จค่อยอ่านและบังคับให้ผมนอนเร็วด้วย เพื่อที่จะได้ตื่นมาอ่านหนังสือตอนเที่ยงคืนตามสัญญา... นอนตั้งแต่หกโมงอะ พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินเลย เซ็ง
ส่วนเสียงริงโทนโหดๆ นั่นก็ไม่ใช่ของใครที่ไหนครับ เป็นของพี่เขาล่ะ...
เพราะกลัวผมไม่ตื่น จึงเป็นคนตั้งนาฬิกาปลุกเอง
เดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นเจ้าของเสียงริงโทนโหดนอนเล่นอยู่บนเตียง ผมจึงบอก “ปิดไฟกลางห้องก็ได้ครับ เดี๋ยวพุเปิดโคมไฟอ่าน”
“เสียสายตา” พี่เล่ย์ว่า แล้วก็เดินสวนเข้าไปในห้องน้ำบ้าง
สักครู่เสียงน้ำจากฝักบัวก็ดังขึ้น...
อย่าบอกนะว่า... จะอยู่คุมผมอ่านหนังสือสอบ!
“ทำไมไม่นอนต่อ” ผมถามคนที่เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องน้ำ
“ไม่ง่วง นอนตั้งหกชั่วโมงแล้ว”
ใช้คำว่า ‘ตั้ง’ เลยเหรอ... แต่สำหรับผมมัน ‘แค่’ เองนะ
ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว พี่แกก็ขึ้นไปนั่งเอนๆ บนเตียง เปิดทีวี แต่ไม่เปิดเสียง ก่อนจะหันมาบอก “มองอะไร อ่านสิ”
ชิ ดุจริง!
หยิบสมุดขึ้นมากาง แล้วผมก็เริ่มลงมือทำ... นี่คือวิธีการอ่านหนังสือวิชาบัญชีของผมครับ อ่านแล้วมันไม่เคยจะเข้าหัว ต้องลงมือทำ ทำเยอะๆ เดี๋ยวมันก็ชิน แล้วก็จำได้เอง...
ประมาณเกือบตีสี่... มั่นใจว่าทำได้แล้ว ผมจึงเก็บหนังสือกับสมุดเข้ากระเป๋า
“อ่านจบแล้ว?”
สะดุ้งเลยครับ นึกว่าหลับไปแล้วซะอีก เห็นนอนนิ่ง “จบแล้ว”
“แน่ใจ... แล้วไมไอ้เอ้มันอ่านตั้งนาน เรียนด้วยกันป๊ะเนี่ย”
“ก็พุเก่งอะ ทำไม” ผมว่าแล้วยักคิ้วกวนๆ
พี่เล่ย์หัวเราะหึๆ แล้วบอก “ให้มันจริงเถอะ”
ชิ ดูถูก “ไม่เชื่อก็อย่าเชื่อ เดี๋ยวเอาคะแนนมาให้ดู”
“อย่าลืมละกัน” พี่เล่ย์ว่า ไม่ได้นึกเลยใช่มั้ยว่ามันคือการประชด
สรุปกูมีแฟนหรือพ่อวะเนี่ย...
เสียงจ๊อกแจกจอแจภายในห้องไม่ได้ทำให้ผมสนใจสักเท่าไหร่ เพราะกำลังขะมักเขม้นกับการบ้านวิชาบัญชีตรงหน้า... เทสต์เสร็จแล้วยังจะมีการบ้านอีก อาจารย์จะโหดไปมั้ย
และเพราะความไม่สนใจนี่แหละ เมื่อเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหน้าหันมาถาม ผมจึงตอบไปโดยไม่ทันคิด...
“พุ?”
“ว่า?”
“ปกติ แฟนแกนอนฝั่งไหน ด้านในหรือติดกับประตู”
“ติดประตู...”
ปากกาที่กำลังจรดลงไปบนกระดาษชะงักค้าง ผมเงยหน้าขึ้นมองพวกเธอเหวอๆ เมื่อรู้ตัวว่าหลงกลพวกสาวๆ ซะแล้ว...
“เห็นมั้ย ชั้นบอกแล้วว่าแฟนมัน” หนึ่งในนั้นพูดพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
“อะไร?” ผมพยายามทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ตีเนียนเข้าไว้
แต่คงจะเนียนไม่พอ เมื่อเธอคนนั้นบอก “จะอะไรซะอีก ก็คนที่มารับมาส่งแกอะ แฟนใช่มั้ย? ยอมรับมาซะดีๆ”
“แฟนใคร?” เสียงดังมาจากเพื่อนผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งผมคุ้นหน้าดี แต่จำชื่อไม่ได้… พอดีเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงครับ ไม่เคยอยู่สังสรรค์กับใครทั้งนั้น เลิกเรียนปุ๊บ กลับบ้านปั๊บ
“แฟนไอ้พุไง”
“คนไหน?”
“ก็เด็กเกษตรที่มารับมันบ่อยๆ ไง” เธอว่าอย่างรู้ลึกรู้จริง ก่อนจะหันมาถาม “ชื่อไรวะพุ?”
“อยากรู้ก็สืบเอาเองดิ” พูดพร้อมกับทำท่าไม่ใส่ใจ ก้มหน้าทำการบ้านต่อ แต่หูมันกระดิกรอฟังว่าเพื่อนจะพูดยังไงต่อ
ไม่ได้กลัวว่าเพื่อนจะรังเกียจที่เป็นเกย์... เพราะนอกจากไอ้เอ้แล้ว คนในห้องก็ไม่ค่อยมีจะอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของผมสักเท่าไหร่
แต่ถึงไม่กลัว... ผมก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่าอีกฝ่ายคิดยังไง
“ชื่อเล่ย์” ไม่ใช่เสียงผมครับ
“เฮ้ย ไอ้เอ้ เดี๋ยวเถอะ”
“ไรเล่า มึงไม่ได้บอกซะหน่อยว่าห้ามพูด”
“กวนตีน” ผมว่าเน้นๆ แล้วก็บ่นงึมงำ “เดี๋ยวกลับไปจะให้พี่เล่ย์จัดการ”
“นั่นแน่ ยอมรับแล้วดิ ว่าเป็นแฟน” หูมดจมูกหนูจริงๆ สาวๆ พวกนี้
“ก็ไม่เคยปฏิเสธซะหน่อย” พยายามพูดให้มั่นใจเหมือนตอนพี่เล่ย์พูดกับเพื่อนๆ แต่มันไม่ได้ เสียงอ่อยเหลือเกิน
ง่วงนอนมาก คิดถึงที่นอนจะแย่ เลิกคลาสแล้วผมก็รีบโทรหาพี่เล่ย์ทันที
[รอแป๊บนะ จะเสร็จละ] ประโยคแรกจากคนปลายสายครับ ไม่ต้องมีคำทักทายกันละ
“เดี๋ยวพุเดินไปหาก็ได้” ขี้เกียจรอครับ ไปเดินเล่นที่เรือนเพาะชำดีกว่า
[ไกลนะ เดินไหวเหรอ]
“ไหวดิ” โรงเรียนมัธยมของผมที่ต่างจังหวัดกว้างกว่านี้อีก เวลาย้ายห้องที อาจารย์วิชาถัดไปต้องรอนักเรียนเกือบสิบนาที เพราะแต่ละตึกอยู่ห่างกันมาก “พี่เล่ย์อยู่ไหนอะ เรือนเพาะชำป๊ะ?”
[ใช่]
“โอเค”
“มาหาใครครับ?” คนนี้เป็นเพื่อนพี่เล่ย์ครับ ชอบมาแกล้งยืนขวางแล้วทักยังงี้ประจำ
ผมชี้มือไปด้านหลังของเขา แล้วบอก “มาหาคนนั้น”
พอดีกับที่ ‘คนนั้น’ เอื้อมมือมาผลักศีรษะคนที่ยืนขวางทางอยู่จนตัวเอียง “เกะกะ” ก่อนจะดึงผมให้เดินตามไป
“เหี้ย ผลักแบบนี้มึงถีบกูไปเลยดีกว่ามั้ย” เสียงคนโดนผลักดังตามมาแว่วๆ
พี่เล่ย์เหลียวไปมองคนพูด “อ้าว แล้วก็ไม่บอก งั้นก็เดินมาใกล้ๆ ตีนกูหน่อยมา จะได้ถีบให้ถนัดๆ”
“สัด” เพื่อนพี่เล่ย์ด่า พร้อมชูนิ้วกลางให้ ก่อนจะเดินเลี่ยงไปที่แปลงของตัวเอง
“หึ หึ”
“อ้าว พุ มาหาไอ้เล่ย์เหรอ” เสียงทักดังมาจากแปลงข้างๆ ครับ
ผมหันไปมอง แล้วยิ้มให้กับคนถาม แต่ยังไม่ทันจะตอบ เพื่อนอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็พูดแทรกขึ้นมา “ถามโง่ๆ เน๊าะ ไม่มาหาไอ้เล่ย์ แล้วจะให้มาหามึงเหรอ” ก่อนจะส่ายหน้าเหมือนเอือม “มาทีไรก็แม่งมีแต่คำถามเดิมๆ มึงถามอย่างอื่นไม่เป็นใช่มั้ย”
คนที่ทักผมหันไปมองหน้าเพื่อนงงๆ “แล้วมึงเป็นเหี้ยไร แค่กูถามคำถามเดิมถึงกับต้องด่าเลยเหรอ... กูผิดมากใช่มั้ย”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงเพื่อนคนอื่นๆ หัวเราะครับ กระทั่งพี่เล่ย์ยังขำ... น้ำเสียงช่างตัดพ้อต่อว่ามากๆ
“เออ... ผิดมาก เพราะกูรำคาญ คราวหลังก็ช่วยถามอะไรที่มันสร้างสรรค์กว่านี้หน่อยนะ”
“เช่น?”
“เช่น... พุ เมื่อไหร่จะเลิกกับไอ้เล่ย์ แล้วมาเป็นแฟนเราซะท- เฮ้ย!!” คำสุดท้ายที่ตะโกนออกมา เพราะมีดินลึกลับลอยไปปะทะใบหน้าครับ
แล้วเจ้าของดินก็ลุกขึ้นยืน เอ่ยเหมือนสำนึกผิด “โทษทีว่ะ ขุดแรงไปหน่อย” แต่ปากนี่ฉีกยิ้มกว้าง แถมยังยักคิ้วกวนๆ ด้วย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงคนอื่นๆ หัวเราะสะใจครับ รวมถึงตัวคนทำด้วย
“ไอ้เหี้ยยยย” คนโดนสาดดินใส่ลากเสียงด่าคนทำ ก่อนจะบ่นพึมพำ “แม่ง ไม่มีการแยกแยะ อันไหนเล่น อันไหนจริง”
พี่เล่ย์ยักคิ้วอีกรอบ พร้อมกับหัวเราะหึๆ ก่อนจะนั่งลงพรวนดินในกระถางต่อ
อ้อ ลืมบอก... คนที่โดนดินสาดใส่หน้าเป็นถึงเดือนคณะเลยนะครับ หล่อใช้ได้แต่พี่เล่ย์หล่อกว่า คึคึ... หน้าตาท่าทางเหมือนพวกคุณชาย แต่ไหงมาเรียนเกษตรได้ก็ไม่รู้
อยู่ดูพี่เล่ย์ทำงานไม่ถึงชั่วโมงก็เสร็จ...
“เฮ้ย เสร็จแล้วเหรอ” เสียงของแบล็ค เดือนคณะเอ่ยทักเมื่อเห็นพี่เล่ย์เดินไปล้างมือ
พี่เล่ย์พยักหน้า “เออ เสร็จแล้ว ของมึงล่ะ”
“เสร็จกูก็กลับแล้วสิ” เพราะคำตอบเป็นแบบนี้ไง เลยได้นิ้วกลางไปเชยชม
ผมโบกมือบ๊ายบายเพื่อนๆ ของพี่เล่ย์ ตอนที่อีกฝ่ายดึงมือให้ออกเดิน “ไปละ”
“โอเค แล้วมาใหม่นะ”
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
ยังดีน๊าที่เอาไม้ปัก ไม่ได้เอาตัวพลุปักลงดิน -_-"
-
:z13: :z13: คิดถึงมากๆๆ มาอัพบอยๆนะะะะะะะ
สวัดดีปีใหม่ 2556 ค่า :mc4: :mc4: :mc4:
-
สวัสดีปีใหม่น้องพุและผองเพื่อนจ้า
-
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
หนุ่ม ๆ ฉลองปีใหม่ด้วยกันน่าสนุก
ส่วนคนอ่านหูแทบแตกเพราะบ้านอยู่ใกล้ที่จัดงานปีใหม่ของเทศบาล
-
อั้ยย่ะ คิดถึงอ่ะตัวเทออออออออออออออออออออออออออออออออออ
มาต่อบ่อยๆสิ :z2:
-
สวัสดีปีใหม่ค่ะคนเขียนและหนุ่มๆ อยากรู้จังว่าเด็กที่ปักพุ ก่อนปักมันเป็นไง สงสัยคงเมาหนัก 555
-
สวัสดีปีใหม่จ้า คนเขียน น้องพุ น้องเล่ย์ และเดอะ แก๊งซ์ ด้วยน้า
-
สวัสดีปีใหม่จ้า คิดถึงพุจ้า
-
HNY 2013 เช่นกันจ้ะ :กอด1:
คิดถึงพุ กะพี่เล่ย์มาก มาแล้ว เย้ๆๆ :z2:
-
สวัสดีปีใหม่น้องพุ เหมือนกัน
มีความสุขมากๆน้าาาา
ทุกตัวละครเลย ,,
อยากไปสวัสดีปีใหม่ ทุกเรื่องเลยยยยยย
๕๕๕๕ ^^
-
พุยังน่ารักเหมือนเดิม
-
อ่านะ มาจิ๊ดเดียวจริงๆ แต่ก็ยังน่ารักเหมือนเดิมนะ อิๆ
-
สวัสดีปีใหม่ค่า!!!!!!!!
ตอนนี้น่ารักมากกกกกกกกกกก
ชอบบรรยากาศพี่น้องทั้งพุและเล่ย์เลย
อบอุ่นรักใคร่กันจริงๆ
บวก1ต้อนรับนะคะ >.<
-
พุน่ารัก พี่เล่ย์ก็เท่ห์
ชอบตอนพุบอกรักน้องนะ น่ารักดี เขินอ่ะเด้น้องชายง
พี่เล่ย์กับพี่เกียร์ก็เหมือนกัน น่ารักมาก
:pig4:
-
น่ารักจังเลย อยากอ่านต่ออีก :o11:
มาอัพบ่อยๆนะจ๊ะ รออ่านอยู่จ้า :3123:
-
สวัสดีปีใหม่นะน้องพุกับพี่เล่ย์ ปีนี้ก็รักกันให้หวานฉ่ำเหมือนเดิมนะจ๊ะ :o8:
-
โอ้....พ่อดาวหางกะน้องเกียร์น่ารักดี รักกันดีจังสองพี่น้อง....พุกะพันก็น่ารัก ^^...ติดตามต่อไป
-
พึ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้
พุ-เล่ย์ หวานมากๆๆๆๆ ^_^
เพื่อนๆก็ฮา ตลอด
ชอบตอนไปเที่ยวแล้วไม่มีตังค์กลับบ้าน มากๆ อ่ะ
จุดเริ่มต้นของมิตรภาพ และความฮา :laugh:
ขอสมัครเป็นแฟนคลับด้วยคน
รอตืดตามตอนต่อไปนะคะ
:L2: :L2:
+1
-
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณเรนโบว์ :mc4: ขอให้สุขสมหวัง สุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจ มีแรงแต่งนิยายสนุกๆหลายๆเรื่องให้อ่านนะคะ :laugh:
ชอบบรรยากาศของพี่น้องมาก น่ารัก :-[
-
สวัสดีปีใหม่ฮะ
ขอให้มีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรงนะฮะ
-
มีความสุขๆๆ ทุกคนเล้ยยยย .. :L2:
-
น่ารักจังคู่นี้
-
รอตอนต่อไปคะ :call:
-
เรื่องนี้... ไม่นิยายดี ชอบคับ อบอุ่น เรื่อยๆ คล่องคอ
-
:L2: :L2: :L2:เข้ามารอตอนต่อไปจ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :call: :call: :call: :call:
-
สวัสดีปีใหม่ครับ
-
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้มีความสุขสมหวังดังที่ตั้งใจทุกๆคน :L2:
-
สวัสดีปีใหม่ค้าาาาาาาาาา :mc4:
-
น่าัรักกกเสมออ้ะ น้องพุ
-
อ่านรวดเดียวไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน
น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกมากกกกกกกกกเกินบรรยาย
ขอบคุณมากค่ะ
เป็นกำลังใจให้สำหรับตอนต่อไปนะคะ ^_________________________^
-
UNBELIEVABLE LOVE
Chapter Eighteen
“โหล?”
[ทำไมไม่รับสาย โทรมาเป็นร้อยรอบแล้ว] เสียงน้องชายสุดที่รักของผมเองครับ
“อยู่ข้างล่าง ไม่ได้เอาโทสับลงไป”
[มีมือถือไว้ทับกระดาษจริงๆ] เสียงพึมพำแว่วๆ
ไอ้ขี้บ่นเอ้ย ขี้เกียจฟังมันบ่นต่อ ผมเลยถามตัดบท “โทรมา มีไรป่าว?”
[จะโทรมาบอกว่า พ่อกับแม่กำลังไปหา]
“จริงอะ? แม่เอาน้ำพริกมาด้วยป่าว” ผมถามด้วยน้ำเสียงดีใจ
แต่ไอ้พันกลับทำเสียงหงุดหงิดใส่ซะงั้น [พุ... บอกว่าพ่อกับแม่กำลังไปหา ไม่เข้าใจหรือไง?]
พูดอะไรแปลกๆ “เข้าใจสิ ถึงได้ถามไงว่าได้เอาน้ำพริกมาฝากป่าว”
[เฮ้อ] มันทำเสียงฮึดฮัดอย่างขัดใจ [ไม่เข้าใจจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย?]
ผมนิ่วหน้า อะไรของมัน “ไม่เข้าใจอะไร?” เริ่มจะหงุดหงิดบ้างละ
[พ่อกับแม่กำลังไปหา... ไปดูว่าพุอยู่ยังไง ที่ไหน... กับใคร] คำสุดท้ายขีดเส้นใต้ได้มันคงขีดไปแล้วครับ เน้นเหลือเกิน... แต่เพราะเน้นนี่แหละที่ทำให้ผมเก็ท “เฮ้ย!”
[คราวนี้เข้าใจแล้วใช่มั้ย?]
“เข้าใจแล้ว” แต่เอ๊ะ ทำไมไอ้พันมันถึงโทรมาเตือนล่ะ มันรู้อะไร และขนาดไหน“เอ่อ พัน?”
[ว่าไง?]
“พัน... โทรมาไมอะ?”
[โทรมาทำไม?] มันคงงงกับคำถามผมครับ [ก็โทรมาเตือนไง]
“เตือนอะไร?”
[.............]
เมื่อมันเงียบ ไม่ยอมพูด ผมจึงถามต่อ “พัน...พันรู้แล้วเหรอ?”
และมันก็ตอบโดยไม่ถามว่าผมหมายถึงอะไร [อืม... รู้แล้ว]
“ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
[ตั้งแต่ครั้งแรกที่พุพามา]
“ห๊ะ?” รู้มาตั้งนานแล้วเหรอเนี่ย“แล้ว... พันโอเคมั้ยอะ”
[ถ้าพันไม่โอเค พุจะทำยัง?]
ผมส่ายหน้า ก่อนจะนึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่เห็น “ไม่รู้”
เสียงถอนหายใจจากคนปลายสายดังมาถึงนี่ [พันโอเค...] ผมยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำตอบ ก่อนรอยยิ้มจะหุบลงเมื่ออีกฝ่ายพูดต่อ [แต่พ่อกับแม่สิ จะโอเคหรือเปล่า]
ผมนิ่งไปนิด ก่อนจะถาม “แล้ว... พันคิดว่าพ่อกับแม่จะโอเคมั้ยอะ?”
เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้ง [ไม่แน่ใจเหมือนกัน... แต่พันก็เคยแย็บๆ ไปบ้างแล้ว]
“แย็บอะไร?”
[ก็... ตอนที่พันรู้เรื่องพุกับเฮียเล่ย์... พันแกล้งถามพ่อกับแม่ว่า ถ้าพันเป็นเกย์ พ่อกับแม่จะว่ายังไง]
“แล้วพ่อกับแม่ว่าไง”
[พ่อก็หัวเราะใส่หน้า ส่วนแม่ก็บอก... หักอกผู้หญิงไม่พอ ยังจะไปหักอกผู้ชายอีกเหรอ]
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แม่พูดถูกใจอะ”
[ตลก...] แต่เสียงมันไม่ตลกอะครับ [ยังจะขำออกอีกเหรอ]
ผมทำหน้ามุ่ย “แล้วจะพูดทำไมเนี่ย อุตส่าห์ลืมไปได้นิดนึง”
[ลืมแล้วช่วยอะไรได้ เตรียมตัวไว้เหอะ ป่านนี้พ่อกับแม่ไปถึงแล้วมั้ง]
“อ้าว แล้วพันล่ะ” นึกว่ามันมาด้วยซะอีก... งี้ก็ไม่มีคนคอยสนับสนุนสิ
[อยู่บ้าน... ไปกันหมดแล้วใครจะเฝ้าบ้าน] แล้วจะทำเสียงดุทำไมเนี่ย
“แล้วพ่อกับแม่ออกมานานยังอะ?” ผมถามด้วยความกังวล... กำลังงงว่าควรจะทำยังไงดี
[ออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว ป่านนี้คงใกล้ถึงแล้วล่ะ] มันบอก ก่อนจะถามหาใครอีกคน [แล้วเฮียเล่ย์ล่ะ อยู่ป๊ะ?]
“อยู่ข้างล่าง... ถามหาทำไม?”
มันไม่ตอบ แต่ถามไปอีกเรื่อง [เขาดีกับพุมั้ย?]
“อืม... ดี” ผมตอบ แล้วก็เล่าให้ฟัง “อาทิตย์ก่อนโน้นก็เพิ่งจะไปบ้านพี่เล่ย์มา”
[แล้วเป็นไง... ครอบครัวเขา... โอเคมั้ย?]
“โอเค... พ่อกับแม่ใจดี แต่ขี้แกล้งไปหน่อย” พูดพร้อมกับย่นจมูกเมื่อนึกถึงครั้งแรกที่เจอกันแล้วอีกฝ่ายรับน้องซะผมร้องไห้
[ดีกว่าเขาเย็นชาใส่]
“อื้อ”
[...........]
“พัน?”
[หืม?]
“พันว่า พุควรจะบอกพ่อกับแม่มั้ยอะ?”
[ก็... แล้วแต่พุสิ พร้อมหรือยังล่ะ?] นึกภาพมันยักไหล่ออกเลยครับ
“ก็... ไม่แน่ใจอะ”
[แล้วเฮียเล่ย์ว่าไง?] มันเรียกพี่เล่ย์ว่า ‘เฮีย’ ตั้งแต่ตอนไปบ้านครั้งแรกแล้วครับ...
“พี่เล่ย์บอก... ไม่อยากปิดบัง”
[อืม...] มันงึมงำอยู่ในลำคอ ก่อนจะบอก [พันว่า จริงๆ พ่อกับแม่ก็น่าจะพอรู้นะ]
ผมทำตาโต “พอรู้อะไร เรื่องนี้?”
[อืม... เรื่องนี้]
“ยังไง ทำไมรู้อะ?” ผมถามเสียงตกใจ
ไอ้พันถอนหายใจอีกแล้วครับ ก่อนจะว่าอย่างดูถูก [ทำไมจะไม่รู้ คิดว่าตัวเองเนียนมากหรือไง?]
เบื่อน้องวะ ชิ
วางสายจากไอ้พันแล้วผมก็รีบวิ่งลงบันไดไปหาพี่เล่ย์เพื่อบอกเรื่องที่พ่อกับแม่จะมา... แต่พอลงไปถึงชั้นล่างก็ต้องชะงักกึก “อ๊ะ”
“ทำไมไม่เดินลงมาดีๆ วิ่งอย่างนั้นเดี๋ยวก็แข้งขาหัก” เสียงดุจากผู้หญิงคนสำคัญที่สุดในชีวิตของผมเองครับ
ผมทำหน้าเหวอ “อะ เอ่อ”
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น ไม่ดีใจหรือไงที่เห็นพ่อกับแม่?” ส่วนเสียงนี่ก็มาจากผู้ชายหนึ่งในสามคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผมเองครับ
ผมเหลือบตามองพี่เล่ย์ที่นั่งอยู่ไม่ไกล ก่อนจะยิ้มแหยๆ ให้พ่อกับแม่ “ดะ ดีใจครับ พ่อกับแม่มานานยัง ทำไมพุไม่ได้ยินเสียงรถอะ? แล้วมาถูกได้ไงครับ?”
ที่ผมคุยกับไอ้พันนานและไม่รีบร้อนเพราะคิดว่ายังไงพ่อกับแม่ก็ไม่น่าจะมาถูก หากใกล้ถึงแล้วคงจะโทรมาถาม ไม่นึกว่าท่านทั้งสองจะรุกประชิดตัวขนาดนี้
“จะให้ตอบคำถามไหนก่อนดี?” พ่อถามอย่างอารมณ์ดี ส่วนแม่ก็บอก “เพิ่งมาถึงกี้นี้เอง และที่ไม่ได้ยินเสียงรถเพราะไม่ได้ขับรถมา...”
“อ้าว แล้วมาไงครับ?”
“มารถตู้ แล้วก็ต่อแท็กซี่” พ่อบอก ก่อนแม่จะเสริม “แต่เข้ามาไม่ได้ ติดอยู่ตรงป้อมยาม เลยโทรมาบอกให้เล่ย์ออกไปรับ”
ผมพยักหน้าเข้าใจพร้อมกับเดินไปนั่งโซฟาตัวเดียวกันกับแม่... ส่วนในใจ‘ไปรับกันตอนหน๊าย ทำไมไม่บอกให้รู้บ้างแล้วทำไมพ่อกับแม่ถึงโทรหาพี่เล่ย์ ทำไมไม่โทรหาผม’ “เอ่อ แล้วพ่อกับแม่จะอยู่กี่วันครับ?”
“ว่าจะอยู่สักสองสามวัน” พ่อเป็นคนตอบ
และยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรต่อ คนที่นั่งเงียบมาตลอดก็เอ่ยแทรกขึ้นมา “พ่อกับแม่มาเหนื่อยๆ ไปพักผ่อนก่อนดีกว่าครับ อยู่หลายวัน เดี๋ยวค่อยคุยกันก็ได้”
“เหนื่อยที่ไหน นั่งรถไม่กี่ชั่วโมง ไม่ได้ไปแบกไปหามอะไรซักหน่อย” พ่อแย้ง ก่อนจะถามคู่ชีวิต “ว่าแต่แม่เถอะ เหนื่อยหรือเปล่า?”
แม่ส่ายหน้า “ไม่เหนื่อย แต่ร้อน อยากอาบน้ำ... ห้องพุอยู่ไหน?”
“ชั้นสามค-” พูดยังไม่ทันจะจบประโยคผมก็นึกขึ้นได้...
เชี่ยแล้ว!! แม่กำลังจะไปที่ห้อง
ห้องที่ตอนนี้มีทั้งสมบัติของผมและพี่เล่ย์เต็มไปหมด...
เตียงขนาดคิงไซส์... เสื้อผ้าต่างไซส์ในตู้... ตู้หนังสือที่ไม่ได้มีแต่วิชาบริหาร... โน๊ตบุคสองเครื่อง... แปรงสีฟันคู่ในห้องน้ำ... รองเท้าสองไซส์
ตายแน่กู!!
“เอ่อ ดะ เดี๋ยวพุไปเก็บห้องก่อนครับ มันรก แม่อย่าเพิ่งขึ้นไป รอแป๊บ” ผมรีบดึงแม่ให้นั่งลง เมื่อเห็นอีกฝ่ายลุกขึ้นยืน
แม่นิ่วหน้า “มันจะรกขนาดไหนเชียว”
“ก็... รกมากอะครับ”
“ไม่เป็นไร แม่ชินแล้ว” แม่ว่ายิ้มๆ ก่อนจะลุกขึ้นใหม่
ผมดึงแม่ให้นั่งลงใหม่ “แป๊บเดียวครับ พุเก็บไม่นาน แม่อย่าเพิ่งขึ้นไปเลย พุอาย”
“อายอะไร ทำยังกับว่าแม่ไม่เคยเห็น” แม่ลุกขึ้นใหม่
“แม่...”
ไม่ยอมนั่งลงตามแรงฉุด แม่ดุ “เอ๊ เจ้าพุ เป็นอะไรเนี่ย... ก็แม่บอกแล้วว่ารกก็ไม่เป็นไร” ก่อนจะนิ่วหน้า “หรือว่าเรามีอะไรปิดบังแม่ ถึงไม่ยอมให้ขึ้นไปสักที”
“เออ เจ้าพุ เรามีอะไรปิดบังพ่อกับแม่ ทำไมต้องทำท่าลุกลี้ลุกลนขนาดนั้น... แอบซ่อนสาวไว้บนห้อง แล้วไม่อยากให้แม่ไปเจอหรือเปล่า” พ่อหยอกขำๆ
“ปะ เปล่าครับ... ไม่มีซะหน่อย” ผมตอบตะกุกตะกัก พร้อมกับส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางพี่เล่ย์ แต่พี่แกกลับเลิกคิ้วขึ้นแล้วนั่งเฉย เหมือนไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย
“ไม่มีก็ดีแล้ว พาแม่ไปที่ห้องสักที จะได้อาบน้ำ... เหนียวตัวจะแย่” แม่ว่า ก่อนจะหันไปถามพ่อ “แล้วพ่อล่ะ ไม่ไปอาบน้ำอาบท่า ไม่เหนียวตัวหรือ?”
“แม่อาบเสร็จแล้วลงมาตามพ่อด้วยแล้วกัน ขอคุยกับเล่ย์ก่อน”
ผมทำตาโต เผลออุทานออกมาอย่างตกใจ “ห๊ะ?” เมื่อทั้งสามคนหันมามองด้วยสายตามีคำถาม ผมก็ยิ้มแหยๆ บอกเสียงอ่อยๆ “เอ่อ พุเพิ่งนึกได้ว่าลืมโทรหาเพื่อนอะครับ” ก่อนจะถามเรื่องที่ข้องใจออกไปเพราะเก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่ “แล้ว...พ่อจะคุยอะไรกับพี่เล่ย์ครับ”
พ่อเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะพูดกลั้วหัวเราะ “ถามทำไม ไม่ได้นินทาพุหรอกน่า” แล้วโบกมือไล่ “ไปๆ พาแม่ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวพ่อจะได้อาบมั่ง”
“เตียงใหญ่ดีเนอะ” ประโยคแรกที่แม่ทักเมื่อเดินเข้ามาในห้อง “ของเจ้าของบ้านเหรอ?”
ผมยิ้มแหยๆ แล้วบอก “เอ่อ ไม่ใช่ครับ” นึกในใจ แม่ต้องถามแน่เลยว่าเอาเงินที่ไหนไปซื้อเตียงใหญ่ขนาดนั้น... และไม่ใช่เฉพาะเตียงครับ
ของทุกอย่างที่อยู่ในห้องนี้ บ่งบอกได้เลยว่า ด้วยเงินเดือนที่พ่อส่งมาให้ ผมไม่มีปัญญาซื้อเองแน่...
แต่ผิดคาด... แม่แค่เลิกคิ้วขึ้น ไม่ได้ถามอะไรต่อ เพียงดึงกระเป๋าที่ผมยกมาให้ไปถือเอง แล้วรื้อเสื้อผ้าและของใช้บางอย่างออกมา ก่อนจะบ่นไปคนละเรื่อง “เฮ้อ เมืองไทยเดี๋ยวนี้ทำไมมันร้อนจริงๆ” เมื่อได้ของครบตามต้องการแล้วก็ถามหา “ไหน ห้องน้ำ?”
เดินไปดันประตูบานพับให้เปิดออก มองเข้าไปตรงเคาน์เตอร์ล้างหน้าเห็นแปรงสีฟันสองอันในแก้วแล้วผมก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้... เอาวะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด “ห้องนี้ครับ”
“อ้าว นี่ห้องน้ำเหรอ ตอนแรกนึกว่าตู้เสื้อผ้าซะอีก”
ผมชี้ไปยังช่องข้างๆ ห้องน้ำที่เป็นทางเข้าห้องเก็บเสื้อผ้า แล้วบอก “ตู้เสื้อผ้าอยู่ในห้องนั้นครับ”
เมื่อแม่เดินหายเข้าไปในห้องน้ำแล้ว... ผมก็มายืนหมุนไปหมุนมาอยู่กลางห้อง....
ทำอะไรไม่ถูกครับ เพราะจะแก้ไขอะไรตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว รอโดนลงอาญาอย่างเดียว
ป่านนี้แล้วไม่รู้พี่เล่ย์จะเป็นยังไงบ้าง.... นึกเป็นห่วง ผมย่องลงบันไดไปแอบดูพ่อกับพี่เล่ย์ที่คาดว่าน่าจะยังนั่งอยู่ที่ห้องโถงด้านล่าง
แต่เอ... ทำอะไรกันอยู่ ทำไมเงียบจัง ขนาดผมย่องลงมาเกือบถึงชั้นล่างแต่ก็ยักไม่ได้ยินเสียงคนคุยกัน
ชะโงกหน้าไปดูที่ห้องโถง... อ้าว หายไปไหนกันแล้ว
และขณะที่ผมกำลังเหลียวซ้ายแลขวาอยู่นั้น เสียงหัวเราะที่ดังมาจากทางหลังบ้านก็ทำเอาสะดุ้งตกใจ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เสียงพ่อผมเองครับ... ดังมาจากข้างนอก น่าจะอยู่ตรงสวนผัก
ชะโงกหน้าไปดู จังหวะเดียวกันกับที่พ่อหันมาพอดี “อ้าว เจ้าพุ มีอะไร แล้วแม่ล่ะ”
ผมทำหน้าเหวอ เพราะไม่คิดว่าพ่อจะหันมากะทันหันแบบนี้ “อะ เอ่อ แม่อาบน้ำอยู่ครับ พุจะลงมาเอาน้ำไปไว้ดื่ม”
ได้ยินคำตอบ....
พ่อพยักหน้าเข้าใจ แล้วหันไปสนใจผักในแปลงต่อ
ส่วนพี่เล่ย์ก็เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง สีหน้าเรียบเฉย แต่ดวงตายิ้มพราว แล้วพูดไม่ออกเสียง ซึ่งพอจะอ่านริมฝีปากได้ว่า ‘เด็กไม่ดี ชอบโกหก’ เพราะตู้เย็นบนห้องก็แช่น้ำอยู่เพียบ
ผมแลบลิ้นให้คนดีไปที ก่อนจะเดินไปหยิบน้ำในตู้ออกมาหนึ่งขวดเพื่อความเนียน แล้วเดินกลับขึ้นมาบนห้อง...
แม่อาบน้ำเสร็จพอดี ” กระเป๋าแม่ล่ะ?”
ผมชี้ไปที่ห้องเก็บเสื้อผ้า “แม่เข้าไปแต่งตัวในนั้นเลยก็ได้ครับ พุเอาชุดไปแขวนไว้ให้แล้ว” และล็อคตู้ใส่เสื้อผ้าและรองเท้าของพี่เล่ย์เรียบร้อยแล้ว...
โน้ตบุค... หนังสือ... นาฬิกา... ที่เป็นของพี่เลย์ ผมเก็บเข้าตู้หมด
ภาพถ่ายที่มีรูปพี่เล่ย์ก็ด้วย...
ไม่รู้ว่าจะช่วยได้แค่ไหน... แต่ก็ทำดีที่สุดแล้ว
“ไปตามพ่อมาอาบน้ำสิ” แม่ส่งเสียงบอกขณะแต่งตัวไปด้วย
“ครับ” ผมบอก รีบทำตามคำสั่งเพราะกำลังหาโอกาสเหมาะๆ เพื่อคุยกับพี่เล่ย์ตามลำพังพอดี
“พ่อ... แม่อาบน้ำเสร็จแล้วครับ”
พ่อหันมามอง “อืม เดี๋ยวไป” แล้วก็หันไปคุยกับพี่เล่ย์ต่อ
เอ้า ทำไมเป็นงี้ล่ะ“พ่อไม่เหนียวตัวเหรอ ไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อยมาดูก็ได้”
“ไม่เหนียวหรอกน่า” พ่อว่า แล้วก็คุยกับพี่เล่ย์ต่อ
“เดินทางมาตั้งไกล เหงื่อออก เดี๋ยวตัวเหม็นนะพ่อ” ผมยังคงพยายามหาทางให้พ่อผละออกจากพี่เล่ย์อยู่
พ่อหันมามองหน้าผม แล้วนิ่วหน้า “มีอะไรหรือเปล่า เจ้าพุ ทำไมอยากให้พ่ออาบน้ำจัง?”
ผมส่ายหน้ารัวเร็ว “เปล่าครับ ไม่มีอะไร แค่อยากให้พ่อสบายตัวเฉยเฉ้ยย” ลืมตัวทำเสียงสูง
กลัวจะมีพิรุธไปมากกว่านี้ เมื่อพ่อหันไปคุยกับพี่เล่ย์ต่อ ผมจึงหยุดเซ้าซี้...
“อ๊ะ ไหน อยากให้พ่ออาบน้ำมากใช่มั้ย พาไปเลย” พ่อบอก หลังจากคุยกับพี่เล่ย์จนพอใจแล้ว
ลืมตัว ยิ้มหน้าบาน “ชั้นสามเลยพ่อ ขึ้นบันไดไป ห้องขวามือ”
“พาพ่อขึ้นไปสิ” พี่เล่ย์ว่า
พ่อพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ ให้พ่อไปคนเดียว เดี๋ยวทะเล่อทะล่า เข้าห้องคนอื่นทำยังไง”
แอบทำหน้าเซ็ง... เซ็งแฟนตัวเองนั่นแหละครับ ฮึ่ย ไม่รู้หรือไงว่าทำไมผมถึงพยายามแยกตัวพ่อออกไป...
“เอ่อ เดี๋ยวพุลงไปข้างล่างแป๊บนะครับ” ผมบอก เมื่อพาพ่อขึ้นมาถึงห้องแล้ว... ชะโงกหน้าเข้าไปอย่างเดียวครับ เท้ายังอยู่ด้านนอก
“จะลงไปไหนล่ะ มาคุยกับแม่ก่อนสิ” เสียงดังมาจากคนที่กำลังอ่านหนังสืออ่านเล่นตรงโซฟาครับ
“เอ่อ ดะ เดี๋ยว...พุ...เอ่อ” เกิดอาการติดอ่างขึ้นมากะทันหัน“จะไป... เอาน้ำ”
แม่ไม่พูดอะไร เพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นแล้วหันไปมองขวดน้ำที่วางอยู่บนถาดข้างๆ ตู้เย็น...
ผมก็เลยจำใจต้องก้าวขาเข้ามาในห้อง... เดินไปทรุดตัวลงบนโซฟาตัวเดียวกับที่แม่นั่ง “แม่... เอ่อ มีอะไรจะคุยกับพุเหรอครับ?”
“ทำไมต้องมีอะไร แม่แค่อยากคุยกับพุตามประสาแม่ลูกไม่ได้เหรอ?”
“ปะ เปล่าครับ พุไม่ได้หมายความยังงั้น พุหมา-” ผมหยุดพูดเมื่อแม่หลุดคิกออกมา “แม่แค่ล้อเล่นเอง ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น”
แล้วแม่ก็ชวนคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องบ้าน สารพัดสารเพแต่ไม่มีสักคำถามที่จะเอ่ยชื่อพี่เล่ย์ออกมา เหมือนไม่ระแคะระคายใดๆ ทั้งสิ้น
แต่... ผมก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี เพราะบรรยากาศรอบๆ ตัวแม่ มันไม่ชวนให้สบายใจเลย
และระหว่างที่คุยกันอยู่นั้น ผมก็พยายามหาทางเลี่ยง จะลงไปหาพี่เล่ย์เพื่อปรึกษาเรื่องพ่อและแม่... แต่จนแล้วจนรอด ผมก็หาโอกาสเหมาะๆ ไม่เจอซะที
จนกระทั่งพ่อเดินออกมาจากห้องน้ำ...
“ห้องนี้เจ้าของเขาทำไว้ หรือทำกันเอง” พ่อถามขณะที่เดินออกมาจากห้องแต่งตัว
“ทะ ทำอะไรครับ?” ตอนนี้เซลล์สมองบางส่วนมันตายไปแล้วครับ
พ่อพยักพเยิดไปรอบๆ ห้อง “ก็ทั้งหมดนี่แหละ ทั้งห้องน้ำ ห้องแต่งตัว ตู้เต้อ”
“ทะ ทำเองครับ” ผมตอบตะกุกตะกัก
พ่อหันมามองหน้า แล้วหรี่ตาถาม “ร้อนเหรอ ทำไมเหงื่อออก” ซึ่งมันเป็นคนละเรื่องกับที่ผมกำลังกลัวเลยครับ
ผมยกมือแตะขมับ... เหงื่อออกจริงๆ ครับ “คะ ครับ สงสัยแอร์จะไม่เย็น”
“เราเป็นคนขี้ร้อนตั้งแต่เมื่อไหร่ แม่หนาวจนขนลุกแล้วตอนนี้” แม่ว่า
“นั่นสิ แต่ก่อนหน้าหนาวทีทั้งถุงเท้าถุงมือยังไม่ค่อยจะพอ” พ่อเสริม
นึกหาข้ออ้างไม่ออก ผมยิ้มแหยๆ ยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ยังคงซึมออกมาตามขมับไม่หยุด... ความรู้สึกตอนนี้เหมือนกำลังโดนแมวหยอกอะครับ...
และ... ผมเป็นหนู
รู้สึกเหมือนหายใจจะไม่ออก หากอยู่นานกว่านี้ถึงขั้นต้องดมยาดม... ผมลุกขึ้นยืน “เอ่อ ดะ เดี๋ยวพุลงไปข้างล่างแป๊บนะครับ”
“ลงไปทำไม” พ่อถาม
“ก็... ก็พ่อกับแม่จะได้พักผ่อนไงครับ พุอยู่ด้วยก็กวนเปล่าๆ” ข้ออ้างส่งเดชมากๆ
“เอ้ เจ้าพุ เป็นอะไรมากหรือเปล่า พ่อกับแม่ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้เหนื่อย แค่ร้อนแล้วก็เหนียวตัว” พ่อว่า ส่วนแม่ก็นิ่วหน้า “ไม่ได้เจอกันนาน พ่อกับแม่อุตส่าห์มาเยี่ยม ทำไมเอาแต่จะหนีลงไปข้างล่าง... หรือว่ารำคาญพ่อกับแม่?”
ผมรีบยกมือโบก กลัวพวกท่านจะเข้าใจผิด “เปล่านะครับ พุไม่ได้รำคาญ พุก็คิดถึงพ่อกับแม่ แต่พุ... พุ... คือ...”
บุพการีของผมทั้งสองคนเลิกคิ้วขึ้น “คือ?”
“คือ...” นึกถึงคนที่อยู่ข้างล่าง อยากให้มาอยู่บนนี้ด้วยกันจัง เผื่อผมจะมีความกล้ามากกว่านี้“มะ ไม่... ไม่มีอะไรครับ”
พ่อหรี่ตามอง “แน่ใจ... ว่าไม่มีอะไรอยากบอกพ่อกับแม่?”
“..............”
“ไม่มีอะไรปิดบังพ่อกับแม่ใช่มั้ย?” เจอคำถามนี้ผมถึงกับใจหายวาบ...
คำถามที่ผมจะได้ยินตอนที่ทำความผิดแล้วถูกจับได้แต่ยังให้โอกาสจำเลยสารภาพผิดเอง...
ตั้งแต่เล็กจนโตคำสอนหรือกฎประจำบ้านของเรา คือ...
1. พี่น้องต้องรักกัน... หากผมกับไอ้พันทะเลาะกัน ไม่ว่าใครจะเป็นคนเริ่มก็ตาม ก็ต้องถูกทำโทษทั้งคู่... และเสต็ปในการทำโทษ คือ
ขั้นแรก – พ่อจะสอนพวกเราจนกว่าจะสำนึกผิด ส่วนมากก็จะถึงกับน้ำตาร่วงกันเลยทีเดียวเชียว... ถ้าสอนแล้วไม่มีทีท่าว่าเข้าใจหรือสำนึกผิด ก็นั่งฟังกันอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น จนกว่าคำพูดของพ่อจะซึมเข้ามาในกะโหลกหนาๆ ของพวกเรา
ขั้นที่สอง – และเมื่อเห็นว่าสำนึกผิดแล้ว พ่อจึงจะยอมตี... ปกติเขาจะร้องไห้กันตอนโดนตีใช่มั้ยครับ แต่สำหรับบ้านผม ถ้าไม่ยังร้องไห้ พ่อก็จะยังไม่ตี เพราะถือว่ายังไม่สำนึก... แล้วเวลาตี ถ้าทะเลาะกันหนักๆ ไม่ได้ตีทีละคนนะครับ ให้กอดกัน เอาเชือกมัด แล้วตีคู่
ขั้นที่สาม -- ยังครับ โดนตีแล้วก็ยังไม่จบ เพราะการตีไม่ใช่การลงโทษนะครับ ตีก็เพื่อให้เจ็บและจำ ส่วนการลงโทษ... ตอนเด็กๆ แม่จะทำโจทย์เลขมาให้แก้ ให้อ่านหนังสือ หรือไม่ก็คัดลายมือ 10-20 หน้าแล้วแต่ความผิดที่ทำ แต่ตอนโตพ่อจะบังคับให้ทำในสิ่งที่แต่ละคนไม่ชอบ เช่น ไอ้พันมันเป็นพวกสังคมสูง เพื่อนเยอะ พ่อก็จะห้ามไม่ให้ไอ้พันออกจากบ้าน ไม่ให้เพื่อนมาหา เลิกเรียนแล้วก็ต้องตรงกลับบ้านเลย... ส่วนผมชอบอยู่เงียบๆ อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ไม่ค่อยยุ่งกับใคร พ่อก็จะไม่ให้อยู่บ้าน พาไปนั่งเบื่อในงานบุญบ้านโน้นบ้านนี้ ครบตามกำหนดเมื่อไหร่จึงจะปล่อยให้กลับมาใช้ชีวิตปกติได้
2. ทำผิดก็ต้องยอมรับผิดและห้ามโกหก... ไม่ว่าเรื่องที่ทำลงไปจะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยหรือร้ายแรงขนาดไหนก็ขอให้บอกตามตรง จะได้ช่วยกันแก้ไข แต่ไม่ได้หมายความว่าจะลอยตัวนะครับ ยังไงก็ต้องโดนทำโทษอยู่ดี แต่โทษจะลดลง คือ ไม่ต้องโดนพ่อเทศน์เพราะรู้ตัวเองว่าผิด และอาจจะไม่โดนตีถ้าเหตุการณ์นั้นไม่ร้ายแรง ส่วนบทลงโทษก็จะต้องมีบ้างพอเป็นกระษัย แต่ถ้าทำผิดแล้วปกปิด หากพ่อแม่ไม่รู้ ก็รอดตัวไป... แต่ถ้ารู้ทีหลัง โทษหนักแล้วคิดว่าความลับมีในโลกเหรอครับ
3. ห้ามพูดหยาบคาย... ตอนเด็กๆ นี่ไม่ได้เลยครับ ขึ้นมึงขึ้นกูเมื่อไหร่ โดนไม้เมื่อนั้น ด่ากันนี่ไม่ต้องพูดถึง แต่ตอนโตก็ไม่ค่อยเคร่งแล้วครับ แค่มองด้วยสายตา เพราะถ้าเคร่งไอ้พันคงโดนตีทุกวัน
“พุ ฮึก พุขอโทษ ฮึก” น้ำตามันไหลออกมาตอนไหนไม่รู้ รู้อีกทีผมก็พูดไปสะอื้นไปแล้ว...
“ขอโทษเรื่องอะไร?” พ่อถามเสียงเรียบ
ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกไปด้วย ผมพูดไปด้วย “เรื่อง ฮึก พุกับพี่เล่ย์ ฮึก พ่อกับแม่ ฮึก อย่าโกรธพุเลยนะ ฮึก พุ ฮึก...”
“ทำไมพ่อกับแม่ถึงต้องโกรธพุ?” นี่คือสไตล์การอบรมของพ่อครับ ท่านจะไม่บอกว่าพวกเราผิดอะไร แต่จะถามแล้วให้เราตอบ...
“เพราะพุ ฮึก ผิด ฮึก ที่เป็น ฮึก แบบนี้ ฮึก”
“เป็นแบบไหน?”
ผมยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากแก้มอีกรอบ “พุเป็น ฮึก เกย์ ฮึก พุชอบ ฮึก ผู้ชาย ฮึก ฮึก พุขอโทษ ฮึก”
“ชอบผู้ชายแล้วผิด? แล้วพุรู้สึกผิดหรือเปล่า?”
ผมนิ่งไปชั่วครู่ เพื่อสำรวจความรู้สึกของตัวเอง ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ “ฮึก เปล่าครับ ฮึก พุ ฮึก ไม่ ฮึก รู้สึกผิด ฮึก พุรัก ฮึก พี่เล่ย์ ฮึก”
“ถ้าไม่รู้สึกผิด แล้วทำไมถึงคิดว่าตัวเองผิด?”
พยายามปาดน้ำออกจากตาเพื่อจะได้มองหน้าพ่อกับแม่และเห็นความรู้สึกบนใบหน้าของท่านทั้งสองชัดๆ “พุ ฮึก ไม่อยาก ฮึก ให้พ่อกับแม่ ฮึก ผิดหวัง ฮึก”
“ทำไมถึงคิดว่าพ่อกับแม่จะผิดหวัง? พ่อกับแม่สอนพุและพันว่ายังไง?”
“ให้เป็น ฮึก คนดี ฮึก”
“ข้อสอง?”
“ให้ ฮึก รู้คุณคน”
“ข้อสาม?”
“ให้อ่อนน้อม ฮึก ถ่อมตน”
“ข้อสี่?”
“ให้ช่วยเหลือ ฮึก คนที่ ฮึก อ่อนแอกว่า ฮึก”
“ข้อห้า?”
“ให้สงสารคนที่ ฮึก ด้อยกว่า”
“แล้วห้ามรักชอบกับผู้ชายอยู่ในข้อไหน?”
ผมส่ายหน้า “ไม่มีครับ ฮึก”
พ่อไม่พูดอะไรต่อ แค่เลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่คลี่ออกน้อยๆ
ส่วนแม่ก็ยิ้มแล้วอ้าแขนออก... ผมโผเข้าไปซบกับอกแม่แล้วก็ปล่อยโฮออกมาด้วยความโล่งใจ
“พ่อกับแม่รู้แล้วทำไมไม่บอกพุอะ?” ผมทำหน้ามุ่ย... ปล่อยให้เราใจเสียอยู่ได้
พ่อดีดหน้าผากผมไปโป๊กนึง “แล้วเราทำไมไม่บอกพ่อกับแม่? ถ้าไม่ถามก็คงไม่พูดใช่มั้ย?”
“ก็ พุกลัวพ่อกับแม่จะรับไม่ได้นี่” ผมแก้ตัวเสียงอ่อย
“ชอบคิดเองเออเองตลอด” แม่ว่าบ้าง
“สมน้ำหน้ามัน จริงๆ เราไม่น่าจะรีบเฉลยเลย แกล้งต่ออีกซักหน่อยก็ท่าจะดี” พ่อทับถมต่อ
“พ่ออ่า”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
:z13:
ทำไมไปถึงแค่แขนละค้า...... :haun4:
-
มาแย้วววว ขอบคุณค่า >w<
-
คิดถึงค่ะ :L2:
-
เหมือนจะสั้นเนาะ อยากอ่านอีกอ่ะ
-
กรี๊ดดด นึกว่าตาฝาดดด
ว่าเเต่พอถึงเเขนเเล้วยังไง o18 o18
-
คิดถึงจ้า มาต่อแว้วดีใจ :กอด1:
รอน้องพุไปพบแม่พี่เล่ย์ค่ะ เจออาร์ตตัวแม่ของจริงแล้วนะคราวนี้ :laugh:
-
พุน่ารักตลอด :man1:
:pig4:
-
ต่อเลยๆๆๆๆ :z1:
-
อร๋าย พุน่ารักอะ ไปเจอแม่พี่เลย์จะเป็นงัยน๊า
-
เหมือนเป็นบ้า เราชอบอ่านเรื่องนี้มากกกกกก
ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ช่วงรออ่านตอนใหม่
ก้ชอบเข้ามาอ่านตอนเก่าซ้ำไปซ้ำมา ฮ่าๆ
ชอบพี่เล่ย์ไม่ไหวแล้วววววว พุก้น่ารัก >.<
ขอบคุณที่มาต่อ และ รออยู่เสมอนะคะ จุ้บๆ
-
อ่าววว เค้าค้างอ่ะ :serius2:
-
น้องพุหายไปนานพอดูนะเนี่ย
-
พี่เล่ย์น่ารักอ่ะ ขอสักคนได้มั้ยแบบนี้ :impress2:
-
ตื่นเต้ลแทนน้องพุจะได้ไปเจอแม่สามี อิอิ
-
พุจะเจอแม่สามีแล้วววว
เชียให้เป็นลูกรัก เอาชนะใจคุณแม่ได้น้ะจ้ะ
-
:mc4: :mc4: :mc4:
พุกลับมาแล้ว
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดแล้วยังไงต่อหล่ะคะ o18 :m25:
จะพบแม่แว้วว พี่เล่ ทำอะไร รวดเร็วทันใจดีจัง
-
มาแล้ว....... :impress2: :กอด1: :impress2:
-
ชอบพี่เล่ย์อ่ะ :-[ เปิดตัวสะใภ้แม่จะว่ายังไงน๊า :z2:
-
ได้เวลาเปิดตัวแล้ว
-
เย่ มาต่อตอนปกติแล้ว มันนานมากกกก 555
-
อ๊าซซซซซ ลากลิ้นไปตาม ... อ๋อยยยยย
ตายไปเลย
พี่พิทตรงพี่เป็นเทพีหยั่งรู้นี่ล่ะ 555
อันบีลิฟจริงๆ
กดบวกให้พี่พิท ส่วนเล่ย์ให้เป็ดหื่นนายไป ชอบบบบ!
-
น้องพุจะได้เปิดตัวเป็นสะใภ้แล้วสิเนี่ย :z1:
แต่ทำไมตัดจบแค่เลียแขนล่ะคะ คนอ่านรู้สึกเหมือนขาดๆอะไรไปนะ :haun4:
-
อยากอ่านต่อ ... :serius2:
-
ไล่มาถึงแขนแล้ว จะไปจบที่ไหนน้า อยากเผือกจัง 555 :pigha2:
-
เอาใจช่วยพุ มัดใจแม่สามีให้ได้น่ะ อิอิ
-
มากแล้ว น่าร้ากกกกกกกกมากกกกก ^^
คือไม่รู้งัยชอบเรื่องนี้มากกกกก
ชอบพี่เลย์ เพราะเท่ห์ดี ความคิดเป็นผู้ใหญ่ ใจนักเลงดี รักพุมากด้วย
ชอบพุเพราะน่ารัก อึนๆ เอ๋อๆดี ^^
ชอบเกียร์ ชอบในความเป็นพี่น้องมากแม้ไม่ใช่สายเลือดแต่รักมากกว่าสายเลือดเดียวกัน
ชอบครอบครัวพี่เลห์สุดยอดเลยรักลูกเท่ากันหมด ชอบครอบครัวพุด้วยพี่น้องพ่อแม่รักกัน
ชอบรุ่นพี่รุ่นน้องคอยช่วยเหลือกัน
อ่านแล้วแล้วอ่านอีกอะ ^^
-
พี่เล่ย์เค้าจั๊กกะจี๋ (สมมุติว่าตัวเองเป็นพุ คิคิ)
-
หวานตัลหลอดดดดด ขอให้แม่พี่เล่ย์ใจดีนะ แต่พี่เล่ย์ดูไม่หวั่นแสดงว่าที่บ้านก็คงยอมรับได้แหละเนอะ
พุสู้ๆ จ้า เอาชนะใจแม่แฟนให้ได้น้า
ขอบคุณค่ะ
-
น้องพุดูเป็นเหมือนคนขี้อ้อน ขี้อ้อนแบบน่ารักๆนะ
แบบนี้พี่เล่ย์ไม่รักไม่หลงได้ไงเนาะ
-
แม่พี่เล่ย์...ไม่ดุมั้ง
เนอะ...
-
ชอบบ้านนี้จริงๆเลย
ทั้งคุณแม่ แม้บางคนจะบอกว่าเป็นเศรษฐีใหม่ ขี้อวด แต่เราว่าแม่เกียร์เป็นคนที่โอเคเลย เลี้ยงลูกเพื่อนได้เท่ากับลูกตัวเองไม่มีลำเอียงเลย
ส่วนเกียร์ เป็นคนที่มีความคิดแต่ละอย่งช่างดูอินดี้ แต่น่ารักมาก ทั้งการเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยง และ ความเอื้อเฟื้อที่มีให้ปลา
คนสุดท้าย คือเล่ย์ ( เพราะไม่มีแบคกราวน์คุณพ่อ ) เท่าที่อ่านมาเป็นคนที่ดี ใจเย็นจริงๆ อึ้งกับความคิดที่มีตอ่พ่อผู้ให้กำเนิดของเล่ย์มาก
-
:sad4: เล่นเอาช็อคคคคคคคค :o
บ้านนี้เขารับน้องกันโหดอ่า :try2:
-
บ้านนี้แรง!!! o18
-
โอ้ ทำเอาพุเราน้ำตาไหลเลยอะ เป็นการรับสะใภ้ที่แรงส์จริงจริง
-
เล่นแรงอ่ะบ้านนี้ พุเขื่อนแตกเลย
-
ครอบครัวน่ารักมาก....ชอบคุณแม่อะ ....รักลูกทั้งสองมากเลย
ก็ลูกมีดีให้อวดก็ต้องอวด....ก็เรามีดีให้โอ้ก็ต้องโอ้ คุณแม่พิมคงคิดแบบนี้ ^^ น่ารักดี
-
โถๆ กอดปลอบพุก่อน ขวัญกระเจิงกันเลยทีเดียว :กอด1:
คุณแม่ก็ต้อนรับลูกสะใภ้ซะแรงเลย ขี้แกล้งจริงๆ :laugh:
แต่ยังไงก็ผ่านไปด้วยดี ทุกคนรักพุหมดเลย ดีใจด้วยจ้ะ :L2:
-
สนุกดีจ้าา แล้วมาต่ออีกเรื่อยๆเน้ออ :pig4:
-
นึกว่าพุฝันไป หุหุ
เรื่องนี้เหมือนจะเคยอ่าน แต่เหมือนมันจบไปแล้ว หรือว่ามันขาดช่วงไป
แต่พออ่านพี่จีน น้องอิง มีเล่ย์ เกียร์ พุ ก็เลยกลับมาอ่านใหม่
ถึงได้รู้ว่า ตัวเองยังอ่านไม่จบนี่หว่า
โปรดมาต่ออีกนะคะ รอน้องอิงด้วย
-
เราชอบเกียร์ตอนเด็กจังมันมึนดี 555 ชอบพี่เลย์อ่ะแทคแคร์นู๋พุดีมากๆ แอบสงสารพุตอนโดนรับน้อง แต่ก็ว่าแปลกๆอยู่บรรยายกาศไม่คุเลย
-
แม่อำเเรงมากอ่ะ ร้องไห้ก็ไม่แปลก
:pig4: :pig4:
-
ชอบพี่เกียร์นะแต่ให้เป็นแฟนกับเป็นพ่อของลูกคงไม่เอา
กลัวลูกตายก่อนถ้าพี่แกกลัวลูกไม่แข็งแรงจะจับอะไรแปลกยัดเข้าปากลูก 555
ส่วนครอบครัวเล่ย์ โดยเฉพาะคุณแม่ ได้ใจมาก
ขี้แกล้งอ่ะ ทุกคนน่ารักมากๆๆ
-
ทำไมพันไม่เป็นหนุ่มวายอะ :monkeysad:
-
สงสารพุโดนรับน้อง 55555555555555 :laugh:
-
ว๊าววว ชอบบ้านนี้มากอ่ะ ทั้งตัวบ้าน ทั้งคน เจ๋งงงจริงๆ o13
-
กร๊ากกกกกกก สรุปครอบครัวนี้ เค้าได้ของเล่นใหม่ ไม่ใช่ลูกสะใภ้ ใช่ไหม :laugh: :laugh: :laugh:
-
โดนแบบพุก็ร้องละว้า ดีนะที่เป็นแค่การล้อเล่น
บ้านนี้ฟรีสไตล์จะตาย คงไม่รังเกียจพุแน่ ๆ
-
ชอบบ้านนี้จริงๆเลย
ทั้งคุณแม่ แม้บางคนจะบอกว่าเป็นเศรษฐีใหม่ ขี้อวด แต่เราว่าแม่เกียร์เป็นคนที่โอเคเลย เลี้ยงลูกเพื่อนได้เท่ากับลูกตัวเองไม่มีลำเอียงเลย
ส่วนเกียร์ เป็นคนที่มีความคิดแต่ละอย่งช่างดูอินดี้ แต่น่ารักมาก ทั้งการเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยง และ ความเอื้อเฟื้อที่มีให้ปลา
คนสุดท้าย คือเล่ย์ ( เพราะไม่มีแบคกราวน์คุณพ่อ ) เท่าที่อ่านมาเป็นคนที่ดี ใจเย็นจริงๆ อึ้งกับความคิดที่มีตอ่พ่อผู้ให้กำเนิดของเล่ย์มาก
555 เฮียแพทโดนเต็มๆ
-
เย้!!
มาถึงตอนปัจจุบันแล้ว เรื่องนี้สนุกมากๆเลย
เล่ย์กับพุน่ารักมาก เนื้อเรื่องสนุก
มีมุก ให้ ขำ ให้ฮา ตลอด
o13 o13 o13 o13
-
คิดว่านิเทศน์เอกการแสดงใช่มั้ยพุ เล่นเอาร้องไห้กันเลยทีเดียว เล่นเหมือนมากค่ะคุณแม่คุณพ่อ
อารมณ์ดีกันทั้งบ้านเลยเนอะ บ้่านน่ารัก คนในบ้่านก็น่ารัก คือบ้านพี่เล่ย์นี่แบบสวยไปไหน
ชอบตอนพุเห็นบ้านต้นไม้่ ดีใจเหมือนเด็ก ๆ เลย
ขอบคุณค่ะ
-
รับขวัญลูกสะใภ้ซะแรงเชียว ฮ่าๆๆๆๆๆ
-
นี่พลาดเรื่องนี้ไปได้ยังง้ายยยยยยเป็นนานสองนาน
น่ารักมากกกกกกก ชอบมากมากกกกกก มากมากกกก มากมากกกก o13
-
น่ารักมากๆๆๆๆ :-[
-
:laugh: พี่เกียร์ช่างอินดี้จริงๆ
-
บ้านนี้น่ารักกันดีจัง แต่ดูเหมือนจะอินดี้กันทั้งบ้าน ฮ่าๆ
ยิ่งอ่านยิ่งรักพี่เล่ย์ รักเกียร์ด้วย ชอบนิสัยอะ
ดูเป็นคนที่น่าติดตามการใช้ชีวิตดี?
พุก้น่ารัก โดนรับน้องแบบนี้ น่าสงสาร 555
รอตอนต่อไปนะคะนะ
-
บ้านนี้น่ารักมากเลย
ดีจังที่เล่ย์ได้อยู่กับครอบครัวนี้
พี่เล่ย์เลยออกมาน่ารักแบบนี้
คิคิ
น้องพุโดนรับน้องแรงมาก โอ๋ๆ ตกใจเหรอลูกกกก
กอดทีนึง!!!
-
พึ่งตามอ่านทัน น่ารักมากกกก กก - /- ชอบอ่ะ ชอบอ่ะ ชอบอ่ะ
รอลุ้นคู่อื่นอยู่น้าาาา (กดดัน กิกิ)
แต่ว่านะ แต่ว่าาา ...
"211 ซอย 9 หลังสุดท้าย ขวามือ"
อ่านแว้บแรก เห้ยยย จะมาบ้านฉันเรอะ ะะะะะะ (211/xxx ซอย 9 บ้านหลังในสุด เยื้องขวา !! บร๊ะเจ้าาาาา า)
-
:m26:รับขวัญลูกสะใภ้ซะเหมือนรับน้องเลย สนุกมากค่ะ :z2:
:pig4:
-
เหอะๆ บ้านนี้รับน้องรุนแรงเจงๆ
-
:กอด1:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
ราบรื่นแล้ววว :impress3:
-
โชคดีที่พี่เล่ย์เติบโตมากับครอบครัวนี้
-
อ่านไปอ่านมาชอบพี่เกียร์ซะแล้วอ่ะ
จะมีเรื่องของหนุ่มคนนี้บ้างมั้ยค้า~
-
^^
-
เพิ่งมาอ่าน น่ารักมากกกกกก :-[
-
กะแล้ว!!!!!!
พุโดนรับน้องชุดใหญ่
แต่บ้านนี้นี่มันจริงๆ
น่าอิจฉาาาาาาา
-
โห คุณแม่หยอกแรง สงสารน้องพุเลยทีเดียว :กอด1:
แต่คุณแม่เจ๋งเนอะเป็นสถาปนิกออกแบบบ้านเองด้วย
-
เราตามอ่านเรื่องนี้จนทันแล้วว :impress2:
ชอบพี่เกียร์มากเลย ถึงจะออกมาน้อยนิดแต่เราก็ยังตามอ่าน :-[
ปล.พระ-นายเอกเราก็ชอบนะ แต่ชอบพี่เกียร์มากกว่าอ่ะ แอร๊งงงงง~~~
-
อ่านไปเขินไป อิจฉาพุ >////<
-
:L2:
-
เชียร์พี่แพทกับพี่เกีย อิอิ
-
หายไปนานแระน้าาาาา
-
หายยยยยยย มาต่อเถอะ :monkeysad:
-
:z10: คิดถึงน้องพุ
-
คิดถึงน้องพุกะพี่เลย์ แล้วคะ น้องสายรุ้ง
-
คิดถึงจังเลย รออยู่นะคะ :impress2:
-
UNBELIEVABLE LOVE
Chapter Nineteen
“ฆ่ามันๆๆๆๆๆ”
“ไม่ใช่ละๆ มึงจะกระหายเลือดไปไหน ไอ้พุ เขาแข่งฟุตบอล ไม่ได้ทำสงคราม ไอ้เชี่ย”
ผมเอนหลบฝ่ามือพิฆาตของเฮียแพท แล้วคว้าจับมือเฮียแกมากอดไว้ เป็นการตัดกำลังคู่ต่อสู้ ไม่ให้ทำร้ายผมได้ แล้วร้องโวยวาย “เฮียปล่อยดิ ปล่อย อย่าจับผมๆ”
“เพี๊ยะ!” เต็มๆ หน้าผากเลย ลืมไปว่าเฮียแกมีสองมือ
ผมยกมือถูหน้าผากตรงที่โดนตบ เพื่อบรรเทาความเจ็บ “เฮียอะ เล่นแรงว่ะ”
แล้วแทนที่เฮียแพทจะเห็นใจ กลับปล่อยก๊ากออกมาหน้าตาเฉย “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ปัญญาอ่อน ต้องเจอตบ”
วันนี้ผมกับเฮียแพทมาเชียร์พี่พิทกันครับ กีฬาระหว่างคณะ พี่พิทลงเล่นฟุตบอล ซึ่งนัดนี้ต้องปะทะฝีมือกับวิศวะ แชมป์ของปีที่แล้ว ก็ไม่หวังจะชนะหรอกครับ เอาแค่แพ้แบบไม่ให้น่าเกลียดก็พอ ก็ดูหน่วยก้านของนักกีฬาฝ่ายผมกับฝ่ายตรงข้ามสิ
เหมือนพี่กับน้องเลย
ครึ่งแรกผ่านไปยี่สิบนาที วิศวะก็ยิงประตูไปสองแล้ว… กองเชียร์ฝั่งผมก็นั่งหงอยกัน ส่วนฝั่งตรงข้ามก็เฮฮาสนุกสนาน โห่ ฮิ้วกันไม่ได้ขาด… แต่ในนาทีที่สี่สิบนั้นเอง พี่พิทก็ลากลูกผ่านคู่ต่อสู้จนสามารถยิงเข้าประตูแรกไปได้…
“ปรี๊ดดดดดดดดดดด”
เงียบบบบบ…. กองเชียร์ฝั่งผมมัวแต่งงอยู่ ไม่คิดว่าจะตีไข่แตกได้…
แล้วพอรู้สึกตัว ก็…… “เฮ้!!!!!!!”
“พี่โผมมมมคร๊าบบบบ พี่โผมมม” ผมลุกขึ้นตะโกนอย่างดีใจ ยังกับว่าทีมเราชนะแล้ว
“ชนะแล้วใช่มั้ยเนี่ย ตะโกนซะ” เสียงคุ้นๆ ครับ
พวกเราหันไปมองต้นเสียง ก่อนเฮียแพทจะทักคนมาใหม่ “อ้าว ไอ้อิฐ มาไมวะ”
“ก็มาช่วยเชียร์ไง”
“เหรอ....” เฮียแพทลากเสียงกวนๆ
“เออ” พี่อิฐก็ตอบกวนๆ กลับมา แล้วหันมาถามผม “ตรงนี้ว่างหรือเปล่า พี่นั่งได้มั้ย”
ผมหันไปมองที่นั่งข้างๆ ผม ตรงที่พี่แกชี้แล้วพยักหน้า “ได้ครับ ไม่มีใครนั่ง”
ครึ่งแรกผ่านไป... คะแนนยังคงเป็น 2 : 1 โดยวิศวะนำอยู่
“พี่พิท!!!!” ผมตะโกนเรียก เมื่อเริ่มครึ่งหลัง ทั้งสองทีมต้องเปลี่ยนแดน แล้วพี่พิทยืนอยู่ใกล้ฝั่งที่พวกผมนั่งพอดี “สู้! สู้!”
พี่พิทหันมายิ้มแล้วโบกมือ บอกให้รู้ว่าได้ยิน ก่อนจะหันกลับไปสนใจเกมส์ต่อ....
ครึ่งหลังเกมส์แข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือด... เพราะโดนยิงไปหนึ่งประตู ทำให้วิศวะเริ่มบุกหนักและเล่นแรงขึ้น...
“เฮ้ย!!” เสียงกองเชียร์ฝั่งผมตะโกนอย่างตกใจเมื่อศูนย์หน้าของเราโดนสกัดขาจนล้มกลิ้งไม่เป็นท่า...
“ปรี๊ดดดดดด” เสียงกรรมการเป่าฟาล์ว ได้เตะลูกโทษ
นักเตะของวิศวะไปตั้งกำแพงป้องกันประตู ส่วนศูนย์หน้าของเราก็ไปยืนประจำตำแหน่ง... ไม่รู้ชื่อครับ ตั้งใจมาเชียร์พี่พิทคนเดียว เลยไม่ได้สนใจคนอื่น แหะๆ
พอกรรมการเป่าปรี๊ดอีกรอบ... ศูนย์หน้าของเราก็ง้างเท้าเตะ ลูกโค้งข้ามศีรษะของกำแพงผู้เล่นฝั่งวิศวะอย่างสวยงาม แล้วพุ่งตรงไปที่ประตู ผมนั่งกลั้นหายใจ ลุ้นจนตัวเกร็ง ซึ่งคาดว่าคนอื่นๆ ก็คงจะไม่ต่างกัน...
“โห่....” กองเชียร์ของเราโห่ออกมาอย่างเสียดายเมื่อลูกชนคานแล้วเด้งออกมาอย่างน่าเสียดาย...
แล้วต่อจากนั้นเกมส์การแข่งขันก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังไม่มีใครสามารถทำประตูเพิ่มได้...
แล้วในนาทีที่แปดสิบ...
“เฮ้!!!!!!” อดไม่อยู่ ผมลุกขึ้นยืน แล้วชูแขนขึ้นทั้งสองข้างอย่างสะใจ “พี่โผมมมมมมมมมม วู้!!!!!!!!”
“ปรี๊ดดดดดดด” กรรมการเป่าฟาล์วครับ.... ล้ำหน้า
“เฮ้ย! ไรวะ” เฮียแพทครับ ลุกขึ้นมาเหมือนอยากลงไปต่อยกรรมการ “ล้ำหน้าเชี่ยไร แม่ง ตาถั่วปะเนี่ย!”
ผมรีบกอดแขนเฮียแกไว้ แล้วลากลงนั่งเหมือนเดิม “เฮีย ใจเย้นนน”
“กวนส้นตีน...” ตีนเต็มหน้ากูเลย
หมดเวลา เกมส์จบลงโดยวิศวะชนะไป 2 : 1 แต่ไม่เป็นไร มวยรองอย่างเราก็แพ้อย่างมีศักดิ์ศรีละวะ
ผมเดินลงไปหาพี่พิทที่สนาม “พี่พิท สุดยอดดดด ไปฉลองกัน”
“มึงเข้าใจไรผิดป่ะ แพ้เว้ย ฉลองเชี่ยไร” พี่พิทว่าแล้วผลักหัวผมจนตัวเอียง
“ฉลองที่ไม่ได้ไข่ไง อุตส่าห์ยิงได้ตั้งลูกหนึ่ง”
“เหรอ กูดีใจมากเลย” พูดประชดไปงั้นแหละ เพราะสุดท้ายพวกเราก็มานั่งอยู่ที่ร้านประจำหลังมอ เหมือนเดิม...
สงสัยอะดิ ว่าผมกับเฮียแพทไปคืนดีกันตอนไหน…
ก็นี่ไง ผมกำลังจะเล่าให้ฟัง…
เมื่อสองสัปดาห์ก่อน…
“ไอ้พุ ทางนี้ๆ” เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายของพี่รหัสผมเองครับ อย่าว่าแต่ผมจะได้ยิน คนอื่นๆ ในร้านก็หันมาสนใจไอ้พุเป็นตาเดียว
ผมยิ้มแหยๆ ให้แขกคนอื่นๆ แล้วเดินตัวลีบไปหาพี่แกซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะคนเดียว…
เอ๊ะ ทำไมรู้สึกเหมือนเหตุการณ์นี้จะเคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย… แต่ที่ไม่เหมือนก็คงเป็นตอนที่ผมอ้าปากจะบ่น แล้วพี่พิทพูดแทรกขึ้นมาว่า “เดี๋ยวเฮียแพทมา”
ผมอ้าปากค้าง “ห๊ะ?”
“เฮีย แพท กำ ลัง มา” พี่พิทพูดออกมาทีละคำเหมือนกลัวว่าผมจะไม่เข้าใจ แล้วยื่นมือมาดันคางผมขึ้น “ยุงเข้าไปไข่แล้วมึง หุบๆ ซะบ้าง”
ผมไม่สนใจต่อล้อต่อเถียงกับพี่แก เพราะมีสิ่งที่เรียกร้องความสนใจผมได้มากกว่า “เรื่องจริง?”
“เออดิ กูเคยโกหกมึงเหรอ?”
ผมเหล่ตามองคนพูด “จะเอากี่ครั้ง?”
พี่พิทหัวเราะขำ แล้วบอก “ไม่เชื่อ มึงหันไปมองข้างหลังเลย” และเมื่อผมหันไปตามที่พี่แกบอก ก็รู้สึกเจ็บที่ศีรษะด้านหลังเพราะโดนโบก พอหันไปมองคนทำก็โดนหัวเราะเยาะซะงั้น “ฮ่า ฮ่า ฮ่า โง่”
ผมยกมือลูบศีรษะบริเวณที่โดนตบ พร้อมกับบ่นไปด้วย “พี่พิท แม่ง ขี้แกล้งว่ะ”
“เอ้า มึงก็รู้ว่ากูชอบโกหก แล้วเสือกโง่เชื่อเองทำไม” พี่รหัสผมว่า พร้อมกับยักคิ้วกวนๆ
“เออ จำไว้เลย” ผมมองอีกฝ่ายอย่างคาดโทษ
“ทำไม มึงจะทำไม” พี่พิทถามท้าทาย ก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัย “หรือจะเอาไปฟ้องแฟนนนน” น้ำเสียงตอนสุดท้ายกวนมากๆๆๆๆ
“แค่พี่คนเดียว ไม่ต้องถึงมือพี่เล่ย์เหอะ” ผมว่า พร้อมทำหน้าเหยียดหยาม “ระวังตัวไว้ให้ดี เดี๋ยวผมจะเอาคืน”
พี่พิททำหน้าอี๋ “อุ๊ย กลัว”
เห็นหน้าพี่รหัสแล้วผมก็อดปล่อยก๊ากออกมาไม่ได้ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” และยิ่งคิดว่าเราสองคนกำลังเถียงอะไรกันก็ยิ่งขำ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า” โคตรปัญญาอ่อน
หลังจากผ่านไปสักครู่ ผมยังไม่หยุดขำซะที พี่พิทก็บ่น “ขำเชี่ยไรเยอะแยะ”
“ก็มันตลกอะ คึคึ”
“ตลกชิบหาย…” พี่พิทประชด ก่อนจะส่ายหน้าเอือมๆ “เส้นแม่ง อยู่นอกผิวหนังเลยมั้ง… อ้าว เฮียมาพอดีเลย” ประโยคสุดท้าย พี่แกพูดแล้วทำหน้าทำตาประกอบเหมือนกำลังพูดกับเฮียแพทด้วยนะครับ สมจริงมาก…
แต่ผม… “ไม่เชื่อ”
“เอ้า ไอ้นี่ เวลาโกหกเสือกเชื่อ ทีพูดจริงกลับไม่เชื่อ” พี่พิทว่า พร้อมกับศีรษะของผมถูกใครสักคนจับโยกไปมา “ไง ไอ้แก่ ออกจากหลุมมาได้เหรอวันนี้?”
หันขวับไปมองเจ้าของเสียงคุ้นหู “เฮ้ย! เฮีย?”
“ก็กูไง ตกใจทำไม?”
“ปะ เปล่าครับ ไม่ได้ตกใจ” ผมรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ดีใจตะหาก” ดีใจจริงๆ นะ
ดีใจที่อีกฝ่ายปฏิบัติกับผมเหมือนเมื่อก่อน…
เหมือนกับว่า… ที่เฮียแกผลุนผันกลับไปวันนั้น เพราะมีธุระจริงๆ ไม่ใช่เพราะเรื่องที่ผมเป็นเกย์
เหมือนกับว่า… ที่ผมกับเฮียไม่เจอหน้ากันเป็นเดือนๆ เพราะเฮียแกเรียนหนักจริงๆ ไม่ใช่เพราะหลบหน้าผม
หรือ… ทั้งหมดผมคิดไปเอง อย่างที่พี่พิทว่าจริงๆ
“เอ้า โชนนนน” ให้เดาว่าเสียงใคร
หลังจากกระดกเหล้าเข้าปากแล้ว ผมก็ถามกึ่งปรึกษาคนอื่นๆ “เจอเฮียก็ดีละ ศุกร์นี้เฮียว่างป๊ะ?”
เฮียแพทไม่ตอบ แค่เลิกคิ้วซ้ายขึ้น ซึ่งมันทำให้ผมนึกถึงผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ขับรถมาส่งผมแล้วต้องวกกลับไปมหาวิทยาลัยใหม่ เพราะยังทำงานไม่เสร็จ... เขามาส่งเองนะ ผมไม่ได้บังคับ
มีหลายอย่างที่เฮียแพทและพี่เล่ย์ทำเหมือนกัน…
ก่อนนี้ผมไม่เคยสังเกตุเลยนะ แต่พอรู้ว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน ผมก็เริ่มมองเห็นกิริยาที่คล้ายๆ กัน เช่น…
ชอบถามด้วยการเลิกคิ้วขึ้น…
ชอบหมุนปากกาหรืออะไรที่มันคล้ายๆกัน ที่อยู่ใกล้ๆ มือไปด้วยเวลาอ่านหนังสือหรือใช้ความคิด…
ถนัดซ้าย แต่เขียนหนังสือได้ทั้งสองข้าง แม้ข้างขวาจะขี้เหร่ไปหน่อยนะ
ชอบนั่งไขว้ขา... และข้างที่ถนัดก็จะเป็นซ้ายทับขวา ดังนั้นเพื่อป้องกันรอยเท้าไม่พึงประสงค์ จึงจำเป็นที่ผมจะต้องนั่งทางซ้ายมือของพี่แกตลอด
ขี้ร้อน… ทั้งแอร์ทั้งพัดลมเต็มพิกัด
และอื่นๆ อีกมากมาย
“ไอ้พุ? ไอ้พุ!!!”
“หะ ห๊ะ?” ถึงกับสะดุ้งครับ เสียงดังมาก “ตะโกนทำไมอะเฮีย?”
เฮียแพทนิ่วหน้า “เหม่ออะไรของมึง เรียกเป็นร้อยรอบแล้ว”
“เรียกไมอะ?”
“กูต้องถามมึงมากกว่า มึงถามอะไรกู?” พอเฮียแพทบอก ผมก็เพิ่งนึกได้ว่าถามเฮียแกค้างไว้นี่หว่า ผมหัวเราะแหะๆ แล้วบอก “อ๋อ จะบอกว่า ถ้าเฮียว่าง ศุกร์นี้จะได้พาน้องพิงค์ไปเลี้ยงข้าวกันไง แล้วเฮียว่างมั้ยอะ?”
เฮียแพทพยักหน้า “ว่าง…”
“ดีเลย งั้นเดี๋ยวขอผมไปนัดกับน้องก่อน แล้วค่อยมาบอกเฮียละกันว่าเจอกันที่ไหน ยังไง”
เฮียแพทพยักหน้าตกลง แต่พี่พิทโวยวาย “เฮ้ยๆ มึงถามแต่เฮียแพท แล้วกูล่ะ คิดว่ากูว่างเหรอ”
ผมทำหน้าเหนื่อยใส่คนอยากมีความสำคัญ “ทำไมจะไม่ว่าง ผมเช็คกับพี่จ๋าแล้วเหอะ วันศุกร์พี่มีเรียนแค่ตอนเช้า แถมวันนั้นทั้งวันก็ไม่มีกิจกรรมอะไรสักหน่อย”
“ไม่มีอะไรได้ไง ตอนเย็นกูต้องซ้อมบอล”
“อ้าว พี่พิทต้องแข่งด้วยเหรอ”
“เออดิ หัดสนใจพี่มึงบ้าง เป็นน้องภาษาอะไร”
ผมรีบขยับเข้าไปบีบๆ นวดๆ พี่แกอย่างเอาใจ “ขอโทษๆ ก็พี่พิทไม่ยอมออกเองอะ แล้วผมจะรู้ได้ไงเล่า อยากให้น้องสนใจก็สื่อสารบ้างดิ โอ๊ย” ร้องเพราะโดนดีดหน้าผากครับ
“มึงเคยอยู่ให้กูบอกมั้ย เลิกเรียนไม่รีบกลับบ้านก็รีบไปหาเด็-” พี่พิทชะงักไปนิด ก่อนจะพูดต่อ” อาทิตย์หน้าไปเชียร์กูด้วย ห้ามเบี้ยว ถ้ากูไม่เห็นมึงนะ”
“ไปอยู่แล้วล่ะ ว่าแต่ พี่พิทจะลงเล่นใช่ป๊ะ ไม่ใช่ต้องนั่งอยู่ข้างสนามนะ” พูดแล้วก็ต้องรีบหลบฝ่ามือพิฆาตที่ลอยมา “ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
สรุปแล้ว… น้องพิงค์ก็ยังไม่ได้รับการเลี้ยงต้อนรับจากพวกเราจนแล้วจนรอด ถ้าเปลี่ยนสายได้ น้องมันคงขอเปลี่ยนไปละ
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
:z13:
หายไปนานมากกกก......แต่ก็รออ่านเสมอ
พี่เล่ย์ช่างเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อม ทำกับข้าวได้ด้วยเก่งจัง
น้องอิงโผล่มาเรื่องนี้แล้ว เย้ๆ :z2:
-
น่ารักกกอีกแล้ววววว อยากกินสปาเกตตี้เลยยย
-
เย้ มาแล้ว :mc4: มีอิงโผล่มาด้วย ฮ่าๆ
-
ขอสารภาพว่าหลังจากสังเกตเห็นwarningของเรื่องนี้เมื่อสองวันก่อน
เหมือนโดนฟ้าผ่าลงกลางหัว นั่งช้อคอยู่เป็นชั่วโมง
เพราะอ่านเรื่องนี้แล้วชอบมากกกกก มากกกกกกกกกกกก
จนไม่คิดว่ามันจะมีตอนไหนที่จะชวนหน่วงหรือเจ็บปวดใจ
อีกทั้งเรื่องนี้เรารักแทบทุกตัวละครมากโดยเฉพาะพี่เล่ย์
ดังนั้นตอนนี้เราจึงพานิคปนฟินแบบไม่สุด :z3:
วอนกันซึ่งหน้าเลยนะคะ เพราะเรากลับตัวไม่ทันแล้วตอนนี้
-
ตอนนี้พี่เลย์ก็น่ารักอีกแล้ว
แต่ไม่สู้พุนะ พุน่ารักกว่า
ฮ่าๆๆ ชอบเด็กแบบนี้จัง
อยู่ด้วยแล้วคงมีความสุข
หายไปนานเชียวค่ะ
คิดถึงมากกกก
^^
ขอให้ชีวิตสุขสงบในเร็ววันนะคะ คิคิ
แอบคิดถึงน้องนอย โด่ง พี่ปอนด์ แล้วก็พล มากๆเลยค่ะ
-
มาต่อเเล้ว คิดถึึงจังเลย มากอดที :กอด1:
พี่เล่ย์ช่างหล่ออะไรขนาดนี้ :impress2:
-
พระเอกเราเพอร์เฟ็คได้อีก ทำกับข้าวอร่อยด้วย วู้ว สุด ๆ ไปเลยพี่เล่ย์
บ้านนี้เค้าอารมณ์ดีน่ารักกันทั้งบ้านเนอะ น้องอิงมาใหม่ก็น่ารักอีก พุก็เข้ากับทุกคนได้ดี
โอย ให้นอนหนุนแล้วปิดเสียงทีวีให้ด้วยนี่มันสุดยอดแล้ว กลัวแฟนหลับไม่สบาย น่ารักไปไหนนี่
ขอบคุณค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
-
เย้เย้ น้องพุมาแล้ว
-
:a5: ฝัน ฝันแน่ๆ ที่่เห็นมาต่อ อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
คิดถึงงงงงงง :กอด1:
คิดถึงพี่เล่ย์ น้องพุ อ่ะ น่ารักๆๆ โอ๊ะเกียร์ด้วยยยย โห่ๆๆๆๆๆๆ :m12:
-
น่ารักกันดีจังอ่าคู่นี้ :-[
ขอให้น่ารักแบบนี้เสมอต้นเสมอปลาย ไม่ต้องมีดราม่า ไม่มีมือที่สามมาวุ่นวายเลย จะดีกว่าเนอะ :กอด1:
-
:m11: :m11:
มาต่อแล้วววว
คิดถึงน้องอิง พี่จีน พี่บูมด้วย
-
มาแล้ว :pig2: :pig2:
-
:mc4: กลับมาแล้ววว หายไปนานมว๊ากกก :z3:
ครอบครัวนี้น่ารักเนอะ ดูอบอุ่นดีจัง :z2:
-
คิดถึงพี่เล่ย์
กลับมาคราวนี้ทำเอาละลาย
เสน่ห์ปลายจวักมัดใจยาหยี
น่ารักกว่านี้มีอีกมั้ย
กระทบไลค์ชูป้ายไฟ
กดบวกปล่อยเป็ดด้วยอย่างเต็มใจ อิอิ
-
อยากชิมฝีมือพี่เล่ย์มั่ง
น้องอิงมาเป็นดารารับเชิญเรื่องนี้ แล้วอย่าลืมเรื่องของตัวเองด้วยเน้อ...คิคิ
-
เย่ มาต่อแล้ววว คิดถึงๆ
อย่าลืมเรื่องอื่นด้วยน้าา
รออ่านทุกเรื่องเลย
-
น่ารักมากๆๆ :กอด1: :กอด1:
-
อย่างเล่ย์นี่จะมีอีกสักคนไหม เมืองไทย T_T
-
ดีใจที่ผู้เขียนาพาพุ เล่ย์ เกียร์ กลับมาจ้ะ
-
คิดถึงมากกกกกกกกกกกกกกกกก
-
ชีวิตเรื่อยๆสบายๆดีมาก 555
-
ดีใจจัง เพิ่งบ่นคิดถึง คนเขียนก็มาต่อพอดี ในที่สุดก็ได้กอดพุแล้ว :กอด1:
มีน้องอิงโผล่มาร่วมแจม เดี๋ยวคนตัวเล็กเค้าก็สนิทกันแล้วสินะ แต่พี่เลย์แมนมาก น่ารักมาก เฮ้อ อยากได้อะพุ ยกให้ได้ป่ะ :laugh:
มาต่ออีกนะคะ ยังไม่ค่อยหายคิดถึงเลย :o8:
-
คิดถึงมว๊ากกกกกกกกกก>___<
น่ารักตลอดอะคู่นี้ 5555555555
รออ่านอยู่นะคะ สู้ๆ^^
-
ยังไม่หายคิดถึงน้องพุเลย
มาต่อเร็วๆนะค่าาา :L2:
-
ดีใจน้ำตาไหล ได้อ่านตอนต่ออีกนิดนึง
พี่เล่ย์ยังคงน่ารัก น่าอิจฉาพุ
-
น่ารักมากกกกก รักเรื่องนี้มากมายจ้า.......คนเขียนย่างหายไปนะคะ แม้จะมานานที่แต่อย่าหายนะคะ
-
:z13:
ไม่ดูดีๆไม่รู้ว่ามาอัพแล้วนะเนี่ย ไปอ่านก่อนดีก่า :z2:
กะลังฮิฮะเฮฮาอยู่ดีๆ เจอวอร์นนิ่งถึงกับหงายเงิบ :z3:
ไม่ชอบดราม่าจริงๆให้ตายซิ :เฮ้อ:
ถ้าถึงตอนดราม่าคงจะไม่ได้เข้ามาอ่าน :o12: (เพราะเคยอ่านดราม่าของน้องสายรุ้งแล้วมันทำพี่นอยด์กะชีวิต จริงจังไปมั้ย :m15:)
อยากเก็บความทรงจำเกี่ยวกับพี่เล่ย์และน้องพุในตอนที่เลิฟๆกันไว้ดีกว่า
:sad4: น้ำตาไหลพรากล่วงหน้า
-
เดี๋ยวๆ ตรง Warnings นี่คืออะไรกัน สังหรณ์ไม่ดี :m29: เดี๋ยว 12 มีต่ออีกใชป่าวคะ
คุณเรนโบว์หายไปน๊านนาน คิดถึง คิดถึงบูมอิงด้วย อุอิ
กอดๆ :กอด1:
-
คู่นี้เค้าน่ารักจัง แถมเปิดเผยดีมากกกกกกกกกกกกกกกก
ปล. อยากอ่านเรท R กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :laugh:
-
เดี๋ยวนะ! main character death นี่คืออะไร ยังงัย
อย่าทำอย่างงี้กะเค้า ขอร้องงงงงง *ตีโพยตีพาย* >.<
:sad4: :sad4: :sad4:
-
ถึงแม้ตรงwarningของเรื่องจะทำเราช้อคไปแล้ว
แต่บอกตรงๆยังไงก้ชอบเรื่องนี้ ยังไงก้รักพี่เล่ย์
จะพยายามทำใจเผื่อไว้ถึงมันจะยากมากกกกก :'(
แต่ตอนนั้นมันยังมาไม่ถึง ขอมีความสุขกับตอนนี้ก่อนละกัน
เพราะพี่เล่ย์กับพุน่ารักมากที่สุด
-
น่ารัก :กอด1: :กอด1:
-
Warnings!!!!!!!! ตึง!!!! o22
-
สนุกมาก แต่ตงิดตรงคำเตือนนี่หล่ะ ใครจะตายละเนี่ย จะเป็นพุหรือเล่ย์นะ T T
-
ป๊าดดดดดดดดดดดดด วอร์นนิ่งช่างน่ากลัวยิ่งนักกก :serius2:
ขอให้เป็นเมนคาแรคเตอร์ ที่ไม่ใช่ นายเอก หรือ พระเอก ก็แล้วกันนะคะ
พี่แพท พี่พิท หรือบรรดาเพื่อนๆนั่นก็ได้เนอะ ขออย่าให้เป็นพี่เล่ย์หรือพุเลย แงๆ :sad4:
-
พาร์ทนี้่ติด warning จ้า กระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นได้ดีมาก
พุุโดนเพื่อนหลอกถามเรื่้องแฟนด้วย เนียนกันจริงนะ
เพื่อนพี่เล่ย์แต่ละคนก็ฮาดี รอติดตามนะคะ ขอบคุณค่ะ
-
กรีส มาแล้ววว ขอบคุณค่ะ >w<
แต่..แง้ ไม่อยากให้มีใครตายเลยค่ะ อยากอ่านเรื่องนี้แบบมีความสุข แง้ T _ T
-
ทำตัวไม่สนใจวอร์นนิ่ง
น้องพุ น่ารักมากกกกก
มากจริงๆ !!
-
warning ช็อคคค o22
ภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่คิด :serius2:
-
:a5:
เรื่องนี้มีความสัมพันธ์กับเรื่องความรักทำให้คนตาบอดด้วย :z2:
-
ช่วงที่มันหน่วงก็ผ่านไปแล้ว หรือว่ายังไม่มาแบบจัดเต็ม o22
แต่ตอนนี้น่าร้ากกกกกกก ทั้งคู่เลย :man1:
พุอ่านหนังสือโหดมาก เที่ยงคืนถึงเช้า เค้าต้องแบ่งเป็นสองช่วงอ่า ก่อนนอนกับตื่นนอน แต่ยังไงช่วงสี่ทุ่มถึงตีสองต้องนอนหลับให้สนิทๆ :z3:
-
อย่าทำร้ายน้องพุที่แสนใสเลยคะ อย่าให้น้องพุเป็น ม่าย เลยคะ สงสารน้อง ......คิดล่วงหน้า จิ้นก่อน ^^
-
^^
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
! main character death เฮ้ยๆๆๆ! ประโยคนี้. ไม่เอาๆๆ
ถ้างั้นต้องเป็นตอนอายุ 60 ได้ปะ ต่อรองนะๆๆๆ
-
เห็น Warning แล้วอยากจะกรี๊ด!!!!!!!!!!! ให้ก้องฟ้า
อดหลับอดนอนมาอ่าน ดันทำกันได้!!!! ไม่ยุติธรรม อร๊า!!!!! อย่าให้พี่เล่ย์กับพุเป็นอะไรละกัน
กรี๊ด!!!!!!! เสียว......................
-
:a5: main character death!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! มันคืออาร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย o22
น น หน่วงอีก อร๊ากกกกกกก :serius2: แดดิ้นนน
จะ จะ จะพยายามเผื่อใจไว้ เยอะๆ ๆ ๆ ๆ ๆ แล้วกัน ทั้งๆที่ แทบทำใจไม่ได้เลยก็เถอะ :o12:
มาต่ออีกน๊าาาาาาาาาาาา
-
คำเตือนนี่มันอะไรก๊าน จะเกิดรัยขึ้นกะพุป่าวอะ
-
เราไม่สน warning
อยากอยู่ท่ามกลางหนุ่มเกษตรมั่งจัง คิคิ
ถ้าให้เดา ตัวที่น่าจะสร้างปัญาหาได้มากที่สุดคงเป็นเฮียแพทมั้ง มีคดีกับพี่เล่ย์อยู่นี่
-
อ่านแล้วฮาพี่เลย์มากๆ :jul3:
-
ชอบเรื่องนี้มากๆ น่ารักดี
-
อ่านต่อไปเมื่อภัยยังไม่มา :laugh:
พี่เล่ย์นี้กะคนไม่รู้จักต้องคิดว่าแกหยิ่งมากๆแน่ๆเลย :jul3:
-
:m22: อ่านอย่างแบบหวาดระแวง
กลัวคำเตือนมาก นี่พูดเลย :amen:
-
พี่เล่ย์กวนวะ เป็นแบบผชมาดนิ่งๆเค้าชอบบบบบบบบ
-
อึม...ความสัมพันธ์ของลูกผู้ชาย
เอาน่าพุ ไม่ได้เป็นเดือนก็ยังหล่อบาดจิตอยู่วันยังค่ำ
-
:a5: อ่านคำเตือนแล้ว..... เอิ่ม จิงดิ
-
น่ารัก อิอิชอบพี่เลย์อะ :z2: :z2: :z2:
ขอบคุณจ้า :L1: :pig4: :L1: :กอด1:
-
เค้ารักฮัลเลย์มากเว่อร์ นี่พูดเลย ฮี่ฮี่ :o8: :o8: :o8:
-
คำเตือน อะไร ไม่เชื่อ :o8:
-
คำเตือนเล่นเอาใจหายค่ะ
-
พี่เล่ย์เท่โคตร
ชอบที่จู่ๆ พุก็งอนมากกกกกกกก
แบบว่าน่ารักอ่ะ >,,<
กรี๊ดดดดด
-
เรื่องนี้สนุกมากค่า แต่คำเตือนมันทำให้ใจหายจริงๆ
รอตอนต่อไปค่าา :L2:
-
พี่เล่ย์ก็คงคิดว่ามีแฟนอย่างพุเหมือนมีลูกเหมือนกัน อยู่ๆก็งอน แต่ไงก็น่าร้ากกกกกกก :man1:
-
น่ารักตล้อด ตล้อดดดดด คู่นี้อ่ะ
พี่เล่ย์เท่ห์ที่ซู้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด o13
นั่งเฝ้าๆ ๆ ๆ
-
พี่เลย์เเลดูสุภาพบุรุษอ่ะ :laugh:
-
ฮาอะ พี่เลย์เทห์มากอะ
-
ตอนนี้ฮาอะ ตลกอิพี่ดิษ ฮ่าๆ
พี่เล่ย์ก้โคตรเท่ห์เลย พุน่ารักมีงอนด้วย
จะฟินตายเพราะคนนิสัยแบบพี่เล่ย์เลย >//<
-
เรียนเกษตร
พี่ดิษ
เดือนคณะ
ตัวละคร คล้ายๆ อีกเรื่องเลยอ่ะ kimdit เนี่ย
มีไรเกี่ยวเนื่องกันป่าว
-
เพื่อนพี่แกฮา 5555555555 :laugh:
-
อ่านอย่างต่อเนื่องข้ามวัน ข้ามคืน หลงรักพุมากมาย
ใสๆซื่อๆ มึนๆ ปลื้มพี่เล่ย์โครต เจ้าชายม้าขาวของพุ
พุพัน เวลาอยู่ด้วยกัน กวนๆ น่ารักดี ก๊วนเพื่อนก็สุดฮา
ชอบมากๆ เรื่องนี้สนุก หวาน ฮา มาต่อเร็วๆนะ
-
พี่เล่ย์เท่เว่อๆ
-
ไม่นะ พี่เลย์น่ารักขนาดนี้ ไม่หน่วงน๊าาา :m13:
-
:m20: :m20: :m20: :m20:พี่เลย์เกรียนได้ใจมากกกกกกกกกกกกกกก :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
อ่านตอนนี้ละอยากจะหยิกแก้มพุจริงๆ
อะไรจะซื่อขนาดนั้นแถมเป็นพวกไม่ค่อยคิดอะไรอีก
ไม่ใช่สิต้องบอกว่าพุไม่คิดเลย มีพุเป็นพี่นี่เหนื่อยแทนพันจริงๆ :laugh:
แต่คนเหนื่อยสุดคงไม่พ้นพี่เล่ย์ของเค้า :-[
รอที่เหลือจ้าาาาาา :กอด1:
-
พุไม่ต้องกลัวไปหรอกมีพี่เล่ย์อยู่ทั้งคน
อีกอย่างเหมือนแม่ก็รู้ ๆ นะ
เหมือนแอบส่งยากันเลย คิคิ
-
แย่แล้น ๆ ๆ ๆ :m17:
-
ทำไมอ่านๆแล้วไม่เห็นเหมือนจะมีใครตายเลย แงๆ ไม่เอาไม่คิดดีกว่า :serius2:
คุณเรนโบว์สู้ๆ
-
ไม่ใช่พี่เล่ย์โทรไปคุยกับพ่อแม่น้องพุมาก่อนแล้วล่ะนั่น ดูพี่แกไม่ตื่นเต้นอะไรเลยอ่ะ 555 :laugh:
-
พุฮาอะ เอ๋อได้โล่ห์มาก ทั้งมึนทั้งอึน 5555
-
ฮาพุมากเลย จริงๆ
-
พุเผยไต๋หมดแล้วแหละ :laugh3:
-
เปิดเผยเบยยย :laugh:
-
พุโครตไม่เนียน 5555555555555 พ่อกะแม่ต้องมาเยี่ยมบ้านทดสอบแน่ๆ o18
-
พ่อกับแม่ก็ไม่ใช่จะรู้แล้วเรอะ ก็พุออกจะเนียนขนาดนั้น :laugh:
แถมเวลาอยู่ด้วยกันกับพี่เล่ย์ก็ออกจะน่ารักปานนั้น เป็นใครก็คงดูออก ตั้งแต่เฮียพิทมาน้องพันอีก :jul3:
-
พุน่ารัก o13
ขอบคุณคะ
-
แย่แน่ๆ
อิอิ พุดิแย่คนเดียว ดูแล้วพ่อกับแม่น่าจะชิลล์อยู่นะ
-
อย่างพุน่ะ ไม่เนียนหรอก :laugh:
-
ความจริงคิดว่าพ่อแม่น่าจะรับได้ เพราะจำได้ว่าเคยมีรุ่นพี่ผู้ชายมาจีบพุถึงบ้านตอนม.ปลาย
แล้วคนที่บ้านคิดว่าพุชอบเลยไม่ห้ามน่ะ แต่พุอ่ะความรู้สึกช้าาาาาาา :laugh:
-
พุเอ๊ยยย เอ๋อแต่ยังน่ารักเนาะ :laugh:
-
พุอย่างฮา คิดว่า พ่อกับแม่น่าจะรู้แล้วนะ พี่เล่ย์ น่าจะแอบบอกแล้วมั้ง
หรือถ้ายังไม่รู้ ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะแต่ก่อนก็มีผู้ชายมาจีบพุอยู่แล้ว
แอบสงสัยเหมือนพุ ว่าพี่เล่ย์ชอบพุตรงไหน อยากอ่านโหมดพี่เลย์บ้าง
-
เห้ยยยยยยยยยยยยยยยย
ค้างมากอ่าาาาา
แล้วนี่อะไรยังไง
กรี๊ดดดดด
พันน่ารักมาก มีน้องแบบนี้นี่รักตายเลยอ่ะ
ฮึกก ตื้นตันแทนพุ ,,
พี่เล่ย์นิ่งมาก ท่าทางอยากบอกเต็มทน แต่ให้พุพูดเอง
แล้วพ่อแม่พุ จะว่าไงเนี่ย
เสียวๆเหมือนกันนะ งื้อออออ
-
:laugh:
-
ชอบพันอ่ะ เป็นน้องชายที่เหมือนพี่ชาย เพราะพุรั่วมาก 555
โทรมาเตือนพี่ชาย น่าร๊ากกกก แต่ทันซะที่ไหนเนี่ย
พุไม่เนียนเลย เอาเหอะ เชื่อว่าคราวนี้พ่อแม่รู้แน่ ๆ และพี่เลย์คงอยากบอกอยู่แล้ว
มีแต่พุคนเดียวที่ตื่นเต้นมั้งเนี่ย
ขอบคุณค่ะ
-
พุนี่น่าแกล้งจริงๆ
-
รอด้วยคน
เเม่กะพ่อรู้เเล้วเเน่เลย เรายังรู้เลย เอิ๊ก :jul3:
-
พุเอ้ย..ถ้าเค้าไม่รู้ก็จะรู้เพราะเรานี่แหละ เนียนมากลูก..
-
พ่อกับแม่รู้แล้วแน่ๆ พุเอ้ย
-
พันต้องเหนื่อยหน่อยนะ พี่พุน่ารักซะ มึนได้อีก
รออีกครึ่ง.
-
ตามมาอ่านรวดเดียว ในที่สุดก็ตามทัน (หยุดไม่ได้) หลงรัก พุ+เล่ย์ :man1:
เรื่องน่ารักมากก สนุก ฮา กวน อ่านไปยิ้มไป ชอบๆ
ตอนนี้ :t3:
-
พุน่ารักอะหมั่นเขี้ยวอยากฟัดฟัดโทษฐานเอ๋อได้ใจ อิอิ
-
UNBELIEVABLE LOVE
Merry X’mas & Happy New Year!
“เฮ้ย!!”
ผมร้องอย่างตกใจ เมื่อบอลที่อยู่กับเท้าถูกแย่งไปได้อย่างง่ายดาย แถมไอ้คนแย่งยังหันมายักคิ้วเยาะเย้ยอีกต่างหาก “อ่อน” ก่อนจะทำหน้าเหวอเมื่อผมวิ่งเข้าไปกอดเอวมันไว้ รั้งไม่ให้วิ่งต่อไปได้ “เฮ้ย! ขี้โกงนี่หว่า” พร้อมกันนั้นไอ้เดียวก็วิ่งมาแย่งบอลไปจากเท้าคนที่ผมกอดเอวอยู่ แล้วซัดเข้าโกลไปอย่างสวยงาม
“เย้!!!!”
“ฟาล์วๆ ลูกนี้ไม่นับเว้ย” ไอ้ซอลกับไอ้เอ้ รวมทั้งคนที่ผมยังคงกอดเอวอยู่ รีบโวยวายขึ้นมาทันที
ผม ไอ้เดียว ไอ้ข้าว ก็สวนทันควัน “ไม่ฟาล์วเว้ย ถ้าฟาล์วกรรมการก็ต้องเป่านกหวีดแล้วดิ”
“กรรมการแป๊ะดิ เล่นกันอยู่แค่นี้ จะเอากรรมการมาจากไหน” ไอ้ซอลว่า พร้อมกับยกนิ้วกลางให้พวกเรา พอดีกับที่เสียงแตรคุ้นหูจากรถยนต์คุ้นตาดังขึ้น “ปริ๊น!!” ก่อนที่คนขับจะขับมาชะลอจอดข้างๆ แล้วกระจกก็ถูกกดเลื่อนลงมา “ประชุมอะไรกัน”
“มาก็ดีแล้ว เอาไอ้พุไปอบรมกติกามารยาทหน่อยซิ นี่มันซอคเกอร์นะ ไม่ใช่อเมริกันฟุตบอล มีกอดคู่แข่งไว้ด้วย แม่งมั่วจริงๆ” ไอ้เอ้รีบฟ้องคนขับ
พี่เล่ย์ส่ายหน้าแล้วหัวเราะหึๆ แต่ไม่พูดอะไร กดปิดกระจกแล้วเคลื่อนรถไปจอดที่หน้าบ้าน...
สักครู่ก็เดินกลับมา...พร้อมพี่เกียร์
“โอ้โหเฮ้ย นี่มันโกงกันเป็นขบวนการเลยป๊ะเนี่ย” ไอ้เอ้ว่าเพลียๆ เมื่อพี่เกียร์ดึงแขนพี่เล่ย์ไว้แล้วเขี่ยบอลมาให้ผม
ผมไม่สนใจ ลากบอลไปซัดเข้าโกลของฝ่ายตรงข้ามไปได้อย่างง่ายดาย “เย้!! 3:1 ชนะเลิศ”
“ภูมิใจมากกกก” ไอ้พันมันว่าอย่างหมั่นไส้ แต่ผมก็ไม่สนใจ ยักคิ้วให้มันกวนๆ
“พอๆ เลิก แม่ง ขี้โกงว่ะ” ไอ้ซอลเสริมหน้าหงิกๆ
“โกงตรงไหน มันเป็น Street Fighter ไม่มีกติกาเว้ย” ผมก็มั่วไปเรื่อย
ไอ้ซอลยกนิ้วกลางให้ แล้วเดินเข้าบ้านไป...
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ผมวิ่งตามไปกระโดดขี่หลังคนขี้งอน
“เฮ้ย ไอ้พุ เดี๋ยวล้ม เชี่ยนี่”
“พี่ครับ?”
“หืม?”
“พี่เกียร์กินน้ำฝนได้ป๊ะ” พี่เกียร์เพิ่งจะมาบ้านผมเป็นครั้งแรกครับ เห็นว่าอยู่ที่น่าน กำลังจะกลับกรุงเทพฯ พอดี พี่เล่ย์เลยชวนแวะมาเคาน์ดาวน์ที่นี่ก่อนแล้วค่อยกลับพร้อมกันวันพรุ่งนี้
แฟนผมหันมามองขำๆ “ทำไมจะกินไม่ได้?”
“อ้าว ก็...” ถึงจะเป็นน้องพี่น้องกันก็เหอะ แต่บุคลิกมันต่างกันจะตาย พี่เล่ย์ลุยๆ แต่พี่เกียร์ออกแนวคุณชาย ผมก็เลยไม่มั่นใจว่าจะกินน้ำฝนได้หรือเปล่า “ถ้ากินไม่ได้ จะได้ไปซื้อแบบขวดมาให้”
“กินได้...” พี่เล่ย์ลากเสียงตอบ ก่อนจะพูดยิ้มๆ “น้ำบ่อยังเคยกินมาแล้ว ทำไมน้ำฝนจะกินไม่ได้”
“จริงดิ” ผมถามอย่างไม่ค่อยจะเชื่อถือ พร้อมกันกับที่พี่เกียร์เดินลงจากเรือนมาพอดี และหน้าตาผมคงแสดงถึงความสงสัยมากๆ พี่เกียร์ก็เลยเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
“เขาอยากรู้ว่ามึงกินน้ำฝนได้มั้ย” พี่เล่ย์บอก
พี่เกียร์เลิกคิ้วสูงขึ้นไปอีก แล้วอมยิ้ม แต่ไม่ได้ว่าอะไร ถามเรื่องอื่นแทน “พ่อกับแม่ไม่อยู่?”
“ไปทำธุระข้างนอก... เย็นๆ ก็กลับ”
“อีกกี่นาที” ผมถาม แต่ไม่รอคำตอบ จับแขนข้างที่ใส่นาฬิกาของพี่เล่ย์มาดูเวลาเอง “อีก...ยี่สิบเก้านาที”
พ่อกับแม่ไปนอนแล้วครับ บอกง่วง อยู่ต่อไม่ไหว ให้พวกเราเคาน์ดาวน์กันไป... ซึ่งสมาชิกตอนนี้ ก็มี ผม พี่เล่ย์ พี่เกียร์ พัน ข้าวเอ้ ซอล เดียว ปักษ์ เพื่อนไอ้ข้าว น้องเบล แฟนใหม่ไอ้พัน แล้วก็น้องทราย น้องหน่อย เพื่อนของน้องเบล รวมทั้งหมดก็สิบเอ็ดชีวิตที่ยังคงรอนับเวลาถอยหลังต้อนรับเช้าวันปีใหม่ที่บ้านของผม
พวกเรานั่งอยู่รอบกองไฟที่จุดให้แสงสว่างแทนไฟฟ้าครับ...
'จะได้บรรยากาศของชนบท' ไอ้ซอลมันว่า
'ที่มาพร้อมกับยุง' ไอ้เดียวเสริม
พวกผู้ชายไม่เท่าไหร่ครับ เพราะใส่ยีนส์กันทุกคน แต่น้องผู้หญิงสิ ใส่กางเกงขาสั้นมา นั่งไม่เป็นสุข ต้องคอยตบยุงเปาะแปะ
“ยาทากันยุงในห้องพุมีขวดนึง พันไปเอามาให้เพื่อนสิ” ผมบอก หลังจากที่ไอ้พันไปหายากันยุงมาจุด แต่ก็ยังไม่ค่อยจะช่วยอะไรได้สักเท่าไหร่ “ในตู้เสื้อผ้านะ”
หลังจากสาวๆ ทากันเรียบร้อยแล้ว ผมก็ยื่นให้คนที่นั่งข้างๆ ทาบ้าง “ยุงกัด”
“ทาก่อน” พี่เล่ย์บอก
ขวดยามันเบาๆ เหมือนจะหมดแล้ว ผมเลยเหยาะใส่มือตัวเองแค่สองหยด ยื่นให้พี่เล่ย์ แต่พี่เล่ย์ก็ไม่ทา ส่งต่อให้พี่เกียร์ ผมเลยเอายาไปป้ายแขนพี่เล่ย์ แล้วบอก “แบ่งกัน”
พี่เล่ย์อมยิ้ม กระซิบบอก “ขอบคุณครับ”
ผมยิ้มตอบเขินๆ แล้วเสถามเรื่องอื่น “กี่โมงแล้วอะ”
พี่เล่ย์ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา “อีก...สิบเจ็ดนาที”
“เตรียมพลุไว้ยัง” ผมหันไปถามน้องชายสุดที่รัก
ไอ้พันบุ้ยใบ้ไปทางขวามือที่พวกเรานั่งอยู่ เห็นไม้ที่มัดพลุปักอยู่กับดินเป็นสิบ “เตรียมแล้ว”
(คำเตือน: อันตราย ไม่ควรปล่อยให้เด็กเล่นดอกไม้ไฟตามลำพัง)
“9...8...7...6...5...4...3...2...1...สวัสดีปีใหม่!!!!!”
“สวัสดีปีใหม่ครับ/สวัสดีปีใหม่” ผมหัวเราะขำเมื่อเราสองคนพูดออกมาพร้อมกัน ก่อนจะทำตาโต เมื่อจมูกโด่งๆ แตะมาที่แก้มเร็วๆ พร้อมเสียงกระซิบบอก “มัดจำไว้ก่อน” แล้วพี่เล่ย์ก็หันไปกอดสวัสดีปีใหม่กับพี่เกียร์เนียนๆ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “Hey...”
“HeyBro...”
พี่เล่ย์กับพี่เกียร์เอาหน้าผากชนกัน หลับตา แล้วพึมพำอะไรสักอย่าง ผมไม่ได้ยิน แต่คงเป็นคำอวยพรวันปีใหม่แหละ หลังจากนั้นก็ลืมตาแล้วยิ้มให้กัน...
พี่เล่ย์ตบหัวพี่เกียร์หยอกๆ ทีนึง พี่เกียร์ก็ทำแบบเดียวกัน แล้วทั้งสองคนก็หันไปสวัสดีปีใหม่คนอื่นๆ ต่อ
ส่วนผมก็...เดินไปหาน้องชายสุดที่รัก เพื่อสวัสดีปีใหม่
ตอนแรกที่ผมเดินเข้าไปกอดมัน ไอ้พันก็ทำหน้างงๆ ก่อนจะกอดตอบ แล้วถามอย่างเป็นห่วง “เป็นไร ไม่สบาย?“
ผมส่ายหน้า แล้วบอก “สวัสดีปีใหม่... พุรักพันนะ”
ไอ้พันมันอึ้งครับ รู้สึกได้เลย มันคงงงว่าอยู่ดีๆ ผมเป็นอะไรไป
ถามว่าเราสองคนเคยบอกอีกฝ่ายไหมว่ารัก... เคยครับ บ่อยไป แค่ไม่ใช่ด้วยคำพูดก็เท่านั้น
แต่เมื่อตะกี้ตอนที่เห็นพี่เล่ย์กับพี่เกียร์... ไม่รู้ทำไมผมถึงอยากให้น้องได้ยินว่า 'ผมรักเขานะ'
“พันก็รักพุเหมือนกัน”
ผมเงยหน้ายิ้มจนตาหยีให้น้องรักที่ดันตัวสูงกว่าผม หล่อกว่าผม... แล้วก็ทุบมันไปทีด้วยความหมั่นไส้
“เอ้ย อะไรเนี่ย”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอกันตอนต่อไป ^^
-
อะจะฮึ่ยย พุน่ารักจริงๆ คุณเรนโบว์หายไปนาน กลับมาทีฟิตมาก 55 อยากอ่านบูมอิงด้วยง่า :monkeysad:
-
:-[ :-[ :-[ชอบพ่อกับแม่พุจังเลยอะเข้าใจลูกและสอนลูกดี :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
ว่าแล้ว พ่อกับแม่ต้องเข้าใจ
-
พ่อแม่พุกน่ารักอีกแล้้ว เหมือนพ่อแม่พี่เล่ย์เลย แต่งกันเลยเห้อ :mc4:
ชอบวิธีการสอนลูกของบ้านพุ เด็ดอ่ะ
:pig4:
-
เพราะพุเป็นแบบนี้ ใครๆก็อยากแกล้งพ่อกับแม่ก็เหมือนกัน
ชอบครอบครัวพุสอนดี น่ารักอบอุ่น
-
ไม่แปลกเลยที่พุจะโดนเเกล้งบ่อย
เพราะเจออย่างนี้ใครก็อยากเเกล้ง
น่ารัก :jul3:
-
สงสารพุจังเลย กังวลจนลนลาน เจอพ่อกับแม่แกล้งอีก เด็กน้อยบ่อน้ำตาแตก
นับวันยิ่งรู้สึกว่าพี่เล่ย์เท่มาก
-
โดนแกล้งทั้ง 2 บ้านเลยพุเอ้ยยย เป็นเรา ก็แกล้ง ก๊ากกกก :laugh:
-
พ่อกับแม่สอนดี พุก็เลยน่ารัก ชอบครอบครัวนี้จัง :m1:
-
น่ารักจัง พุใสมากอะ พี่เลย์คงรักพุมากก็น้องน่ารักมาก พ่อแม่ก็น่ารัก
-
เรื่องครอบครัวทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีปัญหา เรียนจบแล้วแต่งงานกันเลย :impress2:
พุแกล้งแล้วสนุก ทุกคนก็เลยชอบแกล้ง แม้แต่พ่อกับแม่ยังแกล้งเลยอ่า :laugh:
พี่เล่ย์ก็เป็นคนปลอบตามระเบียบ :z1:
-
พ่อแม่ o13
คิดเหมือนพ่อแม่พุ ลูกเป็นเกย์ ตุ๊ด กระเทย มันไม่ใช่ความผิด ขอแค่เป็นคนดีก็พอแล้ว
พุโดนแกล้ง ร้องไห้เลย :laugh:
ปล. น้องสายรุ้ง เรื่องน่ารักอย่างนี้ ตัดวอร์นนิ่งทิ้งไปเถอะ :call:
-
ครอบครัวสั่งสอนดีอย่างนี้
ไม่สงสัยเลยที่พุเป็นเด็กน่ารัก
คุณเรนโบว์ขา
เปลี่ยนเป็น happy ending ไม่ได้เหรอ
-
น่าสงสารพุ อิๆๆๆ น่ารักดีจัง...........
-
อ่านไป เข้าใจฟีลพุสุดๆ
เขียนได้อึดอัดมากกกกกก
แบบไม่รู้จะบอกดีมั้ยอ่ะ
แต่ยังไงดีล่ะ ,, พูดออกไปอ่ะดีแล้ว
เวลามีเรื่องไม่อยากบอกใคร คนที่ทรมานคือเราเอง
ดีที่บอกออกไปซะที ^^
พี่เลย์รู้อยู่แล้วแน่เลยอ่ะว่าพ่อแม่รู้
พันบอกชัวร์ (ห๊าา เกี่ยวไรกะพัน ๕๕๕)
-
555 และแล้วหนูพุก็โอนแกล้งตลอด 555
-
พุคงน่ารักน่าแกล้งน่าดูเลยอ่ะ
ไปที่ไหน ก็โดนชาวบ้านเขาแกล้งเล่นตลอด 555+
-
พ่อกับแม่สุดยอดมากๆ o13
-
พอกันกับพ่อแม่พี่เล่ย์เลย
บ้านนู้นมีการรับน้องแกล้งให้ร้องไห้ด้วย
บ้านนี้กดดันให้สารภาพ
-
แต่งตอนนี้ได้ดีมากเลยคะ o13ชอบมาก
ขอบคุณคะ :L2:
-
ครอบครัวนี้เค้าน่ารักจัง :กอด1:
-
พุน่าแกล้ง
-
:เฮ้อ:โล่งงงง....ละซีพุ :laugh: :laugh: :laugh:
คนอ่านก็ โล่งงงง.....ด้วย และพลอย :laugh: :laugh:ด้วยละ
-
กดบวกปล่อยเป็ด
ครอบครัวนี้สุดยอดมาก
-
ฮาอะ พุโดนพ่อกะแม่แกล้ง ทำเอาร้องไห้เลยอะ
-
ดีใจกับพุด้วยนะ ที่ความสัมพันธ์กับเฮียแพทกลับมาสนิทกันเหมือนเดิมแล้ว :กอด1:
มาแค่ 10% ชิมิ รอที่เหลือค่า :impress2:
-
พุ เป็นตัวละครที่น่ารักมากๆๆๆ เลย :กอด1:
-
อ่อยยยยย
พุน่ารักมากกกกกก
ชอบสุดดดด
ยม่อยากหน่วง!!!
-
อยู่กับพุต้องอารมณ์ดีแน่ ๆ
-
พุเชียร์สะ :m20:
-
อิพุนี่รั่วมากอ่ะ
-
รู้สึกว่าช่วงนี้ค่าตัวพ่อดาวหางแพง....ไม่ออกมาเลย ^^^
-
:laugh: :laugh: :laugh:
พุมันมากเหอะ 555
-
อยากเอาพุกับบ้านด้วย :o8:คงจะฮาน่าดู o13
ขอบคุณคะ
-
:try2: เอ่อ เราเคยเชียร์บอลแบบน้องพุนี้แหละ มีเผ่าหุ่นฟางด้วย แล้วก็ตะโกน ฆ่ามันๆๆ :laugh:
เหมือนมองเห็นตัวเองไงไม่รู้ :m20:
-
มีพุอยู่ด้วยเนี่ย ท่าทางจะสนุกกว่าเลี้ยงเฟอบี้แฮะ :really2:
-
มีแบบพุอีกมั้ย
อยากได้
กดบวกปล่อยเป็ด รอที่เหลืออย่างใจจดใจจ่อ^^
-
ชอบตอนพี่โผมมมมมๆๆ 555 พุน่ารัก
-
:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
-
พุน่ารักอะ ดีจัยที่พุกะพี่แพทสนิทกันเหมือนเดิมแระ
-
:z2:
-
555 พุเชียร์สนุกมาก อย่างกะได้แชมป์
-
พุเชียร์แบบ เต็มที่กับชีวิตมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ชอบๆๆๆ อยากเก็บไว้เลี้ยงบ้านนนนน 555++ :m20:
มาต่ออีกนะๆๆๆๆๆ
-
โล่งงงง~*
:เฮ้อ:
-
จริง อย่างนี้ต้องฉลอง
-
^^
-
UNBELIEVABLE LOVE
Epilogue
"RRRRRR… RRRRRR… RRRRRR…"
เสียงโซโลกีตาร์โหดๆ แบบนี้ ไม่ใช่ของผมแน่ๆ ครับ… และในเมื่อไม่ใช่ของผม ผมเลยนอนต่อ
แต่…
"RRRRRR… RRRRRR…RRRRRR…"
นอนไม่ได้อะ
ยังไม่อยากลืมตาครับ ควานมือหาเจ้าของมือถือก่อน แต่ไม่เจอ ผมเลยหรี่ตาขึ้นข้างหนึ่ง กวาดตามองไปทั่วห้อง…
อ้าว เจ้าของมือถือ หายไปไหนซะล่ะ?
คราวนี้ลุกขึ้นมานั่งเลยครับ… เอื้อมไปหยิบมือถือที่วางอยู่ตรงหัวเตียงมาดู เมื่อเห็นว่าชื่อที่โทรเข้าเป็น ‘Mom’ ก็เลยกดรับ “ครับ?”
ปลายสายนิ่งไปนิด ก่อนจะถาม [ใครรับสาย น้องพุหรือเปล่าลูก?]
“ครับ พุเอง พี่เล่ย์ไม่อยู่ ไม่รู้ไปไ- อ้าว มาพอดีเลยครับ แป๊บนะครับ” ยื่นมือถือให้กับเจ้าของที่เพิ่งเปิดประตูห้องเดินเข้ามา แล้วผมก็บอก “แม่ครับ” ก่อนจะซุกตัวลงไปในผ้านวมใหม่อีกรอบ แต่มันยังไม่หลับ เลยได้ยินบทสนทนาของคนที่นั่งเอนๆ อยู่ข้างตัวชัดแจ๋ว
“ครับ? วันไหน?… อืม… ไอ้เกียร์ล่ะ?... ครับ… ซื้อก็ได้มั้ง… อืม… งั้น เดี๋ยวลองดูก่อน ถ้าไม่ได้ค่อยพาไปตัด… ครับ… ครับ…คร๊าบบ… หึ หึ… บายครับ” แล้วพอวางสายปุ๊บ คนขี้แกล้งก็หันมาจี๋เอวผมทันที “ตื่นได้แล้ว ไอ้เด็กขี้เซา นอนกินไปครึ่งประเทศแล้ว”
ผมดิ้นหนี “อื้อ ง่วงงงง”
“ง่วงอะไร นอนไปจะสิบชั่วโมงอยู่แล้ว ลุกเร็ว”
“อีกครึ่งชั่วโมง”
ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ แล้วเจ้าของเสียงก็บ่น “ต่อรองทุกเรื่องจริงๆ”
แต่ผมไม่สนใจตอบโต้ เพราะเดี๋ยวจะไม่ได้นอน
“ไปไหนกันวะ?” เสียงไอ้ซอลร้องทัก เมื่อผมกับพี่เล่ย์เดินลงมาจากห้องด้วยชุดออกจากบ้าน คือ เสื้อเชิ๊ตสำหรับพี่เล่ย์ และกางเกงยีนส์สำหรับผม
ถ้าอยู่บ้าน ปกติผมใส่แต่กางเกงขาสั้นครับ ถ้าออกจากบ้านถึงจะใส่กางเกงยีนส์ ส่วนอีกคนเขาใส่ยีนส์เป็นปกติชีวิตประจำวันอยู่แล้ว แต่จะใส่คู่กับเสื้อยืด ถ้าวันไหนเห็นใส่เชิ๊ตนั่นแสดงว่ากำลังจะออกจากบ้านครับ
“เซ็นเวิร์ล ไปป๊ะ?” ผมถาม
ไอ้ซอลส่ายหน้า “ไปนานป๊ะ”
ผมหันไปมองพี่เล่ย์เพื่อให้อีกฝ่ายตอบ เพราะไม่รู้เหมือนกันว่านานหรือเปล่า “อาจจะนาน”
“เออ ถ้านานก็ไม่เป็นไร”
“มึงจะเอาไร”
“ว่าจะฝากซื้อขนมซักหน่อย”
“เอาไรล่ะ เดี๋ยวซื้อมาฝาก”
“อยากกินเค้ก”
“เค้กไรล่ะ?”
“กูไม่รู้ชื่ออะ รู้แต่ว่ามันเป็นทรงกลมเรียบๆ ขนาดนี้” มันทำมือประกอบ แล้วอธิบายต่อ “เนื้อมันจะนุ่มๆ สีเหลืองๆ น้ำตาลๆ อะ”
ผมกับพี่เล่ย์มองหน้ากัน “รู้จักป๊ะ?”
ผมส่ายหน้า “เค้กฟักทองเหรอ กลมๆ เหลืองๆ”
“หึ หึ” พี่เล่ย์หัวเราะขำ แต่ไอ้ซอลมันด่า เพราะมันเกลียดฟักทอง คึคึ“ไอ้บ้า ไม่ใช่เว้ย” ก่อนจะเสริม “มึงไปเดินดูเหอะ ถ้าเห็นแล้วมึงจะต้องรู้”
“แล้วมันอยู่ชั้นไหน?”
“ชั้นที่มีร้านขายเค้กเยอะๆ ไง”
พี่เล่ย์ส่ายหน้า “กูจะหาให้มึงได้มั้ยเนี่ย”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“เดี๋ยวเก็บตรงนี้นิดนึงก็พอดีแล้วค่ะ” พนักงานขายบอก
พี่เล่ย์พยักหน้า แล้วถาม “ต้องใช้เวลานานหรือเปล่า”
“ไม่นานค่ะ รับรองไม่เกินหนึ่งชั่วโมง… ระหว่างนี้คุณผู้ชายกับคุณน้องก็ไปเดินดูอะไรเล่นๆ รอก่อนก็ได้ค่ะ แล้วทิ้งเบอร์โทรไว้ เสร็จแล้วดิฉันจะรีบโทรไปบอก”
แต่พี่เล่ย์ปฏิเสธ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวอีกชั่วโมงพวกผมเดินกลับมาเอง”
“อย่างนั้นก็ได้ค่ะ” พนักงานขายบอกด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะผายมือเชิญ “งั้นรบกวนชำระค่าสินค้าที่เคาน์เตอร์ค่ะ”
เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินออกมาจากร้านเพื่อหาอะไรทำฆ่าเวลาระหว่างรอให้พนักงานแก้ชุดสูทที่ซื้อเสร็จ
สรุป ที่แม่พี่เล่ย์โทรมาเพราะต้องการให้พี่เล่ย์พาผมไปตัดสูทครับ วันศุกร์ที่จะถึงนี้มีงานเลี้ยง แต่พี่ท่านกลัวไม่ทันเลยพามาซื้อแบบสำเร็จรูปแทน…
“หิวมั้ย?”
ผมส่ายหน้า ก่อนจะนึกถึงเค้กที่ไอ้ซอลฝากซื้อได้ “แต่ต้องไปหาซื้อเค้กให้ไอ้ซอล”
“อืม… น่าจะอยู่ชั้นล่างนะ ตรงฟู๊ดคอร์ทน่าจะมี”
“ชิมได้นะคะ” พนักงานขายเชิญชวนด้วยรอยยิ้ม
ผมหยิบส้อมพลาสติกอันเล็กจิ้มเค้กที่อยู่ในถาดสำหรับชิมเข้าปาก… เคี้ยวๆ พอรู้รสก็กลืนลงคอ ก่อนจะหยิบส้อมอันใหม่ จิ้มเค้กอีกรส… เคี้ยวๆ พอรู้รสก็กลืนลงคอ ก่อนจะหยิบส้อมอันใหม่ จิ้มเค้กอีกรส
“อืม…”
“อิ่มพอดี ไม่ต้องซื้อ” พี่เล่ย์แซวขำๆ
ไม่สนใจ ผมชี้ไปยังเค้กที่จำได้ว่าชิมแล้วอร่อยสามรส “เอาอันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้ครับ” ก่อนจะหันไปทางเจ้ามือแล้วกระดิกนิ้ว “พูดมาก เอาตังค์มาเลย”
เจ้ามือส่ายหน้า แล้วก็หัวเราะหึๆ หยิบธนบัตรสีเทาออกมาจากกระเป๋ายื่นให้ ก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบ “ต้นไม่ต้องคืน แต่ดอก พี่ขอเก็บคืนนี้”
มือที่กำลังรับแบงก์มาจากอีกฝ่ายชะงักกึก “เฮ้ย งั้นไม่เอา พุจ่ายเองก็ได้”
“ให้ไปแล้ว ไม่รับคืน” คนเจ้าเล่ห์ว่า แล้วก็ยักคิ้วกวนๆ
ทำอะไรไม่ได้ เพราะยังไงก็หนีไม่พ้น ผมเลยคิดจะเอาให้คุ้ม “โอเค๊… งั้นวันนี้ เตรียมควักไว้เลย”
“ควักอะไร ระบุด้วย” พี่เล่ย์กระซิบถาม
ผมที่กำลังอ้าปากจะตอบชะงักกึกเมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่าย เพราะเก็ทแล้วว่าหมายถึงอะไร “เฮ้ย!” และเสียงมันคงจะดังไปหน่อย คนที่ยืนอยู่โดยรอบถึงได้หันมามองเป็นตาเดียว
ผมรีบทำทีเป็นสนใจกับเค้กในตู้กระจก แล้วลอบมองคนที่ยืนอมยิ้มอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาอาฆาต “พี่เล่ย์ ชอบแกล้งว่ะ”
“หึ หึ”
หลังจากหาเค้กที่คิดว่าไอ้ซอลต้องการเจอแล้วพวกเราก็เดินกลับไปที่ร้านที่ซื้อชุดไว้
เมื่อไปถึงทางร้านก็นำชุดมาให้ลอง ซึ่งผมก็ใส่ได้พอดีทั้งสองชุดที่เลือกไว้เลย…
วันนี้ที่มา ไม่ใช่ว่าผมได้ชุดคนเดียวนะครับ พี่เล่ย์ก็ได้เหมือนกัน แต่ของพี่ท่านไม่ต้องแก้ครับ เลือกสองชุด ก็ใส่ได้ทั้งสองชุด ไม่ต้องแก้เลย พนักงานชมไม่ขาดปาก ‘พอดีเป๊ะเลยค่ะ เหมือนตัดมาเพื่อคุณผู้ชายโดยเฉพาะเลย’
ชิ หมั่นไส้คนตัวสูง… ของผมสิ เลือกสองชุดก็ต้องแก้ทั้งสองชุดเลย
‘เสื้อผ้ามันไม่ได้มาตรฐานเนอะ’ มีเยาะเย้ยครับ ไอ้พี่บ้า
วันงาน ที่บ้านพี่เล่ย์...
“คนเล็กค่ะ ชื่อน้ำพุ”
ทุกคนที่ผมถูกแนะนำให้รู้จักก็ทำหน้างง คงสงสัยว่าแม่พิมไปมีลูกอีกคนตอนไหน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แค่ยิ้มรับและชวนพูดคุยตามมารยาท…
และเมื่อเดินหลบแขกคนล่าสุดมาได้ คนที่พาผมร่อนไปทั่วงานก็ถามอย่างเป็นห่วง “เหนื่อยมั้ยจ๊ะ?
“ไม่ครับ ไม่เหนื่อย”
แม่พิมเลิกคิ้วขึ้นเหมือนจะไม่เชื่อ แต่จริงๆ นะ ผมไม่เหนื่อยเลย ไม่ได้ไปแบกไปหามอะไรสักหน่อย แต่ที่เป็นอยู่ คือเกร็งครับ…
เกร็งจนเครียด
“อีกแป๊บเดียว เดี๋ยวแม่จะปล่อยให้ไปอยู่กับพี่เล่ย์” แม่พิมว่ายิ้มๆ เมื่อเห็นผมกวาดตามองไปทั่วงาน เพื่อหาใครบางคน
“หะ หะ” ผมหัวเราะเขินๆ ที่ถูกจับได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ไปจ๊ะ อีกคนเดียว เดี๋ยวปล่อยตัวละ” แม่พิมว่าหยอกๆ ก่อนจะเดินนำไปหาสาวใหญ่ท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง
“พี่เนตร สวัสดีค่ะ” ผมยกมือไหว้ตามแม่พิม แต่ไม่ได้พูดอะไร
คุณเนตรยกมือรับไหว้พวกเรายิ้มๆ “สวัสดีค่ะ คุณพิม… แล้วนี่พาใครมาแนะนำคะ?”
“อ๋อ นี่น้องพุค่ะ ลูกชายคนเล็ก”
ผิดกับแขกคนอื่นๆ ที่แค่ทำหน้าสงสัย แต่ก็ไม่มีใครถามไถ่ ปล่อยให้มันผ่านเลยไป… คุณเนตรเอ่ยถามตรงๆ “เอ๊ะ คุณพิมมีลูกสามคนหรือคะ นึกว่ามีแค่ตาเล่ย์กับตาเกียร์เสียอีก?”
คุณแม่ยิ้มรับ แล้วก็บอกตรงๆ เช่นกัน “คนนี้เพิ่งได้มาค่ะ ลูกชายคนใหม่ แฟนตาเล่ย์”
“อ๋อ…” คุณเนตรพึมพำออกมาแค่นั้น แล้วก็ไม่พูดอะไรต่อ
ความเงียบเข้าครอบคลุมบทสนทนาชั่วครู่ ก่อนแม่พิมจะเอ่ยออกมา “แล้วคุณพี่ผู้ชายไปไหนซะล่ะคะ เมื่อกี้เห็นแว๊บๆ ว่าจะพาน้องพุมาแนะนำให้รู้จักซะหน่อย”
“อ๋อ อยู่ในห้องโน้นค่ะ” คุณเนตรชี้ไปยังห้องสมุดของบ้าน ก่อนจะว่าอย่างเอ็นดู “ไม่รู้ตาเล่ย์ไปทำเสน่ห์อะไรไว้ ตั้งแต่มาก็ไม่ยอมคุยกับใครเลย นอกจากลูกชายคุณพิม”
“คงจะคุยกันถูกคอแหละค่ะ กับพ่อเขาก็เหมือนกัน นั่งคุยกันเป็นวันๆ ไม่รู้มีเรื่องอะไรคุยกันนักหนา” แม่พิมว่ายิ้มๆ แล้วหันมาบอกผม “น้องพุอยากไปหาพี่เล่ย์ก็ไปเถอะจ๊ะ เดี๋ยวแม่ขอคุยกับป้าเนตรก่อน”
“ครับ” ผมยกมือไหว้ลาคุณเนตร แล้วก็เดินตรงไปที่ห้องสมุด ก่อนจะชะงักอยู่แค่หน้าประตู เพราะนึกได้ว่าอีกฝ่ายมีแขกอยู่
“มานั่งทำไรตรงนี้ พี่เล่ย์ล่ะ?”
ผมหันหน้าไปมองเจ้าของเสียงคุ้นหู แล้วบอก “ในห้องสมุดครับ”
“แล้วไม่ไปหามัน?”
“พี่เล่ย์มีแขก”
พี่เกียร์เลิกคิ้วขึ้น “ใคร?”
“น่าจะเป็นสามีคุณเนตรอะครับ”
พี่เกียร์พยักหน้ารับรู้ “โอเค…” แล้วก็ดึงผมให้ลุกขึ้นยืน “ป่ะ”
เดินตามแรงรั้งของอีกฝ่าย ผมถามอย่างสงสัย “ไปไหนครับ”
“ก็ไปหาพี่เล่ย์ไง”
“แต่พี่เล่ย์มีแขก…”
พี่เกียร์ไม่สนใจคำโต้แย้งของผม ผลักห้องสมุดเข้าไป แล้วพูดเสียงดังปกติ “พี่เล่ย์ มีคนมาหา”
คนที่กำลังนั่งคุยอยู่กับหนุ่มใหญ่รุ่นราวคราวเดียวกันกับพ่อของผมหันมามอง แล้วยิ้มให้น้อยๆ “อ้าว แม่ยอมปล่อยมาแล้วเหรอ”
ผมยิ้มตอบ แล้วยกมือไหว้คนแปลกหน้า “สวัสดีครับ”
“แฟนผม” คำแนะนำของพี่เล่ย์ ทำให้รอยยิ้มและมือที่ยกขึ้นมารับไหว้ชะงักค้างไปชั่วขณะ ก่อนที่หนุ่มใหญ่ผู้เป็นแขกจะปรับสีหน้าและท่าทางให้เป็นปกติได้ “สวัสดี”
พี่เล่ย์ดึงผมให้นั่งลงข้างๆ แล้วแนะนำคนที่นั่งอยู่ด้วยให้ผมรู้จัก “คุณภูมินทร์เป็นพ่อเฮียแพท” ก่อนจะบอกอีกฝ่าย “แฟนผมเป็นหลานรหัสของลูกคุณ”
“อ้อ ใช่ที่ชื่อพุหรือเปล่า เห็นตาแพทพูดถึงบ่อยๆ”
ผมพยักหน้ายืนยัน “ใช่ครับ” แต่ในใจกำลังตงิดๆ กับคำแนะนำของพี่เล่ย์อยู่
พ่อเฮียแพท?
ถ้าผู้ชายคนนี้เป็นพ่อเฮียแพท… งั้นก็ต้องเป็นพ่อพี่เล่ย์ด้วยสิ
พอรู้ว่าคนๆ นี้เป็นพ่อพี่เล่ย์ ผมก็รู้สึกเครียดขึ้นมาทันที…
ตอนแรกก็เกร็งอยู่แล้วครับ แต่ตอนนี้ทั้งเกร็งทั้งเครียดเลย…
“พี่เล่ย์?”
“หืม?”
ตะแคงตัวมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ แล้วผมก็ตัดสินใจถาม “คุณภูมินทร์เป็นพ่อพี่เล่ย์ใช่มั้ย?”
“อืม…” อีกฝ่ายตอบรับอยู่ในลำคอ
ผมพยักหน้าเข้าใจ “โอเค...” ดึงแขนยาวๆ ที่พาดอยู่ตรงเอวมากอดไว้ แล้วหลับตาลง
“แค่เนี้ย?”
“อือ ฮึ” ก็แค่อยากรู้ว่าใช่หรือไม่ใช่… แค่นี้จริงๆ
พี่เล่ย์หัวเราะหึๆ แล้วถามบ้าง “วันนี้เป็นไง เหนื่อยมั้ย?”
ผมสั่นศีรษะ ตอบทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่ “ไม่เหนื่อย แต่เกร็ง”
“เกร็งอะไร?”
“เอ้า ก็มีแต่พวกคุณหญิงคุณนาย ไฮโซไฮซ้อ พุก็เกร็งดิ”
“เฮียแพทก็ไฮโซ ทำไมพุไม่เกร็ง”
“มันไม่เหมือนกัน อันนั้นเขาเป็นลุงรหัส แต่อันนี้เขาทำธุรกิจกับพ่อกับแม่ไง เผื่อพุพูดอะไรผิดไป เขาถอนหุ้น เลิกทำการค้ากับพ่อ ทำไงล่ะ?”
พี่เล่ย์หัวเราะขำ ก่อนจะบอก “มิน่าว่าทำไมพุไม่ค่อยพูด ยังคิดว่าใครมาสลับตัวกับแฟนพี่หรือเปล่าวะ”
“ปกติพุก็ไม่ค่อยพูดเหอะ”
“จริงอะ?”
ต่อยแขนคนช่างว่าที หมั่นไส้ “นี่แนะ… ว่าพุพูดมากเหรอ”
คนโดนต่อยไม่สะทกสะท้านเพราะหนังหนา“หึ หึ ไม่ได้ว่าพูดมาก…” หยุดเพื่อให้เราสนใจ ก่อนจะบอก “แค่พูดเยอะ”
“พี่เล่ย์!” ต่อยไปอีกที… แต่ก็บอกแล้วไงว่าหนังหนา ไม่รู้สึกร๊อก
“หึ หึ”
หลังจากที่แกล้งกันจนผมคนเดียวที่เหนื่อยพวกเราก็นอนเงียบๆ
ไม่ได้หลับ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกัน…
ไฟในห้องปิดมืด มองเห็นหน้ากันเพียงลางๆ แต่เพราะปลายนิ้วที่ม้วนพันเส้นผมเล่นไปมา ยังไม่ยอมหยุดขยับ เลยทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่หลับ…
“พี่เล่ย์?”
“หืม?”
“พุมีความสุขจัง” มีความสุขมากๆ สุขจนล้น สุขจนไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง
ไม่อยากจะเชื่อ...ผู้ชายที่แสนเพอร์เฟ็คคนนี้ไม่ใช่ภาพลวงตา
ไม่อยากจะเชื่อ...ผู้ชายคนนี้เป็นคนรักของผมจริงๆ
ไม่อยากจะเชื่อ...กับความโชคดีของตัวเอง
จะมีสักกี่คนที่โชคดีแบบผม…ได้อยู่กับคนที่ผมรัก และเขาก็รักผม… ครอบครัวทั้งสองฝ่ายยอมรับและเข้าใจ… เพื่อนสนิทไม่รังเกียจ แถมสนับสนุนด้วย
ถ้าหากนี่เป็นเพียงฝันแสนหวาน ก็ขออย่าให้ผมต้องตื่นขึ้นมาเลย
พี่เล่ย์พลิกตัวมาหา… วางศอกทั้งสองข้างคร่อมตัวผมไว้
ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดรอดออกมาจากริมฝีปากของเราทั้งคู่ นอกจากประกายตาแวววาวในความมืด…
นิ้วเรียวยาวปัดผมปอยหนึ่งที่ปรกระหน้าผากออกให้ ก่อนเจ้าของนิ้วจะก้มลงมาหา จนปลายจมูกของเราทั้งสองคนสัมผัสกัน เสียงตอบรับจึงถูกกระซิบขึ้นเบาๆ “พี่ก็มีความสุข”
ความสุขอัดแน่นอยู่ในอกจนแทบระเบิด ผมยกแขนขึ้นโอบรอบคอของอีกฝ่าย แล้วกระซิบบอก “พุรักพี่เล่ย์”
“ครับ พี่รู้…” พี่เล่ย์พูดด้วยรอยยิ้ม ที่ทำให้มองเห็นฟันขาวๆ ในความมืด “พี่ก็รักพุเหมือนกัน”
“อย่าทิ้งพุนะ” ผมบอกเสียงแผ่ว กระชับแขนที่โอบอยู่รอบคอหนาแน่นขึ้น ด้วยรู้สึกหวาดหวั่น ไม่อยากจะปล่อยมือเพราะกลัวอีกฝ่ายจะหลุดลอยหายไป
“พี่สัญญา…”
“……………”
“ให้ตายพี่ก็ไม่ทิ้ง”
http://www.youtube.com/v/niuRH8ZQ7eY?version=3&hl=en_US&rel=0" type=
Song Credit: รักเธอมากกว่าเมื่อวาน by KICK KICK
+++++unbelievablelove+++++
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน แล้วเจอภาคต่อไป ^^
-
ดีใจที่พุ กับเฮียแพทดีกันแล้ว
แล้วพี่เล่ย์กะเฮียแพทจะมีดีกันมั้ย
หึหึ คงเป็นไปได้ยากสินะ
พี่เล่ย์น่ารักกกกกกก
ชอบที่สุด
แล้วพี่อิฐยังไง หลงเสน่ห์น้องอีกคนแล้วเราะ หึหึ
เด็กมันพราวจริงๆ แพรวพราววววว
><
-
น่ารักกันตลอด พี่เล่ย์ก็นะ เห็นนิ่งๆเงียบๆแบบนั้น แต่ก็หยอดน้องพุได้ตลอดเลย อิอิ :-[
-
อ่า...พี่อิฐ
มีแฟนหล่อนะ มีแฟนหล่อ
55555555
-
พี่เล่ย์จะน่าร๊ากกกไปไหน แค่นี้ก็หลงแล้ว :m3:
-
ขนาดพี่อิฐยังเกลียดน้องไม่ลง พุมันน่ารักจริงๆ นะ
พี่เล่ย์จะพาน้องออกงานเหรอจ๊ะ ฮิ้วๆๆ พี่แกก็สามารถจะแทะเล็มแฟนได้ตลอดนะ
แม้กระทั่งที่ร้านเค้ก พุจะจ่ายเองก็ไม่ทันละ เตรียมจ่ายดอกคืนนี้แทน 555
ขอบคุณค่ะ
-
ไม่รู้ตัวกันเหรอ ว่าพุทำของมา :m20:
พุรั่ว มึน ฮา คนรอบข้างหลงรักไม่รู้ตัว หึ หึ หึ :m12:
-
เเต่ดอกหน่ะเก็บคืนนี้ /// อร๊ายยยยย :m25:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
:กอด1: :กอด1: น้องพุจ๋าา
-
หึหึ ดูท่าพี่อิฐจะเริ่มเข้าใจเสน่ห์น้องอีกคนแล้วมั้ง :o8:
-
จะใส่สูทไปงานเลี้ยงที่ไหนน้อ แต่งานนี้มีเปิดตัวพุด้วยแน่เลย :z1:
-
น่ารักมากๆๆ :L2:
-
เล่ย์จะพาน้องไปไหนหนอ
พุน่ารัก
กดบวกปล่อยเป็ด
-
อยากเล่นกะน้องพุ :-[
-
คือ....ชอบพี่เลย์มากอะยิ่งอ่านรู้สึกว่าเพอเฟก.....อิจฉาพุ....^^
-
วุ้ย พี่เลย์เก็บดอกแพงป่ะเนี้ย อิอิ พี่อิฐให้ได้แฟนหล่อน๊า 555
-
อิคนแบบพี่อิฐเนี่ย น่ากลัวนะ
-
แพทครับ รักแบบพี่น้องมันไม่ต้องมีเงื่อนไขนะ ดีใจด้วยที่แพททำใจได้
และกลับมามีสัมพันธ์ที่ดีแบบเดิมกับพุได้
สงสัยจัง ตัด/ซื้อสูทไปงานอะไรน้อออ...
-
ใช่งานที่ไปเจอพี่จีนป่ะจ้ะ :a1:
พี่อิฐถึงจะยังหาไม่เจอว่าพี่แพทชอบน้องตรงไหน แต่ก็ชมน้องไปหลายจึ้กแล้วนะ :laugh:
ขอให้ได้แฟนหล่อ :laugh:
-
:-[
-
กำลังหวานอยู่ดี ๆ มีตัวหนังสือสีแดงทำไมอะ
ต้องไปเตรียมผ้าเช็ดหน้าดีไหม
-
อัยย๊ะ ทิ้งท้ายซะ อยากอ่านต่อเลย หัวใจไม่ได้เสริมใยเหล็กซะด้วย แต่จะอ่านอิอิ โชยกลิ่นหมูสับมาเลย อย่าอืดเต็มชามน้า ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ มาเป็นกระไสได้ไม่ว่ากัน o13 o13 o13
ขอบคุณจ้า น่ารัก เลิฟๆ คู่นี้ :L1: :pig4: :L1:
-
:o12: น้ำตาซึมรอ งั้นคงเป็นเม้นต์สุดท้ายของเรื่องนี้แล้ว
ขอบคุณที่เตือนก่อนนะคะ อยากเก็บความทรงจำดีๆของเรื่องไว้
ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆให้อ่านค่ะ :กอด1:
-
แงงงงง ม่อยนะีัะะะะ
แต่ก็อ่านต่อแน่นอน ๕๕๕๕
-
ไม่รู้จะเดินต่อดีมั้ยตรู
ฮึกกก
เป็นคนจิตอ่อน ,, แต่อยากอยู่จนจบ
งื้ออออออ ว้อทชุดไอดูวววว
-
อ่านแล้วมีความสุขมากกกกกกกก
แต่พอเห็นตัวแดงข้างล่างเท่านั้นล่ะ
น้ำตาจะไหล ฮืออออออ ขอชิงร้องไห้ก่อนล่วงหน้า
พี่เล่ย์ของหนู น้องพุของพี่ T_____T
-
จริงดิ
เศร้ามาม่าอืดท่วมชามไม่กลัว...กลัวค้าง เอิ๊กๆ
จะติดตามบวกและเป็ดให้เสมอไม่ห่าง
กดบวกปล่อยเป็ด
-
คุนเรนโบว์ใจร้ายย :m15: แต่ก็เข้าใจว่า โลกนี้ไม่มีใครเพอร์เพค หรือมีอะไรที่ดีเลิศไปหมดทุกอย่าง ตัวละครอย่างพี่เล่ย์หรือพุ ก็แทบจะไม่มีจริงบนโลกนี้เลย เข้าใจว่าเป็นแค่นิยาย แต่ไม่สามารถทำใจให้อ่านได้หากมีใครต้องตาย
แต่ถ้าทำใจได้แล้วอาจจะเข้ามาอ่านนะ ฮือ
:o12:
ขอบคุณค่ะ
-
ไปเตรียมความพร้อมเพื่อรอ คาดว่าพี่เล่ย์คงเป็นคนที่ไม่มีชีวิตแต่ยังทำตัวเหมือนมีชีวิต
เรื่องนี้จะเศร้า หรือจะน่ากลัวไปด้วยหรือเปล่า
-
:a5: :a5: :a5: :a5:
ตกใจตรงเม้นแดงๆนี่แหล่ะ :serius2:
นั่งสงบจิตสงบใจในมุมมืดมิด :o11:
-
อ้ากๆๆๆ กลัวตอนต่อไปจังเลย :serius2:
-
เฮ้อออออออออ
-
ถ้ามีต่อแบบ มาม่า นี่คงอ่านไปน้ำตาไหลไปอะ
ขอแบบ 2 เวอร์ชั่นได้ไหม ใครชอบมาม่าก็มี หรือใครชอบแบบไม่มาม่าก็มีอะ
เราคนอ่านทำใจไม่ได้อะ แค่เห็นตัวแดงตอนท้านก้อหน่วงๆๆ หัวใจแล้วอะ
ถ้าได้อ่านคงร้องให้จนปวดตาอะ เพราะเรื่องนี้เราชอบมากอ่านซ้ำไปมา ไม่ต่ำกว่า 8 รอบแล้วอะ
ขอแบบให้จบแบบมีความสุขด้วยเถอะนะ :sad4: :sad4: :sad4:
-
นับถือคนเขียนเลยค่ะที่มั่นคงในพล็อตของตัวเองมาก ตายเป็นตายจริงๆ ฮือออออ :monkeysad:
ถึงหัวใจจะไม่แข็งแรงมากๆ แต่เราก็จะอ่านต่อไป และจะไม่ว่าคนเขียนใจร้ายด้วย ฮืออออออออ
เพราะงั้นตอนนี้ขอร้องล่วงหน้า ถ้าเกิดตอนต่อไปมันจะเศร้า หน่วง บีบหัวใจอย่างรุนแรง :o12:
-
:a5: ไอ้ที่อยู่ในคำเตือนมันจะมาแล้วซินะ :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
-
โอ๊ย ทำมัยคำเตือนมันน่ากลัวงี้ จะเกิดรัยขึ้นล่ะ
-
ดราม่าไม่กลัว กลัวจบ Bad End T___________T
ยิ่งมาเตือนก่อนงี้ยิ่งน่ากลัวว ววววว จะไม่มีใครตายใช่ม้ายย ยยย บอกฉันที
"ให้ตายพี่ก็ไม่ทิ้ง" ... แต่หนูกลัวพี่ตายเนี้ยแหละะะะะะ ะะ
-
:-[ :-[ :-[ :-[พี่เลย์กับน้องพุยังน่ารักเหมือนเดิม :-[ :-[ :-[
-
เย้ยยย มีใครตายด้วยเหรอ
เข้าใจน่ะ เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ ถ้ามันจะเป็นพระเอก นายเอก ของเรื่องนี้ รับไม่ไหวค่ะ
ถ้ามันเป็นจริง คนอ่านจะเสียใจมาก
อ่านคำพูด "ถึงตายพี่ก็ไม่ทิ้ง" ของพี่เล่ย์แล้ว
ไม่ใช่พี่เล่ย์ตายแล้ว ก็ยังอยู่กับพุไปเรื่อยๆ นะ แบบนี้นิยายเรื่องนี้หลอนและเศร้าลึก
ปล. เข้าใจอีกแหละ ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่คนเราบางทีชีวิตจริงก็ไม่ได้มีเรื่องรื่นรมย์ ขอเวลาสุขใจตอนอ่านนิยายก็ยังดี
-
:sad4: :sad4: :sad4: อย่านะ เค้ารักทั้งคู่เลย อย่าใจร้ายเลย
-
:monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
-
T^T
-
แหง่ะ บอกทำใจไม่ได้แต่ก็อยากรู้ เราอ่านจากล่างขึ้นบนอะ :laugh: ดูสถานการณ์ว่าผู้เสียชีวิตเป็นใคร จะได้ไม่ต้องอ่านจากบนมาล่างแล้วช็อคนอยด์ไป 3 4 วัน
-
พี่เล่ย์อ่ะพูดเป็นลาง ฮือ หวังว่าจะไม่เป็นอะไรมากนะทั้งสองคนเลย
น้องพุรออยู่นะพี่เล่ย์
:monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
-
เอ่อะ ยังไม่สามารถทำใจอ่านต่อได้ ตอนนี้เลื่อนขึ้นเลื่อนลงแบบผ่านๆ TO TT คนเขียนบิ้วหนูอ่ะ
#ดิท# หลังจากเลื่อนขึ้นเลื่อนลงพอเป็นพิธี(นานมาก)ก็ทำใจว่าจะอ่านต่อ อ่านไปอ่านมายังพอมีหวัง พี่เกียร์กับพี่เล่ย์จะไม่ตายใช่ม้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ยยย pls :m15:
#ดิทอีกรอบ# เริ่มเป็นผีสิงกระทู้ เอ้ะ Tt' เลื่อนมาอ่านความเห็นล่างๆ แล้วเลื่อนขึ้นไปอ่านตอนล่าสุดซ้ำๆ เห้ย หรือพ่เล่ย์จะลอยได้แล้ว TT o T ; มีทั้ง มันเข้ามานั่งตอนไหนก็ไม่ทันสังเกต ,มันตอบเสียงเบาๆ(ตอนพี่เกียร์ถามว่าพี่เล่ย์เจ็บตรงไหนม้ายย) โอ่ โน้วว ตะ แต่ว่าาาาาาาาา อาเฮียนั่งฝั่งคนขับบ่ใจ้ก๊าา หรือมันเกิดเหตุอันใดขึ้นแห๋ม มาต่อเถิดพี่น้องชาวไทย T____T
-
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
อย่าให้เป็นจริงเลย
-
ม่อยยยยยยยย อย่าเป็นอะไรเลยยย
-
พี่เล่ย์ ไม่เจ็บอะไรเลย หรือว่า ????
เฮ้ยยยยยย ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากให้ใครตายทั้งนั้นแหละ
-
ชายคนแรก ไปดูรถคันโน้นใช่ไหมคะ
อัดก๊อปปี้ นี่คือคันโน้นใช่ไหม ......คะ
พี่จะร้องไห้แล้ว ไม่ไหว คืนนี้ก็ไม่หลับสมใจ
กลับมาวิเคราะห์อีกที
ถ้าเลย์เป็นคนขับ แล้วแซงขวา เห็นว่ารถสวนไม่มีจึงแซงขึ้นไป
ไอ่รถคันหน้ามันหักหัวมาชน ก็ต้องชนด้านเกียร์นั่ง
ตรงที่นั่งคนขับต้องมีแอร์แบ็ค พี่เล่ย์น่าจะไม่เป็นไร
-
แป่ววว เดาว่าต้องพี่เล่ย์ตายแหง เหอะๆ งั้นขอลาแต่เพียงเท่านี้ จะติดตามเรื่องอื่นต่อไปค่ะ
-
ใครอัดก๊อปปี้ ผีพี่เลย์เรอะ ม่ายน๊าาาาาาา
-
แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :m15:
-
T______________T ขอให้อย่าให้ใครเป็นอะไรเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับตอนนี้ค่ะ
-
เดาล้วนๆ ที่สามารถเป็นไปได้คือ
1 เกียร์ตาย
2 คนที่โดนอัดก๊อปปี้คือคนขับคันนู้น
3 พี่เล่ย์โดนอัดก๊อปปี้ แต่ที่เกียร์เห็นเป็นวิญญาณพี่เล่ย์
คิดมาก :sad4:
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
:z3:
คนตาย พี่เล่ย์ หรือ ว่าไอ้คนเมา
-
แง :sad4:
ไม่ใช่อย่างที่คิดใช่มั้ย ม่ายยยยยน่ะ :z3:
-
เลย์เกียร์อบ่าเป็นอะไรไปนะ :z3:
:pig4:
:z10:
-
ไม่นะ :z3: อย่าทำร้ายใจเราอย่างนี้ :o12:
-
:sad4: :sad4: :sad4: :sad4:ไม่น๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :z3: :z3:
-
:a5: กรีดร้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :z3:
ได้โปรด ได้โปรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :serius2:
อย่าให้ใครเป็นอะไรเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :dont2:
-
ไม่น้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
ไม่ใช่พี่เล่ย์ใช่ม้ายยยยยยยยย :sad2:
-
ถ้าพี่เล่ย์ตายพุมันจะอยู่อย่างไงงงงงง
-
รอดูสถานการณ์ต่อๆไปก่อน
รู้สึกว่าตัวเองพยายามจะคิดเข้าข้างให้พี่เล่ย์ไม่ตายๆๆๆให้ได้
ทั้งๆที่สถานการณ์มีความเป็นไปได้สูงมากว่าที่เกียร์เห็นจะเป็นวิญญาณพี่เล่ย์
ยิ่งตอนที่แล้วพี่เล่ย์พูดทำนองต้องปกป้องน้อง คือยังไงก็ไม่ยอมให้น้องเป็นอะไรแน่ๆ
ยังไงก็ต้องไม่ใครคนใดคนหนึ่งในสองคนนี้ใช่ไหม พี่เล่ย์พูดเป็นลางไว้ก่อนด้วย เฮ้อ
ทำใจไม่ได้จริงๆถ้าพี่เล่ย์ตาย พี่แกเป็นหนึ่งในพระเอกที่เราชอบมากๆๆๆๆด้วย ฮืออออ
แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้มีใครเป็นอะไรเลยนะ
-
:m15: :m15: พี่เล่ย์ตายยยยยยยยยยยยยยยแล้ว
-
ม่ายยยยยยจริง เป็นไปม่ายยยยยด้ายยยยยย o9
หัวใจสลาย.....หักมุมเหลือเกินนนนนน (ขอเวลาทำใจก่อนนนน.... โฮๆๆๆๆๆ.............)
สงสารพุ ฮือออออออออออ :เศร้า2:
-
โอ้ยยยย หนอออ Unbelievable Story จริงๆ :z3:
-
:sad4: :o12: :m15: :monkeysad: :sad4: :o12: สงสารพุ
-
หักมุมจนเราคอหัก อ้ากกก พี่เล่ย์ตายซะงั้นอ่ะ :z3:
-
:sad4: :sad4: :sad4:
ไม่นะ เล่ย์
อย่าทิ้งพุไว้คนเดียวสิ
:o12: :o12: :o12: :o12:
-
ขอให้มันเป็นแค่ความฝันร้ายของพุ ตื่นมาเจอพี่เล่ย์ยังอยู่ข้างๆ
คนเขียนโหดร้ายยยยยยยยยยยยยย ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
ฝันร้ายเหลือเชื่อ!!
-
ทำไมเป็นแบบนี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ใจสลายตามพุไปด้วยเลย
เคยบอกไปแล้วว่าพี่เล่ย์เป็นพระเอกที่ชอบมาก
แบบเปิดมาตอนสองตอนก็แบบถูกใจใช่เลย
แถมอยู่กับพุก็น่ารักเข้าคู่กันมากๆอีก เรื่องสดใสๆ
ไม่น่าต้องมาเป็นแบบนี้เลย รู้สึกเสียศูนย์ยังไม่รู้สิ ฮืออออ
อยากให้เป็นแค่ฝันร้ายของพุเหมือนกันค่ะ พลีสส
-
เฮ้ออออออออออออ ทีซื้อหวยไม่เห็นถูกอย่างนี้เลย :sad11: :sad11:
-
รีกลับไปอ่านหน้าที่แล้วมา
"...อัดก๊อบปี้ ตายคาที่" .. อ่านแล้วสะเทือนใจจจจจจจจ T__________T " พี่เล่ย์อ่ะ คนดีของเค้า คนหล่อของเค้า ฮืออออออ ออออ
มาต่ออีกซักนิดเถอะคนเขียนที่รัก ใจจะขาดด ด ตอบพิเศษถึงเทวดาบนฟ้าก็ยังดี กิกิ
-
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกส์ เครียด!!!
-
จะบอกว่าคนอ่านก็นอนไม่หลับละเนี่ย :o12:
เลย์นี่เป็นหนึ่งในตัวละครที่เค้าชอบมากเลยนะ แอบเสียดาย
แต่ก็นะ เอาเป็นแว่ ยังงัยก็เลิฟเรื่องนี้มากอยู่ดี :)
-
คนเขียนใจร้ายมากนะ
-
มาอ่านที่คุณเรนโบว์อัพเพิ่มก็ได้แต่น้ำตาหยดแหม่ะๆลงหนังสือ
ฮือออออ ไม่จริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ รู้สึกเหมือนโดนต่อยโดนน็อคเลย
เค้าเตือนไว้แล้วเชียว แต่ไม่ยอมเชื่อ ยังดื้อเข้ามาอ่าน
ตอนนี้ไม่มีกะใจอ่านหนังสือต่อเลย แงงงงงงง ไม่จริงๆๆๆ
แล้วอย่างนี้คือเรื่องดำเนินมาถึงตอนจบแล้วเหรอคะ
หรือเรายังได้เห็นการดำเนินชีวิตต่อไปของคนอื่นๆหลังจากนี้อีก
เฮ้อ คนที่เราอยากให้อยู่นานๆดันรีบด่วนจากไป
ส่วนเวลาอ่านเรื่องอื่นบางทีก็มีคนที่อยากให้ไปๆซะที มันก็อยู่ยงคงกระพันมาก
ฮือออออออ ร้องอีกรอบ
อยากร้องไห้เป็นภาษาก๊อดซิลล่า เผื่อคุณเรนโบว์จะเห็นใจ พาพี่เล่ย์กลับมาหาทุกคน
-
เล่ย์น่าจะกลับมาได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งหรือเปล่า เพราะชื่อเรื่องบอก Unbelievable Story :z2:
ช่วยสงสารคนอ่าน รีบมาต่อเร็ว ๆ นะ
-
ต่อแบบนี้......ก็นอนไม่หลับเหมือนกันค่ะ ฮึกๆๆๆๆๆๆ เล่ย์อ่าาาา สงสารพุ สงสารเกียร์
-
อารายยยยยยยยย :m31:
ทำไมมันเป็นแบบนี้เนี่ยยยยยย :z3:
ตอนนี้พระเจ้าก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย :m15:
แล้วแบยนี้พุจะอยู่ยังไงในเมื่อหัสใจมันแตกละเอียดขนาดนี้แล้ว
เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่อย่างมีความสุข :m15:
อ่านแล้วรู้สึก :a5: แบบว่า ถ้าจะขนาดนี้ฆ่าตูให้ตายเลยเถอะ
ความรู้สึกแบบนี้มันเป็นอะไรที่สุดๆเมื่อเราเสียกล่องดวงใจที่เรารักไป
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก :m31: โหดร้ายยยยยยยยยย
-
พี่เล่ย์ตาย หัวใจสลายจริงๆ ร้องไห้ไปกับพุ :monkeysad:
ไปสู่สุขคตินะคะพี่เล่ย์ พี่เกียร์ต้องดูแลพุอย่างดีตามที่สัญญาแน่ๆ
แต่ทำใจไม่ค่อยได้ พี่เล่ย์ตายอะ ฮือออออ :impress3:
-
:z3: :z3: วันนี้ทั้งวันเจอแต่เรื่องดราม่า
-
:o12:
ว่าแล้วอ่า :sad4:
ตั้งแต่ตอนที่เกียร์ถามแล้วว่าเล่เป็นอะไรไหม ฮืออออออออออ
แล้วพุจะอยู่ยังไง
แล้วเกียร์จะอยู่ยังไง :sad4:
-
เห็นคำเตือนแล้วแต่ก็ยังอยากจะอ่าน
เป็นพี่เลย์จริงๆสินะ ทำใจไม่ได้จริงๆ เค้าเป็นพระเอกที่รู้สึกว่าชอบที่สุดอ่ะ พระเอกในดวงใจเลยก็ว่าได้ ชอบทุกๆอย่างของเค้านะ แล้วยิ่งคู่กับน้องพุเป็นอ่ะไรที่น่ารักมาก แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้ :monkeysad:
แล้วต่อไปจะเป็นไงต่อล่ะ รู้สึกค้างคามาก ไม่ขอให้พี่เลย์ไปสู่สุขคตินะ เพราะอยากให้พี่เลย์กลับมา :o12:
ปล.รถพวงมาลัยซ้ายแล้วเอามาขับเมืองไทยทำไม/พาล :serius2:
-
เพิ่งเห็นอัพเพิ่มอีก
ขอให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเถอะค่ะ อะไรก็ได้ยอมหมดละ ยังคงหวังลมๆแล้งๆต่อไป
เหมือนที่เม้นต์บนๆบอกว่าชื่อเรื่อง unbelievable story พี่เล่ย์อาจกลับมาก็ได้
ตอนนี้เลยเอาความคิดนั้นมาต่อยอดเพ้อเจ้อสร้างความหวังให้ตัวเองต่อไป
พุเอาคีย์การ์ดไปคืนจะได้เจออะไรมั่งนะ วิญญาณพี่เล่ย์ก็ยังดี ฮือ
กลับมาอิดิทเพิ่ม
ฮืออออ ยังคงเสียใจอย่างต่อเนื่องไปกับทั้งพุทั้งเกียร์
พี่เล่ย์ไม่อยากเห็นทั้งสองคนเป็นแบบนี้ก็กลับมาซักทีซี่ T^T
-
อย่าว่าแต่พุจะอยู่ยังไงเลย
ขนาดเราเอง คืนนี้แล้วกูจะนอนยังไง ร้องไปอ่านไป ใจร้ายที่สุด
-
:monkeysad: :monkeysad: เค้านอนไม่ได้ น้ำตาไหลพรากๆแล้วนี่
-
แอ๊ะ กำลังจะลงมือทำงานต่อ เห็นเวลาอัพแล้วกดเข้ามาอีกที แงงงงงงงงงงง
:sad4:
-
ช็อคคคคคคคคคคคคคคคคคคค
ไม่นะพี่เลย์อ่านไปน้ำตาก็ร่วง ใจมันหาย ฮืออออ :serius2:
-
:sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: น้ำตาร่วงสงสารพุ สงสารเกียร์ ฮืออออออออออออ
-
โฮโฮ สงสารพุอะ ไม่อยากจะเชื่อเลยอะ ฮือฮือ
-
สะเทือนใจมาก ก่อนนอนก็คิด ตื่นมาก็โหวงๆ จนมาเปิดดูก็แน่ใจ ฮือออออ
ขอให้มีปาฏิหารย์อะไรซักอย่าง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ชอบมากกก กำลังจะกลับไปอ่านรอบสอง แต่คงไม่ไหว ฮือออออออออ T_________T
-
บร๊ะ ว่าจะหยุดอ่านไปแล้วเชียว แต่ก็ห้ามใจไม่อยู่ เข้ามาอ่านต่อ
แล้วมันก็จริงๆด้วย เสียน้ำตาไปเป็นโอ่ง
:o12: :o12: :o12:
สงสารพุ ยังไงๆ คนที่ยังอยู่ มันก็เจ็บกว่าคนที่จากไปแล้วเสมอแหละ :เฮ้อ:
-
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้สนุกมากๆ
ชอบเล่ย์กับพุมากๆ
แต่พออ่านมาถึงตอนล่าสุดทำใจไม่ได้
ร้องไห้เลยอะสงสารพุอะไม่อยากให้เล่ย์ตายเลย
+ 1 และเป็ดนะคะ
-
น้ำตาร่วง :monkeysad:
-
พี่เล่ย์คงคิดดีแล้ว และก็เชื่อใจว่าพี่เกียร์จะดูแลพุได้ถึงได้ฝากฝังสินะ :เฮ้อ:
ทุกคนก็มีสิ่งที่ต้องสูญเสียกันทั้งนั้น มากหรือน้อย ช้าหรือเร็ว แตกต่างกันไป แต่แน่นอนย่อมต้องเสียใจเป็นธรรมดา
วันนี้อาจจะยังเสียใจแต่วันหน้าขอให้เข้มแข็งนะ ทั้งน้ำพุทั้งพี่เกียร์เลย
มีชีวิตที่มีความสุขต่อไป แทนส่วนของพี่เล่ย์ด้วยนะ พี่เล่ย์จะได้ไม่เป็นห่วง :กอด1:
ก่อนนอนก็เศร้า เช้ามาก็แซด แต่เราก็บอกแล้วว่าจะไม่บ่นคนเขียน แค่ร้องไห้กับตัวเองเอ๊งงงง :o12:
-
ถ้าเป็นเรื่องจริงเรา ทำใจอ่านต่อไม่ได้จริงๆ :o12: :o12: :o12:
-
พี่เล่ย์ T_T
-
สงสารพุ :sad4:สงสารพี่เลย์ :o12:คนแต่งใจร้าย :angry2:
มาต่อเร็วๆนะคะ :call:
-
อยากจะโวยวาย คร่ำควรญ แต่รู้สึกหัวมันตื้อๆ
เลยทำได้ปล่อยให้น้ำตามันไหล
ทั้งๆที่เตรียมใจไว้แล้วแต่แม่งงงงงงง
ตอนนี้มันสะเทือนใจที่สุด สงสารพุ สงสารเกียร์
ทำไมพี่เล่ย์ต้องตายด้วย ฮืออออออ ทำไม :sad4:
ไม่มีใครเตรียมใจทันสักคน พุไม่มีวันทำใจได้แน่ๆ
หัวใจจะแหลกตามพุ เพราะเค้าก้รักพี่เล่ย์ ฮืออออออออออออ :o12:
-
นับถือพี่เลย์เลย ตายแล้วก็ยังคอยปกป้องน้อง เรียกเกียร์อยู่ตลอดเวลา.......สงสารพุมาก ทำไมทำร้ายพุละคะ T_T...ต่อไปนี้ไม่มีแล้วซินะ พ่อพระเอกในดวงใจเรา ความน่ารักเวลาที่พุกับเล่ย์อยู่ด้วยกัน เสียดายจังคะ.....
แต่ก็แล้วแต่คนเขียนอะเนอะอยู่ที่ปลายปากกาและความคิดคนเขียน
ไม่รู้ทำไมคำว่าฝากดูแล อยากให้ดูแลแบบพี่น้อง เพราะถ้าดูแลแบบอื่นมันรู้สึกเฟกอะ เพราะเหมือนพยายามให้พุต้องมีคู่
ปล.รักพ่อดาวฤกษ์เสมอ เพราะยังงัยก็ยังสว่างไสวอยู่ในใจเสมอ
-
เครียดเลย. อ่านทีเดียวรวด
ตอนแรกอุตส่าจับคู่ เล่ย์พุ. เกียร์พัน. แพทอิฐ
ถ้าเอาเล่ย์ตายงี้จริง มีเงิ่บ!!!!
-
:z3: :z3: :z3: :z3: :z3:ใจร้ายอะพี่เลย์ตายได้ไง :z13: :z13: :z13: :z13: :z13: :z13:
อ่านไปร้องไห้ไปเครืองคนเขียนแล้ว :sad11: :sad11: :sad11: :sad11: :sad11:
-
ต่อจากนี้จะมีเรื่องให้โรคหัวใจกำเริบรึ?
-
ตายจริง แบบไม่มีแสตนอินด์
ฮือออออ
พี่เล่ย์ สงสารพุมาก
แล้วถ้าเป็นพุ เราก็จะคิดเหมือนกัน
ทำไมไม่เป็นคนอื่น ทำไมต้องเป็นแฟนพุ
ฮืออออ
พี่เกียร์ต้องดูแลน้องดีดีนะ
พี่เล่ย์ฝากไว้
ต้องทำให้ได้นะ
-
ทำไมเป็นแบบนี้งะ มันเศร้าเกินไป แล้วเป็นอย่างนี้หมายความว่า พุ คู่กับ เกียร์ เหรอ รออ่านตอนต่อไป คนเขียนสู้ ๆๆ อย่าให้รอนานนะมันเศร้า
-
:เฮ้อ:
-
โอ๋ยยยยย สุดยอด
กดบวกปล่อยเป็ดตรงอัดก๊อปปี้
เกียร์ นายคือ ตัวจริงแล้ว
มีชีวิตที่ดีเผื่อที่เหลือด้วย
ปลอบพุที น้องร้องไห้ใหญ่แล้ว
แต่ดวลเหล้าจนหัวทิ่มเมาสิ้นลมไปอีกคนก็น่าจะเวิร์ก
ขอบคุณคนแต่ง
อ่านแล้วมันใช่เลย
อันบีลีฟตัวจริงคือเรนโบ์67 นี่เอง ร้ายมาก ^^
-
แงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
-
เพราะพี่เล่ย์ดีเกินไป สมบูรณ์แบบเกินไป จึงไม่เหมาะกับมนุษย์ธรรมดาอย่างเรา ๆ
ไปอยู่บนสวรรค์ซะแล้ว
อยากร้องไห้คร่ำครวญ ตีอกชกหัว ไม่ต่างจากพุเลย
-
อยากให้มันเป็นแค่ฝันไป พี่เล่ย์ ฮือๆๆๆ :m15:
-
:a5:
ดีแค่ไหนมาอ่านตอนสอบเสร็จพอดี o18
เพราะว่าตอนนี้ร้องไห้จนสะอื้นแทนพุแล้วอ่ะ :o12:
โอ๊ยยยยยยยยยยยยย พระเอกในดวงใจของเราาาาา
ชอบพี่เล่ย์ รักพี่เล่ย์ คิดถึงพี่เล่ย์ //ชูป้ายไฟ
ทำไมคนดีๆต้องมาตายด้วยยยย :เฮ้อ:
พี่เล่ย์ เพอร์เฟคแมน จากไปแล้วอ่ะ โอ๊ยยยยยยย เครียดดดดดดดดดดด :m8:
ขนาดคิดว่าทำใจได้แล้วนะ :m15:
-
:sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
-
น้ำตาไหลพรากกกกก :m15:
โป้งคุณเรนโบว์ :m16:
:L2: ให้พี่เลย์
:o12:
-
เป็นฝันร้ายตอนที่ตื่นอยู่ :m15: :m15: :m15:
-
ปกติตามอ่านเงียบๆ ตามฉบับนักอ่านเงา
แต่ตอนนี้ไม่ไหวแล้ววว
ใจหายมาตั้งแต่ตอนที่แล้ว
พอเปิดมาเจอตอนล่าสุดนี้
ฮือออออออออออออออออ ~
พี่เลย์ !!
ฮืออออออออออ ~
จุกเลยอ่ะ
สงสารพุ สงสารเกียร์
:sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
-
ดีดดิ้น โวยวาย เอาพี่เล่ย์คืนมาาาาาาาาาาา :serius2: :serius2:
ถ้าพี่เล่ย์ไม่คืนจะจับพุบวช แง้งๆ :o12: :o12: :o12:
:กอด1: :กอด1: :กอด1: กอดคนเขียน ถึงขั้นมาลงตอนตี 3 เลยทีเดียว - -'
-
เรื่องจริงที่เกิดขึ้นทั่วไปในชีวิตใครสักคน รวมทั้งชีวิตผม... พอมาอ่านเจอในนี้ มันทำให้เรากลับมามีสติอีกครั้ง ชีวิตช่วงนี้ ได้ทำทุกอย่างที่อยากทำ ได้ทำจนพูดได้เต็มปากเลยว่า ถ้าตายตอนนี้ก็ไม่เสียดาย หรือติดค้างอะไร กับใครอีกแล้ว เรื่องนี้เตื นผมให้นึกถึงตัวเองตอนนั้น ที่ความตายสอนให้เป็นผมในทุกวันนี้... และหวังเหลือเกิน ว่าสักวันเค้าจะมารับไปอยู่ด้วยกัน... หึๆๆ... ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้นะครับ จะตามอ่านจนกว่าจะจบ สนุกมากจริงๆ เขียนได้เหมือนตัวละครเป็นคนจริงๆ สร้างลักษณะนิสัย และมุมมองแนวคิดได้ธรรมดาสมจริงมาก
-
อ่านรวดเดียวเลยสำหรับเรื่องนี้ เศร้าอ่าาาาา แต่ก็สนุกมาก
:pig4:
-
พูดไม่ออกเ้ลย T_T
-
ช็อค เสียน้ำตามากเกินไป
-
มันไม่ใช่เรื่องจริง พี่เล่ย์ ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
อ่านตอนแรกบอกว่า จบ ไม่มีตอนต่อ
แต่พอมีตอนต่อ เล่ย์ตายซะงั้น "งง"
-
แง้ๆๆ พี่เลย์ึคนดี...คนหล่อ...คนเท่ห์ และแสนดี
T^T
-
:m15:
-
ยอมรับว่าพล๊อตเรื่องสุดๆ
แต่มันบีบใจเกินไป
-
ว่าอยู่ว่าตอนที่หวานๆปนสุขน่ะ มันมีคำพูดแบบชวนให้ตงิดๆในใจ
เอาเข้าแล้วซีพวกเรา โดนคนเขียนทำซะ :m15: :monkeysad: :sad11::sad11:ทุกคนเลย
:monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
-
เข้ามาแอบดูว่ามาหรือยัง :m22:
เอาพี่เลย์คืนมา :fire:
คนแต่งทำคนอ่านติดใจจนลืมไม่ได้ :z3:
เนื้อเรื่องหลังตอนที่17เนี้ย มันขาดรายละเอียดไปหรือเปล่าคะ? o22
-
เข้ามากดบวกให้อีกที เมื่อกี้ติด 24 ชม.
เล่ย์ นายเจ้าเล่ห์และร้ายมาก 555
พวงมาลัยซ้าย
แล้วไอ้เสียงชีสสสส์ ปลอบน้องตอนจบนี่มัน โอ้วววว!!!
เรนโบว์ๆๆๆๆๆๆ (ชูป้ายไฟ)
ติดเรื่องนี้งอมแงมจะลงแดง
ปล. อ้อลืมบอก ...
เป็นตอนที่ชอบมากๆ
เพราะเขียนในมุมหลายคน
หลากอารมณ์ให้สับสนจับอะไรไม่ได้
รู้แค่คำคุณพ่อบอกว่าตาย
แต่สื่อออกมาในทิศทางเดียว สุโค่ย
ขอบคุณ ^^
rainbow67 เป็นนักเขียนในดวงใจหนึ่งล่ะ
-
อย่าทิ้งช่วงนานนะคะ อารมณ์กำลังพีคกันสุดๆ
อยากจะอ่านตอนต่อไปใจจะขาด
-
เป็นพวกจิตใจอ่อนไหว แค่อ่านคำเตือนตัวสีแดงก็จะร้องไห้ล่ะ
ไม่กล้าจริงๆ
-
:monkeysad: อย่าให้เจอคนแต่งตัวต่อตัวนะ จะจับแก้บทใหม่เลย โคตรเคืองสุด อยากจะร้องไห้ ๆ :monkeysad:
-
นึกว่าแค่มาม่า นี่มาทั้งตระกูลเลยมั้งเนี่ย แงแง ใจร้ายอะเอาพระเอกเราคืนมาน้าๆๆๆๆๆ ปวดใจจัง ทำร้ายกันได้ลงคอ ฮือออออ :m15: :monkeysad: :sad11: :m15: :monkeysad: :sad11: :m15: :monkeysad: :sad11: :m15: :monkeysad: :sad11:
ขอบคุณจ้า :L1: :pig4: :L1:
-
อ่านตอนแรกบอกว่า จบ ไม่มีตอนต่อ
แต่พอมีตอนต่อ เล่ย์ตายซะงั้น "งง"
จบที่คนเขียนหมายถึง คือแล้วแต่คนอ่านเลยค่ะ จบแบบโลกสวยงาม 555+
และเป็นการจบที่ไม่อยากทำร้ายคนอ่าน
แต่ที่จริงแล้ว มันยังไม่จบ (รึป่าว :confuse: ไม่แน่ใจ)
อันนี้ตามความเข้าใจนะคะ :m17:
-
ไม่นะ ไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั๊ย :o12: :o12:
-
:sad4: :o12: :monkeysad:
เราทำใจไม่ได้ไม่จริงใช่ไหม
ลาขาดจริงๆถ้าเป็นเรื่องจริง :เฮ้อ:
-
:z3: :z3: :z3: :z3:มาต่อให้ช้ำใจ :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
-
มาต่ออย่างนี้ :z3:ก็ยังนอนไม่หลับคะ :sad2:
:pig4:
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด
นี่มันอาร๊ายยยยยยยยยย มันอะไร!!!! :z3:
หัวใจจะหลุด บอกความรู้สึกตอนนี้ไม่ถูกจริงๆ
ถึงเราจะเคยคิดว่าเพราะพี่เกียร์กับพุรักพี่เล่ย์ทั้งคู่
ให้คู่นี้ได้กันไปเลยก้คงดี พี่เล่ย์คงสมใจน้องชายที่รักกับแฟนที่รัก
ยังไงพี่เกียร์ก้เข้าใจแน่ๆว่าพุไม่มีทางลืมพี่เล่ย์ได้ ตัวเองก้จะได้ดูแลพุแทนพี่ชาย
ดูมันจะลงล็อคที่สุด แต่เอาเข้าจริง เราเหมือนจะหน่วงในใจแปลกๆ
เหมือนว่าตัวเองกำลังเสียใจแบบที่หาสาเหตุไม่ได้
เรารักพี่เกียร์นะ แต่ทำไมเรารู้สึกเครียดแบบนี้ก้ไม่รู้ :sad4:
-
เรื่องที่มันเกิดขึ้น
จะทำเป็นลืมได้ง่าย ๆ เชียวหรือ
-
โอ๊ยยย ม่ายยยยยย ชั้นว่าแล้ว เมาๆ นี่ตัวดีนักกก
-
น่าจะเชื่อคนแต่ง หยุดอ่านตั้งแต่ตัวหนังสือสีแดงก็ดี :m15:
-
คิดไว้แล้วเชียวว่าถ้าสองคนเมาแบบนี้ จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น o22
ตอนแรกไม่กล้าอ่านตอนที่เล่ย์ตายมาก แต่เพราะคุณเรนโบว์เตือนๆไว้ ก็เลยอะ อ่านก็อ่าน แต่ก็ไม่ได้เศร้าอย่างที่คิด แค่นอยด์ๆนิดๆ
และถ้าสถานการณ์จะทำให้พุกับเกียร์เป็นแบบนี้ เราก็โอเคนะ เราอยากให้เรื่องนี้มีต่อ ไม่อยากให้พี่เล่ย์ตาย แล้วให้พุอยู่คนเดียว ตัดจบแบบเศร้าๆ จริงๆเกียร์ก็ใช้ได้อยู่ ถึงแม้ไม่มีใครมาแทนที่เล่ย์ได้ แต่ก็ไม่มีใครจะดูแลพุได้ดีเท่าเล่ย์ นอกจากเกียร์คนเดียว
ชอบที่พุมั่นคงกับพี่เล่ย์มาก แต่ชีวิตก็ยังต้องเดินต่อไปนะพุ :laugh:
กอดคุณเรนโบว์ :กอด1:
-
เคยคิดไว้เล่นๆว่าสองคนนี้อาจมีโอกาสมาลงอีหรอบนี้ได้
แต่พอเกิดจริงๆเรากลับทำใจยอมรับไม่ได้ง่ายๆเท่าไหร่ มันยังรู้สึกอึดอัดยังไงบอกไม่ถูก
ไม่ใช่พี่เกียร์ไม่ดี แต่เราฝังจิตฝังใจกับพุเล่ย์ไปแบบเต็มสตรีมแล้วนินา
แต่เอาเถอะ ชีวิตต้องก้าวต่อไป ยังไงจะพยายามทำใจนะ
-
มีอะไรให้ช็อคอีกมั้ยอ่ะคะคนเขียน
จัดมาทีเดียวเลยค่ะ จะได้ช็อคทีเดียว :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
เสียดายที่พุต้องดร็อป เพื่อนๆ คนอื่นหายไปไหนเนี่ย
คิดว่าไม่ว่าจะเป็นพี่เกียร์ หรือ เฮียแพท ก็คงจะดูแลพุได้ดีทั้งคู่ แต่พุคงยังไม่ลืมพี่เล่ย์ จะเปิดใจให้ใครหรือเปล่า
พี่เกียร์ ใจยังไม่เคลียร์
เฮียแพท ก็เรื่อยๆ ไม่ทำตัวให้ชัดเจน
พี่เล่ย์ ชัดเจน และกล้าชน แต่ไปแล้วอ่ะ :o12:
-
:o12: ทรมานจิตใจจริงๆ ยิ่งคำพูดเดิมๆ ที่ได้เคยยิน
เหตุการณ์ซ้ำๆ ที่เหมือนยังคอยตอกย้ำ มันก็ยิ่งทำให้อยากน้ำตาไหล
โอ๊ยยยยย คิดถึงพี่เล่ย์จริงๆอ่ะ :m15: :m15:
มาต่อเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!!!!!!!!!!!! :3123:
งมงาย (http://www.youtube.com/watch?feature=player_detailpage&v=dRJn317jyvk)
ได้ความรู้สึกหวานๆ ในบรรยากาศของพี่เกียร์ กับน้องพุ :-[
-
ยิ่งเห็นเฮียแพท จะเห็นเงาจางๆของพี่เล่ย์บ้างไหม
คุณเรนโบว์มาต่ออีกน๊า
-
อะไรอ่ะ.... พี่เล่ย์ป่าว อื๊ยยยยยย
-
ผีพี่เลย์ ผีพี่เลย์ :call: :call:
-
เสียงพี่เลย์แน่เลยอะ เฮ้อสงสารพุอะ พี่เกียร์ยังไม่รู้ใจตัวเองอีก เฮ้อ แล้วจะลงมือจีบตอนไหนอะนั่น
-
โมเมนต์ ระหว่าง เกียร์ กับ พุ ยังไม่เคยปล่อยออกมา
นึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่าจะเป็นอย่างไร
เสียดาย พ่อดาวหาง
-
เสียงพี่เล่ย์ใช่ม้ายยยยยยยยยยยย
ฮืออออออ ต่อให้เป็นผีพี่เล่ย์เราก้ยอม
คุณเรนโบว์มาต่อเร็วๆเลย ค้างงงงง !
-
รอๆ มาอีกนิดสิคะ เสียงกระซิบนั้นของใครกันนะ พี่เล่ย์?
-
พี่เล่ย์เป็นผีก็ยอมฟะ ขอให้มีพี่เล่ย์ออกมาบ้างเต๊อะ
ตอนพิเศษตอนยังอยู่ ก็ยังดี :pig4:
-
คืองี้นะคะคุณเรนโบว์ เรื่องเนี้ยจะ unbelievable มากมากเลยถ้าาาาาาาา
เอาพี่เลย์กลับมาได้อ่ะ จิงจิ๊งงงงงงงงง เชื่อซี่ แฮ่~~~
-
:z3: :z3: :z3:มาทำให้ค้างอีกแล้วอะ :z3: :z3: :z3: :z3: :call: :call:
-
โอเคพี่เล่ย์ตายไม่เป็นไรก็ตามชื่อเรื่องแต่ไม่อยากให้ใครมาเป็นพระเอกแทนเลย
-
เห็นคำเตือนตอนก่อนหน้า...เลยตัดสิ้นใจหยุดอ่านสักพัก...พอดีไม่ชอบดราม่าเท่าไร...ชีวิตมันเศร้าอยู่แล้ว ฮ่าๆๆ...
แต่ยอมรับว่าถึงไม่ได้อ่านเนื้อเรื่อง....แต่ก็ยังเข้ามาอ่านความเห็นคนอื่นๆอยู่ทุกวัน...ก็มันยังตัดใจไม่ได้อ่ะน่ะ ....
ขอเลือกเก็บภาพประทับใจของพุ กับ พี่เล่ย์ เอาไว้แล้วกันน่ะ......แต่ก็เสียดายเหมือนกันน่ะ.....ยังไงก็ขอบคุณมากครับ
ปล.ขอรอติดตาม พี่ปอนด์ กับ พล แล้วกันน่ะครับ....หวังว่าคงไม่เศร้าเหมือนเรื่องนี้เน๊าะ....เป็นกำใจใ ห้คนแต่งครับ
-
:sad4: :sad4: อยากให้พุผ่านช่วงนี้ไปได้จัง
-
ขอให้มีเรื่องเหนือธรรมชาติ มันจะได้unbelievableสมชื่อ :sad3:
-
เอาแบบให้พี่เล่ย์ฟื้นกลับมาได้มั้ย
ตอนนี้ลุ้นอยู่ตลอดว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แล้วก็เศร้ามากก TT
-
เฮ้อ unbelievable จริง ๆ สงสารพุจัง เลิกเรียนเลยทนความคิดถึงไม่ไหว
พี่แพทยังห่วงใยอยู่นะ แต่ไม่อยากให้ใครมาแทนที่พี่เล่ย์เลยอ่ะ
ยังคิดถึงอยู่มาก ๆ แต่ก็อยากให้พุมีความสุขนะ (เอ๊ ยังไง วนไปวนมา)
รอมาต่อค่ะ ขอบคุณค่ะ
-
มันเศร้า แต่ก็ทำใจเลิกอ่านไม่ได้ สงสารพุมากกกกกกกกก
-
ไม่ค่อยปลื้มเฮียแพท
อ้าว น้องพุ เลยเถิดเพราะความเมาไปแล้วเหรอนี่ ไวจริงๆ
แล้วเกียร์ แกกะลืมแบบเดียวกับพุใช่ไหม
แล้สัญญาที่ให้ไว้กับเล่ย์ล่ะ จะดูแลพุ เล่ย์เขาฝากพุไว้
แกปล่อยให้เขาเดียวดายอยู่คนเดียวได้ไงตั้งสามเดือน
ถึงจะไม่สานต่อความสัมพันธ์ยามเมากัน
แต่มันก็เป็นพี่เป็นน้องกันได้นี่ ไม่มาดูมาแลหน่อยเหรอ
เกียร์ต้องมีเหตุผลอะไรแน่ๆ คนแบบเกียร์ คิดอะไรไม่ธรรมดา
-
มาต่อเรื่อยๆเราก็เม้นไปเรื่อยๆ ฮิ้ว
-
ผีพี่เล่ย์ๆๆๆ
(พิมพ์คำนี้แล้วมันฮาตัวเองบอกไม่ถูก อารมณ์ประมาณเด็กในโฆษณาจะเอาตุ๊กตาปลาโลมา ฮ่าๆ)
ได้ยินแต่เสียงก็ยังดีค่ะ เห็นเป็นวิญญาณก็เอา แบบไหนก็ได้ยอมหมด
รู้สึกผิดบาปลึกๆ ไม่ยอมให้พี่เล่ย์ได้ไปสู่สุคติ จะรั้งเอาไว้ให้ได้ แต่ยังทำใจไม่ได้อ่าาา
แล้วพี่เกียร์นี่ลืมสัญญาเหรอ พี่ชายเขาฝากให้ดูแล กลายเป็นเฮียแพทโผล่มาซะงั้น
-
มาอย่างเงิบ กำลังกดเลื่อนลงๆ อ่าว หมด TToT
พี่เล่ย์เป็นปี๋ไปแล้ววววว วววว รอต่อนะคะ อิอิ
-
คำว่ามาต่อเรื่อยๆของคนเขียนเมื่อคืนทำเราน้ำตาตกมารอบแล้ว......แต่ัวนนี้เราก็จะตามอ่านต่อไป /ซาดิสต์ ยอมรับ T T แต่ไม่เอา แพท&พุ/เกียร์&พุ นะ เอาเล่ย์พุเท่านั้นนนน สงสารน้องงงงง /น้ำตาตกต่อปายยย
-
น้ำตาไหล ขนาดว่าทำใจไว้แล้วนะ ฮืออออ
-
สงสัย
ต้องมีศึกชิงนาย
ระหว่าง เฮียแพท กับ นัยเกียร์
แต่สงสัย นัยเกียร์ จะได้เปรียบ
เพราะเข้าทางเจ้าพัน...
-
ละจะมารักกะเกียร์ไหวเหรอ??? คิดละปวดตับ :เฮ้อ:
-
อาจจะคุยกับเกียร์ป่าวสงสัย เห็นมีคนบอกว่าเกียร์ไปไหนทำไมไม่มาดูพุ เล่ย์ฝากไว้ไม่ใช่หรือไง
ถ้าเราเป็นเกียร์ เราคงละอายมาก ไม่กล้าสู้หน้าพุแน่ๆ :m29:
-
ถึงภาวนาแค่ไหนให้คนที่พันคุยด้วยเป็นพี่เล่ย์
แต่เรียกพี่ไม่ใช่เฮียแบบนี้ พี่เกียร์แน่ๆ
ฮืออออออออ สงสัยคืนนี้นิ้วล็อค
กดเอฟห้ารอคุณเรนโบว์ทั้งคืนแน่
-
คืนนี้นอนไม่หลับแน่ๆ :sad5: อยากรู้ตอนต่อไป :pig4:
-
น้องพันคุยกับพี่เกียร์เหรอ ตอนนี้ก็นึกออกแค่คนเดียว
มีรายงานความเป็นไปของเฮียแพทด้วย
เห็นใจน้องพุ เห็นอะไรได้ยินอะไรก็ยังคิดถึงพี่เล่ย์เสมอๆ
กลัวทุกอย่างจะเป็นแค่มโนหรือจินตนาการเพราะความคิดถึงของน้อง
-
เอาตรงๆ มองแบบยอมรับความจริง ถึงพี่เลย์จะไม่อยู่แล้ว และพี่แพทจะลงสนามอีกรอบ
เราก็ยังไม่ยอมรับอยู่ดี หนนี้อาจจะมาเพราะเป็นห่วงในฐานะลุงรหัส เราก็ไม่ว่า แต่ถ้าคิดจะมาต่อสายสัมพันธ์เราไม่ยอม
ให้พี่เกียร์ดูแลพุอย่างที่รับปากกับพี่เล่ย์ เรายังยอมรับได้มากกว่า
-
:sad4:
อ่านตอนนี้แล้วใจไม่ดีเลยค่ะ
กลัวพุเห็นแพทซ้อนทับกับเล่ย์
ทีแรกตอนเห็นเกียร์เลยเถิดกับพุแล้วพูดไม่ออกจริงๆ
แต่พอมาเห็นงี้แล้วยอมให้เกียร์เข้ามาแทนดีกว่า T^T
เอาแพทออกปายยยย ฮือๆๆๆ
-
อยากให้พุเจอพี่เลย์ สงสารพุ :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
คนเขียนนนเค้าจะรอนะคะ
-
คืนนี้จะมาต่ออีกไหม เมื่อคืนก็ตีสามกว่า
อัพกันเป็นรายชั่วโมงเลยทีเดียว
มีคนรอลุ้นกันหลายคนนะคะ
คนโทรมา ต้องเป็นเกียร์แน่ๆ ฝากให้พันดูแล
ได้ไงอ่ะ พี่เล่ย์เขาฝากตัวเองไว้ แต่ดันฝากต่อซะงั้น
แมนๆ หน่อยพี่เกียร์ ช่วยกล้าทำกล้ารับผิดชอบหน่อย
ถึงน้องมันบอกให้ลืม แต่เชื่อว่า ไม่มีใครลืมได้ง่ายๆ หรอก
เกียร์มีหน้าที่อยู่สองอย่างเลยน่ะ
-
ปวดเหลือเกิน เจ็บเหลือเกิน เศร้าเหลือเกิน
:sad4: :sad4: :sad4:
-
ง่ะ ถ้าเกียร์จะมาดูแลพุ แต่ไม่ได้รู้สึกชอบจริงๆนี่แย่นะ ให้พุไปชอบกับคนที่พุชอบเถอะ
ซึ่งก็ไม่น่าจะใช่ทั้งเกียร์ทั้งแพท พุคงต้องใช้เวลาปรับใจและตัวมากกว่านี้
และคนต่อไปที่พุจะชอบได้ ก็ไม่น่าจะใช่ทั้งสองคนนี้ เพราะมีความเกี่ยวข้องกับพี่เล่ย์มากเกินไป
พุไม่น่าจะทำใจได้ และพุคงไม่อยากให้การคบกันเป็นการหาตัวแทนมาแทนพี่เล่ย์
ปล.อินเกิน 55555 รอทั้งคืน เพราะอ่านหนังสืออยู่
-
:z3: ไม่อยากได้แบบบบบบบบบนี้ เอาพี่เล่ย์คืนมานอยส์แตกตั้งแต่ม่ะคืนแล้ว แง๊วๆๆ
-
ถ้าเกียร์ต้องมาคบกับพุ เพราะเลย์ฝากไว้ หรือเพราะรู้สึกผิด อย่าคบเลยดีกว่า
ถ้าเป็นแบบนั้นให้พี่แพทมาคบกับพุไม่ดีกว่าหรอ
สงสารพุจัง :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
-
ถ้าเกียร์คิดแบบนั้น ก็ปล่อยพุไปเถอะ
ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องไปคิดแทน
เพราะถ้าพุจะคบเฮียแพทก็เป็นเรื่องของสองคนนั้น
ครอบครัวจะไม่ยอมรับก็เป็นเรื่องที่สองคนนั้นต้องจัดการเอง
แต่จะว่าไปเฮียแพทก็เป็นพี่ชายเล่ย์ เกียร์ก็เป็นน้องชายเล่ย์
จะเลือกใครก็เกี่ยวข้องกับเล่ย์เหมือนเดิม
-
ใช่ๆ ถ้าไม่แน่ใจก็หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ต้องเข้ามานะพี่เกียร์
แค่นี้พุก็เจ็บพอแล้ว ให้คนที่เค้าพร้อมเข้ามาดีกว่า พี่เกียร์ดูแลเป็นพี่เป็นน้องเหมือนเดิมก็โอเค
ถึงจะไม่ปลื้มเฮียแพทเนื่องจากตอนแรกๆเท่าไหร่ แต่เฮียแกก็มั่นคงดีมาตั้งนาน
เรื่องครอบครัวเขาเฮียแพทคงจัดการได้
คือถ้าครอบครัวเฮียเค้าไม่ยอมรับพุ แล้วพี่เกียร์จะทำอะไรได้ล่ะ คิดจะรับพุมาดูแลเองเหรอ มันใช่ป่ะ
ยังไงก็จะรอติดตามต่อไปจ้า
-
ว่ากันตามตรง เชียร์สายพี่เล่ย์มากกว่านะ
แบบ พี่เกียร์อ่ะ ,, รีบเคลียร์ตัวเองเหอะ
จะได้รู้ว่าเราควรเอาใจช่วยมั้ยยย
แง๊ ....แต่แอบเอียงไปมากจริงๆ
-
ยิ่งอ่านเรายิ่งตื้ออออออออออออออออ :z3:
เรื่องเฮียแพทตามจริงพี่เกียร์ไม่ควรกังวลไปก่อนนะเอาจริงๆ
เราไม่คิดว่าพุจะรักเฮียแพทได้ภายในเร็วๆนี้หรอก
เพราะดูท่าเฮียทำอะไร การกระทำไหนที่เหมือนพี่เล่ย์
ใจพุก้จะคิดถึงแต่พี่เล่ย์เสมอ
ถึงเป็นพี่น้องกัน แต่เรื่องความรู้สึกแล้วทุกอย่างมันไม่ง่ายเลย
ไม่ใช่แค่เฮียแพท แม้แต่พี่เองก้เหมือนกัน
พุอ่อนไหวนะแต่ใจพุบางครั้งมันแข็งมาก
บางทีพี่คอยดูแลอยู่ไกลๆมันอาจจะดีกว่ารึเปล่า
เพราะเราไม่คิดจริงๆว่าพุจะรักกับเฮียแพทได้ยังไง
พุไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเฮียแพทคิดอะไรกับตัวเอง
อีกทั้งหากเราเป็นพุ เราคงไม่อยากได้เฮียแพทมาเป็นแฟนหรอก
เพราะเฮียแพทไม่ใช่พี่เล่ย์ ถึงบางอย่างคล้ายแต่มันไม่ใช่
หรือแม้แต่พี่เกียร์ก้เหมือนกัน และถึงพี่อยากแน่ใจว่าตัวเองรู้สึกยังไง
แต่ไม่ว่าเหตุผลไหนยังไงพี่สามารถปล่อยมือพุได้เหรอ?
แต่มันก้ไม่แน่นอนหรอก ทุกอย่างขึ้นอยู่กับปลายนิ้วคนเขียน :z10:
ปล1.ทางที่ดีดูความต้องการพุเป็นหลักดีกว่ามั้ย
ปล2.หากต้องเลือกพี่เกียร์กับเฮียแพท เราว่าเราเชียร์พี่เกียร์มากกว่า
บอกไม่ถูกว่าทำไม แต่ทางที่ดีที่สุดขอพี่เล่ย์ได้ไหมคะ
สงสารพุ สงสารเราเถอะ เพราะพี่เล่ย์คือคำตอบสุดท้ายจริงๆ :sad4:
-
ยังไงพุก็รักพี่เลย์แบบฝังใจขนาดนี้ พี่เกียร์เข้ามาก็คงทำได้เพียงแค่เป็นตัวแทนเท่านั้น
-
สงสารพุ ยังคงคิดถึงพี่เล่ย์ ยังมีเงาของพี่เล่ย์อยู่ (ก็นะ ใครจะทำใจได้) :monkeysad:
ตอนนี้ไม่อยากให้ใครพยายามเข้ามาแทนที่เล่ย์อ่ะ
แพท เป็นพี่น้องกับ เล่ย์ ถึงแพทจะดี แต่มันตะขิดตะขวงใจยังไงไม่รู้
เกียร์ ถ้ายังไม่มั่นใจในความรู้สึกตัวเอง ก็อย่าเข้ามาเลย ไม่อยากให้ทำไปเพราะความรู้สึกอื่นหรือเพราะเล่ย์ฝากให้ดูแลพุ
ปล. ยังรอปาฏิหารย์อยู่ โอย...อ่านแล้วนอนไม่หลับ :sad5:
-
ก็ดีแล้วที่พี่เกียร์ยังไม่พุ่งเข้าชนพุจริงๆ ไม่ใช่พุเองที่จะเจ็บปวดอยู่คนเดียว พี่เกียร์ก็เป็นเหมือนกัน
การดูแลไม่จำเป็นต้องทำในฐานะคนรักก็ได้นี่นา แต่ถ้าหัวใจพร้อมกองเชียร์อย่างเราก็สนับสนุนเต็มที่ :impress2:
อต่มันติดที่ต่างฝ่ายต่างก็ยังไม่พร้อมนี่แหละ :เฮ้อ:
-
^^
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
สงสารพุมากๆๆ
ยังอยากให้พุคู่กับเล่ย์อะ
แต่มันคงเป็นไปไม่ได้
เอาเล่ย์กลับมานะคนเขียนทรมานคนอ่านจริงๆ
+1 นะคะ
-
นี่ละนะ มันคือนิยาย .........
-
:serius2:
-
:serius2:
ยอมรับว่าไม่กล้าอ่าน. แต่แวะมาดูคอมเม้นท์อื่น
ว่าเรื่องถึงไหนแล้ว. แค่นี้ก็ปวดตับ อิหนูรับไม่ได้
-
หื้ออ น้องพุจะเป็นยังไงต่อไปน้าาาาาา
-
เกียร์จีบพุเลย
ถ้าไม่สนใจไม่ตามขนาดนี้มั้ง :pig2:
-
จะมาต่อตอนไหนหว่า :z10:
-
:o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
-
รอคอยวันเวลาทีี่เดินต่อไป......และมีลมหายใจ????
-
ที่จริง แพท ก็รักพุเขาคอยอยู่ใกล้ ๆๆ พุตลอด แต่ผิดที่ไม่เคยคิดจะบอกหรือทำอะไรให้ชัดเชน คือเหมือนไม่กล้าสารภาพรักสักที ทำอย่างนี้ทั้งชีวิตอาจจะไม่สมหวัง
ส่วนเกียร์ ด้วยความว่าตั้งแต่ต้นเรื่องมีบทน้อย แต่ก็พอทำให้เห็นนิสัยว่าเป็นคนที่คิดและวางแผนต่างๆ ไว้เสมอ เหมือนเรื่องที่สืบหาความจริงเกี่ยวกับพ่อ หรือแม้แต่คอยตื้อให้ เล่ย์ไปหาพ่อ แสดงว่าเป็นคนไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆๆ เหมือนกันเห็นตื้ออยู่ตั้งหลายปีและไม่ยอมแพ้ด้วยคนเล่ย์ต้องยอม ก็อย่างที่เขาบอกว่าเขามีจุดยืนของตนเอง และไม่เหมือนเล่ย์ (อาจรอให้ได้คำตอบที่แน่ชัดก้บตัวเองก่อน) จริง ๆ 2 คนนี้เป็นใครก็ได้ แต่ที่สำคัญเมื่อไรพุจะเปิดรับรักคนใหม่นั่นแหละ ปัญหา รออ่านตอนต่อไป
-
:m16: :m16:ไม่ปลื้มซักคนเพราะเค้าชอบพี่เลย์อะ :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
-
เฮียเล่ย์ ยังไงเขาก็ยังรักยังคิดถึงเฮียอยู่นะ ฮึก //นั่งสะอื้น :m15:
แต่ทว่าชาตินี้คงไม่ได้คู่กับน้องพุ คนแต่งจงมาต่ออีกชาติของเฮียเล่ย์ซะ!!! คึ คึ คึ :z2:
-
เห็นเวลาเปลี่ยน เลยแว่บเข้ามาดู
งืออออออ
อยากอ่านต่อแบบขั้นสุด ,,
น้องพุต้องเข้มแข็งนะะะ!!!!
-
ปวดตับ :z3: :z3: :z3: สู้ๆ น้องพุ ยังไงก็ต้องผ่านไปให้ได้ รอพระเอกคนที่ 2 ไม่รู้ใครจะมาวิน เชียทุกคน อิอิ
ขอบคุณจ้า :L1: :pig4: :L1:
-
พันคุยกะใครอ่า?
กดบวกปล่อยเป็ด
-
แงงงงงงงงงงง
เศร้าหลาย ปวดตับด้วย
รอพุผ่านความเจ็บปวดและเปิดใจ
กดบวกให้จ๊ะ
-
ไม่ให้ได้ม้ายยยยยยยยยย ยยยย ยยยยย เชียร์พันพุละกัน เย่ //โดนตบ
-
พันคู่กับเกียร์เถอะ 55555. เราเศร้านะ แต่เคารพการตัดสินใจของผู้แต่งค่ะ. :)
-
ไหนๆ มันก็Unbelievable Story ล่ะ งั้นก็ให้พุเข้มแข็ง
และอยู่คนเดียวไปเลย แบบไม่ต้องมีพระเอกเลยอะ
คิดถึงพี่เล่ย์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
เปลี่ยนหัวแล้ว…รอเวลามาต่อ
-
เข้ามาส่องบ่อยมากกกกกกกกก
พักสมองจากการหนังสือสอบเมื่อไหร่
มือต้องคลิกเข้าเรื่องนี้ทุกที
เอาเป็นว่ายังไงก้ให้พี่เล่ย์ที่สุดอยู่ดี
เรารักที่สุด ชอบที่สุด และแน่นอนเป็นคนที่พุรักที่สุดด้วย
แต่ถ้าให้พี่เกียร์เป็นคนดูแลพุ เราก้โอเคอะนะ
ไม่รู้สิ อ่านโมเม้นต์ล่าสุดแล้ว ระหว่างพี่เกียร์กับพุมันก้โอเค
เพราะยังไงเราเชื่อที่สุดว่าไม่ว่าพุจะมีใครในภายภาคหน้า
พี่เล่ย์จะยังคงเป็นที่สุดของพุเสมอ และเราก้เชื่อว่าพี่เกียร์
จะดูแลพุได้ดีเช่นกัน เหมือนเราจะปลงๆไงไม่รู้
ชีวิตมันต้องเดินต่อไป แต่หลายๆอย่างถึงมันไม่ง่าย
และไม่เป็นอย่างใจเราต้องการ แต่จะทำยังไงได้ล่ะ
ชีวิตก้เป็นแบบนี้แหละ วู้ววววววววววว
รักพี่เล่ย์ที่สุดดดดดดดดดด *ตะโกนให้ก้อง*
ยังไงก้ร้ากกกกกกกกกกกกกกกก *พิมไปละน้ำตาจะไหล*
บวก1ค่ะ ยังรอเสมอนะคะ
-
:o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
-
พี่เกียร์แสดงตัวแล้ว แปลว่าจะรุก???
เหมือนจะคุ้นบ้านพุนะ แอบมาบ่อยหละสิ
-
ใจนึงก็เชียร์เกียร์นะ แต่.....พี่เล่ย์ของน้องงงงง TTwTT
-
อ่านตอนเกียร์ทำแผลให้พุ ไม่รู้เป็นไร น้ำตาจะไหล :sad4:
หลายๆอย่างทำให้คิดถึงตอนพุอยู่กับพี่เล่ย์ แต่นะชีวิตต้องเดินต่อไป
โอยย พิมพ์ไม่ไหวแล้ว (เค้าขอโทษที่เค้าอ่านแล้วเค้าโคตรจะอินเลยอ่ะ) :o12:
-
ให้เลย์เกิดใหม่ดีกว่าไหม :m16: มาต่อเรื่อยๆและมาต่อเร็วๆนะ :call:
:pig4:
-
พี่เกียร์เริ่มเข้าหาพุแล้วนิ
-
ความคิดเกียร์... คิดเยอะดี... แมนว่ะ!!!
-
อ่านอันล่าสุด
แง๊ ,, พี่เกียร์ อบอุ่นสุด
นี่เราไม่ได้ใจง่ายโลเลนะ
แต่เชื่อว่าพี่เล่ย์ฝากฝังไม่ผิดตัวแน่ๆ
-
สู้ๆนะน้องพุ
ปากบอกให้พุสู้ พี่แค่คนนอก ทุกวันนี้ยังทำใจไม่ได้เลย แล้วพุจะทำได้ไหม
ไม่สามารถเชียร์ใครได้อีก แล้วแต่พุ ใครที่ทำให้น้องมีความสุขอีกครั้งก็โอเคแล้ว :กอด1:
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ:ถึงพี่เกียร์จะดีแค่ไหนแต่เค้าก็ยังชอบพี่เล่ย์มากกว่าอยู่ดีอะ :z3: :z3: :z3:
-
เสียใจ ชอบเรื่องนี้มาก น่าจะหยุดอ่านแต่แรกเซ็งตัวเอง เฮ้อออ
ขนาดอ่านผ่านๆนะเนี่ย หยุดแค่นี้ดีกว่า
ไม่ปลื้มทั้งแพทและเกียร์ มันไวไปมั้ยเกียร์อ่ะ
แฟนพี่ที่เพิ่งตายนะ ไม่รู้คิดไง
ถ้าพุหวั่นไหวง่ายๆเราโคตรไม่ปลื้มอ่ะ
รักพี่เล่ย์ไง เรามันใจแคบ
-
โดยปกติแล้วไม่ชอบเลยนะเรื่องพระเอกหรือนายเอกตายจากกัน
แต่เรื่องนี้ตอนนี้อ่านแล้วรู้สึกว่าอยากเป็นกำลังใจให้พุให้กลับมาเข้มแข็ง
ใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม เหมือนกับคำว่าชีวิตต้องดำเนินต่อไป พี่เล่ย์ยังอยู่ในความทรงจำเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นเกียร์ หรือเฮียแพท จะมีหรือไม่มีใครคนใหม่ จะยังไงก็ได้
-
อ่านตอนล่าสุด พี่เ้กียร์ทำแผลให้พุ
ดูมันละมุนยังไงๆ อยู่นะ
เอาเถอะ เชียร์เกียร์แล้วล่ะ
ก็ต้องรอให้เกียร์ชัดเจนในใจตัวเอง
นี่ก็ชัดแล้วมั้ง ถึงได้เข้ามาได้ซะที
รออ่านต่อคืนนี้นะคะ เฮ้อออ ลุ้นเหนื่อย
-
เริ่มเห็นออร่าสีชมพูสำหรับคู่นี้แล้วล่ะ บรรยากาศต่างกับพี่เล่ย์นิดหน่อย แต่ก็ยังน่ารักอยู่ดี
หวังว่าพี่เกียร์คงไม่ได้เป็นเงาพี่เล่ย์หรอกนะ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังแซดอยู่เลยที่พี่เล่ย์ตาย :o12:
-
ประเด็นคือให้เลย์ตายเค้ายังไม่เฮิร์ทเท่าจะมีคนมาแทน นี่พูดเลย T^T
โอยยยยยย ปวดใจ แต่ยังเชื่อในเหตุผลของคนเขียนอยู่น้าาาาา
เชื่อป่ะว่านี่ไม่ได้อิน 5555
-
คุณเรนโบว์กับน้องพุทำเราเขื่อนแตกอีกรอบแล้ว
ตอนพุคิดถึงพี่เล่ย์ คิดว่าถ้าเป็นพี่เล่ย์ ถ้าเป็นพี่เล่ย์... ฮืออออออ เราร้องไห้เป็นเผาเต่าเลย
ตอนพี่เล่ย์เสียแรกๆเรายังไม่เศร้าอย่างนี้เลย พอเวลาผ่านไปแล้วมานั่งคิดถึงนี่สิเศร้าหนักกว่าเก่าอีก
นี่อิชั้นเสียน้ำตาให้พี่เล่ย์ประหนึ่งเป็นญาติตัวเองเลยทีเดียว
รักตัวละครตัวนี้มากๆ ทำใจอ่ะคิดว่าทำได้แล้วนะ(มั้ง) แต่ยังรู้สึกโหวงๆตันๆเหมือนเสียอะไรสำคัญไปอยู่ดี
(นี่ที่กำลังนั่งพิมพ์ก๊อกๆแก๊กๆ ก็น้ำตาไหลอีกสามสี่แหม่ะ T_T โอ๊ยตาย เราอินไปไหม)
น้องพุเข้มแข็งไว้นะ อยากเข้าไปกอดแรงๆให้กำลังใจหนักๆซักที
-
อย่าทำอย่างนี้สิ ฮือออออออ
สงสารพุอ่า
:o12: :o12: :o12:
-
เย้ พุกลับมาเรียนแล้ว :mc4:
-
อร๋าย พุกลับมาเรียนแล้วหรานิ พี่เกียร์เริ่มรุกพุแล้วอะ พุอย่าคิดแบบนี้เลยนะ พี่เลย์จะเสียใจนะ
-
พุยังเป็นพุคนเดิมนะ เอ๋อๆแต่ก็น่ารัก :laugh:
ดีใจที่วันนี้พุไม่ร้องไห้แล้ว แล้วก็กำลังจะมีคนทำให้ยิ้มได้อีกครั้งสินะ :o8:
แบบว่ารอคนเขียนมาต่อทั้งวันเลย :-[
-
ไม่รู้คิดต่างกับคนอื่นรึเปล่า ทั้งที่เราชอบตัวละครอย่างเกียร์มาตลอด สูสีออกจะนำพี่เล่ย์ในบางครั้งด้วยซ้ำ
กลับรู้สึกว่า ถ้าเกียร์ไม่ได้รู้สึกรัก พุจริงๆ ก็ ดูและและเป็นห่วงห่างๆก็ได้ ก็ถือว่าไม่ผิดสัญญากับเล่ย์ หรอกมั้ง ?
เรากลับเชียร์เฮียแพท เพราะชอบพุมาตั้งแต่ต้น เสียแต่ยังไม่กล้าแสดงตัว ( อาจเพราะตำแหน่งลุงรหัส (ถ้าจำไม่ผิด) ค้ำคอ ก็เลยยิ่งไม่กล้า )
ยิ่งพุเองก็ซื่อซะ คงไม่รู้ตัวหรอก
เฮียก็คงต้องจะต้องบวกลบคูณหารเอานะว่าจะกล้าแสดงตัวยัง เพราะเหมือนมีคู่แข่งเพิ่มาอีกคนละ
-
เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ หนูพุ
เฮ้อออออออ ย้อนกลับไปอ่านตอนเฮียเล่ย์ทีไร น้ำตาไหลพรากทุกทีเลยอ่ะ :เฮ้อ:
แต่พุก็ดีขึ้นแล้ว(?) พี่เกียร์สู้ๆ พิชิตใจพุให้ได้ o13
-
มาขั้นนี้แล้วเหรอ ก็...โอเคอยู่ ชีวิตมันต้องเดินหน้านี่เนอะ
ที่เฮียแพทต้องกินแห้วก็เพราะสื่อไม่ถึงพุซะทีไง
"ดราม่าพอกับไอ้เกียร์เลย อยู่ด้วยกันจะขนาดไหนวะเนี่ย"
"ท่าทางจะสนุกถ้าได้อยู่กับพี่เกียร์"
กลับไปอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น เลยเจอตรงนี้ พุกับเล่ย์คุยกัน ไม่รู้ว่าจะสื่อถึงอนาคตได้ไหม
-
:call: พี่เล่ย์ๆ
-
พี่เกียร์กวนอะ นิสัยน่ารักเชียว
ตามจริงบุคคลในเรื่องนี้ก้นิสัยดีกันหมดอะนะ
ดีแล้วที่พุกลับมาเรียน ดูท่าจะมีศึกระหว่างพี่เกียร์กับเฮียแพทรึเปล่า
พี่เกียร์ล่ะเอาไง ดูแลพุเพราะพี่เล่ย์ฝากหรือเพราะความรู้สึกตัวเอง
ดูท่าคงจะเป็นอย่างหลัง เหอๆ คิดถึงพี่เล่ย์อะ เอาตรงๆ
ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึง ถ้าพี่เกียร์ทำพุยิ้มได้ก้ดีอะแหละ
เพราะยังไงถ้าพุมีความสุขพี่เล่ย์ก้สุขใจแน่นอน
-
o18 อยากให้พุมีความสุข
-
แล้วที่เข้ามาดูแลพุนี่ คิดตกแล้วหรือยังอ่ะเกียร ว่าดูแลแทนเล่ย์ หรืออะไรยังไง แต่แอบสังเกต ตรง คาแรคเตอร์คนเขียนยังใส่ พุ/เล่ย์ อยู่เลยอ้ะ
-
โอ๊ยยยยย เกียร์สุ้ๆ เอานะ พี่เล่ย์ก็ไม่อยู่ไปแล้ว ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ:มาถึงขั้นนี้แล้วยังงัยก็คงต้องยอมรับพี่เกียร์แล้วซินะ :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
เอาเถอะ พี่เกียร์ก็โอเคอ่ะนะ
-
ทำใจให้ได้ไวๆนะจ๊ะน้องพุเป็นกำลังใจให้แล้วสิ่งดีๆจะตามมา เน๊อะ
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
:a6:ทำไมเราถึงยังทำใจไม่ได้ คิดถึงพี่เลย์ :z3:
-
เฮ้ออออออออออออออออ ทำไมชื่อพี่เล่ย์ลอยมาว่ะแม่งงงงง
-
ชอบเกียร์นะ ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่พอเกียร์มา มันก็อดไม่ได้ที่จะเอาไปเปรียบเทียบกับพี่เล่ย์
ซึ่งจนถึงตอนนี้ เกียร์ก็ยังสู้พี่เล่ย์ไม่ได้อยู่ดี
เอาแค่เฉพาะความรู้สึกที่มีให้กับพุก็พอ แค่ตรงนี้ตรงเดียว พี่เล่ย์ก็นำห่างเป็นร้อยโยชน์เลย
การเทคคงเทคแคร์อะไรยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย พี่เล่ย์มีร้อยแต่ให้พุเป็นหมื่น ซึ่งเกียร์มีเต็มร้อย แต่จะให้พุถึง70รึป่าวยังไม่รู้เลย
ตอนนี้ ถ้าพุจะพบรักใหม่จริงๆ เราว่าสิ่งที่จำเป็นที่สุด คือ เวลา
เพราะรักครั้งก่อนของพุ มันไม่ได้จากลาด้วยการเลิกรัก แต่มันจำเป็นต้องจากทั้งๆที่ยังรักอยู่
การที่จะมีรักใหม่ได้ ด้วยเวลาเพียงแค่นี้ มันคงจะแทบเป็นไปได้ยาก ถ้าให้เวลาพุอีกสักหน่อย ยังพอจะเป็นไปได้บ้างนะเราว่า
-
พี่เกียร์มั่นใจเเล้วใช่ไหม ?
-
ยังคงลืมพี่เล่ย์ไม่ได้.... :เฮ้อ:
แต่มาถึงนี้แล้วคงจะไม่มีปาฏิหารย์แล้วล่ะ.... :เฮ้อ:
กลับไปทำใจอีกรอบ... :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
พี่เกียร์???? แน่ใจแล้วใช่ไหม?? ว่าไม่เปลี่ยนคน
แต่เพราะเป็น Unbelievable Story เลยไม่อยากตกหลุมเหมือนพี่เล่ห์อีก เหอะๆๆๆ
-
ขอบคุณคนเขียนมากที่มา Up บ่อย ๆๆ สงสัยจะเห็นใจคนอ่านที่เศร้าอยู่ช่วงนี้ กลับไปนั่งอ่านตอนเก่า ใหม่ตั้งแต่แรกอีกหลายหน ด้วยความคิดถึงเล่ย์ หวังว่างวดนี้ เกียร์คงไม่มาชิงตายไปอีกนะ 555
-
พี่เกียร์นี่คิดตกแล้วใช่ไหมว่าจะดูแลพุในฐานะไหน
-
ถ้าพี่เกียร์ไม่ได้ชอบพุแบบนั้น ดูแลในฐานะน้องดีกว่านะ
ปล่อยพุให้คนที่รักจริงดีกว่า แต่ใจจริงอยากให้พุเข้มแข็งด้วยตัวเองมากกว่า
-
กลับไปอ่านอีกครั้ง ยิ้มและร้องไห้ไปกับเรื่องนี้อีกรอบ
และก็มาคิดว่าการที่จากกันทั้งที่ยังรักมากมาย และไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อน
มันน่าจะยากนะที่จะตอบรับใครซักคนเข้ามาในใจ
คือคนเก่า (พี่เล่ย์) ยังจับจองอยู่เต็มพื้นที่เหมือนเดิมงัย
แล้วทีนี้คนใหม่สองคน เฮียแพทกับพี่เกียร์จะเข้าไปก็คงลำบาก
เฮียแพทเหมือนเป็นตัวแทนพี่เล่ย์ทั้งรูปร่างหน้าตาและนิสัยที่มีส่วนคล้ายพี่เล่ย์
ถึงแม้ว่าจะชอบพุมาก่อน แต่ไม่แสดงออกเลยพุมันจะรู้ตัวมั๊ยล่ะ
ส่วนเกียร์เหมือนเป็นเงาของพี่เล่ย์ ไม่ได้ชอบพุมาก่อน
แต่มันเหมือนเป็นความรู้สึกผิดอยู่ในใจหลังจากเหตุการณ์วันนั้น
ถึงตอนนี้แล้วก็ไม่รู้ว่าชอบพุที่เป็นพุ หรือว่ายังติดกับความรู้สึกที่ว่าต้องรับผิดชอบกันแน่
สำหรับเราคงยากที่จะตอบรับนะ ไม่ว่าจะมองใครในบรรดาสองคนนี้
ก็จะเห็นเงาของพี่เล่ย์ทับซ้อนอยู่ตลอดเวลา
แต่ถ้าถามว่าเชียร์ใครก็คงต้องตอบว่าเชียร์พี่เกียร์นะ
-
คิดถึงพี่เลย์อ่ะ :m15: :monkeysad: :sad11:
-
ทำไมไม่พันเกียร์. :(
-
พุกลับมาเรียน
เกียร์ก็เริ่มรุกน้องเลยนะ
-
สารภาพตามตรง ไม่เคยคิดว่าจะได้มีโอกาสคอมเมนต์เรื่องนี้ เพราะว่าเคยอ่านเมื่อแต่ก่อนแล้ว.....ไม่ค่อยชอบใจในตอนต้นๆ
มาพักหลัง ...เฮ้ย....ทำไมยอดโพสต์มันสู๊งสูง เกิดอะไรขึ้น? พลิกมาเปิดหลังๆแล้วเริ่มงงกับตัวเอง เฮ้ย...ทำไมมันพลิกโผอย่างนี้
คำเตือน - ยาวมาก
- แบ่งเป็นหลายพาร์ท เพราะไม่อยากเปลืองหลายเมนต์ แต่อาจมีขัดเป็นบางช่วง
ตอนแรกที่ทำใจตั้งใจจะเข้ามาตามอ่านเพราะงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น อ่านไปสองสามหน้า หัวคิ้วกระตุกหงุดหงิดชอบกล แต่พอเจอที่คนแต่งว่าจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น Raisara Story นี่ขำกลิ้งเลย 555+ คือยอมรับว่าจริงแหละ อย่างมาก ช่วงแรกนี่มันไม่มีอะไรเลยจริงๆ เป็นนิยายพื้นฐานธรรมด๊าธรรมดา ลูกกวาดมาก
มาเริ่มพีคน่าติดตาม ก็หลังจาก Special Chapter : Haven't we met before นั่นล่ะ มันถึงเริ่มมีปมน่าติดตาม เพราะผมเริ่มรู้สึกว่าเริ่มสมเป็นงานเขียนของคุณ Rainbow67 แล้ว ตัวละครเริ่มมี inner มากขึ้น มันเริ่มมีอะไรๆให้เรามองมากขึ้น
ผมเคยพูดไปในนิยายเรื่องหนึ่งแล้ว ว่างานเขียนที่ดี มันควรต้องให้อะไรกับเรา เป็นสิ่งที่เราต้องถามตัวเองว่า เราอ่านเรื่องนี้แล้วเราได้อะไรบ้าง เพราะนั่นจะหมายถึงประสบการณ์ที่เราได้รับมาจากปลายปากกาของผู้ประพันธ์ มันจะทำให้เราเติบโตขึ้น และเห็นมุมมองกว้างขึ้น (ยกเว้นอ่านเพื่อบันเทิง นั่นก็อีกเรื่อง)
เอาล่ะ มาถึงเรื่องย้อนความกันหน่อย เรื่องมารดาของฮัลเลย์เป็นอนุภรรยาของบิดาแพท อันนี้ต้องกล่าวก่อนเลยว่าสำหรับเรื่องครอบครัว มีคนพูดถูกไปแล้วว่ามันตัดสินลำบาก
ลูก...มีสิทธิ์ที่จะบอกพ่อ ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง มันเป็นสิทธิอันชอบธรรมตามกฏหมาย ต่อให้เราไม่พูด คนอื่นก็ต้องพูดอยู่ดี ความลับอาจมีในโลก แต่เชื่อเถอะว่าอะไรที่พากเพียรปิด ยังไงสักวันมันก็จะมีคนรู้อยู่ดี เพราะฉะนั้น การบอกให้รู้ ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะการบอกของฮัลเลย์ ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเรียกร้อง แต่มีจุดประสงค์เพื่อบอกเล่า
ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ผมมองว่าสำคัญ และเป็นสิ่งที่ฮัลเลย์แสดงออกได้ดีมาก คือความมี "วุฒิภาวะ" (ในทางภาษาอังกฤษบางคนชอบใช้ Maturity แต่ผมคิดว่าภาษาไทยนิยามได้ถูกต้องกว่า) เขารู้ดีว่าตัวเองเกิดขึ้นมาจากสภาวการณ์แบบไหน และเข้าใจถึงสิ่งที่โลกเป็น เขาถึงรอให้อายุครบ 20... คนจะได้ไปพูดไม่ได้ว่าเขาบอกเพื่อเรียกร้อง
การที่เด็กคนหนึ่งมีความกล้าพอที่จะคิดอ่านได้ขนาดนั้น ยอมรับครับว่าต้องมีการหล่อหลอมให้ใจเย็น และรู้จักมองโลกในแบบที่ไม่เป็นสีขาว และไม่เป็นสีดำ
+ มามองที่แพท อันนี้ต้องมองสองประเด็น
ประเด็นแรก - ผมเข้าใจเขา ไม่มีใครหรอกที่วันนึงถ้าจู่ๆมีเด็กเดินเข้ามาบอกว่า เขาเป็นลูกภรรยาลับๆของพ่อคุณ แล้วจะใจเย็นอยู่ได้น่ะ (ถ้าไม่ได้ถูกเลี้ยงมาให้รับมือความกดดันและความเปลี่ยนแปลงได้ดีมาก) การมีตัวแปรเพิ่มเข้ามาเป็นหนึ่งในชีวิตครอบครัว เป็นผลให้แพทอาจหวาดกลัวไปเองว่าครอบครัวที่สมบูรณ์ของเขาอาจจะกำลังพังทลายเพราะตัวแปรตัวนี้ แล้วถ้าผมพูดว่า แพทกลัวว่าครอบครัวเขาจะแตกสลาย คุณคิดว่าเขาผิดไหมล่ะ?
ประเด็นสอง - ถึงจะตกใจในทีแรก แต่แพทกำลังหลงประเด็นที่เกิดขึ้น เพราะสังเกตว่าแม่ของแพทก็นิ่งเมื่อเจอฮัลเลย์ ไม่ยินดียินร้าย (อาจจะรู้เรื่องแล้วด้วยซ้ำ เพราะใครบ้างถ้าเจอคนหน้าคล้ายสามีตัวเองแล้วจะไม่แปลกใจ) เขาไม่ได้มีความทุกข์อะไรเลย เพราะฉะนั้น เมื่อแพทรู้อย่างนี้ แล้วจะเดือดร้อนไปทำไม?
สำหรับมนุษย์ ถ้าสมมุติคุณไม่ได้สนใจสิ่งหนึ่ง ต่อให้สิ่งนั้นมันหายไป คุณก็ไม่ได้มีความสุขขึ้น หรือทุกข์มากขึ้น คุณก็ยังเป็นของคุณเหมือนเดิม จริงไหมครับ?
แพทกำลังหลงประเด็น การตกใจในทีแรกน่ะถูก ไม่เถียง แต่พออยู่ไปสักเดือนสองเดือนก็น่าจะเห็นแล้วว่ามันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะฮัลเลย์ไม่ได้เข้ามาในวงโคจรชีวิต "ครอบครัว" ของแพท ฉะนั้นจะสุมไฟใส่ตัวเองไปทำไม ในเมื่อคนอื่นเค้ายังไม่แคร์ แล้วจะแคร์ทำไม?
***การกล่าวอย่างนี้ เป็นคนละเรื่องกับคนพวกที่สนใจ แต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจนะครับ เช่นพวกเมียหลวงแสนดีในละครหลังข่าว ที่พยายามทำดี แต่ลึกๆร้องไห้ปานจะขาดใจ ไอ้นั่นน่ะเรียกว่าสนใจมาก จะไม่แปลกใจเลยที่ถ้าลูกพวกนั้นจะเกลียดลูกเมียน้อยเข้าไส้ เพราะพวกเขาถูกสอนโดยสภาพแวดล้อมให้รับรู้ว่า คนพวกนั้นทำให้แม่เขาร้องไห้ เขาต้องเกลียดมัน มันเลยกลายเป็นทัศนคติของเด็ก***
การที่ฮัลเลย์มายุ่งกับน้ำพุ เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณนะ ต้องแยกให้ออกว่าเรื่องครอบครัว กับเรื่องส่วนตัว กับทัศนคติ มันคนละเรื่องกัน การที่แพทมองพ่อเป็นไอดอล แล้วมันเกิดเรื่องอย่างนี้ ถ้าจะโยนความผิดให้ ก็ต้องมองด้วยสายตาที่เที่ยงธรรม ไม่ใช่เหมารวมไปหมด
+ ต่อ มามองที่เหตุการณ์ซึ่งทุกคนเศร้าโศก การเสียชีวิตของฮัลเลย์
ฮัลเลย์เป็นตัวละครที่คล้าย บูม จากเรื่อง ความรักทำให้คนตาบอด มากนะครับ Attitude ของพวกเขาคล้ายกันเลย เป็นคนที่มีเสน่ห์ มีความเป็นผู้ใหญ่ และรู้จักโลกดี (สำหรับฮัลเลย์อาจจะตินิดตรงที่วู่วามไปหน่อย พอน้ำพุโดนนิดหน่อยก็ซัดเลย) แต่โดยรวมถือว่าเป็นบุคคลที่น่าชื่นชมนะครับ มีวุฒิภาวะสูงกว่าวัยมาก ค่อนข้างน่าเสียดายที่เขาต้องจากไป
แต่รู้อะไรไหมครับ ผมว่าการเสียฮัลเลย์ไป มันเป็นอะไรที่ดีเหมือนกันนะ ....อ๊ะ อย่าเพิ่งปาของใส่ครับ
ฮัลเลย์เป็นพระเอกที่ดี มีจุดติน้อย เปรียบก็เหมือนแสงที่ค่อนข้างสมบูรณ์ ตามธรรมดาเมื่อเราเห็นแสงที่สมบูรณ์มากๆ เราก็เลือกที่จะไม่มองอย่างอื่นนอกจากแสงนั้น แต่เมื่อแสงนั้นหายไป สิ่งที่ตามมาคือ สิ่งรอบข้างแสงนั้นล่ะ จะทำยังไง?
สิ่งที่ผมจะสื่อคือ การเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แล้วถ้าเป็นคนอ่านที่มีจำนวนมากและอินกับเนื้อเรื่อง มันจะทำให้เกิดคำถามว่า "ถ้ามันเกิดกับคุณ คุณจะทำยังไง?"
ไม่ใช่การแช่ง ไม่ใช่การปากเสีย แค่พูดในฐานะของผู้เห็นคนเสียชีวิตอย่างน้อยๆทุกอาทิตย์ที่ไปเรียนที่โรงพยาบาลนะครับ ผมเคยคุยกับญาติหลายท่านมามาก มี....ที่เตรียมใจไว้แล้ว และไม่โศกเศร้ามากนัก มี....ที่ร่ำไห้ด้วยความสูญเสียอย่างไม่หวนกลับ แล้วก็มี....ที่เข้าใจแล้วเดินหน้าต่อ ทั้งกล้ำกลืนฝืนทนเดินหน้า หรือจะเป็นเดินหน้าได้ด้วยใจที่เข้มแข็ง
ถ้าท่านสังเกต พอไม่มีเล่ย์ เกียร์เคว้ง พุเคว้ง ทุกคนเคว้ง เพราะอะไร? เพราะเขาขาดสิ่งที่ฉายแสงได้อบอุ่นที่สุดออกไป เปรียบก็เหมือนคุณอยู่ในห้อง แล้วจู่ๆดับไฟมืดหมด เราก็เดินไปไม่ถูก
เรื่องนี้มีเหตุการณ์นี้ขึ้น แสดงให้เราเห็นได้ว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ ตัวละครจะเดินไปทางไหน แล้วถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไง? ฉะนั้นผมคิดว่ามันก็โอเคแหละ ให้ทำใจให้เข้มแข็งเสียตอนนี้ (ถ้าเข้าใจกับงานประพันธ์) เพื่อเผชิญโลกแห่งชีวิตจริง มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
ความตาย เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในทางส่วนตัว ซึ่งผมได้สังเคราะห์ออกมาจากการศึกษาเคสตัวอย่าง (อันนี้อาจารย์ไม่ได้สั่งนะครับ แต่เป็นทดลองส่วนตัว) ถ้าถามว่า ทำไมเราถึงไม่ชอบความตาย
เรา "เกลียด" ความตาย เพราะอะไร?
เพราะว่าเรา "กลัว" มัน มนุษย์มองว่าความตายคือ 'การพรากจาก' ซึ่งการพรากจากเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์สูญเสีย และมนุษย์ทุกคนเกลียดการสูญเสีย เราอยากได้ แต่เราไม่อยากเสีย ปัญหาคือ เราหนีที่จะไม่พบความตายไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ชิด คนรู้จัก คนรอบข้าง เราถึง "กลัว" มัน ฉะนั้น จะทำยังไงล่ะ?
คำตอบง่ายๆครับ เปลี่ยนการมอง เปลี่ยนมุมมอง ผมไม่ได้บอกว่าจะให้ท่านมองความตายเป็นสัจธรรมที่ทุกคนต้องพบหรืออะไรที่พุทธศาสนาพร่ำบอก [แม้ความจริงจะควรมองแบบนั้น แต่มันใช้ไม่ค่อยได้กับคนที่เพิ่งประสบความสูญเสียและกำลังช็อค]
ผมจะบอกว่าให้ท่านมอง "ความตาย" เป็น "การเดินทาง" เป็น "ประตู" สู่อีกโลกหนึ่ง
มองว่าเขากำลังเดินทางไปสู่อีกที่หนึ่ง เป็นที่ๆเขาจะได้รับประสบการณ์ที่เราไม่ได้ ไม่เคยไป ไม่เคยเห็น แล้วถ้าเราอยากจะเจอเขา เราก็เจอเขาได้เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นในความคิด ในความฝัน จิตใต้สำนึกของมนุษย์ย่อมบอกให้รู้เองว่าท่านอยากเห็นอะไรในความฝัน (แต่บางคนก็เลือกที่จะเก็บรูปภาพเอาไว้เป็นตัวแทน) เขาอาจจะมาเล่าให้เราฟังในความฝันก็ได้ เพราะฉะนั้น เขาไม่ได้หายไปไหน เขาอยู่กับเราเสมอ ถ้าเราทำผิด สิ่งที่เขาเคยพูดมันจะก้องอยู่ในหัวเรา และยังไงสักวันหนึ่ง เราก็ต้องได้พบเขาอยู่ดี
คิดแบบนี้แล้วใจท่านจะโล่งขึ้น สบายขึ้น เพราะว่าเราไม่ได้มองว่าเขา "จากไปแบบไม่หวนกลับ" อีกแล้ว เรามองว่าเขากำลัง "มีความสุข" และอยู่ในใจเรา
ธรรมดาครับ เมื่อเราไม่รู้สึกว่าเราสูญเสีย เราก็ไม่เศร้าโศก และนี่จะเป็นอีกตัวช่วยนอกจากเวลา ที่จะทำให้เราเข้มแข็งขึ้น
ปมนี้เป็นปมสำคัญเลยทีเดียวในนิยายเรื่องนี้ เพราะคนเราบางครั้งอาจไม่ได้มองโลกในแง่ความเป็นจริงเสมอไป ถ้ามองในแง่ความจริง ความเจ็บปวดทุกอย่างมีต้นตอ กำจัดต้นตอซะ เปลี่ยนมันให้เป็นพลังด้านบวก (กรณีนี้คือทัศนคติต่อความตาย) เปลี่ยนได้ ความเจ็บปวดก็จะหาย ใจเราจะเย็นลง มองอะไรสุขุมมากขึ้น แล้วก็เข้าใจโลกมากขึ้น เราจะเดินหน้าได้ด้วยใจที่เข้มแข็งขึ้นอีกระดับ
น้ำพุเสียใจ เพราะเขาทุ่มเทไปทั้งหมดกับฮัลเลย์ เขาเป็นคนที่อยู่ใกล้แสงมากที่สุด เมื่อทำใจไม่ได้ จึงเจ็บที่สุด เช่นเดียวกันกับเกียร์ที่เสียพี่น้องและคนที่สนิทที่สุดไป
เกียร์เป็นผู้ชายบุคลิกที่ผมชอบนะ เงียบๆนิ่งๆ แต่พูดน้อยต่อยหนัก ฉลาดและเข้าใจโลก อาจจะไม่อ่อนโยนมากนัก แต่เขาก็มีมุมที่คนทั่วไปเข้าไม่ถึง เป็นคนที่อยู่กับตัวเอง ถ้าคิดตามหลักแล้ว เอาจริงๆเกียร์ที่เป็นคนนั่งไปด้วยน่าจะเกิด Trauma ทางใจมากที่สุด แต่เนื่องจากเขาเป็นคนอยู่กับตัวเองเยอะ เขาเลยคุมอารมณ์ตัวเองอยู่ (ถ้าเป็นฮัลเลย์ก็คงคุมอารมณ์ตัวเองอยู่เหมือนกัน) เขาเสียใจ แต่เขาพยายามทำให้ตัวเข้มแข็ง ซึ่งผมว่าไอ้ที่ผมพล่ามๆมาน่ะ เกียร์อาจจะรู้ หรือพยายามทำอยู่ก็ได้ เพราะใจเขาเข้มแข็ง
แต่ไอ้เรื่องความรักนี่ ผมยังไม่แน่ใจ เพราะว่าตอนนี้มันสำคัญที่ว่า 'ใจ' น้ำพุ เข้มแข็งขนาดไหน ถ้าถามส่วนตัว เกียร์พยายามดูแลน้ำพุให้สมกับที่แสงนั้นเคยดูแล แต่น้ำพุก็ต้องเข้าใจนะ ว่า "แสง" แต่ละแสง มันอบอุ่นไม่เหมือนกัน มันทดแทนกันไม่ได้
ไม่ผิด ถ้าเราจะจมปลักกับความรู้สึกดีๆโดยที่ไม่เริ่มต้นใหม่ แต่จงถามตัวเองและถามคนรอบข้าง ว่าเราพร้อมไหม คนรอบข้างพร้อมไหม ถ้าพร้อมก็โอเค
แล้วก็ไม่ผิด ถ้าเราจะเริ่มต้นใหม่ แต่จงอย่าลืม และ Be cherish & keep it within your eternal soul. ถ้าจะเริ่มต้นใหม่ ก็จงถามตัวเองอีกเหมือนกัน ว่าเราพร้อมไหม แล้วคนรอบข้างพร้อมไหม
บางเคส เราพร้อม แต่คนรอบข้างไม่พร้อม ก็ทะเลาะกันบ้านแตก บางครั้ง คนรอบข้างอยากให้เราพร้อม แต่เราไม่พร้อม ก็ทะเลาะกันอีกเหมือนกัน ดังนั้น คิดถึงตัวเองและคนรอบข้างให้มากๆ ก่อนที่จะไปคิดถึงการก้าวเดิน
เพราะแต่ละก้าวที่เราเดิน "ภาพที่ฉายต่อคนรอบข้าง" ก็แตกต่างกันออกไป
-
:o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
:sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
-
น้องพุ ไม่เอาไม่คิดแบบนี้สิ พี่เล่ย์ต้องอยากให้พุมีชีวิตอยู่และอยู่อย่างมีความสุขด้วย
-
สงสารพุมากกกก อ่านตอนที่อีดิทแล้วน้ำตาไหลเลย
ตกใจคำพูดสุดท้าย และกลัวใจพุจริงๆ
ต่อให้สิบพี่เกียร์หรือสิบเฮียแพทใจพุก้เป็นของพี่เล่ย์คนเดียว
ฮืออออออออ คนที่ยังหายใจนี่แหละโคตรทรมาน
เอาพี่เล่ย์คืนมาได้ม้ายยยยยยยย T_________T
-
^^
-
นึกว่าพุจะเข้มแข็งขึ้นแล้วจริงๆถึงกลับมาเรียนได้
แต่อย่าคิดอย่างงี้เลยนะพุ TT :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
-
ถึงจะมาทีละหน่อย
ทุกหน่อยก็เรียกน้ำตาเป็นปี๊บ
-
เสียน้ำตาไปหลายปีบแล้วคะ :sad4:
:L2:
-
โถ น้องพุ :sad4: :sad4: :sad4:
-
ดีนะที่ไม่ได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้สักระยะ
รอด เห็นคอมเม้นแล้วทำใจอ่านไม่ได้อ่ะ
มันเศร้าอ่ะ
-
ใจคน.....มันยัดเยียดให้รักไม่ได้...ถึงคิดว่าพยายามรักแล้ว แต่ถ้าหัวใจยังไม่รับ พยายามรักไปก็เท่านั้น
มันไม่ใช่นิยายรัก ....แต่เป็นนิยายแนวชีวิต นะเนี่ย ^^
-
พุคุยกับตัวเองคนเดียวหรือคุยกับพี่เล่ย์จริงๆอะ (แบบ Unbelievable Story ตามชื่อ)
ถ้าคุยคนเดียวก็น่าสงสารมาก ไม่อยากให้พุเป็นแบบนี้ :monkeysad:
ถ้าคุยกับเล่ย์จริง แบบพี่เล่ย์ไม่ยอมไปไหน.. พอนึกไปถึงตอนพุกับเกียร์เมาแล้วมันโหวงเหวงไงไม่รู้ แบบไม่น่าเลย ความคิดที่พุคิดในตอนนั้น เราดันมาคิดเอาในตอนนี้ ฮ่าๆ ที่ตอนนั้นเราโอเค เพราะคิดว่าเล่ย์ไปแล้ว คนที่มีชีวิตอยู่ก็เข้มแข็งต้องเดินหน้าต่อไป แต่ถ้าเล่ย์ยังไม่ไปไหน...ขอเชิญคุณริวจิตสัมผัส :เฮ้อ:
----------------------------------------------------------------
กลับไปอ่านมาใหม่อีกรอบ สงสัยเบลอเอง ตัวหนังสือเอียงๆเป็นตอนที่พุคุยกับเล่ย์ตอนยังมีชีวิตใช่ไหม งั้นแสดงว่าพุคุยคนเดียวดิ... เรื่องนี้ริวจะไม่ยุ่ง :sad4: โอ่ย เศร้า
-
ลูกฉัน
น้ำตาไหลไม่หยุดแล้วตรู
ขอพักเรื่องนี้สักแป๊ป ก่อนว่าจะไม่อ่าน ก็เอาหว่ะ แต่เจอตอนนี้ของน้องเข้าไป ลาไปทำใจแป๊ป :o12: :o12:
-
มาอ่านตามรวดเดียว จาดยิ้มๆ กลายเป็นน้ำไหลพรากเลยอ่าาาาา
แบบเข้าใจพุนะ ว่ายังทำใจไม่ได้ แต่คิดดีๆก่อนนะ ว่าโลกนี้คนที่รักพุไม่ได้มีแค่คนเดียว ยังมีเพื่อ พ่อแม่ พัน และคนอีกมากมาย ไหนจะเลย์ด้วย ถ้าเลย์คงต้องดุพุแน่เลยล่ะ^^
ปล.ถึงคนเขียน บอกว่าอย่าอินใช่มั้ย แต่มันทำไม่ได้อ่า!!! T^T
-
:monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:มาทีไรเอาน้ำตาเค้าไปทุกที :sad11: :sad11:
-
พุสั่งจิตให้คุยกับพี่เล่ย์ไม่ได้นะ
-
จากเป็น อ่ะลืมง่าย แต่จากตาย มันลืมยากจริงๆ
เข้าใจพุ แต่ก็เอาใจช่วยให้พุผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้ :กอด1:
ถ้าพุไม่รู้จะอยู่ยังไง ไม่มีกำลังใจอะไรแล้ว ก็ขอให้นึกถึงพ่อแม่ตัวเองไว้
ถ้าตัวพุเป็นอะไรขึ้นมา คนที่เสียใจคนแรกและเสียใจกว่าใคร ก็คือ พ่อแม่ของพุนั่นแหละ :เฮ้อ:
-
งืออออ พุ T_________________T
:L2:
-
รีเฟรชรอกันเลยทีเดียววว
ยังคงเรียกน้ำตาได้ทุกตอนเลยอ่ะ :m15:
แต่ก็นะ ถ้าเราเป็นเเบบพุ เราก็คงจะคิดว่าเมื่อไหร่จะมารับไปอยู่ด้วยกันซักทีแน่นอนเลยล่ะ หึ หึ หึ :m2:
***********
ง่ะ พี่ปลายมา!! o22
แล้วใครจะเป็นฮีโร่แทนเฮียเล่ย์อ่ะ / / ยิ่งพูดชื่อ มันเหมือนมีดที่กรีดลงบนหัวจายยยย (เน่า!!! :fcuk: )
แล้วก็รีเฟรชรออีกรอบบ คึ คึ คึ
-
สงสารพุเนอะ :เฮ้อ:
-
ว๊าก ค้างอ่ะ ค้างมาก ค้างเพราะพี่ปลายมาเจอพุนี่แหละ
โอย อยากอ่านต่ออ่ะ ได้โปรดดดด
-
เห้ยยยยยย อย่าเพิ่งมารับดิ ไม่เอาาา
ไม่เอาาาาาาา
แงๆๆๆๆๆ ,, พี่เกียร์ต้องสู้วววว
^^
-
จะไม่ให้คิดถึงพี่เล่ย์ได้ไง ทั้งหล่อ ทั้งแสนดี
นอกจากคนในครอบครัวก็มีพี่เล่ย์นี่แหละที่ดูแลใส่ใจคุณชายพุ ที่แสนจะไม่ได้เรื่องแต่ก็เป็นสุดที่รักของทุกคน
ดูเฮียแพทสิ แอบชอบมาเป็นปี ๆ ทำอะไรบ้าง แข็งกระด้างก็ปานนั้น ปกติพุก็เป็นคนที่เข้าใจอะไรช้าอยู่แล้ว
มาแนวเลียบ ๆ เคียง ๆ อย่างนี้ เหมาแห้วไปทั้งไร่เลยเหอะ
ส่วนพี่ปลายหายไปชาติเศษ โผล่มาทำไรอีก เป็นสายรหัสกันแท้ ๆ ยังกล้าทำเลว
สรุป ถ้าไม่ใกล้เคียงพี่เล่ย์ ก็เชิญไปหาเอาดาบหน้า ให้พุอยู่เป็นโสดดีกว่า
-
อย่าบอกนะ ว่ามีพี่ปลายมาเข้าชิงอีกคน
โอ๊ว พอเป็นม่าย(?) แล้วพุเนื้อหอมขึ้นมากกกกก :laugh:
แต่ถึงใครจะมาจีบ หรือใครจะมาวิน ก็ลบเงาพี่เล่ย์ไม่ได้อยู่ดีแหละ :เฮ้อ:
ความรักของพี่เลย์ มันติดแน่นคงทนอยู่ในใจพุ ไม่ใช่ว่าลบได้ยากเย็นอะไรนะ แต่มันลบออกไม่ได้เลยต่างหาก :impress3:
-
:monkeysad: น้องพุ ว่าแต่อิพี่ปลายกลับมาทำด๋อยไรว่ะคะ
-
คิดถึงเล่ย์
พุเนื้อหอมจนลืมเศร้า เย้
เชียร์ใครดี
อ้าว ปลาย นายมาไง
ลงชิงดำอีกคนหรือมาเป็น...
กดบวกปล่อยเป็ด
อีดิท:
กดบวกปล่อยเป็ดแด่ Grey Twilight และ iforgive หน้าเมื่อครู่
ชื่นชม ^^
-
ปลายมาจากไหนล่ะนั่น หายไปนานแล้วนี่ ตั้งแต่ต้นเรื่อง
-
พี่ปลายโผล่มาจากหลุมไหนละเนี่ยยยย
ไหนจะเฮียแพทอีก
อยากให้พี่เล่ย์อยู่กับน้องจัง
-
เฮ้อ.... สู้ๆ นะพุ
-
น้องพุ หนุ่มรุมจีบกันใหญ่ แอร๊ยยยย
-
เคยอ่านเรื่องนี้ แบบอ่านไปยิ้มไป เวลาเครียดๆ อ่านเรื่องนี้แล้วยิ้มได้
แต่ตอนนี้ เฮ้อออออออออออออ อ่านไปจิตตกไปเรื่อยๆ แถมยังมีพี่ปลายโผล่มาร่วมสังคยนาอีกต่างหาก
-
ชอบความเห็นก่อนหน้าที่บอกว่าสงสัยต้องเชิญ ริวจิตสัมผัสมาคุยกับพี่เล่ย์ ถ้าให้ดี แถมคุณเจนด้วยก็ได้นะ555
ปลายจะมาดีมาร้ายก้ไม่รู้ แล้วเมื่อไร เกียร์กับ พุจะได้รักกันนะนี่ รอต่อไป
-
แคนดิเดดเยอะเว่อร์
นี่พี่ปลายมากอีกคน
หวังว่าคงมาแบบดีขึ้นนะ !!
ห้ะะะ
อั้ยย่ะ ,, เฮียแพทจริงจังสุด บอกเลย!!
-
หายไปนาน พี่ปลายโผล่มาแล้ว
ไม่อยากเชียร์ใครเลย ยังคิดถึงเล่ย์อยู่อ่า
-
เรื่องมันเศร้า ไหนๆก็เศร้ามาขนาดนี้ล่ะ เอาแบบหักมุมสุด
พุตายไปเจอพี่เล่ย์แฮปปี้สมหวังอีกโลกกันไปเลย
-
:เฮ้อ:
รู้สึกจะอีรุงตุงนัง
-
ไม่หวังอะไรอีกแล้ว แค่อยากให้พุเข้มแข็งให้มากที่สุดก็พอ....
พุจะเลือกใครก็อยู่ที่พุ เป็นกำลังใจให้เสมอ.....
-
T _______ T
สู้ๆค่ะทุกคน
-
รออ่านทุกวันน :pig4:
-
ประทับใจ
-
อ่านตอนนี้แล้วบอกความรู้สึกไม่ถูก
บาดแผลคนเรามันลึกจนบางทีเราไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า
พี่เกียร์น่าสงสารไม่แพ้พุเลย พี่เกียร์คงไม่อยากเศร้าให้คนรอบข้างป็นกังวล
แต่ใครจะรู้บาดแผลในใจล่ะ เป็นเราเราคิดนะ นั่งรถไปสองคนคนนึงตายอีกคนทำไมรอด
เหมือนโทษตัวเองกลายๆหรือเปล่า ไม่รู้นะ ขนาดพุยังเคยคิดว่าทำไมต้องเป็นพี่เล่ย์
เชื่อเถอะว่าพี่เกียร์ก้คงเคยคิดไม่ต่างกัน ความสัมพันธ์ระหว่างพี่เล่ย์กับพี่เกียร์
มันยาวนานมาแทบทั้งชีวิต ตอนนี้บอกสภาพจิตใจพี่เกียร์ได้เป็นอย่างดี
น้ำตาจะไหล กว่าจะเข้มแข็งได้ จะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กันนะ
บวก1ค่ะคุณเรนโบว์ เฝ้ารอติดตามเสมอ
ปล.คิดถึงพี่เล่ย์
-
:m16: ปวดใจ
-
พอพี่เกียร์โผล่มาปุ๊บ พี่ปลายกลายเป็นอากาศธาตุ
ไม่ใช่พุคนเดียวที่รู้สึกแย่จากการสูญเสีย เกียร์ก็หนักเหมือนกัน
ขอที่อยู่เฮียแพทด้วย จะส่งแห้วไปปลอบใจ (เรอะ???)
-
เมื่อคืนกับวันนี้ทั้งวันมารออ่านดีใจจังได้อ่านต่อแล้ว สงสารตัวละครทุกตัว พุ เกียร์ แพท ปลาย แพทไม่กล้าบอกรักพุ ปลายต้องงานกับคนที่ไม่ รัก เกียร์ กับพุยิ่งเหมือนคนจมกับความทุกข์คงต้องใช้เวลา อยากอ่านตอนที่พุกลับมาสดใสแล้ว
-
หวังว่าพุคงจะเข้าใจนะว่าเกียร์เป็นอะไร พี่เล่ย์จากไปแล้ว ไปสบายแล้ว
คนที่อยู่ต่างหากที่ยังทุกข์อยู่ อยากให้พี่เกียร์กับพุดูแลกันและกัน
สองคนนี้น่าสงสารทั้งคู่ น่าสงสารกันคนละแบบ
อยากอ่านต่อจุงเบย
-
เกียร์เป็นคนที่โดนหลายเด้งเลยทั้งอยู่ในเหตุการณ์อุบัติเหตุ ทั้งเป็นผู้สูญเสีย ทั้งเป็นคนที่ถูกคาดหวัง
มองภายนอกเหมือนหายแล้ว แต่ข้างในใจยังมีบาดแผลลึก
-
รออ่านเรื่องนี้ตลอดคะ :z3:อยากบอกว่าติดมากเข้ามาดูทุกครึ่งชั่วโมง :z3: แบบว่าบ้าไปแล้ว :z10:
:L2:
-
คนมีบาดแผลสองคนมาเจอกัน แล้วใครจะช่วยใครล่ะนี่
-
มันเศร้าาาาาาาาา
สู้ๆค่ะ ทั้งตัวละคร ทั้งคนเเต่ง
-
แต่งได้เป็นธรรมชาติจนปวดใจ
-
เริ่มเห็นความน่ารักของพี่เกียร์ในพาร์ทนี้ ใส่ใจดูแลพุดีมาก
พี่เกียร์ยังฝังใจเรื่องพี่เล่ย์มาก น่าสงสาร TT
พุเองก็ยังแย่ ปลอบใจกัน ๆ
ขอบคุณค่ะ
-
เกียร์คงนึกเหตุการณ์นั้น
เป็นเราก็ลืมไม่ลงหรอก
สู้ๆ น้า ตัวละครเรื่องนี้น่าสงสารทุกคน
-
:pig4:พี่เกียร์มีอาการช็อคย้อนหลังหรือเปล่าเนี่ย o22
-
อ่านตอนนี้ละ สงสารเกียร์เลย ไม่ใช่แค่พุที่แย่ เกียร์ยิ่งแย่กว่า แต่ทำเป็นเข้มแข็งเพื่อคนอื่น เพื่อพ่อ แม่ และ พุ
-
เราว่าพี่เกียร์คงโทษตัวเองไม่น้อยเลยล่ะ เพราะวันนั้นรู้สึกว่าพี่เล่ย์แค่ไปเป็นเพื่อนเฉยๆชิมิ
ซึ่งเกียร์คงนึกโทษตัวเอง ถ้าไปคนเดียวเล่ย์คงไม่เป็นไร หรือถ้าตอนนั้นบอกให้ขับช้าๆ คงไม่เป็นแบบนี้ อะไรงี้ :เฮ้อ:
อย่างที่เคยบอก ว่า คนที่ยังอยู่ มันเจ็บยิ่งกว่าคนที่จากไปแล้วอีกนะ :impress3:
-
พี่เกียร์ fc! ชูป้ายยยยย ย
ชอบพี่เกียร์จัง แต่ก็ยังไม่อยากให้คู่กับพุง่าา TT
-
สะเทือนใจ (คิดถึงเล่ย์) แต่ชีวิตยังต้องเดินต่อไป สู้ๆ
-
ทุกคนต่างมีแผล
เวลาจะเป็นยารักษา
(แต่แผลเรื้อรังนี่มันนานนะกว่าจะหาย ขอให้ใจเข้มแข็งนะ)
-
พี่เกียร์รักพี่เล่ย์มากอ่ะ
แบบอ่านแล้วสงสารมากเลย ....
ไม่ใช่แค่พุที่ทุกข์นะ
พี่เกียร์คือแบบทั้งทุกข์ รู้สึกผิด แล้วก็แสดงออกไม่ได้
ฮือออ สงสาร!!!
-
ฮึบ.....T^T
เมนต์ต่อ.... เกียร์...แมร่ง!!!!!! 555+
-
:กอด1: ทั้งพุทั้งเกียร์ต้องใช้เวลาในการรักษาแผลในหัวใจด้วยกันทั้งคู่ แต่ยังหวังว่าพี่เล่ย์จะฟื้นขึ้นมาซักวัน ..#เพ้อ
-
มีบาดแผลกันทุกคน สู้ๆ เชียน้องพุติดขอบจออิอิ o13 o13 o13
ขอบคุณจ้า :L1: :pig4: :L1:
-
หนุกๆๆ เฮียแพท ปะทะ พี่เกียร์ :mc4:
-
ดีนะ พอกันทั้งคู่
-
ไม่อยากจะบอกเลย ว่าแอบเชียร์เกียร์คู่กับพี่แพทอ่ะ 555
คิดถึงพี่เลย์จัง..
-
:กอด1: มาอีกรอบ55
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
เจอพี่เกียร์แบบนี้ คงเดายากหน่อยล่ะ
อ่อยยยยยย
พี่แพทสู้วไม่ได้หรอกกกกก
-
อ่านทันแล้วสนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปค่ะ
-
รอคอยตอนต่อไป…
-
ชอบตอนพี่เกียร์เจอเฮียแพท
อยากจะรู้มาสักพักแล้วว่าทั้งสองฝ่ายจะมีทีท่าต่อกันยังไง
รอตอนหน้าค่ะ ขอพาร์ทพี่เกียร์ด้วย
เอาพี่แกมาเคลียร์หน่อยว่าที่ดูแลพุอยู่เพราะเหตุผลอะไร
ปล.ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึงพี่เล่ย์
-
จิงๆ ชอบบุคคลิกเกียร์มาตั้งแต่ต้นเลย ยังว่าทำไมคนเขียนถึงเขียนถึงนายเกียร์แบบหลบๆ หรือมีเรื่องอื่นอีก ที่แท้คนเขียนก้อคิดไว้ตั้งแต่ต้นเลยใช่ม้าย แง่งๆๆ (แต่เราก้อรักพี่เล่ย์นะ ฮือๆๆๆ) :m31: :sad11:
-
อันนี้เป็นอีกคอมเมนต์นึง เกี่ยวกับภาพลักษณ์ตัวละครรองนะครับ
คือ......ผมคิดว่าฉากที่พี่แพทเจอกับพี่เกียร์ มันไม่ได้ส่อไปทางเชิงชู้สาวอะไรแบบนั้นนะคร้บ อันนี้จะว่าผมค่อนข้างหัวโบราณนิดๆก็คงได้แหละ แต่กรอบของนิยามความรักบางครั้งมันก็ต้องดูที่สภาพความพร้อมและบุคลิกของทั้งสองฝ่ายด้วยนะ เพราะพี่เกียร์ก็ดูเมะเต็มร้อย ซึ่งพี่แพทก็บุคลิกค่อนข้างแข็งกร้าวแบบผู้ชายเท่ๆ เพราะฉะนั้นการเอาสองคนนี้มาเจอกัน เราน่าจะได้เห็นพัฒนาการของการเติบโตทางความคิด มากกว่าเรื่องที่จะถกกันว่าใครคู่ใครนะครับ
หรือเช่น อย่างน้องชายน้ำพุก็เหมือนกัน ถ้าพิจารณาตามลักษณะภายนอก เขาก็ดูดีเป็นพิเศษ แต่ประเด็นที่ว่าเขาจะคู่กับใคร ถ้ามองเชิงลึก ผมว่าพันทิวาเป็นคนที่ชอบเทคแคร์คนอื่น ถ้าจะมีแฟน ผมก็คิดว่าเป็นคนที่พันรู้สึกดีที่จะเทคแคร์ด้วย และเป็นคนที่ตามเขาได้
บางครั้งสัญชาตญาณความต้องการเป็นผู้นำของผู้ชายก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะกำหนดให้ว่า ใครจะคู่ใครนะครับ ส่วนประกอบทางกายภาพอาจไม่จำเป็นต้อง fix เสมอไป แต่ส่วนประกอบทางใจ การที่สองคนจะรักกันได้ มันต้องมีตรงนี้
ถ้าเอาผู้ชายที่มีความเเป็นผู้นำ (พี่เกียร์ พี่แพท พัน เดียว พี่จีน) มาอยู่ด้วยกันให้ตาย ในทางความเป็นจริง ยังไงมันก็ไม่มีทางเกิดความรู้สึกที่เกินเพื่อนไปได้ เพราะว่าเขาขวนขวายที่จะหาบุคลิกของผู้ตาม [หรือผู้เต็มเติม] (เช่น พุ ซาว อิง ชาร์ม) ที่จะมาเติมเต็ม การเข้าคู่ของบุคลิกภาพจะเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่าเค้าเหมาะกันหรือไม่
ในทางปฏิบัติ คู่รักส่วนมากที่ถาวร มักเกิดจากความเข้าใจส่วนลึกของกันและกัน และรู้ว่าใครที่เข้ากับเขาได้ และใครที่เข้ากับเขาไม่ได้ อันนี้อาจเป็นปรัชญาหน่อย แต่ก็ฝากไว้ด้วยนะครับ
PS. ทำไมผมรู้สึกว่า คนที่มาเจอตอนที่เล่ย์กับเกียร์เกิดอุบัติเหตุ เป็นบูม? อาจจะเพราะรูปแบบการพูดกับการสัมผัสที่แสดงออกล่ะมั้ง...
-
หันหัวเรือมาเชียร์เกียร์
ดูท่าเฮียแพทจะเจอคู่แข่งที่น่ากลัวกว่าตอนที่ พุคบกับเล่ย์ แล้วล่ะ
ขอพาร์ทเกียร์ด้วยนะคะ อยากรู้ว่าตอนนี้เกียร์กำลังคิดอะัไรอยู่
ปล. พี่เล่ย์ยังอยู่ในใจเสมอ :L1:
-
ยังไม่มีความรู้สึกอยากเชียร์ใครเลยแฮ๊ะ :jul3:
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:สงสารพี่เกียร์เหมือนกันอะคงจะเสียใจเรื่องพี่เลย์ไม่หาย :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
o18 o18 o18 o18พี่เกียร์ร้ายเหมือนกันนะนี่เริ่มจะชอบแล้วอะดิ :z1: :z1: :z1:
-
:sad11: สู้ๆ นะ พี่เกียร์แบบว่าคงรู้สึกภาพติดตาเลยอ่ะ
เฮียเล่ย์ เฮียเป็นคนขี้โกงที่สุด อ่ะ :o12:
-
เกียร์แพท !!!!!! น่ารักกันจริ๊ง งง ชอบพี่เกียร์มากขึ้นไปอีก พี่เกียร์ fc ~ (ชูป้าย) พี่เกียร์ในสายตาเฮียยิ่งน่ารักกก
-
รักพี่เลย์ :กอด1:
เชียร์พี่เกียร์ :ped149:
:ped144:..แพท ชิ้ววๆ ไปซะทีเฮอะ
-
ฮ่าฮ่าฮ่า เฮียแพทถูกลองดี
อยากเป็นรุกแต่อาการและอารมณ์น่าจะรับมากกว่ามั้ง
มันจะ unbelievable มากเลยถ้าพี่เกียร์กับเฮียแพทคู่กัน แค่คิดก็มันแล้ว
-
อ่านละฮาเฮียแพท แทบหงายเงิบกับคำพูดพี่เกียร์
บางทีก้อยากจะดูการปะทะของคู่นี้บ่อยๆนะคะ
แต่เหมือนพี่เกียร์จะถือไพ่เหนือกว่า
ติดเรื่องนี้มากจริงๆ ว่างเป็นไม่ได้
กดเข้ามาดูตลอดเลย รอเรื่อยๆค่ะ
-
กร๊ากกกก “พื้นที่ส่วนตัวครับ… คนนอกห้ามเข้า” :m20:
พี่เกียร์!! ได้ใจแม่ยกมั่กๆ o13
-
อืม...พื้นที่ส่วนตัว พี่เกียร์ออกตัวแรงแฮะ เชียร์พี่เกียร์ o13
-
พี่เกียร์แม่งงงงงงงงงงงงงงงงงง กิ๊ซซซซซซซซซซ
-
สงสารเฮียอะ ไม่สมหวังเลย แต่ก๋ไม่อยากให้ได้กับพุเหมือนกัน
-
ชอบพี่เกียร์ตอนนี้แระ อิอิ
-
ราบเรียบ ????
-
เกียร์ สุดยอดดดด
ถ้าไม่ติดว่าตัวใหญ่ สงสัยโดนอ่วม!!!!!!
ha ha ha
-
เกียร์พูดแบบนี้มีเคลียร์ด่วน
-
ณ เพลานี้ไงก็ชูป้ายเชียร์เกียร์ยาวๆ ค่ะ = =
ไม่ชอบแพทเลย ยิ่งมาตอนนี้ยิ่งไม่ชอบแบบโคตรๆ
ไม่มีความสำรวมสักนิดที่น้องต้องเสียเล่ย์ไป คำพูดคำจาความคิดมีแต่ติดลบ
แถมยังคิดจะฉวยโอกาสทั้งที่น้องยังดูง่อนแง่น แย่มากๆ
นิสัยอย่างนี้ติดลบๆๆ ฮึ่มมมมมม
ขอบคุณที่แต่งให้ได้ลุ้นขนาดนี้นะคะ
รอตอนต่อไปค่ะ
-
:laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:ไม่มีใครร้ายเท่าพี่เกียร์อีกแล้ว :laugh: :laugh: :laugh:
-
พี่เกียร์แอบร้ายนะฮะนี่ เฮียแพทจะถอยไหมล่ะ :z1:
แต่ถึงยังไงก็ลืมพี่เล่ย์ไม่ได้อยู่ดี :monkeysad:
-
มี คนนอก ห้ามเข้าด้วย อิอิ
งั้นเราขอเป็นคนข้างห้องแล้วกัน จะได้ตามเข้าไปได้ หุหุ :laugh:
-
ไอ้คู่นี้เจอกันแล้วมันส์อ่ะ..
คิดถึงพี่เลย์เหมือนเดิม..
-
:กอด1: เชียร์พี่เล่ย์55
-
เกียร์ เจ้าเล่ห์ มึนด้วย ยกป้าย เชียร์คนนี้
รู้สึกสนุกอ่ะ เกียร์แกล้งเฮียแพท เหมือนแกล้งเด็ก อะไรประมาณนั้น :laugh:
เรารู้สึกดีมากกกกกเลย ตอนที่พุหยิบเสื้อพี่เล่ย์มาห่ม เหมือนพี่เล่ย์ยังอยู่ในความทรงจำ ยังอยู่เคียงข้างกับพุเสมอ.... :กอด1:
-
^^
-
สู้ๆนะพุ...
ทำไมเรารู้สึกว่า เฮียเเพทกับเกียร์จะเป็นคู่กัน #ผิด#โดนเตะออกกระทู้
-
เกียร์ก็น่าสงสาร พุก็น่าสงสาร เวลาคงจะช่วยเยียวยาทั้ง 2 คนให้ผ่านพ้นไปได้สู้ๆ
-
เอาจริงๆ จังหวะนี้
จะเกียร์พุ หรือ เกียร์แพท เราว่าเราโอเคหมดนะ
ฮ่าๆๆๆๆ
อ่อยยยย มีความสุขกันซักทีเหอะ
><
-
เมื่ออีกฝ่ายเดินออกจากห้องและประตูถูกปิดลง ผมก็ดึงผ้าห่มลงไว้แค่เอว แล้วหยิบเสื้อพี่เล่ย์มาห่มแทน ก่อนจะหลับตาลง
“ฝันดีครับ”
อ่านมาเจอบรรทัดนี้ เศร้าเลย
หวังว่าพุคงจะเข้มแข็ง ๆ ๆ ๆ
อย่าตัดช่องน้อยแต่พอตัวไปก่อนนะพุนะ
-
อ่านตอนพุเอาเสื้อพี่เล่ย์มาห่มแล้วจะร้องไห้ :sad4:
ถึงจะเชียร์พี่เกียร์มากกว่าเฮียแพท
แต่เรารู้สึกว่าการเข้าไปในใจพุไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ไม่ว่าสำหรับใครก้ตาม...
คนเดียวที่ได้ไปทั้งใจกลับไม่อยู่แล้ว
คิดถึงพี่เล่ย์ :o12:
-
พุ เข้าแข็งไว้
กอดตัวไม่ได้ก็กอดเสื้อแน่นๆ นี่ล่ะ
อุ่นพอไหวอยู่หรอก
กดเป็ดซ้ำรีพลายเดิมไม่ได้ล่ะ
มันบอกคุณเคยให้แล้ว
กดบวกให้พุคนเก่ง ฮือ....สู้ๆ
-
ณ เวลานี้ใครก็แทนที่เล่ย์ในใจพุไม่ได้
-
น่ารักดี คิดถึงเล่ย์ ไว้มีย้อนพุ + พี่เล่ย์ บ้างนะ :กอด1:
-
ตอนนี้อาจแล้วยิ่งเห็นความรักของพี่น้องคู่นี้
เรื่องมันเศร้า :sad4:
-
น่ารักอะ พี่เลย์แล้วแบบนี้ใครจะแทนที่พี่เลยในใจพุได้อะเนี้ย แต่ก้อสงสารพี่เกียร์นะ ก้อเป็นพี่ชายนี่เนอะ
-
อ่านแล้วยิ่งคิดถึงเล่ย์อ่า
-
น่ารักมากพี่น้องคู่นี้
พี่เล่ย์ก็ยังเท่เสมอ สุดยอดเลยพี่ชาย...
-
พี่เล่ย์คนดี ฮือออออ คิดถึงมากๆ :monkeysad:
-
เมื่อไหร่เรื่องนี้จะหายเศร้า :monkeysad:
-
พี่เล่ย์ (T_______________T )
พ่อคนดี
-
อ่านแล้วอมยิ้มกับสองพี่น้องจริงๆ
บ้านนี้เค้าน่ารักจริงๆ
-
อ่านตอนนี้ทั้งอยากยิ้มแล้วร้องไห้ไปพร้อมกัน
ยิ้มให้ความน่ารักของพี่น้องคู่นี้
ยิ้มให้กับความเป็นพี่ของพี่เล่ย์ที่เท่ห์ที่สุด
น่ารักมากๆเลยค่ะ พี่เกียร์ตอนเด็กก้น่ารักเหมือนกัน
ตอนนี้บรรยายความสัมพันธ์ของพี่เล่ย์พี่เกียร์ได้เป็นอย่างดี
ว่ามันแน่นแฟ้นและอบอุ่นมากแค่ไหน :sad4:
ปล.ยิ่งอ่านก้ยิ่งรักและคิดถึงพี่เล่ย์ :o12:
-
:monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:คิดถึงพี่เลย์ :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
-
:monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:คิดถึงพี่เล่ย์
-
เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรดาโลก ขนาดในนิยายยังต้องพบสัจธรรมนี้
เฮ้ออออ แต่คิดถึงเลย์อะคนเขียน
-
ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึงเลย์ :sad4:
:L2:
-
คิดถึงเลย์. :). เกียร์คู่กับเฮียแพทแน่เลย 555
-
ยิ่งอ่านยิ่งเศร้าอ่ะ
เพราะ รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของพี่เล่ย์ มันไม่มีให้ดูอีกแล้ว :o12:
-
จะอ่านเรื่องนี้แต่ละตอน
ต้องย้อนกลับไปตอนล่าสุด หน้าล่าสุด ไปดูว่าอัพต่อหรือเปล่า
แล้วก็ต้องอ่านคอมเม้นท์ของแต่ละคน ซึ่งยาวๆ ทั้งนั้น
แล้วเจ้าลุควิคนี้ใคร เง้อออ
-
มาทิ้งให้อยากแล้วจากไป
ว่าแต่เค้าคือใครในอนาคตหรือเปล่า แบบว่าจำไม่ได้ว่าตัวละครนี้มีอยู่เดิมหรือเปล่า :z3:
-
ลุดวิก? เขาคือใครล่ะทีนี้ :z3:
-
ลุดวิคนี่คือใคร พี่เล่ย์หรือเปล่าอะ?
ถ้าเป็นพี่เล่ย์ก้แสดงว่าที่เจอกันกับพุที่ห้องน้ำ
ก้ไม่ใช่ครั้งแรกน่ะสิ
คุณเรนโบว์มาเฉลยหน่อย อยากรู้ :serius2:
-
ตอนช่วงที่เล่ย์ตายใหม่ๆเรายังเฉยๆ แต่พักหลังๆอ่านตอนใหม่เรื่องนี้ทีไรรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกเมื่ออ่านจบทุกที โดยเฉพาะตอนที่ย้อนถึงความหลัง ยิ่งอึดอัด เพราะคิดถึงเล่ย์ ความรู้สึกช้ามาก คนอื่นเขาร้องไห้น้ำตาเป็นปี๊บละเราเพิ่งรู้สึก :laugh: ขอเว้นช่วงทำใจแป๊ป
-
อยากให้เลย์กลับมา..ถึงจะเป็นUnbelievable Storyของแท้
-
ลุดวิก ใครง่ะ ตัวละครลับเรอะ
-
ใช่ตอนที่พี่เลย์เจอกะพุป่าวนิ หรือว่าไม่ใช่
-
Ludwig พี่เล่ย์แน่ๆ
1. เป็นตอนย้อนสมัยรับน้อง พุกับพี่เล่ย์ต่างยังเป็นรุ่นน้องปี 1 (เหมือนกัน)
2. พุกับพี่เล่ย์เรียนต่างคณะกัน
3. สูงร้อยแปดสิบกว่า พี่เล่ย์สูงร้อยแปดสิบอัพ (พ่อเป็นคนสูงครับ ประมาณ 185 ไอ้เล่ย์เหมือนจะสูงเท่าพ่อผม ขาดเกินไม่น่าจะถึงเซนต์)
4. ชื่อ Ludwig ขึ้นต้นด้วยตัว L เหมือนพี่เล่ย์
5. ชื่อของนักศึกษาปี 1 คนหนึ่งลอยแว๊บเข้ามาในหัว…แต่ปัญหาคือ… คนที่เขาคิดถึง ก็คงกำลังรับน้องอยู่ น่าจะหมายถึงพี่เกียร์
:laugh: :laugh: :laugh:
-
คุณลุดวิกขา คุณเป็นใครหละเนี่ย
-
:o8: my love พี่เล่ย์ชัวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟันคอคนเขียนทิ้ง.... แอร๊ยยยเค้าล้อเล่นนะ อิอิ
-
อ่านถึงตอนนี้แล้วทำให้ต้องย้อนไปอ่านช่วงแรกอีกรอบ เป็นไปได้ทั้งสองคน เล่ย์+เกียร์
แต่ถ้าจะให้เดาว่า Luwig เป็นใคร คิดว่าน่าจะเป็นเกียร์มากกว่า เล่ย์ เพราะตอนนี้ผู้เขียนเล่าย้อนไปในอดีต ทำให้คิดว่าไม่น่าจะเป็นเล่ย์ เพราะเล่ย์ไม่อยู่แล้ว คนที่กำลังนึกถึงความหลังในอดีตจึงน่าจะเป็นเกียร์มากกว่า แค่คิดว่าเล่ย์มานั่งเล่า... บรึ๋ยยยย o21
แต่ยังไม่ชัวร์ รอคนเขียนมาเฉลยค่ะ
คิดถึงเล่ย์จัง..... :กอด1:
-
^ ทีแรกก็คิดว่าอาจเป็นพี่เกียร์ เหมือนกันค่ะ แต่จาก Chapter 17 พี่เกียร์น่าจะเจอพุครั้งแรกที่คอนโด ตอนที่พี่เล่ย์ช่วยพุจากพี่ปลาย แล้วพุเป็นลม พี่เล่ย์เลยพาไปนอนที่คอนโด
คนเขียนจ๋า รีบมาเฉลยยย :z3:
ถ้าเป็นพี่เล่ย์จริง ได้อ่านตอนก่อนแบบนี้แล้วจะยิ่งเศร้าอ่ะ แต่ก็ยังอยากจะอ่านอยู่ดี :z2:
-
เขาคนนั้นคือใครกัน ชื่อแปลกดีด้วย #me โดนตบ :m25:
-
พี่เล่ย์หรออออออออT_T
เชื่อมะว่าถ้าเราเป้นพุก็ยังทำใจไม่ได้หรอก
เหมือนมันผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะแล้วมาตายจากกันไป
มันเป็นอะไรที่ทำใจยากมาก
แต่ก็อ่านต่อไปก็เค้าลุ้นนิอยากให้มันอันบีลิฟเอเบิ้ลอีก ฮืออออออออ
-
อยากให้เป็นพี่เกียร์
เพราะถ้าเป็นพี่เล่ย์ เราว่ามันยิ่งเศร้ากว่าเดิมอ่ะ มาย้อนคิดถึงคนที่จากไปแล้วแบบนี้ มันเศร้ามากๆ :o12:
-
^^
-
ลุกวิกคือใคร :z3:ตามไม่ทันคะ :z13:จิ้มคนแต่งงง
-
Ludwig พี่เล่ย์แน่ๆ
1. เป็นตอนย้อนสมัยรับน้อง พุกับพี่เล่ย์ต่างยังเป็นรุ่นน้องปี 1 (เหมือนกัน)
2. พุกับพี่เล่ย์เรียนต่างคณะกัน
3. สูงร้อยแปดสิบกว่า พี่เล่ย์สูงร้อยแปดสิบอัพ (พ่อเป็นคนสูงครับ ประมาณ 185 ไอ้เล่ย์เหมือนจะสูงเท่าพ่อผม ขาดเกินไม่น่าจะถึงเซนต์)
4. ชื่อ Ludwig ขึ้นต้นด้วยตัว L เหมือนพี่เล่ย์
5. ชื่อของนักศึกษาปี 1 คนหนึ่งลอยแว๊บเข้ามาในหัว…แต่ปัญหาคือ… คนที่เขาคิดถึง ก็คงกำลังรับน้องอยู่ น่าจะหมายถึงพี่เกียร์
:laugh: :laugh: :laugh:
คิดเหมือนกันกับคนนี้เลยอ่ะ
-
นะ อย่างอื่นเหมือนยาก ทรงผมนี่เหมือนง่ายที่สุดแล้ว
ฉลาดจริงๆ
-
คิดถึงพี่เล่ย์ :กอด1:
-
คนนี้ใคร ?
เป็นใครกันอ่ะ?
หึหึ ,,
มีอะไรให้ตื่นเต้นได้ตลอดเลยยยย
><
-
จับทิศไม่ถูก
-
ใครฟระ
-
อ่านตั้งแต่ต้นแล้วชอบมากเลยครับ ไม่อยากให้จบเลย แต่ยังดีที่มีตอนพิเศษ ขอบคุณครับ ^^
-
ลุ้นกับการมา Up เรื่องนี้ทุกวันก็สนุกเหมือนกันเนอะ มองชีวิตมีสิ่งจะต้องทำ 555
เห็นทุกคนคาดเดากันแล้ว สนุกมากๆๆ แอบเดาเหมือนกัน ว่าน่าจะเป็นเกียร์ เพราะคณะของเกียร์ เป็นวิศวะ รุ่นพี่น่าจะรับน้องแบบนี้มากกว่าคณะเกษตร เดาล้วน ๆ อีกอย่าง เล่ย์ ตายแล้วด้วย แล้วใครจะมาเป็นคนเล่า
ไม่แน่เกียร์อาจเคยเจอพุ แต่ตัวเองหน้าดำอยู่เพราะเพิ่งรับน้องมา และพุก็ไม่ได้สนใจเลยจำกันไม่ได้ 555
คิดเองเออเองได้ไกลมาก รอคำตอบเย็นนี้นะค่ะ (บังคับให้อัพ555)
-
ใครน้าาา
-
เป็นเรื่องที่ชอบมากเรื่องหนึ่ง ตั้งแต่รู้ว่าพี่เลย์จะตายไม่เคยอ่านอีกเลย
ทำใจไม่ได้แต่ก็ยังติดตามอยู่ ได้แต่เข้ามาอ่านเม้นของคนอื่นเรื่อยๆ
แต่ไม่กล้าเข้าไปอ่านเนื้อเรื่องเลยคิดว่าถ้าอ่านนี้คงร้องไห้แน่ๆ เลย
ขอติดตามห่างๆอย่างห่วงๆอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ดีกว่าทำใจไม่ได้จริงๆ
ที่พี่เลย์จะตายจากพุไปจริงๆ :sad4: :sad4: :sad4:
-
คนเขียนมีอัพเพิ่มโพสเดิมจ้า ไปอ่านกันเลย
เฮียแพทท่าจะคบกับพุได้ยากอ่ะ แม่ไม่ชอบ
เพราะแบบนี้หรือเปล่าถึงได้ไม่มีไรคืบหน้า
-
o16 o16 โถๆๆๆ เหมือนเฮียแพทจะน่าสงสาร
-
พุไม่ใช่อดีตแฟนพี่เล่ย์นะไอ้เฮียแพท :z6:
ยังคงเป็นเสมอเว้ยยยยยยยย :fire:
จะรู้สึกสงสารก้รู้สึกสงสารเฮียแพทไม่สุด
เพราะคำว่าอดีตที่ออกจากปากเฮียนั่นแหละ :m16:
-
เฮียแพทควรตัดใจจากพุได้แล้ว
ไม่งั้นตัวเฮียเองนั่นแหละที่จะเจ็บ
-
ขอโทษนะเฮียแพท ว่าเฮียไปหลายตอนเลย
ที่เฮียไม่สามารถแสดงความรู้สึกต่อพุอย่างที่ใจนึก
ก็เพราะมีเรื่องที่ต้องแบกรับนี่เอง
บางทีการจะเป็นลูกที่ดีมันก็เหนื่อยกว่าที่คิด
-
:pig4: :pig4: :pig4:
ขอเดาว่าน่าจะเป็นเกียร์ เพราะพี่เล่ย์คงไม่ขี้เล่นขนาดนี้ :laugh: :laugh: :laugh:
-
เฮียแพทก็ควรตัดใจได้แล้ว
ไม่ว่ามีพี่เลย์หรือไม่มี พุก็ไม่หันมามองอยู่ดีเพราะเฮียไม่ชัดเจนอะไรเลย
-
คิดว่าเป็นพี่เลย์ อยากให้เป็นพี่เลย์ และคิดถึงพี่เลย์ ..
-
โธ่เอ๋ย คุณหญิงแม่รับไม่ได้แบบนี้ อย่ามาจีบพุเลย
ไม่อยากให้พุต้องเศร้า ถ้าเรื่องนี้จะจบลงแบบแฮปปี้ ก็ขอให้เป็นเกียร์ ก็ได้
:pig4:
-
แพทไม่กล้าแสดงออก ก็เพราะคุณหญิงแม่เป็นแบบนี้นี่เอง
คนนั้น ต้องเกียร์แน่เลย ดูแนวๆ แบบนี้
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:เอาเข้าจริงๆเฮียแพทก็น่าสงสารนะที่มีแม่ไม่เข้าใจ :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
นอกจากดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่
ดูหนุ่มก็ต้องดูแม่แฮะ (- -" )
-
ก็รู้สึกสงสารเฮียแพทนะ แต่ในเมื่อมันไม่มีทางเป็นไปได้ก็อย่าดันทุรังก็แล้วกัน เป็นพี่น้องที่ห่วงใยกันธรรมดาก็ดีแล้วล่ะเนอะ :กอด1:
-
น่าร๊ากกก :-[
-
ช้าๆได้พร้าเล่มงามหรือเปล่าเนี้ย :m26:
-
น่ารักอะ แต่พี่เกียร์แอบกวนตีน :laugh:
แต่อ่านแล้วคิดถึงพี่เล่ย์ เหมือนเป็นบ้าคิดถึงตลอดเวลา :sad11:
-
บอกตามตรงเค้าไม่ชอบพี่แพทเลยนะ :เฮ้อ:
-
ง่ะ เริ่มหวานกันละ รู้สึกหน่วงๆดี 55555
:pig4:
-
กวนน่ะเกียร์ แต่น่าร๊ากกก
-
แม่พี่แพทนี่แบบว่า ... ดีแล้วล่ะพุ ที่รู้จักกับบ้านโน้น หึหึ
พี่เกียร์สู้ต่อไปปปปปปปปปปปปป
-
สนิ๊ท สนิท เป็นธรรมชาติมาก
มีพี่เกียร์อยู่ใกล้ พุคงดีขึ้น ไม่เหงา ไม่จ่อมจม
-
เเบบอ่านไปเเล้วอยากให้เป็นพี่เลย์จัง
-
:serius2: เค้ารักเดียวใจเดียว จพเอาพี่เล่ย์
-
พี่เกียร์ มีมุมกวนๆ เหมือนพี่เล่ย์นะ
ตอนนี้พุคงสบายใจขึ้นแล้วใช่มั้ย คุยเรื่องพี่เล่ย์ได้
ถ้าเป็นอีกคนโดนหยิกไปแล้ว -*-
ประโยคนี้เหมือนพุเริ่มเปรียบเทียบเกียร์กับพี่เล่ย์นะ หรือพุเริ่มเปิดใจแล้ว :confuse:
-
โอ๊ยๆ ๆ น่ารักเกิ๊น :-[
แต่ก็คิดถึงเฮีเล่ย์อ่ะ ฮึก!! :monkeysad:
-
คือเราอ่านมา ตอนไหนอะที่เกียร์เริ่มชอบพุ แล้วพุก็เริ่มชอบเกียร์??????.... ตอนนี้เพียงแต่ความสบายใจและผ่อนคลายมีขึ้นมาก ทั้งสองคน
-
^^
-
โห พี่เกียร์เอาพุนั่งหลังด้วยแฮะ แอบหวานป่าวนิ
-
นี่ยังโชคดีนะ ที่แม่แพทยังไม่รู้ว่าเล่ย์เป็นลูกของสามีตัวเอง ไม่งั้น แพทโดนกดดันหนักกว่านี้แน่ :เฮ้อ:
ถ้าพุจะมีรักใหม่ ก็ขอเป็นพี่เกียร์นี่แหละ ทำใจได้ที่สุดแล้ว
ขอให้ทั้งคู่รักกัน เพราะทั้งสองคน ไม่มีใครลืมเล่ย์แน่ๆ ช่วยกันรักษาแผลใจให้กันดีกว่าเนอะ :กอด1:
-
ตอนนี้น่ารักอ่ะ ชอบพี่เกียร์ที่มาอยู่เป็นเพื่อนพุ
-
เข้าใจแล้วที่พี่แพท ไม่กล้าออกตัวกับพุ
น่าสงสารพี่แพทเหมือนกันนะเนี่ย
แอบชอบ นี่ก็เป็นความทรมานอย่างนึง
-
แอบสงสารแพท และเข้าใจเหตุผลแล้วว่าทำไมไม่บอกรักพุ เขาคงแววความเป็นไปได้น้อยมากเลยไม่กล้าแสดงออก
สำหรับเกียร์ กับ พุ ก็เริ่มน่ารักแล้ว รอวันที่พุ กล้าที่จะหยิกเกียร์เวลางอนบ้าง นั่นแสดงว่าเริ่มเปิดใจรักกันแล้ว คงอีกไม่นานเนอะ กดดันคนเขียนเหมือนเดิม
-
มันดูโลกสดใสล่ะทั้งคู่ แต่ทำไมเรายังเศร้าอะ
-
เหมือนค่อยๆเข้ามามีตัวตนในชีวิตของพุเรื่อยๆ
-
เกียร์กวนโอ๊ย แต่น่ารัก อิๆๆๆๆ ชอบๆๆ
-
เฮ้อ.... น่ารัก
-
พี่เกียร์ก็น่ารักดีนะ แต่ถ้าจะทำให้พุรักเนี่ยยากมากเลย
เหมือนมีภาพพี่เล่ย์ซ้อนทับอยู่ตลอดเวลา ขนาดคนอ่านก็ยังคิดถึงพี่เล่ย์ตลอด
ขอบคุณค่ะ
-
:a5: มะ มะ มะ มะ ต่อแล้ววว แต่นิดนึงเองอ่าาาาาา :เฮ้อ:
*******************
น้ำตาพรากกกกกกกกกกกกกกกกกกก ร้องไห้ไปกับพุด้วยเลย คิดถึงพี่เล่ย์ :m15:
-
พุยังน่ารักเหมือนเดิมอะ แต่ก้อแอบเศร้าอะ ก้อคิดถึงพี่เลย์นิ
-
เหมือนความสัมพันธ์กำลังดำเนินไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปบังคับบีบเค้น ให้มันเป็นไป เดี๋ยวก็รู้ว่าที่สุดแล้วมันคืออะไร
-
ใช้เวลาร่วมกันไปแบบนี้เรื่อยๆก้ดี ความสัมพันธ์จะเป็นแบบไหนยังไงต่อไป
เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ ยังไงถ้าจะมีคนมาดูแลพุแทนพี่เล่ย์
เราโหวตพี่เกียร์อนลี่เท่านั้นค่ะ
ยังรอเรื่อยๆนะคะ แต่มาต่ออีกหน่อยสิ อยากอ่านอีกอะ
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
ขนาดเราเป็นคนอ่าน ยังมีเงาของพี่เล่ย์อยู่ในใจตลอดเวลา แล้วพุเองจะเป็นยังไงนะ :เฮ้อ:
แต่พี่เกียร์ก็น่ารักดี พยายามต่อไปนะ :กอด1:
-
เลี้ยงอย่างดีเลยนะพี่เกียร์ อร๊ายยย :-[ :-[
-
:sad11: :sad11:สงสารพุอะคงคิดถึงพี่เลย์มากๆเลย :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
:L2: :L2: :L2: :L2: :L2:พี่เกีรย์ก็สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเน้อทำให้พุรักให้ได้น๊า :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ปล. เค้าไม่ได้ลืมพี่เลย์น๊าแต่อยากให้พุหายเศร้าอะ :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
ฮืออออออออออออ
มันดรามากบอกเลย
ทุกคนยังทรมาน
ทำยังไงจะหาย ต้องทำยังไง!!
-
เศร้าตามพุ พี่เล่ย์ยังอยู่ในใจเสมอ
ต้องใช้เวลาสักหน่อย ก่อนที่จะเปลี่ยนความสูญเสียเป็นความทรงจำ
-
สงสารพุ
แฟนดีๆ ยิ่งหายาก หายไปเคว้งเลย
-
ให้ตายเถอะโรบิ้น จะร้องไห้ตามพุแล้ว
คิดถึงพี่เล่ย์ T___________T
อ่านตอนนี้จบรู้เลย ไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่เร็วๆนี้ที่พุจะเปิดใจให้ใคร
เพราะทุกห้วงความคิดและความรักของพุมันยังคงถูกจับจอง
ด้วยผู้ชายที่ชื่อ ฮัลเลย์ ดาวฤกษ์ สุราลัยแค่คนเดียว
-
เง้ออออ หน่วงตลอดดดด
-
ความรู้สึกมันแบบว่า มีแต่พี่เล่ย์ พี่เล่ย์ และพี่เลย์ เต็มไปหมด
เหมือนพี่เกียร์จะเข้ามาได้ง่ายๆนะ แต่เข้ามาแล้วก็ชนกำแพงแก้ว ที่เรียกว่าความทรงจำอันสวยงามของพี่เล่ย์กับพุ
ยากว่ะ
-
น้ำตาไหลตามพุ
-
เข้าใจพุเลยอะ ขนาดเรายังคิดถึงพี่เล่ย์
อินเกินไปปะ ขนาดนักเขียนเตือนแล้วว่าอย่าอินมากไม่ใช่เรื่องจริงนะเนี่ย
อดไม่ได้อ่ะ อินมาก
:pig4:
-
ช่วยร้องไห้เป็นเพื่อนน้องพุ :o12: :o12: :o12:
-
:monkeysad: เค้าคิดถึงเฮียย
-
ต่างคนต่างก็ปลอบใจกันตอนทุกข์ใจ ความรักมันอาจเกิดจากการเห็นใจกันนี่แหละ
เวลาพุร้องไห้แล้วก็อยากร้องตามพุเลย ทำได้แค่คิดถึงเวลาที่เคยได้ใช้ร่วมกัน แต่มันจะไม่มีอย่างนั้นอีกแล้วมันทรมานใจนะ
ใช่ว่าจะทำใจได้ง่ายๆ ฮืออออ :monkeysad:
-
ไม่อยากกินมาม่าแล้วอ่ะ
-
รอคอยการตัดสินใจของพุก้า…
-
รู้สึกว่ามันเศร้ากว่าเดิมอีก เมื่อไหร่ฝันร้ายของพุจะหายไป
-
ถ้าจะให้พุหันมารักพี่เกียร์นี่ สงสัยต้องทุ่มสุดตัวเลยนะ :z10:
-
ดันกระทู้ให้จ้า คนเขียนมีอัพเดทโพสเดิม หน้า 44
น้องพันมา :mc4:
-
น้องพันน่ารักเหมือนเดิม :-[
-
แต่งอีกเรื่องเลย เอาอิเมจ พี่เล่ย์กับพุ แต่ของหวานๆ ไม่เศร้าไม่ตายอะ
-
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[อ่านวันละนิดจิตแจ่มใส :z1: :z1: :z1:
-
พันมาแล้วช่วยให้ยิ้มได้หน่อย เป็นน้องที่น่ารักมากจริงๆนะ
แต่ตลกอะ พี่เล่ย์กับพี่เกียร์แล้วพี่เกียร์ต้องเป็นควีน
แค่นึกก้ฮาละ เพราะพี่เกียร์ต้องเป็นควีนที่โคตรดราม่าแน่นอน 55
เห้ออออออออออ พูดแล้วก้ยิ่งคิดถึงพี่เล่ย์
-
นั่งอ่านไปนั่งฟังเพลง ว้าเหว่ ของเจนนิเฟอร์ คิ้ม ไปด้วย
ร้องไห้เลย อารมณ์พุ คล้ายๆในเพลงมาก
ตอนหลังพันมาค่อยยิ้มหน่อย
ชอบโมเม้นต์พี่น้องคู่นี้มาก น่ารัก
แอบฮาตอนขึ้นลิฟต์ โดนจิ้นซะได้
พี่เกียร์เป็นควีน ... แค่คิดก็ฮาแล้วอ่ะ
-
เห็นพูดถึงข้าวอ่ะ อยากอ่านพัน-ข้าว สักตอนจังน้า อิอิ
-
จริงๆ แล้วสาววายมีอยู่ทั่วไปหมด :laugh:
-
อ่านแล้วต้องอมยิ้ม น่ารักอะ
-
อ่านแล้วแบบว่า ทำไมพุถึงได้น่ารักยังงี้ล่ะ
ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมมีแต่คนรุมรักพุ
-
อ่านตอนนี้แล้วยิ่งคิดถึงเล่ย์จับใจ
กดบวกปล่อยเป็ด
-
:m15:
เข้ามาคิดถึงเล่ย์ด้วยอีกคน :เฮ้อ:
-
:really2: พัน+เกียร์
-
ถ้าพี่เล่ย์อยู่หน้าที่ดูแลพุคงไม่พลาด
แต่ตอนนี้ต้องพึ่งพาพี่ ๆ น้อง ๆ แทน เศร้า...
พันก็เหมาะที่จะเป็นเมะแมน ๆ เหมือนกันน้า คิคิ
-
เฮ้อ สงสารพุอะ ยังงัยก้อยังมีพี่เลย์อยู่ดี แต่อยากให้ พันกะเกียร์มากกว่าอะ แค่มองตากะรู้ใจ ว่าไปนั่น
-
พันช่วยให้บรรยากาศดูสว่างขึ้นนะ แต่ก็......
****คิดถึงเฮียเล่ย์****
-
เกือบงง ต้องอ่านกันทุกตัวอักษรเลยนะคะ กลัวพลาด
พี่เกียร์โทรมเพราะไม่ได้หลับไม่ได้นอน โดนพี่เล่ย์ทวงคำสัญญาหรือเปล่าเนี่ย :เฮ้อ:
-
รอรอรอ :call:
:pig4:
-
ตกลงพุย้ายออกจากห้องแม่พิมแล้วเหรอ
พี่เกียร์แกดื้อ คงถอยง่ายๆ หรอกนะ
-
พี่เกียร์ไปทำอะไรมา ทำไมโทรม?
ไม่ใช่ว่านอนฝันถึงพี่เล่ย์ทุกคืนหรอกนะ
ย้อนกลับไปอ่านตอนก่อนหน้ามา พุไม่คิดจะรักใครจริงๆด้วย
เราอยากให้กำลังใจพุนะ อยากให้พุทำในสิ่งที่พุต้องการ
มีความสุขก้ทำไป แต่ก้ต้องเข้าใจความห่วงของคนรอบข้างด้วย
เราเชื่อว่าพุสามารถรักพี่เล่ย์ได้แค่คนเดียว เพราะคนเราย่อมรู้ตัวเองดีที่สุด
แต่ถ้าจะมีใครสักคนมาดูแลพุ พี่เกียร์ก้เป็นคำตอบที่ดี
พี่เล่ย์คงอยากให้มีใครสักคนมาดูแลพุในวันที่พี่เล่ย์ไม่สามารถทำได้
แต่ถ้าพุไม่ต้องการ พุก้ควรแสดงให้ทุกคนเห็นว่าพุอยู่ได้ เข้มแข็งได้
และสามารถใช้ชีวิตที่มีความสุขได้ด้วยใจที่มีความรักให้พี่เล่ย์เสมอ
ถึงแม้วันนี้จะไม่มีพี่เล่ย์แล้วก้ตาม
เป็นกำลังใจให้พุ ไม่ว่าพุจะมีใครหรือไม่มีใคร
ยังไงเราก้เชื่อว่าพุจะยังรักพี่เล่ย์เสมอ
ปล.หากคุณเรนโบว์จะอัพเรื่อยๆจนกว่าจะนอน
เราก้จะรอเรื่อยๆจนกว่าจะนอนเช่นกันค่ะ
บวก1รอค่ะ
-
:laugh: :laugh: :laugh: :laugh:เค้าก็จะรออ่านเรื่อยๆจนกว่าจะนอนเหมือนกัน :z1: :z1: :z1: :z1:
-
พุ ใจอ่อนนิดนึงได้หรือเปล่าอ่ะ สงสารพี่เกียร์
-
พันคิดแบบนั้นก็ดีแล้ว ขอพุแต่งงานเองเลย เอ้ย!! *โดนต่อย
สงสารเกียร์เหมือนกันนะ แต่พอออกมาอีหรอบนี้ก็โป๊ะเชะเลย
คือเค้าไม่ได้รักกันอ่ะ อย่าไปยัดเยียดเล้ย >.<
ห่วงก็แต่พุที่จะหันซ้ายหันขวาก็มีแต่กลิ่นอายของเล่ย์ T^T
วันนี้จะมีมหากรรมกด f5 กันอีกแล้ววว 555
-
สงสารเกียร์และเข้าใจพุ
พุคงไม่มีวันลืมพี่เล่ย์
คิดถึงพี่เล่ย์ :m15:
-
อ่านข้ามไปตอนนึง อ่านตอนนี้เลยงงว่าเกิดอะไรขึ้น
พุเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมแล้วคงดีขึ้น แต่ไหงพี่เกียร์แย่ลง ไปทำไรมา
ชอบพัน น่าจะมีบทให้เล่นเด่น ๆ หน่อย เป็นพระเอกเรื่องใหม่ก็ได้
เอิ่ม...เท่าที่รออยู่นี่ก็หลายเรื่องอยู่น้า...ฮ่าฮ่าฮ่า
อย่าบอกนะว่าพี่เกียร์หลงรักพุเข้าให้แล้ว
ฉากยืนส่งกันแบบนี้เหมือนคนจีบกันใหม่ ๆ เลย
-
เ้หมือนจะดีขึ้นแต่ก็หน่วงเหมือนเดิมมมมม
-
ย้อนกลับไปอ่านตอนเดิม พุกับพี่เกียร์ได้กันตอนไหนแว๊ งงๆ พี่เกียร์รักพุแน่แล้ว
เค้ารักตัวละครน้องพันมากเลยอ่ะ เป็นน้องที่น่ารักรักพี่ชายมาก สุดท้ายพุก็ย้ายออกจากคอนโดสินะ
ที่พี่เกียร์หายไปคงรอให้พุอยู่กับตัวเองเพื่อตัดสินใจเรื่องขอคบรึป่าว แกโทรมไปมาก
ิคนอ่านเกิดความสงสารพี่เกียร์ขึ้นอีกแล้ว (ความสงสารเป็นบ่อเกิดของความรัก ฮิ้วววว)
สรุปเลยเชียร์พี่เกียร์นี่แหละ แต่ใจพุแข็งมากนะ สงสารพี่เกียร์จัง สู้ๆ พี่
ขอบคุณค่า
-
เพียงแค่ เกียร์ รักพุ ทุกอย่างก็คุยกันได้
แต่นี่เกียร์ยังพูดเพียงว่า อยากรับผิดชอบ
เป็นใครเขาก็ไม่ได้อยากให้มารับผิดชอบหรอก ถ้าไม่รักกัน
ปัญหาอีกอย่างคือ พุ ไม่ได้รักเกียร์ ถ้าพุไม่เปิดใจรับคนใหม่เข้ามา
เกียร์ก็คงต้องคิดอีกที รักพุไปแล้ว แต่พุคงไม่รักตอบ
ก็ยังไงดีล่ะ คนอ่านเอาใจช่วย แต่ไม่รู้คนเขียนจะให้ไปต่อยังไง
เชียร์ให้พุรักเกียร์ เพราะเกียร์ก็น่ารักอยู่น้า
แรกๆ ที่เล่ย์พูดถึงเกียร์ เราก็ว่า ไอ่เด็กนี่มันแปลกๆ แหวกแนวดีน่ะ
แต่หลังๆ เกียร์เริ่มจริงจัง เพราะความเศร้ามาเยือน อีกทั้งรับปากดูแลแฟนพี่อีก
แถมด้วยอุบัติเหตุความเมาอีก ตุงนังกันไปหมด
สงสัยว่าเกียร์จะเริ่มดาร์คแล้วล่ะ มามาดใหม่ จริงจังกันไป มัดมือชกกันไป
พุชอบคนแบบนี้แหละ มีเป้าหมาย และพุ่งชนไปเลย
-
แง๊ พี่เกียร์เป็นไรหว่า อยากให้พี่เกียร์หาคำตอบให้ตัวเองได้เร็วๆ
แล้วทำตามที่หัวใจต้องการ ส่วนพุจะตอบรับหรือไม่ก็เป็นเรื่องของพุ
ปัญหาจะได้ไม่คาราคาซังแบบนี้
:pig4:
-
เง่อ พี่เกียร์คนใหม่ ทำเอาพุเขินเลยแฮะ
-
ไม่ได้เม้นต์มาหลายวัน หลายตอน สอบติดๆกันแล้วอารมณ์แปรปรวน
วันนี้ว่างยาวนิดหน่อยมาเปิดอ่านให้ชุ่มชื่นใจ ฮ้าาาาาา
เศร้าทุกครั้งที่พุคิดถึงพี่เล่ย์แล้วก็ร้องไห้ออกมา ฮือออ
ส่วนตอนของวันนี้ปรากฎว่า งงกับพี่เกียร์ พี่เกียร์เป็นอะไรคะเนี่ย
มาแปลก หายไปตั้งนานพี่เกียร์ไปอัพเกรดเวอร์ชั่นใหม่มาเหรอ เหอ เหอ
แลดูเถื่อนๆ แหม จริงๆก็เห็นใจพี่เกียร์นะที่ไม่ว่าจะพุหรือจะเรา(คนอ่าน)ก็ยังระลึกถึงพี่เล่ย์ทุกขณะจิต
แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าพี่เล่ย์สิงร่างพี่เกียร์หรือเปล่า ฮ่าาาา เป็นเอามากนะฉันนนนน Orz
สู้ต่อไปทั้งสามคน (พุ พี่เกียร์ แอนด์ คุณเรนโบว์)
-
:o12:คิดถึงพี่เลย์
-
กว่าจะรักกัน ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่?
กว่าจะเข้าใจกัน ต้องใช้อะไรมาตัดสิน?
เข้าใจความรู้สึกพุ ที่ไม่อยากให้ใครมาแทนที่
ถ้าพี่เกียร์ชัดเจนแจ่มแจ้งล่ะก็ จีบเล้ยยยย
พุก็เปิดใจซะนะลูก
เพราะเราจะเก็บเฮียเล่ย์ไว้กก กอดเอง :z1:
-
พุรีบๆรับรักพี่เกียร์ไปเห้อะ ปล่อยให้พี่เขาเครียดมากเดี๋ยวสูบบุหรี่จนเป็นมะเร็งปอดตาย ไม่มีพระเอกสำรองให้พุแล้วนะ :laugh:
-
รีบนโน้นนนนนนน เอาซะเค้าหลอนแทนพี่เกียร์เลย o22
ตอนแรกงงเหมือนกัน เลยต้องย้อนไปอ่านใหม่ ถึงจะเก็ท ว่าพุย้ายออกมาอยู่ที่ใหม่แล้ว :เฮ้อ:
รอติดตามตอนต่อไป...
-
เกียร์ไปเวอร์ชั่นใหม่มาใช่มั้ยนี่ o13 o13 o13 o13
ทำเอาพุเขินได้ :-[ :-[ :-[ :-[
-
เราก๊งง แล้วเกียร์จะสัมปะทานต่อจากพี่เล่ย์เหรอ เฮ่อเอ่อ ดูดูแล้วตอนนี้พุเหมือนเดก เดกเนอะ
-
เข้าใจพุนะ ตอนนี้ก็ยังรักพี่เล่ย์อยู่เหมือนเดิม
ว่าแต่ เกียร์+พุ :oo1: ตอนไหน หรือเราอ่านข้าม :serius2:
-
โอย กำลังแข้มข้นเลย เชียร์สุดใจ ที่หายไป 1เดือนคงอยากให้เวลาพุ และตัวเองคงคิดได้แล้วว่ารักพุ เชื่อมั่นเกียร์ไม่ยอมแพ้แน่นอน
-
พอบอกให้ย้อนกลับไปอ่านก็เลยเพิ่งเข้าใจขึ้นมานิดนึงว่าทำไมพี่เกียร์ถึงชอบมาป้วนเปี้ยนกับพุนัก :เฮ้อ:
ยิ่งรู้สึกอยากรับผิดชอบพุ พุก็คงรู้สึกไม่ดีขึ้นไปอีก พุมั่นคงกับพี่เล่ย์มากๆ รักกันขนาดนั้น ทำไมอะ ทำไมพี่เล่ย์ต้องจากไปด้วย ฮืออ :monkeysad:
แล้วที่เปลี่ยนไปขนาดนี้เป็นเพราะอะไรกันล่ะฮะ ขำเม้นท์อื่นๆที่บอกพี่เล่ย์มาทวงสัญญา ถ้ามาจริงมาหาพุบ้างสิ อยากให้อยู่ด้วยกัน :sad11:
-
^^
-
พี่เกียร์ลุคใหม่ดูไฉไลกว่าเดิมแหะ
มาแบบนี้คงมีเป้าหมายและคำตอบแน่ชัดแล้วมั้ง
อย่างน้อยพี่เกียร์ก้ดูพร้อมจะพุ่งชนกับทุกอย่าง
เอาไงเอากันวะ รอพุตัดสินใจดีกว่า
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
จิ้มคุณเรนโบว์ค่า เรานี่เซ้นส์ดีจริงๆเถอะให้ตาย
ทั้งๆที่เพิ่งเม้นไปเป็นบ้าอะไรไม่รู้ถึงเข้ามาดูอีกรอบ ฮ่าๆ
เอาละเหวยผชคนนั้นพี่เกียร์แหงๆ
พุไปถามให้เคลียร์เลยว่าพี่แกทำแบบนี้ทำไม
ขืนปล่อยไว้แบบนี้พี่เกียร์ไม่แก่ตายพอดี 555
ปล.ยังติดเวลาบวกอยู่เลย
เด่วหมดแล้วจะมาบวกให้นะคะ จุ้บๆ
-
พุใจอ่อนยัง
ว่าแต่เกียร์เถอะ แน่ใจแล้วใช่ไหม
-
ตอนนี้ชักอยากรู้เหตุผลซะแล้วว่าพี่เกียร์มาเฝ้าพุทำไม
-
พุคร๊าบบบบ ถ้าไม่เห็นใจพี่เกียร์ก็เห็นใจพี่เถิดครับ
ใจอ่อนกับพี่เกียร์ซักนิดเถอะน้อง พี่ใจจะขาดแทนพี่เกียร์แล้วเนี่ยะ
-
อ่านทันแล้ว เย้! หลากหลายความรู้สึกเลยค่ะ ทั้งหวาน อบอุ่น น่ารัก แล้วก็เศร้าด้วย
คิดถึงพี่เล่ย์ค่ะ ไม่อยากให้พุเศร้าเลย
แต่ตอนนี้แอบปันใจไปเชียร์พี่เกียร์ค่ะ อยากให้พุมีคนดูแล ไม่อยากให้พุเศร้าอ่ะค่ะ
-
คนอ่านลุ้นเกียร์กับพุ จะหัวใจวายก่อน รับรักเสียทีเถอะพุ พี่ขอร้อง555 มีความสุขมากคนเขียนมาบ่อย เราก็มาเฝ้ารออ่าน อยากอ่านversion sweetบ้าง
-
พี่เกียร์แม่งงงงงงงงง โครตๆๆๆๆๆ ไม่เห้นหน้าเห็นแต่แสงไฟในห้อง เห็นเงาก็ยังดีสินะ กิ๊ดดดด
-
คิดฮอด...พี่เล่ย์หล๊ายหลาย ไม่รู้ทำไม
-
ตื่นมาก็เข้าเล้าก่อนเลยว่าจะมีอัพเพิ่มป่าว ไม่ผิดหวังจริงๆ ฮ่าๆ
พี่เกียร์เอาจริงแล้วใช่มั้ย หรือมามองห้องไปคิดไปอยู่
:pig4:
-
พี่เกียร์คิดอะไรมากอยู่ คิดว่าจะซ้อนทับกับพี่เล่ย์มั้ยรึเปล่า ถึงได้เครียดขนาดนั้น
-
โห พี่เกียร์คิดรัยอยู่เนี้ยบุหรี่เป็นกอง ปอดไม่พังเหมือนอย่างพุว่าเหรอ เง่อ เป็นพี่เกียร์จริงจริงด้วยแฮะ ตกลงว่าพี่เกียร์คิดรัยอยู่นิ
-
อยากอ่านต่อมากอ่ะ วันนี้ถ้าว่างเขียนต่อออออีกนะ :กอด1:
-
พุทำบาปแล้ว :angry2:
เพื่อเป็นการไถ่บาปยอมเป็แฟนพี่เกียร์เดี๋ยวนี้นะ :-[
-
มีแต่คนให้พุใจอ่อนให้เกียร์เป็นแฟนพุเร็วๆ.....แต่ทำไมไม่นึกบ้างว่าใจของพุยังไม่รับใครเข้ามา หากเป็นแฟนกันโดยที่พุยังไม่พร้อมรับเกียร์ เกียร์ก็น่าสงสารมากเช่นกัน เวลาเท่านั้นที่พอจะช่วยบรรเทาใจพุได้....พุไม่ได้เศร้าขนาดนั้นแต่ว่าความรักมันยังอยู่มากมายเท่านั้นเอง
-
พี่เกียร์ !!!!!!!!
พี่เกียร์ แน่ๆเลยพุ :m4:
-
ตอนนี้ชักอยากรู้เหตุผลซะแล้วว่าพี่เกียร์มาเฝ้าพุทำไม
คิดเหมือนกันเลยคะอยากรู้เหมือกัน
อยากให้พุเปิดใจรับเกียร์เหมือนกัน
รู้ว่าพุคงยังทำใจไม่ได้และยังรักเลย์อยู่ก็เถอะ
-
ถ้าจะรอให้พุลืมพี่เล่ย์ก็คงจะยาก เผลอๆอาจไม่มีวันนั้นด้วยซ้ำ :เฮ้อ:
พี่เกียร์มาเฝ้าน้องแบบนี้คงคิดตกบ้างแล้วสินะว่าจะทำยังไงต่อไป ทำให้พุรักคงไม่ยากเกินไปใช่ไหมพี่เกียร์ :o8:
-
:z13: :z13:
-
พุโดนลักพาตัวไปทะเลแล้ว :mc4:
พี่เกียร์เป็นอะไรน๊อ :serius2:
-
สงสัยด้วยอีกคน ว่าพี่เกียร์มาเฝ้าทำไมทุกวันถึงดึกดื่น
แถมสูบบุหรี่ดุมากกก ยังกะคนมีเรื่องอะไรในใจให้คิด
ดีแล้วล่ะที่พุลงไปเจอ อยากให้เคลียร์ให้รู้กันไปเลยว่าอะไรยังไงทำไม
ไม่งั้นพี่เกียร์ได้เป็นมะเร็งไปซะก่อนจะได้อยู่ดูแลพุตามสัญญาแน่ๆ
-
:call:กรี้ด ไปทะเล ใกล้ความ romantic ที่รอคอยแล้ว รอ รอตอนต่อไป
-
จับตัวพุได้แล้วก็เคลียร์กันให้แจ่มแจ้งกันไปเลยนะพี่เกียร์
คิดกับพุแบบไหนก็บอกกันให้รู้ไปเลย
ติดเรื่องนี้มาก ๆ เลย
กอดดดคุณสายรุ้ง :กอด1:
-
“พุโกรธพี่ใช่มั้ย ที่พาไอ้เล่ย์ไปตาย…”
รู้จักและเป็นแฟนพี่เล่ย์ไม่ถึงสองปี… แต่ผมก็เสียใจจนแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่
แล้วพี่เกียร์ที่รู้จักพี่เล่ย์มาตลอดชีวิตหละ จะเสียใจขนาดไหน? ความเสียใจของพี่เกียร์จะเป็นกี่เท่าของผม?
“ถ้าเป็นพี่แทน อะไรๆ มันคงจะง่ายกว่านี้”
สงสารพี่เกียร์อ่ะ :m15: :m15:
-
น้ำตาไหลพรากก
สงสารพี่เกียร์จับใจ
-
น้ำตาจะไหล สงสารพี่เกียร์ T_______T
ได้กันเถอะค่ะ ให้พี่เกียร์กับพุได้กันไปเลย
ให้ช่วยกันรักษาแผลในใจนี้ไปด้วยกัน
มันคงไม่มีอะไรที่ดีไปกว่านี้แล้ว
พี่เล่ย์คงเสียใจมากที่คนที่รักทั้งสองไม่มีใครยอมปล่อยวาง
และมัวแต่จมกับความเจ็บปวดอยู่แบบนี้
ตอนนี้รู้ละว่าพี่เกียร์คงโทษตัวเองมาตลอด
ยิ่งเห็นพุเศร้าพี่เกียร์คงยิ่งโทษตัวเองไปใหญ่
อ่านละใจจะขาด หน่วงโคตรรรรรรรรรร :o12:
-
โอย เจ็บปวด สงสารและเห็นใจพี่เกียร์มากนะตอนนีั
ก่อนนี้เราผูกอยู่กับความเสียใจของฝั่งพุ
ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของพี่เกียร์มากเท่าไหร่ ขอโทษนะ
พี่เกียร์อยู่กับพี่เล่ย์มาทั้งชีวิต จะเสียใจขนาดไหน นั่นสินะ
แถมจมอยู่กับความคิดทีี่ว่าถ้าเป็นตัวเอง เรื่องคงง่ายกว่านีั
แงงงงงงง เจ็บปวดแทนนนนนนน
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดด เสียงนี้มาอีกแล้วววววววววววววววว ตอนต่อไปมันจะเป็นอย่างง้ันใช่มั๊ย
พี่เกียร์รุกคืบโลดนะ ลุ้นจริงลุ้นจัง
ตามอยู่ตลอดๆนะคะ :)
-
กิ๊ซซซซซซซ ปลอบใจซึ่งกันและกันนะทั้ง 2 คนนน
-
มาอ่านเรื่องนี้เพราะน้องแนะนำมา อ่านแล้วไม่ผิดหวังถึงจะหน่วงๆตอนเล่ย์ตาย เพราะไม่ชอบให้มีตัวเอกในเรื่องต้องตาย เข้าใจว่าชีวิตจริงคงไม่หอมหวาน แต่เมื่ออยากผ่อนคลายอ่านเรื่องน่ารักๆแบบนี้สักเรื่องก็ไม่อยากให้มีใครตายค่ะ
ถึงตอนนี้ยอมรับได้กับการเสียเล่ย์ไปแล้ว และมีเกียร์มาแทน เห็นใจเกียร์ เห็นใจพุ เพราะถ้าแง่ของน้ำพุ คงยังไม่สามารถมีใครมาแทนเล่ย์ได้ ใจคงรับไม่ได้ เพราะตอนเล่ย์อยู่ ทำทุกอย่างไว้อย่างดีปูทางไว้เลิศมาก จนถ้าใครจะมาแทนคงยาก พุก็คงคิดอย่างนั้นความเสียใจที่พุมีกับช่วงที่คบกับเล่ย์สองปี คงยากพอควรกว่าจะทำใจรับคนใหม่เข้ามาบวกกับความคิดในบางช่วงของความเสียใจว่าทำไมไม่ใช่เกียร์ที่เสียชีวิตแทน สิ่งที่พุคิด กับสิ่งที่เป็นจริงที่พุเห็นก็คงเป็นเรื่องที่พุเข้าใจได้ว่า พุเสียใจแค่พบสองปี กับเกียร์ที่อยู่ด้วยกันมาตลอดชีวิต ไปด้วยกัน ตายจากกันมันเจ็บปวดกว่าพุ ตรงนี้พุได้เห็นแล้ว เข้าใจแล้ว แต่ก็ยังคงไม่คิดมีใครพอดีกับเรื่องเกียร์ที่พลาดไป เกียร์บอกว่าอยากรับผิดชอบแต่พุยังไม่ต้องการนั้น
จริงๆแล้วเราเข้าใจว่า คนเขียนคงจัดให้พุกับเกียร์รักกันอยู่แล้ว เพียงแค่จะใช้วิธีการไหนที่จะให้รักและยอมรับกันได้เนอะ การไปเที่ยวทะเลกับการเสียตัวอีกสักครั้งของพุที่ทะเล คงไม่ใช่วิธีการเอาใจของพุมาได้ แต่อาจเตลิดไปอีกเยอะคงก่อให้เกิดแต่ปัญหาแต่หากเป็นการไปแค่พักผ่อน พูดคุย ใช้เวลาด้วยกัน พูดกันตรงๆน่าจะดีกว่า
เราเห็นว่า พุกับเกียร์น่าจะเข้ากันได้ดี ทั้งคู่รักคนคนเดียวกัน เข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียด้วยกัน ไม่ได้ต้องการให้อีกฝ่ายยอมรับตัวเองด้วยการลืมคนที่จากไป เกียร์คงรับได้กับพุที่ไม่เคยลืมเล่ย์ แต่มองเกียร์ที่เป็นเกียร์ไม่ใช่เปรียบเทียบหรืออยากให้เกียร์ทำตัวแบบเล่ย์ คนละคนกันคงไม่มีทางเหมือนกันได้ ส่วนเกียร์เอง น่าจะยอมรับความเป็นพุที่เป็นตัวของตัวเอง น่ารักในแบบของตัว รักแต่ไม่ได้ต้องการให้พุลืมเล่ย์ และไม่ได้อยากคบพุเพราะอยากรับผิดชอบสิ่งที่พลาดไป บอกพุไปเถอะว่ารักพุที่เป็นตัวพุ ไม่ใช่เพราะรับผิดชอบอ่ะ ชีวิตคงต้องเดินต่อไปไม่ใช่หยุดอยู่อย่างที่พุทำ และคิดว่าจะไม่มีใครอีกในชีวิตนี้ สงสารพุค่ะ ในสายตาเราพุยังต้องการคนดูแล ยังอ่อนโลกที่จะใช้ชีวิตคนเดียว ไว้ใจคนง่าย อย่างพี่ข้างห้อง ถ้าเค้าไม่ใช่คนดีก็คงน่ากลัวแล้ว ยิ่งไปนั่งทานเหล้ากับพวกเค้า ดูน่ากลัวเนอะ
ขอให้ทั้งสองคนเข้าใจและคบกันเร็วๆเถอะ คบกันไปแล้วค่อยดูกันไปก็ได้ เวลายังมีให้พิสูจน์เนอะ
แอบอยากเห็น พัน ข้าว มั่งจะเป็นไปได้มั้ยคะ
มาเม้นท์ครั้งแรกก็ยาวเชียว ขออภัยนะ เราชอบเรื่องนี้มากเลย ภาษาก็ดีการเขียนก็สละสลวย ชอบมากเลยค่ะ
-
สรุปจะคบกันจริงๆใช่ป่ะ เหมือนเรื่องนี้พี่เกียร์เป็นพระเอกแต่แรก แต่มีพี่เล่ย์มาคั่นทำให้ได้เจอกัน
ฮือออออ น้อยใจแทนพี่เล่ย์ อินมากกกก กับเรื่องนี้ :m15:
ขอบคุณที่มาอัพตลอดเลย :pig4:
-
เหยยยยยยยยยยยยยยย จะมาจบแบบนี้ไม่ได้ ยังไม่พอ เอาอีกๆๆ
-
ในฐานะแฟนพันธ์แท้ขอบอกว่าจบแบบนี้ไม่ได้นะคะ ฉากสวีทหวานแหววยังไม่มีเลย อยากเห็นพุใช้ชีวิตร่วมกับเกียร์ เฉลยด้วยคะลุวิคคือใคร
-
จบอย่างนี้ๆม่ได้นะ :z3:
:pig4:
-
จบแบบนี้ไม่ด้ายยยยยยยยยยยยยยยย
มันยังไม่พอค่ะ คุณเรนโบว์ขากรุณามาต่ออีก
แอบจี๊ดแทนพี่เล่ย์นะ 555 แต่เชื่อเถอะลงเอยแบบนี้
พี่เล่ย์คงดีใจที่สุด พุมีคนดูแลที่เข้าใจและไว้ใจได้
พี่เกียร์เหมาะสุดแล้วเพราะพี่เกียร์ก้รักพี่เล่ย์ไม่ต่างจากพุ
เผลอๆอาจจะรักมากกว่าก้ได้ใครจะรู้
เก็บฮัลเลย์ไว้ในใจและก้าวเดินต่อไปด้วยกันเถอะนะ
เพราะยังไงเราเชื่อเสมอว่าต่อให้พุจะรักพี่เกียร์เพิ่มมาอีกคนในภายภาคหน้า
พี่เล่ย์ก้ยังเป็นคนที่พุรักที่สุดเสมอและไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
-
วันนี้คุณ rainbow ทำเซอร์ไพร์ส มาลงเป็นระยะๆ แต่ถ้าจบวันนี้ ยิ่ง unbelievable เข้าไปใหญ่ :z3:
เค้าไม่เอาอ่ะ ต้องต่ออีกน๊า ยังอยากรู้ความเป็นไปของคู่นี้ต่อค่ะ
-
อาการพี่เกียร์คงประมาณ ไม่เห็นหน้าเห็นหลังคาบ้านก็ยังดี ถึงได้มาเฝ้าทุกคืน
จบไม่ได้ ห้ามจบ ถึงพุรับเกียร์เป็นแฟนแล้วก็เถอะ
กลับมาเล่าเรื่องนายลุดวิกต่อด้วย
เฮียแพทจะเป็นประการใด เมื่อพุมีแฟนใหม่
-
ตกลงคบกันแล้ว ในที่สุดเกียร์ก็รู้ตัวว่าชอบพุเข้าแล้ว...
จบแบบนี้ไม่ได้นะ อยากอ่านฉากหวานๆ ถึงพุจะยอมเปิดใจคบเกียร์แล้ว แต่ยังไม่ถึงกับรัก
เกียร์เองก็เหมือนกัน อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป
จงมาต่อซะดีๆ :oni3: :oni3: :oni3:
-
ยังอยากอ่านต่ออีกค่ะ
พี่เกียร์จะกลับมาหล่อแบบคุณชายอีกไหม แต่จริงๆ ก็ชอบให้หล่อแบบเซอร์ๆ มากกว่า แบบคุณชายดูไม่เหมาะกะพุ :laugh:
เพื่อนเก่าพุที่ไปพัทยาด้วยกันเป็นยังไงกันบ้าง
แล้วเรื่องซอล กะ พี่น้ำ (พี่ข้างบ้านที่พุเคยเช่า) ที่เหมือนจะเคยมีความหลังอะไรกัน (แต่ไม่ได้สนใจหรอก ไม่รู้ก็ได้)
เรื่องลุดวิก ไม่รู้แล้วก็ได้ กลัวทายผิด
ยังอยากอ่านตอน หลังจากพุกับพี่เกียร์คบกันแล้ว แบบจะมีย้ายไปอยู่ด้วยกันป่ะ :กอด1:
เขียนต่ออีกหน่อยนะ :call: :call: :call:
-
ถ้าบอกว่ายังไม่พอ จะต่อไหมเอ่ย
คำตอบที่หนึ่ง แล้วไง คนอ่านยังไม่พอ มันก็เรื่องของคนอ่าน วันนี้คนเขียนเหนื่อยแล้ว ไม่รับแขก
คำตอบที่สอง เอาเหอะ ในเมื่อหน้าด้านขอทั้งที ก็ลงต่อ(ขีดเส้นใต้หนักๆคำสุดท้าย)
ขอคำตอบที่สองค่ะ
-
ก็โอเคนะ แต่ต่ออีกหน่อยได้ป่ะคะ :impress2: :impress2:
-
ยังจบไม่ได้ค่า ขออีกนิด ที่จริงไม่นิดขอยาว ๆเลย อยากอ่านอีก รักพุ รักพี่เล่ย์ รักพี่เกียร์
ดีใจนะที่พุให้โอกาสพี่เกียร์บ้าง ได้เรียนรู้กันจะรักกัน ไปกันได้ไม่ได้เดี๋ยวก็รู้
จริงอย่างที่พี่เกียร์ว่าไม่จำเป็นต้องลืมพี่เล่ย์ จดจำไว้เป็นความทรงจำที่ดี
พอพี่เกียร์แกเปลี่ยนจากขี้เล่นมาเป็นมาดขรึมแล้วมานั่งเฝ้าทุกวันนี่เราก็ว่าเท่ห์ดีนะ
คนแถวนั้นระแวงกันเป็นแถบ ถ้าพุไม่รีบตกลงกลัวแกจะเป็นมะเร็งปอดไปซะก่อนนะ
ชอบความห่วงใยของพุ คือพุเป็นคนน่ารัก เวลาเข้าไปหาใครพูดอะไรกับใครก็น่ารักไปหมดเลย
คนถึงมาหลงรักกันเต็มไปหม้ด
ขอบคุณค่า
-
อย่าเพิ่งจบเลยน๊า ยังไม่พออะ แต่ในที่สุด พุก้อตกลงคบกับพี่เกียร์จนได้
-
Unbelievable story จริงๆ
ปล.อย่าลืมเรื่องพี่ปอนด์ น้องพลนะคะ น้องสายรุ้ง ^^ คิดถึงแล้วอะ ทวง ^^
-
ยังไม่อยากให้จบอ่ะ :z3:
เขียนต่ออีกหน่อยเถอะน๊า :monkeysad:
-
เอาอีกค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
-
อืมม์........
ผมว่าผมเคยพูดไปแล้วนะ (ในตอนท้ายของคอมเมนท์ก่อน) เกี่ยวกับเรื่องความรักของน้ำพุเนี่ย เรื่องจะรักไม่รักน่ะ คอมเมนท์นี้คงไม่ขอพูดซ้ำอีก
แต่ที่อยากเอ่ยสักนิดคือ ตอนนี้ผมว่าผมเห็นภาพเกียร์ชัดขึ้น เลยอยากมองในมุมกลับเพื่อให้หลายๆท่านได้ลองมองอีกด้านหนึ่งดู
ถ้าสมมุติเราตั้งสมมุติฐานอยู่ 2 ข้อ คือ
1. คนที่ชื่อ Ludwig เป็นเกียร์ (เท่าที่ผมถามไลท์มา Ludwig เป็นชื่อตั้งภาษาดั้งเดิมของเยอรมัน ย้อนรอยกลับไปถึงสมัยตั้งแต่คิงลุดวิก 'ผู้บ้าคลั่ง' แห่งบาวาเรีย ชื่อลุดวิกดั้งเดิม มาจากคำว่า Chlodwig ซึ่งเป็นภาษาแฟรงก์ เป็นการสมาสคำว่าที่แปลความหมายสองคำ ระหว่างคำว่า "สงครามหรือการต่อสู้" กับคำว่า "ดังกึกก้องกัมปนาถ")
2. เกียร์อาจรู้สึกดีๆให้กับน้ำพุบ้างตั้งแต่แรกเห็น อาจจะแค่ถูกใจ ไม่ถึงขั้นชอบหรือรัก
เอาล่ะ ถ้าผมสมมุติเหตุการณ์ ว่าคุณถูกใจคนๆหนึ่งตั้งแต่แรกเห็น แล้วก็ไม่ได้เจออีกเลย มาเจออีกทีก็คือพี่ชายตัวเองแบกมาขึ้นคอนโดเพราะว่าเป็นลม... ไม่ทันจะได้ทำอะไร แปปเดียวเด็กคนนั้นก็เป็นแฟนกับพี่ชายตัวเอง
ถ้าเป็นคุณ คุณจะรู้สึกยังไงกับตัวเองครับ?
อย่างแรก แน่นอนล่ะว่าคงจะเสียใจนิดๆที่ไม่ได้ตั้งใจกล้าที่จะชนตั้งแต่แรก เกียร์เป็นคนที่ผมเคยกล่าวแล้วว่าอยู่กับตัวเองเยอะ เขาคิดเยอะ เขารอบคอบพอสมควรแต่มีลูกบ้าแบบผู้ชาย (ผมชอบบุคลิกข้อนี้นะ) การที่เขาเป็นคนที่อยู่กับตัวเองเยอะ ทำให้เกียร์จะกลายเป็นคนที่ทำอะไรให้มันแน่นอน เขาน่าจะกั้นความคิดตัวเองด้วยกรอบที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อตีตัวเองให้อยู่
ข้อนี้ทำให้ส่วนลึกของเกียร์ต่างจากฮัลเลย์ ฮัลเลย์อาจจะเป็นคนที่คิดก่อน แล้วค่อยทำ ดังนั้นเขาจะไม่ค่อยห้ามสิ่งที่ตัวเองทำ แล้วสิ่งที่เขาทำก็มักจะดูดี แต่เกียร์จะกลับกัน เกียร์จะเป็นคนที่มีความคิดแบบแปลกๆหรือลูกบ้าบิ่น (สังเกตจากพอ ป.4 ก็หนีออกจากบ้าน ถ้าเด็กไม่มั่นพอหรือไม่กล้าพอนี่ทำไม่ได้นะ) ซึ่งเขาจะคอยตีความคิดแบบนี้ให้เก็บเอาไว้ลึกๆด้วยกรอบที่เขาคิดเอาไว้
เหมือนการขังสัตว์ร้ายเพื่อไม่ให้มันอาละวาด...
เกียร์ทำในจุดนี้ได้ดี ถ้าสมมุติว่าเกียร์ชอบน้ำพุจริงๆ เขาก็ควบคุมตัวเองได้ดีมากระหว่างที่ฮัลเลย์เป็นแฟนกับน้ำพุ เพราะเขาไม่ได้ทำในสิ่งที่เป็นการยุแยงให้สองคนเลิกกัน
พอฮัลเลย์ตาย เกียร์เป็นคนที่ผมเคยบอกแล้วว่าน่าจะอันตรายที่สุด เพราะผมมองแล้วว่าเขาเป็นคนที่ 'เก็บและกด' ความคิด ไม่ได้ 'ปล่อย' ให้มันโลดแล่น
มีทฤษฏีนึงบอกว่า ถ้าเราปล่อยความโกรธให้ระบายออกมา มันจะหายไป แต่ถ้าเก็บและกดเอาไว้ มันจะปะทุกลายเป็นระเบิดที่ซ้อนทับกัน ซึ่งการตีกรอบขังความคิดของเกียร์ มีแนวโน้มคล้ายแบบนี้
ลองดูฉากที่น้ำพุกับเกียร์เมาสิครับ นั่นแหละคือสิ่งที่ตัวตนของเกียร์เก็บเอาไว้ เขามีเซ็กซ์กับน้ำพุเพราะว่ากรอบความคิดที่เขาเก็บเอาไว้มันพังทลาย เลยทำให้ Basic Instinct โลดแล่นออกมา พอมันเกิด เกียร์เลยต้องมานั่งคิด (ฉากนอนสูบบุหรี่อย่างอ้อยอิ่ง)
ผมชอบแอลกอฮอลล์ตรงที่ว่ามันทำลายประสาทสัมผัสการขวางกั้นความคิดของคน คนที่พยายามเสแสร้งหรือเก็บอารมณ์ไว้เท่าไหร่ พอเมาแล้วสติยั้งคิดจะขาด เราจะเห็นว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นยังไง เขาเก็บอะไรไว้บ้าง มันเป็นวิธีนึงที่เราใช้ดูอาการที่แท้จริงของผู้ป่วยที่พยายามยิ้มแล้วบอกว่า "ผมไม่เป็นไรครับหมอ"
อย่างไรก็ดี อย่างที่ผมบอกว่าเกียร์ควบคุมตัวเองได้ดี เขาเก็บอารมณ์ได้เยี่ยม หลังจากเหตุการณ์นั้น เขาปิดตายความคิดที่จะรักน้ำพุอย่างสมบูรณ์ ทำให้เขาดูเหมือนคุมอารมณ์ตัวเองอยู่ ซึ่งจริงๆก็อยู่แหละ แต่ถ้ามองให้ลึกลงไป เขาเก็บความคิดที่ว่าเขาผิดไว้ (ทั้งผิดที่มีเซ็กซ์กับน้ำพุ ผิดที่พาฮัลเลย์ไปตาย ผิดที่ยั้งคิดไม่ได้) เก็บความผิดและความเจ็บปวดมหาศาล แล้วปิดล็อกมันเอาไว้.... ตีไว้ด้วยกรอบความคิดที่ว่า "พี่ตายแล้วนะ ต้องอย่าเศร้า... ต้องเข้มแข็ง... ต้องดูแลน้ำพุให้ดีเท่าพี่..."
**แต่การ Trembling เพราะเห็นคนเสียเลือดจากอุบัติเหตุ อันนั้นเป็น Automatic psycho reaction ที่เกิดจากการอยู่ระยะใกล้ชิด บวกกับความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับคนตาย**
สังเกตได้ว่าช่วงแรก เกียร์พยายามดูแลและเทคแคร์น้ำพุให้สมกับที่ฮัลเลย์เคยทำ ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เกียร์ 'เป็น' จริงๆ สาเหตุก็เพราะส่วนนึงอาจจะเพราะเขารู้สึกดีๆด้วย อีกส่วนนึงอาจจะเพราะว่าฮัลเลย์ฝากฝังไว้ด้วย
ผมชอบที่พันพูดกับเกียร์นะ พันพูดได้ตรงจุดเลยว่าเพราะฮัลเลย์กล้าชน เขามองได้ทะลุเลยว่าเกียร์รู้สึกยังไง เขามองเห็นว่าตัวตนของเกียร์เป็นยังไง เหตุการณ์นั้นน่าจะเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้เกียร์เก็บมาคิดว่า สิ่งที่ตัวเองทำอยู่ มันดีแล้วรึเปล่า
โอเค หยุดเรื่องเกียร์ก่อน ขอมาพูดเรื่องน้ำพุ เพราะมันเกี่ยวกัน
น้ำพุคิดว่าตัวเอง "ไม่พร้อม" ที่จะรับใครเข้ามา ต้องอธิบายก่อนว่า การ "ไม่พร้อม" ของสภาพจิตใจมีสองแบบครับ
- แบบแรก คือการที่จิตใจไม่ฟื้นสภาพดี ทำให้การรักษาเป็นไปได้เรื่อยๆ การทำอะไรที่สะเทือนถึงสภาพจิตใจเป็นสิ่งหวงห้าม ต้องดูแลประคบประหงมระดับหนึ่ง
- แบบที่สอง คือ การที่จิตใจฟื้นสภาพดีแล้ว แต่เข้าใจตัวเอง ว่าคงไม่พร้อมที่จะรับใครเข้ามาอีกอย่างแน่นอน เป็นการเข้าใจตัวเอง และใช้ชีวิตต่อไป
นั่นคือการ "ไม่พร้อม" ที่ผมพูดถึง แต่สิ่งที่น้ำพุทำอยู่ มันไม่ใช่การ "ไม่พร้อม" แต่มันเป็นการหลอกตัวเอง ผมคิดว่าน้ำพุดีขึ้นในระดับนึงเพราะว่าเขาหลอกตัวเองนี่ล่ะ มันเลยทำให้สภาพจิตใจเขาฟื้นเร็วมาก
แต่ก็เพราะอย่างนั้น เลยทำให้เขาไม่อยากเลิกหลอกตัวเอง มันเป็นการหลอกตัวเองแบบชัดเจนมาก คือการคิดว่าไม่มีใครดีเท่าฮัลเลย์ (โอเค...อันนี้อาจจะจริง มั้ง) และเป็นการคิดว่าตัวเองสามารถรักคนได้แค่คนเดียวเท่านั้น (ค่อนข้างอุดมคติ....ในทางตะวันออก เรานิยมความคิดแบบนี้ แต่ในทางตะวันตก เขาไม่คิดแบบนี้)
การคิดทั้งสองข้อทำให้น้ำพุเชื่อมั่นว่าตัวเอง "ไม่พร้อม" แต่ความจริงแล้วคือ น้ำพุสร้างความคิดขึ้นมา เพื่อบังคับให้ตัวเองเชื่อว่าตัวเองไม่พร้อมต่างหาก
การที่พันมาพูดกับน้ำพุ ทำให้น้ำพุรู้ตัวว่าตัวเองควรทำอะไรให้มันชัดเจน ถ้าไม่พร้อม ก็ต้องตัดโอกาส การที่ยังอยู่กับเกียร์ต่อ ก็เหมือนการที่เขาส่งสาส์นกลายๆว่าเขายังต้องการการดูแลจากเกียร์ และหมายถึงว่าเขาทำใจไม่ได้ ซึ่งมันไม่จริง เขาไม่จำเป็นต้องทำให้คนอื่นสบายใจหรือทำตามความต้องการจากคนอื่น
สิ่งนี้เป็นสัญญาณ Trigger อารมณ์ของเกียร์ การย้ายออกของน้ำพุ และการพูดแบบชัดเจนจากความคิดที่น้ำพุคิดเอาไว้เพื่อหลอกตัวเอง มันเป็นการ Trigger ให้กรอบความคิดที่พยายามคุมอารมณ์ของเกียร์มาตลอดแตกกระจายออก เขาเลยกลายเป็นคนที่ทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ ทำตามสัญชาตญาณ
ถ้าถามว่า เกียร์เป็นคนดีไหม...
เป็นคนดีสิครับ แต่เขามีลูกบ้าลูกโหดมากพอควร สังเกตว่าหลังๆนี่เกียร์ทำตามอารมณ์ตัวเองมาก ทั้งมาหาโดยที่ไม่บอกไม่กล่าว สูบบุหรี่จัดเพราะต้องการใช้เวลากับตัวเอง ไม่คิดจะฟังใคร เขายังคงมีความสุขุมรอบคอบอยู่นะ มีความคิดแบบผู้ใหญ่เหมือนเดิม แค่ว่าการปลดล็อกอันนั้นมันทำให้เกียร์ 'กล้า' มากขึ้น กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง...
สุดท้ายมันเลยไปทำให้น้ำพุต้องมาคิดกับตัวเองว่าทำไมเกียร์เปลี่ยนไป การตอบสนองต่อพฤติกรรมของเกียร์ มันทำให้ความคิดที่พยายามหลอกตัวเองของน้ำพุหายไปเรื่อยๆ จนเข้าใกล้สภาพจริงที่น้ำพุเป็น น้ำพุน่าจะรู้ตัวดีว่าการรู้สึกดีๆกับใครสักคน มันห้ามความรู้สึกไม่ได้ แต่จงซื่อสัตย์กับตัวเอง คิดอย่างไรก็จงบอกไปอย่างนั้น
ที่ทะเล เกียร์บอกได้ชัดเจน เขายอมรับความผิด เขาโยนทุกอย่างใส่ตัวเอง เขาคิดว่าเขานี่แหละที่เป็นต้นเหตุทุกอย่าง เขาไม่แคร์อะไรทั้งนั้นถ้าเขาจะเป็นอะไรไป เอาตามจริงเลยนะครับ...ผมคิดว่าตัวตนของเกียร์เหมือนท้องทะเล
...รับเอาทุกอย่างเข้าไปหมด รองรับทุกอารมณ์ ความรู้สึก ทำให้ภายในเบื้องลึกนั้นปั่นป่วน กล้าบ้าบิ่น ทำได้ทุกอย่าง แต่ปกปิดภายในเอาไว้ด้วยภาพที่เรามองจากภายนอก (เป็นผลมาจากการที่เขาคิดเยอะ เลยทำให้เกียร์เก็บตัวตนนั้นเอาไว้)
น้ำพุมีความรู้สึกให้เกียร์ เป็นข้อสรุปที่ผมมองเห็นจากมุมมองบุคคลที่สาม น้ำพุทนไม่ได้ที่เห็นตัวตนที่แท้จริงของเกียร์กำลังฉีกกระชากตัวเกียร์ออกเป็นชิ้นๆ นี่เป็นอาการขั้นต้นของการ 'ห่วงใยอย่างจริงใจ' ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี
จะพัฒนาเป็นรักหรือไม่ อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับน้ำพุแล้วครับ ว่ากล้าพอที่จะเดินต่อไปรึเปล่า....
PS. ผมชอบพันมากขึ้่นเรื่อยๆแล้วนะเนี่ย อยากรู้จริงๆว่าคนที่คู่กับพันจะเป็นยังไง จะดูดีและมองเห็นสภาพจริงแท้ของคนเหมือนพันรึเปล่า เพราะฝ่ายรับแต่ละคน (น้ำพุ อิง ชาร์ม แวน) ก็ไม่มีคนที่เห็นภาพโลกกระจ่างๆเลย ถ้าจะมีก็เป็นฝ่ายรุก (ฮัลเลย์ บูม แดน) ที่ดูจะเข้าใจโลก อยากเห็นฝ่ายรับที่ดูดีๆบ้างอ่ะ
-
ขอจบแบบบแฮปปี้เอนดิ้งงงงงง ไม่เคล้าน้ำตานะตัวเอง :กอด1:
-
ทั้งๆที่มันก็ดีแล้วนะ จริงๆ แต่...แต่เราก็ยังนั่งน้ำตาไหล (บ้าไปแล้ว :sad4:)
ถ้ามีต่อเป็นบทส่งท้ายอะไรแบบนี้ก็ดีนะคะ :monkeysad:
ปอลอ เรื่องนี้เป็นอะไรที่อารมณ์พลิกผันมาก ตอนแรกฮากระจาย ยิ้มตลอด ตอนหลังๆน้ำตาร่วงเกือบตลอดเช่นกัน
แต่ยืนยันว่าชอบเรื่องนี้ค่ะ เขียนได้ดีจริงๆ o13
-
:z13: :z13: :z13: :z13: :z13:กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดจะรีบจบไปไหนอะเค้ายังอยากอ่านต่ออยู่เน้อ :z3:
:z3: :z3: :z3:ปล.ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกเลยอะ :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ปล.อีกรอบแบบว่าถ้าจบจริงเค้าก็อยากให้มีตอนพิเศษบ้างอะนะ :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
-
ถ้าจะกรุณา ขอบทส่งท้ายอีกสักบทนะคะ
จะได้จบแบบไม่ค้างคาอะไรอีก
นิยายดี ๆ เรื่องนี้จะได้จบแบบสมบูรณ์ ^^
-
เปิดเผยพระเอกตัวจริง ที่จริงอาจเป็น พี่กี ก็ได้นะ ตอนนี้พุตกลงคบกับเกียร์ อีก 1-2 ปีต่อมา พี่เกียร์ตายเพราะมะเร็งปอด แล้วพี่กีก็เข้ามาดูแลพุ ตามสเต๊ปวนลูป.....
เห่ย ล้อเล่นนะ :laugh: :laugh: :laugh:
เป็นตอนแรกที่อ่านแล้วยิ้มออกหลังจากอ่านตั้งแต่ตอนพี่เล่ย์เสีย :m2:
-
เย้ย เรนโบว์ จริงดิ555
เค้ารออ่านอยู่^^
แต่ตอนเมื่อกี้พี่เกียร์ แก๊ แกเท่มั่กมาก
ชูป้ายไฟ
กดบวกปล่อยเป็ด
-
พี่เกียร์กับพุได้กันตอนไหน
ทำไมเราอ่านข้ามไป หรือพูดถึงแค่นั้นน
งง ,,
แต่ดีใจที่ พุยอมให้โอกาสพี่เกียร์
คนบาชคนเราลืมไม่ได้หรอก แต่มันเป็นความทรงจำที่สวยงามนะ
-^^=
-
คุณ rainbow67 อย่ามาตลก 555 รีบส่งตอนหวานๆมาด่วนๆๆๆ จะได้มีกำลังใจทำงานในวันพรุ่งนี้
-
จบตอนแบบน้ำตาคลอ
พี่เล่ย์ยังอยู่ในใจพุเสมอ เพียงแต่มีพี่เกียร์มาเพิ่มอยู่ในใจร่วมด้วยแค่นั้นเอง :o12:
ชอบอ่ะ แต่ถึงจะจบหรือไม่จบ ยังไงมันก็ไม่แฮปปี้เอ็นด์อยู่ดี เพราะคิดถึงพี่เล่ย์ทีไร ก็พาลน้ำตาจะไหลทุกที :sad4:
-
*-* ไม่อยากให้จบอ่ะ ต่อออีกนิดดดดดดดดดดดดด
-
จบแบบนี้ดีแล้วค่า
สุดท้ายก็ลงเอยกับเกียร์
ตอนที่มีบทคนข้างห้อง
ยังกลัวว่าจะมาชอบพุ
ดีแล้วที่จบแบบนี้
เล่ย์คงดีใจที่พุมีเกียร์ดูแล
ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวดีๆให้อ่านนะคะ :กอด1:
ป.ล. จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าเล่ย์ตายยังไง ไม่กล้าอ่าน :o12:
-
พี่เกียร์กับพุได้กันตอนไหน
ทำไมเราอ่านข้ามไป หรือพูดถึงแค่นั้นน
งง ,,
แต่ดีใจที่ พุยอมให้โอกาสพี่เกียร์
คนบาชคนเราลืมไม่ได้หรอก แต่มันเป็นความทรงจำที่สวยงามนะ
-^^=
ตอนเมาอ่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2303063#msg2303063
part สุดท้ายของ chapter เลย
บางทีคนเขียนเค้าไป edit ต่อโพสเดิมไง ต้องคอยอ่านย้อนก่อนจ้ะ ไม่งั้นอาจพลาด :laugh:
-
อร๋าย พุกะพี่เกียร์ รู้สึกว่าพี่เกียร์จะหื่นเนอะ อิอิ
-
ยังไงก็ไม่รอดเนอะ :impress2: :impress2:
-
:a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
:z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
:serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
ขออีกได้มั๊ยยยยย
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดด เมื่อหัวค่ำเพิ่งอ่านบท 24 ไปครึ่งหนึ่ง เม้นท์ไว้ยาวเหยียด ตอนดึกมาอ่านอ้าว คุณเรนโบว์เติมจนจบแล้ว จะบอกว่าถูกใจมากค่ะ จบได้นุ่มนวลและได้อย่างใจมาก ขอบอก แถมตอนนี้ไฟดับไปพอไฟมาเข้ามาใหม่ เจอตอนพิเศษเพิ่มมาอีกตอน ดีใจจัง ที่จริงยังไม่อยากให้จบเพราะอยากอ่านต่ออีก แต่ว่าพอเข้าใจกันได้คบกันแล้วก็ไม่มีเรื่องอะไรมาให้ลุ้น นอกจากจะมีมาม่ามาเพิ่มให้กลุ้มใจเปล่าๆ 5555555555
แต่ก็อยากให้มีเรื่องราวของคู่อื่นๆ ที่ยังอยากลุ้นต่อค่ะ เช่น พันข้าว ซอลน้ำ และคนอื่นๆ ทำไงจะได้อ่านหนอ เป็นภาคต่อดีมะคะ 55555555555555555555555555
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
อ่านตอนนี้ละแบบบอกอารมณ์ไม่ถูกเลย
จะว่าแม่งฟินและน่ารักมากกกกกกกกกกกก้ใช่
แต่ แต่ แต่ เราดันคิดถึงพี่เล่ย์ขึ้นมาซะงั้น
ฮืออออออออ กว่าจะถึงตอนนี้จริงๆมันคงอีกนาน?
และก้คิดว่าดีแล้วที่พุกับพี่เกียร์มีความสุขกันดี
แต่ทำไมเราถึงเหมือนจะทำใจไม่ค่อยได้
บ้าไปแล้ววววววววววววววววว
ขัดแย้งในตัวเองอย่างที่สุด แต่ไม่ปฏิเสธนะว่าชอบ
ยังไงกันแน่วะฉัน จุ้บๆคุณเรนโบว์ ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
-
พี่เกียร์เป็นคนอย่างนี้เองหรือ เหอ ๆๆ
จะหวานจะเลี่ยนก็ใส่มา จะได้เลิกเศร้าเสียที
-
ขอบคุณค่ะที่มาต่อ ดีใจที่ได้เห็นสองคนนี้มีความสุขค่ะ
-
^^
-
อ๊ายยยย ย
-
ถูกใจมาก ต่อให้ไวดี รักคนเขียนจัง :-[
-
กรี๊ดดดดดดดดดดด น่ารักๆๆๆๆอ่า แอร๊ยย เลี่ยนๆแบบนี้ชอบ กินมาม่ามานาน อยากอ่านอีกอ่าา งืดดดดดดดดด
เราก็คิดถึงพี่เล่ย์ แต่ชีิวิตของพุและพี่เกียร์ก็ต้องดำเนินต่อไปนะ ดีใจที่ทั้งสองคนกำลังก้าวข้ามความเจ็บปวดเหล่านั้น พี่เลย์จะอยู่ในใจเสมอ T T
-
ยิ้มได้ล่ะ นอนหลับฝันดีแน่เลยคืนนี้
รักกันแบบนี้ชอบอ่ะ
-
ตอนเมาอ่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2303063#msg2303063
part สุดท้ายของ chapter เลย
บางทีคนเขียนเค้าไป edit ต่อโพสเดิมไง ต้องคอยอ่านย้อนก่อนจ้ะ ไม่งั้นอาจพลาด :laugh:
กราบขอบพระคุณค่าาาา
เราข้ามตอนนี้ไปจริงๆ
^^
------
เม้นท์ตอนนี้ก่อน
หวานไปสามโลก
ฮือออ
ดีใจที่ในที่สุดทุกคนมีความสุข
มันเก๋จริงๆนะเรื่องนี้
พุมีคนดูแล พี่เกียร์ได้ทำตามสัญญา
เรามีความสุขมาก!!!
-
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[พี่เกีรย์กับพุ :z1: :z1: :z1: :z1:
-
ไม่พอ เอามาอีก !!!!!!!!!!!!!!!!!!
นับวันพี่เกียร์กะพุจะน่ารักขึ้นเรื่อยๆนะเนี่ย :m1:
แค่พุไม่เศร้า ก็ดีใจแล้ว :กอด1:
-
ชีวิตมันก็ต้องเดินต่อนี้เนอะ ^_^
-
ดีใจที่สุดท้ายก็ได้มีความสุขกันเสียที
ขอบคุณที่เขียนนิยายเรื่องนี้นะคะ
และพี่เล่ย์พระเอกคนดีจะอยู่ในใจของเราเสมอ
ขอบคุณมากค่ะ ^^ :L2:
-
เห็นพี่เกียร์กับพุมีความสุขคนอ่านก็ดีใจ พุอ้อนมาก ๆ น่ารัก
ส่วนพี่เกียร์ก็ดูแลพุึดีมาก หลงแฟนซ้า :-[
ขอบคุณค่ีะ เอาอีก ๆ
-
หวานนนนนจ้าาาาา :-[
-
ถูกใจอีกแล้วอ่ะ คือทีแรกอยากจะรีเควสขอตอนมีคนมาชอบพุ อยากดูเวลาพี่เกียร์หึง แต่ไม่กล้าขอ :laugh:
อยู่ๆ ก็ได้อ่านสมใจ :z1:
ชอบแนวพระเอกหวงนายเอกเว่อร์อ่ะ :o8:
-
:angry2: ไอ้อิฐบ้า อย่าบอกนะปองอ่ะเมียเก่าเกียร์
-
พี่เกียร์โคตรโหดดดดดดดดดดดดด
เราว่าพี่เล่ย์ก้โหดละนะแต่พี่เกียร์โหดไม่แพ้กันเลย
พี่น้องคู่นี้แม่งอารมณ์เดียวกันแหงแซะ
เราว่าแล้วว่าพี่อิฐต้องชอบพุเข้าสักวัน
แต่ซวยไปนะพุขวัญอ่อนยิ่งกว่าเด็กสามขวบอีก
ดังนั้นถ้าพี่ไม่รู้วิธีเข้าหาจริงๆ อย่าเสี่ยงเลยค่ะ
ปล.โคตรรักคุณเรนโบว์เลยให้ตาย
ขยันมามากๆ ถ้ากดบวกให้ได้ทุกสองวินะ
เราจะนั่งกดให้ทั้งวันเลย ฮ่าๆ แปะบวกไว้ก่อนนะคะ
เดี๋ยวหลุดแล้วจะเข้ามากดให้ จุ้บๆ >.<
-
พุไม่เวอร์หรอก
คนเรามีความกลัวที่ไม่เท่ากัน
ดีใจที่พี่เกียร์ดูแลน้อง ^^
-
ไม่นะ พุไม่เวอร์ไป เราเข้าใจน้องว่ะ ยิ่งมาแบบพี่อิฐอีก เป็นเราก็กลัว
แต่ตอนนี้ เกียร์เท่ห์ดี รู้สึกพึ่งพาได้กว่าแต่ก่อนยังไงไม่รู้
-
เราว่าพุไม่ได้เวอร์หรอกนะ เจอแบบนี้เราก็กลัว แถมพี่ที่เราไว้ใจยังมาทำแบบนี้อีก
แต่ แต่ จุดนี้ พี่เกียร์เท่ห์อ่าาา งืดดดดดดด
คุณเรนโบว์ ต่ออีกป่าว 5555 อ่านเท่าไหร่มันก็ไม่เต็มอิ่มสักทีอ่า ทำยังไงดี โฮ่ยยยย
-
ไหงพี่อิฐเป็นคนแบบนี้หว่า เคยแอบคิดว่าอาจใช่คนนี้ตอนเชียร์บอล
ชอบจังเลยพี่น้องคู่นี้ทั้งพี่เล่ย์ พี่เกียร์ จะพุ่งตรงไปถึงพุเป็นคนแรกที่มีเหตุ
พุจ๋าพี่แพทเขาผิดหวังเรื่องนั้นแน่เหรอ
-
เย้ยยยยยย มันหวานเว่อเลย :-[
พุช่างอ้อนกว่าเดิมอีกอ่ะ ดูติดแฟนขึ้นมากกกกกด้วย :o8:
อยากอ่านหวานๆต่อ :กอด1:
-
พุสมควรมีคนดูแลจริงๆ แหละ ถ้าไม่มีเกียร์ พุจะรอดจากสถานการณ์นี้ยังไง
แต่ยังไงก็ยังคิดถึงพี่เล่ย์อยู่ดี
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
เปิดมาอีกทีเจอตอนพิเศษสองตอน ขอฉากหวานๆ คุณเรนโบว์จัดมา (ขอบคุณมากกกค่ะ)
อร๊ายยย แทบละลาย ถูกใจมากกก พี่น้องคู่นี้หวานกินกันไม่ลงเลย (ถูกใจพี่เกียร์เวอร์ชั่นหื่น)
แค่เห็นเกียร์กับพุมีความสุข ก็พลอยสุขไปด้วย :m3:
ตอนที่สองพี่เกียร์หึงโหดมากกกก น่ากลัวกว่าพี่เล่ย์อีก (พี่อิฐเกือบตาย) ขนาดพุห้ามแล้ว เกียร์ยังไม่ปล่อยมือจากอิฐเลย
ถ้าไม่คิด(อยาก)จะปล่อยเอง แต่ก็ชอบ หุ หุ
ปล. ยังไงพี่เล่ย์ก็ยังอยู่ในใจเสมอ :กอด1:
-
บอกตามตรง ถึงตอนนี้ ไม่เกี่ยวกับเนื้องเรื่องนะ เรายัง หลงรักพี่เลย์อยู่เลย......ใครเป็นแบบนี้บ้าง
-
สิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าเล่ย์กับเกียร์เหมือนกันก็คือปกป้องพุได้ พุอยู่ด้วยแล้วรู้สึกปลอดภัย ดีใจที่วันนี้พุมีคนมาดูแลแล้ว ไม่เศร้าแล้วเนอะ :กอด1:
กดบวกให้คนเขียนค่ะ มีตอนหึงแล้วก็อยากมีตอนหวานๆง่ะ :o8:
-
ดีใจที่เกียร์กับพุครบกันแล้ว
เกียร์หึงแม่งโคตรน่ากลัวอะ
ขออีกหลายๆตอนได้ไหมคะ
-
พี่เกียร์โหดอะ พี่ปองนี่แฟนเก่าพี่เกียร์ป่ะ
-
เฮียแพทแกเป็นเด็กติดเพื่อนเหรอ
-
เชียร์เกียร์ แต่ลืมพี่เลย์ไมลงจริงๆ
-
:กอด1:
-
งงกับเฮียแพทจัง ตอนแรกเหมือนจะจีบพุ ตอนนี้เชียร์อิฐให้จีบพุ หรือเพราะคิดว่าตัวเองจีบไม่ได้เลยอยากได้ทายาทอสูร
-
พี่เกียร์ไฟท์ติ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :a2:
น่ารักอีกแล้ววววววววววว
แต่เฮียเล่ย์อยู่ในใจเสมออออ :กอด1:
-
เราว่าเฮียแพท รู้สึกว่าถึงตัวเองจะรักพุไม่ได้ (เพราะครอบครัว สังคม แม่) แต่ก้ออยากให้พุอยู่ใกล้ๆ ตลอดไปอ่ะ :sad11: อีกอย่างเราเฮียแกเกลียดพี่เลย์ กับ เกียร์ ที่สุดอ่ะ :z1:
-
อ่าน เรื่องนี้มีความสุขมาก เรื่องแรก คนเขียน มา อัพบ่อย พอกดเข้ามาดูบ่อย แล้วก็อัพ บ่อย มันมีความสุขในการรรอคอย อันนี้เรื่องจริงไม่ได้
โม้ 55
ความหวังสำเร็จได้อ่านตอนหวาน ฉากสวีท ของเกียร์กับพุ แล้ว เกียร์ดูแลพุได้ดีจริง ๆๆ ด้วย พุก็รู้จักอ้อน เกียร์แล้ว
สุดท้ายสงสารแพท มาก ตัวเองรักเขาไม่กล้าบอก ต้องมีแฟนเป็นผู้หญิงรักกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ยังต้องมาเป็นพ่อสื่อให้เพื่อนสนิทตัวเอง
อีก ดูท่าเหมือนไม่เต็มใจ นอกจากไม่ได้บอกรักแล้ว ต่อไปคงไม่ได้รับความไว้ใจจากพุอีก พุเหมือนมีนิสัยเด็ก ๆ จากวันนั้นถึงวันนี้ยังเห็น
กลัวพี่ปลายอยู่เลย
รอฉากหวานกว่าอีก 5555
รักคนเขียนจังเลยนี่พูดจริง เดี๋ยวจะไปกด+ เป็ดให้กับเขาบ้าง
-
พี่น้องคู่นี้ หึงฉบับโหด!!!!! เหอะๆๆๆ
เป็นเราก็กลัว....เพราะอยู่ดีๆ เฉยๆ ก็มาบอกว่าชอบ.....
งง...มากมายอ่ะ
-
พี่เกียร์ กะ พุ จะหวานไปไหนนน อรั๊ยยยยย =/////= เขินมากกก ขี้อ้อนมากกก ชอบมากกกกกก
ดีใจที่พุแบบเรียกหาพี่เกียร์ด้่วย ที่สุดอ่ะ ♥
:o8:
-
อัพแล้ว อัพอีก คุณเรนโบว์โครตน่ารักกกกก :กอด1: นี้ถ้าไม่กลัวนอกใจพุจะจีบไปละน๊ะ
อิฐหาที่ตายจริงๆ ไม่ได้อยากให้เหวี่ยงใส่กันนะ แต่อิฐก็ใจร้อนเกินไป สมควรโดน
ไม่รู้ทำไมพอรู้จักว่าปองกะเกียรรู้จักกันก็เริ่มไม่ชอบ :z10:
-
^^
-
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[ไม่มีไรจะพูดรู้แต่ว่าชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :-[ :-[ :-[ :-[
-
ชอบตอนกุ๊กกิ๊กกันมาก แอร๊ยย :z1:
ส่วนตอนล่าสุดนี้ บอกได้คำเดียว เฮียแพทไม่น่าเลย พุคงหมดความไว้วางใจโดยสิ้น :เฮ้อ:
-
เหมือนฉันจะพลาดไปหลายตอนทีเดียว
เพราะไม่ได้กลับไปอ่านโพสเดิม
พุช่างอ้อนจริงๆ น่ารักอย่างนี้ใครก็รักก็หลง
-
พี่อิฐ ระรานไปนะ
สมควรโดนแบบสุดๆ หึหึ
แอบสะใจ พี่เกียร์เท่
บอกเลยว่า เราใจง่ายมาก !!
-
รักเรนโบว์ที่ซู๊ด!!!! :impress2:
จะลงแดงเพราะเรื่องนี้
พี่เกียร์ นายสุโค่ยมาก
พระเอกในดวงใจ
น่าจะบีบคอให้ตาย ไม่น่าปล่อยมือ 555
พุช่างโชคดีที่มีคนรุมรักเยี่ยงนี้
กดเป็ดอย่างเดียว บวกยังไม่ได้ติด 24 ชม. เดี๋ยวเข้ามาส่องใหม่
ปล.ขอกดบวกและเป็ดแด่ Grey Twilight ...ชื่นชม :L1:
ตอนนั้นก็คิด Ludwig มันแปลว่าบ้าคลั่งแต่เก็บกดให้เงียบในความถมึงทึงในหน้าตาอันเฉยชาไร้ซึ่งอารมณ์(ดี)
ยังว่าตอนอ่าน meet ครั้งแรกสุดนั่นฟีลไม่น่าใช่เล่ย์
คิดว่าเป็นเกียร์มากกว่า
ยิ่งตอนเกียร์ไปบ้านพุด้วย ตอนนั้นก็คิด เมิงไปไมวะ
แค่ไปหาพี่น่ะนะ แต่นั่นบ้านแฟนพี่นะเว้ย
จะรักจะหวงพี่ขนาดตามไปดูสภาพบ้านแฟนพี่เชียวหรือ
อยากอ่านต่อแล้ว
เกียร์ๆๆๆๆ ชูป้ายไฟ!!!
-
:L2:
ก่อนอื่นต้องสารภาพ ข้ามเรื่องนี้ไปจนพระเอกคนแรกตาย พุ รักกับคนใหม่ ถึงมาเปิดอ่าน
(ชื่อภาษาอังกฤษทำให้ ไม้กล้าเข้ามาดู) เอาวะ รักนี้เป็นรักที่เป็นไปได้
แต่พอลองคลิ้กเข้ามา อ่านแล้วจมกับหน้าจอ ไปไหนไม่ได้เลย
o13
สุดยอดกับการเขียน ละเมียดละไมกับภาษาในนิยาย ไม่มีคำผิดด้วย
สุดยอดกับการวางโครงเรื่อง
ชอบน้องพัน ขอเป็นFC ด้วยอีกคน :o8:
ขอบคุณที่มีนิยายน่าอ่านอีกเรื่องค่ะ
แล้วชอบทู้ของนักอ่านบางท่าน แสดงความคิดเห็นได้เจ๋งมากเลย
-
:-[
แรกๆ รู้สึกเฉยๆ กับเกียร์เพราะไม่ค่อยได้เห็นวีรกรรมอะไรที่ทำให้มั่นใจว่าจะปกป้องดูแลพุได้ดีเหมือนเล่ย์
แต่ตอนสุดท้ายทำให้รู้สึกถูกใจชอบเพิ่มขึ้นเยอะเลย :กอด1:
-
ปลื้ม~~พี่เกียร์จัง :m1:
-
แง้ แอบกลับมาอ่าน ก็ยังนึกไปถึงพี่เล่ย์อยุ่ดี เฮ้อออ ขอโทษนะคะที่ถาม แต่ไม่ต่อเรื่องอื่นบ้างเหรอคะ เรื่องนี้ต่อมจิ้นเราไม่ทำงาน อ่านแล้วไม่อินอ่า เหอะๆ
-
พี่แพทมีแฟนแล้ว... อืม แกก็น่าสงสารนะต้องคบหญิงกลบเกลื่อน แต่เรื่องชักพาพี่อิฐมาให้พุนี่ไม่ไหวนะ
แย่ ๆ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะแกไม่ชอบพี่เกียร์ เหมือนอยากแยกน้องออกมามากกว่า ไม่น่าจะใช่เพราะ
เกรงใจเพื่อนหรอก แล้วยังมามองน้องแบบนั้นอีกนะ แย่จัง ต่อไปพุคงไม่ไว้ใจแล้วแหละ
พุน่าสงสารนะ ผวาหลอนมาก ๆ ชอบที่พี่เกียร์มาหาน้องอย่างไว แบบปกป้องดูแลน้องได้ แล้วแบบหึงโหดไม่ธรรมดา
เจ๋งอ่ะ ชอบบบบบบบบ ใ้ห้มันรู้ซะมั่งแฟนใคร อย่ามาแตะต้องเชียวนะ กีสสสสสสๆๆๆ พี่เกียร์
ขอบคุณค่า ขออีกๆ
-
ชอบสองตอนหลังนี้มาก โดยเฉพาะตอนเกียร์หึงนี่ สุด ๆ อ่ะ
-
โอย! ใจละลายเลยพี่เกียร์เท่ห์มาก
-
แวะมาขอรีเควสตอนพิเศษของพี่เล่ย์พี่เกียร์ค่ะคุณเรนโบว์
อยากอ่านวีรกรรมสุดแสบแพคเกทคู่หูพี่น้องนรกเล่ย์เกียร์
ซึ่งตัวพี่ตัวน้องก้โหดแบบกินกันไม่ลงดีจริงๆ ในตอนสมัยมอปลายคงจะแสบแซ่บกันน่าดู
ยังไงโปรดรับไว้พิจารณาด้วยนะคะ *คุกเข่าอ้อนวอน*
ปล.หลังจากเพิ่งอ่านเรื่องโน้นจบ พอนึกถึงพี่เล่ย์ตอนนี้เรากลับนึกถึงจานข้าวและหลังมือเฮียแกมาก
จานข้าวประทับหน้า หลังมือคนในห้องน้ำกับเกย์สาวที่ด่าพุ เอิ่มมม โหดแสสสสสส
ละซึ่งพี่เกียร์ก้ไม่น้อยหน้ากันสักนิด
-
พี่เกียร์แมนมั๊กๆ :-[ :-[ :-[
-
พี่เกียร์เท่ห์มากๆเลยค่ะ
ตอนแรกที่อ่านเรื่องนี้ ยังแอบคิดเลยว่ามันจะเศร้าเหมือนชื่อเรื่องได้ยังไงเพราะพี่เล่ย์ออกจะรักน้องพุมากขนาดนั้น (ย้งไม่เห็นที่บอกว่าจะมีใครตาย)
แต่พอพี่เล่ย์ตายเท่านั้นแหละ ปล่อยโฮเลย เค้าเศร้ามากกก จนขอห่างเรื่องนี้ซักพักคงจะดีกว่า กลับมาอ่านอีกที พี่เกียร์เป็นพระเอกซะงั้น แต่เค้าปลื้มนะ^^
เอาเป็นว่า ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
-
รอตั้งแต่เมื่อวาน และคืนนี้
คืนนี้พี่เปิดมาดูห้ารอบ
ยังไม่มาอัพเลย กรีสสสส อยากอ่านต่อๆๆ
-
อยากบอกว่ารอทุกวัน เข้ามาดูวันละหลายรอบ ๆๆๆ มาต่อนะคะ
-
เข้ามาดูอีกที
คิดถึงพุจัง
-
แวะเข้ามาดูบ่อยมากกกกกกกกกกก
อยากอ่านต่อจังเลยค่ะ ขอตอนพิเศษก้ได้
ยังไงก้รอเสมอนะคะ >.<
-
ใจจะขาดแล้วอ่ะค่ะ มาต่อเถอะนะค่ะ
-
:z13: :z13: :z13: :z13: :z13:เค้าอยากอ่านต่อจังเลย :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
ปล. เข้ามาคอยทุกวันเลยเน้อ :-[ :-[ :-[ :-[
-
มาเปิดเผยตัว Ludwig หรอ :mc4:
-
:z3: :z3: :z3: นู๋อยากอ่านต่อๆๆ :serius2:
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด คุณเรนโบว์บอกเราทีค่ะว่ามันยังไม่จบตอนใช่มั้ย
ยังมีอีกใช่มั้ยคะ? และสรุปลุดวิกคือพี่เกียร์? แหงงงงงงงงงงงงงงเลย
อยากอ่านต่อจัง เรารอทุกวันเลย ชอบจริงๆเรื่องนี้จะตอนพิเศษตอนสั้นตอนยาว
เราได้หมด ขอแค่คุณเรนโบว์มาก้พอ บวกๆเป็นกำลังใจค่ะ
-
ลุดวิกคือพี่เกียร์ใช่มั้ย
รอคุณสายรุ้งมาต่อ ^^
-
นภสินธ์ คือ เกียร์
Ludwig น่าจะเป็น เล่ย์
-
คนเขียนอย่าพึ่งหลับสิ มาเป็นนกฮูกด้วยกันก่อน
พ่อลุดวิก พ่อค่าตัวแพง เมื่อไหร่จะเผยโฉมหน้าซะที
-
เค้าคือใครหนออ :m28:
-
นั่นสิอาจายร์ ใคร ???
-
กรี๊ดดด~
มาแล้วมาแล้วมาแล้ว..... แบบว่าคิดถึงสุดใจ คิดว่าไม่ว่าจะชื่อไหนก็เป็นพี่เกียร์ทั้งนั้นแหล่ะ ฮี่ๆๆ
-
ลุดวิก เกียร์หรือเล่ย์หว่านั่น :m28:
-
มาต่อแล้ว เดาว่าจะเป็นเกียร์ ทุกอย่างน่าจะบังเอิญหมดที่เกียร์อาจเคยเจอพุ เดา5555
-
ใจจะขาด ตกลงลุดวิกคือผู้ใด :z3:
-
เอ ใครคือลุดวิกหว่า
-
ลุควิกคือใคร :a5:
:L2:
-
มาต่อๆอยากรู้แล้ว
-
รอตอนต่อไปค่ะ
มันค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
-
ใคร ? :really2:
-
มาให้เค้าค้างตลอดดดดดดดดดดดดดด :z13: :z13: :z13: :z13:
-
:z3: :z3:
อยากอ่านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ต่อออออออออออออออออออออออออออออ :o12:
-
ลุ้นๆ แต่มันก็ค้างๆ
-
LUDWIG เค้ามาแย้ววววววววว ฮิี้วววววว!!!
ต่อๆๆๆๆ อยากอ่านๆๆๆๆๆๆๆๆ
บวกและเป็ดอย่างไว
ชูป้ายไฟอย่างสูง เกียร์ๆๆๆๆๆๆ
-
ลุควิดมาแล้วเค้าคือใคร พี่เล่ย์หรือพี่เกียร์นะ อยากรู้
อยากอ่านเรื่องพี่เกียร์กับพุอีกอ๊า หลังคบกัน
-
คุณ rainbow มาบอกให้อยากแล้วจากไป อยากรู้พัฒนาการทางความรัก ของ พุ เกียร์ อย่าเพิ่งรีบจบน๊ะค่ะ
-
เดาว่าลุดวิกคือ เกียร์ เพราะเกียร์ชอบคิดอะไรแปลกกว่าชาวบ้านอยู่หน่อยๆตั้งแต่เด็ก ยังจำได้ว่าฮามากตอนที่พี่เล่ย์เล่าว่าเกียร์หิ้วกระเป๋าออกจากบ้าน
-
มาปูเสื่อรอค่ะ อยากรู้ใจจะขาดลุดวิกคือใคร
และตอนนี้จะเป็นยังไงต่อ
-
นึกว่าคืนนี้จะไม่มาต่อซะแล้ว เปิดเผยจนได้ พี่เกียร์ ซินะ
งี๊ที่เคยเดาก็ผิดไปซิ :laugh:
ว่าแต่พี่เกียร์ ฮอทกว่า พี่เล่ย์ เยอะเหมือนกัน
-
ตบเข่าตัวเองฉาดใหญ่ นั่นไงฮาว่าล่ะ
พี่เกียร์คือลุดวิกจริงๆด้วย กรี๊ดดด ปลื้มอ่ะ
-
เกียร์จริงๆด้วยยย :mc4:
รู้สึกคิดถึงพี่ดาวฤกษ์อ่าาาา มีตอนพิเศษไรงี้บ้างปะค๊าาา :impress2:
-
เหมือนจะจบ แต่ยังไม่อยากให้จบอ่ะ
-
คุณ rainbow67 ลองเปิดโหวตหนุกๆ มั้ย อยากรู้สาวก พี่เล่ย์ หรือ พี่เกียร์ เยอะกว่ากัน
เอา choice เลือกไม่ได้ อีกข้อด้วยไหม หรือว่าให้ฟันธงกันไปเลย :laugh: :laugh: :laugh:
-
ชนะเพราะอันที่โหวตว่า ludwig แน่ๆเลยอ่ะ 555+
ขอทายว่า ดาวฤกษ์โหวตludwig ไม่งั้นก็ นภสินธุ์นี่แหละ โหวตตัวเอง :laugh:
-
อร๊ายยพี่เล่ย์ปรากฏตัวนิดนึง พอให้ชื่นใจ
คิดถึงพี่เล่ย์จัง...
สรุป ใครโหวตชื่อ Ludwig อ่ะ
-
และแล้วปริศนาลุดวิกก็คลี่คลาย คนใกล้ ๆ นี่เอง
อ่า...งั้นที่เจอกับพุก่อนก็เป็นพี่เกียร์
อยากรู้ต่อไปอีกว่าตอนนั้นพี่เกียร์ยังไม่คิดอะไรใช่ไหม
หรือคิด แต่ยังไม่ทันลงมือก็หลุดลอยไปเป็นของพี่เล่ย์ซะแล้ว
มีคำถามอยู่ล้านแปดในหัว ตอนเป็นนักเรียนยังไม่เคยต้องใช้สมองเท่านี้เลย ให้ตายเหอะ
-
เหมือนจะไม่แปลกใจเท่าไหร่แหะ 555 พี่เกียร์คืดลุดวิกจริงด้วย
ตอนอยู่โรงเรียนพี่เกียร์คงฮอตน่าดู นิสัยเฟรนด์ลี่ขนาดนั้น พร้อมกับความหน้าดีขนาดนี้
รางวัลKnight of the yearจะไปไหนรอด แต่ดาวฤกษ์ก้คงฮอตไม่แพ้นภสินธุ์หรอกน่า
ถ้าเฮียแกจะลดความโหด หน้านิ่งๆ หันมาแจกรอยยิ้มอย่างน้องชายบ้าง
เชื่อเลยว่าความฮอตของพี่น้องคู่นี้กินกันไม่ลงหรอกค่ะ
ปล.บวกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก1ค่า >.<
-
:z3: :z3: :z3:
-
อ่า ที่คิดไว้ก็ไม่ผิดที่ลุดวิกก็คือพี่เกียร์นี่เอง แต่เห็นชื่อดาวฤกษ์แล้วอาการปวดใจกำเริบ :monkeysad:
-
โอ๊ะ แล้วก้อเป็นพี่เกียร์จริงหราเนี้ยที่พุเคยเจออะ
-
ใครๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
รีบเฉลยด่วน
-
งั้น...คนที่โหวตให้ ludwig น่าจะเป็น พุ แหงม เพราะพุรู้จักแต่ LUDWIG
-
เย้!!!!! เกียร์จริงด้วย
เพื่อนก็รู้เนาะ
เล่ย์น่าจะทำมากกว่าเบิ๊ดหัวเพื่อน
เป็นตอนที่อ่านแล้วไม่มีเกียร์เลยสักตัว
แต่เรนโบว์สุดยอดมาก
สื่อถึงคนเดียวเลย
ชื่นชม
อยากอ่านต่อ
จะลงแดง อุอุ
กดบวกให้ เป็ดซ้ำรีพลายไม่ได้น้อ
-
พี่เกียร์นี่เอง แววหล่อมาตั้งแต่เด็กเลยนะนี่
-
ดีใจ ทายถูกว่าเป็นเกียร์ ฉะนั้นเกียร์น่าจะจำพุได้นะตอนที่ เล่ย์แบกมาที่ห้อง อยากอ่านในมุมเกียร์บ้างว่ารู้สึกอย่างไรจำพุได้หรือเปล่าแล้วรู้สึกอย่างไร
แต่พุมองจากสภาพความเอ๋อแล้วคงจำเกียร์ไม่ได้แน่นอน ฟันธง 5555
รออ่านตอนต่อไป รอทุกวันมีความสุข :L1:
-
ว้าว พี่เกียร์จริงๆด้วย
ฮอตแต่เด็กเลยนะตัวเอง
-
เหยยยยย
อยากให้โรงเรียนมีประกวดงี้มั่ง น่าสนุกจัง
^^
อยู่ๆก็ได้เป็นไนท์ ซะงั้นอ่ะ
ชื่อพี่เกียร์ ช่ะ?
คริคริ
-
อยากให้จบแบบ happy เกียร์-พุ อย่าหักมุม หรือมีใครจากไปอีกเลย
-
มาเร็วๆ ฉันรอเธออยู่น๊า!!!!!
อยากอ่านต่อแว๊ว!!! ค้าง.............
-
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[พี่เกียร์ได้ใช่ป่ะ :L2: :L2: :L2: :L2:
-
แหม่... ความหล่อมันขนาดนั้น!!!!
-
พี่เกียร์ ^^
-
เป็นพี่เกียร์นี่เองน้อ แกก็ฮอตไม่ธรรมดาเนอะ ก็แหมคนมันเฟรนด์ลี่แสนดีซะขนาดนั้น
พี่เล่ย์ก็ฮอตพอดู แต่พี่แกเข้มไง ดาวฤกษ์ คิดถึงเบย
ขอบคุณค่ะ
-
:-[ พี่เกียร์ มาแรงแซงโค้งจริงๆ o18
มาแรงอย่างนี้อย่าแหกโค้งให้คนอ่านเสียน้ำตาอีกนะคะ :call:
-
พี่เล่ย์แกแน่จริงๆ แต่ยิ่งคิดถึงเข้าไปอีก ฮือออ :monkeysad:
แต่พี่เกียร์ฮอทเว่อร์เลย หน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง :o8:
-
อย่างโหดอะนะพี่เลย์อิอิ คิดถึงพี่เลย์
-
เขียนถึงที ก็คิดถึงที :sad11:
อย่างโหดดดอ่ะ พี่เกียร์ติดนิสัยโหดแบบพี่เล่ย์มาด้วย ใช่ป่ะ
-
พี่น้องคู่นี้สามารถตายแทนกันได้เลย พี่เล่ย์ปกป้องน้องตลอด
-
อยากจะตบเข่าฉาดให้ดังๆแล้วตะโกน กูว่าแล้วเลย ฮ่าๆ
พี่เล่ย์โหดแสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
พ่อพระเอกที่ความโหดแม่งไม่ใช่พระเอกเลยยยยยย
อ่านละโคตรชอบอะ พี่เล่ย์แม่งต้องถือคติน้องกูอย่าแตะแน่นอน
เท่ห์ชิบหายยยยยย รู้ละว่าทำไมพวกโอมกลัว 555555555555
ขอบคุณคุณเรนโบว์มากๆเลยค่า
หลุดเวลาบวกแล้วจะเข้ามาบวกให้นะคะ
ปล.คิดถึงพี่เล่ย์สุดๆตอนนี้ พี่เกียร์มีพี่ชายที่ดีสุดในโลกมากอะ
ยิ่งเห็นความรักพี่เล่ย์ที่มีให้น้องมากเท่าไหร่ ใจเรายิ่งรักพี่เกียร์ตามพี่เล่ย์ทันที
#เรานี่โคตรเว่อออออออออออออออออออร์เลย >.<
-
พี่ชาย พี่เท่จริง ๆ ฉันรักพี่นะ
พี่น้องคู่นี้สุดยอด ยิ่งเห็นการแสดงความรักของพี่เล่ย์ที่มีต่อพี่เกียร์
ยิ่งเข้าใจ(ไปเอง)ว่าเรื่องพุนั้น คนที่ต้องเก็บความรักไว้ในใจคือพี่เกียร์
-
พี่เกียร์ได้ใจเพราะชอบช่วยเหลือคนเหรอ ส่วนพี่เล่ย์โหดคงเส้นคงวามากอ่ะ
-
เฮียเล่ย์เท่ห์สาดดด
-
:z3: :z3: :z3: :z3: :z3: คิดถึงพี่เลย์
-
อ่ะนะ
อ่านแล้วยิ่งคิดถึงพี่เล่ย์ TT^TT แมนโคตรๆ
-
คิดถึงเฮียเล่ย์เลย :m15:
-
พี่เล่ย์เป็นพี่ที่ยอดเยี่ยมมากๆ
บุกเดี่ยวเลย
-
แอร๊ยยย สองพี่น้องโครตตำนานนน
-
สองพี่น้องรักกันมาก
ไม่อยากจะคิดว่ากว่าเกียร์จะผ่านคืนวันที่ไม่มีพี่จะเป็นอย่างไร
เฮ้อ.. คิดถึงพี่เล่ย์
-
คิดถึงเล่ย์อ่ะ ทำใจไม่ได้สักที
พยายามกัดปาก ไม่อยากน้ำตาไหลอีกแว้ววววว :m15:
-
อ่อยยยยย
เฮียเล่ย์เท่ มากกกกกกก
กรี๊ดดดดดด
-
ไม่อยากจะรีพลาย เดี๋ยวหน้ามันจะวิ่งเร็ว
แต่ต้องมาให้กำลังใจคนแต่ง จะได้มาอัพบ่อยๆ
คิดถึงพุเหมือนกันน้า
-
^^
-
:serius2: ฮ่วยยยยยยยยยยยยยยยย ค้างงค่ะ
-
รักดาวฤกษ์จังวะ
-
สมชื่อเฮียเล่ย์จริงๆ :3123:
-
สรุป...เฮียเล่ น่ากลัวสุดค้าบ
-
เป็นพี่น้องที่รักกันดี
-
เฮียเล่ห์ โคตรเจ๋งอ่ะ ชอบๆๆๆ
-
:z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
-
ชอบเชียร์ให้พุโดนกินบ่อยๆ แม่ยกชอบค่ะ
-
ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึงพีเล่ย์ และก็รู้สึกดีทุกครั้งที่พี่เกียร์กับพุเองก็ยังมีพี่เล่ย์อยู่ในใจเสมอ...
-
อ๊ากกกกกกกกกกกกกก
สั้นค่ะ
เปลี่ยนชื่อเรื่อง คงจะไม่ดราม่ามากมายนัก
เริ่มจะเห็นความหวานคู่นภสินธุ์กับพุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
-
:o8:พุโดนกินอีกแล้วววว :-[
-
ถึงเปลี่ยนชื่อเรื่องก็ตามอ่านจนเจอนะจ๊ะ
-
พุโดนกินอีกตามเคย ท่าทางพี่เกียร์จะชอบกินยิ่งกว่าข้าวแล้วล่ะ :z1:
ดีใจที่พุไม่เศร้าแล้วเนอะ พี่เกียร์ด้วย พี่เล่ย์คงหมดห่วงซักที :กอด1:
-
เข้าหน้าบอร์ดแล้วแทบผงะ เห้ยยยยย หายไปไหน? ฮ่าๆ แต่มองดีๆก็เห็นว่าคุณเรนโบว์เปลี่ยนชื่อเรื่องนี่เอง
ตอนต่อๆไปจะเป็นเรื่องราวของพี่เกียร์กับพุใช่มั้ยคะ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีค่ะ เราอยากอ่าน
ส่วนอันบีลีฟก่อนหน้าเราจะเก็บไว้ในใจ รักที่สุดแล้วถึงตอนนี้จะเป็นแค่ความทรงจำ
แต่มันจะไม่มีวันหายไปไหน เหมือนพี่เล่ย์จะอยู่ในใจเราเสมอ ไม่มีวันลืมแน่นอน
บอกตรงๆว่านิยายของคุณเรนโบว์ทำให้เราต้องตั้งสติและลดความยึดติดลงเลยค่ะ
ถึงจะเคยบอกตัวเองมาตลอดว่าไม่มีอะไรแน่นอนแต่ก็ต้องยอมรับว่าบางครั้งมันทำได้ยากเหลือเกิน
พี่เล่ย์เป็นพระเอกที่เรารักทั้งความคิดและการกระทำ เหมือนฮีโร่ที่เรายึดไว้เป็นที่สุด
ตอนที่คิดว่าจะมีใครที่มาดูแลพุและเป็นอีกคนที่พุรักตอนนั้นไม่ว่าจะเป็นพี่เกียร์หรือเฮียแพท
ใจเราไม่เอาเลยสักคน เหมือนไม่อยากให้ใครมาซ้ำรอย เราไม่ได้ไม่ชอบพี่เกียร์ ไม่ได้เกลียดเฮียแพท
แต่เราแค่รักพี่เล่ย์มากจนไม่อยากให้คนอื่นมายืนในที่ที่เราล็อคไว้ให้ ข้างๆพุในใจพุและในใจเรา
แต่ต้องนับถือคุณเรนโบว์จริงๆนะคะ ที่วางเรื่องพี่เกียร์สื่อผ่านทางพี่เล่ย์จนเราค่อยๆยอมรับได้
เราอ่านเรื่องนี้ซ้ำไปมาเป็นสิบๆรอบ ทั้งเวลาที่คิดถึงพี่เล่ย์และทำใจไม่ได้จนสังเกตได้ทุกครั้งเลย
ว่าพี่เล่ย์รักพี่เกียร์มากแค่ไหน จุดนั้นมันทำให้เรามองพี่เกียร์ใหม่ ปรับความคิดตัวเองใหม่
และจากตอนพิเศษหลายๆตอนที่สื่อถึงความสัมพันธ์พี่น้องคู่นี้ มันทำให้เรารู้สึกยอมรับและรักพี่เกียร์มากขึ้น
เหมือนเพราะพี่เล่ย์รักเราก็เลยรัก ยอมให้พี่เกียร์กลายๆยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูก แต่แค่พี่เกียร์เท่านั้น
พูดไปอาจฟังดูเว่อร์แต่เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ ตอนนี้เลยรับได้แบบเต็มๆกับการที่พุคบกับพี่เกียร์
และเพราะสองคนนี้คือความสุขของพี่เล่ย์ เราจึงยอมแบบไม่มีเงื่อนไข ดังนั้น
พุ...ก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความสุขเถอะนะ พี่เกียร์ก็เหมือนกัน...ขอให้มีความสุข
พี่เล่ย์คงเฝ้ามองอยู่ที่ไกลๆและคงหวังไม่ต่างจากเราว่าขอให้ทั้งคู่...มีความสุข
ปล.ขอเม้นยาวๆทิ้งท้ายอันบีลีฟและดาวฤกษ์ที่อยู่บนท้องฟ้าและในใจเรานะคะ
พร้อมกับเตรียมรอพบความรักบทใหม่น้ำพุกับพี่เกียร์ค่ะ
-
กิ๊ซซซซซซซซซซซซซซซซซซ ไม่รู้จะพูดยังไงมันท่วมท้นนนนนนนน
-
คุณ Ball
คุณพูดแทนใจเราทุกคำเลยค่ะ :L2:
ขอบคุณคุณเรนโบว์ที่มาต่อนะคะ :กอด1:
-
พุหนีไม่ทันพี่เกียร์หรอกน๊า อิอิ
-
เหยยยยยย
กรี๊ดมาก นี่บอกเลยยยยย
>,,<
เขินพี่เกียร์อ่ะ!!!
แง๊!!
-
เจ้าเล่ห์พอกันเลย
-
:-[
อยากอ่านอีกเยอะๆๆนะคุณเรนโบว์
-
น่ารักกันมากเลย หวานมากด้วย พี่เกียร์ดูเอ็นดูน้ำพุมาก รักและเอ็นดู
ส่วนพี่เล่ย์ก็เป็นความทรงจำดี ๆ เนอะ
พุจ๋า คิดว่าจะหนีรอดเร้อ พี่เกียร์แกเจ้าเล่ห์ตลอด
ขอบคุณค่า รออ่านอีกนะคะ
เปลี่ยนชื่อแล้วคงได้อ่านเรื่องของพุกับพี่เกียร์มากขึ้น (รึป่าวน้อ)
-
:o8: :o8: :o8: :o8:เฮียเลย์อย่างเท่อะ :-[ :-[ :-[ :-[
-
ชอบชื่อเรื่องใหม่มาก :L2:
อ่านแล้วมันยิ้มอ้ะมันหุบไม่ได้ :z3:
-
ซึ้งกับเพลงที่เป็นแรงบันดาลใจของเรื่องที่คุณเรนโบว์เอามาแปะมาก ๆ ค่ะ มันใช่อ่ะมันใช่ กีสสสสสสสส
พร่ำเพ้อละเมอครวญ ยกป้ายไฟ เกียร์น้ำพุ
ชอบชื่อเรื่องใหม่มาก ๆ ด้วยค่ะ
-
เข้ามาบอกคุณเรนโบว์เพลงที่เป็นอินสไปเรชั่นนั่นนะ
อะไรมันจะตรงเผงเป๊ะๆกับพี่เกียร์ขนาดนั้น
เราไปฟังแล้วขนลุกเลย แบบว่าโดนได้อีก ฮ่าๆ
เชื่อว่าเริ่มตอนหน้าเมื่อไหร่ สงสัยต้องหาที่ฉีดมดมาถือรอไว้
คาดว่ามดเต็มจอแน่นอน ไม่ก็เอาขวดฉีดมาวางไว้ใกล้ๆมือพุ
เผื่อฉุกเฉินจะได้เอาไว้ฟาดผีทะเล?ที่เจ้าเล่ห์เหลือเกินได้ทัน
จะได้ไม่โดนกินบ่อยๆ ฮ่าๆ อย่างน้อยสู้ด้วยกำลังไม่ได้เราก็มีอาวุธนะจ๊ะ หึหึ
-
เพลงเข้ากับเรื่องพี่เกียร์เป๊ะเลย
อิจฉาพุ มีผู้ชายแสนดี แสนเท่ มารัก มาดูแลตั้งสองคน
-
น่ารักกันจัง อิจฉาพุ มีคนดีๆเข้ามาในชีวิตอย่างนี้
-
เพิ่งกลับมา เพิ่งเห็นว่าเปลี่ยนชื่อเรื่องด้วย ตามต่อๆ รอความรักของเกียร์กับพุ เล่ย์ยังเป็นพระเอกในดวงใจเสมอ
-
ครอบครัวนี้น่ารัก ยังชอบแกล้งเหมือนเดิม
อ่านแล้วคิดถึงตอนเล่ห์พาพุมาเปิดตัว
-
(-///-) น่ารักอ่ะ :กอด1:
-
5555555 น่ารักอ่าาา เอาอีกๆๆๆๆ
-
หึหึหึ...
น้องพุพาลพี่เกียร์ที่ตัวเองตัวเล็กอ่ะดิ 5555
-
Genre: Romance
กีสสสสสสสสสสสส หวานกันซะให้พอ
คนบ้านนี้น่ารัก ชอบแกล้งพุกันจริง ๆ เลย แต่พุก็น่าแกล้งนะ กอดกันแน่นแบบสุด ๆ 555
พุฮา่อ่ะ ชมแฟนตัวเองมาเป็นฉากนะ และแอบอิจฉาความเพอร์เฟคของแฟนเบา ๆ
พี่เกียร์งงเลย แฟนชั้นเป็นอะไรเนี่ย น่ารักจัง
ขอบคุณค่ะ
-
มาช่วยซึมซับความหวาน กำจัดมดของคู่นี้
รอมาต่อเรื่อยๆนะคะ
-
พอเปลี่ยนชื่อใหม่ แนวก็เปลี่ยนใหม่ มาเป็นโรแมนซ์หวานแหวว น่ารักมากฮ่าา :o8:
กอดๆคนเขียน จากนี้คงไม่ต้องเสียน้ำตาไปกับพุแล้วเนอะ :กอด1:
เอาอีกๆ หวานๆน่ารักๆแบบนี้เค้าชอบ :impress2:
-
บ้านนี้เค้าน่ารักกันจริงๆ :m3: :m3:
-
ยิ้มให้กับความรักครั้งใหม่ของน้องพุ พี่เกียร์คงเป็นคนเดียวมั้งที่เราจะยอมรับ
แปลกจริงๆนะ ทำไมเราอ่านๆไปแล้วยังไม่สามารถวางพี่เล่ย์ไว้ ณ จุดที่ต้องวางไม่ได้
ไม่ใช่ว่าไม่ชอบพี่เกียร์นะ เรารู้สึกยินดีมากที่เป็นพี่เกียร์มาทำให้พุยิ้มได้
แต่ยอมรับว่าแค่ยินดี แต่ไม่ได้ดีใจ ต่อไป เราหวังว่าตัวเองจะเปิดใจให้พี่เกียร์เหมือนที่พุเปิดใจให้เช่นกัน
-
น้ำพุน่าร้ากกกกก ตัวเล็กก็อย่าน้อยใจไปน้า มีแต่คนอยากกอด น่าเอ็นดูเห็นม่ะ อิอิ
-
อิงเอ้ยยย ตัวสูงมาก อยุ่เรื่องนู้นจินตนาการว่าอิงตัวกะเปี๊ยก อิงไปกอดพี่บูมไป พี่พุนั่นของเกียร์เขา :laugh:
-
อันที่จริงพุลืมคุณสมบัติอีกข้อไป คือมีแฟนดีด้วย ฮะฮะฮะ นี่แหละเพอร์เฟคต์
-
ฮาพุอะ ฮ่าๆ น่าสงสารเกิดมารอบข้างมีแต่คนตัวใหญ่และหน้าตาดี
พี่เกียร์คงจะงงอย่างแรงเจอพุเหวี่ยงใส่ด้วยความอิจฉาแบบไม่รู้ตัว :laugh:
-
รักกัน รักกันนะ :กอด1: :กอด1:
อย่ามีน้ำตาอีกเลย
-
สารภาพเลย ห่างหายจากการอ่านเรื่องนี้ไปนานพอสมควร โดยเฉพาะตอนพี่เล่ห์ตาย มันดราม่าจนไม่กล้ากดเข้ามาอ่านจริงๆ
แต่พอรู้ว่าพี่เกียร์เป็นพระเอกเราก็กลับมาอ่านใหม่ เพราะเรารักพี่เกียร์ :laugh:
-
ดีใจกับพุ เกียร์ perfect ครอบครัวก็น่ารัก ฟ้าหลังฝนสดใสมาก ปล.เพลงเข้ากับเกียร์มาก
-
พุไม่รู้ตัวว่าตัวเองน่าอิจฉาที่สุดได้เป็นแฟนคนที่โคตรเพอร์เฟ็คคนนั้น
-
แอบคิดถึงพี่เล่ย์ตลอด 555 สารภาพว่าภาคก่อนชอบพี่เล่ย์มากกว่าพุอะ เท่ดี 555 พอพี่เล่ย์ไปเลยพาลหมดแรงบันดาลใจในการอ่านเลย เหอๆ
-
โอ๊ยยยย น่าร๊ากกกกกกกก เอาอีกๆๆๆๆๆ
-
เป็นบ้านที่น่ารักมากจริงๆ
ชอบทุกคนที่ทำให้พุยิ้มได้
ทุกตัวละคร ทำให้เราอินมากจริงๆ ฮืออออ ชอบเรื่องนี้!!
-
น่ารักจริง ^^
-
พุแม่งน่าแกล้งจริงจังอะ แต่พี่เกียร์ก็กวนจริงๆละ
หยอกพุในเรื่องทะลึ่งแบบนี้บอกตรงๆทำให้คิดถึงพี่เล่ย์มากอะ
แต่ไม่แปลกใจหรอก นิสัยทะลึ่งพี่กับน้องคู่นี้คงไม่ต่างกันหรอก :z1:
ปล.เรื่องน้ำหนักไม่ว่าหญิงหรือชายมันไม่ใช่เรื่องตลกนะพี่เกียร์ :laugh:
-
น่ารักกันจริงง ง
-
น่ารักจัง ขอคั่นความหวานขอทราบชะตากรรมเฮียแพทหน่อยคะพี่แกเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้างอย่าบอกแต่งงานมีลูกไปแล้ว รอตอนต่อไปคะ คนเขียนสุ้ๆ
-
“จะอ้วนได้ไง พี่พาออกกำลังกายทุกคืน” ประโยคนี้แสดงความหื่นของพี่เกียร์ได้ชัดเจนมากกกก
แต่ตอนนี้พี่เกียร์หุ่นเฟิร์มกว่าแสดงว่าพี่เกียร์ออกแรงมากกว่าสินะ หุหุหุ
พุคงต้องเป็นฝ่ายออกแรงบ้างแล้วล่ะ จะได้ลดไวๆ พี่เกียร์ก็ได้กำไร 5555555
-
:o8: :o8: :o8: :o8: :o8:พี่เกียร์น่ารักมากอะพุก้น่ารัก :o8: :o8: :o8:
-
น่ารัก :-[
-
น่ารักจริงๆ :กอด1:
-
พี่เกียร์น่ารักจัง
:กอด1:
-
เค้าอยากอยู่ดูตอนพี่เกียร์พาพุออกกำลังจัง หุหุหุ
>//,.//<
-
น่ารักอ่า ชอบมากกกกกกก
-
น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
-
น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :m3:
คิดถึงเฮียเล่ย์ จุ๊บุๆๆ :จุ๊บๆ:
-
บวก1ให้คุณเรนโบว์ก่อนเลย น่ารักมาก! ฮ่าๆ
พุกับพี่เกียร์ก้น่ารักมากอะ น่ารักแบบไม่ไหวแล้วววววววว
พี่เกียร์นี่โจ่งแจ้งไม่แคร์สื่อมาก แต่ดีแล้วค่ะคนอ่านชอบ
อ่านแล้วหยุดยิ้มไม่ได้เลย เขินนนนนนนน >////<
-
พี่เกียร์น้องพุจึบกันน่ารักเว่อออออออ อิจฉาจริ๊งงงงงงง อยากมีหนุ่มมาขุนให้อ้วนบ้างจัง
พี่เกียร์ไม่ได้ขุนพุไปขายขึ้นเขียงหรอก ขุนขึ้นเตียงมากกว่า 5555555
-
อ๊าคคคคคคคคคค ไม่ไหวแล้ว น่ารักๆๆๆๆๆๆๆ คุณเรนโบว์มันน้อยเกินไป จะอ่านอีกๆๆๆ :-[
-
มานั่งจีบกันซะน่ารักเชียว หุหุหุ :-[
-
หึหึหึ ที่มาของน้ำหนักพุ :pigha2:
-
เหมือนแอบดูคู่รักเขาสวีทกันเลย คิคิ
-
บิดตัวม้วนเป็นเกลียวสามตลบ น่ารักกันมากกกกกกก พี่เกียร์อ้อนแฟนสุด ๆ
พุก็เขินบ้างเหอะพี่เกีียร์เอ๊ย สรุปพี่เกียร์จะขุนน้องจริงใช่มะ 555
:pig4:
-
:-[ น่ารักอ่ะ
-
เป็นแฟนพี่เกียร์ 2 อาทิตย์กว่าๆ น้ำหนัก = 3 โล.. โหพุ สงสัยได้หนักหลักร้อยเลยละมั้ง นอกจากจะระวังเรื่องมะเร็งปอดของพี่เกียร์ แล้วก็ไขมันอุดตันของพุแล้ว สองคนนี้ต้องระวังเบาหวานด้วยนะ หวานเกิน คนอ่านอิจฉา อินจนอยากมีแฟน :m31:
-
น้องพุกับพี่เกียร์ :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
-
น่ารักอ้ะ ไำม่รู้จะพูดคำไหนแล้วววววววววววว :กอด1:
-
น่าร๊ากกกก น่ารักที่สวดดดดดดด :m3: :m3: :m3: :m3:
-
ขอบคุณน้องสายรุ้ง :กอด1:
..คืนนี้คงหลับด้วยรอยยิ้ม
อ่านตอนนี้ก็ยิ้มปากแทบถึงหูแระ หวานชื่นใจ :-[
-
:3123:
ยอมรับว่า ตั้งแต่อ่านไปเจอวอนนิ้งของ คุนเรนที่ประกาศไว้ ในใจก็เดาออกเลยว่าพระเอกมันต้องตาย
และก็ตายจริงๆด้วย เลยsad และนอยด์แดกไปนานคือเว้นช่วงที่ ฮัลเล่ย์จากไป
แล้วหลังจากนั้นจริงเเอบมาดูตอนล่าสุด เห็นมีแต่พี่เกียร์กับน้องพุ เลยเกิดสงสัยอ้าวไปรักกันตอนไหนหว่า
สุดท้ายก็ห้ามความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองไม่ได้ (มนุษย์มันก็เป็นอย่างนี้แหละ 55+)
เลยตัดสินใจอ่านแมงตั้งแต่หน้าที่ยังไม่ได้อ่านจนถึงตอนล่าสุด
เรียกน้ำตาได้ทันที :o12: แต่คุณเรนจะห้ามว่าอย่าอินแต่คนอ่านมันอินไปกับตัวละครที่คุณสร้างมาแล้วละนะ
ถึงมันจะเป็นเรื่องแต่ง ก็ตามเหอะ -*-
เอาเป็นว่าจากนี้ขออย่าให้มีใครจากไปอีกละกัน แอบหมั่นไส้เฮียแพท เบา
และสงสัยว่าเพื่อนๆพุหายไปไหนกันหมด -*- :z10:
ปล.จะพอมีใครช่วยบอกได้บ้างว่า น้องอิงที่มากอดพุตตอนก่อนหน้านี้เป็นใครหรอบอกผมทีดิ :really2:
-
น้องพุ พอพี่เกียร์พูดเขินแทนเลย
-
:เฮ้อ: เค้าคิดถึงเฮียยยยยยย
-
เกียร์+พุ น่าร้ากกกก หุบยิ้มไม่ได้เลย
พี่เกียร์ขยันอ้อนเหลือเกิน ชอบๆ
อยากป้อนมั่งอ่ะ ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวโดน fc :z6:
-
หวานกันเว่อจริงๆๆๆๆ อิจฉาๆๆๆๆ :-[ :-[ :-[
ปล.เห็นมีคนอยากรู้ว่าน้องอิงเป็นใคร แนะนำให้ไปอ่านอีกเรื่องของคุณเรนโบว์นะคะ หนุกไม่แพ้กันเลย อิอิ
-
น่ารัด เอ๊ย น่ารักทั้งคู่เลย งี้ดดด :-[
จีบกันหวานแหวว คงเพราะพี่เกียร์ตัวสูงใหญ่ เวลากอดพุที่ตัวเล็กๆแล้วมันไม่เต็มไม้เต็มมือมั้ง พี่แกก็เลยขุนพุไง :laugh:
กินๆเข้าไปเถอะพุ ตัวอวบๆเล็กๆน่ารักดี เค้าก็ชอบ แต่จะลดนี่ยากจริงๆ ตอนนี้ก็หนักใจตัวเองอยู่ เริ่มอืดแล้วอะ :เฮ้อ:
-
น่ารักมากๆ เกียร์ ดูแลพุอย่างดีเลย รออ่านตอนต่อไปคะ
-
น่ารัก :กอด1:
-
+1 ก่อนเลย
พี่เกียร์เท่ มาก มากๆๆๆ
><
เป็นพุนี่เขินวันละ สิบแปดรอบอ่ะ
ขอหวานๆอีกกกก
(ห้ะะะ นี่ยังหวานไม่พอเราะะะะ)
-
พี่เกียร์เจ้าเล่ห์ แบบนี้พุแพ้ตลอด
-
เวลาช่วยรักษาใจจริง ๆ เรายังคงไม่ลืมพี่เล่ย์ แต่ก็ดีใจกับทั้งพุและพี่เกียร์ที่มีความสุข
เราว่าเราอินเกินไปแล้ว ขอบคุณผู้แต่งเรื่องนี้มั่ก ๆ สุดยอดจ้าาาาา...........
-
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[พี่เกรีย์ช่างออ้นอะเขินแทนพุ :-[ :-[ :-[ :-[
-
:-[ อ่านไปยิ้มไป
-
พี่เกียร์ขี้อ้อนอ่ะ
จีบกันน่าร๊ากกกก
-
เค้าคิดถึงพี่เลย์ :m17:
-
น่ารักจริงนะพ่เกียร์............
-
โอ้ พี่เกียร์เปิดเผยมาก 555 สงสัยพี่เกียร์ขุนพุให้อ้วนจะได้กอดเต็มไม้เต็มมือป่ะ
-
เกียร์น่ารักจริงๆว่ะ :กอด1:
คิดถึงฮัลเลย์เหมือนกันนะเนี่ย
-
อร๊ายยยยยยย พี่เกียร์น่ารักเวอร์อ่า o18 เราดีใจมากมายในที่สุดเราก็อ่านตามเรื่องนี้ทันสักทีTT^TT ความจริงตอนแรกบอก
ตรงๆเลยเราค่อนข้างสนใจเกียร์มากกว่าเล่ย์อะ แต่ก็เศร้าเหมือนกันตอนพี่เล่ย์จากไปTT^TT เห็นพุร้องไห้แล้วทนไม่ไหว :o12:
-
เราว่าประโยค
" พี่สัญญา ให้ตายพี่ก็ไม่ทิ้ง"
มันบาดใจเรากว่านะ แล้วก็ตรงกับที่พุพร่ำบอกว่าพี่เลย์ผิดสัญญาด้วย
//แสดงความคิดเห็นเฉย ๆ เนะ ไม่ได้ว่าไรเนะ
//เค้าคิดถึงพี่เลย์ :monkeysad:
-
พี่เกียร์น่ารักมากๆ ค่ะ ดูแลน้องพุได้ดีจนบวมมาตั้งสองสามโลเชียวนะ แต่ก็นะ ยังไงก็ยังคิดถึงพี่เล่ย์อยู่ดี
รักพี่เล่ย์ รักน้องพุ รักพี่เกียร์ ที่สำคัญ รักคนเขียนนะเออ ^^
-
น่ารัก!!!
-
อยากอ่านต่อออออ
>,,<
-
พุเอ๊ยย...เค้าไม่ชวนเราก็ชวนเค้ามาอยู่กะเราซะซี่ :z2:
-
โถ โถ โถ น้ำพุเอ๋ย.....
หนูอย่าคิดมากเลยลูก พี่เกียร์ออกจะสม่ำเสมอกับหนูขนาดนี้ ไม่มีทางบอกเลิกหนูหรอกจ้าา~
แต่ถ้ามีวันนั้นจริงๆ ล่ะก็ พี่จะช่วยเผาพริกเผาเกลือแช่งเอง ^^
-
มีฝากยามดูแลด้วยยยย
55555
น่ารักจังเลยยยยย
-
ลูกชายบ้านนั้นแม่ให้กินข้าวกับอะไรทำไมโคตรเท่โคตรแมนเลย
พุจ๋า พึ่งเป็นแฟนได้สองอาทิตย์อยากให้เขาชวนไปอยู่ด้วยแล้วเหรอ กิ๊วๆๆ
-
พี่เกียร์ขยันหยอดพุจริง ๆ เลย ^^
-
นั่นจิน้องพุ
ถ้าจะให้ดีก็ย้ายๆไปเลย พี่เค้าจะได้ไม่ต้องเทียวมาเทียวไปแบบนี้อีกเนอะ หุหุ :z1:
-
ติดสินบนยามนะพี่เกียร์ ๕๕๕๕๕๕๕๕
-
พุอย่าคิดมาก พี่เกียร์คงคิดว่ารอให้พุพร้อมแล้วค่อยไปอยู่ด้วยกัน รอตอนต่อไปคะ
-
ฮาพุอะ พวกสับสนในตัวเอง ฮ่าๆ แต่เชื่อเถอะอีกไม่นานเดี๋ยวก็ได้ย้าย
ตอนนี้พี่เกียร์เขาคงคิดว่าพุอาจจะยังไม่พร้อมอยู่ รอเวลาอีกนิด เดาว่าไม่น่าจะนาน
-
ตลกพุอะ คิดเองเออเองอะไรเสร็จสรรพ :laugh:
เอาน่ะ ก็ดูๆกันไปก่อน กว่าจะเป็นแฟนกันได้ก็ผ่านมาหลายเรื่อง ใช้เวลาช่วงนี้อย่างมีความสุขดีกว่านะ :กอด1:
คือจะบอกว่าไม่ต้องคิดอะไรตามสไตล์พุนั่นแหละ พอพุคิดได้เดี๋ยวมันจะยุ่ง :m20:
-
น่าเห็นใจพุนะ พี่เกียร์ไม่ชวน พุก็ชวนเองเลย
-
น้องน้ำพุคิดไม่ตกละสิ :o8:
-
:กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:น้องพุอย่าคิดมากจ้า :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :L2: :L2: :L2:
-
มนุษย์เรา ไม่มีความพอดีจริงๆ -_-! ถ้าเค้าชวนก็คงว่าเค้าเร่งรัด พอเค้าไม่ชวนก็คิดว่าเขาจะบอกเลิก
ลงท้ายได้โดนมากกกกกกกกกกก!! :m4:
+1ให้น้องสายรุ้ง หวานแถมสะกิดให้คิดได้อีก o13
-
คิดเอง...เออเอง...ตอบโจทย์เอง
เออดีจริง พุเอ๊ย!!!
-
เกียร์ๆๆๆๆๆๆ
นายมันสุโค่ย!!!
พุช่างโชคดี
กดบวกให้ malula ลูกชายบ้านนี้กินอะไร
กับ indy!zaka เห็นด้วยว่าควรย้ายมาอยู่ด้วยกัน 555
ที่กว่านั้นคือบวกและเป็ดแด่ rainbow67
ขอบคุณ...ได้อ่านทุกตัวอักษรทำให้มีความสุขได้จริงๆ
-
หุหุ จริงอย่างที่พุคิดอะแระ อิอิ
-
ใจพี่เกียร์อยากให้พุย้ายไปอยู่ด้วยเร็วๆ อยู่แล้ว (เช้าถึงเย็นถึงขนาดนั้น) รอแต่พุอ่ะ พร้อมเมื่อไหร่ตัวเอง :o8:
-
โอ๊ยยยย พี่เกียร์จะเป็นแฟนที่น่ารักเกินไปแล้วนะ มารับมาส่งถึงหอทุกวัน ตีซี้ยามไว้เป็นสายส่วนตัวอีกต่างหาก มีโทรกุ๊ดไนท์กันทุกคืน หวานจนคนโสดอิจฉาตาร้อนจริงจริ๊งงงงง
-
พี่เกียร์เค้าฝากพุไว้กับยามแล้ว ที่แกไม่ชวนพุไปอยู่ด้วยเพราะเดี๋ยวพี่เกียร์หนีไปตะลึงตึงๆ ไม่ได้ :laugh:
-
หลังจากกล้าๆกลัวๆ หลบไปทำใจกับ warning สีแดงตัวเป้ง
กลับมาอ่านต่อแล้ว ปรากฎว่าพี่เล่ย์สุดเท่ของเรา :m15: น้ำตาไหลพรากๆ
ยิ่งตอนพุคิดถึงพี่เล่ย์นะ น้ำตาติ๋งๆเลย สะเทือนใจมาก
มันเหมือนเรารู้จักเขาจริงๆ รับรู้ถึงความรู้สึก ถึงความรักของทั้งเลย์พุและเล่ย์เกียร์
ตอนนี้แค่คิดถึงพี่เล่ย์ ก็ยังน้ำตาซึมๆอ่ะ คนเขียนเก่งมากๆเลย o13
แม้จะยังไม่รักเกียร์เท่าเลย์ เพราะเหมือนเพิ่งได้รู้จักตัวตนเกียร์
แต่ก็เชียร์อยู่นะ เกียร์เองคงเท่ไม่น้อยหรอก และคงรักพุไม่แพ้พี่ชายแน่ๆ
มาต่อเร็วๆนะจ๊ะ :กอด1:
ปล.คิดถึงเล่ย์ :monkeysad:
-
หุหุหุ
พุเริ่มเปิดใจมากขึ้น ดูไม่ค่อยมึนเท่าไหร่ ฮ่าๆๆๆ
เป็นความรักที่ดูเรื่อยๆ แต่ไม่เรื่อย (ยังไงวะ!! :z6: )
น่ารักอ่ะ
คิดถึงเฮียเล่ย์น๊าาาาา จุ๊บุๆๆๆ :3123:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่พุจะยังฝังใจกับการมองคนสำคัญขับรถออกไป
คนมันเคยสูญเสีย ไม่มีใครลืมเหตุการณ์แบบนั้นได้หรอก
พี่เกียร์น่าจะเอาพุไปนอนด้วย หรือไม่ก็พุนั่นแหละ น่าจะชวนพี่เกียร์ค้างด้วย :เฮ้อ:
เมื่อไหร่จะย้ายมาอยู่ด้วยกันนะ
ปล.สั้นอ่า อยากอ่านอีกจังเลยค่ะคุณเรนโบว์
บวก1นะคะ จุ้บๆ :กอด1:
-
ย้ายไปอยู่ด้วยกันเลยหนูพุ
จะได้ไม่ต้องให้พี่เขาเทียวไปเทียวมา แล้วหนูก็ต้องมานั่งพะวงเองแบบนี้อ่ะเนอะ หุหุ :impress2:
-
เวลายืนส่งคนที่รัก และคอยมองจนลับตา ใจมันหวิว ๆ
ความคิดถึงมันก่อตัวขึ้นทันทีทันใด เฮ้อ...เข้าใจน้องพุ
ฝันดีพี่เกียร์ น้องพุ คนเขียนด้วย
-
เชื่อว่าพุคงฝังใจอยู่มากเรื่องการจากไปของพีเล่ย์ก็เลยพาลกลัวว่าคนสำคัญจะจากไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์อีก จริงๆ ก็แอบห่วงพุเหมือนกันนะคะที่ต้องคิดมากขนาดนี้ อยากให้ปล่อยวางบ้าง
ฝันดีนะพุ...
-
มาเติมรอบ 3 นี่ จะบวกเป็ดให้อีกรอบก็ไม่ได้
จะว่าไป พุก็ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ถึงจะมีใครรู้ปมในใจพุล่ะนะ
-
มันต้องอาศัยเวลาให้เป็นตัวช่วยเยียวยา
พุคงไม่มีวันลืมพี่เล่ย์และอุบัติเหตุคราวนั้น
แต่มันจะค่อย ๆ ดีขึ้นทีละน้อย
เอาใจช่วยทั้งพี่เกียร์และน้องพุ ^^
-
รถไฟฟ้าเวลาเราขึ้นเราก็ชอบมองหาคู่แบบพุกับเกียร์นี่แหล่ะ แต่ไม่เคยเจอ :laugh:
-
พุไปเผลอปลดกระดุมพี่เกียร์หรอเนี่ย :laugh:
คนเขียนน่ารักมากอ่ะ มาอัพเดทบ่อยดีจัง :กอด1:
-
อ๊ายย พุน่ารัก วางมือปุ๊บปลดกระดุมปั๊บ 555 แอบหื่นพอกันทั้งคู่ คนนึงกล้าทำ อีกคนทำทั้งที่ไม่รู้ตัว แหม เป็นแฟนที่เข้ากันดีจริงๆ
-
พุอย่าเพิ่งรีบลูก รถไฟฟ้าคนเยอะแยะอายเค้า :laugh:
พี่เกียร์ทะลึ่งอะ ชอบบบบบบบบบ :-[
นิสัยพี่น้องคู่นี้แม่งงงงงง...คนพี่ตีก้นคนก็น้องบีบ :impress2:
ปล.รักคุณเรนโบว์ที่สุด แปะบวกก่อนนะคะ
และคิดถึงพี่เล่ย์จัง :กอด1:
-
อ๊ายยย พุเขินน่าร๊ากมากกกก
-
พุทำไมขี้เกียจอาบน้ำเหมือนเค้าเลย แต่เหนื่อยขนาดไหนก็ต้องอาบนะ :m20:
กอดพุหน่อยเรืี่องที่กังวล :กอด1: ไม่เป็นไรนะ ต่างคนก็ต่างได้บทเรียนจากพี่เล่ย์แล้ว ทุกคนต้องระวังตัวอย่สงดีเพื่อพุแน่ๆ
พอพูดถึงพี่เล่ย์ก็คิดถึงผู้ชายคนนี้อีกแล้ว :o12:
-
ขำพุเขินแล้วปลดกระดุมเกียร์สะงั้น 5555ตอนนี้2คนเริ่มรักกันแล้วดีจริงๆ
-
อยากไปอยู่ในรถไฟฟ้าขบวนนี้จัง จะส่องพี่เกียร์กับพุให้ตัวสึกเลย ^^
-
วุ้ยพุ มีลืมตัวด้วยเน้อ แอบปลดกระดุมพี่เกียร์ด้วย
-
:man1: น้องพุ น่ารักเน๊อะ
-
มือมันไปเองเพราะความเคยชินซินะ :z1:
-
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
อยากเจอน้องพุ กะ พี่เกียร์บนรถไฟฟ้าจัง
-
อิอิ พุฮาๆดีนะ
เกียร์คิดดีจัง
-
:laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:พุทำอะไรพี่เกรีย์อะ :z1: :z1: :z1: :z1:
-
ส่งพี่เกียร์ไปเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจรัฐบาลเหอะ :pigha2:
บรรดา SMEs จะได้ได้มีเฮ :call:
-
เห็นด้วยกับพี่เกียร์ทุกอย่าง คนไทยต้องอุดหนุนคนไทย ช่วยกันคนละไม้ละมือถึงจะอยู่รอด
พุหนอพุ ตามใจก็บ่น ไม่ตามใจก็ว่า แต่...คนน่ารักทำอะไรก็ไม่ผิด เนอะ
-
ย้ายไปอยู่ด้วยกัน
เลยดิพุ :)
-
เข้าใจความกังวลของพุเลยอ่ะ
โอ๋ๆ ไม่เป็นไรน้า
ให้พี่เกียร์มาอยู่ด้วยเลยดิ
^^
-
อ่านตั้งเเต่ตอนเเรกจนจบ ก็ใช้เวลา 2 วัน
แต่กว่าจะมาพิมพ์ได้ ใช้เวลา 1 อาทิตย์ ทำใจไม่ได้ ที่พี่เล่ย์ตาย ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :z3: :z3: :z3: :o12: :o12: :o12:
เสียใจอ่ะ ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วย สงสารพี่เล่ย์ พี่เค้าน่าสงสาร ชีวิตนี้เหมือนจะไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง
แต่กลับมีความรักรอบกายมากมายมหาศาลเลยนะ คงเป็นความรักจากครอบครัวน้องเกียร์และจากพุ ถึงทำให้คนอย่างพี่เล่ย์ยิ้มได้
แม้ว่าพี่เล่ย์จะจากไปแล้ว แต่พี่ยังอยู่ในใจทุกคนจริงๆนะ ไม่ว่าจะเป็นคนอ่าน หรือตัวละครในเรื่องก็ตาม
คนอย่างพี่ ถ้ามนุษย์จริงๆทำได้สักครึ่งนึงก็พี่ คิดได้สักเสี้ยวนึงของพี่ โลกนี้คงน่าอยู่
ขอบคุณที่พี่เกิดมาจริงๆนะคะ แม้ว่าจะเป็นเพียงตัวละคร แต่ก็ชัดเจนในความรู้สึกผู้อ่านอย่างเรามากมายเหลือเกิน
ขอบคุณคนเเต่งด้วย ที่สร้างพี่เล่ย์ขึ้นมา ขอบคุณมากค่ะ :กอด1:
ไม่โกรธพุนะที่มาคบเกียร์ สงสารพุ เข้าใจว่าการสูญเสียคนที่ตัวเองรักอย่างไม่มีวันกลับนั้นเป็นยังไง
ทุกคนทำดีที่สุดเเล้ว อย่าโทษตัวเองกันอีกเลย ดีใจที่พุและเกียร์เริ่มต้นชีวิตใหม่ บนพื้นฐานความรักของเล่ย์
ขอให้รักกันนานๆ อย่ามีใครตายอีกนะ รับไม่ได้เเล้วจริงๆ
จะบอกว่าตามมาจากเรื่อง เป็นได้เเค่ตัวเเทนนะคะ
เรื่องนี้กินใจเรามากกกกกกกกกกกกกกก สงสารฟ่าง :m15: แต่ก็ดีใจด้วยที่มีความสุขจริงๆซะทีเนอะ
ตอนอ่านเรื่องนั้นอ่ะ เห็นลิสต์รายชื่อนิยายที่คนเเต่งเขียน แล้วมีเขียนมาเรื่องนี้
Main Character death........อยากบอกว่าครั้งเเรก ไม่อยากอ่าน แต่เห็นจากสำนวนการเขียนที่ผ่านมาและยอด view
ทำให้ต้องตัดสินใจอ่านดู แล้วมันก็ SAD จริงๆ รับไม่ได้อย่างเเรงอ่ะค่ะ ใช้เวลาเป็นอาทิตย์เลย กว่าจะทำใจและมาเม้นท์ได้
ชอบนะคะ แต่อย่าทำร้ายผู้อ่าน และตัวละครอย่างนี้อีกเลย พอเเล้วนะคะสำหรับเรื่องนี้ ขอร้อง ฮือๆๆๆๆ :dont2:
เอาล่ะดราม่ามาพอควร อยากบอกว่า..................................
ตอนนี้พุน่ารักมากตั้งเเต่ต้นตอนยันท้ายตอน อยากได้มากอดสุดๆไปเลย แอร๊ยยยยย :man1: :man1: :man1: :man1:
ชีวิตจริงอยากไปเห็นอะไรแบบนี้ด้วยตาตัวเองมากๆอ่ะ :-[ :-[
เป็นกำลังใจและติดตามตอนต่อไปนะคะ :กอด1: :L2:
ปล.ขอถามอะไรหน่อยนะคะว่า
มีโครงการจะทำเป็นรูปเล่มมั๊ยคะ คือนอกจากจะชอบเรื่องนี้เเล้ว เราชอบเรื่อง เป็นได้แค่ตัวเเทน มากๆเลยค่ะ
อ่านมาสาม สี่ รอบแล้วด้วย อยากได้เก็บไว้จริงๆนะคะ o7 :m13:
-
ขึ้นรถนานอีกนิด..พุคงได้ปลดหมดแน่ :laugh:
ความหวานพุ-เกียร์..ไม่เลี่ยน..น่ารัก อ่านแล้วมีความสุข :o8:
..เอาความสุข..มาปิดความคิดถึงพี่เลย์...โคดดดดดดด คิดถึง!! :m15:
-
พี่เกียร์น่ารักอ่ะ ชอบๆๆๆๆๆๆ
-
จนถึงตอนนี้ เหมือนฮัลเล่ย์...คือสร้อยที่ร้อยหัวใจสองดวงของพุกับเกียร์ไว้ด้วยกัน
(http://www.vivalalove.com/Story/Photo/Flickr/heartsembracenecklace.jpg)
ขอบคุณภาพจากกลูเกิ้ล
-
เหตุการณ์บนรถไฟฟ้า คุณ rainbow เล่าซะเห็นภาพ อายแทนพุว่ะ
-
พุสู้ๆ คิดถึงพี่เล่ย์ เหอะๆ
-
มีหลายอารมณ์ ทั้งเศร้าไปกับพุเรื่องรถยนต์
ต้องมองพี่เกียร์ขับรถออกไปด้วยความกังวลอย่างนี้ทุกครั้ง
คิดว่าพี่เกียร์น่าจะเอะใจแน่ๆ ไปอยู่ด้วยกันเลย จะได้กลับพร้อมกัน อิอิ
ส่วนตอนรถไฟฟ้า อมยิ้มแก้มตุ่ยตอนพุโดนบีบก้น ฮี่ๆๆๆๆๆ
ทั้งพี่ทั้งน้องจริงๆเล๊ย ทั้งรู้สึกขำและรู้สึกว่าน่ารักจัง
แต่ขอย้อนไปตอนก่อนโน้นนนเลยนะ คือแบบรู้สึกยังค้างคาใจตอนที่พี่เกียร์ต่อยพี่อิฐ
แล้วผู้หญิงนางนั้นเป็นอะไรกับพี่เกียร์มาก่อนเหรอ ทำไมต้องตาละห้อยคอยหา
-
เขินแทนพุ :-[
-
รอลุ้นว่าคืนนี้จะมาต่ออีกหรือเปล่า :z1:
:pig4:
-
ตอนนี้มีอีกคู่ แม่เจ้า กลิ่นน้ำตาลหวานปะแล่มๆ
-
คนเขียนวกมาต่อเรื่องซอล กับ พี่น้ำ ให้แล้ว
ฮา พุ คดีพลิก :m20:
-
:laugh :laugh: :laugh: :laugh:จะสอบถามซอลนะพุอย่าให้ซอลสอบสวนแทนละ o18 o18 o18 o18
-
ตอนอยู่กทม.ไม่ค่อยได้ขึ้นรถไฟฟ้า ลงแต่ใต้ดินตลอด เจอแบบคู่พุก็เยอะอยู่นะ :laugh:
ตอนนี้มาทำงานที่ต่างจังหวัด นึกว่าจะไม่เจอ แต่ก็เจออยู่ดี เยอะด้วย เค้าเลยมีความสุข :jul3:
พุทำอะไรก็น่ารักเน้อ :man1: แต่เพื่อนซอลกับพี่น้ำ ไปอะไรยังไงกันเมื่อไหร่คะ :z1:
-
:L2: มากอดพุแน่นๆๆๆ
-
พุเอ๊ยยยย อยากรู้เรืี่องซอลจนลืมเลยนะว่าตัวเองก็มีคดีติดตามตัวอยู่? :m20:
ตัวเป็นๆใหญ่ๆตามติดแบบไปไหนไปกันตลอดเวลาแถมเป็นหลักฐานมัดตัวอีก :laugh:
เจอแบบนี้สรุปใครจะล้วงใครละเนี่ย พุจะล้วงซอลหรือซอลจะล้วงพุล่ะทีนี้ :z1:
รอติดตามค่ะ คืนนี้มาอีกนะคะคุณเรนโบว์ <3 :กอด1:
ปลดล็อกแล้วแวะมาบวกให้ค่า >.<
-
อะไร ยังไง
พุคบกับเกียร์ เพื่อนๆ ไม่รู้เหรอ
หรือว่า มันเพิ่งจะสองอาทิตย์
ทำไมเรารู้สึกว่ามันนาน
-
ฮาอะพุ คดีพลิกเลยนะนี่ อ้อนี่คือสาเหตุที่ทำให้ซอลเลิกกะแฟนนี่เอง
-
ฮาพุอ่ะ ซื่อจริงใสจริง จะตามใครเค้าทันมั้ยนั่น
งานนี้ใครฟอกใครกันแน่เนี่ย :m20:
เนื้อเรื่องเริ่มสบายๆ น่ารัก เหมือนเดิม จะไม่มาม่าอีกแล้วใช่มั้ย o7
-
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[
-
เคลียร์ทั้งคู่นะ ตกลง :laugh:
-
555 บรรยากาศเริ่มน่ารักหวานแหวว :-[
แต่ยังไงก็ยังไม่ลืมพี่เล่ย์นะ อ่านทีไรคิดถึงพี่เล่ย์ตลอด น้ำตาคลอทุกที
ทั้งๆที่ตอนหลังๆนี่ มันก็บรรยากาศหวานขนาดนี้ แต่ไม่เข้าใจตัวเอง ว่าทำไมยังแอบเศร้าปนสุขแบบนี้ตลอด :serius2:
-
กิ๊ด ต่อมเผือกทำงานนะคะ น้องพุ ๕๕๕๕
-
คดีพลิกกกกกกกก
555555
ว่าแต่ 2 คนนั้นนนนน
พุเคลียร์ให้ฟังด้วยนะะะะะ ^^
-
เย้ย....
พี่น้ำกับซอลมีซัมติงจริงๆ ด้วย กริ้ววว~
-
เฮียเล่ย์ เค้าคิดถึงงงงงงงงงงงงงงงง :sad4:
พุเกียร์ นับวันยิ่งหวานนะยะ ชิชะ อิจฉาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :impress2:
-
ใช่ อย่าปล่อยให้หลุดล่ะพุ
-
คิดถึงพี่เล่ย์ ยิ่งเปิดประเด็นยิ่งคิดถึง แค่เห็นเพียงชื่อ น้ำตาก็จะไหล
ทำไมเราถึงรักและคิดถึงผู้ชายคนนี้ได้มากขนาดนี้ :sad4:
เราเห็นด้วยอย่างที่ซอลพูดนะพุ พี่เล่ย์จะต้องดีใจมากๆที่พุมีความสุข
และการที่พุจะมีความสุขเวลาอยู่กับพี่เกียร์มันไม่ได้หมายความว่าพุจะลืมพี่เล่ย์
พุไม่มีทางลืมได้เรารู้ ไม่มีใครลืมผู้ชายคนนี้ลงได้หรอก
แต่มันจริงที่พุจะลืมความทุกข์เวลาที่คิดถึงเค้า เวลาคิดถึงพี่เล่ย์ตอนนี้พุจะไม่มีน้ำตาอีกต่อไป
ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดี พี่เล่ย์คงไม่สบายใจที่พุจะต้องร้องไห้ทุกครั้งเวลาคิดถึงเค้า
เก็บความรักความคิดถึงนึ้ไว้ในใจนะพุ ที่ตรงนั้นเราเชื่อจริงๆ
ว่าพุจะไม่มีวันลืมจนกว่าจะหมดลมหายใจ ไม่รู้สิ โอ้ย บอกไม่ถูก ยิ่งพิมไปละน้ำตาไหลยิ่งไหล
เหมือนอยู่ๆในหัวจะได้ยินพี่เล่ย์พูดว่า คิดถึงพี่ได้...แต่อย่าร้องไห้อีกเลยนะ
นี่เราเป็นเอามากๆเลยนะเนี่ย มโนเป็นช้อตๆได้อีก ฮือออออออออออ
เอาเป็นว่าเพราะชีวิตมันต้องก้าวต่อไป ดังนั้นทำตัวเองให้มีความสุขเถอะนะพุ
ปล.เราเชื่อจริงๆว่าเวลาเรารักใครสักคนมากๆต่อให้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน
คนบางคนเขาจะอยู่ในใจเราตลอดไป แรกๆมันอาจจะมีน้ำตาเวลาคิดถึง
แต่ต่อไปเราจะมีเพียงรอยยิ้มเวลาที่นึกถึงหน้าเขา "รักพี่เล่ย์"
ปล.2เราจะเอาหนังสือเรื่องนี้และไม่มีทางพลาดเด็ดขาด บอกตรงนี้เลย
ปล.3รักคุณเรนโบว์จังเลยค่ะ แต่คุณเรนโบว์รู้มั้ยว่าทำยังไงเราถึงจะหลับได้ในคืนนี้ :o12:
-
ทุกคนรักพี่เล่ย์และคิดถึงพี่เล่ย์ และเห็นตรงกันว่าพี่เล่ย์ต้องดีใจแน่ที่พุมีความสุข
โดยเฉพาะคนที่ได้ดูแลพุคือพี่เกียร์ ซึ่งเป็นคนที่พี่เล่ย์รักและไว้ใจที่สุด
พี่น้ำกลับมาขอคบซอลอีกครั้ง ก็คงพยายามทำทุกอย่างให้มันดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา
แต่ละคู่ก็มีข้อจำกัดคนละอย่าง จะให้เพอร์เฟ็คเหมือนกันก็คงเป็นไปไม่ได้
พอใจในสิ่งที่มีและที่เป็น ก็โอแล้ว
-
จากนี้ไป
เวลาคิดถึงพี่เลย์ ขอให้มีแต่รอยยิ้มนะพุ
ก้าวไปข้างหน้าโดยมีพี่เล่ย์อยู่ในใจเสมอ
รักคุณเรนโบว์ ^^
-
อ้าว เรื่องของซอลดราม่าซะงั้นอะ :z3:
พูดถึงพี่เล่ย์แล้วเราก็คิดถึงตลอดเลย แต่ก็ดีใจกับพุนะที่ไม่ร้องไห้แล้ว :กอด1:
รวมเล่มเหรอคะ? อยากได้มากกกกก :impress2:
-
เฮ้อ....
เรื่องของซอลกับพี่น้ำเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปในสังคมจริงๆ เพราะจะมีพ่อแม่ซักกี่คนที่จะเหมือนพ่อแม่พี่เล่ย์กับพี่เกียร์ รับได้ที่ลูกเป็นเกย์?
เอานะ ยังไงก็ยังเชื่อว่าความรักจะสามารถเอาชนะทุกสิ่งได้ ซอลสู้โว้ย!!!
..................................................
เค้าเอาด้วย 1 เล่มค่า ^^
-
จะรอรวมเล่มนะ
-
คงไม่มีใครที่พี่เลย์อยากให้เป็นคนดูแลพุแทนพี่เลย์มากไปกว่าพี่เกียร์แล้วละนะพุนะ
//แต่เค้าก็ยังคงคิดถึงพี่เลย์นะ :m13:
-
บางครั้งก็รู้สึกว่ามันเหมือนมีอะไรบางๆกั้นพุกับพี่เกียร์อยู่ คงต้องใช้เวลา
ปล.ดีค่ะที่มีรวมเล่ม เอาด้วยค่ะ แล้วขอเรื่อง second best ด้วยได้ไหมค่ะ กำลังติดหนึบเลยค่ะ
-
พุกับเกียร์ น่ารัก ชอบ ๆๆๆ แอบซิ้งตอนที่พุ บอกว่าเอา เสื้อเล่ย์มานอนกอด พุกับเกียร์เก็บเล่ย์ ไว้ในความทรงจำที่ดี คนเราต้องเดินต่อไป
เนอะ คนตายไปแล้วฟื้นกลับมาไม่ได้ ดังนั้นคนที่อยู่ ต้องมีชีวิตอยู่ให้มีคุณค่า พุ โชคดีกว่าคนอื่นที่ ครอบครัวเกียร์ ก็ยังรับได้ไม่มีปัญหาแบบ
น้ำกับ ซอล ซึ่งเป็นปัญหาหนักของคนเป็นเกย์เขาเจอกัน รออ่านความรักของเกียร์ กับพุ ต่อไป (พุมองเป็นคนเอ๋อ ๆๆ ต๋อง ๆๆ ให้พี่เกียร์แอบ
หัวเราะอยู่เรื่อย ๆๆ นี่คือเสน่ห์ของพุนะ)
ส่วนน้ำ กับซอล ก็เข้าใจความรู้สึกของ น้ำนะ มาแนวเดียวกับแพท เลย คือต้องแคร์ครอบครัวและคนรอบข้าง
บางที เราจะมารักกัน 2 คนหวานชื่นโดยไม่สนใจบุพการี และครอบครัวคงไม่ได้
หนังสือนี่ซื้อแน่นอนค่ะ Confirm
-
โอ้...คู่หลักแลดูชิลไปเลย มาเจอคู่พี่น้ำ กับ ซอล เข้า....
-
ตามที่ซอลว่าแหละพุ
อย่าคิดว่าตัวเองทรยศเล่ย์เลย คิดว่าเล่ย์ก็คงดีใจที่เห็นพุมีความสุข
ซอลก็สู้ๆนะ เก็บเกี่ยวความสุขของวันนี้เอาไว้มากๆ วันข้างหน้าจะเป็นยังไงก็ปล่อยมันไป
-
ชอบตอนบีบก้นพุ 555
โรคจิตในรถไฟฟ้า
แต่เรื่องของซอล มันหนังชีวิตอยู่นะนี่
สู้ๆ นะซอล ก็รักไปแล้วนี่นะ
กดบวกและเป็ดเก็บตังค์ๆ
-
เคยขึ้นรถไฟฟ้าแล้วเจอเหมือนกันนะ...แต่ไม่ขนาดพุที่ปลดกระดุม กร๊ากๆๆๆ มือไวจริงๆนะค่ะคุณน้อง 555..
เข้าใจซอลนะ....ถ้าไม่ไหวก็หยุด
แค่นั้นเอง....
-
ก็อย่างที่ซอลบอก เลิกจมอยู่กับความทุกข์แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่
เก็บพี่เล่ย์ไว้ในใจ เก็บไว้ในความทรงจำ
พี่เล่ย์คงดีใจที่เห็นคนที่รักทั้งสองคนมีความสุข :กอด1:
ส่วนเรื่องซอล เฮ้อ.... ถ้าพี่น้ำรักซอลจริง ก็ควรเริ่มแย็บๆกับคุณพ่อคุณแม่นะ ต้องลอง
ผลออกมายังไงค่อยว่ากันอีกที ถ้าเป็นห่วงเรื่องทายาท การเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน ไม่เป็นปัญหาหรอกสมัยนี้
เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนรักลูก อยากเห็นลูกมีความสุขอยู่แล้ว สู้ๆ นะ ซอล
รอรวมเล่มค่ะ :impress3:
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:น่าสงสารซลอจังเลย :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
จบด้วยประโยคทองอีกแล้วววว
[มึงรู้มั้ยว่าตัวเองโชคดีขนาดไหน ที่มีคนมารัก มาดูแลโดยไม่ต้องขวนขวายและเรียกร้องแบบกู]
“……………”
[ถ้ามึงรักเค้าด้วย… ก็อย่าปล่อยให้หลุดไปหละ]
ชอบมาก +1 ไปเลยยยยย o13
-
พุกับเกียร์น่ารักมากกกกก >_<
-
นับวันเกียร์พุยิ่งน่ารักขึ้นเรื่อย
แต่เรายังไม่ลืมเล่ย์นะ คิดถึงเสมอ :กอด1:
-
ฮืออออ น่ารัก
สงสารซอล แต่แบบว่า.... ต้องสู้นะะะ
เอาใจช่วย
พุน่าอิจฉาจริงๆ มีแต่คนมารัก
แล้วก็มีแต่เพื่อนดีๆ ^^
-
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วทำให้ยิ้มได้ทุกครั้งจริงจริงโนะ สองพี่น้องน่ารักพอพอกันเลย :)
คิดถึงฮัลเลย์เบาเบา *จุดธูปบอก* >,<
-
ชอบมากกกก ไ่ม่รู้จะบรรยายยังไง :L2:
-
:serius2: ทำไมพุบอกว่าจำไม่ได้ล่ะ พี่เลย์มาลาใช่มั๊ย
-
ตอนนี้มันอะไรกันล่ะเนี่ย
-
พี่เล่ย์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :serius2:
-
พี่เล่ย์มาลาพุใช่มั้ย???? :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
-
ใจจะขาด อ่านแล้วน้ำตาไหลพรากๆเลย :sad4:
ถ้าพุฝัน มันคงฝันที่ทำเราใจสั่นมากจนกลัวว่ามันจะหลุด มือไม้สั่นไปหมด
พี่เล่ย์มาลาพุใช่มั้ย ฮือออออ ไม่เอานะ :m15:
แล้วทำไมพุจำพี่เล่ย์ไม่ได้ ทำไมถึงนึกไม่ออก ทำไม ทำไม
รู้สึกเหมือนเริ่มนับหนึ่งใหม่ยังไงไม่รู้ เราทำใจไม่ได้ :serius2:
คุณเรนโบว์ได้โปรด เอาพระเอกเราคืนมา อย่าเอาพี่เล่ย์ไป ฮือออออออ :o12: :o12: :o12:
-
เป็นตอนที่ปลอบใจคนอ่านได้ดีชะมัด :กอด1:
-
พี่เล่ย์ใช่ม้ายยยย หมดห่วง วางใจแล้วสินะ ถึงมาลาพุ
“อยู่ที่นี่… มีความสุขมากๆ ใช้ชีวิตให้คุ้ม… อย่าจมอยู่กับอดีต”
ไม่อยากให้พุจมอยู่กับความทุกข์หรือรู้สึกผิด อยากให้พุสบายใจที่จะเริ่มต้นใหม่กับเกียร์สินะ มาปลดแอกพุใช่มั้ย
พี่เล่ย์......คนดี... :sad4: :เฮ้อ: :กอด1:
-
พี่เลย์ช่ายป่าวนิ หรือว่าพุจะจำพี่เลย์ไม่ได้แล้ว พี่เลย์มาลาพุนี่เอง อยู่ในความทรงจำสินะ อ้อแล้วก้อ แฮปปี้เบิร์ดเดย์จ้าพุ
-
ถึงตอนนั้นไม่ต้องมารับนะ
พอแล้ววววววว
พุต้องมีความสุขสิ!!!
-
TTT..TTT พุฝันถึงพี่เล่ย์เหรอ? แล้วทำไมจำพี่เล่ย์ไม่ได้ล่ะ แต่ก็อย่างที่พี่เล่ย์บอกนะพุ ใช้ชีวิตที่เหลือให้มีความสุขล่ะ มีความสุขมากๆ นะ อย่างน้อยก็เผื่อพี่เล่ย์ด้วย...
(หลบไปกัดผ้าห่มร้องไห้ต่อเบาๆ)
-
สงสารพุจัง
อย่าลืมพี่เล่ย์เลยนะ
:monkeysad:
-
พี่เล่ย์จะไปจริงๆแล้ว ม่ายยยยยยยยยย :o12: :o12:
-
มันทั้งเศร้าทั้งซึ้งเลยล่ะตอนนี้ :monkeysad:
พี่เล่ย์ยังเป็นผู้ชายที่รักพุมากเสมอ และจนถึงตอนนี้เราก็ยังรักพี่เล่ย์และอยากให้พี่เล่ย์กลับมา
ตั้งแต่อ่านเรื่องนี้จนถึงตอนพี่เล่ย์ตาย คนเขียนทำให้เรารู้สึกกลัวการจากลากับคนที่รักโดยไม่มีวันได้เจอกันอีกแบบพี่เล่ย์กับน้ำพุนี่แหละ
เกิดมายันโตขนาดนี้ ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่คนใกล้ตัวที่เรารักจากไปอย่างนี้ซักคน ไม่รู้ว่าเราจะเข้มแข็งอย่างพุได้หรือเปล่า
เพราะฉะนั้นก็อยากขอบคุณที่คนเขียนไม่ทำให้พี่เกียร์ตายอีกคนนะคะ :laugh:
ตอนแรกเหมือนจะดีใช่มะ ก็เราไม่อยากเศร้านี่นา เราชอบฮาๆ อย่าเศร้าอีกเลยนะพุ พี่เล่ย์มาลาแล้ว พี่เค้าหมดห่วงแล้ว พุอยู่อย่างมีความสุขต่อไปนะ :กอด1:
-
เรื่องแรกที่เลือกอ่านในตอนเช้า ได้ล้างตาซะงั้น
-
อ่านแล้วน้ำตาซึม เลยฉัน...แงงงงงง :sad4:
-
เล่ย์คงมาเตือนสติ.....
รักมาก..ห่วงมาก...พอมีเกียร์คงเบาใจไปเยอะ รักพี่เล่ย์ จ๊วบๆๆๆ
-
อ่านแล้วน้ำตาไหลพรากกก
พี่เล่ย์คงหมดห่วงแล้วถึงได้มาลาพุ
คุณเรนโบว์ทำไงดี...
เราน้ำตาไหลไม่หยุดอ่ะ :m15:
-
อ่านพี่เลย์ทีไร..น้ำตาไหลทุกที คิดถึงงงงงงงงงงงง เหลือเกิน :m15: :m15: :m15:
+1 ให้น้องสายรุ้ง เขียนได้ซึ้งสะเทือนตับที่สุด :laugh3:
*แหงะ..+1ไม่ได้ พึ่งบวกไป..ต้องรอ24ชม.ก่อน ..เอาเป็ดไปกินพลางๆก่อนจ้ะ o13
-
ขอบคุณสำหรับตอนนี้คะ :sad4:สุดท้ายพี่เลย์ก็มาลาพุและคนแฟนคลับสักที :o12:
:pig4:
-
; ^ ;
เล่ย์ก็ยังเป็นเลย์จนวินาทีสุดท้าย
อดน้ำตาไหลให้กับผู้ชายคนนี้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ T^T
ขอบคุณที่แต่งให้เล่ย์ได้ออกมาร่ำลาอย่างเป็นทางการนะคะ *กอด
-
:o12:
-
พี่เลย์มาลาคนอ่านใช่มั๊ย :monkeysad:
-
:sad4: คิดถึงตลอด พุคิดถึงพี่เลย์ตลอด
-
พี่เลย์หมดห่วงแล้ว
-
ร้องไห้เลย ฮือๆ เราคิดมาตลอดว่าเล่ย์ไปตั้งนานแล้ว เลยไม่ห่วงอะไร แต่พอรู้ว่าเล่ย์ยังไม่ไปยังเป็นห่วงพุอยู่เสมอ ใจมันก็หน่วงๆขึ้นมา แต่แบบนี้ก็ดีแล้ว หมดห่วงสักที :o12:
-
คุณเรนโบว์รู้ไหมคะ ตั้งแต่เมื่อคืนที่เราอ่านตอนนี้เราร้องไห้ตลอดเลย
อ่านซ้ำอีกก็ร้องอีก แต่ก็วกเข้ามาอ่านซ้ำไปมา เหมือนเป็นบ้า
หยุดไม่ได้ อยากจะซึมซับรับรู้ทุกตอนที่ผู้ชายคนนี้โผล่มา
ทรมานในความรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นคนที่สูญเสียพี่เล่ย์ไปซะเอง
มันสะเทือนอารมณ์และความรู้สึกมากจริงๆนะคะ
พอมาอ่านตอนอิดิทเพิ่ม น้ำตาก็ยังไหล เออ นี่เราเป็นเอามากจริงๆ
อินจัดและหลงรักพี่เล่ย์แบบฉุดไม่อยู่กู่ไม่กลับ(มาตั้งนาน)แล้ว
-
ขนลุกพรึ่บเลย พี่เล่ย์มาช่วยพุอีกครั้ง เหมือนปลดปล่อยพุออกจากอะไรบางอย่างที่มัดไว้
อาจลืมสัมผัส แต่ความผูกพันธ์ความรักที่ได้รับพุจะไม่ลืม ใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขนะพุ
พุยังนอนกอดเสื้อพี่เล่ย์อยู่ เศร้าโฮก
สำหรับพี่เล่ย์ :monkeysad: พระเอกในดวงใจเค้า ไม่ว่ายังไงก็รักพี่เล่ย์นะ
ถึงรักพี่เกียร์เพิ่มขึ้นก็ไม่ลืมพี่เล่ย์ (อินแท้ ปานตัวเองเป็นน้ำพุ)
:pig4:
-
แสดงตลอดเวลาที่ผ่านเล่ย์ก็เฝ้าดูพุตลอดเลยซินะ ตอนนี้คงหายห่วงแล้วใช่ไหมถึงมาลา
เมื่อถึงเวลาต้องได้กันใหม่แน่ๆ
-
คิดถึงพี่เล่ :sad4: :sad4:
-
:o12: เฮียเล่ คิดถึงค่อด ค่อด
-
น้ำตาล้านหยด TTT,,TTT
-
:m15: :m15: :m15: :m15:รักพี่เลย์ที่สุดเลยจ้า :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
คิดถึงพี่เลย์เสมอ
-
แล้วเขาจะเจอกันอีกเมื่อไร
ทำไมพุบอกให้มารับล่ะ เฮ้อออ
-
พี่เลย์จริงจริงด้วย ก้อผ่านมานานแล้วนี่นะ
-
แงๆ รู้แค่ว่า น้ำตาไหลพรากๆ :sad4: :sad4: :sad4:
-
เหมือนพุทำใจได้แล้ว
ดีใจด้วยจริงๆ
จากนี้จะได้เดินต่อไปอย่างสบายใจ
ฮือออออ
มันเศร้านะ แต่มัน็เต็มไปด้วยความสุขจริงๆ
-
อยากอ่านอีกเยอะๆอ่า วันนี้กดวนๆเข้าเล้าไม่รู้กี่รอบ อ่านเท่าไหร่ก็ไม่พอ งืดดดดดด
-
รู้สึกยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่ามันไม่พอ ตอนนี้มันหนักหน่วงๆเนอะ :เฮ้อ:
แต่ก็อยากให้กำลังใจพุนะ เอาใจช่วยอยู่เสมอ
เก็บความรักและพี่เล่ย์ไว้ในใจและ...รอ...สักวันคงได้เจอกันอีกครั้ง
ระหว่างนี้ก็ใช้ชีวิตให้เต็มที่ มีความสุขกับมันมากๆ
แล้ววันนึงพุจะได้กลับบ้าน บ้านที่อบอุ่นและปลอดภัยกับใจพุที่สุด :กอด1:
-
เฮียแพทต้องไปดูตัว 555
บอกตรงๆคิดถึงพี่เล่มากกกกกกกก
อยากให้พี่กลับมาอยู่กับพุอีกครั้ง
อยากให้เรื่องที่พี่เล่ตายเป็นแค่
เรื่องโกหก ,,,,,,,,,,,,!!!
-
เฮียแพทน่าสงสารว่ะ 555+
คือเอาจริงๆ เฮียก็เป็นคนดีอ่ะนะ ดูเหมือนจะคอยช่วยเหลือพุอยู่ตลอดเวลาด้วยซ้ำไป แต่ก็นะ อะไรที่มันไม่ใช่ก็ไม่ใช่อยู่ดี ต่อให้เฮียดีกับพุมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ อีกอย่าง ต่อให้พุชอบเฮีย แต่รักแท้แม่ไม่ปลื้มก็ไม่ไหวนะเฮียนะ ทำใจแล้วไปดูตัวซะ ^^
คิดถึงพี่เล่ย์อีกแล้ว TT,.TT
-
พี่เล่ย์ !! ฮือๆๆๆๆ เศร้าอะ
-
ชอบบบบบ
-
ถ้าฟังเพลงไปด้วยนี่น้ำตาไหลพรากๆแน่เลย แค่นี้ก็คลอๆแล้ว :monkeysad:
คิดถึงพี่เล่ย์ค่ะ :o12:
-
:z13: :z13: :z13: :z13: :z13:คิดถึงพี่เลย์ :z13: :z13: :z13: :z13:
-
แอบเบื่อเฮียแพท จะมีใครว่ามะะ 55555
-
:o12: เปิดเพลงไปอ่านไป โคตรเข้าในอารมณ์เลยเหอะ!!! :m15:
คิดถึงเฮียเล่ย์ที่สุดในสามโลกกกกกกกกกกกกกก :sad4:
******************
แวะมาดู H B D น๊าาาาา นู๋พุ มีความสุขกับปัจจุบันให้มากๆ น๊าาาาาาา :L2: :L2: :L2:
แล้วเมื่อไหร่น้ออ จะเจอ เฮียเล่ย์ :กอด1:
-
อ่านไปด้วยฟังเพลงด้วยร้องไห้เลย คิดถึงเล่ย์ เศร้านะตอนนี้
-
พี่เล่ย์ ฉันจะเก็บพี่ไว้ในความทรงจำตลอดไป พบกันที่ทางช้างเผือกนะ
-
อร๊ากกกกกกก เขิลๆๆๆๆๆ พี่เกียร์ทำไมเท่ห์แบบนี้อ่า พุโชคดีมากๆๆๆๆๆ รักพุมากๆๆน๊า ฝากดูแลแทนพี่เล่ย์ด้วย งื้อออ
คุณเรนโบว์ อยากอ่านตอนหน้าแว้ววววว :-[
-
พี่เกียร์น่ารักอ่ะ!!!
ขอบคุณพี่เกียร์มากๆ นะคะที่เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตพุ ขอบคุณที่ทำให้พุไม่รู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวและไม่มีใครหลังจากพี่เล่ย์จากไป ขอบคุณที่สร้างรอยยิ้มให้พุ ขอบคุณที่ทำให้ชีวิตของพุนับตั้งแต่วันนี้จะไม่มีน้ำตาเพราะความเสียใจ ขอบคุณจริงๆ
กอดคนเขียนนะคะ ^^
-
วันเกิดพุหรอ HBD จ้า :HBD5: กี่ขวบแล้วเนี่ย :b:
-
พี่เกียร์น่ารักมากกกกกกก มาเซอร์ไพรส์ด้วย HBD พุนะจ๊ะ :HBD2: :HBD4: :a13:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
สุขสันต์วันเกิดนะคะน้องพุ
ต่อจากนี้ไป ขอให้มีแต่ความสุขความสดใสเข้ามาในชีวิต
กอดรวบน้องพุพี่เกียร์และคุณเรนโบว์ :กอด1:
-
ถ้าพี่เกียร์ไม่มาเซอร์ไพร้ส์ ก็ไม่รู้ว่าเป็นวันเกิดพุ
ผู้ชายคนนี้จะทำให้รักให้หลงไปถึงไหน เฮ้อ...ด้วยความอิจฉา
พี่แพทก็ต้องรู้ด้วยสิ แต่ถูกตัดโอกาสซะก่อน
-
น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกอะ อ่านไปยิ้มไปเลย :-[
พี่เกียร์จะทำให้พุมีความสุขได้แน่ๆ o13
ปล.ดีนะคะที่ทัั้งตอนคุณเรนโบว์มาต่อไม่พร้อมกัน
ไม่งั้นเราอาจงงว่าเราควรจะร้องไห้หรือยิ้มดี
อารมณ์ตอนแรกกับตอนท้ายมันคนละขั้วเลย :laugh: บวกค่า :กอด1:
และแฮปปี้เบิร์ดเดย์นะคะพุ เริ่มต้นสิ่งใหม่ๆด้วยการมีความสุขนะ :L2:
ปล2.เห็นพี่เกียร์มาเซอรไพรส์วันเกิดพุแล้วแอบอยากอ่านตอนวันเกิดของพี่เล่ย์บ้างจัง
อยากรู้ว่าคนรอบข้างมีเซอไพรส์ให้ดาวฤกษ์กันบ้างไหมนะ *แล้วแต่จะกรุณาค่ะ* :L1:
-
พี่เกียร์น่ารักก ก
มาเซอไพร์วันเกิดด้วยย ย
-
ดีจังที่ยังไม่ไปนอน ขอบคุณที่อัพต่อนะคะ กอดๆ
-
นึกถึงสภาพเค้กกับเทียนแล้ว เอิ่ม :laugh: แต่ก็โรแมนติกดี อิอิ
-
:-[ พี่เกียร์ใส่ใจพุดีมากๆ รักเลยย :-[ :-[
-
พี่เกียร์น่ารักอ๊ะ :impress2: :impress2: :impress2:
-
รออ่านต่อ :กอด1:
-
:กอด1: ดีใจที่ยังมาทันตอนอัพใหม่
-
นอกจากเป็นงานวันเกิดที่ยากจนและทุลักทุเลแล้ว ผู้ร่วมงานยังแต่งตัวไม่ค่อยจะเข้ากันอีก -_-! แต่ผมกลับ… ชอบมาก
พี่เกียร์น่ารักม้ากกกกกมาก :m1:
accessory ไม่สำคัญ ทุกอย่างอยู่ที่ใจ แค่มีคนพิเศษ ฉลองด้วยกันในวันพิเศษ เท่่านี้ก็มีความสุขแล้ว :กอด1: :a13:
นอนด้วยกันบนเตียง :z1:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดนะจ๊ะพุ :HBD2:
มีความสุขมากๆนะ รักพุกับพี่เกียร์ด้วย แน่นอน รักพี่เล่ย์ด้วยค่ะ :กอด1:
-
เฮ้ย มันเกิดอะไรขึ้น!!!! :serius2: :serius2: :serius2:
กำลังตามอ่าน ถึงแค่หน้า14 แต่เผลอกดมาหน้าสุดท้าย o22 o22 o22
สายตาเจ้ากรรมเผลอไปอ่านโดนคอมเม้นต์เข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
'พี่เลย์จากไปแล้ว'
:a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
ไม่นะ!!!!!!!!!!!!!!!
TT__________________TT
:m15: :monkeysad: :sad11: :L3: :sad4: :m8: :dont2: :o7: :sad2: :sad12:
ปล.ขออนุญาตใช้Emoเยอะที่สุดตั้งแต่อยู่ในเล้ามา (กรูส์อินจัด)
-
อะ อวยพรอีกรอบ ขอให้มีแต่ความสุขนะพุ
น่ารักกันจังเลยยยยย :-[
ถึงแต่ละะอย่างดูจะมันไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่
แต่อย่าได้แคร์จ้ะ ของแบบนี้มันอยู่ที่ใจและคนที่นอนข้างๆ :laugh:
-
เวลาพี่เกียร์กับพุอยู่ด้ยกันอ่ะ มันแบบน่ารักสดใสป๊อบปี้เลิฟ
ชอบอ่ะ เอาอีกๆค่ะ
-
ชอบพี่เกียร์มากขึ้นทุกทีๆ ดีจัง :กอด1:
-
โอ๊ะ น่ารักดีอะ ใช้ดินน้ำมันแทนเค้ก แต่ก้อได้กุหลาบอะนะ
-
ความคิดบรรเจิดมาก5555 o13
-
เวลาที่สองคนนี้อยู่ด้วยกัน
มันหวาน ๆ วิ๊ง ๆ ไงไม่รู้อธิบายไม่ถูก ^^
-
พี่เกียร์น่ารักอบอุ่นมาก
น้ำพุเป็นคนโชคดีจริงๆ
พี่เล่ย์เค้าหายห่วงแล้วล่ะ
-
อ่านแล้ว,,,
หัวเราะ
รัองไห้
นั่งยิ้ม
ชอบมากครับ,,,,
-
:L2: :L2: :L2: :L2: :L2:Happy birthday ด้วยคนจ้าพุ :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
อ่านตอนก่อนนู้นน้ำตาจะไหลอีกแล้ว ฮืออออ พี่เล่ย์จะไปแล้ว พี่เล่ย์มาลา
ถึงจะเศร้ายังไง แต่เราก็จะระลึกพี่เล่ย์ตลอดไปนะ
พ่อพระเอกในดวงใจของอิฮั้น
:monkeysad:
ส่วนตอนล่าสุด คนละอารมณ์กันเลย น่ารักเชียว
ชอบภาษากายที่พี่เกียร์แสดงออกกับพุนะ จุ๊บจมูกเอย เอาศีรษะไปชนกันเบาๆ
กรี๊ดดดดดดมาก คือแบบถ้ามีคนมาทำด้วยแบบนี้จะปิ๊งมากอ่ะ เล็กๆแต่เอฟเฟ็คมหาศาล
อวยพรวันเกิดได้แนวสมเป็นพี่เกียร์ผู้มาเหนือเมฆตลอดนะ
สุขสันต์วันเกิดน้องพุ ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ
:3123:
-
:-[
-
มารอพี่เกียร์ กะ น้องพุ
-
มาเข้าแถวรอค่ะ :impress2:
-
เป็นเรื่องเศร้าโหวงๆในอก..และหวานซึ้งใจในคราเดียวกัน
ดีใจที่พุมีพี่เกียร์..จะได้กลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง
แต่คิดถึงพี่เล่ย์เหลือเกิน..เป็นห่วงพุ ถึงขนาดมาบอก "..มีความสุขมากๆ ใช้ชีวิตให้คุ้ม… อย่าจมอยู่กับอดีต”
เศร้าอาการหนัก.. ที่พี่เล่ย์สัญญาว่าจะมารับพุ ถ้า... “ถ้าถึงตอนนั้น พุยังอยากให้พี่มารับอยู่ พี่ก็จะมา”
......
ฮา..นิ๊ดนุง ที่อ่านตรงน้องสายรุ้งเขียน Disclaimer: ไม่ต้องอินมากนะ ไม่ใช่เรื่องจริง
ฮ่าๆ ไม่เคยทำได้สักครั้ง อิ๊นอินสุดขีดตลอดดดด :laugh:
-
คุณเรนโบว์หายเร็วๆนะคะ
เมื่อไหร่เมื่อนั้นก็ได้ ยังไงก็รอเสมอ :กอด1:
-
เกียร์แหวกแนว หาดอกไม้ได้แต่ไม่มีเค้ก
ปั้นเองกะมือเลย
-
พี่เกียร์น่ารักอ่ะ
^^
ฮปบด. นะพุ
มีความสุขมากๆๆๆๆๆๆๆ
><
-
มีความสุขให้มากๆนะพุ มีความสุขในส่วนของเฮียเล่ย์ด้วย ฮึกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :m15:
ตอนนี้กำลังอินเนอร์อย่างแร๊งง //วิบัติเพื่อเสียง :z6:
-
:HBD3: ย้อนหลังนะจ๊ะพุ
เกียร์น่ารักมากๆ
-
อบอุ่บ .. :กอด1:
-
เราแวะมาส่อง มาไหมน้อคืนนี้ :z2:
-
:call: :call: :call: :call:
-
แวะเข้ามาดูก่อนนอน โชคดีซะด้วย
พี่เกียร์ทำให้รักให้หลงได้ทุกครั้งที่เจอกัน หมายถึงตัวคนอ่านเองนะ
เขินๆๆๆๆ ยิ้มเป็นบ้าหน้าคอม
ฝันดีจ้าน้ำพุ พี่เกียร์ คนเขียนด้วย
-
อัพเรื่อยๆ เม้นท์เรื่อยๆ
ขอให้หวานๆ โรแมนติกแบบนี้ไปเรื่อยๆ
อย่าได้มีอะไรมาฉุดกระชากอารมณ์แบบเรื่องพี่เล่ย์น่ะ
ว่าแต่ ทำไมพุน่ารักแบบนี้ล่ะ
-
ย้ายไปอยู่กับพี่เกียร์สักทีสิพุ :o8:
พี่เค้าจะได้ไม่ต้องใส่สูทไปกินข้าวต้มแบบนี้อีก อิอิ :laugh:
-
หวานเชียว
แต่มาแป๊กไอ้ข้าวต้มกุ๊ยนี่แหละ 5555 :m20:
-
หล่อนกล้าเดินมาขอลายเซ็นคนหล่อได้ไงอ้ะะะ
แบบไม่รู้ว่าดาราป้ะ อะไรงี้
ขอไว้เผื่อดังเราะ!?
55555
พี่เกียร์เท่ไปแปดโลกกกกกกกก
>,,<
ตอนที่บอกว่า "นิ้วข้างๆไว้ใส่พร้อมกัน" อ๊ากกกกกกก
เขินมากกกกกกกก!!
-
หึหึหึ...
อ่านไปก็ยิ้มไปให้ตายสิ พี่เกียร์ช่างไม่รู้ตัวเองเล้ยยย~ ว่าแค่พี่ไม่แต่งเต็มสูตรพี่ก็เด่นเกินมนุษย์โลกอยู่แล้ว แต่นี่พี่เล่นใส่ทักสิโด้ไปกินข้าวต้มข้างทาง ขอบอกว่าพี่มั่นมาก!!!
-
อ่านไปยิ้มไป
พี่เกียร์นี่ไม่แคร์สื่อจริง ๆ เลย ^^
-
น่ารักอีกแล้ว ทั้งจูบนิ้ว ทั้งจองนิ้วข้างๆไว้ก่อน ทั้งรีบมาจนลืมเสื้อผ้าทุกสิ่งอัน
กรีดร้องงงงงง หลับฝันดีแน่เลยคืนนี้
พี่เกียร์ไม่สะท้านสายตาชาวบ้านสุดๆ มั่นอย่างเป็นธรรมชาติ
ส่วนสาวๆนี่ ไม่ได้ลายเซ็นต์ก็ไม่ต้องขอเบอร์ต่อนะจ๊ะ
-
ดีใจมาต่อแล้ว เกียร์น่ารักใส่ใจน้องพุมาก รักกันหวานมาก ขออย่าให้มีอุปสรรคเลย
-
น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกก :-[
พี่เกียร์กับพุน่ารักจริงๆ อ่านแล้วยิ้มไม่หุบเลย
แต่สงสัยที่พี่เกียร์บอกว่าพี่เล่ย์ตัวเล็กกว่า เอิ่มมม...
คือตอนนี้ตัวพี่ไซส์อะไรเหรอคะ เบ้อเริ่มเทิ่มหรือเปล่า :laugh:
ชอบที่พี่เกียร์ไม่แคร์สื่อไม่แคร์อะไรนี่แหละ
มั่นใจดี ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ o13
บวกกกกกกกกกกให้คุณเรนโบว์ รักนะจุ้บบบ :กอด1:
-
ฮาอะ มาขอลายเซ็นต์พี่เกียร์
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
5555555+..... ฮาว่ะ!!!!!
-
:impress2: :กอด1:
สรุปว่า ซ่อนกล้องใช่มั้ย :laugh:
-
พี่เกียร์คงรีบมาก หล่อทีสุดเลยคืนนี้
-
555.... ขอลายเซ็นต์ เหอะๆๆๆ
-
พี่เกียร์โรแมนติกมากเลยเนอะ รีบเอาของขวัญมาให้น้องก่อนเที่ยงคืน แหวนน่ารักจัง
ชอบที่บอกที่นิ้วนางจะใส่พร้อมกัน หวานไปไหนๆๆๆ แถมคืนนี้พี่แกก็หล่อม้าก
จากที่ปกติหล่ออยู่แล้วจนมีคนคิดว่าเป็นดารา ฮาอ่ะ อิจฉาน้ำพุเบาๆ
:pig4:
-
ความจริง......ผมก็ไม่ได้อะไรเท่าไหร่นะ แต่ถ้าให้พูดจากมุมมองของผม ผมว่าตั้งแต่เป็น Unintentional Love เนี่ย มันดูไร้ประเด็นไปนิดนะ (ความจริงต้น Chapter เขาก็บอกแล้วว่าเป็น Romance....แต่ผมเป็นคนอ่านโรแมนซ์ที่ไม่มีประเด็นแล้วหงุดหงิด อย่าถือสานะครับ >.<)
ถ้าพิจารณาจากตัวละครที่เป็นเกียร์กับพุ ผมก็พอเข้าใจอยู่ว่าเป็น faith regain phase... แต่อย่างนี้มันดู...เรื่อยเปื่อยไปนิดนึงนะ
คือผมเข้าใจนะ พล็อตเรื่องนี้ตอนแรกมันดูลูกกวาดมาก เลยเป็น Straight Line ตั้งแต่ต้น แต่พอมาเจอพล็อตของแพทกับฮัลเลย์ ตรงนี้ทำให้กราฟดูซับซ้อน น่าอ่านมากขึ้น แล้วจากนั้น ผมคิดว่า Climax ของเรื่องคือการให้ฮัลเลย์ตาย
แต่หลังจากนั้น กราฟมันดูนิ่งมาก คือเป็นเส้นตรงมาจนถึงปัจจุบันเลยนะครับ ถึงผมจะเก็บรายละเอียดเรื่องที่เกียร์ให้ยามช่วยดูพุ เรื่องซอลกับน้ำ เรื่องของพี่แพท มันก็ยังดู...ไม่เชื่อมต่อกันอยู่ดี เหมือนเป็นพาร์ทๆที่เหมือนแค่เติมเข้ามาในรายละเอียดเรื่อง
แต่มันมีที่ไม่เข้าใจอยู่บางจุดครับ
I. จุดแรก ผมเข้าใจนะว่าการที่ไม่มีฮัลเลย์น่ะมันน่าเสียใจ ผมชอบบทอารมณ์ตอนที่เกียร์ชวนพุไปทะเลนะครับ แต่การเล่นยิงยาวเรื่องอีโมชั่นรวมทั้งหมดเกือบสิบบท (จนถึงบทฮัลเลย์เป็นวิญญาณ) อันนี้มันก็...ยาวไปนิดนะ [แต่ความเห็นอันนี้อาจจะเป็น Personal Feeling เพราะการมานั่งจมกับ anxiety และ grievous มันไม่ใช่สไตล์ผมเท่าไหร่ ผมจะเป็นพวกเข้าใจแล้วปรับอารมณ์ ปรับทัศนคติ แบบนั้นซะมากกว่า]
II. จุดสอง เรื่องของแพท ผมว่าผมไม่ได้คิดไปเอง แต่การบรรยายเกี่ยวกับแพทดูมีมิติมาตั้งแต่ต้น ถ้าคิดไม่ผิด ผมว่าคนเขียนน่าจะให้บทแพทเยอะ แต่พอมาเจอกระแสเลยทำให้ปั่นป่วนเล็กน้อย เพราะว่าเท่าที่สังเกต แพทมีลักษณะทางกายภาพเทียบเท่าเกียร์และฮัลเลย์เลยนะ สูงเกือบเท่ากัน ตัวหนา หน้าคมคาย (บทแรกๆบอกว่าหน้าตาดีสูสีกับฮัลเลย์ด้วยซ้ำ) ถึงแม้ว่าระบบความคิดอาจจะยังเด็ก แต่ก็ธรรมดาของมนุษย์ที่ยังไม่เติบโตทางอารมณ์ในระดับผู้ใหญ่
ทีนี้จุดที่ผมสงสัย คือแพทเหมือนมีส่วนร่วมเป็นระยะๆในเรื่อง มันไม่ปะติดปะต่อ ทำให้เดา trend ได้ยากมาก ซึ่งผมงงว่าทำไมตัวละครที่(ดู)สำคัญขนาดนี้ บทมันถึงกระจัดกระจาย? เพราะจะบอกว่าให้แพทมาแย่งพุ มันก็ไร้สาระเกิน เพราะตามคาแรกเตอร์ แพทเป็นรุ่นพี่สายรหัสที่ดีคนหนึ่งเลยนะครับ การกระทำเค้าไม่น่าจะไร้สาระถึงขั้นนั้น (ต่อให้ระบบความคิดเด็กแค่ไหน แต่นี่เป็น Sense of duty ของรุ่นพี่ต่อรุ่นน้องเลยนะครับ)
ผมคิดว่าการทำให้บทความหนึ่งน่าอ่าน มันจำเป็นต้องมีตัวละครที่มี Strong sense of judgement ให้เราเป็นหลักยึด ไม่งั้นเรื่องจะแกว่งตามอารมณ์ตัวละครประกอบ ตอนแรกเรื่องนี้ก็คือฮัลเลย์ แต่พอตอนนี้มันไม่ใช่และไม่มี เรื่องมันเลยแกว่งน่ะครับ
-
:ling1: น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :hao5:
พี่เกียร์ตัวใหญ่กว่าเฮียเล่ย์อีกอ่ะ :katai1:
-
รัศมีดาราพี่เกียร์กระจายวุ้ย
หรือแค่หาเรื่องเข้ามาคุยก็ไม่รู้
-
พี่เกียร์น่ารักอ่ะ ใส่ใจพุดีจริง ๆ แต่ยังไม่ลืมพี่เล่ย์หรอกนะ ยังอยู่ในใจเสมอแหละ
-
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
-
ตามอ่านเรื่อยๆ สนุกค่ะ มีบทหวานๆแทรกมาแล้ว
ปล.เวลานักเขียนมาหยอดเติมตอนท้ายเรื่อง ลำบากมากถ้าอ่านในโทรศัพท์
ขึ้นโพสใหม่เลยได้ไหมคะ? ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร :ruready
-
พี่เกียร์น่ารักมากกกกก :mew3:
เอาใจไปเลยพี่ :mew1:
-
555 เกียร์สั่งซะจดไม่ทันเลยทีเดียว
-
หล่อเกินก็งี้แหละนะพี่เกียร์ แฟนใครก็ไม่รู้เนอะน้ำพุ :o8:
-
:กอด1:
-
พี่เกียร์ฮาดีอะ
-
:hao6: :hao6: :hao6: :hao6:ก็พี่เกียร์หล่ออะซิ :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
-
จะมามั้ยน้อ... จะมาไหมหนอ...
-
เหมือนโดนเจ้ากรรมนายเวรมาตาม :ling3:
คนเขียนดื่มกาแฟเยอะจนเลือดจะเป็นสีน้ำตาลอยู่แล้ว :katai1:
ใจนึงก็อยากให้คุณเรนโบว์ได้พักอีกใจนึงเราก็อยากเจอพุกับพี่เกียร์ทุกวันอะ :laugh:
เอาเป็นว่าให้ขึ้นอยู่กับคุณเรนโบว์แล้วกันค่ะ ยังไงเราก็รอเสมอ :กอด1:
ปล.สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญนะคะ
ปล2.หากเธอพักขอจงอย่าพักนาน~
-
อร๊ายยยยย เป็นเรา เราก็ทำงี้อะ :-[ จิ้นเวอร์!! :impress2:
-
อ่านได้แค่หน้า 30 พอเจอตัวหนังสือแดงๆไม่สามารถอ่านต่อได้จริงๆ
อยากเก็บความทรงจำดีๆ อยากอ่านแล้วมีรอยยิ้มตลอด
ขอโทษด้วยนะครับที่ใจไม่แข็งพอ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆครับ
-
พี่เกียร์โหดแบบแอบๆนิ :katai3:
-
ฟังพุเล่าเรื่องพี่เกียร์พี่เล่ย์ที่ไรเราต้องอมยิ้มตลอดเล^^
-
ขอโทษนะคะ ไม่รู้ว่าทำให้รู้สึกแย่รึเปล่า
จริงๆ แค่อยากจะบอกว่าชอบเรื่องนี้มากๆ ก็เลยมักจะเปิดเข้ามาดูวันละหลายๆ รอบ พอเปิดเข้ามาดูก็เลยเม้นท์ให้ไปด้วย ไม่ได้ตั้งใจตามทวงแบบเจ้ากรรมนายเวรเลยจริงๆ นะคะ TT..TT
กอดๆ คนเขียนนะคะ
-
นึกว่าคืนนี้จะไม่ได้อ่านตอนใหม่แล้ว ขอบคุณก๊าบที่มาต่อ :กอด1:
ดีแล้วที่พี่เกียร์จะเลิกบุหรี่ ดีมากกก o15
-
คงตัวใหญ่แถมแรงเยอะ
ขนาดหักแขนคนอื่นแบบไม่ตั้งใจอ่ะ :hao4:
-
อ่านแล้วฮาอะ ตลกพี่เกียร์ ทุกอย่างเพราะความอยากแมนทั้งนั้น :jul3:
แต่ชอบมากจริงๆความสัมพันธ์พี่น้องของพี่เล่ย์พี่เกียร์อะ
ไม่ว่าจะเล่าผ่านมุมมองไหนเราก็มองว่าพี่น้องคู่นี้เหมือนเป็นอีกครึ่งนึงของกันและกัน
ที่ตัดยังไงมันก็ไม่มีทางขาดหรือลบเลือนอีกส่วนไปได้ อ่านแล้วโคตรมีความสุข o13
อยากอ่านทริปตอนไปทะเลต่อจัง คงมันส์น่าดู แต่ละผู้ละคน :katai2-1:
ปล.เราว่าพี่เล่ย์คงจำไม่ลืมอะว่าครั้งนึงเด็กชายน้องเกียร์ที่ปัจจุบันตัวไม่เล็กเลย
จะเคยแทนตัวเองว่าเกียร์อย่างโน้นอย่างนี้ พี่เล่ย์จะอย่างนั้นไหม
มันเคยน่ารักขนาดไหนก่อนที่มันจะอยากแมน :laugh:
-
:katai2-1: :katai2-1: อยากเห็นฉากทะเลหวานๆๆๆจัง :katai3: :katai3:
-
คงต้องหลีกเลี่ยงการทะเลาะกับพี่เกียร์เป็นดีที่สุด กลัว ๆ
-
มา แค่ นี้ เอง
แต่ก็ยังดี 555
แรงเยอะเนาะ?
-
พี่เกียร์...แจกๆ กำลังลุ้นอยู่ เดี๋ยวขาดตอน
ตกลงใครได้ใครเสีย :katai1: (อุ้ย..ลืมตัว)(ล้อเล่นนะ :laugh:)
คิดถึงบรรยากาศตอนไปเที่ยวกับเพื่อนเลย หาอะไรสนุกๆทำกัน
-
พี่เกียร์ ฮรืออออออ ชอบจังงงง ดูเผินๆ เหมือนคุณชายแต่ที่จริงแอบเลวนะ 555555555555
-
รีพลายมันรันเร็วมากอ่ะค่ะ ต่อท้ายตอนเก่า อ่านในมือถือมันลำบากชิงๆแหละ เลยต้องอ่านแล้วมาเม้นในคอมแทนตลอด :katai4:
แต่ไม่เป็นไร เพื่อน้องพุ เรายอมลำบาก อิอิ :mew1:
แค่คนเขียนมาต่อให้ทุกวัน ก็ดีใจเหมือนถูกหวยแล้วจ้าาาาา :กอด1:
-
กว่าจะถึงทะเลสงสัยเพื่อนพี่เกียร์จะหมดตัวก่อนอ่ะ 5555
-
เพื่อนของพุมาครบทีมคิดถึงตอนเมื่อก่อนที่ไปเที่ยวทะเลกันยังฮาไม่หายเลย
-
อยากหุ้นกับพี่เกียร์จัง
-
ได้เจอน้องพุ พี่เกียร์ (แถมพี่เลย์นิดๆ)ทุกวันเลย :กอด1:
-
กว่าจะถึงทะเลพี่เกียร์คงจะกลายเป็นอาเสี่ยรวยเละ
ดูจะมีดวงเหลือเกินนะพ่อคุณในเรื่องแบบนี้เนี่ย :laugh:
-
พี่เกียร์น่ารักอ่ะ เหมือนลูกยักษ์ที่ชอบเล่นแต่กะแรงไม่ถูก คนเล่นด้วยเลยเจ็บกันระนาว 5555+++
-
พี่เกียร์ รู้สึกว่าจะเซียนในด้านการพนันนะ เหตุผลการติดบุหรี่ของพี่เกียร์นี่ไม่ไหวนะอยากเท่ห์ เท่ห์ มาก ๆๆ เดี๋ยวเป็นมะเร็งตายไปก่อน พุเป็นหม้ายอีกละแย่เลย แซวเล่น ดีใจที่พี่เกียร์จะเลิกบุหรี่แล้ว
ดีใจที่ The gang กลับมาเที่ยวกันครบถ้วน แถมได้แกงค์พี่เกียร์ช่วยเสริมอีก มองท่าจะยิ่งสนุก รอฉาก sweet หวานที่ชายทะเล :katai2-1: :mew1:
-
:katai2-1: แต่ละวีรกรรมฮาๆทั้งนั้น
-
:hao6: :hao6: :hao6: :hao6:ดุ๊กหมดตัวแน่ๆ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
-
ขอบคุณที่มาต่อให้ได้หายลงแดง
บวกและเป็ด^^
-
มาสั้นๆแต่มาบ่อยๆก็ขอบคุณคะ :L1:
:pig4:
-
พี่เกียร์โดดเด่นแล้วนะ เทพว่ะ เก่งทุกเรื่อง :m4:
-
555555 ตลกแกงค์นี้จัง
-
พี่เกียร์...มาดคุณชายมันแค่เปลือกสินะ o22 o22
-
หน้าตาดี ฐานะทางบ้านดี แถมดวงยังดี พี่เกียร์มีอะไรที่ไม่ดีบ้างเนี่ย :laugh:
คืนนี้จะได้อ่านต่อไหมนะ เห็นคนเขียนออนด้วยแหละ ลุ้นๆ :o8:
-
:mew5: :mew5: :mew5:น้องพุบวยซะแล้ว :mew5: :mew5: :mew5:
-
พี่เกียร์ไม่ธรรมดามาแต่เล็ก :mew5:
ไม่ได้ใช้คอมเลย วันนี้เพิ่งมีโอกาสใช้อีโมใหม่ :hao5:
-
เอาอีกกกกกกกกกกกกกกกกกก >.<
พุพาลอะ ฮ่าๆ ตัวเองไม่สบายนี่นา
พี่เกียร์เขาห่วงหรอกถึงไม่ให้เล่นน้ำอะ
-
หวานกันได้แป๊บๆ จะจากกันอีกแล้วเหรอออ พี่เกียร์หนีบพุไปด้วยน๊า :z3: :ling1:
-
แอบรู้สึกว่าพี่เกียร์กลัวพุเปลี่ยนใจป่าวหว่า ก็นะ เวลาตั้งสองปีอะไรก็เกิดขึ้นได้.... แต่สำหรับพุ เรามั่นใจว่าไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแน่นอน พี่เกียร์อย่าคิดมากนะจ๊ะ หนักแน่นเข้าไว้
แต่เอ๊ะ... นี่เป็นข้ออ้างที่จะมัดมือชกพุรึเปล่าน้อ~
กอดๆ คนเขียนนะคะ เหนื่อยนักก็พักบ้างไรบ้าง ^^
-
โอ๊ะ พี่เกียร์ขอพุย้ายไปอยู่ด้วยแล้วเว้ยเฮ้ย
-
ไม่อยากให้ห่างกันเลยอ่ะ
พุย้ายไปเรียนที่นู้นได้ป่าว
-
:katai1: :katai1: :katai1: เค้าสองคนจะต้องอยู่ห่างกันอีกแล้วใช่มั๊ยเนี่ย ม่ายยยยยยยยยยยยย
-
เราก็ลืมไปเลยว่าคณะพี่เกียร์มันมีเรียนที่ออสด้วย :z3:
ไม่อยากให้ห่างกันเลยยยยยยยยยยยยยยย :katai1:
หวานๆอยู่ดีๆ สะดุดซะงั้น ถึงจะเป็นเทอมหน้า แต่เวลาที่เหลืออยู่ก็ไม่มากเลย :เฮ้อ:
ดังนั้นนับตั้งแต่ตอนนี้ ทั้งคู่เลยโปรดใช้เวลาให้คุ้มค่า พุก็รีบย้ายไปอยู่กับพี่เกียร์ซะนะ
จะได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขและคุ้มค่า
พี่เกียร์ดูหงอยมากอะ น่าสงสาร ท่าทางกังวลน่าดู
แต่อย่ากังวลเลยพี่ พุไม่เปลี่ยนใจหรอกน่า :กอด1:
ปล.บวกกกกกค่าและจะตั้งตารออีกสองวันนะคะ :L2:
-
พอครบสองวันเมื่อไหร่ เราจะรีบมาตามทวงเลยนะ หุหุ :katai2-1:
-
ติดของหวานงอมแงมแล้ว ไม่อยากกินมาม่า
-
กิ๊ดดดดดดดดดดดดดด พี่เกียร์ ให้น้องพุกะไปอยู่ในสายตาตลอด 24 ชม เลยใช่ไหมค้าาาา
อร๊ายยยยยยยยยยยยยย
-
อื้อหือ :hao6:
พี่เกียร์แกกะจะกักตุน+แสดงความเป็นเจ้าของไว้ก่อนเลย :hao3:
-
555+ :hao4:
-
มีช่วงที่พี่เกียร์กะพุห่างกันนานเพราะไปเรียนต่อนอกด้วยหรอเนี่ย :m15:
คุณ rainbow67 ไปสองวัน แล้วรีบกลับมาต่อนะ จะรอ หรืออัพอีกสักตอนก่อนไปก็ดีนะ :mew1:
-
น่านนนน พี่เกียร์ขอแล้วนะพุ ว่ายังไงล่ะตะเอง :hao5:
-
กรี๊ดดดดดดดด
ย้ายไปเลยๆๆๆๆ
พุเก็ทอะไรง่ายมากอ่ะ อ่อยยย
ดีจัง คิดถึงก็ไปหาเนาะ!!
^^
-
สองปี.. จิ๊บ ๆ เนอะ
พุเป็นคนมั่นคง พี่เกียร์ไม่ต้องเป็นห่วง
รอคุณเรนโบว์อีกสองวัน ^^
-
กลายเป็นพุต้องคอยมานั่งบอกนั่งปลอบพี่เกียร์เลยนะเนี่ย ฮ่าๆๆ
ถึงแม้ปกติเราจะมองว่าน้องพุมีความเป็นเด็กบ้างแอบเบลอน่ารักบ้าง
แต่จริงๆแล้วก็เป็นผู้ใหญ่ เข้าใจง่าย มีเหตุผล มีมุมที่คิดเยอะแต่ก็คิดแล้วหาทางออกจบมันได้ด้วยตัวเอง
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ประกอบรวมกันแล้วทำให้ดูน่ารักมากๆ *ชูป้ายไฟ*
จริงๆก็แอบเศร้าและใจหายที่จะต้องห่างกันไกลอีกสองปีแน่ะ ก็กลัว แต่อีกใจก็คิดว่าสองคนนี้เค้ามั่นคงอยู่แล้วเนอะ
หลังจากนี้ก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเยอะๆก่อนจะต้องตัวห่างกัน ย้ายไปอยู่ด้วยกันเลย เย้ๆ
รอคุณเรนโบว์อีกสองวัน
:katai4: ชอบอิโมนี้ เพิ่งได้เม้นต์ในคอม อยากใช้บ้างไรบ้าง ฮ่าๆ
-
ว่าไงน๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :katai4:
จะหายไปตั้งสองวัน!! :a5:
เพราะฉะนั้น เพื่อทำการไถ่โทษ จงอัพเยอะๆๆๆๆ หุหุหุหุ :hao3:
-
อ๊ากกกกกกก คนเขียนหายไปสองวัน ทุรนทุรายกว่าพี่เกียร์จะไปออสเตรเลียซะอีก :ling1:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
ครือว่า เราก็เกาะติดเรื่องนี้มาโดยตลอด ตอนพี่เล่ย์ตายก็จิตตกไปหลายวันเลย :hao5:
ตอนนี้กลับมาอ่านใหม่ เริ่มไม่ไว้ใจคนแต่ง :ling3:
แบบว่ามีลางบอกมาแต่ไกล ตั้งแต่พี่เล่ย์มาเข้าฝันพุเรื่องถ้าจะให้มารับก็จะมา แถมพุยังเลือดกำเดาไหลบ่อยๆ หวังว่าจะไม่เป็นลูคีเมีย หรือโรคร้ายแรง ที่ให้พุนอนพะงาบๆ แล้วพี่เล่ย์มาเข้าฝันให้เลือก จะเลือกพี่เล่ย์หรือพี่เกียร์ ถ้าเป็นจริงคนแต่งจะกลายเป็นคนแต่งใจร้ายแห่งปีเลย :ling1:
-
ป่ะ ย้ายกันเลย
สองปีไม่นานหรอก แต่จะมีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลง หวังว่าคงไม่ใช่ใจทั้งสองนะครับ,,,,
-
อยากจะบอกคำเดียวเลยว่า "ลงแดง.....แล้ว!!!"
อยากอ่านต่อ!!!!!!!!!!!!!
-
เข้ามากดบวกให้อีกที
พี่เกียร์คร้าบบบบบ
คนอ่านจาลงแดงงงงงงง!!!
-
รักพุ มากขึ้นทุกวัน
ชอบนะ นายเอกแบบนี้ ไม่ง้องแง้งงอแง แต่น่าก(อ)ด
เกียร์ตื้บคนอ่านจมดิน
-
แค่สองวันเน้ออย่าหายเงียบไปเลย :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
-
ชีวิตจริง...ก็อย่างนี้
-
พุก็ตามไปทีหลังสิเนาะ ไม่ยากหรอก
-
:กอด1:
-
พุน่าจะย้ายไปอยู่ด้วยกันนานแล้วนะ พี่เกียร์จะได้ไม่ต้องลำบากมาส่ง ดูแลง่าย อิอิ
-
ง่ะ ยังสวีทได้ไม่เต็มสตรีมก็มีอันจะต้องแยกกันแล้วเหรอ
อย่างน้อยขอฉากหวานๆของน้ำพุกะพี่เกียร์อีกซัก(หลาย)ตอนก็ยังดี
-
^^
-
ชอบความเห็นของคุณnabua ทำให้คิดได้ไม่นะคนเขียนห้ามเขียนให้พุตายนะ อ่านเรื่องนี้ระแวงหลายอย่าง5555
-
:mew4: :mew4: :mew4: :mew4:คงไม่ได้อ่านหลายวันเพราะปิดเทอมต้องไปต่างจังหวัด :mew4: :mew4: :mew4: :mew4: :mew4: :mew4:
-
เหมือนจะเห็นคุณเรนโบว์อยู่แวบๆ :laugh3:
แวะเข้ามารอ มาทวงกันตั้งแต่ตอนนี้เลย o11
เอาตอนใหม่มาซะดีๆ มามะมามะ :oni3: :oni3: :oni3:
-
แล้ววันนี้จะมาไหมน้อ รอตอนต่อไปค่า :mew3:
-
:-[ :-[ น่ารักกก
-
โอ้ จะจบแล้วหราเนี้ย อะพุจะเสร็จพี่เกียร์ป่าวนิ อิอิ ในที่สุดพุก้อ... อิอิ
-
:katai2-1: :katai2-1:เค้ามาอยู่ด้วยกันแล้ววววว :hao6: :hao6:
-
คนเขียนกลับมาพร้อมข่าวร้ายอ่า อีก 4 ตอนจะจบแล้วเหรอคะ แงๆๆ :hao5:
อุตส่าห์เนียนฉลองไปกับพี่เกียร์ที่พุย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วอ่า :katai3:
-
จะจบแล้วหรอออ อ
-
โ้ว้ววว เค้ามาอยู่ด้วยกันแล้ว :mew3:
จบจริงอ่ะ :ling1:
-
พุน่ารักเสมอเลยยยย
จะจบซะแบ้ววววววว -*-
-
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[ น่าร้ากกกกกกกกกก อิอิ
-
น่าร๊ากกกกกกกกก ชอบบบ ไม่ไหวแล้วว มีความสุขจังงง
ว่าแต่ ทำไมจะจบแล้วอ่าาาา ม่ายยยยยย :ling1:
ปอลอ ขอโทษที่ไม่ได้มาเม้นเลยนะ อ่านแต่ในมือถือ จำพาสเข้าเล้าไม่ได้ ห้าๆๆๆ นี่ถึงกับต้องเปิดโน๊ตบุ๊ค คิคิ ติดตามอยู่ตลอดน๊าา
-
ย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้วว
เสียดายที่จะจบแล้วอ่ะ
ถ้าจบแล้ว ขอตอนพิเศษอีกหลาย ๆ ตอนได้มัืยคะ ^^
-
น่ารักอะ เพื่อนฝูงพี่เกียร์กับพุนี่พากันเฮฮาดีจริงๆ :laugh:
ปล.จบแล้วรวมเล่มเลยนะคะคุณเรนโบว์
อยากได้พี่เล่ย์มาครองใจจะขาด :katai2-1:
-
:mew3: น่ารักนะเรา
-
:mew4: :mew4: :mew4: :mew4:จะจบแล้วเหรอ :katai1: :katai1: :katai1:
แง่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆวันที่สองเค้าต้องไปชลแล้วแถมบ้าบยังอยู่หลังเขาไม่มีเน็ตใช้อีกต่างหาก :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
:ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
-
พี่เกียร์โครตน่ารัก แต่น้ำพุน่ารักกว่า เป็นเหยื่อของแฟนตัวเองและเพื่อนตล๊อดๆ
โดนแซวโดนแกล้งมันเช้าสายบ่ายเย็น 555
-
ฉลองด้วยยยยยยยย
:กอด1:
-
กอดๆ คนเขียนนะคะ หายไปสองวันคนอ่านคิดถึง >///<
ในที่สุดก็ย้ายมาอยู่ด้วยกันซะที ดีใจมากๆ ที่พี่เกียร์จะได้ดูแลพุได้อย่างเต็มที่ด้วยเลย คราวนี้ก็ไม่ต้องเทียวมาเทียวไปละนะ ^^
งานเลี้ยงฉลองของคู่บ่าวเล็กบ่าวใหญ่บรรยากาศครื้นเครงน่าดู แต่แอบสงสารพุนิดหน่อยตรงทียังคงความน่ากลั่นแกล้งไม่เปลี่ยนแปลง 555
ปูลู. แอบใจหายอีกสี่ตอนเองเหรอคะ TT..TT
-
มาน้อยจัง :mew2:
-
เพื่อนของพุกับเพื่อนของพี่เกียร์นี่ฮาทุกคนเลย
-
รวมเล่มนะ จะรอ
-
มันค้างงงงงงงงงงงงงงงงค่ะคุณเรนโบว์ :z3:
เราว่าตอนพุอาบน้ำพี่เกียร์มีสิทธิ์เปิดมาเจอนะ :laugh:
ถึงจะล็อคประตูห้องนอนแน่ใจได้ไงว่าจะเอาพี่เกียร์อยู่
เกิดอยู่ดีดีนภสินธุ์ห่วงแฟนอยากเดินเข้ามาดูจะทำยังไง :hao6:
โอ้ยยยย อยากอ่านอีกกกกกกกกกกกกกกกก o18
ปล.เรื่องนี้เท่าไหร่ก้ไม่เคยพอจริงๆ :กอด1:
-
อ่อยยยยยย
อยากอ่านไปเรื่อยๆ
สนุกมากเรื่องนี้!!!
เห็นพุกะพี่เกียร์มีความสุขเราก็ดีใจ ^^
ปล. อย่าลืมน้องนอยนะ เรายังรออยู่!!!
-
ไม ดุ๊ก ไม่อ้าปากรับไส้กรอกล่ะ พลาดของอร่อยแล้วแก :katai5:
-
จะจบจิงหรอ ไม่ยอมๆๆๆ :z3: :z3: :z3:
-
จะจบแล้วเหรอออออออออออออออออ ;^;
:ling1:
-
ห้ามอินจนบทสุดท้าย ทำไม่ได้ อินทุกตอน
ตอนนี้รอเข้าหอของจริง :ling1:
-
อาบน้ให้ซะด้วยนะพี่เกียร์
-
อั๊ยยะ อั๊ยยะ!!!
พี่เกียร์จะกินตับพุในห้องน้ำเหรอคะ?
-
รอคุณเรนโบว์ไปทำวิจัยก่อน :hao3:
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด เราว่าแล้วววว :m3:
แต่มันค้างงงงงงงงง ค้างกว่าเดิมอีก :katai1:
ล่อแหลมมากค่า พุไม่รอดเงื้อมือพี่เกียร์แน่ๆ :haun5:
-
เสียง ชีสสสสสสส์ นี่เป็นเอกลักษณ์ของพี่เกียร์ไปแล้ว
ฟังแต่ละครั้งก็จะรู้สึกแตกต่างกันไป แต่ครั้งนี้รู้สึกจั๊กจี้จัง แอบยิ้มแก้มแตก อิอิ เขินอ่ะ
บวกกับประโยค อย่าดื้อ ...เห็นแล้วก็รู้ว่าพุไม่รอดแน่ๆ
โอ๊ยๆๆๆๆ อยากจิกรีดร้องงงงง
จะจบแล้วเหรอคะ ฮือออ ใจหายสุดๆ
พอพี่เกียร์กับพุเริ่มเข้าที่เข้าทาง เวลาแห่งความสุขของเราก็เริ่มนับถอยหลังอีกแล้ว
แต่ก็ยังดีที่มีเวลานับถอยหลังให้ทำใจ (แอบกระซิบขอตอนพิเศษอีกเยอะๆนะคะ ฮี่ๆๆๆ)
-
:ling1: :ling1: :ling1: :ling1: ค้างงงงๆๆ :katai5:
-
แหงะ ใกล้จบแ้ล้วก็เริ่มใจหายอะ
-
พุไม่รอดแน่ :-[
-
อ๊ากกกกกกกก :serius2:
ค้างแบบนี้ เอามีดมาแทงเค้าเลยเถ๊อะะะะะะ :ling1:
-
ว้าว :-[ :-[ :-[ :-[
-
วิจัยเสร็จไวๆ นะคะ
สาธุ
-
ฮืออออออออ
เขินน
>< พี่เกียร์อาบด้วยช่ะ แง๊ ๆๆๆ
เขินไปแปดโลกอ่ะ !!
-
รอๆๆๆๆ
-
คู่นี้กำลังจะหวานขึ้นเรื่อยๆ :L2:
-
แหม่... อย่าดื้อด้วย!!!!
-
น่ารักทั้งคู่เลยอะ
ยังไม่อยากให้จบเลยสนุกมากๆๆๆ
-
หุๆ พี่เกียร์ก็จะทำวิจัยมั่งแระ 555
-
อาบน้ำด้วยกันด้วย
น่ารักมากๆๆ
ใกล้จบแล้วหรอ ยังอยากอ่านต่ออยู่เลย
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :m10:
เอามาต่ออีกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :z3:
มันค้างมากกกกกกกกกก ยิ่งอ่านยิ่งค้าง o9
คืนนี้ไม่จบตอนนอนไม่หลับแน่ๆ :serius2:
รอคอยต่อไปค่ะ ได้กดรีเฟรชกันทั้งคืนชัวร์ o18
ปล.คุณเรนโบว์อย่าลืมเปลี่ยนเวลาที่เฮดค่ะ :m26:
-
:ling1: :ling1: :ling1: ค้างกว่าเดิมอีกกกกกก ล่อแหลมมากกกก :z3:
-
อุ๊ยตาย ดีนะเนี่ยที่เข้ามาอ่านเจอคอมเม้นต์ล่าสุด รีบเผ่นไปดูหน้าที่อัพ
พี่เกียร์อ่าาา เจ้าเล่ห์ขี้แกล้งจริงนะ อ่านไปอมยิ้มแก้มตุ่ย คิกๆๆ
ค้างได้อีก
-
อุ้ย คุณเรนโบว์มาต่อแว้วก็มะบอก อิอิ :impress2:
ขอเขิลลลลลลลลล ต่อจากเมื่อวาน อรั๊ยยยยยยยยย่ะะะะ :-[ :-[ :-[
-
คู่นี้ก็น่ารักนะ
แต่บางทีก็อดคิดถึงเล่ย์ไม่ได้ (เป็นพวกรักฝังใจ) อิอิ
-
เอาทุกซีนอ่ะ ชอบพี่เกียร์หวานๆๆๆ :katai2-1:
-
รอlove scene กลายพันธ์เป็น sex scene อ๊ายยยยยย ไม่หื่นเลยช้านนน :-[
-
nc ซักนิดก้อดีนะคะคนเขียน พอกระชุ่มกระชวย :impress2:
-
อ่านแล้วอยากได้ยาดมยาลมยาหม่อง :m10:
หวิวมากกกกกกกกกกก อร๊ายยยยยยยยย :impress2:
แต่มันยังไม่ขั้นสุดเลยนะคะ #ความคิดนี่ส่อมาก :haun5:
อยากอ่านอีกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก o13
ปล.ร้ากรักคุณเรนโบว์ บวกค่า :L2:
ปล2.หากรวมเล่มแล้วมีตอนพิเศษขอรีเควสฉากนี้
แต่เปลี่ยนเป็นดาวฤกษ์+น้ำพุแทนได้มั้ยคะ คิดถึงมากอะ :กอด1:
-
:
จัดไป :mew1:
คุณเรนโบว์น่ารักที่สุดในโลกหล้า :m11:
อยากจะกระโดดหอมแก้มสักสิบที :give2:
-
ไม่รู้สินะครับ......
สำหรับตัวผมเองนะ เวลาผมเลือกเปิดหนังสือหรือเลือกซื้อหนังสือวรรณกรรม ส่วนมากผมไม่ค่อยเปิดหาฉากเรทเท่าไหร่นะครับ โอเคล่ะ เรามองว่ามันเป็น Part ที่ใช้เพื่อกระตุ้นให้คนอ่านอยากอ่าน (ถ้าให้พูดสาเหตุโดยตรง เป็นเพราะเราถูกปิดอยู่ในกรอบของการมองว่าเซ็กซ์เป็นเรื่องที่ควรเก็บและกด ฉะนั้นการมีฉากอัศจรรย์มันทำหน้าที่เป็นเหมือน Releasing Agent ตัวหนึ่งที่ปลดกิเลสตรงจุดนี้ มนุษย์ที่ถูกกดด้านนี้มากๆเลยอยากจะอ่านเพื่อคลายและปลดอารมณ์ที่กดอยู่ข้างใน)
แต่สำหรับผม เรื่องเซ็กซ์ถือเป็นเรื่องเฉยๆนะ เพราะว่าฉากเรท เขียนไปมันก็ไม่ได้กระทบเนื้อเรื่อง ถ้าบรรยายสามบรรทัดแทนฉากเรท มันก็สื่อความหมายได้เหมือนกัน (ยกเว้นคุณจะเล่นเรื่องอารมณ์ ; เช่น ความสุขสมแบบ SM ความอ่อนไหวทางความรู้สึก หรือความละเมียดละไมของการกระทำระหว่างจ้ำจี้ การที่เรา้เน้นตัว Feeling ของคาแรกเตอร์ระหว่างที่ถูกกระทำชำเราอยู่ อันนั้นจำเป็นต้องมีการบรรยายฉากเรทเพื่อเป็นตัวดึงอารมณ์ครับ) ดังนั้นสำหรับตัวผมเอง เนื้อหา พล็อต และนิสัยตัวละคร การดำเนินเรื่อง พวกนี้จะค่อนข้างสำคัญกว่า...
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉากเรทไม่ดีนะครับ บทอัศจรรย์มีไว้เพื่อทำให้เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับเพศศึกษามันก็ดี แต่ถ้ากลายเป็นหมกมุ่น อันนั้นแหละจะยุ่งยากหน่อย
อืมม์ อีกสี่ตอนจบสินะครับ ผมคงจะคอมเมนต์หลังจบแล้วอีกทีเลยละกัน เพราะดูท่าทางก็คงไม่มีอะไรมากเท่าไหร่แล้ว ถ้่าประเมินโดยรวมก็ถือว่าดีครับ ให้ B เพราะติตรงต้นเรื่องกับตรงท้ายเรื่องที่ดูกลวงไปหน่อย แต่ช่วงกลางเรื่องน่าสนใจดีมากครับ
-
อะ อะ อ๊อก!!! คะ คะ คุณสายรุ้งทำอะไรกันเนี่ย~
อ่านจบแล้วแทบจะละลายลงไปกองบนพื้นห้องน้ำของพี่เกียร์กับพุ แบบว่า ฉากนี้มันร้อนแรงมว๊ากกก (วิบัติเล็กๆ ค่า กรุณาอย่าถือสาเค้านะตัว)
นี่เป็นครั้งแรกระหว่างพี่เกียร์กับพุในสภาพที่สติเต็มร้อยด้วยกันทั้งคู่ มันก็เลยให้ความรู้สึกว่าทั้งคู่ให้ความร่วมมือกันดีมากๆ เลยเนอะ อ่านแล้วก็เลยต้องนั่งอมยิ้มตามเบาๆ 555+
-
:m25: :m25: พคี่เกียร์จะไปเมืองนอกแล้วพุล่ะ
-
รออ่านในหนังสือ ^^
-
รอเจอ full option ในหนังสือ :hao6:
-
อิๆเขินอ่ะ :o8:
-
แวะมาหื่น :hao6: เอ๊ยย!!! แวะมาเขิน อีกรอบ :-[ :-[ :-[
-
:pighaun: :pighaun:
เขินนนนนนนนนนนนนนน กรีดร้องงงงงงง
-
กิ๊ดดดดดด >//////< เขินนนนน
ปล. ตรงที่บอกว่า “เสร็จได้ไง ยังไม่ได้ล้างครีมออกเลย”
น่าจะบอกว่าล้างฟองมากกว่าป่าวคะ? ล้างครีมดูแปลกๆ ไม่งั้นก็น่าจะบอกว่าล้างครีมนวดเต็มๆ ไปเลย
-
:ling1: แง๊ๆๆ
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
อืม...... อดยิ้มไม่ได้อ่ะ น่ารักเกิ๊น!!!!!!!!!!
-
:heaven :hao6:
-
ตั้งแต่อ่านมานี่ยังไม่เคยเม้นท์เลย
ขอสารภาพว่าตามอ่านตลอดและติดมากๆ ปกติเนี่ยไม่ค่อยซื้อนะ นอกจากชอบมากๆและคิดว่าจะอ่านซ้ำได้เรื่อยๆ
คนอื่นไม่รู้ยังไงนะ แต่สำหรับเรา มันโอมากๆค่ะ
ยกมือจองรวมเล่มด้วยคน ยังไงก็ต้องเก็บมาไว้ในครอบครองให้จงได้
จุ๊บคนเขียนที น่ารักมากค่ะ
อิอิ
-
โอเคร...เจอกันในหนังสือ... ขอแบบจัดเต็ม!!!
-
แบบว่าป่วยไม่ได้เข้ามาอ่านหลายวัน พอได้อ่านฉากเลิฟซีนพี่เกียร์น้องพุแล้วหื่น เอ้ย เลือดสูบฉีด! หายป่วยเป็นปลิดทิ้ง :laugh:
ขอแบบนี้กับบูมอิงบ้างน้าคุณเรนโบว์ จุ๊บๆ :กอด1:
-
เราจะรอแบบฟูลออพชั่นในหนังสือ :haun4:
-
ฮึ๊บ!
ฮึ๊บ!!
ฮึ๊บ!!!
เข้ามาช่วยดันเพราะคิดถึงน้ำพุฝุดๆ ^^
-
:katai2-1: มารอ มารอ
-
แวะเข้ามาดันรอ...วันเสาร์
แลดูเราไม่ค่อยรีบเลยเนอะ :laugh:
-
เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้ ตามทันแล้ว เย้ เย้
พุน่ารักน่าหยิกตลอดเรื่องเลย
ฉากนี้น่าจะเรทที่สุดตั้งแต่อ่านมา
มาลุ้นพุให้เสร็จพี่เกียร์อย่างเป็นทางการ
(ไม่นับตอนเมา)555
-
รอๆ อ่านตอนล่าสุดแล้ว :hao6:
-
:m25: :m25:
-
มารอ :hao3:
-
พิมพ์เมามันเลยทีเดียว ฮาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา :katai5:
-
แอร๊ยยยย จะเอาอีกก ไม่เจอกันหลายวันห๊ะ!!!!! คิดถึงจะแย่ 55555
เร่งมือเข้าคุณเรนโบว์ :katai3:
-
พี่เกียร์อ่อนโยนอ่ะ
ปลื้มมมมมม =///=
-
พี่เกียร์ เท่ไปแปดโลกอีกละะะ
ฮืออออ
น่ารักอ่ะ ชอบและอิจฉาพุมาก มาก มาก >,,<
-
ชอบบบบบบบบ พี่เกียร์กับพุน่ารักอะ o13
เห็นเขารักเขาวิดวิ้วกันละปลื้มจังเลย :-[
กำลังจะเข้ามาทวงพอดีเลย เดี๋ยวคืนนี้จะรอต่อนะคะ
บวกกกกกกกกกกก ไม่เจอหลายวัน คิดถึงจัง :กอด1:
ปล.คุณเรนโบว์อย่าลืมเปลี่ยนวันที่นะคะ
-
หัวข้อไม่ได้เปลี่ยนวันที่ แต่เอ๊ะใจที่จำนวนตอน
เลยเข้ามาอ่าน เกียร์ห่วงพุมาก กลัวประวัติซ้ำรอยเล่ย์
ตอนท้ายยังเอาฮานะเกียร์
-
อ๊ะ มาแล้ว :katai2-1: :katai2-1:
-
อย่าว่าแต่ทุ่มหนึ่งเลย ตอนตีหนึ่งกะตีสามก็เคยกินนะส้มตำ ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่เกียร์ :laugh:
รอๆๆๆๆ ตอนต่อไป :impress2:
-
แอร๊ ๆๆๆ น่ารักอ่าาาาา :hao7:
เอาอีกๆๆๆๆ :ling1:
-
พุนี่ชอบดราม่าอะไรเว่อร์ๆเพราะติดละครแบบนี้ใช่มะ :m20:
พี่เกียร์อย่าให้พุดูบ่อยเดี๋ยวนางทำเหมือนละครแล้วจะฮาไม่ออก :laugh:
ว่าแต่ว่าฉากต่อไปมันอะไรอะคะ :haun5:
ปล.ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึงพี่เล่ย์ ยิ่งใกล้จบยิ่งอยากได้พี่เล่ย์มาครอบครอง? ฮ่าๆ
-
อยากได้เล่มเร็วๆ จังเนาะ
-
แหม่ะ พอจะเรียนต่อนี่ ได้โอกาสแล้วกักตุนสินค้าตลอดเลยนะพ่อเกียร์เอ๋ย :-[
-
ยืนยัน นั่งยัน
ว่าสองคนนี้เวลาอยู่ด้วยกันมันวิ๊ง ๆ อุ่น ๆ แถมหวาน ๆ ด้วย ^^
-
ถูกใจเกียร กับประเด็นละคร ดูทีไปไม่เข้าใจทุกที ว่าทำไมต้องเป็นงั้น เป็นงี้
เลยเลิกดู
-
ขอบคุณคะ :L1:
-
หึหึหึ
พี่เกียร์น่ารักเวอร์อ่ะ >///<
-
พี่เกียร์น่ารัก
-
พี่เกียร์มือไวอีกแล้ว เผลอไม่ได้เลยนะ >\\<
-
งงกับพุ จุกแต่ไม่อิ่ม
รู้สึกพี่เกียร์เปลี่ยนอารมณ์ไวนะ. เหย่พุอยู่ดีๆ
ทำอะไรต่อก็ไม่รู้
-
พี่เกียร์น่ารักมากๆ
พฤติกรรมนางเอก เห่อๆๆ
-
o13 สนุกมาก เสียดายเล่ย์อายุสั้น
เหมือนเล่ย์จะรู้ว่าฝากถูกคน
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
อยากนั่งเครื่องบินของพี่เกียร์ ๕๕๕๕
-
การทำโปรเจ็คแลดูยิ่งใหญ่และมีจุดมุ่งหมายกันมากเลยนะ
มันสมองของพี่เกียร์คงเทพน่าดู คนมันฉลาดตั้งแต่เด็กก้เงี้ย :laugh:
-
ฮือ ๆ พี่เกียร์จะไปออสแล้ว :hao5: :hao5: :hao5:
-
เฮียแพทแมร่งก็นั่งเฝ้ามะม่วงอยุ่นั่นแหละนะคะนะ :hao3:
-
โปรเจคเสร็จพี่เกียร์ก็จะไปออสแล้วนะสิ :katai1:
อย่าอ่านต่ออ ฮ๊าา อ่านเท่าไหร่ไม่เคยพอจริงๆๆ :hao7:
-
เราว่านอกจากฉลาดแล้วร่างกายต้องถึกด้วยไม่ใช่แข็งแรงธรรมดานะพุ :laugh:
โปรเจ็คก่อนไปออสของพี่เกียร์ช่างดูหนักหนา
จบตอนนี้แล้ว เหลืออีกสามตอนใช่มั้ยคะคุณเรนโบว์
เรามานับเวลาถอยหลังกันดีกว่า อยากได้รูปเล่มมาครองใจจะขาด :mew1:
-
แอร๊ยยยยยยยยยยยย surprise แต่งงาน :-[ :-[ :-[
-
มาเรื่อยๆ อ่านเรื่อยๆ เม้นเรื่อยๆค่ะ
วันนี้ว่างทั้งวันสบายเราล่ะ :laugh:
เฮ้ออออ เฮียแพทหนอเฮียแพท ไม่น่าเลย
เสียดายดีเอ็นเอเดียวกับพี่เล่ย์แต่ก้ไม่ช่วยอะไร
แต่ก่อนพุแคร์เฮียแพทจะตาย ดูตอนนี้สิ มันคุ้มไหมเนี่ย :เฮ้อ:
-
คุณเรนโบว์เข้ามาอัพเรื่อย ๆ
เราก็จะรออ่านเรื่อย ๆ นะคะ
สู้ ๆ ^^
-
:-[ น่าร้ากกกกกกก
จิ้มๆๆ :z13: :z13:
*******************
ขึ้นย่อหน้าใหม่ ทำไมมันหน่วงๆล่าาาาาาาาาาาาาาาาาาา :katai1:
-
โถ เสียดายแทนพี่เกียร์เนอะ แอบตื่นเต้นตามพุเหมือนกันนะ
-
เอาไว้ให้น้องพุ ขับไปหาพี่เกียร์ที่ออสไง อิอิ
-
ขำพี่เกียร์โดนพุแซวเรื่องเครื่องบิน แต่เขาเป็นกำลังใจให้กันเสมอ
-
เอาแล้วไง พี่เกียร์รีบเคลียร์ด่วนเลย :m16:
อะไรมันยังไงกัน โอ๊ยยยย อยากจะรู้ :serius2:
-
พี่เกียร์อะไรยังไงคะชี้แจงด่วนค่ะ!!!! :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
พุร้องไห้เลยพี่เกียร์รีบเคลียร์เลย :mew2: :mew2:
โอ๊ะพี่เกียร์เซอไพร์อร๊ายยยยย :o8: :o8: :o8:
-
มาแถลงการณ์การด่วนพี่เกียร์ พุค้างคาใจ
มีไรคุยกันดีๆนะ
-
พี่เกียร์ร์ร์ร์ร์ร์!!!!
เค้าจะฟ้องพี่เลย์..! :m16:
-
มาแถลงการณ์การด่วนพี่เกียร์ พุค้างคาใจ
มีไรคุยกันดีๆนะ
-
:katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: ว่าแล้ว ต้องเกิดเรื่อง ฮึ่ย ๆๆๆๆ
-
พี่เกียร์!!!! มีความลับเหรอ? :3125:
-
:katai1:
-
พี่เกียร์เคลียร์ด่วนๆเลย
เดี๋ยวพี่เล่ย์จะตามไปเข้าฝันเอานา
-
สถานการณ์มันชักจะไม่ดีแล้วเนี่ย
เกียร์เคลียร์ด่วนๆเลยนะ
ไม่อยากให้พุคิดมากสงสารพุ
-
ยังไงคะพี่เกียร์เคลียด่วน ๆ เลยค่ะ
น้ำพุกล้า ๆ หน่อยลูก ถามตรง ๆ ไปเลย โอย คนอ่านร้อนใจ
-
พี่ฮัลเล่ย์มาจัดการดิ
พี่เกียร์น่าสกายคิกขาคู่มาก -*-
-
พี่เกียร์ทำอะไร =_=
พี่เล่ย์เค้ามาลาไปแล้ว ไม่งั้นนะอิชั้นจะไปปลุกพี่เล่ย์มากระทืบพี่เกียร์
โทษฐานทำตัวมีลับลมคมใน ทำให้น้องพุเสียใจ หึ
อยากรู้ สรุปว่าเรื่องมันยังไง ผู้หญิงคนนั้นตกลงเคยเป็นอะไรกับพี่เกียร์
ทำไมมาเจอกันอีก แล้วทำไมต้องรีบอธิบายมันดูลนๆพิกล ถ้าไม่มีอะไรจะกลัวทำไม
ทุกคนเค้าฝากพุไว้กับพี่เกียร์แล้ว อย่าทำให้ผิดหวังนะ ไม่งั้นจะตามไปลักพาตัวพุคืน
:katai4:
-
มาวางระเบิดไว้แล้วจากไป ทำแบบนี้ไม่ดีเลย เครียดแทนพุอ่ะ
หมายถึงคนแต่งนะ ไม่ใช่ซอล
-
เห็นคนเขียนพิมพ์เป็นระวิง :katai4:
คนอ่านก็ลุ้นเป็นระวิงนะคะนะ :hao3:
-
อย่าร้องไห้สิพุ ๆ พี่เกียร์ไม่เลิกหรอกกก ก
-
เฮ้ยยย ทำไมมาแค่นี้ รีบพิมพ์ให้ไว้ ถ้าปล่อยให้คืนนี้เราค้าง มีถล่ม :katai1:
ปอลอ ทำไมพี่เกียร์ไม่พูดไม่อธิบายให้พุเข้าใจ ก็เห็นว่าพุคิดไปไหนต่อไหนแล้ว พูดแบบนั้นออกไปได้ยังไงกัน ไม่ชอบเลย แบนๆๆๆๆ แว๊บนึง มีความคิดว่า พี่เกียร์รักพุไม่มากพอ T T
-
อารมณ์น้อยใจพุ่งปี๊ด
-
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :z3:
พี่เกียร์ อธิบายให้มันชัดเจนหน่อยสิคะอธิบายหน่อย
พุน้อยใจร้องไห้ใหญ่แล้วเนี่ยยยยย :serius2:
โอ๊ยยยย ฉันเครียดดดดดดด :katai1:
-
:katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
ค้างมากๆ พี่เกียร์อธิบายให้เคลียร์หน่อยซิ :m31: :m31: :m31:
-
พุ...ใจเย็น...
-
เอาละ มาม่าเริ่มต้มมมมมมม
-
ก็นั่นแหละ ถ้าไม่ได้มีอะไรกัน ทำไมตอนพุโทรมาพี่เกียร์ต้องแอบลนฟระ มันก็น่าคิดนะ
จริงๆเราเชื่อนะว่าพี่เกียร์ไม่ได้ไปอะไรกับเขาหรอก
แต่พี่เกียร์น่าจะรับผิดชอบตัวเองด้วย ไม่ใช่แค่ซื่อสัตย์
แต่ต้องไม่พาตัวเข้าไปอยู่ในภาวะเสี่ยงให้ถูกเข้าใจผิดได้ ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง
เค้าเบียดมา จะโยนให้เค้าฝ่ายเดียวหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ไม่ได้
พี่เกียร์จะหลบเลี่ยงไม่ได้เชียวหรือ ก็ปล่อยให้เค้าแซะอยู่นั่นแหละ
แถมซอลยังบอกว่าไปเห็นสองคนนั้นอยู่ด้วยกันหลายครั้งอีกต่างหาก
จะโทษจะรำคาญพุอย่างเดียวก็ไม่ได้นะเออ *ถือธงข้างน้องพุ ฮ่าๆๆ*
ยังไงก็พูดก็คุยกันให้รู้เรื่องแล้วกันนะ
*ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก*
:katai4:
-
เวลาโมโหหรือว่าโกรธ มันก็อดไม่ได้หรอกที่จะไม่มีเหตุผล :เฮ้อ:
แต่พี่เกียร์ก็อย่าทำให้พุคิดมากดิ ไม่อธิบายแถมยังทำให้น้อยใจอีก สงสารพุนะ :monkeysad:
แบบว่าเข้าข้างพุ ไม่เข้าข้างพี่เกียร์ไง :hao7:
-
พุลูกกกก ใจเย็น ๆ นะคะ
พี่เกียร์มาเคลียร์ให้ชัดเจนเลยนะ!
ทำน้องพุร้องไห้แล้วเห็นมั้ย :katai1:
-
มาเคลียร์ด่วนเลย :ling3:
-
สงสารพุอะ อย่าร้องไห้เลย พี่เกียร์เคลียร์ด่วยเลย ทำพุร้องไห้ได้งัย
-
พุจ๋า ในฐานะที่พี่เป็นแฟนคลับคนหนึ่งทีรักพุมากๆ โดยไม่หวังผลอะไรเลย พี่อยากให้พุใช้เหตุผลกับความรักมากๆ หน่อยนะคะคนดี พี่ไม่อยากให้หนูต้องมาเสียใจทีหลัง
มีอะไรก็คุยกันดีๆ อย่าใช้อารมณ์ชั่ววูบมาทำให้ความรักพังนะคะ พี่เชื่อว่าพี่เกียร์รักพุมากนะ แต่ถ้าพี่เกียร์ทำพุเสียใจเมื่อไหร่ พี่จะไปช่วยกระทืบเอง ^^
-
:a5: :katai1:
-
ใจเย็นนะหนูพุ :hao5:
ไม่อยากให้มีดราม่าจ้า :hao7:
-
พุร้องไห้เลยอ่ะ พี่เกียร์เคลียร์ตัวเองอย่างด่วนเลยนะ
-
โอ๊ย เจอมาม่ายามดึกซะเเล้ว
รอติดตามนะคะ
อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป
:katai1: :katai1:
-
คนอ่านก็เซอร์ไพรส์ส์ส์ :mew1:
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด
พี่เกียร์อย่ามาเปลี่ยนเรื่องด้วยการทำแบบนี้นะ :m3:
เดี๋ยวใจอ่อนกันพอดี ยังคุยไม่รู้เรื่องเลย#ประหนึ่งว่าเป็นน้ำพุ
อ่านไปอ่านมามันดราม่าไม่สุดอะ หลุดขำซะงั้น :laugh3:
ตอนพุดื้อใส่พี่เกียร์อะ ดูเด็กน้อยมาก น่ารักๆ :-[
พี่เกียร์แม่ง ปลาไหลเรียกพ่อแถมยียวนกวนประสาทที่สุด
แต่น่าร้ากกกกกกกกกกกกก ให้อภัยๆ :laugh:
-
ค้างๆๆๆ :ling1:อยากอ่านต่อคะ :pig4:
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ไอ่พี่เกียร์ม่างงงกวนตรีน 55555555555555
ถึงจะเซอไพรแค่ไหน แต่ฉันก็ยังงอลแทนพุอยู่นะ ฮึ :hao3:
-
กะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดด
มาเซอร์พ้งเซอร์ไพรซ์อะไรกันยะ
เรื่องที่พุงอนยังไม่เคลียร์เลยนะพี่เกียร์!!
-
:katai4: :katai4: :katai4: สู้ๆค่ะ
-
:a5: เซอร์ไพรส์มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เล่นเอาพุนอยด์กินเลยทีเดียว หุหุหุ :hao7:
******************
จะ จะ จะ จะ จะ จบแล้วเหรอออออออออออออออ :mew2:
เฮียเล่ย์จะมีคู่ไหมอ่ะ o22 หุหุหุ
-
แอร๊ยยยย พุมันงอลน่ารัก คึคึ
ต่อคืนนี้ให้จบเลยไหมละ :hao3: :hao7:
-
พี่เกียร์น่าหยิกแต่พุน่ารักอะ :-[
อีกสองตอนจบแล้ว ลึกๆแอบใจหาย
แต่ไม่เป็นไรเราจะได้พี่เล่ย์มานอนกอดเป็นเล่มแทน? :laugh:
รอหนังสือ รอหนังสือ :กอด1:
-
เซอร์ไพร์ส :impress2:
อีกสองตอนจะจบแล้ววว :mew2:
-
ใจหายเนอะ :mew6:
-
:katai4: :katai4: ปั่นอีกๆๆ
-
พุหึงนี่เป็นเรื่องนะลุดวิก
-
น่ารักที่สุดคนนี้ พี่เกียร์
-
เค้าจะแต่งงานกันแล้ว
น่ารักมากๆเลย
-
ก็คิดอยู่ว่าพี่เกียร์กับพี่ปองไม่น่าจะมีอะไรหรอก แต่คิดไม่ถึงว่าพี่เกียร์จะเซอไพรส์เรื่องแต่งงาน :o8:
จะออกเรือนแล้วเหรอพุ กรี๊ดดดดดดด เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว ดีใจด้วยนะ :z1:
-
อ่านแล้วแอบคิดถึงพี่เล่ย์ แต่คิดถึงในแง่ดีนะ คิดว่าพี่เล่ย์คงมีความสุขที่เห็นพี่เกียร์กับพุมีความสุข อีกอย่างนะคะ ตอนนี้คนอ่านก็มีความสุขเช่นกัน ^^
กอดๆ สายรุ้งจ้า มีความสุขด้วยกันนะคะ
-
โหพี่เกียร์จัดงานแต่งเลย อิจฉาพุ
แต่ก็นะแกล้งน้องเบาๆหน่อย
-
น่ารัก น่าหยิก พี่เกียร์ทุ่มทุนทำเซอร์ไพรส์ งานนี้ได้สมใจจริงๆ
เกือบงานเข้าแล้วไหมล่ะ :เฮ้อ:
-
อิจฉาพุที่สุดโว้ยยยยยยยยยยยยยย พี่เกียร์ ฮรืออออออ :hao5:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
พี่เกียร์แอบโรแมนติกอ่ะ :mew3:
-
คาดไม่ถึงจริงๆว่าพี่เกียร์จะทำเซอร์ไพรส์ ว้าว
น่ารักจัง จะแต่งงานกันแล้ววววว
ส่วนเรื่องปองนั่นก็ทำตามที่น้องพุบอกแล้วกันนะพี่เกียร์
มันอาจจะยากที่ต้องประคับประคองรักษาน้ำใจทั้งสองฝ่าย
แต่บางทีก็ต้องเลือกคนที่เราแคร์มากกว่าปะ
-
อิชะนีนั่นเป้นใคร เคลีย์ด้วย เกียร์!!
-
อีก 2 ตอนก็จะจบแล้วเหรอ :m15:
-
พุต้องน่ารักแน่ๆๆ :hao6: :hao6:
-
กรี๊ดๆๆ งานแต่งเริ่มแล้วววววว :m4:
อยากแต่งบ้างจัง น้องพันสนใจมาแต่งงานกับพี่ไหมคะ :give2:
เห็นซอลพูดได้ก้อยากจะพูดเหมือนกัน :laugh:
รอต่อไปนะคะคุณเรนโบว์ :กอด1:
-
แต่งเลยพุ พี่เกียร์ยังแต่เลย
ต้องน่ารัก น่ากอด น่าหอมแก้มอยากเก็บกลับบ้านแน่ๆ
พี่เกียร์อาจหวงจนพังงานได้ 555
กดบวกและเป็ดอย่างว่อง
-
แอร๊ยส์ส์ส์
//วิ่งไปกั้นประตู ~*
:m1:
-
พุไม่แต่ง เดี๋ยวเค้าแต่งแทนน๊า :katai2-1: ไม่ใช่แค่แต่งหน้าด้วยนะ อิอิ :laugh:
-
พุคงน่ารักน่าดู
อยากเห็นอ่ะ :ling1:
-
ส่งการ์ดมาให้เค้าเดี๋ยวเน้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :hao5:
ครึๆ ครึๆ อยากไปถ่ายคู่กับพี่เกียร์ 555++ :hao6:
-
มีฉากเข้าหอหรือเปล่าคร้า :hao6:
-
แหม่ หวานกันจริงเว้ยยยยย :m1:
ชักจะหมั่นไส้ ความจริงคืออิจฉา :laugh:
-
:กอด1: :กอด1: ถึงจะอิจฉาแต่ก็ยังคิดถึงเฮีย
-
อร๊ายยยย
ไม่หือไม่อือเลยเนอะพี่เกียร์
อิจฉาเฟร้ยย!! ^^
-
"ก็ไม่คิดจะหืออยู่แล้ว"
มันหวานไปนะ เค้าเขินนนนน
-
กลเม็ดเด็ดพรายแม่สามีงั้นมาให้ลูกสะใภ้หมด แค่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้พี่เกียร์ก็ไปไหนไม่รอดแล้วค่า
-
ได้อ่าน 2 :katai3: ตอนติดเลยสนุกมาก รอหนังสือ ขอเฮียแพทด้วยคะ ไม่อยากค้างคาใจ รักคนเขียนมาก
-
กลางวันงานแต่ง งั้นกลางคืนก็ต้องเข้าหออะดิ :z1:
เอ๊ะ จะได้ใช้อีโมนี้อ๊ะป่าวนะ --> :oo1: :haun4: :jul1:
สุขสันต์วันวิวาห์นะ พุกับพี่เกียร์ :กอด1:
-
ดีใจกับคนทั้งคู่ด้วยจ้ะ ถ้าพี่เล่ย์รับรู้ ก็คงจะยินดีกับคนทั้งสองด้วยเนอะ ^_^
-
เป็นงานแต่งที่ให้ความรู้สึกละเมียดละไมมากๆ เลยค่ะ พี่เกียร์น่ารักมากๆ เพราะยอมลงให้พุทุกอย่างเลย อยากให้ทั้งคู่ช่วยกันประคับประคองชีวิตคู่ให้ดีที่สุดนะคะ ^^
-
อ่านแล้วมีความสุข ยิ้มไม่หุบเลย ยินดีกับพี่เกียร์+พุ :m1:
ขอให้มีความสุขมากๆ อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่านะคะ
ว่าแล้ว กระดึ๊บๆ เนียนเข้าไปในงาน รอดื่มฉลองมงคลสมรส
โอ๊ะๆ เซๆ ใครเบียดช้านนนน (คนเยอะจริงๆ) :n1:
-
:o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :sad4: :sad4: :o12: :o12:
แต่งกันแล้วอ่า.......รู้สึกใจหายยังไม่รู้อ่ะ...เมื่อรู้ว่าเรื่องนี้กำลังจะจบ
มันเป็นความรู้สึกโหวงๆ แปลกๆมันมีความรู้สึกผูกพันอ่ะ...ถ้าเกิดว่าจะไม่ได้รับรู้เรื่องราวของ พุ กับเกียร์แล้ว
:mew6: :mew6: :mew6: :mew6: แต่ว่า ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้มีตอนพิเศษออกมาเรื่อยๆให้หายคิดถึงนะค่ะ
ใจหาย..แต่ก็รู้สึกอิ่มสุขไปกับพวกเค้า ร้องไห้ หัวเราะ เขินนนนนไปด้วย เพราะมีความรู้สึกว่าตัวละครทั้งหมด ไม่ใช่แค่นิยาย ที่
แต่งขึ้นมาแต่ พวกเค้ามีตัวตนอยู่จิง ที่อยู่ในใจอ่ะ นะ55และทำให้เราประทับใจทุกเหตุการณ์ (อินมากค่ะ รักเรื่องนี้มาก รวมเล่มเมื่อไหร่ บอกเลยเน้อ ) รอคอยและเป็นกำลังใจให้ค่ะ :3123: :3123: :3123: :3123: :L2: :L2: :L2: :L2: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
ถ้าจะแอบตามไปอยู่ใต้เตียงด้วมคนจะเป็นไรไหมคะ คึอแบบว่าเผื่อคุณสายรุ้งตัดตอนเข้าหอไปที่โคมไฟหรือแจกัน เค้าจะได้เห็นด้วยตาตัวเองบ้างไรบ้าง คิคิคิ
ไม่ได้หื่นนะตัวเธอ แค่อยากไปเป็นกรรมการเวลาเค้าทะเลาะกันเท่านั้นเอง จริงจิ้ง!!!
-
ถ่ายรูปเสร็จต้องเอาลง เฟสฯนะพุนะ จะดูว่าเจ้าบ่าวพุหล่อแค่ไหน แล้วเจ้าสาวเกียร์งามมากหรือป่าว 555
-
เขาจะส่งตัวกันแล้ววววววววว :hao6:
ขอแอบหลบอยู่ใต้เตียงได้ปะ :haun5:
-
โดดงับบ่าพี่เกียร์แทนพุ >///<
-
:hao6: :hao6: :hao6:เค้าเข้าหอกันแล้ววววววว
-
พี่เกียร์เจ้าเล่ห์อะ ยังไงก้ไม่รอดแน่พุ :z1:
อยากจะมุดใต้เตียงเขาจริงโว้ยยยยย :ling1:
-
พอหยุดที่พี่เกียร์งับบ่าพุ เราก็ดิ้นทุรนทุราย :ling1:
อยากเป็นจิ้งจกในห้องหอจริงวุ้ย :laugh:
-
กิ๊ดดดดดด รอฉากเข้าหอออ ห้ามตัดเข้าโคมไฟนะะะะะ
-
o13ทำไมน่ารักอย่างนี้ แต่แอบขำหลายคอมเม้น อยากมีส่วนร่วมกับการเข้าหอมาก5555
-
จะแอบไปอยู่ใต้เตียง เฮออออออออออออออออออ
-
พุน่ารักมากๆอะ
ยังไม่อยากให้จบเลยอะ
-
ไปๆมาๆ นี่พี่เกียร์มาแรงมากว่าพี่เล่ย์เยอะเลยแฮะ
ป่านนี้พี่เล่ย์คงน้อยใจคนเขียนแย่แล้วล่ะม้างง 55555
อิอิ +1 ค่า
-
“พุรักพี่… กลับมาหาพุเร็วๆ นะ” แง้ว เจอประโยคนี้เข้าไปถึงกับน้ำตาซึมต้องจากกันซะแล้ว
คู่รักข้าวใหม่ปลามัน ที่พี่เกียร์รีบแต่งงานเพราะงี้เอง แกต้องไปเรียนต่อรีบผูกมัดน้ำพุไว้เชียว หวงที่สุดล่ะคนนี้
กว่าจะชินคงอีกซักพักเนอะ แต่เดี๋ยวนี้คุยกันได้สบายมาก ตอนแต่งงานน่ารักมากเลย ครอบครัวของทั้งสองคนน่ารักมาก
ขำคุณแม่มีสอนเคล็ดลับให้สามีอยู่ในโอวาท พี่เกียร์พร้อมจะทำตามพุอยู่แล้ว แต่เวลาแกจะดุขึ้นมาน้องพุก็หงอนะ
รักและเคารพสามีเข้าไว้จ๊ะ
ใกล้จะจบแล้วใจหายเบา ๆ ขอบคุณค่า
-
โอ้ย! ละลายกันไป
-
:katai4: :katai4:
-
ไม่ใช่แค่พุหรอกที่รอ เค้าก็รอตัวเหมือนกันนะพี่เกียร์ ฮือ....
-
เห็นอีโมนี้แล้วต้องเข้าคอมล๊อคอินมาเม้นให้นักเขียนเลยน่ารักม๊ากกกอ่ะ :katai4: :katai4:
ขยันจริงๆ o13
ปรกติไม่ค่อยได้เข้ามาเม้นเพราะอ่านจากที่ทำงานเค้าขอโต้ด แต่ชอบเรื่องนี้มากจริงๆเลยค่า
น้องพุแต่งงานกับพี่เกียร์แล้วก็ต้องมาแยกกันอีกน่าสงสารจังเลย รอไม่อดใจท้ออีกนิดนะน้องพุเดี๋ยวพี่เกียร์ก็กลับมา :ling3:
-
สองปีเองพุ จิ๊บๆ เดี๋ยวปิดเทอมพี่เกียร์ก้กลับมา
ทิ้งท้ายซะหวาน บอกรักกันด้วย :-[
แต่ฮาพุอะ จนจะจบเรื่องแล้วนางเพิ่งบอกรักพี่เกียร์ :laugh:
รอตอนสุดท้ายค่ะ คุณเรนโบว์ :mew1:
-
“พุรักพี่… กลับมาหาพุเร็วๆ นะ” :o8: :o8:
กลับมาเร็วๆๆละพี่เกียร์ :katai5: :katai5:
-
ไม่นานหรอกสำหรับรอคนที่เรารักจะกลับมา
เพราะปลายทางนั้นคือที่ที่มีเรา
-
พุคงโหวงๆน่าดู เคยมีพี่เกียร์ดูแลตลอด
-
พุต้องจากคนที่รักอีกแล้ว แต่คราวนี้อีกไม่นานก็จะได้พบกัน ไม่ใช่จากกันตลอดไปเนอะ อย่าเศร้าเลยนะพุ กอดโอ๋ๆ :กอด1:
นับวันรอพี่เกียร์กลับมาป็นเพื่อนพุด้วยคน (เดี๋ยวพรุ่งนี้คนเขียนก็พามาส่งเนอะๆ :impress2:)
-
งื้ดดดดดดด
:ling1:
รอพี่เกียร์เหมือนพุ
-
เหลือตอนเดียวแล้วเหรอ อยากได้เล่มเร็ว ๆ จังเนาะ
รวมเล่ม เรื่อง เป็นได้แค่ตัวแทนด้วยนะ อยากได้ค่ะ
-
ทำไมเนื้อเรื่องมันไปไวจังหว่า :ling1:หรือว่าเราอ่านข้ามตอนไหนไป?
:pig4:
-
ไม่ไหว สงสารพุ
ทำไมรักกันแล้วต้องจากกันด้วย (เขาไปเรียนป้า)
พี่เกียร์รีบกลับมาเร็วๆ นะ พุจะรอ พี่คนอ่านก็รอน้องสองคนมาสวีัทกัน รอนานแระ
-
อีตาหัวหน้าคงเอ็นดูพุอยู่ไม่น้อย ไม่งั้นคงไม่ถามเรื่องแหวนให้หายสงสัยหรอก
อยากให้พี่เกียร์กลับมาไวๆเหมือนที่พุว่าจัง :hao5:
อยากได้ทั้งสองเรื่องค่ะ หนึ่งในซาวน์เสียง
-
หัวหน้าพุนี่ชักจะแปลกๆนะ :mew5:
เป็นได้แค่ตัวแทน จะรวมเล่มหรอคะ เอาเลยๆๆ เอาด้วยๆๆ ขอตอนพิเศษด้วย :hao7:
-
กรี๊ดดดดดดดดดดด ตอนจบมาแล้ว
พุขี้บ่นขึ้นเนอะพี่เกียร์เนอะ :laugh:
ตามจริงหัวหน้านั่นแม่งชอบพุแหง
แต่พุซื่อเกิ้นนนน นางไม่รู้ตัวหรอก o3
พี่เกียร์รีบๆกลับมานะ คนอ่านก้รอน้ำพุก้รอ :กอด1:
-
หัวหน้าแอบชอบพุแน่เลย
?....
ถามแทนคนแต่งนะ
คนอ่าน อยากได้รวมเล่ม เรื่อง เป็นได้แค่ตัวแทนกันหรือเปล่าคะ
ตอบกันเยอะ ๆ นะ จะได้ฟ่างกับพี่เหมมาอ่านด้วย
-
ไม่ได้เข้ามาวันสองวัน
น้องพุจะจบแล้วอ่าาาาาา
อ่อยยยย
หัวหน้านี่กะสอยน้องพุชัวร์
อย่าไปสนใจเค้านะลูก ,,
พี่เกียร์ก็น่ารักเสมอต้นเสมอปลายอ่ะ
ฮือออออ ชอบผู้ชายแบบนี้จริงๆ
ถ้ามีจริงคงฟินนนน
><
-
พี่เกียร์รีบกลับมาหาพุเร็วนะ หัวหน้าพุจะได้เลิกวุ่นวายซะที เจ้าของเค้าจะกลับมาแล้วนะ
-
รอพี่เกียร์กกลับมาหาพุอ่ะ :impress2: :impress2:
สงสัยอิตาหัวหน้าน้องพุต้องชอบน้องพุแน่ๆเลยอ่ะ ถึงชอบใช้งานน้องพุตอนใกล้จะกลับบ้าน
พี่เกียร์กลับมาเมื่อไรน้องพุพาไปเปิดตัวเลยคร้า :mew3: :mew3:
-
ไม่ได้อ่านหลายวัน เขาแต่งงานกันแล้ว พี่เกียร์หวานแต่ก็แอบโหด
ได้เห็นอาการหึงของพุ อาการหื่นของพี่เกียร์
คิดถึงพี่เล่ย์
-
พี่เกียร์ใกล้จะกลับบ้านแล้ว
รีบกลับมาเร็ว ๆ นะ ไม่ไว้ใจหัวหน้าน้องพุอ่ะ
เรื่องหนังสือ อยากได้ทั้งสองเรื่องค่ะ
ถ้าจะรวมเล่มอย่าลืมบอกเราน๊า ^^
-
หัวหน้าแอบชอบป่ะเนี่ยย ย
รู้สึกจะอยากรู้เกินไป
-
คืนนี้จะมาต่ออีกไหม รอพี่เกียร์กลับมาแสดงตัวกับอีตาหัวหน้า
-
อีตาหัวหน้านั่นชอบพุชัวร์ฟันธง ไม่งั้นจะสนใจสเตตัสลูกน้องกลัวเข้าใจผิดอะไรนักหนา
คนน่ารักก็เงี้ยแหละคนอยู่ใกล้มักหวั่นไหวง่าย (อวยน้ำพุตลอดเว)
อยากให้บอกให้ผ่างไปเลยเจง ๆ พี่เกียร์ยังอ่านเกมส์ออกเลยพุจ๋า
ให้แก้งานคนเดียวนี่มันยังไง พี่เกียร์กลับมาเร้ว น้ำพุเหงาจะแย่แล้ว
ขอบคุณค่า
-
โอ๊ยยยยยยยย วันนี้ทำงาน เลยไม่ได้เกาะติดหน้าจอ :katai1: :katai1:
แต่ก็เปิดอ่านเป็นระยะ งานการไม่ต้องทำ 55555
แอร๊ยย เค้าหวานกันจังอ่า มันทั้งหวานและอบอุ่น ชอบมากกก งื้ดดดด แร่วฉากในหออยู่ไหนอ่าาา :ling1:
จุดนี้ ฉากบอกรักมันช่าง :hao7:
รอพี่เกียร์กลับมาน๊าา อิอิอิ
คุณเรนโบว์ พิมพ์เข้าๆๆๆ :katai4:
-
เอ๊ะ!!!
อิตาหัวหน้าคิดไรกับพุป่ะเนี่ย ถ้าคิดจะบอกว่าไปเตรียมผ้าเช็ดหน้าไว้ซับน้ำตาเถอะย่ะ ชิ!!!
-
:mew1: :mew1: :mew1: รักคนเขียน ใส่ถ่าน ๆ เพิ่มพลังงาน อิอิ
-
มาแบบข้ามขั้น ไปแต่งงานกันตอนไหนน!!! ก่อนหน้ายังอยู่บนเขาก่อนแต่งนิ แอร๊ยยย :katai1:
-
จะบอกว่าพี่เกียร์เซ้นส์แรง หรือน้องพุรู้สึกตัวช้าดีหว่า แค่ฟังพี่แกก็เดาได้หมดละ
ผ่านไปสองปีแล้ว พี่เกียร์รีบกลับมาเปิดตัวน้องพุเลยสิ อิอิ
เราก็จะตามเรื่อยๆ จนกว่าคนเขียนจะหมดแรง ฮ่าๆๆ
:katai4:
-
ไม่ใช่พี่เกียร์โผล่มาเซอไพรส์ที่ห้องประชุมหรอกนะ #เดามั่ว
รอต่อไปค่ะ คุณเรนโบว์สู้ๆ :กอด1:
-
นั่น!!
พุเสน่ห์แรงเกินไปแล้ว,,,,
-
แหม่...ซื้อๆ .... อยากอ่านฉากเซ็นเซอร์อ่ะ 5555+
-
อั๊ยย่ะ ยังไงๆ ค้างงงงงนะ แอบเดาตอนไล่อ่านให้เป็นพี่เกียร์ ทำไมกลายเป็นเฮียแพทล่ะ 55 :hao3:
-
หัวหน้านี่ยังไงๆอยู่นะ
เจอเฮียแพทอีกละ คราวนี้นางจะเยิงแยงอะไรอีกรึเปล่า??
-
อ้าว เป็นเฮียแพทซะงั้นอะ
มันจะยังไงต่อล่ะทีนี้ :hao7:
-
ไกลระยะทาง แต่ใจใกล้นะพุกะพี่เกียร์เนี่ย
พุยังเป็นที่น่าแกล้งของพี่เกียร์ตลอด
อีกไม่กี่เดือนก็จะได้เจอกันแล้ว :mew2:
-
:z6: :z6: กระโดดถีบหัวหน้า แล้วเฮียแพทจะมีไรมาทำให้ชีวิตพุยุ่งอีกม่ะนี่ ให้เฮียตามไปหลอกเลยย
-
จริงๆก้อยากให้พุดีกับเฮียแพทนะ
ไม่อยากให้ทำตัวเหินห่างแบบนี้อะ :เฮ้อ:
ปล.ต้องบอกว่าร่วมมือกับพี่อิฐหรือเปล่าคะไม่ใช่พี่ปลาย
จริงๆคุณเรนโบว์ง่วงแล้วใช่มั้ยคะ ฮ่าๆ #แซวๆ :กอด1:
-
^^
-
พอจะเข้าใจว่าบางทีเฮียแพทอาจเข้ามาในฐานะผู้บริหาร ก็เลยต้องวางตัวให้ดูจริงจังเข้าไว้ และถ้าเสดงออกว่าเคยรู้จักหรือบอกคนทั้หมดว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันมา เกรงว่าอาจจะมีคำถามนู่น นั่น นี่ ตามมาให้ต้องลำบากใจอ่ะนะ
พุก็เด็กน้อยเกินไป ขี้งอนไม่หายเลยนะเปี๊ยก (เรียกแบบนี้เพราะเอ็นดูนะเออ 555)
-
เข้ามาอ่านแล้วแบบว่าฟินกับฉากแต่งงานมาก o7 จุ๊บๆคุณเรนโบว์
-
กำลังมันเลย คุณเรนโบว์หนีไปนอนแล้วอ่อ ไม่ได้นะ มันไม่ถูกต้อง!!!!! :hao7:
-
ว้าว จอง 1 ชุดค่า รักพี่เลย์ ชอบพี่เกียร์ หลงน้องพุ
-
โฮ่วววว พี่เกียร์อย่างดีเลยอ่ะ ฟังพุได้ไม่มีเบื่อเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย น่ารักๆๆ :katai2-1:
-
อ่านตอนท้ายแล้วสงสารเฮียแพทนี่แกยังไม่รู้ว่าพุโกรษอะไรอีก จริงๆเขารักพุมาหลายปีและไม่เคยหยุดรักน่าเห็นใจมากอยากให้พุ เห็นใจแกบ้าง อิน เกียร์ จะกลับมาหาพุแล้ว
-
แหมพุคงเหงาแย่
กลับมาไวไวนะคุนเกียร์
-
หัวหน้าคงชอบพุแน่ๆเลย
เมื่อไหร่เกียร์จะกลับมาเนี่ย
-
หัวหน้าชักเยอะ ไปนะ....
-
ทีแรกนึกว่าพี่เกียร์จะเข้ามา
คิดว่าจะเซอร์ไพรซ์พุอีกแล้วซะอีก
อดผิดหวังนิดๆ ไม่ได้ :ling1:
-
ชอบพุตอนนี้ ดูน่ารักแล้วก็น่าหยิกแก้มมาก
อยากเก็บกลับบ้านแต่ท่านหัวหน้านี่มันจะไดเนี่ย
ชอบใช้ตอนจะกลับแบบนี้
เกียร์นายรีบกลับมาโอ๋น้องด่วน
ปล่อยเป็ดอย่างเดียว กดบวกต้องรอ 24 ชม. เด๋วเข้ามาแวะใหม่
ปล. ชูมือสูงๆ รวมเล่ม จัดมะให้ไว เค้ารออยู่^^ :mew1:
-
อั๊ยย่ะ ยังไงๆ ค้างงงงงนะ แอบเดาตอนไล่อ่านให้เป็นพี่เกียร์ ทำไมกลายเป็นเฮียแพทล่ะ 55 :hao3:
แอบคิดเหมือนกันเลย นึกว่าพี่เกียร์จะเซอร์ไฟน์พุซะอีก ไหง๋มาออกที่เฮียแพทซะได้ แต่งวดนี้เคืองกันนานเนาะ 2 ปีกว่าๆเลยนะเนี่ย
รอๆพี่เกียร์กลับมา อิตาหัวหน้าอย่ามาตอดน้ำพุนะ :angry2:
-
เค้าอยากได้ค่ะ พี่เหมกะน้องฟ่างอ่าา ยกมืออีกเสียง
-
ยกมือว่าจะเอาาาา
ชอบเรื่องนั้นมากกกกกก
แต่ขอตอนพิเศษด้วยได้ป่ะะะะ
ฮืออออ
ชอบๆๆๆๆๆๆ
เรื่องนี้ก็ชอบ พุต้องคุยกะเฮียแพทนะะะะ
จะได้เข้าใจกันซะที ^^
-
เข้ามาอ่านตั้งกะนานแล้ว สนุกสุดยอดมากค่ะ กดบวกซะเลย o13
-
มารออ่านด้วยคน รอพี่เกียร์มาเซอร์ไพร์พุ
-
จัดไปอย่าให้เสียคุณเรนโบว์
ไหนๆจะรวมเล่มทั้งที ทำมัน 2 เรื่องเลยเถอะ
คนรอซื้อจะได้ซื้อทีเดียว เนาะ
-
เฮียแพทอะไรยังไง
แต่น้องพุนี่เสน่ห์แรงฟีโรโมนฟุ้งตลอดเวเลยวุ้ย
น่าหวงแทนพี่เกียร์จริงๆ อิอิ
-
สงสัยหัวหน้าพุชอบพุแน่เลยอะ แล้วเมื่อไหร่พี่เกียร์พี่เกียร์จะกลับมาอะ
-
"เป็นได้แค่ตัวแทน" ข้าวฟ่างกับคุณเหม อยากได้ด้วยคะ
ขอตอนพิเศษหวานๆด้วยได้ป่าวคะ :mew2:
-
จิ้มก่อนๆ
-
รอๆ
-
มาป่าวน๊าคืนนี้ :katai2-1:
-
เฮียแพท จามาโกรธอะไรน้องว๊า ตัวผิดแล้วยังไม่สำนึก น้องอุตส่าทัก ชิชะ :hao3:
แล้วเมื่อไหร่พี่เกียร์จะกลับมาหาน้องพุ :hao7:
-
จะว่าไปก็เข้าใจทั้งทางพุ แต่ก็เห็นใจทางเฮียแพทด้วย
เห็นด้วยกับพี่เกียร์ เฮียแพทแกก็ไม่รู้ว่าตัวเองถูกโกรธด้วยเรื่องไหนอ่ะเนอะ
พอตอนนี้น้องพุกล้าทักเฮีย กลายเป็นเฮียงอนกลับหรือเปล่าเนี่ย ฮ่าๆ
-
เอาอีก ขออีกนี๊ด นะ
-
อยากอ่านอีกจังเลย มาอีกหน่อยสิคะ
เฮียแพทขี้ใจน้อยอะ เซ็ง พุเริ่มคุยด้วยก็ไม่คุย เชอะ :a14:
แล้วเมื่อไหร่พี่เกียร์จะกลับละเนี่ย :o10:
ปล.อยู่ดีดีก็คิดถึงพี่เล่ย์อะ รักจังเลยผู้ชายคนนี้ :m1:
บวกกกกกกกกกกกกกกกกกค่า :กอด1:
-
เฮียแพทไม่ทักตอบก็ช่างเค้าเหอะพุ
เมื่อไหร่พี่เกียร์จะกลับน๊อ คิดถึง ^^
-
:hao4: ชอบๆๆอ่า :katai4: :katai4:รอๆๆ
-
พุกกล้าทักเฮียแพทแล้ว เดี๋ยวทุกอย่างคงดีขึ้นเอง
-
อ๊ายยย พี่เกียร์จะคัมแบ็คแล้ววว
เมื่อเช้าเพิ่งเห็นชื่อตอนเป็น Epilogue ใจหายวูบบบบเลย
คิดว่ายังมีบางเรื่องที่ยังไม่คลี่คลายดี จะรอติดตามต่อนะคะ
ตอนนี้แม้จะเอาไม้จิ้มฟันมาถ่างตาก็ไม่ไหวแล้ว เหอๆ พรุ่งนี้มาเกาะกระทู้ต่อน้า
:katai3:
-
ได้เป็นแค่ตัวแทนถ้ารวมเล่มก็สนใจแน่นอนค่ะ ขอตอนพิเศษเยอะๆ นะคะ คิดถึงงงงง ๕๕๕๕
-
เย้~ พี่เกียร์จะกลับมาแล้ววววว :impress2:
-
มาเรื่อยๆๆ คนอ่านก็อ่านได้เรื่อยๆๆ
ลุ้นให้พี่เกียร์กลับมาหาพุเร็วๆ
-
พรุ่งนี้จะจบแล้วจริงดิ โอม่ายยยยยยยยยย :m15:
-
พุเนื้อหอมเนอะ รักพี่เล่ย์สุขมากๆๆ พอพี่เล่ย์ตาย เอ้า คว้าพี่เกียร์ แถมอ้อนเสียจน อึมม ลืมพี่เล่ย์ไปเลย(หรือคนเขียนต้องการให้เป็นแบบนี้) อิอิ ป้ารับไม่ได้ หรือเราอ่านข้ามไปเลยไม่รู้ว่าลืมพี่เล่ย์ได้อย่างไร ทำให้คิดว่าคนต่อๆไปคือของฉัน(ไม่จำกัดว่ากี่คน) เพื่อนร่วมงานตรึม เฮ้อ เหนื่อยแทน
-
พี่เกียร์จะกลับมาแล้ว พุอารมณ์ดี ยิ้มหน้าบาน... เชียว :m1:
-
เฮียแพทจะหยิ่งก็ทำให้ได้ไปตลอดนะคะ น้องพุอุตส่าห์ยอมลงคุยด้วยก่อนแล้วอะ เป็นเรานี่จะโมโหมากเลยนะนี่ :m16:
พี่เกียร์จะกลับมาแบบถาวรแล้วใช่ไหมอ่า :impress2:
ว่าแต่แผนกพุนี่พนักงานแต่ละคนไม่ธรรมดาตั้งแต่หัวหน้ายันลูกน้องเลยนะ :m20:
-
พี่เกียร์จะกลับมาแว้วววววววววววววววววววววววววววว :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
-
รอคอยวันที่พบเกียร์ อิๆๆๆๆ อยากให้มาเร็วๆจังอ่ะ
-
จะจบแล้วใจหายมากๆๆ เลย เพราะมีความสุข กับการอ่านเรื่องนี้มาก ๆๆๆ ในหนังสือขอตอนพิเศษเยอะ ๆๆๆ เลยนะค่ะ เพราะอยากอ่านอีกเยอะๆๆๆๆ ขำพุมากเลยเข้าใจความรู้สึกเลยว่าคิดถึงเกียร์มาก ยิ้มหน้าบานเป็นจานข้าวหมาเลยเนอะ
ปล. เนื่องจากคนเขียนถามว่ามีใครจะซื้อเรื่องหรือเป็นได้แค่ตัวแทนไหม เราสารภาพตรง ๆๆ ว่าเคยอ่านงานเขียนของคุณเรนโบว์ เรื่องนี่้เรื่องเดียว และตามไปอ่านความรักทำให้คนตาบอด ตามไปอ่านชีวิตอิง และก็เศร้ากับมา เมื่อคืนไปอ่านหรือเป็นได้แค่ตัวแทน ร้องไห้ เสียน้ำตาไป หลายลิตร เศร้ามากเลย วันนี้ตาบวมมาทำงานเลย และทำให้เรารู้ว่า คุณเรนโบว์แต่งแต่ Fic เศร้าทั้งนั้นเลย พอไปอ่านเรื่องอื่น ทำให้รู้เลยว่า พุโชคดีกว่านายเอก fic ของคุณเรนโบว์หลายเรื่องที่ผ่านมา 5555 (ตอนนี้กำลังอายคนอื่นตาบวม รับผิดชอบเลยด้วยการเขียนฉากหวานของเกียร์กับพุให้อ่านด้วย)
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
อย่าว่าแต่พุเลย เราก็ยิ้มหน้าบานเหมือนกันที่พี่เกียร์จะกลับมาแล้ววว :m4: :m4:
-
เฮียแพทจะงอนไปไหนเยอะแยะ น้องมันง้อแล้วเน้อ :katai5:
เย้!!!! พี่เกียร์จะกลับมาแล้ววววววววววว :hao7:
-
กดบวกเบาๆ อีกที^^
คราวที่แล้วติด 24 ชม.
-
พี่แพท นิสัยว่ะ :katai1:
-
รอพี่เกียร์กลับมาเร็วๆ :katai1: :katai1:
ปล.ซื้อ ๆ ขอตอนพิเศษเยอะเยอะเลยน้า
:mew2: :mew2:
-
ยังไม่จบใช่มั้ย จะรอต่อนะ
อยากรู้ว่าพี่แพทจะเอาไงต่อ :katai3:
-
อ่อยยยย ,, พี่เกียร์จะกลับมาแล้ววว
เยเยเย ดีใจอ่ะ
แล้วเฮียแพทนี่อะไร เหมือนจะเข้าใจพุ
แต่ก็กลายเป้นว่าไม่พูดไม่มอง งงเฮียจัง?
แต่พี่เกียร์ ฮือออ ผัวน้อง!!!
><
กลับมา อยากเจอล้าวววววววว
-
เฮียแพทขี้งอนอีกละ ไม่สบอารมณ์ก็อย่างนี้ทุกที
พุไม่ต้องทำไรหรอก เดี๋ยวเฮียแกก็กลับมาป้วนเปี้ยนเหมือนเดิม
เพื่อนที่ทำงานพุ ช่างคัดสรรมาจริง
เข้ามาตอบโหวต ถ้าบอกว่าอยากอ่านทุกเรื่องคนเขียนคงหงิก ฮ่าฮ่า
อืม...น้องอิงก็แล้วกัน อารมณ์น่าจะต่อง่ายกว่าเรื่องอื่น
-
อ่ะนะ ไอ้พี่แพท... ก็อุตส่าห์แก้ตัวแทนให้ละนะแกก็ยังเกรียนซะ!!!
-
มารอพุกะพี่เกียร์ คนเขียนใจดีจะมาลงให้ไหมอ่า :L2:
-
โล่งใจ พุกับเฮียแพทปรับความเข้าใจกันแล้ว
รอพี่เกียร์กลับมาน้องพุเร็ว ๆ ^^
ส่วนเรื่องเขียนต่อ เราโหวตเรื่อง บันทึกรัก (แวน-การ์ด) กับ หวานใจช่างยนต์ค่ะ
อยากอ่านสองเรื่องนี้จนจบก่อน โดยเฉพาะบันทึกรัก จำได้ว่าเคยอ่านมาหลายปีมากกกก ยังไม่จบเลยค่ะ
-
ลุงหลานเขาดีกันแล้วอ่าาาาาาา
กู๊ดจ้อบมากกกกกกกกกกกกกกกกก o13
เฮียแพทกวนตีน แต่เราชอบนะ ที่แล้วๆมาให้อภัย
ไม่อยากจะเคืองเฮียแกเท่าไหร่อย่างน้อยเลือดครึ่งนึงของเฮีย
ก็เป็นเลือดเดียวกับคนที่เรารักที่สุด ทำใจโกรธนานไม่ลง #เว่อร์ :laugh:
ใกล้จบเข้ามาทุกที อย่าลืมหนังสือนะคะคุณเรนโบว์ :กอด1:
ปล.ตามจริงอยากกดโหวตทุกเรื่องเลยอะ :hao7:
แต่ถ้าเลือกแค่หนึ่งขอเลือกตาวันกับจันทร์เจ้าก็แล้วกัน
เพราะเราชอบผู้ชายสกินเฮดดดดดดดดดดด :hao6:
-
อยากให้ต่อ เรื่อง - Babble Story - Imprint Love อ่ะจ้า :katai2-1: :katai2-1:
-
พี่เกียร์จะกลับมาแล้ว เย้ๆๆๆๆ :mew3:
ส่วนเรื่องที่อยากอ่านต่อให้จบก้อคือ - Babble Story - Imprint Love เรื่องนี้เลย คิดถึงพี่ปอนด์อ้ะ :mew2:
-
บันทึกรัก (แวนการ์ด) ลุ้นสุดตัว คู่นี้น่ารักมากๆ ชอบเป็นเรื่องแรกๆๆ :กอด1: :กอด1:
-
จะจบแล้วเหรอ :hao5:
น้องพุเคลียร์กับเฮียแล้วก็ดีจะได้ไม่ค้างคาเนอะ
รอพี่เกียร์กลับมาก็แฮปปรีเอนดิ้งแล้ววว :L1:
เรื่องที่ซาวด์เสียงเค้ายังไม่เค้ยไม่เคยอ่านเลยจ้า ไว้ว่างๆจะติดตามให้ครบแน่นอน o13
-
รออ่านทุกเรื่องเลยค่ะ T_____________________T
แล้วแต่คนแต่งจะเขียนมาให้อ่านเลย
และถ้าจะเขียนทีละเรื่องจริงๆ ขอหวานใจช่างยนต์เถอะค่า
-
ยกมือ....อยากอ่านหวานใจช่างยนต์คร๊าาาาาา :mew1:
-
รออ่านตอนจบอยู่จ้ะ :mew2:
เรื่องอื่นๆ ยังไม่เคยอ่าน ช่วยแนะนำหน่อยได้ไหมจ๊ะ จะได้มีเรื่องอ่านต่อ
ขอพระเอกรักนายเอกมากก หวงเว่อร์ ประมาณพี่เล่ย พี่เกียร์ นี่แหละ :mew3:
-
ในที่สุดเฮียแพทก็กลับมาเป็นเฮียแพทคนเดิมของพุจนได้ ^^ แต่ก็นะ เพราะความขี้แกล้งของเฮียแหล่ะ เลยโดนด่าฟรีๆ เลยเห็นป่ะล่ะ สมน้ำหน้า ชิ~
ส่วนเรื่องที่อยากอ่านต่อจากเรื่องนี้ จะโลภไปไหมคะถ้าจะบอกว่าอยากอ่านมันทุกเรื่องเลย แต่ถ้าจะต้องเลือกอ่านจริงๆ ขอน้องอิงก็แล้วกันค่ะ ไม่ใช่อะไรหรอก เผื่อฟลุคได้เจอพี่เล่ย์ พี่เกียร์ แล้วก็พุที่เรื่องโน้นบ้างน่ะ แฮ่...
-
ดีใจที่พุกับเฮียแพทดีกันแล้ว
จะว่าไปแล้ว เฮียแพททั้งรักและเอ็นดูพุมากเลยนะ
แต่ต้องเก็บมันไว้ในใจแอบสงสารเหมือนกันอ่ะ
ส่วนเรื่องที่อยากอ่านต่อ
อยากอ่านทุกเรื่องเลย!
แต่ถ้าไม่ได้ก็อยากอ่านน้องอิงก่อนค่ะ
เพราะดูเรื่องราวใกล้จะลงตัวกันแล้ว
แถมด้วยตาวันกับจันทร์เจ้าอีกเรื่องค่ะ ^^
-
อยากให้ตอบเรื่องบันทึกรักค่ะ
อยากจะบอกว่าไปแฟนที่ตามอ่านมาจากบอร์ดเก่าสมัยเมื่อเกือบ10ปีได้(รู้กันเลยทีเดียวว่าแก่ -_-)
ยังเคยเก็บไว้อ่านแต่มันไม่จบอ่ะ ค้างไว้ตอนเข้ามหาลัย
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก พลีสสสสสส
-
:hao7: :hao7: บันทึกรักค่ะ
-
อ่านแล้วจะร้องไห้ตามพุตอนเจอพี่เกียร์ ประทับใจมาก o7 ขอบคุณคุณเรนโบว์มากที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านนะคะ หลายเรื่องเลย
ส่วนเรื่องต่อไปอยากอ่านบูมอิงอ่าค่ะ จุ๊บๆ :กอด1:
-
:katai4:
ใที่สุดก็จบแล้วววววววววว :hao5:
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆ ให้ได้อ่านนะคะ ติดตามเรื่องนี้มายาวนานมาก
(ยิ่งพักหลังๆ นั่งรีเฟรชจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลยเชียว)
แม้จะเสียน้ำตาให้กับเรื่องนี้หลายหน
แต่มันก็ไม่เท่าความอิ่มเอมใจที่ได้จากหลายๆ ตอนในเรื่องนี้จริงๆ ค่ะ
เรื่องต่อไปอยากอ่านน้องอิงต่ออ่ะค่ะ >.<
เอ๊ะ...ทำไมคิดถึงแต่น้องอิง/เด่นเกิ๊น 555 //เรื่อง ความรักทำให้คนตาบอดค่ะ
จะมีตอนพิเศษแบบพี่เกียร์ปะทะหัวหน้าขี้หลีอะไรงี้ไหมคะ 555
//ถ้ารวมเล่มอย่าลืมแถมตอนพิเศษซัก 20 30 ตอนนะคะ *โดนต่อย
-
จบแล้ววววววว น้ำตาจะไหลตามน้องพุ ฮืือออออออๆๆๆๆๆๆ
ขอตอนพิเศษได้ม้ายค้าาาาาาาา
เรื่องต่อไปที่เราอยากอ่านคือ Twin Flame Series ค่า
-
:serius2: :serius2: ยังไม่จบช่ายมั้ยคะ
-
เออ ท่านคนเขียน เห็นรายชื่อนิยายยังไม่จบพรึ่บขนาดนี้ ไม่รู้สึกไรเลยเหรอ 555
มาลงชื่อพร้อม จิ้มให้ Twin Flame Series ค่า
-
จบแล้ววว~
แอบใจหายเบาๆ อ่ะ เหมือนละครโดนตัดจบเลย คือพุเหมือนเป็นเพื่อนที่ต้องเปิดมาเจอมาทักทายกันทุกๆ วัน วันละหลายๆ ครั้งอีกต่างหาก ดังนั้นพอเรื่องนี้จบก็เลยอดใจหายไม่ได้จริงๆ
ขอบคุณสำหรับความประทับใจในเรื่องราวความรักของทุกๆ ตัวละครในเรื่องนี้มากๆ นะคะ รวมเล่มเมื่อไหร่ใส่ชื่อเราลงไปเลยค่ะ เอาแน่ๆ แต่ขอตอนพิเศษด้วยนะคะ ^^
-
:pig4: :pig4: :pig4:
หวานใจช่างยนต์ค่ะ :mew1: :mew1: :mew1:
-
:mew6: ขอตอนพิเศษเพิ่มเติมได้ไหม
ไม่เคลียร์ หัวหน้านะ
-
จบแล้ว :กอด1:
ตอนจบนึกถึงพี่เลย์นิดนึงกับคำสัญญา อะฮึกๆ แต่ก็ซึ้งค่ะขอบคุณนักเขียนมากๆนะคะสำหรับนิยายดีๆ :pig4:
คราวนี้ล่ะหัว(เน่า)หน้าจะได้เลิกจู้จี้ซักที มาเห็นภาพตำตาขนาดนี้แล้วเนอะ :katai2-1:
-
อยากจะเห็นสีหน้าหัวหน้าจริงๆเลย ตอนได้เห็นสามีของพุ :laugh:
พี่เกียร์กลับมาแล้ว มารอพุด้วย ยังไงสุดท้ายวันนี้ก็เป็นวันดีของพุจริงๆนะ ดีใจกับพุด้วยจ้า :กอด1:
ขอโหวต Babble Story นะคะ คิดถึงเรื่องนี้ง่ะ จะว่าๆปคิดถึงทุกเรื่องเลยนะ :laugh:
กดบวกขอบคุณค่ะ หลังจากติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ เรื่องนี้ทำให้เราทั้งสุขทั้งเศร้าเลย แต่สุดท้ายก็แฮปปี้เนอะ :impress2:
-
จบเสียแล้ว
ขอบคุณค่ะ :impress:
-
- ความรักทำให้คนตาบอด
- Twin Flame Series
- บันทึกรัก (แวนการ์ด)
- Second Best
- หวานใจช่างยนต์
- Babble Story - Imprint Love
อยากได้ทุกเรื่องเบยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
แต่ว่านะ แต่ว่าาาาาาาาาาาา เอาแบบเรียงตามนี้เลยอ่ะ หุหุหุหุ ความสำคัญเท่ากันหมดดดดด
แต่อยากได้****ความรักทำให้คนตาบอด*****ก่อนนะ คุคุคุคุ
-
เกียร์กลับมาแล้วและก็จบแล้วด้วย
ยังไม่อยากให้จบเลยมีตอนพิเศษไหมค่ะ
-
จบแล้วแต่ก็ขอตอนพิเศษอีกได้มั๊ยคะ
และนิยายเรื่องที่อยากให้ไปเขียนต่อคือ "หวานใจช่างยนต์" จ๊ะ
-
จบแล้วหราเนี้ย ดีใจตามพุเลยอะ อยากอ่านbabbleกะ twinflameแฮ่แฮ่
-
จบแล้วอะ ในที่สุดพี่เกียร์ก็กลับมาหาพุ ดีใจน้ำตาจะไหล o13
แต่แอบใจหายจริงๆ ตามติดเรื่องนี้อยู่ทุกวัน รอคอยอยู่ทุกคืน
แต่ไม่เป็นไรเราจะรอรวมเล่มค่ะ
เรารักเรื่องนี้มาก รักพี่เล่ย์ที่สุด รักพุ รักพี่เกียร์
รักตัวละครทุกตัว รวมถึงรักคุณเรนโบว์ด้วยเช่นกัน
อยากจะขอบคุณสำหรับนิยายคุณภาพดีๆ
ขอบคุณที่เรื่องนี้คนแต่งขยันมากกกกกก น่ารักที่สุด
จะเฝ้ารอติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ ไม่ต้องห่วงค่ะ
ถึงจะจบเรื่องนี้แต่ไม่ทิ้งกันไปไหนแน่นอน
เป็นกำลังใจให้คุณเรนโบว์เสมอ ขอบคุณอีกทีนะคะ :L2:
ปล.เราอยากจะให้พี่เกียร์โบกอิหัวหน้าสักสิบที เซ็งมัน :z6:
ปล2.อยากให้คุณเรนโบว์รู้ค่ะว่าคุณเรนโบว์ทำให้พี่เล่ย์
กลายเป็น1ในพระเอกที่เรารักมากที่สุด และทำให้นิยายเรื่องนี้
ติดท็อปในใจเราที่เราจะบอกคนอื่นว่า คุณต้องอ่าน!!! อย่าพลาด!!!
ขอบคุณอีกหลายๆครั้งสำหรับนิยายเรื่องนี้ค่ะ บวกปิดท้าย :กอด1:
-
ขอ..บันทึกรัก แวน-การ์ด และBabble Story - Imprint Love :mew2:
:กอด1:ขอบคุณมาก ๆ เลยที่แต่งเรื่องสนุกให้ได้อ่าน :mew1:
-
อ่านจบคิดได้เลยว่า "หัวหน้าตายไปยัง"
555555555555555555555
-
อืมม์ จบแล้ว...... /นิ่งไปสามวินาที
มัน...ไม่รู้จะพูดอะไรแฮะ แต่ว่า เท่าที่เห็นก็โอเคอยู่นะครับ คือลากจบได้นี่ก็สุดยอดแล้ว ฮะๆๆ
โดยส่วนตัว ผมคิดว่ามันจบได้พอดีอยู่นะครับ เพราะว่าตั้งแต่เราเป็น Unintentional Love เนี่ย เราโฟกัสที่ตัวละครสองคน คือเกียร์ พุ อีกคนนึงที่เด่นขึ้นมาหลัง Traitor คือพี่แพท การที่จะมามองประเด็นอื่น ผมว่ามันทำให้จุดโฟกัสเราเขว ดังนั้นตอนท้ายๆที่เราเห็นเรื่องอารมณ์การรอคอยของพุ กับการที่มีปัญหากับพี่แพท เมื่อทั้งหมดเอามา Solve ลงในบทสุดท้าย ผมว่ามันจบได้ครบประเด็นดีแล้วครับ ไม่มีอะไรค้างคา เพราะดีเทลย่อยอย่างเรื่องหัวหน้าจะจีบหรือไม่นั้น ถ้าเกียร์กลับมา ประเด็นนี้ก็จบ แถมในเรื่องนี้ดันมีฉากแต่งงานโผล่เข้ามาด้วย ก็ถือว่าเติมประเด็นโรแมนซ์แบบ Happy Ending เข้ามาระดับนึงให้คนอ่านทั่วไปเป็นเซอร์วิส
ส่วนเรื่องถ้าอยากให้เขียนต่อ... ออกตัวก่อนนิดนึงว่าผมเป็นคนชอบอ่านอะไรที่ทำให้เราได้คิดต่อ อ่านเนือยๆแล้วมันจะค่อนข้างหงุดหงิดหน่อยๆครับ 555+ อย่าถือสานะครับ >.< ดังนั้นตอนนี้ลิสต์ที่อยากให้เขียนต่อเรื่องแรก คือ Love makes me blind เพราะว่ามันมีปมที่น่าสนใจแฝงอยู่มากเลยครับ และผมชอบดีเทลความมีมิติของตัวละคร
ต่อมาที่ผมมองว่าท้าหลักปรัชญาและ สำหรับคนเขียน....น่าจะเขียน (และสำหรับคนอ่าน....อ่านแบบวิเคราะห์) ยากพอสมควร คือสองเรื่องครับ Twin Flames กับ Second Best โดยส่วนตัว เท่าที่อ่านและตีประเด็น สองเรื่องนี้ค่อนข้างฉีกกรอบต่างกันหน่อย
คือหนึ่ง Second Best น่าจะเอนไปทาง Twincest แบบสมัยใหม่ ส่วน Twin Flames เป็นเนื้อเรื่องอิงหลักปรัชญาเลย (ตอนนี้มีอยู่ไม่กี่ตอน เลยยังเดาอะไรไม่ได้ครับ)
สอง ความสัมพันธ์แบบ Deep Relation... สำหรับ Second Best ผมพิจารณาจากการปูเรื่องแล้ว ผมคิดว่ายังไงเรนกับโรมมันก็สมควรจะคู่กันอยู่ดี ถึงจะเป็น Twincest แต่มันเมคเซนส์มากๆ เพราะเป็น Two pairs of a soul ซึ่งประเด็นนี้เอามาต่อกับเรื่อง Twin Flames แต่สิ่งที่ต่างกันคือสัมผัสแบบคนรัก เรนกับโรมมีสัมผัสแบบนั้น แต่ตะวันกับจันทร์เจ้ายังไปไม่ถึงระดับนั้น (อนึ่ง ผมพิจารณาจากมิติกายภาพของตัวละคร เรนกับโรมมีรูปร่างแตกต่างกันสิ้นเชิง แม้หน้าตาจะคล้ายกัน แต่ก็ทำให้มองภาพเป็นคู่รักแบบเดียวกับบริบทอีรอสคู่ไซคี {ความรักแบบคนรักต้องอยู่คู่วิญญาณ} ง่ายกว่าตาวันกับจันทร์เจ้า ซึ่งมีรูปร่างและหน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบ จึงทำให้เรามองตาวันและจันทร์เจ้าเป็นลักษณะของ Same Soul ได้ในมุมที่ไม่มีความรักแบบ Eros เข้ามาเกี่ยว)
ต่อ เรื่องบันทึกรัก กับ Babble Story ผมจัดเป็นประเภทเดียวกัน คือนิยายแนวซิทคอม เขียนต่อไปเรื่อยๆเท่าที่กำลังจะอำนวย 555+ มันเติมพล็อตเข้ามาได้เรื่อยๆตราบเท่าที่เรามีจินตนาการ ข้อดีคืออ่านได้เรื่อยๆ พัฒนาความสามารถต่อไปได้เรื่อยๆ ข้อเสียคือจะหาเป้าหมายในการอ่านไม่เจอ ผมเลยค่อนข้างเฉยๆกับสองเรื่องนี้ แต่ยอมรับครับว่าภาษาสวย อ่านสนุก อ่านแล้วติด แต่ประเด็นคือมันไม่มี Main Plot ที่ใช้วางตัดจบ เลยทำให้ผมไม่ addict อะไรมาก
ส่วนเรื่องนี้ Unbelievable Love & Unintentional Love เป็นเรื่องที่เกือบจะซิทคอมนะ แรกๆเป็นซิทคอม กลางๆเรื่องมีเมนพล็อต พอมาท้ายๆเรื่องก็กลายเป็นซิทคอมอีก ผมเลยไม่รู้จะจัดประเภทไหนให้ดี ฮะๆๆ >.<
สุดท้าย หวานใจช่างยนต์ เรื่องนี้เคยแตะแค่ตอนเดียวแล้วคิดว่าไม่ใช่แนวที่อ่านสักเท่าไหร่ ก็เลย cancle interest ไป ทำให้วิเคราะห์อะไรไม่ได้ ต้องขอโทษมาในที่นี้ด้วยนะครับ >/|\<
สรุปก็คือถ้าถามส่วนตัว ความรักทำให้คนตาบอดดึงดูดสายตาผมที่สุดนะ ณ ตอนนี้ ก็รอติดตามอยู่ครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ :mew1:
-
จบแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ลุ้นจนเหนื่อยกว่าพี่เกียร์จะกลับมา
ดีใจกะพุด้วย น่ารักจริงๆๆคู่นี้
ปล.ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อจนจบ
-
ไอ่หัวหน้า ทำตัวหน้าโดนตีนจิงๆ -..- :z6:
มีตอนพิเศษมั้ย อยากอ่านจุง :mew2:
-
จบแล้วว จบแล้วจริง ๆ อ่ะ :katai1:
ตอนที่พุโดนถ่วงเวลาให้กลับดึก
เราก็ว่ามันแปลก ๆ ต้องมีเซอร์ไพรส์แน่ ๆ
แล้วก็มีจริง ๆ พี่เกียร์เนี่ยชอบทำแบบนี้
ขอบคุณคุณเรนโบว์สำหรับนิยายดี ๆ เรื่องนี้นะคะ :กอด1:
รวมเล่มเมื่อไหร่อย่าลืมบอกกันด้วยน๊า
-
จบแล้วอ่าาาาาา
ฮืออออ
แต่แอบสมน้ำหน้าหัวหน้าที่สุดดดด หึหึ
เห็นฉากนี้ไปเลยค่า ,,
พี่เกียร์กลับมาแล้วๆๆ ดีใจจัง
แต่จบแล้วเสียใจจัง งื้อออ
เรื่องต่อไป ขอน้องนอยได้มั้ยคะ?
อยากอ่านหวานใจช่างยนต์มากๆ
ตามด้วย พี่ปอนด์ กับพล
=/\=
สติลยกมือว่าเอาเป็นได้แค่ตัวแทน
-
พิเศษขอตามมาแบบด่วนๆๆๆๆๆ
อยากได้ หวานใจช่างยนต์อ่ะ ค้างๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
จบแล้วเย้ๆๆๆ แต่พุให้พี่เกียร์ไปจัดการหัวหน้าก่อนดิ ตอดอยู่นั่นแหละ
อยากอ่านทุกเรื่องเลย แต่คิดถึงเด็กช่างฯ มากๆอ่ะ
-
จบแล้ววว ขอบคุณคนเขียนจ้า o15
-
อ๊ากกก กลับมาแล้วพี่เกียร์!!!!! :ling1:
แบบขอตอนพิเศษสักนิดกะยังดีหรือตอนขยายหน่อย อิหัวหน้ากับเฮียแพทแบบเหมือนไม่เคลีย์อ่ะ :katai1:
ขอบคุณคนแต่งจ้า :pig4:
-
จบแบบสุขใจแต่ไม่อิ่มใจอ่ะ แบบนี้มันต้องมีตอนพิเศษนะ
เรื่องต่อไปที่อยากอ่าน ส่วนตัวมาก ๆ ๆ ๆ คือ Second Best
ส่วนเรื่องรวมเล่ม อยากได้ 2 เรื่องเลยค่ะ
-
หา
จบแล้วเหรอ
ไม่จริง
ตอนพิเศษล่ะ
ไม่มีเหรอ
ขอซัก 4-50 ตอนไม่ไ้ด้เหรอคะ
-
โถ คุณหัวหน้าน่าสงสารเชียว กะจะเต๊าะเด็กซักหน่อยสามีเค้ากลับมาซะงั้น สม555555555555
ในที่สุดก็จบแล้ว พี่เกียร์อย่าทิ้งพุไปไหนแล้วนะ พุมันเด็กติดผู้ปกครอง อิอิ
ขอ second best นะคะ มันค้างตอนพีคเหลือเกิน พี่เรนควรเคลียร์ได้แล้วเนอะ
ไปเมืองนอกนานไปละ (ผิด55555)
-
ยังไม่เคลียร์เรื่องอิหัวหน้า...แต่ช่างแม่งและ พัค่เกียร์กลับมาแล้วนี่ ฮี่ ฮี่ ฮี่
-
เย้ พี่เกียร์กลับมาแล้วพุจะได้ไม่เหงา
พี่เกียร์จัดการหัวหน้าพุเลย ท่าทางจะชอบพุแน่ๆ
ปล.ขอเรื่อง second best ต่อได้ไหมค่ะ มันสนุกมากเลยค่ะ
-
กิ๊ดดดด จแบแล้วเหรออออ ;___; สมน้ำหน้านายหัวหน้า 5555555555
โหวต 3 เรื่องแรกอ่ะคะ แต่อยากอ่านเรื่องแฝดมากทีุ่สุด //อ้าว
:ling1:
-
ในที่สุดก็ได้มาอยุ่ด้วยกันซะที
สงสารพุโดนเจ้านายตามจีบ แต่จากนี้คงไม่มีแล้วมั้ง
ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆ ให้ได้อ่านนะคะ
-
โฮกกกกก จบแล้ววววววว เย้ๆๆๆๆๆ รอตอนพิเศษนะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
รีบๆ มาต่อน้องอิงให้ด้วยนะ จุ๊บๆๆ :mew1: :mew1: :mew1:
-
สนุกมากเลย
-
หัวหน้า กลายเป็นอากาศไปเลยวุ้ย 555+
ขอตอนพิเศษอีกสัก30ตอนได้มิคะ อิอิ :mew1:
ถ้าจะต่อ อยากอ่านเรื่อง Babble Story - Imprint Love ที่สู๊ดดดดดด :monkeysad:
-
มีตอนพิเศษไหม อยากอ่านมากๆ
อยากให้ต่อเรี่อง imprint love
ชอบ พลกะพี่ปอนด์
-
เอา บันทึกรัก แวน การ์ด ยกสองมือเลยได้ป่ะ รอเรื่องนี้มาหลายปีแล้วอ่ะ นะนะนะน้าาาาาาา
-
ตามอ่านจนจบแล้ววววว ชอบเรื่องนี้จัง
รักพี่เล่ รักพี่เกีย รักพุ ... ตอนพี่เล่ตายร้องไห้เลยอ่ะ เศร้า :mew4: แต่พี่เกียร์มาเป็นพระเอกแทนพี่เล่แบบนี้เราโอเคเลยอ่ะ
เฮ้ออ จบแล้วอ่ะ .. แอบใจหาย ยังไง ขอตอนพิเศษหน่อยนะคะ อยากอ่านฉากหวานๆของพี่เกียร์กับพุอีก :)
ปล. ถ้าเรื่องนี้รวมเล่ม เอาด้วย 1 เล่มจ้า
ปล2. เคยอ่านเรื่องบันทึกรัก แวนกาด เมื่อนานมากๆแล้ว อยากอ่านเรื่ิงนี้ต่อค่า
-
หู้ยย เข้ามาลุ้น ขอให้เรื่องบูมอิงได้ที่ 1 สาธุ :m5:
-
หัวหน้าคงยืนอึ้ง ต่อไปจะไม่ได้มีโอกาสเรียกใช้งานพุดึกๆดื่นๆอีกแล้ว
พี่เกียร์คงไม่ปล่อยให้ทำแบบนี้
อยากอ่านความรักทำให้คนตาบอดค่ะ
-
โถพี่เกียร์ของฉัน มาถึงก็ปิดจบทันที
รู้งี้ให้อยู่เมืองนอกต่อดีฝ่า...
-
เย้ ชอบทุกเรื่อง แต่ขอโหวตอ่าน อิง-บูม ความรักทำให้คนตาบอด
พี่เกียร์กลับมาแย้ววว :oni2:
ช่วยจัดหนักๆให้ไอ่หัวหน้าไปเลยย :z4: :pigangry2: :13223:
-
โถพี่เกียร์ของฉัน มาถึงก็ปิดจบทันที
รู้งี้ให้อยู่เมืองนอกต่อดีฝ่า...
ฮา comment นี้ จริงด้วยๆ :laugh: :laugh:
-
หวานใจช่างยนต์ครับ
-
หลังจากที่หยุดอ่านไปนานมากกกกก...กลับมาอ่านต่อรวดเลย
แม้จะทำใจกับคำเตือนไว้บ้างแล้ว แต่มันก็อดใจหายไม่ได้เลยจริงๆ
แต่ก็ยังดีที่สุดท้ายจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ขอบคุณคุณสายรุ้งอีกครั้งสำหรับนิยายสนุกๆ ค่ะ
ส่วนเรื่องที่อยากให้เรื่องต่อไปเป็นเรื่องไหน ตัดสินใจยากมากรออ่านทุกเรื่องเลย
แต่สุดๆ เลยก็อยากอ่านแฝดเรนโรมใน Second Best ก่อนตอนล่าสุดมันค้างมาก ลุ้นมากกับเรื่องนี้จริงๆ
ยังไงก็หวังให้คุณสายรุ้งต่อให้จบทุกเรื่องเลยนะค่ะ รออ่านอยู่ อิอิ :katai2-1:
-
จบแล้วอ่ะ ฮือๆ ยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ เศร้าจัง :hao5:
มันเหมือนเป็นสิ่งที่ต้องทำทุกวันคือเข้ามาดูว่าคุณ rainbow67 มาอัพเพิ่มรึเปล่า
พอจบแล้ว ก็เลยเหมือนขาดอะไรไปซักอย่างเลยอ่ะค่ะ
ความจริงอยากมาคอมเมนท์นานแล้ว แต่บอกตามตรงว่าสมัครสมาชิกไม่เป็นค่ะ ไม่เก่งเรื่องไอทีจริงๆ
จนพี่สาวมาสมัครให้ได้ ก็รีบมาคอมเมนท์ให้เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลย แม้จะเป็นตอนจบพอดีแต่ก็ถือว่า
ยังทันอยู่นะคะ
เรื่องนี้เราชอบพี่เกียร์ที่สุด ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ทั้งที่เรารู้สึกว่าพี่เกียร์เป็นพระเอกที่มีบทบาท
น้อยมากตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง (เฮียแพทยังบทมากกว่าซะอีก) แต่เรากลับชอบมาก ๆ ตั้งแต่ตอนที่
พี่เลย์ยังอยู่แล้วพี่เกียร์โผล่มาแวบ ๆ หรือ ได้รู้เรื่องเกี่ยวกับพี่เกียร์ไปพร้อมกับน้ำพุผ่านการพูดถึงของ
พี่เลย์ แค่นี้ก็ทำให้เราชอบพี่เกียร์ได้แล้ว ยิ่งหลังจากพี่เลย์จากไป พี่เกียร์มาดูแลน้ำพุจนได้เป็นแฟนกัน
เราก็ยิ่งชอบพี่เกียร์มากขึ้นไปอีก แถมยังมีไปโผล่ให้คำปรึกษาน้องอิงใน ความรักทำให้คนตาบอด อีก เท่ห์มาก
อาจเพราะรู้สึกว่าพี่เกียร์เป็นคนที่คาดเดาอะไรไม่ได้ เป็นตัวของตัวเองสูง มีความหลากหลายบุคลิกในคน ๆ เดียว
และความคิดที่ไม่ค่อยเหมือนใคร ล่ะมั้งที่ทำให้เราชอบมาก(เหมือนมาคอมเมนท์เพื่อชมพี่เกียร์อย่างเดียวเลยแฮะ ๆ
ขอโทษค่ะ) ชอบความรักและผูกพันกันของพี่เลย์และพี่เกียร์มาก ๆ ด้วย ซึ้งจริง ๆ รู้สึกว่าน้ำพุโชคดีมาก ๆ ที่ได้รับ
ความรักจากผู้ชายดี ๆ ทั้งสองคนนี้
แม้หลัง ๆ เรื่องเหมือนจะดำเนินไปแบบก้าวกระโดด ข้ามไปเร็วจนรู้สึกแปลก ๆ งง ๆ ก็ตาม พอจบแล้ว
ก็ยังรู้สึกเหมือนยังไม่เคลียร์ ยังค้าง ๆ คา ๆ บางจุดในความรู้สึกเรา (ไม่รู้มีใครเป็นเหมือนกันมั้ย) ถ้า
ไม่มีคำว่า THE-END ก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าจบเลยนะเนี่ย ความจริงอยากอ่านเรื่องราวต่อไปของ
พี่เกียร์กับน้ำพุในวัยทำงานต่อมาก ๆ เลย แต่ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของคุณ rainbow67 ยังไงก็จบแบบ
Happy ending ล่ะนะ ฮ่า ๆ แต่ถ้าคุณ rainbow67 ใจดีแต่งตอนพิเศษเพิ่มให้อีกหลาย ๆ ตอนก็จะดีใจและ
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ :mew1: :mew1:
สุดท้ายก็อยากจะขอบคุณคุณ rainbow67 ที่แต่งนิยายที่น่ารัก ซาบซึ้ง ประทับใจ อย่างนี้ออกมาให้พวกเราได้
อ่านกัน และหวังว่าจะมีนิยายดีๆ อย่างนี้ออกมาให้พวกเราได้มีความสุขอีกเรื่อย ๆ นะคะ ขอบคุณมากค่ะ
ปล. เรื่องที่อยากให้แต่งต่อ ตอนนี้อยากอ่าน ความรักทำให้คนตาบอด ของน้องอิงค่ะ (อารมณ์ยังต่อเนื่องกับ
เรื่องนี้อยู่ แต่ไม่อยากให้มีใครตายเลยอ่ะ ฮือ ๆ)
-
จบแล้ว แง้วๆๆๆ ขอตอนพิเศษ (เรียกร้องไม่เคยหยุดหย่อน แฮ่~~)
ในที่สุดพี่เกียร์ก็กลับมาอยู่กับพุแล้ว รอนานด้วยอ่า เพราะหัวหน้างี่เง่าแท้ ๆ เชียว
คือแย่มากเลยนะถ้าจะให้อยู่ดึกก็ต้องบอกล่วงหน้าป่ะ ไม่ใช่จะให้ทำเมื่อไรก็ได้กี่โมงก็ได้มันไม่ใช่
ที่จริงหวังจะไปส่งพุล่ะสิ ชริ... ดีที่แกลงมากับพุด้วยจะได้เห็นไปเลยว่าพุแต่งงานแล้วจริง
มีสามีจริง สามีหล่อจริง รวยจริง แสนดีจริง ลาออกไปเป็นแม่บ้านให้พี่เกียร์ดีกว่า เนอะพี่เกียร์เนอะ
น้ำพุร้องไห้เลย ดีใจๆ คนอ่านก็ดีใจที่ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน พุจะได้บ่นกับพี่เกียร์เลย
ไม่ต้องบ่นผ่านเน็ตแล้วเนอะ 555
รักพุ รักพี่เกียร์ รักพี่เล่ย์ รักคนแต่งนะค้า
ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ ค่ะ
-
เราอ่านทั้งเรื่องแล้วแต่อ่านกลับไปกลับมา (งงมั้ยคะ? 5555)
เราเพิ่งตามมาอ่านทีหลัง พอตั้งแต่คนแต่งเริ่มเตือน เราก็อยากรู้ เลยมาอ่านตอนหลังๆก่อน :a5:
อ่านตอนพุกับพี่เกียร์หวานกัน เลยรู้ว่าพี่เล่ย์จากไป ใจเราก็ดราม่า
คิดถึงพี่เล่ย์ กลับไปอ่านตอนพี่เล่ย์ยังอยู่ ใจนึกถึงช่วงพี่เล่ย์จะไป-เพิ่งไป เลยไปอ่านช่วงนั้นอีก
อ่านแล้วรู้สึกดราม่า เลยพยายามจะทำใจไปพร้อมพุ ข้ามมาอ่านช่วงหลังๆเลย
เฮ้ย เร็วไป เค้าหวานกันแล้ว ปรับตัวไม่ทัน กลับไปอ่านช่วงพุกำลังปรับตัวใหม่
ซึ่งตอนนั้นพุจะค่อนข้างจมทุกข์มาก ฟีลเราก็ไปตามพุ รู้สึกไม่ไหว มาอ่านช่วงหลังอีกรอบ
แต่กลายเป็นว่า ฟีลเค้าหวาน เราก็ไม่หวานไปกับเค้่า
ใจแบบ :o7: มาก แต่อยากอ่านต่อก็อยากอ่านต่อ
เพราะถึงจะอ่านมาทั้งเรื่อง แต่เอาจริงๆ นี่ฟีลเหมือนยังไม่ได้อ่านเลย เอาไงดี :katai1:
ผลจากการอ่านกลับไปกลับมา ... กลับไปกลับมาจริงๆ :katai4: 5555
.
ตอนนี้ความรู้สึกกำลังแบ่งออกเป็นส่วนๆ
เรากำลังพยายามจะทำให้มันเชื่อมเป็นส่วนเดียวกัน
ยิ้มไปกับพี่เล่ย์กับพุ เศร้าไปกับพุ เขินไปกับพี่เกียร์และพุ
เราว่าจะกลับไปอ่านใหม่แต่แรก o7 555555
แล้วเดี๋ยวจะมาเม้นท์ใหม่น้า :L2:
-
ดีใจจังที่จะได้เจอพี่เกียร์กับน้ำพุในตอนพิเศษ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: แต่ว่าตอนเดียวเองเหรอคะ ฮึก ๆ :mew6: :mew6: แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอ่ะเนอะ
รอ ๆ ค่ะ ขอบคุณนะคะ รักคนแต่งนะ :mew1:
-
เย้ๆ จบแล้วอ่ะ แต่ขอรอตอนพิเศษได้ม่ะอ่ะ o13
ส่วนเรื่องไหนที่อยากให้ต่อ เราขอโหวด 2 เรื่องนี้นะ - หวานใจช่างยนต์ , บันทึกรัก (แวนการ์ด) :hao5:
-
อ่านจบ2วันพอดี วันละเรื่องเลย :hao6:
จบของพี่เล่ย์ไปร้องไห้จนปวดหัว. ตาบวมอีก กร๊ากกก :hao5:
พอมาเรื่องของเกียร์ดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่าเศร้าแต่....มีบางตอนทำร้องไห้เหมือนเดิม :z3:
ฉันร้องไห้ง่ายไปมั้ยยยย :katai1: :katai1:
สุดท้ายยยย. รักคนเขียน :mew1: จะไปตามเรื่องอื่นนนน เราชอบร้องไห้ กร๊ากกกก :z2:
-
ชอบเรื่องนี้อ่ะ มีทั้ง หวานไม่ว่าจะตอนของเล่ย์หรือเกียร์ เศร้าน้ำตาไหลตอนเล่ย์ตายแล้วพุอยู่คนเดียว หัวเราะเวลาเพื่อน ๆ ของพุอยู่ด้วยกัน ครบรส
เรื่องนี้ไม่ต้องรักพี่เสียดายน้องเลย สุดท้ายพุคือคนที่มีความสุขที่สุด อิจฉา
-
คิดถึงจังเลย ตอนพิเศษจะมาเมื่อไหร่น้ออออ :mew1:
-
ว้าวๆๆ ดีใจที่มาต่อตอนพิเศษให้ค่ะ
ฮาน้องพุที่สาวๆ ไม่ป้ายแป้ง แต่ถ้าเป็นหนุ่ม ๆ น้องพุไม่พลาดจ้า
พี่เกียร์นี่ไม่มาเล่นด้วยก็เหมือนเล่นเนอะ มีคนพาดพิงตลอดๆ 555
ขอบคุณค่า
-
เย้ ๆ ดีใจจัง ตอนแรกคิดว่าดูผิด ดูวันที่ชัด ๆ อีกที ว้าย พี่เกียร์กับน้องพุจริง ๆ ด้วย :m11: :m11:
เมื่อกี้เพิ่งไปอ่านเรื่องสั้นวันสงกรานต์ " ใครสักคน " ของคุณเรนโบว์ไป ยังคิดเหมือนกันว่าถ้ามีพี่เกียร์น้องพุเล่นสงกรานต์บ้างคงจะดีเนาะ แล้วก็มีจริงๆด้วย คุณเรนโบว์น่ารักที่ซู้ด :จุ๊บๆ:
น่ารักกันมากๆเลยค่ะ เพื่อน ๆ ช่วยกันทำมาหากินกันดีจัง ขายทุกอย่างจริง ๆ :laugh: :laugh: แต่ท่าทางพุจะเสน่ห์แรงกว่าพี่เกียร์แล้วนะเนี่ย ขำจริงพี่เกียร์หน้าแตกดังเพล้ง ถูกสาวเมินอ่ะ กร้าก ๆ :m20:
แล้วที่กรี๊ดสุด ๆ คือ พี่บูมกับน้องอิง มาร่วมแจมด้วย :give2: ชอบจังเลยค่ะ น้องบุ๋มก็ฮาสุด ๆ ดูเป็นครอบครัวสุขสันต์วันสงกรานต์จริงจริ้ง
ปล. ที่คุณเรนโบว์ว่าตอนพิเศษอีกตอนเดียวก็จบแล้วคือตอนนี้รึเปล่าค่ะ ฮือ ๆ แอบเศร้าเล็ก ๆ :o7:
แต่ยังไงก็รอมาต่อที่เหลือของตอนนี้อยู่นะค้า รัก ๆ คุณเรนโบว์ :L1: :L1:
-
ดีแล้วน้องพุ เล่นแค่วันเดียวก็พอ
เค้าเล่นออกสามวัน หน้าลอกเลย ครีมเคิมยังเอาไม่อยู่ :katai1:
-
กลุ่มนี้น่ารักกันดี ชอบคำพูดคุยกัน ที่เหมือนจริง ไม่ใช่นิยาย ฮาสาดดดดดดดดด (สาดดดดด..ส่งท้ายสงกรานต์ :laugh:)
อ่านแล้วอารมณ์ดีมีความสุข :t2:
+1 +เป็ด ชอบทุกเรื่องของน้องสายรุ้งค่ะ :กอด1:
-
น่ารักอะ คิดถึงตอนที่พุเล่นสงกรานต์กะพี่เลย์เลย
-
แอร๊ยยยยยยยยย อยากสาดน้ำกะน้องพุ :katai2-1:
-
แอร๊ยย เล่นน้ำกันที่ไหน เค้าจะไปบ้าง อยากประแป้งพุอะ :o8:
-
มาต่อไวๆ เด้อ. เดี๋ยวจะหมดเทศกาลซะก่อน
-
เรตติ้งดีทั้งสองคน น่ารักจริงๆ
-
ทำไมพุ พี่เกียร์แล้วผองเพื่อนถึงน่ารักแบบนี้ และแต่ละคนจะฮากันไปไหน :laugh:
ได้อ่านแล้วมีความสุขมากๆ พี่เกียร์น่ารัก พุก็น่ารัก โอยยย ชอบบบบบ :-[
แต่สารภาพเลยอ่านตอนนี้แล้วโคตรคิดถึงพี่เล่ย์
ถึงตามจริงจะคิดถึงทุกตอนและยังคิดถึงเสมอก็เถอะ
แต่รู้สึกว่าช่วงนี้จะคิดถึงเป็นพิเศษ :กอด1:
ปล.รักคุณเรนโบว์จัง น่ารักตลอดเลยอะ :katai2-1:
-
ขอพี่เกียร์หวาน ๆ อีกนิ๊ดเนะ :hao3:
-
:pig4:
ฮะเดี๋ยวๆ พี่บูมกับน้องอิง? น้องอิงนิหนุ่มน้อยที่ตอนเล่าย้อนหลังไปสมัยเรียนใช่ป่ะ แล้วพี่บูมเค้าคือใคร -*-
อ่านมาก็เกือบทุกตอนนะหรือว่าเราข้ามช๊อตไหนไปอ่ะ :ling1:
คนแต่งช่วยบอกหน่อยจิ เค้าสองคนนี้เป็นไผ?
-
สวกรานต์หรรษาจริง ๆ ผลัดกันหน้าแตก ฮ่า ฮ่า น้องทองกวาวฮาอ่ะ
-
น่ารักตลอดอ่ะ...คู่เอกของเรื่อง :mew3:
-
จะ จะ จะ จบแล้วววววว :o12: :o12:
อยากอ่านทุกเรื่องเลยค่ะ ^^
-
ตอนพิเศษดีใจจัง น่ารักทั้งแก้งค์เลย รกคนแต่งมาต่ออีกนะ
-
รอมาต่ออีกนะคะ
คิดถึงน้องพุกับพี่เกียร์กับพี่เล่ย์ ^^
-
:hao5: น่ารักที่สุดอ่ะ คิดถึงๆๆๆ เฮียเล่ย์ น้องพุ พี่เกียร์สวดๆๆๆๆ :ling1:
-
ุเป็นคนที่น่ารักโดยธรรมชาติมากๆอ่ะ
อิจฉาพี่เกียร์ มีแฟนนิสัยดี
-
มาตบท้ายหวานๆ นอนหลับฝ้นดี 555
-
หวานจังอ่านแล้วยิ้มม
คืนนี้เรานอนหลับฝันดีแน่ ^^
-
รู้สึกเต็มอิ่มจัง แต่ถ้ามีตอนพิเศษมาอีก ก็จะชอบมาก
-
หวานกันตลอด ๆ นะ คู่นี้เนี่ย :-[ พุน่ารักจังร้อยพวงมาลัยให้พี่เกียร์ด้วย อย่างนี้จะไม่ให้พี่เกียร์รักหลงน้องพุได้ไงจริงมั้ยจ้ะ
แต่พี่เกียร์ก็นะ ชอบออกอาการหื่นตลอดอ่ะ :fox2:
ขอบคุณคุณเรนโบว์ค่ะสำหรับตอนพิเศษ :pig4: หวังว่าจะได้เจอพี่เกียร์กับน้องพุอีกนะจ้ะ :L1: :L1:
-
อ่านเรื่องนี้ละบอกเลยว่าไม่เคยพอ
แต่ตอนนี้น่ารักมากกกกกกกกกกจริงๆ
พุนี่น่ารักน่าหยิกมาก ส่วนพี่เกียร์ก็ทะลึ่งตลอดกาล ฮ่าๆ
สุขสันต์วันปีใหม่ไทยเช่นกันค่ะคุณเรนโบว์
ถึงจะช้าไปหลายวันแต่ไม่เป็นไรเนอะ
ปล.คิดถึงพี่เล่ย์มากอะ บอกตรงๆ
-
หวานกันตลอดอ่ะคู่นี้
มีร้อยมาลัยให้กันด้วย
เขินนนนน
-
มาหวานกันให้อิจฉาอีกละคู่นี้ :o8:
แต่ดีละ เค้าอยากอิจฉาบ่อยๆ อิอิ :impress2:
-
ปลื้มปริ่มมมม อิ่มใจมากชอบ ขอตอนพิเศษอีกนะคะ :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
ดีใจจังที่มาอัพตอนพิเศษ คิดถึงพี่เล่ย์มากๆๆๆ
จริงๆ ก็ดีใจที่พุกับพี่เกียร์มีความสุขนะคะ อ่านแล้วยิ้มตามเลย แต่ก็นะ มันอดคิดถึงบรรยากาศอบอุ่นตอนที่พี่เล่ย์ยังอยู่กับพุไม่ได้อ่ะ ฮือ....
-
ดีใจที่ได้เจอพี่เกียร์ น้องพุ น้องอิง ในวันสงกรานต์
-
ขอบคุณค่า...น่ารักจนหยดสุดท้าย
อยากอ่านแวนการ์ด มากที่สุดค่ะ :ling1:
-
:mew1: :mew1: :mew1: :mew1:รักพุกับพี่เกีรย์ที่สุดเลย :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
-
น่ารักมากกกๆ เลย เล่าได้บรรยากาศสงกรานต์มาก
ประทับตอนที่พุรดน้ำและให้พวงมาลัยเกียร์ พุน่ารักมากกกๆ
บวกและเป็ด ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ :katai5:
-
หวานว้อย
อิจฉาตาร้อนผ่าวๆ เลย
-
เป็นสงกรานต์ที่น่ารักมาก
อ่อยยยย
ชอบที่สุดคู่นี้
ฮือออ ,, น้องที่มาปะแป้งเป็นเรามากๆ
เราจะทำอย่างงี้บ้าง
ทำไมไม่เจอ ผช.หล่อๆให้ปะเลยยย
อร๊ายยยย
><
-
:กอด1: :กอด1: ขอรดน้ำพี่เกียร์กะน้องพุ และคุณเรนโบว์ย้อนหลังค่ะ
-
:กอด1:รักๆๆๆๆพุจัง
แวนการ์ดๆๆๆๆๆๆ ชูป้ายไฟ
-
ชอบจัง :กอด1:
ระหว่างรอทำหนังสือก็เอาตอนพิเศษมาให้อ่านกันอีกนะคะ
-
ค่อยๆทยอยไปอ่านงานเขียนของคนแต่งเพิ่มแล้ว อยากให้ต่อแวน การ์ด และ imprint love ชอบเรื่องแนวน่ารักๆ แบบนี้มาโหวตทีหลังยังทันไหม
-
ยิ้มตามได้ตลอดทั้งตอนเลย
คิดถึงพุ กะพี่เกียร์ และ เหล่าเพื่อนๆแย่เลย
-
พุน่ารัก แบบนี้พี่เกียร์จะไปไหนรอด
-
หวานตลอดดดดด ฮรืออออ อยากอ่านตอนพิเศษอีกค่าาา
รอรวมเล่มๆๆๆๆ ค่าอุดหนุนแน่นอน
-
น่ารักอ่ะ ชอบๆๆๆๆๆๆๆ
-
อร๊ายยย ชอบตอนน้องเอาน้ำมารดไหล่พี่เกียร์ ให้พวงมาลัยที่ร้อยเอง น่ารักไปไหน
พี่เค้่าชมว่ามาลัยสวยก็ไม่เชื่ออีก 555 พี่เกียร์แกจัดหนักจริงอะไรจริง
น้องพุแข็งแรงมากค่ะที่ฝืนมาร้อยมาลัยต่อได้ เอิ้กๆๆ :katai2-1:
รักกันทุกวันเลยน้า
ขอบคุณค่ะ
-
ก็พุน่ารักแบบนี้แล้วจะไม่ให้พี่เกียร์จัดหนักได้งัย คริกๆ
-
ดีใจจัง :katai2-1: :katai2-1: อ่านเล่นได้เรื่อย ๆ ค่ะคุณเรนโบว์ ไม่เคยเบื่อพี่เกียร์น้องพุเลยชอบมาก ๆ
พี่เกียร์น่ารัก รับส่งน้องด้วย เหตุผลที่จะได้อยู่ด้วยกันเพิ่มขึ้น อึ้ย หว้าน หวาน ชอบจัง :-[
บิวส์ความรักทำให้คนตาบอดไปเรื่อย ๆ ก็เอาพี่เกียร์น้องพุมาลงเรื่อยๆ นะคะ รักคุณเรนโบว์จัง จุ๊บ ๆ :จุ๊บๆ: :จุ๊บๆ:
-
อร๊ายยยย รักคนเขียนจัง :mew1: :mew1: :mew1:
-
มาแบบเรื่อยๆ คนอ่านก็อ่านเรื่ิอยๆ อยากให้มาบ่อยๆด้วยซ้ำ อิอิ :z1:
-
ดีใจมากเลยค่ะที่คุณเรนโบว์เอาตอนพิเศษมาให้ :mew1:
ตามจริงไม่ค่อยชินเท่าไหร่ที่เรื่องนี้จบแล้ว
เคยเข้ามารอมาส่องทุกวันก้แอบใจหาย
ลึกๆก้อยากจะติดตามไปเรื่อยๆ แต่ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้อะเนอะ :เฮ้อ:
ตอนนี้ดูเรื่อยๆดีค่ะ ชอบความคิดพี่เกียร์ด้วย
เหตุผลที่มารับมาส่งพุ แบบนี้สิที่รักและเอาใจใส่กันจริง o13
ปล.อย่าลืมรวมเล่มนะคะ เรารอเสียตังค์อยู่ :hao7:
บวกกกกกกกกให้คุณเรนโบว์คนขยันและน่ารักที่สุด :กอด1:
-
คุณเรนโบวน่ารักที่สุด ได้อ่านตอนพิเศษละนิดๆหน่อยๆก็เอา คิดถึงพี่เลย์นิดๆเนอะ
-
:heaven อยากอ่านต่ออีกเรื่อยๆ
-
คู่นี้ยังน่ารักตลอดดดดด
ชอบอ่ะ พี่เกียร์ดูรักพุมากเลย :)
-
อ่านแล้วยิ้ม สบายใจ
-
น้องพุน่ารัก อุอุ
-
น้องพุน่ารักมากมาย
นึกว่าจะหงุดหงิดเรื่องหัวหน้าซะอีกน้อ
-
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษคะ :pig4:
-
ชอบๆๆๆๆ บิ้วท์เยอะๆๆ แล้วไปต่อเรื่องนู้นด้วยนะ เพราะยังค้างอยู่บนยอดต้นสนริมทะเลอยู่เลย
รอๆๆๆๆ
-
พุน่ารักมากๆๆ
-
ตอนสงกรานต์หวานหยด น่ารักน่าฟัดทั้งคู้
-
:L2:มาพอให้ได้ยิ้ม
-
เจอแบบนี้เยอะ+บ่อย
นานๆ จะเจอเหมือนผู้หญิงที่มาถามพุก่อน
แบบนี้น่าสรรเสริญ พอๆ กับพี่แท็กซี่เลย
-
พุน่ารักเสมออ้ะเนอะ เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีสุดๆ
-
มันน่ารักจริงๆคู่นี้
-
แบบพุก็ดีแล้ว เครียด ๆ หนัก ๆ ไม่ใช่แนว
-
พี่เกียร์น้องพุ เย้ ๆ เจอกันอีกแล้ว คุณเรนโบว์มาลงเรื่อย ๆ น้า เราก็จะตามอ่านเรื่อย ๆ เลย :hao7: :hao7:
น้องพุน่ารักมากเข้าใจการทำงานของคุณสามีซะด้วย ไม่งอนไม่งอแง น่ารักจริงจริ้งๆ อย่างนี้สิเสน่ห์มัดใจพี่เกียร์อ่ะเนอะ :hao3:
สงสารน้องอิง แผลเหวอะจากสงครามแม่ลูกเหรอจ้ะ แต่ยังไงก็มีพี่บูมคอยทำแผลให้อยู่แล้วนิเนอะ คิๆ :really2:
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษจ้า :mew1:
-
:กอด1:
-
กำลังอ่านถึงหน้า 66 แต่มากดเพิ่มเป็ดตอนใหม่ก่อน
-
ชอบความสัมพันธ์ของครอบครัวนี้จัง :katai2-1:
พูดถึงแม่พิมพ์เีถียงกับพี่เกียร์ เราคิดถึงพี่เล่ย์เลย :เฮ้อ:
พี่เกียร์ที่ตอนนี้ไม่มีพรรคพวกจะสู้คุณนายเขาได้อย่างไร :laugh:
-
ตกลงยังไม่จบใช่ไหม
ยังรออ่านได้เรื่อยๆ
-
หนังสือนี่จองไปตอนไหนคะ ทำไมเค้าไม่รู้เรื่องอ่า รู้แต่ว่าจะรวมเล่ม :monkeysad:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
ตามมาบวก 1 ให้คนแต่งคนขยัน รอหนังสือค่ะ มีรายละเอียดการสั่งจองเมื่อไรอย่าลืมมาแจ้งนะค่ะ อยากได้เป็นเล่มมาก ๆๆ ค่ะ ซื้อแน่นอน
สำหรับเรื่องสนุก ๆๆ แบบนี้
ปล.เกียร์น่ารักมาก มารับพุตลอดเลย
-
น่ารัก ชอบอ่านมากๆ :กอด1: :กอด1:
-
ชอบน้องอิงอะให้อารมณ์เหมือนเด็กหัวเกรียนสกิลเฮดเเบบแสบๆซนๆเลยอิอิ
-
คุณแม่ผู้ยิ่งใหญ่
-
อ่านกี่ที พุกับพี่เกียร์ก็น่ารัก ตลอดเลยครับ,,,
ชอบมากเลยครับ!!
-
555+ สองแม่ลูกลับฝีปากกัน :laugh:
-
เค้ามาแว้ววว โฮ่ยยย อย่าเพิ่งจบบบ อยากอ่านไปเรื่อยๆๆ อ่านเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ นั่งยิ้มเหมือนคนบ้าทุกที 555555 :hao3:
จำพาสเวิดไม่ได้อ่า เลยล็อคอินจากโทสับมาเม้นไม่ได้ :hao5:
รอรวมเล่มน๊าคุณเรนโบว์ ลงชื่อๆๆๆ อิอิ
-
:katai4: :katai4: เอาอีกๆ
-
5555+... ฮานะ
-
อ๊ายๆๆๆๆๆ พี่เกียร์กะพุน่ารักอะ :hao7: :hao7: :hao7:
ขอบคุณ Rainbow67 นะค่ะที่แต่งนิยายสนุกๆๆให้อ่าน
ปล.คิดถึงนภสินธุ์กะน้ำพุ ขอตอนพิเศษเยอะๆๆๆนะค่ะ ^^
-
ขอบคุณค่า :กอด1:
ตอนนี้มาแบบหวานนนนนนนนนนนนนๆ :hao6:
เขินตามเลยที่เดียววว555555;
-
จบแล้ววววว ขอบคุณคนแต่งค่ะ :L2:
รออ่านตอนพิเศษเรื่อยๆนะจ๊ะ
-
:L2:
-
เฮียแพท... คิดเยอะนะ ยึดติดไว้เยอะ ถ้าปล่อยวางเสียบ้าง คงจะดี
-
โหมดนี้ของเฮียแพทเรียกคะแนนขึ้นจมเลย
-
เฮียแพทปมเยอะ
อยู่กับภาระหน้าที่ ที่แบกเอาไว้เต็มบ่า
น่าสงสาร
-
:a5: จะว่าสงสารก็สงสารนะเฮียแพท แต่เฮียคิดมากไปมั้ยไม่ลงมือทำแล้วจะรู้ได้ไงว่าสิ่งที่ทำลงไปมันถูกรึผิดว่ะคะ
-
เฮียแพทน่าสงสารมากกกกก
-
เฮียแพทน่าสงสาร แบกรับอะไรไว้เยอะเลย :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
คิดเยอะแบบนี้เป็นเคะให้พี่เผ่าเถอะค่ะเฮียแพท
หาหนุ่มดีๆมาดูแลเฮียซักคน คอยแบ่งเบาภาระทั้งทางกายและใจ
-
อ่านแล้วปวดใจตุ้บๆ รู้สึกสงสารและเห็นใจเฮียแพทกับภาระที่อยู่ในใจของแกเหลือเกิน
แต่ก็อยากเอาคำพูดของพี่เล่ย์ที่เคยพูดกับเฮียแพทมาย้ำกันให้คิดอีกรอบ
"It's better to let go and look forward into the future instead of the past.
Life is too short to be angry all the time when there is actually happiness
around you... Forgive him before it's too late..." ตรงตัวเลย
รู้และเข้าใจว่ามันไม่ง่ายในการยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เพราะเรากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้
สิ่งที่ควรทำคือการยอมรับ ปล่อยวาง และเลือกมีความสุขกับสิ่งที่ยังมีอยู่มันดีกว่าไม่ใช่เหรอ
จริงๆอยากให้เฮียแพทคิดและเข้าใจในจุดนี้ แต่ก็เข้าใจว่ามันยากสำหรับเฮียแพทเหมือนกัน
เวลาอาจจะช่วยได้ แต่ก็หวังว่าทุกอย่างมันจะไม่สายเกินไป...
บอกตรงๆตอนท้ายๆทำเราจะร้องไห้เลย รู้สึกได้ว่าลึกๆเฮียแพทไม่ได้เกลียดพี่เล่ย์จริงๆ
ใจแกว่งมากตอนอ่านที่เฮียแพทบอก "แต่มันคงไม่ต้องการ... เพราะมันมีน้องชายแล้ว"
มันบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง แต่ใจหวิวๆเหมือนน้ำตาจะไหล...
ใจเฮียแพทอ้างว้างขนาดไหนเราเพิ่งรู้วันนี้เอง
ชีวิตคนเราบางทีมันตลกเกินไปเนอะ จะมีสักกี่คนที่จะสมหวังในสิ่งที่ต้องการ
และจะมีสักกี่คนที่ยอมรับได้ในสิ่งที่ตัวเองไม่พอใจ แต่ไม่ว่าจะยังไงชีวิตมันก็คือชีวิต
เราควรที่จะเรียนรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่ามาตีโพยตีพายในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว
เป็นกำลังใจให้เฮียแพท กอดเฮียแน่นๆสักทีแทนคำพูดว่าจะเอาใจช่วย
ปล.เพิ่งรู้ว่าเรื่องนี้จริงๆคนที่มีมุมมองความร้ายกาจที่สุดคือแม่เฮียแพท
ปล2.ในตัวพระหลักๆสามคน พี่เล่ย์ พี่เกียร์ เฮียแพท ชีวิตพาดราม่ากันหมดนะ
ดราม่ากันคนละช่วงชีวิตและมากน้อยตามรูปแบบความคิดแต่ละคน
ปล3.ตามจริงเราว่าจะถามอะไรคุณเรนโบว์สักอย่างนี่แหละค่ะ
แต่ลืมไปแล้ว ฮ่าๆ ไว้นึกได้และจะมาเม้นถามนะ สุดท้ายบวกให้คุณเรนโบว์คนขยันค่า
-
เฮีย คิดเยอะไปป่าว??
คิดอะไรมากมาย. แต่ก็เป็นกำลังใจให้เฮียแพทนะครับ
-
เฮียแพทมีอะไรอัดแน่นในใจเยอะแฮะ :(
-
ดราม่าทั้งตอนเลย
อกหัก รักคุด
-
มาอ่านในพาร์ทของแพท
แพทมันก็น่าเห็นใจนะ
-
หน่วงได้อีก และยังคงเศร้าเสมอเมื่อเอ่ยถึงพี่เล่ย์
-
เข้าใจความกลัวของเฮียแพทที่ไม่กล้ารุกเรื่องพุ คนเราคงทำอย่างที่ใจต้องการทุกอย่างไม่ได้หรอก เพราะเราก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่างกันไป
เหมือนเฮียแพทเองจริงๆไม่ได้เกลียดพี่เล่ย์ แต่กลัวจะถูกแบ่งความรักจากพ่อไป แถมยังเป็นคนที่พุเลือกอีกต่างหาก :z3:
อยากให้เฮียลองเปลี่ยนความคิดดู หลายคนก็บอกว่าเฮียยึดติดมากไป เฮียเลยเป็นแบบนี้ :mew6:
บอกตรงๆ เวลาพูดถึงพี่เล่ย์ทีไร มันก็ยังเศร้าอยู่ดี :mew4:
-
อีกด้านของเฮียแพท
ยังมีคนที่รักเฮียอยู่นะ
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
อ่านตอนนี้แล้วเห็นใจเฮียแพทมากจนน้ำตาจะร่วง :m15:
แต่ทำให้เห็นความต่างระหว่างพี่เล่ย์กับเฮียแพทชัดเจนเลย
ต่างทั้งมุมมองความคิดและการกระทำ พี่เลย์ ชัดเจน ยอมรับและผเชิญหน้ากับความจริงได้ คิดแล้วทำเลย แต่เฮียแพทกังวลและยึดติด รับความจริงไม่ค่อยได้ เลยละล้าละลังอยู่อย่างนี้ ดราม่าพอกับพี่เกียร์นั่นล่ะ แต่รายนั้นเข้าคอนเซ็บ ช้าแต่ชัวร์ ค่อยๆคิดค่อยๆทำแต่ลงรากฝังลึก นี่ถ้าทั้ง 3 คน เป็นเพื่อน-พี่น้องร่วมกัน พี่เล่ย์คงปวดหัวตาย หึหึ :z1:
ตอนรวมเล่มอยากอ่านในแง่ความรู้สึกของพี่เกียร์ที่มีต่อพุบ้าง ว่าเป็นยังไง อยากรู้ว่าตั้งแต่เจอครั้งแรกจนมาแต่งกันได้เนี่ยอารมณ์ประมาณไหน ถ้าเป็นไปได้ รีเวสหน่อยนะคะ อิอิ :call:
-
ทำให้เข้าใจเฮียแพทมากขึ้น :เฮ้อ:
น่าสงสารเฮียแพท :กอด1:
-
ตอนรวมเล่มมีเนื้อเรื่องของเผ่าแพทไหมคะ?
อ่านไปก็สงสารแพท :ling1:
-
สงสารเฮียเบาเบานะ :mew2:
-
ชอบๆๆๆ รอคอยทุกเรื่องเลย....
-
นึกถึงตอนพี่เล่ย์ตาย น้ำตาจะไหลอีกล่ะ :mew6:
-
คิดถึงพี่เลย์ :monkeysad:
-
ดีใจค่ะที่คุณเรนโบว์แต่งตอนนี้ขึ้นมา ทำให้เราได้รู้ตัวตนของเฮียแพทเพิ่มมากขึ้นพร้อมความรู้สึกที่ดีมากขึ้นด้วย
อ่านแล้วก็ทำให้คิดถึงพี่เล่ย์จังเลย ฮือ ๆ ตอนช่วงที่พี่เล่ย์เสียชีวิตตอนนั้นเรื่องราวเป็นช่วงเศร้าโศกของพุ กับพี่เกียร์
แต่เราก็คิดนะว่าแล้วคุณพ่อพี่เล่ย์กับเฮียแพททำไมไม่มีพูดถึงเลยตอนนั้นอยากรู้ความรู้สึกเฮียแพทว่าคนที่ตัวเองเกลียด
นักหนาแต่ก็คือน้องชายนั้นเมื่อจากไปอย่างนี้เฮียแพทรู้สึกยังไงบ้าง แต่ในเมื่อคุณเรนโบว์ไม่กล่าวถึงเราก็คิดว่าไม่เป็นไร
เพราะยังไงเราก็สนใจความรู้สึกของพุกับพี่เกียร์มากกว่าอยู่แล้ว ตอนนั้นสงสารทั้งคู่มาก ๆ หลังจากนั้นเฮียแพทมาโผล่อีกที
ตอนมาหาพุที่บ้าน เราก็คิดว่าทำไมเฮียแพทดูไม่รู้สึกอะไรเลยนะ แต่ก็คิดในแง่คนปกติ คนที่ไม่ได้มีความผูกพันธ์อะไรกันมา
ก่อนแค่เคยเจอกันแทบจะเรียกคนรู้จักกันไม่ได้ด้วยซ้ำ อยู่ ๆ กลายมาเป็นน้องชาย แล้วหลังจากนั้นก็ต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิม
จะให้มารู้สึกเศร้าโศกอะไรมากมายล่ะ เราก็เข้าใจเฮียแพทนะตอนนั้น แต่พอมาอ่านตอนนี้เฮียแพทดีกว่าที่เราคิดไว้เยอะเลย
รู้สึกเลยว่าเฮียแพทก็รักพี่เล่ย์อยู่เหมือนกันยังไงก็คิดว่าพี่เล่ย์ก็คือน้องชายแล้วตัวเองเป็นพี่ชาย คิดได้แค่นี้ก็ดีมากแล้วสำหรับ
เรานะ แล้วเหมือนน้อยใจนิด ๆ ด้วยที่พี่เล่ย์มีพี่เกียร์เป็นน้องชายแล้วคงไม่ต้องการพี่ชายอย่างตัวเอง อ่านแล้วรู้สึกเศร้ายังไง
ไม่รู้ค่ะ โอย เขียนมากอีกแล้วความรู้สึกส่วนตัวล้วน ๆ ขอโทษด้วยนะคะ มาลงเรื่อย ๆ เราก็ตามอ่านเรื่อย ๆ นะจ้ะ
รักพี่เกียร์ พี่เล่ย์ น้องพุ คุณเรนโบว์ :L1: :3123:
-
"คุณน้องแพท"น่ารักมากเลยยยย :-[
ตอนเด็กๆก้ดื้อๆกวนๆเหมือนกันนะเฮียเนี่ย :laugh:
ถ้าคุณเรนโบว์ยังมีมาต่อเรื่อยๆ
อีกไม่นานเราต้องหลงเฮียแพทอีกคนแหงๆ :hao7:
-
เฮ้อ คุณหญิงแม่ของเฮียแพทเป็นด่านสำคัญเลย สงสารทั้งคู่ :hao5: :hao5:
-
คุณน้องแพทก็ตลกแต่เด็กเลยนะคะ :laugh:
ขอแค่ได้รักก็พอแล้วเนอะพี่เผ่า บางทีถึงมันไม่สมหวัง แต่มันก็มีความสุข :mew6:
เดาต่อไม่ถูกเลยว่าคุณคนเขียนจะให้คู่นี้เป็นยังไง เพราะคุณหญิงแม่ด่านสำคัญที่สุดเลยเนี่ย :katai1:
แต่พี่แพทก็เป็นคนที่รักและหวังดีกับพุนะ เพราะฉะนั้นก็อยากให้พี่แพทมีความสุขด้วยนะคะ :กอด1:
-
เฮียแพทคงจะเอ็นดูพี่เล่ย์เพราะเป็นน้อง
แต่เพราะมารู้ว่าพี่เล่ย์เป็นลูกเมียน้อยเลยทำเกลียดพี่เล่ย์
:pig4: ขอบคุณคนแต่งนะค่ะ :pig4:
:ped149: เชียร์ ภัทรพงศ์ + เผ่า :ped149:
-
ได้รู้จักแพทอีกด้าน รู้สึกว่าแพทจะสบายๆเมื่ออยู่กับเผ่า
ไม่ต้องฝืนตัวเอง
-
โอยยยย เค้าก็ลุ้นกับคู่นี้ไปด้วย พี่เผ่าน่าสงสาร น้องแพทก็น่าสงสาร แร่วจะเป็นยังไงต่อไป เอาอีกๆๆๆ :hao3:
ว่าแต่ เดาทางไม่ถูกว่าใครอยู่ฝ่ายไหน คึคึคึ :hao6:
-
เดาไม่ออกว่าจะลงเอยยังไง ข้อบังคับในชีวิตเฮียแพทเยอะเกิน
ตอนที่แล้ว...เสียดายแทนเฮียแพท น่าจะได้มีช่วงเวลาดีๆกับพี่เล่ย์
-
เราพึ่งเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้วันแรก.......แต่เราไม่สามารถทนอ่านต่อได้เมื่อเล่ย์ตาย ขอโทษคนเขียนด้วยนะ คนเขียนแต่งดีมากค่ะ....แต่เราแอบแว่บๆมาดูตอนหลังๆว่าพุคู่กับใครเพราะอยากรู้
ก็สู้ๆต่อไป เขียนนิยายสนุกๆมาให้อ่านอีกนะคะ แต่ไม่เอาหักมุมแบบนี้แล้วนะ ทนอ่านต่อไปไม่ได้จริงๆ สู้ๆต่อไปรอเรื่องใหม่ของคนเขียนนะคะ
-
สงสารเฮียแพทอะ แล้วจะเป็นงัยต่ออะเนี้ย
-
ถ้าถามว่าจะให้จบแบบไหน ก็คงอยากให้แฮปปี้นะ แต่แฮปปี้ยังไงนี่คงต้องโยนไปให้คนเขียนแล้วล่ะค่ะ :laugh:
-
ขอจบแบบแฮปปี้ สงสารเฮียมัน แต่จริงๆเราสงสารพี่เผ่ามากกว่า อิอิ ก็แอบๆคบกันไปได้ป่าวล่ะ ไม่ต้องให้ใครรู้ ฟังดูตื่นเต้นพิลึก :hao7:
ว่าแต่ เฮียแพทจะมารักกับพี่เผ่าได้ยังไง ตอนไหน อันนี้น่าติดตาม :hao3:
-
ตามจริงก้ชอบเผ่านะ ละก้อยากให้เฮียแพทมีความสุขด้วย
แต่อุปสรรคชิ้นใหญ่คือคุณหญิงแม่ อยากจะร้องโอ้มายก้อดให้ดังๆเลย
นึกละเพลียใจ เกิดเป็นคุณน้องแพทนี่ก้ลำบากมากนะ
เอาไงดี เอาไงดี ดูท่านิสัยคุณหญิงยังไง้ยังไงก้ไม่มีวันรับได้
จากด้านที่สื่อออกมาหากพูดโต้งๆคุณหญิงคงปรี๊ดแตกพุ่งไปบีบคอเผ่าแบบไม่ต้องสงสัย
คุณหญิงรักเฮียแพทมาก แต่ก้รักหน้ารักสังคมรอบข้างมากเหมือนกัน
อีกทั้งความหวังของคนเป็นแม่ เฮียแพทรักแม่มากก้คงไม่กล้าพอจะทำลาย
มองมุมไหนก้เห็นแต่ดราม่าร่ำไร เหอๆ จะบอกให้เฮียแพทแต่งงานมีลูก
ก้สงสารเผ่า ไอ้หยาาาาาา ทางออกมันอยู่ตรงไหนละเนี่ย
หรือจะให้คุณหญิงสะดุดฝุ่นล้มและคอที่ตั้งๆเผลอหักแบบไม่ได้ตั้งใจ
ส่งขึ้นสวรรค์ไปสู้รบทางความคิดกับพี่เล่ย์แทน แต่ไม่เอาอะ
เดี๋ยวเฮียแพทเสียใจหนักกว่าเดิม ฮ่าๆ
นี่ช่วยคุณเรนโบว์คิดหนักมากนะ ตามจริงไม่อะไรหรอก
ลึกๆก้แอบเชียร์เผ่ากับเฮียแพทไง แต่ก้กลัวใจคุณเรนโบว์
หากหาทางออกไม่เจอเราก้กลัวว่าเรื่องมันจะจบไม่สวย
สงสารเฮียแพท อีกในนึงสงสารตัวเองดราม่ามาทีไรเสียน้ำตาทุกที 555
-
อุปสรรคระหว่างเผ่ากับแพทจะหมดไป ถ้าหญิงแม่ตายและคุณผู้ชายบวชตลอดชีวิต
-
อยากให้แพทเห็นความดีของเผ่า
ว่าในขณะที่แพทไม่มีใคร แพทเสียใจ เผ่าอยู่ข้างๆ
แต่ก็น่ะ เผ่ายังไม่ได้ทำอะไรที่มันแสดงถึงความรู้สึกลึกซึ้งกับแพทมากกว่าปกติ
มันต้องมีเหตุการณ์สร้างพระเอกบ้างสิ หรือจะนายเอกดี เหมือนเผ่าจะเข้มแข็งกว่าแพท
-
จบยังไม่รู้ แต่คนอ่านขอhappy ละกัน
เฮียแพทจะได้มีคู่กะเขาบ้าง จ๋งจ๋าน
-
:katai5: ด่านอรหันเลยละ เจ้หญิงแม่ เฮียแพท น่าจะเป็นนางอิจฉาซะมากกว่า :เฮ้อ:เพลียกับชีจริงๆ
เอาแบบโดนจับตัวเรียกค่าไถ่แล้วพี่เผาไปช่วยไรงี้ โดนยิงสักนัดสองนัด(ตายไปเลย อันนี้ไม่เอานะ)
แบบคลุมถุงชนขออย่าเลย :z3: สงสารทั้งคู่
แต่คนเป็นแม่น่าจะเข้าใจความรู้สึกลูกนะว่าชอบอะไรแต่ดันไอ้เฮียแมงชอบเก็บเงียบคนเดียวซะด้วยสิ :hao5:แล้วงี้เมื่อไหร่พี่เผากุจะได้สมหวังสักทีว่ะ ชาติกำเนิดอีก โอ้ย :really2:
จบเหอะเวิ้นเว้อมานานละ :ruready
ขอบคุณคนแต่งคับ รออ่านต่อๆ
-
ทั้งแพท ทั้งเผ่า พอกันเลย
-
ไม่ได้แตะมานาน ตั้งแต่หลังจบอวสานน่ะนะฮะ ตอนพิเศษผมแตะแล้วก็ อืมม์ โอเค ไม่ได้สตริกซ์อะไรมากคร้บ (ความจริงไม่เคยคิดเลยนะนี่ว่าจะได้คอมเมนท์เรื่องนี้อีกหลังจบ เพราะก็พูดไปหมดจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว เรื่องนิยายของผู้ประพันธ์ที่ผมสนใจก็คุยไปหมดแล้ว) พอมาถึงตอนนี้ โอเค รู้ละ จะพูดเรื่องอะไร
เรื่องแรก เรามาคุยกันก่อน เรื่องพี่แพท
พี่แพท ตัวละครที่ผม mention บ่อยครั้งทีเดียวในคอมเมนท์ของเรื่องนี้ สาเหตุก็ตามที่เคยบอกไปแล้วว่าคาแรกเตอร์เค้าแน่นพอสมควร คิดจากฉากบรรยายก็เห็นว่าเด่นสูสีกับฮัลเลย์ในช่วงแรก (เรื่องหน้าตานะครับ) โอเค จุดประสงค์เค้าพื้นมากตามท้องเรื่องนิยายทั่วไป จีบหลานรหัส แต่สิ่งที่ทำให้ผมสะดุดตากับผู้ชายคนนี้คือความสมดุล และความสมเหตุสมผล รวมถึงลอจิกความจริงที่เค้าเลือกตัดสินใจกระทำเมื่อเจอปัญหา
เรื่องนิสัยกับปฏิกิริยาโต้ตอบของแพทเมื่อเจอปัญหาอนุภรรยาของพ่อตัวเอง ผมเคยเขียนอธิบายไว้ครบแล้วในคอมเมนท์หน้า 38 คงไม่พูดซ้ำน่ะนะครับ แต่สิ่งที่อยากพูดเพิ่มเติมคือลักษณะของกรอบความจริงของมนุษย์ที่ตีไว้ในสังคม เปรียบเทียบแพทกับฮัลเลย์ในอีกมุมนึง
อันนี้สนใจความเป็นจริงเป็นกรอบนะครับ ถามว่า ทั่วไปแล้ว จะมีกี่คนกันที่ยอมรับได้ว่าให้สามีตัวเองไปมั่วกับคนอื่นได้โดยที่ไม่โกรธ ถ้าไม่ได้มีสิ่งที่ตัวเองสนใจมากกว่า? สิ่งหนึ่งที่ผมอยากสื่อให้เห็น คือความเจ็บปวดและความทรมานที่เกิดขึ้นจากฝีมือกิเลสของมนุษย์
ฮัลเลย์พูดถูกครับ : It's better to let go and look forward into the future instead of the past. Life is too short to be angry all the time when there is actually happiness around you…
แต่ผมขอถามอย่างหนึ่งได้ไหม? Might I pose a question? How can you be so sure he has what it takes to be let go? How can one who doesn't know cruel of pain, can taste the joy of happiness? Isn't it falls upon you, the one who knows, to bear the burden of example? You may told a great tale with brave face, nevertheless, Truth, is not honeyed as your words.
ผมเคยบอกแล้ว ฮัลเลย์เป็นแสงที่ค่อนข้างสมบูรณ์ แต่อย่างไรก็ตาม มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เปราะบาง
Doesn't every people deserve someone that have the heart of gold, to be by his side?
ถูกครับ ถ้าคุณจะบอกว่า สุดท้ายแล้ว คนที่รู้วิธีจัดการความเจ็บปวดที่ดีที่สุด ก็คือคนที่ผ่านจุดๆนั้นมาแล้ว ......ใช่ครับ มันเป็น mentor lesson ครับ
แต่ถ้าคุณ 'รู้' ว่าต้องทำยังไง รู้วิธี รู้กระบวนการ รู้การบรรเทา แต่คุณไม่บอก คุณไม่ Stand tall for people while darkness rule the night. คุณก็ไม่ต่างกับ puppet noble
If you don't care even someone who might affect by your own doing. You lack the being entity of 'Symphathetic'.
ฮัลเลย์เป็นคนดีครับ เป็นแบบอย่างของแสงที่มนุษย์รายบุคคลควรเอาเยี่ยงอย่าง แต่เขาเป็นแบบอย่างของผู้เสียสละที่รักประชาชนไม่ได้ ให้คำแนะนำแค่คำสองคำไม่ได้ทำให้คนหลุดจากความทุกข์ คุณต้องทำมากกว่านั้นถ้าคุณเป็นคนที่มีความดีบริสุทธิ์อยู่ในใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่คุณดันไปทำร้ายเค้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
ทุกคนในเรื่องนี้มีความสุขกันหมด แต่ไม่มีใครเข้าใจความทุกข์ของคนที่โดนผลกระทบจากการกระทำ
โลกนี้หมุนไปด้วยความสุขก็จริง แต่บนความสุขที่เราได้รับ เราต้องเข้าใจถึงผู้คนที่แบกรับความทุกข์และข้อกำหนด เพื่อเป็นแบบอย่างของผู้เสียสละ ตามปรัชญาทั่วไปครับ เสียสละส่วนน้อย เพื่อรักษาส่วนใหญ่ และบางครั้ง ก็ต้องเสียสละแม้กระทั่งตัวเอง ซึ่งแพทเป็นตัวอย่างของกรณีนี้
แพทอาจจะอิจฉาฮัลเลย์ ที่ฮัลเลย์มีทุกอย่างพร้อม ขณะที่ตัวเองกำลังสูญเสียสิ่งต่างๆไปเรื่อยๆ นี่เป็นสาเหตุหนึ่งในการ trigger ความกลัวของมนุษย์ จึงทำให้เขาสนใจคนรอบข้างมากระดับหนึ่ง เพราะเขากลัวการถูกทำร้าย การทรยศหรือการประณามซ้ำ เขาจึงพยายามทำทุกอย่างให้อยู่ในกรอบ
ขณะที่ฮัลเลย์ใช้ชีวิตแบบตามสบายได้ เรียนรู้ประสบการณ์และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เพราะที่บ้านไม่ได้มีปัญหา เขาจึงเรียนรู้ที่จะจัดการกับความเจ็บปวดด้วยความเข้าใจ
ผมไม่อยากเอาสองคนมาเทียบ เพราะบริบทมันต่างกันเยอะ แพทสูญเสียไอดอลไปเพราะเห็นพฤติกรรมนอกใจของคุณพ่อ เขาคิดว่าแม่ตัวเองเจ็บระดับหนึ่งแล้ว เขาจึงไม่อยากทำให้เรื่องของเขามาทำร้ายแม่ตัวเองอีก ซึ่งมันก็เมคเซนส์ เพราะถ้าผมถามว่า ถ้าคุณพ่อคุณทำให้คุณแม่คุณเสียใจหรือมีบางสิ่งบางอย่างกำลังเข้ามาปั่นป่วนในชีวิตครอบครัวคุณ คุณจะเอาเรื่องที่ทำให้เขาหนักใจไปทำให้เรื่องมันยุ่งมากขึ้นไหม? ร้อยละเก้าสิบก็คงจะตอบว่าไม่
แพทกลัว แต่เป็นความกลัวที่อยู่บนจิตใจที่ดีงาม เป็นความกลัวที่อยู่บนพื้นฐานของความรักครอบครัว ความต้องการที่ทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจ เขาจึงต้องเดินตามกรอบ
และเป็นกรอบของแบบอย่าง เพื่อความสุขของคนรอบข้าง มากกว่าความสุขของตัวเอง
ผมตั้งคำถามกับคนทุกคนนะครับ ที่บอกว่าเราควรจะทำตามใจของตัวเอง เพราะเรามีชีวิตเดียว แต่ผมถามหน่อย ว่าถ้าคนเราคิดถึงแต่ความสุขของตัวเอง โลกนี้จะมีความเห็นอกเห็นใจเกิดขึ้นไหม
People needs idol. And Idol means sacrifice.
ทั้งนี้ทั้งนั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าเสียสละมั่วซั่วนะครับ ดูว่าเราต้องเสียสละขนาดนั้นจริงๆหรือเปล่า อะไรที่ทำแล้วเอื้อได้ทั้งสองทางได้ก็ทำไป เข้าใจสถานการณ์ เข้าใจบริบท เข้าใจคนรอบข้าง แล้วภาพที่คุณเลือก คุณจะรู้เองว่าต้องเลือกเดินไปทางไหน
ผมคิดว่าคุณแม่ของแพทเป็นผู้หญิงที่น่าชื่นชมนะครับ เธอเข้มแข็ง (ต่อให้รู้แล้วไม่สนใจก็เถอะ ความรักของคนไม่ได้บั่นทอนกันได้ง่ายๆขนาดนั้น การกระทำนอกใจนี่มันเป็นการทรยศความไว้ใจ ร้ายแรงพอควรเลยนะครับ ไม่ว่าจะรักน้อยหรือรักมากก็ตามเถอะ)
ถ้าจะมีสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่เป็นแรงขับเคลื่อนของมนุษย์มากที่สุดอย่างหนึ่ง ก็คือสัญชาตญาณของความเป็นแม่นี่แหละ อันนี้ไม่ได้หมายถึงว่าการกระทำจะออกมาในแนวดีหรือไม่ดีนะครับ เพื่อลูก แม่หลายคนทำเรื่องแย่ๆได้ และเพื่อลูก....แม่หลายคนก็จำเป็นต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นแบบอย่างแก่ลูก การกระทำถูกผิด เรามีบทกฏหมายรองรับครับ แต่ที่ผมจะสื่อ คือแรงกระตุ้นชนิดนี้มีพลังมหาศาล ถ้าคุณได้รับสิ่งนี้ รำลึกไว้เสมอว่าคุณมีพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดพลังหนึ่งสนับสนุนอยู่
ผมคิดว่าแพทน่าจะคู่กับผู้หญิงนะ แต่ถ้าโชคดีหน่อย ก็จะได้ผู้หญิงที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ มีตรรกะ ซึ่งจะทำให้การเสียสละของเขาไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คาดไว้
ความไม่สมหวังเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ครับ ถ้าคุณรู้ว่าเขาต้องเสียสละขนาดไหนเพื่อคนรอบข้าง คุณจะเกลียดเขาไม่สนิทใจได้หรอก
เพิ่มเติมนิดนะครับ ผมคิดว่าแพทบุคลิกเป็นเมะมากเลยนะ เป็นสุภาพบุรุษในอุดมคติจริงๆ และเป็นมนุษย์ มากพอๆกับธานาทอสของผมเลย เขาถูกความเจ็บปวดขยายความมืดในใจได้ แต่ความรักครอบครัวของเขาเป็นแสงที่สาดเพื่อให้กดความเจ็บปวด แม้จะต้องเสียสละ เขาก็ยอมทน
สังเกตจากฉากที่แพทพูดความจริงเมื่อฮัลเลย์ตาย แพทเกลียดใครไม่ได้นานหรอกครับ เพราะเขาเป็นคนที่มีความรักบริสุทธิ์หล่อหลอมขึ้นมา เขาแคร์รอบข้าง อยากให้คนรอบข้างมีความสุข ถึงเขาจะเกลียดตอนแรก แต่ในสุดท้าย แพทก็เข้าใจและสามารถก้าวข้ามมันมาได้ด้วยตนเอง แม้จะต้องเมาหลายครั้งหน่อย (ผมสงสารพอควรนะ เจอทั้งเรื่องครอบครัว แถมเรื่องพุเป็นแฟนกับทั้งเกียร์ทั้งฮัลเลย์อีก) สำหรับผม เขาน่าสงสารกว่าน้ำพุอีกนะ
You may say someone is full fledge drama queen. But if you doesn't understand why he is , that makes you nothing better than him.
-
น้องแพทพี่เผ่า รักนี้ดูท่าจะรวมตัวกันยาก อุปสรรคคือคุณหญิงแม่ทำไงก็รับไม่ได้
พี่เผ่ากำจัดจุดอ่อนค่ะ เปล่าไม่ได้บอกให้ฆ่าคุณหญิงแม่นะเออ
ถ้าพี่เดินออกไปเพื่อเป็นนายของตัวเองเขาก็ต้องหาว่าพี่อกตัญญู
แต่ถ้าพ่อน้องแพทให้โอกาสล่ะคะ
ตอนนี้ยกป้ายไฟเชียร์พี่ค่า ยังไงชื่อเรื่องก็บอกแล้วนี่นาว่า"รักนี้เป็นไปได้"(ตกภาษาอังฝิดอ้ะ แปลตามใจตัวเอง)
ปล. ในความรู้สึกของเรา พี่เผ่าน่าจะเป็น"เมีย" นะ :katai5:
-
เฮียแพทน่าเห็นใจนะ รักพุมั่นคงและเนิ่นนานทีเดียว แต่แปลกที่ยอมให้พี่อิฐจีบพุง่าย ๆ ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทก็เถอะ ส่วนพี่อิฐก็รู้ดีว่าเฮียแพทยังรักพุอยู่ ยังกล้าขอจีบพุอีกนะเนี่ย เพิ่งรู้ด้วยว่าพี่พิทก็รู้เรื่องที่เฮียแพทรักพุเหรอเนี่ย พี่ปลายก็รู้ สรุปมีแต่พุที่ไม่รู้อยู่คนเดียวเนอะ :ruready
งานรับปริญญาที่สำคัญขนาดนี้แต่คนที่เรารักไม่ได้มาทั้งที่รู้นี่น่าเศร้าจังนะ ตอนนั้นเราก็คิดเหมือนกันว่า ทำไมพุถึงโกรธเฮียได้นานขนาดนั้นเลยเหรอ แม้เราจะเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตที่จะทำให้โกรธกันได้ยาวนานขนาดนั้น แต่คนเราไม่เหมือนกัน สำหรับพุมันคงเป็นเรื่องร้ายแรงสินะ แต่พุก็ไม่ยักกลัวตอนพี่เล่ย์กับพี่เกียร์จีบพุเลยนะหรือเพราะทั้งคู่เข้ามาแบบเนียน ๆ และแสดงออกตั้งแต่แรกว่าสนใจพุ แต่พี่ปลายพี่อิฐแสดงออกเหมือนเป็นพี่น้องแล้วจู่ ๆ มาหักมุมว่าชอบแบบอื่นรึเปล่าทำให้เป็นส่วนหนึ่งที่เฮียแพทไม่กล้าบอกพุสินะเพราะกลัวพุจะรังเกียจตัวเอง เรารู้สึกอึดอัดแทนเฮียแพทยังไงไม่รู้แฮะที่ไม่ได้บอกให้พุรู้ จนถึงขนาดมาเจอกันตอนที่ทำงานแล้วและมีแววว่าต้องเจอกันต่อไปอีก เรายังคิดว่าสรุปพุก็ยังไม่ได้รู้เลยสินะว่าเฮียคิดยังไงกับตัวเองแต่เหมือนว่าเฮียแพทก็ตัดใจจากพุได้แล้ว เพราะมีพี่เผ่าดูแลแล้วรึเปล่า แต่อุปสรรคของคู่นี้ช่างดูหนักหนาซะเหลือเกิน เราคิดว่าเรื่องของพี่เผ่ากับเฮียแพทนี่ สามารถแต่งเป็นนิยายอีกเรื่องขึ้นมาได้เลยล่ะ เพราะท่าทีเฮียแพทที่ไม่ได้มีใจให้พี่เผ่าเลยสักนิด ฐานะคนทั้งคู่ที่ต่างกันแถมยังมีคำว่าบุญคุณค้ำคอ สำคัญที่สุดคือคุณหญิงแม่ของเฮียแพทที่มองว่าพวกชายรักชายนี่เป็นสิ่งผิดปกติ ดังนั้นยากมากที่จะยอมรับเรื่องนี้ได้ กว่าจะฝ่าพันอุปสรรคพวกนี้ได้ เรื่องอาจจะยาวกว่าของพี่เกียร์น้องพุอีกนะเนี่ย
เขียนยาวอีกแระ ขอบคุณคุณเรนโบว์สำหรับตอนพิเศษค่ะ :3123:
-
รัก โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน อั้ยยย่ะๆๆๆ :katai2-1:
-
ถ้ายังแบบนี้ไปเรื่อยๆ เฮียคงต้องแต่งงานมีลูกก่อน
เมียขอหย่าเพราะบ้างาน
ลูกโตซัก 15
มีเผ่าอยู่ข้างๆ จนอายุ 40 ค่อยอยู่ด้วยกัน
ฮ่วยยยยยยยยยยย ชีวิตเฮียแพทจะลำบากไปมั้ย?
ถ้ายังมีความคิดว่าต้องสมบูรณ์แบบที่สุดเพื่อครอบครัว ชีวิตนี้คงไม่ทำอะไรเพื่อตัวเองแน่ๆ
ต่อให้รู้ว่ารักใคร แต่ถ้าทำให้ครอบครัวมีประเด็นด่างพร้อย เฮียคงไม่กล้ารัก
T________________T
-
:ruready ว๊อย พ่อคนคิดเยอะ
-
หันซ้าย หันขวา ยังหาทางออกไม่เจอค่ะ :katai1:
ที่คิดว่าเป็นไปได้ก็คงเหมือนคุณ fuku
แต่สงสัยคุณเรนโบว์ต้องแตกออกเป็นอีกเรื่องแน่ๆ
เพราะมันต้องแจงกันยิบย่อยน่าดู
สนใจมั้ยคะ เราจะรออ่าน :hao6:
-
ชีวิตเฮียแพทแม่งโครตจะดราม่าไปไหน สงสารอ้่ะ
ต้องให้พี่เผ่าช่วยประคับประคองไปนะคะ ๕๕๕๕
แิอบหวัง
-
ชีวิตเฮียแพท ไม่เคยได้ครอบครองอะไรที่อยากได้จริง ๆ เลยสักทีหรือป่าวนะ
ต้องทำเพื่อครอบครัวตลอด ๆ คุณแม่ไม่รู้ว่าพี่แพท อยากได้จริงๆคืออะไร เฮ้อ ดราม่า
เอาเป็นแบบคุณหญิงแม่ไปเข้าวัดฟังธรรมดีมั๊ยคะ 555
-
อ่านนี้แล้วสงสารแพท มาก ๆๆ เลย แพทเป็นคนมีอะไรในใจมากมาย และไม่มีความกล้าหาญพอ เห็นด้วยกับพิท ทำไมแพทไม่ยอมบอกพุ ให้รับรู้บ้าง อยากให้พุได้รู้ บอกไปแล้วเขาไม่รักก็ไม่เป็นไร ทั้งหมดทัังมวลเพราะความกลัวว่าพุรู้แล้วจะกลัวไม่ยอมเข้าใกล้เหมือน อิฐกับปลาย
สงสารแพท 2 ปีที่ห่างกันคงเหงามาก ตอนนี้ดีกันแล้ว แพทจะทำอย่างไร เก็บเป็นความลับตลอดไป และไปรักกับเผ่าหรอ ถึงเวลาจริง ๆๆ ก็ไม่กล้าบอกความจริงเพราะกลัวพ่อแม่เสียใจเหมือนเดิมอีก เห็นแววสงสารเผ่าล่วงหน้าเลย บทเฮียแพท นี่ขัดใจจริง ๆๆ ฮึมครึมตลอด แต่ก็ชอบเฮียแพทนะ ความเห็นส่วนตัว อยาก copy พุให้สักคนถ้าทำได้ สงสารแพทบอกตรง ๆๆ แกเป็นคนรักมั่นคงมาก
สู้ ๆ นะคนเขียน
-
ดูเป็นความรักที่ไม่มีทางออกเอาซะเลย สำหรับทั้งเผ่า และก็แพท
-
มาต่อยาวดีจัง :z2: ขอบคุณคะ :กอด1:
-
............... ไม่มีความเห็น...ตอนนี้กำลังอึน~~~~~
เิฺฮ้อ...คุณหนูแพท ที่น่ารัก เหอะๆๆ
-
:hao7:เป็นเรื่องที่สุดๆจริงค่ะ ขอโทษนะค่ะที่ไม่ได้เม้นท์ตลอด เพราะเริ่มอ่านตอนที่เรื่องจบแล้ว สุดยอดจริง ขนาดจั่วหํวขัอแค่หน่วงน้ำตายังท่วมบอร์ดขนาดนี้ ต้องรีบไปหาเรื่องอื่นๆขอคนแต่งมาอ่านต่อทีเดียว พี่เลย์ : เป็นอะไรที่หาคำจำกัดความไม่ได้ค่ะ เกิดมาสักครั้งไม่ว่าหญิงหรือชายได้พบคนรักแบบนี้ ชีวิตก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว (ในกรณีที่ยังมีชีวิตนะค่ะ)เป็นคนรัก เป็นพี่ เป็นลูก ที่ดีที่สุด และเข้าใจหลักการดำเนินชีวิตมากกกก ต้องขอบคุณผู้แต่งที่มีมุมมองการมองโลกแบบเข้าใจโลกผ่านตัวละครอย่างพี่เลย์
-
น้ำพุ : เป็นตัวละครที่ใก้ลกับการดำเนินชิวิตจริงมากสามารถ เดินชนได้ทุกขณะข้างถนน ในห้าง ในมอ ในที่ทำงาน ดำเนินชีวิต แบบเรื่อย เฉือย เรียบ ง่าย แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของทุกๆเรื่อง แต่ก็เหมาะสมกับคน จริงจัง พร้อมลุย และเด็ดขาดอย่างพี่เลย์กะพี่เกียร์แล้ว คนตายมักมีเวลาที่เป็นนิรันดร์เสมอสำหรับผู้รอคอยและยังจดจำ ต้องขอบคุณผู้แต่งที่ผลักดันพึ่เกียร์มาในชีวิตพุ เพราะถ้าไม่ได้พี่เกียร์คงอีกนานกว่าพุจะเริ่มต้นรักใครไดัอีกครั้ง พี่เกียร์ : นอกจากรักพุเหมือนพี่เลย์ อย่างอื่นไม่เหมือนกันเลย แต่ก็เป็นตัวละครทึ่หลงรักได้ไม่ต่างจากที่รักพี่เลย์ เฮียแพท : น่าสงสารที่สุด มีภาระหน้าที่มากมาย ที่แบกไว้ เพราะรักแม่ มีภาระก็เลยเหมือนไม่ฆัดเจน รักพุก็บอกไม่ได้ อยากรักน้องชายอย่างพี่เลย์ ก็ไม่กล้าจะยอมรับ ผู้แต่งเปิดอีกเรื่องให้เฮียแพคเหอะ รักเฮียมากกก นัองพัน : มีขายป่ะ จะไปซื้อ อยากได้อ่ะ อยากได้ สุดท้ายต้องขอบคุณผู้แต่งที่ทำให้ตัวละคร มีสีสันชวนให้หลงรักมากมายขนาดนี้
-
:mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
-
เพิ่งเห็นตอนพิเศษของพี่แพท
สงสารครอบครัวนี้อ่ะ แทนที่จะอบอุ่นเหมือนครอบครัวอื่น
แต่กลับกลายเป็น อุ่นจนร้อนลวกผิว ทุกคนในครอบครัว ไม่มีใครมีความสุขสักคน
ไม่ใช่ว่า คุณหญิงไม่ดีนะ แต่เอาดีเข้าตัวทั้งหมด ส่วนเรื่องไม่ดี เรื่องชั่วๆโยนให้ชาวบ้านเขา ดีแบบไม่ยอมรับเรื่องร้ายเลยไง
เลยทำให้ครอบครัวตัวเองกลายเป็นเหมือนครอบครัวในฝัน ครอบครัวในอุดมคติ ที่ในชีวิตจริงของคุณหญิง มันไม่มีทางเป็นจริงได้
เราว่าคุณหญิงรู้นะ ว่าทั้งสามีทั้งลูก ไม่มีใครมีความสุขหรอก แต่คุณหญิงก็ยังดันทุรัง ดันครอบครัวตัวเอง ให้ตกเหว เจ็บตายกัน วอดวายถ้วนหน้า
-
คิดถึงจัง พอจบแล้วเราเลยดูว่างไปเลยอะ :laugh:
-
กรี๊ด น้องพันของแม่ยกมาแล้ว
-
เอาพุกับพี่เกียร์มาแจมด้วยก็ได้นะ :-D
-
เอ๊ะยังไง... เรื่องของพันแต่ปริ๊นซ์เป็นคนเล่า
กลับมาคราวนี้กลายเป็นหนุ่มเกษตรมาดเข้มซะแล้ว
-
อูยยยย เรื่องไหนก็ได้ มาต่อเถอะค่ะ อ่านโลด
-
น้องปริ๊นซ์ ต่อไปจะเป็นคนสำคัญของพันแน่ๆ
.........
คนเขียนมาดิท เราก็มาดิทมั่ง
อ้าว พันมีแฟนแล้วนี่หว่า ยังไงเนี่ยะ จะเลิกกันเมื่อไรดี
แล้วน้องปริ๊นซ์ รู้สึกจะมีบุคคลิกคล้ายๆ พุ
แล้วพัน ทำไมแกดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากมาย
-
น้องพันนน ^^
-
อ๊ะๆ น้องพันจะพันใจใครเหรอออ..ปรินสซ์ป่ะ?
มองไม่ออก..เพราะดูไม่คอยกล้าพูด เลยยังไม่เห็นอะไรในกอไผ่
-
:hao5: ง่ะ หลอกให้อยากแล้วจากไป :hao5:
:katai4: :katai4: จะเอาพี่พันต่อ......... :katai4: :katai4:
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด :m3:
น้องพันมาแล้ว น้องพันของเค้ามาแล้ว :-[
ชอบอ่า ชอบพัน ชอบมากๆๆๆๆๆๆ :m1:
น้องปริ๊นคู่กับพี่พันหรอจ๊ะ?
แล้วข้าวล่ะ ข้าวไม่ได้คู่กับพันหรอกเหรอ :hao7:
รอติดตามดีกว่า บวกค่า คิดถึงคุณเรนโบว์จัง :mew1:
-
น้องพันมาแว้วอิอิ อย่างเทห์อะ
-
น้องพันมาในมาดหนุมมหาลัยแล้วๆๆ
รอติดตาม,,,
-
น้องพันน่ารักมากกกก
อ่อยยยย
ชอบๆๆๆๆๆ อึนๆ ซึนๆ เท่ๆ เหมือนพี่มันเลยยยย
><
-
เย้ ๆๆ :m3: คุณเรนโบว์น่ารักมากกกก มีเรื่องของน้องพันด้วย น้องพันมาคราวนี้อย่างเท่ห์เลยอ่ะ ดูเป็นผู้ใหญ่มาก ๆ แต่เดิมก็ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าพุอยู่แล้วอ่ะนะ ใครกันน้อจะเป็นที่รักของน้องพัน ปริ้นซ์เป็นคนเล่าเรื่อง แต่พอเป็นเรื่องของคุณเรนโบว์ก็ยังตัดสินไม่ได้หรอกว่าปริ้นซ์จะมาคู่น้องพัน ที่จริงเราว่าเบียร์ก็น่ารักดีจัง แต่โทรศัพท์ปริศนาที่น้องพันรับแล้วออกไปหา กับเจ้าของของขวัญวันเกิดจากน้องพันก็ตัดไปไม่ได้ จะเป็นใครน้า เอาจริง ๆ เรายังเชียร์น้องข้าวอยู่อ่ะ ชอบจังรู้สึกว่าเหมาะกันน้องพันตั้งแต่แรกแล้วอ่ะ ไม่รู้คุณเรนโบว์จะเลือกใคร แต่ยังไงเราก็ชอบน้องข้าวที่สุดแล้วววว :กอด1:
มารอตอนต่ออยู่นะจ้ะ มีอีกเยอะ ๆ เลยเถอะน้า จะคู่ของใครก็ได้ แต่ตอนนี้ขอน้องพันให้จบก่อนนะค้า มีพี่เกียร์กับน้องพุมากแจมก็ดีนะคะ คิดถึงจัง :monkeysad:
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษจ้า :L1: :L2:
-
อ่านแล้วเริ่มตกหลุมรักน้องพันซะแล้วสิ อ่านแล้วใช่เลยคนนี้ลักษณะนิสัย
-
ดีใจ ชอบๆ ค่ะ เค้าเป็นแฟนคลับน้องพันอยู่นะ เป็นน้องชายที่เท่ห์มาก ดูโตกว่าพี่ชายอีก 555
ป่าวว่าพุน้า พุน่ารักออก น้องปริ๊นซ์เป็นนายเอกของพันสินะ แต่พันมีแฟนแล้ว
รอดูว่าจะร้อยเรียงกันไปแบบไหนเนอะ แหม่ น้องพันเนี่ยยิ่งโตยิ่งเท่ห์จริง ๆ นะ
ชอบตอนคุยกับพี่พุ น่ารักจริงเลยพี่น้องคู่นี้
ขอบคุณค่ะ
-
แง ๆ คุณเรนโบว์เอามาให้อีกกระจึ๋งนึงยังไม่เจอน้องข้าวเลยอ้า :mew6: ไหงพันคบกับลูกปัดไหนเนี่ย ไม่เอา ๆ :ling1:
ห้ามคบกับผู้หญิงน้า โอย อยากรู้พันจะเลิกกับลูกปัดเมื่อไหร่ มารักกับน้องข้าวทีเถ้อพ่อคุณ :call: น้องเบียร์คงต้องตัดไปเพราะท่าทางจะไม่คิดอะไรกับพัน แต่น้องปริ้นซ์นี่ท่าทางเริ่มรู้สึกอะไร ๆ กับพันแล้วสิน้า คิคิ :hao7: รอดูต่อปายยย
ปล. ตะหงิด ๆ ตรงปริ้นซ์รู้สึกว่าพันคุยกัยพุอ่อนโยนเกินไป เอ่อ คงไม่ใช่ว่าจริง ๆ แล้วพันรักพี่ชายตัวเองนะคะคุณเรนโบว์ โอ ม่ายน้า (คิดเอาเองอีกแระ ขอโทษค่ะ)
ขอบคุณสำหรับ (เติม#2) ค่า รอเติมต่อ ๆ ไปน้า จุ้บ ๆ :mew1:
-
หนุ่มพัน เลิกหวงห่วงพี่พุ แล้วหันมาห่วงคนอื่นแทนบ้างดีกว่าเนอะ :laugh:
-
อยากให้เป็นพันคู่กับข้าวนะ :mew2:
:katai4: :katai4:
-
น้องพันยังเป็นน้องที่ดีของพี่พุเสมอ :กอด1:
แล้วน้องปริ้นซ์ที่เริ่มอยากรู้เรื่องพี่พัน ก็เพราะว่าสนใจพี่เขาแล้วใช่ไหมอ่า :o8:
-
พันๆๆๆๆ โย่วๆๆๆๆๆๆ :hao7:
-
ง๊ะ ตกลงแล้วหนูจะได้ใครละลูก พันพั๊น!!!
:ruready :hao4:
-
น้องพัน ตอนเรียน ม.ปลายก็เลิกกับผู้หญิงบ่อย ๆ มันอาจจะไม่ใช่ทางของหนูหรือเปล่า
ฮ่า ฮ่า
-
น้องพันมาไวๆ น่ะ
-
ปริ๊นซ์คู่กับพันเหรอเนี่ย อิอิ
-
:mew3: :mew3: :mew3: :mew3:พันมีคู่แล้วอิอิ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
-
พันจะคู่กะน้องปริ้นซ์เหรอ น้องมันเห็นพี่ควงสาวอ่า
มาต่อๆ
-
หรือจะจิ้นให้ พันคู่กะข้าวดี
-
สนับสนุนให้น้องพันเปิดฮาเร็ม เอิ๊ก...
อ่านตอนล่าสุดแล้ว...น้องเบียร์ก็มีแต่พี่พัน ๆๆๆๆๆ
พี่ข้าวก็ติดอยู่ข้างจั๊กกะแร้พี่พันตลอดเวลา
เลือกไม่ถูก เหมาหมดเลยละกัน
-
เราแอบเชียร์ พัน-ข้าว ตั้งแต่สมัยโน้นนนแล้วววว อร๊ายยยย
:katai3:
-
อ๊ากกก ตัดฉับ ..... เอ๊ะหรือปริ๊นซ์ คู่กะข้าว หรือมีหลายคู่ :hao3: พี่พุจะเข้ามาแว๊บๆ บ้างไหม๊น้าาาา
-
พัน ข้าว น่ารักดี ๆ
-
หนับหนุนพันกับข้าวค่ะ
-
ดีใจได้อ่านตอนพิเศษของพันแล้ว รออ่านต่อคะ แต่ยังไม่เห็นแววว่าพันจะรัน้องเสียที ต้องรอตอนต่อไปคืนนี้555
-
น้องปริ๊นมากะเขาด้วยไหมนี่
-
ยกมือเชียร์น้องข้าวค่ะ ^^
-
555555555555++ ตามใจคนเขียนเล้ยยยยยย :hao7:
แบบว่าดูลุ้นดี เซอร์ไพรส์ :katai3:
-
ให้คู่กับเราาาาาาา เราจะเอาน้องพันอะ :laugh:
ถ้าให้เลือกจริงๆต้องพันกับข้าวอยู่แล้ว :hao6:
แต่น้องปริ๊นเปิดตัวซะเด่นเลย ไม่แน่ๆนางอาจเหมือนเฮียแพท
ว่าแต่ว่าดิวนี่คือใคร เป็นผู้ใดและยังไง?
อยากอ่านต่อจะแย่ คุณเรนโบว์เอาน้องพันมาเสิร์ฟแบบนี้
เราคงตามติดขอบจอเหมือนแต่ก่อนแน่ๆ :hao7:
-
พันคู่ปริ๊นใช่มั้ยอ่ะนึกว่าพันจะคู่กับข้าวนะเนี่ยเชียร์มาตั้งแต่แรกๆ :hao6:
หรือว่าจะคู่กับข้าว?5555555
เอ๊ะ หรือว่ากับปริ๊น 555555555555
แต่คู่กับเราดีสุด :z6:
-
:hao7: พันน่ารักตลอดศกอ่าาา
-
พันข้าวคะลุ้นคู่นี้มานานตั้งแต่เริ่มเรื่องมาแล้ว :katai2-1:
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษคะ :L2:
-
น้องปริ้นซ์ เชียร์น้องปริ้นซ์
><
-
:mew3: :mew3: :mew3:ไม่รู้จะเชีย์ใครดีชอบทั้งคู่เลยอะ :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
-
เอาอีกกกกกกกกกกกกกกกก
อยากอ่านเรื่อยๆ รอนะคะ :mew1:
-
เห็นเค้าเมนท์กันถล่มทลาย ถึงนึกขึ้นได้ว่า เออ เราก็ไม่ได้เซนส์จับคู่พิลึกเกินไปนี่เนอะ -__-! 555+ จะว่าไป มันมีหลายคู่ที่เราเคยคิดจะคอมเมนท์แต่ก็ไม่ได้พูดนะนี่ โดนพล็อตหลักดึงความสนใจไปหมด ฮะๆ
ครับ ตามที่บนๆเค้าพูดกันแหละครับ ผมชอบคู่พันกับข้าวนะ เพราะว่ามันก็มีหลายอย่างให้คิดเหมือนกัน
อนึ่ง ผมจะพยายามไม่มองนะว่าพันกับพุจะคลิ๊กกันได้ แม้! มันจะมีหลายฉาก หลายการบรรยายที่ชวนให้คิดว่าพันกับพุก็อยู่รักกันไปได้โดยไม่ต้องมีเกียร์หรือฮัลเลย์ เช่น ในช่วงของเกียร์ จะมีฉากนึงในคอนโดที่พันบอกพุได้อย่างเท่มากว่าเขาดูแลพุได้ ไม่ต้องง้อใคร อันนี้บอกถึงความมุ่งมั่นและ self-confident แบบเท่ๆของลูกผู้ชาย ผมชอบตรงจุดนี้
แล้วถ้าอ่านแบบสังเกต ในตอนช่วงแรกๆมีฉากที่พันกับฮัลเลย์หายไปด้วยกันฉากหนึ่ง แล้วเจ็บตัวกันทั้งคู่กลับมา ถ้าให้เดาๆก็คิดว่าหลายๆคนน่าจะรู้ล่ะว่าไป deal อะไรกันมา ผมชอบฟีลลิ่งของพันตรงที่ว่า พี่กู ถ้ามึงไม่แน่พออย่ามาแตะ มันก็เลยอาจจะทำให้เรารู้สึกว่า เออแฮะ incest หน่อยๆ {แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นผลมาจากความเท่และระบบการคิดที่ดูเป็นหลักการ เราเลยพีคกับพันเหมือนที่บางคนอาจจะพีคกับฮัลเลย์น่ะครับ}
พันทิวาเป็นเด็กที่มีระบบการคิดโตเป็นผู้ใหญ่ และตรรกะเขาไม่ไร้สาระ มีข้อดีคือเป็นคนค่อนข้างเฮฮา ทำให้เขากลายเป็นคนน่าคบ มีเสน่ห์น่าดึงดูด หลายคนอาจจะมองว่าคล้ายฮัลเลย์ ซึ่งก็จริงครับ ผมมองว่าคาแรกเตอร์ใกล้เคียงกันเลยทีเดียว ถามว่าจริงๆ ถ้าดู base ตามท้องเรื่อง มันก็ incest ได้นะ สมเหตุสมผลด้วย เพราะมันมีการกระทำรองรับหมด การกระทำตีความในแง่ของรีเลชั่นที่ลึกไปกว่าพี่น้องก็ทำได้
ส่วนข้าว ตอนช่วงแรกๆยังไม่เท่าไหร่ แต่เริ่มรู้สึกหลังจากที่อ่านไปหลายฉากแล้ว เห็นฉากพันอยู่กับข้าวบ่อยมาก เลยทำให้โอเค น่าจะลุ้นขึ้น เพราะดูเป็นห่วงกันลึกซึ้งระดับนึงเลย แถมพันยังพูดเองว่าตอนอยู่กับข้าวก็โดนสาวๆมองอยู่บ่อยๆ เลยทำให้ผมอิมเมจว่า ข้าวน่าจะตัวเล็กกว่า ผิวขาวกว่า แล้วก็น่าจะออกแนวรับให้พัน สรุปเลยทำให้ผมรู้สึกว่าคู่นี้มันมีซัมติงรองมาตั้งแต่แรกหรือเปล่าหว่า 555+
ความมีเสน่ห์ของมนุษย์ทำให้เราหลงใหลคนๆนั้นครับ และมันจะทำให้ความสัมพันธ์ไม่สิ้นสุดลงเร็วถ้าต่างฝ่ายต่างเป็นคนมีเหตุผล ฉะนั้นจะมองว่าพันทิวาเข้าขั้นผู้ชายที่จะมีคนรักได้มากกว่าหนึ่งรึเปล่า คำตอบก็คือใช่ เค้ามี Attractiveness ระดับนั้นเลยครับ แต่ขึ้นอยู่กับเค้าจะทำรึเปล่า [ไม่ได้จะส่งเสริมให้ผู้ชายเจ้าชู้นะครับ ย่อหน้านี้ผมพูดถึง capability ของความสามารถเขาเฉยๆ]
ถ้าเปรียบเทียบกับสังคมจริงๆ ก็จะคล้ายคนที่เราจะเห็นว่าที่ดูเท่ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ (แต่มักจะมีกิ๊กเยอะในสต็อก หรือมีคนมาติดเยอะ แถมไม่ตีกันด้วย -__-!) แม้จะไม่ได้โปรยเสน่ห์ แต่ดูน่าคบหา นั่นล่ะครับ
3/5/2013 **เพิ่มเติมนิดครับ เพราะดูเหมือนว่าการโหวตจะเริ่มซีเรียสขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ Tension ตึงเครียดขึ้นหน่อย เรามาคลายเครียดหน่อยละกัน 555**
สำหรับส่วนตัวผม ในวรรณกรรมทุกเรื่อง ผมไม่ค่อยให้น้ำหนักตรงส่วนที่ว่าใครจะได้รับบทนางเอกนะครับ ตราบใดที่มันไม่ทำให้วรรณกรรมน่าเบื่อหรือซ้ำซากจนน่ารำคาญ เพราะสิ่งสำคัญกว่าสำหรับผมคือพัฒนาการ กับพล็อตระหว่างตัวละครนั้นๆ
ปรินซ์เป็นมุมมองของบุคคลที่สาม ซึ่งเป็น Outsider โดยปกติคนไทยมักจะไม่ค่อยชินกับนิยายที่บรรยายโดยใช้สรรพนามบุคคลที่หนึ่ง แต่เป็นเรื่องของคนสองคนที่เป็นปัจจัยร่วมในสถานการณ์ (เช่นแนว Diary) เรามักจะมองบ่อยๆว่าคนที่เล่าต้องเป็นไม่นางเอกก็พระเอก
ซึ่งในวรรณกรรมตะวันออกของบางประเทศเช่นจีน การมองภาพบรรยายคู่รักที่ผ่านเข้ามาโดยการบรรยายของตัวเองนั้นเห็นได้ง่ายมาก เทียบจากหนังสือกำลังภายในยุคดั้งเดิมก็ได้ หรือจาก ความฝันในหอแดง ก็มีคู่รักอื่นที่ถูกถ่ายทอดผ่านทัศนะการมองของผู้เล่าเช่นกัน ในเรื่องที่ผู้ประพันธ์ท่านนี้แต่งขึ้น ความรักทำให้คนตาบอดก็เป็นอีกตัวอย่างนึงครับ
ถ้าถามว่าแล้วทำไมผมเชียร์ข้าว? เอาจริงผมก็ไม่ได้ Push อะไรขนาดนั้น แค่ผมมองว่าปรินซ์ออกแนวคล้ายน้ำพุหน่อยๆ พูดน้อย อาจมีปมอะไรก็ได้ เพราะฉะนั้น การจับปรินซ์เจอพัน มาเหมือนจับฮัลเลย์เจอน้ำพุอีกครั้งน่ะแหละครับ แค่เปลี่ยนชื่อเท่านั้น เพราะนิสัยเมนคาแรกเตอร์มันเหมือนกัน ดังนั้นผมจึงเฉยๆ การมีมาเพิ่มยิ่งจะทำให้มันดูเหมือนวนลูปเดิม แต่ถ้าเป็นข้าวหรือเบียร์ โอเค อย่างน้อยมันก็น่าจะเป็นพล็อตใหม่ซึ่งเราเดาทางไม่ได้
อ้าว แล้วถ้างั้นทำไมไม่เชียร์เบียร์? อันนี้ก็กลับไปที่แนวคนแต่งอีกเหมือนกัน ผมสังเกตจากหลายเรื่องพอสมควร คนแต่งมีแนวโน้มไปทาง Different age matching น่ะครับ เมะส่วนมากจะอายุมากกว่า แล้วเคะส่วนมากจะอายุน้อยกว่า (ยกเว้นเรื่องบันทึกรักนะครับ ส่วนความรักทำให้คนตาบอดนี่ดูตัวรับของจีนยากเหลือเกิน -__-!) อันนี้เป็นแนวที่อ่านแล้วหมือนทำให้เราเดาทางได้เหมือนกัน ผมเลยอยากเห็นอะไรที่มัน unique ออกไปหน่อย
-
พันข้าว พันข้าว พันข้าว ฮูเล่ ๆ :ped149: :ped149: เชียร์พันข้าวค่ะคุณเรนโบว์ ชอบข้าวอ่ะน่ารักมาก ๆ เวลาพันอยู่กับข้าวดูธรรมชาติมาก ๆ เลยน้า ถึงน้องปริ้นซ์จะเป็นคนเล่าเรื่อง ก็ให้เล่าเรื่องของพันข้าวนะค้า :call: :call:
ชื่อตอนของน้องพัน Unthinkablelove นี่ยิ่งตรงกับพันข้าวนะคะ แบบรักที่คาดไม่ถึงว่าอยู่ใกล้กันแค่นี้ ประมาณเนี่ย รึเปล่าคะ แฮะ ๆ ไม่แน่ใจ เดาเอา
ตอนหน้าจะเจอพุแล้วมีพี่เกียร์ด้วยมั้ยเนี่ย แอบหวัง ๆ ให้ข้าวไปกับพันด้วยนะคะ อย่าทิ้งข้าวน้า :mew6: :mew6:
มาช่วยกันโหวต ให้น้องข้าว หน่อยนะค้า ขอบคุณค่า :pig4: :L1:
-
เชียร์ข้าวน๊า แต่ชอบตอนพันอยู่กับพุมากกว่า
สรุปพันโสดดีที่ซู้ด
-
ชอบพัน+ข้าวมาตั้งแต่ พุ+เลย์แล้ว เค้าเชียร์อยู่นะ :heaven :heaven
:katai4: :katai4:
-
น้องปริ๊นซ์ต้องตะลึงในความสนิทสนมของพี่พุกับน้องพัน แน่ๆ ก๊ากกก
หึหึ :katai2-1:
-
เข้ามาโดดเขียร์ข้าวด้วยอีกคน ได้ใจมาก มาดูแลคนป่วย ด้วยการนอนกินประเทศ o13
-
จริงๆเชียร์พันกะข้าวมาตั้งแต่ตอนพุแล้วอะ สองคนนี้ดูมีอะไรดี :z1:
-
ใครก็ได้คู่ข้าว แค่เป็นปู้จ๋ายก็พอ :hao3:
-
โอ๊ยๆๆๆๆ อยากได้แบบ พลิกล็อก !! :z6:
ครึๆ ครึๆ ครึๆ เหมาหมด แม่มเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :katai4:
-
ขอบคุณมากค่ะคุณเรนโบว์....น่ารักจริงๆ
..แอบตื่นเต้นนะเนี่ย ครั้งแรกเลยที่มีคนแต่งมาตอบคอมเม้นท์ ปลื้มมาก อิอิ..
-
:a5: มีชื่อพี่เกียร์แทนชื่อพี่พันด้วยอ่อค่ะ
-
น่ารักอะ จะคู่กับใครนะพัน :katai2-1: :katai2-1:
-
น้องพันน่ารักมากอะ ชอบบบบบบบบ o13
พกข้าวมาเป็นตุ๊กตาหน้ารถด้วย :hao6:
แต่ข้าวจ๊ะ คือจะนอนเยอะและขี้เซาไปไหม
วันดีคืนดีเกิดนัองพันลักหลับเอ๊ยมีคนลักหลับจะรู้ตัวไหมเนี่ย :laugh:
บวกกกกกกกกกกกกค่า คุณเรนโบว์น่ารักที่สุด :กอด1:
-
พันนี่เป็นหนุ่มฮอตจริงๆ
เด็กๆ ติดเป็นพรวน ใจดี ป๋าโคตร
-
น้องข้าวนี่ขี้เซาซะจริ้ง มานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถแล้วหลับตลอด ๆ น้า แต่ก็น่ารักจ้ะ :m18:
พี่พันนี่ดูแลเทคแคร์น้อง ๆ ดีจริงน้า มีเด็ก ๆ มาหลงนี่ไม่แปลกใจเลย น้องเบียร์ก็น่ารักนะติดพี่พันซะขนาดนั้น
แหม นี่ถ้าไม่มีน้องข้าวนะ เราเชียร์น้องเบียร์แล้วนะจ้ะ แต่ยังไงน้องข้าวก็ชนะเลิศในใจเราน้า :กอด1:
เดี๋ยวจะได้เจอน้องพุ กับ พี่เกียร์แล้วใช่มั้ยคะ ตื่นเต้น ๆ :oni2:
ขอบคุณคุณเรนโบว์จ้า :3123:
-
เชียร์ ปริ๊นซ์ ดีกว่า :katai2-1:
ข้าว น่าจะเป็นเพื่อนสนิทขาเฮ้วอะไรแบบนี้เหมาะกว่า :katai3:
-
เอาพุกับพี่เกียร์ มาเจอกับน้องพันแอนด์เดอะแก๊งค์ด้วยค่ะ นะ ๆ ๆ ๆ :hao5:
-
เชียร์พันกะข้าวจ้า :mew1:
แต่จริงๆอยากให้พันมาคู่กะเรานะสายเลือดดีๆจะได้มีสืบทอด กรี้ดดดดดดดดด!!!! 55555 :hao7: :hao7:
-
พี่พันของน้องๆ
เลือกไม่ถูกเลย ตามใจคนเขียนดีกว่า
-
ไม่กล้าตอบ เพราะยังไม่มั่นใจ...เรื่องนี้แมีแต่พลิกล็อค 5555++
รอดูต่อไปเรื่อยๆ ดีกว่าเนอะ ^^
-
ข้าวมาแรงมากอ่ะ
แต่ขอแหกหน่อย
ชอบน้องปริ้นอ่ะ
ดูนิ่งๆๆดี :mew1:
-
ชอบพันที่ซู๊ดดดดดด :hao7:
อ่านเท่าไหร่ก็ไม่พอ
ส่มาให้ซะดีๆ คุณเรนโบว์
กดบวกและเป็ดให้พัน (เป็นพันๆ ครั้ง)
ตั้งฮาเร็มนั่นล่ะเวิร์คสุด
ข้าวมเหสี
สนมซ้ายขวาก็เบียร์กับปริ๊นซ์
จัดมะ :katai4:
แต่ชอบพ่อโพล่งเปรยยกลูกชายตัวเองให้พี่พัน
555 พ่อแม่งี้รักตายเลย
-
เสน่ห์แรงเกินห้ามใจจริงๆนะ พี่พัน
-
อ๊ะ..ยังไง มีน้องรหัสเข้าแข่งด้วยป่ะ พันอย่ากินเบียร์นะ กินข้าวดีกว่า
-
555+++ แอดมินตามใจคนอ่านกันเลยทีเดียว
(ส่วนตัว...ใครคู่พันก็ได้นะ...น่ารักทั้งสองคนเลย) :mew1:
-
อ่านเพลินเจริญใจจริงๆ
พุยังดูน่ารักน่าแกล้งอยู่เหมือนเดิม
-
น้องพันมาแล้ววววววววว :hao7:
เอิ่ม ตอนเมื่อกี้ จะบอกว่าอยู่ๆincestก้หล่นลงมาใส่หัวเรา :z3:
แต่ก่อนไม่เคยคิดแต่ตอนนี้แอบคิดแล้ว :mew5:
แต่ไม่ค่ะ น้องพันกับข้าว น้องพันต้องกินข้าว
พันกินข้าว พันกินข้าว #สะกดจิตตัวเองอยู่ :laugh:
รอลุ้นผลโหวตดีกว่า เชียร์พันข้าวสุดใจเลย :mew1:
-
รอๆๆๆๆตอนต่อไป
-
ไม่ใช่ว่าจะเชียร์คนมาใหม่ ลืมน้องข้าว
แต่ความรู้สึกเหมือนปริ๊นจะมีบุคคลิกคล้ายๆ พุ
ส่วนข้าว มีความเป็นเ้พื่อนสนิท โมเมนท์นี้คือเหมือนคนในครอบครัว
โหวตไปแล้ว ทั้งนี้เคารพเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะได้แก่ข้าว
-
พุน่ารัก...ให้อารมณ์แบบ คุณหนูเอาแต่ใจ น่ารังแก อิอิ
ตัวเมนหลบไปนอน ให้ดารารับเชิญเล่นไปก่อนเนอะ คิดถึงพี่เกียร์...
พันจะรักใคร ชอบใคร เค้าตามใจตัวเองเลยนะ
เหมาหมดเลยยิ่งดี
-
เชียร์คู่พันกะใครดีนะ
คนเขียนบอกตามโหวต ก็น่าจะเป็นข้าว
แต่ก็อยากให้คู่ปริ้นซ์ เลือกยากมาก
อยากให้เล่าในมุมของพันบ้าง
-
เย้ ๆ :m11: พี่เกียร์ น้องพุ มาแล้ว ๆ คิดถึงจังเลยยย :m3: :m3: พุยังน่ารักเหมือนเดิมพี่เกียร์ออกมาตอนท้ายก็ยังเท่ห์ (แหะ ๆ ถึงน้องปริ้นซ์จะมองเป็นยักษ์ก็เหอะนะ) พี่เกียร์น่ารักมากไม่อยากให้พุเสียใจสินะถึงไม่บ่นเรื่องเค็มน่ะ น้องปริ้นซ์นี่ซื่อ ๆ ดีนะแต่บางเรื่องคิดในใจก็พอนะจ้ะ เรื่องถามออกมาว่าพุเป็นเกย์ต่อหน้าน้องชายเค้านี่ไม่ควรเลยนะ รู้สึกน่ากลัวตามน้องปริ้นซ์เลยที่พันถามหน้านิ่ง ๆ น่ะ ดีนะที่ข้าวปลอบน้อง น้องปริ้นซ์ไม่กล้านอนกับพี่พันแค่สองคนเพราะรู้สึกยังไง ๆ กับพี่พันแล้วรึเปล่า น้องก็น่ารักน้า แต่ยังไงเราก็ชอบข้าวมากกว่าอยู่ดีอ่ะ ยังคงเชียร์น้องข้าวต่อไป ลุ้น ๆ ๆ วันอาทิตย์ ขอให้น้องข้าวชนะเถ้อ สาธุ ๆ :call: :call:
ขอบคุณค่า :pig4:
-
พี่น้องคู่นี้เค้ารักกันมากกกกกกกกกก :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
-
คะแนนข้าวท่วมท้นมาก
อ่อยยย
อยากเชียร์น้องปริ้นซ์ แต่คงไม่ขึ้น
ข้าวก็ได้!!
5555555555
-
ให้พันคู่กับข้าวเหอะ นะ
-
:serius2: :serius2: :serius2: :serius2: ไม่รู้เพราะอาจพลิกโได้
-
o9 o9 โอ้ย ๆ พึ่งวันศุกร์เองง่า เค้าอยากรู้ผลโหวตเร็ว ๆ แล้ว
ตอนนี้ทิ้งห่างกันแค่ 11 คนเองอ่ะ น้องข้าวจ๋า จะชนะมั้ยเนี่ย อย่าพลิกโผน้า เชียร์พันข้าว พันข้าว จ้า :hao7:
ระหว่างรอผลโหวต แต่งกลาง ๆ ก่อนใช้มั้ยค่า ขอพี่เกียร์กับน้องพุมาปล่อยความหวานเยอะ ๆ หน่อยนะค้า จุ้บ ๆ :mew1:
-
พุยังน่ารักน่าแกล้งเหมือนเดิม ^^
-
เชียร์ปริ๊นซ์ค่ะ ปล่อยให้พันเค้ามีเพื่อนสนิทจริงๆมั่ง
-
อยากลุ้นว่าคนเขียนจะให้พันคู่ใคร :katai2-1:
-
พันข้าวๆๆๆๆ :hao7:
แต่สุดท้ายจะคู่ใคร เค้าชอบหมดแหละ เพราะยังไงพันก็คู่กับผู้ชาย ฮ่าๆๆๆ :m20:
(คงไม่มีชะนีโผล่มานะ) กร๊ากกกก
-
กับข้่าว..ดูเหมือนเรื่อยๆ มากกว่า ถ้าเป็นปริ้นซ์....น่าค้นหากว่าเยอะเ้ลยอ่ะ
-
ชอบพัน~
รอโหวต อันธิงค์ จัดมะ :hao6:
กดบวกและเป็ดลอยละล่อง
-
แค่พุกับเกียร์ออกมาด้วยกันก็ฟินล่ะ :hao6: :hao6:
พันนนนนนนนนนนนนนนนน ตามใจพัน เลยยยย พันมีแอบชอบในใจบ้างป่าววววว 5555+ :katai3:
-
และข้าวก็ไปนอนกับพัน.... หึๆ
-
เค้าเป็นแฟนพุเกียร์ *ชูป้ายไฟ* ><
จริงจริงคือชอบทุกคู่ล่ะ เลิฟทุกคนเท่ากันเลยยยยยย เรื่องนี้มีแต่คนน่ารัก อ่านไปยิ้มไป อ่านไปยิ้มไปงี้ อิอิ
โหวตข้าวนะ เค้าจิ้นของเค้ามาตั้งนานล่ะ ฮี่ฮี่ คุณเรนโบว์จะเขียนเรื่องแพทต่อมั้ย? เค้าแอบค้างเบาเบา
ลงท้ายด้วยประโยคเดิม รักฮัลเลย์เสมอมา รักคนเขียนด้วย ฮิ้วววววววววว
^________________________^
-
กรี้ดพุ เกียร์น่ารักมาก อยากอ่านเยอะๆคะ น้องพุโชคดีได้แฟนหล่อ
-
พุ เกียร์ ๆๆๆ :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
พัน ข้าว :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
-
ท่าว่าน้องปริ๊นซ์จะเป็นได้แค่ผู้รายงานข่าว
-
น้องปริ๊นซ์กลายเป็นไรฝุ่นเกาะโซฟาไปแล้ว :laugh:
สองคนนั้น เล่นหวานจนลืมชาวบ้านเลยอ่ะ 555+ :m20: :m20:
-
หวานเวอร์ ๆๆๆ อ่ะ พี่เกียร์น้องพุ กรี้ด ๆ :m3: :m3: น้องปริ้นซ์คงสับสนว่าจะดูหนังผีในจอดี รึ หนังรักนอกจอ ดีใช่มั้ยจ้ะ ฮุ ๆ แต่พี่อิจฉาน้องปริ้นซ์มากขอบอก อยากเป็นคนที่ไปนั่งอยู่ตรงน้านแทนน้องปริ้นซ์อ่ะ :haun5: แต่รู้สึกว่าคู่รักเค้าจะลืมไปแล้วนะว่ามีน้องปริ้นซ์นั่งอยู่ตรงนั้นอีกคน ไม่ใช่สิ อย่างพี่เกียร์คงไม่สนใครนอกจากพุมากกว่าล่ะม้าง ทั้งหอมหัวหอมแก้มโอบเอว โอ้ย ๆๆ ย้ำอีกทีพี่อิจฉาน้องปริ้นซ์ :ling1: :ling1:
จุ้บ ๆ คุณเรนโบว์ ขออีกค่ะ ช้อบชอบ :mew1: :mew1:
-
พุเกียร์มาแค่นี้ก็ฟินและ
-
บอกปริ๊นได้คำเดียวคือทำใจเถอะจ้ะ
เพราะคนอย่างคุณชายนภสินธุ์ไม่เคยแคร์สื่อใดๆทั้งสิ้น :laugh:
ปล.ข้าวเข้าไปนอนกับพันแล้วอะ ขอสักนิดเถอะ :-[
-
พุเอ๊ย กลัวผีแต่ชอบดูหนังผี พี่เกียร์เลยได้กำไร :laugh:
น้องปริ๊นซ์เลยไม่เป็นอันดูหนังในจอเลย ดูนอกจอดีกว่า อิอิ :mew3:
-
อ่าห์ :hao6: // ทำหน้าโคตรจะฟินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
เกียร์ พุ ๆ ๆ ๆ พี่เล่ย์ ไม่ต้องห่วงแล้วนะๆๆ พุมีคนมาคอยดูแลต่อแล้วววว แล้วก็ยัง โคตรจะฟิน 555555++
ขอโทษค่ะ ที่เริ่มเพ้อออออ :z6:
คึ คึ คึ :hao7:
-
คิดถึงพี่เกียร์กับพุก็ได้อ่านพอดีเลยอ่ะ แบบว่าเรื่องนี้ได้อย่างใจสุดๆ ไปเลย
กอดๆ นะคะ
-
อยากโหวตทุกวัน ได้ไหมหนอ
น้องปริ๊นซ์ ก็ยังดูกั๊กๆ อยู่ ไม่รู้ว่าแอบชอบพันหรือเปล่า
หรือเป็นความประทับใจ แต่แอบมองพุเกียร์เรื่อยๆ มีเขินนี่ยังไง
-
เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ แต่เราช้อบ ชอบ เรียงมาเรื่อย ๆ เลยค่าคุณเรนโบว์ :mew1:
พี่เกียร์สุดยอดสามีของน้องพุ ยกให้พุหมดแล้วทั้งตัวและหัวใจ แถมจุ้บเหม่งน้องพุต่อหน้าประชาชี อ้าย ๆ เขินแทนน้องพุจริ้ง ๆ :impress2: :impress2:
พันข้าวเวลาอยู่ด้วยกัน มันฟินจริง ๆ นะ ชอบจังน้องข้าวนอนหนุนพุงน้องพันอ่านหนังสือเนี่ยเหมือนแฟนกันเลยอ่ะ ฟิน ๆ ๆ :กอด1: ความสุขช่วงรอลุ้นผลโหวต คิๆ :m7:
-
ถึงน้องปริ๊นซ์จะน่ารัก
แต่เราก็ยังเชียร์น้องข้าวค่ะ ^^
-
:mew2: :mew2: :mew2: :mew2:สามพีดีไหมหว้า :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:
-
:hao6: :hao6: โหวตข้าว 55+ ไม่ให้ใครหรอก
-
เชียร์น้องข้าวเหมือนกันค่ะ :3123:
-
กรุณากลับไปที่ห้องครับ มีเด็ก ฮ่าาาาาาาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
พี่เกียร์นี่แม่งงงงงง ตลอดเวลาเลยเว้ย :laugh:
ชอบพันกับข้าวมากอะ ฟินนน มีหนุนพุงด้วย :hao6:
เวลาอยู่ด้วยกันบางทีก้ชอบตีกันเหลือเกิน
หากมีซัมติงกันเมื่อไหร่ เขาจะเปลี่ยนมาตีกันในรูปแบบไหนน้อ :hao7:
อยากจะกดโหวตพันข้าวอีกสักร้อยรอบจริงเชียว เชียร์ขาดใจเลย o13
-
พี่เกียร์หวานใส่พี่พุ น้องปริ๊นซ์อยากหวานแบบนี้บ้างป่าว อิอิ :z1:
-
หวานกันไม่อายน้องๆกันเลย
เขินแทนน้องปริ๊นซ์
-
โหยพี่พันมีแฟนอยู่แล้วอ่ะ ทำไงอ่ะ :katai1: :katai1: :katai1:
-
เอาจริง ๆ เลยนะ จริงจัง ๆ ๆ อยากให้พันคู่กับข้าวมากกกกกกอ่ะ
ถึงแม้ว่า part นี้ คนเล่าเรื่องจะเป็นปริ้นซ์ก็เหอะ แต่ไม่จำเป็นนี่ที่คนเล่าเรื่องต้องเป็นตัวเอก
ตอนนี้เขานอนหนุนพุงกันแล้วด้วยนะเออ คนเชียร์อย่างเรา ฟินเล็ก ๆ
พี่เกียร์ พี่พุคะ เอาอีกค่ะ service มาเยอะ ๆ เลยค่ะ ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
-
พันข้าวๆ เชียร์สองแขนเลยค่ะ
แฟนคลับพันข้าวค่ะ อิๆ
-
เข้าห้องไปเลยเกียร์ถ้าจะหวานกันขนาดนี้ อิจฉาพุหว่ะ
ลุ้น ๆ ข้าวจะได้เป็นไหม
-
พุกะพี่เกียร์นี่แย่งซีนพันนะเนี่ย
อยากจะช่วยข้าว "ฮิ้ววววววววววววววว" ดังๆ แต่ตอน "ฮิ้วววววววววววววววว"เบาๆในใจไปก่อน เดี๋ยวผู้คนแตกตื่น
-
แอร๊ยยย พี่เกียร์น่ารักอ่ะ
ทำพุเขินอีกแล้ว
-
มดขึ้นเหล้าหมดแล้วมั๊งนั่น หวานกันต๊ะหลอดดดดดด :hao7:
-
เกียร์พุนี่ ฟินจริงๆๆๆ :katai2-1:
-
อิพี่เกียร์หวานไม่เกรงใจกันมั่งเลย :laugh:
-
เชียร์ข้าว ๆๆๆๆๆๆ
ยังไง พันต้องคู่กับหนุ่ม เพราะมันเป็นเรื่องวายนะ :ling1:
ชะนีตายซะ :hao7:
-
พูดถึงบ้านโน้นแล้วคิดถึงพี่เล่ย์ :เฮ้อ:
ปล.รอพันกับข้าวอิ๊อ๊ะกันดีกว่า :hao6:
-
พันกับข้าวมันดูธรรมชาติอ้ะ คือตอนนี้ต่างคนอาจจะไม่คิดอะไรแค่เป็นเพื่อนกัน หรืออาจะจะก็ได้เพราะเราไม่รู้ 5555555
แต่ชอบบรรยากาศแบบนี้่มากเ้ลยนะ เริ่มสงสารน้องปริ๊นซ์ นิดๆ
-
จะไปบ้านแม่พิมแล้ววว ใครจะได้เป็นคนพิเศษของแม่พิมต่อจากพุน้า แต่คาดว่าคงไม่มีใครอยากเป็น ฮ่า ๆ :laugh:
พุยังไม่ทันคนอื่นเหมือนเดิมเลยนะจ้ะ ถูกแกล้งตลอด ๆ อ่ะ สุดท้ายน้องข้าวใจดีสงสารพี่พุด้วย มีแปะมงแปะมือ แหมเข้ากันดีขนาดนี้ พี่พุคงสนับสนุนให้เป็นน้องสะใภ้ได้ไม่ยากหรอกเนอะ (แหะ ๆ ยังคงดันน้องข้าวต่อไป)
ปล. คุณเรนโบว์เปลี่ยนเรื่องน้องพันเป็นเรื่องยาวต่อไปเลยไม่ได้เหรอค้า อยากอ่านเรื่องนี้อีกยาว ๆ จัง :mew2: :mew2:
-
เฮียแพทสั้นๆก็พอ ไม่ต้องยาวหรอกกก
อ่อยยยยย
ปริ๊นซ์ น่ารักกกก หาคู่ให้น้องด้วยนะะะ
-
ตามกระชั้นชิด จนเหนื่ือยอีกแระ
-
พันงอนข้าวแล้วอ่ะ
-
พันข้าว หมื่นข้าว แสนข้าว
คู่กะข้าวเท่านั้นนน เพราะอุตส่าจับจิ้นกันมานานแล้วเนอะ อิอิ
-
ความรู้สึกว่าพันข้าวมันมาละ น้องปริ๊นซ์คงเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์ล่ะฮ่ะ :z1:
-
:mew2: :mew2: :mew2:
-
อยากอ่านแพทแบบยาวๆ ด้วยคะ ปล.ขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการรวมเล่มเป็นได้แค่ตัวแทน แต่เรื่องเศร้าบางครั้งอ่านครั้งเดียวแล้วไม่อยากอ่านอีก ถ้าจะรวมเล่มควรแต่งฉากหวานเพิ่มนะ มันทำให้มีแรงบันดาลใจในการอยากได้ไว้ครอบครอง เป็นกำลังใจให้คะ
-
โอ๊ยยยย ข้าวขี้อ้อนวะเห้ยยย มิน่าล้ะ พันถึงใจอ่อนตลอด หึหึ
ปล. โหวตรวมเล่มแล้วจ้า อิอิ และแอบเห็นด้วยกับ คห ข้างบนนะคะ
ว่าควรจะเพิ่มเนื้อหา ซีนหวานๆ หรือเหตุการณ์หลังจากนี้ไปอีก >_<
:katai2-1:
-
ยกมือโหวตด้วยคนค่ะ
...พัน-ข้าว..เท่านั้นถึงจะฟินค่า...
คู่นี้น่ารักตรงความสัมพันธ์ยาวนานต่อเนื่องนี่แหละ อิอิ
-
เห้ย เห้ยยยย ประเด็นมันมาแล้ว :hao7:
พันโกรธข้าวก้ง้อ :-[
กลับพิดโลกไปเอาประเด็นนี้มาเคลียร์ด่วน
เผื่อเป็นจุดพลิกผันความสัมพันธ์ :hao6:
บวกกกกกกกกค่า :mew1:
-
ทั้งเรื่องเฮียแพน และก็เรื่องของพัน
ทำเป็นเรื่องยาวเถอะนะ น่าสนุกทั้งสองคู่เลย
-
ท่าทางจะยาว แยกกระทู้ก็ดีค่ะ
:L2:
-
น้องปริ๊นซ์จะเป็นตากุ้งยิงไหมเนี่ย หันซ้ายหันขวาเจอช็อตเด็ดตลอด
ตอนนี้ข้าวอ้อนพันซะ แล้วพันก็หวงข้าวออกนอกหน้ามาก
แม่ยกเตรียมเฮ
-
เริ่มมีแวว ๆ แล้ว พันข้าว พันข้าว อิ ๆ :hao7: :hao7: (หวังว่าหมดวันนี้ผลโหวตจะไม่พลิกโผน้า :call:)
น้องข้าวมีหนุ่มมาตามตื้อเหรอจ้ะเนี่ย อิ ๆ :m12: ก็นะคนมันน่ารักก็งี้แหละ แต่นี่จะเป็นตัวแปรอย่างดีกับความสัมพันธ์ พันข้าว รึเปล่าน้า
น้องพันโกรธแบบน่ากลัวนะเนี่ย คลื่นใต้น้ำ เงียบแต่น่ากลัว เล่นไม่ให้แตะตัว ไม่คุยด้วย แถมไม่ยอมนอนด้วยอีก เหมือนเล่นสงครามประสาทกันแต่ดีที่เป็นน้องข้าวย่อมรู้นิสัยกันดีอยู่แล้ว ขอโทษพร้อมอ้อนน่ารัก ๆ (ถึงพันจะว่าปัญญาอ่อน) แค่นี้พันก็ใจอ่อนละ อิ ๆ ว่าแต่นอนเบียดกันที่นอนเล็ก ๆ เนี่ย อ่อย ฟินสุด ๆ อ่ะ :m1:
ปล. คุณเรนโบว์ เราสนับสนุนให้แยกกระทู้ตั้งเป็นเรื่องยาวเต็มที่เลยค่า ชื่อเรื่องก็มีแล้ว เราเชื่อว่ามีอีกหลายคนคิดเหมือนเรานะ แฟนคลับน้องพัน(และน้องข้าว) มีเยอะแน่ ๆ ไม่งั้นคุณเรนโบว์ก็ลองทำโพลล์ถามความเห็นดูมั้ยคะ แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงก็เคารพการตัดสินใจของคุณเรนโบว์ค่ะ ได้เป็นเรื่องยาวก็จะดีใจมาก ๆ แต่ถ้าไม่ได้ มีเป็นตอนพิเศษมาบ่อย ๆ ก็ดีนะคะ ยังไงก็ขอบคุณค่ะที่สนใจในความเห็นเรา
:L1: :pig4:
-
พันข้าวๆๆๆๆ.... วู้ๆ
-
อยากบอกว่ายิ่งอ่านยิ่งไม่เคยพอ :hao7: (คุณเรนโบว์บอกเห็นใจกรูบ้าง :z6:)
และพันจ๊ะ จริงๆมันมีวิธีแก้อาการคนนอนดิ้นนะ
ไม่รู้ว่าพันจะรู้มั้ยแต่แค่กอดแน่นๆรับรองข้าวเลิกดิ้นชัวร์ :hao6:
ปล.page88แล้วค่ะ
-
มาบ้านพี่เกียร์แล้ว พุจะโดนแกล้งอีกหรือเปล่าหนอ
-
ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากเพื่อนจะเป็นยังไงน๊า รอพัน-ข้าวด้วยใจจดจ่อ
-
อือคนเล่าเรื่องไม่ใช่มวยคู่เอก(พันข้าว)แต่เป็นนักพากย์(นุ้งปริ๊นซ์)
คนอ่านขอปรับอารมณ์ด้วยค่ะ :m20:
-
ฮ๋าๆๆๆ บ่อปลาร้างฝีมือ พี่เกียร์ ฮ่าๆๆ :laugh:
-
จริงๆก็อยากให้พันคู่กับผู้หญิงนะ
แต่สิ่งที่พันกับข้าวแสดงออกมันดูแคร์กันมากๆเลย
คนที่เข้ามาแทรกอาจจะกลายเป็นเจ็บซะเปล่าๆ
-
เย่ๆๆๆ พันข้าว :m4:
แล้วจะดำเนินเรื่องต่อยังไงหว่า เพราะตอนนี้น้องปรินซ์เป็นคนเล่าเรื่อง :m28:
อย่างงี้เวลาเขาหวานกันสองคู่ ชู้ชื่น สงสารน้องปรินซ์เลย เพราะมีแววโดนมดกัดตายแน่งานนี้ 555 o17
-
น่ารักอ่ะ :mew1: :mew1:
-
:jul3: นึกถึงตอนนั้น ก็ยังฮาได้ตลอด 555+ พี่เกียร์ พลาดแล้ววววววว :hao3:
พัน ข้าวนี่จะพัฒนาไปยังไงน้อออออ :hao7:
-
:angellaugh2: :angellaugh2: เย้ ๆ พันข้าว จ้า พันข้าว ดีใจ เอ้ย ดีใจจัง น้องพันน่ารักมากมาย แหม ๆ มีนอนซบไหล่น้องข้าวนะ หมอนก็มีทำไมเอามากอดซะล่ะ อยากนอนซบน้องข้าวก็บอกมาเหอะ อิ ๆ :m12:
อา... เจอฉากมาเที่ยวบ้านพี่เกียร์แล้วทักเรื่องบ่อเลี้ยงปลานี่ทำเราคิดถึงพี่เล่ย์เลย :m15: น้องปริ้นซ์ถามเหมือนน้องพุตอนนั้นเลยนะ อย่างว่าบ่อปลาที่ไม่มีปลาซักตัวเป็นใครก็คงถามอ่ะเนอะ 1 ในวีรกรรมพี่เกียร์ แสบจริงจริ้ง :pigha2: อยากเจอแม่พิมกับคุณพ่อเร็ว ๆ จัง นี่ถ้ามีน้องอิงกับพี่บูมอยู่ด้วยนะคงจะสุดยอดมากเลย
ไปโหวตมาแล้วค่า เรื่องของเฮียแพท ท่าทางจะเครียดมาก ๆ เราก็เลยโหวตเป็นเรื่องสั้นก็พอ แต่เรื่องน้องพัน&น้องข้าว โหวตเป็นเรื่องยาวเท่านั้นจ้า ขอให้เรื่องยาวชนะ สาธุ ๆ :call: :call:
ขอบคุณคุณเรนโบว์ค่ะ :pig4: :L2:
-
:mew3: :mew3: :mew3: :mew3:คู่ไหนเค้าก็ชอบทั้งนั้นละ :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
-
นึกถึงพี่เลย์อีกแล้ว เหอะๆ
-
เปิดเรื่องมาเหมือนจะให้ปริ๊นซ์เป็นนายเอกนะคะ
มันจะแหม่งๆ ไหมค่ะ
-
เฮียแพทโหวตเป็นเรื่องสั้นไปแว้ว เพราะท่าทางได้บริโภคมาม่าชามโตแน่เลย
-
ทีนี้เราก็มาดูเพื่อนซี้กลายเป็นคู่รัก อิอิ :o8:
-
เอิ่มมม น้องปริ๊นท์อย่าหลงรักพันเลยเอาแค่หลงใหลพอ
ถ้าน้องเสียใจเดี๋ยวพี่จะสงสาร แต่ยังไงพันต้องคู่ข้าวนะ ไม่ยกให้ :laugh:
เห็นด้วยมากๆที่เกิดเป็นพุแล้วมีแต่คนรุมรัก
และคนที่รุมรักก้มีแต่คนดีๆทั้งน้านนนนนนนน :impress2:
คิดถึงพี่เล่ย์จังเลยบอกตรงๆ สักหน่อยสิคะคุณเรนโบว์ :m13:
บวกกก บวกได้เปล่าไม่รู้ ถ้าไม่ได้แปะไว้ก่อนนะคะ :mew1:
-
เย้ๆๆๆ พัน ข้าว
รอๆๆๆติดตาม!
-
ถ้าให้พันคู่ข้าว คนเขียนหาคู่ให้นุ้งปริ้นซ์ของเค้าด้วยเนะ :mew2:
-
:กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
ไม่ใช่ว่าชาติที่แล้วพุทำบุญมาด้วยอะไรหรอกนะ น้องปริ้นซ์ แต่เพราะนิสัยธรรมชาติของพุเนี่ยแหละถึงทำให้มีแต่คนมารุมรักไงจ้ะ แต่น้องพันมาแย่งออมเล็ตไข่คนของพุ กับพี่เกียร์ทำไมเนี่ย ของที่พุทำก็ต้องให้พี่เกียร์กินสิ อยากกินไปให้น้องข้าวทำให้นู่นไป :hao7: พอข้าวพูดถึงนาฬิกาพี่เกียร์ นึกได้ว่าตกลงพันให้นาฬิกาใครเป็นของขวัญวันเกิด ใช่ข้าวรึเปล่าน้า ไม่รู้จะมีเฉลยมั้ยน้า รอตอนต่อไปจ้า ครอบครัวสุขสันต์จริง ๆ :z2:
-
โหวตไปแล้วจ้า
เรื่องของพี่แพท ขอเป็นเรื่องเสั้นเหมือนกัน
เพราะว่าถ้าเรื่องยาวจะมาม่าตลอดๆ แน่ ๆ
พี่เขายังไม่หม่อมแม่เรื่องมากแสนจะยุ่งยากอยู่
เลยขอเป็นแบบเรื่องสั้นล่ะกัน
:hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
-
ความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ พัฒนาจากความเป็นเพื่อน
จะอ่อนหวานแนบแน่นแค่ไหน
จะรออ่านค่า ^^
พุน่ารักเพราะทุกอย่างที่พุทำมันเป็นธรรมชาติ
น่ารักน่าแกล้งจนคนรอบข้างอดใจไม่ไหวไง 555
-
ใครๆก็ทั้งรักทั้งอิจฉาพุที่ผู้ชายหล่อเพอร์เฟคมารุมรักกันตั้งหลายคน
เพราะความน่ารักนิสัยดีเป็นธรรมชาติของพุนี่แหละ
ไม่ผิดหรอกที่ปริ๊นซ์จะรู้สึกอย่างนี้ คนที่อยู่รอบๆพุเป็นสมาชิกชมรมคนรักพุทั้งนั้น
-
Unthinkable Love
A/N: ไม่มีใครโหวตแล้วใช่มั้ย? คะแนนเป็นเอกฉันท์ 'พัน+ข้าว' เนอะ ---> ขอคนเขียนปรับอารมณ์ก่อนนะ เพราะไม่เคยคิดให้พันกับข้าวคู่กันเลยจริงๆ ตั้งใจให้พันมีแฟนเป็นผู้หญิง 555+ (โดนคนอ่านเตะออกจากเล้า :z6:)
ก็โหวตให้คู่กับผู้หญิงแหละ 555+ แต่รู้สึกคะแนนถูกทิ้งห่างไกลลิบ :laugh:
อันใหม่ ก็โหวตให้แล้วจ้า
-
:hao6: :hao6: ข้าวมันนอนดิ้นก็กอดมันไว้ดิ๊ อิอิ
-
อยากเห็นน้องปริ๊นซ์โดนคนที่บ้านอำ 55555555555555
:katai3:
-
เอาตอนพิเศษ
จะเอาาาาา
>,,<
อ่านผ่านมุมคนอื่นแลิวเรางงๆ 555
แต่ทำความเข้ลใจไม่ยากนะ
อาจเพราะไม่เคยอ่านแบบนี้
เลยฝังใจว่าคนเล่าต้องตัวเอกสิ อะไรงี้
ลองกะเรื่องนี้เลยยย
ปล. ยังไม่ได้อ่านความรักฯอ่ะ
-
ดอกรักกับชวนชมมั้ง
-
:hao7: ครึๆ ครึๆ ครึๆ อิจฉาพุเหมือนกัน ใครๆก็รุมรักกกกกกกก
เพราะพุเป็นมนุษย์อึนนนน หุหุหุ น่ารักอ้ะ!!! :hao5:
-
พันกับพี่เกียร์แย่งกันทำให้พุดีใจ น่ารักมากๆ :L2:
-
อ่านไปอ่านมา
ทำไมคิดถึงแลย์จัง :L3:
-
:mew2: :mew2: :mew2: :mew2:เค้าก็คิดถึงพี่เลย์เหมือนกันอะ :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
-
อดคิดถึงพี่เลย์ไม่ได้ :mew6:
-
คิดถึงพี่เล่ย์เลยอ้ะ T_T
-
:m15: :m15: :m15:
เขียนถึงพี่เล่ย์ทีไร บ่อน้ำแทบแตกทุ้กที....คิดถึงเหลือเกิน
-
เวลาพูดถึงพี่เล่ย์ทีไร อยากให้เวลาของตัวเองผ่านไปเร็วเหมือนพุจริงๆ เพราะพุในตอนนี้ทำใจและยอมรับที่พี่เล่ย์จากไปได้แล้ว
แต่เราเศร้าอะ ไม่รู้ว่ามีเพื่อนคนอ่านเป็นเหมือนกันไหม แต่คิดถึงพี่เล่ย์จริงๆนะ แล้วก็ทำใจไม่ค่อยได้ที่พี่เล่ย์จากไป อ่อนไหวค่อดดด :z3:
ปกติถ้านิยายที่เราชอบยังไม่มาต่อ เราก็จะย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าๆรอเพื่อไม่ให้ลืม แต่ขอสารภาพว่าตอนของพี่เล่ย์กับพุเราไม่เคยกลับไปอ่านเลย เราทำใจไม่ได้จริงๆ :monkeysad:
แต่ถ้าถามว่ารวมเล่มจะซื้อไหม ก็ต้องซื้อดิ อยากได้อ๊า :m3:
-
คิดถึงพี่เล่ย์มากๆๆ คิดถึงจริง แค่เขียนถึงนิดนึงยังเศร้า พุใส่แหวนของคนรัก 2คนไว้ ทำไมเล่ย์ต้องตายด้วย วนกลับไปความรู้สึกเดิม
-
คิดถึงพี่เล่ย์
แต่พี่เกียร์ก็อบอุ่นนะ
-
คิดถึงพี่เล่ย์
พอเขียนถึงก็เศร้าทุกที เพราะนึกถึงตอนที่พี่เล่ย์จากไป
-
คิดถึงฮัลเลยยยยยยยยยยยยยยยย์ นี่รักเหมือนคนในครอบครัว ฮี่ฮี่ :))
ออกมาแค่นี้ก็ปลาบปลื้มใจ >.< *กระโดดกอดคนเขียนสิบทีรัวรัว*
-
:hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
คิดถึงพี่เลย์ด้วย
-
คิดถึงพี่เล่มากๆ
อยากให้พี่เล่กลับมายืนอยู่ตรงนี้
อีกครั้ง นายคือนัมเบอร์วันในใจ ^^
-
:mew1:
รักเล่ย์
แล้วก็คลั่งกียร์สุดๆ
Million thanks ตอบกลับแด่นักเขียนในดวงใจเช่นกัน
พุโดนแย่งไข่แบบเละๆ "คนละครึ่ง"
เป็นตอนที่อืมมมมมม ชอบมาก
กดบวกและเป็ดขอบคุณ
-
อย่างน้อยก็มีพี่เล่ย์ กับพุ ที่เข้าถึงเจ้าชายได้
-
คนอ่านคิดถึงเลย์ :ling1:
:pig4:
-
เค้าชอบพี่เกียร์นะ แบบว่าดูอบอุ่นและให้ความสำคัญกับพุสุดๆ
-
หวานอะ พุกะพี่เกียร์ เชียร์ข้าวกะพันอะ อิอิ
-
จะบอกว่าใจกระตุกมากตอนที่พุเอ่ยชื่อพี่เล่ย์ :sad4:
รู้ตัวอีกทีน้ำตาไหลเลย บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง
แต่ที่แน่ๆคือคิดถึงมาก คิดถึงจริงๆ
มาแค่ชื่อแต่กลบความรู้สึกอื่นเราหมด
จะฟินข้าวกับพันก้รู้สึกว่าฟินไม่สุด
จะกรี๊ดพี่เกียร์ก้รู้สึกว่าอารมณ์มันไม่ได้
ใจพะวงอยู่แต่ พี่เล่ย์ พี่เล่ย์ พี่เล่ย์ :o12:
-
:o12: :o12: :o12: คิดถึงพี่เล่ย์ :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: รักๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :sad4: :sad4: :sad4: :mew1: :mew1:
-
คิดถึงพี่เล่ย์มากกก TT..TT
อ่านแล้วหน่วงเล็กๆ คือเราเชื่อว่าตอนนี้ทุกคนมีความสุข เราเองอ่านแล้วก็มีความสุขเหมือนกัน เพียงแต่มันเจือด้วยควาเศร้าแปลกๆ ทุกครั้งที่ได้คิดถึงพี่เล่ย์อ่ะ
แต่ก็นะ
พี่เล่ย์จะเป็นความทรงจำที่สวยงามสำหรับเราเสมอ...
-
อ่านๆ ไป พอถึงชื่อพี่เล่ย์...
เราบอกอารมณ์ไม่ถูกอ่ะ
แต่น้ำตามันไหลนะคุณเรนโบว์
คิดถึงนายมากนะดาวฤกษ์ :m15:
-
คิดถึงเลย์เหมือนกัน
-
ผมเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เป็นพี่พันกับพี่พุในชุดไทยนั่งพับเพียบอยู่กับพื้น...>>>>>พี่เกียร์
ขอบคุณผู้สื่อข่าวปริ๊นซ์ที่รายงานแบบติดขอบเวทีกันเลยทีเดียว อดทนไว้น้อง แทนที่จะเศร้าเรามาฟินไปด้วยกันดีกว่า
เค้ายังคิดถึงพี่เล่ย์เหมือนเดิมนะ ไม่เคยลืม
-
แล้วใครคู่กับน้องปริ๊นซ์ล่ะ ท่าทางจะเหงา :เฮ้อ:
-
คนที่ได้สัมผัส ก็ พุ ไง อิอิ อิจฉาาา
-
คิดถึงพี่เล่ย์จัง
-
^
^
^
^
กรี๊ด กรี๊ดดดด คุณเรนโบว์น่ารักที่สุด ขอบคุณนะคะ o13
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เอาแพคคู่ค่า แยกไปเลยเรื่องละเล่มหรือสองเล่ม
บวกตอนพิเศษเยอะๆๆๆๆๆนะคะ :m5:
โดยเฉพาะอันบีลีฟขอเถอะค่ะเอาพี่เล่ย์มาเช็ดน้ำตาให้หน่อย
เพราะเราคิดถึงพี่เล่ย์ใจจะขาดอยู่แล้ว :sad4:
-
อา พี่เล่ย์ คิดถึงพี่เล่ย์จัง อยากบอกปริ้นซ์ได้จังว่าผู้ชายคนนี้มีความสำคัญมากขนาดไหนกับพุและพี่เกียร์ และผู้ชายคนนี้คือหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถสัมผัสตัวตนที่แท้จริงของเจ้าชายได้ ชอบจังที่พุสวมแหวนของพี่เกียร์แล้วยังห้อยแหวนของพี่เล่ห์ด้วย
พี่เกียร์เก่งมาก แค่นิดเดียวก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของพุแล้ว มีปลอบโยนหอมแก้มกันด้วย หวานจริงๆ แต่พอไปเจอคู่พันข้าวแค่นั้นแหละ ความหวานหายไปไหน คู่นี้ฮาจริงตีกันได้ตลอดเวลา แต่สุดท้ายพันก็ต้องยอมให้น้องข้าวอีกอยู่ดีใช่มั้ยจ้ะ
น้องปริ้นซ์บรรยายลักษณะพี่เกียร์ได้ละเอียดเชียว ออร่าเจ้าชายเปล่งประกายตามเลย แต่พี่พันเป็นได้แค่แม่ทัพนอนกลางดินกินกลางทรายแค่นั้นเหรอจ้ะเนี่ย
ขำตรง A/N โถ ๆ น้องพัน อย่าน้อยใจไปน้า น้องพันจะได้มีเรื่องยาวแล้วนี่หน่า ตรงนี้ปล่อยให้คนอ่านหายคิดถึงพุ พี่เกียร์ พี่เล่ห์สักนิดนะจ้ะ จุ๊บ ๆ
-
สนุกๆๆ
รอๆๆๆ
อ่านๆๆๆ
-
:mew2: :mew2: :mew2:
-
แอบสงสารนุ้งปริ๊นซ์จัง เป็นส่วนเกินซะงั้น ถ้าเป้นเราก็คงอยากจะกลับบ้านแล้วเนอะ
-
คิดถึง พี่เล่ย์ อ่ะ :hao5:
บอกได้แค่รัก มากมาย รักเธอมากมายยยยยยย
เหมือนปริ๊นเป็นส่วนเกินในเรื่องเนอะ หุหุหุ แบบว่าเป็นตัวเล่าเรื่อง ที่แลดูอยู่นอกกรอบมากอ่ะ 5555+ :katai3:
-
แหม่ คนเขียนอุตส่าห์ทิ้งปมให้ชัดขนาดนี้ อ่านแล้วเลือดมันพลุ่งพล่าน ต้องกล่าวซักนิดหนึ่ง
คำเตือน : ยาวมาก
อันดับแรก เรารู้แล้วว่าปรินซ์เป็นบุคคลภายนอกที่มองเข้ามา ภาพลักษณ์หลายๆอย่างที่เรารู้อยู่แล้ว ทั้งจาก Unbelievable Love กับ Unintentional Love ก็ถูกถ่ายทอดออกมาได้เป็นระบบ ซึ่งเป็นธรรมดาเพราะเราคุ้นเคยกับเนื้อเรื่องแบบนั้น
แต่ผมถามว่า มีใครรู้สึกเหมือนผมไหม ...รู้สึกว่าคนเล่ากำลังเฉยชา ระคนแปลกแยก ...รู้สึกว่าคนเล่า ไม่ได้มีความสุข ทั้งๆที่น่าจะยิ้มแย้ม
รู้สึกไหมครับ...ว่าสำหรับปรินซ์ ภาพทั้งหมดที่เห็น เหมือนเป็นหนังฉากหนึ่ง...เหมือนเป็นภาพที่ไหลผ่านไป ไม่ได้สร้างความสุข หรือสร้างความดีใจ...
ถ้าให้ผมเปรียบ โลกของปรินซ์เป็นผืนน้ำที่เย็นเยียบ และราบนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา เปรียบเสมือนวัตถุที่ทำให้น้ำกระเพื่อมชั่วครั้งชั่วคราว... ไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงแบบถาวรให้กับเขา เขาไม่รู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปด้วยขนาดนั้น และภายใต้ผืนน้ำที่เย็นเยียบนั้น มีแต่ความรู้สึกทางลบที่กักเก็บเอาไว้มหาศาล การกระเพื่อมของน้ำ ทำให้อารมณ์นั้นปะทุขึ้นมาชั่วครั้งชั่วคราว เลยทำให้เรารู้สึกเหมือนปรินซ์ออกจะอิจฉาน้อยๆเสียด้วยซ้ำ
...ทำไมล่ะ?
คำถามนี้ตอบง่ายครับ เป็นเพราะปรินซ์มีปัญหาทางอารมณ์ไงล่ะครับ
คำว่า "ปัญหา" ตรงนี้ ไม่่ใช่นิยามที่บ่งบอกว่าคนๆนั้นไม่น่าเข้าใกล้ แต่ "ปัญหา" ที่ผมกล่าวถึง ณ ที่นี้ เป็นคำนามที่บ่งบอกว่าปรินซ์ไม่ใช่คนที่ "สบายดี"
เรามาดูกันที่ละจุด ปรินซ์เป็นคนพูดน้อย ค่อนข้างเงียบ เป็นหลักฐานยืนยันได้ถึงความไม่เชื่อมั่นในตัวของคนอื่น เขามีใจที่ไม่มั่นคง จึงไม่กล้าที่จะเชื่อใจคนรอบข้าง และนี่เป็นสาเหตุที่เขาไม่กล้าเข้าหาคนอื่น นี่เป็นสาเหตุที่เขาไม่มี "เพื่อน"...
เราอนุมานได้ว่าพฤติกรรมข้างต้นเป็นผลมาจากปัญหาที่ปรินซ์อาจจะมีกับครอบครัว ซึ่งอาจจะไม่ได้เลวร้าย แต่อย่างน้อย มันก็ทำให้เด็กคนหนึ่งกลายเป็นเด็กเก็บตัว และมีแนวโน้มไปทาง depression syndrome ซึ่งจากที่ผมอ่าน น้องมีแนวโน้มสูงมากที่จะเครียดโดยไม่รู้สาเหตุ อาจอาเจียนและหมดสติได้
ผมสังเกตได้ชัดเลย ตั้งแต่ตอนที่ไปถึงบ้านตัวเองแล้วไม่มีคนอยู่ เราทราบจากฉากนั้น ว่าปรินซ์ไม่ค่อยกลับบ้าน แถมเพื่อนสนิท...ก็แทบจะไม่มีสักคน
ซึ่งนี่มันไม่ใช่เรื่องปกติของมนุษย์ครับ ต่อให้คนเราพูดน้อย หรือเงียบขนาดไหน มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคมครับ มักมีความกระหายที่จะสนทนากับคนอื่น อยากอยู่ร่วมกับคนอื่น หรือมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น เรากระหายที่จะตอบสนองปฏิสัมพันธ์ที่ทำให้เรารู้สึกว่าไม่โดดเดี่ยว
สมมุติว่าคุณไม่ชอบเสวนากับคนอื่น แต่ยังไงคุณก็ยังอยากที่จะมีเพื่อนสนิทสักคนไว้คุยแก้เหงา จริงไหมครับ? นี่เป็นสัญชาตญาณตามธรรมชาติของมนุษย์
แต่ปรินซ์ไม่ใช่ เขามีเพื่อนสนิท แต่ก็พูดกับเพื่อนสนิทน้อยมาก ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นเลย แทบจะนับคำได้ นี่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดานะครับ มันผิดปกติ...
ส่วนมากสาเหตุของการเก็บตัว พูดน้อย ค่อนข้างเงียบ ไม่มีเพื่อน และ depression syndrome มักมาจากกรณีที่ว่า คุณถูกกระทบทางใจด้วยเหตุการณ์หรือสถานการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ทำให้คุณไม่เชื่อใจในความรู้สึกกระทั่งของตัวเองหรือคนอื่น หมดความเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวของคนรอบข้าง และรังเกียจความผูกพัน
ปรินซ์อาจจะไปไม่ถึงระดับที่รังเกียจความผูกพัน แต่ตอนนี้ผมคิดว่าปรินซ์เป็นคนที่ไม่เชื่อถือในความรัก มองความรัก และการเชื่อใจ เป็นสิ่งที่หลอกลวง ซึ่งอาจกลับมาทำร้ายเขา และนั่นส่งผลต่อการแสดงออกทางอารมณ์ของตัวปรินซ์เอง
แรกๆปรินซ์ดูดีครับ เพราะปรินซ์เห็นว่าคนอื่นไม่แตกต่างจากเขาเท่าไหร่ เขาออกจะชื่นชมน้อยๆเสียด้วยซ้ำ ทั้งเกียร์ ทั้งพัน สังเกตว่าปรินซ์ประทับใจสองคนนี้มาก
...แต่เมื่อเขาเห็นความรักที่มากมายเกินไป ทั้งจากการที่ทั้งเกียร์กับพันก็รักพุมาก ทุกคนดูจะมีความรู้สึกดีๆให้กับพุ ขนาดออมเล็ตที่ปรินซ์ทำ ซึ่งดูดีกว่าพุตั้งเยอะ ทั้งเกียร์ทั้งพันยังเลือกแย่งทานของพุแบบไม่มีใครยอมใคร
ถ้าเป็นคุณ คุณจะยังรู้สึกเฉยอยู่ไหม? โอเค อาจจะบอกก็ธรรมดา งั้นดูกันต่อครับ
จุดต่อมา การแสดงออกความรักแบบเป็นธรรมชาติ พันกับข้าวมีความรู้สึกดีๆให้กันมหาศาล ทำให้การแสดงออกดูน่ารักอย่างเป็นธรรมชาติ ยิ่งมีฉากง้อ ฉากอ้อนไปนอนด้วยกัน ฉากให้ขี่หลังเล่นน้ำ มันแสดงออกถึงความเชื่อใจและความรู้สึกดีๆอันอบอุ่น
ถัดมา เกียร์กับพุ หวานจนมดแทบขึ้น คิดว่าถ้ากดโชว์ได้คงทำไปแล้ว -__-! ซึ่งมันเป็นการแสดงความรักที่หวานมาก โรแมนติกจนแผ่ออกร่าสีชมพูออกมาอย่างที่ถ้าเราเจอเองก็คงจะเลี่ยนมาก
แล้วถามว่า คุณคิดว่าถ้ามีคนที่เป็น depression syndrome พูดน้อย ไม่มีเพื่อน ไม่เชื่อใจใคร มาอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่สดใสขนาดนี้ เขาจะกระอักกระอ่วนไหมครับ?
ร้อยทั้งร้อยก็ไม่ได้สนุกหรอก เชื่อผมสิ สังเกตสิครับว่าปรินซ์พยายามหลีกตัวออกมา เขาพยายามหามุมที่เขาจะ cuddle ความรู้สึกของเขาไม่ให้สั่นสะท้าน หามุมที่ทำให้วิญญาณของเขาไม่กรีดร้องถึงความเกลียดชัง และอิจฉาที่มีต่อความสดใสพวกนั้น
ปรินซ์ไม่เชื่อใจใคร และไม่เชื่อมั่นในความรักว่ามันจะแท้จริงยั่งยืน เราเลยเห็นฉากที่ปรินซ์รู้สึกว่าตัวเองอิจฉา รู้สึกว่าทำไมคนอื่นถึงสามารถได้รับความรักได้ขนาดนั้น ทั้งๆที่ความรักไม่น่าจะใช่สิ่งยั่งยืน ทั้งๆที่ความรักน่าจะทำร้ายคนอื่นมากกว่าให้ความสุข
แล้วทำไมน้ำพุถึงได้มีความสุขขนาดนั้น...
สังเกตนะครับ... ปรินซ์ประทับใจพันกับเกียร์มาก เพราะว่าในสายตาของเด็กที่ไม่เชื่อใจใคร มีแค่แบบอย่างที่น่าหลงใหลเท่านั้น ที่ควรค่าต่อการชื่นชม มีแค่แบบอย่างที่ดูสมบูรณ์แบบเท่านั้น ที่จะยั่งยืนและไม่ทำร้ายเขา ปรินซ์ 'ชอบ' ภาพพจน์ รูปลักษณ์ และลักษณะนิสัยของสองคนนี้
การแก้ปัญหาตรงนี้ บอกตรงๆว่ายุ่งครับ เด็กที่เป็น depression syndrome เราใช้ความเข้าใจแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะเด็กพวกนี้มีแนวโน้มที่จะฉลาดสูง เขาจะรู้ทันแผนของเรา และจะยึดมั่นต่อทัศนคติที่ปักใจเชื่อไว้อย่างเหนียวแน่น เขาจะรู้ว่าเราพยายามทำอะไร แล้วต่อให้เราเอาแบบอย่างที่เขาประทับใจไปเกลี้ยกล่อม มันก็มีโอกาสที่จะไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะทันทีที่แบบอย่างของเขาทำอะไรที่ทำให้เขาผิดหวัง คนๆนั้นจะหมดค่าความเป็นแบบอย่างที่น่าประทับใจสายตาผู้ป่วยทันที
บอกตามตรงนะครับ คนที่แก้นิสัยของเด็กแบบนี้ได้ มี 2 แบบ
+ หนึ่ง : ผู้ชายที่มีแนวโน้มบางส่วนของ Alpha male (ผู้เขียนมี mention ถึงในเรื่อง แต่อาจะมีคนไม่รู้จัก เลยขอกล่าวถึงไว้สักนิดหนึ่งนะครับ)
***Alpha male คือผู้ชายที่มีภาวะผู้นำและได้รับการยอมรับจากคนรอบข้างว่าคือแบบอย่างของการเป็นผู้ชายที่น่าสนใจ มีความสามารถชักจูงให้ผู้อื่นคล้อยตาม ใส่ใจและไม่หยุดที่จะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น เป็นผู้ชายแนวๆที่เด่นได้โดยไม่ต้องป่าวประกาศ มีมาดที่ดูดี ยุติธรรม เป็นสุภาพบุรุษ ยอมรับความผิดพลาดของตนเองและฟังคนอื่น เป็นแนวๆ Idealistic Gentleman เลยละครับ***
แต่ผู้ชายที่จะแก้นิสัยของเด็กแบบนี้ได้ ต้องมีแนวโน้มเฉพาะบางส่วนของ Alpha male เท่านั้นนะครับ เด็กที่ถูกทำร้ายจะไม่ชอบการชักจูง วิธีทำให้เขาหายกลัวและหายเกลียดความรัก คือต้องให้ความรักเขาทีละน้อย อย่างมั่นคง เสถียร และไม่วอกแวก ไม่จำเป็นต้องพูด เพราะผู้ป่วยจะเกลียดคำกล่าวที่ต่อมาอาจจะกลายเป็นการโกหก ใช้การกระทำสื่อมากกว่าคำพูด ให้ความรักต่อเขาอย่างมั่นคง ไม่ทรยศหักหลังเขา แล้วเขาจะเห็นถึงศรัทธาและความจริงใจของความรัก เห็นถึงผลด้านดีของการเชื่อใจคนอื่น
ด้วยสาเหตุนี้ ทำให้พันทิวาและฮัลเลย์ประเด็นตกไป ความสามารถเยอะเกิน ดึงดูดคนได้มากเกินไป ถ้ามาใกล้ชิดแนวๆรัก ปรินซ์จะไม่เชื่อใจคนประเภทนี้ จึงทำให้...เหลือตัวเลือกเดียว
ถ้ายังจำกันได้ ผมว่าผมเคยพูดถึงคุณสมบัติคนๆนี้ไปแล้วนะครับ ไอ้คุณสมบัติของการพูดมากกว่าทำ เก็บอะไรเอาไว้คนเดียว ไม่บอกไม่กล่าว ทำให้ดูเหมือนไม่มีอะไร มีรอยยิ้มประดับน้อยๆ ทำให้มาดดูดี แต่มีระยะห่าง เพราะรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนที่ดีและมีสามารถที่จะดึงดูดคนได้ขนาดนั้น
ใช่ครับ......ผู้ชายแบบ 'เกียร์' นี่แหละ ที่เหมาะกับปรินซ์
คือถ้ามามองให้ละเอียด แนวโน้มนิสัยเกียร์ไม่ใช่คนที่เหมาะกับน้ำพุนะ แต่เกียร์รักน้ำพุเพราะถูก 'ความสดใส' ของน้ำพุดึงดูด จะเห็นว่าตอนที่อยู่กับคนอื่น กับตอนที่อยู่กับน้ำพุ นี่นิสัยคนละเรื่องเลย ขณะที่นิสัยของฮัลเลย์เสมอต้นเสมอปลาย น้ำพุถึงชอบฮัลเลย์ครับ
ความรักของเกียร์กับน้ำพุ กับความรักของฮัลเลย์กับน้ำพุ มัน base ต่างกันโดยสิ้นเชิงนะครับ เข้าใจตรงนี้ไว้ก่อน แล้วเราจะคุยกันง่ายขึ้น
นิสัยของฮัลเลย์กับน้ำพุมันแมตช์กัน เราเลยรู้สึกว่าเหมาะสม ขณะที่นิสัย 'จริงๆ' ของเกียร์ ไม่เหมาะกับน้ำพุครับ แต่ ณ ตอนปัจจุบัน นิสัยของเกียร์ขณะอยู่กับน้ำพุก็เปลี่ยนไปมาก ผมไม่รู้ว่าเกียร์พยายามปรับตัวเองให้คล้ายฮัลเลย์หรือเปล่า มันเลยทำให้คนอื่นมองว่าเหมาะสม
+ สอง : ผู้ชายประเภท White Demon ครับ
ผู้ชายประเภทนี้หายากครับ ถ้าจะหาแนะนำหาคนที่นิสัยเย็นชาๆหน่อย (ส่วนมากมักเป็นรับด้วย 555+) ผู้ชายแบบนี้คือรู้ แต่จะพูดตรงๆ วิธีแก้คือให้คนแบบนี้ไปเป็นเพื่อนกับผู้ป่วยครับ (ประเภทแรกต้องเป็นแฟน ประเภทนี้ต้องเป็นเพื่อน) ผู้ป่วยอาจจะไม่เชื่อใจ แต่คนประเภทนี้จะไม่สนใจ ไม่เชื่อใจก็เรื่องของคุณ เขาจะพูดตรงๆอย่างไม่รักษาน้ำใจผู้ป่วยเท่าไหร่ (ซึ่งในบางราย ก็ได้ผลดีเกินคาด เพราะผู้ป่วยไม่คิดว่าจะมีคนมาด่าตรงๆ แต่บางกลับจิตตกกว่าเดิมแล้วฆ่าตัวตาย อันนี้ต้องอยู่ในดุลยพินิจนะครับ)
มันเหมือนกับคนประเภทแรกตรงที่ว่า เจตนารมณ์ของคนประเภทนี้ดีครับ ถึงจะพูดตรงๆ แต่เขาก็จะคอยช่วยเหลือผู้ป่วยทุกอย่าง เขามีความเมตตาและอยากช่วยเพื่อนมนุษย์ให้หลุดพ้น ได้เห็นด้านที่ดีของสิ่งที่ผู้ป่วยกลัวและไม่เชื่อ เขาจะประคองคนแบบนี้ไปจนถึงจุดสิ้นสุด ซึ่งเขาจะไม่สนใจเท่าไหร่ว่าผู้ป่วยจะด่าเขา จะไม่เชื่อใจเขาขนาดไหน คนแบบนี้น่านับถือครับ เป็นคนที่เห็นแสงในตัวมนุษย์ทุกคน และมีความอดทนสูง ส่วนมากหายาก เพราะต้องหาคนที่มีวุฒิภาวะสูง แต่มีวัยวุฒิเด็ก เพราะผู้ป่วยจะมีกำลังใจและไม่กล้าต่อต้านมาก
ส่วนตัวผมคิดว่า 'นิสัย' ปรินซ์คล้ายอิงหลังจากปางตายนะ (depression นิดๆ แต่อาการเบากว่าเยอะ เพราะหลังปางตายอิงคิดได้แล้ว แต่ปรินซ์เป็นอาการเก็บตัวเงียบโดยธรรมชาติจากปัญหาส่วนตัว) มันหนักตรงที่อิงไม่มีปมครอบครัว แต่ท่าทางปรินซ์จะมีปมครอบครัวน่ะสิครับ
ถ้าให้ผมมอง (มองตามความเหมาะสมของนิสัย และพล็อตเรื่องน่ะนะครับ) ผมชอบตรงส่วนกลางเรื่องของ Unbelievable Love แล้วก็ยาวมาจนถึงฉากทะเลของ Unintentional Love (เพราะตรงนั้นเกียร์กับน้ำพุยังไม่เป็นแฟนกัน) จากนั้นผมโดดเนื้อเรื่องมาที่พันเลย ส่วนพี่แพทก็เคยวิเคราะห์ไปแล้วน่ะครับ
ฝากไว้ให้ตรองนะครับ 'Love is not always leave a Happy Ending. Even as a man of broken dreams, you might still have been remembered fondly.'
-
ขอกดบวกและเป็ดแด่ Grey Twilight
o13
อ้อ กดบวกเบาๆ ให้เรนโบว์ด้วยคน
คิดถึงพี่เล่ย์ชะมัด :hao5:
-
มารอพัน-ข้าวหวานๆ
คิดถึงเล่ย์มากๆ
-
รอๆๆๆ น่ารักมากมายทุกคนเลยอ่ะ ฟิน~~~ เหมือนอยู่ในฮาเร็ม 555+++
-
อยากอ่านตอนนภสินธุ์อีกอ่ะค่ะ
-
คิดถึงพี่เลย์ พออ่านฉากที่มีพี่เลย์ทีไรมันใจหวิวๆ :o11: :undecided:
รอน้องพันต่อไปคะ :heaven
-
:hao7: น้องปริ๊นจะมีคู่ไหมอ่า ไปคู่กะเบียร์ก็ได้นะ
-
เอ่อ.... ปรินดูหลุดมาอยู่ในดลางดงคู่ฮันนีมูนไงงั้น 555+
-
ได้อ่านที่คุณเรนโบว์มาตอบคอมเม้นท์ของคุณ Grey twilight ค่ะ ชอบจัง เราเป็นคนที่ชอบอ่านคอมเม้นท์ของคนอื่น อยากรู้ว่าคนอื่นจะคิดเหมือนเรามั้ยนะ โดยเฉพาะคอมเม้นท์ของคุณ Grey twilight เราชอบอ่านมากเลยถึงบางอย่างจะไม่ตรงกับที่เราคิด แต่ก็มีบางเรื่องที่ตรง แต่เราก็แค่คิดแบบเรียบ ๆ เหมือนคนอ่านทั่ว ๆ ไปไม่สามารถวิเคราะห์ได้ขนาดคุณ Grey twilight หรอกค่ะ ต้องบอกว่าได้ความรู้เพิ่มขึ้นหลายอย่างมากเลย อย่างเรื่องของพันนี่ ที่อ่านคอมเม้นท์ของคุณ Grey twilight ว่า นิสัย ของปริ๊นซ์ คล้าย อิง อันนี้ตรงกับเรามากเลย เพราะเราเห็นบางคอมเม้นท์ว่านิสัยปริ๊นซ์คล้ายพุ แต่เราว่า เอ๊ะ ทำไมเรารู้สึกว่าคล้ายอิง ตอนปางตายจัง แต่เราก็แค่คิดว่านิสัยปริ๊นซ์ดูเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด ดูจาง ๆ พออ่านแล้ว โอ้ ปริ๊นซ์นี่เป็นถึงขั้นมีปัญหาทางอารมณ์เลยเหรอเนี่ย แล้วพอมาเจอที่คุณเรนโบว์ตอบคอมเม้นท์ จากที่เรารู้สึกว่าปริ๊นซ์ดูจาง ๆ เหมือนไม่ค่อยมีบทบาท กลายเป็นรู้สึกว่านิสัยปริ๊นซ์นี่ดูลึกลับ น่าค้นหายังไงไม่รู้ เหมือนภายนอกดูไม่มีอะไร แต่ภายในเหมือนเก็บกักอารมณ์ไว้มากมายและดูจะหนัก ๆ ทั้งนั้นเลย ที่คุณเรนโบว์ว่า ปริ๊นซ์ ศรัทธาในคำว่า "เพื่อน" และรอเจอเพื่อนคนนั้นอยู่ ปริ๊นซ์ เชื่อใน"รักแท้" แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจอมัน ทำให้เราอยากรู้ว่าใครจะเป็นคนที่ปริ๊นซ์สามารถเรียกว่าเป็น"เพื่อน"และ"คนรัก" ของปริ๊นซ์ได้ แล้วเรารู้สึกเองไม่รู้ทำไม พออ่านที่คุณเรนโบว์เขียนถึงปริ๊นซ์มากลายเป็นเรารู้สึกว่าปริ้นซ์ เป็น"เมะ" ไปซะงั้นอ่ะ ฮะ ๆ :laugh: ไม่รู้สิเราชอบคิดว่า "เคะ" มักเป็นฝ่ายต้องถูกปกป้อง แต่สำหรับปริ้นซ์ เหมือนไม่จำเป็นต้องมีคนมาปกป้องยังไงไม่รู้ นิสัยดูดาร์ค ๆ อ่ะ ถ้าไม่ติดว่าตัวเล็กขนาดพุนะเรายิ่งชัวร์ว่าปริ๊นซ์เป็น "เมะ" เลยอ่ะ แล้วยิ่งคุณเรนโบว์บอกว่า ปริ้นซ์ เหมือน เงา ของพี่เล่ห์ ก็ยิ่งคิดอ่ะ แหะ ๆ ความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ เลยค่ะ
แต่เรื่องที่พี่เกียร์พยายามปรับตัวเองให้คล้ายพี่เล่ย์ เราไม่รู้สึกนะ อ่านยังไงเราก็รู้สึกว่านิสัยพี่เกียร์ กับ พี่เล่ห์ ก็ไม่เห็นจะคล้ายกันเลยถึงเวลาอยู่กับพุจะหวานทั้งคู่แต่ก็คนละแบบอยู่ดี ยังไงก็รู้สึกได้ว่าเป็นคนละคนกันนะคะ
อาจจะเขียนมากไปหน่อยหวังว่าคุณเรนโบว์จะไม่รำคาญนะคะ :mew1: :L1: :pig4:
-
^^
-
อื้อ.... สมควรที่ปรินซ์จะเป็นงี้นะ...
-
ลูกคนกลาง....คิดแล้วเครียด....
โดนมันทุกคน!!!!!!!!!!!! :katai1:
-
อ่านแล้วจะร้องไห้ แม่ลำเอียง :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
-
:hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: สงสารน้องปรินซ์จัง
-
กรี็ดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!! ฉันว่าจะอ่านต่อไปเงียบ ๆ แลช้วเชียวนะ แห่มมมม อุตสาหะเก็บเงินได้ ก็โดนบังคับยืมไปอีก
มันหน่วงกว่าปัจจุบันอีกค่ะ เฮ้อ......
+1
-
ปริ๊นซ์น่าสงสาร อ่านแล้วจะร้องไห้ :sad4:
การละเลยความรู้สึกลูก ให้ความสำคัญไม่เท่ากัน
จริงๆแล้วมันเพราะอะไร เพราะปริ๊นซ์พูดง่ายกว่างั้นเหรอ
เหตุผลแบบนี้มันฟังขึ้นเหรอคะคุณแม่
สร้างความแตกต่างระหว่างพี่น้องชัดเจนขนาดนี้
ไม่สงสัยเลยว่าทำไมปริ๊นซ์ถึงเป็นแบบนี้
และคาดเดาได้ด้วยว่าพี่สาวปริ๊นซ์จะเป็นแบบไหน
พ่อแม่รังแกฉัน สุดท้ายกว่าจะคิดได้ ทุกอย่างก้อาจสายเกินไป :เฮ้อ:
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อยากตอบคำถามที่ว่าพี่เกียร์ในตอนนี้เหมือนพี่เล่ย์หรือเปล่า
สำหรับเราเราว่าเหมือนนะ อาจไม่ทั้งหมดแต่ก้ให้ความรู้สึกว่าเหมือน
ยิ่งเวลาอยู่กับพุเราว่ามันค่อนข้างชัดเจนทีเดียว
และไม่ได้ว่าพี่เกียร์พยายามจะเหมือนพี่เล่ย์ คนมันคนละคนจะเหมือนกันได้ไง
แต่เราว่าพื้นฐานนิสัยสองคนนี้เหมือนกัน คลุกคลีกันมาตั้งแต่เด็กยันโต
ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่านิสัยบางอย่างของสองคนนี้เหมือนกัน
โดยเฉพาะการปฏิบัติตัวและให้ความสำคัญกับคนที่รัก
เราว่าพี่เล่ย์กับพี่เกียร์เหมือนกันมากในเรื่องนี้
พี่เล่ย์ทำให้ดีที่สุดรักให้ดีที่สุดในแบบฉบับของตนเอง
พี่เกียร์ก้ไม่ต่างกัน รักและดูแลในแบบของตนเองเหมือนกัน
แต่การกระทำของทั้งคู่ที่แสดงออกมากลับไม่ได้แตกต่างกันเลย
ไม่ได้เป็นเพราะว่าพี่เกียร์พยายามจะเหมือนพี่เล่ย์
แต่เพราะพี่น้องสองคนนี้มีนิสัย"รัก"ที่เหมือนกันต่างหาก :กอด1:
รักคุณเรนโบว์จัง :-[ และเรารอพันข้าวอยู่นะคะ :hao7:
-
สงสารปริ๊นซ์อ่า :mew6:
พูดไม่ออก เรื่องครอบครัวมันละเอียดอ่อน :hao5:
-
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ เปลีี่ยนนายเอกให้พันเถอะ อยากให้พันดูแลเอาใจใส่ปริ้นซ์อ่ะ TT-TT
-
อ่านจบ..รู้สึกหน่วงขึ้นมาทันที :mew2: :mew2: :mew2:
-
เอิ่ม แม่แบบนี้.. ตามใจแค่คนโตคนเดียว แต่เลี้ยงลูกคนอื่นอย่างกับเป็นเด็กข้างบ้านหมด
ถ้ารู้ตัวว่าเลี้ยงลูกไม่ไหว แล้วจะมีหลายคนทำเพื่ออะไร??
แถมยังทำให้เด็กมันอิจฉากัน เกลียดกันอีกป่าวๆ
เฮ้อ สงสารเด็ก :เฮ้อ:
-
แม่ปริ๊นเป็นคนที่รักลูกไม่เท่ากันจริงๆ ดูได้จากการกระทำต่างๆ สงสารเด็กชายปริ๊นจริงๆ ที่โตมากับความรู้สึกแบบนี้ :hao5:
และคนเป็นแม่ก็ไม่มีวันที่จะ รับรู้ความรู้สึกของปริ้นได้เลย ไม่มีวัน :ling3:
ปล.พันไม่เหมาะกับปริ๊นจริงๆแหละ เพราะอะไรน่าจะรู้ดีนะ
-
โฮ ๆ :sad12: น้องปริ๊นซ์ น่าสงสารจังเลย ผู้หญิงคนนี้สมควรเป็นแม่เหรอ รักลูกไม่เท่ากัน ทำท่าเหมือนรังเกียจรำคาญน้องปริ๊นซ์ก็ว่าแย่แล้ว ยังมาเอาเงินปริ๊นซ์ไปซื้อของให้ลูกรักตัวเองอีก เป็นคนคลอดน้องปริ้นซ์ออกมาจริง ๆ รึเปล่าเนี่ย ทำเหมือนน้องปริ๊นซ์เป็นลูกติดสามี หรือ เด็กเก็บมาเลี้ยงยังงั้นแหละ รู้ว่าทำร้ายจิตใจลูกแต่ก็ยังทำ จะมาชดเชยให้ทีหลังมันจะไปได้อะไรในเมื่อจิตใจน้องปริ้นซ์เจ็บปวดไปแล้วนะ พ่อเหมือนจะดีแต่เชื่อฟังภรรยาขนาดนั้นน่ะ ไม่รู้สึกถึงความลำเอียงของภรรยาตัวเองบ้างเลยรึไงกัน ไม่ได้สามารถช่วยอะไรลูกได้เลย เลี้ยงลูกแบบนี้ปริ๊นซ์จะกลายเป็นเด็กเก็บกดก็ไม่แปลกหรอกนะ แต่ที่รับรองได้แน่ ๆ คือ ลูกสาวน่ะ กลายเป็นเด็กเสียคนแน่ ๆ ล่ะ ชิๆ :m16: :m16:
ที่คุณเรนโบว์บอกว่าปริ๊นซ์คือ "เงาของพี่เล่ย์ ที่ไม่มีครอบครัวพี่เกียร์คอยดูแล" ยิ่งรู้สึกเลยว่า พี่เล่ย์ช่างโชคดีที่ได้อยู่กับครอบครัวที่ประเสริฐอย่างนี้ ทั้งที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันซักนิด ในขณะที่น้องปริ๊นซ์เป็นสายเลือดเดียวกับคนในครอบครัวแท้ ๆ แต่กลับถูกปฏิบัติอย่างกับเป็นแค่คนมาขออาศัยกินนอนในบ้านเท่านั้นเองน่ะ อา อยากให้ชีวิตน้องปริ้นซ์ได้เจอคนที่รักน้องปริ๊นซ์อย่างแท้จริงเร็ว ๆ จังเลย
-
:ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:โคตรสงสารปริ๊นช์เลยอะมีแม่แบบนี้ :ling1: :ling1: :ling1:
อยากให้ปริ๊นช์เจอคนที่เข้าใจและรักปริ๊นช์มากๆๆๆๆๆๆ :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
แย่แล้น!!
อ่านบทวิเคราะห์สนุกกว่าเนื้อเรื่องหลัก :hao4:
-
1>เสน่ห์อีกอย่างของเรื่องนี้คือ คนโพสที่วิเคราะห์จิตตัวเอก
ชอบนะอ่านแล้วเข้าใจขึ้นเยอะเลย
คล้ายๆเราเอาปากเป่ากระจกให้เป็นฝ้าแล้วเอาผ้าเช็ดอีกทีใสแหนวแจ่มแจ้ง
2>เวลาอ่านแล้ว ความรู้สึกส่วนตัวดาวฤกษ์คนละคนกับนภสินธุ์
แต่ทั้งคู่ให้ความรู้สึกที่มีต่อพุคือความรักที่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
3>เพราะงั้นเรื่องของพัน ของแพท ของปริ๊นซ์ แยกเล่มเลย :katai5:
-
wednesday child!
อ่านแล้วอินมาก (น้ำตาไหลพรากๆ)
บางทีผู้ใหญ่ก็คิดง่ายไป ไม่ได้สนใจความรู้สึกเด็ก อาจจะคิดว่ายังเด็กอยู่คงไม่อะไรมากหรอก
แต่จริงๆ ถึงเด็กแต่ก็มีความรู้สึกนะ อาจจะเหตุผลแบบเด็กๆ แต่หลายๆ ครั้งเข้ามันสะสม
โตมาก็กลายเป็นปมอีก
บางคนอาจจะคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่...แต่เราว่ามันส่งผลถึงเวลาเป็นผู้ใหญ่จริงๆล่ะ
-
แม่ prince นี่ปัญญาอ่อน เหอะๆ
-
สงสารปริ๊นซ์อ่ะ เป็นลูกคนกลางนี่นะ เห้อ พ่อแม่บางคนเลี้ยงลูกสร้างปมให้แบบไม่รู้ตัวจริงๆ แย่ว่ะ
กดบวกให้สำหรับบทวิเคราะห์ของทุกท่านเลยนะคะ สุดยอดค่ะ
:katai2-1:
-
โฮ...น้องปริ๊นซ์มาอยู่กับป้าเถอะลูก หนูจะเอาอะไรป้าหาให้
หลายบ้านก็เป็นแบบนี้ เมื่อมีลูกหลายคนและปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้า
ถามว่ารักไหม รักแต่จะเลือกปฏิบัติ เด็กที่หัวอ่อน ว่านอนสอนง่ายมักจะถูกละเลย
-
มองเห็นอนาคตของครอบครัวปริ้นซ์
ลูกสาวจะแถดแถไปวันๆ หาเรื่องมาให้แก้ แม่ก็จะฟูมฟาย
พอไม่ได้ดั่งใจตอนนั้นก็โวยวายว่า เลี้ยงมาอย่างดีทำไมลูกไม่ได้ดั่งใจ
ไม่สำนึกด้วยว่าตัวเองทำอะไรผิด
ตัวคุณแม่มีปมทางจิตเหมือนกันนะ ชอบคนเอาใจ ตามใจ มีอำนาจเหนือกว่า
คนประเภทนี้ เป็นพวกปรับตัวเข้ากับคนอื่นด้วยการเอาใจคนที่มีอำนาจมากกว่า และคอยเอาเปรียบคนที่ด้อยกว่า
แม้แต่ครอบครัวยังไม่เว้น ครอบครัวจะพังพี่น้องเข้าหน้ากันไม่ติดก็เพราะถูกเลี้ยงมาให้จ้องเอาเปรียบนั่นแหละ
เออ นี่ยังไม่เห็นว่าคนเล็กจะเลี้ยงมาแบบไหน
แต่ท่าทางจะบัดซบไม่น้อย
-
Grey Twilight......ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยกระเทาะเปลือกตัวละครแต่ละตัวอย่างลึกซึ้งถึงแก่น
ทำให้เข้าใจพฤติกรรมมนุษย์ขึ้นอีกเยอะเลย 555555 :laugh:
พออ่านจากที่วิเคราะห์แล้ว ทำให้นึกถึงคนหลายคนในชีวิตผม ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง
หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน ฯลฯ ทำให้ต้องหันกลับมามองพวกเขาในมุมมองใหม่เหมือนกัน
จากที่เคยมองในมุมมองคนภายนอก ซึ่งก็มีหลายคนที่มีลักษณะคล้าย ๆ ปริ้นซ์ อิง และเกียร์
(แบบเล่ย์นี่เจอบ่อย เลยไม่ค่อยรู้สึกแปลกอะไร) ที่เห็นได้ชัดคือ อดีตเจ้านายเก่าผมเอง 55555
มีบุคลิกเหมือนเกียร์กว่า 80% เลย เขาจะสร้างระยะห่างกับคนอื่นอยู่หน่อย ๆ บางทีก็เหมือนสนิทด้วย
แต่บางทีก็ดูห่างเหิน แล้วก็ใช้รอยยิ้มและบุคลิกที่ดูสุขุมนุ่มลึกเป็นเปลือกหุ้มไว้
แต่อย่าให้โมโหนะ ภูเขาไฟดี ๆ นี่เอง
จนบางทีผมก็งง ๆ กับพฤติกรรมไม่อยู่กับร่องกับรอยของเขาเหมือนกัน
ขอบคุณนะครับที่ทำให้ผมเข้าใจในตัวเจ้านายเก่ามากขึ้น ^_^
จากความสัมพันธ์แบบหัวหน้ากับลูกน้อง ตอนนี้เรากลายมาเป็นเพื่อนร่วมก๊วนกินเที่ยวด้วยกัน
ตอนแรกผมก็สงสัยตงิด ๆ เหมือนกันว่า ทำไมเขาถึงชวนผมไปไหนมาไหนด้วยกัน
แล้วเพื่อนเขาไปไหนหมด แต่ตอนนี้พอเข้าใจแล้ว บางทีเขาคงมีความกดดันลึก ๆ ที่เราไม่รู้ก็ได้ 5555555
ป.ล. คุณเรนโบว์....ไม่ได้จะคัดค้านหรือขัดแย้งอะไรนะครับ
ไม่แน่ใจว่า ไอ้มาดไฮโซที่ว่าเนี่ย หมายถึง มาด "ผู้ดี" หรือเปล่า
ถ้าใช่ คิดว่า คงเป็นภาพลักษณ์ที่คนภายนอกมองเข้ามามากกว่า
อาจจะอิงกับภาพลักษณ์คุณหญิงย่า คุณนายแม่ในละครหลังข่าวเข้าไปด้วย
เพราะคนที่ผมรู้จักหลายคนที่มาจากตระกูลเก่าเหง้าผู้ดี
ที่สามารถสืบย้อนประวัติบรรพบุรุษขึ้นไปได้หลายชั่วคน
เขาก็ไม่ได้วางมาดโอ่อะไรเลยนะครับ ออกจะถ่อมตนมากกว่าคนปกติด้วยซ้ำ
หนำซ้ำไฮโซ (จริง ๆ) หลายคน ออกจะเป็นพวกโลว์โปรไฟล์ (แต่ไฮโปรฟิต) ด้วยซ้ำไป
กลัวคนรู้ว่ามีเงิน กลัวคนมาขอยืมเงิน กลัวถูกจับไปเรียกค่าไถ่กรรโชกทรัพย์ บลาๆๆๆๆ
จะมีก็แต่พวกเศรษฐีใหม่บางคนเท่านั้นแหละที่พยายามสร้างมาดขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ
:pig4:
-
เฮ้อ... สงสารน้อง Prince มากๆ อ่ะ
ไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงทำแบบนี้กับลูกได้ จะบอกว่ารักลูกไม่เท่ากันก็คงไม่ใช่เพราะเท่าที่อ่านนี่เหมือนไม่ได้รักลูกเลยด้วยซ้ำ เลือกที่จะตามใจลูกคนหนึ่งแล้วทำร้ายลูกอีกคนโดยไม่รู้ตัว...
หวังว่าน้องคงจะมีใครสักคนที่เข้ามาเติมเต็มจิตใจนะคะ TT..TT
-
สงสารน้อง :sad4:
-
แม่ปรินซ์ คงเดินเอียงน่าดู
ติดละคร..เลยเล่นเป็นแม่ในละครซะเอง น้ำเน่ามาก
ท่าจะทำร้ายจิตใจปรินซ์ขนาดนี้ และทำให้เกรซเสียคนเพราะการตามใจเกินเหตุ
คุณไม่น่าเกิดเป็นแม่คนเลย ให้ตายเถอะ :m16:
-
สงสารปรินซ์ :hao5:นี่ทำไมถึงเป็นคนที่ขี้เกรงใจคนอย่างนี้.
อยากอ่านต่อเรื่องของปรินซ์ไปเรื่อยๆคะ :call:
:pig4:
-
ให้ตาย เราน้ำตาไหลตามปริ๊นซ์!!!!! :a5:
อ่านแล้วนึกถึงเราตอนเด็กๆ แต่ก็นะ แม่เราก็ไม่ถึงขนาดนั้นอ่ะ เหอๆๆ :katai1:
-
ลูกคนกลาง!!
อ่านแล้วสะท้อนในอก
เราผ่านมาได้จนถึงทุกวันนี้มันไม่ง่ายเลย :mew6:
-
งานนี้ไม่น่าเกี่ยวกับลูกคนกลาง.. เกี่ยวที่ยายแม่มากกว่า
แปลกใจที่ปรินซ์ยังกลับบ้าน ส่วนใหญ่ถ้าเด็กเจอเรื่องอย่างที่ปรินซ์เจอ ยิ่งเป็นเด็กผู้ชายด้วย
มักจะมีพฤติกรรมก้าวร้าว และใช้เวลาอยู่กับเพื่อนมากกว่าบ้าน
บ้านที่แม่..เคยรักปรินส์บ้างไหม แถมปรินส์ยังเห็นพฤติกรรมลักลอบของคนเป็นแม่อีก
ถ้าเป็นปรินส์ คุณอยากกลับบ้านมาเจอแม่แบบนี้ไหม
:3125: :3125: :3125:
-
สงสารน้องปริ๊นซ์จัง
-
แย่กว่าที่คิดอีก....
แบบนี้ต่อให้อยากจะเชื่อคนอื่นมากแค่ไหนก็ทำไม่ได้หรอก
ที่รับปากลูกไว้ก็ไม่ทำ แถมยังให้ลูกโกหก
ผู้หญิงแบบนี้ไม่ควรเป็นแม่เลย
-
หนักกว่าที่คิดนะเนี่ยน้องปริ๊นซ์เอ้ย
-
ถ้า เด็ก จะเห็นอะไรที่เลวร้ายขนาดนี้อ่ะนะ :mew5:
ดีแค่ไหนที่ไม่เตลิดไปไกล ?
เป็นแม่ที่ ................. ดีมากกกกกกกกกกกกกกกกก (ประชดสุดๆ) ไม่เคยทำตามสัญญา แถมยังเอาเปรียบลูกทุกทางงงง ชิส!! :beat:
-
:katai1: :katai1: :katai1: หน่วงมากกกกกกก เหมือนอ่านน้องอิงตอนฆ่าตัวตายแฮะ
-
กอดน้องปริ๊นซ์เด็กน้อยของป้า
น้องไม่ได้มีปัญหา แต่น้องกำลังแบกปัญหาของผู้ใหญ่ไว้บนบ่าเล็ก ๆ
-
เราว่าไม่เกี่ยวกับลูกคนที่เท่าไหร่หรอก แต่เพราะคนเป็นแม่ล้วนๆเลย
อย่ามาอ้างความเหงาเลย คนเต็มบ้าน ลูกสามคนเนี่ย คือ ยังมีเวลาว่างให้เหงาอีกหรอ
ถ้ายังไม่พร้อมเลี้ยงลูก ก็อย่ามีลูก ถ้ายังไม่พร้อมที่จะมีแค่สามีตัวเองแบบนี้ ก็อย่าแต่งงานตั้งแต่ต้นเลยดีกว่า
เฮ้อ ผู้หญิงคนนี้ :เฮ้อ: สงสารเด็กจริงๆเลยวุ้ย :เฮ้อ:
ปล.คุณเรนโบว์ มีแพลนทำเรื่องน้องปรินซ์เป็นเรื่องยาวรึป่าวคะ ไปๆมาๆอยากอ่านมากกกกกกกก แต่ไม่เอาคู่กับพันน๊าาาา :กอด1:
-
กรรม! ไม่มีแบเลย เฮ้อ!
-
เป็นผญทีี่เห็นแก่ตัวและไม่สมควรจะได้รับการเรียกขานว่าแม่เลยจริงๆ
สงสารน้องปริ๊นซ์ บาดแผลนี้มันลึกและยาวนานเกินไป :เฮ้อ:
-
เหอะๆ แม่แบบนี้... ไม้รู้จะพูดยังไงดี สมเพชจัง แล้วก็สงสารปริ๊นซ์ที่ต้องมารับรู้อะไรแบบนี้ :monkeysad:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
เป็นลูกที่ถูกลืมมาโดยตลอด ยังต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก
คุณแม่นี้แบบไม่รู้จะพูดยังไงดี =..=
-
:katai1: :katai1: :katai1: :katai1:โอ้ยยิ่งอ่านก็ยิ่งสงสารปริ๊นซ์อะ :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
-
:sad4: :sad4:
-
แล้วนู๋ปริ๊นไม่ถามแม่ล่ะว่า แม่รักพ่อแล้วทำไมทำกับพ่อแบบนี้
แมร่งแม่แบบนี้เลวโคตร ตั้งกะรักลูกไม่เท่ากันแล้ว :z6: :z6: :z6:
-
เฮ้อ!!! ดีแค่ไหน ที่ปริ้นซ์ไม่เสียผู้เสียคน
ใครหนอจะเป็นคนที่เป็นทั้งเพื่อนทั้งคนรักของปริ้นซ์ได้
-
เมื่อวานสร้างให้เรามาถึงวันนี้
เข้มแข็งไว้
กดบวกและเป็ดเป็นกำลังใจให้ปริ๊นซ์
-
ผัวไม่อยู่ก็หาคนใหม่เหตุผลเพราะความเหงา :a5:น่าสงสารปรินซ์ที่ต้องมาเห็นตัวอย่างแบบนี้.
นี่ทำไมปรินซ์ถึงดูเฉยชาเก็บตัวและดูจะไม่เชื่อในความรัก เพราะมีตัวอย่างอยู่ใกล้ๆตัวนี่เอง.
:pig4:
-
เดี๋ยวขอชี้แจงก่อนนิดนึง เดิมทั้งหมดที่ผมคอมเมนท์มาก่อนหน้านี้ เราถือเป็น Scientific Explanation นะครับ ไม่ใช่ Personal Opinion (ถ้าจะมีความเห็นส่วนตัว ก็อาจจะตรงที่ผมสนับสนุนให้ใครคู่ใคร ประมาณนั้นน่ะครับ แต่สำหรับการวิเคราะห์นิสัยและ basic instict ของตัวละคร ผมแค่ใช้ทฤษฏีและตีแผ่มันออกมาให้ได้ทราบโดยทั่วกันเฉยๆ) เพราะฉะนั้นมันถือเป็นทฤษฏีที่เป็น Fact
โอเค ทีนี้ต่อกันที่เนื้อเรื่อง
สำหรับปรินซ์ ....เป็น Wednesday Child ที่ค่อนข้าง...น่าสงสารนะครับ
ต้องขออธิบายคร่าวๆให้ทุกท่านทราบนิดหนึ่ง Wednesday Child มีแนวโน้มการเติบโตขึ้นมาได้ 2 แบบครับ ขึ้นอยู่กับวิธีการเลี้ยง
1) Strong and Compassion Personality : เป็นแบบที่ไม่ค่อยมีปัญหาครับ เด็กที่โตมาแบบนี้ จะรู้อยากปกป้องน้องๆที่เกิดมาทีหลัง ขณะเดียวกัน ก็พร้อมจะเป็นที่ปรึกษาหรือหลักพยุงให้พี่ๆที่เกิดมาก่อน พร้อมจะตามพี่ๆได้อย่างไม่มีเงื่อนไข ซึ่งเป็นรูปแบบที่ดีครับ เด็กจะไม่มีปัญหา จะรู้สึกว่าตัวเองต้องเป็นผู้นำที่ดี และต้องพร้อมจะเป็นผู้ตามที่ดี
2) Depression and Non-existence Personality : เป็นรูปแบบที่เห็นเยอะในสังคมที่สนใจแค่ลูกโตกับลูกคนเล็กครับ รูปแบบนี้คือ เด็กที่เป็นลูกคนกลางจะถูกละเลย เขาจะไม่ได้คุยกับพี่ และน้องก็ไม่ได้เห็นเขาเป็นแบบอย่าง มันเหมือนคุณอยู่ใน void ว่างๆที่ไม่มีใครสนใจ สภาพจินตนาการแบบนี้จะทำให้เด็กกลายเป็นคนเก็บตัวครับ เงียบ ไม่ค่อยอยากคุยกับคนอื่น เพราะคิดว่าคงไม่มีใครเห็นค่าเรามากพอ (แม้คนอื่นจะไม่ได้คิดแบบนั้น)
***ปฏิกิริยาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้อที่ 1 : เด็กจะขวนขวายหาสิ่งที่เติมเต็มการดำรงอยู่ของเขา หาสิ่งที่บอกถึงเจตนาในการดำรงอยู่ของเขา หาสิ่งที่ทำให้ตัวเค้ารู้สึกว่า นี่คือตัวตนของฉัน นี่คือการดำรงอยู่ของฉัน ฉันมีตัวตนนะ ไม่ใช่ธาตุอากาศ***
เด็กที่เป็นลูกคนกลางมีข้อดีเยอะนะครับถ้าเลี้ยงถูกวิธี แต่มีข้อเสียมหาศาลเหมือนกันถ้าปล่อยปละละเลย
แต่สำหรับปรินซ์ อันนี้ต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยนะครับ แต่ผมสังเกตถึง Emotional Conflict (ในสายตานักจิตวิทยานะครับ) จากที่ผู้ประพันธ์วางโครงเรื่องไว้ เรื่องแรกคือ ฮัลเลย์กับปรินซ์ นิสัยไม่มีทางเหมือนกันแน่นอน เด็กที่ถูก dump กับ wednesday child นี่เป็นคนละเคสที่อาจจะมีบางอุปนิสัยเหมือนกัน แต่พื้นฐานต่างกันโดยสิ้นเชิงนะครับ
ประเด็นที่เขาเหมือน : ผมเข้าใจว่าทั้งสองคนคงจะมีหลุมในใจเหมือนๆกัน รู้สึกเหมือนๆกันว่าตัวเองไม่มีคนที่มารัก กดความรู้สึกนั่นไว้ แล้วทำเหมือนเราไม่สะทกสะท้าน ทุกอย่างธรรมดา ไม่ได้ทำร้ายเขาสักนิด
แต่งานของจิตแพทย์คือหาความต่างครับ ความต่างของสองคนนี้คือ เด็กที่ถูกทิ้ง จะไม่เชื่อในความรัก อย่างเด็ดขาด ลึกๆแล้วเขาจะไม่มีความศรัทธาในความรัก (แต่พอดีว่าได้ครอบครัวดี ฮัลเลย์เลยถมตรงจุดนี้ได้) [ซึ่งตอนแรกผมคิดว่าปรินซ์เป็นกรณีนี้ แต่พอดีว่าไม่ใช่ เพราะฉะนั้น บทวิเคราะห์อันก่อน จะใช้ไม่ได้สำหรับปรินซ์ตอนนี้ แต่จะใช้ได้กับเด็กที่เป็น depression syndrome หรือ เด็กที่ถูก dump แล้วอยู่ในระยะฟื้นตัว นะครับ]
แต่เด็กที่เป็น Wednesday Child จะต่างออกไปครับ เขาต้องการอะไรที่มาเติมเต็มสภาพการดำรงอยู่ของเขา และเด็กประเภทนี้อ่อนไหวกับและจับจุดความรู้สึกคนได้ไว เขาจะหยุดเปิดใจตัวเองทันทีที่เห็นว่าคนตรงหน้าเขาไม่ได้ต่างออกไปจากคนอื่น ซึ่งนี่ก็สนับสนุนกับที่ผู้ประพันธ์บอกว่าปรินซ์ยังมีศรัทธาในคำว่า 'เพื่อน' 'ความรัก' 'สิ่งที่ดีงาม' แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับมัน เนื่องจากเค้าไม่เคยได้รับ จึงคิดว่าตัวเองไม่มีทางดีพอ
ย้ำอีกครั้ง : เด็กถูกทิ้ง จะรังเกียจความรัก ดูถูกความรัก เพราะตัวเองไม่เคยได้รับ แต่สำหรับลูกคนกลาง จะโหยหาความรัก แต่คิดว่าตัวเองไม่มีค่าพอ
เด็กที่เป็น Wednesday Child แบบที่สอง เขาจะค่อนข้างโหยหาความรักมาก และจะทุ่มเทให้กับครอบครัวของตัวเองอย่างลืมตายเลยทีเดียว (ยกตัวอย่าง ภีม จาก Sleep with me; เรื่องนั้นบอกชัดเลยครับถึงสภาพตัวตนของ Wednesday Child ที่โตมาแบบ non-existence)
สำหรับปรินซ์ แม้เค้าจะพยายามไม่แสดงออก พยายามให้เห็นว่าเขารู้สึกเฉยชา ชาชินกับความเจ็บปวด นั่นเพราะเขามองโลกเป็นสีเทา และมองตัวเองเป็นสีดำ ซึ่งมันก็โอเคถ้าคุณอยากยอมรับตัวเองอยากนั้น If that is your choice, how can I blame you?
แต่ถามว่า ถ้าปล่อยมันดำเนินต่อไปเรื่อยๆ และปรินซ์ยังสาดสีดำใส่ตัวเองไปเรื่อยๆโดยที่ไม่รู้ตัว อนาคตจะนำเขาไปสู่ depression syndrome แน่นอนครับ การโหยหาความรักไปเรื่อยๆแล้วคิดว่าตัวเองไม่มีค่าไปเรื่อยๆ จะนำไปสู่การสิ้นหวังในความรัก และเมื่อสิ้นหวัง คนเราจะแปรความสิ้นหวังเป็นความเกลียดชัง ความดูถูก {ยิ่งมีเรื่องชู้สาวของคนที่เคารพอย่างแม่ ยิ่งสนับสนุนปัจจัยนี้} เพื่อปกปิดความผิดพลาดของตัวเอง (เมื่อถึงตอนนั้น บทวิเคราะห์หน้า 90 ของผม จะเป็นจริง)
มาถึงวิธีแก้.....เรียนตรงๆว่าไม่ยากครับ ง่ายกว่าเด็กที่จิตหดหู่เยอะ Wednesday Child มีโลกส่วนตัวสูง เขาแค่ต้องการใครที่จริงจัง จริงใจ เชื่อว่าเขาเป็นสีขาวอย่างบริสุทธิ์ใจ ต่อให้เขาทำสีดำ คนที่มองว่าตัวตนของเขายังเป็นสีขาวอยู่ (แม้จะยอมรับว่าสิ่งที่ทำน่ะเป็นสีดำ) คนแบบนั้นแหละครับที่จะฉุด Wednesday Child ขึ้นมาจากหลุมที่เขาตกไปได้ ซึ่งคนประเภทนี้ก็คือ White Demon แหละครับ
อาจจะต้องอธิบายละเอียดหน่อย White Demon ไม่ใช่คนที่พร่ำพูดพร่ำด่านะครับ เขาจะเฉยๆ ยืนมองคุณตะเกียกตะกายเหมือนปีศาจที่เฝ้ามองมนุษย์หาทางหลุดพ้น ซึ่งแท้จริง เขา "เชื่อ" จริงๆว่าคุณจะสามารถหลุดพ้นได้ "เชื่อ" จริงๆว่าตัวตนของคุณบริสุทธิ์และมีแสงแห่งความหวัง แต่เขาก็จะเฉย เมื่อคุณร้องขอความช่วยเหลือ เขาจะด่าคุณกลับมาด้วยซ้ำ ว่าทำไมไม่มองไปรอบๆหาสิ่งที่จะช่วยได้ เขาจะพูดความจริงตรงๆกับคุณ ซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดของมนุษย์คือการยอมรับความจริงครับ เขาจะกระตุ้นให้แสงที่อยู่ภายในตัวคุณ outshine ความมืดที่เกาะกุมอยู่ แนวคิดของเขาจะประมาณว่า 'อยากคิดว่าตัวเองมืดก็แล้วแต่คุณ แต่ถ้าฉันทำให้ตัวคุณเปล่งแสงออกได้ เมื่อนั้นคุณก็จะยอมรับตัวเองเอง'
Wednesday Child ที่ยังมีปัญหา เป็นเด็กที่ไม่สมควรมีความรักแบบหนุ่มสาวเด็ดขาด แม้ในบางกรณีจะเสพติดเซ็กซ์เพื่อใช้จุดสุดยอดเป็นการระบุอัตลักษณ์ความมีตัวตนของตนเอง แต่ถ้าแนวคิดยังเป็นว่าตัวเองคือสีดำ ก็ไม่สมควรจะมีความรักแบบหนุ่มสาว เพราะความรักแบบนั้นมีกิเลสง่าย ทัศนคติที่เลวร้ายอาจจะแพร่ออกไปทำให้คนอื่นติดเชื้อทางความคิดไปด้วย ต้องปรับทัศนคติเค้าซะก่อน บางรายอาจต้องบำบัดทั้งตัวผู้ป่วยและแฟนเค้าด้วย (ยกเว้นกรณีที่แฟนเค้าเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่าแฟนตัวเองเป็นอะไร หรือมีแสงที่มั่นคงเป็นหลักยึดทำให้ไม่เขว)
บนนั้นที่ผมพูดมาทั้งหมด ใช้แค่หลักที่ว่า ปรินซ์เป็น Wednesday Child ที่ไม่ได้รับความรัก เท่านั้นนะครับ [ใช้ได้กับเด็กที่เป็น Wednesday Child แบบธรรมดา] ยังไม่ได้รวมปัจจัยเสริมที่ว่า แม่มีชู้สาวเพื่อแก้เหงา
Emotional Conflict เรื่องที่สองคือนี่แหละครับ ไอ้ปัจจัยเสริมนี่ มันฉีกคนละกรอบกับแนวของ Wednesday Child เลยนะครับ คือถ้าเป็นแฟนมีเรื่องชู้สาวนี่อาจจะทำให้เรื่องไปในโทนเดียวกัน เพราะว่าเป็นการทรยศหักหลังซ้ำสอง ทำให้เค้าตีค่าตัวเองเป็นสีดำเข้าไปอีก Logic จะถูก ว่าสำหรับเขา เขาไม่ค่าพอจะได้รับความรักเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ถือว่าซวยซ้ำซวยซ้อน แต่นี่เป็นเรื่องของแม่ เป็นความรักของบุคคลที่เคารพ มันเลยทำให้ผมบอกว่า ปรินซ์เกิด Emotional Conflict
เพราะว่าถ้าปรินซ์ยังมีศรัทธาในความรัก โหยหาความรัก แต่ว่าพอมาเจอเรื่องที่มันทำให้ภาพลักษณ์อุดมคติของความรักเสียหาย ทำไมถึงยังเชื่อ ตามลอจิกแล้วเด็กน่าจะเกลียดชังและดูถูกความรักไปแล้ว ศรัทธาของคำว่าความรัก และเพื่อน ในสายตาเขาควรหายไปแล้ว ซึ่งถ้าเหตุการณ์เป็นแบบนี้จริง ปรินซ์จะเป็นเด็กที่น่าสงสารสุดๆ ทั้งโหยหา ทั้งชิงชัง ความรู้สึก 2 ด้านมันจะตีกันมั่ว ทั้งสิ้นหวัง สิ้นศรัทธา แล้วคนที่ช่วยได้มันจะยิ่งลดขอบเขตลงไปอีก คราวนี้แหละ ต่อให้เอาเกียร์ เอาฮัลเลย์ เอาใครมาก็หยุดไม่อยู่ทั้งนั้น ต่อให้เป็น Arch Angel มาพูด ก็อาจจะไม่ฟังด้วยซ้ำ
วิธีแก้ตามตำรามีวิธีเดียวเท่านั้นครับ ต้องใช้คนแบบเกียร์และไวท์ดีมอน (ต้องมีทั้งคู่ด้วยนะ ไวท์ดีมอนคนนึงเพื่อรักษาความชิงชัง อีกคนเพื่อเติมเต็มความโหยหา) และใช้ยาควบคู่ไปด้วย ต้องพาเข้าโรงพยาบาลหรือเรียกมาบำบัดอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ถ้าเจอระดับนี้ก็ต้องใช้ยาช่วยเท่านั้นครับ ไม่งั้นกระบวนการคิดของเขาจะมีกำแพงที่ทะลวงเข้าไปไม่ได้เลย
-
^
^
^
ขอบคุณค่ะพี่....ยังดีที่ได้รู้ว่ายังไม่หนักมาก.. และรักษาให้หายได้
เฮ้อ...ชีวิตรันทดจริง อะไรจริง
-
ไม่รู้จะใช้คำไหนมาเรียกผู้หญิงคนนี้ดีเลยจริง ๆ นะ คน ๆ นี้ไม่สมควรมีชีวิตครอบครัวเลยจริง ๆ เธอบกพร่องทุกอย่างทั้งในฐานะแม่ และ ภรรยา ในขณะที่พ่อปริ๊นซ์ต้องไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัว แต่ผู้หญิงคนนี้กลับเล่นชู้ในบ้านตัวเองทั้ง ๆ ที่ลูกก็อยู่เต็มบ้านเนี่ยนะ พอเห็นปริ๊นซ์แล้วตามมาอธิบาย แต่ที่ทำไม่ใช่ว่าห่วงความรู้สึกของลูกเลย ห่วงแค่ว่ากลัวปริ๊นซ์จะเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นแค่นั้น แถมยังเอาเรื่องพ่อปริ๊นซ์มาเหมือนข่มขู่ไม่ให้ปริ๊นซ์บอกพ่ออีก คิดได้แค่นี้เองเหรอ แล้วจิตใจของลูกล่ะ ดีที่ปริ้นซ์มีจิตสำนึกที่ดี เด็กที่เจอแบบนี้มีสิทธิ์เสียคนได้ง่าย ๆ เลยนะ แต่ปริ๊นซ์ก็ยังพยายามรับมือกับมัน น่านับถือจริง ๆ
ขอบคุณคอมเม้นท์ของคุณ Grey Twilight มากเลยค่ะ ได้รับความรู้เพิ่มขึ้นเยอะมากเลย ชอบอ่านคอมเม้นท์ของคุณจริง ๆ นะคะ :pig4:
ขอบคุณคุณเรนโบว์ด้วยที่ถ่ายทอดเรื่องที่มีจริงในสังคมผ่านตัวละครอย่างปริ๊นซ์ได้ดีจนเราอินน้ำตาซึมทีเีดียว ขอบคุณค่ะ :pig4:
-
:กอด1:
+1และเป็ด
-
ปรินซ์น่าสงสาร หาแฟนให้ปรินซ์สักคนนะ :mew6:
แต่ไม่เอาพันนะ พันต้องคู่กับข้าวเท่านั้น :mew2:
-
อ่านตอนของน้องปริ้นซ์แล้วมันเจ็บจี้ดๆที่ในอกเลยทีเดียวค่ะ
คงเพราะความที่เป็นเด็กทำอะไรไม่ได้ ผู้ใหญ่ทำยังไงเด็กก็ต้องซึมซับเข้าไปอย่างนั้น
อยากให้ปริ้นซ์หลุดออกจากความอึมครึมนี้บ้างอะไรบ้าง
เหมือนที่วรรณกรรมเยาชนหลายๆเรื่องที่เขียนให้เด็กที่มีปมเรื่องครอบครัว
แต่กลับมีพรสวรรค์พิเศษอะไรบางอย่างที่ทำให้เค้ามีทางออกจากเรื่องในครอบครัว(ที่อยุติธรรมกับเค้า)
คุณเรนโบว์ที่น่ารักเขียนได้ดีมากๆจริงๆค่ะ ฟินดราม่าเลย :heaven
-
คงไม่แรงไปนะสำหรับคำนี้ แม่ปริ้น ร่านผู้ชาย :ruready
-
ขอบคุณ คุณ Grey Twilight ที่ให้ความรู้เพิ่มเติม
ตอนนี้เราเรียน จิตวิทยา พื้นฐานอยู่ค่ะ เป็นการพัฒนาการตามทฤษฎี และกำลังศึกษาหาเคสเพื่อทำรายงาน
พอมาอ่านเจอตรงนี้แล้วก็อยากบอกว่า ขอบคุณมากๆค่ะ หลายๆครั้งกันเลยย :pig4: :pig4:
การอธิบายที่ดูชัดเจนและเข้าใจง่ายมากเลยค่ะ หุหุหุ
ปริ๊นเป็นตัวอย่างการพัฒนาการทางด้านจิตใจและประสบการณ์ที่ผ่านมา และจะส่งผลในการสร้างเป็นตัวตนในอนาคต
เป็นการพัฒนาที่อาจมองเห็นถึงอนาคตที่อาจเป็นตามทฤษฎี หรือไม่ก็ได้ เพราะอาจมีเหตุการณ์บางอย่างมาหักล้าง....
แล้วเราก็หวังว่าปริ๊นคงไม่ถึงขั้นต้องบำบัดล่ะนะ เหอๆๆ :katai5:
-
ขอบคุณคนที่มาอธิบายตามหลักจิตวิทยา
แต่ขออ่านนิยายเพื่อบันเทิงแล้วกันนะคะ
อ่านวิชาการแล้วไปนึกตามเนื้อเรื่อง ปวดหมองนิดๆ
-
ยิ่งอ่าน ยิ่งสงสารปริ้นซ์
เหตุการณ์วัยเด็กช่างรุนแรงเหลือเกิน!!
-
สงสารน้องปริ๊นซ์ ร้องไห้ไม่ได้ในเวลาที่ควรจะร้อง น่าเศร้ามากๆ :sad4:
-
ปริ้นซ์น่าสงสารมาก
ต้องหาคนมาดูแลด่วน!!
เป็นกำลังใจให้ปริ้นครับ
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ: ปัญหาครอบครัวมันพูดยาก :เฮ้อ: :เฮ้อ:
-
เฮ้ออะไรมันจะแย่ได้ขนาดนี้เนี่ย :katai1:
-
เหมือนปริ๊น เริ่มหาทางระบาย ออกมาในลักษณะ พฤติกรรมนะ ดีที่ไม่เที่ยว เหอๆๆๆ อยากรู้ว่าถ้าพ่อรู้ว่าแม่คบชู้จะทำยังไงต่อไป ใจจริงอยากให้ คิง กับ ปริ๊นอยู่ด้วยกันอ่ะ :hao7:
-
อ่านตอน3 จุกจนพูดไม่ออก
นางแม่ค่ะ สติไม่มีปัญญาไม่มา พาคนอื่นเข้ารกเข้าพกไปหมด
ลูกทั้ง 3 คน ไม่เสียคน ติดยา นี่ถือว่าเป็นอภิชาติบุตรเลยนะเนี่ย
ที่จริงเราคิดว่าเกรซจะไปไม่รอดแล้ว
น้องคิงก็น่าสงสารมาก ยังเด็กไม่เข้าใจ
แต่ที่เข้าใจแล้วต้องทำใจอยู่กับความเละเทะของแม่อย่างปริ้นซ์
วิธีเดียวที่ทำได้คือ ตัดอารมณ์ออกจากใจ
ใช้ชีวิตด้วยความคิดว่าทำแต่สิ่งที่ต้องทำ และจำเป็นต้องทำเพื่อให้ชีวิตผ่านไปวันนึงๆ
นี่มันเป็นขุมนรกในใจชัดๆ
-
เด็กน้อยน่าสงสารกลายเป็นคนเย็นชาไปแล้ว ปัญหาจากผู้ใหญ่ทั้งนั้น
คนเดียวที่น่าจะทำให้ปริ๊นซ์ดูไม่ไร้ความรู้สึก คือน้องคิง
แต่ไม่รู้พี่น้องจะได้อยู่ด้วยกันไหม ถ้าพ่อกับแม่ลงเอยไม่ดี
-
ที่น่าเป็นห่วงที่สุด อาจจะเป็นน้องคิงนะเนี่ย คือ เกรซ กับ ปรินซ์ ยังโตพอทำอะไรเองได้ คิดเองได้แล้ว
แต่คิงกำลังอยู่ในวัยช่างจำเลย เด็กเล็กๆเรื่องอะไรผิดอะไรถูกก็ยังไม่ค่อยรู้หรอก
แต่เห็นผู้ใหญ่ทำอะไร เด็กมันก็จำหมดแหละ ดีไม่ดีบางคนทำตามผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าที่ผู้ใหญ่ทำมันถูกหมด :เฮ้อ:
-
:ling3: ยังหน่วงได้อีกก
-
ในฐานะผู้หญิงเห็นใจอยู่ที่ดาริกาทำทั้งงานนอกบ้านและในบ้าน แถมยังต้องดูแลลูกอีก
เธอคงเหนื่อย แต่วิธีที่เธอระบายความเหนื่อยมันไม่ถูกต้อง :z3:
แล้วทำไมกรรมต่างๆต้องตกมาอยู่ที่ปริ๊นซ์ด้วยล่ะ เขาก็เป็นแค่ลูกคนกลางที่พ่อแม่เลือกจะไม่เอาใจใส่เขาเอง เขาไม่ได้เลือกที่จะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกซักหน่อย
-
แม่ปริ๊นซ์ไม่น่าแต่งงานเลยนะ ไม่น่ามีลูกด้วย
รู้สึกเหมือนเป็นผญที่ไม่มีความพร้อมในการเป็นแม่และเมียที่ดีเท่าไหร่
เขาน่าจะรู้ไม่ใช่หรอว่าการมีลูกมีครอบครัวมันไม่ใช่เรื่องง่าย
ต้องมีทั้งความเสียสละต้องมีความรับผิดชอบและเอาใจใส่ดูแล
ต้องใช้ความอดทนมหาศาลในการรับมือสิ่งต่างๆ
ถึงมันจะเหนื่อยแต่เพราะว่าสถานะแม่ที่เป็นมันทำให้แม่หลายๆคน
สามารถทนได้ รับมือได้ เพราะแค่ต้องการให้ลูกได้แต่สิ่งดีๆมีความสุขไม่ใช่เหรอ
เราว่าแม่ปริ๊นซ์รักตัวเองมากไป ไม่ใช่เทอไม่รักลูก แต่เทอรักตัวเองมากกว่า
เคยมีผญคนนึงบอกเราว่า ไม่ว่าจะมีเหตุผลหรือปัญหาใดๆเกิดขึ้นหากผญที่เป็นแม่
รักลูกของเทอมากพอ...ทุกอย่างจะไม่มีคำว่าทำไม่ได้
เป็นประโยคที่อยากถามแม่ปริ๊นซ์เลยว่าจริงหรือเปล่า
และคำพูดที่เคยมีคนบอกอีกเหมือนกันว่า ไม่ใช่แค่บทบาทคำว่าแม่ที่ทำให้ผญอดทน
แต่เพราะความรักที่มีให้ลูกต่างหากที่ทำให้พวกเทอทนได้
อันนี้คงไม่ต้องถาม เพราะดูเหมือนว่าสำหรับแม่ปริ๊นซ์ มันจะไม่จริง
อ่านจบปุ้บละรู้สึกดีใจจริงๆนะเนี่ยที่มีแม่ดีอะ ว่าแล้วก้วิ่งไปขอตังดีกว่า #หลอกกกกก
วิ่งไปกอดและบอกรักรับอรุณดีกว่าเผื่อได้ตังเพิ่ม กร๊ากกกกกกกกกกกกก
ขอบคุณคุณเรนโบว์มากๆสำหรับเรื่องคั่นเวลาค่ะ จุ้บๆ
-
เห้อออออ!! สงสารปริ๊น
-
มันอึนๆมัน มันบอกไม่ถูก
-
ชีวิตปริ๊นเริ่มดราม่าขึ้นเรื่อยๆ
หวังว่าจะได้อ่านถึงตอนที่ปริ๊นมีความสุขจริงๆบ้างนะคะ
ปล.ถึงจะเม้นไม่บ่อย แต่แอบเข้ามาบ่อยนะเ้อ้อ :3123:
-
สงสารเด็กจริง :hao5:
:pig4:
-
ชีวิตหม่นๆของปริ๊นซ์น่าจะคู่กับพันมากที่สุด
-
เฮ้อออออออออออออออออ!!!!!!!!!!!!!!!!
ขนาดปริ้นซ์ทำผิด ทำไม่ดีกะน้องยังปรับปรุงตัวเลย
แต่คนเป็นแม่ทำผิด พอลูกจับได้ ไม่คิดจะปรับปรุงตัว ยังพาลทำผิดเรื่องอื่นไปเรื่อยๆอีก :เฮ้อ:
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:ยิ่งอ่านเรื่องของปริ๊นซ์ก็ยิ่งสงสารปริ๊นซ์อะ :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
อยากให้ปริ๊นซ์เจอคนดีๆรักและเข้าใจปริ๊นซ์จังเลย :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
บอกได้คำเดียวว่า จุก :mew5:
-
:katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
-
ฟังที่คุณแม่พูดแล้วรู้สึกแย่ เป็นเหตุผลของคนที่มองแต่ตัวเอง
เรื่องของปริ๊นแสดงให้เห็นความอยุติธรรมในครอบครัว
บางคนดูเป็นเรื่องเล็กๆ มองผ่านเลยไป ไม่สนใจ
แต่คนที่ต้องเจอกับตัวเองบ่อยเข้า ถ้าทำใจ หรือแก้ไม่ได้จะกลายเป็นปมในใจเอา
-
ชอบเวลาปริ๊นซ์เอ็นดูน้องคิงจัง แอบสงสารน้องคิงด้วยเลยอ้ะ โตมาจะเป็นยังไงเนี่ยเง้อ
-
เฮ่อ..เราอ่านเรื่งอะไรอยู่หว่า :hao4:
ฮ่าๆๆ
-
อยากอ่านเรื่องของพันต่ออ่ะ
-
เวลา 2 ปีที่สามีไม่อยู่กับลูกเล็กอีก 3 คน
มันน่าจะยุ่งจนไม่มีเวลามาเหงาแล้วละค่ะ
ถ้าเธอคนนั้นเป็นแม่ที่ดีน่ะนะ นี่เอาเวลามาหากิ๊กทำให้ลูกผิดหวัง
ซ้ำแล้วโดนจับได้ยังมีแอบนัดเจอกันอีก แม่คนนี้... บอกไม่ถูกเลยจริงๆ
-
อึดอัดแทนอ่ะ มองตัวเอง....ไม่มองคนอื่น
ซึ้งน้ำใจกันเหลือเกิ๊น!!!!
-
สาสารปริ๊น....
ลำเอียงมาก สมควรที่ปริ๊นทำแบบนี้ใส่ o8
-
ช่วงนี้ขอห่างหายจากปริ๊นไปก่อน รันทดเกิ๊น
-
อา ไม่รู้จะพูดยังไงดีเลยนะ สิ่งที่ปริ๊นซ์พบเจอแต่ละเรื่องมันหนัก ๆ ทั้งนั้น เด็กตัวเล็ก ๆ เลยทำได้แค่ตัดความรู้สึกเศร้า เสียใจ ดีใจออกไปสินะเพื่อจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดต่อไปอีก ที่จริงคิดว่าเกรซจะเสียคนซะอีกนะเนี่ย กลับกลายเป็นแม่ที่แย่ลงๆ ทุกวันแทนซะงั้น เราจะผิดมั้ย ที่เรารู้สึกสะใจเวลาแม่ปริ๊นซ์ไม่รู้จะรับมือยังไงกับปริ๊นซ์ที่กลายเป็นเด็กเฉยชาแล้วน่ะ เห็นแม่ปริ๊นซ์ร้องห่มร้องไห้ที่รู้ว่าลูกเกลียดตัวเองแล้วเราสมน้ำหน้าจัง ยิ่งตอนโดนพ่อปริ๊นซ์ตบยิ่งกว่าสะใจอีกอ่ะ แถมด้วยตอนจุกที่ปริ๊นซ์ไม่ไปด้วย เราอ่านแล้วก็ :laugh3: สะใจซะจริง ไม่รู้พ่อปริ๊นซ์์โชคร้ายไปคว้าเอาผู้หญิงคนนี้มาเป็นแม่ของลูกได้ยังไงนะเนี่ย แล้วท่าทางพ่อปริ๊นซ์เริ่มสงสัยชู้รักของแม่แล้วด้วย ครอบครัวนี้จะเป็นยังไงต่อไปเนี่ย
กำลังจะลุ้นต่อมาเจอคุณเรนโบว์บอกขอหยุดเรื่องปริ๊นซ์ไว้แค่นี้ซะงั้น ฮะ ๆๆ ตามแต่คุณเรนโบว์สะดวกค่ะ ที่จริงเราก็ชอบนะถึงจะอ่านไปก็เครียดไปเหมือนกับเรื่องเฮียแพทก็เถอะ กำลังจะแซวพอดีเลยว่า"เรื่องของพัน" กลายเป็น "เรื่องของปริ๊นซ์" ไปซะแล้วอ่ะ ฮะ ๆ :pigha2: แหม ถ้าได้เรื่องของปริ๊นซ์ต่างหากอีกซักเรื่องก็ดีเนอะ อยากรู้ว่าสุดท้ายจะมีคนมาทำให้น้องปริ๊นซ์ของเรากลับมามีความรู้สึกเหมือนคนปรกติได้รึเปล่า แต่ถ้าให้เลือกเราก็ต้องเอาเรื่องของน้องพันกับน้องข้าว เป็นอันดับแรกอยู่แล้วค่ะ รอเรื่องของน้องพัน&น้องข้าวต่อไปดีกว่า
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวของน้องปริ๊นซ์ค่ะ หวังคงจะได้เจอน้องปริ๊นซ์ในเรื่องของน้องพันและน้องข้าวอีกนะคะ จุ๊บ ๆ :mew1: :mew1:
-
โอ้ น้องปริ๊นซ์ มีอะไรไม่ธรรมดา
ชีวิตน้องจะว่าดราม่า ก็ได้ แต่จะทำให้ไม่มีปัญหาก็ได้
ขอให้น้องเลือกทางเดินที่ดี จะพบเจอแต่คนดีๆ
-
ยิ่งอ่านเรื่องของปริ๊นซ์ เริ่มจะดราม่าขึ้นเรื่อยๆ :hao5: :hao5:
เจ่ก็เป็นลูกคนกลางเหมือนน้องปริ๊นซ์ :hao3:
-
ปรินซ์เป็นเจ้าชายเย็นชา รอคนมาละลายน้ำแข็งในใจอยู่หรือป่าวนะ :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
-
ยาหรือเปล่านี่ จะมาละลายเจ้าชายน้ำแข็ง
-
Prince Story เย้ ๆ พระเอกของปริ๊นซ์สิน้าสัตยาเนี่ย แค่ Teaser มาก็ชอบสัตยาแล้วนะเนี่ย ต้องพระเอกแนวแบบนี้แหละที่เหมาะกับปริ๊นซ์ แบบหน้าด้านเข้าไว้อ่ะ ฮะ ๆ :pigha2: อ่านเรื่องหนัก ๆ ของน้องปริ๊นซ์พอสัตยาโผล่มานี่ทำให้รู้สึกบรรยากาศดู soft ขึ้นมาเลยนะ บ้านอยู่ใกล้ ๆ บ้านปริ๊นซ์ด้วย อาจจะรู้เรื่องครอบครัวปริ๊นซ์ด้วยสินะ แต่เหมือนทั้งคู่ยังไม่ได้อยู่มหาวิทยาลัยเลย แสดงว่าน้องปริ๊นซ์ที่อยู่ในเรื่องของพันนี่ต้องรู้จักสัตยาอยู่ก่อนแล้วสินะ ต้องรออ่านเรื่องเต็ม ๆ แล้ว
ฟังเพลงไมโครแล้วมันโดนกับน้องปริ๊นซ์มากเลยค่ะคุณเรนโบว์ ฟังแล้วรู้สึกได้ถึงความอึดอัดกับสิ่งที่อยู่ในใจน้องปริ๊นซ์เลย หวังว่านายสัตยานี่จะเป็นใครคนเดียวคนนั้นที่น้องปริ๊นซ์จะยอมเปิดใจให้นะ
เท่ากับตอนนี้จะมีกระทู้ใหม่ 3 เรื่องเลยใช่มั้ยคะ เรื่องของพัน&น้องข้าว ,เรื่องของเฮียแพท,เรื่องของน้องปริ๊นซ์
เราเข้าใจถูกนะ ถ้าใช่ก็ดีใจมาก ๆ เลยค่ะ :m11: ขอบคุณคุณเรนโบว์ล่วงหน้าไว้เลยรอทั้ง 3 เรื่องอยู่นะคะ แต่ไม่รู้เรื่องไหนก่อนนี่สิ :pig4: :L1:
-
จะคบกับปรินซ์ได้นาน ต้องด้านๆทนๆ มึนๆอึนๆ เข้าไว้ ดูเบียร์ไว้เป็นตัวอย่างนะหนุ่มสัด เอ๊ย!! หนุ่มยา :laugh:
-
ดีมากเลยค่ะ ที่มียามาช่วยเบรคความเศร้าของปริ๊นซ์
นอกจากมากวนแล้ว ก็ยังมาห่วงใยอีกด้วย
รออ่านเรื่องของปริ๊นซ์ต่อจากพันเลยนะคะ แพทเอาไว้ก่อนก็ได้
หรืออาจจะพัน กะปริ๊นซ์ไปด้วยกันเลย จะรักคนเขียนมากเลยนะคะ
-
ยาคุณคือใคร อยากรู้ :ling1:
-
พันมีอารมณ์น้อยใจด้วยเหรอ
-
สั้นไปนะ กิสสสสสส ยาต้องเข้ามาเปลี่ยนอะไร ๆ ในชีวิตปริ๊นแน่ ๆ เลย
-
รอลุ้นคะ :hao5: :pig4:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
โผล่มาแล้วพระเอกของน้องปริ๊นซ์
โลกอันมืดมนของน้องจะได้มีแสงสว่างสักที
เป็นผชที่น่าสนใจมากเลยนะนายสัตยาเนี่ย
แต่ตอนนี้เราขอพันข้าวมาให้ชื่นใจก่อนได้มั้ย
น้องพันน้อยใจแล้ว ไม่ชอบให้คนหล่อน้อยใจ 555
ดังนั้นรอพันข้าวอยู่เน้ออออออ >.<
-
เดี๋ยวจะตามไปให้กำลังใจเจ้าชายเย็นชานะจ๊ะ แต่ตอนนี้พันข้าวไปถึงไหนกันแล้วน้า :impress2:
-
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:เย้ๆอย่างน้อยๆปริ๊นซ์ของเราก็มีคนเข้ามาเป็นเพื่อแล้ว :katai2-1: :katai2-1:
-
น้องสัตยาใจดีหรือชอบแกล้งเพื่อนกัน o18
-
โอ้ เจอแล้วคู่กัดของปริ๊นซ์
คนนึงเย็นชา อีกคนคอยจี้คอยจี๊ด น่าสนุก ๆ
-
แบบนี้สิถึงจะเหมาะกับปริ๊นซ์
มาแค่นี้มันไม่พอมาต่อเรื่อง
อีกนี้ดได้มั๊ย :laugh:
มาแรงแซงพันข้าวแล้ว
-
สงสารเจ้าชายน้ำแข็งมากๆ นู๋เข้มแข็งมากๆ ที่สามารดประคับประคองตัวเองมาถึงทุกวันนี้ได้ ถึงแม้ว่าบางครั้งอาจจะใช้สิ่งอื่นๆ (บุหรี่) เข้ามาช่วย แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเลวร้ายนะคะ ยอมรับได้
ส่วนนังแม่ ไม่มีไรจะบอกนอกจาก
อีเลว!!!!!
-
นั่น! มาแล้ว
คนดูแลปริ้นซ์
เชียร์ๆๆๆ
-
หรือว่าจะเป็นสัตยาที่มาเปลี่ยนเจ้าชายน้ำแข็ง..... :freeze: :m5:
-
น้องปริ๊นเทพมาก ฮ่า ฮ่า
-
555 พันเสียเลย
-
บรรยากาศชื่นบานอ้ะ
-
ปริ้นซ์เล่นเก่งอ่ะ ขนาดพันยังแพ้
แต่พี่เกียร์นี่แถเอาตัวรอดไป
-
คุณขา วันที่ล้ำไปตั้งสิบวันแหนะ
น้องปริ๊นซ์เซียนหมากรุกหรือนี่
บรรยากาศอบอุ่นดี
-
น้องปริ๊นซ์เก่งจัง o13
ครอบครัวสุขสันต์ ถ้าได้อยู่กับพวกพี่ๆเขานานๆก็คงจะดีเนอะ :impress2:
-
ฮาพันมากอะ แล้วไปว่าข้าว :m20:
พี่เกียร์เขาฉลาดเขารู้จักหลีกเลี่ยง :laugh:
แต่น้องปริ๊นซ์เทพเว่อร์จริง o13
-
พี่เกียร์พูดแบบนี้กับน้องเมียเดี๋ยวเป็นเรื่องหรอก
-
:mew1: :mew1: :mew1:
-
เจ้าชายน้ำแข็งเก่งมากลูก 5555
ฮาพันมากๆ แพ้น้องตลอดๆ
-
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[ชอบตอนนี้จังเลยอะดูเป็นธรรมชาติกันทุกคนเลยอะ :-[ :-[ :-[ :-[
-
น้องปริ๊นซ์เก่งอ่ะ
-
ฮะ ๆ น้องปริ้นซ์เก่งมากเลยอ่ะ เซียนหมากรุกมาเองใช่มั้ยเนี่ย ทำเอาน้องพันสุดเพอร์เฟคแพ้ซะได้ ยอด ๆ o13 แต่น่าสงสารพันตรงที่ไม่มีใครเห็นใจแถมยังรุมประณามเนี่ยสิ ช่างเป็นที่รักซะจริ๊ง ฮะ ๆ :pigha2: โดยเฉพาะพี่เกียร์ ตอกย้ำพันได้แรงสุดอ่ะฮะ ๆ ต้องพี่เขยอย่างนี้สิน้าถึงจะรับมือน้องเมียอย่างพันได้อ่ะ ฮะ ๆ :m4:
-
o13 ปริ๊นเจ๋งจริงๆๆๆ 5555++
-
เซียนหมากรุกมาเองเลยวุ้ย :laugh:
-
อ่อน 5555555 เอาอีก ๆ
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
เซียนหมากรุกแบบนี้ แสดงว่าเป็นคนคิดเยอะ คิดลึก วางแผนเก่งป่ะเนี่ย
เอามาเป็นกุนซือช่วยพันกับข้าวหน่อยเถอะ อยากให้โดนแกล้ง ฮ่าๆๆ
-
นุ้งปริ๊นซ์มันร้ายลึก หึ
สมน้ำหน้าพัน 55555555555555
-
ขำพันทำตาปริบๆตอนโดนน้องปริ้นซ์รุกฆาต
-
:pig4: :pig4:
-
ผู้พันหลุดอ่ะ น่ารักดี เจ้าชายนี่สุดยอดจริงๆเลย ชอบๆๆๆ
-
บรรยากาศชื่นมื่นมาก :z2:
-
ชอบตอนนี้ที่สุด
ปริ๊นซ์ยิ้มได้อย่างที่อยากยิ้มจริงๆ
พันน่ารักมาก
ขอนอกใจเกียร์ซักครู่
'...พี่เขยกู' ได้ใจตรงพี่เขยนี่ล่ะ 555
กดบวกและเป็ด
-
ปริ๊นซ์ที่อยู่ในเรื่องของตัวเอง กับปริ๊นซ์ที่อยู่ในเรื่องของพัน เหมือนเป็นปริ๊นซ์คนละคนกันเลย
-
o13 o13
-
พันแพ้น้องเลย
555
ปริิ้นซ์คงจะเก่งมากเลยเนาะ,,,,
-
พันแพ้เด็ก อิอิ
-
มันค้างๆ ค้างอะไร? ไม่รู้เหมือนกัน : 222222: :pandalaugh:
ไปดีกว่าาาา :oni1: :oni1:
-
:mew3: พันน่ารักอ่า
-
55555555+
-
โหยน่ารักอ่ะ หวานซะจริง
พันจะได้คู่กับใครหรอคะ น้องปริ๊นซ์หรือเปล่า ชีวิตน้องทีี่ผ่านมาเศร้ามากๆเลย
-
น่ารักจุงเบย เอาอีก ๆ
-
คิดถึงพุ กะพี่เกียร์ จังเลย
-
เติมความหวานไม่สร่างซา
-
สารภาพว่าอ่านทีไรก็คิดถึงพี่เล่ย์ตลอด รู้สึกผิดต่อพี่เกียร์จริงๆ 555
-
หรือผีมือเชฟพุจะทำพิษอีกแล้วรึป่าว :laugh:
แต่พี่เกียร์ก็ช่างอ่อนแอผิดขนาดร่างกายแท้เนาะ
-
หวานกันจริงๆเลยนะครับผม
-
น่ารักอะ แต่อ่านแล้วฮา พี่เกียร์ก้ทำตัวสมเป็นพี่เกียร์จริงๆ
แต่กระเพาะกระหม่อมบางดูไม่เข้ากับไซส์ร่างกายเท่าไหร่นะ :laugh:
พุก้ยังน่ารักเสมอเลย ชอบบบบบบบบค่ะ o13
คิดเรื่องพันข้าวไม่ออกก้เอาพี่เกียร์กับพุมาเสิร์ฟอีกก้ได้นะ เราไม่ถือ :hao7:
ปล.อยากจะบอกว่าเห็นด้วยสุดๆกับคุณ whatever it is
ทุกครั้งที่อ่านเราคิดถึงพี่เล่ย์ตลอด แต่พี่เกียร์ไม่ต้องน้อยใจไปหรอกนะ
เพราะพี่เกียร์เราก้รักแต่แค่พี่เล่ย์มันเกินกว่าคำว่ารักเท่านั้นเอง? 555555+
-
หวานกันจริงหวานกันจัง
-
:mew2: เห็นคนหัวเกรียนๆสูงๆเท่ๆทีไรคิดถึงเฮียเล่ย์ทุกทีเลยย
-
หวานกันซะ น่ารักมากๆ ชอบเวลาอยู่ด้วยกันน่ารักมาก
-
หวานกันซะ น่ารักมากๆ ชอบเวลาอยู่ด้วยกันน่ารักมาก
-
น่ารักๆ :L2:
-
ชิลล์ดีจัง....
-
หวานตลอด ตลอด คู่นี้ :mew3:
-
หวานกันจริงๆคู่นี้ น่ารักตลอด
-
ยังคงน่ารักและอ่อนโยนเสมอ
-
คู่หวาน อิจฉา :hao5:
-
สู้ต่อไปนะพันข้าว :mew1:
แต่ถ้าเปลี่ยนคู่จะง่ายกว่านี้มั๊ยนะ
(โดนfcโดดถีบ :laugh:)
+1และเป็ด
-
หวานวุ้ย :-[
แบบที่พุเจอเรียกว่าบรรยากาศมันพาไป
หรือสภาพแวดล้อมจูงใจก็ไม่รู้ :t3:
-
น่ารักอ๊าา
นายช่าง กับ เชฟ
-
น่ารักอ่ะ จ๊วบๆๆทั้งคู่เลย อิๆๆๆ
-
:o8:
หวานอะ
-
กดบวกและเป็ด
นายช่างและพ่อครัว
ถูกใจมากมาย 555
น้ำตาลท่วมหมดล่ะ
-
:mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:คู่เค้าหวานกันได้ตลอดเลยอะ :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
-
จะหวานเกินไปล่ะ หุหุหุ
-
:hao6: หวานกันตลอดอ่ะ คู่นี้ คึ คึ คึ
-
อยากลองชิมฝีมือพุบ้างนะ แต่พี่เกียร์จะยอมแบ่งไหมอ่า :z1:
-
โหย พุเกียร์หวานอ่ะ ดีค่ะคุณเรนโบว์ ข้าพเจ้าตามอ่านมาตั้งแต่พุกับพี่เล่ห์จนถึงพุเกียร์ บอกตามตรงชอบมาก แต่มาพีคสุดๆก็คือคุณเรนโบว์จะเขียนเรื่องของพันข้าว ก็นะลุ้นมาตั้งนานล่ะจนกระทั่งสมัครสมาชิกเลย
บอกตามตรงนะค่ะที่คุณเรนโบว์บอกว่าจะเล่าเรื่องของพันกับข้าวผ่านมุมมองของปริ๊นซ์ ตอนแรกก็คิดว่าเออแปลกใหม่ดี ลองอ่านดู แต่อ่านแล้วความรู้สึกมันครึ่งๆกลางๆค่ะ จะฟินก็ฟินไม่สุด คือข้าพเจ้าไม่ได้รับรู้ความคิดของตัวเอกเลยจะรู้ก็แต่ความคิดของน้องปริ๊นซ์ที่บรรยายให้ทราบ เช่นตอนที่น้องบรรยายว่าพันมีอาการโกรธเกี้ยวเมื่อคุยโทรศัพท์กับคนที่โทรมาหาข้าว น้องก็บอกได้แค่ว่าพันโกรธ แต่น้องไม่สามารถบอกได้ว่าในความโกรธของพันมีความรู้สึกอื่นร่วมด้วยหรือไม่ เช่นความรู้สึกหวงข้าว เป็นห่วงข้าว น้อยใจเมื่อโดนข้าวว่า หรืออะไรก็แล้วแต่ ปริ๊นซ์เล่าได้ไม่หมด นั่นเพราะปริ๊นซ์คือคนที่อยู่วงนอก มองผ่านเข้าไป เลยทำให้รู้สึกว่านี้เริ่มจะไม่ใช่เรื่องของพันกับข้าวแล้ว แต่เป็นเรื่องของปริ๊นซ์เพราะมีความรู้สึกนึกคิดของปริ๊นซ์แทรกอยู่ เมื่ออ่านมันเลยรู้สึกอึนๆ มึนๆ
อีกอย่างคือถ้าใช้น้องปริ๊นซ์เป็นตัวเล่าเรื่องของพันกับข้าว น้องจะต้องเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆด้วย ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เลยที่น้องปริ๊นซ์จะอยู่กับพันและข้าวได้ตลอดเวลา แล้วเวลาพันกับข้าวอยู่กันสองคนหล่ะตอนนั้นคนอ่านจะรู้ได้ยังไงว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง และในความสนิทของพันและข้าวมันแฝงอะไรบางอย่างไว้รึเปล่า น้องเป็นแค่คนนอกที่เป็นเพื่อนกับน้องรหัสของพันเท่านั้นเอง เรียกได้ว่าแค่คนรู้จัก จะใช้น้องบอกเล่าความสัมพันธ์ของพันกับข้าวที่เป็นเพื่อนสนิทกันนั้นจึงไม่เหมาะ เพราะน้องปริ๊นซ์แทบจะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยในตอนที่เล่าบรรยายแถมยังให้ความรู้สึกด้านลบอีกต่างหากยิ่งมารู้พื้นฐานของน้องแล้ว เข้าขั้นเย็นชาเลยแหล่ะ
ข้าพเจ้าเลยคิดว่า แยกเป็นเรื่องใครเรื่องมันเลยดีกว่าไหม คุณเรนโบว์กลับมาเล่าผ่านมุมมองของตัวเอกเลยดีกว่า ให้พันหรือไม่ก็ข้าวเป็นคนเล่าเรื่องเอง เหมือนเรื่องของพุ ที่น้ำพุเป็นคนเล่าเอง หรือไม่คุณเรนโบว์บรรยายเองเลย คนอ่านอย่างข้าพเจ้าจะได้เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของตัวเอก ได้รับรู้ถึงอารมณ์ของตัวเอกในแต่ละเหตุการณ์
ที่สำคัญข้าพเจ้าอยากรู้ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไปของพันกับข้าว จากเพื่อนสนิทไปเป็นคนรัก
เวลาพันกับข้าวอยู่ด้วยกันจะให้ความรู้สึกแบบไหนกับคนอ่าน จะน่ารักน่ายิกเหมือนตอนของพุกับเกียร์รึเปล่า
ก็น่ะคะสุดท้ายก็แล้วแต่คุณเรนโบว์จะพิจารณา
ก็แค่อยากฟินแบบสุดๆ
:katai4:
-
มดขึ้นเลยยยยยยย :katai3:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
:-[ :-[ :-[
-
น่ารักตลอด ๆ เลย นายช่างใหญ่กับคุณพ่อครัว แต่แหมคุณชายเกียร์เป็นคนธาตุอ่อน เหรอจ้ะกินอะไรผิดสำแดงนิดหน่อยท้องเสียเนี่ย แล้วจะทนอาหารของพุไหวเหรอเนี่ย ฮะๆ พอไม่สบายแล้วทำอ้อนน้า ไม่กล้านอนคนเดียวซะงั้นอ่ะ แค่ต้องนอนกอดพุถึงจะหลับใช่ม้า ส่วนน้องพุพอได้นอนฟังเสียงหัวใจพี่เกียร์ก็นอนหลับสบาย โอ้ย น่ารักที่สุด พี่เกียร์น้องพุจ๋า :m1: :m1:
ปล. พออ่านความเห็นของคุณ vava violet เราก็เลยสงสัยขึ้นมาเหมือนกัน ที่จริงเราคิดไว้แล้วว่า เรื่องของพัน ที่เป็นการเล่าผ่านน้องปริ๊นซ์ จะจบลงแค่ที่อยู่ใน Unintentional love นี่เท่านั้น ใช่มั้ยคะ แล้วพอคุณเรนโบว์ ตัดสินใจเขียนเรื่องของพันเป็นเรื่องยาว ด้วยการขึ้นกระทู้ใหม่ เรื่องของพัน ก็จะเป็นการเล่าผ่านตัวพันเอง หรือน้องข้าว หรือผ่านทางคนเขียน โดยไม่ได้ผ่านน้องปริ๊นซ์อีกต่อไป ใช่รึเปล่า ส่วน เรื่องของน้องปริ๊นซ์เอง ก็จะตั้งเป็นกระทู้ใหม่ เป็น Prince story ตาม Teaser ที่เอามาให้อ่านก่อนหน้านี้ ใช่มั้ยคะ
ที่จริงเราเข้าใจตามนี้ แต่พออ่านของคุณ vava violet เราก็เอ้ะ รึว่าจะเป็นอย่างนั้น เรื่องของพันที่เป็นเรื่องยาว จะยังเป็นการเล่าผ่านน้องปริ๊นซ์เหมือนเดิมเหรอ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น เราก็มีความคิดเหมือนคุณ vava violet ทั้งหมดเลยค่ะ จริงเลยที่น้องปริ๊นซ์ไม่มีทางจะอยู่กันพันและข้าวได้ตลอดเวลา ไม่มีทางรู้ความรู้สึกลึก ๆ ของคนทั้งคู่ได้ในเมื่อไม่ใช่เจ้าตัว ความรู้สึกที่จะเปลี่ยนจากเพื่อนมาเป็นคนรักกันจะเริ่มตอนไหนน้องปริ๊นซ์ไม่มีทางที่จะรู้ได้ เหมือนที่คุณเรนโบว์เคยบอกว่าการเล่าเรื่องผ่านน้องปริ๊นซ์ เหมือน เรื่องความรักทำให้คนตาบอด ที่เป็นการเล่าเรื่องของน้องอิงผ่านทางพี่จีน เรื่องนั้นเราอ่านตอนแรกก็คิดว่าจีนคือพระเอกที่จะมาคู่กันน้องอิง เพราะพี่จีนเป็นคนเล่าเรื่อง แต่ตอนหลังกลายเป็นพี่บูม เราก็ยังแปลกใจว่า อ้าว ไม่ใช่พี่จีนหรอกเหรอ ซึ่งถ้าถามตอนนี้ เราก็ยังรู้สึกว่าเรื่องความรักทำให้คนตาบอด ตัวเด่น คือ พี่จีนกับน้องอิงอยู่ดี พี่บูมเหมือนแค่ตัวสมทบเท่านั้น เพราะปัจจุบันพี่จีนก็ยังเป็นคนเล่าเรื่องอยู่ แต่ในเมื่อเรื่องนี้ เป็นเรื่องของน้องพันกับน้องข้าว ความรู้สึกของเราคิดว่าก็ไม่ควรให้เป็นการเล่าผ่านน้องปริ๊นซ์ ซึ่งเป็นคนนอก ซึ่งเหตุผลก็เหมือนที่คุณ vava violet เขียนไว้ทั้งหมดเลยค่ะ คิดเหมือนเราทุกอย่างเลย เพราะถ้าผ่านทางน้องปริ๊นซ์ มันก็จะได้แต่ความรู้สึกของน้องปริ๊นซ์ ที่มีต่อน้องพัน มันจะกลายเป็นทำให้รู้สึกน้องข้าวกลายเป็นตัวสมทบ เหมือนที่เรารู้สึกกับพี่บูม แล้วก็จะไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องของพัน กลายเป็นเรื่องของน้องปริ๊นซ์ไปซะน่ะสิ
สุดท้ายก็เหมือนคุณ vava violet คือต้องตามแต่คุณเรนโบว์จะพิจารณา เพียงแค่เราจะรู้สึกถ้าผ่านทางน้องพันน้องข้าวเอง เราจะรู้สึกอินกันเนื้อเรื่องได้ดีกว่าผ่านทางน้องปริ๊นซ์น่ะคะ ถ้าแสดงความเห็นมากไปเป็นการรบกวนคุณเรนโบว์ ก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ ยังไงก็รอติดตามเรื่องของน้องพันน้องข้าวนะคะ ขอบคุณค่ะ :pig4: :pig4:
-
สรุปว่าเห็นเป็นพิษจริง หรือว่ายังไงเนี่ย?
พี่เกียร์อยู่กับพุแล้วน่ารักอ่ะ แอร๊ยยยย
-
น่ารักจริง ๆ พีีเกียร์กับพุ มีความสุข
-
ได้อ่านว่าน้องอิงจบแค่นี้แล้วใจหาย แต่พอจะเข้าใจว่าจบในมุมมองของพี่จีนใช่มั้ยคะ?
รอคนเขียนได้เสมอนะคะ กอดๆ
-
ขอให้หายป่วยไวไวน้า
รักษาสุขภาพด้วย
รอได้จ้า :กอด1:
-
get well soon นะจ๊ะ รอได้ ๆ
-
รอได้เสมออออออออออออออ
คุณเรนโบว์พักผ่อนมากๆจะได้หายเร็วๆนะคะ :กอด1:
ปล.แค่บอกจะเอาพี่เล่ย์มาฝากเราก้ดีใจมากแล้ว
จะนั่งนับวันรอกันเลยทีเดียว :impress2:
ยังไงดูแลสุขภาพด้วยนะคะ อากาศเมืองไทยมันช่างร้อนตับแตกเหลือเกิน :เฮ้อ:
-
พี่เลย์!!!!!
กรี๊ดดด เค้าคิดถึงพี่เลย์!! :m1:
-
:pig4: :pig4: ขอบคุณ คุณเรนโบว์มากเลยค่ะที่เข้ามาไขข้อข้องใจให้หายสงสัยซะที ที่นี้ก็รอเรื่องของน้องพัน&น้องข้าวต่อไปด้วยความสบายใจละ
เรื่องความรักทำให้คนตาบอด เรื่องของน้องอิงจบแค่นี้เหรอคะ เสียดายนะ แต่ก็รู้สึกดีใจที่น้องอิงได้สมหวังกับพี่บูม น้องจะได้มีความสุขซะที ส่วนเรื่องเป็นคู่อื่น เราลุ้นจีนกับชาร์ม อยู่นะเนี่ย แหะ ๆ
สุดท้ายก็ขอให้คุณเรน์โบว์ หายป่วยไว ๆ นะคะ รักษาสุขภาพด้วย ยังไงก็รอได้เสมอค่ะ ดีใจที่จะได้เจอพี่เล่ห์อีกคิดถึงพี่เล่ห์อยู่เสมอนะคะ
ขอบคุณค่ะ :L2: :3123: :pig4:
-
หายป่วยไวไวนะ
รอพี่เลย์ค่ะ จะมาแบบไหน รอ รอ
-
หายไวๆนะคะ :L2:
-
:L2:เยี่ยมไข้ หายป่วยเร็วๆกลับมาแข็งแรงไวๆเน้อ
-
พักผ่อนเยอะๆจ้า หายแล้วค่อยมาต่อ คนอ่านรอได้อยู่แว้ว :mew1:
-
คนเขียนขอลาป่วยอาทิตย์หนึ่งนะ หายแล้วจะเอาพี่เล่ย์มาฝาก ^^
พี่เล่ย์!!!!!!ตัวโตๆ อีกที
อร๊ากๆๆๆๆ อยากอ่านจุบเบยยยย // วิบัติเข้าไป ภาษาไทยเนี่ย :z6: 55555++ :hao7:
รักษาตัวดีๆน้อออ :katai5: :L2: ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย (?) คึ คึ คึ :hao3:
-
คนอ่านรอได้ค่ะ ขอให้คนเขียนพักผ่อนมากๆ
หายเร็วๆ นะคะ ^^
-
หายไวๆจ้า :L2:
ว่าแต่ พี่เลย์ ในรูปแบบไหนอะ :ling1:
-
คนเขียนหายไวๆๆๆนะครับ
รักษาตัวเองหายแล้ว มาเขียนต่อนะครับ
รอติดตามครับ,,,,
-
หายไวๆนะจ๊ะ :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
-
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: รอพี่เล่ย์คร่าาาาาาาาาาาาาาาาาาา
-
พันข้าว เถอะค่ะ เพราะถ้าเป็นพัน ปรินซ์ ทั้งคู่ถ้าจะอยู่กันให้รอด คงต้องต่างฝ่ายต่างปรับตัวมากๆแน เพราะ อุปนิสัยปรินซ์ คนจะอยู่กับปรินซ์ได้ต้องเข้าใจและรักมาก ต้องทำให้ปรินซ์เปิดใจให้ แววว่าจะต้องยาก เหมือนปรินซ์ พุ่งไปหาพันเพราะแรงดึงดูดมากกว่า ยังไม่ได้รัก ซึ่งต่างจากข้าวเพราะทั้งคู่ผูกพันกันมานาน เหม้อนทั้งคู่อาจะจะยังไม่รู้ตัวข้าวคงเสียใจมากแน่ ถ้าเสียพันไป จะยังไงคู่ใครก็จะรออ่านเรื่องยาว และรออ่านเรื่องยาวของเฮียแพทด้วยค่า
-
เคยอ่านนิยายเรื่องหนึ่งไม่แน่ใจว่าในเล้าหรือเปล่า ที่เล่าเรื่องผ่านบุคคลที่ 3
น่าจะป้าจุใจหรือเปล่าที่เป็นคนแต่ง ประมาณว่าคนเล่าเข้าไปแก้ปัญหาของนายเอก
มีเรื่องระหองระแหง ง๊องแง๊งกับแฟนตัวเอง จนตอนสุดท้ายถึงได้เฉลยว่า
นั่นแหละ คู่พระเอก นายเอก ปัญหาหลักของการเล่าเรื่องผ่านคนอื่น คือ มันไม่ค่อยอินกับคู่นั้น
แต่มันอินจะกับตัวละครที่เล่าเท่านั้น ก็ได้อีกมุมมองหนึ่งนะ แต่มันไม่ฟินเท่านั้นแหละ
....
รอพี่เล่ย์ค่ะ เอาพุ พี่เกียร์ ลากมาให้หมดเลยนะ หุ หุ
-
หายเร็วนะค่ะ รอพี่เล่ย์ คิดถึงพี่เล่ย์ พี่เล่ย์ อยู่ในใจเสมอๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
ขอเรื่องเฮีย แพทททท ด้วยจิ อิอิ :mew2: :mew2:
-
พักผ่อน หายไวๆนะคะ
-
ขอบคุณที่ชี้แจงให้ทราบเรื่องพันข้าวค่ะ และก็ขอให้คุณเรนโบว์หายป่วยเร็วๆนะ
ยังคงรอ พี่เล่ห์ และพันข้าวใจจดจ่อ อิอิ
-
หายไวๆ นะ
-
มาแอบรอ :ruready
-
หายไวไวนะคะคุณเรนโบว์ คิดถึงๆ :mew1:
จนถึงป่านนี้พอพูดถึงเลย์ยังสะเทือนใจอยู่เลย(ไม่เคยอ่านนิยายพระเอกตาย) :ling3:
-
:กอด1: :L1:
-
ขอให้น้องสายรุ้งดูแลสุขภาพ และหายป่วยไวๆค่ะ นิยายถึงอยากอ่านยังไง สุขภาพคนเขียนย่อมสำคัญกว่า
พักผ่อนร่างกาย ทานสิ่งดีมีประโยชน์ และทำจิตใจให้ปลอดโปร่งสบายๆ
แข็งแรงเมื่อไรค่อยมาต่อ รักแล้ว..รอได้ค่ะ :mew1:
-
รอได้
ขอให้หายดีเร็ววันเร็วคืน
กดบวก :mew1:
-
หายไวๆนะครับ
-
หายเร็วๆนะคะะะะะ
มารอเลยเนี่ย
><
-
มองแต่อล่ำๆของพี่เล่ย์ พุก็น่ากดมาก :haun4:
คิดถึงจริงๆเลย หายไวๆค่ะ :กอด1:
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
โดนใจมากกกกกกก พี่เล่ย์หล่อเว่ออออออออออร์ :m3:
คุณเรนโบว์หาอิมเมจได้เก่งมากกกก แบบมันใช่เลยยยย o13
เห็นด้วยมากๆที่อิมเมจพี่เล่ย์หายากโคตรๆ
เราเคยนั่งหาแต่ไม่เคยได้เลย อย่างว่าละนะ สกินเฮดหล่อโคตรพ่อ
ถ้าหน้าไม่เป๊ะจริงและหัวไม่สวยนี่ดับเลย สุดท้ายได้แต่จิ้นในจินตนาการ
ในความคิดเราพี่เล่ย์หล่อมากๆเลยนะ แขกขาว ตาคมเฉี่ยวๆดุๆ จมูกโด่ง ปากสวย
และที่สำคัญตัดสกินเฮดแล้วหล่อ แสดงว่าหัวสวยและหน้าต้องแบบสรรค์สร้างมาก
ง่ายๆคือผชคนนี้ต้องหล่อมากกกกกกกกกกกกกกกกนั่นเอง :laugh:
ปลื้มมากเลยค่ะ เห็นอิมเมจแล้วใจละลาย มันได้ทุกสัดส่วนจริงๆยกเว้นทรงผมนะ 555
และโดยเฉพาะดวงตา ตาดุๆคมๆแบบนี้มันเชือดเฉือนใจเรามากกกกกกกกกกก :-[
ส่วนอิมเมจพุก้ได้อยู่ เราจิ้นไว้ว่าพุมีรอยยิ้มที่สว่างสดใสอะ
ดูธรรมดาๆแต่เวลายิ้มทีแล้วอยากยิ้มตาม แบบนั้นเลย และต้องเป็นตาใสๆดูซื่อๆหน่อย เป๊ะ!
เหมือนมองหน้าก้รู้ถึงไส้ติ่ง สายตาและใบหน้าแสดงความรู้สึกได้ ประมาณนั้น
และที่สำคัญนางต้องไม่สูง คือเตี้ยนั่นเอง :m20: #แซวจ้ะแซว
เม้นยาวมาก แลดูเหมือนเก็บกด ทนๆอ่านหน่อยนะคะ ฮ่าๆ
ปล.พักผ่อนมากๆ หายไวๆนะคะ เราคิดถึงคุณเรนโบว์ทุกวันเลย :กอด1:
-
อ๊าคคคค!!!
หล่อขนาดนี้ ตายได้ยังไง :hao4:
-
คิดถึงพี่เล่ย์!!!
-
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดชอบที่สุดอะ :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
-
:heaven :heaven ฟินเบาๆ
-
พุน่ารักอ่ะ อิจฉาพุจังได้ซบอกล่ำ ๆ ของพี่เล่ย์ด้วย
น่าจะขยายภาพให้ใหญ่ ๆ เลยเนาะ หุ หุ หุ
-
หล่อเด้งทั้งคู่เลย
พุและเล่ย์
ขอบคุณสำหรับอิมเมจ+1
-
หล่อโคตรเลยพี่เล่ย์
พุก็หล่อนะแต่แบบหวาน
+1แต้ม :mew1:
-
:hao5: อย่างฟินนนนนนนนนนนนนน คิดถึงเอียเล่ย์อ่าาาาาาาา :heaven :L2: :L2:
-
รอฮ่ะ :impress2:
-
อิมเมจพี่เล่ย์ หล่อเกินคำบรรยาย ตรงกับที่จินตนาการไว้เกือบทั้งหมดเลยค่ะ แต่เรามักจินตนาการพี่เล่ย์ออกคล้ำแดดนิด ๆ อ่ะ แบบ พวกเรียนเกษตรน่าจะออกแดดบ่อย ลุย ๆ อะไรแบบเนี้ย แล้วก็เหมือนคนอื่นกับคุณเรนโบว์คือพี่เล่ย์ต้องเป็นทรงสกินเฮดเท่านั้น
ส่วนน้องพุ สำหรับเราไม่ค่อยตรงกับที่เราจินตนาการเท่าไหร่ รู้สึกอิมเมจนี้ออกแนวสวย ดูเป็นผู้ใหญ่ แต่เราจินตนาการน้องพุเป็นแบบไม่ได้สวย แต่ออกแนวน่ารัก ๆ ตัวเล็ก ๆ ผอม ๆ ดูเด็ก ๆ อ่ะค่ะ
ขอบคุณสำหรับอิมเมจค่ะ อยากเห็นอิมเมจของคนอื่นด้วยจังเลย โดยเฉพาะพี่เกียร์ น้องพัน น้องข้าว :m1:
ขอให้คุณเรนโบว์หายป่วยไว ๆ น้า กินยาสม่ำเสมอนะคะ เดี๋ยวไข้กลับอีกนะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ :pig4: :L1:
-
ไม่ได้ลืมนะว่าต้องมาส่งพี่เล่ย์
พยายามแต่งอยู่ :katai4: :katai4: :katai4:
สู้ ๆ เนะ :hao3:
-
มาส่องน้ำพุน่ารักฝุดฝุด
+1
-
รอออออออออออพี่เล่ย์
คิดถึงคุณเรนโบว์จัง บวกค่า
-
:mew2: :mew2: :mew2: :mew2:คิดถึงพุกับพี่เลย์จังเลย :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
ตามอ่านทันแล้ว อยากบอกว่า......
ตอนแรกๆนั้นออกจหมั่นไส้พี่เลย์ ชอบแกล้งน้อง
ตอนกลางนั่งยิ้มแบบไม่มีสาเหตุ (หวานกันจริง)
ตอนท้ายเล่นเอาน้ำตาตก ไม่จริงใช่มั้ย
ไม่อยากจะคิดอะไร ถึงจะได้อ่านคำเตือนแล้วก็ตาม
แต่ไม่คิดว่ามันจะออกมาแบบนี้ โฮก น้ำตาตก
อ่านต่อมาอีกเริ่มดีขึ้นมา เมื่อพุมีคนมีดูแล
แต่ก็ยังคิดถึงพี่เล่ย์อยู่ดี
อ่านไปเรื่อยๆ แบบไม่พัก ความหวานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อ่านต่อไปอีก เริ่มลุ้นว่าเฮียแพทจะเป็นไงต่อ
อ่านตามมาเรื่อยๆ อ้าวกลายเป็นเรื่องของพัน ก็อยากรู้ว่าจะลงเอยอย่างไร
อ่านไปอีก น้องปริ้นซ์น่าสงสารอ่ะ อยากร้องไห้
อ่านจนท้ายสุด รอท่านหายป่วย
หายป่วยไวๆนะขอรับ
ปล. อยากเห็นรูปพี่เกียร์บ้างจัง
-
คิดถึงจุงเบย :mew2:
-
คิดถึงนะคะ :กอด1:
-
มานั่งรอนะคะ ;)
-
^^
-
คนอ่านใหม่ค่ะ ตามอ่านรวดเดียว สามวันสามคืนจนทัน
เรื่องราวมากมาย อ่านไปใจหายใจคว่ำ
หลังจากกระชากใจคนอ่าน ด้วยการสังหารตัวเอกคือพี่เล่ย์อย่างกะทันหัน(โดยที่บอกล่วงหน้าก่อนแล้ว 1 ตอน ยังมีหลายคนน้ำตาท่วมจอ จิตตกเลิกอ่านกันไปก็หลายคน)
จากนั้นคนแต่ง ก็ลูบหลังปลอบโยนด้วยการส่งพี่เกียร์มาดูแลน้องพุแทน จากขมๆ ก็มาหวานซะน้ำตาร่วงด้วยความปลื้มใจ
ต่อด้วยคู่พี่แพทกับพี่เผ่า แทรกมานิดนึง พอให้คนอ่านตะเกียกตะกาย เค้นพลังความคิดช่วยพี่เผ่า ว่าจะผ่านด่านคุณนายแม่ได้ยังไง ถึงขนาดคิดไปว่า คงต้องให้คุณนายแม่ โดนคนแต่งสังหารโหดไปอีกคน น่าจะง่ายกว่า :hao5:
จากนั้นก็ต้องมากระโดดถือปอมๆ เชียร์น้องพัน ว่าจะคู่กับน้องข้าว รึว่ากับน้องปริ้นซ์
(ใจจริงแอบคิดว่า พัน น่าจะเป็นผู้ชายที่ควรจะมีคู่เป็นหญิง บ้างซักคนหนึ่ง ฮ่าๆ)
อ่านช้าไป เขาโหวต ว่าเป็นพัน กับข้าวไปแล้ว
นึกๆตามไปก็ดีนะ เป็นคู่หู คู่กัด ตบหัวกันมั่ง ข้าวออดอ้อนออเซาะมั่ง ก็น่ารักดี
แต่อ่านมาถึงตอนท้ายๆ นี่สุดท้ายก็เซื่องซึมเพราะปมหลังของน้องปริ้นซ์ แทบจะหมดแรงอ่าน
อะไรที่เกี่ยวกับความรักในครอบครัว แบบนี้ กระทบใจมาก (ซึมยิ่งกว่าตอนพี่เล่ย์ตายอีก)
แต่แอบฮาคอมเมนต์นึงที่ว่า ตกลงนี่มันเรื่องของพัน แน่รึเปล่า เพราะวิเคราะห์น้องปริ๊นซ์ซะใจแทบสลาย 555
รอติดตามอ่านต่อๆๆไปค่ะ
จะไปอ่านเรื่องในลิ้งก์อื่นด้วยค่ะ
คนแต่งสุดยอดมาก แต่งหลายๆเรื่องในช่วงเวลาใกล้เคียงกันแบบนี้ ยกนิ้วให้เลย :a2:
-
เพิ่งตามอ่านทันค่ะ เรื่องสนุกดี
ขอให้หายป่วยเร็วๆนะคะ
-
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:มาแล้ววววววววววววววววววว :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:
-
กิ๊ดดดดดดดดดดดดดด คิดถึงมากกกกก
เกียร์-พุ อะไรยังไง ตายๆๆๆ
-
อะไรยังไงงงงงงงงงง พี่เกียร์รับน้องพุหรอ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ดีใจเว่อร์คุณรุ้งกลับมาแล้ว ;;________________;;
มาคราวละ10%ก็ดีใจอ่ะจุดนี้ ปริ่มเว่อร์จริงๆ
ขอบคุณนะค่ะ
-
อ่อยยยยย
พี่เล่ย์รู้วว
>__<
เท่สุดอ่ะผู้ชายคนนี่!!!
-
คุณสายรุ้งกลับมาแล้ววว ^^
-
มาแล้ววว ยังรอเรื่องเฮียแพทอยู่น่ะะะ :mew2: :mew2:
-
อร๋าย พี่เลย์ รู้แล้วอะ เห็นแล้วอะ
-
แฮ๊ๆๆๆ
แปะขอบจอ อ่านตอนพิเศษ
-- เกียร์กับพุ เคยรู้จักกันมาก่อน
เคยแอบคิดอยู่เหมือนกันนิดนึงนะ ว่าสองคนนี้น่าจะเคยรู้จักกันก่อนพี่เล่ย์
แล้วคุณพี่เกียร์ ก็แอบหลงน้อง มาก่อนแล้วด้วย
แต่พุเป็นพวกความจำเลื่อนลอย เลยจำเกียร์ไม่ได้ ล่ะมั้ง
ยังไงนะ ยังไงนะ
รออ่านต่อค๊าบ
-
พุไปขอลายเซ็นตอนรับน้อง(เดาอีกแระคึ คึ)
-
:mc4: :mc4: :mc4: :mc4: มาแว้ววววว
-
คิดถึงพี่เล่ย์มากค่ะ พอๆกับที่คิดถึงคนเขียนเลย :กอด1:
-
ยิ่งอ่านตอนพี่เลย์ยิ่งคิดถึง :ling1:
-
:a5: ห๊ะ!!!! อะไรยังไง อ่ะ มาต่อไวๆๆๆ น๊าาาา คิดเถิงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :katai3:
-
ความลับของพี่เกียร์คือรู้จักพุมาก่อนพี่เล่ย์ แต่น้องจำไม่ได้
แล้วพี่เล่ย์จะทำไงต่อไป งั้นที่ตอนเกิดอุบัติเหตุที่พี่เล่ย์ถึงได้ฝากพุ
ไว้กับพี่เกียร์ใช่หรือป่าว เอ้! หรือว่าเราจำผิดว่ะ
-
จำได้แล้ว มันเป็นตอนต่อกับ กับตอน Ludwig ที่เกียร์รับน้องและหลอกพุไปกับตัวเอง ที่พุหาตึกไม่เจอแน่เลย
เกียร์น่าจะจำพุได้ แต่พุ ไม่น่าจะจำเกียร์ได้ตามฟอร์ม
แต่ต้องลุ้นว่าเกียร์รักพุก่อนหน้านี้หรือเปล่าหรือมารักทีหลัง
คิดถึงเรื่องนี้มาก ๆๆ
-
มาแล้วๆ ดีใจ จะได้อ่านพี่เกียร์กับพุแว้ว
เดาว่าตอนพุไปถามทางพี่เกียร์ตอนรับน้อง
ใช่ป่าวค่ะ
-
น่าจะเป็นตอนรับน้องแหละเนาะ และพุผู้ไม่สนใจโลกก็จำเกียร์ไม่ได้ พี่เล่ย์อย่าคิดมากนะ
-
เอ่อขอเดาด้วยคน
ตอนรับน้องน้ำพุจะเข้าไปถามเกียร์เพราะคิดว่าเป็นรุ่นพี่
แต่พอเจอแล้วก็กลายเป็นรุ่นเดียวกัน
มันอาจจะเป็นตอนนั้นหรือเปล่า
-
มาแค่นี้ก็ยังดีกว่า ....ไม่ได้มา เหอะๆๆ คิดถึงมากๆๆๆๆๆ
-
กลับมาแล้ววว :mew1:
คิดถึงพี่เลย์มากมายจ้า
แต่ตอนนี้พี่เลย์มาแปลกแฮะเหมือนเหงาๆ
-
พี่เล่ย์ มาแล้ว ๆ ๆ :m1:
ได้พี่เล่ย์เป็นผู้บรรยายบ้าง ให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปเลย เรียบ ๆ นิ่ง ๆ สมเป็นพี่เล่ย์
พุขี้เกรงใจพี่เกียร์ เพราะไม่สนิทอ่ะเนอะ ใครจะรู้ว่าอนาคตจะกลายมาเป็นคู่ชีวิตกัน โชคชะตามักเล่นตลกเสมอจริง ๆ
ภาพถ่ายพี่เกียร์กับพุ เมื่อตอนรับน้องที่เจอกันครั้งแรกสินะ ที่จริงก็ติดใจตรงนี้มานานแล้ว
ตอนนั้นจบแค่พี่เกียร์บอกว่าตัวเองชื่อลุควิค แล้วก็ขอให้น้ำพุไปช่วยตอนรับน้อง อยากรู้เรื่องต่อจากนั้นว่าเป็นยังไง
ท่าทางพุจำพี่เกียร์ไม่ได้แน่ ๆ ก็นะหน้าป้ายสีซะขนาดนั้น แต่พี่เกียร์น่าจะจำพุได้ พี่เกียร์รู้สึกอะไรกับพุรึเปล่านี่คือเรื่องที่ติดใจ
พี่เล่ย์คิดมากเีกี่ยวกับรูปถ่าย แต่เก็บอาการได้ดีสมเป็นพี่เล่ย์เลย
รอตอนต่อไปนะคะ ว่าเรื่องนี้พี่เล่ย์กับพี่เกียร์ได้เคลียร์กันมั้ย
ขอบคุณคุณเรนโบว์ค่ะ :pig4: :กอด1:
-
มาแล้ว :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
คิดอยู่พุกับเกียร์น่าจะรู้จักกันมากก่อน
-
:กอด1:
-
สรุปว่าสองคนนี้เคยรู้จักกันมาก่อน
แต่น้องจำพี่เกียร์ไม่ได้?
จริงดิ...
เฮ้ออออ
-
เห็นพี่เกียร์มาดีใจ
พอคิดว่าเด๋วพี่เกียร์ต้องตาย โฮ ๆ :mew4:
-
เอ้ยคนที่ตายอะไม่ใช่พี่เกีรย์แต่เป็นพี่เลย์ต่างหากละคะพูดแล้วเศ้รา :mew4: :mew4: :mew4: :mew4:
-
เอ้ยคนที่ตายอะไม่ใช่พี่เกีรย์แต่เป็นพี่เลย์ต่างหากละคะพูดแล้วเศ้รา :mew4: :mew4: :mew4: :mew4:
แอร๊ยส์ศ์ศ์ เค้าเรียกชื่อผิด!! :-[
-
คิดถึงเลย์มากๆๆๆ
-
ยิ่งอ่าน ยิ่งรู้ ยิ่งคิดถึงเล่ย์
บวกและเป็ด
อีก 70 ของเค้าล่ะ :z2:
-
เศร้า เสียใจ คิดถึง ทำไมเลย์ต้องจากไปด้วยอะ. อ่านจบภายในวันเดียว ร้องไห้ทุกฉาก แค่มีชื่อเลย์โผล่มา (พรุ่งนี้ตาบวมแน่ หึหึ). คือแบบว่าทำใจไม่ได้อะ แต่ก็ไม่ได้อะไรนะที่พุเป็นแฟนกะเกียร์เพราะเลย์ก็รักทั้งสองคนมากก แต่สำหรับเราเลย์คือแฟนพุเสมอนะ
-
:katai5: :katai5: :katai5: พี่เลย์แอบล้วงความลับน้องพุ :katai5: :katai5: :katai5:
-
มาต่อบ่อยๆ จะได้เขียนง่ายขึ้นนน :mew1:
-
โอ้ เกียร์ดอดไปหาพุถึงบ้านไร่
เอาแล้วๆๆๆๆๆๆ
ไข่ดาวท่วมน้ำมัน สำหรับเล่ย์จะอร่อยมั้ย
อร่อยน่า นะ
มาต่อบ่อยๆ จิ เค้าอยากอ่านมาก
บวกและเป็ดคิดถึงๆๆๆๆๆๆ :hao5:
-
นึกภาพตามอยากกินไข่ดาวกรอบๆแบบนี้ ขอใบหนึ่งดิพุ :hao3:
-
เอ เกียร์ไปตอนไหนหว่า ต้องไปอ่านใหม่ละ
-
พี่่ย์แอบล้วงความลับพุ 5555
คุณเรนโบว์มาต่อบ่อยๆ สิคะ เดี๋ยวก็ชิน ^^
-
หายตามคุณเรนโบว์ไปเหมือนกัน ที่ผ่านมาแทบไม่ได้เข้าเล้าเลย
ยิ่งอ่านน้ำตาก้ยิ่งจะไหลอะ คิดถึงพี่เล่ย์มากๆๆๆ รักผู้ชายคนนี้จัง
เอาตรงๆเลยนะคะ ตอนที่อ่านแรกๆอะ รู้สึกไม่ดีเลย
มันบอกไม่ถูก แต่เราไม่อยากให้พี่เล่ย์รับรู้หรือรู้สึกอะไร
ถึงความรู้สึกหรือความสัมพันธ์ของพี่เกียร์ที่มีต่อพุ
ไม่รู้สิ เหมือนเราอยากปกป้องความรู้สึกพี่เล่ย์มั้ง
การรับรู้แบบนี้มันเจ็บปวดนะ ถึงพี่เกียร์จะเป็นน้อง
ถึงตอนนั้นพุก้ไม่ได้คิดอะไร แต่ใจคนเป็นพี่มันจะนิ่งได้สักแค่ไหน
ไม่สิ ต่อให้เป็นใครก้ตาม เจอแบบนี้ก้คงไม่สบายใจเท่าไหร่
เราอยากให้พี่เล่ย์มีความสุข ไม่ว่าจะตอนไหนๆก้อยากให้มีความสุข
ถ้าพี่เล่ย์เล่นมารู้ความรู้สึกของพี่เกียร์แบบนี้
ช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นพี่เล่ย์ผ่านมันมาด้วยความรู้สึกแบบไหนกัน?
เป็นตอนพิเศษที่เราอยากอ่านเพราะคิดถึงพี่เล่ย์แต่ก้ไม่อยากอ่าน
เพราะไม่อยากรับรู้ว่าจริงๆแล้วผู้ชายคนนี้ก้รับรู้ทุกอย่างมาตลอดเช่นกัน
มันทำใจลำบากจริงๆ....
บวก1ให้คุณเรนโบว์ค่ะ ;)
-
คิดถึงพี่เลย์อะ
-
ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึงพี่เล่ย์อ่ะ แงๆๆ :ling1:
-
โอ๊ย คิดถึง
-
พี่เกียร์คงจะค่อยๆซึมซับและผูกพันกับพุ
แต่ไปถ่ายรูปกันได้งัยเอ่ย
-
ชอบตอนสองคนนี้อยู่ด้วยกันนะ
น้องดูใสมากอ่ะ
แอบอึ้งนิดหน่อย...พี่เกียร์สนใจพุตั้งนานแล้ว? หรือที่ทำไปโดยไม่รู้ตัว
น้องน่ารักอ่ะ เป็นธรรมชาติมาก ยิ่งอ่านที่พี่เลย์พูดถึงน้อง ยิ่งรู้สึกว่าน้องใสมากกกกก
ชอบอ่ะ
-
เอาอีก ชอบ ๆ
-
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกเศร้า :hao5:
ขอบคุณคะที่แต่งภาคพี่เลย์ให้หายคิดถึง :pig4:
-
แงงงงงงง พี่เล่ย์ T_____________T
แต่ทำไงได้อ้ะ แต่เพราะเป็นแบบนี้ป่าวพี่เล่ย์ถึงได้ไว้ใจฝากพุไว้กะพี่เกียร์
-
รักพี่เล่ย์อะ รักมากๆ รักแข่งกับพุมานานแล้วเนี่ย ฮ่าๆ
พุน่ารัก ถึงพุจะซื่อแต่พุก้น่ารักมากๆตรงที่ถ้าเป็นความรู้สึกของคนที่รักพุจะไวเสมอ
ดูท่าพี่เกียร์จะชอบพุตั้งแต่แรกอะ เห้อออออ น่าสงสารเหมือนกัน
เพราะตอนพุรักพี่เล่ย์ คนอื่นอยู่ในสายตานางที่ไหน
-
:monkeysad: ได้โปรดอย่ามาม่าน๊าาาาาาาา ฮึกกกกกกกก ชอบพี่เล่ย์อ่ะ เกิดใหม่มาคู่เขาได้มะ หุหุหุหุ :katai3:
-
อย่างไรดีล่ะ
บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่
มันเป็นตอนที่น่ารัก แต่....
มันก็แอบเจ็บจิ๊ดๆเรื่องเกียร์กับน้ำพุไปด้วย
พี่เล่ย์สุดยอด
-
รออ่านต่อ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
นี่คือดราม่า ในความโมเอ้
พี่เล่ย์เหมือนรู้มานาน
แต่ไม่อยากให้เข้าใจว่าพุชอบอ่ะ
เป็นพี่เกียร์ที่รักข้างเดียวเอง
ฮืออออ
-
สงสารทั้งเล่ย์ ทั้งเกียร์เลยอ่ะ อดทนทั้งคู่ และรักพุมากทั้งคู่
โอ้ยยย พี่น้องคู่นีั กินกันไม่ลงอ่ะ
-
คิดถึงพี่เล่ย์ :monkeysad:
-
:hao5: :hao5: :hao5: :hao5:อ่านตอนนี้แล้วทำให้รู้เลยว่าทำมัยก่อนตายพี่เลย์ถึงฝากพุให้พี่เกีรย์ดูแล :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
-
เพราะเล่ย์รู้ใจเกียร์นี่เอง
ก่อนจากไปถึงได้ล่องลอย มาเกาะขอบรถฝากฝังให้เกียร์ดูแลพุใช่ม๊ายยยยยยยย
อร๊ากกกกกกก
พี่เลย์ของหนู
น้ำใจช่างกว้างใหญ่
**อินี่เดาเอาเองตลอด 555 ***
แอบสงสารพี่เกียร์นิดนึงอ่ะ มัวแต่ช้า โดนพี่เล่ย์ปาดหน้าคว้าพุไปกินซะก่อน
-
คิดถึงพี่เล่ย์นะ :กอด1:
พี่เกียร์ไว้ใจได้เลยฝากน้ำพุๆไว้ด้วยสินะ เป็นพี่น้องที่รสนิยมคล้ายกันจริงๆ ชอบของแปลก แอร๊ยพุอย่าเตะเค้าน้า ล้อเล่น :m20:
พี่เกียร์ตอนนั้นคงปวดใจน่าดูที่ต้องเห็นคนที่รักทั้งสองอยู่ด้วยกันแบบนี้ :mew4:
-
อ่านเม้นแล้วก็อยากอ่านต่อ
เดี๋ยวเรามาอ่านนะจ๊ะ
เรื่องน่าติดตาม มากๆ ชอบมากจ้าาา
-
เหมือนตอนนี้เป็นส่วนที่ขาด // ความลับ สมชื่อเลยค่ะ
สาเหตุที่วันนี้พี่เล่ย์ฝากเกียร์ไว้ให้ดูแลพุ ก็เพราะรู้มาตลอดสินะ (;______;
-
ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึงพี่เล่ย์ :m15:
-
ทำไมอ่านแล้วเศร้า 555 เหมือนวางมาว่าพี่เล่ย์ต้องตายเพื่อให้พี่เกียร์สมหวังเลย
-
อรั๊ยย่ะ ยิ่งอ่านยิ่งน้ำตาคลอ คิดถึงพี่เล่ย์ :impress3:
-
สงสัยพี่เกียร์หล่อไม่พอ น้องพุเลยจำไม่ได้ซะงั้น :laugh:
-
:katai4: :katai4: สู้ๆๆค่ะ
-
เป็นพี่เกียร์นี่คงเจ็บ ณ ขณะนั้นอะนะ :z3:
น้ำพุจำตัวเองไม่ได้ ไม่รู้จะสงสารพี่เกียร์หรือขำน้ำพุดี :mew2: :laugh:
-
สั้นอ่ะ
อยากได้อีก
เท่าไหร่ก็ไม่พอ
มันเป็นเรื่องที่ผ่านมา และผ่านไปจริงๆสำหรับน้ำพุ
เรื่องพี่เกียร์นั่นน่ะ
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
สรุปว่า พี่เล่ย์อดใช่ป่ะ 5555 มารผจญจริงๆ
พี่เลย์อย่าคิดมาก พี่เกียร์ไม่มีวันทรยศพี่เล่ย์แน่ๆ พุด้วย
-
แล้วอย่างงี้จะมีตอนพิเศษแบบว่า when we first met ของพี่เกียร์กับน้องพุมั้ยคะ :impress2:
ถึงขนาดพี่เกียร์เก็บรูปไว้แสดงว่ามันต้องสำคัญและน่าประทับใจ(สำหรับพี่เกียร์)น่าดูเลย
เห็นมีแต่คนคิดถึงพี่เล่ย์ เราเลยขอแหวกแนวคิดถึงพี่เกียร์บ้าง
แบบว่าพี่เล่ย์ดีเกินไปในความคิดเรา ชอบแบบพี่เกียร์มากกว่า :hao3:
-
ขอบคุณค่า :pig4:
-
พี่เกียร์ตอนนั้นจะรู้สึกยังงัยนะ
-
ลบออกทำไมเนะ ยังไม่ได้อ่านเลย :hao4:
-
อยากอ่านๆๆ :katai1:
-
อ้าวววว
ถูกลบไปแล้ว
หรือว่า...
มันจะไปปรากฏในหนังสือรวมเล่ม?
-
เอ๋ หายไปไหนแล้วเหรอคะ
-
อ่านไม่ทัน เสียใจ ฮื่ออออ
-
โฮฮฮฮฮ อ่านไม่ทัน :hao5: :hao5: :hao5:
-
:hao5: :hao5: มาอ่านไม่ทันอ่ะ ถ้าวันนี้ไม่ต้องไปต่างจังหวัดก็ได้อ่านแล้วเนี่ย แงงงงง :heaven
-
:a5: อ่าาาาาาาาาาาาาาาา เรามาช้าไปรึนี่ :o12:
-
เข้ามาตอนที่เห็น
SOME THINGS ARE BEST KEPT SECRETS
ชอบนะ
มองอย่างครีเอทีฟ คือเก๋กู้ดมาก
แอบดีใจที่อ่านไม่ทัน แค่นี้ก็พอแล้ว
รู้แค่นี้สบายใจแล้ว
แค่ตอนนี้ รักกันก็พอ
^^
-
ไม่อยากให้อ่านก็ไม่เป็นไรเนะ
ก็ถือว่าไม่อยากให้อ่านเนะ
-
วันนี้จะมามั๊ยน๊า
คิดถึงพุแล้วอ่ะค่ะ
-
แล้วอย่างงี้จะมีตอนพิเศษแบบว่า when we first met ของพี่เกียร์กับน้องพุมั้ยคะ :impress2:
ถึงขนาดพี่เกียร์เก็บรูปไว้แสดงว่ามันต้องสำคัญและน่าประทับใจ(สำหรับพี่เกียร์)น่าดูเลย
เห็นมีแต่คนคิดถึงพี่เล่ย์ เราเลยขอแหวกแนวคิดถึงพี่เกียร์บ้าง
แบบว่าพี่เล่ย์ดีเกินไปในความคิดเรา ชอบแบบพี่เกียร์มากกว่า :hao3:9
ตอนนี้มีนะค่ะ ที่พี่เกียร์บอกว่าชื่อลุควิก(เขียนชื่อถูกเปล่าหว่า)
กลับไปอ่านดีๆ นะค่ะ
-
ซึ้งมากน้าตาซึม พี่เล่ย์พระเอกตัวจริงมากรักแฟน รักน้อง พร้อมจะเสียสละ คิดถึงเล่ย์ความรู้สึกตอนเล่ย์ตายกลับมาอีกแล้ว ฮือๆเศร้าจัง พุโชคดีที่มีคนรักดีๆอย่างสองคนนี้ อยากอ่านด้านความรู้สึกของเกียร์บ้าง เสียใจมากไหมที่พุจำไม่ได้ ตอนที่มีอะไรกับพุครั้งแรกตั้งใจไม่ได้เมาจริงๆไช่ไหม
-
ซาบซึ้งจัง
-
อ่านตอนที่ยังไม่ครบ 100 % รู้สึกอึนๆ ไม่อยากให้พี่เล่ย์พี่เกียร์ชอบพุพร้อมๆกัน สงสารพี่เล่ย์
แต่อ่านตอนหลังสุดนี้แล้ว รู้สึกดีนะ พี่น้องยังรักกันอบอุ่นดี ชอบๆ :m18:
-
พี่เลย์เท่มากกกกก
โฮววววว
เกินจะเอื้อนเอ่ยยย
แต่แบบบบ เท่สุดดดดด
-
ยังซึ้งเหมือนเดิม พ่อพระของฉันพี่เล่ย์
น้ำพุโชคดีมาก ทๆ เลยนะที่ได้เป็นคนรักของทั้งเกียร์และเล่ย์
-
อิจฉาพุอะ สงสารพี่เลย์อะ พ่อพระจริงจริง
-
พี่เล่ย์แม่มมมมมมม ม า ย ไ อ ด อ ลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล :a2:
-
พี่เล่ย์เป็นคนดีที่หนึ่งเลยย ยย
อิจฉาพุเบา ๆ เป็นที่รักของสองพี่น้องนี้
-
ซึ้งกับความรักในแบบพี่เล่ย์
อยากรู้ว่าพุถึงจำพี่เกียร์ไม่ได้
:pig4:
-
เป็นความรักที่อบอุ่นมากเลย
พี่เล่ย์เป็นพี่ชายที่แสนดีสุดๆเลย
ตอนนี้ซึ้งอ่ะ ความรักความผูกพันเห็นภาพชัดเจนเลยค่ะ
-
จบได้ซึ้งมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก น้ำตาจะไหลด้วยความปลื้มปริ่ม
พี่เล่ย์หล่อมากกกกกกก หล่อทั้งใจทั้งความคิดการกระทำและหน้าตา ทุกๆอย่าง!
โคตรรักผู้ชายคนนี้เลยยยยยยยย รักมากกกกกกกกๆๆๆๆๆๆ
เป็นผู้ชายที่เป็นต้นแบบที่ดีของพี่ชายและคนรักสุดๆ
ทำไมพี่ถึงได้พระเอกชิบหายได้เท่ห์แบบนี้นะ ใจพี่มันใหญ่มากอะ ยกนิ้วให้เลย
อ่านละแบบฮือออออ คิดถึงจัง รักจังผู้ชายคนนี้
อยากบอกอีกสักรอบว่าชอบความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องคู่นี้เหลือเกิน
ในเมื่อพี่เล่ย์ให้พี่เกียร์ได้ทุกอย่างเราเชื่อเลยว่าพี่เกียร์คงไม่ต่างกัน
พี่น้องคู่นี้เราเชื่อ เชื่อเลยว่าไม่มีเรื่องไหนในโลกทำให้เขาตัดกันได้
โอยยยยยยยยยย รักรักรักรักรักฮัลเลย์ รักพี่เล่ย์ รักคุณเรนโบว์ 555
อยากอ่านอีกอ่าาา ไม่เคยพอเลยยย อยากได้หนังสือด้วย
อยากได้ทุกอย่างที่มีพี่เล่ย์มาเกี่ยวข้อง ฮ่าๆ
ยังไงรอติดตามอยู่เสมอนะคะ บวกค่า
-
อ่านแล้วน้ำตาไหล
พุโชคดีที่มีคนรักพุมากมายขนาดนี้ถึงสองคน
-
เคยอ่านพุกับเลย์แต่นานแล้ว พอได้มาอ่านเกียร์พุแล้ว ไม่กล้ากลับไปอ่านเลย์อ่ะ (แม้จะจำไม่ได้แล้วก็เหอะ)
สาเหตุ...... เรื่องมันเศร้า แค่ตอนเริ่มพุเกียร์ก็น้ำตาร่วงแล้ว ร่วงอยู่หลายตอนด้วย เลยทำใจไม่ได้ อิงจัด เพลียตัวเองจริงๆ :katai1: :katai1:
-
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึงพี่เลย์อะ :mew4: :mew4: :mew4:
-
นี่แหละความรักในแบบพี่เล่ย์ โครตอินอ้ะ T_T
เราว่าเกียร์คงรู้มั่งแหละ ฉลาดๆ แบบเกียร์ต้องคิดได้บ้างแหละัว่าเล่ย์ต้องการจะสื่ออะไร
-
:กอด1: หนูรักพี่เลย์ค่ะ
-
:hao5: :hao5:
-
เล่ยอย่างเท่อ่ะ
มีพี่ชายแบบนี้
ทั้งชีวิตก็ยกให้ได้ไม่เสียดาย :hao5:
บวกและเป็ด
-
ซาบซึ้งใจในความรักของพี่น้องคู่นี้ได้ตลอดเวลาจริง ๆ
พี่เล่ย์ พี่ชายที่แสนดีของพี่เกียร์ และคนรักที่แสนดีน้ำพุ
รู้สึกดีจัง ที่แม้พี่เล่ย์จะมีคิดอะไรบ้างเรื่องที่เห็นรูปถ่ายพี่เกียร์กับน้ำพุ
แล้วเริ่มจับความรู้สึกของพี่เกียร์ได้ ว่าคงรู้สึกอะไรกับพุอยู่บ้าง
แต่ที่พี่เล่ย์ตอบกลับความรู้สึกเหล่านั้น กลับไม่ใช่ความระแวง ในตัวน้องชาย และคนรัก
กลับกลายเป็นความไว้เนื้อเชื่อใจ และต้องการเห็นคนที่รักมีความสุข
และสิ่งที่พี่เล่ย์ย่อมรู้ดีที่สุดก็คือ พี่เกียร์ กับ น้ำพุ ก็รักพี่เล่ย์ไม่ได้น้อยไปกว่าที่พี่เล่ย์รักทั้งคู่เลย
ดังนั้น พี่เกียร์และน้ำพุ ไม่มีวันที่จะหักหลังพี่เล่ย์แน่นอน
ความรักของพี่น้องคู่นี้ มันเป็นอะไรที่มากกว่าความผูกพันซะอีก
คนที่เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันแท้ ๆ ยังหาได้ยากที่จะรักกันมากแบบตายแทนกันได้อย่างพี่เล่ย์และพี่เกียร์
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษมาก ๆ เลยค่ะ ยิ่งอ่านยิ่งรัก ผู้ชายที่ชื่อ"ฮัลเล่ย์" มากขึ้นทุกครั้งเลย
ขอบคุณคุณเรนโบว์ที่เอามาลงให้อ่านใหม่นะคะ :pig4: :กอด1:
-
เพราะพี่น้องคู่นี้รักกันและเข้าใจกัน และทั้งคู่รักพุมาก จึงทำให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างลื่นไหลไม่สะดุด
ยิ่งอ่านยิ่งต้องการอ่านมากขึ้นไปอีก
-
:o8: พี่เล่ย์
-
คิดถึงพี่เล่ย์ :กอด1:
-
มันพูดอะไรไม่ออก มันตื้นตันกับสองพี่น้องคู่นี้ :monkeysad:
เรารักทั้งสามคนเลยนะ ไม่ว่าจะพี่เล่ย์ พี่เกียร์และน้ำพุ :กอด1:
อย่างน้อยในช่วงเวลาหนึ่ง ทุกคนก็มีความสุขกับคนที่ตัวเองรักนะ :L1:
-
ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึง
ยิ่งอ่านยิ่งรักพี่เลย์ :L1:
+1และเป็ด
-
ได้รับรู้แค่วันวานของพี่เล่ย์ ที่ปัจจุบันและอนาคตมันไม่มีให้เห็นอีกแล้ว อย่างงี้ มันเศร้าแท้หราาาา :o12: :o12: :o12:
ถึงพี่เกียร์จะหล่อก็เถอะ แต่เค้าคิดถึงพี่เล่ย์อ่ะ :impress3:
-
คิดถึงคนที่เค้าจากไป
-
อ้าว เปลี่ยนใหม่หรือคะ จบแบบนี้ก็สมกับเป็นพี่เล่ย์ดี คาแรคเตอร์รักครอบครัวของสองพี่น้อง
เทียบกับของอันเก่าที่ดูหวาดระแวงจนแอบหลอกถามน้องเลยเหมือนอันนั้นหลุดๆเลย
แต่เรากลับชอบแบบอันเก่าที่ถูกลบไปมากกว่าแฮะ มันให้ความรู้สึกว่าพี่เล่ย์ก็มนุษย์ธรรมดาๆคนนึงดีอ่ะ แบบไม่ใช่เพอร์เฟคแมนเกินไปอะไรงี้
อ้อ ในฐานะแฟนคลับของนภสินธุ์ ยังยืนยันคำเดิมว่าอยากอ่าน when we first met ในมุมของพี่เกียร์อยู่นะคะ :hao5:
-
คิดถึงพี่เลย์มากค่า แต่เป็นความคิดถึงแบบดีใจ(เพราะเหมือนได้เจอพึ่เลย์อีก)ปนปวดใจ(พี่ไม่อยู่ จากไปแล้ว เศร้าอ่ะ) แต่ก็รู้สึกดีที่ยังได้คิดถึงค่ะ คุณริบบิ้นเข็นพระเอกใหม่แบบพี่เลย์แต่ไม่ตายได้ไหมค่ะ
-
จบตอนได้สวยมากจริงๆ :heaven
คิดถึงพี่เลย์จริงๆและเมื่ออ่านตอนนี้แล้วก็ยิ่งตอกย้ำว่าเล่ย์เค้าไว้วางใจน้องมากแค่ไหน
เป็นพี่ที่ดีมากๆ และเป็นคนรักที่ดีมากๆเช่นกัน ยิ่งพูดยิ่งคิดถึงง่ะ :hao5:
-
o13ชอบแล้วสิ อ่านครั้งเดียวยาวเลยยยย มาต่อเร็วๆนะครับ
-
พี่เล่ย์โคตรเท่ o13
-
เอ่อ อ่านตอนต่อใหม่ แอบปวดใจแทนพี่เกียร์จัง
เรียกได้ว่าอกหักตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเลยทีเดียว
พี่เล่ย์ ในตอนนั้นก็คงทำใจลำบากเหมือนกันนะ
แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงน่ะแหละ
แบบนี้แหละ ดีที่สุดแล้ว
คิดภาพย้อนหลังกลับไป ถ้า..ถ้าหากว่าพี่เล่ย์ไม่ตายไป พี่เกียร์จะเป็นยังไงน๊า
-
เฮ้อ แอบสงสารเกียร์
แต่พี่เล่ก้อเป็นที่หนึ่งในใจเสมอ
-
คิดถึงพุแล้วอ่ะค่ะ มาต่อเถอะนะค่ะ
-
ระดับความหื่นของพี่เกียร์พุ่งปรี๊ดเมือ่อยู่กับพุทุกที ชอบ มาเรื่อย ๆ ก็ดีนะ :-)
-
น่ารักอ่ะ ชอบตอนพุอยู่กับพี่เกียร์จัง
แบบว่าน่ารักเป็นธรรมชาติดีค่ะ
-
:hao7: ชอบบบบบบบบบ เอาพี่เล่ย์มาออกอีกก็ดีเน้อออออออ :hao5:
-
น่าร้ากกกกกกกกกกก >.< อ่านละฮาพุอะ ฮ่าๆ
พุน่ารักน่าแกล้งดีเนอะ แต่น้องพัน ทำไมไม่กินปลาร้าล่ะลูก
แหม่ ไม่รู้จักของดีซะแล้ว 555
อยากอ่านพันข้าวจังเลยค่ะคุณเรนโบว์ เราคิดถึงคู่นี้ >___<
-
พันมันฮาน่ะ 55555
-
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ ดังนั้นเมื่อมีการอัพตอนใหม่ ๆๆ จะดีใจมากดังนั้นรบกวนเอาไปรวมในหนังสือด้วยนะค่ะ เอาเยอะ ๆๆ คะชอบอ่าน พุอยู่กับ
เล่ย์ก็น่ารัก อยู่กับเกียร์ก็น่ารัก ด้วยพื้นฐานคนมีความรักให้กันมันเลยมองมีความสุข ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ
-
กลับบ้าน น่ารักกันทั้งบ้านเลย
พันก็มีมุมที่เลือกกินนะ ปลาร้า แซ่บหลาย ไม่กินแล้วจะเสียดาย 555
ประโยค-เด็ดใบกระเพรานะ ไม่ใช่รูด- คุ้นๆเหมือนเคยอ่านจากตรงไหน
-
ชอบแบบเรื่อย ๆ นี่แหละ อ่านแล้วเพลินดี หิวข้าวด้วย
-
:-[ :-[ :-[ :-[ตอนนี้มาแบบสบายๆแต่อบอุ่นและน่ารักกกกมากกกกกกกกกกกก :mew3: :mew3: :mew3:
-
บ้านน้องพุน่ารักกันทั้งบ้านเลยอ่ะ
-
พี่เกียร์น้องพุ หวานกันตลอด ๆ จริง ๆ เลย เขิน ๆ :-[
ความหื่นของพี่เกียร์นี่ไม่เคยลดเลยนะ แหม ขนาดที่บ้านพุนะเนี่ย อิอิ :z1:
พูดเรื่องเด็ดใบกระเพรา แอบนึกไปถึงตอนที่พุไปเที่ยวบ้านพี่เล่ย์กับพี่เกียร์ ครั้งแรกเลยอ่ะ
คุณลูกเขยบ้านนี้เข้ากับแม่ยายได้ดีจนพุอิจฉาเชียว ชอบเวลาีพี่เกียร์เรียกแทนตัวเองว่า เกียร์ กับแม่จัง น่ารักดี
พี่พุกับน้องพัน พี่น้องรัก ๆ กันไม่แพ้พี่เล่ย์กับพี่เกียร์เลย เล่นกันเป็นเด็ก ๆ น่ารักจังเลย
น้องพุ พูดอะไรผิดไปรึเปล่า พี่เกียร์เป็นเขยนะไม่ใช่สะใภ้ แหม แอบเนียนเปลี่ยนสถานะตัวเองเฉยเลยนะ
แต่น้องพัน ไม่กินปลาร้า ปลาเค็ม เหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อ ยังจะมาเล่นมุกปิดท้ายอีกนะ
คิดถึงน้องข้าวจังเลยอ่ะ จะมีน้องข้าวมาบ้างมั้ยคะเนี่ย คิดถึง ๆ
ยิ่งไม่มีสาระ เรายิ่งชอบล่ะ สบาย ๆ ดี เอามาบ่อย ๆ เลยค่ะ
ขอบคุณ คุณเรนโบว์ ค่่า :กอด1: :L2:
-
อร๊ายยย ตอนไม่มีสาระนี่แหละ น่ารักที่สุด เอาไปรวมด้วยนะคะ ชอบอ้ะ >_<
-
เออ เนอะ มันเหนื่อยแล้วไม่น่ากินหรอก
-
ไม่มีสาระแต่ก็ทำให้ยิ้มได้ แต่ส่งมาอีกได้ค่ะคุณเปาเปา
ขำมุกพัน ปลาร้า ปลาเหนื่อย 555
-
เป็นวันธรรมดาหนึ่งวันที่ทำให้เรามีความสุขไปด้วย ชอบๆ เอาอีกๆ :impress2:
-
:sad4:พันน่ารักอ่ะ ชอบแล้วหละ
-
หวานจริงๆ :mew1:
-
น่ารักอะพุ
-
:ling1: :ling1: :ling1: :ling1:เค้าคิดถึงพี่เลย์ :mew6: :mew6: :mew6:
-
น่ารัก โอ๊ยคิดฮอดพี่เล่ย์ พี่เกียร์ก็น่ารัก
-
ง๊างงงงงงงงงงง
พี่เล่ย์ปาลูกดอก แม่นโป๊ะๆๆๆๆ
น่าจะให้ปาตั้งนานแล้ว
(แต่ปาแม่นมากๆ อาจมีโดนเจ้าของร้านแช่งในใจนะ ฮ่าๆ)
-
น่ารักมากกกกกกกกกกกก อ๊าคคคคค เอาอีกๆๆ ปั่นเข้าๆๆคุณเรนโบว์ :katai4:
-
คุณเรนโบว์เค้าคิดถึงพี่เล่ย์อ่ะ :mew6:
-
แหม่!.... มันดีอย่างนี้นี่เอง
-
ขอพระเอก 2 คนไม่ได้เหรอ
เกิดอาการรักพี่เสียดายน้อง
-
พี่เล่ย์ เทห์อะ เก่งด้วย อิอิ
-
โอ๊ะ พี่เล่ย์
-
เราพลาดการบอกเล่าบอกข่าวจากคนเขียนไปรึเปล่าหว่า??
ทำไมช่วงนี้ คนเขียนถึงกลับมาปั่นเรื่องของพี่เล่ย์อีกอ่ะคะ?
แอบงงมา 2-3 ตอนละ แหะๆ ^^'
-
ไม่ว่าจะเล่ย์หรือเกียร์ ก็รักพุเหมือนกันชอบบบ o13 o13
-
:mew6: ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึงสุุดที่รัก
-
แหม่ๆ มีมาให้แม่ยกปันใจกันไม่ทันเลยคร่า
คนพี่ก็ดีแบบนึง คนน้องก็ดีอีกแบบ
เรารักกัน 3 คนไปเลยดีมั้ย ฮ่าๆๆ
ลุ้นๆว่าจะมีปัญหาอะไรรึเปล่า
-
รึว่าจะเอาตุ๊กตาของพุ
ไม่ได้นะ อันนี้มี้เล่ย์แลกมาด้วยฝีมือล้วนๆ
-
สายตาที่แสดงถึงความต้องการ นอกจากพี่เล่ย์ แล้วยังจะมีคนอื่นอีกหรือเปล่าเนี่ยะ
-
:o12: พี่เล่ย์ I L O V E Y O UUUUUUUUU 55555++ คิดถึงพี่เล่ย์ฝุดๆๆๆ
แต่ว่าใครแอบมองพุหว่า รึจะเป็นพี่เล่ย์หุหุหุ :katai3:
-
พาพี่เล่ย์มาให้คิดถึง แต่ใครแอบมองพุหว่า
-
อ่านแล้วเจอที่บอกพันยังเป็นเด็กม.ปลาย เฮ้ย..งั้นคุณแฟนก็ต้องเป็นพี่เล่ย์นะสิ ใช่จริง ๆ ด้วย
คิดถึงนะตัวเอง พ่อคนเก่งสุดหล่อแสนดี
-
ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึงพี่เล่ย์ :ling1:
-
ใครมองพุน่ะ น่ากลัวซะ
-
พี่เล่ย์โผล่มาทีไรรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ทุกที
แบบมันทั้งดีใจ คิดถึง ปลื้มปริ่ม บอกไม่ถูกแต่ความรู้สึกมันล้นมาก
ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึง ยิ่งเห็นชื่อแล้วยิ่งอยากให้กลับมา...
ว่าแต่ว่าใครมองพุอะ ถ้าไม่ใช่พี่เล่ย์นี่มีเสียวได้กินตีนนะ เหอๆ
-
วกไปวนมา งง ว่ะ เดี๋ยวเกียร์ เดี่ยวเล่ย์
-
:mew2: :mew2: :mew2:ใครวะแอบมองน้องพุ :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
-
holiday พี่เกียร์
งานวัด..พี่เล่ย์ :m15:
-
เดาๆว่าสายตานั้น ลูกหมาป่ะ
-
กรี๊ดดดดดดดดดด
พี่เลห์ คิดถึงพี่เลห์
ไอ เลิฟ พี่เลห์
-
กรี๊สสสวส
พี่เลห์ บอกตรงๆคิดถึงพี่เลห์
ไอ เลิฟ พี่เลห์
-
อร๋าย ใครกันแอบมอง น้องพุเรา
-
พี่เล่ย์ :mew1:
อีกสิบปีข้างหน้า เราก็ยังจะรักผู้ชายคนนี้ (เว่อร์ :laugh:)
คิดถึงนะคะ และอยากไปงานวัดด้วยอะ :z1:
-
ใครกล้ามอง
พี่เล่ย์มาจัดการเลยยย
มาาาา
-
ตอนแรกคิดว่าเป็นตอน ต่อจากตอน holiday ซะอีกนะเนี่ย
พอเห็นชื่อพี่เล่ย์ เลยดูชื่อเรื่องอีกที อ้าว ชื่อนี้ของพี่เล่ย์จริง ๆ ด้วย
ย้อนไปสมัยพี่เลย์ไปเที่ยวบ้านน้ำพุสินะเนี่ย
พี่เล่ย์ เพอร์เฟคแมนสุด ๆ เลย เอาสติทช์มาให้พุจนได้ สุดยอด
แหม มีพี่เกียร์ โผล่มาแค่เสียงเอง แต่ก็ยังดีอ่ะ
ตอนท้ายสายตาของใครน้า แต่เดาว่าเป็นเด็กที่อยากได้น้องสติทช์ของพุแน่ ๆ เลย
รอตอนต่อไปนะคะ มีพี่เล่ย์มาบ่อย ๆ ดีจัง แต่อยากได้ตอนที่มีพี่เกียร์ด้วยจังเลยค่ะ
ขอบคุณ คุณเรนโบว์ ค่า
-
อ่านละ รู้สึกแปลกๆ เหมือนกำลังเปรียบเทียบพี่เล่ย์กับพี่เกียร์เลยค่ะ
อ่านแล้วแฟนนภสินธุ์แบบเรารู้สึกว่าพี่เกียร์เป็นมวยรองชัดๆ (แต่เราก็รักนะเออ)
อยากอ่านมุมมองพี่เกียร์หรือพี่เล่ย์มากกว่าน้องพุแฮะ
แบบสองคนนี้ทำอะไรจะมีเหตุผลของตัวเองที่น่าสนใจ
จะว่ายังไงดี คือน้องพุซื่อ(บื้อ)ไปนิดอ่ะ :hao7:
-
เห็นมะมีคนทายถูกด้วยอ่ะว่ามีเด็กอยากได้ตุ๊กตาของพุ
แต่ทำมั้ยทำไมเราโดนคุณเรนโบว์หลอกอ่ะ แง๊!!!!!
-
เย้ ๆ เดาถูกด้วย ว่าเป็นเด็กน้อยอยากได้น้องสติทช์ของน้องพุ
น่ารักจังเนาะ น้องจูนแม้อยากได้มาก ๆ แต่ก็เชื่อฟังพี่ชายดีจัง
และคนพี่ชาย ก็เชื่อคำสอนของแม่อย่างเคร่งครัดดีมาก ถือว่าดูแลน้องได้ดีเลย
แต่ทำเอาน้องพุไปไม่เป็น ทั้งที่เป็นฝ่ายจะให้ของเค้าแท้ ๆ นะ ฮะๆ
จริงอย่างพี่เล่ย์ว่านะเนี่ย น้องพุเชื่อคนง่าย รอดมาได้จนป่านนี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว
รอตอนต่อไปอีกแล้ว ไม่รู้จะมีอีกมั้ย แต่ก็รอเรื่อย ๆ นะคะ
ขอบคุณ คุณเรนโบว์ค่า :กอด1: :L2:
-
:กอด1:รักเฮียคร๊า ฮือออออออออออออออ
-
คิดอยู่ว่าสายตาร้อนแรงนั่นไม่น่าจะมีพิษมีภัยหรอก :z1:
ถ้าเป็นน้องชายเค้า คงดิ้นกะแด่วๆ ร้องอยากได้ๆเป็นแน่ แต่เรื่องมันก็นานมาแล้ว เผาน้องออกสื่อ :laugh:
-
พี่เล่ย์เกือบจัดไปให้แร่ะ อิๆ
ฮาตอนที่พี่เล่ย์บอก จัดไปสักดอกนี่แหล่ะ
-
น่ารักอ่ะพุ....ให้ตายเหอะ!!!!!!!!!
ิคิดถึงพี่เลย์ใจแทบขาดรอนๆ กระซิกๆๆๆ
-
พี่เล่ย์ ๆๆๆๆ ตอนนี้น่ารัก พอคิดได้ ว่าพี่เล่ย์ตายไปล่ะ เศร้าเลย
-
พุคล้ายน้องจูนหรือน้องจูนคล้ายพุกันแน่
-
น่ารักอะ
-
:katai4: น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :hao5: คิดถึงพี่เล่ย์ๆๆๆๆ ทำยังไงให้ได้พี่เล่ย์มาน้อออออออออออออออออ
-
พุน่ารักเกิ๊น
พี่เลย์ก็เท่โคตร :mew1:
-
เข้ามารอตอนต่อไป :mew1:
-
อันแรกเป็นเกียร์ อันหลังเป็นเลย์
น่ารักทั้งคู่
-
:hao5: :hao5: :hao5:เข้ามารอออออออออย่างคนมีความหวัง :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
-
คิดถึงพี่เล่ย์จังเลยค่ะ คิดถึงคุณเรนโบว์ด้วย >.<
จริงๆก้คิดถึงหมดทุกคนแหละ ฮ่าาาาา
รออยู่นะคะ ทั้งตอนต่อไป หนังสือ และพันกับข้าว
#เรานี่ก้ไม่ค่อยจะทวงเท่าไหร่เลย 555+
รอเสมอจ้าาาาาาาา
-
:L2: พึ่งได้มีโอกาสอ่าน พลาดเรื่องสนุกไปเป็นปี
-
กรี๊ดดดดดดดดดด มาล้าวววววววว >.<
พุน่าหมั่นไส้อะ กลับไปขอให้พี่เล่ย์เล่นคืนให้หนัก ฮ่าๆ
ตัวกระจิ้ดเดียวยังจะกวนอีก อ่านแล้วหมั่นเขี้ยวมากกกก.
แต่แฟนเก่าน้องพันนี่โหดแถมขาโจ๋มากนะ
ดีแล้วที่เลิกกันด้วยดี ถ้าน้องพันโดนกระซวกมันคงไม่ตลก? 5555555
บวกจ้าาาาาา ขอบคุณที่มาต่อนะคะ <3
-
เป็นเรากลับบ้านนอนดีกว่า กลัว...
อ้อ พุมีพี่เล่ย์นี่นะ เลยไม่ค่อยกลัว
-
:oo1: เก็บเกี่ยวความฟิน
ว่าแต่คุณเรนโบว์ เมื่อไหร่จะได้อ่านพันข้าวอ่ะตัวเอง
เขาอยากอ่านเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออ่ะ
อ่อย รอต่อไป อะคึ อะคึ น้องกิ๊งน่ากลัวมาก
-
พุนี่กวนพี่เล่ย์ไม่ได้เจียมสังขารเลย โดนจัดฟ้าเหลืองแน่
น่ารักน่าฟัดตลอดเลยนะพุ
-
เป็นงานวัดที่ดุเดือดจริงๆ แต่พุก็ยังจะดูลิเกต่อไป ชอบจริงจัง :laugh:
แต่พี่เล่ย์อยู่ด้วย ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอกเนอะ เฮ้อ ถ้าพี่เล่ย์ยังอยู่ก็ดีอะ :hao5:
แอร๊ยย พี่เกียร์เค้าขอโทษ เค้าแค่คิดถึงพี่เล่ย์ :z3:
เอาอีกๆ เอามาเติมเยอะๆนะคะ :impress2:
-
คิดถึงพี่เล่ย์
-
เห็นด้วยที่ว่า ดีที่พันเลิกกับแฟนเก่าด้วยดี อุ้ยย เสียวไว้แทน(เวอร์ละ)
ขอบคุณที่แวะมาต่อเรื่อยๆนะคะ
จะเป็นคู่คนไหนก็ฟินได้ทั้งน้านนน
-
พี่เล่ย์อบอุ่นอ่ะดูแลพุตลอดเวลาเลย
แต่เค้าชอบตอนพุอยู่กับพี่เกียร์มากกว่า
บอกไม่ถูกค่ะ รู้แต่ว่ามันเป็นอะไรที่ดูเป็นจริง
มันหลากหลาย มันรู้สึกดีอ่ะ
-
:mew1: :mew1: :mew1: :mew1:มาต่อแล้วววววววววว :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
-
ใจเด็ดจริงจริง คิดอย่างที่ข้าวพูดเลยอะ อิอิ
-
อ่านแล้วยิ้มตลอด จริงๆนะเรื่องนี้อ่ะ :mew3:
ของเค้าดีเจงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ขอบคุณ คุณเรนโบว์ มากมายนะค้าาาา :3123:
-
คิดถึงพี่เล่ย์ แต่อ่านตอนที่มีพี่เล่ย์ทีไรทั้งสุขทั้งเศร้าเมื่อคิดว่าตอนนี้ไม่มีพี่เล่ย์แล้ว :mew6:
-
มาแล้ว ๆ ดีใจจัง :hao7:
พุนี่จริง ๆเลย เคยแอบเล่นถั่วซะด้วย เกือบหมดตัวแล้วเชียว
ดีนะที่น้องพันมาเจอก่อน สมแล้วที่โดนคุณพ่อตี คราวนี้ไม่เข้าข้างพุหรอก
โห แฟนเก่าน้องพัน ร้ายมาก เป็นเจ้ามือแถมโหดแบบเลือดเย็นอีก ถึงจะเพราะอาชีพก็เถอะ
ดีนะที่เลิกกับน้องพันได้ ถ้าได้น้องสะใภ้อย่างนี้ ครอบครัวพุทุกข์ใจตายเลย
น้องข้าวพูดได้ถูกมาก ดีแล้วที่เลิกกันได้ด้วยดี เพราะฉะันั้น น้องพันอย่ามีแฟนโหดอย่างนั้น
จะมีทั้งที เอาแฟนน่ารัก ๆ แบบน้องข้าวดีที่สุดเนอะ อิอิ
น้องพุเจอคนแทงกันอย่างนั้น ยังมีอารมณ์ดูิลิเกต่ออีกนะ มีพี่เล่ย์อยู่ อุ่นใจใช่มั้ยล่ะไม่กลัวทั้งคนทั้งผี
ได้อ่านทีไรก็สบายใจ ทุกทีเลยค่ะ อ่านไปอ่านมา เริ่มคิดถึงพี่เกียร์ซะแล้วสิ อยากอ่านพี่เกียร์บ้างจัง :m17:
แล้วพอเจอ น้องพันน้องข้าว ก็อยากบอกว่า รอคู่นี้อยู่นะคะ
คุณเรนโบว์อย่าว่าเราเรื่องมากเลยน้า เพราะเรารักทุกคนเลย อยากอ่านไปเรื่อย ๆให้หายคิดถึง
ขอบคุณคุณเรนโบว์ค่ะ :pig4: :mew1:
-
พุน่ารักตลอด พุนี่ขี้กลัวจิงๆ
-
:pig4: :กอด1:
-
:ruready คนตีกันที่ไหนเรากลับบ้านเลย กัวว
-
:mew2: :mew2: :mew2: :mew2:ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึงพี่เลย์ :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
-
ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึงพี่เล่
ทำไมๆ พี่เล่ต้องตายจนตอนนี้ก้อยังไม่เข้าใจ
:sad4: :sad4:
-
แหม่ น่าจะจัดให้พี่เลย์กับพุซักดอกนะ
:hao6: :hao6:
-
สับสนๆ ตอนแรกว่าอ่านเป็นเกียร์ไปบ้านพุ เป็นสะใภ้อะไรนี่แหละ
พอตอนสุดท้ายเป็นพี่เลย์ อ้าว ตอนงานวัดนี่หน่า จะว่าไปเลย์กับเกียร์ก็มีบุคคลิืกเหมือนกันน่ะ คำพูดคำจาไม่ค่อยต่าง
ถ้าคนเขียนไม่บอกว่าชื่ออะไร จะไม่รู้เลย
-
คิดถึง :mew6:
-
เราก็อยากจะลืมความรู้สึกเศร้าที่พี่เลย์จากไปนะ แต่พอเจอแบบนี้ มันก็ลืมไม่ลงพอๆกับรักผู้ชายคนนี้เพิ่มขึ้นไปอีก :hao5:
ไม่อยากจะนึกความรู่้สึกของน้ำพุตอนนั้นเลยจริงๆ :o12:
แต่ตอนนี้นึกได้อย่าง เราอินมากไปแล้วล่ะ ฉีกยิ้มไม่หุบเลย เวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกัน :impress2:
-
คิดถึงพี่เล่ย์อีกแล้ว
อยากรู้ว่าเกียร์รู้จักพุตอนไหนจัง
-
พี่เล่ย์น่ะอ่อนโยนกับพุเสมอ
ดูแลพุดีสุดๆ อบอุ่น คิดถึงพี่เล่ย์จัง
-
:hao5: :hao5: คิดถึงพี่เล่ย์
-
ยิ่งอ่านยิ่งนึกถึงพี่เล่ห์
:mew6: :mew6:
-
คิดถึงเล่ย์ มีมาให้อ่านแก้คิดถึงเรื่อยก็ดีมาก ๆๆๆ ขอบคุณค่ะ
-
อ่านแล้วไม่อยากให้พี่เล่ย์ตายเล้ยยย :ling1:
-
อ่านแล้วคิดถึงพี่เล่ย์จริงๆ ไม่ได้ว่าพี่เกียร์ไม่ดีหรอกนะ แต่เพราะพี่เล่ย์ดีสุดๆไปเลยนี่แหละ ถ้าไอได้แฟนแบบพี่เล่ย์แล้วเขามาตายจากไปก็คงลุกไม่ขึ้นเลยจริงๆนะ คิดไม่ออกเลยด้วยว่าจะเปิดใจรับใครอีกได้ไหม ถึงแม้คนที่เข้ามาจะดีเหมือนพี่เล่ย์แต่มันคงทำให้เรานึกถึงคนรักเก่าที่เสียไปมากกว่าจะทำใจรักคนใหม่ที่เข้ามาได้อ่ะ แบบประมาณว่าเหมือนเหตุการณ์มันเดจาวูอ่ะ :กอด1:
-
เมื่อไหร่จะได้ข่าวให้เปิดจองซะทีน๊ออออ อยากได้เล่มไว้ครอบครองจุงเบย
-
อิจฉาๆๆๆ อยากมีคนจุ๊บหน้าผากบอกฝันดีบ้าง
คิดถึงพี่เล่ย์คนดีนะจ๊ะ
-
แค่ได้รัก...หรือเกิดมาแค่รักกัน มันก็มีความสุขแล้วแหละ
-
ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึง พอคิดถึงก้อยากได้พี่เล่ย์คืนมา
เหมือนความรู้สึกเก่าๆมันตีขึ้นมาด้วย เลยรู้สึกว่ากำลังเริ่มนับหนึ่งใหม่
เรายึดติดกับพี่เล่ย์พอตัวเลยนะ ยังไม่เคยเจอคาแรคเตอร์ผชที่ทำให้ติดกับขนาดนี้
ลักษณะนิสัย ความคิด การกระทำนี่ มันทำให้หลงรักอย่างแรง
แต่ไม่ใช่พี่เกียร์ไม่ดีนะคะ พี่เกียร์ดี น่ารักในแบบของตัวเองเหมือนกัน
และด้วยความที่นายเอกเรื่องนี้คือพุไม่ใช่เรา?
พุสมควรมีใครสักคนคอยดูแล ใครสักคนที่เข้าใจทุกอย่าง
มันก้เหมาะสมที่พี่เกียร์จะเป็นคนนั้น แต่ถ้าคาแรคเตอร์นายเอกคือพุ
มีพื้นฐานเป็นคนที่เข้มแข็ง สามารถเอาตัวรอดได้ดีกว่านี้
นิยายเรื่องนี้คงจะจบแบบที่เราเคยคาดหวังว่ามันจะเป็น
เวิ่นเว้ออีกแล้ว คุณเรนโบว์ทนๆอ่านไปหน่อยนะคะ
ยังไงก้รอติดตามเสมอ บวก1ค่ะ
-
รักพุ เหมือนกัน อิอิ
-
รักกันหวาน ๆ ตลอด ๆ พี่เล่ย์น้องพุ
จะพี่เล่ย์น้องพุ รึจะ พี่เกียร์น้องพุ เราก็ชอบ
เพราะเรารักทั้งสามคนเลย
ขอบคุณคุณเรนโบว์ค่ะ :pig4: :L1:
-
ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึง :mew2:
-
อ่านพี่เกียร์กับพุก้น่าร้ากกกกกกกก
ไม่ว่าพุจะอยู่กับพี่เล่ย์หรือพี่เกียร์นางกวนเป็นอาจิณ
ได้ทีข่มใหญ่สุดท้ายโดนสองพี่น้องเอาคืนในรูปแบบคล้ายๆกันอยู่ดี? ฮ่าๆ
ตอนนี้มีพันข้าวให้ได้กรี๊ดกร๊าดด้วย ดีใจอ่า >.<
รอติดตามคู่นี้อยู่นะคะคุณเรนโบว์
ปล.ถ้าพี่เล่ย์เกิดชาติหน้านี่รัศมีบุญคงกลบคนอื่นหมดอะ
บุญตัวก้ว่าเยอะแล้ว ยังมีพุทำบุญให้อยู่ตลอดอีก
เฮ้ออออ คิดถึง คิดถึง คิดถึงดาวฤกษ์ที่สุด!
-
พุจะ น่ารักเกินไปแล้วนะ :hao7:
-
:katai2-1: ดีใจจังคุณเรนโบว์มาต่อแล้ว พี่เกียร์พุยังคงน่ารักเหมือนเดิม ส่วนพันข้าวเริ่มมาแล้วใช่ไหมค่ะคุณเรนโบว์ ดีใจอ่ะโมเม้นพันข้าวเริ่มออกแล้วใช่ป่ะ หึๆ ฟินเวอร์
แต่มีเรื่องสงสัยอะค่ะ คือคุณเรนโบว์จะแต่งเรื่องของพี่เกียร์กับพุต่อยาวไปเลยใช่ไหมหรือใกล้จะจบแล้ว ถ้าจะแต่งต่อก็พร้อมอ่านได้เรื่อยๆอ่ะเอาพันข้าวมาแจมด้วยนะ แต่เนื่องจากมีฉากที่ตัดไปตัดมาระหว่างตอนของพี่เลย์กับพุแล้วตัดมาตอนพุกับพี่เกียร์อารมณ์มันเริ่มสับสนตะหงิดๆ คือไม่ใช่ว่าพุอยู่กับพี่เลย์แล้วไม่ดีนะ มันดี ดีมากอ่ะ พี่เลย์เป็นผู้ชายที่ผู้หญิงทุกคนอยากเป็นเจ้าของ แต่การย้อนไปย้อนมาในความรู้สึกอรรถรสที่ได้มันต่างกันยิ่งตอนอ่านพี่เล่ย์กับพุตอนงานวัดเรามีความสุขไปกับพุด้วยแต่ก็เศร้าด้วยเพราะในความเป็นจริงพี่เล่ย์ไม่อยู่กับพุแล้ว ตอนที่พี่เล่ย์จากไปจำได้ตอนนั้นเราจิตตกไปสามวันร้องไห้อินสุดๆตาแดงไปเรียนอ่ะ
ถ้าย้อนบ่อยๆมันก็แปลกๆนะเพราะปัจจุบันของพุคือพี่เกียร์ ถ้าย้อนไปย้อนมาเรื่องก็จะวนอยู่แค่พุพี่เกียร์พี่เล่ย์ เราสองสามคนถึงจะคนละช่วงเวลา แต่อ่านแล้วมันก็ยังขัดอยู่ดี เราแบ่งความฟินไม่ถูกพี่เล่ย์ก็ดีพี่เกียร์ก็เริ่ด(หรือเรื่องของพุจะถึงจุดอิ่มตัวในความรู้สึกของเราแต่เราก็ยังฟินอยู่นะ แอะเริ่มสับสนในตัวเอง) ที่สุดและที่จุดอยากอ่านพันข้าว :katai1:
และเราเริ่มจะนิสัยเสียขอทวง อยากอ่านนอยโด่ง หวานใจช่างยนต์ต่ออ่ะ กรีดร้องคุณเรนโบว์
ที่สุดสุดๆ สุดแล้วแต่ท่านเรนโบว์จะกรุณา แต่งอะไรมาเราจะอ่าน :call:
-
:กอด1: :กอด1: พี่เลย์น้องคิดฮอดดด
-
พออ่านมาถึงประโยคนี้ ....
‘ขอให้กุศลผลบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำในครั้งนี้ ส่งไปถึงนายดาวฤกษ์ สุราลัย...
... เกิดอาการคัดจมูกขึ้นมากระทันหันเลยทีเดียว
คิดถึงพี่เล่ย์
-
ไม่ว่าพุจะอยู่กับพี่เกียร์หรือพี่เล่พุก้อยังน่ารักเสมอ
-
น้องพุหัดยั่วเหรอ :mew4:
-
:mew4: :mew4: :mew4: :mew4:ดีใจจังที่พุจำอะรัยที่เกี่ยวกับพี่เลย์ได้ทุกอย่าง :mew4: :mew4: :mew4:
-
พุเป็นคนที่โชคดีนะที่ได้ความรักจากชายทั้งสองคนคือพี่เกียร์กับพี่ล่ย์
ส่วนพันตัวติดกับข้าว ไปไหนก็เอาข้าวไปด้วยตลอด
-
น้ำตาแทบเล็ด ตอนอุทิศให้พี่เล่ย์ คิดถึงอย่างสุดซึ้งงง พี่เล่ย์คงดีใจที่พุยังคิดถึงอ่ะ :mew2:
-
:katai2-1: ดีใจจังคุณเรนโบว์มาต่อแล้ว พี่เกียร์พุยังคงน่ารักเหมือนเดิม ส่วนพันข้าวเริ่มมาแล้วใช่ไหมค่ะคุณเรนโบว์ ดีใจอ่ะโมเม้นพันข้าวเริ่มออกแล้วใช่ป่ะ หึๆ ฟินเวอร์
แต่มีเรื่องสงสัยอะค่ะ คือคุณเรนโบว์จะแต่งเรื่องของพี่เกียร์กับพุต่อยาวไปเลยใช่ไหมหรือใกล้จะจบแล้ว ถ้าจะแต่งต่อก็พร้อมอ่านได้เรื่อยๆอ่ะเอาพันข้าวมาแจมด้วยนะ แต่เนื่องจากมีฉากที่ตัดไปตัดมาระหว่างตอนของพี่เลย์กับพุแล้วตัดมาตอนพุกับพี่เกียร์อารมณ์มันเริ่มสับสนตะหงิดๆ คือไม่ใช่ว่าพุอยู่กับพี่เลย์แล้วไม่ดีนะ มันดี ดีมากอ่ะ พี่เลย์เป็นผู้ชายที่ผู้หญิงทุกคนอยากเป็นเจ้าของ แต่การย้อนไปย้อนมาในความรู้สึกอรรถรสที่ได้มันต่างกันยิ่งตอนอ่านพี่เล่ย์กับพุตอนงานวัดเรามีความสุขไปกับพุด้วยแต่ก็เศร้าด้วยเพราะในความเป็นจริงพี่เล่ย์ไม่อยู่กับพุแล้ว ตอนที่พี่เล่ย์จากไปจำได้ตอนนั้นเราจิตตกไปสามวันร้องไห้อินสุดๆตาแดงไปเรียนอ่ะ
ถ้าย้อนบ่อยๆมันก็แปลกๆนะเพราะปัจจุบันของพุคือพี่เกียร์ ถ้าย้อนไปย้อนมาเรื่องก็จะวนอยู่แค่พุพี่เกียร์พี่เล่ย์ เราสองสามคนถึงจะคนละช่วงเวลา แต่อ่านแล้วมันก็ยังขัดอยู่ดี เราแบ่งความฟินไม่ถูกพี่เล่ย์ก็ดีพี่เกียร์ก็เริ่ด(หรือเรื่องของพุจะถึงจุดอิ่มตัวในความรู้สึกของเราแต่เราก็ยังฟินอยู่นะ แอะเริ่มสับสนในตัวเอง) ที่สุดและที่จุดอยากอ่านพันข้าว :katai1:
และเราเริ่มจะนิสัยเสียขอทวง อยากอ่านนอยโด่ง หวานใจช่างยนต์ต่ออ่ะ กรีดร้องคุณเรนโบว์
ที่สุดสุดๆ สุดแล้วแต่ท่านเรนโบว์จะกรุณา แต่งอะไรมาเราจะอ่าน :call:
รู้สึกเหมือนกันเลยค่ะ อ่าน 2-3 ตอนที่แล้ว รู้สึกดีใจได้อ่านตอนพี่เล่ย์เพิ่ม แต่อ่านแล้วหน่วงๆ แปลกๆ
แอบสงสารพี่เกียร์ในปัจจุบันด้วย ทำไมก็ไม่รู้ .....สรุป ว่าความรู้สึกเราตีกันยุ่งไปหมดเลย ไม่รู้จะสุขหรือเศร้าดี -*-
-
น่ารักดีอ่ะ ชอบๆๆๆๆๆ
-
ว่าพี่เกียร์ทะลึ่ง พุก็ทะเล้นพอกัน
พัน-ข้าว น่าจับตามองเป็นที่สุด
-
โดยส่วนตัวแล้วเค้าชอบตอนพุอยู่กับ
พี่เกียร์นะ ให้ความรู้สึกแบบหลากหลายอารมณ์ดี
มันแบบกวนๆมีหลายมิติดีอ่ะ เค้าชอบ
-
พี่เกียร์ก็ดีนะ แต่รักพี่เล่ย์มากกว่า
-
:katai1: :katai1: :katai1: :katai1:จบแล้วเหรออออออออออออออออออ :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
-
แงงงง :monkeysad: มาเห็นหัวรี จบบริบูรณ์ ย้ายได้เลย
แปลว่าคราวนี้จะจบจริง ๆ แล้วเหรอคะ ไม่อยากเลยอ่ะ :mew6:
ยังคิดถึงทุกคนอยู่เลยค่ะ ความรู้สึกเหมือนทุกคนมีชีวิตจริง ๆ และเป็นเพื่อนเราเลย
จากกันคงคิดถึงแย่เลย รู้ตัวว่าอินมากไป แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง รักทุกคนในเรื่องจริง ๆ
ถึงจะไปอยู่หน้าจบแล้ว ถ้าเป็นไปได้ ก็ขอตอนพิเศษมาบ้างเป็นครั้งคราวให้หายคิดถึงหน่อยได้มั้ยคะ :impress:
เรื่องของ พี่เล่ย์ พี่เกียร์ น้ำพุ จบบริบูรณ์อย่างนี้ แสดงว่าคุณเรนโบว์ จะเริ่มเรื่องของ พันข้าว แล้วใช่มั้ยคะ
รออยู่นะคะ อยากอ่านมาก ๆ เลย แล้วเรื่องของพันข้าว ก็คงจะได้เจอพี่เกียร์น้องพุ มาเป็นแขกรับเชิญบ้างใช่มั้ยคะ
ขอบคุณคุณเรนโบว์ สำหรับนิยายเรื่องนี้ ทำให้เราได้หัวเราะเฮฮา แม้บางครั้งต้องเสียน้ำตาไปกับตัวละคร
แต่ที่สุดก็คืออ่านแล้วมีความสุขจริง ๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เราอยากสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกเล้าฯ เพื่อมาคอมเม้นท์เลยด้วย
ขอบคุณคุณเรนโบว์ อีกครั้งและ หวังว่าจะได้เจอ พันข้าว ในเร็ว ๆ นี้นะคะ
ขอบคุณค่ะ :pig4: :L1: :กอด1:
-
:a5: จบแล้วเหรอใจหายแว๊บเลยเพิ่งถามไปหยกๆ คุณเรนโบว์ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆให้เราชาวนักอ่านนะคะ เรื่องนี้ประทับใจมาก ตั้งแต่พี่เล่ย์ พุ พี่เกียร์ พัน เฮียแพท น้องข้าว และทุกๆคนในเรื่อง ขอให้คุณเรนโบว์สร้างสรรค์นิยายดีๆมาให้อ่านอีกนะคะจะ ติดตามผลงานของคุณเสมอค่ะ
เรื่องต่อไปขอเป็นพันข้าวนะค่ะ อิอิ จะได้ต่อเนื่อง :katai2-1:
สุดท้ายขอบคุณอีกครั้งค่ะสำหรับนิยายดีๆ จะรอ unthinkable love นะคะ
-
แอบเหงาเลย.....ถ้าจะไม่ได้เจอน้ำพุ พี่เกียร์ พี่เล่ย์ อ่ะ :mew6:
ถ้ายังไงก็รบกวนคุณเรนโบว์มาต่อเรื่องของน้องพันแทนล่ะกันนะค้าาาาาาาาาา :hao3:
อยากอ่านเรื่องของน้องพันมั่งอ่ะค่ะ และที่สำคัญต้องขอบคุณคุณเรนโบว์ที่เขียนเรื่องดีๆเรื่องนี้
มาให้อ่านนะคะ Big thanks !!!!! :katai2-1:
-
รอคอยพัน X ข้่าว เหอะๆๆๆ อยากอ่านอีกจังเลย........
-
ขอบคุณมากนะคะ ชอบน้องพุมาก พี่เล่ย์ พี่เกียร์ด้วย
-
เหมือนจะฟินแต่ก็แอบหน่วงเนอะ พูดไม่ถูกเลย ยิ่งตอนกลับบ้านเนี่ย ;-;
-
ใจหายแวบเลย เมื่อเห็นคำว่าจบบริบูรณ์ :mew4:
เราไม่มีอะไรจะพูดมากกับนิยายเรื่องนี้ นอกจากชอบที่สุด :o8:
รอรวมเล่มนะคะ :impress2:
-
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจบแล้ว แอบใจหาย
เพราะรู้สึกผูกพันธ์กับเรื่องนี้มากเหลือเกิน
เฝ้าตามติดขอบจอมาแต่ไหนแต่ไร
แต่ไม่เป็นไรค่ะ เราจะรอติดตามผลงานของคุณเรนโบว์ต่อไป
ถึงเรื่องนี้จะจบ แต่ยังมีเรื่องอื่นให้ติดตามอยู่
คุณเรนโบว์อย่าลืมพันข้าวนะคะ รีเควสคู่นี้ก่อนเลยได้มั้ย ฮ่าา
และสุดท้าย ขอปรบมือรัวๆให้ค่ะ ถึงแม้พี่เล่ย์จะตาย
แต่ยังไงเราก็ยังยกเรื่องนี้ให้เป็นหนึ่งในนิยายที่เรารักที่สุดอยู่ดี
ขอบคุณคุณเรนโบว์มากๆเลยนะคะ :-)
-
เค้าอยากอ่าน เฮียแพท :ling1: :ling1:
-
อ้าวว จบแล้ว -:-
-
อ้าว สรุปว่าจบแล้วหรอคะ ความรู้สึกเรายังค้างๆคาๆมึนๆอยู่เลย :ling1:
ตอนพิเศษหลายๆตอนมีปมที่เราคิดว่ายังไมเคลียร์อยู่ตั้งเยอะแน่ะ
ไหนจะเรื่องของพัน เรื่องปริ้นซ์ แล้วยังจะwhen we first met ของพุกับพี่เกียร์(อันสุดท้ายneedเราเองล้วนๆ 55 :hao5: )
มีอะไรที่เราติดใจอยู่เยอะเลยค่ะ ถ้ามีตอนพิเศษมาเฉลยปมพวกนี้้ก็คงจะดี :mew2:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอีกเรื่องนึงนะคะ นับแล้วเราตามผลงานคุณเรนโบว์มานานมากเลยนะเนี่ย
ตั้งแต่สมัยแวนการ์ดกำลังบูมนู่นแน่ะ ตอนนั้นเรายังเด็กอยู่เลยเพิ่งเริ่มอ่านวายในอินเตอเน็ต
โอ๊ะชักนอกเรื่อง เอาเป็นว่าจะรอตามเรื่องอื่นๆและเรื่องใหม่ต่อไปนะคะ o13
-
เค้าคงคิดถึงทุกคนในเรื่องนี้น่าดูเลย
ใจจริงอยากให้มีต่อไปอีก
ยังอยากจะอ่านเรื่องราวตอนพุทำงาน
ยังอยากอ่านต่อไปเรื่อยๆว่าพุกับพี่เกียร์
จะหวานกันเพิ่มขึ้นได้อีกขนาดไหนน้อ
อยากอ่านต่อจริงๆนะ
แต่ก็จะรอเป็นหนังสือค่ะ
เค้าเอาด้วยนะค่ะ
ขอบคุณคุณผู้เขียนมากเลยค่ะ
ที่ได้เขียนเรื่องราวดีๆและอบอุ่นแบบนี้
เค้าชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ
-
:pig4: :L1:
-
จะ จะ จบแล้ว อยากอ่านต่อๆๆ :katai1:
อยากอ่านตอนพุมีความสุขเยอะๆๆๆๆๆ
ชดเชยตอนที่พุเสียใจอ่ะ
:hao5:
please คุณ rainbow สุดฉวย
-
คิดถึง :กอด1:
-
คือ...เม้นในโทรศัพท์
แล้วพบว่า ฉันอ้างอิงเรื่องผิด ด้วยความรีบเร่งจะเข้ามาแก้ไข แต่...กดผิด กดลบ comment ตัวเอง ...คือ... ที่เม้นๆ มาทั้งหมด ฉันทำอะไรลงไป!!!!!!!!!! อ๊ากกกกกก!!!!!
ตีอกชกหัวตัวเองอยู่ซักพักก็คิดได้ว่ากรีดร้องก็คงไม่มีประโยชน์อันใดเกิดขึ้น
เอาวะ เม้นใหม่ก็ได้ (อันนี้กัดฟันสุดฤทธิ์)
ผ่านไปสองวัน...(เอ๊ะ หรือสาม) ที่อ่านจบ ก็ยังตัดพี่เล่ย์ออกไปจากหัวไม่ได้ นึกถึงเมื่อไหร่ก็มีน้ำตา
ฮัลเล่ย์ ดาวฤกษ์ สุราลัย ผู้ชายคุณภาพ พระเอกในฝัน ดีทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ พระเอกที่คงความเป็นพระเอกจนหยดสุดท้าย ดีทั้งกาย ทั้งจิตใจ อ่านครั้งแรกก็ติดหนึบ หลงรักคาแรคเตอร์ของพี่เล่ย์ หลงใหลความดี ความเป็นลูกผู้ชายของพี่เล่ย์แบบถอนตัวไม่ขึ้น ตอนไปบอกความจริงกับพ่อก็ทำให้รู้ว่าฮัลเล่ย์ไม่ได้หล่อแค่หน้าตา ใจยังหล่อด้วย คือไม่ได้จะเรียกร้องอะไร แค่บอกให้รู้ไว้ จะทำอะไรจะคิดยังไง ก็แล้วแต่ เพราะทุกวันนี้ก็มีความสุขกับชีวิตตัวเองอยู่แล้ว ไม่ได้โลภอยากจะได้สมบัติของพ่อที่ก็มีฐานะไม่แพ้ครอบครัวที่อุปถัมภ์อยู่ ถ้าพ่อต้องการ ก็พร้อมจะมาให้เห็นหน้าเพราะก็ไม่ได้โกรธหรือโทษพ่อที่ทำให้ชีวิตตัวเองเป็นแบบนี้...โคตรแมน
บทบาทของความเป็นพี่ชาย...พี่ชายที่แสนดี T_T นึกย้อนไปก็น้ำตาจะไหล พี่เล่ย์เหมาะกับคำนี้จริงๆ เป็นพี่ชายที่อบอุ่น ดูแลน้อง พร้อมกางปีกปกป้องน้อง ถ้ามีใครรังแก หรือมีอันตรายมาเยือน แม้กระทั่งหมดลมหายใจไปแล้ว ก็ยังปกป้องน้องจนนาทีสุดท้าย ไม่ต้องอธิบาย สาธยายความรักของพี่เล่ย์ที่มีต่อเกียร์น้องชายต่างสายเลือดเลยว่ามันมากมายแค่ไหน ดูจากการกระทำทุกๆอย่างเป็นคำตอบ แม้แต่ตอนที่เห็นรูปถ่ายน้ำพุกับเกียร์ ถึงจะระแวงแต่ความรักน้องมันก็มีมากกว่าที่จะทำเรื่องงี่เง่าออกมา พยายามข่มใจ ตัดความรู้สึกระแวงกลับมาเป็นพี่ชายที่แสนดีกับน้องได้เหมือนเดิม ขนาดก่อนตายยังพูดเป็นลาง ฝากน้ำพุไว้กับน้อง (นึกถึงตอนนี้แล้วก็เศร้า) ขนาดตายไปแล้ว ยังบอกน้ำพุ ให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ให้ก้าวเดินต่อไป กับน้องตัวเอง ...แล้วจะไม่ให้รักและเสียน้ำตากับตัวละครตัวนี้ได้ยังไง ถ้าเป็นคนมีตัวตนจริงๆก็คงต้องบอกว่า พ่อคู๊ณณณณณ...ทำไมอาภัพนัก เสียดาย ตายเร็วไป ยังหนุ่มยังแน่น ยังทำอะไรได้อีกตั้งเยอะแยะ ฮือออออ พี่เล่ย์ย์ย์ย์ย์ย์ย์ย์ย์ย์ย์
บทบาทของคนรักของน้ำพุ พี่เล่ย์คืออภิชาติแฟน แฟนที่ประเสิรฐ(เขียนถูกมั๊ย) มีแฟนเป็นพี่เล่ย์เหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่งบวกแจ็คพอต หล่อ รวย (แหมมมม ไม่ค่อยเลยนะตรู 555) ดูแล เอาใจใส่ หวังดี ปราถนาดี จริงใจ กับน้ำพุทุกด้าน คบกับน้ำพุแบบให้เกียรติ ออกหน้าออกตา พาออกงานสังคม พาเข้านอกออกในบ้านของตัวเองให้พ่อแม่ได้รับรู้ อ่านไปก็อิจฉาน้ำพุไป เหยยย ทำบุญด้วยไรฟระ ถึงได้แฟนโคตรดีแบบนี้ แต่ก็อมยิ้มและรู้สึกอบอุ่นไปกับความรักของทั้งคู่ด้วย แอบเคืองแทนน้ำพุด้วยที่พี่เล่ย์ทำตัวมีความลับ แต่สุดท้ายก็กลับมารักเหมือนเดิม เพราะมันไม่มีอะไรในกอไผ่อย่างที่น้ำพุระแวง ก็ยังติดตามความรักของทั้งคู่กะว่ามันคง happy ending แน่นอน แต่...พอเจอ warning : main charactor death (เขียนถูกไหมล่าววว) ห่ะ!!!! ใคร!!! ใคร๊!!!! มันก็มีแค่สองคนอ่ะ พออ่านมาเจอที่พี่เล่ย์ฝากน้ำพุไว้กับเกียร์....มันจุก พูดไม่ออก มันเหมือนทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกความรัก ทุกความรู้สึก กำลังสูญสลายไป อินมากถึงมากที่สุด ประหนึ่งแฟนตรูตายยังไงอย่างงั๊น ต้องพักไปทำใจสองชั่วโมงค่อยกลับมาอ่านใหม่...นั่นไง มาเลยน้ำตา อ่านที่ทำงานด้วย แหงนหน้าก็แล้ว หันไปทำอย่างอื่นก็แล้ว ไม่รอด น้ำตาหยดเผาะๆ เฮ้ออออ อินประหนึ่งว่าตัวเองเป็นน้ำพุ ก็ประหนึ่งว่าจริงๆนั่นแหละ เพราะเราก็เขิลพี่เล่ย์ ตกหลุมรักพี่เล่ย์ไปพร้อมกับน้ำพุจริงๆ และแน่นอน พี่เล่ย์ตายจากไปกระทันไม่ทันได้ตั้งเนื้อตั้งตัวแบบนี้ เราก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนหัวใจถูกควักออกไป ใจจะขาด ไปพร้อมกับน้ำพุเช่นกัน "ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ พี่เล่ย์จะทิ้งพุไปเหรอ" พ่อถามพุตอนวันเผา ...ก็จริงของพ่อนะ ถ้าไม่ตาย พี่เลย์ก็คงไม่ยอมห่างจากน้ำพุแน่ๆ แล้วทำไมพี่เล่ย์ต้องตาย ฮืออออออ สวรรค์ก็ไม่มีคำตอบอ่ะ ในนิยาย คนเขียนอาจจะมีคำตอบ แต่ชีวิตจริงก็สวรรค์ไม่มีคำตอบดีๆนี่เอง ไม่งั๊นเราจะได้ยินคำถามว่า "ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับเรา" เหรอ เรื่องนี้มัน real มาก สำหรับเรา มันเหมือนเรื่องราวของใครซักคนที่เรารักและติดตามความรักของเค้ามาตั้งแต่แรก และได้มาเห็นตอนจบที่ไม่อยากจะเห็น ตอนแรกที่เคยอิจฉาน้ำพุ ก็เริ่มเป็นห่วง...แล้วน้ำพุจะอยู่ยังไงล่ะทีนี้ อยู่ยากแล้วนะทีนี้ และแน่นอน เราก็ต้องมีน้ำตาให้กับการ"อยู่ยาก"ของน้ำพุเช่นเคย
"อยู่ยาก" ของน้ำพุ คือความทรมาณ จากความรัก ความคิดถึง ความโหยหา อยากพูด อยากคุย อยากกอด แต่ส่งไปไม่ถึงพี่เล่ย์รวมตัวกันเป็นความเศร้ามากมายมหาศาลที่วัดปริมาณไม่ได้ บีบคั้นหัวใจเรากลั่นออกมาเป็นน้ำตา สงส๊าร สงสาร นอนกอดเสื้อร้องไห้ พูดคุยกับรูปถ่าย "พี่ครับ พุกลับมาแล้ว" ประโยคนี้เรียกน้ำตาทุกครั้งที่นึกถึง ตอนพิมพ์อยู่นี้ก็ยังไหล ถ้าเราเป็นน้ำพุเราก็คงทำใจไม่ได้และไม่รู้จะอยู่ยังไงด้วย (ขนาดไม่ได้เป็นน้ำพุยังทำใจไม่ได้เล้ยยย) เฮ้ออออ (เหนื่อยที่จะร้องไห้) พี่เล่ย์ก็คงคิดเหมือนเรา เลยมาเข้าฝัน บอกให้น้ำพุใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ก้าวเดินไปข้างหน้า อย่าจมอยู่กับความทุกข์ อย่าจมอยู่กับพี่เล่ย์ เพราะพี่เล่ย์จะไปแล้ว อ่านตอนนี้น้ำตาปริ่มๆจะล้นขอบตาอยู่แล้ว "ถ้าถึงเวลานั้น พุยังต้องการพี่ พี่ก็จะมา"(คงไม่เป๊ะ) จบประโยคนี้น้ำตาทะลักทลาย แอบไปร้องไห้สะอึกสะอื้นในห้องน้ำ (เป็นการแอบอ่านนิยายที่ทรมาณจริงๆนะขอบอก 555) คือไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้วววววว พี่เล่ย์ย์ย์ย์ย์ย์ T_T มาอย่างพระเอก อยู่อย่างพระเอก ไปก็ไปอย่างพระเอกจริงๆ ซาบซึ้งในหัวใจรักของพี่เล่ย์ที่มีให้น้ำพุอย่างหาที่สุดไม่ได้ รักและปราถนาดีกับน้ำพุแม้ตัวตายจากไปแล้วดวงจิตยังมาดลใจ ให้น้ำพุใช้ชีวิตต่อไป ไม่กลัวแม้จะต้องถูกลืม ไม่กลัวที่จะต้องกลายเป็นอดีต กลายเป็นแค่ความทรงจำสีจางๆในหัวใจของน้ำพุ ...ขอแค่ให้น้ำพุก้าวเดินต่อไปอย่างมีความสุข หัวใจรักของพี่เล่ย์มันกินใจอ่ะ แต่น้ำพุก็ทำให้เรารู้ว่า พี่เล่ย์ไม่เคยหายไปจากใจของน้ำพุ ก็วันที่บอกให้แม่ทำขนมที่พี่เล่ย์ชอบกินใส่บาตรนั่นแหละ "อุทิศบุญกุศลให้นายดาวฤกษ์ สุราลัย..." ตอนนี้มันก็ท้ายๆเรื่องแล้ว พุก็มีความสุขกับพี่เกียร์แล้ว น้ำตาเราก็แห้งไปแล้ว ก็มีอันได้รื้นขึ้นมาใหม่และหยดเผาะๆลงบนโต๊ะทำงาน...อีกรอบ มันไม่ต้องมีคำอธิบายมาบรรยายเลยอ่ะ ว่าน้ำพุรักพี่เล่ย์แค่ไหน น้ำพุ ไม่เคยลืมพี่เล่ย์ ความรักของพี่เล่ย์...ไม่เคยสูญเปล่า แค่นี้เราก็สุขใจแล้ว ถึงจะสุขใจทั้งน้ำตาก็เถอะ
พี่เกียร์ พระเอก...แบบงงๆ (สำหรับเรานะ) รู้จักพี่เกียร์ก็จากคำบอกเล่าของพี่เล่ย์ที่เล่าผ่านน้ำพุ ดูเป็นน้องชายที่น่ารักของพี่เล่ย์ เป็นเหมือนตัวละครตัวประกอบทั่วไป ไม่ได้รับความสนใจ(จากเรา) อะไรมากมาย แต่อย่างที่เคยกล่าวไว้ข้างบนๆว่าเรื่องนี้มัน real พี่เกียร์ที่ดูเหมือนจะไม่มีบทบาทอะไรในชีวิตน้ำพุก็เข้ามาแบบงงๆ ก็เหมือนเรื่องราวในชีวิตคนเรา คนคนนึงที่เคยเห็นหน้า เคยรู้จัก แต่ไม่สนิท ไม่ได้สนใจ อยู่มาวันนึงก็มีเหตุให้ได้รักกัน มันก็มีให้เห็นกันบ่อยไป พี่เกียร์กับน้ำพุก็เหมือนกัน แรกๆ ก็เมาๆ มึนๆ อึนๆ ยังจับโฟกัสไม่ได้ 555 แต่พอตั้งหลักได้เค้าก็เฝ้าไม่ปล่อยเลยนะ ตอนแรกก็คงยังงงกับความรู้สึกตัวเองอยู่ ว่ารักจริงๆ หรือเพราะพี่ฝากไว้ แต่พอจับความรู้สึกตัวเองได้ พี่เกียร์ก็เต็มที่กับน้ำพุไม่น้อยไปกว่าพี่เล่ย์เหมือนกัน บ้านนี้เค้าเลี้ยงลูกให้เป็นแฟนที่มีคุณภาพเนอะ คราวนี้ไม่อิจฉาน้ำพุแล้วบอกตรงๆ อยากให้น้ำพุมีความสุข อยากให้้สิ่งที่พี่เล่ย์ทำให้น้ำพุครั้งสุดท้ายไม่สูญเปล่า พี่เกียร์ก็ทำให้น้ำพุมีความสุขได้จริงๆ ไม่เรียกร้องให้น้ำพุลืมพี่เล่ย์ เพราะพี่เกียร์ก็จะไม่ลืมพี่เล่ย์เหมือนกัน เราก็จะไม่ลืมพี่เล่ย์(เกี่ยวไรกะเค้าอ่ะแก) ตรงนี้ก็ทำให้รู้ว่าพี่เกียร์ก็มีหัวใจรักที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ใครเหมือนกัน ยอมให้น้ำพุรักพี่เล่ย์ต่อไป ไม่เรียกร้องไม่คาดคั้น ให้น้ำพุต้องรักแต่ตัวเอง กล้าที่จะรักน้ำพุโดยไม่กลัวที่จะต้องเป็นที่สองรองจากพี่ชาย โดยไม่กลัวว่าอาจจะต้องเป็นแค่ที่สองตลอดไป นี่รึเปล่าหว่า รักจริง รักโดยไม่หวังผลตอบแทน น้ำพุไม่เคยบอกว่ารัก ก็ไม่เคยถามให้น้ำพุลำบากใจ ทำหน้าที่แฟนที่ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง จนแต่งงานอยู่กินกันเป็นเรื่องเป็นราว ก็ยังไม่ได้ยินคำว่ารักจากน้ำพุ เราก็เพิ่งมารู้ตอนน้ำพุบอกเหมือนกัน อืมมม...อยากบอกว่าหัวใจพี่เกียร์ก็หล่อไม่แพ้ใครนะ
มันไม่ง่ายเลยยยยย...ที่เราจะเริ่มต้นด้วยพระเอกคนนึงและจบลงด้วยพระเอกอีกคนนึง แบบกินกันไม่ลง วัดกันไม่ได้แบบนี้ รักทั้งพี่เล่ย์ พี่เกียร์
จะว่าไปก็ต้องของคุณมือตัวเองที่กดพลาดไปลยเม้นตัวเองทิ้งนะ(ถึงเมื่อสองชั่วโมงก่อนจะไม่ได้คิดแบบนี้ก็เถอะ) เพราะเม้นก่อนหน้านี้คือ กล่าวถึงพี่เล่ย์ล้วนๆ ไม่ได้กล่าวถึงพี่เกียร์เลย (พระเอกที่ถูกฉันลืมจริงๆ 55) เพราะตอนนั้นยังเสียใจและรับไม่ได้กับการจากไปของพี่เล่ย์อยู่ วันนี้ก็ยังเสียใจอยู่ แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป เลยเริ่มมองเห็นพี่เกียร์มีตัวตนขึ้นมา 5555
ขอบคุณคนเขียนที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เราชอบมากๆเรื่องนึงเลน ยังเงี่ยหูฟังข่าวเรื่องรวมเล่มอยู่นะคะ ^ ^
-
ตอนพิเศษ ช่วงตั่งแต่หน้าแปดสิบ ถึงหน้าร้อยหายไปหมดเลยอะ ได้แต่อ่านคอมเม้นแล้วมะโน เรื่องราวเอาเองเศร้า
-
เพิ่ง อ่านจบค่ะ เสียน้ำตาไปหลายกระบุง
เสียดายตอนพิเศษ ตั้งแต่พี่แพทหายไปค่ะ อ่านไม่ได้เลย ส่าจะประมาณหน้า 80 เป็นต้นมา อือๆ อยากอ่านT^T
-
อยากได้รวมเล่มเรื่องนี้จังเลย คุณเรนโบว์จะทำเป็นหนังสือไหมคะ
-
รู้สึกว่าน่าสนใจมากตั้งแต่ชื่อเรื่องเลยครับ พออ่านไปสักพักเริ่มมีความสุขกับการได้เห็นความรักของพุกับเล่ย์ แต่รู้สึกตะหงิดๆ กับเชื่อเรื่อง unbelievable love แต่พอได้เห็นโพสเพลงที่คนแต่งโพส ก็บอกตัวเองว่ามันไม่น่าจะใช่อย่างที่เราคิด ... กับความรักของพุกับเล่ย์ที่ค่อยๆ เกิด ความพูกพันที่เรามีให้เขาทั้งสองก็ค่อยๆ มากขึ้นเช่นกัน ... เราคงรับไม่ได้หากความรักของทั้งคู่จบลงไม่ว่าแบบไหนก็ตาม จึงตัดสินใจเปิดหน้าสุดท้าย เห็นคอมเม้นท์ข้างบน หัวใจก็สลายยยยย บอกตัวเองว่าเราคงอ่านต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ เราขอเก็บภาพความรักของพุกับเล่ย์ไว้แค่นั้นละกันนะ แม้จะรู้ว่าต้องหลอกตัวเองก็ตาม คนแต่งแต่งได้ดีมากนะครับ ชอบวิธีการเขียนและวิธีการเล่าที่ชวนให้ติดตาม แต่ไม่ชอบตอนจบแบบนี้เลยยยยยย T T หรือว่าเราอ่อนไหวเกินไป
-
อ่านมาจนจบ เป็นเรื่องแรกที่ร้องไห้สิบกว่าตอนรวด
ทุกครั้งที่พูดถึงพี่เล่ย์...
ความรักระหว่างพี่เล่ย์กับพุเป็นอะไรที่เกินคำบรรยายจริงๆ
พี่เล่ย์คือเดอะเบสมากๆสำหรับเรา
ทุกครั้งที่ได้อ่านสองคนนนี้อยู่ด้วยกัน มันรู้สึกอบอุ่นและตื้นตันมากจริง โดยเฉพาะฉากที่พี่เล่ย์มาหาเป็นครั้งสุดท้าย ตอนวันเกิดพุ ถึงแม้พุในความฝันจะจำพี่เล่ย์ไม่ได้ แต่หัวใจของพุจำได้ อ้อมกอดที่อบอุ่นเหมือนได้กลับบ้าน... เป็นฉากที่เราพีคที่สุดของเรื่องแล้ว
สำหรับพุเกียร์ ก็น่ารักดี แต่อ่านแล้วไม่อินเท่าตอนที่อ่านพี่เล่ย์กับพุ 55555555
รักพี่เล่ย์และคนแต่งนะอิอิ
สู้ๆค่ะ รออ่านทุกเรื่องที่พี่ยังไม่มาต่อให้จบนะคะ :laugh:
-
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำ :mew1:
คุณสายรุ้งขาา เปิดให้จองหนังสือได้เมื่อไหร่คะ ตื่นเต้นๆ
คิดถึงน้ำพุ พี่เล่ พี่เกียร์ มากค่ะ
-
อย่าว่าเรานะคนแต่ง การจนจบหมดแล้วเราก็ยังฝังใจกับพี่เล่ย์อะ คิดถึง :hao5:
-
พึ่งเข้ามาอ่านค่ะ อ่านจบทีเดียวเลย
อ่านแล้วก็คิดถึงพี่เลย์สงสารน้องพุตอนที่พี่เลย์ตาย ลุ้นให้น้องพุรักเกียร์ซึ่งตอนแรกนึกว่าน้องจะไม่รับรักเสียแล้ว
อ่านแล้วหน่วงมากจริง อ่านแล้วรู้สึกเหมือนตัวละครมีอยู่จริง ชอบมากเลย จะติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะค่ะ
ปล.เหมือนจะมีบางตอนหายไป เสียดายที่ไม่ได้อ่านคะ
-
รับทราบค่า ใกล้ละ ๆ รออยู่นะคะ
ขอบคุณคุณเรนโบว์ค่า :mew1:
-
เพิ่งอ่านจบค่ะ สนุกดี :katai2-1:
เสียดายที่ลบตอนพิเศษออกไปแล้ว อดอ่านเลย อ่านเม้นท์คนอื่นๆ แล้วอยากอ่านเรื่องของพันมากกกกก :ling1:
-
อ่านจบแล้วสนุกมากเลยค่ะ
แต่เสียดายไม่ได้อ่านเรื่องของพันเลยอ่ะ
-
จิ้มบวกก่อนอ่านเลย บังเอิญมาเห็นจริง ๆ นะเนี่ยะ
-
ได้อ่านยาวๆ แบบเต็มอิ่มไปเลย
ขอบคุณคุณเรนโบว์ค่ะ ^^
-
สนุกมากครับ อ่านรวดเดียวจบ ชอบมากจริงๆ
-
สนุกมากๆๆๆๆๆ
ไม่คิดว่าเรื่องนี้พระเอกมี2คน
ก็คิดๆอยู่ว่าภาคแรกเกียร์เหมือนมีบทบาทน้อย
แต่ดันมีบทบาทมากในภาค2ซะงั้น
ประทับใจกับเรื่องนี้มาก
เป็นอีกเรื่องที่อยู่ในใจ
จะติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ
-
อ่านตอนแรกแอบอึ้ง เฮ้ย!!! พี่เล่ย์ตายแล้ว
แต่ก็ชอบมากๆค่ะ อ่านๆเนื้อเรื่องน่ารักดี
คิดเหมือนน้องปริ๊น มีแต่คนรุมรักพุ อิจฉาอ่า
ขอบคุณมากค่ะ
-
เพิ่งจะมาตามอ่านค่ะ!
สนุกมาก ชอบทุกตัวละครโดยเฉพาะน้ำพุ ^^
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนี้ค่ะ
-
มันจะต้องเสียน้ำตาใช่ไหม ถ้าอ่านเรื่องนี้
แต่เข้าไปดู SENGPED AWARDS 2013 [ครั้งที่ 7]
เจอแต่คนเสนอเรื่องนี้
ดังนั้นเราต้องไม่พลาด
ตามอ่านก่อนนะ
-
เคยอ่านภาคแรกไปแล้ว เมื่อนานมาก... แต่เป็นครั้งแรกที่อ่านทั้งสองภาคต่อกัน
เสียดายพี่เล่ย์ชะมัด
แต่ยังรู้สึกเหมือนเรื่องยังไม่จบยังไงไม่รู้ อย่างเช่นเรื่องผู้จัดการแผนกของน้ำพุ
ที่เหมือนจะมีใจให้น้องน้ำพุ พอเห็นฉากหวานกอดกันของน้ำพุกับพี่เกียร์แล้ว
คุณพี่ยอมถอยหรือยัง... แล้วพันกับข้าวนี่จะพัฒนาเป็นคู่กันหรือ แค่เพื่อนซี้เพื่อนสนิท
หรือจะเป็นคู่พันกับปริ๊นซ์...
-
ถึงจะมีตอนเศร้าแต่ก็จบได้ดีมากจริงๆ :heaven
ประทับใจมากกกก :L2: :L2: :L2: คือดีงาม
ว่าแต่ น้องพันกับข้าวนี่มีซัมติงสเปเชี่ยลใช่มั้ยคะ :กอด1:
-
คิดถึงพี่เล่ย์ พี่เล่ย์ดูเป็นคนดีน่ารักมาก รักน้องรักครอบครัว เสียใจมากที่พี่เล่ย์จากไป
ส่วนพี่เกียร์นี่ตอนแรกบทน้อยแต่ก็ชอบนะ น่ารักดี คิดว่าอาจจะเป็นคู่รองซะอีก
แต่พอมาคู่กันก็ไม่ขัดนะ ดีไปอีกแบบ
ชอบมากค่ะ เศร้าไปนิดแต่ก็จบได้สวยงาม
พันกับข้าวนี่มีซัมติงกันรึเปล่า แต่แนวเพื่อนรักนี่ก็ชอบอ่ะ พออ่านตอนหลังนี่เลยคิดว่าคงจะมีอะไรซักอย่างแหละ :impress2:
-
คนเขียน ใจแข็งมากนะ ฆ่าลูกชายตัวเองได้ลงคอ
เศร้า ขนาดทำใจมาแล้ว
ช่างเป็นนิยายที่เหมือนเรื่องจริง
มนุษย์ช่างตายง่ายและเปราะบาง TT
พี่เล่ย์ผิดอะไรว่ะ แง๊ๆ
คนเราต้องก้าวต่อไปซินะ
//ยังคนรู้สึกว่าพี่เล่ย์เข้ามาแบบผิวๆอยู่อ่ะ
ไม่รู้คนเขียนเขียนให้รู้สึกแบบนั้นไหม
หรือเราเข้าใจผิด
เข้ามาเพื่อจากไป ไรแบบนี้
รู้สึกว่านักเขียนไม่ค่อยพูดค่อยจา มาบวกเป็ดให้คนอ่านอย่างเดียว
ทิ้งข้อความไว้ท้ายเรื่องทุกรอบ คงจะดี
-
จบแล้ว
ขอบคุณคนเขียนนะ
นิยายสนุกมาก
หลากอารมณ์ หลายรสชาติมาก
คิดถึงพี่เล่ย์ นักเขียนใจเด็ดมาก(ยังย้ำ)
พุนี่เป็นที่รัก จริงๆ
อิจฉาพุ เหมือนที่ปริ๊นซ์มันอิจฉาเลย
เราเปิดอ่านทีละหน้าไม่อิงสารบัญ ยังงงๆว่า คอมเมนต์แต่ละบทไม่ตรงกัน
แต่ไม่เป็นไร คอมเมนต์หลากอรรถรสดี
ยิ่งดราม่าเท่าไหร่ คนยิ่งเมนต์ได้อารมณ์มาก
สำหรับนิยาย
บางอย่างที่เปิดประเด็น ยังหายไปแบบงงๆ แต่ก็เหมือนในชีวิตจริง
มีเรื่องเข้ามา บางเรื่องก็ไม่ต้องจบก็ได้ หายไปแบบงงๆ มันก็เป็นไปได้ในชีวิตจริง
แต่ในนิยาย บางทีการเล่าข้ามชอต(ที่ไม่สำคัญ)ก็ทำให้งงได้
คงต้องใส่ใจในการเขียนตรงนี้อีกซักนิด
ขอบคุณอีกรอบ
วันไหนอยากเหนื่อย ไว้จะมาตามอ่านนิยายของคุณนักเขียนอีกนะ
ดูท่าเรื่องน้องปริ๊นซ์จะดราม่าหนักเหมือนกัน
ว่าไปก็ดูแนวจะโศกนาฏกรรมทุกเรื่อง ถึงมันจะบอกว่า แฮปปี้เอนดิ้งก็เถอะ
:o12:
-
คิดถึงพี่เล่ย์อ่ะ :mew2:
-
ชอบมากค่ะ อ่านแล้วอิ่ม เติมเต็มครบอารมณ์
ตามมาอ่าน จากที่เห็นมีผู้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลปีนี้อย่างเพียบ หลายสาขา...อ่านแล้วเห็นด้วยจริงๆ
เส้นเรื่องอยู่ๆกระตุกซะคนอ่านไม่ทันรู้ตัว เหวอค้างเลย เสียงในหัวระงมว่า...เอางี้เลยเหรออออ
เห็นมีคนปลื้มพระเอกถึงสองคน นึกว่าอีกคนเป็นพระเอกคู่รองของไซด์สตอรี่ หึหึ...มันไม่ใช่เล๊ยย เจ๋งดี
เปิดมาแต่แรกนอกจากชอบพุ ก็นิยมเฮียแพทนิดๆ ซักพักพี่ฮัลเล่ย์เอาใจไป โปรดมากๆถัดมาคือพี่เกียร์
แต่ที่ปลื้มแบบสุดๆๆๆ ดันไปตกที่ "พันทิวา" ซะงั้น ห้ามหัวใจไม่ได้ 555 (แอบลุ้นว่า incest เถิด อิอิ)
เป็นเรื่องที่ชวนอ่านมากจริงๆ จุดพีคของเรื่องที่พลิกผัน สร้างความสนุกแบบที่สุด ประทับใจมากค่ะ
-
ทยอยอ่านมาเรื่อยๆๆ ประทับใจมาก รักน้องพุอะ
-
:mew6:
คิดถึงพี่เล่ย์
-
เพิ่งอ่านตอนของพี่เล่ย์จบสงสารมากมายผู้ชายแบบนี้หาได้ที่ไหนดูอบอุ่นมากๆ
อิจฉาพุที่มีผู้ชายแบบนี้คอยปกป้องดูแลอ่านถึงตอนที่เล่ย์ตายร้องไห้เลยสงสารมาก :sad4:
-
ตามอ่านค่ะ
-
แวะเข้ามาบอกว่าหนูเป็นแฟนนิยายพี่แทบทุกเรื่องเลยคะ
แต่ละเรื่องสนุกมาก
โดยเฉพาะเรื่องนี้ติดงอมแงม
:hao6: :hao6: :hao6:
-
ยิ้มได้ทั้งเรื่อง กับความน่ารักของน้ำพุและผองเพื่อน
-
คิดถึงพี่เล่ย์จังเลยค่ะ คิดถึงพุ พี่เกียร์ พัน ข้าวด้วย
และแน่นอนคิดถึงคุณเรนโบว์ด้วยเช่นกัน ฮี่ๆ :mew1:
-
มาบอกคิดถึงด้วยคนค่ะ :mew1: ดีใจจัง เรื่องนี้ได้เข้าชิงตั้งหลายรางวัลแน่ะ o13
อยากไปโหวตได้บ้างจังค่ะ แต่อายุสมาชิกไม่ถึง โหวตไม่ได้ เสียดายจัง แต่ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง
พี่เล่ย์ก็ยังเป็นพระเอกในดวงใจของเราเสมอ พี่เกียร์ก็ด้วยนะจ้ะ รักทั้งสองคนเลย :กอด1:
ขอบคุณค่ะ :L1: :L2:
-
พึ่งจะมาอ่าน หลังจากทำใจนานมากกกกก ปรากฏว่าร้องไห้อยู่ดี รักพี่เล่ย์ รักพี่เกียร์ ชอบทั้งพี่ทั้งน้องเลย รู้สึกว่าเป็นผู้ชายอบอุ่นทั้งคู่นะ น้ำพุโชคดีจริงๆ
ถึงจะแอบงงว่าเกียร์กับน้ำพุรู้จักกันมาก่อน ใช่ตอนรับน้องรึเปล่า? เดาไปเรื่อยๆ ยังอยากอ่านต่อไปเรื่อยๆเลยเหมือนกัน อ่านแล้วผูกพันกับตัวละครทุกตัวเลย ถึงจะร้องไห้ น้ำตาซึมหลายตอน แต่ยังชอบนิยายเรื่องนี้ไม่เสื่อมคลาย >< มีครบทุกรสชาติ อ่านแล้วไม่ผิดหวังเลยค่า
-
:L2:
-
o13
สนุกมาก
อ่านรวดเดียวจบไม่หลับไม่นอน
ตายังบวมอยู่เลยตอนนี้
ขอบคุณมากค่ะ
รอตอนพิเศษไปเรื่อยๆนะคะ
-
อ่านจบแล้ว คิดไม่ออกเลยว่าจะเม้นว่าอะไรดี มามะ ค่อยๆเรียบเรียงกันไป
เรื่องแรกพี่เล่ย์น่ารักมากเลยนะครับ จริงใจอบอุ่น แต่...คนดีไม่มีที่อยู่ ลาโลกไปไว
น้ำพุน่ารัก ไม่แปลกใจที่ใครๆรุมรัก เพราะผลคนอ่านท่ี่ตามอ่านมาราธอน ยังรักเลย
พี่เกียร์ ตอนแรกไม่ชอบใจนะที่ได้อ่านว่าเมียพี่ตกมาเป็นเมียน้อง แต่แบบ...นึกถึงความเป็นจริงที่ว่า นิยายแสนหวานมันเป็นแค่นิยาย ในชีวิตจริง จบแฮปปี้มันยาก เรื่องบังเอิญที่ก่อปัญหามันเกิดมานักต่อนักและมันอาจไม่เป็นที่ถูกใจหรือดีเท่าไหร่ แต่...เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว วิธีจัดการที่ดีที่สุดคืออะไร พี่เกียร์จัดการได้ชาญฉลาด มันไม่ได้ฉาบฉวย แค่จัดการกับความรู้สึกที่ตัวเองมีให้แน่ชัด พี่เกียร์เจ๋งมากๆ รักพี่เกียร์เช่นกัน
พัน ตัวละครตัวนี้น่ารักและเป็นบุคลิกลักษณะนิสัยแบบอุดมคติสุดๆ รักพัน
ตัวละครคนอื่นๆ พ่อแม่พุพัน พ่อแม่พี่เกียร์ น่ารัก สร้างความอบอุ่นให้กับนิยายเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เป็นครอบครัวอบอุ่นที่ค่อนข้างหายากในปัจจุบัน
เฮียแพท พี่พิท เพื่อนๆอีกหลายๆคนที่ไม่ได้เอ่ยนามก็น่ารักทุกคน แต่...ซอลกะพี่น้ำ ยังไง? เป็นตัวละครเรื่องอื่นหรือครับ?
อีกคนที่ขออนุญาติกล่าวถึง "น้องปริ๊นซ์" ตัวละครที่เหมือนลูกแมวตัวเล็กๆ ที่ต้องการการปกป้อง เอาใจใส่ให้จิตใจที่หมองหม่นให้ดีขึ้นมา น้องปริ้นซ์ดูน่าสงสารมากยังไงก็ไม่รู้ อยากให้น้องได้คนอย่างพันดูแล แต่ว่า...จะเป็นไปได้หรือเปล่าคงต้องแล้วแต่คนเขียนเลยครับ
เรื่องนี้ดำเนินเนื้อเรื่องเรียบแต่น่ารักอบอุ่น
ขอบคุณมากๆนะครับสำหรับนิยายน่ารักๆเรื่องนี้ :pig4:
-
โอยยยยย
สงสารปริ้นซ์
คือนี่ส่วนเกินชัดๆ เป็นเราก็คิดแบบนั้น
ทุกคนมีความสุขเกินไป
ถึงจะพยายามเอาเราเข้าไปอยู่ด้วย
มันก็ไม่ใช่ป้ะ
ฮือออ น้องปริ้นซ์ของเจ้ ต้องสู้วววว
-
สนุก ซึ้ง ประทับใจ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ <คิดถึงพี่เล่ย่์>
-
คุณเรนโบว์ขาาาาาา คิดถึงจังเลยค่ะ
คิดถึงพี่เล่ย์ด้วยยยย >_______<
แอบอยากรู้ข่าวคราวหนังสือจังเลยค่ะ
เมื่อไหรน้อออ เราถึงจะได้ผชคนนี้มาครอบครอง
ยังไงคุณเรนโบว์แวะส่งข่าวทีนะคะ ขอบคุณค่ะ ;)
-
คิดถึงพี่เล่ย์ ฟังเพลงหากฉันตายทีไร คิดถึงพี่เล่ย์ทุกที มันอินมาก น้ำตาคลอ :mew2:
-
บอกตรงๆแม้เราจะชอบและเชียร์พุกับพี่เกียร์ แต่ก็ไม่ลืม
พี่เลย์เลยแม้แต่ตอนเดียว ประทับใจมากในหลายๆอย่าเลย
เราเขามาอ่านเป็นรอบที่สองแล้ว
-
เอาพี่เล่ย์คืนม๊าาาาาาาาาาาา โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ T^T
-
คิดถึงจัง :กอด1:
-
กลับมาอ่านอีกรอบ :impress3: เป็นเรื่องที่น่าจดจำอีกเรื่อง :กอด1:
-
น่ารักมาก ๆ อ่านจนไม่ได้หลับได้นอน
ตอนพี่เล่ย์ตาย ร้องไห้ผ้าเปียกเลย เศร้ามากกกก
อยากอ่านความคิดของเกียร์บ้างจัง แต่สงสารเกียร์มากเลย
ตอนพี่เล่ย์ตาย แบบอยู่ด้วยกันมาตลอดอ่ะ เป็นเค้ารับไม่ได้เลยนะ
ขนาดพิมพ์ยังฟินอ่ะ น้ำตาจะไหล
แต่ชอบโมเมนต์ของ พุ กับ พัน มาก อ่านไปยิ้มไป
เป็นพี่น้องที่น่าอิจฉามากกกกกก น่ารักมาก ๆ
อยากตามไปอ่านเรื่องอื่น
แต่เห็นคอมเมนต์อื่นแล้ว บอกเลย ว่าไม่กล้าค่ะ 55
น้ำตารั่วแน่เลย ขอบคุณนะคะ :กอด1:
-
UNBELIEVABLE LOVE
A Teaser from the Book
มองสำรวจไปรอบๆ เคบินอย่างตื่นตาตื่นใจ ผมหยิบกล้องออกมาเก็บภาพไว้ให้คนอื่นๆ ดูทุกซอกทุกมุม ตั้งแต่อ่างล้างหน้าที่น้ำแรงสะใจมาก กระจกเงา แก้วน้ำบนชั้นวางพร้อมน้ำสองขวด ถุงใส่ขยะที่เขาเตรียมไว้ให้ ปลั๊กไฟที่ไม่รู้ว่าใช้ได้หรือเปล่า เครื่องฟอกอากาศ ช่องแอร์ ไฟอ่านหนังสือ ตาข่ายใส่ของจุกจิก โต๊ะพับพร้อมถุงใส่ไก่ หน้าต่างพร้อมผ้าม่าน เตียงนอนที่ตอนนี้ใช้นั่งแทนเก้าอี้ และเบาะนอนหมอนผ้าห่มที่วางอยู่บนชั้น รวมถึงเพื่อนร่วมทางของผมที่กำลังล้างมืออยู่ด้วย“นายแบบยิ้มหน่อยครับ อย่าทำหน้าบึ้ง”
พี่เล่ย์หันมาแยกเขี้ยวใส่กล้องก่อนจะหัวเราะหึๆแล้วเดินไปนั่งที่เตียง...
ถ่ายไก่และเป๊บซี่ที่วางอยู่บนโต๊ะอีกภาพแล้วผมก็เก็บกล้องลงกระเป๋า เดินไปหาคนที่เตียงและไม่ขัดขืนเมื่อถูกรั้งให้นั่งลงบนตัก
ดึงแขนทั้งสองข้างของคนเป็นตักมาโอบรอบเอว ผมเอียงแก้มให้หอมถนัดๆ แล้วถาม “ผ่านมั้ยครับ"
“หืม?” เสียงงึมงำดังอยู่ตรงซอกคอเพราะไม่ใช่แค่แก้มเท่านั้นที่ถูกหอม
“ห้องนี้อะครับ ใช้ได้หรือเปล่า” ผมถามอย่างมีความหวัง เพราะอยากให้อีกฝ่ายประทับใจกับทริปนี้ที่สุด
“ใช้ได้ครับ...”
“แต่?”
“ผนังมันบางไปนิด” พี่เล่ย์พูดจบ เสียงหัวเราะจากห้องข้างๆ ก็ดังลอดเข้ามา
ผมนิ่วหน้าอย่างกังวล เพราะพี่เลย์เป็นคนที่รู้สึกตัวเร็วมาก ถ้าเสียงดังแบบนี้คงนอนไม่ได้ “เดี๋ยวดึกๆ เขาคงเงียบลงมั้ง ถ้าไม่เงียบเราก็บอกเจ้าหน้าที่ให้ไปเตือนเขาก็ได้หรือถ้าพี่เล่ย์รำคาญ เดี๋ยวพุเดินไปบอกเจ้าหน้าที่ตอนนี้ก็ได้”
“พี่ไม่ได้สนใจเสียงที่ลอดเข้ามา” อีกฝ่ายพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะทำตาเจ้าเล่ห์เมื่อผมเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย “แต่พี่กลัวว่าเสียงในนี้จะลอดออกไป”
“เราก็พูดเบ- ฮื้อ ลามก” ผมว่าพร้อมกับตีต้นขาคนลามกไปแปะหนึ่งเมื่อเข้าใจความหมาย
พี่เล่ย์หัวเราะหึๆ ก่อนจะกระซิบชวนหื่นๆ “เปลี่ยนสถานที่บ้างก็ดีนะ บนรถไฟยังไม่เคยเลย”
หน้าร้อนวูบวาบเพราะความอาย แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องที่ถูกชวนให้ทำเพียงอย่างเดียว ผมลอบอมยิ้มเมื่อนึกถึงรายการที่เตรียมไว้ตั้งแต่เริ่มเดินทางจนกลับมาถึงบ้านที่กรุงเทพ... หวังว่าจะถูกใจคนหื่นนะ
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูทำให้ผมชะงักความคิด หันไปมองหน้าพี่เล่ย์งงๆ
...อย่าบอกนะว่าเจ้าหน้าที่จะมาปูเตียงให้ตั้งแต่ออกรถเลย
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก”
ได้ยินเสียงเคาะชุดที่สองผมก็ลุกขึ้นยืนจะเดินไปเปิดประตู แต่พี่เล่ย์รั้งไว้ แล้วเดินไปเปิดเอง
“ครับ?” พี่เล่ย์ถามคนที่มาเคาะประตูซึ่งผมมองไม่เห็นว่าเป็นใครเพราะคนตัวโตยืนยังประตูไว้
“เอ่อ โทษนะครับ พอดีปลั๊กไฟที่ห้องผมเสีย ถ้าไม่เป็นการรบกวน ขอผมชาร์จโทรศัพท์ที่ห้องคุณหน่อยได้มั้ยครับ ผมลืมพกแบตสำรองมา” เสียงคนที่มาเคาะประตูบอก
“เสียครับ” คนเขาอุตส่าห์อธิบายซะยืดยาว ตอบแค่เนี้ย
“คุณลองแล้วเหรอครับ” อีกฝ่ายเซ้าซี้
พี่เล่ย์ไม่ได้ตอบ แค่พยักหน้าและถาม “แค่นี้ใช่มั้ยครับ” ก่อนจะถอยเข้ามาแล้วปิดประตูโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายตอบ และจังหวะนี้เองที่ทำให้ผมได้เห็นว่าคนมาเคาะประตูเป็นใคร
ทฤษฏีโลกกลมมันใช้ได้จริงๆ เพราะคนที่มาเคาะประตูคือคนที่แอบถ่ายรูปพวกเรานั่นเอง
“เขารู้ได้ไงว่าเราอยู่ห้องนี้” ผมเปรยขึ้นมาอย่างสงสัย
พี่เล่ย์ยักไหล่ “เขาอยู่โบกี้เดียวกับเรา” ก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียงและดึงผมนั่งตักเหมือนเดิม
“แล้วพี่เล่ย์รู้ได้ไงอะ”
“เขาเดินตามหลังเรามา”
ผมทำหน้าแปลกใจ “เหรอ พุไม่เห็นจะสังเกตเลย”
“เคยสังเกตอะไรด้วยเหรอเรา” พี่เล่ย์ว่ายิ้มๆ ก่อนจะหัวเราะหึๆ เมื่อผมทำหน้างอ แล้วหยิบไก่มาป้อน “อ๊ะ กินเยอะๆ ลูกจะได้แข็งแรง”
“ไม่ได้ท้อง” ผมแย้งขำๆ ตีมือที่ลูบอยู่ตรงพุงแปะหนึ่ง แต่ก็ยอมอ้าปากรับไก่โดยดีก่อนจะหยิบไก่อีกชิ้นมาฉีกป้อนอีกฝ่ายบ้าง
กินกันไป คุยกันไป จูบกันไปจนไก่หมดโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะช่วยกันเก็บขยะและเช็ดโต๊ะคนละไม้ละมือ เสร็จแล้วก็ไปล้างมือล้างปากแล้วกลับมานั่งที่เดิม...และท่าเดิม
“ไม่หนักเหรอ” ผมถามคนเป็นตัก
พี่เล่ย์สั่นศีรษะแล้วหอมแก้มผมดังฟอด “ตัวนิดนึง”
“คนอื่นเตี้ยกว่าพุก็มีเหอะ” ผมเถียงไม่จริงจังนัก สอดแขนโอบกอดรอบเอวของคนตัวโตกว่า ก่อนจะพิงศีรษะกับไหล่กว้างแล้วถอนหายใจอย่างมีความสุข... ดีนะที่จองชั้นหนึ่ง ถึงจะแพงหน่อยแต่ก็คุ้มเพราะเป็นส่วนตัวและสะดวกสบายพอสมควร
หนังท้องตึงหนังตาหย่อน นั่งคุยนั่งเล่นไปเพลินๆ ผมก็หลับไปตอนไหนไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนพี่เล่ย์เขย่าปลุก “พุ ลุกก่อนเร็ว เขามาปูเตียงแล้ว”
ผมรีบลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายบอก แล้วรีบไปล้างหน้าให้สดชื่อเมื่อนึกถึงภารกิจที่ต้องทำในคืนนี้ ส่วนพี่เล่ย์ก็ไปเปิดประตูให้เจ้าหน้าที่เข้ามา... มีแค่คนเดียวครับแต่ก็ทำงานเร็วมาก แป๊บเดียวก็ปูที่นอนทั้งบนล่างเสร็จเรียบร้อย
พี่เล่ย์ตามไปล็อคประตูเมื่อเจ้าหน้าที่เดินออกไป ก่อนจะหันมาถาม “จะนอนเลยมั้ย”
“กี่ทุ่มแล้วครับ”
อีกฝ่ายยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาแล้วบอก “สามทุ่มสิบแปด”
ผมพยักหน้า “งั้นนอนเลยก็ได้ครับ”
“จะเข้าห้องน้ำก่อนมั้ย”
ผมพยักหน้าอีกครั้ง “ครับ” ก่อนจะอาสา “พี่เล่ย์เข้าก่อนก็ได้ เดี๋ยวพุเฝ้าห้องเอง”
พี่เล่ย์ส่ายหน้า “ไปด้วยกันนี่แหละ”
“เดี๋ยวของหาย” ผมแย้งไม่เต็มเสียงนักเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วง
“ไม่หาย มองเห็น” พี่เล่ย์ว่า แต่ผมก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี เพราะถึงจะเป็นชั้นหนึ่งก็ใช่ว่าจะไม่มีขโมย จึงนำกระเป๋าธนบัตรและมือถือของพี่เล่ย์ที่วางอยู่ตรงโต๊ะพับข้างหน้าต่างมาใส่ลงไปในกระเป๋าสะพายพร้อมทั้งหยิบกระเป๋ากล้องขึ้นมาสะพายด้วย “ป๊ะ”
พี่เล่ย์อมยิ้ม ไม่ได้แย้งอะไรแต่ดึงกระเป๋าสะพายและกระเป๋ากล้องไปจากไหล่ผม “เดี๋ยวพี่ถือเอง”
ตามที่ได้ข้อมูลมา ห้องน้ำของตู้นอนชั้นหนึ่งจะมีสองห้องต่อโบกี้ เป็นห้องรวมชายหญิงและมีฝักบัวสำหรับอาบน้ำด้วยและค่อนข้างสะอาดซึ่งต้องรอพิสูจน์อีกที
เพราะเคบินของเราอยู่ตรงกลาง จึงไม่ต้องเดินไกล แค่เลี้ยวออกจากมาห้องนิดเดียวก็ถึง... แต่ต้องรอเพราะมีคนใช้อยู่และฟังจากเสียงน้ำที่ได้ยินทั้งสองห้อง คาดว่าคงจะต้องรอนานแน่ๆ
เราตัดสินใจยืนรอเพราะหากกลับไปที่ห้องแล้วกลับมาใหม่ก็กลัวว่าคนอื่นจะมาเข้าตัดหน้าอีก
ผมใช้โอกาสนี้เปิดกระเป๋าหยิบกล้องออกมาเก็บภาพทางเดิน หน้าห้องน้ำ วิวข้างทาง และคนข้างๆ
...โดยเฉพาะคนข้างๆ ที่เยอะเป็นพิเศษ
“มา เดี๋ยวพี่ถ่ายบ้าง” พี่เล่ย์ว่าพร้อมกับยื่นมือออกมา ก่อนจะบอกท่าทางที่ต้องการเมื่อผมส่งกล้องให้ “ไปยืนตรงหน้าห้องน้ำแล้วชี้สัญลักษณ์ชายหญิงซิ”
ทำตามที่อีกฝ่ายบอก ผมฉีกยิ้มกว้างให้กล้อง ก่อนจะถามอย่างสงสัยเมื่อรอยู่นานตากล้องก็ไม่ยอมกดชัตเตอร์เสียที “อ้าว ไมไม่ถ่ายอะ”
ตากล้องเหมือนพยายามกลั้นขำเพราะไหล่สั่น ก่อนเสียงหัวเราะหึๆ จะหลุดลอดออกมา แล้วสุดท้ายก็กลายเป็น “ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“อะไรอะ” ผมทำหน้ามุ่ย ต่อยแขนคนหัวเราะทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร แต่ก็เดาได้ว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ “หัวเราะอะไร บอกมาเดี๋ยวนี้เลย”
พี่เล่ย์หัวเราะอีกสองสามหึ ก่อนจะถามกลั้วหัวเราะ “ไม่เข้าใจจริงๆ อะ”
“เข้าใจแล้วจะถามเหรอ”
แล้วแทนที่ผมจะได้คำตอบ กลับเป็นเสียงหัวเราะขำอีกรอบแทน “หึๆๆๆ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ผมจิ๊ปาก แล้วยกแขนขึ้นกอดอกเซ็งๆ “เป็นบ้าเหรอ หัวเราะอยู่ได้”
“หึๆ คิดดีๆ สิ ท่ากี้นี้มันเหมือนอะไร หึๆๆ” พี่เล่ย์ทั้งถามทั้งพยายามกลั้นขำไปในเวลาเดียวกัน
ขมวดคิ้วนิ่วหน้า ผมพยายามคิด แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก จึงบอก “เหมือนอะไร ก็แค่ชี้ภาพประก-” ก่อนจะชะงักคำพูดเมื่อเข้าใจ “ฮื้อ พี่เล่ย์... นิสัยไม่ดี”
ก็ภาพเมื่อตะกี้... เหมือนตอนตำรวจพาผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำสารภาพเลย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” คนนิสัยไม่ดีหัวเราะขำอีกรอบ และคงไม่ยอมหยุดหากไม่ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำถูกเปิด
“อ้าวบังเอิญจัง เจอกันอีกแล้ว” คนที่แอบถ่ายรูปพวกเรานั่นเองครับ... โลกโคตรจะกลม
ผมยิ้มให้อีกฝ่ายนิดๆ ก่อนคนที่เพิ่งหยุดหัวเราะจะบอก “ไปเข้าสิ เดี๋ยวพี่รอตรงนี้”
“ครับ” ผมพยักหน้า เปิดเอาเจลล้างมือในกระเป๋าสะพายออกมาแล้วเดินหลีกผู้ชายคนนั้นเข้าไปในห้องน้ำ... สะอาดใช้ได้เลยครับไม่เหม็นอย่างที่คิด ได้แต่กลิ่นสบู่กับแชมพู คงเพราะเพิ่งมีคนอาบน้ำออกไปใหม่ๆ
ทำธุระส่วนตัวเสร็จ ผมเปิดประตูออกไปแล้วทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นว่าผู้ชายคนนั้นยังอยู่ “อ้าว”
พี่เล่ย์ที่ยืนเอนๆ พิงหน้าต่างอยู่ หยัดตัวตรงแล้วบอกคนที่คุยด้วย “ขอตัวครับ” ก่อนจะดึงผมเข้าไปหาโอบไหล่พาเดินกลับเคบิน
“พี่เล่ย์ไม่เข้าเหรอ” ผมถามเบาๆ และเมื่อเจ้าของชื่อพยักหน้าก็อุทานออกงงๆ “อ้าว”
“เดี๋ยวค่อยเข้า” อีกฝ่ายบอกให้หายสงสัยขณะเปิดเข้าไปในเคบิน วางกระเป๋าลงบนเตียงชั้นล่างแล้วเดินไปที่ประตู ก่อนพยักหน้าเรียกผม “ล็อคประตู ถ้าไม่ใช่พี่ห้ามเปิด”
“ครับ” ผมรับปาก แล้วทำตามคำสั่งเมื่อพี่เล่ย์เดินออกไปยืนที่หน้าห้องแล้ว
แม้หลายครั้งจะถูกห่วงจนเว่อร์ แต่ผมก็ไม่เคยรู้สึกรำคาญสักนิดเดียว ตรงกันข้ามกลับรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยและตื้นตันใจทุกครั้งที่ได้รู้ว่ามีคนอีกคนหนึ่งนอกจากครอบครัวที่รักและห่วงใยผมไม่น้อย
เมื่ออยู่คนเดียวในห้อง ผมก็ถอดเชิ้ตและกางเกงยีนส์ออกเหลือไว้เพียงเสื้อยืดคอวีและบ๊อกเซอร์อีกตัว ก่อนจะเดินไปล้างหน้าแปรงฟัน เสร็จแล้วก็รื้อกางเกงนอนผ้าสำลีที่เพิ่งซื้อเพื่องานนี้ออกมาใส่
ใส่กางเกงเสร็จกำลังจะทาครีม เสียงมือถือที่อยู่ในกระเป๋าสะพายก็ดังขึ้น “RRRRRRR…. RRRR…”
ผมหยิบขึ้นมาดู เห็นหน้าคนคุ้นเคยก็กดรับ “ครับ?”
[นอนยัง] เฮียแพทครับ
“ยังครับรอพี่เล่ย์อยู่” ลืมตัวตอบออกไปจนหมด ก่อนจะรีบกัดปากเตรียมฟังอีกฝ่ายตัดบท... แต่คราวนี้เฮียแกมาแปลก นอกจากไม่ตัดบท ยังถามถึงอีกด้วย [แล้วมันไปไหน]
“ไปห้องน้ำ”
[อืม…]
“เฮียอยู่ไหนอะ ทำไมเสียงดังจัง” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องพูดเพราะไม่อยากให้บรรยากาศมันกร่อย ถึงเฮียจะยอมรับที่ผมกับพี่เล่ย์เป็นแฟนกันแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะยังไม่สนิทใจเท่าไหร่
[สุวรรณภูมิ]
“จะไปไหนอะ”
[อังกฤษ]
“อื้อฮือ ไฮโซนะครับอิจฉาอะ” ผมแกล้งว่า
[อิจฉาทำไม มีแฟนรวย ก็ให้มันพาไปสิ] เฮียแกว่า แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบโต้ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น “ก๊อก ก๊อก ก๊อก... พุ พี่เอง”
“พี่เล่ย์มาแล้ว แป๊บนะเฮีย” ผมบอกคนปลายสาย ก่อนจะเดินไปปลดล็อคประตู แล้วเอาหน้าจอมือถือที่มีรูปเฮียแพทโชว์หราให้คนที่เพิ่งเข้ามาดู เมื่ออีกฝ่ายเลิกคิ้วเป็นคำถามว่าผมคุยกับใคร
พี่เล่ย์พยักหน้ารับรู้ ปิดล็อคประตูแล้วถอดเสื้อกับกางเกงออกเหลือแต่บ๊อกเซอร์ ก่อนจะเดินไปล้างหน้าแปรงฟัน ส่วนผมก็เอ่ยถามคู่สนทนาที่เงียบหายไป “โหล เฮีย ยังอยู่เปล่า”
[อยู่... เมื่อกี้กูได้ยินเหมือนเสียงหวูดรถไฟเลย ไม่ได้อยู่บ้าน?]
“เปล่าครับ อยู่บนรถไฟ”
[ไปไหน]
“เชียงใหม่” ผมตอบตรงๆ เพราะพี่เล่ย์ก็รู้แล้วเลยไม่ต้องปิดบังอีก
[อืม...] เฮียแกงึมงึมอยู่ในลำคอ ก่อนจะบอก [เฮ้ย กูต้องไปแล้ว แค่นี้ก่อนนะ]
“ครับ เที่ยวให้สนุกนะครับ”
[มึงก็เหมือนกัน…] เฮียแกว่าแล้วเงียบไป แต่ยังไม่ตัดสาย ผมเลยบอก “โชคดีนะเฮีย เอาหอไอเฟลมาฝากด้วยนะ” ก่อนจะถามเพราะไม่แน่ใจ “หอไอเฟลมันอยู่อังกฤษใช่ป๊ะ”
[บ้านมึงดิ หอไอเฟลอยู่อังกฤษ มันอยู่ปารีสเว้ย] เฮียแกว่าเอือมๆ ก่อนจะหัวเราะขำ… แต่เอ๊ะ เหมือนจะไม่ใช่เสียงเฮียคนเดียวนะ
...เหลือบมองก็เห็นเจ้าของเสียงเป็นมนุษย์อีกคนในห้องที่ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้วและกำลังหัวเราะหึๆ
ผมย่นจมูกใส่เจ้าของเสียง ก่อนจะคุยกับเฮียแพทต่อ “แล้วที่อังกฤษมันมีอะไร หอเอนปิซาเหรอ”
[พอเถอะไอ้พุ อย่าเดาต่อเลย แค่นี้แผนที่โลกก็เคลื่อนไปไกลแล้ว] เฮียแพทว่ากึ่งเอือมกึ่งขำ ก่อนจะรีบบอก คงกลัวผมจะเดาต่อ [ที่อังกฤษต้องหอนาฬิกาบิ๊กเบน]
“เออๆ บิ๊กเบนนั่นแหละ มันติดอยู่ที่ปาก” ผมแก้ตัว
[ถุ๊ย!] ถุยแรงไปมั้ย ถ้าอยู่ใกล้ๆ คงน้ำลายเต็มหน้า
ผมทำหน้ามุ่ยแต่ก็อดถามต่อไม่ได้ “ว่าแต่ว่า หอเอนปิซามันอยู่ที่ไหนอะ”
[อิตาลี]
“นั่นไง คิดไว้แล้ว”
ได้ยินที่ผมพูด เฮียแกถึงกับต้องเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น [ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!] แล้วพอหยุดหัวเราะก็บอก [ถ้าอยู่ใกล้ๆ กูจะถุยน้ำลายใส่หน้าให้ดู... เฮ้ย กูต้องไปแล้วแค่นี้นะเว้ย] ประโยคสุดท้ายฟังรีบๆ คงไม่ใช่การตัดบทแล้ว
“ครับ โชคดีครับ”
[เหมือนกัน... ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ] ได้ยินน้ำเสียงจริงจังของเฮียแกแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้ยิ้มของผมฉีกกว้างจนเกือบถึงใบหูก็เพราะประโยคในตอนท้ายต่างหาก [อย่าไปไหนมาไหนคนเดียว ไอ้เล่ย์มันบอกอะไรก็ให้เชื่อ อย่ารั้น ไปต่างถิ่นมันอันตราย เข้าใจมั้ย]
“ครับผม” ผมตอบรับง่ายๆ ก่อนจะบอก “เฮียก็เหมือนกัน ดูแลตัวเองดีๆ นะ”
[เออ... ไปละๆ เดี๋ยวเอาบิ๊กเบนมาฝาก บาย]
“บายครับ”
วางสายจากเฮียแพทแล้วผมก็เล่าให้พี่เล่ย์ฟังว่าพูดอะไรกับเฮียแกไปบ้าง และไม่ลืมที่จะเน้นตรงประโยคประวัติศาสตร์ เพราะถึงแม้เฮียแกจะแสดงออกว่าไม่ถูกชะตาพี่เล่ย์สักเท่าไหร่ แต่ก็มั่นใจในตัวน้องชายต่างแม่ขนาดบอกให้ผมเชื่อฟัง ซึ่งน้อยครั้งมากที่คนอย่างเฮียแพทจะเชื่อในตัวของคนอื่น
ผมเผลออมยิ้ม คงอีกไม่นานที่พี่เล่ย์และเฮียแพทจะสามารถคุยกันได้แบบพี่น้องปกติ... ถ้าถึงวันนั้น ผมจะจัดงานฉลองเจ็ดวันเจ็ดคืนเลย
คิดแล้วก็อดหัวเราะอย่างมีความสุขไม่ได้ “หึๆๆ”
“น่ากลัวนะ อยู่ดีๆ ก็หัวเราะ”
ผมทำหน้ายู่ ดันเจ้าของเสียงกลั้วหัวเราะจนอีกฝ่ายหงายลงไปกับที่นอนแล้วขู่ “ถ้าพุบ้า พุจะกัดพี่เล่ย์คนแรกเลย” ก่อนจะตามไปนั่งคร่อมเอวของคนตัวโตกว่า
พี่เล่ย์หัวเราะหึๆ ยกยิ้มท้าทายก่อนจะอ้าปากรับจูบที่ประกบลงไป แล้วปล่อยให้ผมเป็นคนนำ
ครบปีหรือยังเนี่ย หายไปนานเลย 555+
หนังสือใกล้จะเสร็จแล้วนะ รอแค่อึดใจแม้ว 555+
-
:monkeysad: คิดถึง พี่เลย์ กะ พุ มากกก
อ่านไปน้ำตาซึมอ่ะ. ยังงัย พี่เลย์ก็เป็นเบอร์ 1 ในดวงใจตลอดไป
ดีใจที่เรนโบว์ เอาตอนพิเศษมาฝาก
-
พี่เล่ย์มา คิดถึงพี่เล่ย์
-
คิดถึงมาก เปิดมาเจอตอนอัพ ปริ่ม :hao5:
-
ขอบคุณที่นำพี่เล่ย์และน้องพุมาฝากจ้า น่ารักมาก คิดถึงมาก ๆ
รอหนังสืออยู่นะจ๊ะ
-
คิดถึงมากอ่ะ อยากได้หนังสือสุดๆๆ :katai2-1:
-
คิดถึงมากกกกกกกกกกกกกกกเลยค่ะ อ่านไปยิ้มไปน้ำตาคลอไป น้ำตาจะไหล
ฮือออออออออ คิดถึงพี่เล่ย์ รักมากที่สุดเลยคนนี้ ให้ที่สุดของที่สุดเลย แพ้มาก
พุก็น่ารัก โอยยยย คิดถึงงงงงงงงสุดๆ ขอบคุณนะคะที่มาอัพเดต
จะเฝ้ารอหนังสือใจจดใจจ่อเลยค่ะ
-
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด พี่เล่ย์ คิดถึงโคตรรรรรร :กอด1: :กอด1:
-
พี่เล่ย์กับพุน่ารักมาก
-
คิดถึงมากกกกกกกกกกกกกก :man1:
หยอดกระปุกรอซื้อหนังสือนะฮะ :hao7:
-
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษ น่ารักมากอ่ะ
-
กลับมาอ่านอีกรอบด้วยความคิดถึง
-
พี่เล่ย์น้องพุ :m3: ขอกอดให้หายคิดถึงหน่อย :กอด1:
แหม หวานกันได้ตลอด ๆ จริง ๆ เลย เดทบนรถไฟ ก็ได้รสชาติอีกแบบดีนะ
น้องพุนี่ เสน่ห์แรงตลอด ๆ เลยจริง ๆ ดีนะที่พี่เล่ย์รู้ทันก่อนทุกครั้ง
เฮียแพท ตอนนี้ แอบน่ารักเบา ๆ นะเนี่ย เป็นห่วงน้องพุนั่นแน่นอนอยู่แล้ว
แต่คำพูด แสดงออกชัดเจนเลยว่า เฮียแพท เชื่อใจและมั่นใจในตัวพี่เล่ย์มาก ๆ
ถ้าไม่มีเหตุการณ์ร้าย ๆ เกิดขึ้นก่อน เชื่อเลยว่าต่อไป ทั้งสองคนต้องเป็นพี่น้อง
ที่รักและเข้าใจกันได้แน่ ๆ เหมือนอย่างที่พี่เล่ย์กับพี่เกียร์ ถึงไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ
แต่ก็รักกันมากขนาดตายแทนกันได้ เฮ้อ นึกถึงเหตุการณ์ในอนาคตทีไร เศร้าทุกทีเลย :monkeysad:
ขอบคุณ คุณเรนโบว์ ที่เอา Teaser มาฝากค่ะ ว่าแต่ ของ Unintentional Love
จะมีมาให้อ่านบ้างมั้ยน้อ :impress: คิดถึงพี่เกียร์ ไม่น้อยไปกว่าพี่เล่ย์เลยน้า
ยังคงรอคอยหนังสือต่อไป อีกอึดใจเท่านั้น สู้ ๆ ค่ะ
ขอบคุณ คุณเรนโบว์มากค่ะ :L1:
-
ดีใจที่มาต่อค่ะ พี่เล่ย์ดูแลพุดีมากๆ ชอบอ่ะ
แล้วก็หนังสือใกล้เสร็จแล้ว เย้!
-
อ่านมาถึงตอนบทที่ห้า บอกเลยว่าสนุกมาก บรรยายเห็นภาพ บุคลิคตัวละครชัดเจน ประทับใจค่ะ แต่พอมาอ่านคอมเม้นในตอนจบ ทำเอาไม่กล้าอ่านต่อเลย 555 ขอโทษจริงๆค่ะ
เพราะบอกเลย ว่าอ่านไปแค่ห้าบทยังหลงรักเล่ย์มากๆ ถ้ายังฝืนอ่านจนถึงบทสรุป คงทำใจไม่ได้ เลยขอเก็บพี่เล่ย์ไว้ในใจถึงบทที่ห้าพอค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ ^^
-
พี่เล่ย์กับน้ำพุเค้ายังน่ารักกันเหมือนเดิม ถ้าจะให้หายคิดถึง ต้องเอาพี่เกียร์กับน้ำพุมาฝากอีกตอนค่ะ
คิดถึงพี่เล่ย์ พี่เกียร์ น้ำพุ และคนเขียนมากกกกกกกกกกกค่ะ ขอบคุณนะค้าาาาาาาาาสำหรับตอนพิเศษ
-
เพิ่งอ่านจบไป อยากบอกว่าพี่เล่ห์นี่น่ารักจริงๆเลย :mew2:
แอบสงสัยอยู่นิดนึง ว่าเกียร์มีรูปคู่กับพุที่ถ่ายไว้ก่อนจะเจอพี่เล่ห์
แล้วตอนพุเจอเกียร์อีกครั้ง พุจำเกียร์ไม่ได้เหรอ
อยากอ่านตอนพิเศษ พุเกียร์ :mew1:
ตอนludwingอีก น่ารักดี :hao7:
-
ฮืออออออ :o12:คิดถึงพี่เล่ย์ ยิ่งอ่านยิ่งคิดถึง พี่เล่ย์น่ารักอะ เป็นห่วงแล้วก็หวงพุจริงๆเลย 555555
-
คุณเรนโบว์หายยยยยย คิดถึงจริงจัง :hao5:
คิดถึงพี่เล่ย์ คิดถึงพุ พี่เกียร์ พัน คิดถึงหมดเลย :กอด1:
-
:monkeysad: คิดถึงพี่เล่ย์อ่ะ
-
ไม่รู้ว่าาอ่านแล้วจะดีใจหรือเสียใจดี พี่เล่ย์ :กอด1:
ขอบคุณครับ :pig4:
-
หนังสือเปิดจองรึยังคะ ตกข่าวยาวนาน
-
Unintentional Love
Outsider’s POV
เพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่เป็นวันแรก ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก จึงถูกพี่ๆ เรียกใช้ให้ทำเรื่องจิปาถะทั่วๆ ไป
“แน็ค ช่วยเอานี่ขึ้นไปให้คุณเกียร์เซ็นหน่อยค่ะบอกด่วนนะคะ” และนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่รู้ “คุณเกียร์คือใครครับ”
คนสั่งทำหน้านึกได้ ก่อนจะบอก “ลืมไป แน็คเพิ่งมานี่เนอะ คุณเกียร์ก็คุณนภสินธุ์ไง อยู่ชั้น 38”
“อ๋อ ครับ” พยักหน้าไปอย่างนั้นแหละ ที่จริงก็ยังไม่รู้ว่าคุณนภสินธุ์เป็นใคร ตอนอบรมพนักงานใหม่ก็เหมือนจะได้ยินชื่อนี้ผ่านๆ ซึ่งไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพราะมัวทำความรู้จักเพื่อนใหม่ในห้องอยู่
แต่ที่แน่ๆ คุณนภสินธุ์คงตำแหน่งใหญ่พอดู ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้อยู่เกือบยอดตึกแบบนี้หรอก
เข้ามาในลิฟท์แล้วกดชั้น 31 เพราะขึ้นได้สูงสุดแค่นี้ ชั้น 38 ต้องเปลี่ยนไปขึ้นอีกโซน
ออกจากประตูลิฟท์ที่ชั้น 38 แล้วก็มายืนงง... จะกว้างไปไหน
ตัดสินใจเดินไปทางซ้ายมือ แต่กลับเจอห้องประชุมแทน จึงเดินย้อนกลับมา พอดีที่แม่บ้านเดินออกมาจากห้องครัว จึงถามออกไป “เอ่อ ห้องคุณนภสินธุ์อยู่ทางไหนครับ”
…ไม่กล้าเรียกว่า ‘คุณเกียร์’ เพราะไม่รู้ว่าอนุญาตให้เรียกเฉพาะคนหรือเปล่า กลัวหน้าแตก
“เดินไปทางนั้นเลยค่ะ” แม่บ้านชี้ไปทางขวามือ “อยู่ริมสุดเลย”
ผงกศีรษะให้ พร้อมกับบอก “ขอบคุณครับ” แล้วเดินตรงไปยังทิศที่อีกฝ่ายบอกจนไปเจอกับโต๊ะทำงานที่ไร้คนนั่งสองตัว แต่มีโน้ตแปะไว้ตรงด้านหลังจอคอมพิวเตอร์
ตัวแรกเขียนไว้ว่า ‘Break’
ตัวถัดไปเขียนว่า ‘Vacation Leave’
มีเลขาสองคนเลยหรือนี่!
ถัดจากโต๊ะทั้งสองตัวไป เป็นห้องทำงานขนาดใหญ่ที่เปิดประตูไว้กว้าง เหมือนจะบอกกับทุกคนที่มาว่าให้เข้าพบได้
ตัวอักษรสแตนเลลสีดำที่ติดอยู่บนประตูไม้หนาหนัก ประกาศให้รู้ว่าเจ้าของห้องคือใคร
นภสินธุ์ สุราลัย รองประธานกรรมการ
ตัดสินใจที่จะนำเอกสารเข้าไปให้เซ็นด้วยตนเอง... ก้าวเท้าไปหยุดยืนที่หน้าห้อง ยกมือเคาะประตูสามครั้งแล้วบอก “ขออนุญาตครับ”
...เหมือนใจกระตุกเมื่อดวงตาคมเฉี่ยวตวัดมองมา
ไม่ได้แก่อย่างที่คิด แถมยังหน้าตาดี...มาก มากกว่าพระเอกเบอร์หนึ่งของเมืองไทยตอนนี้เสียอีก
คิ้วเข้มที่ยกขึ้นเป็นเชิงถาม ทำให้ต้องรีบเก็บสติที่กระจัดกระจายให้กลับมารวมอยู่ที่เดิม “อะ เอ่อ พี่หนุนให้มาขอลายเซ็นคุณนภสินธุ์น่ะครับ”
“เรื่องอะไร” เสียงทุ้มน่าฟังดูมีอำนาจ ทั้งๆ ที่พูดด้วยโทนธรรมดา
“เรื่อง upgrade Stealth program เป็น version 6.4 ครับ” ตอบออกไปด้วยความมั่นใจ เพราะระหว่างที่ขึ้นลิฟท์มาก็อ่านดูคร่าวๆ แล้ว เผื่อกรณีที่โดนถาม
อีกฝ่ายพยักหน้า “อ้อ... แล้วที่บอกให้ไปแก้ แก้มาหรือยัง”
“เอ่อ ไม่ทราบครับ พอดีพี่เข-”
“ไม่เป็นไร” คนถามตัดบท ก่อนจะยื่นมือออกมาขอ “เอามาดูซิ”
รีบกางแฟ้มหน้าที่หนีบเอกสารไว้ แล้ววางลงตรงหน้าอีกฝ่าย
“รีบหรือเปล่า”
ยิ้มแหยๆ และอ้อมแอ้มบอก “พี่เขาบอกว่าขอด่วนครับ”
เจ้าของห้องพยักหน้า แต่ไม่พูดอะไร เปิดอ่านเอกสารผ่านๆ ที่อ่านนานหน่อยคือหน้าสุดท้าย คาดว่าคงเป็นหน้าที่ให้กลับไปแก้ สักครู่ก็หยิบปากกาขึ้นมาแล้วถาม “เซ็นตรงนี้ใช่ไหม”
มองตามนิ้วที่วางอยู่ แล้วพยักหน้า “ครับ”
นิ้วเรียวสวยตวัดปากกาลงบนจุดที่ให้เซ็น ก่อนเจ้าของนิ้วจะเอ่ยถาม “ที่เดียว?”
“ครับ”
รอจนเจ้าของห้องเซ็นเสร็จและเลื่อนแฟ้มมาให้ก็ยกมือไหว้ “ขอบคุณครับ”
อีกฝ่ายพยักหน้ารับแบบขอไปที เพราะความสนใจทั้งหมดถูกเปลี่ยนไปรวมอยู่ที่จุดๆ เดียวซึ่งกำลังเดินออกมาจากห้องที่เชื่อมต่อกับห้องนี้แทน “ตื่นแล้วเหรอตัวแสบ หิวหรือยังครับ”
เด็กชายวัยประมาณ 4-5 ขวบเดินงัวเงียมาเกาะเข่าคุณนภสินธุ์ แล้วพยักหน้างัวเงีย “พระพายหิว” พร้อมกับยื่นมือออกมาเป็นเชิงให้อุ้ม ซึ่งคนตัวโตก็ไม่ขัดประสงค์ โน้มตัวลงไปอุ้มร่างเล็กขึ้นมากอดไว้แนบอก แล้วลุกขึ้นยืนพร้อมบอกเสียงอ่อนโยน “งั้นก็ไปล้างหน้ากันก่อนเนอะ เดี๋ยวพ่อเกียร์พาไปกินของอร่อยๆ”
“พระพายอยากกินไก่”
“กินไก่เยอะๆ เดี๋ยวก็ขันเหมือนไก่”
“ไก่ขันกะต๊ากๆ ไก่ขันกะต๊ากๆ” เด็กน้อยร้องเป็นเพลงและทำท่าตีปีกเหมือนไก่ท่าทางงัวเงียหายเป็นปลิดทิ้ง “ไก่ขันกะต๊ากๆ”
“โอ๊ะ โอ๊ย ไก่บินๆ” คนตัวโตว่า แล้วแกล้งโยนลูกชายขึ้นลงสองสามครั้ง เรียกเสียงกรี๊ดๆ ชอบใจจากเด็กชายได้หลายกรี๊ด
“เอาอีกๆ” เด็กน้อยว่าพร้อมขย่มตัวไปด้วย
คนตัวโตไม่ขัดใจ โยนลูกชายขึ้นอีกสองสามครั้ง “ไก่บินๆ”
เด็กน้อยร้องกรี๊ดกร๊าดอย่างชอบใจ ทำท่าตีปีกอีกครั้ง “ไก่ขันกะต๊ากๆ ไก่ขันกะต๊ากๆ” แล้วเลียนเสียงไก่ขัน “เอ๊กอี้เอ๊กๆ เอ๊กอี้เอ๊กๆ” ก่อนจะตบท้ายด้วยเสียงหมาหอน “บรู๋วววว บรู๋ววววว”
“ตัวอะไรขันบรู๋ว”
“เสือน้อยขัน”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เสือน้อยมันขันเหรอ พ่อเกียร์นึกว่ามันหอนซะอีก”
“เสือน้อยเห็นผี บรู๋วววววว”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
แอบฟังสองพ่อลูกคุยกันอยู่สักครู่ก็ต้องรีบออกมา เพราะได้ยินเสียงเหมือนใครอยู่นอกห้อง และเมื่อเดินออกไปก็พบกับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งอายุอานามคงจะมากกว่าทางนี้อยู่นิดหน่อย
อีกฝ่ายยิ้มให้น้อยๆ พร้อมพยักหน้าทักทาย “สวัสดีครับ”
ก้มศีรษะทักทายพอเป็นพิธี เพราะไม่รู้ว่าเขาคือใคร “สวัสดีครับ” แล้วเดินเลี่ยงออกมา ปลายสายตาเห็นคนมาใหม่เดินเข้าไปในห้องด้วยท่าทางคุ้นเคย
และก่อนที่จะเดินพ้นออกมาจากรัศมีของการได้ยิน เสียงแหลมเล็กของเด็กชายพระพายก็ดังลอดออกมา
“พ่อพุมาแล้ว!”
+++++unintentionallove+++++
แก้คิดถึง
-
หายคิดถึงไปนิด แต่...คำถามคือ...พระพายลูกใครครับ? :hao4:
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษนะครับ :pig4:
-
ยังรอรวมเล่มนะคะ
-
หายไปนานกลับมามีลูกซะแล้ว
-
อร๊ายยยยยย พ่อเกียร์พ่อพุกับหนูน้อยพระพาย น่าร้ากกกก
ขอซักตอนยาวๆค่ะ. 555555
-
โอยยยยย น้ำตาจะไหล ฮืออออ คิดถึงมากกกกกกกกเลยค่ะ
น้องพระพายน่ารัก เป็นเด็กอารมณ์ดีจังเลยยยย
ปล1.อยากจะบอกว่าแค่นี้มันไม่พออะคุณเรนโบว์ เอาอีกกกก #โลภ 55555
ปล2.คิดฮอดอย่างแรง ยังรอหนังสืออยู่นะคะ จุ้บๆ
-
หายคิดถึงก็จริง แต่พระพายคือลูกใคร มาจากหนใด คาใจมากเลย
-
อยากได้รวมเล่ม คิดถึงเกียร์พุ :hao5:
-
ดีใจที่มีมาให้อ่านอีกค่ะ คิดถึงๆๆๆ พุมาแย้ว
-
:katai1: :katai1: :katai1: :katai1:มาให้หายคิดถึงหรือมาให้คิดถึงมากว่าเดิมอะ :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
-
มาให้หายคิดถึงแล้วก็ทิ้งไว้แต่ความค้างคาใจ
-
+1 ให้นะค้าา ที่เอามาให้แก้คิดถึงงงง :mew1:
-
ดีใจที่ได้อ่านอีก แม้จะมาแบบสั้น ๆ ให้อยาก(มาก) ก็เถอะ :hao5:
ขอบคุณนะค้าาาาาาาาาาาาาาา :pig4:
-
คิดถึงจริงๆ :กอด1:
ที่หายไปนี่ แอบไปมีลูกกันซะแล้ว 555
รีบมาเล่าที่มาที่ไปด่วนเลยนะคะ
-
คิดถึงพี่เล่ย์มาก
-
หายไปนานมว๊ากกกกกกกกก
คิดถึงอ่าาา
อยากอ่านน้องนอยด้วย ฮือออ
-
เอามายั่วกันมากเลยค่ะ อยากอ่านใจจิขาด :hao5:
-
เห็นเรื่องนี้อัพนึกว่าตาฝาด :mew1:
-
น่าน มีลูกด้วย
-
เพิ่งเห็น
ผ่านไปหลายปี มีลูกซะแล้ว
ลูกคร๊ายยยยยยยยย
-
เพิ่งได้มาอ่านแบบรวดเดียวจบ
รักพี่เล่ห์มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ฮรืออออออออออออ
ผช.แบบพี่เล่ห์มันใช่เลยค่ะ นิสัยแบบนี้ น่ารักแบบนี้ รักพี่เล่ห์ แงงงงงง
-
พระพายคือลูกใครอ่าา า
-
คิดถึงพุ พี่เกียร์ จังเลยค่ะ
-
สนอยู่จ้า จะให้ดีพาพ่อ พ่อ มาให้ดูด้วยจิ
-
เพิ่งอ่านจบค๊าาาาาาา แต่ละตอนสั้นๆกระชับดีค่ะ
เป็นติ่งพี่เล่ย์ค่ะ ฮือๆๆ พี่เล่ย์ไม่น่าตายเลย คิดถึงพี่เล่ย์
ยิ่งอ่านตอนที่พี่เล่ย์มาลาพุแล้ว :hao5: :hao5: :hao5: สงสารพี่เล่ย์มาก หลังจากที่ตายไปคงเป็นห่วงพุมากน่าดูเลย ถึงไม่ยอมไปไหน
ยิ่งตอนพุถามถ้าพุถึงเวลาแล้วพี่เล่ย์จะมารับใช่ไหม พี่เล่ย์ก็ตอบ ถ้าถึงเวลานั้นพุยังต้องการพี่เล่ย์ก็จะมารับ :hao5: :hao5:
อยากให้แต่งถึงฉากสุดท้ายที่พี่เล่ย์มารับพุ อยากให้พุไม่ลืมพี่เล่ย์ ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง(แอบกลัวพุจะรักพี่เกียร์มากกว่า)
ปล.พระพายลูกใครหว่าาาาา...
-
:hao5:
พี่เล่ย์ ไม่น่าเลย
แต่ ก้อขอบคุณเรื่องราวดีๆ นะคับ
:L1:
-
รวดเดียวจบ เป็นเรื่องที่ดูจะไม่มีมาม่า แต่เล่นเอาตกใจเลย แต่ชอบอ่ะเลยอ่านต่อ เกือบหยุดอ่านไปเลย แต่พุน่ารักมากไม่ไหวต้องตามจนจบ เกียร์ และพี่เลย์มีคาแรคเตอที่น่าสนใจมาก เก่งจังเลยค่ะ รอรวมเล่มนะคะ
-
ฮืออออออออออ เค้ารักพี่เล่ย์อ่าาาาาา รู้มั้ยทำเค้าเสียน้ำตาไปกี่รอบ พี่เลย์เป็นผู้ชายที่อบอุ่นมาก น่าสงสารมาก ยิ่งตอนที่มาบอกลาในฝันยิ่งรู้สึกว่าผู้ชายดี ๆ แบบนี้ไม่น่าจากไปเร็วเลย อยากให้เค้าได้อยุ่กับคนที่รักนาน ๆ แต่พีเกียร์ก็น่ารักไม่แพ้พี่เล่ย์ เหมือนกัน
-
เราอ่านรวดเดียวจบตั้งแต่บ่ายสามยันเที่ยงคืน
ตีสองเพิ่งได้นอนเพราะร้องไห้ตลอดตั้งแต่พี่เล่ย์ตาย
ถึงจะมีพี่เกียร์ในช่วงหลังแต่แบบว่าเราหลงรักพี่เล่ย์ไปแล้วล่ะ
ร้องไห้ตลอดเลยเรื่องนี้เราอินจัดมาก
ปล.แต่พี่เล่ย์เขาดีเกินไปจนเหมือนเทวดา ดังนั้นให้ไปอยู่บนสวรรค์น่ะดีแล้ว
:hao5:
-
เป็นอะไร สนุก ซึ้ง เศร้า และคิดถึง(พี่เล่ย์)
ภาคสอง เริ่มด้วยเศร้า ของการสูญเสีย และเริ่มประสบการณ์ใหม่
หลากรส ครบทุกอารมณ์จริงๆค่ะ
-
อ่านจบแล้วนะค่ะ 3 วัน ดีใจที่ตัดสินใจเข้ามาอ่าน ตอนที่เข้าไปในกระทู้นิยายที่ต้องอ่าน พอเราอ่านที่แต่ละคนพูดถึงเรื่องนี้ บอกตามตรงว่าไม่กล้าเข้ามา เพราะเราแพ้นิยายแนวนี้ ทำใจอยู่นานมาก ตอนแรกเราข้ามไปอ่าน Part ของเกียร์พุ เลย แต่อ่านไปได้ 4 ตอน เราก็สัมผัสได้ถึงความรักที่ทั้งเกียร์แล้วก็พุมีต่อเล่ย์ เราเลยตัดสินใจกลับไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก รู้สึกไม่ผิดหวังเลยที่ย้อนกลับมาอ่าน แม้ว่าตอนที่สูญเสียเล่ย์เราจะร้องไห้แทบปานจะขาดใจ เราเป็นงี้จริงๆ ถึงได้พยายามห่างนิยายแนวนี้ ร้องไห้แบบตื่นมาตาบวมนอยล์ต่อเนื่องมาอีกวัน เพราะเรารู้สึกรักและผูกพันในตัวของเล่ย์กับพุมาก นึกภาพไม่ออกเวลาที่พุจะไม่มีเล่ย์ และนึกภาพไม่ออกว่าใครจะมาแทนที่ของเล่ย์ได้ แต่พออ่านต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจบ บอกได้คำเดียว "อิ่มใจมาก" คุณ Rainbow เติมเต็มเรื่องราวได้ลงตัวมากเลยค่ะ ความทรมารในตอนแรกที่เล่ย์จากไปค่อยๆหาย และค่อยๆยอมรับในตัวเกียร์มากขึ้น แม้ว่าเราจะยังคงคิดถึงเล่ย์อยู่ก็ตาม ขอบคุณนะค่ะ ที่ทำให้ได้เห็นความสวยงามของความรัก ความเข้าใจ ความใส่ใจ และความเสียสละ เรื่องนี้มีทุกมุมมองจริงๆค่ะ เล่ย์เป็นตัวแทนของทุกๆมุมได้ดีมากๆ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอย่างนี้นะค่ะ ขอบคุณจริงๆค่ะ
ปล.เค้าก็เป็นอีกคนที่รอรวมเล่มอยู่นะค่ะ ^______^
-
UN-LOVE SERIES
Special : นาทีสุดท้าย
http://www.youtube.com/v/8D6dfVmYuEk?version=3&hl=en_US&rel=0" type=
Song Credit: นาทีสุดท้าย by Bodyslam
“ระวัง!!!”
“โครม!!!”
………..
…….
….
ขนตายาวหนากระพริบถี่ๆ ก่อนดวงตาคมดุจะลืมขึ้นช้าๆ
“อือ…” เจ้าของดวงตาครางในลำคอ ก่อนจะค่อยๆ ยกศีรษะขึ้นจากพวงมาลัยด้วยความยากลำบาก
เมื่อตั้งสติลำดับเหตุการณ์ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มก็รีบหันไปมองทางขวามือด้วยความเป็นห่วง “เกียร์?”
ร่างสูงปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วเอื้อมไปเขย่าน้องชายเบาๆ พร้อมร้องเรียกด้วยความร้อนรน “เกียร์… เกียร์ ฟื้นสิ”
หลังจากเขย่าเรียกอยู่นาน แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว ชายหนุ่มจึงเปิดประตูลงรถ แล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งที่น้องชายนั่งอยู่ และค่อยๆ จับคนอายุน้อยกว่าเอนพิงเบาะในท่าที่คิดว่าสบายที่สุด “เกียร์… ไอ้เกียร์… ฟื้นสิ”
“เล่ย์?” เสียงแหบๆ ครางเบาแสนเบา แต่คนเป็นพี่ก็ยังได้ยิน “เออ กูเอง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“เจ็บทั้งตัว” คนเจ็บบอกตามความร้าวระบมที่รู้สึกทั่วสรรพางค์กาย
“แล้วเจ็บตรงไหนเป็นพิเศษ”
หยุดคิดพิจารณาอยู่ชั่วครู่ น้องชายที่ตัวโตกว่าพี่ก็บอกหอบๆ “อกกับขา”
“ขยับขาได้ไหม”
คนตัวโตพยายามขยับขาตามที่พี่ชายบอก แต่ไม่สำเร็จ “ไม่ได้ มันติด”
ดาวฤกษ์ชะโงกหน้าไปดูต้นเหตุที่ทำให้ขาของน้องชายขยับไม่ได้ แต่มองเห็นไม่ชัด จึงอ้อมกลับเข้าไปในรถและก้มลงมองดูขาข้างซ้ายที่ติดอยู่ใต้คอนโซลรถ
ชายหนุ่มจิ๊ปากอย่างไม่ชอบใจ เมื่อเห็นกางเกงยีนส์ตรงแข้งของคนเป็นน้องตุงขึ้นมาอย่างผิดปกติ “ขาหัก”
ได้ยินเสียงพึมพำของคนเป็นพี่ นภสินธุ์ก็ถามหอบๆ “กูจะตายไหมวะ” เพราะพอจะเดาอาการของตัวเองจากความเจ็บปวดทรมานในตอนนี้ได้ว่าคงหนักหนาสาหัสพอสมควร
“ไม่ตาย มึงต้องไม่ตาย” ดาวฤกษ์ยืนยันเสียงหนักแน่นขัดกับความกังวลในแววตา “เดี๋ยวก็มีคนมาช่วย ทนหน่อยนะ”
“ไม่ทนจะทำไงได้ ขาเดี้ยงแบบนี้ กูคงเดินออกไปเองได้หรอกนะ”
อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอ รู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อยเมื่อคนเจ็บยังคงสามารถพูดจากวนๆ ตามสไตล์ได้ “เจ็บขนาดนี้ ยังไม่วายกวนตีนนะมึง”
คนเจ็บอมยิ้ม ก่อนจะมองสำรวจพี่ชายที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยบ้าง “มึงบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
ร่างสูงชะงักไปชั่วครู่ แปลกใจเช่นกันว่าความรู้สึกร้าวระบมในตอนแรกที่ฟื้นขึ้นมาหายไปไหนแล้ว แต่เพราะอาการบาดเจ็บของน้องชายน่าเป็นห่วงกว่า เขาจึงปัดความสงสัยทิ้งไปโดยไม่ใส่ใจ “นิดหน่อย…”
* * *
ยืนมองคนรักที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงด้วยความคิดถึง ร่างสูงก้มลงจุมพิตหน้าผากมน ก่อนกระซิบบอก “กลับมาแล้วครับ…”
ชายหนุ่มเอนตัวลงนอนและสวมกอดร่างโปร่งบางไว้แนบอก ก่อนมือใหญ่จะเลื่อนลูบศีรษะของคนเป็นแฟนเบาๆ อย่างอาทรเมื่ออีกฝ่ายนอนผวาเหมือนกำลังฝันร้าย
ขนตายาวงอนกระพริบถี่ๆ สองสามครั้ง ก่อนดวงตากลมโตจะค่อยๆ ลืมขึ้นช้าๆ พร้อมรอยยิ้มยินดี “พี่เล่ย์… กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
เจ้าของชื่อไม่ตอบแต่กระชับกอดแน่นขึ้น…
เพราะอย่างไรคนตัวโตก็กลับมาแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยพรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย น้ำพุจึงไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบ ทำเพียงยกมือขึ้นลูบคางสากเบาๆ และก่อนจะปล่อยให้ความง่วงงุนดึงเข้าสู่นิทรารมย์ ริมฝีปากสีสดก็คลี่ออกเป็นรอยยิ้มเมื่อสัมผัสอ่อนโยนถูกแตะลงมาบนเปลือกตาทั้งสองข้างและหน้าผากเบาๆ
* * *
“ขอคีม มีเศษกระจก”
“นี่ค่ะ”
“ใครเอาฟิล์มเอ็กซเรย์มาหรือยัง”
“อยู่นี่ค่ะ”
“ตี๊ดดด” สัญญาณเตือนจากเครื่องมอนิเตอร์หัวใจที่ดังขึ้นทำให้ความวุ่นวายภายในห้องผ่าตัดหยุดชะงักชั่วครู่ ก่อนพยาบาลคนหนึ่งจะบอก “หัวใจเต้น 110 ส่วน pulse ox ลดลงเหลือ 88”
“pressure?”
“90/55 ค่ะ” พยาบาลสาวบอก ก่อนจะร้องออกมา “หัวใจเต้นแรงมาก 140 แล้ว”
“เขาเสียเลือดมาก และกำลังจะช็อค”
ร่างสูงเดินเลี่ยงแพทย์และพยาบาลที่กำลังวิ่งวุ่นเข้าไปหาคนเจ็บที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงโดยไม่มีใครห้ามปราม
ชายหนุ่มวางมือลงบนแก้มทั้งสองข้างของน้องชาย ก่อนจะทาบหน้าผากของตนลงบนหน้าผากของอีกฝ่ายพร้อมกระซิบปลอบ “เข้มแข็งไว้ พี่อยู่กับเกียร์ตรงนี้”
และดูเหมือนคนบนเตียงจะรับรู้ได้ถึงความเข้มแข็งที่พี่ชายถ่ายทอดให้ จังหวะการเต้นของหัวใจที่รัวเร็วในตอนแรก จึงค่อยๆ ลดลงจนเหลือเพียง 105 ครั้งต่อนาทีเท่านั้น
***
“ชะ ใช่ ลูกฉันเอง” สาวใหญ่ในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมกลับด้านยืนยันตัวตนของคนที่นอนอยู่บนเตียงเสียงเบาหวิว ใบหน้าไร้เครื่องสำอางซีดเซียวเหมือนไม่มีเลือด “ลูกแม่...”
“คุณ!” หนุ่มใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างกันรีบผวาเข้ารับร่างโปร่งบางของภรรยาที่เป็นลมล้มพับไปดื้อๆ เพราะไม่อาจทนรับความสูญเสียในครั้งนี้ไหว “คุณ ทำใจดีๆ ไว้”
“พามานอนตรงนี้ก่อนครับ” นายตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ร้องบอกพร้อมเคลียร์โต๊ะให้ว่าง ก่อนนางพยาบาลจะเข้ามาช่วยปฐมพยาบาล
ร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ คนบนเตียง เหลียวมองเหตุการณ์วุ่นวายภายในห้อง ก่อนจะเดินเข้าไปหาคนที่เป็นลม แล้วก้มลงกระซิบบอก “แม่ครับ เล่ย์อยู่ตรงนี้”
“เล่ย์... ลูกแม่...”
เสียงโหยละห้อยพร่ำเพรียกเรียกหาลูกชายคนโตซึ่งเล็ดรอดออกมาจากริมฝีปากซีดพร้อมหยดน้ำใสๆ ที่ไหลรินอาบแก้มทั้งสองข้างของคนที่ยังไม่ได้สติ ทำให้ผู้เป็นสามีถึงกับกลั้นน้ำตาตัวเองไว้ไม่อยู่
หนุ่มใหญ่ยกมือเย็นชืดของภรรยาขึ้นจุมพิตแผ่วเบา ก่อนจะซบหน้าลงกับหลังมือของอีกฝ่ายนิ่งๆ
“พ่อครับ... อย่าร้องไห้” ดาวฤกษ์วางมือลงบนไหล่สั่นสะท้านจากการพยายามกลั้นสะอื้นของคนเป็นพ่อ ที่แม้จะไม่ใช่ผู้กำเนิดที่แท้จริง แต่ก็รักและดูแลตนเหมือนลูกในไส้ “เล่ย์อยู่ตรงนี้...”
***
“ไม่ๆๆ ฮึก ฮึก พี่เล่ย์ ฮือ สัญ ญะ ญา ฮือ”
ร่างสูงคุกเข่าลงข้างๆ คนรักที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นทวงคำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้ มือบางยกปัดป่าย ไม่ยอมให้เพื่อนเข้ามากอด “ฮึก ฮึก พี่ ฮึก ละ เล่ย์ ฮึก ฮือ”
ลูบศีรษะของคนเป็นแฟนด้วยความอาดูร ดาวฤกษ์กระซิบยืนยัน…
“พี่สัญญา”
+++++unbelievablelove++++
ส่วนหนึ่งในหนังสือที่ไม่ยอมเสร็จซะที กลัวถูกลืมเลยเอามาให้อ่านกันก่อน :mew2:
ศัพท์ทางการแพทย์ยังไม่ได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ อาจจะขัดนิดหน่อยนะ
-
คนเขียนขา เราตามมาหลายปีเเล้วอ่ะค่ะ ยังรอเล่มอยู่นะคะ ปกติอ่านแต่ที่เด็กดี เพิ่งเข้ามาอ่านที่เล้า จากความเห็นในหน้านี้บอกว่ามีตอนพิเศษเพิ่ม แต่อยากเขียนความเห็นก่อน เดี๋ยวจะย้อนไปอ่านตอนพิเศษนะคะ มีลูกด้วย แอร๊ยย เราชอบเด็กๆวนเวียนในนิยาย มันน่ารักอบอุ่นดีค่ะ
-
เพลงยิ่งบิ้วมากค่ะ เห็นชื่อเพลงแล้วก็ไม่กล้ากดฟังไปด้วย ได้ร้องไห้แน่ :hao5:
แต่ใกล้จะร้องแล้ว คือแบบ รอเล่มอยู่ สูเๆนะคะคนเขียน :กอด1:
-
ส่องเรื่องนี้บ่อยมากจริงนั่นแหล่ะ :sad4:
-
เรารอหนังสือค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
-
ได้ร้องไห้ก่อนนอนจนได้ ฮืออออ คิดถึงพี่เล่ย์
พี่เล่ย์ของน้อง พี่เล่ย์คนดีที่สุดเลยยย
เป็นพระเอกที่เรายกให้เป็นที่หนึ่งและที่สุดแล้วผชคนนี้
เรื่องนี้ยังไงเราก้ชอบความสัมพันธ์ของพี่เล่ย์พี่เกียร์ที่สุด
มันยิ่งกว่าพี่น้อง เปรียบทั้งคู่เป็นครึ่งนึงของกันและกันยังได้เลย
ยิ่งพี่เล่ย์รักพี่เกียร์มากเท่าไหร่ เราไม่อยากจะคิดถึงวันที่พี่เกียร์ฟื้นขึ้นมาเลย
ว่าพุแทบตายทั้งเป็นแล้วนะ แต่มันอาจจะไม่เท่าที่ครอบครัวและพี่เกียร์รู้สึก
ถ้ามีพาร์ทพี่เกียร์ในหนังสือแบบละเอียด เราคงต้องเตรียมทิชชูสักสามม้วนแน่นอน
พี่เกียร์ต้องใช้ความเข้มแข็งมากเท่าไหร่ กว่าจะฟื้นคืนได้
ต้องทำใจยอมรับแค่ไหน ในการที่วันนี้มีแค่ตัวเองที่รอดมาคนเดียว
พูดล่ะน้ำตาจะไหลหนักกว่าเดิม ฮืออออ รักพี่เล่ย์ รักพี่เกียร์
ปล.เราไม่มีทางลืมเรื่องนี้เเละพี่เล่ย์แน่นอนค่ะ
ยังรอหนังสืออยู่เหมือนเดิม คิดถึงคุณเรนโบว์นะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
-
“เข้มแข็งไว้ พี่อยู่กับเกียร์ตรงนี้” พอถึงประโยคนี้ปุ๊บ คือน้ำตาไหลเลย คิดถึงพี่เลย์ ฮือออออออออ
พี่เลย์คนดีของน้องงงงง
-
รอหนังสือ รอ รอ รอ
เอาพี่เลย์มาตอนนี้ยิ่งคิดถึงหนัก
ถึงแม้เกียร์จะดีแต่เราก็รักพี่เลย์อ่ะ
T_T
-
สะเทือนใจ :sad4:
-
เรื่องนี้ฝังใจเรามากๆค่ะ
ทั้งที่ชอบเรื่องนี้มาก แต่เรากลับอ่านได้แค่รอบเดียว ฮ่าๆ
พี่เล่ย์เป็นพระเอกที่ติดตรึงในหัวใจเราที่สุดเลยค่ะ นึกถึงเรื่องนี้ทีไรก็เจ็บปวด T_T
-
อ่าว จบแล้วเรอะะะ 55555 บอกตามตรงเรื่องนี้เคยอ่านตอนแรกๆ ไปได้ไม่กี่ตอนแล้วก็เลิกอ่าน แต่เซ็งเป็ดอวอร์ดในโหมดนิยายสุดประทับใจ(รึเปล่า)มีเรื่องนี้ ด้วย คือนิยายเรื่องอื่นเราเคยอ่านหมดแล้ว มาเห็นโพลมีเรื่องนี้ก็ งงๆ อึ้งๆ เรื่องนี้เคยอ่านแต่อ่านไม่จบ เลิกอ่านไป เพราะตอนแรกๆ ที่อ่าน รู้สึกเบื่อๆ แบบ รู้สึกไม่หวือหวา พอมาอ่านใหม่อีกครั้ง แรกๆ ก็ยังงงๆ อยู่ มันประทับ (?) ตรงไหน พยายามอ่านไปเรื่อยๆ เบื่อหลายทีละใกล้วางหลายรอบ แต่ก็อ่านมาเรื่อยๆ จนถึงตอนเล่ย์ตาย คือน้ำตาไหลสิบลิตร เริ่มคิดละ เรื่องนี้ มันเจ๋งมากกก 55555 จนตอนนี้จบแล้ว คือก็แบบ ดีอะ ไม่รู้จะพูดไร นั่งประทับใจอยู่ 555555 ดีใจที่ได้กลับมาอ่านเรื่องนี้อีกที o13
-
ชอบมากๆเลย จบหวานมากกก
ตอนกลางเรื่องอ่านแล้วหน่องๆ น้ำตาคลอ
ขอบคุณนะคะ
-
คิดถึงพี่เล่ย์ น้ำตาไหลนองหน้า...
-
ร้องไห้อีกแล้วคนอ่าน รักพี่เล่ย์มาก ขนาดไปแล้วก็ยังห่วงทุกคน พี่เล่ย์ยังไม่อยากไป~~~ เศร้าค่ะ
ตอนที่เรียกแม่แล้วแบยเล่ย์อยู่นี่ ฮรือออออ
-
น้ำตาไหลอีกแล้ว งือออออ
-
อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ้งในความรักของพี่เล่ย์ที่มีให้คนรักอย่างน้องพุ
และมีให้น้องชาย+เพื่อนรักแบบพี่เกียร์มากๆ
ถึงจะรู้สึกดีที่พี่เกียร์รักและเป็นคนรักที่ดีคอยดูแลน้องพุต่อจากพี่เล่ย์
แต่สารภาพเลยว่าลบภาพพี่เล่ย์ไม่ได้จริงๆ
พี่เล่ย์คือที่ 1 ในใจเลยอ่ะ พระเอกตลอดกาลของน้องพุ
อ่านตอนล่าสุดยิ่งคิดถึงพี่เล่ย์ น้ำตาจะไหล
ขอบใจนะจ๊ะที่เอาเรื่องดีๆ มาให้อ่านกัน ^3^
-
อ่านจบแล้วววววว ชอบมากกกกกกกกกก
โอ้ยยยยยอ่านไปร้องไห้ไปกับพี่เล่ย์อ่ะ(อินมากกก)
ชอบพุ รักพี่เล่ย์ หลงเกียร์ นี่พูดเลอออออ :o8: :o8:
เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจสุดๆๆ ขอคุณที่แต่งนิยายสนุกๆๆให้อ่านน๊าา
-
สำนวนการเขียนดีมากครับ
เล่นเอาแย่เลยนะ ที่พี่เลย์จากไป
ดีนะที่นายเอกหลุดจากความเศร้าได้เร็ววัน
:heaven :heaven :heaven
-
อ่านรอบแรกไปแล้ว น้ำตาไหลพรากไปรอบ
คลิกไปคลิกมา เจอกระเด้งขึ้นมาหน้าแรก
เลยเผลอตัว นั่งอ่านใหม่อีกรอบ น้ำตาไหลพรากอีกรอบสอง
รักและคิดถึงพี่เลย์ :sad4:
รอหนังสือนะคะ :pig4:
-
ขอโทษค่ะ...
อ่านถึงตอนพี่เล่ย์ตาย ร้องไห้เป็นเผาเต่าเลย ทำใจอ่านต่อไม่ได้จริงๆ
ชอบเรื่องนี้มาก ไม่นึกว่าจะหักมุมขนาดนี้ ฮือออออออออ
ไว้มีโอกาสจะมาอ่านต่อให้จบนะคะ
-
คือเข้ามาอ้านละชอบมากตอนเล่ย์แท้มันจะไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นแต่ก็ชอบเล่ย์กับพุน่ารักแต่พออ่านภาคของเล่ย์กับพุจบก็อ่านเกียร์ต่อ แต่ช็อกที่ให้เล่ย์ตาย ทำใจอ่านต่อไม่ได้จริงๆ มันทำใจยากแล้วพุยังมาเป็นแฟนเกียร์อีก โอ๊ยเหมือนโดนคนแต่งเอามีดแทง555 ขออนุญาติไม่อ่านภาคเกียร์กับพุละกันนะ ขอบคุณที่แต่งนิยายน่ารักๆมาใหเอ่านนะค่ะ (ภาคพุเล่ย์) o13
-
อ่านจบภาคของ เล่ย์พุ แล้ว พอมาภาค2 อ่านคำนำ รู้สึกได้กลิ่นดราม่าแปลกๆ เลยลงไปอ่านคอมเมนต์ดู
เท่านั้นแหละ ต่อมน้ำตาตื้นขึ้นมาเลย ทีแรกก็ว่าจะเป็นคู่อื่น คนอื่น ไม่นึกว่าจะเป็นแบบนี้
ขอโทษคนแต่งด้วยนะคะ เรายังทำใจไม่ได้ที่จะอ่านภาคของเกียร์พุ
ขอเก็บ เล่ย์พุ เป็นความประทับใจและความทรงจำดีๆต่อไป TT
-
ตอนแรก ก้อคิดแบบเดียว ทำใจให้อ่านต่อยากมาก แต่....นักเขียนท่านนี้สามารถทำให้เราเปลี่ยนไป ทำให้เรารักตัวเอกตัวใหม่ได้โดยไม่ลืมตัวเก่า ทำให้เรารักตัวละครได้เท่าเทียมกัน ไม่ว่า พุ พัน เล่ย์ เกียร์ เราเปิดใจรับเกียร์ โดยไม่ลืมเล่ย์ อันนี้ประทับใจส่วนตัวจริงๆ ลองอ่านเถอะ รับรองไม่ผิดหวัง บอกตรงๆ อ่านซ้ำเกิน 3 รอบ อ่านแล้วอิ่มใจประทับใจ ในความรักที่ไม่จำเป็นว่าจะต้องเกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว และกับคนคนเดียว...........
-
คือเข้ามาอ้านละชอบมากตอนเล่ย์แท้มันจะไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นแต่ก็ชอบเล่ย์กับพุน่ารักแต่พออ่านภาคของเล่ย์กับพุจบก็อ่านเกียร์ต่อ แต่ช็อกที่ให้เล่ย์ตาย ทำใจอ่านต่อไม่ได้จริงๆ มันทำใจยากแล้วพุยังมาเป็นแฟนเกียร์อีก โอ๊ยเหมือนโดนคนแต่งเอามีดแทง555 ขออนุญาติไม่อ่านภาคเกียร์กับพุละกันนะ ขอบคุณที่แต่งนิยายน่ารักๆมาใหเอ่านนะค่ะ (ภาคพุเล่ย์) o13
เหมือนกันเลยค่ะ ถึงจะมีภาคต่อแต่เรา ขอจบที่ภาค เล่ย์-พุ ก็พอ ...
-
สุดยอดมากอะ อ่านแล้วกินใจฝุดๆเลย
-
ความคืบหน้าของหนังสือ
คนเขียน – เขียนตอนพิเศษเสร็จแล้วนะ (เยอะมาก เยอะเกินไปหรือเปล่าก็ไม่รู้)
ตอนนี้อยู่ระหว่างตรวจคำผิดและสำนวนอีกรอบก่อน final
เกือบจะเสร็จละ เห็นฝั่งอยู่รำไร ยังมีคนรออยู่ไหมเนี่ย! :mew2:
-
:L2: เรารออยู่น้าา ^^/
-
กรี๊ดดดดด รออยู่เหมือนกันค่าาาาา
-
อ่านกี่ทีก็น้ำตาซึม พี่เล่ย์
ตอนเริ่มภาค 2 ได้กลิ่นแปลกๆ พอรถชนปุ๊ปรู้เลย ฮือ :hao5:
-
อยากอ่านแล้ว เล่มเสร็จยังคะคุณเรนโบว์
-
ยังรอหนังสืออยู่นะคะ ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์เดียวกันกับเรื่อง "เป็นได้แค่ตัวแทน" หรือเปล่าคะ? อยากเป็นเจ้าของมากๆ ค่ะ :mew1: อยากได้ทั้ง Unbelievable+Unintentional Love เลยค่ะ
-
อยากได้หนังสือจังเลยค่ะ ยังรออยู่ตลอดเลยนะค่ะ แงๆเก๊าอยากอ่านพุกะพี่เกียร์อ่ะ
-
คิดถึงพุจังเลยค่ะ
-
คุณเรนโบว์ขาาาา ยังรอพี่เล่ย์อยู่นะคะ คิดถึงมากเลยค่ะ <3
-
ถ้าเป็นอีบุ๊คจะช่วยอุดหนุนค่ะ :-) // เพิ่งได้อ่าน ชอบภาคแรกมากกก เห็นเตือนแล้วว่าภาคสองดราม่านะ นึกไม่ถึงว่าจะดราม่าแบบนี้ คิดอยู่นานว่าจะอ่านต่อดีไหม สุดท้ายก็อ่านจนจบค่ะ ยอมรับว่าลำเอียงชอบภาคแรกมากกว่า แอบสงสารพี่เกียร์เล็กๆ 555
-
รอหนังสอค่า คิดถึงเล่ย์พุ :mew1:
-
ยังรออยู่เสมอนะค่ะ
-
รออยู่ค่าาา
-
คิดถึงน้ำผุแย้วค่ะ
-
เข้ามาบอกว่ายังรออยู่นะคะ ^^
-
อ่านจบแล้วว แต่พออ่านไป อ่านคอมเม้นไป เหมือนเนื้อเรื่องมันโดดๆเลย ไม่ทราบว่าคนแต่งลบตอนสเปเชียลไปใช่ไหมคะ?
อ่านภาคแรกคือเราชอบพี่เล่ย์มาก ชอบมากกก
จนทำใจอ่านภาค 2 แทบไม่ได้ แต่ด้วยความอยากรู้
ว่าจะเป็นยังไงต่อเลยต้องอ่านต่อ 55 สรุป ก็ยังชอบ
พี่เล่ย์มากเหมือนเดิมอยู่ดี อ่านไปก็คิดถึงพี่เล่ย์ไป
-
หนังสือน้องพุออกยังค่ะ มีใครพอจะรู้บ้างหรือเราตกข่าวอะไรไปหรือเปล่า?
-
E-Book Unbelievable Love มาแล้ว!!
ส่วนหนังสือรอไปก่อนนะ เดี๋ยวรอ Unintentional Love เสร็จทีเดียว
Warning : No Love Scene 555+
เจอกันที่ MEB (https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=40682)
[attachment deleted by admin]
-
ขอโทษนะเกียร์ แต่...พี่เล่ย์ก็ยังคงเป็นพระเอกในใจเราตลอดกาล...ผู้ชายอบอุ่น น่ารัก เป็นผู้นำ คอยดูแลเรา ฮืออออ พี่เล่ย์น้องพุ แต่กาลเวลามันก็ย้อนกลับไม่ได้น่ะเนอะ หวังว่าต่อไปนี้พุจะมีความสุข และเกียร์จะเป็นความสุขของพุตลอดไปนะ...
-
อ่านจบแล้ว ขอบคุณมากคับ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อ่านแล้วมีความสุข
ปล.เป็นนักอ่านเงามาตั้งนาน โพสนี้เพื่อนิยายเรื่องนี้ 555
-
กลับมาอ่านอีกรอบเหมือนตอนพิเศษหาย :sad4: ยังไงก็รอหนังสืออยู่นะคะ
-
หาตอนพิเศษไม่เตอเลยค่ะ :mew4:
-
เราชอบภาคเกียร์พุนะ :ruready
-
ถึงเรื่องมันพลิกผัน แต่ก็จบด้วยดีนะ อยากอ่านต่ออีก
-
พึ่เล่ย์...ร้องไห้หนักมาก..
-
อ่านแล้วงง ใครตายตอนไหน คนแต่งลบเนื้อหาหรอ
เพลียจริง!!
-
เป็นคู่ที่เรื่อยๆเบาๆเน้นเอาฮาาาา
พ่อกับแม่สอนพุได้น่ารักมาก
ชอบความสัมพันธ์พี่น้องของเล่ย์กับเกียร์ด้วย
ดีดีดี
-
ขอโทษนะครับ เนื้อเรื่องต่อจากบ้านเลย์ หายไปไหนหมดอะครับ ถึงแค่ตอนที่มีแต่สารบัญ แล้วก็ไม่มีอีกเลย มีแต่คอมเมนท์ เสียความรู้สึกมากเลย
-
ยังคงรอหนังสืออยู่นะค่ะ
-
พึ่งมาอ่านได้อ่านถึงฉากบ้านพี่เล่ย์ตอนแรกคิดว่าจบแล้ว ดูไปดูมา. อ้าว มีเม้นกันว่าพี่เลย์ตาย
พระเอกเป็นเกียร์ เลยคิดว่าดีเหมือนกันที่ไม่ได้อ่าน เค้ากลัวเสียใจ :m15:
เพราะไม่ว่ายังไงสำหรับเรานะพระนายเรื่องนี้คือพี่เล่ย์กับพุ :กอด1:
-
:L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
-
ขอโทษนะคะที่เราอ่านจนถึงตอนที่4 และไม่อ่านต่อเพราะเราเปิดมาอ่านเม้น โชคดีที่เราอ่านถึงแค่ตอนที่4 :pig4:
-
ไม่อ่านๆพอแล้วๆ เล่ย์จะอยู่ในความทรงจำแบบนี้ตลอดไปแค่ได้ยินมันก็ร้าวไปทั้งอกไม่อยากร้องไห้คุณแต่งนิยายดีเกินไปจนคิดว่าเขามีชัวิตอยู่จริงๆ :katai1:
-
:ling3:อยากรู้ตอนจบมันเป็นไงอ่ะ
-
พี่ค่ะ หนูยังคงรอหนังสือ พี่เกียร์กับพุ อยู่เสมอเลยนะค่ะ
-
เหมือนมีการแยกเรื่องเป็นสองเรื่อง
ไม่รู้มีใครเคยอ่านไหม คิดเห็นกันยังไง ว่าลงจบหรือไม่จบ
-
เหมือนมีการแยกเรื่องเป็นสองเรื่อง
ไม่รู้มีใครเคยอ่านไหม คิดเห็นกันยังไง ว่าลงจบหรือไม่จบ
จบนะคะเราเคยอ่าน
-
เหมือนมีการแยกเรื่องเป็นสองเรื่อง
ไม่รู้มีใครเคยอ่านไหม คิดเห็นกันยังไง ว่าลงจบหรือไม่จบ
จบค่ะ เรื่องแบ่งเป็นสองช่วง สองความรัก
กลับมาแก้ไข
รู้สึกว่าคุณคนเขียนจะลบช่วงที่สองออกไป เนื้อเรื่องส่วนแรกก็ถือว่าจบในตัวมันนะ
-
พี่ค่ะ หนูยังคงรอหนังสือ พี่เกียร์กับพุ อยู่เสมอเลยนะค่ะ
รอเหมือนกันค่ะ อยากอ่านมากๆเลยย
:sad4: :sad4:
-
warning : main charactor death.....
เป็นข้อความเตือนจากผู่แต่ง ที่เราอ่านเจอในความเห็นที่ผู้อ่านท่านอื่นๆที่ได้โพสไว้
ส่วนตัวคิดว่าเป็นนิยายที่ผู้แต่งฆ่าตัวละคร แต่ตัวละครไม่ตายไปจากความทรงจำของผู้อ่านอีกหลายคน... แม้ชีวิตจริงความเป็นตายจะเกิดได้ตลอดเวลาก็ตาม
เวอร์ชั่นที่อ่านเป็นเวอร์ชั่นแก้ไขในเล้าครั้งที่2รึเปล่า โดยการแก้ไขครั้งแรกน่าจะทำในปี2513 เพื่อเตรียมออกภาคสอง ส่วนครั้งที่อ่านน่าจะแก้ไขปี2516 ซึ่งเข้ากระทู้มาพบว่ามี100กว่าหน้าทำให้ขี้เกียจไล่อ่านทีละหน้าจึงอ่านตามสารบัญที่กำหนดหน้าหลักๆไว้ให้อ่าน แต่ก็มีบ้างที่อ่านผ่านเลยไปถึงคอมเม้นท์ ก็พบความโดดของเนื้อหาคอมเม้นท์ที่ไม่สัมพันธ์กับเนื้อเรื่องที่อ่าน และมีการหลุดบางประโยคที่ทำให้รู้ว่าลบเนื้อเรื่องเดิมบางส่วนออกไม่หมด เช่นการต่อยกันของเล่ยกับพัน ซึ่งก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเข้าใจอยู่ว่าคงมีการเรียงเนื้อหามาแปะใหม่ ก็คงไม่สัมพันธ์กันเป็นธรรมดา....ซึ่งภาคปี2516 จะตัดจบห้วนๆที่ตัวละครเต็มไปด้วยความสุข นิยายสั้นมากเลย แต่อ่านตามสารบัญก็โอเคอยู่นะ ดีเลยจบมีความสุขแม้บทจะดูไม่สมบูรณ์ เพราะชีวิตก็ไม่จำเป็นต้องครบถ้วนหรือเฉลยปมหรือแต่งให้ครบทั้งหมด.... อ่านถึงตรงนี้ถามว่าชอบไหม บอกได้เลยว่าชอบ ชอบความสัมพันธ์ของกลุ่มเพื่อนขี้เหล้าผิดหวังอย่างเดียว ซอล เอ้และเล่ย์ ที่อยู่ๆมารวมตัวกันได้แบบไม่คาดฝัน(เฮียเล่ย์เข้ากลุ่มโดยผ่านทางพุอีกที) ชอบสังคมของครอบครัวในเรื่องนี้ด้วย โดยเฉพาะเล่ย์กับพ่อของพุและพัน สามคนนี้บทลูกผู้ชายมากๆ....ตัวละครหลักที่บุคลิกน่าประทับใจมากในเวอร์ชั่นนี้ที่เรียกว่าเป็นบุคลิกพระเอกก็มีพี่เล่ย์ พี่แพทและน้องพัน...และคนแย่งซีนที่โผล่มาเพียงแว้บเดียวจากการเล่าเรื่องของเล่ย์กลางค่ำคืนในท้องทุ่ง กลับเป็นเรื่องของเด็กชายตัวเล็กๆที่คิดว่าพ่อแม่เก็บตัวเองมาเลี้ยงเลยหอบของเล่นออกจากบ้านเพื่อตามหาพ่อแม่ที่แท้จริง(ตอนที่อ่านยังคิดเลยว่านิสัยตัวละครตัวนี้น่ารัก มีความเด่นมากเลย).... เป็นเรื่องที่อ่านแล้วก็น่ารักไปหมด ตัวละครที่ไม่อินที่สุดกลับเป็นบทนายเอก ไม่อินความเอ๋อแต่ขี้เมาและทำอะไรไม่เป็น จัดเป็นตัวละครโชคดีที่เต็มไปด้วยคนรักรอบๆข้าง
เรื่องจบลงที่หน้า39 เลยสงสัยว่าหน้า40-110 เกิดอะไรกันขึ้น ทำไมไม่มีในสารบัญ ... แล้วทำไมเราถึงได้กดเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ เริ่มงงตัวเอง นึกขึ้นมาได้ว่าผ่านตาจากหน้าเวบเพราะมีคนเข้าตอบเลยดันกระทู้ขึ้น ชอบชื่อเรื่องเลยลองกดเข้ามาอ่าน ..... ลองไล่ๆอ่านความเห็นใต้บทที่จบลง
ก็พบประโยคที่บอกเล่าถึงความตายของตัวละครหลัก จึงอ่านนิยายภาคต่อผ่านคอมเม้นท์ต่างๆ รวมถึงไปเสิร์ชภาคสองที่เว็บเด็กดีเพื่อจะลองอ่านต่อ ... แต่ถ้าถาม ใจก็ไม่อยากอ่านละเพราะเรื่องราวความสุขเพิ่งอ่านจบไปได้ไม่ถึงชั่วโมงเอง อ่านคอมเม้นท์ต่างๆไปก็ไม่อินกับเรื่องใหม่
จนกระทั่งอ่านมาเจอเรื่องราวของเกียร์ พุและลูก ในบทพิเศษในพศ2514
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2778926#msg2778926 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2778926#msg2778926)
อ่านแล้วชอบความเป็นเกียร์และพุในบทนี้ แต่งไม่มากไม่เยอะแต่ให้ความรู้สึกถึงสองคนที่ผ่านเหตุการณ์สูญเสียคนรักร่วมกันมา
และสรุปลงอีกครั้งในบทนาทีสุดท้ายของชีวิตเล่ย์ที่มีต่อคนที่เขารักมากทั้งสองคน จากบทพิเศษที่ผู้แต่งนำมาลงอีกครั้งในปี2514 (พี่เล่ย์ยังไม่ตายและยืนมองคนที่เขารักจากบนสวรรค์/นี่ความรู้สึกผู้อ่าน) จึงสรุปว่าอย่างไรเสียพระนายภาคสองต้องเป็นเกียร์กับพุ(คนที่พี่เล่ย์รักที่สุดแน่นอน) ไม่มีใครที่ประครองจิตใจกันได้เหมาะเท่าสองคนนี้อีกแล้ว ถ้าพี่เล่ย์ต้องจากไปจริงๆ...
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2865563#msg2865563 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=34274.msg2865563#msg2865563)
-
พีค่ะ หนูยังรอพี่เกียร์กับพุ อยู่นะค่ะ อยากให้พี่ทำหนังสือจังเลยค่ะ หรือ E-book ก็ได้ค่ะ หนูอยากอ่านตอนพี่เกียร์กับพุ จ้ะ
-
พี่ rainbow67 พี่ค่ะนู๋ยังรอ พี่เกียร์กับน้ำพุ อยู่นะค่ะ พี่ค้ะนู๋อยากอ่านตอนพี่เกียร์กับน้ำพุมากๆเลยค่ะแค่พี่ลบออกไปแล้ว พี่ค่ะถ้าพี่เข้ามาอ่านได้โปรดติดต่อนู๋มาหน่อยได้ไหมจ้า นู๋อยากอ่านตอนพี่เกียร์กับน้ำพุจริงๆค่ะ
เมลนู๋จ้ะ upcakeii แอด yahoo.com ค่ะ ขอบคุณค่ะ
-
คิดถึงพี่เล่ย์ น้ำพุ พี่เกียร์ :mew2: :z3: :impress2:
-
เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้ หลังจากนักเขียนปรับแก้ไขเนื้อเรื่อง เรื่องราวสนุกน่าสนใจแต่ไม่สุด ยิ่งเมื่อมาอ่านพร้อมเมนท์ของคนอ่านย้อนไป แปลว่าปรับเรื่องไปมาก ไม่อิน ไม่ฟินเลย เสียดาย เนื้อเรื่องกระโดดไปมาไม่สมูธเลย ถ้าได้อ่านเวอร์ชั่นแรกก่อนแก้ไขน่าจะประทับใจมากกว่านี้มากหลังจากอ่านเมนท์คนอ่านคนอื่นๆ สรุปไม่ประทับใจ
-
:z13: :z13:
-
เล่มออกแล้วแต่ไม่มีเกียร์พุค่ะ เศร้า