| Day 15 |
Funeral
(15/12/62)
ตั้งแต่เริ่มจำความได้... มือที่คอยกุม คอยปกป้อง ป้อนข้าว ป้อนน้ำ คือมือของพี่ชาย ความอบอุ่นทั้งหมดที่ได้มาทั้งชีวิต มาจากร่างผอมบางของพี่ชายที่ทำทุกอย่างเพื่อเธอ
ไม่ว่าร่างกายของพี่จะเต็มไปด้วยบาดแผลโหดร้ายขนาดไหน พี่ไม่เคยร้องไห้ออกมาให้เห็น เขามักจะส่งรอยยิ้มให้น้องสาวที่ไม่ได้เรื่องอย่างเธอเสมอ
สำหรับเธอ พี่อิฐคือบ้าน พี่อิฐคือโลกที่ปลอดภัย
เธอไม่เคยเข้าใจ ว่าทำไมพี่อิฐถึงรักและหวงเธอจนเกินกว่าที่พี่ชายของเพื่อนคนอื่นๆ แสดงออกมา
จนกระทั่ง... คืนนั้น คืนที่พี่อิฐทำลายโลกที่ปลอดภัยที่สุดของเธอลง
“เป็นยังไงบ้างครับ”
หมอรักษ์ส่งสายตาเป็นห่วงมาให้ร่างเล็กของเด็กสาววัยสิบห้าที่นั่งก้มหน้าอยู่ตรงข้าม เธอตัวแข็งทื่อ ดวงตาไร้ซึ่งความสดใสเหมือนทุกครั้ง
“น้องอิงครับ”
มือใหญ่กำลังจะยกขึ้นมาแตะแขนเล็ก แต่เด็กสาวกลับสะดุ้งสุดตัว เธอปัดมือเขาทิ้งอย่างแรง
“อย่ามาแตะต้องตัวหนู!”
เด็กสาวเบิกตากว้าง เหงื่อเย็นไหลซึม ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปาก สีหน้าซีดเซียวทำท่าพะอืดพะอมจนหมอรักษ์ต้องเรียกพยาบาลผู้หญิงเข้ามาช่วย ร่างบอบบางโก่งคออาเจียนลงถังขยะที่ถูกยกขึ้นมารองรับไว้ทัน น้ำหูน้ำตาไหลจนแสบไปหมด แต่สิ่งที่ออกมามีเพียงของเหลว
หมอรักษ์ถอยออกห่าง ไม่กล้าเข้าใกล้ เขากำลังคิดว่าจะเปลี่ยนให้เป็นหมอผู้หญิงมาดูแลดีไหมในเมื่อเธอมีอาการหวาดกลัวผู้ชายจนแพนิครุนแรงแบบนี้
“น้องอิง!”
ร่างสูงของเพย์เปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก อิงลดาเบือนหน้าไปมองทั้งน้ำตา เพย์ค่อยๆ นั่งลงข้างๆ ร่างบางแล้วโอบร่างนั้นเข้ามาในอ้อมแขน เด็กสาวปล่อยโฮร้องไห้ออกมา เรียวแขนเล็กกอดร่างของผู้มีพระคุณแน่นเหมือนต้องการที่พึ่งพิง
“พี่เพย์ อิง อิงทำอะไรผิด ฮือ! อิง... อิงทำอะไรให้พี่อิฐโกรธ”
หัวใจของเธอแหลกสลายหลังจากตื่นขึ้นมาแล้วจำเหตุการณ์นั้นได้ แม้ว่าร่างกายเธอจะยังไม่ถูกล่วงล้ำจนบอบช้ำ แต่สภาพจิตใจของอิงลดานั้นถูกทำลายไปแล้วด้วยน้ำมือของคนที่ไว้ใจที่สุด
เธอใช้เวลาในการบำบัดจิตใจน้อยมาก แม้ลึกๆ แล้วมันจะเป็นบาดแผลที่ไม่มีวันหาย
แต่พี่ชายสำคัญสำหรับเธอ... จะบาดแผลหรืออะไรที่เขาทำ เธอรับได้ทั้งนั้น
เพราะเขาเองก็เป็นโลกเพียงใบเดียวของเธอเช่นกัน
อิงลดารู้... รู้ว่าเจ้านายที่แสนใจดีรักพี่ชายของเธอขนาดไหน
แต่ตอนนี้... เธอกลับขอให้เขาทำตัวเป็นโล่... โล่ที่แสนอ่อนโยน
แล้วสักวัน... เธอจะคืนเขาให้พี่ชายของเธอ คนที่เธอรักทั้งสองคน
“อิงจะสอบหมอค่ะ อิงอยากเป็นจิตแพทย์”
แม้จะมีบาดแผลทางใจ แต่อิงลดาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอมีจิตใจที่เข้มแข็งและอยากจะคอยช่วยเหลือคนที่มีบาดแผลเหมือนกับเธอ เด็กสาวบอกเรื่องนี้ให้หมอรักษ์ฟัง เขายินดีที่เด็กสาวสามารถก้าวข้ามความกลัวของตัวเองได้ คุณหมอหนุ่มนัดเธอมาคุยครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อบอกว่าเธอสามารถใช้ชีวิตปกติธรรมดาได้แล้ว
อิงลดาอยู่ในฐานะคนรักของเพย์มาสองปีแล้ว ทุกอย่างปกติดี... จนกระทั่งวันที่เธอกลายเป็นนักศึกษาแพทย์เต็มตัว เจ้านายของพี่ชายกลับเดินเข้ามาบอกกับเธอว่า เขาเผลอทำตามใจตัวเองไปแล้ว เขาเข้ามาขอโทษที่ทำอะไรลับหลังเธอ... ทั้งๆ ที่ควรจะซื่อสัตย์กับเธอในฐานะที่เรายังคบกัน
แม้ว่าเราจะไม่ได้รักกันเลยก็ตาม
“พี่เพย์... อยากเลิกกับอิงมั้ยคะ?”
ว่าที่คุณหมอเอ่ยถามออกไปตรงๆ ตลอดสองปีที่คบกันมา เพย์เป็นคนรักที่ดี เป็นพี่ชายที่ดีอีกคน เขาไม่เคยล่วงเกินเธอมากกว่าการจับมือ และอิงลดาก็ไม่เคยก้าวล้ำเส้นไปมากกว่าการเป็นคู่ควง
แม้ลึกๆ เธอก็แอบหวั่นไหวไปกับความใจดีของเขา
แต่ความใจดีของเพย์ มีไว้เพียงเพื่อปกป้องเธอเท่านั้น
“พี่ยังเลิกกับอิงตอนนี้ไม่ได้”
พี่เพย์รู้ว่าพี่อิฐยังไม่สามารถตัดใจจากเธอได้ สายตาของพี่อิฐยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ที่พี่ชายยังอยู่เคียงข้างเธอได้ เพราะมีพี่เพย์อยู่ในสถานะของคนรัก แต่ความรู้สึกของพี่เพย์ที่มีต่อพี่อิฐ มันคงเกินจะห้ามใจไปแล้ว
“พี่เพย์ แล้วความรู้สึกพี่อิฐล่ะคะ”
อิงลดาเอ่ยออกมา เธอเห็นว่าเขาบีบมือตัวเองแน่น
“พี่อิฐต้องรู้สึกยังไงกับการมีอะไรกับแฟนน้องสาวตัวเอง”
“พี่ต้องการให้แน่ใจ ว่าอิฐจะตัดใจจากอิงได้จริงๆ”
“พี่เพย์ต้องการให้พี่อิฐอยู่กับความรู้สึกผิดไปจนตายเหรอคะ! แค่นี้พี่อิฐก็ใจสลายจนไม่เหลืออะไรแล้ว พี่เพย์... ทำไมพี่ใจร้ายขนาดนี้”
เธอซบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเอง นึกถึงสภาพจิตใจของพี่ชายเธอแล้วเจ็บปวดแทน
พี่ชายเธอต้องทนแบกรับทุกความรู้สึกมากมาย ความผิดหนึ่งครั้งของเขาทำให้เป้าหมายในการใช้ชีวิตของพี่อิฐเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“ไม่มีใครใจดีทั้งนั้นอิง”
เพย์เอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาช่างว่างเปล่า นัยน์ตาของเขาเหม่อมองออกไปข้างนอก
“อิงใช้พี่เป็นเครื่องมือ เพื่อทำให้อิฐอยู่ข้างอิง”
“...”
“พี่เองก็ใช้อิงเป็นเครื่องมือในการอยู่ข้างๆ อิฐเหมือนกัน”
คนที่น่าเศร้าที่สุด คือคนที่ต้องการเพียงอิสระ... อิสระที่ไม่มีใครให้เขาทั้งนั้น
ในที่สุด ความอดทนของนายอิสระก็สิ้นสุดลง เพราะระเบิดลูกเดียวที่คุณภาวิตทิ้งลงไป
อารมณ์ของเพย์คือสิ่งเดียวที่อิงลดาไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้
ทันทีที่เธอได้รับโทรศัพท์จากพี่ชายซึ่งมันไม่ใช่เรื่องปกติที่เขาจะโทรหา เพราะเขารู้ว่าเธอเรียนอยู่ แต่ในวันนั้นอิงลดาต้องขอตัวออกจากห้องเรียนเพื่อรีบกลับคอนโดหลังจากที่พี่ชายทิ้งประโยคสั้นๆ ไว้ก่อนตัดสาย
[“คุณเพย์หัวแตก ฮึก! เรียกหมอให้ที ฮึก...”]
“ว่ายังไงนะคะพี่อิฐ... ฮัล ฮัลโหล พี่อิฐคะ”
อิงลดาเลิ่กลั่กอยู่ในห้องเลคเชอร์ที่มืดสนิทโดยมีเพียงแสงจากโปรเจคเตอร์เท่านั้น เธอขออนุญาตอาจารย์ออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ก่อนจะเรียกแท็กซี่ตรงกลับคอนโด ระหว่างทางเธอยังคงพยายามติดต่อทั้งอิฐและเพย์ตลอด แต่ไม่มีใครรับสาย ก่อนตัดสินใจโทรเรียกรถฉุกเฉินตามที่พี่ชายสั่งทิ้งท้ายไว้ด้วยมือที่สั่นเทา
เด็กสาวแทบจะร้องเสียงหลงเมื่อหน้าประตูห้องเต็มไปด้วยเลือด ร่างสูงใหญ่ของเพย์นอนคว่ำเลือดอาบหัว รอบๆ เต็มไปด้วยเศษแจกันกระเบื้องแตกๆ เด็กสาวตั้งสติ ทำการเช็คชีพจรและปฐมพยาบาลเบื้องต้นตามที่เรียนมาก่อนที่รถฉุกเฉินจะมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน
แล้วพี่ชายเธอล่ะ? พี่ชายเธอหายไปไหน
“พี่อิฐ...”
อิงลดาไม่สามารถหาค้นหาตำแหน่งจากมือถือของอิฐได้เนื่องจากมันถูกปิดไว้ การจะตามหาจากเบอร์โทรศัพท์ต้องติดต่อ Operator ของผู้ให้บริการ ซึ่งต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการให้ แต่ถ้าคนหายไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง ตำรวจก็ไม่รับแจ้งเรื่องอีก
หรือว่า... จะอยู่กับคุณจิณณ์?
วันก่อนพี่อิฐบอกว่าไปหาคุณจิณณ์นี่นา
คิดได้จึงลองกดเบอร์โทรที่เมมไว้ตอนคุณจิณณ์เป็นคนโทรมา ไม่นานปลายสายก็รับ
“สะ... สวัสดีค่ะ คุณจิณณ์รึเปล่าคะ? คือฉัน... อิงลดานะคะ น้องสาวพี่อิฐ”
เธอเอ่ยตะกุกตะกักออกไป สีหน้าเครียดเขม็ง เดินวนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล
[“ครับ ผมจำได้ เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า เสียงคุณฟังดูไม่โอเค”] เสียงทุ้มสุภาพตอบกลับมา
“พี่อิฐ... พี่อิฐอยู่กับคุณรึเปล่าคะ?”
[“ครับ? ไม่นะครับ เกิดอะไรขึ้นกับอิฐรึเปล่า”] เสียงคุณจิณณ์ดูร้อนรนขึ้นมาเมื่อเธอเอ่ยถึงพี่ชาย อิงลดาเงียบเพื่อชั่งใจอยู่สักครู่ว่าจะถามเขาดีมั้ย เขาจะช่วยอะไรเธอได้รึเปล่า... จนอีกฝ่ายเอ่ยถามอีกครั้ง [“ว่าไงครับ เกิดอะไรขึ้นกับอิฐกับน้องอิง”]
“คือพี่อิฐหายไปค่ะ อิงติดต่อไม่ได้ จีพีเอสก็ถูกปิดไว้ คิดว่าพี่อิฐน่าจะปิดเครื่อง อิง... อิงไม่รู้จะหาพี่อิฐยังไง ถ้าเรื่องไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง ตำรวจก็ไม่ถือเป็นคดีคนหายด้วย”
ปลายสายเงียบไป เขาบอกให้ถือสายรอสักเดี๋ยว เหมือนจะหายไปคุยอะไรกับใครสักคนใกล้ๆ ก่อนจะกลับมาในสายอีกครั้ง
[“ผมจะให้คนของผมช่วยหา ผมรู้จักกับตำรวจอยู่ น้องอิงใจเย็นๆ นะครับ”]
“ขอบคุณมากนะคะคุณจิณณ์ อิงขอบคุณมากๆ ค่ะ”
อิงลดากำมือถือแน่น ถ้าตอนนี้พี่เพย์มีสติ เขาคงจะรีบออกไปตามหาพี่ชายเธอแล้วแน่นอน ไม่รู้ว่าไปทะเลาะกันท่าไหนถึงออกมาในสภาพนี้ได้ ถึงแม้สองคนนี้จะทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่พี่อิฐจะไม่เป็นฝ่ายยอมแพ้ก่อนเพราะไม่อยากมีปัญหา
ครั้งนี้คงเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ
[“น้องอิงครับ”]
“คะ... คะ?” อีกฝ่ายยังไม่วางสาย และเธอก็ไม่กล้าวางก่อน
[“ไอ้เพย์ล่ะครับ ถ้าอิฐหายไป ผมว่า ไอ้เพย์ไม่น่าจะอยู่เฉยให้น้องอิงจัดการทุกอย่างเอง”] ปลายสายถามอย่างสงสัย เขาดูรู้จักพี่เพย์ดี และการที่ถามแบบนี้... แสดงว่าเขาก็น่าจะรู้ถึงความสัมพันธ์ประหลาดของพี่เพย์กับพี่ชายเธอด้วยแน่นอน
“พี่เพย์อยู่โรงพยาบาลค่ะ”
[“ผมนึกว่ามันอยู่อเมริกา?”] คุณจิณณ์ดูสงสัย
เธอเองก็สงสัยไม่ต่างกันหรอก คนที่ควรจะนั่งประชุมอยู่อเมริกา วันนี้กลับนอนเลือดอาบอยู่ในห้องที่ไทย... เธอไม่รู้จะไปถามใครดี ถ้าพี่อิฐไม่หายตัวไป เขาคงจะเป็นคนที่รู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับพี่เพย์แน่นอน
“คุณจิณณ์คะ อิงฝากเรื่องพี่อิฐด้วยนะคะ”
ในเมื่อหาคำตอบให้ไม่ได้ เธอจึงตัดบทสนทนาด้วยประการนี้ และก็คาดหวังว่า เขาจะไม่ถือสากับความเสียมารยาทของเธอ รองประธานหนุ่มปลายสายเอ่ยรับคำก่อนจะวางสายไป
“พี่อิฐคะ อย่าเป็นอะไรเลยนะ”
เกือบสองวันที่พี่ชายหายไป เสียเวลากับการตามหาโทรศัพท์พี่ชายอยู่ถึงวันนึงจนไปเจอว่ามันกลายเป็นค่ารถแท็กซี่ไปแล้ว พอไปสอบถาม คนขับรถแท็กซี่เขาก็คืนโทรศัพท์มาให้พร้อมกับบอกว่าเขาไม่ได้ขโมยมันมา ลูกค้าของเขาจ่ายให้เป็นค่ารถเพราะเขาไม่ได้พกเงินติดตัวมาเลย เขาจำได้แม่นว่าไปส่งลูกค้าคนนั้นที่ไหน เพราะลูกค้าคนนั้นโดดเด่นด้วยชุดเสื้อเชิ้ตตัวเดียวแถมยังร้องห่มร้องไห้ตลอดทางอย่างกับคนโดนข่มขืนมา
และคนที่ตามหาพี่อิฐเจอคือคุณจิณณ์ เขาโทรมาบอกว่าเจอพี่ชายของเธอแล้ว กำลังพาแอดมิดเข้าโรงพยาบาลด้วยอาการขาดน้ำขาดอาหาร แต่คุณจิณณ์ขอให้เธอไม่บอกพี่เพย์ว่าพี่อิฐอยู่ที่ไหน จนกว่าพี่อิฐจะหายดีและอยากกลับไปด้วยความเต็มใจ
อิงลดาเอ่ยขอบคุณเพื่อนพี่ชายคนนั้นด้วยความจริงใจ
ในใจก็คิดว่า... ดีแล้ว
ให้พี่อิฐออกห่างจากพี่เพย์น่ะ ดีแล้ว
ให้พี่อิฐได้พักบ้าง
ส่วนเธอจะทำในสิ่งที่คิดว่าทำได้ และจะทำในสิ่งที่ควรทำมาตลอดเสียที
“พี่เพย์คะ”
วันที่สี่แล้วที่คุณเพย์ของพี่อิฐนอนเป็นซากผักอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลด้วยสภาพใจสลายไม่ต่างอะไรกับพี่อิฐตอนนั้น อิงลดาที่เดินเข้าเดินออกห้องนี้มาตลอดหลายวันมองสภาพที่แทบจะเรียกว่าหมดอาลัยตายอยากของเพย์อย่างสะท้อนใจ
ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากเรื่องยกเลิกประมูลสัมปทานที่พี่เพย์ทุ่มเทกับมันมาตลอดสามปี โดยประมูลตกไปเป็นของบริษัทคู่แข่งอย่างเดอะลูฟ แผนที่น่าจะมีแค่พี่เพย์กับพี่อิฐรู้กัน แต่กลับมีบุคคลที่สามที่รู้เรื่อง และเป็นเรื่องที่ทั้งพี่เพย์และพี่อิฐต่างพลาดทั้งคู่
ข้อมูลที่เก็บไว้ในระบบซิงค์ของเลขาถูกแฮกออกไปด้วยฝีมือเลขาคนปัจจุบันของพี่เพย์ที่รับเข้ามาจากการคัดกรองของคุณพีท โดยที่ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่ลอบเข้ามาสืบข้อมูลจากฝั่งเดอะลูฟ
และนั่นทำให้พี่เพย์สงสัยคนใกล้ตัวก่อนใคร จนถึงกับพูดจาทำร้ายพี่อิฐจนเขาเตลิด
ถ้าตรวจสอบดีๆ คนอย่างพี่เพย์ไม่น่าพลาดกับเรื่องแบบนี้ได้ แต่ที่ทำให้เขาพลาด อาจเป็นเพราะความสงสัยและระแวงจากการที่พี่อิฐแอบไปเจอคุณจิณณ์โดยที่ไม่บอกให้พี่เพย์รู้ก็เป็นไปได้ คนที่ปกติแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ กลับสมองดับเพราะความโกรธ
อิงลดารู้เรื่องนี้จากคุณภัทรที่มาเยี่ยมน้องชายตัวเองที่โมโหจนหน้ามืดบินกลับจากอเมริกามากะทันหัน โดยทิ้งคุณภีมให้ประชุมต่อคนเดียว ส่วนเรื่องเลขาที่เข้ามาเป็นหนอนบ่อนไส้ คุณพีทกำลังจัดการเอาเรื่องให้ถึงที่สุดอยู่ เพราะเขาเองก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบที่มองคนไม่ขาด
ส่วนพี่เพย์ตอนนี้...
“พี่เพย์คะ ทานข้าวหน่อยนะคะ”
“เมื่อไหร่พี่จะได้ออกจากโรงพยาบาล”
หน้ารกหนวดรกเคราเพราะไม่ได้รับการดูแลโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด อิงลดาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้
“ถ้าพี่เพย์ยังดื้ออยู่แบบนี้ หมอก็ไม่ยอมให้ออกหรอกนะคะ”
เธอทั้งปลุกทั้งปลอบให้พี่เพย์เลิกทำตัวดื้อเป็นเด็กสามขวบเสียที ทั้งขู่ทั้งเข็ญว่าตั้งแต่พี่เพย์ไม่อยู่ หุ้นบริษัทตกลงไปตั้งสามจุด อีกฝ่ายก็ไม่สะทกสะท้านอะไร เอาแต่ทำตัวซังกะตายไปวันๆ
แม้ว่าทุกคืน... เขาจะแอบร้องไห้อยู่คนเดียวโดยที่เธอทำได้แค่แอบมองอยู่นอกห้องเพราะไม่กล้าเข้าไป
ส่วนพี่อิฐ เขาโทรกลับมาหาเธอสองครั้ง... ครั้งแรกคือหลังจากที่เขาฟื้นในเวลาไล่เลี่ยกับพี่เพย์ เพื่อบอกว่าตัวเองสบายดีและถามถึงอาการของเจ้านายของเขา พี่ชายไม่ยอมบอกเธอว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน แค่บอกว่าอีกไม่นานจะกลับไป
และอีกไม่นานของพี่อิฐ... ก็ไม่นานจริงๆ
ส่วนครั้งที่สอง... เป็นสายด่วนกลางดึก เสียงที่ติดจะแหบแห้งและเสียงกลั้นสะอื้นของปลายสาย
[“น้องอิง...”]
เสียงของพี่อิฐแย่มาก มันแย่จนทำให้เธอน้ำตารื้นโดยไม่รู้ตัว มีไม่กี่เรื่องที่พี่อิฐจะโทรมาหาเธอในเวลาแบบนี้
[“แม่เสียแล้วนะ”]
- Eit part -
งานศพของนางนภารัตน์ วิภาสกุล ถูกจัดอย่างเรียบง่าย ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีครอบครัวคนไหนที่ยังเหลืออยู่ เราถูกตัดญาติขาดมิตรเพราะข่าวเสียมากมาย ตั้งแต่พ่อน้องอิงกลายเป็นบุคคลล้มละลายและฆ่าตัวตาย แม่กลายเป็นบ้า ลูกถูกลักพาตัวโดยพ่อแท้ๆ เพื่อเอาไปขัดดอกเจ้าหนี้
ครอบครัวแบบนี้ จะมีใครอยากสุงสิงด้วย พวกเขาตัดผมกับน้องอิงออกจากสารบบชีวิตตั้งนานแล้ว
ผมที่หนีไปอาศัยใบบุญชั่วคราวกับคุณจิณณ์รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ผมฝันถึงเรื่องเก่าๆ ฝันถึงพ่อน้องอิงที่ยิ้มให้และลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน ฝันถึงพ่อแท้ๆ ที่พยายามจะบีบคอผมให้ตาย และฝันถึงแม่...
แม่ที่นั่งเฉยๆ นั่งหันหลังให้ผม
มันทำให้คืนนั้นผมสะดุ้งตื่นกลางดึกและขอให้คุณจิณณ์ขับรถพาผมไปที่โรงพยาบาล ผมขอพยาบาลเข้าเยี่ยมเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งความจริงแล้วไม่น่าจะได้ แต่ผมขอร้องสุดตัวจนพวกเธอยอม
สุดท้ายแล้ว...
ผมก็ไปไม่ทันดูใจแม่
แม่ที่ร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว วันนี้เธอจากไปอย่างสงบ... โดยที่ไม่มีอาการใดๆ เป็นสัญญาณให้น่าเป็นห่วงมาก่อนเลย
ผมมาช้าไป...
มือผมสั่นไปหมด นอกจากน้องอิงจะเป็นโลกทั้งใบของผม แม่คือแรงใจที่ทำให้ผมมีกำลังใจทำงานให้คุณเพย์ต่อไป... เพราะเขาเป็นคนคอยจ่ายค่ารักษาแสนแพงเพื่อการดูแลที่ดีที่สุดให้กับแม่ที่ป่วยของผม
ตอนนี้โซ่เส้นนั้นหลุดออกไปแล้ว... หลุดออกไปโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว
ผมใช้โทรศัพท์ที่คุณจิณณ์ซื้อมาให้ใช้ไปก่อนในการโทรหาน้องอิง กรอกเสียงที่แหบพร่าจากการร้องไห้ลงไป
“น้องอิง... แม่เสียแล้วนะ”
คนที่เป็นธุระในการจัดงานศพให้คือคุณภัทร เขาเป็นหนึ่งในคนที่มานั่งร่วมฟังสวดจนครบสามคืน แขกอันน้อยนิด งบประมาณในการจัดยังถูกกว่าค่าอาหารหนึ่งมื้อของเจ้านาย แม้คุณภัทรจะเสนอให้ผมจัดให้ใหญ่กว่านี้หน่อย หรือเลือกวัดที่ดีกว่านี้ก็ได้ แต่ผมปฏิเสธ... วัดนี้เป็นวัดที่เราจัดงานศพให้พ่อน้องอิง
ถูก... ประหยัด... และเรียบง่าย
คุณจิณณ์ตัวติดผมแทบตลอดเวลา แม้คุณพีทที่อุตส่าห์มาร่วมฟังสวดจะมองเขาจนเหมือนอยากฆ่าให้ตายตรงนั้นก็ตาม ส่วนผมก็ไม่ทำอะไรมากมายนัก นอกจากคอยจุดธูปเคารพศพกับเสิร์ฟน้ำ ครอบครัวตระกูลไอยราสุวรรณมากันครบทุกคน ยกเว้น... เขา
แม้จะพยายามไม่มองหา แต่สุดท้ายก็มองหา
ตั้งแต่วันที่แม่ตาย... ผมร้องไห้ครั้งเดียว แค่ครั้งนั้น... จากนั้นก็ไม่ร้องอีก ปล่อยให้น้องอิงเป็นคนร้องแทน
ผมไม่ถามใครทั้งนั้นว่าทำไมคุณเพย์ถึงไม่มา...
ก็ไม่แปลก เพราะผมขอน้องอิงไว้ว่าไม่ให้ใครบอกคุณเพย์
วันสุดท้าย... เป็นวันที่ผมต้องส่งแม่ไปสวรรค์
น้องอิงร้องไห้อีกครั้ง... เธอลูบโลงศพของแม่ก่อนจะถูกนำไปใส่ไว้ในเตา... เธอพูดสองสามประโยคแล้ววางดอกไม้จันทน์ลงในเตา ก่อนจะเป็นผมที่อยู่ด้านหลัง
ผมวางดอกไม้กระดาษลง ยกมือลูบโลงไม้เบาๆ
“แม่เหนื่อยมาทั้งชีวิตแล้ว...” ผมแย้มรอยยิ้ม กลั้นความรู้สึกทั้งหมดไม่ให้ออกมาจากตาโศกของตัวเองที่ตอนนี้คงแดงจนน่ากลัว
“พักผ่อนนะครับแม่”
จากนั้นก็เป็นแขกคนอื่นๆ ที่ไม่รู้จักกับแม่ผมสักนิด เขามาเพียงเพราะมารยาท ผมถอยออกไปเพื่อรอให้สัปเหร่อจุดไฟ... ยืนมองปล่องควันที่เริ่มจะมีควันสีดำโพยพุ่งออกมา
แม่เป็นอิสระแล้ว...
ผมยืนหลบมุมอยู่เงียบๆ แขกเหรื่อทยอยกันกลับ น้องอิงทำหน้าที่ส่งแขกได้ดี เธอปล่อยให้ผมอยู่ตามลำพัง
แดดตอนเที่ยงแรงจนแผดหัว แต่ผมยังคงยืนเงยหน้ามองควันดำอย่างเหม่อลอย ก่อนที่ข้างกายจะมีเงาดำจากร่างสูงมาพาดทับ ผมเหลือบมองก่อนจะเบิกตาเล็กน้อย
“ไม่คิดจะบอกกูหน่อยเหรอ ทั้งอิง ทั้งมึง”
ผมเบือนหน้ากลับมา ไม่ตอบเขา
คุณเพย์สวมชุดสีดำมายืนข้างๆ ผม
“กูไม่มีอะไรรั้งมึงได้อีกแล้วใช่มั้ยอิฐ”
“....”
ผมเงียบ เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงของตัวเองเพื่อกลั้นความรู้สึกที่อยากจะเอื้อมไปจับมือเขาไว้
เสียงที่ทำให้ผมรู้สึกสงบและปั่นป่วน
“คุณเพย์ครับ”
ผมเรียกเขา
“ผมขอลาออก”
คุณเพย์เบือนหน้าหนีไปอีกทาง ทำให้ผมมองไม่เห็นสีหน้าของเขา ผมกำมือตัวเองแน่นตอนที่พูดคำนี้ออกไป กลั้นมันทุกอย่าง กลั้นแม้กระทั่งน้ำตาที่คลอจวนเจียนจะหยดแล้ว
“ผมขอคืนทุกสิ่งทุกอย่างให้ครับ”
ผมอยากร้องไห้... ผมไม่รู้ว่าผมจะร้องไปทำไม ผมร้องเพื่อใคร อาจจะเพื่อตัวเอง... เพื่อน้องอิง เพื่อพ่อ เพื่อแม่...
ผมได้ยินเสียงสูดน้ำมูกจากคนข้างตัว ที่ผมอยากจะพูดมีแค่นี้... ผมรวบรวมเอาความกล้าทั้งชีวิตมาใช้พูดออกไปแล้ว สองขาสั่นๆ พาร่างของตัวเองออกจากตรงนั้น ไม่อยากได้ยินอะไร แต่สุดท้าย...
ข้อศอกถูกรั้งเอาไว้ ก่อนจะโดนดึงกลับมา ร่างของผมโอนอ่อนราวกับตุ๊กตา กลับมาสู่อ้อมกอดที่ห่างหายไปเป็นเดือนๆ อีกครั้ง มันแน่น... จนหายใจไม่ออก
“ถ้ากูขอว่าไม่ให้ไป มึงจะอยู่กับกูมั้ย”
“...”
“ถ้ากูบอกว่าขอโทษ มึงจะให้อภัยกูมั้ย”
“...”
“ถ้ากูบอกว่ากูรักมึง มึงจะรักกูกลับบ้างมั้ยอิฐ”
“คุณ... เพย์”
เขาพูดอะไรน่ะ?
“กูรักมึงอิฐ คนเดียวที่กูรัก คือมึง... รักมาตลอด”
“...ผม... คุณเพย์”
เขาละเมออีกแล้ว ยาแก้ปวดทำให้คุณเพย์สับสนเหรอครับ
“อยากดูแล อยากอยู่ด้วย อยากให้อยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา...”
“คุณเพย์ครับ”
“รักกูบ้างได้มั้ย”
“....”
เขากอดผมแน่นขึ้น ส่วนผมนั้น... นอกจากอยู่ให้เขากอด ผมทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้เลย
“ทุกอย่างมันอยู่ในที่ที่มันควรอยู่แล้วครับคุณเพย์”
ผมถอนอ้อมกอดเขาออกมาอย่างแผ่วเบา ยิ้มบางๆ ให้เขา ยกมือเช็ดน้ำตาที่อาบแก้มเป็นเด็กๆ ให้
“ถ้าคุณเพย์รักผม ผมขอให้คุณเพย์ดูแลสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตผมได้มั้ยครับ”
“อิฐ... ไม่เอาแบบนี้ได้มั้ย...”
เขาส่ายหน้าแต่ผมกลับจับมือเขาไว้แน่น เป็นครั้งสุดท้าย... ก่อนจะปล่อยออก
“ผมทำอะไรให้น้องอิงไม่ได้แล้ว... จากนี้ไป ถ้าคุณเพย์รักผม...” ผมกลืนก้อนบางอย่างลงไป “รักน้องอิงนะครับ... รักเธอให้มากกว่าที่ผมรัก ดูแลเธอแทนผม...”
ผมมันน่ารังเกียจ...
“...”
“และตอนนี้ ผมขออิสระของผมคืนนะครับ”
ผมใช้ความรักของคุณเพย์ ทำร้ายตัวเอง ทำร้ายคุณเพย์
“ลาก่อนครับ”
เงินจำนวนห้าสิบล้านถูกโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของนายภาวิต ไอยราสุวรรณ เป็นเงินจำนวนที่ซื้ออิสระให้ผมได้... เป็นเงินที่ผมแลกมาจากข้อตกลงอันน่ารังเกียจกับคุณจิณณ์
ผมรู้ว่าน้องอิงกับคุณเพย์ คบกันโดยที่ไม่ได้รักกันตั้งแต่แรก
ผมได้ยินที่เขาคุยกันตั้งนานแล้ว
แต่ถ้าผมทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นข้อตกลงนั้น เราสามคนจะไม่กระอักกระอ่วนใจกับการอยู่แบบนี้ และผมก็คิดว่า สักวัน... น้องอิงกับคุณเพย์จะรักกันจริงๆ และผมจะหมดห่วงเสียที...
ผมรู้ว่าคุณเพย์ไม่สามารถบอกใครต่อใครได้ว่าชอบผู้ชาย
เพราะหน้าตาทางสังคมที่แบกรับไว้ ภาระของเขามีเต็มบ่า... คนมีครอบครัวให้ห่วงความรู้สึกอย่างเขา ไม่มีผมมาเป็นข้อบกพร่องในชีวิตจะดีกว่า
คำถามที่ว่าผมยังรักน้องอิงอยู่มั้ย...
รักครับ... แน่นอนว่าผมรักเธอไม่เคยเปลี่ยนแปลง
เพียงแต่ว่า... น้องอิงไม่ใช่คนที่ผมรักที่สุดแล้วก็เท่านั้น
ส่วนคำถามของคุณเพย์ที่ผมไม่เคยตอบ...
คำถามที่ว่า ผมจะสามารถรักเขาบ้างได้มั้ย
ผมตอบได้เต็มหัวใจ...
ว่าผมรักเขาไปแล้ว
“จะไปจริงๆ เหรออิฐ”
“ครับ”
กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ถูกจัดอย่างไม่พิถีพิถันมากนักในห้องชุดส่วนตัวที่เป็นของคุณจิณณ์ เขาตั้งใจยกห้องนี้ให้ผม แต่ผมไม่ต้องการ ผมไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น...
ผมขายร่างกายตัวเองในราคาเจ็ดสิบล้าน
เพิ่งรู้ว่าตัวเองมีราคาขนาดนี้
ห้าสิบล้านคืนคุณเพย์ไป ชดใช้หนี้ชีวิตทั้งหมดที่เขามอบให้
อีกยี่สิบล้าน คือทุนในการเริ่มชีวิตใหม่ ที่คุณจิณณ์จ่ายให้
สำหรับคุณจิณณ์และคุณเพย์ เงินจำนวนนี้ซื้อได้แค่คอนโดห้องหนึ่งของเขาเท่านั้น แต่สำหรับผม มันซื้อได้ทั้งชีวิต
คุณจิณณ์ซื้อการมีชีวิตอยู่ของผม เขาขอให้ผมใช้ชีวิตเพื่อตัวเองบ้าง อย่าเป็นเหมือนน้องสาวเขาที่ใช้ชีวิตด้วยความสิ้นหวัง
ใช่แล้ว... คนที่สั่งให้คนไปขโมยข้อมูลโครงการสัมปทานก็คือคุณจิณณ์ เขาทำเพื่อแก้แค้นให้น้องสาวที่ยังจมปลักอยู่กับความแค้น และนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะขัดขาคุณเพย์ เพราะเขาแย่งทุกสิ่งทุกอย่างมาจากคุณเพย์หมดแล้ว
เขาแย่งโครงการที่คุณเพย์ทุ่มเทกับมันมาสามปีเต็มเพื่อพิสูจน์ตัวเอง มันเป็นข้อตกลงระหว่างท่านประธานและคุณเพย์ ซึ่งคืออะไรก็ไม่รู้ แต่มันทำให้คุณเพย์เหมือนหมดสิ้นทุกสิ่งอย่าง
และแย่งผมมาได้อย่างที่เขาบอกคุณเพย์ไว้
แล้วก็เป็นไปตามที่เขาคาด คุณเพย์ใจสลาย... ผมไม่ขอนึกถึงสภาพของเขาตอนนี้
ทุกคนมีส่วนได้ และส่วนเสีย...
“ผมอยากขอให้อิฐอยู่”
“ผมอยู่ให้แล้วนะครับ คุณจิณณ์ไปหาผมได้ตลอดถ้าคุณจิณณ์อยากไป”
เขาทำหน้าบึ้ง ยกมือเท้าเอวให้กับความดื้อด้านของผม ผมหัวเราะ รูดซิปปิดกระเป๋าเดินทางที่มีของไม่มากมายนัก คุณจิณณ์มองเอกสารในมือแล้วเลิกคิ้ว
“ติดต่อไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้แล้วเหรอ?”
“ครับ ความจริงผมลองส่งใบสมัครกับเขียน Essay ส่งไปเป็นพักๆ ตั้งนานแล้ว”
ผมลากกระเป๋าลงจากเตียงแล้วเข็นไปตั้งไว้แถวประตูห้อง ตรวจเช็คของให้ครบอีกครั้ง ของทุกชิ้นไม่มีชิ้นไหนที่ผมพกมาจากคอนโดเดิมเลย ผมซื้อใหม่หมด ส่วนใหญ่คุณจิณณ์ซื้อให้อีกตามเคย เพราะผมเน้นประหยัด
สิ่งเดียวที่ผมพกติดตัวตลอดเวลา คือนาฬิกาเรือนละสองแสนห้าของคุณเพย์
ผมมองมันสักพักก่อนจะเดินไปเก็บอย่างอื่นต่อ
“ที่นั่นอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย อิฐอยู่ไหวเหรอ” เขายังถามเหมือนอยากให้ผมเปลี่ยนใจ
วีซ่าผมผ่านแล้วนะ ยังจะมาถามอะไรอีก
“ไหวครับ ผมโอเคอยู่แล้ว”
“หรือผมทำเรื่องเปิดสาขาที่อังกฤษดี”
คุณจิณณ์ทำหน้าคิดไม่ตก ส่วนผมอยากจะชมว่าเขาบ้า
“พวกคุณเดินทางข้ามประเทศกันบ่อยจะตาย ไว้ถ้าผ่านไปอังกฤษก็จอดหาผมก็ได้ครับ”
คุณจิณณ์หัวเราะก่อนจะเดินเข้ามารวบผมเข้าไปกอด ผมปล่อยกล่องที่หยิบขึ้นมาร่วงลงพื้น ก่อนจะยกมือกอดตอบเขา ริมฝีปากสวยกดจูบลงบนผมนุ่ม
“ผมอยากดูแลคุณจริงๆ”
“ขอบคุณสำหรับชีวิตใหม่นะครับ คุณจิณณ์”