บทที่5
“วันนี้กลับบ้านเร็วไหมวะจอม”
“ไหมเว้ยไอ้ชิน วันนี้กูจะกลับบ้านให้ช้าที่สุด เพราะคุณแม่บอกว่าจะพาไปงานเลี้ยงสมาคมเจ้าพ่อมังกร”
“นี่คือมึงพูดจริงหรือพูดเล่น”
พอผมพูดออกไปแบบนั้น ไอ้ชินก็หันมาขมวดคิ้วมองทันที ก็อยากจะบอกออกไปว่าเรื่องจริง แต่ก็คงจะทำไมไม่ได้ เรื่องงานของครอบครัวผม ไม่ควรบอกหรืออธิบายอะไรให้ใครได้รู้นักหรอก
“ฮ่าๆ มึงเชื่อกูหรอ บ้าบออกูหลอก ... แต่เรื่องที่แม่จะพาไปงานเลี้ยงห่าเหวนั่นเรื่องจริงจ๊ะ”
“มึงนี่ก็ชอบพูดไปเรื่อยจริงๆนะไอ้จอม”
“เอ้า ทำไมเล่า แต่ว่านะชิน วันนี้ไม่กลับบ้านไว ไปเที่ยวกัน พากูไปเต้นๆๆๆ เต้นหน่อยน้า น้าชินน้า”
ว่ามันแบบนั้นพร้อมเอียงหน้าทำตาอ้อนๆ ก่อนจะกระดึ๊บเข้าไปหามันและเกาะแขนไว้ เอาหน้าไปซบไหล่และถูไปถูมา มึงไม่ใจอ่อนให้มันรู้ไป วิธีนี้กูใช่กับเฮียๆกูทุกคนมาแล้ว ได้ผลชะงัดนักแล
“เออๆ พอๆ จะไปก็ไป”
“เย้! ทำไมน่ารักวะไอ้เหี้ย” ตะโกนออกมาแบบนั้นพร้อมโถมตัวไปกอดมันอย่างดีใจ มันโคตรเป็นเพื่อนที่ดีของผมเลย
“เห้ยๆ มึงสองคนนี่จะหวานเกินหน้าเกินตาไปแล้วนะเว้ย”
“เออนั่นดิ พวกกูอิจฉานะคร๊าบ”
“โหววว ฮิ้วววว”
“ไอ้ค๊วย”
หันหลังไปด่าไอ้พวกเพื่อนในห้องที่พึ่งขึ้นห้องมาหลังจากไปพักกลางวัน โดนพวกมันแซวแบบนี้ประจำ ด่าแม่งก็ไม่สำนึก ไอ้ชินที่ส่ายหัวปราบผมที่กำลังยกนิ้วกลางส่งไปให้พวกมัน ไอ้ห่าชินนี่ก็พ่อพระ ชอบห้ามกูจัง เรื่องแบบนี้ต้องไฟท์! แมนๆต่อยกันไปเลย ถึงผมกับมันจะสนิทกันมากแค่ไหน เราก็เป็นแค่เพื่อนกัน แต่ในสายตาของคนอื่น ก็แบบนี้ตลอด พวกค๊วย
.
.
.
ช่วงเวลาประมาณสองสามทุ่ม ผมกับไอ้ชินเดินเข้ามาในผับแห่งหนึ่ง เป็นผับแนวเต้นๆแด๊นๆ ถ้าถามว่าเด็กม.ปลายแบบผมเข้าผับแบบนี้ได้ไง โถ่ ไม่รู้จักวัฒนธรรมประเทศไทยหรอครับ มีเงินเป็นพี่มีทองเป็นน้อง ยัดใส่มือปุ๊บ กูก็พาสอายุเป็นเด็กมหาลัยได้เลยทันที เพราะฉะนั้นก็เลยเดินหล่อๆเข้ามาในผับเพื่อเต้นดึ้งดึ่งๆได้ตอนนี้ยังไงเล่า
“มึง ไปนั่งโต๊ะตรงหน้าเวทีดีไหมวะ วันนี้เค้าบอกว่ามีดนตรีเล่นว่ะ”
“หรอวะ เอาดิ”
พอดีว่าช่วงที่มาถึงยังไม่ดึกมาก เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็เลยมีวงดนตรีมาเล่น ผมกับไอ้ชินที่เข้าไปนั่งตรงโต๊ะริมๆแถวหน้าเวที ไอ้ชินมันสั่งเบียร์มาหลายขวด และก็สั่ง hoegaarden roseeแก้วใหญ่มาให้ผม
“วันนี้นะครับ วงของพวกเรามีนักร้องรับเชิญมาด้วย เรามั่นใจว่าเพื่อนเรามันจะต้องเอาอยู่”
เสียงจากบนเวทีเรียกสายตาของผมให้ละจากแก้วเบียร์ไปมองได้ ผู้ชายตัวใหญ่ไหล่กว้างที่กำลังจับกีตาร์อยู่พูดขึ้น
“งั้นเราขอเชิญ ไอ้ธารธาราหน้าหล่อด้วยคร๊าบบบบ” เสียงกลองที่ดังเป็นจังหวะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เป็นตลกคาเฟ่ก็ดังขึ้น ตอนแรกก็ว่าจะขำ แต่พอเห็นหน้าของคนที่ชื่อ ธาร ธารา ก็ต้องหน้าตึงในทันที
“ไอ้...”
“เอ๊ะ...ผู้ชายคนนั้นกูว่าหน้าคุ้นๆว่ะ”
ไอ้ชินที่กระซิบบอกผมแบบนั้น ได้แต่พยักหน้าส่งตอบมัน ก็จะไม่คุ้นได้ยังไง ในเมื่อผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น เพื่อนสนิทในกลุ่มพี่สะไภ้ของเค้าเอง ไอ้สัดพี่ธาร ... นึกมาถึงตรงนี้ก็ร้อนๆที่ริมฝีปากแปลกๆ เหมือนจะแก้มแดงๆขึ้นมาตะหงิดๆ หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้เจอกัน แล้ววันนี้โลกมันเป็นห่าอะไร ทำไมต้องเหวี่ยงให้มาเจอกันอีกจนได้ อาทิตย์นึงผ่านไป มันไม่ได้ทำให้ในหัวนี่มันลืมความรู้สึกของวันนั้นได้เลย ความรู้สึกที่ว่าตัวสั่นๆ ใจสั่นๆ ถึงรู้สึกว่าหน้าร้อนเขินจนแทบจะระเบิด แต่ก็ไม่อยากละออกมาจากจูบของคนตรงหน้าเลยจริงๆ
“มึงเอามือจับปากทำไมวะจอม”
“ห๊ะ...อ่ะ เอ่อ...เปล่า ฮ่าๆ” หัวเราะแห้งๆตอบกลับไป แต่ก็นั่นแหล่ะ คิดเชี่ยอะไรวะ
“วันนี้ผมมาเป็นแขกรับเชิญพิเศษให้เพื่อนๆผมงั้นวันนี้ผมจะขอร้องเพลงแทนความรู้สึกของคนที่กำลังขอร้อง...ขอ...และยื้อคนสำคัญให้อยู่ด้วยกัน...ให้นานที่สุดครับ”
พี่มันที่พูดออกมาด้วยเสียงเท่ๆของมัน แต่แปลกที่วันนั้นมันกลับดูเศร้า ผมที่นั่งมองมันอยู่ตรงนี้ เสียงอินโทรเศร้าๆที่เริ่มบรรเลง และริมฝีปากที่ผมรู้จักดีก็เริ่มที่จะขยับปากร้องเพลง เสียงของมันเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆได้ไม่ยาก ยิ่งลุคนิ่งๆของมันที่กำลังนั่งไขว่ห้างร้องเพลงอยู่ตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ใจสั่นแปลกๆ...แต่แน่นอนว่าคนบนเวทีไม่รู้ ... และแน่นอนอีกว่า มันไม่เห็นผมด้วยเหมือนกัน
อย่าไปจากฉัน สัญญาได้หรือเปล่า ให้โอกาสฉัน รักเธออีกต่อไป
เธอก็รู้ว่าฉันนั้นไม่มีใคร ขาดเธอไปสักคน ฉันคงจะตาย
จะหายใจอย่างไร โดยที่ไม่มีเธอ
แค่เพียงได้ซื้อเวลา ได้ยื้อเวลา เพื่อให้เธอไม่จากไปไหน
จะให้ฉันทำอะไร ฉันก็จะยอมทั้งนั้น
แค่เพียงให้เธอคืนมา ได้ยื้อเวลา สักนาทีก็มีค่ากับฉัน
ขอร้องเธอได้ไหม อย่าให้ฉันต้องทนต้องอยู่คนเดียว
และเพลงที่มันเลือกร้องออกมา ก็ทำให้ผมรู้ว่า นอกจากตอนนี้คนบนเวทีจะไม่รู้ว่าผมใจสั่นแค่ไหนที่เห็นมัน และแน่นอน...มันเองก็ไม่เคยเห็นผมอยู่ในสายตาด้วย ไม่ต่างจากจูบนั้น จูบแรกของผมที่เป็นของมัน แต่สำหรับมัน...ก็คงเป็นแค่จูบธรรมดาๆที่ไม่ได้ตรึงใจอะไรมันมากนักหรอก
“เชี่ย หล่อไม่พอ เสือกร้องเพลงเพราะไปอีก”
ไอ้ชินที่หันมาพูดกับผม เสียงปรบมือโห่ร้องดังเกรียวกราวไปหมด ก็งั้นๆอ่ะไอ้สัด เพราะกว่าฉี่รดสังกะสีนิดนึง
“ขอโทษนะคะ ขอชนแก้วด้วยได้ไหม”
เสียงหวานใสที่เรียกให้ผมและไอ้ชินหันไปมอง หญิงสาวสวย ที่ดูแล้วคงเป็นรุ่นพี่ ร่างดีหน้าสวยที่สำคัญนมใหญ่มาก ยกแก้วขึ้นมาชนกับไอ้ชิน โห่ ไอ้สัด เอาไปแดกอีกละ เซ็ง...
“เห้ยมึง กูขอตามพี่พิงค์ไปโต๊ะแป๊บนะ”
ถ้ามึงพูดแบบนี้ไม่เคยแป๊บหรอกไอ้ควาย พยักหน้าให้มันที่เดินตามที่สาวคนนั้นไปอย่างเซ็งๆ นั่งแง่วอยูคนเดียวเลยยกแก้วเบียร์ของตัวเองขึ้นดื่ม ตอนนี้วงของพวกไอ้ธารไม่ได้เล่นแล้ว เวทีถูกปิดและเปลี่ยนเป็นเพลงตื๊ดๆเปิดจากแผ่น คนเริ่มเบียดเสียดกันไปตรงกลางเพื่อเต้น แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์เต้นแล้วว่ะ
“ขอโทษนะครับ นั่งด้วยได้ไหม”
“ห๊ะ”
ผู้ชายที่นั่งลงตรงข้ามกับผม คือมึงพึ่งถามกูว่านั่งด้วยได้ไหม แต่กูยังไม่ได้อนุญาตเลยไอ้ห่า ถ้าจะทำแบบนี้มึงไม่ต้องขอกูหรอก
“น่ารักจังเลย ชื่ออะไรครับ” มุขนี้อีกล่ะพวกเหี้ย น่าเบื่อ
“................”
“โห่ คนน่ารักทำไมใจร้ายจัง”
“กู....”
ตั้งใจจะอ้าปากด่าแม่งออกไป แต่ติดตรงที่ฝ่ามือใหญ่ที่วางลงตรงเอวของผมจนต้องสะดุ้ง ก่อนที่ร่างใหญ่ๆของใครบางคนจะนั่งลงแทนที่ของไอ้ชินที่ไม่อยู่ในตอนนี้
“มาเสือกไรกับชื่อแฟนกูไม่ทราบ”
“เอ่อ...”
หันหน้าไปมองตาค้างเมื่อไอ้พี่ธารกอดเอวผมแน่น แล้วเอามืออีกข้างเท้าคางมองหน้าคนตรงข้ามผมแบบชิลๆ แต่หน้าตาโคตรกวนตีน
“น้อง นี่แฟนน้องหรอ”
“เอ่อ ไม....”
“จริงๆไม่ใช่แฟนเป็นผัว แต่พอออกมาข้างนอกต้องสุภาพหน่อยเลยต้องพูดว่าแฟน ตอบมันไปสิจอม ไอ้หน้าปลวกนี่จะได้เลิกเซ้าซี้สักที พี่รำคาญมันแล้วนะ”
เอียงหน้ามาพูดกับผมเสียงอ่อนเสียงหวาน พร้อมยกมือมาเอาผมไปทัดหูให้ผม
ตึกตักๆๆ
ใจผมที่เต้นระรัวตอนที่มันพูดออกมาแบบนั้น รอยยิ้มเท่ๆที่มองมาแค่ผม และพูดกับผมเหมือนคนสำคัญ เชี่ยเอ๊ย นี่มันอะไรกันวะ
“แล้วมึงนะ...ถ้ายังไม่เข้าใจกูจะเอาน้ำที่มึงถือมาให้แฟนกูแดกสาดหน้ามึงซะ อย่าคิดว่ากูไม่รู้ว่ามึงเอาอะไรใส่ จะไปดีๆหรือมึงจะให้กูเอาแก้วเขวี้ยงหน้ามึงจริงๆก่อนถึงจะเข้าใจ”
พี่มันที่เลิกยิ้มให้ผมหันหน้าไปหาคนตรงหน้าแบบเอาเรื่อง สายตาที่มันบอกว่าไม่ได้เล่นๆ มันพร้อมจะทำจริง
“อะ เอ่อๆ โถ่เอ๊ย มีแฟนแล้วก็ไม่บอก ขอโทษครับๆ”
มันที่รีบพูดแบบนั้นแล้วเดินหนีออกไปอย่างไว ไอ้พี่ธารที่ร้องหึอยู่ในลำคอแบบหงุดหงิดหน่อยๆ ก่อนจะหันมาหาผมแบบดุๆ
“มึงมาที่แบบนี้อีกแล้วนะไอ้ดื้อ”
“แล้วยุ่งไรด้วยอ่ะ ปล่อยเว่ย” สัด เนียนกอดกูอยู่ได้
“ทำไมจะยุ่งไม่ได้ กูเป็นผัว”
พูดออกมาหน้าตาเฉย พร้อมยักคิ้วให้อย่างกวนตีน รู้สึกอวัยวะเบื้องล่างกระตุกยิกๆ อยากจะเอาตีนสะกิดมันให้หงายหลัง
“อ๋อออ เป็นผัวหรอจ๊ะ”
ผมที่เงียบเสียงไปแป๊บนึง ก่อนจะกระตุกรอยยิ้มออกมานิดๆ เอื้อมมือไปลูบอกแกร่งตรงหน้าพร้อมขยิบตาให้ พี่ธารที่ดูเหมือนตกใจหน่อยๆ เพราะมันนั่งหน้าตึงตัวแข็งไปเลย เห็นแบบนี้แล้วกูอยากลุกขึ้นเต้นบนโต๊ะ เห็นกูแกล้งได้ก็แกล้งเอานะไอ้สัดพี่ เดี๋ยวมึงเจอ
“แหม ผัวตกใจอะไรอ่ะ ถ้าเป็นผัวก็เคยทำมากกว่านี้แล้วดิโน๊ะ”
แอ๊บแบ๊วอ้อนตีนมันไปอีก เห็นมันทำหน้าเหมือนเห็นของเหม็นแล้วกูยิ่งอยากขำ
“ไปแบ๊วไกลๆกูไปไอ้จอม”
“เอ๊ผัวอ่า พูดจาไม่น่ารักกับหนูเลย ตีนะ นี่แน่ะๆ”
“กวนตีนกูนะไอ้ดื้อ”
“กวนตีนอะระ แล้วเป็นผัวนี่นั่งตักได้ใช่ไหมเนอะ”
พูดแบบนั้นแล้วโดดนั่งตักแม่ง เก่งนักไอ้สัด พอกูรุกไล่แล้วเอ๋อแดก เห็นหูแม่งแอบแดงแล้วกูยิ่งสนุก ตลกชิพหาย อยากขำมากแต่ต้องอึ๊บไว้ก่อน
“เห้ย ไอ้จอม”
“จ๋า ธารว่าไงจ๊ะๆๆ”
พูดเลยว่ากูขย่มตัวลงไปที่ตักของมันทุกครั้งที่พูดว่าจ๊ะ เงยหน้าขึ้นไปมองหน้ามันแล้วอยากหัวเราะพรวดออกมาให้น้ำลายกระเด้งเข้าหน้ามัน คือคนหล่อๆขี้เก๊กดุสัดหมาแบบพี่มัน นั่งตาเหลือกอยู่แบบนั้น โว้ย ตลกสัด
“หึ่ม ไอ้จอม”
“อารายยยยย อ๊ะ...”
หน้าหล่อๆของมันที่ก้มซบลงมาที่ลาดไหล่ของผม กดจมูกคมสูดดมอยู่ข้างๆซอกคอจนผมเองต้องนั่งตัวแข็งทื่อ พี่มันที่เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ที่ใบหู รู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัวในตอนนั้น ยิ่งเมื่อลมหายใจร้อนๆรินรดด้วยแล้วยิ่งอยากกระเด้งตัวออกจากตักมันอย่างไว
“ท้าทายจังนะมึง อยากขย่มตอกูมากก็กระแทกลงมากอีกสิไอ้ดื้อ”
กระซิบเบาๆแบบนั้น พร้อมกดจูบเบาๆลงที่ซอกคอ บริเวณที่โดนริมฝีปากกดลงไปรู้สึกเหมือนโดนของร้อนทาบใส่จนต้องสะดุ้งเด้งตัวออกจากตักพี่มันทันที
“อะ...ไอ้บ้า มึงนี่แม่งคนฉวยโอกาส”
“หึ มึงสิฉวยโอกาศมาขย่มตอปิโดกู” พูดออกมาแบบหน้ามึนๆ พรางเอาข้อศอกเท้าลงบนโต๊ะแล้วเอามือหนุนหัวตัวเองมองมาทางผมพร้อมยกยิ้ม
“ใครอยากขย่มแท่งป๊อกกี้มึงอ่ะพี่ธาร”
“ป๊อกกี้อะไร เดี๋ยวกูเอาป๊อกกี้ยัดปากอย่ามาบ่นว่าคับปากละกัน”
ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมยิ้มยั่ว เป็นรอยยิ้มท้าทายที่ผมไม่ชอบเบยแม่ง รู้สึกเหมือนโดนพี่มันไล่ต้อนตลอดเวลา ความรู้สึกเหมือนวันนั้นกลับมาอีกแล้ว เป็นความรู้สึกใจสั่นๆกับคนตรงหน้า แต่ภาพที่พี่มันร้องเพลงก่อนหน้านี้ก็ทำให้ปากหลุดพูดออกมาแบบห้ามไม่อยู่
“ฮึ่ยคนแก่ชอบลวนลาม กูหน้าเหมือนพี่หมอกหรอมาจูบซอกคอกูอ่ะ”
โพร่งออกไปแบบนั้น และคนตรงหน้าที่ก่อนหน้านี้มีรอยยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่เต็มหน้า ก็ค่อยๆสลดลงมาจนนิ่งขรึม ... รู้สึกผิดเลยกู
“เอ่อ...”
“แปลกว่ะ ขนาดมึงนะไอ้ดื้อ มึงยังมองออกเลย”
มันพูดพึมพำออกมาน้อยๆ ก่อนจะยิ้มออกมา แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ผมโครตจะไม่ชอบ รอยยิ้มเศร้าๆที่แค่นยิ้มแค่ปาก แต่ไม่ได้มาจากใจ อยากน้อยที่พี่มันกวนตีนก่อนหน้า ก็คงดีกว่าสภาพตอนนี้
“เห้ย ไอ้พี่ธาร ผมขอโทษ คือจอมเป็นคนปากเสียอยู่แล้วไง แบบว่าถ้าพูดพร่อยๆออกไปพี่ก็อย่าสนใจเลยนะ” บอกพี่มันแบบนั้นแล้วเอื้อมมือไปตบไหล่แปะๆ
“ไม่หรอก กูไม่ได้คิดมาก แต่เห็นมึงพูดแล้วก็แค่สงสัยว่ะ”
“หื้ม”
“สงสัยว่าทำไมใครๆดูออกว่ากูชอบมัน แต่มันถึงไม่เคยรู้เลยวะ”
“พี่...บางอย่างมันอาจจะใกล้ตาไปเปล่า”
“หึ ใกล้ตานะ แต่คงไม่ใกล้ใจว่ะ” พี่มันที่ว่าแบบนั้น ก็ยกมือเรียกเด็กเสริฟเข้ามา ก่อนมันจะสั่งเหล้าแรงๆมากระแทกปาก
“นี่ๆ กินอะไรขนาดนั้นวะ”
“กูไม่เมาหรอกน่า”
“ให้มันจริงแบบนั้นเหอะ”
“ห่วงกูหรอ”
“ก็เออสิวะ พี่ขับรถนี่”
ควายแท้ แก่แล้วทำไมโง่ บางทีกูก็ไม่เข้าใจจริงๆ ขมวดคิ้วจ้องหน้าด่ามันแบบนั้น แต่อีกคนก็เสือกยิ้มออกมาตอนที่ผมพูดจบ เดี๋ยว...นี่พี่มึงเป็นห่าอะไร เหล้าพึ่งเข้าปากคือเมาแล้วหรือมึงพี้ยามา
“ดีว่ะ...อย่างน้อยก็มีมึงนะไอ้ดื้อ ที่เป็นห่วงกู”
มันที่ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยกมือขึ้นมาลูบหัวของผม ความรู้สึกอุ่นวาบที่ไล่ลงมาจากหัวจนลามไปถึงสันหลัง ก็ไม่เข้าใจเลยว่าที่เป็นอยู่นี่มันคืออะไร
“อือ...ไม่ต้องเศร้าหรอก อย่างน้อยก็มีจอมไงที่เป็นห่วงพี่มึง”
เราที่หันหน้ามองกันในตอนนี้ เป็นความรู้สึกดีๆที่บอกไม่ถูก พี่มันที่ยกยิ้มออกมาได้แล้วในตอนนี้ ก็ดีกว่าก่อนหน้านี้ที่นั่งหน้าเศร้า เสียงดนตรีที่ดังอยู่รอบตัวเราในตอนนี้ แปลกแต่จริงที่ว่า เราสองคนไม่มีใครสนใจมันอีกเลย ใบหน้าหล่อๆที่เลื่อนเข้ามาใกล้ ลมหายใจอุ่นๆที่ปะทะเข้ามาใกล้ใบหน้าจนรู้สึกได้ เป็นความรู้สึกแปลกๆ เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเป็น มันเหมือนกับว่าโดนดูดเข้าไปในโลกของคนตรงหน้า เหมือนเป็นการตกหลุมรักเล็กๆเข้าแล้ว
“น้องจอม อย่าแสดงออกมากนักสิ”
“อะไร”
“เดี๋ยวกูหวั่นไหวทำไง”
“พูดบ้าอะไรของพี่วะ”
“แล้วถ้ากูบอกว่าอยากจูบมึงตอนนี้จะบ้าหรือเปล่า”
“ก็บ้านะ...”
“หรอ”
“อืม”
“แต่อยากจูบว่ะ”
สายตาของเราสองคนที่จ้องมองกันในตอนนี้ เงียบไปหลายนาทีตอนที่พี่มันพูดแบบนั้น ... ผม เด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่ตามใจ ไม่แปลกใช่ไหมล่ะที่ผมจะดื้อรั้นและดันทุรังเป็นพิเศษ...นั่นแหล่ะ นิสัยเฉพาะตัวของผมเลย และเพราะว่านิสัยผมที่เป็นแบบนั้น ครั้งนี้มันคงไม่ผิดใช่ไหม ถ้าผมจะขอดื้อตามนิสัยผมอีกครั้ง
“ถ้าอยากจูบ...” เลื่อนมือไปจับปลายคางของร่างสูงตรงหน้า ก่อนจะยกยิ้มน้อยๆ
“ก็จูบเลย”
พูดจบประโยค อีกคนที่ยกยิ้มออกมา ก่อนจะก้มลงมาป้อนจูบหนักที่ริมฝีปากของผม ความรู้สึกที่ไม่ได้แผ่วเบา แต่มันโหมกระหน่ำไปด้วยอารมณ์ดุดัน แต่กลับรู้สึกวาบหวิวไปพร้อมๆกัน ผมที่เปิดริมฝีปากให้อีกฝ่ายแทรกลิ้นร้อนเข้ามาหา อีกฝ่ายที่กวาดต้อนลิ้นหนาไปทั่วโพร่งปาก รับรู้ถึงมือสากที่คว้ามากอดเอว และไม่รู้เมื่อไหร่ที่อยู่ๆผมก็ตรงเข้าไปนั่งตักมันทั้งแบบนั้น อีกฝ่ายที่ผละหน้าออกมาจากริมฝีปากของผมเล็กน้อย เราที่จ้องตากันอยู่แบบนั้น หัวแม่มือของพี่มันที่ลูบอยุ่ที่แก้มของผม
“กูสอนดีหรอ เก่งขึ้นนะ”
“ยุ่งว่ะ”
“หึ...อย่าให้ใครมาสอนมึงล่ะ นอกจากกู”
.
.
.
และหลังจากเหตุการณ์วันนั้น พี่มันกับผมเราก็แลกไลน์กันไว้ ไม่ได้มีอะไรเลยเถิดกันมากกว่านี้ เอาจริงๆก็แทบจะไม่ได้เจอพี่มันมากนักหรอก แต่อีกฝ่ายก็เหมือนจะลอยไปลอยมารอบตัวของผม ทั้งในความคิด ความรู้สึก และ...ในไลน์กูเนี่ย
‘ตื่อดึ้ง’
ธาร ธารา: [[ดื้อ อยู่ไหน เรียนเปล่าวะ]]
จอม:[[สัดพี่ธาร อนาคตของชาติแบบผมก็ต้องเรียนสิวะ ทักมากวนไรนักหนา]]
ธาร ธารา: [[ก็กูมีเรื่องไม่สบายใจ กูเรียนไม่รู้เรื่อง]]
จอม:[[เรื่องพี่หมอกอีกล่ะสิ]]
ผมพิมพ์ถามพี่มันออกไปแบบนั้น และมั่นใจเกินร้อยเปอร์เซ็นได้ว่าต้องถูก
ธาร ธารา: [[อืม...ก็ใช่]]
กูว่าแล้ว กูคิดแล้วเชียวว่ามันต้องใช่ ก็จะไม่เดาถูกได้ยังไง ในเมื่ออีกฝ่ายชอบมาปรึกษาเรื่องของพี่หมอกกับผมเสมอ แต่กูก็เป็นผู้ฟังที่ดี และเป็นคนที่ให้คำปรึกษาที่ดีด้วยล่ะนะ ... ถึงแม้จะรู้สึกตะหงิดๆในใจหน่อยๆ
จอม:[[ทำไมอีกอ่ะพี่ ถ้าไม่ไหวจะเก็บไว้ ก็แค่บอกออกไป]]
แนะนำไปแบบนั้น แต่ก็รู้ดีว่าทำไม่ได้ ... ไม่ใช่พี่มันนะ กูเนี่ย สัด.....เบื่อว่ะ ไม่อยากเป็นที่ปรึกษาแบบนี้ให้พี่มันแล้วเลย ยอมรับแบบแมนๆเตะบอลว่า ก็เหมือนจะหวั่นไหวกับพี่มันมากเกินไปแล้ว ...
ธาร ธารา: [[กูบอกไม่ได้ กูไม่อยากเสียมันไป]]
ข้อความที่ถูกส่งมาอีกครั้ง ความรู้สึกเหมือนว่าหน้าชาหน่อยๆ แต่ก็นะ พี่มันชอบของมันมาตั้งนานนี่หว่า ฮ่าๆ ตลกแดกเลยกู
จอม:[[งั้นแล้วแต่มึงละกันพี่ กูเรียนละ]]
ตัดจบบทสนทนามันไปแบบนั้น ไม่เอาแล้วว่ะ อยู่ใกล้มันต่อไปก็ยิ่งรู้สึก แล้วมันคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่หรอก ถ้าเราต้องรู้สึกกับคนที่เค้ามีคนอื่นอยู่ในใจแล้วน่ะ
ธาร ธารา: [[เห้ยจอม เดี๋ยวสิวะ อยู่คุยกับกูก่อน]]
ธาร ธารา: [[ไอ้ดื้อ]]
ธาร ธารา: [[จอมครับ]]
ธาร ธารา: [[ไปจริงๆหรอวะ โห่...งั้นตั้งใจเรียนนะ เลิกเรียนแล้วบอกกูด้วย...กูเป็นห่วง]]
ธาร ธารา: [[สู้ๆนะครับ]]
เนี่ย! ไม่รู้เป็นเชี่ยอะไรชอบมาพูดมาทำกับกูแบบนี้ แม่งๆๆๆๆ ไอ้แก่นิสัยเสียเอ๊ย โคตรเกลียดความใจดีของพี่มันเลยว่ะ เป็นคนที่เหมือนชอบให้ความหวัง แต่จริงๆแล้วเปล่า...มันแค่เป็นคนนิสัยแบบนี้ สัด! ถอนหายใจหนักๆแล้วกดปิดแชท
“เป็นไรวะจอม มึงมองมือถือแล้วถอนหายใจหนักมาก”
“เบื่อว่ะมึง”
“ท่าทางจะหนักนะมึง มีอะไรบอกกูได้นะ”
“ทำไมมึงเป็นคนดีแบบนี้วะ มาเป็นผัวกูไหม”
“ไอ้เหี้ย! ไม่เอาโว้ยยย”
“ฮ่าๆๆ”
ผมขำลั่นออกมาตอนนั้น ตอนที่เห็นมันทำหน้าตาตื่น ไอ้ชินเป็นเพื่อนที่ดี และเป็นผู้ชายที่แมนมากด้วย ผมรู้ว่าที่มันเป็นห่วงผม เพราะผมตัวเล็กแล้วชอบโดนแกล้งบ่อย พวกรุ่นพี่เมื่อก่อนก็ชอบมาแซวว่าเป็นตุ๊ด พอผมไม่ยอมก็ต่อยกันตลอด และแน่นอน กูสู้ไม่ได้หรอก...และเพราะแบบนั้น ไอ้ชินมันเลยคอยช่วยคอยกันมาตลอด มันเป็นเพื่อนที่โคตรประเสริฐ แต่เพราะว่ามันช่วยผมแบบนั้นตลอด คนเลยคิดว่ามันเป็น แต่จริงๆแล้วเปล่า มันเป็นผู้ชายแมนๆนี่แหล่ะครับ
“ชิน”
“ไรมึง”
“คืนนี้กูอยากเมา พากูไปนะ”
...