Saved
Deep down in my heart, I hope you're doing alright
But from time to time I often think of why you aren’t mine
ถึงผมจะไม่สมหวัง เวลามองออกไปในที่ไกลๆผมก็หวังว่ากันย์คงจะสบายดี
แต่อีกใจผมก็รู้ว่า...คนของเขา...คงดูแลดีอยู่แล้วปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าที่ชีวิตผมดีขึ้นเพราะเงินนั่นที่กันย์ทิ้งไว้ให้ ผมมีเงินให้แม่ไปหาหมอ โดยที่ไม่ต้องเครียดว่าตัวเองจะกินอะไร ผมเพิ่งรู้ว่าความจนแม่งโคตรน่ากลัวเพราะฉะนั้นผมถึงมีเป้าหมายว่าผมจะรวย ฟังดูตลก แต่ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ อย่างน้อยก็ต้องทำให้พ่อกับแม่สบายกว่านี้
หมอบอกว่าอีกหนึ่งสาเหตุในเรื่องอดีตของผมเป็นเพราะผมไม่คิดถึงอนาคตของตัวเอง เขาบอกว่าถ้าผมทำวันนี้ให้ดีพรุ่งนี้ก็จะดีตามไปด้วย ผมเชื่อนะเพราะมันคือความจริง ไม่ใช่เรื่องไสยศาสตร์ที่ต้องหวัง
ผมแค่ทำวันนี้...พรุ่งนี้มันก็จะเกิดผลเอง ยากหน่อยตรงเริ่มทำนี่เอง และแทนที่จะคิดถึงเรื่องแย่ๆในอดีตหมอบอกผมว่าควรคิดถึงตอนนี้มากกว่า
ตอนนี้เหรอ...
ตอนนี้ผมสบายดี คิดว่าข้อดีของการรอเข้าเรียนใหม่คือตอนนี้ผมมีเวลาทำงาน มีเวลาทบทวนบทเรียนที่แต่ก่อนไม่ค่อยสนใจ มีเวลาเรียนภาษาอังกฤษที่ไม่ค่อยเก่ง ตอนไหนที่รู้สึกเหงาก็จะดูหนังหรือซีรีย์ในแอปพลิเคชั่นที่มีแต่เรื่องสนุกๆ
ตอนนี้สิ่งที่ทำให้ผมนอนไม่พอและตาเหมือนหมีแพนด้าคือซีรีย์สืบสวนสอบสวนเรื่องหนึ่ง ผมที่เริ่มเข้าใจไดจิขึ้นมาทีละน้อยอยากขอบคุณเขาเหลือเกิน
Kant : ไดจิครับ ผมอยากเจอคุณ
Dai_Hiro : เอาสิ
“ไปไหน” ภัทรที่กำลังเดินเข้ามาในหอพักเก่าๆทักผมที่เดินสวนออกมาพอดี
“ไปหาผู้ชายในทินเดอร์” ผมตอบพลางยักคิ้วให้ ภัทรมักจะมาที่นี่ในยามที่เขาว่างด้วยของกินสองสามอย่าง ผมมองถุงขนมยี่ห้อดังในมือเขาแล้วยื่นไปรับไว้ ก่อนจะพูดต่อเมื่อเห็นเขาดูเงียบผิดปกติ
“เป็นคนญี่ปุ่น อย่างหล่อ”
“สู้กูได้เหรอ”
ผมหัวเราะ เพราะรู้ว่าเขาไม่ได้พูดถึงหน้าตา
“กูไปด้วย” ภัทรบอก
“ไปกินข้าวเฉยๆ เพื่อนกัน”
“เพื่อนมึงมีกี่ชาติวะ” ตี๋เดินนำผมไปที่รถเพื่อบอกว่าที่จะไปด้วยไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เขาดูหัวเสียแต่คุมอารมณ์กับสีหน้าได้ดีขึ้น ในขณะที่ผมเองค่อยๆเปลี่ยนไปภัทรก็เช่นกัน
“กูไม่นิยมฝรั่ง” ผมว่า เพราะไม่ชอบฝรั่งจริงๆ ผมเคยเดทกับฝรั่งคนหนึ่งแล้วมีประสบการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“อะไร” ผมถามคนที่เอาแต่จ้องหน้ากัน
“เปล่า”
“เห เธอตัดผมใหม่เหรอ”
ทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในร้านอาหารแบบญี่ปุ่นใจกลางกรุงไดจิก็ส่งเสียงดัง เขาดึงผมเข้าไปกอดแล้วลูบหัวที่แทบจะเกรียนไปมา
“ขนาดตัดผมทรงแบบนี้ยังน่ารัก” คนโตกว่าว่าพร้อมกับยิ้มจนตาปิด ผมทำได้แค่เกาคอแก้เขิน บางทีก็รู้สึกเหมือนหัวโล้นแล้วขาดอะไรไปสักอย่าง
แพทบอกผมว่าถ้าโกนคิ้วอีกอย่างคือไปบวชได้เลย
“เด็กๆญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะตัดผมเวลาอกหัก” ไดจิว่าพร้อมกับดึงให้ผมนั่งลงข้างเขาแล้วจ้องหน้าผมเหมือนที่ภัทรทำแล้วยิ้ม
“ให้ look and feel อีกแบบ”
ผมที่รู้สึกเขินกับทรงผมตัวเองพยายามหันไปมองหน้าร้าน เผื่อภัทรที่แวะเข้าห้องน้ำจะหาผมไม่เจอ
“แล้วนั่นใคร คนที่ทำเธออกหักหรือเปล่า” ไดจิถามถึงคนที่เพิ่งจะเดินเข้ามา
“ไม่ใช่ครับ ภัทรนี่คุณไดจิ ไดจินี่ภัทรครับ”
“สวัสดีครับ” ไดจิเอ่ยทักทาย ผมที่กำลังแนะนำพวกเขาให้รู้จักกันยกมือค้างเมื่อภัทรไม่แม้แต่จะยกมือไหว้ ภัทรไม่ใช่คนเลว มันแค่เป็นคนไม่ค่อยมีมารยาท
“ภัทร!”
“สวัสดีครับ”
ไดจิหัวเราะร่วนก่อนจะมองไปที่คนมาใหม่
“เขาชอบเธอเหรอ” ผมไม่เคยคิดว่าผู้ใหญ่จะสามารถพูดอะไรตรงๆแบบนี้ได้ด้วย ผมเลือกที่จะไม่ตอบ
“ยุ่งอะไรล่ะลุง” แต่ภัทรตอบ
“ไอ้ภัทร!”
“วัยรุ่นนี่ดีจัง ฉันคิดถึงตัวเองสมัยก่อนเลย” เขาหัวเราะร่วน
ไดจิชวนมากินของย่างแกล้มเบียร์ แต่เขากลับไม่สั่งเบียร์ให้ผม ทั้งๆที่ผมดื่มมันครั้งแรกเพราะเขาแท้ๆ
“เธอดูเปลี่ยนไปนะ ในทางที่ดีขึ้น” ไดจิพูดถูก ผมเรียกมันว่ากลับมาเป็นคนเดิมมากกว่า แต่ก็นะ
...ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว...
“ผมมีความฝันแบบที่คุณบอกแล้วนะ”
ไดจิเลิกคิ้วมองผม เขาเคยพูดอยู่หลายครั้งว่าคนเราควรจะมีความฝันสักอย่างเพื่อไกด์เส้นทางให้ชีวิต มันอาจจะเบี้ยวบ้าง ผมอาจจะหลงบ้าง แต่ถ้าผมฝัน...ผมจะหาทางเดินกลับมาที่เส้นทางเดิมได้
“ฝันว่าอะไร”
“ผมว่าผมจะรวย”
ไดจิหัวเราะก๊าก ก่อนจะบอก
“ใช้ได้เลย” เขายกนิ้วโป้งให้แล้วยกมือพาดไหล่ผม เหมือนเรากำลังโอบกันอยู่กลายๆ
“คุณครับ มือๆ เอาลง” ภัทรที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันทำมือปัดเหมือนบอกให้ลดมือลง ไดจิหัวเราะจนหน้าแดงแต่ก็ทำตามที่ขอ
ผมคุยกับเขามากมายจนแทบจะจับประเด็นไม่ได้ มีภัทรคอยแทรกบ้าง คอยกวนบ้างให้บทสนทนาไม่จริงจังจนเกินไป ผมตั้งใจที่จะมาเลี้ยงขอบคุณไดจิสักมื้อ แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นไดจิที่จ่ายให้ เขาบอกมันเป็นสิทธิ์ของผู้ใหญ่ที่ผมยังไม่เข้าใจ
ไดจิชอบพูดอะไรให้ผมเก็บไปคิดบ่อยๆ อย่างวันนี้เขาบอกแค่ว่า
…เราทุกคนมีเวลาเป็นของตัวเอง...
“เพื่อนยังไงของมึงวะ”
ภัทรบ่นพร้อมกับล้มตัวลงบนเตียงผมในตอนเกือบสี่ทุ่ม
“ไอ้ภัทร ถอดถุงเท้า” ถ้ายังไม่อาบน้ำผมไม่อยากให้กระโดดขึ้นเตียงไปด้วยซ้ำ แต่เพราะบอกยังไงภัทรก็ไม่ฟังอย่างน้อยเลยอยากขอแค่ถอดถุงเท้าออกก่อน
“มึงนี่นะ บอกกี่รอบก็ไม่จำ” ผมบ่นพลางดึงถุงเท้าสีขาวออกจากเท้าของคนที่ฟุบอยู่บนเตียง ภัทรหัวเราะในลำคอก่อนจะพลิกตัวขึ้นมามองผม
ผมกับภัทรไม่ได้มีอะไรกันเลยนับตั้งแต่วันนั้น นี่ก็หลายเดือนเข้าไปแล้ว ดูก็รู้ว่าบางทีภัทรก็อยาก ผมก็ด้วย แต่เราเลือกที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้วใช้ชีวิตของใครของมัน
“กันต์”
“ว่า”
“คนที่ไปเจอวันนี้เขาเป็นใคร”
“ก็เจอกันในแอป เขาช่วยกูไว้หลายๆอย่าง” ผมตอบพร้อมกับเก็บเสื้อผ้าที่แห้งแล้วจากระเบียงมาพับเข้าตู้
“กันต์”
“เขาเป็นเพื่อนกู”
“เพื่อนเหมือนกูใช่ไหม”
ผมเงยหน้ามองภัทร ก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่ ไม่เคยมีอะไรกัน” ผมใช้คำว่าเพื่อนไม่เปลืองนักหรอก
“ไอ้แอปนั้น ลบได้ไหม”
“กูก็เจอมึงในนั้นนะ” ผมตอบพลางหัวเราะ
“กูหามึงเองต่างหาก”
อันนี้ผมก็รู้ ในตอนที่ผมหากันย์แทบตายในแอปนั้น ภัทรก็คงทำแบบเดียวกันจริงๆผมแทบไม่ได้ใช้แอปนั้นแล้ว อย่างกับไดจิหรืออาจารย์กานต์ผมติดต่อผ่านทางเบอร์โทรกับแอปแชทที่คนธรรมดาใช้กัน….ยกเว้นกันย์ที่ผมมีเขาแค่ในนี้
I’ll keep your number saved
‘Cause I hope one day you’ll get the sense to call me
I’m hoping that you’ll say
You’re missing me the way I’m missing you
ถึงผมจะไม่สมหวัง แต่ผมก็ยังหวังว่าเขาจะทักมาบอกผมว่าเขาสบายดี
นี่คงถึงเวลาของมันแล้ว เพียงแค่ผมไม่กล้าพอ
“ลบให้หน่อย” ผมหยิบมือถือที่วางไว้บนโต๊ะไปให้ภัทร ภัทรลุกจากเตียงแล้วดึงแขนผมเข้าไปหาเมื่อเห็นว่ามือผมสั่น
“รู้ไหม ถ้าแค่ลบแอป ทุกอย่างมันก็ยังติดอยู่ที่เดิม” ภัทรจ้องที่หน้าผมนิ่ง
“กูจะลบรายชื่อทั้งหมดนะกันต์ ได้ใช่ไหม” ภัทรขออนุญาตผม เขาขอในสิ่งที่ผมอาจจะปฏิเสธ และถ้าผมปฏิเสธเขาไปอีกครั้ง ภัทรจะเดินออกจากห้องนี้ไปแล้วทิ้งความรู้สึกผิดไว้ที่ผม ผมคนที่ทำร้ายใจเขาซ้ำๆ
“อืม” ผมมองโทรศัพท์ของกันย์ที่ซื้อให้ผมไว้ แล้วมองหน้าภัทร
“กันต์”
“ลบเถอะ” ผมยิ้มให้เขา
“ผมนี่เมื่อไหร่จะยาวอ่า” แพทบ่นไปพลางเขย่าแขนผมไปพลาง
“เดี๋ยวก็ยาวแล้ว” ผมบอกพลางดูดช็อกโกแลตเย็นในบ่ายที่ฝนตกหนักและอากาศอบอ้าว
เรานั่งอยู่ในร้านกาแฟแถวๆที่ทำงานผม วันนี้ผมเข้ากะเช้า ตอนบ่ายถึงได้มานั่งกับแพทและภัทร วันนี้แพทเอาเรื่องที่สอบของเทอมนี้มาติวให้ เพื่อให้ที่จะเข้าไปเรียนเทอมหน้าสบายขึ้น
“หิวแล้วอ่ะ กันต์หิวยัง” แพทบ่น เรานั่งที่นี่มาเกือบจะสามชั่วโมงแล้ว แต่เพราะฝนยังตกไม่หยุดถึงยังย้ายไปไหนไม่ได้
แพทที่พอจะรู้เรื่องอยู่หลายอย่างรวมถึงสถานะทางการเงินของผมมักจะคอยถามผมอ้อมๆว่าร้านนี้กินได้ไหม หรือผมอยากกินอะไรในตอนที่เราเจอกัน เพื่อให้ผมสบายใจที่จะจ่ายเอง ...ผมมีเพื่อนดีมากจริงๆ...
“กินเค้กกันก่อนไหม” ภัทรเงยหน้าจากนิยายเล่มใหญ่ที่อ่านค้างไว้
“ไม่เอา อยากกินของคาว” แพทบ่น ก่อนจะหันมามองผม
“ลืม ไอ้ภัทรไม่มีทางถามเราหรอก”
ผมที่พอรู้ความหมายยิ้มเขินๆให้ผู้หญิงสวยที่ทำหน้าเซ็ง
“ซื้อมาเดี๋ยวมึงก็กิน” ภัทรว่าก่อนจะเดินหายไปเกือบห้านาทีแล้วกลับมาด้วยเค้กอะไรสักอย่างที่ผมไม่รู้จัก ตอนแรกๆแพทค่อนข้างตกใจที่ผมไม่เคยขึ้นเครื่องบินหรือกินชานมไข่มุก แต่ก็เข้าใจได้เพราะแพทก็ไม่เคยกินแมลงทอดเหมือนที่ผมกินเหมือนกัน
“อันนี้เครปเค้ก อร่อยดี” ภัทรบอกผมที่ทำหน้าตาตื่นเต้นแบบปิดไม่มิด
“อันนี้ชีสเค้ก ลองชิมดู” เขายื่นช้อนให้ผม ผมหันไปมองแพทที่หรี่ตามองแล้วโววาย
“พวกมึงแม่งหวานกว่าเค้กแล้วค่ะ”
TBC.
______________________________________________________________________
*Khalid - Saved
https://youtu.be/Dyg32hMf7Fkภัทร แหมมมมมมมมมมม ถ้าเราเป็นแพทจะเอาช้อนตักเค้กตีมัน 555555555
เรื่องช่องว่างของฐานะหลายๆอย่างในนิยายเรื่องนี้มาจากประสบการณ์ส่วนตัวของเราเองค่ะ
เพื่อนบางคนของเราไม่เคยขึ้นรถสาธารณะ บางคนล้างจานไม่เป็น บางคนมีความฝันว่าอยากเดินตลาดนัด
บางคนถามเราว่าคนต่างจังหวัดเป็นคนยังไง ใช้ชีวิตยังไง เป็นประสบการณ์ตลกๆดี ตอนเด็กๆก็คิดว่าแปลก
พอโตมาหน่อยก็เข้าใจว่าเป็นที่สังคมที่อยู่เฉยๆ ไม่มีอะไรแปลกหรอก 5555