น้องหมวยบทที่ 14 เช้าที่ไม่ต้องเร่งรีบ อากาศเย็นสบาย แสงอาทิตย์อ่อนๆส่องลอดผ่านหน้าต่าง ทำให้ร่างสูงเห็นคนในอ้อมกอดชัดเจน หน้าขาวๆแก้มกลมใส รับกันดีกับตาสระอิของน้อง แผลมุมปากไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าดูดีน้อยลง จมูกรั้นๆคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง ตื่นนานแล้ว แต่ไม่อยากลุกไปไหนเพราะอยากนอนมองคนในอ้อมแขนนานๆ มองเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอสักที
เมื่อวานเป็นวันที่หนักหนาพอสมควร เด็กน้อยของเขาพึ่งได้นอนไม่กี่ชั่วโมง เขาเลยไม่คิดจะรีบปลุกอีกฝ่ายนัก ตัวก็แค่นี้แต่กลับต้องแบกรับอะไรไว้มากมาย แต่เพราะน้องเป็นผู้ชายและมันเป็นเรื่องภายในครอบครัว เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากอยู่ข้างๆ คอยซัพพอร์ท คอยดูแล คอยให้กำลังใจ ถ้าน้องผ่านมันไปได้ มันจะทำให้อีกฝ่ายโตขึ้น
คนตัวสูงก้มลงหอมแก้มนิ่มที่เขาชอบ อีกฝ่ายส่งเสียงคราง พยายามหันหนีสิ่งรบกวน เขาเผลอทำสิ่งที่คุ้นเคยจนลืมไปว่าไม่ได้อยู่ในห้องกันสองคน เขาเหลือบมองน้องชายของเด็กน้อย
พีทยังหลับอยู่
ไทม์อาศัยช่วงที่สองพี่น้องยังหลับ ลุกขึ้นเสียงเบา อาบน้ำแต่งตัว ก่อนจะหยิบกระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์ออกไปซื้อข้าวเช้า
เหมือนเป็นพ่อกำลังไปซื้อข้าวกลับมาให้ลูกๆที่บ้านยังไงไม่รู้
“ตื่นละหรอ นั่งก่อนสิ พี่ซื้อโจ๊กมาให้”
“ขอบคุณครับ”
พีทออกมาจากห้องน้ำพอดีกับที่เจ้าของห้องเปิดประตูเข้ามาพร้อมถุงอาหารในมือ
“พี่กับพี่อิณเป็นแฟนกันหรอครับ?” พีทเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่วางชามโจ๊กตรงหน้าเขา คำถามตรงไปตรงมาทำให้เจ้าของห้องชะงักเล็กน้อย พร้อมยกยิ้มมุมปาก
“ยัง จีบอยู่” คนอายุมากกว่าตอบคำถาม แล้วทรุดนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“คิดว่าไง”
“คิดอะไรครับ?” พีทเอ่ยถามพร้อมตักโจ๊กขึ้นเป่า
“พี่ไม่รู้ว่าตอนนี้เรารับเรื่องนี้ได้มากน้อยแค่ไหน พี่ได้ยินที่เราคุยกันเมื่อคืน ถ้าอยากให้ครอบครัวเข้าใจเรื่องของพี่กับพี่ชายเรา พี่ก็อยากรู้ว่าพีทยอมรับเรื่องนี้ได้แค่ไหน”
น้ำเสียงจริงจัง รอยยิ้มที่เหมือนจะใจดีแต่สายตากลับเรียบเฉย ทำให้พีทรับรู้ได้ว่าคนตรงหน้าไม่ได้ไว้ใจเขานัก การถามคำถามแบบไม่อ้อมค้อมเหมือนเป็นการยั่งเชิงว่าเขาจะตอบแบบจริงใจรึเปล่า
“จริงๆผมรับได้นานแล้ว เพื่อนผมมันก็คบกับผู้ชายด้วยกันหลายคน ผมขี้ขลาดเองที่ไม่กล้าขอโทษทั้งที่ตัวเองผิด” พีทแสดงความรู้สึกผิดผ่านสีหน้าและน้ำเสียง เขาอยากขอโทษจากใจจริงๆเขาอยากลบตะกอนความผิดที่มันกัดกินเขามาเป็นปี
“ดีแล้ว พี่แค่อยากแน่ใจว่าที่น้องพี่ทุ่มเทไปมันคุ้มรึเปล่า”
“ผมเข้าใจ” ฝ่ายตรงข้ามส่งยิ้มจริงใจมาให้เขาก็เริ่มวางใจ เพราะเขาสัมผัสได้ว่า รุ่นพี่ที่ตามจีบพี่เขาคนนี้ ไม่ธรรมดา ท่าทางใจดีที่เห็นดูจะมีให้แค่พี่อิณคนเดียวซะมากกว่า เขาเป็นแค่ส่วนเกินที่ได้รับการเผื่อแผ่ความใจดีเพราะเป็นน้องชาย
“แล้วเป็นไงบ้าง ยังปวดหัวอยู่ไหม”
“นิดหน่อยครับ”
“กินเสร็จแล้วก็ไปกินยา จะกลับเลยรึเปล่า”
“ผมคงรอพี่อิณตื่นก่อนค่อยกลับ”
“อืม” ความเงียบก่อตัวขึ้น มันเป็นความอึดอัดที่เขาไม่รู้จะชวนคุยอะไรดี เอาตรงๆคือว่าที่อนาคตพี่เขยเขาน่ากลัวใช้ได้ ถึงจะตัวพอๆกัน แต่อีกคนดูจะแผ่รังสีน่ากลัวออกมามากกว่า พวกเขานั่งทานโจ๊กกันเงียบๆจนได้ยินเสียงคลุกคลักตรงโซฟา พี่ชายขี้เซาคงจะตื่นแล้ว
“ผมได้กลิ่นโจ๊ก”
“ตื่นมาก็นึกถึงของกินก่อนเลยหรอ” คนพึ่งตื่นมุ่ยหน้าทันทีที่พี่ไทม์ทัก แต่เขาก็ตื่นเพราะกลิ่นโจ๊กจริงๆนั่นแหละ ก็มันหอม
พีทสะดุ้งเมื่อฝ่ามือนุ่มๆของพี่ชายวางบนหน้าผากเขาเบาๆ พยักหน้าพอใจ ก่อนจะเดินไปเทโจ๊กมานั่งกินข้างๆเขา บรรยากาศอึดอัดหายไปทันที จะไม่หายได้ไง ก็ว่าที่พี่เขยเล่นมองตามคนเดินไปมาด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจแบบสุดๆ แม้ว่าอีกฝ่ายจะหัวฟู ตายังลืมไม่ขึ้น ฟันยังไม่แปรง เผลอๆน่าจะมีคราบน้ำลายด้วย
อืม เป็นเช้าที่สวยงามจริงๆ
“จะกลับบ้านเลยไหม กลับสภาพนี้ไม่โดนด่าหรอ”
“เขาชินแล้ว เขาแค่ด่าพีทแหละ คงไม่ลงไม้ลงมือหรอก”
“พี่มีคอนซีลเลอร์ เอาไปใช้ซะ แล้วก็ใส่แมสด้วย จะได้เนียนๆ”
“กินให้หมดก่อนค่อยพูด พีทมันไม่ไปไหนหรอก โตแล้วทำตัวเลอะเทอะ ไม่อายน้องมันเหรอ” ร่างสูงยิ้มเอ็นดู เขาเอื้อมมือไปเช็ดมุมปากให้เด็กน้อย แต่อีกคนกลับมองตาขวางแล้วพยายามหันหนี
“ผมเช็ดเองน่า”
“มีคราบน้ำลายด้วยวะน้องหมวย” ไทม์พูดกลั้วหัวเราะ
“เฮ้ย อย่าเรียกแบบนั้นดิพี่ น้องผมนั่งอยู่นะ ไม่เท่เลย”
“ตัวแค่นี้ยังจะเท่อีกหรอเรา” พีทนั่งมองอนาคตสามีภรรยาหยอกเย้าไปมาท่ามกลางยามเช้าอันสดใส เหม็นความรักอยู่หรอก แต่มันก็น่ารักดี เขาระบายยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ บรรยายกาศฟรุ้งฟริ้งนี่มันอะไรกัน
“พีท ได้ยินพี่ปะเนี่ย”
“หะ ว่าไงนะ” กำลังมองทะเลาะกันเพลินๆเลย
“พี่มีแผน แต่พี่ต้องการข้อมูล พี่รู้แค่ว่าลุงอยากให้พีทเรียนหมอ หรือไม่ก็พวกทันตะอะไรแบบนี้ใช่ไหม” น้ำเสียงจริงจังของพี่ชาย ทำให้บรรยากาศสีชมพูหายไปจนพีทนึกเสียดาย
“ใช่ ป้าข้างบ้านมาโม้ไว้ ว่าลูกติดหมอ พีทเลยซวยไปด้วย”
“ยัยป้านี่น่าจุดไฟเผาบ้านชะมัด แล้วจริงๆพีทอยากเรียนอะไร คิดไว้รึยัง”
“วิศวะคอม แต่พีทอ่อนอังกฤษ จริงๆถึงไปเที่ยวเล่น พีทก็ไม่ได้ทิ้งเรื่องเรียนนะ แค่ไอ้ที่พ่อให้เรียนพิเศษพีทไม่ได้ใช้เท่านั้นเอง”
“เคยลองคุยกับพ่อรึยัง ว่าอยากเรียนวิศวะ”
“เคยแล้ว เขาไม่ยอม”
“ตาลุงนี่โคตรหัวโบราณเลย เขาจะรู้ไหมว่าทุกอย่างมันยากเพราะเขาคนเดียว”
“พี่ว่าลองไปคุยอีกทีดีไหม คุยให้เห็นว่าเราชอบเราตั้งใจ พี่ว่าพ่อพีทอาจจะยอมฟัง” คนอายุมากที่สุดบนโต๊ะเสนอ
“ลองแล้ว แต่เขาหัวแข็งเกินไป”
“งั้นเอางี้ พวกคอร์สเรียนพิเศษ ถ้าพีทไม่เรียนแล้วก็เอาไปขายต่อหรือไม่ก็ปล่อยไว้งั้นแหละ ถ้าลุงกับป้าถามก็บอกว่าที่เรียนมันไม่ดี อ่านเองดีกว่า แล้วพีทก็ตั้งใจอ่านหนังสือซะ เรื่องกินเรื่องเที่ยวก็หยุดไปก่อน สอบให้ติดก่อน เราต้องทำให้เขาเห็นว่าเราตั้งใจ เรื่องเรียนพิเศษ ถ้าเขาเห็นว่าพีทตั้งใจอ่านหนังสือเอง ถึงไม่ไปเรียนเขาก็คงไม่ว่าอะไรหรอก อย่างมากก็อาจจะแค่บ่นๆ”
“พีทจะพยายาม แต่ประเด็นคือพีทไม่อยากอยู่บ้าน พี่เข้าใจใช่ปะ”
“เข้าใจ แต่อยากให้ทนไปก่อน พอเขาตายใจ เห็นว่าพีทดีขึ้น ค่อยมาอ่านที่หอพี่ก็ได้ แต่พีทต้องเปิดใจนะ พี่ว่าแม่พีทน่าจะเข้าใจแล้วก็เข้าข้างพีทแหละ คุยกับเขาบ่อยๆให้ความใกล้ชิดมันทำให้เขาเปิดใจรับฟัง เขารักพีทเชื่อสิ พี่รู้พีททำได้”
“สรุปคือพีทต้องตั้งใจเรียน อันนี้ไม่น่ายาก ไอ้ที่ยากคือตีสนิทกับแม่ แปลกเหมือนกันนะ พีทจำไม่ได้แล้วว่าแต่ก่อนเป็นยังไงตอนที่พ่อไม่เอาแต่ตีพีท หรือตอนที่แม่ไม่เอาแต่ว่าพีท” เรื่องแย่ๆที่เกิดขึ้นมันทำให้เขาหลงลืมว่าความสุขที่เคยมีมันเป็นยังไง จำไม่ได้แล้วว่าเรื่องแย่ๆพวกนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้อีกทีมันก็หนักหนาจนแก้ไขอะไรไม่ทันแล้ว
แต่บางทีอาจจะทัน แค่ยังไม่เคยลอง
มันยังมีหวังเสมอหากมีใครสักคนยืนหยัดต่อสู้เพื่อมัน
ขอยืมคำคมจากวิล เทอร์เนอร์หน่อยเถอะ รู้สึกว่าอารมณ์ตอนนี้มันได้
“ทุกอย่างต้องดีขึ้น ถ้าได้แม่พีทมาเป็นพวกเดียวกันเมื่อไหร่ อะไรๆมันก็คงง่ายขึ้นแล้วละ”
“พีทจะพยายามแต่มันคงต้องใช้เวลา พีทว่าแค่ตั้งใจเรียนกับเป็นเด็กดีนี่ไม่น่าจะพอนะ เราต้องใช้คะแนนความสงสารด้วย อ่านหนังสือจนป่วยเลยดีไหม”
“จะดีเหรอ พี่ไม่อยากให้พีทป่วยเลยนะ เอาเป็นร้องไห้ แบบว่าเครียดมากดีไหม”
“แบบนั้นก็เข้าท่านะ”
“แล้วพอพีทเริ่มได้คุยกับแม่ เราค่อยใส่ดราม่าหนักๆว่าเรียนหมอไม่ไหว ไม่ชอบชีวะ อยากเรียนวิศวะเพราะชอบคณิตศาสตร์มากกว่าไรงี้ แล้วเดี๋ยวพอพีทร้องไห้มากๆแม่พีทเขาก็ไปบอกลุงเองแหละ”
“โอเคเลย โห พี่นี่เก่งจริงๆ เราน่าจะร่วมมือกันตั้งนานแล้วเนอะ”
“ใช่ๆ”
พูดไปตักโจ๊กเข้าปากไป การวางแผนผนึกครอบครัวของสองพี่น้องกลางโต๊ะอาหาร ยิ่งฟังก็ยิ่งดู เหมือนแผนร้ายมากกว่า เจ้าเล่ห์ทั้งพี่ทั้งน้อง ไทม์มองเห็นทั้งความสุขและความซุกซนในแววตาของน้อง บรรยากาศการคุยสนุกสนานจนเขาไม่อยากขัด นี่ไม่ได้คุยกันนานจริงหรอ เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยขนาดนี้ เขาฟังเพลินจนบางทีก็อดยิ้มไม่ได้กับแผนการอ๊องๆของเด็กซน
“ลองเอาตามนี้ก่อน ถ้าสถานการณ์มันดีขึ้นยังไง เราค่อยคุยกันอีกที”
“ได้”
“แล้วก็อีกเรื่องที่พี่อยากให้พีทช่วย”
“เรื่องอะไร?”
“เรื่องแม่พี่... พี่อยากให้พีทดูแลเขาช่วงที่พี่อยู่ไม่อยู่ พี่ยังไม่อยากเข้าไปที่บ้านในระหว่างการปฏิบัติการแผนของเรา”
ปฏิบัติการเลยหรอพี่?
“พี่อาจจะฝากของไปให้บ้าง พีทก็ช่วยส่งข่าวให้พี่บ้าง คอยเล่าเรื่องพี่ให้เขาฟัง บอกเขาบ่อยๆว่าพี่เป็นคนดีแล้วก็ขยันแค่ไหน พี่ก็จะทำให้เขาเห็นด้วยแต่มันติดตรงที่เขาไม่มาดูแล้วเราก็ไม่ได้คุยกันเลยด้วย พี่เลยอยากให้พีทพูดแทน”
“ได้เลย เดี๋ยวพีทจะช่วยตะล่อมแม่พี่เอง”
พีทตอบพลางกลั้วหัวเราะ แววตาของพี่ชายเขาหม่นลงทันทีที่พูดเรื่องแม่ เขาไม่ชอบเลย ก็พี่ชายเขาเป็นคนน่ารัก ถึงจะดูเอ๋อๆไปบ้าง เขาก็ยังชอบแววตาสดใสมากกว่า มันเศร้ามามากพอแล้ว
“ดีมากน้องชาย”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
“...”
“พี่อิณ”
“หืม?”
“คือ....”
“คือ?”
“....”
“....”
“พีทรักพี่นะ ขอบคุณที่กลับมาดีกัน”
คลั่กๆ
แย่แล้ว โจ๊กแม่งพุ่ง
“เฮ้อน้องหมวย พี่กำลังซึ้งเลย เรานี่มันเด็กเด๋อจริงๆ เลอะเทอะอยู่คนเดียว”
พีทได้แต่หัวเราะเสียงดัง พร้อมยื่นน้ำให้พี่ชาย ว่าที่พี่เขยของเขาส่ายหน้าระอา ถอนหายใจ แต่ก็ยังหยิบทิชชู่มาเช็ดปากให้ คนเลอะเทอะยังไอค่อกแค่กจนหน้าแดง
ช่างเป็นเช้าที่สดใสจริงๆ
เหมือนเป็นสัญญาณว่าสิ่งดีๆกำลังมา
ขอบคุณจริงๆที่ยอมให้อภัยกัน
♦
หลายวันมานี้ผมมีความสุขจนตัวเบา ยิ้มง่าย หัวเราะง่าย จนก่อเกียรติมันด่าว่า มึงเป็นบ้าเหรอ ทำไมอะ ก็ผมมีความสุขของผม หลังจากวันนั้น ผมกับพี่ไทม์ก็ไปส่งพีทที่ท่ารถ พีทไม่ยอมให้ไปส่งที่บ้านเพราะเดี๋ยวมันจะน่าสงสัยเกินไป ผมให้เขาปิดรอยแผลแล้วก็ใส่แมสปิดปากเรียบร้อย รับรองว่าเนียน แล้วผมก็ยังกำชับเขาด้วยว่าให้ดูแลตัวเองดีๆแล้วก็อย่าขาดการติดต่อ
ผมรู้สึกดีจริงๆกับการเป็นพี่ชาย เหมือนผมมีอำนาจ แบบว่าเป็นผู้นำคนอื่นเขา รู้สึกพราวยังไงไม่รู้ ถึงจะสำลักโจ๊กต่อหน้าน้องมันก็เถอะ
แหม มันเป็นอุบัติเหตุไหมละ
แผนการ คัมแบคมายแฟมิลี่ ยังคงปฏิบัติการอยู่ พีทยังทำหน้าที่ได้ดีอย่างต่อเนื่อง แต่การตะล่อมมันต้องใช้เวลา ซึ่งผมกับพีทยังติดต่อแลกเปลี่ยนข่าวคราวกันอยู่เสมอ
ชีวิตผมเป็นสีชมพูมุ้งมิ้งมากช่วงนี้ ผมได้ทุนที่พี่ไทม์แนะนำให้สมัครไป เป็นทุนที่โคตรดี ให้ทั้งค่าเทอม ค่าใช้จ่ายเกี่ยวเนื่องที่จ่ายค่าหอให้ผม แล้วยังค่ายังชีพเดือนละ 2000 ผมดีใจมากเลยตอนที่เขาประกาศ แสดงว่าเรียงความที่ผมเขียนไปต้องดีมากแน่ๆ แต่เงื่อนไขคือผมต้องประพฤติดีและได้เกรด 3.25 ขึ้นไป นี่แหละที่ทำให้ผมอยากร้องไห้ขึ้นมา แค่ถึงสามผมว่าผมก็แทบแย่แล้วนะ แล้วสามกว่านี่จะรอดหรอวะ
ส่วนงาน ผมได้งานร้านชาบูหน้ามอ ทำวันเสาร์-อาทิตย์ ร้านเปิดสิบเอ็ดโมงถึงสี่ทุ่ม ค่าแรงปกติ งานไม่หนักด้วย โคตรโชคดีเลย ผมว่าผมต้องใช้บุญหมดแล้วแน่ๆเลย ผมควรรีบเข้าวัดทำบุญเพิ่ม
แต่ยังมีเรื่องนึงที่ผมยังปวดหัวกับมันอยู่
ก็เงื่อนไขที่ผมเคยทำไว้กับวิชาเจ้าปัญหา ว่าถ้าผมผ่านมีน ผมต้องขอพี่ไทม์เป็นแฟน
และแน่นอนครับ
ไม่ใช่แค่ผ่าน
แต่เกือบเต็มเลยต่างหาก
อยู่ๆก็เป็นคนที่โด่งดังและมีเพื่อนอยากคบเฉยเลย ทั้งที่ปกติก็ตัวติดกับก่อเกียรติอยู่สองคน วิชานี้คนผ่านมีนน้อยมาก จริงๆพวกเขาควรเกลียดผมนะ เพราะผมดึงมีน เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ
พี่มันไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้กับผมเลย เหมือนเขาจะรอให้ผมพูดขึ้นมาเอง ทั้งที่เราเจอกันทุกวัน ผมกลับมาซ้อมกีฬาเหมือนเดิมและพี่มันก็มารอไปส่งผมที่หอเหมือนเดิม บางทีเราก็ไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน บางทีพี่มันก็ไปรับผมตอนเช้า
และผมอยากจะรักษาสัญญา ผมต้องขอพี่มันเป็นแฟน
แต่ยังไงละ?
โอเค
แผนแรก
ชวนไปกินชาบู แล้วเอาผักบุ้งมาเรียงว่าเป็นแฟนกันไหม? อืม แต่ผมว่านอกจากจะไม่โรแมนติกแล้ว มันยังดูเอ๋อไปหน่อยๆนะ ไม่เอาอันนี้ไม่เวิร์ค
แผนสอง
หรือผมควรเรียงด้วยเบคอนวะ ทำไมมีแต่ของกินเนี่ย
ไม่เอา!!!
แผนสาม
พูดไปตรงๆเลยดีไหม แต่ผมว่าผมเขินอะ หรือจะขอตอนมืดๆ จะได้ไม่เห็นว่าผมทำหน้ายังไง อาจจะใช้ปากกาเรืองแสงมาเขียนข้อความ
เรืองแสงหรอ?
ใช่แล้ว
ผมคิดแผนออกแล้ว แต่ปัญหาคือผมต้องใช้เวลาเตรียมการ แล้วผมต้องให้พี่มันมาค้างกับผม หรือไม่ผมก็ต้องไปค้างกับพี่มัน งานนี้ผมต้องการคนช่วย
“คิดอะไรอยู่ ทำไมมองหน้าพี่แบบนั้น”
“หะ เปล่านี่ ผมไม่ได้คิดอะไร”
พี่ไทม์ทักขึ้นเพราะผมใช้ความคิดจนเผลอจ้องหน้าพี่มันนานเกินไป นี่เป็นอีกวันที่พี่ไทม์มาส่งผมหลังจากซ้อมกีฬาเสร็จ ตอนนี้ก็สองทุ่มกว่าแล้ว
“วันเสาร์พี่ไปไหนรึเปล่า”
“วันเสาร์หรอ พี่ว่าจะไปซื้อของใช้ที่ห้าง กลับมานอน แล้วก็เลยไปรับเราที่ร้าน”
“พี่เก๋บอกว่าจะวันเสาร์จะเปิดร้านถึงหกโมง เขาจะไปธุระ ผมอยากกินทับทิมกรอบฝีมือพี่ ขอไปค้างด้วยได้รึเปล่า”
ผมเริ่มปฏิบัติการทันทีที่ร่างทุกอย่างในหัวเสร็จ ผมใช้ทับทิมกรอบเป็นข้ออ้าง เพราะมีวันนึงที่อยู่ๆพี่มันก็นึกอยากอวดทับทิมกรอบสูตรแม่ตัวเอง เลยซื้อของมาทำให้ผมกิน และปรากฏว่ามันอร่อยมาก จะมีพิรุธก็แต่ผมที่จู่ๆก็ขอไปค้างด้วยนี่แหละ
“หืม? แปลกๆนะเรา อยู่ๆขอมาค้างกับพี่ มีแผนอะไรรึเปล่าเนี่ย”
“ไม่มี๊ ไม่มี ไม่มี จะมีได้ยังไง ไม่มีแผนอะไรเลยยย”
“แน่ใจ?”
“ไม่อยากให้ผมไปค้างเหรอ” มุขนี้ได้ผมตลอด
“มาสิ ไม่ได้ว่าอะไร อยากให้มาบ่อยๆด้วยซ้ำ”
พี่ไทม์ยิ้มให้ผม ผมพยายามทำหน้าแตกตื่นให้น้อยที่สุด มึงจะฉลาดไปละพี่ ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ทันทีที่ถึงหอ บอกลาคนลาคนขับเสร็จสรรพก็เดินขึ้นห้อง
งานนี้ต้องมีผู้ช่วย และผมต้องติดต่อเขา
จะใครละ ถ้าไม่ใช่ก่อเกียรติเพื่อนรัก
วันเสาร์มาถึงเร็วเกินคาด ผมหวั่นใจว่าแผนจะล่มรึเปล่า แผนของผมสำเร็จไปเกินครึ่งแล้ว ตอนนี้ผมกำลังรอพี่ไทม์มารับไปที่ห้องของเขา ผมเดินไปเปิดประตูรถทันทีที่เข้าจอด
“วันนี้ดูตื่นเต้นนะ มีอะไรรึเปล่า”
“ไม่มี ผมแค่อยากกินทับทิมกรอบมากๆเท่านั้นเอง”
“อ่อเหรอ”
“ช่าย ลีลาวะพี่ ออกรถเลยเร็วๆๆๆ” ผมว่าผมไม่มีพิรุธนะ
เรามาถึงห้องพี่ไทม์ภายในเวลาไม่กี่นาที ทุกอย่างยังเหมือนเดิม พี่ไทม์ต้องเซอร์ไพร์มากแน่ๆ ผมอดใจรอเห็นสีหน้าอึ้งๆของเขาไม่ไหวแล้ว งานนี้เขาต้องตั้งตัวไม่ทันแน่ๆ
“คิกๆ”
“อยากกินขนาดนั้นเลยหรอ”
“ใช่แล้ว พี่รีบๆไขประตูซะทีสิ”
“ครับๆน้องหมวย”
ผมเผลอหัวเราะในใจดังไปหน่อย แต่วินาทีตื่นเต้นมันอยู่ตรงนี้ ผมรีบแทรกตัวเข้าไปทันทีที่พี่มันเปิดประตู และเป็นคนเปิดไฟเองก่อนที่พี่มันจะทันเข้ามา พี่ไทม์ทำหน้างงนิดๆแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร ผมสำรวจห้องและพบว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน
เรานั่งกินข้าวเย็นที่ซื้อเข้ามา ผมเก็บชามล้างเรียบร้อยก่อนที่พี่ไทม์จะไล่ผมไปอาบน้ำ ส่วนเขาก็ทำทับทิมกรอบชิวๆ สถานการณ์ยังถือว่าปกติ ไม่น่าสงสัย ผมนี่เนียนเก่งจริงๆเลย
ระหว่างรอพี่ไทม์อาบน้ำ ผมก็ตักทับทิมกรอบหอมๆมานั่งรอพี่มันหน้าทีวี เรานั่งกินด้วยกัน พูดคุยกันเหมือนทุกๆวัน เป็นความธรรมดาที่ผมรู้สึกพิเศษ
“มีอีกคนที่เขาอยากให้น้องไปช่วยกินทับทิมกรอบฝีมือเขาหน่อย”
“ใครหรอ?”
“แม่พี่”
แม่พี่? คือชวนไปเจอพ่อแม่ถูกมั้ย ผมได้แต่หน้าแดงและไม่รู้จะตอบยังไง พ่อแม่พี่มันรู้เรื่องผมแล้วหรอ แล้วเขารับได้หรอ
“แม่พี่ เขารู้เรื่องของเราหรอ”
“รู้ พี่เล่าให้ฟังบ่อย” พี่มันพูดด้วยท่าทีสบายๆ พร้อมตักขนมเข้าปาก แต่ผมนี่เกร็งไปทั้งตัวแล้ว
“แล้วเขาโอเคหรอ”
“โอเค พวกเขาอยากเจอน้องนะ เขาอยากเห็นว่าเราน่ารักเหมือนในรูปรึเปล่า”
จริงใจแค่ไหนเรียกจริงจัง พาไปเจอที่บ้านขนาดนี้ ไม่จริงจังก็บ้าแล้ว ผมได้แต่หน้าร้อน ก้มหน้าก้มตากินขนม พี่มันก็เอาแต่ยิ้ม จ้า รู้แล้วว่ามีความสุข หมั่นไส้โว้ย เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวคืนนี้อึ้งแน่
“ผมก็อยากกินทับทิมกรอบฝีมือแม่พี่เหมือนกัน”
ถ้าเขาอยากเจอผมก็จะเจอ ผมอยากรู้เหมือนกันว่าครอบครัวแบบไหนที่เลี้ยงให้พี่มันกลายเป็นคนดีแล้วก็อบอุ่นได้ขนาดนี้
“ทับทิมกรอบพี่อาจจะสู้แม่ไม่ได้ แต่พี่มั่นใจว่าพี่อร่อยกว่าทับทิมกรอบแน่นอน” หันมาทำตาวาววับ แจกอ้อยใส่ผมเสร็จ ก็ยื่นหน้าเข้าจุ๊บไวๆที่มุมปากผม ผมเบิกตากว้าง จะอ้าปากด่าก็ไม่ได้เพราะขนมเต็มปาก
อะ ไอ้พี่ไทม์
“กินเลอะเทอะตลอดนะเรา หึ”
“เช็ดธรรมดาก็ได้ไหมครับ” พี่มันหัวเราะพอใจที่เห็นผมมองค้อนใส่ เดี๋ยวนี้ถึงเนื้อถึงตัวตลอด เดี๋ยวหอม เดี๋ยวกอด สกินชิพตลอดเวลาที่อยู่กันสองคน
“ครอบครัวพี่เป็นยังไงหรอ”
“ที่บ้านพี่หรอ พ่อกับแม่พี่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่พวกท่านเกษียรแล้ว มีรับจ๊อบสอนนอกเวลาบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็เห็นจะหนีไปเที่ยวกันสองคนมากกว่า พี่มีพี่สาวอีกคน อายุห่างกัน 7 ปี เรียนจบแล้ว ทำงานแล้ว แต่งงานแล้ว มีน้องแล้วด้วย”
“....” ฟังดูอบอุ่นจังแหะ
“เป็นน้องผู้หญิง สามขวบแล้ว ชื่อน้องแพร น่ารักมากเลย เวลากลับบ้านพี่ก็จะซื้อขนมเค้กไปฝากประจำ ตัวนิดเดียวแต่อ้อนเก่ง กินเก่ง แก้มกลมเหมือนเราเลยรู้ไหม ตาก็ตี่เหมือนกันเลย”
“แก้มผมไม่เห็นจะกลมตรงไหนเลย”
“มันก็กลมตรงนี้แหละ ฮ่าๆ บ้านพี่ต้องชอบน้องมากแน่ๆ เชื่อสิ เพราะเราหน้าเหมือนน้องแพรเลย พี่ชักอยากเห็นเวลาอยู่ด้วยกันแล้วสิ”
“ผมหน้าเหมือนน้องสามขวบตรงไหนเนี่ยยย น้องเขาเป็นผู้หญิงนะพี่”
“เอาน่า เดี๋ยวเจอกันก็รู้เอง รีบไปบ้านพี่เร็วๆสิครับ”
ทำตาวาวใส่ผม แถมยังพูดเพราะๆอีกต่างหาก เป็นสกิลการอ้อนอย่างนึงของเขาเลย อ้อนแบบอาศัยความหล่อของตัวเอง
“งั้นพี่สอนผมทำทับทิมกรอบบ้างได้ไหม ผมอยากทำไปฝากแม่ เดี๋ยวให้พีทเอาไปให้”
“ได้อยู่แล้วคนเก่ง”
เขาขยี้หัวผม ก่อนจะลุกขึ้นเอาชามไปเก็บ ผมเข้าห้องน้ำไปแปรงฟัน เปลี่ยนคอนแทคเลนส์เป็นแว่นตา พอออกมาผมก็ไล่พี่ไทม์ให้ไปแปรงฟัน ตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว จู่ๆก็รู้สึกระทึกตึกตัก ใจมันเต้น
ผมพยายามทำตัวปกติ ไม่ทำใจเต้นเสียงดังจนเกินไป ไม่หน้าแดงจนเกินไป เล่นมือถือรอบนเตียงอย่างเนียนๆ ปกติเวลามาค้างด้วยกันเราสองคนไม่ได้ชอบดูละครหรือดูทีวีสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เราชอบนอนคุยกันมากกว่า เล่าเรื่องนู้นเรื่องนี้ไปเรื่อย บางทีพี่มันก็นอนกอดผมเฉยๆ ง่วงเมื่อไหร่ก็หลับเมื่อนั้น มันเลยเหมือนเข้านอนทั้งที่ยังไม่ดึกเท่าไหร่ แต่ผมชอบแหะ แค่ได้ใช้เวลาด้วยกันมันก็เพียงพอแล้ว
เหล่าสมาชิกผู้ร่วมแผนการของผม ส่งข้อความเข้ากลุ่มไลน์มาถามความคืบหน้าของแผนการ ผมตอบไปว่า วินาทีไคล์แมกซ์กำลังมาถึงแล้ว ผู้ร่วมขบวนการอวยพรให้ผมกันใหญ่ พวกเขาดูดีใจที่พี่ไทม์จะได้ออกเรือนแล้ว ผมกดปิดโทรศัพท์ ยกผ้าห่มขึ้นคลุมโปง ใจผมเต้นตึกตัก ทั้งๆที่ผมไม่ต้องมีบทพูดด้วยซ้ำ แต่มันก็เขิน พี่มันจะทำหน้ายังไง จะตกใจไหม จะเขินรึเปล่า นี่ถ้ามันปฏิเสธผมขึ้นมานี่มีฮานะบอกเลย
เสียงเตียงยวบข้างๆทำให้ผมรู้ว่าเจ้าของห้องมาถึงแล้ว
เอาวะ
ใจกล้าๆหน่อย
ก็แค่ปิดไฟเอง
“ผมปิดไฟเลยนะ”
“ทำไมหน้าแดง ไม่มีอะไรแน่หรอ พี่ว่าเราแปลกๆนะ ไม่สบายรึเปล่าครับ?”
พี่ไทม์มองผมด้วยท่าทีเป็นห่วง ผมเม้มปากแน่น ความแตกตอนจะเฉลยนี่ขำไม่ออกเลยนะครับ อุตส่าห์วางแผนมา ผมว่าผมต้องพูดบิ้วก่อนวะ มันถึงจะแบบโรแมนติกอะ ผมอยากเห็นคนเขิน
“จริงๆก็มี”
“....” พี่ไทม์เลิกคิ้วข้างนึง มองผม
“ผมแค่อยากจะบอกว่า ขอบคุณนะครับ ทับทิมกรอบอร่อยมาก ขอบคุณที่จำผมได้ ขอบคุณที่มาชอบคนแบบผม”
“....”
“ขอบคุณที่อยู่ข้างๆ คอยดูแลกันมาตลอด ไม่บ่นเลย”
“....”
“ผมดีใจที่ได้เจอพี่”
“....”
“ผมชอบพี่มากนะครับ คุณเวลาของผม” ผมดับไฟทันทีที่พูดจบ พี่ไทม์ยังมองหน้าผมอยู่ ตอนนี้แววตาของเขามันสะท้อนกับแสงจากหน้าต่าง จนเหมือนเป็นดวงดาวท่ามกลางห้องมืดๆ ผมเห็นสีหน้าเขาไม่ชัด แต่มั่นใจว่าเขาอึ้งอยู่ แสงจากเพดานห้องทำให้พี่ไทม์เงยหน้าขึ้นไปมอง
‘เป็นแฟนกันนะ’
เป็นประโยคที่ผมสร้างขึ้นจะดาวเรืองแสงหลายดวง มันเรียงกันเป็นข้อความอยู่บนเพดานห้อง มันสว่างมากๆและดูสวยจริงๆในเวลานี้ ความเงียบในห้องทำให้ผมได้ยินเสียงหัวใจชัดเจน
มันดังเป็นจังหวะเดียวกัน
ผมนึกเสียดายที่ปิดไฟ ผมอยากเห็นว่าพี่มันหน้าแดงอยู่รึเปล่า อยากเห็นหน้าชัดๆ เขากำลังดีใจอยู่รึเปล่านะ
“อะ เอ่อ ผมไม่ได้แค่ผ่านมีนด้วยนะ ผมได้เกือบเต็มเลยต่างหาก” ผมพูดเสียงตะกุกตะกัก เรียกความสนใจจากคนข้างๆ หน้าหล่อๆหันมามองผม
“ดาวสวยดีนะครับ มาทำไว้ตอนไหนเนี่ย แต่ว่า...”
“....”
“พี่อ่านไม่ออกเลย พูดให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ”
ผมเม้มปากแน่น อายุเท่าไหร่แล้วอ่านภาษาไทยไม่ออก มันน่าตีจริงๆเลย คนขี้แกล้งกระตุกยิ้มทันทีที่เห็นผมนั่งนิ่ง ใครจะรู้ว่ามามุกนี้
“อ๊ะ”
พี่มันรั้งผมไปกอดจนผมขึ้นไปนั่งบนตักมัน เอาเข้าไป จะเอาให้ผมระเบิดหายไปเลยใช่ไหม ห้องมันเงียบจนผมได้ยินเสียงหายใจพี่มัน ผมกัดปากอย่างทำใจ ยังไงก็ต้องพูดใช่ไหม
อุตส่าห์ทำแผนหวังจะเห็นคนเขิน ไหงกลายมาเป็นเสียเปรียบซะเองวะเนี่ย ทำเป็นข้อความมาก็กะว่าไม่ต้องพูด แล้วมันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงวะเนี่ยยย
“ปะ เป็น...”
“ว่าไงครับ?” อย่าพูดเพราะให้เสียสมาธิได้ไหมเล่า
“เป็นแฟนกันไหมครับ?” ผมมั่นใจว่าเห็นพี่มันยิ้มกว้าง ความสุขมากมายแสดงออกมาผ่านดาวนับล้านในดวงตา ถือว่าครั้งนี้เสมอกัน ไม่เห็นหน้าตอนเขิน แต่ยิ้มกว้างขนาดนี้ก็โอเค
มีความสุขขนาดนี้ก็ดีใจแล้ว
ก่อนที่โลกของผมจะเบลอ แว่นของผมถูกกระชากออกไป ผมได้ยินเสียงมันหล่นอยู่สักที่ในห้อง
นั่นแว่นกู ไม่อ่อนโยนเลยวะพี่
แล้วในจังหวะนั้น ไม่มีคำตอบออกจากปากพี่มัน มีแต่ริมฝีปากที่ประทับลงมา จูบของเราร้อนแรงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อสถานะของเราปรับเปลี่ยน เรียกได้ว่าคุณจะเห็นความต่างได้ชัดเจน จากนั่งตักตอนนี้พี่มันคร่อมผมอยู่ข้างบนแล้ว ผมได้แต่หอบหายใจรับจูบอยู่บนเตียง พี่ไทม์เว้นช่วงให้ผมหายใจและกดริมฝีปากลงมาซ้ำๆ
สอดลิ้นเข้ามาทันทีที่ผมเผยอปาก สำรวจทุกอย่าง ตักตวงความหวานจากผมอย่างโหยหา ผมพึ่งรู้สึกว่าที่ผ่านมาพี่มันอ่อนโยนให้ผมก็วันนี้ เขากัดริมฝีปากล่างของผมจนผมได้กลิ่นคาวเลือด มือหนาสอดเข้าไปใต้เสื้อผม ลูบไล้ไปมาจนผมเริ่มรู้สึกกลัว ผมแอ่นตัวไปตามอารมณ์ รับทุกสัมผัสจากพี่มันแบบกล้าๆกลัวๆ
เสื้อของผมหลุดออกไปแล้ว พี่ไทม์ประกบจูบผมอีกครั้ง ก่อนจะซุกไปที่ซอกคอ ขบเม้นเบาๆจนมัน เป็นรอย จูบย้ำซ้ำๆจนผมรู้สึกร้อนผ่าว มือของผมคงเกะกะจนพี่มันขัดใจ มันสบตาผมก่อนจะรวบข้อมือผมไว้ด้วยมือเดียว แล้วจับไว้เหนือหัว ท่านี้มันจะอีโรติกไปแล้ว ทำไมต้องเกิดมาตัวเล็กกว่ามันด้วยวะ
“อ๊ะ”
ผมสะดุ้งทันทีที่ ริมฝีปากคนตัวสูงเริ่มไล้ไปตามแผ่นอก ขบเม้นยอดอกจนผมส่งเสียงน่าอาย ผมได้แต่กัดปากกลั้นเอาไว้ ขบเสร็จก็ไม่พอ ยังจะใช้ลิ้นเลียจนรอบ เรี่ยวแรงผมเหือดหายไปหมดแล้ว
ผมว่าผมจะตายแล้ว
ขณะที่ริมฝีปากทำหน้าที่อยู่บนอกผม มืออีกข้างเริ่มเลื่อนต่ำกว่าสะดือ จนผมหายใจติดขัด มัน มันจะไกลเกินไปแล้ว
“ยะ อย่า....”
***********
ฮึ่ยยยย จะได้กันไหมนะ
โหย เราขอขอบคุณนักอ่านทุกๆคนเลย ขอบคุณสำหรับการติดตาม ทุกกำลังใจ และทุกคอมเม้นเลยนะคะ
รักทุกคน♥