******วันนี้จะมี 6 รีฯค่ะ(ยาวมากๆนะ) มินลงไว้ให้อ่านหลายๆวันนะคะ*******
https://www.youtube.com/v/1AsjxJ2uFlw [XVI]บีเอ็มดับเบิลยูสีขาวคันสวยเคลื่อนตัวออกจากซอยแคบกลับมาโฉบเฉี่ยวโดดเด่นอยู่กลางท้องถนนสายที่เขาใช้สันจรอยู่เป็นประจำ แสงแดดอ่อนๆยามเช้าสาดเข้ามาทางกระจกหน้าของตัวรถ ทำให้คนที่นั่งหน้างออยู่เบาะข้างคนขับถึงกับต้องหยีตาลงเล็กน้อย มองการจราจรที่วันนี้ไม่ค่อยติดแหงกมากนัก มือใหญ่จากเจ้าของรถที่สวมใส่แว่นกันแดดสีเข้มกดเปลี่ยนเพลงให้เป็นดนตรีเบาๆฟังสบาย หลังจากอุ่นท้องกับโจ๊กยามเช้ากันมาแล้วเมื่อสักครู่
“ทำหน้าอะไรของมึงวะแคป..” เอสละสายตาจากท้องถนนหันมาถาม เมื่อเช้าพอออกมาจากห้อง เขาก็พามันไปแวะกินโจ๊กร้านประจำ ตอนกินยังทำหน้าตาดีใจอยู่เลย แต่พอขึ้นรถมาอยู่กันสองคนหน้าตาเกิดบอกบุญไม่รับขึ้นมาอีก
“ยุ่ง..” แคปตอบห้วนๆ หน้าตายุ่งเหมือนคำตอบของตัวเองไม่มีผิด
“ก็ดูทำหน้าซินั่น..” เอสละมือจากพวงมาลัยรถเข้ามาเชยคางเล็กให้หันไปหา เจอแคปฟาดผั๊วะมาอย่างแรง เขาจึงดึงไอ้ตัวกันแดดด้านบนลงมาให้แคปมองส่องดูกระจก
“กูไม่ดู! หน้ากูจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของกูเหอะ..” แคปตอบหงุดหงิดพับไอ้ตัวกันแดดขึ้นไว้คืนแรงๆ นั่งกอดอกหันหน้าไปมองด้านข้างไม่สนใจไอ้คนที่มันถาม จะไม่ให้หงุดหงิดได้ยังไง โดนไอ้คนบ้ามันลากขึ้นรถมาตั้งแต่เช้า ก็บอกว่าจะขับรถมาเองคนอย่างมันจะยอมเหรอ เอาแต่ใจ ถ้ามันบอกว่าจะมาส่งก็คือต้องมาส่งให้ได้ แล้วคนแบบเขาที่ต้องถูกมันบังคับตลอดนี่เซ็งจัดเลยสิ ก็ใครล่ะจะอยากมากับไอ้ตัวอันตรายที่บังคับให้ทำเรื่องบ้าๆน่าอายแบบเมื่อคืนนั่น ไม่ใช่ว่ามันเสร็จกิจแล้วเขาจะได้นอนนะ ด่ากันไปด่ากันมาไม่รู้ทำอิท่าไหนเขาเองก็พลอยเสร็จไปด้วยได้ยังไงกันวะ! ยิ่งนึกยิ่งหงุดหงิด โฮ้ยยย!! กูทำไปได้ไงวะแม่ง
“ส่งตรงไหน..” เสียงทุ้มถามขึ้น ขณะที่แคปพ่นลมหายใจยาวเฮือกใหญ่ ๆ ก่อนตอบออกมากวน ๆ “หน้าคณะแพทย์มั้งไอ้สัส”
“พูดเพราะๆแคป มึงจะไปทำไมแถวนั้น..” เอสหันมาดุนิดหน่อย รถกำลังจะเลี้ยวเข้าประตูมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว
“กูประชดมึงบ้าป่ะ! กูเรียนเกษตรกูก็ต้องลงหน้าคณะเกษตรสิวะ จะไปหน้าคณะแพทย์ทำไมห๊ะ!” แคปหันไปแว๊ดใส่อีกครั้ง คราวนี้เอสถึงกับหันมามองตาดุใส่
“เป็นอะไรของมึง ตกลงหน้าคณะเกษตรใช่ไหม”
“ไม่ใช่โว๊ย!” แคปหันไปแว๊ดอีกเป็นครั้งที่สาม เอสนี่เบรกรถจนหัวทิ่มเลย คนขี้โวยวายอยู่แล้วทำหน้าทำตาตื่นๆ
“ขับรถแบบไหนของมึงเนี่ยห๊ะ ขับไม่เป็นลงมาเลยเดี๋ยวกูขับเอง”
“ตอบดีๆให้กูส่งที่ไหน เรื่องมากแบบนี้เดี๋ยวจอดแล้วเตะทิ้งตรงนี้เลย” เอสพูดเสียงเหี้ยม ทำหน้าจริงจังดุใส่
“มึงลองสิไอ้เหี้ย! กูกลัวมึงหรอกสัส!!” แคปตะคอกกลับ นี่โมโหจนกัดฟันใส่มึงแล้วนะ มีอย่างที่ไหนบังอาจมาบอกว่าจะจอดแล้วเตะเขาทิ้งแถวนี้ มึงจะบ้าเรอะ ตัวเองทั้งนั้นบังคับให้เขาขึ้นรถมาด้วย เขาอยากจะมาพร้อมกับมันตายห่าล่ะ
“แคป เอาดี ๆ มึงจะให้กูส่งลงที่ไหนวะ” เอสเองก็ใช่ว่าจะใจเย็นอยู่ได้ น้ำเสียงเขาก็เหมือนกับว่าควบคุมระดับอารมณ์เต็มที่เหมือนกัน ก็รู้แคปมันคงหงุดหงิดเรื่องเมื่อคืนบวกกับเรื่องเมื่อเช้าที่เขาบังคับให้มันมาด้วยกัน เสียงทุ้มกดลงต่ำๆพร้อมดวงตาคมกริบที่จ้องหน้า เพราะเอสไม่รู้แคปจะเอายังไงกันแน่ มันตั้งใจกวนตีนเขาก็รู้ แต่รถก็รอเลี้ยวรอเปลี่ยนเลนเหมือนกัน
“กูใส่ช็อปแสดงว่าต้องลงแปลงเกษตรสิวะ มึงต้องส่งกูหน้าสวนเกษตรนั่นแหละ”
“มึงบอกหน้าสวนแต่แรกก็จบแล้วไหม”
“ทำไมกูต้องทำอะไรให้มันง่ายๆด้วยล่ะ..” แคปเชิดหน้าเถียงใส่ทันทีเหมือนกัน เอสเหลือบมองแล้วหมั่นไส้เขาจึงหักรถเข้าชิดเลนขวาเลี้ยวไปอีกทางเลยทันที เอากับกูสิ
“อ่ะ มึงจะไปไหนวะนั่น..” คราวนี้แคปถึงกับหันซ้ายหันขวา หน้าตื่น
“ก็ส่งมึงหน้าสวนเกษตรไง”
“แต่มันไม่ใช่ทางนี้นี่ มึงเปลี่ยนเลนทำไมวะห๊ะ เมื่อกี้ขับต่ออีกแค่นิดเดียวก็ถึงแล้ว ไอ้สัสเอสมึงจะพากูไปที่ไหนกันแน่”
“ก็ไปหน้าสวนน่ะแหละ แต่อ้อมไปส่งมึงลงคณะแพทย์ก่อน จากนั้นมึงค่อยโบกรถเมล์กลับไปหน้าสวนเองละกันนะ”
“มึงเอาจริงดิ?”
“อือ..” เอสตอบกลับเรียบๆแต่นั่นยิ่งทำให้คนฟังยิ่งโมโห
“ไอ้คนชั่วร้าย มึงแม่งคิดแต่จะทำเรื่องให้มันยุ่งยากไปไหนห๊ะ”
“ก็แล้วทำไมกูต้องทำอะไรให้มันง่ายๆด้วยล่ะ..” เอสย้อนได้แสบมาก เขาเหยียดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมสายตาที่เหลือบมอง ขณะที่แคปนี่โมโหนัก เพราะรู้ว่าเอสมันแกล้งพูดแบบที่เขาพูดไปเมื่อกี้ทั้งประโยค รถอ้อมวงเวียนแล้วขับตรงมาอีกหน่อยก่อนเลี้ยวขวาเข้าคณะแพทย์ศาสตร์ทันที แคปนี่กัดฟันกรอดเลย ยกข้อมือขึ้นดูเวลา บ้าฉิบเมื่อเช้าบอกจะมาเองมันเสือกไม่ยอมยึดกุญแจรถเขาไว้ ไอ้ปอที่ออกมาพร้อมกันมันช่วยบอกว่าจะพาเขาไปด้วย แต่ไอ้ตัวอันตรายมันส่ายหัวบอกไม่ยอมอีก เขาเลยต้องออกมาพร้อมมันแบบนี้ พาแวะกินโจ๊กร้านที่มันชอบกว่าจะเข้ามหาลัยมาได้สายสุดๆแต่ก็ยังเหลือเวลาอีกนิดก่อนจะถึงเวลาเรียนจริง ดีที่วันนี้ลงสวน อาจารย์ไม่ค่อยฟิคเวลามากเท่าไหร่
“ส่งหน้าตึกนี้ละกันนะ รถเมล์มาแล้วมึงค่อยโบกขึ้นไปลงหน้าสวนเกษตรคณะมึง”
“มึงเอาจริงดิไอ้เหี้ยเอส..” แคปหันมาถามอีกเป็นรอบที่สอง หน้าตาโกรธมาก เอสต้องรีบหันหน้าหนีเพราะกลัวหลุดขำพรืดออกมาไม่อยู่ เขาหันหน้าไปอีกทางแล้วบอกเออๆ
“มึงมันแย่ที่สุด ที่สุดของความชั่ว!” แคปฟาดฝ่ามือลงที่หน้าคอนโซล ขณะที่รถชะลอตัวหน้าคณะเป๊ะๆ แคปสั่นไปทั้งตัวด้วยความโกรธ แม่งเอ๊ยยยย ยกนี้กูจะแพ้มันเหรอวะไอ้สัส แต่เอสก็แค่เคลื่อนรถไปเรื่อยๆ ไม่ยอมจอดลงนิ่งๆสักที เขาแกล้งขับช้า ๆ ไปเอื่อยๆ เหมือนกับกำลังมองหาว่าจะจอดให้ลงตรงไหนถึงจะดี
“ทำไมไม่จอดสักทีล่ะห๊ะ! ไหนว่าจะส่งกูลงไง เล่นตัวไปถึงไหนวะ!”
“อยากให้ไปส่งก็บอกดีๆ”
“จอดสักที!” แคปตะคอก ขณะที่เอสส่ายหัวแล้วกระชากรถขับออกไปเลี้ยวกลับทางเดิม คนที่หน้างอยิ่งกว่าตะขอนั่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไรเลย
“เที่ยงนี้เดี๋ยวโทรหา”
“ไม่ต้อง!”
“ตอนเย็นมึงกลับกับไอ้ปอนะ กว่าแลปเย็นกูจะเลิกมึงคงเลิกก่อนกูหลายชั่วโมงแล้ว ไว้ค่ำๆกูจะแวะเข้าไป”
“.......”
“แคป”
“รู้แล้วไอ้เหี้ย!”
“ตะคอกทำไมวะ พูดกับกูพูดให้มันเพราะๆสิ มึงรู้ไหมถ้ามึงอ้อนกูสักหน่อยมึงอยากได้อะไรนะกูประเคนให้มึงจนหมดตัวกูแน่ ๆ”
“กูไม่มีทางทำแบบนั้นหรอกมึงอย่าได้ฝัน!” รถจอดลงที่หน้าสวนเกษตรแล้ว แต่เอสยังไม่ยอมปลดล๊อคให้เขาดึงเอาต้นคอแคปรั้งเข้ามา ปลายจมูกโด่งกดเฉียดๆลงที่แก้มนิ่ม แต่เจอฝ่ามือเล็กฟาดใส่ไหล่จนแสบไปหมด
“ห้ามนอกใจกูรู้ไหม..”
พลั่ก!“กูจะทำทันทีที่มีโอกาสเลย มึงคอยดูก็แล้วกันไอ้คนชั่ว!” แคปกระชากประตูรถเปิดลงไปแล้วปิดใส่หน้าคนขับดังมากๆ เขาวิ่งข้ามถนนไปสมทบกับปอและอาร์ที่ยืนรออยู่ข้างรถก่อนแล้ว เอสขยับรอยยิ้มบางขึ้นนิดๆ เพราะเขารู้ดีว่าคำพูดแบบนั้นของแคปหมายถึงอะไร
‘ปากมึงน่ะ เคยตรงกับใจสักทีไหมวะแคป..’ เสียงทุ้มพึมพำพออกพอใจอยู่คนเดียว ก่อนที่รถยนต์คันสวย จะเคลื่อนตัวออกไป
.
.
“ช้านะมึง..” ปอส่งเสียงต่อว่าทันทีที่แคปวิ่งข้ามถนนเข้ามาหา
“มึงมากันนานยัง..” แคปถาม ปอกับอาร์กอดอกพยักหน้าบอกนานแล้ว คนถามถึงกับทำหน้าหงุดหงิดสุด
“เออโทษที ไอ้บ้านั่นมันพาไปแดกโจ๊กห่าไรของมันไม่รู้ ไกลโคตรเลย”
“เจ้าที่มันซื้อมาให้มึงกินวันนั้นอ่ะดิ?” ปอถามขึ้น
“อือเจ้านั้นแหละ”
“อร่อยจะตาย กูยังอยากกินอีกเลย ทำไมเมื่อเช้ามันไม่บอกกูด้วยวะจะได้แวะไปรับไอ้อาร์ไปกินพร้อมกัน..” ปอทำหน้านึกๆความจริงเมื่อเช้าเขากับแคปและเอสออกจากห้องมาพร้อม ๆ กัน เอสลากแคปขึ้นรถมันขณะที่เขาขับไปรับอาร์แล้วแวะกินข้าวไข่เจียวด่วนๆหน้ามอคนล่ะจาน ก่อนจะมายืนรอแคปอยู่หน้าสวนตรงนี้
“มึงฝันเอาสิไอ้เหี้ยปอ ไอ้เอสนั่นมันคงจะบอกมึงหรอก คนเขาจะพาแฟนไปชิลโจ๊กมื้อเช้ากันสองต่อสอง ใครเขาจะมาบอกมึงเล่า ถามโง่ๆ”
ผั๊วะ!“มึงสิโง่!” แคปแวดใส่อาร์ แถมตบกะโหลกมันแบบไม่ต้องเชิญแรงๆหนึ่งที
“มึงตีกูทำไมอ่ะ ตีแต่หัวกูเนี่ยเดี๋ยวฉี่รดที่นอนแน่ ๆ คืนนี้อ่ะ”
“เรื่องของมึงเหอะไอ้เตี้ยอาร์ ปากมึงไม่ดีเองพูดอะไรระวังหน่อย”
“โหยไอ้สูง จ้ามึงแค่สูงกว่ากูคนเดียวมึงเรียกกูเตี้ย เชื่อมึงเลยไอ้หมาแคป”
“อย่ามาปากเสีย มึงอยากโดนมากกว่าโบกหัวมึงไหมห๊ะ”
“ไม่เอานะไอ้แคป อย่าทำกูกูกลัวแล้ว มึงแม่งดุเหี้ยๆเลย..” อาร์หลบเข้าด้านหลังปอ ก่อนแอบ ๆ ดูแคปที่แกล้งจะเข้าไปตี ปอเห็นสองคนเล่นกันแล้วก็ส่ายหัว ผลักหลังเพื่อนสองคนบอกให้เดินเข้าไปด้านในได้แล้ว “พอแล้วเว้ยเข้าไปเหอะ ป่านนี้พวกผู้หญิงกลุ่มเราบ่นจนปากฉีกหูชาแล้วแน่ ๆ อ่ะ”
“พวกนั้นเข้าไปนานยังวะ”แคปหันมาถาม
“ไม่นานหรอกเมื่อกี้เอง แต่เห็นพวกผู้หญิงบอกว่าวันนี้ลงแปลงแค่ชั่วโมงเดียวนะ สี่โมงถึงเที่ยงเรียนบนตึก” เขาสามคนเดินลงเนินดินแดง เพื่อตัดเข้าไปที่โรงเก็บเครื่องมือ วางกระเป๋ากันที่นี่แล้วเปลี่ยนเป็นรองเท้าบู๊ตยางสำหรับทำสวน สาวๆหรือหนุ่มๆคนไหนกลัวมือด้านก็มีถุงมือหนังแขวนไว้ให้หลายสิบคู่ หมวกฟางสำหรับใส่กันแดดเก่าบ้างใหม่บ้างคละเคล้ากันไป แต่สำหรับแคปปอและอาร์ถุงมือหาได้จำเป็นไม่ พวกเขาต้องการแค่บู๊ตเหมาะๆคนล่ะคู่เท่านั้นเอง
“อ้าว จริงดิ..” แคปที่เปลี่ยนรองเท้าเสร็จแล้ว กำลังเลือกว่าจะหยิบเครื่องมือเกษตรชนิดไหนร้องอ้าวขึ้นมา อาร์ยื่นจอบอันใหญ่ๆส่งให้แบก ขณะที่ปอสนอกสนใจพลั่วอันเล็กๆ
“อือ พวกผู้หญิงกลุ่มเราคอนเฟิร์มมาแล้ว บอกอาจารย์จะรอที่ตึกตอนสิบโมงเรียนบรรยายปกติ”
“อ่า ถ้างั้นกูเอาบัวรดน้ำละกัน อันนี้ล่ะเหมาะมือดี..” แคปโยนจอบอันใหญ่ๆเก็บไว้ที่เดิม เขาหันมาสนใจบัวรดน้ำสีฟ้าแทน เพราะลงแปลงแค่ชั่วโมงเดียวทำอะไรไม่ได้มากนักหรอก สู้รดน้ำให้น้องๆต้นไม้เย็นชุ่มฉ่ำไปดีกว่า เวลาช่วงนี้เหมาะมากเลย แดดไม่ค่อยแรงด้วย
“ไอ้แคป อันนี้ดีกว่ามึง ฉีดทีเดียวเอาอยู่..” อาร์ยักคิ้วให้อย่างทะเล้น ก่อนโยนสายยางสีเขียวม้วนใหญ่ ๆ ส่งให้ แคปรับมาอุ้มไว้แทบไม่ทันเสื้อผ้าเปื้อนไปหมด คนทำหัวเราะเจอแคปชี้หน้าใส่
“ไปๆๆๆ พวกมึงอย่าทะเลาะกันอีก..” ปอส่ายหัวอย่างระอา ไอ้แคปกับไอ้อาร์แม่งจะตีกันไปถึงไหนวะ นี่ถ้าไอ้แคปไม่ใช่แฟนไอ้เอสนั่นเขาจะเชียร์ให้ไอ้อาร์ไปเป็นเมียมันแล้วแน่ ๆ เหอะ
พอเข้าไปถึงแปลงด้านใน พวกผู้หญิงมองหน้าสามคนตาเขียวอื๋อเอาจนแคปนี่กลัวเลย ปอสะกิดบอกให้ไปเคลียร์ ผู้หญิงห้องพวกเขาชอบแคปมากๆเวลาเจอมันอ้อนทีหายโกรธไปทุกราย แคปก็เดินเข้าไปเลยสิ
“สิบนาที แลกกับอันนี้ได้ไหมครับคนสวย..” แคปยิ้มตาหยีเป็นขีดสละอิ(ไม้เด็ดสเต็ปการอ้อนของแคป) ล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบอมยิ้มออกมาห้าอันแล้วยื่นส่งให้
“ช้าเพราะแวะเซเว่นไง กินแล้วปากหอมนะ..” แค่นั้นพวกเธอก็หน้าแดงแป๊ดกันแล้ว คว้าหยิบกันไปคนล่ะอัน บรรยากาศในการลงแปลงเช้านี้สดใสและดีขึ้นเป็นกองเ จนกระทั่งเกือบๆจะสิบโมง เพื่อนๆเรียกบอกกันให้ย้ายไปเรียนบรรยายต่อที่ตึก พอเก็บอุปกรณ์กันเรียบร้อยแคปเดินเข้ามาคว้าเอากระเป๋า ปอพยักหน้าบอกอาร์กับแคปว่าให้ไปขึ้นรถ เขาต้องเอารถขับไปอยู่แล้วเพราะตึกเรียนกับที่สวนนี่ไม่ใช่ว่าจะใกล้
“เดี๋ยวกูไปกับพวกไอ้ชัต..” แคปโบกมือบอกโยนกระเป๋าฝากปอ เพราะว่าเห็นเพื่อนอีกคนขับมอไซด์ออกมาจากท้ายสวน โบกมือเรียกเขาบอกให้ไปเกาะรถมันไป
“เออเฮ้ยกูไปด้วย เกาะท้ายน่าสนุก..” อาร์เองก็โบกมือบอกปอว่าจะไปกับชัตเหมือนกัน แคปนี่เท้าสะเอวมองหน้าเลย
“เอาน่า ก็กูอยากไปกับมึงอ่ะ..” อาร์ดึงแขนแคปให้ไปขึ้นรถได้แล้ว ไอ้เพื่อนชัตมันมองตาเขียวแล้ว
“ซ้อนสามมึงไหวนะไอ้ชัต..” แคปถามขึ้น ไม่ใช่อะไรนะ ไอ้ชัตมันอ้วนมาก ตอนแรกเขานึกว่ามีตัวเองแค่คนเดียวก็นั่งกินลมสบายๆ แต่มีไอ้อาร์ไปด้วยนี่สิ ยางจะแตกไหมถามจริง
“ไหว มาเลย..” มันบอกไหวแต่มันลงจากรถ แคปรีบเข้าไปคว้าพยุงรถไว้กลัวรถจะล้ม
“อะไรของมึงวะ..” แคปถามหน้าตื่น ชัตมันบอกให้แคปกับอาร์ขับรถมันไปด้วยกัน ส่วนตัวมันวิ่งไปขึ้นหน้ารถกับไอ้ปอแล้วขับออกไปเรียบร้อย อาร์หัวเราะเสียงดัง
“มึงขับไอ้เตี้ย” แคปบอก
“ได้เลยวู๊วววว” อาร์รับบัญชา แคปเห็นสีหน้าดีใจแบบนั้นก็รู้สึกสนุกไปด้วย จริงๆอาร์มันชอบขับรถมอไซด์มากๆแต่มาพักหลังปอจะรับส่งมันบ่อยๆมันเลยไม่ค่อยได้เอารถมันมา รถขับชิลๆมาจนถึงหน้าตึกเรียน ไอ้ชัตกับไอ้ปอยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“ไปแว๊นไหนกันมาวะ ช้าฉิบหายอาจารย์เข้าแล้วมั้งน่ะ”
“เออน่า ไปๆๆ” แคปคว้ากุญแจจากอาร์ส่งคืนให้เจ้าของรถอย่างชัต มันขออมยิ้มแคปหนึ่งอันบอกเป็นค่าตอบแทน แคปเลยโบกหัวมันไปหนึ่งทีแล้วบอก “อมยิ้มกูหมดแล้วไอ้สัส ไปขอจากพวกผู้หญิงโน่น” ชัตกำลังจะอ้าปากเถียงอะไรแคปกลับมาสักอย่าง แต่เสียงเล็กๆจากอาร์ที่เดินนำหน้าอยู่หันมาแว๊ดขึ้นอย่างดัง
“อ้าวเฮ้ยอาจารย์เข้าแล้วจริง ๆ เร็วเข้าพวกมึง” แค่นั้นแหละ พวกเขาที่เดินตามๆกันมาสะดุ้งโหยงรีบสาวเท้าเข้าห้องหาที่นั่งแทบไม่ทันเรียนไปสองชั่วโมง พอเลิกก็จับกลุ่มประชุมเรื่องลงแปลงกันต่ออีก มีแผนงานที่ต้องทำควบคู่ในเทอมนี้
“ไอ้อาร์รู้สึกเอกสารจะอยู่ที่รถกูว่ะ มึงลงไปเอาไป อยู่ท้ายรถนะสอดอยู่ในแฟ้มสีเขียวน่ะ..” ปอส่งกุญแจรถส่งให้อาร์แล้วก้มหน้าก้มตาลงบันทึกข้อมูลบางอย่างต่อ งานเปเปอร์กลุ่มครั้งนี้ปอรับหน้าที่เป็นเลขา เพราะงั้นมันทำหน้าที่จดๆๆแล้วก็จด
“รีบมานะเว้ยมึง” แคปหันไปย้ำกับอาร์ชัดๆอีกที มันชอบเถลไถล กลัวจะไปขัดตีนใครที่ไหนอีก บางครั้งแค่หลุดสายตาไม่ถึงสิบห้านาทีมันหาเรื่องได้อ่ะ แล้วคนที่ลำบากไม่ใช่ใครก็เขากับไอ้ปอเคลียร์ตีนให้มันตลอด
“รู้แล้วๆ” อาร์โบกมือให้จนเลี้ยวลงบันไดไป กระโดดโหยงๆจากชั้นสองเดินแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงรถ กดสวิทเปิดท้ายหยิบเอาแค่แป๊ปเดียว ง่ายมากเขาจะไปเถลไถลได้ยังไงกัน อาร์ผิวปากอารมณ์ดีจะเดินเข้าตึกแต่หางตาดั๊นไปสะดุดลงที่ใครบางคนกับรถมอไซด์บิ๊กไบต์คันใหญ่ของมัน ไอ้แบงค์ยืนกอดอกพิงรถมองมาที่อาร์ มันอมยิ้มมุมปากเล็กน้อยกวักมือเรียก นั่นทำให้อาร์เปลี่ยนทิศทางเดินเข้าไปหาคนมาเยือนในทันที
“มีปัญหาอะไร มึงมาทำเชี่ยอะไรแถวนี้..” เสียงเล็กถามขึงขังตามสไตล์ แบงค์ขยับยืนดีๆ มองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังหาใคร สุดท้ายมองขึ้นไปบนตัวตึก
“ใจเย็นดิวะ ไม่ได้มาหามึงสักหน่อย”
“กูไม่สนใจว่ามึงจะมาหาใคร นั่นมันเรื่องของมึง แต่เมื่อกี้มึงทำตัวเสียมารยาทกวักมือเรียกกูที่เป็นถึงรุ่นพี่ ไม่เคารพกันแบบนี้มึงมาเดินอยู่คณะพวกกูระวังจะเจอดีมิใช่น้อย”
“หึ กลัวที่ไหนเล่า ถ้ากลัวไม่มาอ่ะบอกเลย..” แบงค์พูดกวนๆ
“กูอยากซัดมึงลงตรงนี้จริงๆให้ตายเหอะ แต่ติดที่กูยังมีธุระสำคัญกว่าเพราะงั้นเรื่องของมึงกูจะปล่อยๆไปก่อน”
“กูบอกแล้วไงกูไม่ได้มาหามึง”
“ก็แล้วมึงมาหาใครล่ะห๊ะ! จู่ๆมายืนกวักมือเรียกกูทำซากมึงเหรอ” อาร์ตะคอกขึ้น
“มาหาไอ้แคปเพื่อนมึงไง..มันอยู่ป่ะล่ะ” ทันทีที่แบงค์เอ่ยชื่อแคปอาร์อ้าปากค้างนิดๆ มันมาหาแคปทั้งที่เมื่อวานมันสองคนเพิ่งมีเรื่องกันมา มุมปากมันยังเขียวนิดๆอยู่เลยแท้ๆ
“มาหาเพื่อนกูทำไม”อาร์ถามขึ้น
“นั่นมันเรื่องของกูสิ ก็แค่เรียกมึงมาถามว่าเพื่อนมึงมาเรียนไหมก็แค่นั้น”
“มันไม่มาหรอก มึงเห็นรถมันไหมล่ะรถแต่งคันสีดำที่สวยที่สุดในคณะน่ะ ไม่มีจอดไว้แปลว่ามันไม่ได้มา..” อาร์ลอยหน้าโกหก เขาคิดว่าแบงค์มันจะมาขอนัดแก้มือกับแคปแน่ ๆ เพราะงั้นบอกแบบนี้ดีที่สุด ให้แคปได้พักร่างกายก่อน เมื่อวานคิดว่าเพื่อนเขาก็คงโดนไปหลายหมัดอยู่เหมือนกันถึงจะโดนแถวลำตัวไม่มีรอยแผลก็เถอะ
“ไปเรียกมันลงมาให้ด้วย กูรอตรงนี้มีธุระจะคุย..” แบงค์ส่ายหัวนิดๆเขารู้แล้วว่าอาร์โกหกแน่
“จ้างให้กูไม่บอกมันให้มึงหรอก เชิญมึงรอให้ตายห่าไปเลย!” อาร์กระแทกเสียงใส่ ว่าจบเดินหันหลังวิ่งเข้าตึกขึ้นบันไดทันที เขาต้องรีบนิดหน่อยเดี๋ยวเพื่อนๆจะสงสัย ยิ่งไอ้แคปมันจับโกหกเขขาได้แทบจะตลอด จนกว่าพวกเขาจะคุยเรื่องงานกันเสร็จไอ้เด็กเวรนี่มันน่าจะออกจากคณะพวกเขาไปแล้ว
“ช้าฉิบหายไอ้อาร์มึงไปไหนของมึงมาวะ..” พอขึ้นมาถึงปอบ่นอุบเลย อาร์ยืนเอกสารที่เพิ่งถือขึ้นมาส่งให้ พวกเขาทั้งกลุ่มสุมหัวกันคุยงานเปเปอร์กลุ่มที่ต้องพรีเซนต์ในช่วงปลายเทอม ระหว่างนั้นไม่ว่าแคปจะถามอะไรอาร์หลบสายตาตลอดทั้งที่นั่งอยู่ติดกันจนแคปล็อคคอเล็กเข้ามาแล้วบีบปากถาม
“เป็นเหี้ยไร”
“ปะ..เปล่า มึงอย่าบีบสิวะไอ้แคปกูเจ็บนะ”
“ก็แล้วมึงเป็นอะไรล่ะ กูถามอะไรก็ก้มหน้า เรียกหาก็หลบมึงเป็นไรอย่าคิดว่ากูดูไม่ออกนะ”
“เปล่าสักหน่อยกูไม่ได้เป็นอะไรอ่ะ..” อาร์ยังปฏิเสธต่อ แคปจึงจัดการให้หนักขึ้นเจอปอบอกเดี๋ยวค่อยเล่นกันให้คุยเรื่องงานให้เสร็จก่อน เพื่อนในกลุ่มคนอื่น ๆ ก็บอกหิวข้าวกันแล้วเพราะเวลาที่เลยเที่ยงมาเยอะ แคปจึงต้องชะลอการซักถามไอ้อาร์ไว้แค่นั้น พวกเขาทั้งกลุ่มปรึกษาวางแผนงานกันต่ออีกประมาณสิบห้านาทีทุกอย่างก็จบ เที่ยงครึ่งแยกย้ายกันลงจากตึก ตอนนั้นเองที่อาร์ดูมีพิรุธมากๆจนปอยังต้องสะกิดแคป
“กูรู้อยู่แล้ว เดี๋ยวคอยดูต่ออีกนิด..” แคปว่าเบา ๆ ตอบ มองอาร์ที่เดินนำลิ่ว ๆ ออกไปหน้าตึกทำท่าลุกลี้ลุกลนเหมือนกำลังมองหาใคร แต่แล้วจู่ๆมันก็วิ่งหน้าตาตื่นกลับมา เข้ามาจับมือดึงจะชวนแคปออกไปด้านหลังให้ได้
“ไอ้แคปมึงไปออกด้านหลังดิวะ ไปๆๆๆพวกเราไปออกด้านหลังกันเหอะ”
“อะไรของมึงไอ้อาร์ ทำไมกูต้องทำแบบนั้น” แคปรั้งแขนตัวเองไว้
“เถอะน่า ด้านหน้าแดดมันแรง ออกด้านหลังแล้วเดี๋ยวไอ้ปอมันอ้อมไปรับมึงนะ”
“อะไรของมึงวะไอ้อาร์ ให้กูไปเอารถมารับไอ้แคปหลังตึก มึงบ้าป่ะ” ปอเองก็งง อาร์นี่ขยิบตาใส่ใหญ่เลย ว่าจะบอกปอเรื่องแบงค์แต่หาโอกาสยังไม่ได้สักที
“เรื่องมากฉิบหาย กูว่าต้องมีอะไรแหง ๆ ไหนออกไปดูซิ เดี๋ยวกูมา..” แคปไม่ฟังคำทัดทานอะไรแล้ว เขาก้าวพรวดยาว ๆ ออกไปที่หน้าตึกฝั่งที่อาร์วิ่งสวนเข้ามาเมื่อตะกี้ในทันที นึกเอะใจอยู่ก่อนแล้วว่ามันต้องมีอะไร แล้วมันก็มีจริง ๆ เพราะตอนนี้เขามอง
เห็นใครบางคนยืนพิงรถมอไซด์คันโตจ้องมาที่เขา ทั้งอาร์ทั้งปอที่วิ่งตามออกมาแบบติดๆหยุดชะงักไปตามๆกัน
“แคปใจเย็น อย่ามีเรื่องนะเว้ย..” ปอเดินเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ เมื่อคืนอาร์เล่าให้เขาฟังตอนที่แวะไปดื่มกันดึกๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าวันนี้ไอ้เด็กนี่มันจะมาแคปอีก แล้วหน้าตาอยากลองดีแบบนั้นที่มองจ้องมา แคปมันชอบนักล่ะ วอนตีนมันดีจริงๆ
“แคป!” อาร์ดึงชายเสื้อเพื่อนไว้ ตอนที่แคปจะเดินออกไปหามัน แคปหันมาบอกว่าไม่เป็นไรให้ปอกับอาร์ไปรอที่รถเลย
“ไม่เอา กูจะไปพร้อมมึง..” อาร์งอแงบอกไม่เอาท่าเดียว ปอเองก็ส่ายหัวบอกไม่ด้วยเหมือนกัน
“มึงสารภาพมาไอ้อาร์ เมื่อกี้มึงลงมาเจอมันแล้วใช่ไหม..” อาร์พยักหน้าเบา ๆ เขาหลบตาคนจ้องเอาคำตอบ
“แล้วมึงปิดพวกกูทำไม มันมาหาใคร มาหาเรื่องมึง?”
“ปะ..เปล่า”
“งั้นก็ช่างมันสิ มันไม่ได้มาหามึงมันอาจจะมาหาเพื่อนฝูงมันแถวนี้ก็ได้นี่หว่า พวกเราลงกันไปเลยไม่เกี่ยวกับเราอยู่แล้ว”
“ไม่ได้!” อาร์สวนขึ้นทันที เพราะแคปทำท่าจะก้าวออกไปอีกแล้ว
“ทำไมถึงไม่ได้” แคปหันขวับมาถาม
“......”
“ไอ้อาร์!” แคปตะคอกใส่ อาร์ถึงกับหดไปอยู่ข้างหลังปอ
“มันบอกมีเรื่องจะคุยกับมึงกูไม่อยากบอกกูกลัวว่ามึงจะมีเรื่องกับมัน ไอ้เด็กเหี้ยนั่นดูยังไงมันก็ไม่เห็นจะเหมือนคนดี” อาร์พูดออกมาตาแดงๆ
“มันมาหากู?”
“อือ..” อาร์พยักหน้าอีก เขาเดินเข้าไปดึงเสื้อแคปอีกครั้ง เงยหน้าแล้วบอกไม่อยากให้แคปออกไป
“กลัวไรเล่า มันกล้ามาหาก็ออกไปหามันสักหน่อยสิวะ มึงจะให้กูหดหัวอยู่แบบนี้น่ะเรอะ..”
“กูแค่ไม่อยากให้มึงมีเรื่อง เมื่อวานมึงก็เจ็บเยอะแล้ว เอาไว้มึงพักตัวเองกูก็กะชวนมึงไปลุยกับมันถึงคณะมันอยู่แล้วล่ะ”
“เออมึงพูดดี แต่ว่านะไอ้อาร์ไหนๆก็จะตีอยู่แล้ว ตีตอนไหนไม่ต่างกันหรอกเว้ย..” แคปก้าวออกไปทันทีที่พูดจบ คราวนี้อาร์ยึดชายเสื้อเขาแน่นขึ้นกว่าเดิม “ไม่เอากูไม่ให้มึงเข้าไปคนเดียว”
“กูไปคนเดียวนี่ล่ะง่ายดี ไอ้ปอมึงพาไอ้อาร์ไปรออยู่ที่รถ เดี๋ยวกูตามไป”
“ไม่มีทางว่ะแคป เดี๋ยวพวกกูไปกับมึงด้วย..” ปอบอก
“จะกลัวทำไมวะรถมึงกับรถไอ้เด็กนั่นอยู่ห่างกันกี่เมตรมึงแหกตาดูซะ..” ปอมองดีๆถึงได้เห็น รถเขาจอดอยู่ไม่ไกลจากรถมอไซด์คันใหญ่ ๆ ของไอ้เด็กแบงค์นั่นเลยสักนิด ก็ใครจะทันคิดล่ะกลัวเพื่อนไปมีเรื่องไปไหนก็ต้องยกกันไปก่อนล่ะ
“ถ้าพวกมึงเข้าไปด้วยเดี๋ยวกูพลั้งเผลอตีมันขึ้นมาจริง ๆ ไปรอกูอยู่ที่รถกูสัญญาว่าถ้ามันไม่ลงมือก่อนกูจะใจเย็นๆถามมันว่ามีธุระอะไร”
“จริงนะ” ปอคาดสายตาถาม แคปพยักหน้ารับปากบอกจริง
“เอาน่ารถก็แค่ใกล้ ๆ ถ้ามึงเห็นผิดปกติก็วิ่งเข้ามาช่วยกูแล้วกัน”
ปอมองแคปแล้วชั่งใจนิดหน่อย ดูระยะทางระหว่างรถตัวเองกับรถไอ้เด็กนั่นเสร็จแล้วดึงแขนอาร์บอกไปรอที่รถเลย
“แต่ว่า..” อาร์ยังไม่ยอม ปอเลยกระซิบบอกไปเอาเครื่องมือที่รถเผื่อมีปัญหาเอาไม้เบสบอลฟาดหัวแม่งเลย เท่านั้นแหละเจ้าอาร์วิ่งหน้าตั้งไปรอที่รถปอเลย แคปถึงกับส่ายหัว เขาเดินเข้าไปหาไอ้เด็กแสบตัวดีที่ท้าทายมาหาเขาถึงตึกเรียน
“เป็นไงมั่งล่ะ ท้องมึงเขียวอยู่ไหม” เสียงทุ้มของแบงค์ดังขึ้นตอนที่แคปเดินเข้าไปหาแล้วหยุดลงตรงหน้า สายตาคมกริบไล่มองแคปตลอดทั้งตัว
“กูควรถามมึงมากกว่าไหม ปากยังเขียวอยู่นะไอ้สัส หมัดกูทำมึงติดใจถึงขนาดตามมาหาถึงตึกเลยรึไงวะ..” แคปเองก็ไล่สายตามองตามจุดที่เขาลงหมัดลงตีนใส่มันไปเมื่อคืน
“ก็อาจจะติดใจล่ะนะ ไม่งั้นจะมาถึงคณะมึงหรือไง”แบงค์ตอบยิ้ม ๆ
“อย่ามาพูดมาก มึงมาทำไมบอกจุดประสงค์ของมึงมา”
“บอกแล้วไงกูแค่แวะมาดูมึงเจ็บมากรึเปล่า”
“ตลกแล้วไอ้สัส มึงมันเป็นเด็กนรกจริง ๆ กูเป็นพี่มึงนะ เรียกกูพี่แคปนี่มึงคิดว่ามึงจะตายไหมล่ะห๊ะ”
“เรื่องอะไรจะเรียก กำลังคิดอยู่ว่าจะเรียกเตี้ยดีไหม”
“อ้าวปากหมาขึ้นมาอีก ไอ้เด็กเวรนี่” แคปก้าวเข้าไปหาอย่างชิด แบงค์คว้าคอเสื้อเอาไว้แคปเองก็แรงไม่แพ้กันคว้าหมับเสื้อมันกระชากกลับ
“ใจร้อนจริง ๆนะมึง”
“เรียกกูพี่แคป!”
“ชู่ว์อย่าเสียงดังสิวะ รุ่นน้องเดินไปเดินมามองมึงกันหมดแล้ว นี่ยังไม่รวมสายตาเพื่อนมึงนะ” แคปหันไปที่รถของปอ สองคนนั่นทำท่าเหมือนจะเดินเข้ามาหาแล้ว
“ก็แล้วมึงจะเอายังไงพูดจายอกย้อน กูใช่เพื่อนเล่นมึงเหรอห๊ะ!”
“ให้กูดูท้องมึงก่อน เขียวมากไหม”
“เรื่องอะไรกูจะให้มึงดู” แคปจับมือแบงค์ที่ทำท่าจะมาเลิกเสื้อเขาเปิดดูเหวี่ยงออกไป “เขียวน้อยกว่าปากมึงละกัน ไอ้สัส”
“ไม่ดูก็ได้วะ ปากดีลุยได้แบบนี้แสดงว่าหายแล้วมั้งเนาะ”
“ได้ยินข่าวว่ามึงแพ้กูไม่ใช่เหรอวะไอ้แบงค์ หน้าอย่างมึงยังมีสิทธิ์มาถามกูรึไง”
“หึ รู้อยู่แล้วว่าทำไมกูถึงแพ้ ยังมีหน้ามาพูดนะ”
“นั่นมันเรื่องของมึง ท่าทางอวดดีจะไปเจอใครจัดมาก่อนเจอกับกูมันก็เรื่องของมึง”
“ปากดีจริงๆ”
“เรื่องของกูไหมล่ะ!”
“คนอุตส่าห์เป็นห่วง...”
“ใครขอให้มึงมาห่วงล่ะ กลับไปได้แล้วไปกูรำคาญ กะอิแค่เข่าถากๆท้องกูไป อย่าคิดว่าคนอย่างกูจะเข็ด”
“หึ..”
แคปชี้หน้าใส่ทันที “มึงจำไว้ไอ้เด็กนรก กูรับนัดมึงตลอดทุกเมื่อทุกเวลา มึงพร้อมเมื่อไหร่เรานัดตีกันอีกได้ตลอด”
“ทุกเวลาจริงดิ” แบงค์หรี่ตาเหยียดยิ้ม
“ของมันแน่ นี่ใช่ไหมจุดประสงค์ของมึงอยากแก้มือกับกูทำท่าเป็นมาถามว่าเจ็บตรงไหนแผลเป็นไงบ้าง แมนๆกันเลยมึงอ่ะ หายเจ็บแล้วนัดมา กูพร้อมเสมอ”
“พูดแล้วอย่าคืนคำล่ะ”
“มึงคิดว่ากูกลัวมึงรึไงล่ะ..”
“หึหึ งั้นไปล่ะ เดี๋ยววันหลังจะมานัดใหม่”
“รีบไปให้ไวๆเลยเหอะ ไอ้เด็กเวร บ้าฉิบ!” ปีนเกลียวฉิบหาย เรียกกูเรียกมึงเพิ่งเจอไอ้เด็กบ้านี่คนแรกนี่แหละ
“เรียกแบงค์สิ มึงเรียกกูแบงค์เมื่อไหร่ถึงตอนนั้นกูอาจเรียกมึงว่าพี่แคปบ้างก็ได้นะ”
“งั้นชาตินี้มึงอย่าหวังว่ากูจะเรียกชื่อมึงเลย..” ไอ้เด็กเปรต แคปด่าต่อในใจตาเหลือกใส่ แบงค์ยังมีหน้ามาหัวเราะขำ นั่นทำเอาแคปยิ่งหงุดหงิด ทุกวันนี้เขาด่าใครทำไมมันมีแต่พวกขำๆมันบ้ากันป่ะ ถามจริง ประเภทเดียวกับไอ้เหี้ยเอสรึไง ชอบให้ด่า ประสาท!
“โห ดุขนาดนั้นเชียว กูไปล่ะ”