“นี่คุณ ตกลงทริปนี้จะเอายังไง เที่ยวไทยหรือไปเมืองนอก ผมมีเวลาแค่อาทิตย์เดียวนะ ขืนคุณตัดสินใจช้า เวลาเที่ยวผมหมดพอดี”บ่นแต่เช้าเลยแฟนผม ไม่อยากเสียบรรยากาศบนเตียงนุ่มๆแต่เช้าน้า
“แล้วคุณอยากไปไหนล่ะ ผมพาคุณไปได้หมดนั้นล่ะ ยกเว้นแถบยุโรปนะกับสแกนฯนะ มันบินนาน เดี๋ยวหมดเวลาสวีทกันพอดี”เพื่อภรรยาสุดที่รักผมทุ่มเงินไม่อั้นเสมอ “… นี่มือน่ะ…. ทำอะไร” สำหรับหมอตั้ม ตอนนี้เป็นสุดหื่นยิ่งกว่าผม “ก็ช่วยปลุกให้คุณตื่นตัว ชัชก็ชอบไม่ใช่หรอ”
“อื….. ม…แต่เมื่อคืน… ส…. สามรอบแล้วนะ… อื…อ” หยุดขย้ำลูกผมซะทีเมียจ๋า
“แล้วใครให้คุณนอนแก้ผ้าแบบนี้ล่ะ หืม….”
“ถ้าผมไม่มีแรงเที่ยว ผมจะลงโทษคุณให้สาสมเลย”จับพลิกเกมส์ซะเลย ผมจะยอมให้เมียผมป่วนอารมณ์ผมไม่ได้ เขาคงลืมไปว่าผมน่ะ นักกีฬาเก่า รอบที่4 แค่นี้มันชิลล์สำหรับผม
“เดี๋ยวๆ… แล้วใครบอกจะให้คุณเป็นคนทำล่ะ…. เดี๋ยวรอบนี้… ผม… จัด… การ… เอง” ความเร่าร้อนนี้เมียผมได้มาแต่ไหนกัน เส้นผมที่พลิ้วไหว บั้นท้ายที่ขยับเป็นจังหวะมันยิ่งขยี้อารมณ์ผมชะมัด
“เห็นแบบนี้ผัวคงให้เมียทำต่อไม่ได้แล้วล่ะ”หน้าที่บรรเลงเพลงรักมันต้องเป็นผมสิ ไม่งั้นเขาจะติดใจอยากได้ซ้ำแบบนี้บ่อยๆทำไมล่ะจริงมั้ย
.....
….
…
..
“พอแล้วนะคุณ ผมหมดแรงแล้ว”หายใจไม่ทันยังไงไม่รู้ หรือว่าผมแก่แล้ววะ น่าจัดการนักมานอนหัวเราะผมเนี้ย
“ทำไมเดี๋ยวนี้หมดแรงง่ายจัง”ยังจะมาถามผมอีกนะ
“หยุดจับเถอะเมียจ๋า มันแข็งให้ไม่ไหวแล้วนะ”นี่เป็นครั้งแรกที่อ้อนวอนให้เมียหยุดล่วงล้ำผม
“อือ…. ไม่เอาาาาาา… อยากจับคลึงเล่นไปเรื่อยๆนี่นา” โห คาระวะเมียผมเลย อึดสุดๆ
“ผมตัดสินใจได้แล้วว่าเราจะไปไหนกัน”เปลี่ยนเรื่อง เผื่อเมียผมจะไขว้เขว หยุดลูบไล้เค้นคลึงลูกผมไปได้สักพัก “เราไปเที่ยวเกาะไร่เลย์กัน คุณชอบทะเล ที่นี่น่าจะโอเคเลย”
“กระบี่หรอ…. น่าสนใจดี… งั้นเดี๋ยวตั้ม book ที่พัก จองตั๋ววันนี้เลยแล้วกัน โอเคมั้ย” แน่ะๆ ยังไม่หยุดอีก พอเถ้ออออออออ “ถ้าอย่างนั้น ต้องแสดงความขอบคุณ สักหน่อยแล้ว”ไม่ทันสิ้นคำเมียผมก็มุดผ้าห่มเข้าไปแล้ว ลูกชายผมกำลังถูกลิ้มรสชาติอย่างไม่ปราณีปราสัย แต่ที่แย่กว่านั้นนี่สิ มันดันตื่นตัวตามแรงกระตุ้นของเมียผมซะนี่ ผมควรห้ามเมียหรือห้ามตัวเองดีเนี้ย
“ยังจะเอาอีกหรอเมียจ๋า… แค่นี้สามีก็เดินไม่รอดแล้วนะ” ผมเข้าใจหัวอกเมียผมแล้ว ว่าเวลาความต้องการผมสูงๆเมียผมรู้สึกยังไง ขอโทษนะคราบบบบบบบบบบบ…….ผมผิดไปแล้ววววว
………
“โอเคนะตาลตอนบ่ายไปเจอกันที่สนามบิน พี่จองตั๋วไว้ให้แล้ว… ไปเร็วชัช ไปอาบน้ำกันนน”เมียผมกินอะไรเข้าไปถามจริง ทำไมเรี่ยวแรงดีไม่มีตกเบอร์นี้ ผมนี่สิขาสั่นจนจะเดินไม่เป็นแล้ว
“ครับผม…. ผมไม่แรงแล้วอ่าตั้ม”โดนดูดวิญญาณไปเบอร์นี้
“ถ้าอย่างงั้น… ถ้าชัชยังไม่ลุกจากที่นอน… งั้น เดี๋ยวตั้มจัดให้อีกก็ได้นะ”
“ม….ไม่เป็นไรครับ…..รีบลุกเลยครับผม อาบน้ำครับ… อาบน้ำ”ผมรีบสวนตอบไปพร้อมสะดุ้งตัวลุกขึ้นทันที ถ้าขืนผมเสียน้ำจากร่างกายผมไปอีก ผมคงนอนเล่นอยู่กรุงเทพยาวแล้วล่ะ นี่ถือว่าเป็นการแก้แค้นของเมียผมที่โหดร้ายมากที่สุด ฮือออออ
….
…
..
.
กว่าจะมาถึงสนามบิน ร่างกายของผมมันเหมือนคนที่ไม่ได้หลับไม่นอนมาหลายคืน ขนาดผมเข้าเวรโหดๆยังไม่เพลียขนาดเอากับเมียแบบนี้เลย หลังจากนี้แหละคือเวลาพักของผมแล้วล่ะ เราทั้งคู่ต่างนั่งรอตาลและพลมาถึงที่สนามบิน แต่ก็ไม่นานเขาทั้งคู่ก็มาถึงพร้อมกับเจ้าตัวน้อย 2 คน ขอโทษนะที่มาช้า กว่าจะเคลียร์งานเสร็จ เพราะพี่ตั้มนั้นล่ะ กระทันหันเกิน”
“หรือว่าแกจะไม่ไป อุตส่าให้ไปฟรีไม่เสียอะไรเลยนะ ยังจะมาบ่นอีก คนที่ควรบ่นคือพี่ป่ะ” สมกับเป็นพี่เป็นน้องกันจริงๆ
“เเล้วนี่พี่ชัชเป็นไรค่ะ หน้าดูเพลีย”โหดูออกขนาดนั้นเลยเว้ย
“ไม่มีไรหรอก พอดีหัวหน้าพี่ชัชเขาใช้งานหนัก เลยไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย”ยังจะหันมายิกคิ้วใส่ผมอีกนะ มันน่านักเมียผม
“ใช้งานขนาดนี้ตายพอดี ทีหลังใช้ไม้แข็งเลยค่ะ เขาจะได้ไม่ข่มเรา” ใครจะกล้าล่ะน้องตาล พี่ให้เกียรติพี่ตั้มจะตาย
“เขาไม่กล้าหรอก หัวหน้าพี่ชัชเขาเด็ดเอาเรื่อง”
“เด็ดเอาเรื่อง” เอาละไง
“ไม่ใช่ๆ โหดเอาเรื่องตะหาก ฟังอะไรก็ไม่รู้”
“ก็พี่ตั้มพูดเองนี่นา”
“สงบศึกก่อนมั้ยครับ เดี๋ยวจะเช็คอินไม่ทัน” เยี่ยมมากไอ้น้องเขย ตกลงนี่ผมกำลังจะไปพักผ่อนหรือว่าไม่หาเรื่องเหนื่อยกันเนี้ย “ผมดูออกนะพี่ โดนพี่ตั้มใช้งานหนักอะดิ ผมก็เคยโดน ลมแทบจับพี่”มันเก่งสมเป็นชายชาตรีที่ดูพี่ออกว่าโดนเมียข่มเหง “กี่รอบพี่” แน่ะ ยังจะมาถาม
“5 รอบไอ้น้อง”ภูมิใจในความแข็งแกร่งของตัวเองจริงๆ
“อย่างโหด… ผมว่าไปกระบี่ พี่ก็ไม่น่ารอด น้ำแห้งแน่พี่”
“สองคนนั้นจะไปมั้ย หิ้วกระเป๋ามาด้วย… เร็วๆ”ส่งเสียมาซะดัง เมียน้องเขยนี่โหดเว้ย
“จ้าาาาา”หวานเชียว “รีบไปเหอะพี่ เดี๋ยวนางหงุดหงิด แล้วผมอดกินนม” ทำไมเมียผมถึงให้ผมสะพายกระเป๋าที่แสนหนักอึ้งเช่นนี้ แค่แรงจะเดินยังยากเลย…. นั้นไง เดินมาตามแล้ว
“ทำไมช้าล่ะชัช…. หรือว่าอยากให้ตั้มเพิ่มพลังให้ก่อน” น้ำเสียงแบบนี้
“รีบเลยจ้ะเมียจ๋า ช่องไหนจ้ะ…. ช่องนี้เนอะ”
น่ากลัวจังเมียตู
…….
พอขึ้นเครื่องผมรีบตรงไปยังที่นั่งของผมทันที โชคดีนะที่ตั้มจองตั๋วแบบ Premium eco ให้ คราวนี้แหละ ผมจะนอนให้เต็มอิ่มไปเลย ถึงแค่จะ ชม.นิดๆก็เถอะนะ
…. .
….
…
..
.
รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก หลังจากการได้นอนพักแบบเมียผมไม่มาแกล้งผม พูดแบบนี้ละกันเนอะ… หลังจากลงเครื่องมา ทางรีสอร์ทก็ส่งรถมารับพวกเราที่กำลังถือกระเป๋าพลุงพลังเหมือนกับย้ายรกรากที่อยู่ซะอย่างนั้น ขนาดมาแค่สามวันนะ ที่ถ้ามาเป็นเดือนคงยกตู้เสื้อผ้ามาแน่เลย เหล่าคนรถจัดการยกกระเป๋าขึ้นเก็บก่อนที่จะพาเราออกเดินทาง เราเดินทางจากสนามบินไปยังท่าเรือ ประมาณ 25 นาที และขึ้นเรือไปต่ออีก ประมาณ 20นาที ตลอดระยะทางการนั่งเรือสำหรับผมนี่โคตรจะสดชื่น ทั้งท้องฟ้า น้ำทะเล ส่วนเมียผมก็นั่งอยู่ในอ้อมแขนของผม ไม่ขยับไปไหนเลยล่ะ
“เออพี่ตั้ม นี่พี่จองห้องแบบไหนไว้ เดี๋ยวน้องช่วยออกก็ได้นะ จะได้แฟร์ๆ”
“แกพูดจริงอ่ะ”
“จริงสิ คนอย่างตาลไม่เคยพูดแล้วไม่ทำนะคะ พูดจริงทำจริงเสมอ” คุ้นๆแฮะ สโลแกน
“อ่ะ เอาไปดู”ตาลลุกขึ้นมารับ “คืนละ 44,700บาท รวมอาหารเช้า ทั้งหมด 3 คืน เป็นเงิน 134,100 บาท หาร 2 คน ตกคนละ 67,050 บาทครับน้องสาว”นี่แฟนผมเป็นหมอหรือเครื่องคิดเลขวะเนี้ยไวโคตร “ไหวรึเปล่า” ข่มได้อีกนะน้ำเสียงน่ะ “พี่แซวเล่น ไม่ต้องจ่ายหรอก พี่อยากให้แกกับแฟนมาด้วยจริงๆ”
“แล้วทำไมรอบนี้ถึงยอมเสียเงินเป็นแสนๆ เห็นทุกทีดุผมตลอดเรื่องใช้เงินน่ะ”ไม่ได้กวนโมโหนะอยากรู้จริงๆ
“เพราะแค่อยากอยู่กับชัชในที่ที่ดีที่สุดที่นึงเท่านั้นเอง… เหตุผลแค่นี้พอได้มั้ย” เอาจริงๆตั้งแต่เราคบกันเป็นแฟน มีแค่ครั้งเดียวที่ผมกับตั้มผิดใจกัน หลังจากนั้นมาไม่เคยมีวันไหนที่ผมอยากจะทะเลาะกับเขาหรือทำอะไรให้เขาเข้าใจผิดอีกเลย เพราะผมไม่อยากเสียเวลาที่ดีที่สุดไป
ไม่นานเราก็มาถึง รายาวดีรีสอร์ท เหล่าพนักงานก็พาเราไปห้องบ้านพักที่ตั้มได้จองไว้ พอได้เห็น ผมก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไมราคาต่อคืนมันถึงสูงนัก แค่บรรยากาศรอบๆตัว ที่ทำให้ผมได้ ozone ธรรมชาติเต็มๆแบบนี้ เป็นผมผมก็ยอมจ่าย ตลอดเวลาที่เราอยู่ที่รีสอร์ท กิจกรรมที่ทางรีสอร์ทมี แทบจะไม่มีกิจกรรมไหนที่เราพลาดเลย ไปทั้งหาดไร่เลย์ เกาะพีพี ทริปดำน้ำ ถึงแม้ว่ามันจะต้องเสียเงินเพิ่ม แต่สำหรับผมแล้ว การทำงานมาทั้งปี แล้วใช้เงินกับการให้รางวัลชีวิตตัวเอง ถึงแพงแค่ไหนมันก็คุ้มครับ
อย่างว่านะครับ เวลาแห่งความสุขมันมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว เงินของเราก็เช่นกัน พวกเราทั้งหมดบินกลับมาถึงกรุงเทพกันช่วงค่ำๆ ก่อนที่แต่ละครอบครัวจะแยกย้ายกันไป
“เหลือวันหยุดอีก2วัน คุณอยากทำอะไรเพิ่มมั้ย”
“ยังไม่รู้เลย ความรู้สึกสดชื่นจากกระบี่มันยังไม่หาย
มันก็จริงอย่างที่ตั้มบอก ความสดชื่น ความสนุกจากกระบี่มันยังอวลอยู่ในตัวผมเต็มไปหมดไม่ไปไหน บางทีแค่เราเก็บความรู้สึกพวกนี้เอาไว้ให้นึกถึง ก็ทำให้มีความสุขแล้ว
…….
Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ใครดังแต่เช้า
“ฮัลโหล”เมียผมนี่เอง จะคุยโทรศัพท์ก็ไม่แคล้วจะคลายกอดจากผมนะ “ได้ๆ เดี๋ยวสายๆพี่เข้าไป ขอนอนต่ออีกหน่อย… แค่นี้นะ”
“มีอะไรหรือเปล่าตั้ม”
“ตาลบอกให้ไปหาที่บ้าน มีอะไรจะเซอไพร์ส”
“เซอร์ไพร์ส แล้วคุณไม่อยากรู้หรอว่าอะไร”
“ไม่อ่ะ… ยัยตาลไม่มีอะไรจะเซอร์ไพร์สหรอก ชอบพูดให้ตื่นเต้นไปงั้นแหละ… นอนต่อเถอะ… นี่พึ่ง 7 โมงเอง… หรือว่าคุณสามีนอนไม่หลับ… หืม”
“ใช่… คุณภรรยาจะช่วยสามีคนนี้ยังไงล่ะ”หวานหมูแน่ๆ
“ช่วยอย่างนี้ไง” มุดแล้ว มุดเข้าผ้าห่มแล้ว….. อ๊าาาาาาาาโดนเมียทรมานด้วยการจั๊กกะจี้
“พอแล้วๆผมยอมๆ”เดี๋ยวนี้หัวไว จริงเมียผม เฮ้อ คิดว่าจะได้ผ่อนคลายซะหน่อย
กว่าจะรอดพ้นการทรมานจากมือเมียมาได้ก็แทบทรุด เอาซะความพลุ่งพล่านในตัวหายไปหมดเลย เราทั้งคู่จัดการอาบน้ำแต่งตัว และออกมาตามที่ตาลได้นัดไว้ทันที แต่ตลอดทางเจ้าตัวกลับนอนหลับสบายอยู่คนเดียวบนรถ ปล่อยให้ผมขับรถอยู่เงียบๆคนเดียว เศร้าาาาาาา
เพียงชม.นิดๆ ผมก็ขับมาถึงบ้านของตั้มแถววงแหวนบางนา ตอนมาถึงก็เห็นตาลกำลังเลี้ยงหลานๆของผมอยู่ตรงลานสวนหน้าบ้าน ได้เห็นแบบนี้พาลให้ผม คิดถึงวัยเด็กที่แม่คอยอยู่กับผมเล่นกับผมตลอดเวลา คิดถึงแล้วมันก็ทำให้ผมยิ้มได้ถึงแม้บางวินาทีมันจะเศร้าบางก็เถอะ
“สวัสดีค่ะพี่ชัช… ว่าไงพี่ตั้ม ไหนว่าจะมาสายๆไง”
“จะมาตอนไหนก็เรื่องของพี่ป่ะ… แล้วพลล่ะ” เอาอีกละคุณภรรยา
“พลไปดูร้านค่ะ… วันนี้มีจัดเลี้ยงบริษัท”
“นาวานาวินมาหาลุงสองคนมาเร็ว”ว่าไปเมียผมก็รักเด็กเหมือนกันนะเนี้ย กอดหอมไม่หยุดเลย “แล้วไหน เรื่องที่ว่าจะ Surprise พี่”
“งั้นพี่ตั้มรอแปป รับรอง… Surprise แน่” เธอรีบเดินเข้าไปในบ้านทันที ส่วนผม… ก็อุ้มหลานทั้งสองเดินเล่นรอบๆสิครับ เดี๋ยวนี้เริ่มชินกับการเลี้ยงเด็กอ่อนแล้ว และสำหรับผม ตอนนี้เรื่องลูกนั้นมันถูกตีตกไปแล้ว เพราะรู้สึกว่า แค่เราสองคนก็สามารถเติมเต็มกันและกันได้ ผมไม่อยากให้เรื่องลูกทำให้ตั้มต้องรู้สึกวิตกกังวลที่เขาไม่สามารถมีให้ผมได้ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเราทั้งคู่คงไม่มีความสุขกันแน่ๆ แค่ตอนนี้เราทั้งคู่มีนาวินกับนาวา มันก็มากพอสำหรับคู่ชายรักชายอย่างผมแล้ว
“ชัช พาหลานมานั่งเล่นตรงนี้ดีกว่า”ตั้มส่งเสียงมา
“น้ำลายไหลเต็มเสื้อลุงชัชเลย”ตั้มรับนาวินไป ก่อนที่ผมจะค่อยๆนั่งลง “อยากเปลี่ยนเสื้อมั้ยชัช”
“ไม่เป็นไรหรอก นิดเดียวเอง”
“พี่ตั้ม…. Surprise!!!!!!” ตั้มสะดุ้งตกใจที่ได้ยินเสียงตาล และหันไปเห็นพ่อกับแม่ของเขาที่ร่วมทำการ Surprise นี้ด้วย
“พ่อกับแม่มาถึงเมื่อไหร่ครับ คิดถึงมากเลย”ตาลเข้ามารับหลานจากมือของตั้ม ก่อนที่เขาจะโผเข้ากอด ส่วนตัวผมก็ยกมือได้แค่เพียงยกมือไหว้เท่านั้น และท่านก็ยิ้มรับอย่างใจดี
“กลับมาถึงเมื่อวานตอนเช้า… แล้วเป็นไง ไปกระบี่มา สนุกมั้ยลูก”
“สนุกสิครับ พ่อกับแม่ก็รู้ว่าตั้มชอบทะเล”
“แล้วชัชล่ะลูก ตอนนี้ทำงานเป็นยังไงบ้าง ยังวุ่นๆเรื่องคดีอะไรอยู่มั้ย”
“ไม่แล้วครับ ตอนนี่ก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ”และท่านก็นั่งคุยกับพวกเราบนผ้าที่ปูอยู่กลางสนามหน้า ท่านทั้งสองดูเป็นคนไม่ถือเนื้อถือตัวสำหรับผม ดูเป็นคนเรียบง่าย และดูยิ้มแย้มเหมือนพ่อกับแม่ของผมเลย และท่านก็รู้ถึงเรื่องคุณเเม่ของผมที่เสียไป ผ่านจากการบอกเราของตาล ท่านทั้งคู่เอ่ยปากขอโทษผมไม่หยุดที่ไม่ได้มาร่วมงาน
“แล้ว…. ตั้มมีอะไรอยากบอกพ่อกับแม่มั้ยลูก”
“ก็…. ไม่นี่ครับ”
“แล้วชัชล่ะ มีอะไรอยากบอกพ่อกับแม่มั้ย”แล้วไหงมาเป็นผมได้ แล้วคำถามที่ท่านถามมาหมายถึงอะไร… หรือว่า
“เอ่อ…. มีครับผม”ถึงเวลาที่ผมจะต้องทำอะไรให้ถูกต้อง “ผมกับตั้ม เราเป็นแฟนกันครับ”ผมจะโดนอะไรมั้ยวะเนี้ย ตั้มมองหน้าผมเขม็ง คงไม่คิดว่าผมจะพูด
“นานรึยัง”เสียงแข็งเลย
“เกือบจะสองปีแล้วครับ….”ผมรีบตอบ
“แล้วทำไมตั้มไม่เห็นบอกพ่อกับแม่เลย ตั้งใจปกปิดพ่อกับแม่หรอ” ผมไม่น่าพูดออกไปเลย
“อย่าว่าตััมเลยครับ ผมเป็นคนเริ่มทุกอย่างเอง ทั้งจีบ ทั้งตามตื้อ ตั้มไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะครับ”ผมรีบรับผิดก่อนที่ทุกอย่างมันจะแย่ไปกว่านี้ จะให้โดนอะไรผมก็ยอม
“พ่อชอบ”หะ… ห๊ะ!!!!!! “แมนดี…. สมศักดิ์ศรีที่เป็นตำรวจ ตรงไปตรงมาแบบนี้แหละดี”
หัวใจแทบหลุดออกมานะคุณพ่อตั้ม “เอาจริงๆ พ่อกับแม่พอดูออกตั้งแต่ที่โรงพยาบาลแล้ว แต่แค่ยังไม่อยากคิดอะไรไปเอง แต่วันนี้… พอมาได้รู้ความจริง… มันก็ ตกใจนิดๆเหมือนกัน”
“ผมขอโทษนะครับ พ่อ… แม่” ตั้มรีบเอ่ยขอโทษ
“จริงๆแม่กับพ่อก็ไม่ได้หัวสมัยใหม่อะไรนักหรอก บางทียังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่า ความรักแบบนี้มันจะยืดยาวไปได้ไกลแค่ไหน ทุกคนเปิดกว้างยอมรับก็จริง แต่หลายๆคนเขาก็ยังปิดใจที่จะยอมรับมัน”แม่ตั้มบอกอย่างใจเย็น
“คิดว่าจะสู้กับจิตใจและสังคมในปัจจุบันไหวใช่มั้ย คำติฉินนินทา สายตาที่มองเรา อาชีพที่เราเป็น และเพื่อนร่วมงาน ที่พ่อพูด… ไม่ใช่ว่าพวกลูกอ่อนแอ แต่แค่สังคมมันเลวร้ายมากเกินไปเท่านั้น” ผมเข้าใจในสิ่งที่พ่อของตั้มสื่อและบอกออกมา ใช่ครับ ผมเป็นคนไม่สนสังคมภายนอกก็จริง แต่ด้วยหน้าที่ ตำแหน่ง หรือตัวตนที่เรามี มันต้องอาศัยสิ่งที่ผมพูดมาทั้งนั้น แต่แค่ผมมั้นใจตัวเองว่าไม่เคยทำให้ใครต้องเดือดร้อนเพราะความเป็นตัวผม แค่นั้นเอง ท่านสองคนมองหน้ากัน มันยิ่งทำให้ผมตอนนี้หวาดหวั่นไปไม่น้อยเหมือนกัน
“ลูกจะปกป้อง… ดูแลลูกของพ่อได้ใช่มั้ย”ท่านมองหน้าผม “เพราะพ่อยังทำหน้าที่พ่อที่ดีให้กับตั้มได้ไม่เต็มที่ ยังไม่สามารถปกป้องดูแลเขาได้เวลาเขามีปัญหา ไม่สามารถให้คำปรึกษาเวลามีเหตุการณ์ร้ายๆ ถ้าลูกรับปากว่าลูกทำได้… พ่อกับแม่เต็มใจที่จะให้ลูกทั้งสองคนรักกัน” ทำไมท่านทั้งสองถึงอ่อนโยนกับผมแบบนี้
“ผมจะไม่พูดแล้วกันครับว่าผมจะทำได้มั้ย…. แต่ผมขอพิสูจน์ตัวเอง แลกกับความไว้ใจที่คุณลุงกับคุณป้ามีให้กับผม”
และจู่ๆท่านทั้งสองก็ค่อยๆถอดแหวนที่แสดงถึงความรักที่มีให้กันออกมา
“แหวนของพ่อวงนี้ เป็นแหวนที่แม่เขาให้ตอนที่เราแต่งงานกัน พ่อให้มันเป็นของขวัญและของแทนใจที่ลูกจะให้กับตั้มในอนาคตอันใกล้”
“ส่วนของแม่ แม่ให้กับตั้ม ไว้มอบให้คนที่ตั้มรักมากที่สุด พร้อมที่จะฝากชีวิตและมอบลมหายใจสุดท้ายไว้ให้กับเขาคนนั้นดูแล”
ผมทั้งสองคนรับแหวนจากผู้มีพระคุณทั้งสองมาไว้ในมือ
“แล้วอีกอย่าง เรียกลุงกับป้าไม่ได้แล้วนะ มันฟังแล้ว… ดูอายุเยอะๆยังไงก็ไม่รู้ เอาเป็นว่า เปลี่ยนสรรพนามใหม่แล้วกัน พอไหวมั้ย”ท่านมองหน้าผมอีกครั้ง ด้วยรอยยิ้มที่ผมเองเคยปรารถนาที่จะได้รับเวลาผมมีเรื่องทุกข์ใจ จากคุณพ่อของผม ถึงแม้ว่าท่านตะจากผมไปแล้วก็ตาม
“เรียกเราว่าพ่อกับแม่ ฟังดูหนุ่มดูสาวขึ้นเยอะเลย ว่ามั้ยคุณ”
“ใช่ค่ะ”
และตัวผมเอง… ก็ไม่เคยรู้สึกถึงความอบอุ่นจากคำว่าพ่อมานานมากๆแล้ว แต่วันนี้ความอบอุ่นนั้นมันตลบอบอวลอยู่ในหัวใจของผมจนอยากจะเก็บความทรงจำนี้เอาไว้ในลิ้นชักของชีวิตชั้นที่ลึกที่สุด เพราะผมจะได้ไม่ต้องเสียมันไปอีก
“ครับ คุณพ่อ… คุณแม่”
“แล้ว… พี่สองคนจะไม่สวมแหวนให้กันหรอคะ วันนี้วันดีน้า มีพ่อกับแม่คอยเป็นสักขีพยานรักให้ น่าอิจฉาจะตาย”น้องตาลนี่พูดขึ้นมาได้ถูกจังหวะจริงๆ และแถมคุณพ่อคุณพ่อก็พยักหน้าเป็นการเห็นดีเห็นงามอีกซะด้วย ผมจับมือตั้มขึ้นมาและสวมแหวนนั้นเข้าไปช้าๆที่นิ้วนางของเขา และตั้ม… ก็สวมแหวนกลับให้ผมเช่นกัน และท่านทั้งสองก็จับมือเราทั้งสองคนมาประสานกัน
“พ่อคิดว่า… พ่อกับแม่มอบพิธีแต่งงานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดให้กับลูกทั้งสองคนแล้ว ขอให้ลูกประคองรักกันไปยาวนานนะลูก”
“ดูแลกันไปเรื่อย เหมือนพ่อกับแม่นะจ้ะ” เราทั้งสองคน ก้มลงกราบที่ตักของท่าน
“ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณที่เห็นถึงความตั้งใจของผม และช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายของผมให้มันกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง” ในตอนนั้นตาลอาสาที่จะถ่ายรูปความทรงจำนี้ให้กับเรา แต่ในบันทึกความทรงจำผม ไม่ใช่จะมีแค่พ่อกับแม่ของตั้ม เพราะพ่อกับแม่ของผมท่านได้กลับมายื่มแสดงความยินดีในรูปล้ำค่าที่สุดใบนี้เช่นกัน
……..
“แล้วนี่… ลูกสองคนจะออกไปไหนกันต่อรึเปล่า”
“ก็คงตรงกลับห้องเลยน่ะครับพ่อ… พ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ”ตั้มถามอย่างใจเย็น
“จะว่ามีก็ไม่ใช่…. พ่อจะบอกว่า เมื่อวานพ่อกับแม่ ไปเยี่ยมแพรวที่ทัณฑสถานมา… เขาเปลี่ยนไปมากเลยนะลูก เปลี่ยนไปจนไม่น่าเชื่อ”น่าดูเห็นอกเห็นใจ
“แล้วพ่อกับแม่ได้พูดคุยกับอะไรกับแพรวไปบ้างล่ะครับ”
“ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรมากมาย แค่ถามถึงความเป็นอยู่ การปรับตัว แล้วก็เรื่องสัพเพเหระ กลัวคุยไปมากๆแล้วเขาจะเครียด… แล้ว…. ลูกทั้งสองคน ได้ไปเยี่ยมแพรวกันมาบ้าวหรือเปล่า”เป็นคำถามที่ตอบยากเหมือนกันนะ
“ไม่ได้ไปหรอกครับ… ผมกับตั้มกลัวแพรวเขาจะรับไม่ได้ที่เราสองคนทำให้เขามีจุดจบแบบนั้น และตั้มเขาก็ยิ่งรู้สึกผิดทุกครั้งที่พูดถึงแพรวขึ้นมา” ผมตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ความรู้สึกผิด…. พ่อเข้าใจ… แต่เวลาที่ผ่านมาเกือบสองปี พ่อว่าแพรวคงยอมรับความรู้สึกผิดหลายๆอย่างได้มากขึ้นแล้ว ลูกก็ควรทำได้เหมือนกัน หน้าที่… และความถูกผิดมันคนละเรื่องกันนะลูก อย่าเอาความรู้สึกผิดมาเป็นกำลังเพื่อที่จะตัดขาดกับใครสักคน เพราะคนที่เจ็บปวดมันไม่ใช่เขา… แต่อาจจะเป็นเรา” เป็นคำแนะนำที่ดีสำหรับตั้มในตอนนี้ “มีโอกาส ก็ไปพูดคุยกันซะ ยังไง เขาก็เคยเป็นเพื่อนเรา”
“ครับ”
เราทั้งคู่นั่งคุยอยู่กับคุณพ่อได้สักพัก ก่อนที่จะขอปลีกตัวแยกออกมา
“จะไปไหนก่อนมั้ยคุณ หรือจะกลับห้องเลย” ผมถามขึ้นพร้อมสตาร์ทรถ
“ไปเยี่ยมแพรวกัน”
“คุณแน่ใจนะ”
“แน่ใจ… ก็แค่ไปเยี่ยมเพื่อน… ที่ทำความผิดไว้… ก็เท่านั้นเอง” ในเมื่อภรรยาผมแน่ใจ ผมก็ไม่มีอะไรต้องขัด ผมขับรถพาตั้มไปยัง ทัณฑสถานที่แพรวถูกคุมขัง ซึ่งอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ เพียงไม่เกิน 1 ชม.ก็ถึง
เมื่อมาถึง ผมกับตั้มเดินเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเขียนใบคำร้องขอเข้าเยี่ยม โชคดีว่าเรายังมาทันเวลาเยี่ยมช่วงบ่าย หลังจากเรายื่นเอกสารทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เพียงแต่นั่งรอทางเจ้าหน้าที่เรียกชื่อของเราเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่ได้นาน ทางเจ้าหน้าที่ก็ประกาศเรียกชื่อเรา ให้ไปเข้าเยี่ยมแพรวได้ที่ตึกใหม่ และก่อนที่เราทั้งคู่จะเข้าไปเยี่ยม ทางทัณฑสถานจะตรวจค้นร่างกาย และให้เราเก็บสิ่งของต่างๆเช่นโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในล็อกเกอร์ที่ทางสถานที่จัดเตรียมไว้ให้ เเละเรามีเวลาแค่เพียง 20นาทีในการพูดคุยเท่านั้น
ในรอบเกือบจะสองปี นี่คือครั้งแรกที่เราทั้งคู่จะได้เจอหน้าแพรวหลังจากที่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายนั้นขึ้น ตั้มยกหูโทรศัพท์ขึ้น เธอก็เช่นกัน
พาร์ทของตั้ม
“สวัสดีแพรว ขอโทษนะ ที่ไม่ได้มาเยี่ยมเลย” เธอดูเปลี่ยนแปลงไปมาก
“ไม่เป็นไร แพรวเข้าใจ กว่าอาการตั้มจะดีขึ้น ก็คงใช้เวลาพอสมควรเลย”
“ใช่… แล้ว.. แพรวปรับตัวได้แล้วใช่มั้ย”
“ได้แล้วล่ะ ได้ตั้งแต่เดือนแรก เพราะถ้าแพรวไม่ปรับตัว ก็คงอยู่ที่นี่ลำบาก”
“เรา… อยากจะขอโทษแพรวในทุกๆเรื่อง ที่เราเป็นต้นเหตุ และก็อยากขอบคุณแพรวด้วย ที่ยังทำให้ตั้มรู้ว่า ตั้มมีข้อเสียอะไร”
“ขอบคุณฆาตกรอย่างแพรวเนี้ยนะ ตั้มเก็บเอาไว้ใช้กับคนที่สมควรให้คำขอโทษเถอะ สำหรับแพรว แพรวไม่มีค่าพอสำหรับคำนั้น”
“แต่สำหรับตั้มแพรวมี ระหว่างเรามันยังมีสายใยของคำว่าเพื่อนผูกกันไว้อยู่ แพรวก็คือแพรว ตั้มก็คือตั้ม ทุกคนเป็นคนเดิม และหวังว่า วันนึง แพรวจะกลับมาเป็นคนเดิม คนที่ตั้มรู้จักตั้งแต่มัธยม”
“คงจะยากเกินไปสำหรับแพรว เพราะตัวตนของแพรวคนเดิม มันหายไปตั้งแต่วันที่ทำร้ายตั้มไปแล้ว”
“ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา รวมถึงการทำใจ และการให้อภัย และวันนี้เป็นวันที่ตั้มปลดล็อคตัวเองได้จากคำพูดของพ่อตั้ม และตั้มก็อยากให้แพรวปลดล็อคมันด้วยเหมือนกัน…ตั้มให้อภัยแพรวนะ…อโหสิกรรมให้กับทุกสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับเราสองคน เพราะคนเราคงจะมีชีวิตอยู่แล้วจมปลักกับความเจ็บปวดอย่างเดียวไม่ได้”
“แพรว…แพรวขอบคุณตั้มนะ… ตั้ม… แพรวขอคุยกับเขาคนนั้นหน่อยได้มั้ย”
พาร์ทของชัช
“สวัสดี… ผมนึกว่าคุณจะมองผมเป็นอากาศธาตุซะอีก”
“ไม่หรอก เพราะถ้าคุณเป็นอากาศ ที่ชั้นต้องหายใจเข้าไป ชั้นยอมตายดีกว่า”
“อืม… ก็พอเข้าใจได้… แล้วคุณมีอะไรจะคุยกับคนที่ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับคุณ”
“ชั้นแค่อยากจะบอกอะไรกับคุณ ความสุขที่คุณมี มันอาจจะไม่ใช่ของจริงอย่างที่คุณเข้าใจก็ได้… คุณรู้หรอ ว่าความรักจริงๆมันคืออะไร อะไรที่คนเราเรียกมันว่าความรัก
ความโลภ คนเราก็เรียกมันว่าความรัก เพราะอยากจะได้อยากจะมีมันมากขึ้น มากขึ้น ความโกรธ คนเราก็ชอบพูดว่าโกรธเพราะความรัก… รักมาก… ก็โกรธมาก…
ความหลง… เพราะรักมากชอบมากก็เลยหลงมาก หลงจนโงหัวไม่ขึ้น ยอมทำได้แม้แต่สิ่งที่มันเลวร้ายที่สุด และคุณบอกชั้นทีสิ ว่าความรักที่คุณมี มีอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่ชั้นพูดมั้ย”
“มีสิ… นอกจาก รัก โลภ โกรธ หลง ที่คุณพูดมา มันยังมีอย่างอื่นอีกหลายอย่างที่ตัวคุณยังเข้าไม่ถึง แต่ผมคงไม่แนะนำคุณหรอก เพราะผมไม่ใช่คนที่ดีจนแนะนำเรื่องพวกนี้ให้กับคุณได้… แต่แค่คุณจงรู้เอาไว้ ถ้ามนุษย์ไม่รู้จักกับคำว่า”พอ” หรือคำว่า”เข้าใจ”เขาพวกนั้นก็คงจะเป็นแบบคุณ เพราะถ้าเขารู้ว่าทุกอย่างที่เขาทำมันไม่เป็นผลหรือไม่มีผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ เขาก็จะต้องรู้จัก พอ และเมื่อคุณรู้จักที่จะพอ และทำความ เข้าใจ ว่าทำไมคุณต้องพอ คุณก็จะหยุดความคิดที่เลวร้ายออกจากหัวคุณได้ หรือเรียกง่ายๆ… ว่ายอมรับความจริง”
“ใช่ ต้องยอมรับความจริง เเต่เสียใจด้วยนะ เผอิญ ชั้นยอมรับความจริงไม่เป็น คุณก็ระวังเอาไว้แล้วกัน ว่ารัก มันมักจะมีเรื่องร้ายๆเข้ามาด้วยเสมอ สำหรับชั้น ความรักมันทำให้ชั้นต้องเป็นคนที่ร้าย แต่ชั้นก็ยอม เข้าใจใช่มั้ย ว่า ร้าย… เพราะ… รัก” ผมคว้าคอตั้มเข้ามากอด
“คุณร้าย… แล้วเคยได้มั้ย… ความรัก”ผมมองจ้องหน้าเธอไม่ละสายตา “ผมไม่ใช่คนดี… ผมบอกคุณแล้ว แล้วถ้ามั่นใจว่าสิ่งที่ตั้มพูดกับคุณไปมันคือความรักล่ะก็ ผมเสียใจด้วย… เพราะเขาแค่ สงสาร คนอย่างคุณ ก็เท่านั้นเอง”สายตาของเธอดูเย็นยะเยือก แต่ผมไม่คิดจะกลัวมันเลยแม้แต่นิดเดียว
“หลังจากนี้ ผมขอให้คุณยอมรับความจริงซะ เพราะถ้าคุณทำได้ แปลว่าความเป็นคนในตัวของคุณมันยังหลงเหลืออยู่” ผมจัดการวางสาย และจัดการเดินออกไปยังด้านนอก ผมกับตั้มจัดการฝากเงินไว้กับเจ้าหน้าที่เพื่อไว้เป็นค่าใช้จ่ายและค่าอาหารให้กับหมอแพรว เพราะจากที่สอบถาม หมอแพรวไม่มีญาติที่ไหนเข้ามาเยี่ยมเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว มีแค่พ่อกับแม่ของตั้ม และก็เรา
“เราจะไปไหนกันต่อดี กลับห้องเลยมั้ย”ผมถามขึ้น
“ใช่ กลับห้องเลย เพราะผมเริ่มหลงคุณเข้าซะแล้ว”
“หลงผม… ระวังจะโงหัวไม่ขึ้นนะ”ผมแซว “… แต่เดี๋ยว คุณได้ยินที่หมอแพรวพูดด้วยหรอ” ทำมาเป็นยักคิ้วใส่ผม
“ก็เสียงออกจะดัง…” ก็จริง “ปล่อยเรื่องนั้นไปเถอะ ผมอยากจะโงหัวไม่ขึ้นเต็มทีแล้ว”
“แล้วจะมัวรออะไรล่ะ… รีบไปเลย”
ผมไม่รู้หรอก ว่าวันพรุ่งนี้สำหรับเราทั้งคู่มันจะเป็นยังไง ผมรู้แค่ว่าวันนี้ ตั้มคือคู่ชีวิตที่ผมเลือกแล้ว จะมีอะไรมาพิสูจน์ความรักครั้งนี้ของผมกับเขา ผมก็พร้อมทั้งนั้น แล้วพวกคุณล่ะ เคย ร้าย... เพราะ... รัก. กันบ้างรึเปล่า