บอกไว้ว่าวันสองวันจะมาลง ก็...ยาวครับ งานยุ่งไม่เท่าไหร่ เขียนๆ ลบๆ นี่หนักกว่าจริงๆ ครับ
บทที่ 69 ความทุกข์ของบิ๊กกับแทนเดินมาถึงจุดที่เกินรับไหว จนทำให้ทั้งคู่ได้เจอกันอีก และจะเป็นจุดที่ทำให้ตัวละครสำคัญลงมาแก้ปัญหาความรักของบิ๊กกับแทนในบทที่ 70 และอีก 9-10 บทต่อจากนี้ จะมีเรื่องสำคัญที่เกิดกับแทน และจะมีตัวละครสำคัญอีกคนที่ลงมาแก้ปัญหาเรื่องบิ๊กกับแทนให้ลุล่วงไปด้วยดีครับ
มาอ่านกันต่อครับ^^
*********
Chapter 69 ท่ามกลางแสงไฟที่ผมยืนตอนนี้ รอบตัวมีแค่ลูกกรงสี่เหลี่ยม เสียงเชียร์ของผู้ชมที่กระหายเหมือนสัตว์ป่าที่รอกินเนื้อแทบจะเขย่ากรงให้สั่นได้โดยไม่ต้องใช้มือสัมผัส เหงื่อที่ไหลเต็มร่างกายตอนนี้ พอจะสบายตัวบ้าง เพราะไม่ได้ใส่เสื้อเอาไว้ กางเกงขา Nike Pro Combat ขาสั้นรัดรูป ที่ข้างในมีกระจับตรงเป้า ยังคงทำหน้าที่ป้องกันจุดสำคัญ รวมถึงการซับเหงื่อได้ดีเหมือนเดิม กำปั้นพันผ้าทั้งสองข้างตอนนี้ เต็มไปด้วยเลือดของคู่ต่อสู้ที่ผมน็อคจนต้องห่ามออกไปแล้วสองคน คนที่สามที่ผมจะต่อยด้วย ถ้าผมชนะ เงินหกแสนที่ผมจะได้จากส่วนแบ่งของการแทงของผู้ชมในคืนนี้ ผมรับกลับไปเลย
แต่ถ้าผมแพ้...ทุกอย่างคือศูนย์ และคู่ชกผมก็มาแล้ว ประเมินคร่าวๆ น่าจะอายุสัก 23-24 เป็นนักมวยไทยเก่ามาก่อน ช่วงตัวทั้งหมดยาวกว่าผม และน่าจะไวเอาเรื่องทีเดียว เสียงกระแทกนวมข่มขวัญของคู่ชกผม ไม่ได้ทำให้ผมกลัวสักนิด ตรงกันข้าม ผมยิ่งอยากคว่ำไอ้หมอนี่ลงให้ได้ด้วยซ้ำ
ทันทีที่อีกฝ่ายเดินเข้าหา สิ่งที่ผมทำก่อนคือ หลบและก็หลบ ใช่เลย ช่วงชกของคู่ต่อสู้ผมยาวกว่าจริงๆ สิ่งที่ผมทำได้คือเดินรอบๆ แล้วตั้งการ์ดป้องกันช่วงหมัดที่ยาว แล้วอาศัยความไวดักต่อยด้านข้างทีละหมัดสองหมัด อีกอย่าง ผมต่อยมาสองรอบแล้ว แรงหายไปเยอะเอาเรื่อง การโดนอัดสีข้างก็ไม่ใช่เรื่องดีนักสำหรับนักมวยเท่าไหร่หรอก วนแทบจะรอบเวที มาอีกระลอก หมัดขวาที่หวดมาผมก้มหลบลง แล้วยิงหมัดชุดอัดเข้าท้องก่อนจะถอยออก แล้วหมัดซ้ายแบบอัปเปอร์คัทก็อัดเข้ามา ผมต้องถอยหลังอย่างไว แล้วเตะเจาะยางเข้าไป แต่อีกฝ่ายก็แข็งไม่สะท้านเลย แถมดันเปิดช่องให้อีกฝ่ายซัดหมัดซ้ายเข้าหน้าผมเต็มๆ
1 2 3 4 5 6 7 8…ลุกขึ้นมาไอ้บิ๊ก ดีมาก ผมสะบัดหน้าไล่ความมึนออกไปก่อน พอยืนได้เรียบร้อย เสียงประกาศจากกรรมการสนามบอกให้ต่อยต่อ อีกฝ่ายวิ่งเข้าหาผมทันที และจังหวะที่ผมพอเห็นว่าการ์ดของอีกฝ่ายว่าง ผมโน้มตัวก้มลง แล้วยิงหมัดขวาสวนเข้าคางเต็มๆ สุดแรงเกิด....
สิ่งที่ผมเห็นแบบไม่ชัดนักในเสี้ยววินาทีถัดมาหลังจากต่อยไปแล้ว คืออีกฝ่ายลอยตกลงไปกับพื้นจนแน่นิ่งไปเรียบร้อย ความรู้สึกเจ็บที่กระดูกของนิ้วทั้งสี่นิ้วที่ทำหน้าที่ส่งแรงอัดก็ตามมา
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10…ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอกสุดๆ แล้วเดินออกจากกรงไป เสียงเฮโลต่างๆ ผมไม่ได้สนใจมันมากนัก พอผมกลับเข้าไปที่ล็อคเกอร์ห้องแต่งตัว ผมนั่งถอดผ้าที่พันมือทั้งสองข้างออกช้าๆ มันก็เหมือนทุกครั้ง เจ็บ ชา ช้ำเลือด ผมมองดูมันด้วยความรู้สึกที่ไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป ก่อนจะไปอาบน้ำ แต่งตัวให้เรียบร้อย
เงินหกแสนถูกโอนเข้าบัญชีผมเรียบร้อยแล้ว ภาพในกระจกหมวกกันน็อคตอนนี้ คือถนนที่โล่งจนแทบร้างในเวลาตีหนึ่ง...ของวันใหม่ที่กำลังจะเช้า มันเหมือนกับใจผมที่โล่งไม่มีที่ไปแบบนี้ ผมเข้าใจคำว่า ชีวิตไม่มีความแน่นอน ก็ในวันที่ผมรู้สึกว่างเปล่าแบบนี้แหละ ความว่างเปล่าเหรอ...มันทำให้ผมล่องลอยไปหาใครบางคนในบางคืนเพื่อแก้เหงาทางกาย บางคืนที่ผมเดือดอย่างบอกไม่ถูก ผมก็ต้องการแค่อัดใครให้ตายคามือโดยไม่ต้องหาเหตุผล
ปุ๊บ...เสียงร่างแน่นๆ ของผมที่มีเพียงแค่กางเกงบ็อกเซอร์หนึ่งตัวกระแทกลงบนเตียง ผมรู้สึกเหนื่อยจนแทบไม่อยากคิดอะไรต่อ ดีที่วันรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์ ไม่มีนัดตอนเช้า เรียนพิเศษกลุ่มเล็กกับรุ่นพี่ที่มาติวให้ตอนบ่าย ทันทีที่ผมกางแขนออกกว้างๆ เตียงที่ผมนอนมันใหญ่เกินไปอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกเหงาบนเตียงนอนตัวเองมันเป็นแบบนี้ซินะ
แล้วแทนละ...สบายดีไหม ไม่มีคืนไหนที่ผมจะไม่คิดถึง คิดถึงจนต้องหลับเพื่อทำใจต่อไป
……………….
ปิ๊ปๆๆๆ
เสียงนกหวีดจบ Quater ที่ 3 หมดลง รอบชิงชนะเลิศบาสฯ ระดับมัธยมระดับประเทศ เป็นการกลับมาเจอกันของแชมป์คือโรงเรียนผม กับรองแชมป์ที่โรงเรียนผมยัดเยียดความพ่ายแพ้ในช่วงต่อเวลา คะแนนตอนนี้เสมอกันอยู่ที่ 67-67 เหลืออีกแค่ Quater สุดท้าย ที่จะตัดสินทุกอย่างเรียบร้อย
“ทุกคนทำได้ดีมากนะ เตรียมเจอเกมบุกของอีกฝ่ายได้เลย ตลอดสามเกมที่ผ่านมา เราเป็นฝ่ายวิ่งมากกว่าอย่างชัดเจน โค้ชขอให้ทุกคนพยายามดึงเกมให้ช้า เน้นชัวร์เข้าไว้ อย่าเล่นยากโดยไม่จำเป็น สำคัญมากนะ ยิ่งเวลาเหลือน้อย ถ้าเรายังรักษาสถาณการณ์นี้ได้ ขอแค่นำก้าวเดียว พอแล้ว” เราทุกคนในทีม รวมถึงน้องใหม่หลายคน ต่างก็ดื่มน้ำกันพอสมควร เพราะช่วงเกมที่สาม เราวิ่งกันเยอะมาก
“ไหวนะ” ผมพยักหน้าให้กับคำถามของไบรท์ขณะเช็ดหน้ากับหัวให้เรียบร้อย
“เรามาเพื่อชนะ” ผมไฮไฟว์กับไบรท์ก่อนจะทิ้งผ้าขนหนูแล้วกลับลงไปสนาม
ทันทีที่ลูกบาสฯ และผมโดดขึ้นไปปัดได้ก่อน การจ่ายบอลไปมาระหว่างทีมเป็นไปอย่างแม่นยำ แน่นอนว่าทุกการวิ่งกดดันให้จ่ายบอลพลาด บีบให้เราต้องเล่นน้อยครั้งที่สุด แล้วจบแต้มให้ได้ รวมถึงตัดเกมของอีกฝ่ายมาครองให้ได้มากที่สุด เพื่อฉกฉวยแต้มที่อีกฝ่ายควรจะได้ให้มากที่สุด เกมตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ น้องๆ หลายคน ถูกทั้งการ์ดและเซ็นเตอร์ของอีกฝ่ายกระแทกบ้าง นอกเกมแบบเนียนๆ บ้าง ถึงมีจับฟลาว์ได้ แต่ถ้าโดนแบบนี้ต่อเนื่องกัน คงไม่เป็นผลดีกับทีมแน่ๆ ผมส่งสัญญาณมือให้น้องๆ ใจเย็นๆ อย่ามีอารมณ์ตามอีกฝ่าย บทบาทกัปตัน ทำให้ผมต้องพยายามคุมเกมให้ทุกคนเล่นตามแผนที่โค้ชวางไว้ให้ดีที่สุด
30 วินาทีสุดท้ายก็มาถึง แต้มเท่ากันที่ 74-74 สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อไบรท์ยิงสามคะแนนพลาด ในขณะที่คนที่ใกล้บอลที่สุด วิ่งไม่ออกเพราะตะคริวกินขาจนล้ม ทำให้แต้มหนีไป 2 คะแนน ทันทีที่ลูกตกลงพื้น ผมโยนยาวไปหาไบรท์ทันที ภาพต่อจากนี้ที่ผมและทุกคนเห็นกันในวินาทีถัดมาคือ ไบรท์ยิงสามคะแนนออกไปอย่างใจเย็น ลูกบาสฯ ลอยโค้งลงแป้นโดยสัมผัสแค่เพียงตะข่ายด้านล่างของแป้นเท่านั้น
เสียงนกหวีดหมดเวลาคือสิ่งที่เกิดขึ้นในวินาทีถัดไป ทีมโรงเรียนผมชนะไปที่คะแนน 77-76 ผมทิ้งตัวลงไปนอนแผ่กับพื้นอย่างหมดแรง ทุกคนวิ่งเข้ามาในสนามกันเพื่อฉลองความสำเร็จนี้ ผมลุกขึ้นนั่ง มองเห็นบรรยากาศทั้งหมดที่ผู้ชนะกับผู้แพ้ต่างจับมือกันอย่างนักกีฬา เสียงปรบมือของผู้ชม ทำให้ผมนึกออกและกวาดสายตามองหาใครสักคนบนกลุ่มผู้ชม
“ภัทร” ผมหลุดออกจากภวังค์ของความคิดที่เกิดขึ้น โค้ชเรียกผมแล้ว แน่นอนว่าผมต้องเป็นคนแรกที่ขึ้นไปรับถ้วยรางวัล พร้อมกับเหรียญรางวัลในฐานแชมป์ประจำปีนี้ ก่อนที่คนอื่นในทีมจะทยอยเดินขึ้นไปรับเหรียญรางวัล ผมยังมองหาใครสักคนที่อยากให้เค้าอยู่ในเวลาที่มีความหมายเช่นนี้ คนนั้นคือ...
“เชิญมารวมกันถ่ายรูปด้วยนะครับ” เสียงช่างภาพของงานที่ตะโกนเรียก ทำให้ผมหายเหมอสักครู่ก่อนจะเดินไปรวมกับทุกคนในทีมเพื่อถ่ายรูปกัน สายตากับรอยยิ้มที่มีให้กล้อง แต่ใจผมคิดถึงบางคนที่อยากให้เค้าอยู่ตรงนี้ตอนที่ผมทำสำเร็จ ทำไมกัน ผมพาทีมป้องกันแชมป์ได้ แต่ผมไม่รู้สึกมีความสุขเลยสักนิด ความรู้สึกมันว่างเปล่าท่ามกลางรอยยิ้มของทุกคน
“แทนเป็นไรเปล่า” ผมนั่งอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของนักกีฬาเพื่ออาบน้ำ แต่งตัวกลับโรงเรียน ในขณะที่ทุกคนแยกย้ายไปอาบน้ำ แต่งตัว และเฉลิมฉลองกับความสำเร็จที่เราทั้งทีมพึ่งได้มา
“เปล่าๆ เราแค่เหนื่อยๆ อะ” ผมตอบไบรท์ที่มานั่งข้างๆ
“อยากให้บิ๊กมาดูใช่ปะ” ผมพยักหน้าให้กับคำถามของไบรท์
ไบรท์กอดไหล่ผมแน่นๆ ตบไหล่ผมเบาๆ ความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับไบรท์ แตกต่างกับบรรยากาศในห้องแต่งตัวที่ทุกคนยังคงยินดีกันอยู่
“มันว่างเปล่าอะ เราอยากให้คนแรกที่ปรบมือให้เราคือเค้า” ผมพยายามกลั้นความรู้สึกลึกๆ ไม่ให้ออกมาในเวลาที่ทุกคนกำลังมีความสุขกันอยู่
“เราเชื่อว่าถ้าบิ๊กรู้ว่าวันนี้เป็นไง บิ๊กดีใจแน่นอน เพราะคนนั้นเค้าไม่เคยเลิกรักแทนนะ...ไปอาบน้ำ แต่งตัวดีกว่า เดี๋ยวเราต้องกลับกันแล้วนะ” ไบรท์ดึงมือผมลุกขึ้น ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวกับกระเป๋าของใช้ส่วนตัวของผมยัดใส่มือให้เรียบร้อย
สายน้ำจากฝักบัวที่ไหลอาบร่าง ผมกำลังถูตัวล้างสบู่เหลวที่พึ่งอาบไปเมื่อสักครู่ หลับตาคิดว่า ถ้าตอนที่ผมชนะ แล้วบิ๊กอยู่ตรงนั้น ผมจะรู้สึกดียังไง ผมนึกภาพให้ชัดที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งผมนึกให้ชัด ผมยิ่งถูตัวแรงขึ้นเรื่อยๆ แรงขึ้น จนผมลืมตาขึ้น ทิ้งตัวลงนั่งกอดเข่าร้องไห้ ในขณะที่ฝักบัวยังคงเปิดอยู่เช่นนั้น
ผมอยากให้บิ๊กอยู่ตรงนั้น ผมอยากให้บิ๊กคือคนแรกที่ได้เห็นความสำเร็จผม
……………….
“พี่บิ๊กครับ แรงๆ ครับ อา ฮือๆๆ”
เสียงตอบรับของร่างที่ผมกำลังใช้สองแขนล็อคขาที่ผมยกขึ้นไว้ ถูกผมสวนความเป็นชายเข้าไปไม่ยั้งเต็มที่ เกือบ 20 นาทีที่ผมสวนเต็มแรง ผ่อนบ้าง และจับเปลี่ยนท่าโดยไม่ให้น้องคนนี้หลุดออกเด็ดขาด ไม่ได้ทำให้ผมเหนื่อยสักนิด ผมสวนจนร่างน้อยๆ ส่งแววตาหวานฉ่ำก่อนจะปล่อยความเป็นชายของตัวเองออกมา นั้นจึงเป็นสัญญาณที่ผมเร่งเต็มที่ แล้วถอนออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะฉีกเสื้อที่สวมไว้เพื่อปล่อยความเป็นชายของผมไปสงบลงบนหน้าอกกับหน้าท้องผิวสีแทนเข้มๆ เมื่อตัดกับสีขาวที่รดอยู่ มันเป็นภาพที่สุดอารมณ์ผมจริงๆ
“ผมรักพี่บิ๊กนะครับ” ผมไม่ตอบอะไรน้อง นอกจากทิ้งตัวลงนอนข้างๆ
“หมดแรงละครับ” ผมตอบน้องด้วยเสียงอ้อนๆ
“ก็พี่เสร็จสองรอบติดๆ กันแบบนี้ ถ้ายังไหว ผมก็หลวมซิครับ” ผมยิ้มกว้างๆ อย่างถูกใจ ก่อนจะหันหน้ากลับไปนอนมองเพดาน ผมปิดตาลงด้วยความหมดแรง
“เจ็บเหรอ” ผมถามแทนขณะที่ผมกำลังใส่เต็มที่
“แล้วบิ๊กโอเคไหมละ ถ้าโอเค ทำไปเถอะ” แทนตอบผมเสร็จ แล้วดึงผมไปจูบ ในขณะที่ผมยังคงใส่เต็มที่
“แทนรักบิ๊กนะ” สองมือของแทนจิกแผ่นหลังผมเต็มที่ เล็บทั้งสิบนิ้วกำลังจิกลงเต็มแรงกลางแผ่นหลังผม ผมก้มลงประกบริมฝีปากแล้วเร่งเครื่องเต็มที่
“ฮือๆๆๆ” ผมรู้สึกถึงแรงกระตุกของแทนที่ปล่อยออกมารดหน้าท้องของผมกับแทน ผมส่งต่ออีกไม่กี่ที แล้วถอนออก ก่อนจะรีบเอาไปจ่อปากแทน
แทนรีบดูดไว้แน่นๆ แล้วดื่มสิ่งที่ผมปล่อยออก ก่อนจะเลียทุกหยดจนสะอาด ผมถอยลงมานอนทับร่างของแทน ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงกลืนของเหลวลงท้องจากการสั่นไหวของลูกกระเดือกที่ลำคอของแทน
“ทำไมไม่ปล่อยเข้าไปอะ” เสียงอู้อี้ของแทนถามผม ผมพลิกตัวนอนตะแคงข้างๆ แทน
“ก็ปล่อยทุกวัน เปลี่ยนบ้างไม่ได้เหรอครับ” แทนลุกขึ้นนั่งก่อนจะหยิบกระดาษทิชชู่เช็ดคราบที่ท้อง เสร็จแล้วมานอนตะแคงข้างๆ ผม
“ก็บอกอยู่ เราอยากท้องอะ ทำให้เราท้องซิ จะอุ้มท้องไปเรียน บิ๊กเป็นพ่อของเด็กในท้องเราแน่นอน” ผมขยับตัวประกบริมฝีปากจูบอีกรอบ
“เพ้อเจ้อแล้ว ถ้าติดได้เราปั้มทุกปีเลย มีลูกแบบทีมฟุตบอลเลยไหม” ผมแซวความเพ้อเจ้อของแฟนตัวเอง
“ก็เอาซิ เราไหว บิ๊กอะ ไหวเปล่า” ผมพยักหน้าอย่างมั่นใจ
“ถ้าเราทำให้แทนมีลูกได้จริงๆ เราดีใจแหละ ลูกเรา ครอบครัวเรา ดีออก” ผมขยับไปนอนใกล้ๆ แทน
“เรามีอะไรกับใครไม่ได้อีกแล้ว ถ้าไม่ใช่แทน เราก็ไม่อยากมีใครอีก” ผมขยับตัวขึ้นคร่อมแทน ก่อนจะเริ่มต่อยกสอง แทนปล่อยอิสระให้ผมจัดการกับร่างกายของแทน โดยที่แทนได้แต่ส่งเสียงครางต่ำ
ผมลืมตาขึ้น...ลุกขึ้นจากเตียงด้วยร่างเปลือยเปล่า หยิบ Apple Watch ที่ถอดวางไว้หัวเตียงน้องเค้ามาดูเวลา ตีหนึ่งแล้ว...ตอนผมทำน้องเค้าเสร็จ น่าจะสี่ทุ่มกว่าๆ นี่ผมหลับยาวเอาเรื่องเหมือนกัน
น้องเค้าอาบน้ำตัวหอมนอนไปแล้ว แล้วกิจวัตรบางอย่างก็วนกลับมา ผมฝันถึงเรื่องเก่าๆ ทุกครั้งที่หลับลงไป แล้วผมต้องตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกที่อยากผ่านไป แต่ก็ไม่รู้จะทำไงให้ผ่านไปได้ดีกว่า การมีอะไรกับใครสักคนให้มันเสร็จและลืมไป ก็..6 เดือนแล้วมั่ง ที่ทุกอย่างวนไปมาแบบนี้ บางคืนก็เมา บางคืนก็หาที่ระบาย บางคืนก็ออกไปฆ่าตัวตายในเวทีกรงเหล็ก
อาบน้ำเสร็จ ผมใส่แค่ขาสั้นตัวเดียวไปสูบบุหรี่ที่ดาดฟ้าหอพักนี้คนเดียว ควันสีเทาที่ผ่านอากาศไปมันสวยงามมากสำหรับผม กลิ่นที่คุ้นเคยของบุหรี่ ช่วยให้ผมรู้สึกสงบลง ลดความเจ็บปวดทางใจบางอย่างลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ผมจะต้องอยู่ในสภาพนี้ไป หรือมันอาจจนกว่าผมตายไปนั้นแหละ
……………….
หัวดินสอที่กำลังเคาะลงกระดาษ คือความคิดที่ผมกำลังตัดสินใจว่าจะฝนข้อไหนเป็นคำตอบ นี่คือการสอบปลายภาคครั้งสุดท้ายในชีวิตนักเรียน ม.ปลาย สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนทุกครั้งของการสอบที่ผ่านมา คือการไม่มีแทนมาติวให้ผม ผมตั้งใจมากสำหรับการสอบครั้งนี้ ไม่อยากตกเด็ดขาด บางข้อก็ยอมรับว่าต้องมั่ว เพราะคิดไม่ออกจริงๆ แต่อันไหนพอทำได้ ก็เต็มที่แหละ
อย่างน้อย เพื่ออนาคตตัวเอง แต่สิ่งที่ผมตั้งใจทำที่สุดคือ...ผมอยากให้แทนเห็นว่า ผมอยู่เองได้ พึ่งพาตัวเองได้ ผมว่าแทนคงทำข้อสอบพวกนี้สบายๆ แหละ สะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านแล้วทำต่อให้เสร็จดีกว่า...
“ไอ้บิ๊ก ไอ้บิ๊ก” เสียงเรียกของตั้มผสมวิ่งทำให้มันต้องหยุดพักหอบสักครู่ก่อนจะเริ่มพูด
“พวกกูหามึงกันทั้งโรงเรียน มึงไปอยู่ไหนมาวะ” นึกว่าเรื่องอะไร ผมไปอยู่เงียบๆ มานั้นแหละ
“กูไปหาที่เงียบๆ สงบตัวเองนิดหน่อยวะ โทษที” ผมโอบไหล่ตั้มทีนึง ก่อนจะดึงมือกลับไปแล้วเดินกลับไปกับตั้ม
“มึงสอบโค้วต้าวิทย์ฯกีฬา ใช่ปะ” ผมพยักหน้าใช่
“ผลน่าจะออกสัปดาห์หน้าอะ กูไม่หวังวะ สอบไม่น่าจะติด” ผมยิ้มๆ เฉยๆ นะ เพราะสอบไม่น่าติด
“ให้ผลมันออกก่อน มึงอาจติดก็ได้ อย่างมาก ม.เอกชน รออยู่วะ” ก็ถูกของมึงนะตั้ม
“สงสัยพวกเราทั้งกลุ่มได้ไปโผล่แถว ม.เอกชน แหง่ๆ” ไม่หรอกมั่ง พวกมึงเก่งกว่ากูตั้งเยอะ
“กูเคยคิดไว้วะ...กูอยากเข้ามหาลัยเดียวกับแทน คนละคณะไม่เป็นไร แต่อยากอยู่ใกล้ๆ ไม่ใช่ติดแฟนนะ แต่อยากเรียนจบในที่ดีๆ จบแบบ กูก็ทำได้ อะไรแบบนี้วะ” มึงเข้าใจใช่มะตั้ม
“บางที ตอนนี้กูก็นึกไม่ออกว่าจะใช้ชีวิตทั้งหมดนี้ต่อไปเพื่ออะไร กูรู้สึกแบบนั้นวะ มัน...ล่องลอยไม่มีหลักอย่างบอกไม่ถูก” มึงคงเข้าใจกูนะ
“มึงอยากรู้เรื่องแทน มึงก็ถามผ่านไบรท์มันซิวะ” ผมรู้สึกอึ้งๆ นิดหน่อยที่พยายามจะไม่นึกถึงเรื่องนี้
“กูรู้ว่ามึงคิดถึงเค้าอยู่” ผมได้แต่พยักหน้าอย่างเดียว
“กูขอตัวแป็ปนะ เจอกันที่บ้านไอ้แชมป์ตอนหลังสอบวิชาสุดท้ายเสร็จ เดี๋ยวกูไปเข้าห้องสอบเอง” ผมวิ่งออกไปหลังจากบอกลาตั้มเสร็จ
ผมหามุมสงบๆ หยิบ iPhone ตัวเองกดเบอร์โทรศัพท์ที่ผมไม่เคยลืมจากหัว ทันที เหลือแฟค่อย่างเดียวคือ กดโทรออก...โทรออกก็ได้
“ฮัลโหลแทน เออ สอบปลายภาคยังอะ” ผมไม่รู้จะเริ่มเปิดประเด็นยังไงดี
“พรุ่งนี้วันสุดท้าย แล้วบิ๊กอะ” ผมรู้สึกดีชะมัดที่ได้ยินแค่เสียง ถึงมันจะเป็นแค่น้ำเสียงตอบคำถามตามปกติ
“วันนี้วันสุดท้ายอะ งั้น...แทนว่างใช่ปะ ตอนเย็นๆ สักห้าโมง คือ เราอยากเจอได้ไหม” ตั้งแต่เราสองคนแยกทางกัน นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมอยากเจอแทนจริงๆ
“เราอยากกินข้าวด้วยเฉยๆ คือ เราอยากกินข้าวด้วย” แทนไม่ตอบอะไรหลังจากผมบอกไปว่าอยากเจอ
“บิ๊กอยากเจอเราเหรอ” ผมตอบทันทีอย่างที่ใจบอกว่า
“ห้าโมงเย็น ร้านซูชิที่เราเคยพาแทนไปทานแถวพร้อมพงศ์ ถ้าแทนไม่มา เราจะรอจนกว่าร้านจะปิด” นี่คือคำตอบของผม
"อือ เจอกันนะ" ผมวางสายลง ไม่ตอบอะไรต่อ ดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่นัดได้
ข้อสอบวิชาสุดท้ายที่ผมกำลังทำ มันไม่ยากสำหรับผมเลย ไม่ใช่เพราะผมเก่งหรืออ่านหนังสือมาดี แต่ผมอยากให้เวลามันวิ่งไปถึงเวลานัดที่ผมนัดไว้ เวลาสอบสองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมคิดว่าทำเร็วแล้วนะ แต่พอทำเสร็จ ดันพอดีกับที่อาจารย์ประกาศหมดเวลาสอบ เงยหน้ามาอีกที เหลืออยู่ไม่กี่คนในห้องสอบ ส่วนพรรคพวกผม ออกไปก่อนหมดละ
“พวกมึง กูมีธุระ กูไปก่อนนะ” นี่คือคำแรกที่ผมตะโกนบอกแชมป์ที่เป็นเจ้าของที่จอดน้องถ่าน ผมรีบกระชับกระเป๋าเป้ให้แน่น ใส่หมวกกันน็อคกับถุงมือให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็ว แล้วติดเครื่องออกจากบ้านไปเลย ไม่แน่ใจว่าแชมป์มันถามผมเปล่าว่า “มึงจะไปไหน”
ห้าโมงสิบห้า รถที่โคตรติดตั้งแต่หน้าปากซอยข้างโรงเรียนผมยันพร้อมพงษ์ ทำให้ผมหงุดหงิดที่มาสาย หลายแยกก็ไม่มีจังหวะเป็นใจให้ผมแหกไฟแดง แล้วผมก็จอดน้องถ่านพร้อมขึ้นขาตั้งกับล็อคคอเรียบร้อย ถอดหมวกกันน็อคเสร็จเดินเข้าร้านไป
“เราขอโทษ รถมันติดมากเลยอะ” ผมรีบไปนั่งโต๊ะที่แทนนั่งรอผมอยู่ก่อนหน้าแล้ว แทนส่ายหน้ายิ้มๆ ไม่เป็นไร
“อือ มันติดมากแหละ เราก็นึกว่าจะสายเหมือนกัน” ผมรับเมนูจากบริกรแล้วเปิดดูก่อน
“แทนสั่งเลยนะ เราเลี้ยงเอง” ผมจัดแจงสั่งข้าวปั้นทุกหน้าที่ผมจำได้ว่าแทนชอบทาน รวมถึงปลาดิบชุดใหญ่ พอผมมองแทนว่าจะสั่งอะไร แทนก็ตอบผมแค่
“สั่งให้เราหมดแล้วนะ ไม่ต้องสั่งเลย” ผมดีใจชะมัดที่เห็นรอยยิ้มเล็กๆ ของแฟนผม
“ทำไมอยากเจอเรา คือ...เราทำให้บิ๊กเสียใจขนาดนี้ บิ๊กเองก็...” ผมยกฝ่ามือเบรคคำถามของแทนทันที
“เราไม่เคยโกรธแทน แต่เราไม่อยากให้แทนเดือดร้อนหรือเป็นทุกข์เพราะเราอีก เรา...อือ กินก่อนดีกว่า เราหิวอะ ขับรถมาไกล” ผมพยายามยิ้มกลบอารมณ์จริงๆ ที่ผมอยากบอกแทนออกไปตอนนี้ แทนได้แต่พยักหน้า
ประเด็นที่คุยหลังจากรออาหารกับทานอาหาร เลยมีแค่เรื่องสัพเพเหระของเพื่อนๆ ผม ไบรท์ รวมถึงเรื่องเรียนเป็นหลัก พอผมบอกแทนว่ายื่นโค้วต้าคณะอะไรไป ผมเห็นแววตาของแทนดีใจมาก ผมสบายใจที่ทำให้คนที่ผมรักหมดห่วงเรื่องอนาคตที่เรียนผมได้เปลาะหนึ่ง
“อิ่มไหม” แทนพยักหน้า ส่วนผมเช็ดปากสักครู่ แล้วเรียกเก็บเงินให้เรียบร้อย ผมรวบรวมความรู้สึกสักครู่ ในขณะที่สองมือของแทนกำลังกุมถ้วยชาร้อนที่เริ่มเย็นลงจนสัมผัสได้สบายๆ
“เราอยากคุยกับแทน เราเลยนัดออกมา คือ...แทน...เราอยากได้แทนกลับมา เราไม่สนว่าจะเจ็บตัวแค่ไหน หรือต้องเจออะไรอีก เราแค่อยากให้แทนกลับมาอยู่กับเรา คือ...” ให้ตายเถอะ ผมพูดวกไปวนมาอะไรวะเนี่ย ผมพยายามใช้สายตาตัวเองส่งความรู้สึกนี้ให้แทนรับรู้ว่าผมอยากสื่ออะไรออกไป
“เราหาที่เงียบๆ คุยกันไหม” แทนเอยปากชวนผม
“แทนกลับบ้านดึกไม่ได้ไม่ใช่เหรอ พรุ่งนี้ก็สอบอีก” ผมไม่อยากให้แทนเดือดร้อน
“เราอยากไปกับบิ๊ก จะดึกก็ไม่เป็นไร จะเช้าก็ไม่เป็นไร ถ้าเราได้อยู่กับบิ๊ก เราก็พอใจแล้ว” แทนเอื้อมมือมากุมมือที่ผมวางไว้บนโต๊ะ
“แทนร้องไห้ทำไม” ผมเห็นน้ำตาของแทนไหลอาบแก้มช้าๆ
“บิ๊กจะพาเราไปไหม” ผมพยักหน้าโอเค
ผมไม่ได้ขับน้องถ่านแบบไม่ใส่หมวกกันน็อคนานแค่ไหนก็ไม่รู้ แต่ที่รู้คือ กอดที่คนรักผมกำลังโอบผมตอนนี้มันแนบแน่นมากๆ ผมพาวิ่งในถนนที่กะว่าจะไม่เจอตำรวจจับเรื่องหมวกกันน็อค แล้วผมก็พาแทนมาถึงสวนหย่อมแห่งหนึ่งที่ดูปลอดภัย เงียบ และสว่างกำลังดี
ม้านั่งที่ผมกับแทนนั่งอยู่ตอนนี้ ผมกุมมือแทนไว้หลวมๆ ไม่มีคำพูดจากเราทั้งคู่ แทนค่อยๆ ขยับตัวเอียงศีรษะอิงไหล่ผม ผมนั่งย่อลงให้ไหล่ผมรับพอดี ผมเอียงศีรษะพิงกับแทนเอาไว้ ผมกุมมือให้แน่นขึ้นอีกนิด ถ้าหยุดเวลาไว้ตรงนี้ได้ ผมจะหยุดไว้ตลอดไปก็คงดี
“เราเกลียดตัวเองจัง” แทนเอยปากพูดขึ้นมา ผมอิงศีรษะให้พิงสนิทมากขึ้น
“เราเกลียดที่เป็นตัวเองไม่ได้ ทำให้พ่อกับแม่ยอมรับในตัวเราไม่ได้ และที่เราเกลียดที่สุด คือเราปกป้องคนที่เรารักไม่ได้” ผมถอนหายใจเบาๆ
“แทน ที่เราอยากเจอแทนวันนี้ เราอยากบอกว่า เราไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว ตั้งแต่เราไม่มีแทน เราไม่รู้จะอยู่ไปทำไม เกือบทุกคืนมันทรมาณจนแทบอยู่ไม่ได้ เราทำหมดทุกอย่างแล้ว นอนก็ไม่ลง ดื่มเหล้าแค่ไหนก็ไม่รู้สึกดีขึ้น ออกไปอยู่ในกรงมวยใต้ดิน หวังว่าจะเจอคู่ต่อสู้ที่ทำให้เราตายในกรงไปเลย แต่พอเรานึกถึงแทนในเสียววินาที เราก็สู้สุดใจเพื่อใช้ชีวิตต่อไป บางคืนเรานอนกับคนที่เราถูกใจ แล้วพอเราเสร็จ เราก็รู้สึกเหงา เพราะคนที่เรานอนด้วยไม่ใช่แทน บางที เราก็เกลียดแทน ที่ทำให้เราต้องเป็นแบบนี้ แต่เราก็เกลียดไม่ลงสักนิด เพราะคำว่าความรัก แทนคือคนที่ทำให้เรารู้จักมัน” ผมไม่ไหวแล้ว...ผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้วจริงๆ
“ฮือๆๆๆ” แทนหันมากอดผมเอาไว้ในขณะที่ผมยังคงร้องไห้อยู่
“เราขาดแทนไม่ได้จริงๆ รู้ไหม ฮือๆๆๆ” ทุกอย่างที่ผ่านมามันทำให้ผมทุกข์จนระเบิดออกมา
“บิ๊ก เราหนีไปด้วยกันไหม” มันเป็นความคิดที่ดีนะ สำหรับโลกของความเป็นจริงที่ผมกับแทนกำลังเผชิญอยู่
“ถ้าเราหนีไปด้วยกัน คนทั้งโลกจะไม่โอเคกับเรา” ผมปรับเสียงให้นิ่งที่สุด หยุดร้องไห้เพื่อเข้มแข็งกับการแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ดีที่สุด
“เราจะบอกพ่อกับแม่เรา ว่าเราต้องการอะไร” ผมส่ายหน้าให้เป็นคำตอบว่ามันไม่ใช่วิธีที่ดีแน่ๆ
“เราจะไม่หนีอีกแล้ว เชื่อใจเรานะ เราต้องไปด้วยกันต่อได้ สัญญากับเราได้ไหมบิ๊ก” ผมดึงแทนมากอด
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เราเดินไปบอกพ่อกับแม่เราแล้ว บิ๊กจะดูแลตัวเอง รักตัวเอง และไม่ทำร้ายตัวเองอีก สัญญาได้ไหม” ผมพยักหน้าขณะที่กอดอยู่
“เราจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ต่อให้ไม่เจอแทนอีกต่อไป สัญญาครับ” ต่อให้แทนจะไม่ได้กลับมาเจอผมอีก ผมก็ไม่เสียใจอีกแล้ว
ผมกับแทนลุกขึ้นยืนแล้วกอดกันแน่นๆ ภาวนาในใจไว้อย่างเดียว ขอให้ความรักชนะทุกสิ่งที่ขวางเราได้ ขอแค่นั้นจริงๆ
เรารักกัน....ขอให้ทุกสิ่งเป็นใจให้กับเราทั้งคู่สักครั้งเถอะ
**********
บทถัดไป แทนจะเผชิญหน้ากับพ่อแม่ตัวเอง และทำในสิ่งที่พ่อกับแม่คาดไม่ถึง และตัวละครสำคัญคนแรกจะโผล่มาแก้สถาณการณ์ให้ดีขึ้น รวมถึงเราจะได้รู้จักแทนมากขึ้นด้วยครับ
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ บทที่ 70 จะรีบทำมาให้อ่านเร็วที่สุดนะครับ
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ^^