Heartless แค้นนี้...มิอาจห้ามรัก
ตอนพิเศษ 3
แก้ไขสิ่งที่เคยพลาด
(เดือนนี้ว่างไหมวะ) ทันทีที่อินทัชรับโทรศัพท์ ปลายสายก็ถามทันทีไม่คิดจะทักทายหรือสอบถามสารทุกข์สุขดิบของคนที่ไม่เจอกันมาสองเดือนกว่าเลยสักนิด
“ถ้าจะมาก็มาสิวะ ทำไมต้องรอให้ไปหาด้วย งอนอะไรถามจริงๆ”
อินทัชหยุดงานทุกอย่างลงเพื่อคุยโทรศัพท์กับคนรักที่ทำเสียงหงุดหงิดอยู่รามินทร์มีอาการแบบนี้มาตั้งแต่เดือนที่แล้ว จนตอนนี้ก็ยังไม่หายหงุดหงิด แม้ว่าเราจะคุยโทรศัพท์กันทุกวันก็ตามที
หรือว่าเขาลืมอะไรสักอย่างแล้วมันก็โกรธกันนะ
(ไม่มีอะไรนี่ มึงคิดไปเอง)
“เสียงแบบนี้เขาเรียกว่างอน”
(กูจะไปงอนมึงทำไม กะอีแค่มึงไม่ยอมมางานเปิดสำนักงานบริษัททัวร์กู)
“หึหึ”
ในที่สุดก็ได้รู้แล้วว่ามันโกรธเรื่องอะไร เมื่อเดือนที่แล้วมีงานทำบุญและเปิดธุรกิจอย่างเป็นทางการของสำนักงานธุรกิจทัวร์ท่องเที่ยวของรามินทร์ที่เพิ่งเสร็จ นับมาถึงวันนี้ก็ประมาณหนึ่งเดือนได้
(หัวเราะอะไร กูอุตส่าห์รอมึง แต่มึงก็ไม่มา แม่ง...น้อยใจว่ะ ทำไมเมียทำกับผัวแบบนี้วะ)
“ขอโทษ...ก็กูไม่ว่างนี่ กูอยู่ต่างประเทศ เห็นข้อความมึงก็วันงานแล้ว”
(แล้วทำไมมึงไม่ติดต่อมาบอกกันบ้างล่ะ กูเกลียดเวลามึงไปต่างประเทศว่ะอิน มึงติดต่อไม่เคยได้เลย กูน้อยใจ กูเสียใจ ตอนนี้กูรู้สึกไม่มีกำลังใจทำอะไรเลยว่ะอิน)
“ไอ้ขี้น้อยใจ อย่าคิดว่ากูไม่รู้ว่ามึงกำลังแสดงละครอยู่นะ”
(กูไม่ได้เล่น กูน้อยใจจริงๆ)
“ขอโทษ...อ่ะ จะให้ไถ่โทษยังไงว่ามา”
(มาหากูสิ)
“งานกูเยอะ”
(กูถามคุณวัลย์แล้ว มึงมีวันว่างสามวันในเดือนนี้ เพราะฉะนั้นมาหากูเลยนะอิน)
เขาทำได้แต่หัวเราะแล้วก็วางสายหนีไป เมื่อมันโทรกลับมาอีกเขาก็ปิดเครื่องส่วนตัวหนีไป การกระทำนี้ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ไปหาร่างสูงนะ แค่อยากทำให้มันโกรธเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
ก็มันชอบกวนประสาทเขา เวลาไหนเอาคืนได้เขาก็จะทำ
สามวันผ่านไป
อินทัชเดินทางมาถึงเขาค้อโดยที่ไม้ได้บอกใครแม้กระทั่งรามินทร์เองก็ตาม ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะมา แต่อินทัชรู้ว่ารามินทร์จะต้องคิดว่าเขามาแน่นอน
“คุณอิน...มาหาคุณรามหรือครับ”
“ใช่...มันงอแงน่ะคุณภพ”
“ฮ่าๆ ขนาดนั้นเลยหรือครับ” พิภพหัวเราะที่ได้ยินแบบนั้นจากอินทัช ส่วนร่างสูงโปร่งก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ช่วยให้คนเอากระเป๋าไปเก็บที่บ้านไอ้รามให้หน่อยนะครับ”
“ได้ครับ”
“รามมันอยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่สำนักงานทัวร์ครับ”
“ไปทำอะไรที่นั่น”
“จะมีกรุ๊ปใหญ่มาลงน่ะครับ ก็เลยไปพบลูกค้าที่นั่น”
“อ๋อ...ทำงานนี่เอง ถ้าอย่างนั้น ผมไปหาที่นั่นได้หรือเปล่าครับ”
“ได้สิครับ เดี๋ยวจะให้คนไปส่ง นั่งมอเตอร์ไซด์ได้หรือเปล่าล่ะครับ” พิภพถามอินทัช
“ได้สิครับ เรื่องแค่นี้เอง”
“งั้นเดี๋ยวให้พนักงานไปส่งครับ”
อินทัชซ้อนมอเตอร์ไซด์มาหยุดที่สำนักงานบริษัททัวร์ท่องเที่ยวของรามินทร์ซึ่งอยู่ห่างจากรีสอร์ทประมาณห้ากิโลเมตรได้
ร่างโปร่งมายืนที่ด้านหน้าสำนักงานที่เป็นเหมือนอาคารพาณิชย์ขนาดสองชั้น แต่นี่มันเป็นสำนักงานของบริษัทที่ทั้งสวย มีร้านกาแฟด้วยเพราะอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว ก็เลยมีร้านขายของอยู่
“ออกแบบได้ดีนี่”
ขาเรียวก้าวเข้าไปด้านในซึ่งก็มีพนักงานต้อนรับเหมือนกับรีสอร์ทคอยต้อนรับเขาอยู่ เธอสอบถามเขาตามหน้าที่
“สวัสดีค่ะ ติดต่อเรื่องอะไรคะ สอบถามได้นะคะ”
“ผมมาพบคุณรามินทร์ครับ”
“ตอนนี้คุณรามกำลังคุยธุระกับลูกค้าน่ะค่ะ ยังไม่เสร็จเลย สะดวกที่จะรอไหมคะ”
“รอก็ได้ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นเชิญที่ห้องรับรองเลยค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
อินทัชเดินตามพนักงานไปนั่งรอที่ห้องรับรองแขก ระหว่างนี้ก็นั่งเล่นโทรศัพท์เช็คโซเชียลมีเดียที่ไม่ได้ดูมันมาหลายวันแล้วเพราะมัวแต่เคลียร์งานเพื่อมาหาคนขี้งอน
“รับน้ำอะไรดีคะ”
“จริงๆ แล้วให้ผมไปรอที่ห้องทำงานของมันก็ได้นะครับ”
“เอ๋...คือว่า” เธอตกใจที่เขาเรียกเจ้านายของหล่อนอย่างสนิทสนมสุดๆ
“ไม่เป็นไรครับ รอที่นี่ก็ได้ เอาน้ำเปล่าก็ได้ครับ แล้วถามมันให้ผมหน่อยนะครับว่ามันจะคุยงานเสร็จกี่โมง อุตส่าห์มาหาแล้ว ถ้าให้รอนานจะกลับกรุงเทพ บอกมันตามนี้นะครับ ขอบคุณมาก”
“เอ่อ...ค่ะ ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”
หญิงสาวรีบออกจากห้องรับรองแล้วไปหาเจ้านายที่อยู่ห้องคุยงานทันที เห็นเจ้านายกำลังคุยงานอยู่กับลูกค้าด้วยสีหน้าจริงจังแล้วไม่อยากจะเข้าไปเลย แต่ก็ต้องทำ
“ขออนุญาตค่ะ”
“มีอะไรเหรอหญิง” รามินทร์หันมาถามยิ้มๆ
“คือว่า มีแขกมาขอพบคุณรามน่ะค่ะ”
“ตอนนี้ฉันกำลังคุยงานอยู่ยังไม่เสร็จเลย บอกให้รอไปก่อนได้ไหมหรือไม่ก็ขอนัดวันอื่น”
“เอ่อ...เขาบอกว่าถ้านานเขาจะกลับกรุงเทพน่ะค่ะ”
“หืม? ใคร ได้ถามชื่อไหม” รามินทร์ถามอย่างแปลกใจ
“ไม่ได้สอบถามค่ะ แต่คุณเขาบอกให้หญิงมาถามคุณรามว่า จะเสร็จกี่โมง อุตส่าห์มาจากกรุงเทพ ถ้านาน คุณจะกลับกรุงเทพค่ะ”
รามินทร์เบิกตากว้าง ยิ้มกว้างอย่างดีใจ มีความหวัง หัวใจเต้นแรง
“เป็นผู้ชายสูงๆ ขาวๆ ผอม แล้วก็หน้าสวยใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ คุณเขาสวยมาก” หญิงสาวตอบแบบเอ๋อๆ ถึงแม้ว่าเจ้านายเธอจะใจดี ยิ้มตลอดเวลาแต่ก็ใช่ว่าจะเคยเห็นแบบดีใจสุดๆ แบบนี้
เจ้านายของเธอดูมีความสุขราวกับว่าคนที่มาหามีความพิเศษสุดๆ
“ตอนนี้เขาอยู่ไหน”
“ห้องรับรองแขกค่ะ”
“พาเขาไปรอที่ห้องทำงานของฉัน นั่นคุณอิน เป็นคนรักของฉันเอง ต้อนรับและดูแลเขาดีๆ ด้วยนะ ประมานสิบนาทีพี่จะตามไป”
หญิงสาวอ้าปากค้างอย่างตกใจ แต่ก็รับคำสั่งแบบงงๆ เดินออกจากห้องคุยงานไป ส่วนรามินทร์ก็ยิ้มกว้างอย่างมีความสุขหันมาคุยงานต่อ
“ขอโทษด้วยนะครับ เรามาคุยกันต่อเถอะครับ”
“โอเคครับ แต่แหม...พอแฟนมานี่อารมณ์ดีเชียวนะครับ” ลูกค้าแซวรามินทร์
“ฮะๆ พอดีเราเจอกันไม่ค่อยบ่อยน่ะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นตกลงตามนี้เลยก็ได้ครับ ผมโอเคแล้ว ส่วนกิจกรรมตรงนี้ผมขอกลับไปคิดก่อนว่าอยากจะให้มันเป็นอะไร จะได้เข้ากับพนักงานของผมมากที่สุด คุณรามจะได้มีเวลาอยู่กับแฟน” รามินทร์ยิ้มรับอย่างขอบคุณ
“ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นแจ้งมาทางฝ่ายขายได้เลยนะครับ”
“โอเคครับ งั้นผมขอตัวก่อนก็แล้วกันนะครับ”
“ครับ เชิญเลยครับ”
รามินทร์เดินไปส่งลูกค้าก่อนจะรีบวิ่งที่ไปที่ห้องทำงานของตน ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มดีใจ แต่พอหยุดอยู่หน้าประตูห้องก็ปั้นหน้าให้นิ่งๆ
เปิดประตูเข้าไปเห็นคนรักกำลังนั่งไขว่ห้างอ่านหนังสือสลับดูโทรศัพท์อยู่ ไม่สนใจหันมามองกันเลย ทำให้รามินทร์รู้สึกหงุดหงิด อยากเรียกร้องความสนใจ
“มาได้แล้วเหรอ”
“ก็อย่างที่เห็น”
“สนใจกันหน่อยได้ไหม พอมาก็นั่งเล่นแต่โทรศัพท์”
“อ้าว? ก็มึงให้กูมา กูก็มา พอมาก็เอาอีกอย่าง อยากให้กูทำยังไงล่ะครับ” ใบหน้าสวยละจากโทรศัพท์มามองหน้าคนรักที่กำลังนั่งนั่งกอดอกอยู่ข้างๆ
“ชิ!”
อินทัชหัวเราะ มองสีหน้างอนๆ ของคนรักที่เอาแต่ทำงานประชดประชันเขาเป็นเด็กๆ ร่างโปร่งบางลุกขึ้นยืนไปหยุดอยู่ตรงหน้าของรามินทร์ ก่อนจะนั่งลงคร่อมทับบนตักแกร่ง จ้องตากับตาคมที่กำลังมองสู้กลับมาอย่างร้อนแรง รามินทร์กระตุกยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์ ใช้แขนโอบรอบเอวบางของอินทัชเอาไว้
ไม่บ่อยนักหรอกที่อินทัชจะเป็นฝ่ายง้อ และนี่ก็คือวิธีง้อที่รามินทร์ชอบมากที่สุด
“จะดีกันยัง”
“ไม่ดี”
“แล้วต้องทำไงอีก”
“มึงก็รู้ๆ อยู่นี่อิน” ยักคิ้วท้าทายคนที่นั่งทับ ซึ่งอินทัชไม่ชอบที่จะให้ใครมาท้าทายด้วยสิ ก็เลยยิ้มรับออกไป ก่อนจะโน้มใบหน้าสวยหวานของตนเข้าไปปากของเราใกล้กันจนแทบจะประกบกันแต่ก็ขยับศีรษะออกมาเมื่อร่างสูงขยับหน้าเข้าหาหวังจะจูบ
“หึหึ ไม่ง่าย”
“มึงอยู่ตรงนี้ คิดว่าจะหลบได้นานหรือไง”
“โอเคๆ ยอมก็ได้” อินทัชพูดแล้วยื่นหน้าเข้าไปหาอีกครั้ง แต่พอรามินทร์ขยับเข้าหาก็หลบอีกครั้งหนึ่ง แล้วหัวเราะอย่างสนุกที่ได้แกล้ง
รามินทร์หมั่นเขี้ยว ยกมือกดศีรษะของคนรักให้เข้ามาแล้วประกบริมฝีปากที่ปากแดง บดขยี้รุนแรง รามินทร์ใช้ฟันขบเบาๆ ที่ริมฝีปากของอินทัช ตอนแรกร่างเล็กกว่าก็ไม่ได้รู้สึกอะไรจนกระทั่งตอนนี้เริ่มรู้สึกเขิน เพราะมันรุนแรงจนอยากจะได้อะไรที่มันมากกว่าจูบ
ลิ้นใหญ่สอดเข้าไปในโพรงปากร้อน เกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นเล็กกว่าจนทำให้รู้สึกปั่นป่วน มืออีกข้างสัมผัสไปทั่วทั้งร่างกายขาวเนียน สอดเข้าไปใต้ผ้า ลูบไล้มันไปทั่ว
ลิ้นร้อนจู่โจมอย่างดุดัน รุนแรงและร้อนแรง จูบครั้งนี้ล้ำลึกเหมือนกับครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมา เรียวลิ้นสอดไล่กันและกัน สร้างความรู้สึกรัญจวนใจให้กับทั้งคู่ สมองของอินทัชพร่าเลือนเพราะเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสที่กำลังแลกเปลี่ยนกันอยู่ คอขาวเอียงตามกับเปลี่ยนจังหวะ นิ้วมือของอินทัชสอดแทรกเข้ากับกลุ่มผมของรามินทร์แล้วขยำระบายตามความรู้สึกที่ได้รับ
“อืม...อือ”
“พอแล้ว...นี่มันที่ทำงานมึงนะ”
“ช่างมันเถอะน่า ไม่มีใครเข้ามาหรอก”
ริมฝีปากร้อนไล่จูบไปตามคอขาว ซึ่งอินทัชก็พยายามเบี่ยงหนี หากแต่ก็เป็นการเปิดโอกาสให้รามินทร์สัมผัสได้ง่ายขึ้น หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างตื่นเต้นเพราะไม่รู้ว่าจะมีคนเข้ามาหรือเปล่า ถ้ามีคนอื่นเข้ามานะ อินทัชไม่งั้นจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกเลย
อาย...แต่ตอนนี้เขากำลังหลับตาพริ้มรับสัมผัสเชิดหน้าให้คนรักลวนลาม ซุกไซ้ต่อไป กระดุมเสื้อเชิ้ตถูกปลดออกสองสามเม็ดเผยแผ่นอกขาวที่น่าลงรอยไม่รอช้าริมฝีปากของรามินทร์ก็จู่โจมที่หน้าอกของเขาทันที
“ราม...อ่ะ กูจริงจังนะ ที่นี่ไม่ได้”
“แต่กูคิดถึงมึงนี่”
“ก็อดทนสิวะ อ๊ะ!” อินทัชอุทานเสียงหลงเมื่อถูกปลายลิ้นร้อนแตะที่เม็ดทับทิมสีหวานของตน ทั้งหนักหน่วงทั้งรัวเร็ว ทำเอาคนตัวเล็กกว่าร้องครางออกมา พยายามที่จะระงับเสียงของตนให้ได้มากที่สุดแต่มันก็รู้สึกมากเกินไป ได้แต่หวังว่าจะไม่มีใครเข้ามา เพราะรามินทร์ทำท่าจะเอาจริง...
ไม่น่าเลย ไม่น่าเลยจริงๆ กูน่าจะรอง้อมันตอนอยู่บ้านแล้ว
“อ๊ะ...อื้อ...อื้อ” เอามือมาปิดปากตัวเองแน่นหนาทำให้เสียงที่เล็ดลอดออกเป็นเพียงเสียงที่อื้ออึงในลำคอเท่านั้น รามินทร์ก็กระตุกยิ้มอย่างสะใจที่ได้แกล้งคนรักคืน
“ไง...กูรู้ว่ามึงชอบ” พูดทั้งๆ ที่ปลายลิ้นก็สัมผัสที่ยอดอกข้างหนึ่งอยู่ อีกข้างมือแกร่งก็ทั้งบีบ ทั้งขยี้มัน จนร่างบางรู้สึกเสียวซ่าน
“ราม หยุดเถอะ กูซีเรียส”
“ไม่มีจริงๆ น่า”
“อะไรก็เกิดขึ้นได้”
รามินทร์จิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ที่โดนขัดใจ แต่ก็เข้าใจเพราะรามินทร์รู้ว่าอินทัชไม่ชอบทำในที่ที่เสี่ยงต่อการถูกคนมาเจอ อย่างที่นี่ถ้าล็อกประตูเขาก็โอเคนะ
“ครับๆ ยอมแล้วครับ”
“ดีมาก” ร่างโปร่งยิ้มหวานให้ มือก็ตบหน้าของรามินทร์เบาๆ
“งั้นกลับบ้านเนอะ”
“อย่าหื่น ขอร้อง”
“เอ้า!! ก็จะกลับไปทำที่บ้านไง มึงไม่ชอบทำที่นี่ก็กลับบ้าน ผิดอะไรวะ”
“กูเหนื่อย อยากพักผ่อน กลับไปนอน”
“งั้นเอากันที่นี่ก่อนก็แล้วกันถ้าจะกลับไปนอนน่ะ” ร่างสูงซุกไซ้ซอกคอของอินทัชอีกครั้ง ขบเม้มรุนแรงจนห้อเลือดเป็นรอยคิสมาร์ก
“เจ็บ...กูเจ็บนะเว้ยราม”
“ก็แสดงความเป็นเจ้าของไง”
“อ้าว? การแสดงความเป็นเจ้าของมันต้องฉี่ใส่ไม่ใช่เหรอวะ?” หน้าตาไร้เดียงสาของอินทัชทำให้รามินทร์รู้สึกหมั่นไส้สุดๆ จนต้องฟัดแก้มใสแรงๆ
ฟอด!!
“นั่นมันหมา”
“เหรอ?”
“เออ!!”
รามินทร์จูบเข้าที่ริมฝีปากบางอีกครั้งเพราะทนไม่ได้ที่มันล่อตาล่อใจอยู่ตรงหน้า
แกร็ก...
“คุณรามคะ ว้าย!!”
พรึ่บ!!!
อินทัชลุกขึ้นจากตักแกร่งแล้วหันหลังไม่ให้ผู้หญิงที่เข้ามาในห้องทำงานของรามินทร์เห็นว่าเขาเป็นใคร ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้ เพราะเขาก็เห็นๆ กันอยู่ว่าอินทัชเข้ามาที่นี่และยังไม่ออกไป และคนที่เข้ามาก็เป็นหญิงสาวคนเดียวกับที่พาเขามาที่นี่ด้วย
“ข่ะ โทษค่ะคุณราม ดิฉันไม่ทราบ…” เธอขอโทษอย่างรู้สึกผิดและหวาดกลัวไม่กล้ามองหน้าผู้เป็นเจ้านาย
“รู้หรือไม่รู้ทีหลังต้องเคาะประตูนะ” รามินทร์ไม่ได้ตำหนิ แต่บอกลูกน้องดีๆ ด้วยรอยยิ้มเพราะแค่นี้เธอก็กลัวจะแย่อยู่แล้ว ที่สำคัญ รามินทร์ไม่ได้โกรธที่โดนเห็น ส่วนเรื่องเคาะประตูก็เข้าใจว่าคงจะมีเรื่องด่วน
“ค่ะ...ขอโทษอีกครั้งค่ะ”
“ว่าแต่มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า”
“คือว่า...ไกด์ที่นัดให้มาสัมภาษณ์มาถึงแล้วนะคะ ไม่ทราบว่าจะให้เข้ามาเลยหรือเปล่าคะ”
ร่างสูงนาฬิกาที่ข้อมือก็พบว่าตอนนี้เกือบจะบ่ายโมงแล้ว คุยงานจนลืมไปเลยว่ายังไม่ได้กินข้าว เพราะฉะนั้นรีบสัมภาษณ์แล้วพาอินทัชไปกินข้าวดีกว่า
“มึงหิวยังอิน”
“อือ...นิดหนึ่ง”
“ถ้าอย่างนั้นรอกูสัมภาษณ์ไกด์ก่อนนะ ไม่นานหรอก...ประมาณกี่คนน่ะหญิง” รามินทร์หันไปถามหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง
“ภาษาอังกฤษห้าคนค่ะ บางคนก็พูดได้หลายภาษาเลย”
“โอเคๆ ตามทั้งหมดมาเลย ให้เข้ามาทีละคน หาที่นั่งแล้วก็น้ำดื่มบริการพวกเขาด้วยก็แล้วกัน”
“ค่ะคุณราม”
อินทัชหันกลับมามองร่างสูงตาขวาง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนโซฟาตัวนุ่มอย่างไม่สบอารมณ์ ได้แต่หวังว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่เอาไปพูด แต่ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ มนุษย์ผู้หญิงกับเรื่องเมาท์ นินทามักจะมาเป็นของคู่กันเสมอ
“มึงก็ช่วยกูสัมภาษณ์ด้วยนะ ภาษากูไม่เก่งเท่ามึง”
“เรื่องอะไรล่ะ จัดการเองสิ จริงๆ เหมือนคนมีชาวต่างชาติที่เขาเป็นเจ้าของภาษามานั่งด้วยนะ เราจะได้รู้ว่าไกด์คนไหนพูดดี
อธิบายดี”
“ก็ถึงจะให้มึงช่วยไง”
“วุ่นวายว่ะราม กูไปรอที่บ้านก็แล้วกันนะ”
“ไม่ได้ อยู่กับกูเนี่ยแหละ”
“เฮ้อ...เอาแต่ใจจริงๆ”
ร่างสูงยักไหล่ ไม่สะทกสะท้านอะไรกับคำพูดของอินทัชเลยสักนิด...
...
...
...
60%
พอดีว่าตัดที่ 50 ไม่ได้ เลยตัดที่ 60 เปอร์เซ็นต์ อ่านแล้วคิดถึงกันยังไงบ้างก็คอมเม้นท์กันได้นะคะ หนังสือเรื่องนี้เปิดรีปริ้นท์อยู่พร้อมกับจองเล่มพิเศษด้วย ใครชอบก็ฝากเอาไว้ในอ้อมแขนด้วยนะคะ
https://www.facebook.com/sawachiyuki/