5
Fine Fine Fine ดูๆแล้ว ผมน่าจะหายไปจากตรงนี้เสีย . . แม่ง เหมือนเป็นส่วนเกินยังไงไม่รู้ แต่ไอ้ธามนั่นแหละที่ส่งสายตามาให้ บอกว่าผมต้องอยู่ก่อน ดูจากสีหน้าแล้วมันคงไม่มั่นใจเท่าไหร่กับการพูดคุยครั้งนี้
ป๊อดอะไรนักหนาเล่า? “ไม่เจอกันตั้งนานแน่ะ” พี่เซนยิ้ม มองหน้าไอ้ธามอย่างคนคุ้นเคย อยู่มอเดียวกันจะไม่เจอกันเลยเหรอว้า ? อ้อ ตอนนี้พนักงานจัดโต๊ะใหม่ให้เรียบร้อยแล้วครับ ผม ไอ้ธาม และพี่เซนนั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน
“เอ่อ ยุ่งเรื่องเพลงนิดหน่อยน่ะ แหะ” โถๆๆ พ่อหนุ่มมั่นกลายเป็นพ่อหนุ่มยิ้มแหยไม่มั่นใจในตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมคิดในใจเล็กๆ แอบยิ้มออกมานิดนึง ไอ้เหี้ยธามคงจะเห็นมั้งเลยส่งค้อนมาให้ผมวงเบ้อเร่อ
“เชื่อป่ะ เซนเหมาแผ่นจริงในบีทูเอสจนหมดสต๊อกเลย”
โอ้วววววว . . พี่เซนครับ ซื้อเอาไปติดตูดช้างเหรอนั่น = = แต่พี่เค้ารวย คงอยากจะสนับสนุนไอ้ธามกระมัง
“เฮ้ย จริงดิ” ธามดูยินดีหนักหนา ไม่รู้ว่าเรื่องงานหรือเรื่องตัวเอง “ขอบใจนะขอบใจ”
“โอ๊ตเล่าเรื่องธามให้ฟังบ่อยมาก” ฉับพลันทันที . . ไอ้ธามหุบยิ้ม มองหน้าพี่เซนด้วยสายตาว่างเปล่า เหตุที่ต้องมีคนช่วยก็เพราะอย่างนี้ใช่มั้ย แฟนเก่าเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าที่เพิ่งเลิกไปและมันคนนั้นก็โคตรจะอันตราย . . “ไม่รู้ทำไม ถึงเพิ่งมาเจอกันอีกในวันนี้”
“อืม บังเอิญน่ะ” ธามยังยิ้มต่อไป
“อ้อ แล้วนี่ - -“ พี่เซนมองมาทางผม
“เอ่อ . . “ ผมก็คงมีบทบาทแค่นี้แล . .
“ไอ้นี่เป็นน้องของเพื่อนอีกที พอดีวันนี้มันมีเรื่องปรึกษานิดหน่อย” คิดได้เร็วมากไอ้ธามกูขอปรบมือ . .
“อืมมมม งั้นก็ดีแล้วล่ะ วันนี้เซนเลี้ยงเอง ได้เจอธามทั้งที” พี่เซนส่งเมนูมาให้ผมกับธาม “ปอนด์ มึงอยากแดกไร สั่งเลย ธามเอาข้าวเนื้ออบหม้อดินเหมือนเดิมใช่มั้ย”
แม่เจ้า . . ผมยกเมนูขึ้นมาปิดไว้ครึ่งหน้า โผล่มาแต่ลูกกะตาทั้งสองมองดูไอ้ธามตกตะลึงที่พี่เซนจำของโปรดของมันได้ อุเหม่ กูไม่ต้องช่วยมึงแล้วมั้งงงงงง!!! โอกาสเป็นไปได้มากกว่าร้อยขนาดนี้น่ะ
แต่ยังไง . . ทุกเรื่องแม่งก็ต้องมีอุปสรรคล่ะน่า “ช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกับไอ้โอ๊ตเหรอ ดูมันหงุดหงิดมากนะ” พี่เซนถามเหมือนเรื่องทั่วไป แต่ผมว่านะ . . ไอ้ธามมันจะหงุดหงิดด้วยก็เพราะสิ่งที่พี่เค้าถามนี่แหละ
“เลิกกันแล้ว” น้ำเสียงปกติธรรมดา แต่ฟังดีๆไร้อารมณ์มากขอบอก มันคงไม่อยากให้พี่เซนถามถึงไอ้โอ๊ตมากนัก
“ฮะ? เมื่อเช้ามันยังบ่นอยู่เลย เลิกกันแล้วเหรอเนี่ย”
“ธามเลิกแล้ว แต่โอ๊ตไม่ยอมเลิก”
“อ่ะ อ้าว งั้นเหรอ”
ความเป็นไปได้ลดลงจากร้อยเหลือแปดสิบห้าจุดห้า . . ผมที่นั่งเงียบๆอยู่กำลังวิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าอย่างสนุกสนาน(?) ที่มันต้องลดลงมาก็เพราะพี่เซนดูเหมือนเขาจะห่วงเพื่อนมากกว่าถ่านไฟเก่า มิน่าล่ะ ไอ้ธามถึงขอร้องให้ผมช่วย
และแล้ว ความเงียบที่น่าอึดอัดก็ถาโถมเข้ามา . .
“เออนี่ พี่เซนดูหนังเรื่อง XXX รึยังครับ เห็นเขาบอกว่าสนุกน่ะ” ผมคิดอะไรไม่ออกจริงๆครับ ก็เลยหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูด
“อืม ยังนะ แต่ก็อยากดูเหมือนกันไม่มีเพื่อนไปดู”
“แล้วคนที่มาด้วยเมื่อกี้?” ธามมึงคงหมายถึงตุ๊ดของมึงใช่ป่าว . .
“รุ่นน้อง เขาบอกเขามีเรื่องปรึกษา แต่ออกไปกลางคันแบบนี้ ยังไม่ได้พูดกันสักประโยค”
แอบเห็นสีหน้าไอ้ธามดูโล่งใจขึ้นมา . . ผมรู้ครับพี่เซนไม่เคยโกหกติดจะเป็นคนซื่อแต่เท่ชิบหาย ผมทำปากขมุบขมิบไปทางไอ้ธามพูดประมาณว่า
เห็นมะ พี่เซนเค้าโสดจริงๆ ไอ้ธามหน้าหงิกกลับมาแล้วทำปากตอบ
ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ! “งั้นไปดูเรื่องXXXกันมั้ย” นี่สิถึงจะเป็นธาม . . มั่นโคตร ความป๊อดเริ่มหด
“ฮะ วันนี้เลยเหรอ”
“อื้อ เซนไม่ว่างเหรอ”
“ก็ . . ว่างนะ” พี่เซนหันขวับมาทางผม อย่านะ อย่าพูดคำนั้น เดี๋ยวเชี่ยธามมันจะงับหัวผม! “เอาไง ดูมั้ยไอ้น้อง”
กลับมาเจอกันวันแรกก็จะไปดูหนังด้วยกันซะแล้ว . . ผมจะกล้าไปขัดขวางได้ยังไงในเมื่อผมช่วยไอ้ธามอยู่
“คือ- - ผมมีติวกับเพื่อน”
“งั้นคงไม่ได้แล้วอ่ะครับธาม” เจ๊ย! ซะอย่างนั้น ไอ้ธามหน้าบูดเป็นตูดลิงไปแล้ว “ไปกันสองคนจะดูไม่ดีเอา ยิ่งธามกำลังดัง ช่วงนี้ต้องระวัง”
สำหรับไอ้ธาม เรื่องคู่จิ้นนั้นสำคัญ . . ยิ่งไปกับผู้ชายแถมยังมีแฟนคลับคอซองมอต้นมอปลายกันให้รึ่มเต็มสยามแบบนี้ผมว่าเสี่ยงต่ออนาคตของมันเหมือนกัน โลกนี้อยู่ยากขึ้นทุกวัน แทนที่จะห่วงเรื่องไอ้ธามมีรูปหลุดออกมาคู่กับผู้หญิงไรงี้มากกว่าเนอะ - -
อดเลยล่ะสิมึง มันคงรู้ว่าผมคิดอย่างงี้ในใจมั้งถึงได้หันกลับมาค้อนให้อีกวงแบบนั้น
“และอีกอย่าง . .”
อ้าว . . ยังมีเหตุผลอื่นอีกเหรอ
“เดี๋ยวโอ๊ตมันจะไม่ชอบใจเอานะครับ”
ผมว่าความเป็นไปได้เริ่มลดลงมาเหลือแค่สามสิบ ไอ้ธามทำหน้าเซ็งชายตามามองผมอย่างคนรู้กัน เออแฮะ เท่าที่รู้จักพี่เซนมาเขารักเพื่อนแคร์เพื่อนมากกว่าเรื่องความรักหรืออะไรแบบนี้มาก แต่ถ้าโอ๊ตมันเหี้ยล่ะ พี่เค้าจะแคร์ความรักมากกว่าเพื่อนอย่างโอ๊ตมั้ย . .
2 Broken Hearts
“เซ็งเหี้ย” ผมได้ยินเสียงไอ้ธามบ่นอุบระหว่างทางที่ผมขับไปส่งที่คอนโดมันครับ
“มึงพลาดเองที่ไปคบกับไอ้เชี่ยโอ๊ต” ผมไม่ได้พูดเหมือนซ้ำเติมนะ ผมแค่แหย่เล่นเฉยๆ
“ใครจะไปรู้ว่าเซนเป็นเพื่อนซี้ไอ้โอ๊ตล่ะ” ไอ้ธามคงจะเซ็งถึงขีดสุดเลยล่ะครับตอนนี้ “เห็นเรียนวิศวะเหมือนกัน ไม่น่าจะ ..”
“แต่กูเห็นนะ” ผมพูดแทรก “พี่เซนเค้าก็ดูอาลัยอาวรณ์มึงอยู่”
“แต่มันไม่ได้ไง แฟนเก่ากับเพื่อนรัก กูว่าเซนแม่งเลือกเพื่อน”
“เออกูถามไรหน่อย” ผมจอดกึกเพราะรถติดยาวเป็นหางว่าว “ทำไมมึงถึงอยากกลับไปคบกับพี่เซนขนาดนั้น” คงมีคนอยากรู้เหมือนกันใช่มั้ยล่ะ ??!!!
สีหน้าของธามดูเปลี่ยนไป มันหย่อนตัวลงยกขาสั้นๆของมันขึ้นมาชันกับเก๊ะหน้ารถผม(เกรงใจกูบ้าง = =) เบนหน้าออกไปมองนอกหน้าต่าง และก็ไม่พูดอะไรอีก . .
คงจะผ่านอะไรมาเยอะสินะ ผมยักไหล่ไม่เซ้าซี้อะไรต่อ เคาะนิ้วไปตามเสียงเพลงในวิทยุ ซึ่งผมขมวดคิ้วมุ่น เพราะเพลงและเสียงร้องแม่งโคตรคุ้น
“อ้าว นี่เพลงวงมึงนี่”
“สาด เพิ่งจะรู้เหรอ”
ตั้งแต่ที่ซื้อซีดีกับโฟโต้บุ๊คของมันมาผมก็ไม่ได้มาจัดการเปิดแผ่นหรือดูรูปในนั้นอีก มันยังนอนแอ้งแม้งอยู่บนเบาะหลังรถผม ไม่เชื่อลองหันไปดู ตอนนี้มันก็ยังอยู่ที่เดิม
“เพราะดีนี่หว่า!” ผมชอบแนวร็อคอยู่แล้ว แต่วงไอ้ธามดูเหมือนจะแอบมีป๊อบเข้าแทรกคล้ายเจร็อคอะไรสักอย่าง ซึ่งช่างมันเถอะ = =
“ที่หนึ่งของชาร์ทซี๊ดมาห้าสัปดาห์แล้ว” พูดเรื่องความสำเร็จของเพลงมัน ไอ้ธามก็มีสีหน้าดีขึ้นมาทันตา . . คนเหี้ยอะไรหลากหลายอารมณ์ชิบหาย
“ไม่อยากจะเชื่อ” ผมแอบเหน็บจนมันเบ้หน้าใส่ เอื้อมมือไปหยิบโฟโต้บุ๊คของมันที่เบาะหลังมา “เอ้า เซ็นให้หน่อย”
“ไหนว่าไม่อยากได้” เหวี่ยงโคตร . . ขอบอก รับสมุดภาพรูปตัวเองมาแล้วถือค้างไว้อย่างนั้น
“ก็ไม่คิดว่าจะดัง”
“เดี๋ยวกูเตะ”
“เตะถึงป่ะเหอะ”
“ไอ้เหี้ย กูไม่ได้เตี้ยขนาดนั้น”
“งั้นเปลี่ยนใหม่ ผอมขี้ก้างขนาดนี้จะมีแรงเตะมั้ย”
“ลองดูป๊ะล่ะ”
“กลัวที่ไหนล่ะ”
ปี๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!!!! เสียงแตรจากรถคันด้านหลังบีบขึ้นมาขัด ผมกับไอ้ธามสะดุ้งโหยง ผมรีบหันกลับมาขับรถต่อ ส่วนไอ้ธามก็หยิบปากกาขึ้นมาจากกระเป๋าสะพายราคาแพงหูดับตับไหม้ของมัน
“กูว่ารูปนี้รูจมูกกูบาน” มันรำพึง “ไม่รู้โปรดิวเซอร์คิดอะไร เอารูปกูจมูกบานมาเป็นปกโฟโต้บุ๊ค”
“ไหน” ผมแอบเหล่ขณะที่ขับรถไปด้วย ไม่เห็นจะบาน รูแม่งเล็กเท่ารูเข็มขนาดนั้น แต่ผมไม่พูดแบบนั้นหรอก “เออว่ะ บานจริงๆ”
“อ้าว คิดงั้นเหรอ” ฮ่าๆๆ อย่าคิดว่ากูจะเถียงมึงให้มึงรู้สึกดี “เซ็งว่ะแม่ง พิมพ์ไปหลายพันเล่มละอ่ะ”
“อืม ประเทศนี้จะได้ดูรูปมึงรูจมูกบานกันทั่วหน้า”
“ช่วยทำให้รู้สึกดีบ้างไรบ้างจะได้มะ”
“นี่ก็ดีที่สุดแล้ว”
ไอ้ธามหน้าหงิกใส่ผมอีกครั้ง ส่วนผมก็โคตรจะขำเมื่อเห็นมันเถียงผมไม่สำเร็จ . . นานเท่าไหร่แล้ววะที่ไม่ได้แหย่คนอื่นแบบนี้ นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้หัวเราะสนุกจากใจแบบนี้ . .
ผมว่าถึงแม้มันจะเอาแต่ใจ . . แต่ไอ้ธามก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน “ไอ้ชิบหายยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“เหี้ย อะไรของมึงว่ะ!” ผมร้องตะโกนเมื่อจู่ๆไอ้ธามก็อุทานขึ้นเสียงดังลั่นรถ รถจอดเทียบท่าคอนโดโคตรหรูของไอ้ธามได้ไม่ทันไรมันก็ส่งเสียงดังขึ้นมา เกิดอะไรขึ้นวะ
“นั่นไอ้โอ๊ต รถมัน และก็มัน!”
ผมมองตามมือที่ไอ้ธามชี้ เห็นรถสปอร์ตสีแดง เหี้ย รถสวย . .เออ ไม่ใช่และ ไอ้โอ๊ตในชุดนิสิตใส่แว่นกันแดดเดินก้าวฉับๆแกว่งกุญแจในมือ ใส่แว่นทำเหรี้ยไรตอนฟ้ามืดเวลาทุ่มกว่าๆ = =
“กุญแจรถมันเหรอ” เป็นคำถามที่โง่มาก ไอ้ปอนด์มึงถามออกมาได้ยังไง
“กุญแจห้องกูน่ะสิ”
“แม่เจ้า นี่ถึงขั้นไหนกันแล้วเนี่ย”
“จิ๊ กูไม่ได้อินโนเซนต์เหมือนมึงนะ!” ไอ้ธามแหว พูดอย่างงี้แล้วของมันขึ้น อินโนเซนต์ที่ไหน ตอนกูอยู่โน่นก็คั่วอาทิตย์ละคนเฟร้ย จนมาเจอกับ . . คนนั้นของผมนั่นแหละ มีร้อยเลิกร้อย มีพันเลิกพัน ไม่สานต่อ “แต่ตอนนี้กูขึ้นห้องไม่ได้แล้ว”
“แล้วจะไปไหน”
“ไปคอนโดกูอีกที่ . . แถวๆสุขุมวิท”
“คนอะไรอยู่หลายที่”
“เรื่องของกูน่า”
สรุปผมก็ต้องเป็นคนขับรถให้มันด้วยใช่มั้ย . . ผมเลี้ยวรถกลับ ตรงบึ่งไปยังสุขุมวิทตามที่มันบอก แม้จะอยู่ห่างกันไม่มาก แต่เส้นสุขุมวิทของมัน . . รถติดโคตร
ผมว่าวันนี้ผมนอนบนรถดีกว่านะ . .
“ตามเหี้ยอะไรนักหนาวะ!” ธามบ่น
“มันคงอยากได้มึงมาก”
“ไม่เคยเจอะเคยเจอกับคนที่ตื๊อขนาดนี้มาก่อนเลย”
“เอาน่า เจอบ้าง เป็นประสบการณ์”
“แต่งานที่กูต้องทำคืนนี้อยู่คอนโดที่รัชดาน่ะสิ”
“งั้นก็ซวย”
“ไม่ต้องไปสุขุมวิทละ หาที่นั่งรอแถวนี้ละกัน เดี๋ยวกูต้องโทรหาโทมัส”
งง!
“งงไรเล่า จอดที่ไหนสักที่ สตาบั๊ก คาเฟ่อะไรก็ได้ เร็วๆเลย”
ถ้ามันสั่งผมอีกนิดล่ะก็ . . ผมจะขอเงินเดือนจากมันจริงๆแล้วนะ ในที่สุดผมก็หาทางออกเรื่องนี้จนได้ ผมขับเข้าห้างหนึ่งแถวๆรัชดา และไอ้ธามก็ลากผมไปนั่งสตาบั๊กกลางแจ้งลมพัดหวือ
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก . . แต่ไม่รู้ทำไมผมโคตรเหนื่อย เป็นคนขับ รถก็ติด รองรับอารมณ์ไอ้ธามจอมเอาแต่ใจคนนี้อีก แต่โชคยังดีที่สตาบั๊กแก้วนี้ . . มันเป็นคนเลี้ยง นี่คือเรื่องดีเรื่องเดียวที่ผมนึกออกในตอนนี้ คุณพระ ก็คนมันเหนื่อย = =
“โทมัส ไปดูที่คอนโดธามซิว่าโอ๊ตยังอยู่รึเปล่าน่ะ ใช่ กลับไม่ได้เลยเนี่ย มีโปรเจคที่ทำค้างไว้ต้องส่งพรุ่งนี้อยู่ในห้องนั้นน่ะ ไม่ได้! อย่าทำให้โอ๊ตรู้ตัวสิ อะไรนะ . . อ๋อ ยังอยู่เหรอ แม่งเอ๊ย! เซ็งว่ะ ไปบอกมันทีได้ป่ะว่าธามมีคอนเสิร์ตที่เขมร ลาว อะไรก็ได้ที่มันไกลๆ ไม่เนียนเหรอ โธ่เว้ย! . . ฮะ พรุ่งนี้เย็นมีงานเหรอ ที่ไหน แต่เดี๋ยวสิโทมัส ทีละเรื่อง!”
ไอ้เหี้ยธามนี่มันคุณชายจริงว้อย . . ผมดูดคาราเมลแฟรบปูชิโน่จ๊วบๆมองดูมันต่อสู้กับโทรศัพท์บนหูอย่างเมามัน คิดอยู่ในใจว่าไอ้ธามมันเป็นเจ้าคนนายคนมาจากไหน แต่มันเป็นดารานะ คงรวยไม่หยอก แต่อะไรก็ช่างเถอะ กูอยากกลับห้องกูแล้ว T______________T
ไอ้ธามยังเถียงกับคนที่ชื่อโทมัสอยู่เลย ผมมองออกไปข้างนอก ดูรถราบนถนนที่วิ่งกันขวักไขว่ เห็นภาพวัยรุ่นที่เดินผ่านไปมาซุบซิบกันเมื่อเห็นธามมากกว่าห้าครั้งจนชิน ชีวิตดารามันเป็นอย่างนี้นี่เอง
“มองอะไร” คุณชายวางโทรศัพท์เสร็จก็หันมาหาผมแล้วทำหน้าเหวี่ยงๆ “ไม่ชอบให้ใครมามองเวลาหงุดหงิด”
“มึงจะไปบังคับอะไรกับสายตาคนอื่นได้วะครับ” ผมพูดกับมันอย่างใจเย็น ดูก็รู้ว่าธามมันกำลังพาลเพราะเรื่องไอ้โอ๊ตบุกคอนโดมันแบบไม่ยอมบอกอะไร “แล้วอีกนานป่ะเนี่ย กว่าไอ้โอ๊ตมันจะหนีไปที่อื่น”
“คงยาก” ธามบอกอย่างหนักใจ “แต่กูแก้ปัญหาไว้แล้ว โทมัสคิดเอง”
“ใครคือโทมัส?”
“ผู้จัดการกู” ธามตอบ “โทมัสจะขนโปรเจคที่กูทำค้างไว้มาให้ที่นี่ วันนี้กูคงต้องนอนคอนโดมึงละนะ”
“พรูดดดดดดดดดดด” ผมแทบจะพ่นเอากาแฟออกมาอย่างคุมไม่อยู่
“ทำไม มึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่นา”
“เอ่อ ไม่รู้สิ”
ผมยักไหล่ ไอ้บูมกับไอ้คิกรู้คงล้อตายห่า สิ่งที่ผมกังวลมีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวสินะ = =
“งั้นได้ใช่ป่ะ” ธามพูดอย่างรีบๆ “ไม่ต้องห่วงหรอก รบกวนคืนนี้คืนเดียวเท่านั้นแหละ”
“อืมมมมม”
ผมรับคำไป โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ผมควรจะกังวลไม่ได้มีแค่เรื่องเดียว . .
เรื่องอื่นๆที่ตามมาทีหลังนี่แหละ จะสร้างความหนักใจให้ผมมากมายมหาศาลจริงๆ . .
ตอนนั้นผมยังไม่รู้อะไรเลย . . คิดถึงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คิดถึงคนอ่าน คิดถึงปอนด์ธาม!
ช่วงนี้กำลังทยอยส่งเหนือคิน
ยังสามารถจองหนังสือที่สั่งมาเกินได้อยู่นะคะ
จุ๊บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ