ว่าจะไม่ต่อ เอาสักหน่อย
ตอนพิเศษ...ความรักของพี่ชาย
"นี่พี่ปูนครับพี่ชายกิมเอง"
พี่ชาย!!ตายห่าแล้วกู ปล่อยเหี้ยไปเต็มหน้าเขาเลย
"นี่พี่พัฒ เอ่อ ...แฟนเค้า" กิมน่าแดงนิดๆ พูดไม่เต็มเสียงเท่าไหร่ คงเขินพี่ละมั้ง? ส่วนผม
ตอนแรกด้วยความหึงที่ยังตกค้างเลยหน้าบึ้งสุดๆ แต่พอเห็นหน้าตาที่ละม้ายคล้ายกันแล้ว คำเดียวครับ
ฉิบหาย!
ซวยแล้วไงกูหึงไม่ดูตาม้าตาเรือเลย สีหน้าปั้นยากโดยพลันรีบโกยเศษใบหน้าที่มันร่วงกระจายเต็มพื้นขึ้นอย่างด่วน
ขายขี้หน้าชะมัด
"สวัสดีครับ" ทักทายด้วยรอยยิ้มแต่มันคงเจื่อนน่าดู
"สวัสดีครับ"
เขามองยิ้มๆ คงนึกขำที่ผมปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่ม
"ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่เข้าใจผิด"
"ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจ แต่คราวหน้าดูก่อนบ้างก็ดีนะครับ" เขาพูดยิ้มๆ ...ไปต่อไม่เป็นเลยผม...
เราหาร้านทานมื้อกลางวันกันทั้งที่มันยังไม่เที่ยงผมไม่ได้พูดอะไรมากมีแต่พี่น้องที่เขาคุยกันด้วยความคิดถึง ชื่อเล่นแบบเต็มของพี่ชายคือ'เปียกปูน' หึหึบ้านนี้เขานิยมขนมหวานกันจริงๆ ปกติพี่ชายกิมอยู่ต่างจังหวัด เขามาเยี่ยมเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่ประสบอุบัติเหตุมารักษาตัวที่โรงพยาบาลนี้พอดี และตั้งใจไปหากิมต่อแต่ที่ไม่ได้โทรบอกกิมเพราะกะว่าจะไปหาที่ห้องเพื่อทำเซอไพรส์ ดีที่เจอกันก่อนไม่งั้นคงไปเสียเที่ยว
เท่าที่รู้กิมไม่ค่อยติดต่อกับทางบ้านเพียงแค่ส่งเงินไปให้ กิมโตมากับยายและมีพี่ชายหนึ่งคน เรื่องอื่นไม่ค่อยเล่าให้ผมฟัง ถึงจะตะหงิดอยู่บ้างแต่ในเมื่อไม่อยากเล่าผมเองก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้อะไร คิดว่าสักวันที่กิมพร้อมก็คงพาผมไปแนะนำเอง ตอนแรกผมคิดว่ากิมปิดที่บ้านเรื่องที่เป็นเกย์ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เพราะพี่ชายกิมไม่ได้ทีท่าทีแปลกใจเลยที่แฟนของน้องเป็นผู้ชาย
"ยายเป็นไงบ้าง..." กิมถาม
"หูตาเริ่มฟ่าฟางบ้างน่ะแหละแต่ก็ยังด่ายังบ่นได้เหมือนเดิมก็ตามประสาคนแก่ ไปหายายบ้างสิ "
"ก็อยากไปแต่เสียดายค่ารถไปๆมาๆหมดตั้งหลายบาท สู้เก็บไว้ส่งให้ยายใช้ดีกว่า"
"งกไม่เข้าเรื่อง ยายเก็บจนรวยแล้วมั้ง ไปหายายบ้าง ยายคิดถึง ยังไงเงินมันก็สู้ความใส่ใจจากลูกหลานไม่ได้หรอก" ก็จริงอย่างที่เขาพูด เงินมันสำคัญแต่มันทดแทนความรู้สึกทางใจไม่ได้จริงๆ
"ก็มีพี่ปูนแล้ว เค้าอยู่นี่แต่ส่งใจไปไง" ยังจะไปได้อีก ข้ออ้างเยอะจริงๆ พี่ชายกิมถอนหายใจทำหน้าเบื่อ
"พี่ค้างด้วยสักสองสามวันได้ไหม" พี่ชายกิมถามพลางยกน้ำดื่ม
"เอ่อ..." กิมมองหน้าผม เหมือนจะขออนุญาต
"ตามสบายเลย บ้านพี่ก็เหมือนบ้านกิม ไม่ต้องเกรงใจ..."
ผมยิ้มให้กิมแต่กิมมีสีหน้าเหมือนไม่สบายใจ คงเกรงใจผม อยู่ด้วยกันมาตั้งนานยังไม่เลิกเกรงใจอีก
"ขอบคุณมากนะครับ" พี่ชายกิม เขายิ้มกว้างมาให้ผม มองดีๆก็มีส่วนคล้ายกิม แต่สูงและหนากว่ามาก ตัวพอๆกับผมเลย ความจริงน้องหมูของผมก็หนานะ หนาไขมันน่ะ หึหึ
หลังทานอาหารเราก็พากันไปเดินห้าง ที่เที่ยวของคนเมืองก็เท่านี้ไปไหนทีก็รถติด ห้างจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เดินฆ่าเวลาตากแอร์เย็นๆ รอเวลาตลาดเปิดท้ายในตอนเย็น ตามแผนที่วางไว้แต่แรก ระหว่างนั้นพี่ของกิมก็เล่าเรื่องสมัยพวกเขาเด็กๆ ให้ผมฟัง
"กิมมันดื้อครับ โดนยายตีประจำแต่ก็ไม่เคยเข็ด เคยโดนตีจนเนื้อแตกก็มี"
"จริง?" ผมถามกลั้วหัวเราะมองหน้าเจ้าตัวที่หน้าง้ำเพราะโดนแฉ ผมไม่เคยรู้เลยว่าเขาดื้อขนาดไหน อยู่กับผมกิมว่าง่ายตลอด ขี้อ้อนซะด้วยซ้ำ
"ดื้อยังไงเค้าก็ไม่เคยหนีเรียน ไม่เหมือนบางคนหรอก โดดแม่งแทบทุกวัน"
"แล้วใครมันชวนกูโดดไปเล่นรถบั้ม?" พี่ชายกิมยื่นหน้าผ่านตัวผมไปเถียงกับกิม เพราะผมเดินตรงกลางระหว่างพวกเขา อารมณ์เริ่มมาสีหน้าเริ่มเปลี่ยน รวมไปถึงสรรพนามที่ใช้ด้วย
"ก็วันนั้นเค้าเรียนเสร็จแล้ว...แค่ชวนนิดเดียวโดดตามมาไม" เลิกคิ้วถาม ทำหน้าวอนบาทามาก
"กวนตีนนะกิม เถียงคำไม่ตกฟาก! มึงมันโง่ ทั้งโง่ทั้งเซ่อ ถ้ากูไม่ไปด้วยป่านนี้โดนหลอกไปขายแล้วมั้ง โดนหลอกกี่ครั้งแล้วมึงน่ะ" หยุดเดินแล้ว มองหน้าพี่ชายอย่างเอาเรื่องจนผมกลายเป็นส่วนเกิน ตอนแรกก็คุยกันดีๆตอนนี้พี่น้องเขาจะตีกันแล้ว เสียงเริ่มดัง ต่างคนต่างเริ่มฉุน ผู้คนรอบข้างหันมามองด้วยความสงสัยใคร่รู้ จนผมต้องรีบเข้าไปห้ามทัพของโจโฉกับเล่าปี่ที่กำลังจะตีกันตาย
"ขอเวลานอกครับหนุ่มๆ ไปตีกันต่อที่บ้านดีกว่าไหม...."
"คุณพัฒกับกิมตามสบายนะครับ เดี๋ยวผมไปรอที่ร้านไอศกรีมด้านล่าง" คงหมายถึงร้านที่เราเดินผ่านมา พอพูดจบพี่ชายกิมก็รีบเดินจ้ำเอาจ้ำเอาห่างออกไป
"ใช่ย่อยนะเราน่ะ" ผมขำเอามือขยี้หัวกิม เจ้าตัวมุ่ยหน้าใส่ผมแล้วเดิมตามพี่ชายไปอีกคน ตกลงผมผิด??
ผมเดินตามพวกเขามาถึงร้านไอศกรีมที่ว่า ตอนแรกพวกเขาก็บึ้งใส่กันพอคุยกันได้คำสองคำแล้วก็เริ่มคุยกันดีๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เออ...ดีเนอะ
ฆ่าเวลาตายเป็นเบือจนกระทั่งเย็นเราก็มาถึงตลาดเปิดท้ายตามที่ตั้งใจไว้ เราก็เดินซื้อของกินเล่นไปพลางระหว่างดูเสื้อผ้า จนใกล้มืด กำลังจะเดินไปที่รถกิมก็ตรงปรี่เข้าไปในร้านเสื้อ
"เฮ้ยพี่ปูน เสื้อสวยว่ะ เหมาะกับพี่มาก"
"เออ...เท่ดี"
"ลดได้ไหมครับ สัก....300ละกันนะครับ ถ้วนๆ ช่วยกันไป" ช็อคครับ แม่ค้าช็อคแต่ผมชิน เสื้อเขามีป้ายโชว์หราอยู่399 พ่อต่อซะไม่เหลือกำไร...เรียกว่าขาดทุนเลยดีกว่า
ยังมีหน้าไปบอกเขาว่าช่วยกันไป
ผมยิ้มแห้งให้แม่ค้าที่มองมาแบบจะกินเลือดกินเนื้อ
"สี่ร้อยละกันนะครับถ้วนๆ" รีบนับเงินสี่ร้อยให้ไปรับถุงมา แล้วลากเจ้าตัวดีออกมาให้ไว พี่ชายกิมขำก๊ากเลย แฟนใครไม่รู้ งกซะไม่มี...
"งกไม่ห่วงหน้าแฟนเลยนะ" เขาว่าน้ำเสียงขบขัน
"เหมือนพี่ปูนแหละ"
"แกจะงกไปทำไมในเมื่อคุณพัฒเขาก็พร้อมจะเลี้ยงแกอยู่แล้ว เขาคงไม่ทิ้งแกหรอก ใช่ไหมครับคุณพัฒ"
"แน่นอนครับ" หมูน้อยคนเดียวเลี้ยงได้อยู่แล้ว...
ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าแต่ผมรู้สึกว่าเสียงพี่กิมดูแข็งๆเหมือนจะคาดคั้นยังไงไม่รู้ผมไม่เห็นหน้าเขาเพราะมัวแต่มองถนนแต่ก็ชั่งเถอะ ยังไงผมก็ไม่ทิ้งกิมแน่นอนอยู่แล้ว
ผมพาสองหนุ่มมาทานมื้อเย็นแบบจัดเต็มในร้านอาหารไทย
"ตามสบายเลยนะครับ"
"งั้นเอากับข้าวที่กิมชอบก็ได้ครับ" เขาพูดแบบนั้นแต่มองหน้าผมแล้วยิ้มมุมปาก คงอยากพิสูจน์ว่าผมใส่ใจกิมรึเปล่าสินะ
"งั้นเอากุ้งผัดบล็อคโคลี่ เนื้อปูผัดผงกะหรี่ หมึกทอดกระเที่ยมแล้วก็..."
"พี่พัฒ! พอแล้วสั่งแต่ของกิมอะ สั่งของตัวเองบ้างสิ"กับข้าวและขนมหวานผมเลือกสั่งแต่ของที่กิมชอบ ก็เคยบอกแล้วว่าผมต้องรู้ทุกอย่างทุกความเคลื่อนไหวของคนรัก นั่นคือทุกเรื่องที่เกี่ยวกับกิมรวมไปถึงอาหารการกินด้วย
"คุณพัฒใส่ใจแฟนจังเลยนะครับ...น่าอิจฉาจัง"
ผมแค่ยิ้มตอบไม่ได้พูดอะไร ผมไม่ได้ตั้งใจเอาใจกิมให้เขาเห็นก็แค่ทำตามความเคยชิน แต่ถ้าเขาคิดว่าผมใส่ใจกิมมันก็ดี หวังว่าเขาจะวางใจให้ผมดูแลน้องเขาและไม่มาขัดขวางความรักของเรา...
เรากลับถึงบ้านเกือบสี่ทุ่ม ผมนั่งมองคนรักที่เดินออกมาจากห้องน้ำ กลิ่นสบู่หอมฟุ้งน่าฟัดเชียว
รวมตัวกิมเข้ามากอด หอมแก้มนิ่มแล้วทิ้งตัวนอนบนเตียง ตอนนี้กิมทาบทับอยู่บนตัวแล้วแนบหน้าลงกับอกผมสองแขนกอดผมแน่นขึ้นเรื่อยๆ
"พี่พัฒ...."
"หืม"
"......"
"ว่าไง..." ผมถามทั้งยังหลับตา ง่วงนอนเพราะเพลียมาทั้งวัน กอดกิมแบบนี้มีความสุขจัง
"พี่พัฒรักกิมไหม"
"รัก..." ผมตอบแล้วแต่กิมเงียบไป มันแปลก... น้ำเสียงก็แปลกๆ "เป็นอะไร...ไม่สบายใจเหรอ" หรือจะกังวลเรื่องพี่
"เปล่า...เจ็บคออ่ะ อยากอ้อนนน" พูดไปเอาหน้าถูไป น่าฟัดเนอะ
กิมขยับลงมานอนข้างๆ กอดผมไว้ ขาก็พาดขึ้นมาก่ายอย่างกับผมเป็นหมอนข้าง
"ไปหาหมอไหม"
"ไม่ต้องหรอกนิดหน่อยเดี๋ยวก็หาย วันนี้นอนเนอะ กิมรูว่าพี่เหนื่อย...ฝันดีครับ" หอมแก้มผมหนักๆ แล้วก็ห่มผ้าให้พร้อม หึหึ ศรีภรรยาจริงๆ
"ฝันดีครับ..." ผมจูมเหม่งไปหนึ่งทีแล้วปิดไฟนอน ปกติง่วงยังไงก็ไม่รอดผมหรอกแต่วันนี้จะยอมให้เพราะเกรงใจพี่ชายน้องหรอกนะ...
กลางดึกผมได้ยินเสียงดังก็อกแกร๊กจากด้านนอก กิมยังคงหลับสนิท แวบแรกผมคิดว่าอาจเป็นพี่ชายของกิมที่นอนอยู่ห้องข้างๆ เขาอาจนอนไม่หลับเพราะแปลกที่ แต่เวลาผ่านไปสักพักเสียงนั้นก็ยังดังไห้ได้ยินอยู่เนืองๆ ผมจึงลุกขึ้นไปดู ไม่แน่ว่าอาจจะมีโจรมางัดบ้านก็เป็นได้ ถึงแถวนี้จะไม่ได้เปลี่ยว แต่นิมันยามวิกาลอะไรก็เกิดขึ้นได้
ผมเดินไปดูประตูบ้านมันยังคงปิดสนิทไม่มีรอยงัดแงะ จึงวกกลับจะไปดูประตูหลังบ้านแต่เห็นไฟในห้องครัวเปิดอยู่ จึงค่อยย่องเข้าไปดูใจนึงก็คิดว่าไม่น่าใช่โจรเพราะไม่มีรอยงัดและโจรคงไม่เปิดไฟแต่อีกใจก็คิดเผื่อไว้ว่าอะไรอะไรมันก็เกิดขึ้นได้...
โชคดีที่ไม่ใช่โจร...
"...นอนไม่หลับหรือครับ" ผมเอ่ยทักก่อน เขาหันมายิ้มแหยให้
"...ครับก็ไม่เชิง หิวน้ำน่ะครับแต่พอตื่นแล้วมันหลับต่อไม่ลง"
"งั้นเปิดทีวีดูก็ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ" กิมหลับลึกจะตาย
"คุณพัฒใจดีจังเลยครับ"เขาพูดพร้อมยิ้มกว้างมาให้ จะเรียกว่ายิ้มหวานก็คงได้
"ตามสบายนะครับ ผมขอตัวก่อน"
"เอ่อ...คุณพัฒครับ"
ผมหันไปตามเสียงเรียก แต่ร่างโปร่งเซถลาเข้ามาหาจนผมต้องรับไว้อย่างช่วยไม่ได้
ผมพยายามช่วยพยุงให้เข้ายืนดีๆ และจะผละออกแต่แขนของเขากลับโอบรัดเอวผมไว้
อะไร??
"คุณพัฒอยู่ก่อนสิครับ ปูนมีเรื่อง...จะปรึกษา..." เขาช้อนตามสบมองผม ขยับหน้าเข้ามาใกล้เสียงแผ่วเครือกระซิบข้างหู
"เอาไว้พรุ่งนี้แล้วกันนะครับนี่มันดึกแล้ว"ผมพยายามจับไหล่ดันเขาออกไม่ให้น่าเกลียด แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยมือออกจากเอว
"ดีก็ตรงดึกนี่แหละครับ จะได้ไม่มีใครรู้...เรื่องที่ผมจะ'ปรึกษา' " เขาเน้นคำกระซิบเสียงซ่าน มือก็ลุกล้ำคลำเบาๆที่ส่วนสำคัญของผม นี่เขาตั้งใจยั่วชัดๆ
"อย่าทำแบบนี้"
ผมบอกเสียงแข็งคว้ามือข้างนั้นเอาไว้ให้หยุดการกระทำ อีกมือดันไหล่เขาเอาไว้ แต่มืออีกข้างของเขายังทำงานด้วยการลากไล้สอดเข้ามาในร่มผ้า โสตประสาทของผมรับรู้ทุกอย่าง ทุกสัมผัส และมันก็เป็นธรรมดาของผู้ชายที่จะตอบสนองต่อสิ่งเร้า แต่ใช่ว่าจะชอบ ผมไม่ชอบ ไม่ชอบเอามากๆ
"ผมเป็นแฟนน้องคุณนะ" พูดเตือนสติเผื่อเขาจะลืมสถานะของเรา
"ผมไม่ปากโป้งบอกกิมมันหรอก ปูนชอบคุณพัฒนะ และก็รู้ว่าคุณพัฒอยาก..." มือเขาบีบส่วนสำคัญของผมอย่างเบามือ และมองผมด้วยสายตาเร่าร้อน ลิ้นเรียวแลบเลียริมฝีปากอย่างยั่วยวน
รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ ธาตุแท้เป็นแบบนี้เองสินะกิมถึงไม่บอกเขาว่าอยู่กับผม แย่งได้แม้กระทั่งคนของน้อง หน้าตาก็ดีทำไมทำตัวไร้ค่า...
"ชิมเปียกปูนหน่อยสิครับ...จะป้อนให้ถึงปากเลย" เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ลมหายใจเป่ารดร้อนผ่าว
ผมกัดกรามกลั้นลมหายใจแล้วผ่อนออก ระงับอารมณ์โกรธ
ความอดทนผมถึงขีดสุดแล้ว...
รวบมือทั้งสองข้างแล้วใช้แรงไม่น้อยผลักคนตรงหน้าให้พ้นตัว
"...ไม่รู้นะว่าคิดอะไรอยู่ แต่ผมไม่ใช่พวกมักมากในกาม ผมรักน้องคุณแต่ไม่ชอบพฤติกรรมของคุณ เช้าเมื่อไหร่หวังว่าคุณจะไปซะ!" เกือบจะตะคอก พูดจบผมหันหลังกลับไม่สนใจว่าเขาจะมีสีหน้าเช่นไร ผมออกปากไล่แต่ก็ยังใช้คำสุภาพ ด้วยเห็นว่าเป็นพี่ชายของคนรักไม่อย่างนั้นผมด่าไม่ไว้หน้าแน่
เช้า...ผมไม่เห็นเขาแต่รองเท้ายังอยู่คาดว่ายังไม่ตื่น ผมขับรถส่งกิมไปหาหมอที่คลินิคใกล้บ้าน ก็ว่าจะพาไปโรงพยาบาลแต่เจ้าตัวไม่ยอมท่าเดียวต่อรองกันอยู่ตั้งนานกว่าจะพาออกมาได้ ตอนไปถึงคลีนิคยังไม่เปิดแต่ผมรอเป็นเพื่อนไม่ได้เพราะต้องรีบไปทำงาน ผมไม่ได้พูดอะไรเรื่องพี่ชายของกิมไม่อยากให้คนรักคิดมาก และหวังว่าจะไม่เจอเขาในตอนที่ผมกลับถึงบ้านหลังเลิกงาน
แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่หวัง รองเท้ายังอยู่...
กิมนอนหลับคุดคู้อยู่ที่โซฟา
นอนตรงนี้เดี๋ยวก็ทรุดกันพอดี
"กิม..." ผมเขย่าแขนกิมเบาๆ
"กิม...ไปนอนในห้อง..." ผมจับแก้มคนรักแล้วก็ต้องชะงัก
อุณภูมิต่ำ ลมหายใจเบาบาง ทำไมเป็นแบบนี้!
"กิม!! ตื่นสิ!!" ผมจับกิมเขย่าอย่างรุนแรงด้วยความตกใจ แต่ก็เท่านั้นไม่ว่าผมจะใช้แรงมากเท่าไหร่ เรียกกิมดังแค่ไหนก็ไม่มีทีท่าว่ากิมจะตื่นขึ้นมา อย่างกับว่าบางส่วนในตัวกิมไม่ได้อยู่ตรงนี้ ใครก็ได้ช่วยบอกผมทีว่านี่มันไม่ใช่เรื่องจริง!
"เกิดอะไรขึ้น!"เสียงของบุคคลที่สาม ผมไม่สนใจตอบคำถาม
ผมกำลังสติแตก ทำไมกิมเป็นแบบนี้ได้ เมื่อเช้าเรายังคุยกันอยู่เลย ใบหน้าซีดเซียวนี้ที่ยิ้มให้ผมเมื่อเช้า แววตาสุกใสทอประกายที่เคยฉายภาพเงาของผมตอนนี้กลับหลับใหลไร้การตอบรับ ลมหายใจแผ่วอ่อนราวจะไม่หายใจ...
"ได้ยินพี่ไหม กิมตื่นสิ อย่าเป็นอะไรนะ! กิมมมม!!!" รวบรวมสติอุ้มร่างไร้สติของคนรักขึ้น พี่ชายกิมก็รีบไปเปิดประตูให้ แล้วตามขึ้นรถอย่างรวดเร็ว
ผมใช้สัญณาญไฟฉุกเฉิน เหยียบคันเร่งแทบมิดแต่อะไรๆ กลับดูช้าไปเสียหมดยิ่งทำให้รู้สึกว่าโรงพยาบาลที่เคยคิดว่าอยู่ใกล้กลับไกลมากในวินาทีนี้
"กิม...อย่าเป็นอะไรนะ กิม..."
ผมพร่ำเรียกชื่อกิมเอาไว้ดั่งว่าเสียงนั้นจะช่วยยื้อคนรักให้กลับมาหาผม แล้วบอกกับตัวเองว่ากิมต้องไม่เป็นอะไร
ได้โปรดอย่าพรากคนรักของผมไป...
ความหนาวเหน็บแล่นเข้าสู่ขั้วหัวใจ มันเย็นเยียบไปทั่วร่างกายกระทั่งปลายมือและเท้า
ผมกลัว...
กลัวอะไรอะไรมันจะไม่ทันการณ์ กลัวทุกอย่างมันจะสายเกินแก้ กลัว...จะสูญเสียคนรักไป...
ตลอดกาล
TBC.
***********
ชะแว้บบบบบ
ขอบคุณจ้ะ