12th Wednesday #รักไม่คาดคิดในวันพุธ
ล้งเล้งไม่เคยรู้สึกปวดหัวขนาดนี้มาก่อน
ตั้งแต่วันที่ทะเลพูดถ้อยคำอุกอาจนั้น ผ่านมาร่วมเดือนแล้ว เขาก็ไม่ได้เจอหน้านิสิตตัวสูงนั่นอีก ตอนสอนเขาเลี่ยงเต็มที่ ไม่ว่าจะหนีไปสอนที่เคเอฟซีทั้งที่ตัวเองไม่ชอบกินไก่เท่าไหร่ถ้าไม่ใช่บอนชอน หนีทุกทางที่เกี่ยวกับทะเลเท่าที่จะทำได้
เด็กหนุ่มก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร แค่ไม่พร้อมที่จะเจอหน้าอีกคนก็เท่านั้น
แค่น้องแทนกายบังเอิญ (น่าจะบังเอิญ ถึงแม้น้องจะถามพร้อมรอยยิ้มบางๆ คล้ายกับกำลังรู้ทันอะไรบางอย่าง แต่ล้งเล้งจะคิดว่าน้องบังเอิญ น้องแทนกายแค่บังเอิญ!) เขายังรู้สึกปั่นป่วนในท้อง มันเหมือนตอนที่โมโหอีกคนจนหูอื้อ หรือว่าตอนที่เกลียดหน้ามันจนอยากจะต่อยปาก
มัน… แปลกๆ
แปลกมากจนล้งเล้งเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
รู้แล้วว่าตัวเองใส่ใจทะเลมากกว่าที่จะโยนความคิดเรื่องว่า ‘มันไม่อยากเป็นเพื่อนกับกู แล้วยังไงวะ?’ ทิ้งไป แล้วก็มันน่าหงุดหงิดที่ไม่สามารถสลัดเอาคำบอกรักนั่นออกจากหัวไปได้เลย
เชี่ยเอ้ย อยากเป็นแฟนอะไรของมึงวะ!
เป็นแค่ไอ้ทะเลแท้ๆ!
วันนี้เป็นเหมือนกับทุกๆ วันพุธที่ล้งเล้งจะเข้ามาสอนพิเศษที่สยาม วันนี้เนื่องจากเป็นพุธสิ้นเดือน คนเยอะมากจนทำให้เขาเกือบมาสอนสาย ครั้งนี้ล้งเล้งจึงนัดน้องๆ ในที่ที่เขาจะมาถึงได้เร็วที่สุด นั่นก็คือที่ร้าน McDonald สาขาพาราก้อน ที่เดิมที่เดียวกับที่เขาปักหลักสอนเป็นประจำ
“ขอโทษทีนะ แต่วันนี้คนโคตรเยอะเลย พี่รอรถตู้นานมาก แถมมีอุบัติเหตุอีก กว่าจะฝ่าดงไปได้คือนานมากเว้ย พี่โคตรหงุดหงิด”
ล้งเล้งรัวเป็นชุดตอนที่นั่งลงบนเก้าอี้ที่ล้อมรอบไปด้วยเด็กนักเรียนที่คุ้นเคย น้องเกดมองเขาตาแป๋ว ลิลลี่ไม่ได้มาเพราะว่าไม่สบาย ซึ่งเจ้าตัวไลน์บอกเขาแล้วตั้งแต่เช้า ส่วนแทนกายกับโจนั้นนั่งอ่านชีทเรียนทำการบ้านอย่างเงียบๆ อยู่บริเวณเดียวกัน
“เรามาต่อกันเลยดีกว่า เอาการบ้านที่พี่ให้ทำขึ้นมา เดี๋ยวมาดูกันเนอะ”
การเรียนการสอนเริ่มต้นขึ้นอย่างเรียบง่ายเหมือนกับทุกครั้ง บรรยากาศการเรียนของล้งเล้งอังกฤษที่ไม่มีทะเลมาคอยกวนนั้นเงียบสงบ ออกจะเป็นเรื่องไม่ชินหูของบรรดาเด็กน้อย และตัวของติวเตอร์เอง
Rrrr
โทรศัพท์?
ล้งเล้งล้วงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา คิ้วขมวดลงเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์แปลก แต่กก็กดรับด้วยความสงสัยว่าคนที่โทรมาเป็นใคร
“ฮัลโหลครับ”
“น้องล้งเล้งใช่มั้ยครับ?”
“ใช่ครับ นั่นใครครับ?”
“นี่พี่ธนาไง จำได้มั้ย?”
ล้งเล้งเงียบไปเมื่อนึกไม่ออกว่าในชีวิตรู้จักคนไหนที่ชื่อธนาบ้าง เหมือนปลายสายจะสังเกตว่าเขาเงียบนานเกินไปป เจ้าตัวเลยเฉลยออกมาเอง
“นี่พี่ธนาที่น้องเคยเหยียบเท้าบนบีทีเอสไง”
“อ๋อ” ไอ้คนที่ไม่ยอมจบเรื่องนั่นเอง “ครับ?”
“คือพี่อยากจะนัดน้องมาทานข้าวด้วยได้มั้ย?”
“...”
“แทนคำขอโทษของวันนั้นไง”
“อ่าครับ ได้ครับ พี่นัดมาละกัน”
“งั้นน้องล้งเล้งสะดวกวันไหนที่ไหนครับ?”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว แค่เหยียบเท้าครั้งเดียวมันจะต้องขนาดนี้เลยงั้นหรือ? ยิ่งเมื่อมองไปทางเด็กๆ ก็เห็นว่าแต่ละคนทำตาปริบๆ รอให้เขาพูดต่ออยู่ ล้งเล้งจึงตัดสินใจตัดบทเสีย
“เอ่อ พี่ครับ เดี๋ยวค่อยคุยได้มั้ย พอดีผมติดสอนอยู่”
“สอน? โอเคๆ ไว้คุยกันนะครับ”
“ครับ”
“เดี๋ยวพี่จะโทรหาทีหลัง”
อะไรของมันวะ
ล้งเล้งส่ายหัวเพื่อเอาความคิดไร้สาระออกไป ก่อนที่จะดึงตัวเองกลับมาที่บทเรียนตรงหน้าต่อ
“โอเค ข้อต่อไปแทนกายนะ…”
ติวเตอร์คนเก่งเลิกคิ้วกะพริบตาอีกครั้งเมื่อเขารู้สึกเหมือนกับตัวเองเห็นเด็กผู้หญิงที่คุ้นเคย นั่นมันหนูแดง เด็กติวของทะเลไม่ใช่หรือไง? หากเป็นปกติเขาก็คงเข่นเขี้ยวฟัน คิดว่าเดี๋ยวก็คงจะเจอทะเลแน่ๆ แล้วเดี๋ยวผู้ชายสูงเท่าแป้นบาสคนนั้นก็จะมากวนประสาทให้เขารำคาญใจอีกตามเคย
แต่ครั้งนี้ลึกๆ ในใจของล้งเล้งกลับรู้สึกอยากเจอทะเลนิดๆ … แค่นิดเดียวเท่านั้นแหละ! แล้วมันไม่มีอะไรสักหน่อย! ก็แค่ไม่ได้เห็นหน้ามาเป็นเดือน แค่นั้นแหละ! แค่นั้นเลย!!
“พี่ล้งเล้งครับ?”
“โทษที”
ล้งเล้งพูดเมื่อตัวเองเผลอเหม่อคิดไปถึงเรื่องไร้สาระ ติวเตอร์ส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนจะดึงตัวเองกลับมาโฟกัสกับนักเรียนหนุ่มตรงหน้า ที่ยังคงมองตัวเองตาแป๋ว
“เมื่อกี้ถึงข้อ…”
“55 ครับ”
“โอเค 55” ล้งเล้งกวาดตามองบทความตรงหน้า พร้อมทั้งช็อยส์ของบทความนี้ “แทนกายตอบอะไรครับ?”
“ตอบ 4”
“ทำไมล่ะ?”
เด็กน้อยของล้งเล้งมองโจทย์เล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบเขาด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ
“ผมแค่เคยเห็น extremely embarrassed เลยตอบครับ แต่ถ้าจะให้อธิบาย ก็น่าจะเป็นเพราะว่า embarrassed เป็น adjective ซึ่งคำขยายข้างหน้าต้องเป็น adverb ซึ่งในตัวเลือกทั้งหมด มีแค่ extremely ข้อเดียวที่เป็น adverb ครับ”
“ถูกๆ เก่งแล้วๆ”
ล้งเล้งยืนยันคำตอบนั้นอีกครั้ง พร้อมส่งยิ้มให้แทนกายซึ่งได้รับรอยยิ้มโล่งใจกลับมา ติวเตอร์หนุ่มมองโจทย์อีกครั้ง ก่อนจะอธิบายให้เด็กที่เหลือฟัง
“ในโจทย์บอกว่า People who are cyber-bullied may feel... to report a bully. ใช่มั้ย ทีนี้ตรงช่องว่างเนี่ย เราต้องใส่ความรู้สึกใช่ป้ะ? เรามาดูคำตอบกัน ข้อเดียวที่เป็นความรู้สึก คือ embarrassed”
เด็กๆ มองกระดาษในมือ ล้งเล้งพูดต่อ
“ข้อหนึ่งผิด เขาบอกว่า extreme embarrass ซึ่งอันนี้เนี่ย extreme เป็น adjective ก็จริง แต่ embarrass เป็น verb ซึ่งจะมีความหมายว่า ทำให้รู้สึกเขิน ทำให้รู้สึกอาย ตรงนี้ถ้าแก้ extreme เป็น adverb โดยการเติม -ly ลงไปข้างหลังก็พอได้ แต่ผิดความหมาย ขัดกับโจทย์”
“...”
“ข้อสอง…”
ล้งเล้งเงยหน้าขึ้นมาเพื่อสบตากับทะเล
ชั่วขณะนั้น เหมือนโลกหยุดนิ่ง
เวลาที่ทะเลเดินเข้ามาในแม็คโดนัลนั้นเหมือนกับพระเอกละครตอนปรากฏตัว ล้งเล้งเพิ่งสังเกตตอนนี้เองว่าทะเลตัวสูงแล้วก็หล่อขนาดไหน ถึงแม้ว่าไม่อยากจะยอมรับ แต่ทะเลมันก็หน้าตาดีจริงๆ นั่นแหละ
ล้งเล้งทำเสียงขึ้นจมูก เหอะ เขาหล่อกว่าตั้งเยอะ!
โต๊ะที่ทะเลเลือกนั่งนั้นไม่ไกลจากล้งเล้งมากนัก พวกเขาสบตาเพียงแค่เสี้ยววินาทีก่อนที่ล้งเล้ง จะหันหน้าหนีกลับมามองนักเรียนอีกครั้ง ซึ่งพวกเด็กนักเรียนตรงหน้าเขาทุกคนสบตากับล้งเล้งด้วยสีหน้าที่แตกต่างกัน ลูกเกดมองล้งเล้งด้วยสีหน้าเขินๆ แทนกายยิ้มล้อแบบรู้ทัน (มันเป็นเรื่องบังเอิญ! แทนกายไม่มีทางรู้อะไรทั้งนั้น!) ส่วนโจ้มองด้วยแววตาว่างเปล่า
“เอ่อ… ข้อสอง… embarrassing extreme มีใครตอบข้อนี้ป้ะ?”
ลูกเกดยกมือขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งล้งเล้งพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่จะอธิบายต่อ
“ข้อนี้ผิดเพราะว่า…”
“ลูกหมา”
ยังไม่ทันที่ล้งเล้งจะได้จบสิ่งที่กำลังสอนอยู่ เสียงเรียกข้างตัวก็ดังขึ้นมา ซึ่งเมื่อหันไปมองก็พบกับคนที่เมื่อเจอกันครั้งก่อนเพิ่งจะบอกความรู้สึกตัวเองอย่างอุกอาจ
‘กูชอบมึงไง ไอ้ลูกหมา ไอ้ควายเอ๊ย!’
หยุดคิด! หยุดคิดเดี๋ยวนี้นะ!!
“... มีอะไร?”
“กูซื้อของมาให้”
ล้งเล้งรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังคอสเพลย์เป็นหิน เขาขยับตัวอย่างอืดอาดไปหมด ติวเตอร์คนเก่งไม่กล้าสบตาทะเลเหมือนเมื่อครู่ทั้งที่รู้สึกว่าอีกคนกำลังมองที่หน้าเขาอยู่ นักศึกษาหนุ่มทำเพียงแค่มองมือของอีกคนที่ยื่นอะไรบางอย่างมาให้เขาเท่านั้น
คนอย่างทะเลที่บอกว่าอยากเป็นแฟนเขา ซื้ออะไรมาให้กัน?
“ถั่วแระ?”
“อืม” ทะเลพูด พร้อมกับยกมือเกาหัวด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ “กูคิดว่ามึงอาจจะชอบ”
“เอาอะไรมาคิดว่ากูชอบถั่วแระ?”
“ก็กูชอบ เลยอยากให้มึงชอบด้วย”
โอเค ล้งเล้งคิดว่าตัวเองกำลังโดนแอคแทค
“ลองก่อน มึงอาจจะชอบก็ได้นะ”
ทะเลพูดต่อ โดยที่ไม่สนใจรอยยิ้มล้อเลียนของแทนกาย ท่าทางเหมือนฟินอะไรบางอย่างของลูกเกด แล้วก็สายตาไม่พอใจเล็กน้อยของโจ้
“ถั่วแระเนี่ยนะ?”
“ถั่วแระดิ กูมั้ง? ลองชิมกูมั้ยล่ะ มึงอาจจะชอบก็ได้”
“...”
เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่ล้งเล้งจะได้โวยวายด้วยคำว่า ‘เหี้ยๆๆๆๆๆๆ’ ที่วุ่นวายอยู่ในหัว ทะเลก็พูดหน้านิ่งๆ ออกมาก่อน
“ล้อเล่น กูไปสอนละ”
“...”
ท่ามกลางความแปลกใจของทุกคน ล้งเล้งรับถุงมาแล้วพึมพำเบาๆ เกือบจะไม่มีใครได้ยินว่า
“ขอบคุณนะ”
ทะเลเพียงแค่พยักหน้ารับ ก่อนที่จะเดินกลับโต๊ะไป ซึ่งมีนักเรียนทั้งสามที่ล้งเล้งจำหน้าได้หมดแล้วมองอยู่ พลางซุบซิบอะไรกัน ตอนนี้แทนกายยิ้มกรุ้มกริ่ม ลูกเกดยังคงเม้มปากมือกดโทรศัพท์รัวๆ ส่วนโจ้หันหน้ามองทางอื่น
ล้งเล้งมองถุงถั่วแระที่เขาเอามาวางไว้บนโต๊ะ
ลองดูหน่อยมันก็คงไม่ได้แย่มั้ง
.
.
.
โดยไม่รู้ตัว ล้งเล้งกินถั่วแระในถุงจนหมด
เขามีทั้งโค้กและเฟรนช์ฟรายมากมายอยู่ตรงหน้า แต่ล้งเล้งก็กินถั่วแระไปด้วย เออ มันก็ไม่ได้แย่นี่หว่า บางทีถ้าเขาลองกินมันมากกว่านี้ อาจจะชอบกินมันมากกว่านี้ก็ได้มั้ง
ละมั้ง…
ล้งเล้งรู้ว่าจิตใจของเขาไม่ได้อยู่ตรงชีทเรียนตรงหน้า ตอนนี้เป็นเวลาพักสิบนาที ก่อนที่เขาจะพาน้องๆ เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของการเรียนการสอนในวันนี้ ในขณะที่ตัวเองยังไม่สามารถดึงความสนใจออกมาจากถุงถั่วแระและเจ้าของมันได้ จึงขอตัวออกมาเข้าห้องน้ำ และสัญญากับน้องๆ ว่าคลาสจะเริ่มทันทีที่เขากลับไปนั่งที่
ช่วงนี้อาจจะเป็นเวลาที่เขามีทะเลในหัวมากกว่าที่เป็นมาตลอดชีวิต ซึ่งมันออกจะมากเกินไปจนล้งเล้งปรับตัวไม่ทัน เขาไม่มั่นใจว่าตัวเองเข้าใจมันขนาดนั้น
เพราะว่ามัวแต่คิดถึงเรื่องทะเล ทำให้ล้งเล้งไม่ทันระวังตอนที่ตัวเองเกือบชนกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ถือถาดอาหารหันหลังมาพอดี
“โอ๊ะ ขอโทษครับ”
เธอส่งรอยยิ้มน่ารักมาให้ พอมองดีๆ แล้วหน้าตาเธอเรียกได้ว่าสวยเลยทีเดียว เป็นผู้หญิงที่หน้าคมนิดหน่อย แต่ยังคงดูสวยในแบบของเธอ ซึ่งเธอนั้นอยู่ในชุดนิสิตพอดีตัว ถึงแม้กระโปรงจะยาวแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ารุ่มร่าม
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ชายหนุ่มหลบทางให้นิสิตคนนั้นเดินไปก่อนอย่างที่สุภาพบุรุษ(ในความคิดของตัวเอง) ควรกระทำ ก่อนจะเดินตามหลังไปเพื่อไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง ซึ่งผู้หญิงคนนั้นก็ถือถาดของกินเดินลงไปนั่งที่…
โต๊ะไอ้เหี้ยทะเล
------- Wednesday In Class --------
ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?
คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวของติวเตอร์หนุ่มตลอดการสอนครึ่งหลัง (ถุงถั่วแระเปล่าเขาก็เอาไปทิ้งแล้วด้วย เปลืองที่! คนเขาจะวางปากกากระดาษ!) ถึงแม้จะพยายามบังคับตัวเองให้โฟกัสกับการสอนตรงหน้า แต่พอเหม่อๆ เมื่อไหร่ล่ะก็ รู้ตัวอีกที ตาของล้งเล้งก็มักจะวางไปที่โต๊ะของทะเลกับผู้หญิงคนใหม่เสียแล้ว
ใครวะ แม่ง!
มันเป็นความรู้สึกหงุดหงิดรำคาญ ทั้งที่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั่งเฉยๆ กินอาหารของตัวเอง สลับกับนั่งอ่านหนังสือหรือทำการบ้านสักอย่างที่ล้งเล้งไม่มั่นใจ (และไม่อยากรู้) แต่เขาก็อดหงุดหงิดไม่ได้ เขาไม่เคยพาเพื่อนมาสอนด้วยเลยสักครั้ง ทะเลก็ไม่ควรพามาหรือเปล่า
เว้นเสียแต่ว่า… จะไม่ใช่แค่เพื่อน
เพียงชั่วขณะ ล้งเล้งก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนเหมาะสมกันชะมัด
ลึกๆ ในใจของล้งเล้งก็รู้ว่าคนที่เพิ่งบอกชอบเขาไปเมื่อเดือนก่อน คนที่เพิ่งจะเดินเอาถั่วแระมาให้เมื่อชั่วโมงก่อนนั้น คงยังไม่มีแฟนในตอนนี้ … หรือเปล่าวะ
ถ้าหากมันเกิดไม่อยากรอเขาแล้วล่ะ? ถ้ามันไปคบกับผู้หญิงข้างๆ แล้วล่ะ??
ถ้าหากทะเลเลิกชอบเขาแล้วล่ะ?
เพียงแค่คิด สีหน้าของล้งเล้งก็เปลี่ยนไปทันทีจนเด็กที่เรียนพิเศษทุกคนสังเกตได้ พวกน้องๆ ได้แต่มองหน้ากันไปมาแต่ไม่มีใครพูดอะไร สุดท้ายแล้ว ล้งเล้งก็สอนต่อจนจบโดยที่ไม่ได้พูดอะไรในเรื่องนี้ออกมา และไม่เล่นมุกอะไรเหมือนกับบางครั้งที่เขาอารมณ์ดี
ใครอ่ะ ใครวะแม่ง แล้วเป็นอะไรกับไอ้ทะเล?
ล้งเล้งคิดวนเวียนอยู่แค่นี้จนกระทั่งหมดเวลาสอน ลูกเกดกับโจ้ขอตัวกลับก่อนเหมือนกับทุกครั้ง เหลือเพียงแทนกายคนเดียวที่ยังอยู่ต่อ นั่งอยู่ข้างๆ ล้งเล้ง เหมือนกับทุกครั้ง
“คนนั้นใครเหอครับ?”
“ใครอ่ะ?”
“คนที่นั่งกับพี่ทะเลน่ะครับ”
พอแทนกายพูดล้งเล้งจึงหันไปมองทางโต๊ะทะเลอีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ เป็นตอนที่ผู้หญิงคนนั้นหันไปพูดอะไรบางอย่างกับทะเล แล้วทะเลหัวเราะพอดี
คุยอะไรกันวะ อยากคุยมากก็กลับไปคุยกันที่คณะสิ!
“ไม่รู้อ่ะ” ล้งเล้งตอบ พร้อมกับเปลี่ยนเรื่อง “เรากลับยังไง?”
“เดี๋ยวก็ไปแล้วครับ”
“วันนี้เพื่อนไม่มารับเหรอ?”
“กลับเองครับวันนี้”
แทนกายพูดยิ้มๆ ใบหน้าสวยของเด็กหนุ่มยังคงมีรอยยิ้มบางๆ ประดับอยู่ จนบางครั้งล้งเล้งแอบคิดเหมือนกันว่าหากแทนกายใส่วิกเขาอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กผู้ชาย
“อ๋อ เออดีๆ”
ล้งเล้งพูด ในขณะที่แทนกายยังคงยิ้มอยู่ ถ้าหากน้องไม่หลิวตาคล้ายกับว่ากำลังจะกวนประสาท ล้งเล้งจะไม่รู้สึกหงุดหงิดในใจขนาดนี้!
“เดี๋ยวพี่ก็จะกลับแล้วเหมือนกัน เราเดินไปบีทีเอสด้วยกันมั้ย?”
ติวเตอร์หนุ่มชวนเด็กน้อยไปรถไฟฟ้า ซึ่งน้องตอบกลับมาว่า
“ได้ครับ แต่ขอผมซื้อแม็คไปกินเผื่อพรุ่งนี้แป๊บนึงนะครับ”
“ได้ๆ เดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อน”
พวกเขาทั้งสองคนไปยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์สั่งอาหาร เพราะคนเยอะนิดหน่อย ล้งเล้งจึงเลือกยืนอยู่ข้างหลัง ปล่อยให้เด็กน้อยไปต่อแถว สักพักล้งเล้งก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว เมื่อเงยหน้าออกจากโทรศัพท์ เขาก็เห็นว่าข้างๆ ตัวเองมีทะเลยืนทำหน้ากวนประสาทอยู่
ความจริงแล้วทะเลก็แค่ยิ้มมุมปากเหมือนกับทุกครั้งที่เจอ แต่ไม่รู้ทำไม รอยยิ้มของทะเลมันถึงได้ทำให้ล้งเล้งรู้สึกหงุดหงิด!
“ลูกหมา ซื้อไร?”
“เสือก”
“อืม ก็เสือกแหละ กูชอบเสือกเรื่องมึงตลอดอยู่แล้ว”
เพราะอะไรบางอย่าง ถ้อยคำของทะเลถึงได้ดูตัดพ้ออย่างน่าประหลาด
“มึงไปเสือกเรื่องคนอื่นมั่งมั้ย?”
อย่างเช่นเรื่องผู้หญิงที่มึงพามาด้วย อะไรแบบนี้… ล้งเล้งคิดต่อในใจ แต่ไม่ได้พูดออกไป
“ไม่อ่ะ ชอบเสือกเรื่องของมึง”
เป็นอีกครั้งที่ล้งเล้งรู้สึกเหมือนผีเสื้อบินอยู่ในท้องเพราะแค่ประโยคพูดสั้นๆ จากอีกคน
“ก็… ก็…” ล้งเล้งพยายามสรรหาคำพูดมากมาย แต่เหมือนมันจะไม่ออกมาเลยตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องอย่างหน้าด้านๆ “แล้วคนที่นั่งอยู่กับมึงล่ะ คนนั้นใครอ่ะ?”
“เพื่อน”
“น่ารักดีเนอะ”
“อืม น่ารัก”
ทั้งที่เป็นคนเปิดประโยคสนทนาเอง แต่ล้งเล้งกลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
“มึงชอบแบบนี้เหรอ?”
“อะไร?”
“ผู้หญิงคนนั้นไง มึงชอบเขาเหรอ สเปคมึงเป็นแบบนี้เหรอ?”
ระยะเวลาที่ทะเลเงียบลงพร้อมหรี่ตานั้น ล้งเล้งกัดริมฝีปาก ในใจนึกอยากย้อนเวลากลับไปเอาคำพูดเชิงประชดประชันนั้นกลับมา นี่เขาเป็นบ้าอะไรถึงได้พูดแบบนั้นออกไปวะ?! แม่ง
“ก็ดีนะ”
“ดีเหรอ?”
“อืม น่ารักดี” ทะเลยิ้มพร้อมพูดต่อ “เอาจริงก็สเปคกูนะ ตาโต ตัวเล็ก น่ารัก สเปคกูเลย”
เสียใจอะไรวะแม่ง ไม่รู้อ่ะ! เขาแค่เสียใจนิดหน่อย เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นแหละ!
“แต่ว่า…”
ยังไม่ทันที่ทะเลจะพูดจบประโยค ล้งเล้งก็เดินหนีมาตรงเค้าน์เตอร์รับสินค้า เขากำลังจะเดินไปหาแทนกายที่ยืนรออาหารของตัวเองอยู่ ซึ่งยังไม่ทันที่จะถึงนั้น ล้งเล้งก็รู้สึกเหมือนมีคนมาจับแขนเขไว้เสียก่อน
“ไอ้ลูกหมา เดินหนีทำไม ยังคุยกันไม่จบ”
“แล้วจะให้กูอยู่ฟังมึงบอกชอบเขาหรือไง?”
“...”
ทะเลไม่พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มมุมปาก กับหลิ่วตาคล้ายกับว่ากำลังจะแซวอะไรเขาสักอย่าง ซึ่งล้งเล้งอาจจะทึบเกินจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะแซวอะไร แล้วเขาก็ไม่อยากจะรู้ด้วย
ถ้ามันเลิกชอบเขาแล้วล่ะ?
ถ้ามันไปชอบคนอื่นแล้วล่ะ??
“คือ…”
“จะเลิกชอบกูแล้วเหรอ?”
“ฮะ?”
ทะเลทวนเหมือนงงว่าล้งเล้งกำลังจะพูดอะไร ยังไม่ทันที่ทะเลจะได้พูดอะไรต่อ ล้งเล้งก็ชิงพูดเสียก่อน
“มึงเลิกชอบกูแล้วเหรอ? อย่าเพิ่งเลิกชอบกูได้มั้ย? กูไม่ได้รังเกียจมึงนะ แต่กูแบบ … กูแค่…”
“...”
“ช่างมันเถอะ มึงจะชอบใครก็เรื่องของ…”
“มึงคิดว่าการเลิกชอบใครสักคนมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอลูกหมา?”
น้ำเสียงจริงจังของทะเลนั้น ทำให้ล้งเล้งเงยหน้าจากปลายเท้าของตัวเองที่ไม่รู้ว่าไปมองอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ สีหน้าของทะเลยังคงนิ่งเหมือนเคย หากแต่แววตาของเจ้าตัวกลับจริงจังมากจนเขาไม่สามารถเถียงได้
“มึงอาจจะไม่รู้ แต่กูชอบมึงมานานมาก กูไปมองคนอื่นไม่ได้อีกแล้ว ไอ้โง่”
“...”
“กูรอมึงมาตั้งแต่มึงยังไม่รู้ว่า Barbie Girl คืออะไร จนวันนี้มึงมาเป็นครูติวภาษาอังกฤษแล้ว คิดเอาเองว่ามันนานขนาดไหน”
“...”
“กูชอบของกูมานานขนาดนี้ มึงจะต่อยกูอีกกี่สิบทีกูก็ไม่เลิกชอบมึงหรอก”
“...”
“ยิงกูดิ”
“กูทำจริงนะ”
“เฮ้ย เดี๋ยว ไอ้เหี้ย กูพูดเล่น”
ทะเลรีบพูดเมื่อล้งเล้งทำท่าทางเหมือนกับว่าเจ้าตัวจะยิงเขาจริงๆ ทั้งที่คนอยู่เต็มแม็คแต่ทะเลรู้สึกว่าถ้าล้งเล้งมีปืน เจ้าตัวอาจจะยิงเขาจริงๆ ก็ได้
ทั้งสองคนยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ เพียงครู่เดียวเท่านั้น ก่อนที่แทนกายจะเดินยิ้มเข้ามาใกล้ พร้อมกับถุงอาหารในมือ
“งั้น… กูไปแล้วนะ”
นับตั้งแต่ที่รู้จักกันมาเกินครึ่งชีวิต นี่เป็นครั้งแรกที่ล้งเล้งหันมาบอกลาทะเล
“ล้งเล้ง”
“ว่า?”
“กูขอจีบมึงนะ” ทั้งที่รอบตัวพวกเขามีคนมากมาย แต่เสียงหัวใจของทั้งคู่กลับดังกลบทุกอย่างไปเสียดาย เสี้ยววินาทีนานนับชั่วกัปชั่วกัลป์ สุดท้ายแล้ว ล้งเล้งก็พูดออกมาเสียงดัง
“เรื่องแบบนี้ใครเขาขอกันวะไอ้เหี้ย!!” ------- TBC -------
[/b]
นั่นแหละค่ะท่านผู้ชม
#รักไม่คาดคิดในวันพุธ