“อะไรกัน จะกลับไปแล้วหรือ?” พี่ตุ่นผุดลุกขึ้นนั่งอย่างตกใจเมื่อโกเมนบอกว่าพรุ่งนี้จะกลับ
“พอดีผมว่าจะพาฝาแฝดไปเที่ยวทะเลน่ะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นให้พวกเราไปด้วยซิครับ” อภินันท์ยิ้มกว้าง หลายวันมานี้เขามาหาโกเมนแทบทุกวัน วันไหนอยู่ดึกได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็โทรศัพท์มาคุย แม้จะแค่หนึ่งหรือสองนาทีก็ขอให้ได้คุยได้ยินเสียงของโกเมนเป็นพอ
“คุณนันท์ แต่ว่า...”
“ผมมีบ้านพักติดทะเลอยู่ ไปที่นั่นเด็กๆ ก็จะได้เล่นอย่างสนุกสนานคุณเองก็ไม่ต้องคอยหลบสายตานักข่าวกับคนอื่นๆ”
“อีกอย่างฉันยังไม่หายคิดถึงนายเลยนะโกเมน” ผู้จัดการร่างท้วมน้ำตาคลอ
“แบบนั้นก็ดีนะครับ” รัชพลเอ่ยพลางยิ้ม โกเมนมองหน้ารัชพลแล้วขมวดคิ้วก่อนจะถอนหายใจแล้วพยักหน้าให้อภินันท์กับผู้จัดการ
ทั้งหมดจึงตกลงไปพักบ้านพักของอภินันท์ตามที่เสนอในบ่ายวันนั้น โกเมนขับรถของตัวเองนั่งไปกับรัชพลและฝาแฝด ส่วนอภินันท์นั่งคู่ไปกับพี่ตุ่น อภินันท์โทรศัพท์ให้แม่บ้านจัดเตรียมที่พักกับอาหารทะเลไว้ แม้พวกเขาจะมาถึงค่ำแล้วแต่อาหารและเตากลับถูกเตรียมเอาไว้พร้อมสรรพ
“พี่พล ทำน้ำจิ้มให้หน่อยซิ” โกเมนเดินกลับมาหลังเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปเก็บในห้องพัก รัชพลพักกับลูกๆ ห้องหนึ่ง โกเมนนอนห้องฝั่งตรงข้าม อภินันท์นอนห้องติดกันกับโกเมน ส่วนพี่ตุ่นนอนห้องติดกับรัชพล
“มีแม่บ้านเตรียมไว้ให้แล้วนายจะกวนคุณพลทำไม?” พี่ตุ่นเอ่ยอย่างขัดเคือง โกเมนน่ะ อะไรๆ ก็พี่พล พี่พลอยู่แทบทุกคำทุกประโยค ทำตัวเหมือนเด็กติดแม่ไม่มีผิด!
“ไม่เป็นไรครับคุณตุ่น ผมทำได้ ไม่ยากเย็นอะไรแปบเดียวก็เสร็จ”
“เห็นไหม พี่พลของผมน่ะใจดีที่สุด” โกเมนหัวเราะร่าพลางยักคิ้วใส่ผู้จัดการ พี่ตุ่นแยกเขี้ยวใส่ชายหนุ่ม เหลือบสายตามองรัชพลที่ตอนนี้หูแดงทั้งสองข้างแล้วถอนหายใจ
“งั้นฉันไปเตรียมเครื่องดื่มนะ”
“อาโกเมนๆ พวกเราลงน้ำทะเลได้ไหมครับ?” ฟักวิ่งเข้ามากอดขาโกเมนพลางเงยหน้าถามด้วยสายตามีความหวัง
“วันนี้คงไม่ได้แล้วครับ มันมืดแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยเล่นนะ”
“ว้า~” เด็กชายหน้าม่อย โกเมนหัวเราะกับท่าทางนั้นก่อนจะก้มลงอุ้มเจ้าตัวเล็ก
“เดี๋ยวพรุ่งนี้อาโกเมนเล่นเป็นเพื่อนนะครับ”
“เย้! แล้วพ่อพลจะเล่นด้วยไหมครับ?”
“พ่อ...”
“พ่อพลก็เล่นครับ” โกเมนชิงตอบทำเอารัชพลถลึงตามอง “ถ้าพ่อพลไม่ยอมเล่นอาโกเมนจะอุ้มพ่อพลลงทะเลเอง” โกเมนว่าพลางส่งสายตาวิบวับคนตั้งท่าปฏิเสธ
“งั้นอาโกเมนอุ้มแฟงด้วย” เด็กหญิงที่วิ่งเข้ามาได้ยินประโยคท้ายเอ่ยท้วงพร้อมเสียงหัวเราะ
“ได้ๆ อาโกเมนจะอุ้มทั้งพ่อทั้งลูกเลย”
“คุณ!” รัชพลนึกอยากจะขว้างมะนาวในมือใส่คนพูด พูดอะไรออกมาต่อหน้าเด็กๆ แบบนี้! แล้วมันหมายความว่ายังไงกันถึงจะมาอุ้มเขาเนี่ย!
กุ้งเผาตัวโต ปลาหมึกย่าง ปูม้าสีสวยค่อยๆ ถูกจัดลงถาด ใครอยากกินอะไรก็เลือกหยิบอย่างนั้น โกเมนหยิบกุ้งแกะเปลือกวางลงในจานสองแฝดจนพูน เด็กสองคนส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวดีใจ มือเล็กกำลังจะหยิบกุ้งเข้าปากหากโกเมนยกจานหนีเสียก่อน
“พี่พล!”
“หืม?” รัชพลละสายตาจากปลาหมึกบนเตาหันมามอง
“ฝาแฝดแพ้อาหารทะเลหรือเปล่า?” โกเมนที่เพิ่งนึกได้สบถด่าตัวเองในใจว่าทำไมถึงเพิ่งมานึกได้ตอนนี้
“ไม่แพ้นะ กินได้” โกเมนพรูลมหายใจแล้วจึงวางจานกุ้งลง ฝาแฝดหน้ามุ่ยใส่ชายหนุ่มอย่างพร้อมเพรียง
“ขอโทษๆ เอ้า เดี๋ยวอาแกะปูให้เพิ่มละกัน” โกเมนเอ่ยขอโทษเด็กๆ
“คุณโกเมนเองก็ทานบ้างเถอะครับ” อภินันท์แกะกุ้งแกะปูใส่จานโกเมน คะยั้นคะยอให้ชายหนุ่มกินอะไรบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ดูแลเด็กแบบนั้น
“คุณนันท์ทานเลยครับไม่ต้องห่วงผม” โกเมนหันมาตอบ ไม่ได้หยิบอาหารตรงหน้ามากิน อภินันท์ถอนหายใจ พี่ตุ่นมองภาพตรงหน้าแล้วละเลียดกุ้งเผาในมือตัวเอง หมดก็หันไปหยิบหอยมาแกะแล้วครู่หนึ่งก็เหลือบมองรัชพลที่อาสาปิ้งย่างมือเป็นระวิง เขากำลังจะอ้าปากเรียกให้ฝ่ายนั้นหยุดพักมากินอะไรบ้างร่างสูงของโกเมนก็ลุกพรวด
“พี่พล พักก่อนเถอะ เดี๋ยวผมทำต่อเอง”
“ไม่เป็นไร คุณไปกินเถอะ”
“ไม่เอาอ่ะ ถ้าพี่ไม่กินผมก็ไม่กิน” โกเมนแย่งอุปกรณ์ในมือรัชพลมาพลิกอาหารบนเตา รัชพลถอนหายใจ จะบอกยังไงดีว่าเขาเกรงใจอภินันท์กับพี่ตุ่นจึงไม่อยากไปร่วมโต๊ะด้วย ดูก็รู้ว่าทั้งสองคนนั้นไม่ค่อยชอบหน้าเขา โดยเฉพาะคุณอภินันท์ “พี่ถือหน่อย” โกเมนยื่นที่คีบคืนรัชพลก่อนจะเดินกลับไปเอาจานตัวเองมาถือไว้ ในจานที่กุ้งและปูที่อภินันท์แกะให้จนเกือบเต็มจาน โกเมนหยิบกุ้งจิ้มน้ำจิ้มแล้วยื่นจ่อปากรัชพล
“เอ๊ะ?”
“กินซิ”
“นี่คุณนันท์แกะให้คุณนะ” รัชพลเหลือบมองคนที่แกะกุ้งพวกนี้แล้วรู้สึกเกรงใจ
“งั้น...” โกเมนวางจานในมือลงแล้วหยิบกุ้งตัวใหม่มาแกะอย่างรวดเร็ว จิ้มน้ำจิ้มแล้วจ่อปากรัชพลแบบเมื่อครู่
“ผมกินเองดีกว่า” รัชพลแย่งกุ้งในมืออีกฝ่ายมากินเอง
“ว้า~ อดป้อนเลย” โกเมนแสร้งทำน้ำเสียงผิดหวังก่อนจะยิ้มกว้างแล้วหันไปหยิบกุ้งตัวใหม่มาแกะ
“วันนี้เป็นอะไรไปเนี่ย?” รัชพลเลิกมองท่าทางของคนด้านข้าง อันที่จริงโกเมนท่าทางแปลกๆ มาหลายวันแล้วตั้งแต่เข้ากรุงเทพฯ มา
“เป็นอะไรคืออะไร?”
“ก็มาเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ”
“ก็อยากแสดงออกให้รู้ไง”
“รู้อะไร?”
“รู้ว่า...” โกเมนขยับเข้าหายื่นหน้าเข้าใกล้ รัชพลเบี่ยงตัวหลบโดยอัตโนมัติ
“คุณโกเมน!”
“ครับ?” ร่างสูงหันไปหาคนเรียก อภินันท์เบิกตามองมาทางเขาอย่างตกใจ
“คือผม... อยากจะถามว่าคุณจะดื่มเบียร์ไหม?”
“เอ พี่พลดื่มไหม?” รัชพลส่ายหน้า เขาไม่อยากดื่มอะไรพวกนี้ต่อหน้าลูก “งั้นผมไม่ดื่มดีกว่าครับ” โกเมนหันมาตอบอภินันท์
“นายก็ดื่มเป็นเพื่อนคุณนันท์หน่อยซิโกเมน จะทิ้งให้เขาดื่มคนเดียวหรือไง?” พี่ตุ่นขมวดคิ้ว พักบ้านเขา อาหารเขาก็เตรียมให้ ดื่มเป็นเพื่อนเขาแค่นี้ไม่เห็นเป็นอะไรเลย อีกอย่างคนอยู่เต็มบ้าน อภินันท์ก็ไว้ใจได้ ไม่ต้องกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยหรอก
“คุณไปดื่มเป็นเพื่อนคุณนันท์เถอะ”
“ก็ได้” โกเมนถอนหายใจกลับมานั่งที่เดิมแล้วดื่มเป็นเพื่อนอภินันท์
จนเวลาล่วงเข้าวันใหม่ไปเกือบครึ่งชั่วโมง พี่ตุ่นขอตัวกลับห้องไปได้ครู่ใหญ่แล้ว ส่วนฝาแฝดถูกรัชพลพาเข้านอนตั้งแต่สี่ทุ่ม ตอนนี้จึงเหลือเพียงโกเมนและอภินันท์ที่ยังคงนั่งจิบเบียร์ไปเรื่อยๆ
“คุณโกเมน”
“ครับ?” อภินันท์วางแก้วในมือลง เขาสังเกตเห็นว่าโกเมนมองเข้าไปในตัวบ้านบ่อยๆ ก็พลันหงุดหงิดขึ้นมา
“ง่วงแล้วหรือครับ?”
“ก็..ยังครับ”
“ผมมีเรื่องอยากจะบอกคุณ” อภินันท์คว้ามือคนตรงหน้ามากุมไว้ โกเมนนั่งนิ่ง เขารู้ว่าอภินันท์เป็นเกย์และแน่นอนว่าเขาไม่ได้รังเกียจอีกฝ่ายในเรื่องนี้ แต่เขาไม่อยากถูกกุมมือไว้แบบนี้เสียหน่อย
“ครับ?” โกเมนพยายามดึงมือให้หลุดจากการเกาะกุมนั้น
“คุณรังเกียจผมเหรอ?” โกเมนชะงักไม่ได้ดึงมือออกอีก
“เปล่า”
“ถ้าอย่างนั้นคุณชอบผมบ้างไหม?” ใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้าใกล้ ดวงตาคู่สวยของอภินันท์เว้าวอนดูน่าสงสาร
“ผมว่าคุณนันท์เมาแล้ว”
“เบียร์ไม่กี่ขวดไม่ทำให้ผมเมาหรอกโกเมน แต่ผมไม่อยากรออีกแล้ว” อภินันท์ดึงมือโกเมนทาบบนอกซ้ายของตัวเอง “แค่เห็นว่าข้างคุณมีใครบางคนอยู่ด้วยผมก็ไม่อยากทนรอ ผมคิดว่าคุณรู้ว่าผมรักคุณ”
“....” โกเมนนั่งนิ่ง เขาจ้องตากับอภินันท์ไม่หลบหนี
“เป็นผมได้ไหมครับ? ให้ผมดูแลคุณนะ” ริมฝีปากบางสีอ่อนขยับเข้าใกล้ โกเมนเบี่ยงหน้าหลบก่อนจะถอนหายใจ
“ขอโทษนะครับคุณนันท์”
“...” อภินันท์นิ่งค้างไม่ได้ขยับต่อ หากริมฝีปากกลับวาดรอยยิ้มบิดเบี้ยว ดวงตาคู่สวยฉายแววเจ็บปวดหรุบลงต่ำ
“ผมหวังว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”
“เพื่อน? อา เพื่อนซินะ?” อภินันท์ยิ้มขื่น เขาขยับกายนั่งตัวตรงปล่อยมือของโกเมนให้เป็นอิสระ มานั่งนึกดีๆ แล้วเมื่อสองปีก่อนโกเมนก็พูดคำนี้ ทำไมเขาถึงลืมไปได้หนอ?
“ผมไม่ได้รังเกียจคุณ แต่ผมมีคนที่ผมคิดว่าผมกำลังตกหลุมรักเขาอยู่”
“ก็พอรู้” อภินันท์อยากจะมองหน้าโกเมนแล้วยิ้มให้จากใจจริง แต่ว่า...ความเจ็บปวดในอกมันมากเกินไป เขายังบรรเทาอาการนั้นไม่ทันเลยไม่สามารถทำอย่างที่คิดได้ “ผมว่าผมคงจะเมาอย่างที่คุณพูด ผมขอตัวไปนอนก่อนนะ”
อภินันท์ลุกไปแล้ว หากโกเมนยังคงนั่งอยู่ที่เดิมครู่ใหญ่ ถามว่ารู้สึกไหมกับการที่ต้องปฏิเสธคนดีๆ อย่างอภินันท์ เขารู้สึกผิดแน่นอนแต่เขามั่นใจว่าตัวเองคิดกับอีกฝ่ายแค่เพื่อน ดังนั้นเขาต้องพูดความจริงออกไป การให้ความหวังไปเรื่อยๆ เป็นความใจร้ายอย่างไม่น่าให้อภัย และเจ็บสั้นดีกว่าเจ็บยาว เขาไม่อยากเป็นคนทำให้อภินันท์เจ็บมากกว่านี้
โกเมนนั่งอยู่อย่างนั้นสักพักจึงค่อยลุกเก็บกวาดโต๊ะอาหาร เก็บอาหารสดที่เหลือเข้าตู้เย็น ดับไฟในเตาก่อนจะเข้าห้องอาบน้ำนอน
รัชพลพิงประตูห้องไม่กล้าขยับเขยื้อน เขาเหลือบมองนาฬิกาเห็นว่าเลยเที่ยงคืนแล้วจึงออกไปดูว่าข้างนอกเก็บของเรียบร้อยหรือไม่กลับเห็นอภินันท์สารภาพรักโกเมนเสียได้ เขาไม่กล้าอยู่ฟังคำตอบของโกเมนก็วิ่งกลับเข้าห้อง
อา ในอกมันโหวงๆ แฮะ เจ็บหน่วงๆ ยังไงก็ไม่รู้
คืนนั้นรัชพลนอนไม่หลับทั้งคืน เอาแต่ครุ่นคิดว่าโกเมนตอบอภินันท์ไปว่าอย่างไร นึกๆ แล้วก็อยากเขกหัวตัวเอง ถ้าอยากรู้ขนาดนี้ทำไมเมื่อคืนไม่แอบฟังเสียให้รู้แล้วรู้รอด
“คุณนันท์ล่ะ?” ผู้จัดการร่างท้วมยกกาแฟขึ้นจิบเอ่ยถามโกเมนที่เดินหัวยุ่งออกมาจากห้อง
“ทำไมต้องมาถามผมล่ะ?” โกเมนขมวดคิ้วจ้องหน้าพี่ตุ่นอย่างไม่พอใจ พี่ตุ่นถามอย่างนี้ทำยังกับว่าเมื่อคืนเขากับอภินันท์นอนด้วยกันอย่างนั้นแหละ อ๊ะ! ชายหนุ่มตกใจหันไปมองรัชพลที่กำลังทำขนมปังปิ้งตกใจ พี่ตุ่นเบะปากกับกิริยาของคนตรงหน้า
“ก็เห็นว่านายอยู่ดื่มกับเขาจนดึกดื่น”
“อือ กลับไปแล้ว”
“กลับไปแล้ว!” พี่ตุ่นกระเด้งตัวขึ้นจากโซฟาอย่างตกใจ รัชพลเองก็หันมามองด้วยเช่นกัน
“เขามาเคาะประตูห้องตอนเช้ามืด บอกว่าจะกลับกรุงเทพฯก่อน แล้วก็โทรศัพท์ให้คนมารับตั้งแต่เมื่อคืน”
“นะ นายไปทำอะไรคุณนันท์?” พี่ตุ่นชี้หน้าโกเมนด้วยสีหน้าตื่นๆ
“จะบ้าหรือไง? ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นแหละ!” โกเมนเอาเศษขนมปังปาใส่คนตรงหน้า “อยากให้ผมกับคุณนันท์ทำอะไรกันหรือไง?”
“ถ้าทำก็ดีไง” พี่ตุ่นพูดเสียงเบา หากโกเมนหูดีได้ยินจึงถลึงตามอง
“ฝันไปเถอะ!”
“อาโกเมน / อาโกเมน” ฝาแฝดที่วิ่งออกมาจากห้องกระโจนเข้าหาชายหนุ่มพร้อมแป้งลายพร้อยเต็มหน้า
“ฮ่ะๆๆ อะไรกันเนี่ย ใครทาแป้งให้พวกเรา หืม?”
“พ่อพล / พ่อพล” เด็กๆ ได้ทีฟ้อง ไม่รู้ว่าเมื่อเช้าพ่อพลของพวกเขาเป็นอะไรถึงได้ใจลอย หยิบเสื้อของฝาแฝดสลับกัน จับเด็กหญิงหวีผมถักเปียข้างเดียว หันไปหาเด็กชายจับผมมากระจุกหนึ่งแล้วมัดให้ ตอนนี้สภาพของฝาแฝดจึงตลกสุดๆ
“ไหน แฟงหันมานี่ซิ เดี๋ยวอาถักเปียอีกข้างให้”
“เย้~” เด็กหญิงกระโดดขึ้นนั่งตักให้โกเมนถักเปียข้างที่เหลือให้
พี่ตุ่นเลิกคิ้วมองท่าทางนั้น อดแปลกใจไม่ได้กับการกระทำของโกเมน ใบหน้าหล่อเหลาประดับรอยยิ้มอ่อนโยน ครู่หนึ่งก็หันมาคุยกับเด็กชายเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายน้อยใจ ชายหนุ่มถักเปียให้เด็กหญิงอย่างเชื่องช้าเพราะไม่ค่อยถนัดกระนั้นก็ยังพยายามจนเปียบิดเบี้ยว สักพักก็จะหันไปมองรัชพลเป็นระยะ
โอ๊ย พี่ตุ่นรู้สึกว่าภาพตรงหน้ามันขัดใจยังไงชอบกล!
นี่มันครอบครัวสุขสันต์หรืออย่างไร?
“อาโกเมน พวกเราไปเล่นน้ำทะเลได้หรือยัง?”
“กินข้าวเช้าก่อน ออกไปเดินเล่นรอให้สายกว่านี้หน่อย แล้วซื้อของฝากให้คุณตาคุณยาย ลุงพงษ์กับคุณปู่ก่อน” รัชพลยกหม้อข้าวต้มวางบนโต๊ะเอ่ยขัด
ช่วงสายหลังจากซื้อของฝากเสร็จรัชพลจึงอนุญาตให้เด็กๆ ไปเล่นน้ำทะเลได้โดยมีโกเมนตามประกบไม่ห่าง ส่วนตัวเองหลังจากจัดกระเป๋า เก็บของฝากเรียบร้อยจึงออกมานั่งมองดูทั้งสามคน
“ดูแลโกเมนเหนื่อยบ้างไหม?” ผู้จัดการร่างท้วมเอ่ยถามขณะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
“ก็ไม่นะครับ”
“นายชอบโกเมนเหรอ?”
“....” รัชพลหันไปมองคนถาม ไม่เข้าใจเจตนาของอีกฝ่าย
“คุณนันท์เขาชอบโกเมนมาก ขนาดฉันยังดูออก นายว่าโกเมนจะดูรู้ไหม?”
“คงรู้มั้งครับ” รัชพลหันกลับไปมองร่างสูงของโกเมน ผิวขาวจัดสะท้อนแดด ใบหน้าหล่อเหลาแต้มรอยยิ้มสว่างไสว เสียงหัวเราะแว่วให้คนฟังยกยิ้มตาม
“น่าเสียดายนะ”
“ครับ?”
“พี่พล มาเล่นน้ำกัน” โกเมนวิ่งเข้ามาหาทั้งสองคนหากเอ่ยปากชวนรัชพลคนเดียว
“นี่ ฉันก็นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งคนนะยะ!” พี่ตุ่นแหว
“ผมรู้ว่าพี่ตุ่นไม่เล่นเพราะกลัวดำผมถึงไม่ชวนไง”
“ย่ะ!” ผู้จัดการร่างท้วมมองค้อนเอ่ยประชดไม่จริงจังนัก
“ไปเล่นน้ำกันเถอะพี่พล”
“ไม่...” ไม่รอให้รัชพลเอ่ยปากปฏิเสธโกเมนก็ก้มลงแบกอีกฝ่ายขึ้นบ่า วิ่งตุเลงๆ ลงทะเลเป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางเสียงร้องเฮของฝาแฝด พี่ตุ่นส่ายหัว อดพึมพำกับตัวเองไม่ได้
“น่าเสียดายที่โกเมนเลือกนายน่ะซิ ถ้าโกเมนเลือกคุณนันท์โกเมนอาจจะยอมกลับเข้าวงการอีกครั้งก็ได้ เฮ่อ~”
โปรดติดตามตอนต่อไป
สวัสดีค่ะ
ก่อนอื่นขอโทษที่มาช้านะคะ ตั้งใจจะมาลงให้ก่อนหน้านี้หลายวันแล้วค่ะ
แต่...แต่งานหลวงต้องเร่งส่งหัวหน้าค่ะ กลับมาห้องนี่เหมือนร่างจะพังทุกวันเลยยยย
รักพอเพียงนั้น..ตั้งใจให้เป็นเรื่องใสๆ อบอุ่นๆ แบบครอบครัวและความตั้งใจเดิมสำหรับเรื่องนั้นเป็นเรื่องสั้นค่ะ
แต่มาจนถึงตอนที่ สิบกว่าได้นี่ก็ โอ้โห เหมือนกัน^^ เพราะสิ่งที่อยากใส่และการขยับความสัมพันธ์ของคนสองคนมันต้องค่อยเป็นค่อยไปเนอะ ดังนั้นหากเรื่องนี้จะจบลงตรงความเข้าใจที่ตรงกัน ว่า...เรารักกัน คนอ่านจะงอนเราไหม ฮ่ะๆๆ
แล้วถ้าเรื่องนี้จะจัดเป็นหนังสือล่ะ?
ถ้าได้ทำก็คง...จะให้เขาได้หวานๆ กันละมั้ง
เอาละ จะพยายามนะคะ
ปล.หวังให้เรื่องนี้จะทำให้หัวใจทุกคนเบิกบาน ^^