ตอนที่ 11
เฌอแตมกลับมายืนอยู่หน้าเรือนมะนาวอีกครั้งในเวลาตีสอง ยืนมองแผ่นหลังเจ้าของบ้านที่กำลังเปิดประตูท่ามกลางความมืด มือหนาพึ่งจะยอมปล่อยมือที่กุมกันไว้ตั้งแต่ออกจากคอนโด หรือตอนนั่งรถแท็กซี่…
เสียงก๊อกแก๊กพยายามเปิดกุญแจผสมกับเสียงสบถเบาๆราวกับไม่ได้ดั่งใจ ฌามากำลังกระวนกระวายจนมือไม่นิ่ง กระวนกระวายเหมือนที่เขารู้สึก ด้วยเวลาที่น้อยลง…ด้วยระยะห่างที่กำลังจะมากขึ้น ด้วยความผูกพันที่เป็นแค่เส้นใยจางๆ
เขาและฌามากำลังยืนอยู่บนสภาวะไม่มั่นคงที่สุดของความสัมพันธ์…กำลังพยายามจะฉุดรั้งกันข้ามสะพานข้ามเหวที่ใกล้จะพังลงทุกทีแต่ความดื้อดึงก็หลอกตัวเองว่าสะพานมันยังแข็งแรงพอจะรับน้ำหนักไหว
ตกไปก็ตาย….ก็ยังจะไปตายด้วยกัน…
“ได้แล้ว”
ฌามาถอนหายใจก่อนประตูกระจกบานใหญ่จะเปิดกว้างไปถึงชั้นสอง ม่านสีขาวผืนใหญ่พัดไปตามแรงลมก่อนเขาจะเดินตามอีกฝ่ายเข้าบ้านมายืนนิ่งๆอยู่ระหว่างห้องครัวกับโต๊ะกินข้าว รอคอยอีกฝ่ายปิดประตูอีกครั้ง
ทันทีที่ฌามาหันมาสบตา…แขนแกร่งยกขึ้นพร้อมๆกับที่เฌอแตมก้าวเท้าเข้าไปหา…ซ่อนตัวลงในอ้อมแขนแข็งแรงที่กระชับกอดแน่น…ปลายจมูกจรดลงที่กลุ่มผมนิ่ม ไม่มีคำพูดใดๆ
แค่ยืนกอดกันในความมืด…
“ตีสามแล้วนะ”
ร่างหนากว่านอนตะแคงเท้าแขนมองคนผิวซีดที่นอนหันหน้าเข้าหากัน แต่ดวงตาเรียวกลับหลุบลงมองผ้าห่มไม่ยอมสบตากัน
“นอนไม่หลับ”
“ผมก็นอนไม่หลับ…ไม่รู้ทำไม”
ปลายนิ้วสีแทนม้วนเล่นกับกลุ่มผมนิ่ม ก่อนจะกระชับอ้อมแขนรั้งเอวอีกฝ่ายเข้ามากอด เฌอแตมก็ไม่ได้ขัดขืนยินยอมซุกหน้าลงกับแผ่นอกของฌามาอย่างง่ายดาย ไม่มีคำพูด ไม่มีเสียงใดๆ ได้ยินแต่เพียงเสียงลมหายใจของกันและกัน
เฌอแตมนอนไม่หลับ… เขาข่มตาไม่ลงด้วยซ้ำ การที่ต้องมาอยู่ในบรรยากาศที่โอบล้อมด้วยตัวตนของฌามาเป็นความอึดอัด ความทรมาน ปะปนไปกับความพึงพอใจ
เขาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงรับคำไปกับการรอคอยสามเดือน…ในจังหวะนั้นเหมือนบรรยากาศ สายตา น้ำเสียง ทุกอย่างบ่งบอกให้เขาไว้ใจ
แต่เพียงไม่กี่ชั่วโมง…มันกลับ…เป็นเรื่องยาก คำสัญญาปากเปล่าที่บอกตัวว่าอย่าไปเชื่อ…กลับเผลอรับคำไปอย่างง่ายดาย เพียงเพราะหลงไปกับคำว่า… ‘จะกลับมา’
จะมาจีบ… ให้รอ
ใครๆก็พูดได้ บทเรียนราคาแพงที่เคยเจอก็ยังจำขึ้นใจว่าคำสัญญาสุดท้ายก็กลายเป็นลมปากเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ให้ค่ามันเลย สุดท้ายก็เหลือแต่ตัวเองที่เจ็บช้ำกับการยึดมั่นสัญญาลอยๆนั่นไว้
หนึ่งอาทิตย์ที่จะอยู่ด้วยกัน…อยากจะย้อนกลับไปในวันนั้น คงจะใจแข็งปฏิเสธไปให้ชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้ามาในชีวิต มันบ่งบอกว่าตัวเองช่างใจง่ายเหลือเกิน
แค่คนแปลกหน้า…แต่กลับคล้อยตามไปคำพูดที่ไร้ที่มาที่ไป … เพียงเพราะรอยยิ้ม น้ำเสียง บรรยากาศ และอาการใจเต้น…
เหมือนเด็กที่มีคนเอาอมยิ้มสีสวยมาหลอกล่อให้วิ่งตาม…ก่อนจะพบว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตา …
เขาอาจจะคิดมากไปเอง ฌามาอาจจะไม่ใช่คนแบบนั้น ฌามาจะกลับมาตามสัญญา…ก็อีกฝ่ายให้คำมั่น ไม่ใช่หรอ? แล้วเอาที่ไหนไปมั่นใจ? แค่อยู่กันไม่กี่วันทำไมถึงกล้าไปเชื่อใจขนาดนั้นล่ะเฌอแตม…
อุตส่าห์เรียนหมอ…คะแนนสอบสูงลิบลิ่ว…แต่ความจริงแล้วไม่ได้ฉลาดในการใช้ชีวิตเลย
ก็ยังเป็นเพียงคนโง่…
เฌอแตมคนโง่…
ตาหลุบมองเสื้ออีกฝ่ายที่อยู่ตรงหน้า ความอบอุ่นจากอ้อมกอดที่อยู่รอบกายมันทำให้ยิ่งทรมานเมื่อคิดว่าวันหนึ่งมันจะกลายเป็นแค่ความว่างเปล่า วันหนึ่งเขาจะสูญเสียอีกฝ่ายไป วันหนึ่งจะพบว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงความหลอกลวงและเหลือเขาตัวคนเดียวอีกครั้ง
เขากำลังจะเคยชินกับการมีฌามาในชีวิต แม้จะเพียงไม่กี่วันแต่ทำไมมันเหมือนช่างยาวนาน ฌามามีอิทธิพลต่อความรู้สึกเขามากเกินไป
การอยู่คนเดียวไม่ได้น่ากลัว
แต่การเคย ‘อยู่กับใครสักคน’ แล้วต้องกลายเป็นอยู่คนเดียว… มันต่างกัน
แค่คิด…. ก็เหมือนจะทนไม่ไหวแล้ว
อึดอัด…แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง
อึดอัด…แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง
ความอึดอัด หวั่นไหว … ความเสียใจ สุดท้าย…ดวงตาก็มีหยาดน้ำร่วงหล่นลงมา
“จะเช้าแล้วนะ”
ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มเปลี่ยนสีนิดหน่อยคงจะย่ำรุ่งเข้าไปทุกที ตาคมหลุบลงเมื่อสัมผัสได้ถึงความชื้นที่แผ่ขยายอยู่กับเสื้อตัวเอง
พระจันทร์ของเขาร้องไห้….ร้องทั้งๆที่ไม่มีเสียงสะอื้น ไม่มีอาการ…เหมือนแค่มองเหม่อแล้วน้ำตาไหลออกมา อาการเม้มปากยังไม่มี การร้องไห้ที่ทรมานในความรู้สึก
“แตม…”
ปลายนิ้วยกขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากแก้มเนียนที่ไหลลงมาเรื่อยๆ แสงไฟสลัวของโคมไฟข้างเตียงสะท้อนกับหยาดน้ำที่ขนตายาว…ดวงตาเรียวสวยกระพริบช้าๆก่อนจะช้อนตาขึ้นมามอง
“อึดอัด…”
คำพูดที่แหบพร่าราวกับต้องพยายามเค้นเสียงออกมา ความรู้สึกของฌามาวูบไหวข้างใน…ต้นเหตุเป็นเพราะเขา ความอึดอัดที่เขาสร้างทำให้อีกฝ่ายต้องร้องไห้
ขนาดร้องไห้ยังต้องเก็บอารมณ์ขนาดนี้…พูดได้เพียงแค่อึดอัด…
“ขอโทษ…ขอโทษนะ…”
กระซิบย้ำๆ กุมมือซีดขึ้นมาจรดปลายจมูกครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่อยากปล่อยมือไป ไม่อยากจนกลายเป็นความเห็นแก่ตัว รู้ว่าการขอร้องให้อีกฝ่ายรอมันไม่ถูกต้องเลย
แต่ก็ยังทำ…และก็ไม่คิดจะถอนคำพูด…
เขาอยากจะขังอีกฝ่ายไว้กับตัวเอง ไม่อยากปล่อยไปไหน
ไม่อยากปล่อยให้เฌอแตมไปเจอคนอื่น
ไม่อยากปล่อยให้พระจันทร์ลอยลับหายไป…
รอยยิ้มจาง ท่าทางนุ่มนวล หรือแม้แต่สีหน้านิ่ง เขาจำทุกอย่างได้ชัดเจน…จำได้ถึงน้ำเสียงน่าฟังที่พูดกับเขาแต่ละคำ ท่าทีเขินอายในยามสัมผัสแตะต้อง…หรือโมโหจนเผลอโวยวาย
ทุกอย่างมันทำเขาเสพติดตัวตนของเฌอแตม… ทั้งที่ไม่กี่วัน… แต่ความรู้สึกมันบอกว่าต้องเป็นคนนี้ อาจจะตั้งแต่เจอกันครั้งแรกในยามที่ถูกโอบล้อมด้วยกลิ่นกาแฟ… ยามที่สบตากัน
หรือจะเจ้าดอกหอมหมื่นลี้ที่เป็นใจ… เฌอแตมเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆที่วนเวียนอยู่รอบตัวเขา…แม้แต่แชมพูสระผมที่กลิ่นเดียวกันเมื่ออยู่บนตัวอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะหอมกว่า
ลุ่มหลงและมัวเมา…
เขาเคยหลงใหลในงานศิลปะสักชิ้น…เฝ้ามอง ศึกษา… แต่ไม่ได้อยากครอบครอง ซึ่งต่างจากกรณีนี้ที่อยากจะเก็บไว้ ถ้าอีกฝ่ายเป็นภาพวาดก็คงอยากจะเอาไปอัดกรอบแล้วใส่ไว้ในตู้นิรภัยไม่ให้ใครเห็น
แค่คิดว่าด้วยหน้าที่จะต้องทำให้ยืนอยู่กันคนละซีกโลกเขาก็แทบทนไม่ไหวจนต้องเอาแต่ใจพาอีกฝ่ายมาอยู่ในโลกของตัวเอง
กักขังไว้ในตัวตนของตัวเอง ให้อีกฝ่ายอ่อนแอ… เคยชิน… และไม่กล้าไปไหน
คำสัญญาที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มั่นใจ…แต่เขาก็หลอกล่อจนยอมตกลง…
เหมือนหลอกเด็กด้วยอมยิ้มสีสวยให้วิ่งตาม… ที่เขาต้องทำให้ดีคืออย่าให้เด็กวิ่งนานเกินไปจนเหนื่อย จนล้ม จนเริ่มไม่อยากได้อมยิ้มสีสวยในมือเขาแล้ว
ทุกอย่างล้วนมีปัจจัย…
เขารู้ว่าอีกฝ่ายเคยชินที่จะอยู่คนเดียว… รูมเมทหรือแฟนเก่าที่อยู่ด้วยอีกฝ่ายก็ยืนยันเองว่านานๆครั้งจะมาที เฌอแตมอยู่คนเดียวแน่นอน…
การอยู่คนเดียวใครๆก็ทำได้
แต่การเคยอยู่กับใครสักคน แล้วกลับกลายเป็นเหลือตัวคนเดียว …. มันไม่ง่ายเลย
เขาผ่านจุดนั้นมาแล้ว… เฌอแตมก็คงผ่านมาแล้วเช่นกัน
แต่เขากำลังยัดเยียดให้อีกฝ่ายอยู่คนเดียวไม่ได้อีกครั้ง…
อยากให้คิดถึงแต่เขา…
เฝ้ารอเขา…
แล้ววันหนึ่งเราจะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน
ฌามา…คนเห็นแก่ตัวที่หวงพระจันทร์
หวง… อยากเป็นเจ้าของ…อยากครอบครอง…โดยไม่เลือกวิธี…แม้พระจันทร์จะร้องไห้ก็ตาม…
เฌอแตมผล็อยหลับไปในตอนนาฬิกาดิจิตอลบนผนังบอกเวลาตีสี่ มือซีดยังสอดประสานกับมือสีแทนของฌามา ใบหน้ายังมีหยาดน้ำตาเปรอะเปื้อนทำให้ดูบอบบางราวกับกระเบื้องชั้นดี
ปากแดงระเรื่อเผยอเล็กน้อย ลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ… ตาคมจ้องมองคนนอนหลับอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งแสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามา สุดท้ายตัวเองก็ไม่ได้นอน แถมอาการหน่วงในอกก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกง่วงเลยสักนิด สุดท้ายก็จำยอมเขยิบตัวออกจากเฌอแตม
ร่างหนาดันตัวขึ้น ดึงผ้าห่มคลุมอีกฝ่าย ปลายจมูกจรดลงที่แก้มเนียนอีกครั้งก่อนจะเดินลงมาจากชั้นลอย เฟรมสีเลอะเทอะที่ตอนนี้แก้จนกลายเป็นสีพื้นเรียบๆก็ยังไม่คิดจะทำต่อ และคิดว่าคงทำไม่เสร็จก่อนไปอเมริกา การบริจาคให้มูลนิธิอาจจะต้องเลื่อนเวลาออกไป แต่เขารู้ว่าทางมูลนิธิก็ไม่ได้รีบเพราะมีแม่เขาเป็นผู้สนับสนุนหลักอยู่แล้ว ในส่วนของเขาก็แค่ส่วนเสริมเข้าไปเท่านั้น
ขายาวพาตัวเองเดินลงมาชั้นล่างก่อนจะเดินออกทางหลังบ้านไปยังแปลงแคกตัสแฟมิลี่ที่ปักป้ายรูปพระจันทร์… เขากวนประสาทอีกฝ่ายว่าการตั้งชื่อไม่ได้มีความสำคัญนักแต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่
เขาแค่อยากให้เฌอแตมรู้สึกว่าตัวเองก็เป็นเจ้าของพวกแคกตัสเล็กๆพวกนี้ อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเรือนมะนาว เป็นส่วนหนึ่งของเขา…
สร้างความผูกพันทางอ้อมผูกมัดอีกฝ่ายไว้กับตัว ทุกอย่างที่ทำเขาวางแผนแต่ต้น แม้แต่การชวนมาบ้าน ปล่อยให้อีกฝ่ายสำรวจรอบบ้านเพื่อปรับตัวให้เข้ากับบรรยากาศ
ให้ช่วยทำอาหาร…จะได้มีส่วนร่วมในห้องครัว
ให้ช่วยเพนท์ภาพ…จะได้มีส่วนร่วมในงานของเขา
แม้สุดท้ายจะจบลงโดยการกอดกันท่ามกลางสีที่เลอะเทอะไปทั่ว…แต่มันเหมือนกลับการจมดิ่งลงมาในโลกของเขา ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า…แต่เขามั่นใจว่าเฌอแตมจะรู้สึกผูกพัน
ความผูกพันเบาบางที่ทำให้มีเยื้อใยต่อกัน…อีกฝ่ายจะเปิดใจให้เขา และเขารู้ว่าตัวเองทำสำเร็จตอนที่ยินยอมให้เข้าไปในคอนโด…โลกส่วนตัวเฌอแตม…
และยินยอมกลับมาอยู่ด้วยกันที่นี่
รอยยิ้มพึงพอใจแต่งแต้มมุมปากเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามต้องการ เฌอแตมเป็นคนฉลาด ระแวดระวังตัวเอง ท่าทางไม่ไว้ใจราวกับแมวพองขน เขาจะเข้าหาตรงๆ ชัดเจนอีกฝ่ายคงวาดกรงเล็บใส่
มันต้องหลอกล่อด้วยลูกล่อลูชน…เล่นแง่ วางแผน…ให้อีกฝ่ายหัวหมุนตามไม่ทัน เกมส์จิตวิทยาง่ายๆที่เคยอ่านผ่านๆมาบ้างแต่กลับจำทริคเล่นๆพวกนั้นได้หมด
บางเวลาใส่ใจ…บางเวลาเหมือนไม่ให้ความสำคัญ
จะทำให้อีกฝ่ายสนใจและพยายามคิดหาคำตอบในการกระทำ เป็นการสร้างความสนใจง่ายๆรูปแบบหนึ่ง เฌอแตมก้าวพลาดตั้งแต่
ยอมเล่นตามเกมส์เขา
แต่ทุกอย่างไม่ใช่เพื่อความสนุก…แต่เป็นเพราะเขาเองได้เผลอไปกับท่าทางแสนจะมีเสน่ห์นั่น… จนอยากรู้จัก
และสุดท้าย…กลายเป็นความอยากครอบครอง
ฌามาเสยผมปรกหน้าตัวเองขึ้นลวกๆ เหนื่อยใจกับการอยากเป็นเจ้าของของตัวเองที่มาไกลสุดกู่… เพราะว่าเขามีทุกอย่าง อยากได้อะไรก็ได้ ไม่มีเรื่องที่ไม่ถนัดทำให้ชีวิตไม่เคยอยากได้อะไรเป็นพิเศษ เพราะทุกอย่างมันดูไม่น่าสนใจไปซะทั้งหมด มีเพียงไม่กี่อยากที่เขาอยากจะเป็นเจ้าของ และเพราะความรู้สึกแบบนี้มันเกิดได้ยากเหลือเกิน ทำให้พอรู้สึกแต่ละทีก็กลายเป็นว่า…
ต้องได้ เฌอแตมพลาดเอง…ที่มาทำให้เขา
‘อยากได้’ จะมาโทษเขาไม่ได้นะ…อยากน่ารักเองทำไม?
เรียวปากยกยิ้มพอใจกับความคิดร้ายกาจของตัวเอง โยนความผิดให้กับความน่ารักของอีกฝ่ายไป ส่วนตัวเองกลายเป็นผู้เสียหายไปซะอย่างนั้น แต่พอคิดแล้วมันก็อิ่มเอมใจ
การที่เฌอแตมร้องไห้แสดงว่าการผูกมัดของเขาชักจะมาถูกทาง… การแกล้งให้ใครสักคนร้องไห้ได้เพราะเราแสดงว่าเราต้องเป็นคนสำคัญ
แค่คิดว่าตัวเองสำคัญสำหรับอีกฝ่ายก็หัวใจพองตอจนเริ่มหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ขายาวทรุดนั่งลงมองเหล่าแคกตัสต้นเล็กๆ ที่ยังเป็นเบเบี้แคกตัส
เจ้าพวกนี้จะเป็นอีกอย่างที่จะเป็นอาวุธเหนี่ยวรั้งเฌอแตมไว้กับตัว… ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนอ่อนโยน… เขาจะดื้อดึงให้เจ้าพวกนี้ไปอยู่ในความดูแลของเฌอแตม
ให้แคกตัสเป็นเหมือนลูกที่ผูกมัดให้เฌอแตมต้องมาที่นี่แม้ในวันที่เขาไม่อยู่… จะได้คิดถึง จะได้อยากเจอ จะได้อยากให้เขากลับมา
ขอโทษที่ใจร้าย…แต่ช่วยร้องไห้ต่อไปเถอะ
========
ฌาม์มาก้าวร้าวมากค่ะ!! ไอ้คนนิสัยไม่ดี กร้าวใจมาก ! แต่ก็นะ...จะมาหงิมๆก็คงแพ้เฌอแตม
ปักธงทีมฌามาเช่นเดิมค่ะ แต่ขอซับน้ำตาแตมแปปปป ฮือออ ร้องไห้เลย
แบ่งปันเม้นเล็กๆให้หนูด้วยนะคะ