ก๊อกๆ ขอโทษครับ เห็นความรักไหม? ❤️ตอนที่ 58 [จบบริบูรณ์]❤️ -8/1/61-
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ก๊อกๆ ขอโทษครับ เห็นความรักไหม? ❤️ตอนที่ 58 [จบบริบูรณ์]❤️ -8/1/61-  (อ่าน 68894 ครั้ง)

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>>ตอนที่ 48 [100%]<<

“วันนี้นอนพักก็ได้มั้ง...ไม่ต้องไปเรียนหรอก” พี่มะเดี่ยวพยายามรั้งผมอาไว้กับที่นอน ไม่ยอมให้ผมลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งที่อ่อนเพลียไปหมด

ที่มีสภาพแบบนี้เหรอ...เห่อๆ เมื่อวานนี้เล่นทำกันทั้งวัน ไม่มีสภาพแบบนี้ก็ไม่ใช่คนละมั้งครับ ผมหลับไปตอนไหนยังไม่รู้เลย มารู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้วเนี่ยแหละครับ ไม่อยากจะนึกถึงด้วยว่าเมื่อวานมันเป็นวันที่บ้าขนาดไหน ทำอย่างว่ากันไม่หยุดไม่หย่อน อาจแค่พักกินข้าวกินน้ำบ้างแค่นั้น...นี่ผมกับพี่เขาไปอดอยากปากแห้งมาจากไหน

พี่มะเดี่ยวนี่ไม่ต้องพูดถึง การเป็นนักเต้นบีบอยทำให้เขามีกำลังมหาศาล ทำกันขนาดนั้นพี่แกยังอยากจะทำต่อไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่ผมไม่ได้เป็นนักเต้นมานานแบบพี่เขานะ ไม่กี่ยกผมก็ไม่ไหวแล้ว...

หนักหน่วงขนาดที่ผมว่าไข้ขึ้นอะคิดดู...แล้วนี่แหละที่เป็นเหตุของการไม่ให้ผมไปเรียน

“ไม่ได้พี่ วันนี้อาจารย์เรียกเก็บรายงาน ผมยังทำไม่เสร็จเลย” มัวแต่ออกกำลังกาย ดูเป็นคนรักสุขภาพไหมล่ะหืม...เห่อๆ ไอ้บ้า แบบนั้นไม่เรียกรักสุขภาพ แบบนั้นเรียกบ้าเว้ย

“อ่า...พี่ขอโทษ”

“ไม่ๆ ไม่ต้องขอโทษหรอก ผมรีบทำก็เสร็จ เหลือไม่เยอะ” แต่ตอนนี้ผมต้องไปอาบน้ำอาบท่าก่อน ทำกันจนหลับทั้งสภาพเหนอะหนะทั้งตัว

“ลุกไหวไหม...”

“ต้องไหว” ทำหน้ามุ่งมั่นมากกู ขอให้ไหวเถอะมึงเอ้ย

ผมพยายามฝืนตัวเองลุกขึ้นนั่ง พี่มะเดี่ยวคอยประครองเผื่อว่าผมจะล้มโครมอะไรเถือกนั้น แต่แหม...ผมก็ผู้ชายอะ ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นหรอกนะ มันก็ปวดเมื่อยและเจ็บเสียดไปหมดเหมือนกัน ทว่ามันไม่ใช่ความเจ็บปวดที่ทนไม่ได้อะไร พอนั่งได้ผมก็คว้าเอากางเกงที่ถูกถอดทิ้งไว้ตรงพื้นมาสวม ไม่กล้าเดินโทงๆ ออกไปแบบนั้น หน้ามึนครับ ไม่ได้หน้าด้านอะนะ

“งั้นพี่ไปเตรียมมื้อเช้าให้นะ มีอะไรเรียกพี่รู้ปะ...”

“ครับ” พี่มะเดี่ยวประครองผมมาส่งถึงหน้าห้องน้ำ สายตาดูเป็นห่วงเป็นใยมาก นี่แค่ตั้มกันพี่...ไม่ได้โดนรถชนมา

เข้ามาในห้องน้ำได้ผมรีบถอดกางเกงออก น้ำนั่น...อ่า ทำไมมันต้องอายวะกูเนี่ย เออ เอาเป็นว่าน้ำนั่นของพี่เขามันไหลออกมา ฮื่อ แค่มองก็อยากจะบึ้มตัวเองตาย ทำกันหลายรอบไม่ได้ทำให้หน้าผมด้านมากขึ้นเลย ผมพยายามเมิน เงยหน้ามองกระจก...บึ้มตัวเองตายจริงๆ ก็รอบนี้แหละกูเนี่ย

โอ้ยยยยยย รอยอะไรมันจะเยอะปานนั้น!

ที่คอมีประปรายไม่มาก และก็แค่จางๆ แต่ช่วงอกเนี่ย...โอ้โหย นึกว่าตัวเองเป็นโรค อย่างว่าอะนะ อารมณ์นั้นทำอะไรไม่ทันได้คิดกันหรอก ขึ้นชื่อว่าเซ็กมันก็คือการเอาอารมณ์นำทางเหตุและผลอยู่แล้วนี่เนอะ แค่ไม่น่าเกลียดเวลาคนอื่นมองมาก็โอเคแล้วล่ะ

ผมเดินเข้าไปอาบน้ำอาบท่า ขอผ่านจุดที่ต้องเอาน้ำนั้นออกนะ ไม่คิดว่าชีวิตนี้ต้องมีโมเมนต์แบบนี้เลยอะเอาจริงๆ ผมก็ทำได้แค่เงอะๆ งะๆ อะนะ ไม่ได้ชำนาญ นี่ครั้งแรกนะเว้ย...ไม่ได้มีมาแล้วเป็นสี่ซ้าห้าคน

พออกมาก็เห็นชุดนักศึกษาของตัวเองวางเตรียมไว้อยู่บนที่นอนซึ่งถูกจัดเอาไว้เรียบร้อย ดูพี่เขาเป็นคนมีระเบียบมากกว่าที่เห็นแค่ภายนอกจริงๆ ห้องพี่เขาก็ไม่รกนะ สะอาดสะอ้านกว่าห้องผมมาก แล้วก็ข้าวของเครื่องใช้ไม่เยอะ

“ไปไหวแน่นะ เราตัวร้อนอะ...พี่ไม่อยากให้ไป” มาถึงโซฟาใช้กินข้าวพี่เขาก็รีบดัก เสื้อไม่ใส่ เห็นหมดเลยว่าตัวพี่เขาก็มีรอย...แน่นอนผมทำ ฮื่อออออ อับอาย

“ไหวพี่ แค่นี้เอง ชิวๆ”

“เอ้า ชิวเหรอ ไม่บอกพี่จะได้ทำต่อ...” ผมรีบยกมือแบรกพี่เขาอย่างไว

“หยุดความคิดของพี่เลย หมายถึงแค่ไปเรียนอะผมชิว แต่ทำต่อผมคงไม่ชิวแล้วล่ะครับพี่” ผมคงนอนเดี้ยง หยอดน้ำข้าวต้มเหมือนคนป่วยใกล้ตาย แค่นี้ก็เหมือนร่างกายสูญเสียน้ำไปอย่างมหาศาลแล้ว

“ฮ่าๆ ล้อเล่น”

“ถ้าได้ก็เอาจริงอะดิ”

“แน่นอน” จบ...ไม่เป็นห่วงสุขภาพแฟนพี่เลยอะครับ

พี่มะเดี่ยวไม่ได้ทำกับข้าวอะไรนะ ที่ว่าเตรียมมือเช้านี่คือเอาข้าวกล่องแช่เย็นเนี่ยไปอุ่นในไมโครเวฟแล้วเทใส่จานเตรียมไว้ ซึ่งส่วนใหญ่ผมเก็บแต่เมนูหมู มาเปลี่ยนเกือบหมดก็ตอนคบพี่มะเดี่ยวเนี่ยแหละ เน้นไปที่ไก่และกุ้งเป็นหลัก หาซื้อง่าย ยิ่งหาสัญลักษณ์ฮาลานจะยิ่งแจ่มแมวมาก พี่มะเดี่ยวแกไม่ใช่อิสลามแต่ก็เหมือนคนอิสลามไปแล้วอะครับ

ความรักยืนกินผลไม้อยู่ที่พื้น โซฟาห้องผมมีตัวยาวตัวเดียว นั่งสองคนนี่ก็เต็มแล้ว ดังนั้นหมูผู้เป็นส่วนเกินจึงถูกเนรเทศให้ลงไป เราก็กินข้าวกันไป ถามไถ่สิ่งที่ต้องทำในวันนี้กันไป สำคัญคือผมเนี่ยเข้าสู่การสอบแล้วครับ ยังไม่สอบใหญ่แต่จะมีเทสเก็บคะแนนเรื่อยๆ ทุกวัน ส่วนพี่มะเดี่ยวก็จะมีซ้อมหนักทั้งที่มหาลัยแล้วก็ที่ตลาดเปิดท้าย มันกลายเป็นเราเข้าสู่ช่วงที่ไม่มีใครว่างมากนักนอกจากเวลานอน

ผมไม่รู้เลยว่าพอเข้าสอบผมจะมีเวลานอนไหม พี่มะเดี่ยวงานเริ่มน้อยลงไปแล้ว หนักแค่ซ้อม นอกนั้นก็มีเวลานอน มีเวลาพักผ่อน ส่วนผมเวลาพวกนั้นกำลังจะหมดไป ตอนนี้มาไม่สบายไข้ขึ้นเพราะโหมทำเรื่องแบบนั้นอีก ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ หวังว่าตัวเองจะมีสมาธิเรียนให้รู้เรื่องแล้วกันนะ

“แบบนี้เราก็ไม่ค่อยมีเวลาให้กันแล้วดิ” พี่มะเดี่ยวเปรยขึ้นมาลอยๆ ข้าวหมดไปแล้วทั้งผมและเขา

“ครับ ก็ประมาณนั้นแหละพี่ ให้ทำไงล่ะ...” ผมก็ไม่ได้อยากงานยุ่งอะนะ

“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ ช่วงนี้เราก็ตั้งใจเรียน…พี่จะดูแลเราเองดีปะ” พูดไปก็ลูบหัวผมไป

“ก็ดี…” แล้วผมก็ไม่ปฏิเสธ มีคนมาคอยดูแลบ้างมันไม่แย่นี่ ตอนอยู่ที่บ้านพี่ๆ ก็คอยดูแล

“แล้วนี่รายงานจะไปทำเพิ่มที่ไหน”

“ที่ร้านน้าบอยอะพี่ เอาความรักไปฝากไว้ด้วย”

“เอาความรักไว้กับพี่ไหม พี่ดูแลให้...”

“แต่พี่ต้องซ้อมเต้นหนิ”

“มันไม่ได้ดื้อขนาดนั้นนี่นา เอามันไปด้วย ถือว่าเป็นตัวเพิ่มกำลังใจ มองหน้าความรักเหมือนมองหน้าสามไง เพราะสามกับความรักหน้าเหมือนกัน โดยเฉพาะน่ารัก…”อ่า…รอยยิ้มกว้างๆ ที่แสนเอ็นดูกันนี่มันพาหัวใจสั่นไหวจริงๆ

“ก็ได้ครับ”

“งั้น พี่ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“ครับ” พี่มะเดี่ยวต้องกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องตัวเอง

ระหว่างที่รอผมก็เอาแล็ปท็อปของตัวเองออกมาพิมพ์งานรอ ความรักกินเสร็จหมดแล้วและกำลังนอนหลับตาพริ้ม นี่เพิ่งกี่โมงเอง กินแล้วจะหลับเลยเพื่อเลี้ยงพุงอย่างเดียวเลยไอ้หมูนี่ ผมมองความรักนิดหน่อย ดูให้สบายใจแล้วละเลงนิ้วลงบนคีย์บอร์ดรัวๆ งานผมเหลือไม่เยอะเพราะเคลียร์ไปได้มากแล้ว...

พี่มะเดี่ยวใช้เวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อกล้ามกับกางเกงสามส่วนไม่น่าเกินสิบห้านาที ผมพิมพ์งานไปได้ไม่กี่หน้าเองพี่เขาก็เข้ามารับ เสียดาย นึกว่าจะนานกว่านี้ ต้องตัดใจแล้วเอางานไปทำที่ร้านน้าบอย พี่มะเดี่ยวเอากระเป๋าผมไปสะพายให้รวมทั้งอุ้มความรักด้วยมือหนึ่ง อีกมือจับจูงผม ก็อยากแซ็วอะนะว่าผมไม่ใช่เด็กๆ ที่จะมากลัวหลงทาง ติดที่มันก็รู้สึกดีเลยไม่แซ็วดีกว่า...

ช่วงเช้าของฤดูนี้ไม่ค่อยมีแดด ผมนั่งกอดเอวพี่มะเดี่ยวปั่นจักรยานไปร้านน้าบอย มองสองข้างทางไปตามเรื่องตามราว สักพักพี่เขาก็เปิดประเด็นเรื่องปิดเทอมขึ้นมา ก็แบบว่าเราจะไปเที่ยวไหนกันดี ผมก็เสนอที่ที่ผมอยากไปเช่น...ขึ้นเขา น้ำตก อะไรเถือกนี้ ผมไม่อยากไปทะเลเท่าไหร่ วิวมันสวยแต่ไปบ่อยแล้วเลยค่อนข้างเบื่อประมาณหนึ่ง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากไปตั้งแคมป์ดูดาว พี่มะเดี่ยวก็เห็นด้วย เขาชอบเหมือนกัน...และเราก็ตัดสินใจว่าหลังจากพี่มะเดี่ยวแข็งเสร็จเราจะไปนอนดูดาวด้วยกันสองคน

นักศึกษาในร้านน้าบอยวันนี้เยอะเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าเพราะใกล้สอบแล้วหรือเปล่า คนถึงได้มารวมตัวกันที่ร้านกาแฟเพื่อติวหนังสือ อ่านหนังสือหรือแม้แต่ทบทวนบทเรียน ร้านนี้จะอยู่ใกล้คณะที่ผมเรียน ดังนั้นนักศึกษาในนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นว่าที่ครูในอนาคตทั้งนั้น หน้าดำคร่ำเครียดกันเชียว ผมอยากบอกว่า...อย่าเครียดกับมันมาก ตั้งใจเกินไปมันจะทำให้เราเหนื่อยง่าย ผมทำรายงานได้นาน หรือเรียนหนังสือได้ไม่ดูเหนื่อยเพราะว่าผมไม่เครียดกับมัน ค่อยๆ ซึมซับบทเรียนและทำความเข้าใจกับมันช้าๆ ไม่รีบเร่งไม่งั้นจะหอบเหมือนไปวิ่งสี่คูณร้อย

“เอ๊ะ...” มาถึงน้าบอยของผมก็จ้องอย่างกับผมไปทำอะไรผิดมา ผมนั่งเก้าอี้ทรงสูงหน้าเคาน์เตอร์พร้อมพี่มะเดี่ยวมองหน้าอย่างไม่เข้าใจ

“อะไรครับน้า” ผมถาม ความรักเดินอวดก้นบนเคาน์เตอร์เป็นที่เรียบร้อย

“หน้าโทรมจัง ไปเที่ยวหรือไปทำอะไรกันมา...” ไอ้หยา...ไปทำอะไรกันมาครับน้า ตอบแบบนี้ได้ปะ หัวทิ่มปะให้ทาย

“เดี๋ยวๆ” หน้าบอยดันหน้าผมให้หันข้าง โชว์ต้นคอขาวๆ ที่มีรอยอยู่บ้างจางๆ

“เอ่อ...” น้าบอยคิ้วขมวด เขาจ้องไปทางพี่มะเดี่ยวที่ดูหงอเป็นพิเศษ เห็นสายตาน้าตัวเองตอนนี้ผมก็หงอเหมือนกันวะ

“กินข้าวกินไรกันมายัง” ผมคิดว่ามันต้องมีเรื่องแน่ๆ ปรากฏว่าไม่เป็นอย่างที่คาด น้าแค่ส่งสายไม่พอใจนิดๆ มาให้

“กินมาแล้วครับ สามขอโกโก้แก้วหนึ่ง...สามจะพิมพ์รายงานต่อ”

“ทำกันจนงานไม่เสร็จเลยเหรอไง” จุก...คำนี้สามเล่นเอาจุก

น้าบอยหันไปชงโกโก้เข้มๆ มาให้ ผมเองก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรได้แต่มองหน้าพี่มะเดี่ยวหวาดๆ พี่มะเดี่ยวส่งยิ้มให้เหมือนบอกสู้ๆ อะ ตอนนี้ไม่อยากสู้ กลัวน้าฆ่าหมกร้านกาแฟชะมัด ผมหงอลงไปมาก จากที่ซึมอยู่แล้วยิ่งไม่กล้าพูดกล้าทำเข้าไปใหญ่ ได้โกโก้แล้วผมถึงกับรีบเดินไปหาโต๊ะว่างนั่งพิมพ์งานของตัวเอง พี่มะเดี่ยวยังอยู่ที่เดิมพร้อมความรัก เขาคุยอยู่กับน้าผมนั่นแหละ

น้าบอยจะไม่ตีหัวพี่มะเดี่ยวใช่ไหมอ่า...

พี่มะเดี่ยวก็ไม่ได้ผิดคนเดียวหรอกครับ ผมเองที่ไม่ปฏิเสธอะไรเลยก็ผิดเหมือนกัน ผมอยากช่วยนะ เลยพยายามสอดสายตาเข้าไปดูว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง ก็เห็นพี่มะเดี่ยวนั่งยิ้มแห้งๆ ขานรับคำบ่นของน้าบอย แล้วน้าผมก็บ่นเบามาก เบาจนผมไม่ได้ยิน เห็นแค่ปากที่ขมุบขมิบ นั่นเรียกบ่นหรือกระซิบครับสามอยากรู้  ไว้ผมค่อยไปถามพี่มะเดี่ยวเอาเองก็ได้ หรือไม่น้าบอยอาจจะด่าผมหลังจากบ่นพี่มะเดี่ยว

ผมต้องพยายามสลัดสองคนนั้นออกจากหัว มีเวลาไม่มากกับรายงานที่เหลืออยู่ไม่กี่หน้า มันค่อนข้างยากครับ เพราะอยากรู้อยากเห็นเรื่องที่พวกเขาคุยกันเป็นที่สุดเลย พิมพ์ผิดบ้าง พิมพ์ถูกบ้างตอนนี้ปะปนกันไปหมด

“อะแฮ่ม...” เชี่ยยยยยย ตกใจหมด มัวแต่สนใจสองคนนั้นจนไม่ได้สนใจสองคนที่สะเหล่อเสนอหน้าเข้ามา

“กูตกใจหมด” อยากจะปาแก้วโกโก้ใส่หน้าแม่ง ติดที่เสียดาย กินไปได้นิดเดียวเอง

“สองคนนั้นดูเครียดๆ เนอะ...ทำไมวะ พี่มะเดี่ยวแกชิงสุกก่อนห่ามเหรอ” อื้อหือ...วิ่ง ทำไมมึงแม่นแบบนี้ นี่มึงสอบผ่านมาได้ขนาดนี้เพราะมึงเดาเก่งแบบนี้ใช่ไหม

“อุ้ย...ท่าจะใช่วะ” แล้วไอ้พีชตาไวก็จ้องคอผมเป็นมัน

“อู้วววววว”

“หุบปากเลย ไม่ต้องล้อไม่ต้องแซ็ว” ชี้หน้าห้ามแม่ง แต่พวกมันกลับหัวเราะชอบใจ

“เออๆ ไม่ล้อ...ไม่แซ็ว ว่าแต่ โทรมไปเยอะนะเนี่ย หนักอ่อ” ไหนว่าไม่ล้อไม่แซ็ว

“ห้ามถามด้วย”

“อะไรวะ ถามแค่นี้ทำอาย...หน้าแดง โอ๊ะ” วิ่งว่ายิ้มๆ ยิ้มแบบกะลิ้มกะเหลี่ยด้วยแหละประเด็น หันไปทางพีช ไอ้นี่ก็ไม่ต่างอะไรเล้ย

ผมก้มหน้าก้มตาพิมพ์รายงานของตัวเองต่อไป อยากหนีพวกแม่งสองคนก็เลยยิ่งมีสมาธิเข้าไปใหญ่ เผลอแป๊บเดียวผมก็สามารถทำรายงานที่เหลือเสร็จได้ทันเวลา ต่างจากวิ่งกับพีชที่พยายามปั่นแทบตายแต่ไม่ทัน

เราสามคนเดินไปลาน้าบอยและพี่มะเดี่ยว ผมต้องตีมึนเหมือนไม่รู้ไม่ชี้สิ่งใดทั้งสิ้น ไม่เคยทำผิด ไม่เคยมีเรื่องน่าอายเกิดขึ้น พี่มะเดี่ยวเดินมาส่งผมที่รถจักรยานสีเขียว ถามเสียงเบาว่าไหวไหม ไปส่งเปล่าจนผมเก้อไปหมด มันดีที่เขาเป็นห่วง แต่มันก็อายนิดๆ เมื่อพีชกับวิ่งเอาแต่จับจ้องมาทางเราสองคน

“ผมไหวครับ ไม่เป็นไร...เดี๋ยวก็หายแล้ว”

“พี่เป็นห่วงนะ มีไรโทรมา เดี๋ยวพี่มารับกลับ พีชกับวิ่ง พี่ฝากดูสามด้วยนะเว้ย” ไม่ต้องไปฝากคนอื่นก็ได้...โอ้ยพี่เอ้ย พี่ทำผมหน้าร้อนไปหมด

“รับทราบครับท่านพี่ ข้าทั้งสองจะดูแลภรรยาของท่านพี่ให้อย่างดี” แล้วดูไอ้วิ่งตอบ ผมอยากเอาหน้าตัวเองฝังดินไว้...แต่มันทำไม่ได้ เลยต้องแบกหน้าแดงๆ ของตัวเองต่อไป พี่มะเดี่ยวลูบหัวผมนิดหน่อย ให้กำลังใจด้วยการบอกให้สู้ๆ จากที่อาย...มันก็รู้สึกดีจนต้องยิ้มตอบกลับ ไม่ใช่แค่ผมที่ต้องสู้...พี่เขาก็เหมือนกันนั่นแหละ การซ้อมเต้นคงหนักหนาสาหัสกว่าผมที่เรียนเยอะเนอะว่าไหม...

….100%….

เบื่อความหวานใสของคู่นี้กันหรือยางน้าาาาา?

เมื่อวานไม่ได้อัปเพราะหนาวมาก หนาวจนสั่น หนาวจนมือแข็ง หนาวจนไม่อยากลุกออกมาจากผ้าห่มเลยค่ะ! อีกอย่าง…เรื่องนี้ผ่านพิจารณาแล้วนะคะ เย้! ดีใจมากค่ะ แฮ่ๆ ดีใจจนไม่อัปนิยายเลยยยย น่าตี เพี้ยะๆ เลย ><

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อิพี่ก็เกินไปจริง ๆ นะ น้องไม่ห้ามนี่กินตะกรุมตะกรามเชียว

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>>ตอนที่ 49 [100%]<<

การเรียนช่วงจะสอบไม่มีอะไรมาก ส่วนใหญ่ให้รายงานไปหามาทำแล้วก็รวบรวมส่งก่อนเวลาที่กำหนด แล้วมันไม่ใช่น้อยๆ ฟังแล้วก็อยากจะโอดครวญออกไปแต่อาจารย์คงไม่สนใจเสียร่ำร้องของนักศึกษา ดังนั้นช่วงเวลานี้คลาสเรียนก็จะลดลงไปเยอะเพราะปล่อยให้นักศึกษาได้ทำรายงานหรือแม้แต่ค้นคว้าหางานมาส่ง

ช่วงเที่ยงพี่มะเดี่ยวมารับไปกินข้าว เราก็ไปกันหมด ทั้งพีชและวิ่ง มีเอาความรักมาด้วย แล้วนอกจากมื้อเที่ยงพี่มะเดี่ยวยังหิ้วยาแก้ไข้มาฝาก ผมดีขึ้นมาแล้วแต่ก็ต้องกินเพื่อจะได้หายเสียที หลังจากนี้มีการอ่านหนังสือแบบโหมรอเราอยู่ นี่คือเหตุผลสำคัญเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พีชกับวิ่งไม่ได้ฟรอ์มทีมแข่งระดับประเทศ ทั้งที่พวกมันมีความสามารถมากพอที่จะเข้าแข่งขัน

พอผมเข้าเรียน พี่มะเดี่ยวก็เอาความรักไปซ้อมเต้นที่ฟลอ รู้สึกคนจะเริ่มน้อยแล้ว...ไม่มีใครมาทุ่มเวลาให้กับกิจกรรมพวกนี้มากนัก ผมเองคงต้องหยุดซ้อมเหมือนกัน เลิกคลาสผม วิ่งและพีชตรงไปที่ห้องสมุดเพื่อหาหนังสือมาทำรายงาน แต่ผมไม่ลืมที่จะบอกพี่มะเดี่ยวเอาไว้หรอกนะครับว่าจะไปไหนหรือทำอะไร มีการไถ่ถามเรื่องสุขภาพนิดหน่อย ซึ่งผมโอเคขึ้นมากแล้ว ติดที่ยาทำให้ง่วง มันเป็นเรื่องที่น่ารำคาญนะ...อ่านหนังสือไปจะหลับไปเนี่ย หงุดหงิดเป็นบ้า

“มึงกลับห้องไปทำรายงานเลยปะ” หลังจากหาหนังสือที่ต้องการครบแล้ว วิ่งก็ถาม

“ไม่อะ เดี๋ยวไปหาพี่มะเดี่ยวก่อน...” กะว่าจะไปนั่งอ่านหนังสืออยู่กับพี่เขาอะนะ

“แหม ตัวติดกันจัง...พี่เขาไม่หายหรอก” พีชแซ็ว

“ความรักกูอยู่กับพี่เขาไง”

“ถ้าพูดแบบนี้เมื่อก่อนก็คงไม่คิดอะไรเท่าไหร่ แต่ตอนนี้กูรู้สึกว่าชื่อหมูมึงสื่ออะไรได้เยอะเลยวะ มึงว่างั้นปะพีช...ฟังแล้วหวานๆ เลี่ยนๆ ยังไงก็ไม่รู้” แหนะ ไม่วายแซ็วเข้าจนได้ไหมล่ะ เอาเถอะ...หน้ามึนอย่างผมไม่รู้สึกเท่าไหร่

“ก็นะ...” พีชยิ้มๆ มันไม่แซ็วเหมือนไอ้วิ่ง ซึ่งดีมาก

เราแยกกันตรงที่จอดจักรยาน พวกมันหัวช้ากว่าผมก็เลยจะกลับไปทำรายงานที่ห้องตัวเอง อีกอย่างถ้าไปฟลอ พวกมันกลัวห้ามใจไม่ไหวจนได้ซ้อมเต้นเสียลืมเวลาทำรายงาน ต่างจากผมที่ไม่ได้ติดเต้นอะไรเหมือนพวกมันน่ะนะ

“หาหนังสือครบแล้วเหรอ” พี่มะเดี่ยวตรงเข้ามาหา ผมยังไม่ทันลงจากจักรยานเลย

“ครับพี่ หาครบแล้ว” กองเบอเริ่มเลยล่ะ

“โห เยอะเหมือนกันนะ เห็นแล้วนึกถึงสมัยเข้าปีหนึ่งเลย...ไหนจะรับน้อง ไหนจะกิจกรรมต่างๆ นาๆ ของเฟรชชี่ เสร็จแล้วยังมาเจอสอบอีก...ตายกับตายเลยพี่”

“แล้วพี่รอดมาได้ไง”

“มั่วเอา ก็เลยผ่านมาได้” ว่าแล้วพี่แกก็ขำ แต่ผมไม่เชื่อหรอกว่าแค่เดามั่วๆ แล้วจะผ่านห้องสอบได้ พี่เขาก็ต้องทุ่มเทพอตัวแหละกว่าจะจบมาเนี่ย

“มั่วเก่งเนอะ สอนผมมั่วบ้างดิ”

“ไม่ได้ จะเป็นคุณครูห้ามมั่วครับ” พี่มะเดี่ยวช่วยถือหนังสือและกระเป๋า เดินนำไปที่โต๊ะหินอ่อนข้างลำโพง ความรักกำลังนั่งดูพวกพี่ๆ ทีมดิสทินีย์ซ้อมเต้นกันขะมักเขม้น

“อยากมั่วมั้งหนิ เห็นรายงานแล้วเหนื่อย”

“เอาหน่า สู้ๆ...พี่เป็นกำลังใจให้” มือหนาลูบหัวผมเบาๆ

“ครับ ไปซ้อมเถอะพี่”

“โอเค มีไรก็เรียกนะ...” ผมพยักหน้า...มันจะมีอะไรได้ล่ะ

ผมนั่งดูพี่ๆ เขาซ้อมเต้นกันอยู่พักใหญ่ กว่าจะมารวมสมาธิอยู่ที่หนังสือต้องอ่านได้ มองแล้วมันเพลินดีอะครับ พี่มะเดี่ยวยังคงดุเหมือนเคย เพิ่มเติมคือเสียงดังกว่าเก่า ทุกคนดูตั้งใจ และจริงจังกับการซ้อม...นิดหน่อย ครับ ใช้คำถูกแล้ว เต้นๆ เล่นๆ ผสมปนเปกันมั่วไปหมด ไอ้หัวหน้าทีมอย่างพี่มะเดี่ยวก็เอากับเขาด้วยเหมือนกัน

รู้สึกว่าจะเต้นอยู่ที่นี่ได้อีกไม่กี่วัน เพราะมหาลัยเข้าช่วงสอบแล้วจะมาเปิดเพลงเสียงดังแบบนี้มันไม่เหมาะ น้องๆ ส่วนใหญ่ก็เอาเวลาไปอ่านหนังสือด้วย พี่เขาก็ย้ายไปเต้นที่ตลาดเปิดท้ายกันนั่นแหละครับ ไม่มีที่นี่ให้ซ้อมก็ยังมีที่อื่นที่ให้ใช้พื้นที่อยู่

อ่านไป...ดูพี่มะเดี่ยวเต้นไปเพลินๆ เผลอแป๊บเดียวก็เย็นแล้ว ผมเงยหน้าขึ้นมาจากคอมพ์ตัวเองหลังเสียงเพลงหายไป พี่ออมแกเก็บลำโพงและสายไฟ ส่วนพี่มะเดี่ยวเดินตรงมาหาผมพร้อมกับคนในทีม เหงื่อท่วมกายกันหมด บางคนถอดเสื้ออกเพราะมันร้อนแล้วก็เหนอะหนะ อยู่นี่เห็นผู้ชายถอดเสื้อเป็นว่าเล่น ก็คงไม่ต่างจากสนามกีฬาประเภทอื่นๆ ล่ะมั้งเนอะ

“น้ำครับพี่” รู้ว่ามันไม่เท่าเทียมกัน แต่ผมสามารถหยิบน้ำส่งให้พี่มะเดี่ยวได้แค่คนเดียวอะนะครับ

“ขอบคุณครับ ทำรายงานไปถึงไหนละ” พี่มะเดี่ยวนั่งลงข้างๆ หลังหยิบน้ำจากมือผมไป

“ได้นิดเดียวเองพี่ อีกเยอะเลย...” คิดว่าคืนนี้ก็คงโต้รุ่งไปตามระเบียบ เวลามีไม่มาก อาทิตย์นี้เตรียมตัวอาทิตย์หน้าสอบจริง มันดูเหมือนเวลาเยอะนะ...ทว่ารายงานของหลายวิชามารวมกันนี่ มีเวลาเท่าไหร่ก็ไม่พอ

“เดี๋ยวพี่ต้องไปซ้อมต่อ ไปด้วยกันไหม”

“พี่อยากให้ไปเปล่า” ผมถามยิ้มๆ

“อยากให้ไปสิ แต่ก็อยากให้เรากลับไปพักผ่อนนะ ตัวยังอุ่นๆ อยู่ด้วยเนี่ย” มือหนาแนบเข้าที่หน้าผากเพื่อวัดอุณภูมิ

“อ่า...แต่ผมไม่เป็นไรแล้วนะ”

“อยากไปว่างั้น” พยักหน้าสิรออะไร

“ดื้ออะเรา แต่ก็ดี...งั้นเราไปกินข้าวกันก่อนนะ แล้วค่อยไปที่ฟลอ พวกมึงไปรอที่นู้นก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวกูไปกินข้าวกับน้องก่อน” พี่มะเดี่ยวพูดกับผมก่อนจะหันไปบอกเพื่อน

ไม่มีใครโต้แย้งอะไร เราพากันเก็บข้าวของและอุปกรณ์ ที่จริงผมค่อนข้างจะวุ่นวายกว่าคนอื่น ไหนจะหนังสือเรียน ไหนจะความรักที่เอาแต่ดิ้นดุ้กดิ้ก กว่าจะเก็บทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จเล่นเอาเบื่อเลยล่ะ นี่ถ้าพี่มะเดี่ยวไม่ช่วย ผมคงยังวุ่นวายไปอีกสักพัก

เราแยกไปเอาจักรยาน ปั่นไปตลาดเปิดท้าย ส่วนคนอื่นในทีมนั้นเขาไปรถสองแถวกัน ระหว่างที่พี่มะเดี่ยวแกปั่นอยู่นั้นผมก็เอาชีทภาษาอังกฤษมาอ่านไปพลางๆ ดูเนิร์ดใช่ไหมล่ะ ก็ใช่อะสิ ที่จริงผมเด็กเนิร์ดนะ...ตั้งใจเรียนมากๆ แล้วก็ทำคะแนนได้ค่อนข้างดีมาโดยตลอด นี่เป็นการสอบแรกของผมในรั้วมหาลัย ผมก็ยิ่งตั้งใจเข้าไปใหญ่ มันอาจไม่ได้ยากอะไรมากมายนักเพราะเทอมแรกเรายังเน้นไปที่การปูพื้นฐาน แต่ผมอยากทำมันออกมาให้ดีที่สุด

“รู้ไหมว่าการทำคะแนนให้ได้ดีน่ะ มันต้องผ่อนคลายตัวเอง...อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป ไม่งั้นอ่านไปมันก็ไม่เข้าหัวนะครับ” เสียงทุ้มของพี่เขาลอยมาตามลม ผมลดชีทในมือ ชะโงกหน้าไปด้านข้าง

“ผมรู้แล้ว...ผมแค่อยากทำให้ตัวเองมั่นใจ” เพราะอยากให้ได้ยินที่ผมพูดชัดๆ ถึงได้ทำแบบนี้

“คร้าบ...ไม่อยากให้เราหักโหมนะ”

“แหม มาห่วงผมกลัวผมหักโหม ไม่ดูตัวเองตอนทำงานเลยอะ พี่อะยิ่งกว่าอีก” ไม่อยากจะบ่นหรอกนะ พี่เขาอะบ้างาน...เอาแต่ทำงานจนไม่หลับใม่นอน

“ก็เป็นแค่บางช่วงเท่านั้นเอง”

“ผมก็แค่บางช่วงเท่านั้นเอง” สวนกลับทันทีพร้อมทั้งลอยหน้าลอยตา พี่มะเดี่ยวเอื้อมมือมาเขกหัว

“เถียง...เดี๋ยวเถอะ”

“เจ็บ...” ลูบหัวตัวเองป่อยๆ ทั้งที่เขาก็ไม่ได้เขกแรงอะไร แต่พี่เขาคงลืมไปว่าพี่เขามือหนักไม่ใช่เล่น

พี่มะเดี่ยวหัวเราะเบาๆ กับเสียงโอดครวญเล็กๆ ของผม เอาเถอะ...พี่จะมีความสุขบนความเจ็บผมก็เรื่องของพี่เลยแล้วกัน ผมหันกลับมานั่งอ่านชีทต่อไปเรื่อยๆ หยุดอ่านตอนที่เรามาถึงร้านอาหารข้างทาง พี่มะเดี่ยวแกเป็นคนเลือกแถมยังเป็นคนสั่งให้ผมอีก ระหว่างรอแม่ค้านำอาหารมาเสิร์ฟ พี่มะเดี่ยวก็ถามถึงรายงานที่ผมนั่งทำตอนอยู่ที่ฟลอ ผมก็เลยเล่าให้ฟังว่ามีอะไรบ้างและอาจารย์ให้หาอะไร ด้วยความที่เขาเรียนคนละอย่างกับผม พี่มะเดี่ยวก็เลยไม่สามารถบอกอะไรผมได้มากมายนัก

ข้าวผัดไก่พูนๆ โปะไข่ดาวสองจานถูกนำมาวางไว้ตรงหน้าของเราสองคน เป็นเมนูง่ายๆ ที่ตอนนี้ยั่วยวนน้ำลายมาก เล่นยังไม่ได้กินอะไรอีกเลยตั้งแต่เที่ยงมันก็ต้องหิวเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนความรักมันกินแค่แตงกวาที่เขาวางประดับจานนั่นแหละครับเดี๋ยวไปซื้อผลไม้ที่ตลาดให้มันกินอีกที

กินไปคุยไปเป็นเรื่องปกติของเราสองคน ไม่รู้มีเรื่องอะไรให้คุยกันนักหนา...ทั้งเรื่องวีรกรรมในฟลอของพี่มะเดี่ยวและเพื่อนของเขาในวันนี้ หรือแม้แต่เรื่องของเพื่อนสุดเนิร์ดร่วมชั้นเรียนของผม เราคุยมันแทบทุกเรื่องที่เข้ามาในชีวิตของเราในแต่ละวัน เรื่องเล็ก เรื่องน้อย แต่เป็นเรื่องที่ผ่านตาเราหรือสนใจ เราก็จะบอกกันและกัน

บางครั้งก็ถามถึงแฟนเก่าที่เคยคบบ้าง...หรือแม้แต่เจอเพื่อนคนนี้ได้ยังไง สนิทกันได้ยังไงประมาณนี้ รู้ตัวกันอีกที...เราก็แทบจะเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้กันและกันฟัง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องสะเทือนอารมณ์อะไร พี่เขาไม่อยากพูดหรือเปล่าอันนี้ผมไม่รู้ แต่ผมอะไม่ค่อยมีเรื่องเศร้าในชีวิตเท่าไหร่

พี่มะเดี่ยวจ่ายค่าข้าวทั้งสองจานรวมถึงน้ำอัดลมให้ แล้วเราก็ปั่นจักรยานไปที่ตลาดเปิดท้าย ผมนั่งกับพี่แม็กคนเดิม...ไม่มีเพิ่มเติมเพราะเขาเป็นแค่หุ่น  พื้นที่มันไม่เหมาะแก่การเอาคอมพ์ออกมาตั้งเพื่อพิมพ์รายงาน ดังนั้นผมจึงทำแค่นั่งอ่านชีทและมาร์กส่วนสำคัญเอาไว้

เสียงรอบข้างดังอื้ออึงไปหมด ทั้งดนตรีและเสียงพูดคุย ความรักวิ่งเล่นอยู่ที่ฟลอ มันชอบเดินไปรอบๆ บ้างก็หยุดนั่งดู บ้างก็เดินเข้าไปหาพี่มะเดี่ยวเป็นครั้งคราว ต่างจากผมที่มันแทบไม่เฉียดเข้ามาใกล้เลย...เศร้า

ผู้คนยังขวักไขว่เช่นเคย เด็กมหาลัยอย่างเราเข้าสู่ช่วงสอบ แต่คนที่มาซ้อมที่นี่ไม่ได้เข้าช่วงสอบนี่ครับ บางคนอยู่ในชุดนักเรียนมอต้นหรือมอปลายปะปนกัน รวมถึงเด็กปวช. ปวส. หรือแม้แต่คนที่เรียนจบไปแล้ว

“มาเกะกะเปล่าๆ...” พี่โซฮานเปรยขึ้น...อีกแล้ว ผมเงยหน้ามองพี่เขายิ้มๆ เหมือนเป็นมารยาททั้งที่ไม่ได้รู้สึกอยากยิ้มอะไรให้เขา ผมว่าเราต่างคนต่างอยู่มาพักใหญ่แล้วนะ ไม่วายมาแขวะกันอีกเนาะคนเรา

ผมเลือกที่จะไม่ตอบโต้อะไร นั่งก้มหน้าก้มตาตั้งใจอ่านสิ่งที่อยู่ในมือ เข้าใจว่าพี่เขาก็อยากได้พี่มะเดี่ยว…แต่พี่มะเดี่ยวไม่เอาพี่เขาไง แถมยังไปว่าอะไรพี่เขาไม่ได้ พี่โซฮานจึงเหลือทางออกเดียวคือมาแขวะผม เล็กๆ น้อยๆ ก็เอาว่างั้นเถอะ ทั้งที่มันไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นเลย

พี่มะเดี่ยวแวะเวียนมานั่งเล่นด้วย ถามไถ่ไปตามเรื่องตามราว กว่าจะเลิกซ้อมก็นู้น...สี่ห้าทุ่ม พวกเขาไม่ได้ซ้อมจริงจังกันขนาดนั้นนะ ซ้อมไปเล่นไป เล่นบ้าบอปัญญาอ่อนด้วยอะประเด็น แต่พอเลิกซ้อมเราก็แยกย้ายทันที พี่มะเดี่ยวเป็นคนปั่นจักรยานเช่นเคย ผมเลิกอ่านชีทแล้ว...ตอนนี้แค่นั่งกินลมชมวิวพร้อมทั้งทบทวนสิ่งที่อ่านไป

“ไปนอนห้องพี่ปะ” พี่เขาถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

“ไม่ ได้ไหมครับ ผมจะทำรายงานต่อสักหน่อยอะ”

“งั้น...วิดีโอคอลนะ”

“อื้อ เอาสิ” ผมตอบกลับทันที

เราแวะเซเว่นเพื่อซื้อของกินเล่นนิดหน่อย รวมถึงข้าวกล่องด้วยเพราะพี่มะเดี่ยวแกหิวอีกแล้ว เล่นเต้นหนักขนาดนั้นก็ต้องหิวเป็นเรื่องธรรมดา พี่เขาอุ้มความรักบวกถือกระเป๋าให้ ส่วนผมก็ถือหนังสือและของกิน

อยู่กินมื้อดึกด้วยกันแป็บเดียวพี่มะเดี่ยวก็กลับห้องไป พี่เขาพรากเอาความรักผมไปเลี้ยงดูให้...เห็นว่างานผมเยอะนั่นแหละเลยกลัวความรักจะเป็นตัวป่วนคอยทำลายสมาธิ ผมก็ไม่ว่า อีกอย่าง...มองตาพี่เขาแล้วรู้เลยว่าพี่มะเดี่ยวอยากอยู่ด้วย แกแค่ไม่อยากรบเร้าผมเท่านั้น

“เราจะนอนดึกไหม...” แยกกันไปไม่เท่าไหร่ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็วิดิโอคอลหากันทันที

“ไม่รู้ดิพี่ พี่ง่วงพี่นอนก่อนเลย” ผมหันไปบอกอีกคน ตอนนี้พี่มะเดี่ยวนอนกอดความรักอยู่บนเตียง ต่างจากผมที่นั่งอยู่หน้าคอมพ์

ตำแหน่งของเรามันสลับกันนิดหน่อยเนอะ...

“พี่จะนอนก็ต่อเมื่อเรานอน” พูดมาแบบนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้ผมอยากนอนเร็วขึ้นหรอก

“แต่ถ้าพี่ไม่ยอมนอนผมจะงอนนะ...” ส่งยิ้มมุมปากที่คิดว่าเจ้าเล่โคตรๆ ไปให้เขา

“สามขู่พี่ไม่ได้หรอก” ใช่สิ พี่มันคนจอมขู่โดยแท้นี่นา

“งั้นให้น้าบอยจัดการ...”

“โอเค เดี๋ยวพี่นอน” ทีนี้ละเร็วเลย ผมหัวเราะกับความจำยอมของพี่เขา เวลาพูดถึงน้าบอย พี่มะเดี่ยวจะดูอ่อนข้อลงอย่างเห็นได้ชัดมาก นั่นเท่ากับพี่เขากลัวน้าผมมากเลยไงล่ะ

“อื้อ พี่ต้องพักผ่อนเยอะๆ...เผื่อผมไง”

“ไม่อะ พี่อยากจะเข้าไปห้องเราแล้วรวบเรามานอนกอด นอนเผื่ออะมันไม่ได้ทำให้สามรู้สึกเหมือนได้หลับสักหน่อย” ผมไหวไหล่ไม่สนใจ

“ไม่ทันละ ผมล็อกห้องเรียบร้อย” ยักคิ้วหนึ่งที พี่มะเดี่ยวหรี่ตาจ้อง โหดมากครับ…โหดจนผมสยองไหล่สั่นเลยล่ะ ฮ่าๆ

เราโต้เถียงกันอีกนิดหน่อย หน้าพี่มะเดี่ยวแกดูอิดโรยลงเรื่อยๆ ผมก็เลยไม่ค่อยเถียงเขามากเท่าตอนแรก ส่วนตัวเองกินยาแล้วก็ง่วงเหมือนกันอะ ติดที่งานมันรอไม่ได้ เกิดผมทำไม่ทันขึ้นมาอาจารย์เขาไม่ช่วยเรื่องคะแนนอย่างตอนเรียนมัธยม ก็เลยต้องฝืนทน เอาให้สุดๆ ก่อนจะไปหยุดที่การดื่มกาแฟ...

….100%….

เราตั้งใจจะอัปตั้งแต่มะวาน แต่เค้าหลับ ฮื่ออออ เผลอหลับตั้งแต่สองทุ่ม สะดุ้งตื่นเที่ยงคืนนึกว่าสายแล้วไปทำงานไม่ทันอีกแหนะ โอยยยย อากาศเย็นทำเราเพี้ยนได้นะเค่อะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
สามน่ารักมากอิอิ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ Akanasan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พี่โซฮานนิสัยไม่ดีอีกแร้ว :m16: :m16: :3125: :3125:

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>>ตอนที่ 50 [100%]<<

ในขณะที่ผมเริ่มเขาสู่การสอบอย่างจริงจังไปทุกที พี่มะเดี่ยวเองก็ซ้อมหนักขึ้นทุกวันเช่นกัน...

ตอนพี่เขาโหมงานว่าไม่ค่อยมีเวลาแล้ว ตอนนี้พี่เขายิ่งไม่ค่อยมีเวลาเข้าไปใหญ่ ผมเองก็จะไปหาไปนู้นนี่นั่นเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่ได้ ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำคือทำหน้าที่ตัวเองให้ดีก่อน ผมเสียดายนะ...ทั้งที่เราเป็นของกันและกันแล้ว แต่กลับไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเท่าที่คาดหวัง

เอ่อ...ผมไม่ได้หมายถึงช่วงเวลาตั้มนะ ฮ่าๆ

ไอ้จะให้พี่เขามานอนด้วยช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ หนึ่งเลยผมชอบอ่านหนังสือเงียบๆ คนเดียว สองคือผมกลัวว่าพอได้อยู่ด้วยกันแล้วจะไม่มีสมาธิในการทำรายงานและอ่านหนังสือ ก็เลยเลือกที่จะต่างคนต่างอยู่กันไปก่อน

ทว่า...พี่มะเดี่ยวก็ยังเจียดเวลามาให้เสมอ แม้ว่าผมเองจะไม่ค่อยมีเวลาให้เขาก็ตาม

ช่วงเช้าพี่เขาจะพยายามตื่นมากินข้าวด้วย และเที่ยงและเย็น...ถือเป็นสามมื้อที่เราจะอยู่ด้วยกัน กับช่วงที่พี่เขาซ้อมเต้นเสร็จก็จะวีดีโอคอลกันทุกคืน จากช่วงพี่เขาโหมงาน ผมมักหลับก่อน ตอนนี้กลายเป็นพี่เขาที่น็อกไปก่อนผมตลอด ส่วนผมเหรอ...นู้น...อยู่โยงยันเช้าทุกวัน

ไม่แปลกที่หน้าตาผมจะโทรมขนาดนี้ พี่มะเดี่ยวเริ่มรู้ว่าผมไม่นอน เขาก็พยายามไม่นอนบ้าง ต่อให้ไล่ยังไงก็มักฝืนอยู่กับผมใกล้เช้าแทบทุกที ผมเป็นห่วงพี่เขานะที่ทำแบบนี้น่ะ ก็การเต้นมันต้องใช้พลังงานค่อนข้างสูง เกิดอดหลับอดนอนมากเข้ามันก็จะไม่มีแรงไปเต้นแล้วก็จะทำได้ไม่ดี

“พี่เองก็อยากมีเวลาอยู่กับสามให้มากที่สุดเหมือนกันนะ...ถึงแม้เราต่างก็มีหน้าที่ที่ต้องทำก็เถอะ”

พอได้ยินพี่เขาพูดมาแบบนี้ ผมก็ไม่ว่าอะไรเขาอีก ตอนนี้พี่มะเดี่ยวไม่ได้มาเต้นที่มหาลัยแล้ว ชมรมต่างๆ ก็พากันหยุดทำกิจกรรมเพราะเด็กๆ ใกล้สอบ ต้องทุ่มเวลาให้กับการอ่านหนังสือ เคลียร์รายงานที่มากมายมหาศาล

มันเป็นหนึ่งอาทิตย์สุดท้ายก่อนสามวัยนรกที่โหดหินที่สุด ยิ่งกว่าตอนสอบแอดมิชชั่นอีกอะ นอนบ้างไม่ได้นอนบ้าง ความรักถึงกับอดตาหลับขับตานอนไปพร้อมกับผม ที่จริงพี่มะเดี่ยวจะเอามันไปดูแลให้ แต่ผมเกรงใจอะก็เลยเลือกดูแลความรักเอง อาจมีบางวันอย่างเมื่อวันพุธกับพฤหัสที่ผมเอาความรักไว้ที่พี่มะเดี่ยว สองวันนั้นไม่ได้นอนเลยสักงีบเดียวเพราะงานมันกระชั้นชิดแล้วจริงๆ...

“กี่โมงละวะ...” พีชเอ่ยถามเสียงเพลีย แหงสิ พวกเราโหมงานกันมาทั้งสัปดาห์แล้ว มีห้องนอน ห้องเรียนและห้องสมุดเป็นที่พักพิงหลักเลยครับ

“สองทุ่มแล้วมึง กลับยังวะ...ง่วงฉิบหาย” ว่าจบวิ่งก็หาววอดใหญ่ เมื่อวานได้งีบนะ...งีบไปตอนตีสามตื่นหกโมงมารวบรวมรายงาน

“เอาดิ น่าจะไม่มีอะไรแล้วมั้ง...เหลืออ่านทบทวนปะ” ผมว่าลอยๆ เสาร์อาทิตย์นี้ต้องทบทวนวิชาที่เราจะสอบ แล้ววันจันทร์ถึงวันพุธคือนรกที่แท้ทรู

“ใช่ เหลือแค่นั้นแหละ ปะ...กลับเหอะ กูจะนอนให้อิ่มเลยแม่ง พรุ่งนี้ค่อยอ่านละกันหนังสือเนี่ย” วิ่งเก็บของก่อนเป็นคนแรก ตามด้วยผมและพีช

ระหว่างเก็บผมก็ไลน์ไปหาพี่มะเดี่ยว กะจะถามว่าพี่เขาอยู่ไหนจะได้ไปหา พอดีเมื่อเย็นเราไม่ได้ไปกินข้าวด้วยกันครับ...ผมเนี่ยแหละที่ไม่ว่างไปกิน นี่ก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่เที่ยง พี่แกบ่นๆ อยู่ตอนผมบอกว่าผมไม่ได้ออกไปกินข้าวด้วย อยากสรุปงานเพื่อจะเอาไปอ่านทวนเสาร์อาทิตย์นี้ไงครับ ก็เลยทุ่มเทเวลาให้กับห้องสมุดอย่างหนักหน่วงแบบนี้

พี่มะเดี่ยวไม่ยอมตอบไลน์ คงซ้อมเต้นอยู่ที่ตลาดเปิดท้าย เขาสิงที่นั่นทุกวัน กลับห้องก็ห้าทุ่มเที่ยงคืนซึ่งผมยังไม่หลับไม่นอน เร็วสุดที่ขึ้นเตียงหลับในอาทิตย์นี้ก็...ตีสามนั่นแหละ แม่รู้แม่ตีตายเลย

ผมกับเพื่อนปั่นจักรยานแยกกันไปคนละทาง มันกลับห้อง ผมไปตลาดเปิดท้าย ความรักอยู่กับพี่มะเดี่ยว เขาไปรับมาจากน้าบอยเมื่อเที่ยงนี้เนี่ยแหละ มันเป็นหมูบีบอยไปแล้วล่ะครับทุกวันนี้...เต้นไม่เป็น กลิ้งหลุนๆ แทน

ฟลอเต้นยังคงเป็นสถานที่ที่ครึกครื้นอยู่เสมอ เสียงเพลงดังสนั่นและผู้คนโยกย้ายใส่เสต็ปกันอย่างเมามัน เห็นแล้วก็อยากไปเต้นกับเขาบ้างเนอะ ไม่ได้มาตั้งหลายวันแหนะ ถึงจะไม่ได้รักชอบในการเต้นเท่าคนอื่น แต่มันสนุกและก็มีความสุขไม่ใช่เล่นเหมือนกัน

“อ่าวไอ้สาม” พี่เรย์เป็นคนแรกที่ทัก ผมยกมือไหว้พี่เขาเป็นมารยาทก่อนจะมองหาพี่มะเดี่ยวกับความรัก

“ไอ้เดี่ยวมันไปซื้อของกินกับความรักอะ” พี่เรย์แกไขข้อข้องใจให้

“อ่อ เหรอครับ...”

“เออ แต่มึงดูเหมือนซอมบี้มากอะตอนนี้ ถามจริง...เรียนหนักขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ผมเดินเข้าไปหยุดใกล้ๆ ซึ่งเป็นพื้นที่ข้างฟลอเต้น

“นิดหนึ่งพี่ วันจันทร์ผมจะสอบแล้วไง..ก็เลยต้องเร่งทำรายงานกับอ่านหนังสืออะ” ตอบยิ้มๆ พี่เรย์พยักหน้าเข้าใจ

“สอบผ่านไปก็สบายละมั้ง เทอมสองก็เน้นเรียน” แหงสิ เทอมแรกเล่นกิจกรรมกับรับน้องก็หมดเทอมแล้วอะ

ผมคุยกับพี่เรย์อีกเล็กน้อย เขาโชว์ท่าที่หัดใหม่ให้ผมดู ธรรมดาครับ บีบอยค่อนข้างขี้อวด ไม่งั้นจะชอบเต้นต่อหน้าคนเยอะๆ เหรอ สมใจพี่แกแล้วผมถึงได้เดินไปนั่งข้างพี่แม็กซึ่งมีกระเป๋าของพี่มะเดี่ยววางอยู่ พี่โซฮานเดินเข้ามาหยิบน้ำตรงพื้นหน้าม้านั่ง

“เราไม่น่ามาหรอก เดี๋ยวไอ้เดี่ยวแม่งก็ไม่มีสมาธิจะซ้อม แค่นี้มันก็เหนื่อยเทียวไปเอาใจบ่อยๆ จะแย่…” พี่เขาพูดพลางจ้องหน้าผมเขม็ง

“อ่า...”

“เป็นแฟนกันอะ มันต้องไม่ถ่วงกันปะวะ...เดี่ยวแม่งตาโหลทั้งที่งานก็ไม่มีแล้วช่วงนี้ แค่ซ้อมกลับดึกหน่อยเดียวมันไม่น่าเหมือนคนอดนอนหรอก เพราะมึงอะที่ทำให้มันเป็นแบบนั้น ถ้ามันอาการแย่แล้วซ้อมพลาดเจ็บตัวขึ้นมา มึงจะรับผิดชอบได้ไหม...” เขาว่าเสียงเรียบแต่เกี้ยวกราด ไม่ได้พูดดังให้คนอื่นได้ยิน ว่าง่ายๆ...ด่าผมให้ผมรู้คนเดียวอะนะ

“แต่ผมไม่ได้บังคับพี่เขานะครับ” พี่มะเดี่ยวอยากคุยด้วย...อยากอยู่ด้วยกัน เราถามไถ่กันทุกอย่าง..โดยเฉพาะเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของกันและกัน

เพราะผมรู้ว่าการอดนอนไม่ใช่เรื่องดี พี่มะเดี่ยวเคยอดหลับอดนอนมาแล้วตอนที่งานเขาเยอะจัดๆ ผมเป็นห่วงมาก เหมือนที่ตอนนี้เขาเป็นห่วงผมมาก แล้วยังไง...ผมไล่เขาแล้ว บอกแล้วว่าผมไม่เป็นอะไร แต่พี่เขาห่วงนี่...ความผิดผมเหรอ?

“ไอ้สาม! มึงพูดเหมือนจะไม่รับผิดชอบต่อสุขภาพไอ้เดี่ยว มึงเป็นแฟนยังไง...มึงก็รู้ว่ามันต้องซ้อมหนักขนาดไหน เหนื่อยขนาดไหน มึงอะต้องดูแลมัน ไม่ใช่มาใช้คำพูดง่ายๆ เพื่อปัดความรับผิดชอบ” เดี๋ยวนะ...ผมไปปัดความรับผิดชอบตรงไหน

“แล้วผมต้องรับผิดชอบยังไง”

“ก็ดูแลมันให้ดีๆ สิ ถ้าดูแลไม่ได้...ก็เลิกเหอะ ให้คนอื่นที่เขาดูแลไอ้เดี่ยวได้ดีกว่ามึงดีกว่า”

“พี่อะเหรอ” ผมถามสั้นๆ โปรยมาขนาดนี้ก็รู้แล้วปะละ

“เออ” นั่นไง…กล้ารับด้วย โคตรแมน ผมชอบ แต่…พอดีนั่นแฟนผมอะ

“พี่โซฮาน…ผมกับพี่มะเดี่ยวใช้เวลาร่วมกันเยอะมากครับ เรารู้กัน ในขณะที่คนนอกอย่างพี่ไม่รู้” ดอกนี้มึงตาย! แล้วก็ใช่...คนนอกมันจะไปรู้อะไรล่ะวะ แหมแฟนกันต้องให้ผมดูแล...พี่มะเดี่ยวไม่ต้องดูแลผมบ้างเลยงี้เหรอ ตลก มันต้องดูแลกันและกันไง จับมือกันผ่านความเหนื่อยยากอะเข้าใจปะ

เออ ผมรู้นะว่าพี่โซฮานแกเป็นห่วงพี่มะเดี่ยว อยากให้ผมดูแลพี่มะเดี่ยวให้ดีๆ คิดแค่นั้นไง...เห็นพี่มะเดี่ยวโทรมหน่อย ตาโหลหน่อยก็ว่าผมทำหน้าที่ไม่ดี ทั้งที่ผมก็ไล่แล้วไง แต่เขาไม่ไป...เขาอยากคุย อยากอยู่ด้วย อยากดูแลผมบ้าง...นั่นก็หน้าที่แฟนที่เขาต้องทำไหมครับ ไม่มีใครเรียกร้องอะไรใครทั้งนั้นอะ เราต่างก็มอบสิ่งนี้ให้กันเอง แต่คนนอกเนี่ย...แม่งคนนอกจริงๆ วะ

“มึง...”

“สามมาได้ไงเนี่ย ไม่เห็นบอกพี่ก่อนพี่จะได้ไปรับ” ก่อนพี่โซฮานจะสติแตกฆ่าผมหมกพี่แม็ก พี่มะเดี่ยวก็เดินเข้าฟลอมาพร้อมความรักและของกินในมือ

“พี่อย่าไปรับผมมากสิ เดี๋ยวเพื่อนก็หาว่าเห็นแฟนดีกว่าหรอก” ยิ้มหวานๆ...ให้พี่โซฮานชื่นใจ ฮ่าๆ เขาคงอยากกระทืบผมมากกว่าอะนะ

“ก็โดนนะ ฮ่าๆ...” พี่แกเดินตัดผ่านหน้าพี่โซฮานมานั่งข้างผม เบียดจนกระเป๋าทั้งหมดทั้งมวลแทบจะเกยขึ้นไปกองอยู่บนตัวพี่แม็กแล้วครับ

พี่มะเดี่ยวส่งความรักมาให้ผมอุ้ม พี่โซฮานมองอยู่สักพักก็เดินหายไปไหนไม่รู้ พอดีไม่ได้มองตามก็เลยไม่เห็นขนาดนั้น ตอนนี้สายตาของผมจับจ้องอยู่ที่ข้าวเหนียวไก่ย่างมือพี่มะเดี่ยวมากกว่า

“หิวจังเลย...” เอนหัวซบอ้อนแป๊บ

“เอาสิ พี่ซื้อมาเผื่อ กะว่าจะโทรถามเราว่าจะเลิกตอนไหนจะได้ไปรับพร้อมข้าวเนี่ยแหละ แล้ววันนี้เป็นไงมั้ง...สรุปงานที่จะเอาไว้อ่านเสาร์อาทิตย์นี้ได้ไหมล่ะ” เห็นไหมว่าพี่มะเดี่ยวแกรู้เรื่องผมดี เพราะผมเล่าให้ฟังเสมอ เราอาจไม่ได้ตัวติดกันขนาดนั้น แต่เรารู้เรื่องของกันและกันตลอด อย่างพี่มะเดี่ยวเองก็จะแข่งในอาทิตย์หน้านี้แล้ว...ไม่งั้นจะโหมขนาดนี้เหรอครับ

“สรุปทันพี่ คืนนี้น่าจะได้นอนบ้าง ผมง่วงโคตรเลยอะ กินกาแฟจนมึนไปหมด” โดนพี่เขาบ่นเหมือนกันว่ากินเยอะ ทำไงได้ อยากถึกอยาทนก็ต้องโด๊ปอะจริงไหม

“พี่ควรจุดพลุฉลองปะที่เราได้นอน”

“โหย ไม่ขนาดนั้นเหอะ ตอนพี่ทำงานก็ไม่ต่างจากผมหรอก...กว่าจะยอมนอนได้ ต้องเอาตัวเข้าแลกอะคิดดู” อย่าคิดลึก แค่เอาตัวไปให้เขานอนกอด พี่มะเดี่ยวโยกหัวผมเบาๆ เขาหัวเราะกับหน้าตาบึ้งตึงไม่จริงจังของผม

“พี่ไม่เถียง”

“เถียงไม่ได้อะดิ โด่...”

“กินๆ ไปเลยปะ หมั่นเขี้ยววะ…อยากฟัด ไหนๆ คืนนี้ก็ได้นอน ขอฟัดสักคืนได้ปะ”

“แค่ฟัดแก้มปะ” ยิ้มหวานใส่

“หึ…ฟัดทั้งตัวอะ” ไอหยา…มาพร้อมดวงตาแพรวพราวอีกต่างหาก ก็แหม…ทุกวันนี้มีแค่จูบหวานๆ ตอนเช้านิดหน่อยแล้วก็ย้ายกันไปทำหน้าที่ใครหน้าที่มันแล้วนี่นา

“สอบเสร็จก่อนได้ปะ”

“อืม...นานอะ”

“ไม่กี่วันเอง”

“แต่ได้ฟัดแน่ใช่ปะ...” พยักหน้าเบาๆ

“อื้อ”

“โอเค...งั้นรอ แต่ว่าขอไปนอนด้วยนะ อยากกอด คิดถึง” ว่าจบพี่เขาก็โอบไหล่ผมให้เข้าใกล้ก่อนจะหอมศรีษะเบาๆ

“ครับพี่” ก็ยิ้มตอบแหละ ไม่ปฏิเสธหรอก...ไม่ได้มีอะไรเสียหาย มีพี่เขาให้นอนกอดมันก็อบอุ่นดีนี่ครับ

เราพากันนั่งกินข้าวเหนียวไก่ย่าง ท่ามกลางผู้คนและเสียงดนตรี พี่มะเดี่ยวบ่นเจ็บข้อมือนิดหน่อย วันนี้เขาพลาดแล้วก็ล้ม ชักแขนตัวเองออกไม่ทันก็เลยทับเต็มเหนี่ยว ผมนี่ถึงกับย่นคิ้วเลย เพราะเขาไม่ยอมบอกผมตั้งแต่แรก พี่มะเดี่ยวกลัวผมจะเป็นห่วงจนไม่เป็นอันเรียนอะครับ แกเลยเก็บเงียบไม่ยอมบอก

“เป็นเพราะพี่ไม่ได้นอนหรือเปล่า”

“ไม่หรอก เต้นแบบนี้มันก็พลาดกันได้นะ” พี่มะเดี่ยวยีหัว ผมคิดว่า....ที่พี่โซฮานมาว่าผมเมื่อกี้นี้อาจเพราะพี่มะเดี่ยวล้มเนี่ยแหละ

“แล้วเมื่อกี้โซมันพูดอะไรกับเรา” ผมนึกว่าพี่จะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเสียอีก

“ก็...ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่บอกให้ผมดูแลพี่ดีๆ หน่อย” ใจความมันก็ประมาณนั้น แค่มีอีกส่วนสำคัญที่ไม่พูดเท่านั้นเอง

“แค่นั้น?”

“แค่นั้นแหละ คงเพราะพี่ล้มมั้ง แล้วเป็นไงมั้งอ่า...เจ็บมากปะ ซ้อมไหวไหมเนี่ย” ผมบีบนวดตรงข้อมือของพี่เขาด้วยมือข้างที่ไม่มีไก่ย่าง พี่มะเดี่ยววางมือทับลงมา

“ไหว แค่นี้เอง...ไม่เจ็บเท่าไหร่ เดี๋ยวนวดยากับพันผ้าไว้ก็หายแล้ว เราต่างหากที่น่าห่วง…” รู้...ผมรู้ว่าพี่ห่วงที่ผมไม่ได้หลับไม่นอน

“ผมก็ไหว ผมถึกมาก” ทำหน้าแบบมั่นใจในคำพูดตัวเองโคตรๆ พี่มะเดี่ยวหัวเราะ

จากนั้นเราก็หยอกก็ล้อกันไปตามเรื่องตามราวอะครับ ปัญญาอ่อนบ้าง มีสาระบ้างปะปนกันไป พี่มะเดี่ยวอยู่รอจนผมกินอิ่มแล้วถึงได้ออกไปซ้อมเต้นต่อ ผมได้เห็นพวกเขาในโหมดจริงจังกว่าครั้งไหนๆ โดยเฉพาะพี่มะเดี่ยวเนี่ย...ใส่ใจกับทุกรายละเอียดของการเต้นเลยจริงๆ

“ได้นั่งดูพี่เขาทุกวันแบบแกนี่มันน่าอิจฉาชะมัดเลยนะไอ้ความรัก...” เพราะมันสนุกแล้วก็มีความสุข มีทั้งเสียงเพลง มีทั้งเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของพี่เขาอยู่รอบๆ ความรักน่าอิจฉาที่สุดแล้ว...ผมสิ ต้องตรากตรำอ่านตำราเรียนต่อไปจนกว่าจะสอบผ่านอะนะ

….100%….

คนนอกที่พยายามจะเป็นคนในนี่มัน…น่ารำคาญนิดๆ นะเนี่ยน้า

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:


ขอให้ความพยายามของโซนั้นไม่สำเร็จ นะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
พซฮยังไม่ละความพยายามอีก  :beat:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ไม่ได้เข้ามาแป้ปเดียว เค้าไปกันขนาดนี้แล้วว ฮ่าๆ ยังชอบน้องสามเหมือนเดิม มองโลกในเเง่ดีตลอดเลย

ออฟไลน์ Panizzz3838

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ลำไยโซฮาลอ่ะ  :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ Crossley

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
โซฮานเป็นตัวละครที่น่ารำคาญแต่เราชอบซะงั้น ชอบแบบรำคาญๆ ลุ้นว่านางจะทำอะไรจะจิกจะแขวะอะไรสามอีก อ่านไปคันมือไป55555

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>>ตอนที่ 51 [100%]<<

เดอะสามผู้ขยันเรียมากไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ค่า ผมนั่งมองพี่มะเดี่ยวซ้อมกับทีมพลางอ่านสรุปงานของตัวเองไปด้วย ทุกอย่างถูกมาร์กเอาไว้หมดแล้ว แค่ทำความเข้าใจและท่องจำอีกหน่อย เวลารู้สึกว่าตัวเองตาลาย ไม่ไหวและจะไล่ตามตัวหนังสือก็พักด้วยการมองท่วงท่าการเต้นแทน

ทีมดิสทินีย์กินพื้นที่ตรงกลางฟลอเอาไว้ เด็กๆ แทบจะซ้อมไม่ได้แต่ก็ไม่มีใครทักท้วงอะไร ในเมื่อทีมนี้คือเจ้าถิ่น เดิมทีที่นี่ไม่มีคนมาซ้อมเต้นหรอก เป็นแค่ตลาดโทรมๆ เท่านั้นเอง พวกพี่มะเดี่ยวกับรุ่นพี่อีกคนสองคนมั้งมาเปิดฟลอที่นี่ หลังจากนั้นผู้คนก็เริ่มทยอยมาเต้นกันมากขึ้น คนเปิดฟลอคนแรกเราเรียกกันว่าเฮดฟลอ แล้วต่อให้เฮดเด็กกว่าหรือเก่งน้อยกว่ายังไง คนอื่นก็ต้องเคารพเขาและให้เกียติเขา คล้ายๆ ธรรมเนียมที่ปฏิบัติต่อๆ กันมาอะครับ

 “เดี๋ยว...” จู่ๆ ไอ้ความรักที่นอนสงบอยู่บนตักผมก็กระโดดลงไป จะลุกตามทันทีก็ไม่สะดวกเพราะมีของอยู่

ตั้งใจจะหยิบเอากระเป๋าตัวเองออกเพื่อตามความรักกลับมา ไม่อยากให้มันลงไปป้วนเปี้ยนรบกวนคนอื่น แต่ต้องชะงักเพราะมันเดินไปหยุดอยู่ตรงขาพี่มะเดี่ยว ข้างกายใหญ่มีร่างเล็กของพี่โซฮานยืนขนาบ ทั้งคู่คุยอะไรกันสักอย่างเสียงเพลงดังผมไม่ได้ยิน พี่โซฮานเหมือนจะจับมือพี่มะเดี่ยวดู...ก็เจ็บข้อมืออยู่นี่นะ ทว่าความรักมันเอาจมูกดุนขาพี่เขาก่อน พี่มะเดี่ยวมองต่ำที่ความรัก พี่โซฮานมองตาม กลายเป็นจุดสนใจในทันทีเลยนะไอ้หมู

ผมไม่ยอมลุกแล้ว...นั่งอ่านชีตแต่เหลือบมองพี่มะเดี่ยวยอบตัวลงอุ้มความรักเอาไว้ในอ้อมแขน จากที่พี่โซฮานจะดูข้อมือพี่มะเดี่ยวก็ไม่ได้ดูแล้ว ก็พี่เขาเล่นอุ้มความรักเดินมาหาผมแล้วอะสิ

นี่...ความรักแกร้ายนะ

“อ่านจนความรักหนีแล้ว” พี่เขายีหัวผมเบาๆ ด้วยมือข้างหนึ่ง

“มันแค่ไปหาพี่ ไม่ได้หนีผมไปไหนสักหน่อยนี่นา...มันรบกวนหรือเปล่าครับ” เงยหน้ามองสบตาที่แสดงออกถึงความสุขของเขา

“ไม่เลย มันน่ารักเหมือนเจ้าของมันนั่นแหละ...” งุย...ไม่เขินหรอก ฮ่าๆ

“งั้นก็ต้องรักมันมากๆ นะครับ” ว่าแล้วก็เม้มปากแน่น พี่เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้แล้วจูบที่หน้าผากผมเบาๆ ชั่ววินาที

“คงยากนะ เพราะพี่รักเจ้าของมันมากกว่า” ถึงขนาดนี้ควรเขินได้แล้วล่ะ...ไม่มีใครว่าที่ผมจะหน้าแดงใช่ไหมนะ

“ฮ่าๆ...พี่ก็ อายคนอื่นเขา มองมาที่เราหมดแล้ว” ผมโครงหัวเล่นนิดหน่อยแก้เก้อ

“ช่างมันสิ นานๆ จะมีคนมาให้สวีตถึงฟลอ”

“พูดอย่างกับคนเก่าๆ ของพี่ไม่มา”

“ก็มา...มาเหวี่ยงอะ” แล้วเขาก็ขำ

พี่เขาเคยเล่าให้ฟังอยู่ว่าแฟนเก่าๆ ของเขาไม่พอใจที่เขาให้เวลากับการเต้นและงานมากเกินไป จนละเลยพวกเขา บางทีก็อยากไปเที่ยวแต่พี่มะเดี่ยวกลับเอาแต่เต้น ไม่รู้สิ ผมไม่คิดว่าส่วนนี้ของพี่มะเดี่ยวเป็นปัญหานะ ก็เขาชอบของเขาอะ...นี่คือที่ที่เขาอยู่แล้วมีความสุข ผมเองยังมีความสุขกับการได้อยู่ที่นี่เลย

“เดี๋ยวพี่ซ้อมอีกสักพักก็จะแยกย้ายแล้ว รอหน่อยนะ...” พี่มะเดี่ยวยื่นความรักให้ ผมรับไว้

“ครับ รอได้พี่...ตั้งใจซ้อมเถอะ” เขาทำสิ่งที่ชอบคือยีหัวผมแล้วก็เดินเข้าฟลอยิ้มๆ

แน่นอนว่าคนอื่นต้องล้อและแซ็วกันเป็นเรื่องปกติ พี่มะเดี่ยวก็ตอกกลับไปเหมือนกัน...ก็นะ พวกมึงไม่มีแฟนมาหานี่ อะไรประมาณนี้แหละ เขาล่ะหน้าชื่นตาบานเป็นที่สุดเลย ทั้งที่ค่อนข้างจะอดนอนไม่ต่างกับผม แต่พี่เขาดูสนุกสนานและมีชีวิตชีวาเมื่อได้อยู่ท่ามกลางเสียงดนตรี ความอ่อนเพลียทำอะไรเขาไม่ได้จริงๆ นั่งพักแป๊บเดียวก็ฟื้นคืนพลังได้อย่างง่ายดาย นั่นแหละพี่มะเดี่ยวแห่งทีมดิสทินีย์สเต็ป...

เกือบเที่ยงคืนเราทั้งหมดก็แยกย้าย ก่อนจะกลับกันก็มีการประชุมทีม ผมที่เป็นคนนอกก็ได้ฟังร่วมกับพวกเขาด้วยเหมือนกัน พี่มะเดี่ยวนั่งอยู่ข้างกาย ในขณะที่คนอื่นนั่งพื้น โห...โคตรไม่มีความยุติธรรม เห่อๆ ไม่ใช่ไรหรอกครับ มันมีม้านั่งแค่ตัวเดียวไง แล้วพี่เขาก็อยากนั่งข้างผมเท่านั้นเอง เรื่องที่ประชุมกันมีเรื่องของการซ้อมในวันพรุ่งนี้ พวกเขาจะซ้อมเต้นเช้าหน่อยเพราะใกล้เวลาที่ต้องแข่งขัน แล้วก็ไม่ได้จะซ้อมที่นี่แต่จะไปที่สยามเพื่อพบปะทีมอื่นๆ บ้าง

ไม่เชิงไปข่มขวัญศัตรูหรอก ไปแบบ...ไปส่องๆ แล้วก็เต้นร่วมกับพวกเขานั่นแหละ ซึ่งคนเสนอเป็นพี่เรย์ พี่มะเดี่ยวเห็นด้วยที่จะทำแบบนั้น เมื่อนัดซ้อมแล้วก็ยังมีติติงเรื่องการทำสกิวต่างๆ บางคนยังทำได้ไม่ดี บางคนพลาดบ่อยแล้วพี่มะเดี่ยวไม่อยากให้มีการพลาดเกิดขึ้นเมื่อต้องขึ้นเวที ที่นี่นอกจากซ้อมหนักให้ท่าแน่นแล้วยังต้องคิดด้วยว่าถ้าเกิดพลาด...จะแก้สถานการณ์ยังไง

พี่มะเดี่ยวมีความเป็นผู้นำสูงมาก จากประสบการณ์การทำทีมมานาน ทำให้เขาชี้เป้าให้คนมีจุดอ่อนได้เห็นและหาวิธีแก้ ทุกคนตั้งใจฟังมาก ทั้งที่ปกติก็กวนประสาทกันไปกวนประสาทกันมา ดีเนอะ...เมื่อถึงเวลาต้องเอาจริง พวกเขาไม่กะโหลกกะลาเลย

ประชุมเสร็จเที่ยงคืนเศษ ได้เวลาแยกย้ายของจริง พี่มะเดี่ยวถึงจะเหนื่อยกับการซ้อมเต้นก็ยังคงอาสาปั่นจักรยานให้ ความรักเท้าตะกร้าหน้ารถเงยหน้ากินลมเหมือนอย่างเคย เราแวะซื้อของกินที่เซเว่น...ร้านกันตายของเราก่อนจะมุ่งหน้าสู่ห้อง

วันนี้ผมจะนอน!

“ถึงแล้วววววว” มาถึงห้องได้ผมตรงเข้าไปที่โซฟาเลย ทิ้งตัวเอนหลังนอนทันที พี่มะเดี่ยวถือของและอุ้มความรักตามเข้ามาในห้อง

“ห้ามนอน ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนเลย พี่ก็จะไปอาบน้ำก่อน...” พี่เขาเอาของทั้งหมดไปจัดเรียงในครัว

“คร้าบ ความรักมานี่ ไปอาบน้ำกัน” พอโดนเรียกก็ทำหน้ามึน ไม่สนใจ

“ไปอาบน้ำครับความรัก” แต่พี่มะเดี่ยวพูดคำเดียว มันเดินมาหาผมเลย...ดีเนอะ เชื่อฟังคนอื่นดี๊ดีอะ ลูกใครวะแม่ง

ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จัดการธุระส่วนตัวจนเรียบร้อยแล้วถึงมาเจอกันที่หน้าทีวี ผมนั่งอ่านชีตรออยู่ก่อนแล้ว ความรักนี่อาบน้ำเสร็จมันนอนตักผมหลับไปเลย ง่วงจัดมากอะ น่าสงสาร...ขอโทษที่ชีวิตช่วงนี้มันวุ่นวายนะเว้ยไอ้ความรัก

“ตอนพี่เรียนอะ พี่ไม่ตั้งใจขนาดเราเลยรู้ปะ...” พี่มะเดี่ยวล็อกห้องแล้วเดินมานั่งข้างกัน วางแขนพาดคอผมเอาไว้ด้วย

“ก็นั่นพี่อะ นี่ผม...”

“เออ หนอย...หมั่นเขี้ยวจริง” หมั่นเขี้ยวได้แต่อย่าฝังเขี้ยวนะเว้ยยยยย

“อดทนไว้พี่ กัดผมตายตอนนี้นี่งานระเนระนาดหมดเลยน้า” ก็เวอร์ไปงั้นแหละ

“จริงปะ ลองดูได้ไหมอะ อยากรู้ว่ามันจะระเนระนาดขนาดไหน” ไม่ว่าเปล่าแต่ดันแก้มผมให้หันไปเผชิญหน้าด้วย

“ง่า...ไม่เอา”

“นะ…ลองนะ” ยิ้มแบบนี้คือแกล้งแน่นอน หนอย คบกันแล้วก็ยังแกล้งกันดีจริงๆ

“ไม่!” ผมตอบกลับเสียงแข็ง หนักแน่นและมั่นคง แต่มันน่าจะกระตุ้นความหมั่นไส้ที่มีมากอยู่แล้วให้เดือดขึ้น พี่มะเดี่ยวแม่งเลยบดปากตัวเองลงมาที่ปากผมเสียอย่างนั้น

มือที่เคยดันแก้มเปลี่ยนเป็นประครองใบหน้าของผมเอาไว้แทน พี่มะเดี่ยวค่อยๆ ใช้ลิ้นเลาะตามริมฝีปากผมก่อนจะสอดเข้ามาด้านใน กลิ่นยาสีฟันอ่อนๆ เป็นสิ่งแรกที่ผมรู้สึก ตามด้วยความนุ่มยุ่นของลิ้น...มันต้อนและกวาดเอาลิ้นของผมไปนัวเนียนกับมัน ทั้งที่พื้นที่ด้านในนั้นมีน้อย แต่เพราะความมีน้อยเนี่ยแหละถึงได้ดิ้นหนีไปไหนไม่ได้ ผมค่อยๆ หาช่องทางให้ตัวเองหายใจหายคอ...บางครั้งจูบที่เร่าร้อนปนอบอุ่นของพี่เขามันก็ทำให้ผมหาลมหายใจตัวเองไม่เจอ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ...จูบสามารถสร้างอารมณ์พลุ่งพล่านให้เกิดขึ้นได้ ผมขย้ำเสื้อยืดใส่นอนตรงอกของพี่มะเดี่ยวไว้แน่นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตอนนี้สติสตางค์ชักจะเลือนราง สมองเป็นอัมพาตคิดอะไรไม่ออก กลายเป็นความรู้สึกล้วนๆ ที่นำทางผมไป...ทำให้ผมตอบสนองกลับด้วยปลายลิ้นและลูบไล้แผ่นอกเขาเบาๆ ร่างกายช่วงบนและร่างเราใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น มันไม่ได้กระโตกกระตากเพราะว่าความรักอาจจะตื่นได้ มันค่อยเป็นค่อยไปจนเราแทบไม่รู้ตัวเลยว่า..เราอาจจะยั้บยั้งสิ่งที่จะเกิดนี้ไม่ได้

“แฮ่ก...” พี่มะเดี่ยวละริมฝีปากออก ผมรีบโหยอากาศให้เต็มปอดทันที

“อยากต่ออะ” มันเป็นคำพูดบางเบาทว่าหนักหน่วงราวกับหมัดฮุก

“หลังสอบไง...”

“ไม่รอแล้วได้ปะ พี่จะทำเบาๆ...นะ” อย่าอ้อนในระยะประชิดแบบนี้สิ ภูมิต้านทานของผมไม่แข็งแรงเท่าไหร่

“อื้อ...” พี่มะเดี่ยวไม่รอให้ผมตอบ แกเคลื่อนเข้ามาสูดดมกลิ่นกายจากซอกคอของผม

โอ้...ชีตจ๋าข้าลาก่อน!

ขนในกายผมลุกซู่ขึ้นมาทันทีพร้อมกับความหวิวไหว ทั้งที่ความรักยังอยู่ตรงตัก...ผมไม่ควรทำอะไรก็ตามอันเป็นเหตุให้มันตื่นขึ้นมากลางดึก ผมนั่งตัวแข็งทื่อ ทั้งที่ใบหน้าเชิดขึ้นให้พี่มะเดี่ยวได้จูบเบาๆ ที่ผิวอ่อนบริเวณคออย่างง่ายดาย

“พี่...เดี๋ยวความรักตื่น” ผมกระซิบบอก

“งั้น...” พี่เขาทิ้งคำ ร่างใหญ่ละออกจากการกกกอด เจ้าตัวลุกขึ้น อุ้มความรักออกจากตักผมแผ่วเบาโดยที่ผมยังนั่งหน้าแดงอยู่ที่เดิม

พี่มะเดี่ยวเอาความรักวางไว้บนโซฟา มันขยับตัวนิดหน่อยแต่ไม่ตื่น สายตาแพรวพราวคู่นั้นหันกลับมาหาก่อนร่างผมจะลอยหวืดเพราะโดนอุ้มขึ้นมากะทันหัน ชีตงานมันหลุดจากมือผมไปตั้งแต่โดนจูบกระชากวิญญาณแล้วล่ะ พี่มะเดี่ยวพาเข้ามาในห้องที่เปิดไว้แค่แอร์ไม่ได้เปิดไฟ ร่างผมถูกวางเบาๆ พร้อมกับพี่เขาที่ทาบทับลงมา

“เอ...เจลอยู่ไหนน้า” มาถามอะไรผมล่า...โอ้ย ถามแบบนี้ก็เขินนะเนี่ย

“ลิ้นชักบนอะพี่” แต่กูรู้ไง ฮ่าๆ...โอ้ย ร้อนทั้งหน้าทั้งตัวแหละตอนนี้

ไม่อยากบอกเลยว่า...มันก็มีทั้งเจลและถุงยาง

พี่มะเดี่ยวเอื้อมไปเปิดลิ้นชักข้างเตียง ชั้นบนสุดเลยล่ะที่เก็บของแบบนั้นเอาไว้ เสียงกุกกักดังขึ้นเบาๆ แล้วพี่เขาก็กลับมาคร่อมทับผมเอาไว้อีกครั้ง ประตูไม่ได้ปิดเอาไว้เลยมีแสงไฟจากด้านนอกโพล่เข้ามา ที่ไม่ปิดก็เพราะความรักไงครับ...มันนอนอยู่ข้างนอก เกิดมันตื่นมันจะได้หาพวกเราเจอ คราวก่อนนู้นนนน มันคงมองผมกับพี่มะเดี่ยวเยิ้บๆ กันจนตาแฉะแล้วก็หนีออกไปตอนไหนสักตอน

“เหมือนเรากำลังแอบทำตอนลูกหลับเลยเนอะ...” พี่เขาว่าขำๆ พี่ไม่พูดผมก็ไม่มีทางคิดนะแบบนี้เนี่ย แต่ก็...ความรักมันลูกผมไง

อุปรกรณ์ถูกวางทิ้งเอาไว้ไม่ไกลมือ พี่มะเดี่ยวแทรกตัวเข้ามาที่กลางหว่างขาของผมพร้อมทั้งโน้มร่างเข้ามากอดผมเอาไว้ ริมฝีปากเราแนบกันนุ่มๆ ดูละมุนละไม แต่มันแค่แป๊บเดียวเท่านั้น...เมื่อมือไม้ของพี่มะเดี่ยวเริ่มเคลื่อนไหวไปมาใต้เสื้อนอนของผม เรียวลิ้นของพี่เขาก็ดูจะดุดันขึ้น ผมตามตอบสนองจนแทบลืมหายใจหายคอ ร่างใหญ่ทับอยู่ทำให้ได้ยินเสียงหัวใจของพี่เขาที่เต้นระรัว...ผมก็เหมือนกันแหละ มันตื่นเต้นนะ

“อื้อ...อะ แฮ่ก…แฮ่ก…” ลิ้นฉ่ำๆ ลากจากมุมปากของผมผ่านลำคอและเสื้อนอนที่ถูกถลกลงไปฉกยอดอกเล็กๆ…

กางเกงของผมถูกถีบออกไปจากตัวด้วยเท้าของพี่มะเดี่ยว แม้แต่ผมที่นอนหอบก็ยังเอื้อมมือไปดึงเสื้อใส่นอนของพี่เขาออกจากตัวเหมือนกัน เราค่อยๆ ผลัดกันถอดทั้งที่พี่เขาไม่ได้ละริมฝีปากออกจากตัวของผมเลย

ทั้งยอดอกลามลงไปยังท้องน้อย ผมเกร็งจนปวดเพราะมันค่อยๆ ลากไล้ลงไป เชื่องช้าและวาบหวิวมาก ยิ่งปรือตามองการกระทำของพี่เขาไปด้วย หัวใจก็ยิ่งกระหน่ำหนักๆ อยู่ในอก เหมือนเกิดฝนพายุอยู่ในนั้น เสียงน้ำสาดอื้ออึงจนเกิดเสียงหึ่งๆ เจือด้วยเสียงครางเบาๆ ของตัวเองในลำคอ

พี่มะเดี่ยวเล่นจูบผมไปทุกส่วน ช่วงท้องแกเล่นย้ำหนักจากซ้ายไปขวา และทุกครั้งมันจะต่ำลงไปเรื่อยๆ ใกล้เข้าส่วนนั้นเท่าไหร่...ผมก็เริ่มกลั้นหายใจรอลุ้นมากเท่านั้น แต่พี่เขาแทบไม่แตะต้อง เล่นเลยไปที่ขาอ่อนด้านใน กัดกับขบมันเล่นจนกล้ามเนื้อสั่นระริก...จะหดขาหนีความสยิวนั้นก็ไม่ได้ พี่มะเดี่ยวแกแรงเยอะมากนะ...ผมสู้แรงนั้นไม่ไหวจริงๆ

“อื้อ...อ๊ะ” แต่แล้วช่วงที่กำลังคิดว่าพี่เขาน่าจะหยุดแล้วขึ้นมาจูบ ส่วนนั้นของผมดันโดนความร้อนรุ่มโอบเข้าไป

ฮื่อออออ พี่อย่าทำแบบนี้ ผมกลั้นไม่ไหวเสร็จคาปากทำไงล่ะ...ผมมองพี่มะเดี่ยวด้วยดวงตาคลอน้ำ พี่เขายิ้มทั้งที่คาบส่วนนั้นของผมเอาไว้ ไม่พอ...ไอ้พี่แม่งชอบยั่วชอบแกล้ง เขารูดปากตัวเองออกเกือบหลุด ลิ้นสีสดแลบออกมาเลียเน้นๆ ที่ส่วนปลาย...กูตายยย

“อื้ออออ พี่อย่า...อึ้ก...มัน...แฮ่กๆ..เสียว” มันก็ทำให้เสียวไม่ใช่เหรอ คือมันเหมือนจะเสร็จอะ

“พี่…ไม่…อ๊ะ..ไม่เอาฮื่อ พอ” เริ่มดิ้นพล่านเข้าไปทุกวินาที แต่พี่มะเดี่ยวก็แกล้งผมไม่เลิกรา จากเอาลิ้นดุนเล่นกลายเป็นครอบปากลงมาอีก ทีนี้ไอ้ความเสียววาบมันก็ผลักดันไอ้ที่อดทนไว้ในตอนแรกให้แตกกระเจิง...

“อ๊ะ….อื้อ….” คาปากเลยเป็นไงล่ะ ฮื่อ พี่แกล้งผมก่อนนะ ผมไม่ผิด

“ไวไปน้า...” ก็ใครให้พี่เก่ง ผมไม่กล้าตอบหรอก พยายามจะเบี่ยงหน้าหลบด้วย สายตาเขาหยอกล้อผมโดยที่พี่มะเดี่ยวไม่ต้องพูดอะไรเลยอะสิ

แกล้งผมหนำใจแล้วก็ได้เวลาพี่เขาเอาจริง น้ำที่ผมได้ปล่อยเอาไว้ถูกคายใส่ช่องทางตามด้วยเจลจากหลอด พี่มะเดี่ยวค่อยๆ ทำให้ผมพร้อมสำหรับการสอดใส่...ทำไมต้องเขินก็ไม่รู้แหละ แต่ผมไม่กล้ามองภาพนั้นเลย ช่วงแรกมันก็อึดอัดไปหมด...กว่าจะเข้าที่เข้าทางก็ใช้เวลาไปครู่ใหญ่

ถุงยางถูกแกะออกมาใช้ทั้งที่ก่อนหน้านี้พี่เขาไม่ได้ใส่มัน...พี่มะเดี่ยวโน้มลงมากอดผมเอาพร้อมอบจูบหนักหน่วงขณะสอดใส่เข้ามา ผมอึดอัด...และแน่นตึงที่ส่วนนั้นยากที่มันชำแรกเข้ามาเชื่องช้า ลมหายใจของเราสะดุดเป็นห้วงๆ และในบางครั้งมันก็หอบกระเส่า...

บีทเพลงในฟลออาจเริ่มด้วยความหนักหน่วงและรวดเร็ว ทว่าบีทเพลงของเรายามอยู่บนเตียงมันเริ่มจากนุ่มนวลอ่อนหวานคล้ายเพลงรัก ก่อนที่จังหวะและท่วงทำนองจะเร่งเร้าและรุ่มร้อนขึ้นในแต่ละวินาทีที่ผ่านพ้นไป ไม่มีเนื้อร้อง...มีแต่เสียงต่างๆ ประกอบกันเป็นถ้อยคำ สัมผัสอ่อนหวานที่หนักแน่นเปรียบได้กับคำบอกรักย้ำลงในความรู้สึก พี่มะเดี่ยวบดขยี้ผมที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยความถนอมอันร้อนรุ่ม...และผมก็เผาไหม้ตัวเองหลอมรวมกับพี่เขา


….100%….
หายไปหลายวันเลย เค้าไม่ได้หนีเที่ยวนะ แต่เค้าหลับแต่หัววันเลย อาจเพราะงานเยอะละมั้ง ส่วนเมื่อวานนี้หนักกว่าง่วงหลับคือ…มะวานเค้าเมาล่ะ แง่มๆ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
เลือดหมดตัวแล้วว

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด