10th Monday #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ : 70% 22.10 น.
ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า
เมื่อเช้าหลังจากอาบน้ำอาบท่าไปทานข้าวแล้ว กิจกรรมต่อมาคือ Team Building ที่ทีม HR คิดกันมาอย่างดีแล้ว ซึ่งผมก็เห็นความสำคัญของกิจกรรมนี้นะ แต่ผมขี้เกียจอะ ปวดหัวด้วย คงเพราะเมื่อคืนดื่มเยอะไปหน่อยเลยไม่อยากทำอะไรนอกจากนอนอย่างเดียวเลย ก็เลยโดดยาวกินข้าวกินปลาแล้วก็ลุกขึ้นมาใช้ชีวิตตอนนี้แหละครับ
ตอนนี้ผมและสมาชิก
วันนี้ที่รอคอย เกือบทุกคนนั่งกันอยู่ที่ห้องของพี่ปกป้องครับ ถ้าให้ไล่ชื่อก็มีพี่ป้อง ผม ซุกซน คุณกฤติ คุณโน้ต คุณกุ๊กกิ๊กที่ตอนแรกจะไม่มาแต่เจ้าตัวบอกรำคาญรูมเมทชื่อน้ำปลาน้ำหวานอะไรสักอย่างที่คอลคุยกับแฟนเลยมาตี้ด้วย
วันนี้ผู้หญิงมีคนเดียวครับ เพราะชมพูทวีปทีมกับคุณใหม่แปซิฟิกที่ติดละคร วันนี้ละครเรื่องสนุกมาเลยไม่ยอมมาตี้กับพวกผม เขาบอกว่าไก่ในเรื่องยังหล่อกว่าซุกซนเลย ซึ่งเรื่องนี้ผมไม่เถียงครับ ส่วนสมาชิกอีกคนของตี้อย่างคุณเมฆนั้นเหมือนที่ไซต์งานลูกค้ามีปัญหา โปรเจคฯ คนเก่งเลยคุยโทรศัพท์กับลูกค้าที่ระเบียงมาสักพักแล้วครับ ท่าทางเครียดอยู่ เป็นโปรเจคฯ นี่ลำบากจริงๆ เลย
และเพราะวันนี้คนมันโล่ง ซุกซนเลยไปลากผู้ชายต่างแผนกอีกคนหนึ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ที่ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ผมยกมือไหว้ตอนที่เขาเดินยิ้มเข้ามาในห้อง หน้าเขาทำให้ผมนึกถึงพระเลยครับ คือดูใจดีมีเมตตาแล้วก็ยิ้มแล้วตาขีดๆ
“พี่คงรู้จักหมดทุกคนแล้วยกเว้นไอ้อ๊องนี่” ซุกซนชี้มือมาที่ผม ซึ่งแน่นอนว่าผมขมวดคิ้ว ยังไม่ได้ทันได้พูดอะไร “แทนใจ แผนกผมเอง”
“อ๋อ น้องแทนใจนี่เอง ได้ยินชื่อเราบ่อยเลย น่ารักนะเนี่ยเราน่ะ” คุณคนใหม่ยิ้มตาปิดให้ผม ผมเลยส่งยิ้มกลับไปบ้าง ทั้งที่ยังไม่แน่ใจว่าผู้ชายคนนี้แม่งเป็นใครบนโลก แล้วได้ยินชื่อผมได้ยังไง ได้ยินบ่อยแค่ไหน น่ากลัวมาก
“พี่ชื่อเบิร์ดนะ เป็น--”
“เชี่ยเบิร์ด”
ถึงผมจะไม่เคยเห็น แต่เหมือนคุณเมฆจะรู้จักเขาแฮะ
“ไงครับเพื่อนเมฆที่รัก ถีบกูออกจากห้องไปมึงรู้บ้างมั้ยว่าชีวิตกูลำบากแค่ไหน ต้องไปขอนอนกับไอ้พวกช่างไฟ พวกพี่เปี๊ยกอะ แล้วพวกพี่แม่งนั่งเล่นไพ่กันทั้งคืน กูหมดไปกี่หมื่นมึงรู้บ้างมั้ย!”
“เรื่องของมึง”
“ไอัเหี้ยเมฆ นั่นก็ห้องกูครึ่งนึงนะ”
“มึงก็มีที่นอนแล้วไง”
“ใส่ใจกันบ้างได้มั้ย กูเพื่อนมึงนะ เจ็บปวดว่ะ เพื่อนแม่งเห็นกระต่ายดีกว่ากู”
คุณเมฆเมินคุณเบิร์ดตาขีดแล้วมานั่งข้างคุณกุ๊กกิ๊กที่นั่งอยู่ข้างซุกซนครับ ส่วนอีกข้างของผมคือพี่ป้องที่นั่งกดมือถืออยู่เงียบๆ ครับ ตอนแรกวันนี้ก็จะล้อมวงกินเบียร์กันนี่แหละครับ ไปๆ มาๆ คนสมองบรรเจิดอย่างซุกซนใจทรามก็เลยคิดกิจกรรมใหม่ที่สร้างสรรค์สุดๆ นั่นคือการเล่าเรื่องผีครับ
“อันนี้เป็นเรื่องตอนที่ผมอยู่ปีหนึ่ง ตอนนั้นผมอยู่หอในกับเมทอีกคน คนละคณะกัน แล้วหอในที่ผมอยู่มันจะมี 8 ตึก หันหน้าเข้าหาสระบัวตรงกลาง ห้องผมอยู่ฝั่งที่หันหน้าเข้าสระบัวพอดี ซึ่งปกติมันจะร้อนมากเวลากลางวัน ไม่ค่อยมีใครเปิดม่านเพราะแดดมันส่องเต็มๆ แต่ผมกับเมทชอบแอบทำสุกี้กินกันตอนเย็น เลยมักจะเปิดม่านระบายอากาศก่อนที่กลิ่นมันจะหอมจนโดนยามจับได้”
ซุกซนพูดเรื่องของกินด้วยเสียงต่ำอย่างจริงจัง อยากจะแซวก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เวลา ผมโคตรจะไม่ชิน ปกติจะเจอแต่ซุกซนเวอร์ชั่นใจทรามครับ ไม่รู้ทำไมบรรยากาศห้องมันดูเย็นลงแปลกๆ ผมขยับอย่างไม่ค่อยสบายตัวนัก
“วันนั้นเป็นบ่ายวันที่อาจารย์ยกคลาส ผมเลยไปนั่งขลุกอยู่ห้องเพื่อนอีกคน หอในเหมือนกัน ตึกที่มันอยู่จะอยู่ตรงข้ามกับหอผม ตอนนั้นผมออกไปยืนที่ระเบียง มองไปฝั่งตรงข้ามแบบไม่คิดอะไร ก็เห็นห้องนึงมีประตูกระจกเปิดแล้วก็ปิด เหมือนมีคนเปิดปิดจากข้างใน พอมานับๆดู เออ นั่นห้องผมนี่หว่า เพราะชั้นเดียวกัน แถมเป็นห้องที่เปิดม่านอีก ห้องเดียวจากทั้งตึกอะที่เปิดม่าน”
รู้สึกเย็นตรงหลังคอจริงๆ นะเนี่ย ผมไม่ถูกโฉลกกับเรื่องผีเลยจริงๆ แต่เคารพเสียงส่วนใหญ่ครับ เพราะนี่เป็นประเทศประชาธิปไตย
“ในใจคิดละว่ากลับไปจะไปแซวเมทแน่นอนว่ามันคงเมาค้างเลยไปเปิดปิดประตูเล่น พอกลับเข้าไปในห้องสักพักอะ ไม่ถึงชั่วโมงเมทผมแม่งโทรมาบอกว่าวันนี้ไม่กลับไปนอนห้องนะ ตอนนี้อยู่กับเพื่อน ติวแคลฯกันตั้งแต่เช้าไม่ได้กลับห้องเลยแล้วจะติวต่ออีก”
“...”
“แล้วคนที่เปิดปิดประตูกระจกในห้องผมตอนนั้น… คือใคร?” ผมขนขึ้นมาลุกทันที เรื่องพวกนี้เคยอ่านเป็นการ์ตูนมาก็เยอะ แต่พอมารับรู้จากปากคนใกล้ตัวแล้วมันน่ากลัวอะ น่ากลัวมากๆ โอ๊ย แค่คิดก็แย่แล้วอะ
“ผมขอกลับห้องแล้วได้มั้ย” ผมเอ่ยขอขึ้นมาเสียงแผ่ว ไม่อยากอยู่แล้วง่ะ ไม่อยากทนแล้ว
“ยังเล่าไม่ครบเลยอ๊อง มึงจะรีบไปไหน”
ผมสะดุ้งเมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรมจิ้มหลังอีกแล้ว ยังไม่ทันจะหันไปก็สะดุ้งอีกครั้งเพราะรู้สึกเหมือนมีคนจับขา ซึ่งคนนั้นคือซุกซน!!! ไอ้บ้าซุกซน คนใจทราม อย่ามาดึงขาดิ ปล่อยนะเว้ย เพื่อนนิสัยแย่ ไม่คบแล้ว ผมจะขอให้วันจันทร์ซุกซนเจอลูกค้าส่งเมลมา 5 นาที 20 เมลเลย คอยดู!!
“ซุกซน มึงอะทำน้องแทนใจกูกลัวหมด ดูสิ สั่นเป็นกระต่ายใกล้บ้าเลย”
พี่กิ๊กที่นั่งอีกฝั่งเอาตัวดันๆ ไอ้ซุกซนที่นั่งข้างๆ ผมออกแล้วกอดผมเอาไว้แทน ผมเล่าหรือยังว่าพี่กุ๊กกิ๊กแกเอ็นดูผมมากๆ เขาบอกอยากมีน้องชายแบบผม เคยถามว่าถ้าพี่สาวผมอยากได้น้องชายใหม่ให้บอก พี่เขาพร้อมเอาน้องชายเขามาแลกกับผม ซึ่งเอาจริง ผมว่าบางทีพี่กุ๊กกิ๊กเขาควรจะปล่อยวาง แต่งงาน และมีลูกน่ารักแทนตามหาน้องชายใหม่ดีกว่า
“เอาจริงๆ พี่ก็เคยได้ยินเรื่องประมาณนี้มาเหมือนกันนะ มอเราหอในเรื่องผีงี้เยอะพอๆ กับจำนวนนักศึกษา ไหนจะหอในอีก แถมแต่ละเรื่องนี่ โหดๆ ทั้งนั้น”
คุณกิ๊กพูดต่อ ตอนนี้พี่แกปล่อยผมแล้วครับเพราะคุณเมฆยื่นแก้วเบียร์ไปให้ คุณพี่ผู้หญิงขาสั้นเลยไปสนใจเบียร์แทนผม แล้วก็เล่าเรื่องผีต่อเองโดยไม่ต้องรอให้มีใครบอก เหมือนวงนี้ใครเคยเจออะไรหรือได้ยินอะไรมาก็เล่าอะครับ
“ไหนๆ ซุกซนก็เล่าเรื่องผีที่มหาลัยแล้ว กิ๊กเอาบ้างละกัน”
ผมเริ่มขยับหนีคุณกิ๊กที่กำลังจะพูดเรื่องน่ากลัว ตอนนี้ผมไปแปะอยู่กับพี่ป้องแล้วครับ ซึ่งพี่ปกป้องนิ่งมาก เหมือนไม่กลัวเลย โคตรเท่อะพี่ผมเอง
ถามว่าทำไมถึงได้ตั้งใจกันขนาดนี้? คนชนะจากโหวตจะได้บัตรทานกาแฟ 1,000 ของร้านกาแฟดังตรานางเงือกเขียวครับ ความจริงมันเป็นรางวัล lucky draw ที่คุณกฤติได้จากปาร์ตี้เมื่อวานครับ (เขามีจับรางวัลกัน ตอนที่ผมกับพี่ปกป้องคุยกันแบบไม่สนโลกนั่นแหละ ไม่ได้รางวัลอะไรเลยด้วย ไม่เป็นไรครับ ขอโบนัสสิ้นปีก็พอ) แต่คุณกฤติเขาไม่เอาครับ นี่แหละหัวหน้าผม โคตรใจดี หล่อด้วย
หือ?
ผมหันไปเมื่อรู้สึกเหมือนว่าเมื่อกี้มีใครมาสะกิดหลังผม แต่มันก็ไม่มีอะไร ผมว่าผมเริ่มประสาทเสียเพราะเรื่องผีของซุกซนนั่นแหละ คอยดูนะ ผมจะกินเยลลี่มันให้หมดเลย ถ้าหมดแล้วผมจะไปเหมาจากเซเว่นมากินโชว์มันด้วย จะกัดหัวโดยไม่แบ่งมันสักตัวเลยด้วย คอยดู
“อันนี้เป็นเรื่องของเพื่อนสนิทกิ๊กที่อยู่สินสาดนะ มันเรียนที่วิทยาเขตท่าพระจันทร์”
ตอนนี้ผมขยับไปหาพี่ปกป้องใกล้กว่าเดิมแล้วครับ ไม่อยากฟังอะไรที่โลเคชั่นใกล้ตัวเลยจริงๆ ตึกสินสาดที่ท่าพระจันทร์นี่ผมเคยไปเรียนบ่อยอยู่ … อ่อ แต่ผมเรียนจบแล้วนี่หว่า ก็คงไม่ได้เจอแล้วละมั้ง ขอบคุณโลกใบนี้ที่เรียนจบมาอย่างปลอดภัยไร้เรื่องน่ากลัว
“มีวันนึงมันก็ขึ้นไปเรียนตามปกตินี่แหละ ขึ้นลิฟต์จะไปเรียนที่ชั้น 7 ตอนที่กำลังขึ้นอยู่ดีๆ ลิฟต์ก็หยุดที่ชั้น 3 แล้วก็เปิดออก มันเหมือนมีแผ่นไม้อัดปิดอยู่ข้างหน้า มืดไปหมดมองไม่เห็นอะไรเลย แม้แต่แสงสักนิดก็ไม่มี เพื่อนพยายามปิดลิฟต์แต่ประตูไม่ยอมปิด กดปุ่มอะไรก็ไม่ไป ปุ่มฉุกเฉินใช้ไม่ได้ เรียกให้คนช่วยก็ไม่มีเสียงอะไรกลับมา ไม่มีอะไรเลย”
ทั้งห้องเงียบลงเหลือเพียงแค่เสียงหายใจ ผมเองก็เผลอลุ้นไปด้วย
“จนผ่านไปสักพักลิฟต์ก็เลื่อนขึ้นไปชั้น 7 เหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอมาวันรุ่งขึ้นมันกลับไปดูตรงชั้น 3 ที่ลิฟต์หยุดเพราะสงสัยว่าตรงนั้นมันคืออะไร… สรุปตรงนั้นคือห้องพักครู ซึ่งเป็นกำแพงปิดทึบ ไม่มีที่ให้กด ไม่มีทางที่ลิฟต์จะจอดได้อยู่แล้ว”
ผมเผลอกลั้นหายใจ แล้วผมยังรู้สึกเหมือนใครมาแกล้งจิ้มหลังอยู่เลยครับ อาจจะเป็นอะไรของใครมาโดนหลังผม โอ๊ย ไม่กล้าหันไปดูอะช่างมันละกัน
“สุดท้าย ก็ไม่รู้ว่าลิฟต์เปิดได้ยังไง เปิดทำไม แล้วใครเป็นคนกดลิฟต์ให้เปิด” ผมนี่หน้าซีดเป็นไก่ต้มไหว้ตรุษจีนแบบจืดๆ เหมือนลืมใส่น้ำปลากับก้อนคนอร์ซุปไก่แล้วครับ ตอนที่ต้องเรียนท่าพระจันทร์ผมก็เคยขึ้นลิฟต์ตึกนั้นนะ แถมตำนานยังเยอะอีก ฮือ
“บอกไม่ให้แกล้งๆ พี่นี่ตัวดี ดูสิเพื่อนผมกลัวฉี่จะราดแล้ว”
ซุกซนมันแกล้งโวยวายแล้วชี้มือมาทางผม ตอนนี้ไม่มีแรงเถียงครับ ภาพมันมาเป็นฉากๆเลย กลัวอะ ไม่เอาแล้วไม่อยากฟังแล้ว ถึงในหัวผมจะมีแค่ภาพของตัวลิฟต์กับเสียงเจี๊ยวจ๊าวของพวกเพื่อนๆ ที่ขนโขยงกันไปเรียนก็ตาม แต่ก็กลัวอะ ตอนนี้ลาเต้ร้อนยังกลัวเลย
“มันอาจจะเป็นไฟฟ้าขัดข้องหรือเปล่า? ดูอย่างลิฟต์ตึกบริษัทดิ สามวันดีสี่วันพัง”
เสียงคุณเมฆพูดขัดขึ้นมาครับ ท่าทางพี่แกไม่อะไรกับเรื่องนี้ตั้งแต่แรก โคตรเท่เลยไม่กลัวด้วย เก่งมากอะ ผมยอมเลย
“กิ๊กก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็เพื่อนมันเจอมางี้” คุณกิ๊กยกเบียร์ขึ้นดื่ม แล้วก็หันมาบีบแก้มผม บีบทำไมอะ! หน้าผมยู่ยี่เลยเนี่ย
“หายเหนื่อยละ ขอบคุณมากนะแทนใจของเจ๊”
อะไรของเขาวะ ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริงๆ
“คุณกฤติเคยเจออะไรบ้างมั้ยครับ?”
เสียงของคุณโน้ตมาเลเซียที่นั่งเงียบมานานเพราะน่าจะมัวหารูปมาสวัสดีวันพระอยู่พูดขึ้น ฝั่งของหัวหน้าผมเลิกคิ้ว ก่อนจะยักไหล่คล้ายบอกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ
“ก็เคยมีครั้งนึงงานมีปัญหาเลยต้องเคลียร์อยู่ห้องทำงาน มันดึกมากเลยนอนออฟฟิศ ตอนจะนอนรู้สึกเหมือนมีคนพูดอะไรพึมพำฟังไม่รู้เรื่อง ตอนนั้นง่วงมากมีประชุมเช้าด้วยเลยบ่นๆ นิดหน่อย พอเสียงเงียบไปผมเลยหลับได้หน่อย วุ่นวายคนจะนอน”
หัวหน้าผม หัวหน้าแผนกที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี หัวหน้าที่หล่อที่สุดในโลกใบนี้
“แล้วเขายอมไปเหรอพี่?” พี่ปกป้องเป็นคนถามครับ หน้าตาดูตั้งใจมาก ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าพี่ป้องเองก็ชอบเรื่องผีเหมือนกันพี่เขาไม่เคยบอกผมเลยแฮะ
“ก็คอมเพลนฯไปน่ะ เหมือนเวลาที่ผมคอมเมนต์งานพวกคุณที่ทำมาห่วยๆ นั่นแหละ”
“...”
“คอมเพลนฯยังไงครับ?”
พี่ปกป้องถามต่อ หน้าตาเขาตั้งใจฟังจริงๆ นะครับ
“ก็ถามไปว่าทำไมถึงไม่ทำตาม process จะพูดอะไรก็ส่งเป็น email มา นี่มันนอกเวลางานแล้ว ใครจะมาฟัง แล้วก็บ่นเรื่องคุณภาพเสียงนิดหน่อยน่ะครับ เพราะถ้าใครในแผนกพูดรายงานกับผมแบบนี้ ผมเอาตายแน่”
แค่พูดก็ไล่ผีได้ คุณกฤตินี่สุดยอดเลยครับ หัวหน้าผมเองครับทุกคน คิดไม่ผิดเลยที่ได้มาทำงานกับคุณกฤติเนี่ย
“คุณเมาหรือเปล่า แล้วเห็นภาพหลอนน่ะ” คุณเมฆพูดขึ้นบ้าง ท่าทางไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่คุณกฤติพูดเท่าไหร่ อีกคนถอนหายใจเหมือนรำคาญ
“ผมไม่ใช่คุณนะที่จะกินเหล้าทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ แถมยังหลอกทำอะไรคนอื่นตอนไม่มีสติอีกน่ะ”
ผมมองไปมองมาระหว่างทั้งสองคนงงๆ ทำไมคุณกฤติกับคุณเมฆถึงได้ชอบทะเลาะกันจังเลยเนี่ย ผมเลือกข้างไม่ได้นะ ขออยู่ข้างน้องกายละกัน
“ตามึงแล้วไอ้อ๊อง”
“เฮ้ย เราไม่มีนะ”
ผมสะดุ้งเมื่อหวยมาออกตรงนี้พอดี แล้วรีบโบกมือปัดให้ไปทางอื่น ซึ่งตอนแรกซุกซนเหมือนจะไม่ยอม จะให้ผมเล่าให้ได้ ก็คนมันไม่เคยเจอผีอะ ไม่อยากเจอด้วย จะให้เอาอะไรมาเล่า ถ้าจะให้เล่าก็จะเล่าเรื่องของผีเยลลี่ที่คอยกวนประสาทตลอดการทำงานจันทร์ถึงศุกร์ชื่อซุกซนน่ะ
“น้องแทนใจไม่มีเหรอ?”
ผมส่ายหน้าแรงมากจนหน้าม้ากระเด็นกระดอน
“งั้นเดี๋ยวพี่เบิร์ดขอต่อละกันนะครับ ยังไงถ้าน้องแทนใจชอบใจกดโหวตให้พี่ด้วยนะครับ หรือถ้าไม่โหวตให้พี่ก็ให้ไลน์พี่มาละกันนะคนดี---“
ปั่ก!!!
คุณเบิร์ดร้องโอดโอยเพราะเมื่อกี้คุณเมฆตบหัวเขาแรงมากครับ คิดว่าน่าจะเบลอได้เลย เหมือนหมีจริงๆ แฮะ แรงเย้อเยอะ
“โอ๊ย!!! อย่าทำเบิร์ด” ผมหัวเราะเมื่อคุณเบิร์ดแกล้งดัดเสียงสอง ตลกอะ ทั้งคุณเมฆคุณเบิร์ดเลย
“ถ้ามึงไม่พูดภายในสองวิ กูจะถีบหน้ามึงแล้วนะ”
“อะล้อเล่งงงงง”
“ล้อเล่งที่หน้า ลิ้นไก่ขาดเหรอไอ้สัด ถ้าไม่เล่าตอนนี้มึงก็ไปเล่าในนรก” หน้าคุณเมฆเครียดมากครับ ขมวดคิ้วใหญ่เลย ผมเข้าใจนะ เพราะตอนนี้ผมก็กลัวผีเหมือนกัน
“โอ๊ะๆ ใจเย็นๆ น้า เล่าแล้วๆ”
บรรยากาศเปลี่ยนเมื่อคุณเบิร์ดเริ่มเปลี่ยนเป็นโหมดจริงจัง แล้วเข้าร่วมการแข่งขันเล่าเรื่องหลอนไปพร้อมกับดื่มเบียร์ครับ ผมเองก็อยากจะเอาเบียร์มาเทดื่มเหมือนคนอื่นเขานะ แต่ประสบการณ์เมาครั้งล่าสุดนี่ยังทำให้อายไม่หาย ของดเหล้าสักพักละกัน
“ตอนที่ผมเข้ามาเคลียร์งานที่ออฟฟิศวันอาทิตย์ช่วงสี่ทุ่มกว่า ผมรีบเข้ามาเอาเอกสารที่จะต้องไปใช้ประชุมกับลูกค้าวันจันทร์ ตอนนั่งทำงานอยู่ก็เหลือบไปเห็นเหมือนเงาคนผ่านหางตาไป แต่มันมืดมากไม่แน่ใจ เลยถ่ายรูปไปให้เพื่อนดู ตอนนั้นตั้งใจจะถ่ายรูปแค่ภาพในออฟฟิศอธิบายเพิ่มเฉยๆ”
“เพื่อนแม่งเสือกเอาไปให้พี่สาวมันที่ค่อนข้างมีเซนส์ดู เขาบอกว่ามึงรีบออกมาเลย รูปที่มึงถ่ายมาน่ะเขาอยู่ตรงนั้น ไม่ได้มาดี เขาไม่อยากให้ใครไปยุ่ง”
“...”
“แล้วตอนที่อ่านจบ ก็ได้ยินเสียงผู้ชายหัวเราะดังมาก… ก็เลยคิดว่าแฟนน่าจะรอแล้ว กลับบ้านเถอะ ลูกค้าก็ลูกค้า ช่างแม่งเว้ย กูต้องเอาชีวิตตัวเองก่อนครับจุดนี้”
คุณเบิร์ดเอาโทรศัพท์ออกมาให้ดูแชทกับเพื่อน ที่เป็นแบบนั้นจริงๆ แถมด้วยรูปประกอบ … เฮ้ย ผมว่าสถานที่แบบนี้มันคล้ายมากอะ
“ตรงนี้คล้ายบริษัทเราเลยเนอะ” ผมหันไปพูดกับซุกซน ที่มองหน้าผมนิ่งๆ ทุกคนเงียบ ผมงงไม่รู้เงียบอะไรแต่ผมก็เงียบนะ กลัวอะ บริษัทไหนอะ ดีนะที่นี่ไม่มีแบบนี้ ไม่งั้นผมไม่กล้านั่งทำงานแน่นอน
“ก็… เอ่อ,... คล้ายๆ ครับบริษัทเรานั่นแหละครับน้องแทนใจ”
“แล้วคุณเบิร์ดก็เลยเปลี่ยนงานใช่มั้ย?”
“ก็เลยไปอยู่ไซต์น่ะครับ”
ผมเข้าใจนะครับ ถ้าเป็นผมนี่ผมก็กลัว ฮือ บ้าไปแล้ว
“แทนใจ มึงไม่รู้เหรอว่า อันนั้นมัน---"
“หือ? รู้อะไรอะ?”
ผมหันไปเห็นคุณกิ๊กปากล่องกระดาษทิชชูใส่หน้าหลานรหัสตัวเอง ทำให้ไม่ได้พูดต่อ รู้อะไรเล่า มีอะไรที่ผมยังไม่รู้อะ
“เปล่าๆๆๆๆ ซุกซนมันจะบอกว่าเมนส์มาอะ มันจะไปเปลี่ยนผ้าอนามัย ไปสิมึง เร็ว!”
“พี่ ผมเป็นผู้ชายนะเว้ย”
“รีบหุบปากก่อนเลือดหัวมึงจะออก”
อะไรกันอะ? งง??
ผมมองซ้ายทีขวาทีที่ทั้งวงนั่งเงียบ แล้วซุกซนก็เดินหยิบทิชชูไปวางแล้วลุกไปครับ แต่ไม่ได้ไปเข้าห้องน้ำนะมันหยิบเยลลี่มานั่งกิน งงอะ เพื่อนผมจะเป็นผู้หญิงได้ไง มันคือยอดชายนายซุกซนเลยนะครับ หรืออาจจะเคยเป็นผู้หญิงมาก่อน ไม่เป็นไรผมเข้าใจถ้าเพื่อนผมจะเป็นผู้ชายยุค 4.0
“น้องแทนใจครับ ถ้ากลัวสามารถมาซุกอกพี่ได้ตลอด 24 ชั่วโมงนะครับ”
“มาซุกตีนกูนี่”
ผมขำเมื่อคุณเบิร์ดกับคุณเมฆล้อเล่นกันอีกแล้ว ตลกจัง แต่ก็ดี บรรยากาศน่ากลัวงงๆ เมื่อกี้หายไปหน่อยครับ แบบนี้ผมค่อยผ่อนคลายขึ้นมานิดนึง
“งั้นต่อไปเป็นตาพี่โน้ตนะ”
ซุกซนพูดเปลี่ยนเรื่องขึ้นมา ต่อมาคือคุณโน้ตที่เล่าเรื่องผีที่ทำงานเหมือนกัน น่ากลัวมาก แบบว่าอยู่เคลียร์งานดึกๆ แล้วได้ยินเสียงคนหัวเราะข้างหู โคตรโหด พอเจอเสร็จพี่แกเลยพูดดังๆ ว่า กลับแล้วครับ แล้วก็ออกมาเลย โหดจริงๆ ผมคิดว่าน่าจะเป็นที่ทำงานเก่าครับ
ต่อจากคุณโน้ตก็เป็นคุณเมฆที่เล่าเรื่องได้ยินเสียงคนโทรเข้าที่โต๊ะตอนเข้าไปทำงานอยู่ออฟฟิศคนเดียวในวันหยุดยาวครับ ตอนแรกเขาคิดว่าคนอื่นโทรเข้ามาแกล้ง แต่มันต้องกดรหัสภายใน 5 ตัวเพื่อต่อไปที่โต๊ะนั้นๆ ครับ จนตอนนี้ยังไม่รู้ว่าทำไมมีสายโทรไปที่โต๊ะได้ แล้วจากหมายเลขที่โชว์บนหน้าจอโทรศัพท์ คือหมายเลขจากโต๊ะที่ไม่มีใครนั่งครับ โหดมาก น่าจะที่ทำงานเก่าแหละครับ ทุกที่ก็ต้องกดรหัสห้าตัวหมดแหละครับ
“น่ากลัวง่ะ ดีนะที่พี่ออกจากที่นั่นมาแล้ว”
ผมพูดหลังจากฟังจบครับ ฮือ รู้สึกเย็นๆ ต้นคอแบบต้องเอามือไปลูบๆ อะครับ เหมือนบรรยากาศจะเงียบไปนิดหน่อยตอนนี้ ผมหันซ้ายหันขวางงๆ เงียบทำไมอะ ออกจากที่นั่นมาแล้วนี่หว่า ไม่น่ามีอะไรน่ากลัวแล้วนะ กลัวจนอยากจะร้องไห้แต่ไม่ร้องหรอก ผมต้องมีชีวิตที่เข้มแข็งกลับไปหาน้องกายให้ได้
“...”
เงียบแล้วมองหน้ากันทำไม ผมพูดอะไรผิดไปอีกอะ เนี่ยนะที่เขาบอกว่าเพื่อนที่ทำงานจะน่ากลัวกว่าเพื่อนมหาลัยแล้วเพื่อนมหาลัยจะน่ากลัวกว่าเพื่อนมัธยมแล้วเพื่อนมัธยมก็จะไม่ดีเหมือนน้องแทนกาย ผมเชื่อวลีนี้แล้วครับ
“คนต่อไปๆๆ” ซุกซนเป็นคนเปลี่ยนเรื่องครับ มันยัดเยลลี่ทั้งถุงเข้าปาก แล้วชี้มือมาทางผม งานเข้าแล้วไง
“งั้นต่อไปมึงละกันไอ้อ๊อง”
“ได้ไงอะ! เราบอกไปแล้วไงว่าเราไม่มีอะไรจะเล่า!”
ผมสะดุ้งเมื่อหวยมาตกตรงนี้พอดี ตามด้วยการสั่นหัวปฏิเสธแรงแบบผมหน้าม้าถ้าจะหล่นมาทั้งแผงก็ไม่แปลกใจแล้วตอนนี้ อะไรทำไม ไม่มีเรื่องเล่า!!! ไม่เคยเจอผี!!! ไม่อยากเจอด้วย!!! ผมกะผีนี่ไม่ถูกกันจริงๆ อะ ไม่มีเรื่องเล่าด้วย ให้สู้ด้วยก็สู้ไม่ไหว ขอยอมแพ้เลยดีกว่า ตายเลยได้มั้ย เฮ้ยตายตอนนี้ไม่ได้ เงินเดือนยังไม่ออก เดี๋ยวรอเงินเดือนออกก่อนแล้วค่อยคิดใหม่ว่าจะแกล้งตายท่าไหนดี
“มึงอย่ามาลีลา เล่าเร็ว หามาสักเรื่อง! ผีทะเล ผีผ้าห่ม! ผีแดงก็ได้ถึงกูจะเป็นเด็กหงส์ก็เถอะ ผีอะไรก็ได้เอามาสักเรื่อง!!”
“ไม่มี!”
“ต้องมี!”
“’งั้นเราขอใช้สิทธิ์กลับห้องก่อนเลยได้มั้ย”
“กลับไปแล้วก็อยู่คนเดียวนะ”
“งั้นไม่กลับแล้วก็ได้”
“ถ้าจะอยู่ก็ต้องเล่าเว้ย!”
“คุณเมฆ ช่วยด้วย ซุกซนแกล้งผมมมม”
ผมหันไปกระตุกเสื้อคนเข้างๆ แทนเมื่อเห็นท่าว่าจะแพ้แน่ๆ แล้ว ฟ้องมันเลย ฟ้องเว้ย ซึ่งคุณเมฆคนใจดีตอนนี้เอามือลูบหัวผมเหมือนกับจะปลอบ ซึ่งเมื่อเห็นว่ามีคนเข้าข้างผมก็หันไปยักคิ้วให้ซุนซน ไงล่ะคนไม่มีพวก
“อ่อยเก่งแม้กระทั่งตอนกลัวมาก” ซุกซนมันพูดขึ้นมา ใครอ่อยอะไร นี่แถวบ้านผมเรียกหาพวกครับ ไม่มีพวกก็แพ้ไป!
“พอๆ เดี๋ยวผมเล่าแทนน้องแทนใจเอง”
พี่ปกป้องผู้ใจดีของผมตลอดมาเอ่ยสงบศึก ความจริงพี่เขานั่งเงียบมาตลอดเลยครับวันนี้ ยกเว้นแค่ตอนที่ถามเคล็ดลับจากคุณกฤตินั่นแหละ ผมแอบรู้สึกผิดนิดหน่อยแฮะ ผมควรจะชวนพี่เขาคุยมากกว่านี้หน่อย พี่ปกป้องเป็นพี่ที่ผมสนิทมากและอาจจะรู้จักผมคนแรกเลยด้วย
“เอาเรื่องแบบไหนดี?”
พี่ปกป้องพูดแบบธรรมดามากเลยครับ เหมือนกับถามว่าวันนี้ข้าวเย็นกินอะไร แบบนั้นเลย ซึ่งในส่วนของผมนั้นนั่งตาโตเป็นไข่ห่านแล้วครับ
“เรื่องแบบไหนนี่มันหมายความว่ายังไงอะพี่ เจอบ่อยเหรอ?”
“ก็ทุกวันนะ”
เดี๋ยวดิ ...
ซุกซนทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เงียบไป ตอนนี้กลายเป็นว่าทั้งวงเงียบรอพี่ปกป้องพูดครับ ซึ่งพี่แกก็มองมาทางผม แล้วถอนหายใจ ผมสะดุ้งแล้วซุกหาคุณเมฆหนักกว่าเดิม ผมไม่ได้ทำอะไรนะ
“เอางี้ละกัน เมื่อกี้เห็นน้องซุกซนพูดเรื่องผีผ้าห่ม เอาเรื่องที่โดนอำละกัน”
พี่เขาถอนหายใจแบบเหนื่อยใจ เหมือนคนกำลังรอบีทีเอสหายเสียในตอนเช้า มากกว่าคนที่กำลังจะเล่าเรื่องผีอะ
“เมื่อวันก่อนตื่นมาก็เจอวิญญาณอยู่ในผ้าห่ม โคตรน่ารำคาญ กว่าจะเอามันออกไปจากเตียงได้นี่อย่างเหนื่อย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมชอบมานอนทับบนตัวอยู่เรื่อย อึดอัด”
“แล้วโดนแบบนี้บ่อยมั้ย?” คุณเบิร์ดถาม
“ประจำครับ มันจะกระดิกตัวไม่ได้ ร้องไม่ออก แต่พอหลุดแล้วก็ปกตินะ แต่วันนั้นอาจจะไปทำงานสายนิดหน่อย หงุดหงิดตลอด คนจะต้องรีบนอนรีบตื่นไปทำงาน ไม่ใช่ตื่นมาเจอหน้ามัน”
“มันนี่คือ ... ผีเหรอ?”
ผู้หญิงหนึ่งเดียวถามขึ้นมาครับ ถึงแม้จะไม่มีใครพูดอะไร แต่ผมว่าทุกคนอยากรู้เหมือนกัน
“มันบอกผมว่าตัวเองตายแล้วนะ ก็น่าจะผีล่ะมั้ง”
ผมหน้าซีด แต่ในใจนึดชมพี่ปกป้องครับ หน้าพี่เขานิ่งมากเหมือนกำลังพูดถึงเรื่องรายงานการประชุมอะ
“มีการสนทนากันด้วยเหรอพี่?” ซุกซนถามต่อ
“อือ อยู่ร่วมกันมันก็ต้องคุยกันอะ ถึงไม่คุยไอ้ผีนั่นก็คุยกับผมอยู่ดี เห็นมันอยู่ตัวเดียวนี่แหละ ไม่ได้เห็นอย่างอื่นนะ ไม่รู้ทำไม เห็นแต่ไอ้ตัวนี้ มาจากไหนไม่รู้ ป้วนเปี้ยนอยู่ในบ้าน ว่างๆ ก็ลอยไปลอยมา บางทีก็เปิดปิดน้ำเล่น ค่าเช่าก็ไม่จ่าย ไม่รู้ตายมายังไงทำไมขี้งก”
อันนี้โหดไปป้ะวะ …
พี่ปกป้องเล่าด้วยสีหน้าติดจะรำคาญมาก ผมพอจะรู้เนื่องจากหน้ายิ้มใจดีกลายเป็นใบหน้านิ่ง แต่ดูมีความหงุดหงิดเจือปนอยู่ครับ
ผมนั่งหน้าซีด ตัวผมอะตัวแข็งจนไม่กล้าจะขยับแล้ว แต่เหมือนทุกคนดูอยากรู้ รอบนี้เป็นคุณเมฆที่ถามขึ้นมาบ้าง
“นายเจออะไรที่ในหนังเขามีมั้ย เช่นพวกทีวีเปิดเองอะไรแบบนี้?”
“เคยแต่ดูบอลแล้วเปลี่ยนช่อง พอหงส์แพ้ทีวีดับเลย เป็นผีแทนที่จะเชียร์ผีดันเชียร์หงส์ โคตรเสียชาติเกิด”
“สนิทกันเหรอครับ กับเพื่อนร่วมห้องน่ะ” อันนี้คุณกฤติถามครับ
“เรียกว่าเจอบ่อยจนรำคาญดีกว่าครับ”
“แล้วมีอย่างอื่นมั้ย แบบเข้าฝันน่ะ?” อันนี้คุณโน้ต
“ทุกคืน เมื่อคืนมันก็มากวนตีนอยู่”
“ใบ้หวยล่ะ?” เสียงคุณเบิร์ดถามบ้างครับ
“ชอบโทรมาบอกเลขตอนตีสี่ตีห้าใครจะไปจำได้”
“อันนี้คือผีเจ้าที่เหรอพี่?” อันนี้ซุกซนครับ
“เรียกว่าเป็นผีประจำบ้านดีกว่า ลอยไปลอยมา ไม่มีประโยชน์”
เอาจริงๆ ผมว่าที่พี่เขาพูดมาทั้งหมด เหมือนเล่าเรื่องหลานอายุสามขวบซนๆ ไม่ใช่วิญญาณในบ้านตัวเอง ซึ่งตอนนี้ผมไม่รู้แล้วว่าผมควรจะกลัว ควรจะขำ ควรจะร้องไห้ หรือควรจะขอยืมแล็ปท็อปคุณเมฆหรือคุณกฤติมานั่งทำงานเลยดี
“นี่พูดถึงผีหรือทิชชู ดูตลกสัด” ซุกซนพูดพลางขำ ซึ่งคุณเบิร์ดเองก็หัวเราะไปด้วย ขนาดคุณกฤติยังยิ้มๆ เลย ตอนแรกผมคิดว่าเขาพูดเรื่องจริงนะเนี่ย สรุปเป็นจ้อจี้ใช่มั้ย เพราะทุกคนดูขำกันใหญ่ ผมผ่อนคลายลงเยอะครับ มองให้ตลกมันก็ตลกดี เหมือนหนังผีคอมเมดี้
“ไม่ใช่ก็คล้ายๆ อะ มันไร้ประโยชน์จริงๆ”
“ฮ่าๆ อย่าบอกนะว่าตอนนี้เขาลอยอยู่แถวนี้”
คุณเบิร์ดพูด พร้อมกับหัวเราะรอเลย เหมือนเปิดมาเพื่อให้พี่ปกป้องตบมุกหรืออะไรสักอย่าง ทุกคนเหมือนรอหัวเราะครับ ซึ่งพี่ปกป้องก็ยิ้มๆ ครับ ยิ้มแบบที่ทำให้เสียงหัวเราะค่อยๆ เงียบลงนิดหน่อย
“นี่พูดเล่นใช่มั้ย?”
คุณกุ๊กกิ๊กถามขึ้นมาในสิ่งที่ทุกคนต่างสงสัยเหมือนกัน ผมนี่ภาวนาให้พี่เขาจ้อจี้ครับ เพียงแค่บอกว่าล้อเล่นตอนนี้ รับฟรีสิทธิ์ไม่โกรธไปเลยเต็มๆ
พี่ปกป้องถอนหายใจ พลางยักไหล่ก่อนจะตอบด้วยเสียงเซ็งๆ
“ไม่ได้ลอยอยู่หรอก” ... หมายความว่า?
“ถ้าจะเอาให้ชัด ไอ้ผีเด็กนั่นมันนั่งยิ้มอยู่หลังแทนใจมาสักพักแล้วล่ะ” ------- 70% -------
เป็นอะไรที่เขียนนานมากค่ะ เพราะเขียนแล้วต้องพัก เขียนต่อนานๆไม่ไหวจริงๆ เพราะเขียนเองหลอนเองค่ะ 55555
ปล. เรื่องที่เล่าๆ ในนี้มีเรื่องคุณปกป้องที่เป็นเรื่องแต่งค่ะ ส่วนที่เหลือก็… นั่นแหละค่ะ
เรื่องของซุกซน เราดัดแปลงจากประสบการณ์เมทเราสมัยมหาลัย เรื่องลิฟต์คุณกิ๊กนี่เพื่อนสนิทเราเจอเองค่ะ ขออนุญาติมาเล่าแล้วค่า
ส่วนเรื่องอื่นในออฟฟิศนั้นประสบการณ์ตรงเป็นส่วนใหญ่ค่ะ ถ้าไม่ใช่ของเราก็ของพี่ๆ ในออฟฟิศ มีที่โหดกว่านี้แต่ตอนเขียนคือพิมพ์ในออฟฟิศ ไว้เดี๋ยวเราจะเล่าในแท็กนิยายแทนถ้ามีใครอยากฟังนะคะ 555555 #ในเลขห้านี่น้ำตาล้วนเลยค่ะ
สุขสันต์วันสงกรานต์นะคะ XD
สามารถคอมเมนต์ที่นี่ หรือที่ #เรื่องของคนที่เกลียดวันจันทร์ ในทวิตเตอร์ เหมือนเดิมนะคะ หรือยังไงทักเรามาได้ที่ @babybapho นะคะ ขอบคุณมากค่า XD