“เอ๊า เฮ้ย กินข้าว” นั่นเสียงไอ้ฟิล์ม เมิงไม่เคาะกะมังแล้วค่อยเรียกกรูหละ ไอ้นี่
“ปะ พัด ไปกินข้าวกันดีกว่า” ผมชวนพัดพร้อมกับพยุงตัวเองขึ้นจากเตียง รู้สึกเจ็บแปล๊บที่แผลที่โดนแก้วน้ำบาดตอนเห็นว่าเจ้าปลาทองตาย
“กึก!!” เพิ่งนึกขึ้นมาได้ ตอนนี้ซากเจ้าปลาทองอยู่ไหนหว่า
“แป๋ม เจ้าปลาทองอยู่ไหนวะ” ผมที่เริ่มทำใจได้แล้ว หันไปถามแป๋มขณะที่เรา 4 คนนั่งกินข้าวกันอยู่
“เออ ฟิล์ม แกเอาเจ้าปลาทองไปไหนอะ” แป๋มหันไปหาฟิล์มที่ตอนนี้ทำหน้าอึกอึก
“เออ..........”
“นี่แกอย่าบอกนะว่าเอาไปทิ้งถังขยะ” พอแป๋มผู้อย่างนี้ ผมเริ่มเบ้หน้าจะร้องไห้ขึ้นอีกแล้ว น่าสงสารเจ้าปลาทอง ไหน ๆ ตายทั้งทียังถูกทิ้งเป็นขยะแห้งอีก
“เปล่าๆๆๆ” ฟิล์มมันรีบปฏิเสธ
“เออ...ฟิล์มไม่รู้จะเอามันไปไว้ที่ไหน ก็เลย...เอาไปไว้ที่..”มันพูดจบแล้วก็ชี้ไปที่มุมห้อง พวกผม 3 คนมองตามกันไปยังเป้าหมายที่มันชี้
“ไอ้ฟิล์ม” เสียงยังแป๋มแว๊ดขึ้นมาทันที ส่วนผมรีบเขย่งเท้าไปยัง...ตู้เย็น ใช่แล้วครับ ไอ้ฟิล์มมันเอาเจ้าปลาทองแช่ตู้เย็นไว้
“ยังน้อยก็ยังเก็บซากมันไว้ให้ไอ้บิวมาจัดการเองได้นิหว่า” ไอ้ฟิล์มแก้ตัวเสียงอ่อย ๆ แต่ผมต้องขอบใจมันมากกว่าที่ยังเก็บซากเจ้าปลาทองให้ผมดู ดีกว่าที่จะทิ้งลงถังขยะไป แหมในหอใจกลางเมืองขนาดนี้ จะหามุมที่ไหนไปฝังมันหละ ผมเลยตัดสินใจว่าจะเอามันไปฝังที่วัดใกล้ ๆ หอผม
“แป๋ม เดี๋ยวแกไปวัดเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ”
“เออ ได้ ไปกันหมดเนี่ยแหละ”
“งั้นไปรถพัดละกันนะครับ” พัดเสนอความเห็น
“ไม่เป็นไรหรอก คือว่าเรา..เกรงใจอะ” แค่นี้ก็เกรงใจพัดจะแย่อยู่แล้ว เพื่อนสนิทกันก็ไม่ใช่
“ไม่เป็นไรหรอกบิว เดี๋ยวไปกับพัดก็ได้ แค่นี่เองไม่ใช่หรอ”
หลังจากทานเข้าเสร็จแล้ว เราทั้งสี่คนก็ไปวัดที่อยู่ใกล้ ๆ หามุมที่สงบ ๆ ร่มรื่น และต้องอยู่ใกล้ ๆ หน่อย เพื่อที่จะได้พ้นจากพวกหมาวัดที่จะมาคุ้ยซากนกเอาไปกิน
“นี่แก เบา ๆ กันหน่อยดิ เดี๋ยวก็มีใครมาเห็นหรอก” หุหุ คือว่าที่มาวัดเนี่ย ไม่ได้แจ้งใครเขาไว้หรอกครับ มาถึงก็ต้องแอบขุดแอบฝัง เดี๋ยวพระมาเห็นแล้วจะซวย
“นี่ บ่นจังเลยนะไอ้บิว มาทำเอาเลยมะ” ไอ้ฟิล์มครับ ด่ากลับมา พร้อมกับบ่นหงุมหงิมอะไรอีกสองสามคำ
“เออ หน่า เดี๋ยวเลี้ยงข้าว” ผมตอบกลับไป เดี๋ยวมันไม่ช่วยครับ
หลังจากนั้นเราก็ไปหาซื้อของเข้าห้องกัน รวมทั้งหนังดี ๆ โดยวันนี้เรามีโปรแกรมกันว่า เราจะดูหนังกันที่บ้าน
พอมาถึงบ้าน พัดก็จัดแจงเอาของที่ซื้อมาใส่ตู้เย็น ส่วนไอ้ฟิล์มก็เอาแผ่นหนังยัดใส่เครื่องทันที หลังจากนั้น 5 นาที เราก็พร้อมกันที่หน้าทีวี ตอนนั้นเริ่มระบมแผลที่เท้าแล้วนิด ๆ แต่ยังพอทนไหว และคิดว่าไม่น่าจะเป็นไรมาก ท่าทางว่ายาแก้ปวดจะหมดฤทธิ์แล้ว
“ก๊อก ๆ ๆ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปเปิดให้ก็ได้” ผมทำท่าจะลุกไปเปิดประตู แต่ว่าพัดรับอาสาว่าจะไปเปิดให้ อิอิ สบายเหมือนกันมีแต่คนเอาใจ
“ใครมาอะ.......”
“กัส”
“บิว” กัสมันเรียกชื่อผมอยู่หน้าประตู ดูมันยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าประตู เหมือนทำอะไรไม่ถูก ส่วนผมก็ได้แต่มองหน้ามันตาค้างเหมือนกันครับ เพราะไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงดี จะทำเชิด ๆ เริด ๆ ก็กลัวมันหายไปอีก จะยิ้มให้มันก็กลัวเสียฟอร์ม โอ้ย จะทำไงดีวะเนี่ย
“อ้าว กัสมาแล้วหรอ” โอ้โห ขอบใจมากแป๋ม มาช่วยทันเวลาพอดี
“อืม พอดีซื้อของกินมาฝาก...เออ บิวนะ” มันตอบแป๋ม แต่ตามันมองผมครับ
“แหม เพิ่งกินอิ่มไปเมื่อกี้นี้เอง พอดีพัดเขาซื้อของกินมาเยอะแยะเลย” ไอ้แป๋มพูดหน้าตาย
“อ้าวหรอ” ดูหน้ามันจ๋อย ๆ ไปเหมือนกัน แต่ต้องใจแข็งไว้ก่อน ส่วนกัสนั้นก็ค่อย ๆ เลียบ ๆ เคียง ๆ เดินมานั่งที่เก้าอี้เยื้อง ๆ กับผม
“เป็นไงบ้าง” โอ้ยเมิง อย่าทำเสียงยังงี้ดิ เดี๋ยวกรูก็ใจอ่อนหรอก
“.........................................”
“เจ็บแผลไหม” มันพูดพร้อมกับเอามือไปลูบแผลที่เท้าเบา ๆ
“...........................................”
ผมไม่ตอบครับ ตายังคงจ้องไปที่หน้าจอทีวี แต่ว่าดูไม่รู้เรื่องเลย
ตอนนี้หน้ามันเสียมากเหมือนกัน แต่ต้องใจแข็งไว้ ให้มันรู้สำนึกเสียบ้าง
ตอนนี้เพิ่งสังเกตุเห็นว่าหน้ามันช้ำ ๆ พิกล เหมือนไปโดนใครเขาอัดมา ที่หน้าผากก็บวมนิด ๆ มุมปากก็เหมือนกับมีรอยฟกช้ำหน่อย ๆ ส่วนหน้านี่ไม่ต้องพูดถึง แดงกล่ำ อย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ผมจ้องหน้ามันจนมันรู้สึกตัวว่าผมเห็นร่องรอยบนใบหน้าของมัน
“กัส ไปทำอะไรมา” พอผมยิงคำถามใส่มัน มันรีบก้มหน้าหลบ ส่งผลให้เพื่อน ๆ อีก 3 คนหันไปมองมันเป็นตาเดียว
“เออนั่นสิไอ้กัส เมิงไปทำอะไรมาวะ ยังกะไปฟัดกับหมาที่ไหนมางั้นแหละ”
“ไม่มีอะไรหรอก” มันพูดพร้อมยังก้มหน้าต่อ
“ไม่มีได้ยังไง” ผมถามพร้อมกับปรี่เข้าไปหามันทันที จนลืมฟอร์มที่เก็กหน้าไว้นานจนหมดสิ้น
“เจ็บไหม” ผมถามพร้อมกับเอามือไปลูบริเวณรอยฟกช้ำของมัน
“นิดหน่อยเอง.....เราก็แค่....อยากจะให้มันจบ ๆ อะ”
“จบเรื่องอะไร...เล่าให้ฟังได้ไหม” ผมถามไอ้กัสครับ ซึ่งตอนนี้เงยหน้าขึ้นมามองผมพร้อมกับเหลือบตามองไปที่คนอื่น ๆ ด้วย
“กัสสัญญานะว่ากัสจะไม่ปิดบังอะไรบิวอีกแล้ว แต่ตอนนี้ขอกัสเคลียร์บางอย่างก่อนนะ รอให้กัสมั่นใจก่อน แล้วกัสจะบอกทุกอย่างที่บิวอยากรู้....นะ” กัสพูดพร้อมกับเอามือมากุมมือผมไว้ ทำเอาผมอึ้งไปนิดหนึ่ง
“กัส แป๋มขอคุยอะไรหน่อย”
พูดจบแป๋มมันก็ลุกออกไปตรงระเบียง ที่ตอนนี้มีแต่กรงของเจ้าปลาทองเปล่า ๆแขวนเอาไว้ กัสมองผมพร้อมกับยิ้มให้ผมนิดหนึ่ง แล้วลุกตามแป๋มออกไป ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าสองคนนี้เขาทำอะไรกัน แต่ตอนนี้ผมเชื่อใจแป๋มว่าคงไม่มีวันที่จะทำอะไรแย่ ๆ แบบที่ไอ้ฟิล์มกับกัสเคยทำไว้แน่ ๆ ก็เลยได้แต่เก็บความสงสัยไว้เหมือนกัน ดู ๆ ไปแล้วไอ้ฟิล์มนี่ก็คงยังไม่รู้เรื่อง เพราะตอนนี้คิ้วของมันนขมวดจนแทบจะผูกโบว์กันแล้ว...