บทที่ 11
เช้าวันพุธมาถึง ธรณินเดินวุ่นวายเตรียมข้าวของเครื่องใช้ให้หัวหมุนมาตั้งแต่เช้าผิดกับคนที่ปากบอกว่าอยากไปทำกิจกรรมร่วมกัน ที่ยังนอนหลับอุตุไม่ยอมตื่น
“กานต์ ตื่นได้แล้ว เดี๋ยวสายแล้วทางนั้นบ่น กานต์ๆ”
เริ่มตั้งแต่สะกิดจนเข้าขั้นเขย่าแล้ว คนบนเตียงยังส่งเสียงอืออาๆ แต่ไม่ยอมลืมตาสักที ร้อนถึงคนปลุกต้องจำใจสอดมือเข้าไปใต้เสื้อแล้วสะกิดจุดไวสัมผัสเพียงแผ่วๆ
“อ๊า... พี่ณิน!”
ได้ผลแฮะ กานต์มีจุดอ่อนตรงนี้ แตะนิดเดียวร้องเสียงหลงทุกที คนโดนปลุกลุกขึ้นนั่งหน้างอ เอามือลูบหน้าอกตัวเองป้อยๆ อย่างไม่สบอารมณ์
“ก็บอกว่าอย่าโดนๆ มันจั๊กจี้แปลกๆ ขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย”
“ปลุกไม่ตื่นเองช่วยไม่ได้ อีกอย่างพี่ก็นึกว่าเราชอบ เห็นวันนั้นเอามือกดหัวพี่ซะแน่นจนหายใจแทบไม่ออก”
“มันเหมือนกันไหมพี่ ก็ตอนนั้นมันสะ... สนุก ก็... ก็... ฮึ่ยย ช่างเถอะ”
คนเถียงใช้มุกโมโหกลบเกลื่อน แล้วทำเป็นเลี่ยงลุกขึ้นจากที่นอนไป หลังจากที่คนเท้าความรำลึกความหลังเริ่มมองมาตาเยิ้มอย่างมีความหมายแปลกๆ
“เดี๋ยวกานต์ ลืมอะไรหรือเปล่า” ธรณินคว้าข้อมือกานต์ที่กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำไว้ได้ทัน
ลืมสิท่า ทำหน้างงอย่างงี้ เฮ้อ... อายุก็ยังน้อยแท้ๆ ขี้หลงขี้ลืมนะเราน่ะ”
ฟอด... “ชื่นใจ... อรุณสวัสดิ์นะครับ”
กานต์พยักหน้าส่งๆ ทำเป็นไม่สนใจ ได้แต่คิดว่าทำไมวันนี้ห้องน้ำมันอยู่ไกลจริงนะ ตอนนี้เขิน ต้องการเข้าไปหลบฝังตัวอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ตรงหน้าพี่ณินเนี่ย
เมื่อจัดการทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ธรณินก็ล็อคกุญแจห้องแล้วออกเดินนำหน้ากานต์ไปที่รถ เปิดประขึ้นไปนั่งเรียบร้อย ขณะกำลังจะคาดเข็มขัดนิรภัยจึงหันไปถามกานต์
“กานต์ได้พกพวกลูกอมเย็นๆ หรือว่าน้ำดื่มขวดเล็กๆ ไว้บ้างไหม”
“ไม่ได้พกอ่ะพี่ มีอะไรเหรอ” กานต์สั่นศีรษะจนผมกระจาย”
“ถ้างั้นรออยู่นี่ก่อน พี่ไปซื้อที่ร้านใต้คอนโดแป๊บนึง”
นั่งรอสักพักจึงเห็นธรณินเดินกลับมาพร้อมยื่นถุงเสบียงให้
“พี่ณิน ผมรู้สึกแก่มากเลยอ่ะพี่ ดูดิ อะไรบ้างเนี่ย ยาอม ยาดม ยาหม่อง คือที่เราไปนี่ไปถ่ายทำรายการหรือว่าไปบ้านพักคนชราอ่ะพี่ พี่ณินจะพาผมไปปล่อยบ้านพักคนชราเหรอ ผมเสียจาย” ท้ายเสียงออดอ้อน
“เว่อร์ละกานต์ ที่เตรียมๆ ไว้ก็ให้เรานั่นล่ะ ถ่ายทำรายการหนึ่งใช้เวลาไม่ใช่น้อยๆ นะ เกิดมีช่วงไหนต้องรอนานๆ หรือมีแสงจ้ามากๆ ร่างกายเราร้อนขาดน้ำขึ้นมาจะทำยังไง เตรียมพร้อมไว้ก่อนดีกว่าน่า”
“พี่ณินอ่า... ทำไมเป็นคนน่ารักอย่างนี้ เอาใจใส่ดูแลขนาดนี้ผมหลงแล้วนะเนี่ย”
“เว่อร์ละๆ” ธรณินโบก เอ๊ย! โยกหัวกานต์อย่างหมั่นไส้
เมื่อตรวจดูว่าของครบเรียบร้อย ธรณินก็จะออกรถมุ่งหน้าสู่สตูดิโอย่านลาดพร้าว คงเพราะออกเดินทางค่อนข้างเช้า จึงมาถึงสตูดิโอที่นัดหมายเร็วกว่าที่คิดไว้เยอะ กานต์ชะโงกตัวข้ามเบาะไปหอบบริเวณปลายคางของธรณินเร็วๆ ทีหนึ่งก่อนจะหันมายิ้มหวานแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยออก
“ลืมอรุณสวัสดิ์ตอบครับ ถ้ายังไงพี่ณินขนของตามไปนะ ผมเดินไปดูต้นไม้ตรงนู้นก่อน”
พูดจบก็เปิดประตูรถเดินตัวปลิวไปดูต้นไม้ที่ปลูกประดับตกแต่งบริเวณทางเข้าไว้อย่างกับบ้านในนิทาน ก็เป็นซะแบบนี้ คล้ายๆ จะเอาแต่ใจ แต่ก็ติดจะช่างอ้อนในเวลาเดียวกัน แล้วกานต์จะให้พี่ทำยังไง หืม? ธรณินคิดพลางถอนหายใจแล้วขยับตัวปลดเข็มขัดนิรภัย เดินลงไปเปิดท้ายรถเพื่อขนของตามบัญชา
สตูดิโอที่ใช้ถ่ายทำรายการสวิงกันวันอาทิตย์เป็นสตูดิโอขนาดกลาง ตกแต่งพื้นที่ไว้ใช้ถ่ายเจาะสำหรับมุมต่างๆ อย่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นโซนห้องนั่งเล่น โซนครัว หรือแม้แต่สวนหย่อมด้านหน้าที่ปลูกต้นไม้ ทั้งยืนต้น ทั้งไม้ดอก เมื่อเวลาถ่ายทำออกมาแล้วจะดูร่มรื่นสบายตา
กานต์ยื่นมือไปไล้สัมผัสใบสีเหลืองอมเขียวอย่างอดใจไม่อยู่ ต้นไม้อะไรสีสวยชะมัด กลับไปบ้านต้องบอกให้พ่อบ้านหาแบบนี้ไปปลูกประดับวังมังกรบ้าง
แชะ!
เสียงชัตเตอร์ถ่ายรูปดังขึ้น ทำให้กานต์ผินหน้ากลับไปมองยังต้นเสียง พบหญิงสาวร่างเล็กกำลังลดกล้องถ่ายรูปในมือลงพร้อมส่งยิ้มจริงใจมาให้
“ขอโทษนะคะ น้องกรใช่ไหมเอ่ย พี่ชื่ออุษานะคะ เรียกพี่อุ๊ก็ได้ เป็นช่างภาพเก็บภาพนิ่งประกอบกองนี้ค่ะ เผอิญเดินผ่านมาเห็นน้องกรแล้วแสง เงา อารมณ์ทุกอย่างมันได้ค่ะ พี่เลยอดใจไม่ไหวขอเก็บสักรูปก่อนเลย”
แนะนำตัวพร้อมบอกที่มาที่ไปชัดขนาดนี้... กานต์ก็ได้แต่ยิ้มรับสิครับ เมื่อพี่มีไมตรีมา จะให้นิ่งๆ เงียบๆ ตอบกลับไปก็คงใช่ที่ กานต์จึงยกมือไหว้สวัสดีแล้วชวนคุยด้วยการซักถามเรื่องต้นไม้กลับไป
“สวัสดีครับพี่อุ๊ พี่พอจะทราบไหมครับว่านี่ต้นอะไร ผมชอบสีใบของเขาจังเลย ดูสว่างนวลๆ ดีนะครับพี่”
“อ๋อ... นี่ชื่อต้นแสงจันทร์ค่ะน้องกร สนใจต้นไม้ใบหญ้าแบบนี้ เป็นผู้ชายที่รักธรรมชาติจังเลยน้า” อุษาหัวเราะคิกคักกระเซ้าเย้าแหย่น้อง เพราะเห็นท่าทางพอโดนแซวเข้าไป น้องก็มีปฏิกิริยาขัดเขินน่าเอ็นดู ชวนให้แกล้ง พลันอยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนโดนจับตามอง ขนบนคอลุกชันโดยไม่ทราบสาเหตุ พอเหลียวกลับไปมองจึงได้สบกับสายตาพิฆาตยืนเป็นเงาทะมึนแผ่รังสีคุกคามอยู่ทางด้านหลัง เงาร่างสูงโปร่งค่อยๆ ก้าวเข้ามาอย่างเชื่องช้าทว่าสุขุม ก่อนที่จะเดินผ่านตัวของหญิงสาวไปก็ทิ้งคำพูดกระซิบแผ่วไว้
“กรรักธรรมชาติครับ โดยเฉพาะไม้ป่าเดียวกัน”
ยิ้มมุมปากถูกจุดมาเสริมความเท่อีกหนึ่งดอก ก่อนจะผงกศีรษะเป็นเชิงทักทาย
“อ้าวอุ๊ สวัสดี ไม่เจอกันนานเลย เป็นไงบ้าง”
ผ...ผู้ชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว อุษายิ้มตอบกลับให้ธรณินแบบแหยๆ เมื่อกี๊ยังทำหน้านิ่งเสียงเย็นกระซิบตอบเธอยู่เลย ฮือๆ
“สะ... สบายดีค่ะคุณณิน คุณณินเดินดูสถานที่รอบๆ เล่นไปก่อนนะคะ พอดีอุ๊ยุ้งยุ่งค่ะ ต้องไปช่วยทางด้านใน จัดเตรียมของก่อน ไปนะคะ”
“ยุ่งอยู่เหรอครับ เสียดายไม่ได้อยู่คุยกันเลย ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณอุ๊ตามสบายเลยครับ พวกผมไม่กวนแล้ว เดินดีๆ นะครับ ระวังจะสะดุด ‘ตอ’ ไม้ได้”
ยิ้มอบอุ่นเอ่ยลาขัดกับนัยน์ตาคมดุคู่นั้น ทำเอาอุษาต้องรีบยกมือโบกบ๊ายบายสองหนุ่มอย่างรวดเร็ว
“พี่ณินๆ”
“หืม” ธรณินหันหน้ามาตามเสียงเรียก
“ดูต้นนี้สิ สีสวยมากเลย พี่ผู้หญิงคนเมื่อกี๊บอกว่าชื่อต้นแสงจันทร์ กลับบ้านไปผมว่าจะหาไปปลูกบ้างล่ะ”
ธรณินขยับกายชิดเข้าไปชะโงกดู รู้สึกอารมณ์ดีที่กานต์เรียกอุษาว่าพี่ผู้หญิง ไม่ได้เรียกชื่อ แสดงว่าไม่ได้เป็นที่สนใจให้ใส่ใจจำ
“ระเบียงคอนโดพี่เล็กนิดเดียว ถ้ากานต์อยากปลูก คงต้องเลือกแบบต้นไม่ใหญ่มากแล้วใส่กระถางปลูกเอาคงได้อยู่”
“ไม่ใช่ๆ หมายถึงที่วังมังกรน่ะพี่ ไม่ใช่ที่คอนโดพี่ณิน”
คนตัวโตชะงักกึก หันมาละล่ำละลักถามทันที
“กานต์จะกลับบ้านกานต์แล้วเหรอ แล้วพี่ล่ะ”
คนถูกถามเลิกคิ้วสูง หัวเราะคิกทันที นิ้วมือเรียวยาวยกขึ้นไล้ไปตามโครงหน้าของธรณิน ก่อนจะหยิกหมับเข้าให้ที่แก้มอย่างมันเขี้ยว
“เอ้อ... พี่ณิน วันนี้เป็นอะไรมากไหมพี่ มีหยอด มีห่วงใย มีกันท่าด้วยนะ อย่านึกว่าผมไม่เห็น มาตอนนี้มีอ้อนอีก ถ้าพี่ไม่เป็นผู้ชาย ผมจะคิดว่าพี่เป็นวันนั้นของเดือนนะเนี่ย”
“หึ” ธรณินแค่นเสียงหัวเราะไม่ตอบอะไร เพียงยักคิ้วให้หนึ่งแผล่บเป็นคำตอบเท่านั้น
“เอ๊า! ทีผมถามละไม่ตอบ”
“ตอบตอนนี้ไม่ได้หรอกกานต์ พี่อายคนเขา”
“หือ?”
กานต์เริ่มรู้สึกตัว จึงหันไปรอบๆ ก็เห็นทีมงานยืนบิดเขินกันไปมา โดยมีพวกตนเป็นจุดสนใจอยู่ตรงกลางวงล้อม เออ... ให้มันได้อย่างนี้ หลอกให้เราเล่นด้วย จะได้ประกาศศักดาทีเดียวเลยใช่ไหมเนี่ย ไม่ต้องไล่กระซิบกระซาบขู่เป็นรายคนแล้วเนอะ แต่ระดับป๋ามีหรือจะอาย ยกมือไหว้นำไปก่อนแล้วเอ่ยสวัสดีอย่างลื่นไหลทันที
“อ้าว สวัสดีครับพี่ๆ รอพวกผมอยู่รึเปล่าครับเนี่ย ขอโทษด้วยจริงๆ ครับ มัวแวะดูต้นไม้ อยากได้ต้นแบบนี้ไปปลูกที่บ้านบ้างจัง พี่ๆ เลยต้องรอนานเลย ไปครับ เริ่มกันเลยดีกว่า เดี๋ยวจะสายไปกว่านี้เนอะ”
พูดจบก็คว้ามือธรณินออกเดิน พร้อมกับหันไปหลิ่วตาให้หนึ่งที หึๆ พี่ประกาศศักดาได้ ผมก็แสดงความเป็นเจ้าของพี่ได้นะครับ
หลังจากเข้ามาด้านในสตูดิโอแล้ว ธรณินกับกานต์ก็ต้องแยกย้ายกันไปแต่งหน้าแต่งตัว กลับมาเจอกันอีกครั้งก่อนบันทึกเทปรายการก็ให้หลุดขำ เพราะเสื้อผ้าที่ใส่ เหมือนกันอย่างกับลูกแฝด กางเกงยีนส์สีซีดกับเสื้อยืดสีขาวธรรมดาๆ แต่ที่ทำให้ไม่ธรรมดาก็ลายที่สกรีนบนเสื้อ ตัวของธรณินเป็นคำว่า ‘เนื้อ’ กับหัวใจครึ่งดวง กานต์ก้มมองตรงหน้าอกตัวเองก็เห็นคำว่า ‘คู่’ พร้อมหัวใจอีกครึ่งดวง... เสี่ยวได้กว่านี้มีอีกไหมเนี่ย
“มาค่ะหนุ่มๆ พี่ชื่อต้อยตีวิดนะคะ รู้จักกันแล้วใช่ไหมเอ่ย เดี๋ยวตามพี่มาดูคำถามกันนิดนึงนะคะ ถ้าตรงไหนที่รู้สึกไม่โอเค บอกพี่ได้เลยนะคะ เดี๋ยวพี่ตัดฉับๆ ออกให้เลย สบายๆ เนอะไม่ต้องเกร็ง ไงคะคุณณิน ทุกทีพาเด็กในสังกัดมาสัมภาษณ์ วันนี้เล่นบทนำเองเลยนะคะ โฮะๆๆ”
พี่ที่ชื่อต้อยตีวิดเป็นพิธีกรสาวประเภทสองที่มีฝีมือมากคนหนึ่ง ขึ้นชื่อในเรื่องบิ้วท์ให้ผู้ชมอินไปกับผู้ที่มาให้สัมภาษณ์ ถ้าสัมภาษณ์คู่กัดก็แทบจะฆ่ากันตายกลางรายการ แต่หากสัมภาษณ์คู่รักก็มักให้หวานออกสื่อจนคนดูปาดเลือดกำเดา จิกหมอนขาดกระจายกันไปเป็นแถบ
“เดี๋ยวคุณณินกับน้องกรลองอ่านคำถามคร่าวๆ ก่อนนะคะ ถ้าพร้อมแล้วเดี๋ยวเราจะได้เริ่มถ่ายทำกันได้เลย เพราะมีช่วงออกไปทำกิจกรรมต้องถ่ายด้านหน้าสตูฯ อีก เดี๋ยวแดดจะแรงไปกันใหญ่เนอะ”
สองคนเหมือนนักเรียนเตรียมสอบ ก้มหน้าก้มตาอ่านชีทคำถามหัวชนกัน มีมาร์คคำถามไว้ด้วยปากกาแดงอย่างกับการเก็งข้อสอบก็ไม่ปาน ครู่ใหญ่ต้อยตีวิดจึงมาสะกิดเรียกถามถึงความพร้อม ทั้งสองคนพยักหน้ารับอย่างแข็งขันจนคนมาตามต้องหัวเราะ
“สัมภาษณ์นะพวกเธอ ไม่ต้องทำหน้ามุ่งมั่นเหมือนจะไปออกรบขนาดนั้นก็ได้”
จิกกัดพอละลายพฤติกรรมหนุ่มๆ เสร็จ พิธีกรสาวก็ปรบมือแปะๆ ให้ทุกคนตั้งสมาธิเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายทำ โดยเลือกถ่ายตรงบริเวณห้องนั่งเล่น มีพิธีกรสาวนั่งอยู่ด้านข้าง ให้แขกรับเชิญนั่งคู่กันที่โซฟาสีครีมตัวใหญ่ตรงกลาง เพื่อให้บรรยากาศเป็นไปอย่างสบายๆ จากนั้นสัญญาณนับถอยหลังการถ่ายทำก็เริ่มขึ้น
ต้อยตีวิด : สวัสดีค่าท่านผู้ชม วันนี้รายการสวิงกันวันอาทิตย์รู้สึกได้ถึงบรรยากาศหวานเยิ้มหยดย้อยจนตัวดิฉันแทบจะอยากยกเลิกรายการซะเดี๋ยวนี้ (พูดจบก็ทำท่าเบะปากไหวไหล่อย่างหมั่นไส้เต็มที่) แต่เนื่องด้วยมีเสียงเรียกร้องจากแฟนๆ รายการโทรมาจนสายแทบจะไหม้ ให้พาคู่จิ้น อุ๊ย! ไม่ใช่สิ เขาเปิดตัวว่าเป็นคู่จริงกันแล้วนี่เนอะ (ผายมือไปทางทั้งสองคนพร้อมยกมือไหว้) สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับเข้าสู่รายการสวิงกันวันอาทิตย์ค่า แนะนำตัวกันหน่อยเร็วหนุ่มๆ”
กานต์และธรณินยกมือไหว้ตอบพลางส่งยิ้มให้กล้องอย่างโปรยเสน่ห์อย่างไม่มีใครยอมใคร
กานต์ : สวัสดีครับ นี่พี่ณิน ธรณินครับ (ชี้ไปข้างตัวยิ้มกริ่ม ส่วนธรณินก็ยิ้มรับแล้วต่อมุกทันที)
ธรณิน : สวัสดีครับ คนนี้ที่นั่งหน้าตาน่ารักอยู่นี่ชื่อน้องกรครับ
ต้อยตีวิดยกมือทาบอกทำตาโต กรีดร้องออกมาแบบอิจฉาอย่างสมจริง
ต้อยตีวิด : เอาค่ะๆ แหมนี่แค่ให้แนะนำชื่อนะคะ ทำไมต้องพูดชื่อแทนกันด้วยอิจฉา สงสารคนไม่มีคู่บ้างไรบ้างนะคะ แล้วมือน่ะไม่ต้องกุมกันไว้ตลอดก็ได้ โอ๊ย! ไม่อยากสัมภาษณ์ต่อแล้วเนี่ย
การถ่ายทำการสัมภาษณ์เป็นไปด้วยดี พิธีกรช่างหยอกช่างเย้าได้อย่างพอเหมาะพอควร ธรณินกับกานต์ก็ให้ความร่วมมือย่างเต็มที่ ส่วนมากก็เป็นคำถามว่าคบกันได้ยังไง เจอกันที่ไหน ซึ่งทั้งคู่เคยตอบคำถามนักข่าวไปจนหมดเปลือกอยู่แล้ว มีที่เพิ่มมาก็เป็นเพียงการแซวนิดแซวหน่อยของพิธีกร เพื่อดึงให้คนดูมโนไปไหนต่อไหนมากกว่า
“โอเค คัท”
สิ้นเสียงสิ้นสุดการถ่ายทำ พี่ๆ ช่างแต่งหน้าก็กรูกันมาเติมหน้า ซับมันกันให้มะรุมมะตุ้มเต็มไปหมด ช่วงเวลาต่อจากนี้คือการถ่ายทำนอกสตูดิโอ เพื่อให้ทั้งสองเล่นเกมด้วยกันเป็นการเซอร์วิสแฟนๆ ทางบ้าน ต้อยตีวิดเดินมาอธิบายเกมกินป๊อกกี้ให้หนุ่มๆ ฟังว่าต้องทำยังไงบ้าง
“เคยเห็นใช่ไหม ที่รายการอื่นๆ เค้าให้กินป๊อกกี้กันคนละด้านน่ะ แต่อันนั้นมันธรรมดาไป รายการไหนๆ ก็ทำกัน ยังไงรายการพี่ขอจัดหนักหน่อยนะ เราจะกินป๊อกกี้แนวนอนกัน คุณณินกับน้องกรยืนหันหน้าเข้ากันนะ ยืนชิดๆ กันเลย แล้วงับไว้คนละด้าน โอเคแบบนี้ละ แล้วขยับเข้ามากัดคำเดียวก็แก้มชนกันแล้วเห็นไหม แล้วก็กินให้หมดแท่ง แค่นี้เอง”
กานต์ยืนฟังไปพลางกลืนน้ำลายลงคอไปพลาง ไอ้การกินป๊อกกี้โชว์น่ะไม่เท่าไหร่ แต่รายการนี้จะให้บดปากโชว์เลยเนี่ยนะ เพราะปกติการกัดป๊อกกี้ตรงๆ เข้าหากันจะสิ้นสุดที่ปากชนกันก็จบ แต่นี่เล่นงับจากด้านข้างเข้าหากัน บทสรุปคือต้องบดปากกันแน่ๆ แล้วที่สำคัญ กานต์เงยหน้ามองดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าแล้วได้แต่ถอนหายใจ เฮ้อ... แดดจะแรงอะไรขนาดนี้วะเนี่ย
เมื่อการถ่ายทำเริ่มขึ้นอีกครั้ง พิธีกรยังคงสดใสร่าเริง แนะนำเกมอย่างกระดี๊กระด๊า แต่แขกรับเชิญเริ่มหน้าซีด เพราะอากาศที่เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองคนแทะป๊อกกี้จนขนมหมดไปหลายกล่องก็ยังได้ความหวานไม่ถูกใจ จนต้องสั่งเทคแล้วเทคอีก เพราะแทนที่จะมีสีหน้าเอียงอาย กลับมีแต่สีหน้าเบื่อหน่ายของกานต์ปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ
“น้องกรคะ ถ้าน้องไม่เต็มใจมาก็บอกตั้งแต่แรกสิคะ พี่ถ่ายกันมาตั้งนานยังไม่ไปถึงไหนเลยเนี่ย” ต้อยตีวิดเริ่มออกอาการโมโห แต่ธรณินซึ่งรู้สาเหตุของอาการหน้าซีดของกานต์ดีก็รีบออกมารับแทน
“ต้องขอโทษพี่ต้อยตีวิดแทนน้องด้วยนะครับ พอดีกรเขาแพ้อากาศร้อนน่ะครับ เลยอาจจะมีท่าทางล้าไปบ้าง คือผมขอถามนิดนึงนะครับพี่ จุดประสงค์ของตอนนี้ เพื่อให้แฟนๆ ฟินใช่หรือเปล่าครับ”
ต้อยตีวิดมีท่าทางอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อได้ฟังเหตุผลจากธรณิน เพราะบ่ายขึ้น แดดก็แรงจัดจริงๆ จึงพยักหน้ารับ พร้อมอธิบายเพิ่มเติม
“ใช่ค่ะคุณณิน ช่วงท้ายรายการจะเป็นช่วงเรียกเรทติ้งของทุกเทปเลยค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวผมจัดให้ครับ เอาให้ฟินสุดๆ นะครับ”
เสียงนับถอยหลังการถ่ายทำเริ่มขึ้น กานต์หันไปรับป๊อกกี้ที่พิธีกรมาจับปลายด้านหนึ่งใส่ปากอีกครั้ง แต่คราวนี้ ธรณินจับขนมดึงออกมา ก่อนจะโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี ตวัดมือโอบรวบเอวคนหน้าซีดมาชิดแนบตัว แล้วโน้มหน้าลงบดปากจุมพิตดูดดื่ม โดยไม่ต้องอาศัยป๊อกกี้แต่อย่างใด จนได้ยินเสียงคล้ายๆ คำว่าคัทแผ่วๆ ลอยมาสะกิดเตือนโสตประสาท ธรณินจึงถอนจูบออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ส่วนคนโดนจูบปากเจ่อตาลอยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
.
.
.
.
.
และกรุณาอย่าถามถึงทีมงาน ฟินเลือดกำเดาแตกกันยกกอง!!!
TBC...
Happy Valentine's day