ตอนที่7
#ชิงชังหัวใจ
ชลียืนมองตัวเองอยู่หน้าตู้กระจก ภาพที่สะท้อนคือชายหนุ่มรูปร่างสูงหน้าตาดี หากแต่ใบหน้ากลับดูเคร่งเครียดเพราะเรียวคิ้วเข้มที่ขมวดมุ่น รวมไปถึงแววตาคู่คมที่กำลังสะท้อนความคิดวุ่นวายภายในหัว ยกมือขึ้นยีผมอย่างหงุดหงิด อยากจะกระชากภาพของอัศนีออกจากหัวไปให้หมด ภาพในตอนที่อีกฝ่ายนั่งนัวเนียอยู่กับทินกรบนเตียงยังคงติดตา ไหนจะรอยยิ้มยียวน แววตาเชิญชวนที่เหมือนอีกคนแทบจะมองเขาทะลุและเห็นร่างกายของเขาผ่านเสื้อผ้าได้
อัศนีมักทำเหมือนเชื้อเชิญและสนใจ หากแต่ในบางเวลาก็ทำเหมือนเขาเป็นเพียงฝุ่นและไม่มีชลธีในสายตา
คนแบบอัศนีชอบทำเหมือนคนอื่นเป็นของเล่น ดูเหมือนคำนี้จะเป็นความจริงเหมือนอย่างที่ใครต่อใครบอก
...หมับ... แต่แล้วชลธีหลุดออกจากภวังค์ เมื่อแรงกอดจากด้านหลังปรากฏพร้อมภาพในกระจกที่สะท้อนภาพของแม่สาวคนสวย อรดาส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม ท่าทางน่ารักที่ทำให้ชลธีสามารถเผยรอยยิ้มออกมาได้
“วันนี้พี่ธีไม่ไปทำงานได้ไหมคะ เราออกไปเที่ยวกันไหม” เธอถามเสียงออดอ้อน
“ไม่ได้หรอกค่ะ ไว้วันหลังนะ ช่วงนี้งานพี่ยุ่งมาก” แต่แล้วรอยยิ้มของอรดาต้องหุบลง คนแบบชลธีไม่เคยที่จะปฏิเสธหรือไม่ตามใจเธอ ขนาดประชุมใหญ่ของบริษัทอีกฝ่ายยังยอมเลื่อนเพียงเพราะอรดาอยากจะไปทานอาหารมื้อหรูเลย หญิงสาวไม่พอใจ แต่เธอไม่ได้แสดงท่าทีอะไรแถมยังฝืนยิ้ม
“ก็ได้ค่ะ งั้นไว้วันหลังเนอะ” เธอไม่อยากหลุดจากภาพลักษณ์สาวเรียบร้อยที่มีต่อสายตาของชลธี หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จชลธีเดินลงมาส่งอรดาที่รถคันสวยที่ทางด้านของชายหนุ่มเป็นคนออกเงินซื้อให้เองกับมือ อรดาขับรถออกไปแล้ว ตอนนี้เหลือชลธีที่กลับขึ้นไปบนห้องเพื่อแต่งตัวเตรียมออกมาทำงาน
มาทำงานตรงเวลาในรอบสองปีแรกเลยก็ว่าได้
แถมสายตายังชำเลืองมองนาฬิกาอยู่หลายต่อหลายครั้ง
..แกร๊กกก.. และในตอนเก้าโมงตรงประตูห้องทำงานถูกดันเปิดเข้ามา แต่เมื่อหันกลับไปมอง ใบหน้าของชลธีนิ่งขึ้นทันที
“เอ่อ...อันนี้เป็นแพคเก็จของน้ำหอมครับ ถ้าคุณชลธี...” คนที่พูดอยู่คือเลขาตัวเล็กของอัศนี
“ไหนคุณอัศนีบอกว่าจะเอาเข้ามาให้ผมดูด้วยตัวเอง”
“คือว่า ช่วงนี้คุณอัศนีเขา...”
“บริษัทคุณนี่ผิดคำพูดกันมาก!บอกว่าจะให้ผู้บริหารเข้ามา แต่ดันกลายเป็นเลขาที่มาแทน!”
..หมับ!!.. ชลธีเดินเข้าไปแย่งแฟ้มในมือของเลขาตัวน้อยที่ยืนตัวสั่น ก่อนจะเดินปึงปังออกจากห้องไป
..ปัง..!! เสียงปิดประตูห้องดังลั่นทำคลีนถึงขั้นสะดุ้ง ริมฝีปากเล็กเบ้ออกจากกัน ใบหน้าจวนจะร้องไห้เต็มทีว่าตัวเองทำอะไรผิด ยกมือขึ้นเกาหัว มองตามหลังของชลธีไปอีกรอบ
“โอ้ย ทำอะไรผิดวะเนี่ยย...” โอดครวญกับตัวเองเสียงอ่อน นึกสงสัยว่าเจ้านายทนเจอชลธีตอนหงุดหงิดไปได้ยังไง
เพราะลำพังแค่เขาเจอไปเมื่อครู่ ขนาดโดนตะคอกใส่แค่นั้นคลีนยังแทบจะฉี่ราดแล้ว
คนแบบชลธียังกับปีศาจในคาบเทพบุตรชัดๆ บรึ้ยย แค่คิดถึงหน้าเขาก็ขนลุกไปหมด
...................................
..................
...แกร๊กกกก!!!.. อัศนีสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงเปิดประตูห้องทำงานที่ดังขึ้นกะทันหัน เสียงรองเท้าที่เดินตึงตัง เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่ชลธีเลื่อนออกเพื่อนั่ง ก่อนจะตามมาด้วยแฟ้มเอกสารที่ทางอัศนีถูกใครอีกคนโยนใส่
“ไหนว่าคุณจะเอาตัวอย่างแพ็คเกจมาให้ผมดูเอง” ชลธีคิ้วขมวด ใบหน้าหงุดหงิดเหมือนอย่างทุกครั้งที่เคยเห็น
“ช่วงนี้ผมยุ่งๆกับเรื่องที่ต้องสั่งผลิตน้ำหอมล็อตใหม่ไปลงที่ห้างxxx” ได้ยินชื่อห้างชลธีย่นจมูก
“อ๋อ ห้างของแฟนเก่าคุณน่ะเหรอ” คนถูกถามอย่างอัศนีชะงัก
“อืม ใช่ครับ” แต่ก็ตอบรับตามตรงเพราะยังไงชลธีก็รู้เรื่องของอัศนีกับทินกรแล้ว
กระทั่งที่เห็นว่าใบหน้าของชลธีหงิกงอ เห็นแบบนี้อัศนีกลั้นยิ้ม
“คุณไม่พอใจที่ผมไม่ไปบริษัทคุณเหรอครับ?” อัศนีวางงานในมือ เงยหน้ามองเพื่อจะได้คุยกับคนที่อยู่ตรงข้าม
“ก็...ก็ไม่เชิง ผมแค่คิดว่า การที่คุณจะผิดคำพูดก็ควรจะแจ้งกันก่อน แบบนี้หยามกันชัดๆ”
“โอเค ถ้างั้นผมขอโทษนะ”
“...........” อัศนีขอโทษง่ายเกินไปแต่ทางชลธีก็พยักหน้ารับ ท่าทางแตกต่างจากก่อนหน้าที่ดูโมโหร้าย
“แล้วคุณได้ดูแพ็คเก็จของตัวน้ำหอมไปหรือยัง ผมพยายามดีไซน์ให้มันดูเข้ากับรถของคุณ”
“ยังไม่ได้ดู” เสียงของชลธีอ้อมแอ้ม เหมือนย้ำว่าตัวของชลธีมัวแต่หัวร้อนจนไม่สนใจงาน อัศนียิ้มอ่อน
“งั้นลองเปิดดูสิ เผื่อถ้าอยากให้แก้ตรงไหนก็จะได้บอกผมเลย”
“อืม” คนอายุน้อยกว่าครางรับ มือขาวเปิดแฟ้มดู ด้นในเต็มไปด้วยภาพน้ำหอมจากหลายมุม มีหลายแบบให้เลือกพอสมควรว่าชลธีจะถูกใจแบบไหน เป็นอัศนีที่เริ่มจะได้เห็นในตอนที่ชลธีคิ้วขมวดเพราะกำลังคิดเรื่องงาน ใบหน้าเคร่งเครียดที่ดูแตกต่างจากตอนโวยวายหรือเอาแต่ใจเป็นเด็ก เขาลอบยิ้ม จนที่ชลธีเงยหน้ามองมาพร้อมตั้งคำถาม
“คุณมองหน้าผมแล้วยิ้มทำไม”
“เปล่า ผมแค่ดีใจที่คุณดูพอใจกับงานของทางผม”
“เหอะ ให้มันแน่”
“วางใจได้คุณชลธี ถึงผมจะชอบคุณ...แต่ผมแยกแยะเวลางานกับเวลาส่วนตัวได้” เหมือนชลธีโดนด่าทางอ้อม ทำเอาคนอายุน้อยกว่าแยกเขี้ยวใส่ ทางอัศนีส่ายหน้า จริงจังได้ไม่เท่าไหร่ชลธีก็กลับมางอแงเอาแต่ใจเหมือนเดิมแล้ว
“ผมชอบอันนี้ แต่ถ้าแก้ตรงมุมขวดตรงนี้ กับตัวฝาสักหน่อย” ชลธีพูดยงไม่ทันจบ
“งั้นเดี๋ยวผมส่งไปให้ทีมออกแบบผมแก้ให้”
“ไม่ต้องเสียเวลาขนาดนั้น ในคอมคุณมีโปรแกรมออกแบบหรือเปล่า” เมื่อถูกถามอัศนีพยักหน้า เพียงเท่านั้นที่ชลธีลากเก้าอี้เข้ามานั่งข้าง มือที่กดเปิดแมคบุ๊คของอัศนี พร้อมการกดเข้าโปรแกรมและแก้แพคเกจสินค้าให้ อัศนีลืมไปสนิทว่าตัวของชลธีเองนี่หน่าที่ออกแบบรถเองทั้งคัน เพราะฉะนั้นกับแค่ลำพังขวดน้ำหอมนิดเดียวคงไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย
“คุณมีพรสวรรค์ด้านนี้นะ” อัศนีชมอย่างจริงใจ ทางชลธียักไหล่
“แล้วคุณหละ เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาเมื่อวันก่อน กลับมาทำงานได้แล้วเหรอ” คำถามนี้ที่ทำให้อัศนีพยักหน้ารับ
“ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แถมงานก็เยอะ...ถ้ามัวแต่สำออยคงเสียเงินฟรีไปหลายล้าน”
“คุณแพ้อาหารทะเลขนาดนั้น คุณจะฝืนกินทำไม”
“ก็คุณอยากให้ผมกินไม่ใช่เหรอครับ” อัศนีพูดทั้งกลั้วเสียงหัวเราะ ยิ่งทำให้ชลธีรู้สึกว่าตัวเองคือต้นเหตุ
“โง่กินเองชัดๆ” ชลธีพูดพึมพำ อัศนีไม่ถือสาเพราะเจอชลธีมาหลายรูปแบบจนปลงไปหมดแล้ว นั่งเฝ้าจนชลธีทำงานเสร็จเรียบร้อย ตอนนี้ตัวแบบของทั้งรถและน้ำหอมเสร็จครบทุกอย่าง งานเปิดตัวในอีกเดือนหน้าคงจะใกล้จริงเข้ามาทุกที
“เออใช่สิคุณชลธี ผมทราบแค่ว่าพรีเซ็นเตอร์ฝ่ายผู้หญิงคือคุณอรดา แต่ฝ่ายผู้ชาย”
“ไอ้เขต น้องผมไง” แล้วคำตอบของชลธีทำอัศนีต้องเลิกคิ้ว
“ธาราเขต?”
“ใช่ ไอ้เด็กปัญญาอ่อนคนนั้นแหละ” โลกกลมกว่าที่คิดเอาไว้มาก อัศนีไม่ได้ตอบไลน์ของธาราเขตเพราะไม่ว่าง ทำให้เขาห่างกันออกมาทั้งที่นัดหมายไว้ว่าจะมาเจอกันที่ฟิตเนส น้องชายของชลธีหน้าตาดีไม่น้อยไปกว่าพี่ชาย แต่อัธยาศัยดีกว่ามากแถมยังดูจะชื่นชอบในตัวของอัศนีอีกด้วย แล้วหากว่าชลธีได้รู้ว่าอัศนีรู้จักกับธาราเขตเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว อีกคนจะมีปฏิกิริยายังไงอีกเนี่ย
“ไว้วันหลังผมจะพาคุณไปทานข้าวกับมันแล้วกัน”
“ก็ดีครับ” อัศนียิ้มรับ หากได้เจอธาราเขตอีกครั้งเจ้าเด็กนั่นจะต้องโวยวายที่เขาไม่ยอมตอบไลน์
ตอนนี้งานเสร็จเรียบร้อย ชลธีควรจะกลับได้แล้วแต่อีกคนยังนั่งอยู่เหมือนว่ารอให้อัศนีพูดอะไร
เจอแบบนี้อัศนีหัวเราะในใจ
“ตอนเย็นคุณว่างไหม เราไปฟิตเนสกันหน่อยไหม” แล้วเมื่ออัศนีถามไปทางด้านชลธีแอบลอบยิ้มอย่างผู้ชนะ
“ผมต้องดูก่อน ถ้าว่างจะทักไลน์มาบอกอีกทีแล้วกัน”
“ได้ครับ”
“แต่ผมบอกไว้ก่อนเลยนะ...” ชลธีชี้หน้า
“..........”
“เป็นเพราะยังต้องร่วมงานกัน ผมถึงต้องฝืนอยู่กับคุณ...ถ้าจบงานนี้เมื่อไหร่ คุณกับผมก็แค่คนที่ไม่มีวันญาติดีกันเหมือนเดิม” อัศนีเลิกคิ้ว
“ได้ ตามใจคุณเลย” แต่ก็ยอมที่จะรับปากไปแบบงุนงง ในตอนที่ชลธีจะกลับตัวของอัศนีเดินตามออกไปเพื่อลงไปส่งที่รถ ถือว่าคือมารยาทที่ต้องทำเมื่อมีแขกหรือลูกค้ามาหาถึงบริษัท ตลอดทางมีแต่คนให้ความสนใจ เมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์กันตามลำพังเป็นอัศนีเองที่อดไม่ได้ที่จะลอบมองใบหน้าของอีกฝ่าย
ยังไม่เคยมีโอกาสได้เห็นลักยิ้มของชลธีเลยสักครั้ง
ทำยังไงถึงจะได้เห็นแบบต่อตาตัวเองเนี่ย
“...........” ชลธีเล่นโทรศัพท์ตลอดทาง แอบเห็นว่าคุยกับเพื่อนในแชทกลุ่ม ทางด้านของอัศนีเดินตามหลัง เขาเห็นแล้วว่ามีแสงไฟจากรถที่สาดเข้ามาแต่เหมือนว่าชลธีจะไม่เห็นเพราะไม่ได้สนใจมอง จนอัศนีต้องเบิกตากว้าง
“....!” ออกแรงคว้าต้นของชลธี
..หมับ!ผลั้ก!!.. ก่อนจะรั้งคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวให้หลบจากทางของรถยนต์ที่กำลังวิ่ง เกือบไปแล้วนิดเดียวเท่านั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากจนอัศนีใจหายและหายใจรัวด้วยความตกใจ ถ้าเขาไปคว้าไว้ไม่ทันมีหวังได้มีคนเจ็บตัวแน่ อัศนีมองตามรถคันนั้นไปจนลับสายตา จนเมื่อหันกลับมามองที่ชลธีอีกที
สองแขนของอัศนีที่วางคร่อมคนที่นอนพิงอยู่บนกระโปรงรถ
ส่วนแขนของชลธีคว้าจับอยู่ที่รอบเอวของเขา อัศนียืนอยู่ระหว่างกลางเรียวขาของคนใต้ร่าง
“คุณจะออกไปได้หรือยัง” กระทั่งที่เสียงจากชลธีดังขึ้นตัวของอัศนีเหมือนได้สติ เขารีบผละออก
“เดินดูรถหน่อยสิคุณ” อัศนีพูดเสียงเชิงห้ามปราม
“ช่างเถอะ ขอบใจแล้วกัน” แต่ทางด้านของชลธีตัดบท เขาเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ ขับรถออกมาโดยที่สายตายังมองอัศนีผ่านกระจกด้านข้าง เห็นว่าอัศนีเดินกลับออกไปแล้ว ซึ่งในตอนนี้เป็นตัวของชลธีที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
เมื่อกี๊ที่อยู่แนบชิดกับอัศนี เขายอมรับอย่างเต็มปากว่ากลิ่นของอีกคนหอมมาก
รอบเอวของอีกคนที่จับถนัดและเต็มไม้เต็มมือ ตอนนี้ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ทินกรดูหลงใหลร่างกายของอัศนีนัก
...เพราะผู้ชายแบบอัศนี มีเสน่ห์กับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย..
# # # # # # # # # #
อย่าเพิ่งตกม้าตายนะคะ555