2.
ร่างเล็กที่นอนหมดเรี่ยวแรงอยู่บนเตียงค่อยๆปรือตาขึ้นจากการหลับใหลอย่างเชื่องช้า ความรู้สึกร้าวระบมจนสะโพกแทบครากแล่นเข้าเล่นงานจนต้องนิ่วหน้า ปากบางก็บิดเบ้อย่างเจ็บปวด สิ่งแรกที่คนพึ่งตื่นทำคือหันมองบรรยากาศรอบตัวก่อนจะพบว่าทุกอย่างเรียบร้อยกว่าที่มันควรจะเป็น เสื้อผ้าระเกะระกะบนพื้นนั้นหายไป รวมทั้งคนที่เป็นแฟนหมาดๆด้วยเช่นกัน
ใบหน้าสวยขมวดคิ้วมุ่น อารมณ์หงุดหงิดเกิดขึ้นมาทันทีเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอคนที่ควรเจอ ทำแบบนี้มันให้ความรู้สึกเหมือนไม่ใช่แฟนแต่เป็นพวกวันไนท์สแตนด์ที่เอากันเสร็จก็แยกย้าย แฟนเข่นเขี้ยวในใจ ในหัวเกิดความวูบไหวและโมโหเพราะไม่มีอะไรที่จะติดต่ออีกฝ่ายได้เลยซักอย่าง
เอาเสร็จแล้วก็ไปอย่างนี้จะขอเป็นแฟนเหี้ยอะไรกันวะ!
เรือนร่างบอบบางยั่วเย้ากอดกระชับผ้าห่มผืนหนาเข้าหาตัวก่อนจะก้าวขาลงจากเตียงเพื่อพาตัวเองไปยังห้องน้ำ ทว่าในจังหวะนั้นสายตาเฉี่ยวสวยก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างบนโต๊ะข้างหัวเตียง
กูมีธุระ เสร็จแล้วเดี๋ยวกลับไปหาอย่าไปไหน
เซฟเบอร์โทร แอดไลน์ ทุกอย่างไว้ให้ในเครื่องแล้ว มีอะไรก็โทรมา
ตัวมึงอุ่นๆ ทำข้าวต้มไว้ กินเสร็จแล้วกินยาด้วย
หิน.
ทันทีที่อ่านจบใบหน้าสวยก็พลันรู้สึกวูบวาบ ภายในอกสั่นไหวแปลกๆกับการกระทำที่ดูราวกับใส่ใจจนต้องยกมือขึ้นมากุมมันเอาไว้ ความหงุดหงิดก่อนหน้าสลายหายไปแทบจะทันที
มือเล็กวางโน้ตที่เขียนด้วยลายมือหวัดๆลงที่เดิมก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดู เลื่อนหารายชื่อแปลกตาที่ถูกเพิ่มเข้ามาด้วยใจสั่นๆ
‘ผัว’ ไอ้เหี้ยนี่ ดูมันเซฟชื่อ!
ทั้งที่ควรโมโหแต่ไม่รู้ทำไมแฟนกลับไม่คิดจะเปลี่ยนมัน ตาเฉี่ยวจ้องมองดูชื่อบนหน้าจอนิ่งก่อนจะกดออกแล้วเข้าไปยังแอพพลิเคชั่นไลน์ เพื่อนใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาโดยอัตโนมัติจากการเซฟเบอร์ปรากฏเป็นชื่อเดียวกัน พอลองเข้ามาดูเฟซบุ๊กและเช็คการค้นหาล่าสุดชื่อที่ถูกค้นก็คือ ‘Sila Kananon’ แถมยังเป็นเพื่อนกันแล้วเรียบร้อย
อืม ชื่อเล่นชื่อหิน ชื่อจริงชื่อศิลา พ่อแม่เข้าใจตั้งดี
นิ้วมือเรียวไม่ลังเลซักนิดกับการกดเข้าไป แอบส่องอะไรต่างๆก็พบว่ามันมีเพื่อนเยอะอยู่ไม่น้อย ส่วนมากจะเป็นผู้หญิงและเคะน่าตาน่ารักๆ แฟนเบ้ปากใส่อย่างหมั่นไส้เมื่อเห็นอย่างนั้น หน้าฟีดมันไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวอะไรซักเท่าไหร่ มีแค่แชร์ลิงค์เพลงบ้างแล้วก็มีรูปที่เพื่อนแท็กมา
พอสำรวจจนพอใจมือเล็กจึงกดออกก่อนจะเข้าไปดูที่เมนูรายชื่ออีกครั้ง เลื่อนไปกระทั่งถึงรายชื่อใหม่ล่าสุดที่พึ่งถูกเพิ่มเข้ามาแล้วกดโทรออก
รอสายจนเกือบจะหัวร้อนขึ้นมาอีกฝ่ายถึงได้กดรับ
(ว่า?) รับโทรศัพท์อย่างนี้ก็ได้เหรอ
“อยู่ไหน” เสียงเล็กเอ่ยติดสะบัด เสียงรอบตัวจากปลายสายเหมือนว่ากำลังอยู่ข้างนอก ไม่ใช่ที่มิดชิดเพราะได้ยินเสียงรถและเสียงจอแจดังไม่ห่าง
(ข้างนอก อีกเดี๋ยวก็เสร็จ พึ่งตื่น?)
“อือ โทรมาเช็คว่ามึงไม่ได้ฟันกูแล้วทิ้ง” ตอนที่ตื่นมาแล้วไม่เห็นใจมันวูบโหวงกลัวว่าอีกฝ่ายอาจจะแค่พูดไปอย่างนั้น พอตอนเช้ามีสติครบถ้วนก็หนีกลับไป
(หึ เด็ดขนาดนั้นทิ้งไม่ลงหรอก...แค่นี้ก่อน อีกชั่วโมงเดี๋ยวกูไปหา อาบน้ำกินข้าวกินยาให้เรียบร้อย)
ประโยคหลังนั้นชวนให้คนฟังรู้สึกดี หากแต่ประโยคก่อนหน้าทำเอาอยากจะทุบหน้าคนพูดแรงๆเป็นของแถม ขอให้ทิ้งไม่ลงอย่างที่พูดจริงๆเถอะ!
“อือ แค่นี้แหละ”
(ครับเมีย) เสียงสัญญาณถูกตัดไปทันทีที่ปลายสายพูดจบ แฟนนั่งนิ่งถือโทรศัพท์แนบหูค้างไว้อย่างนั้นทั้งด้วยเพราะคำตอบรับที่เพราะเกินกว่าคนเถื่อนอย่างมันจะรู้จักพูดและสถานะที่ได้ยิน
“เขินทำไมวะเนี้ย!”
คนตัวเล็กสบถกับตัวเองก่อนจะส่ายหน้าเบาๆไล่ความร้อน พอดึงสติกลับมาได้ก็รีบลดโทรศัพท์ในมือลงแล้ววางเอาไว้ที่เดิมก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
ร่างบางชำระร่างกายและแช่ตัวที่แสนเมื่อยล้าจนรู้สึกดีขึ้นก่อนจะออกมาแต่งตัวจนเรียบร้อย เสียงลากเท้าดังแผ่วเบาตรงไปทางห้องครัวพลางกวาดสายตามองจนพบเข้ากับถ้วยอะไรบางอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารพร้อมด้วยฝาชีที่ครอบเอาไว้และแผงยาที่วางอยู่ข้างกัน
‘ถ้ามันเย็นก็เอาเข้าไมโครเวฟ’ โน้ตสั้นๆถูกแปะเอาไว้บนฝาชี ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันเมื่อไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะใส่ใจถึงขั้นทำอาหารและเตรียมยาเอาไว้ให้ แฟนหยิบถ้วยข้าวต้มหมูหน้าตาน่าทานไปเข้าไมโครเวฟก่อนจะกดอุ่นจนเรียบร้อย
เสียงเลื่อนเก้าอี้ดังขึ้นก่อนร่างเล็กจะทรุดตัวนั่ง ตรงหน้านั้นคือข้าวต้มที่กำลังส่งกลิ่นหอมฉุยจนท้องร้องประท้วง แฟนไม่รอช้าหยิบช้อนขึ้นมาตักมันเข้าปากด้วยความหิว
อืม รสชาติดีเลย ไม่น่าเชื่อว่าห่ามๆแบบนั้นจะทำอาหารได้
ใบหน้าสวยเอียงมองอาหารตรงหน้าก่อนจะตักข้าวต้มเข้าปากเรื่อยๆกระทั่งมันหมดลง หลังจากรออาหารย่อยก็หยิบยาที่ถูกวางไว้ข้างกันขึ้นมาทานให้เรียบร้อยก่อนจะเดินออกมานั่งดูทีวีอย่างไม่รู้ว่าจะทำอะไร ไม่นานนักหูก็พลันได้ยินเสียงตะกุกตะกักมาจากทางประตู
“มึงเข้ามาได้ไง”
เจ้าของห้องเอ่ยถามเมื่อเรือนร่างสูงใหญ่ย่างกรายอาดๆเข้ามาหา อีกฝ่ายเลิกคิ้วก่อนจะชูกุญแจและคีย์การ์ดในมือขึ้นให้ดูเป็นการตอบคำถาม ตาโตเฉี่ยวจ้องมองแฟนหมาดๆของตัวเองอย่างไม่รู้จะว่าอะไรกับการกระทำนั้น ทว่าก็ไม่ได้ไม่พอใจแต่อย่างใด
เป็นแฟนกันแล้ว อะไรของเขาก็เหมือนของมัน เรื่องเล็กน้อยที่แฟนไม่ได้ถือสา “กินยารึยัง”
หินเดินเข้ามาหาก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างกัน ยามได้เห็นอีกฝ่ายอย่างใกล้ชิดเต็มตาในตอนสว่างและไร้ซึ่งแอลกอฮอล์แฟนก็อดยอมรับไม่ได้ว่ามันหล่อ
ใบหน้าคมดูดุนิดๆ ทุกอย่างโดยรวมคือหล่อเถื่อน ไหนจะดวงตาคมกริบ ผมตัดสั้น และร่างกายแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ไม่ว่าใครที่ได้เห็นก็ต้องจับจ้อง
“กะ กินแล้ว”
เสียงกระแอมไอในลำคอดังขึ้นก่อนเอ่ยตอบ กว่าจะรู้ตัวว่าเผลอจ้องมองอีกฝ่ายนานเกินไปก็เป็นตอนที่หินเลิกคิ้วใส่อย่างถามว่ามีอะไร
“กินแล้วทำไมไม่นอน”
ร่างสูงถามเสียงนิ่ง ขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมกับฝ่ามือหนาที่ยกมาวางลงบนหน้าผากเล็ก คนที่ไม่ได้ตั้งตัวเกือบจะผงะถอยหลังไปทว่าความรู้สึกอุ่นๆก็รั้งไว้ให้ยังนิ่งเฉย
“ไม่ง่วง”
แม้จะเพลียแต่กลับไม่ได้รู้สึกอยากนอน อีกฝ่ายเอามือออกไปเมื่อวัดไข้เรียบร้อยก่อนจะหันไปถอดแจ็คเก็ตสีดำตัวนอกออกแล้ววางพาดไว้กับพนักโซฟา
“ตัวยังอุ่นอยู่ ไปนอน” มันหันมาพูดพร้อมกับทำหน้าดุ
“ไม่เอา” ก็คนมันไม่อยากนอนนี่
“ดื้อทำไมวะ นี่เมียหรือลูก”
ปึก
ทันทีที่มันพูดเสร็จมือเล็กก็จัดการทุบอกแน่นๆนั่นทีนึงเพราะคำพูดกวนอารมณ์ มาถึงก็บังคับเอาๆแถมยังพูดหน้าดุแบบนี้ใครจะอยากทำตามกัน
คนโดนทุบหันมามองแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรที่โดนทำร้ายร่างกาย ขณะที่คนทำก็เบนหน้าไปมองโทรทัศน์อย่างไม่อยากคุยด้วย
เพลียก็เพลีย ระบมไปทั้งร่างแล้วยังจะมาทำหน้าดุใส่กันอีก
“เอ้า งอนกูอีก”
“...”
“ไม่เป็นห่วงจะพูดไหมวะ” ราวกับการโลกเอียงวูบไปข้างหนึ่งจนใจแทบเสียการทรงตัว อีกฝ่ายพูดออกมาเรียบๆราวกับพูดเรื่องทั่วไปหากแต่คนฟังกลับไม่เป็นอย่างนั้น อยากหันไปมองหน้าคนพูดแทบตายแต่ต้องปั้นหน้าเป็นนิ่งเฉย อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะทำยังไง
“ไม่ง้อ กูง้อเป็นอยู่วิธีเดียว”
“อะไร” ได้ยินดังนั้นก็อดที่จะหันมาพูดด้วยไม่ได้ อยากรู้ว่าวิธีที่ว่าคือวิธีอะไร
“เอา” คำตอบนั้นทำให้คนตั้งใจฟังแทบอยากจะยกมือขึ้นมาทุบมันอีกรอบ ในหัวคิดเป็นแต่เรื่องนี้เรื่องเดียวจริงๆ “หรือที่งอนเพราะอยากให้กูง้อ”
“ไม่อยาก!”
แฟนเอ่ยตอบเสียงดังเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างนั้นจริงๆ ไอ้ที่โดนมาเมื่อคืนยังร้าวระบมไม่หายถ้าหากโดนซ้ำอีกคงไม่ต้องเดินไปไหนกันพอดี
หินยักไหล่ไม่ได้ว่าอะไรเพราะตั้งใจแกล้งพูดให้อีกคนอารมณ์ดีขึ้นก็เท่านั้น ร่างสูงขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเอนตัวลงนอนวางหัวลงบนตักเล็กที่มีหมอนวางอยู่อย่างถือสิทธิ์
“ทำอะไร” แม้จะแปลกใจกับการกระทำนั้นแต่แฟนก็ไม่ได้ลุกออกแต่อย่างใด
“มึงไม่อยากนอนแต่กูอยาก เมื่อเช้าแทบไม่ได้นอนก็ต้องออกไปอีก”
ร่างสูงพูดพร้อมกับหลับตาลง แฟนอาจจะรู้สึกแปลกที่มีคนมานอนหนุนตักอยู่อย่างนี้แต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกไม่ชอบอะไร ใบหน้าคมนั้นมีแววเหนื่อยอ่อนอย่างที่พูดจริงๆ
“ไปทำอะไร”
“งาน”
“งานอะไร”
“เดี๋ยวค่อยรู้...
กูไม่รวย ไม่ใช่ไฮโซ รถก็มีแค่มอไซด์ พักอยู่อพาร์ทเมนต์ธรรมดา มึงรับได้ไหม?” อยู่ดีๆคนที่นอนอยู่บนตักก็เอ่ยไปถึงอีกเรื่อง แฟนชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ตาโตเฉี่ยวจ้องมองใบหน้าของคนที่หลับตาลงนิ่งทบทวนทุกอย่างทุกเหตุการณ์และความรู้สึกที่เกิดขึ้น
แน่ล่ะ ใครก็อยากได้แฟนรวยทั้งนั้น...แต่มันก็ไม่ใช่ปัจจัยหลักของทุกอย่าง
“กูไม่ได้คบคนที่เงิน”
ครอบครัวของแฟนรวยก็จริงแต่ทุกคนไม่เคยสอนให้คบคนที่ฐานะ เงินไม่ใช่สิ่งที่การันตีว่าคนคนนั้นนิสัยดี เรื่องแบบนี้มันวัดกันไม่ได้เลย
“แน่ใจ? เลิกตอนนี้ยังทัน”
หินลืมตาขึ้นมามองใบหน้าสวยที่ตัวเองกำลังใช้ตักเป็นต่างหมอน ออกจะแปลกใจซักหน่อยที่ได้ยินคำตอบไวกว่าที่คิดเอาไว้ นึกว่าอีกฝ่ายจะต้องใช้เวลาคิดนานกว่านั้นเมื่อได้รับรู้สิ่งที่บอก
“ให้กูคบวันเดียวแล้วเลิกจะมาขอเป็นแฟนทำห่าไร”
ตาเฉี่ยวสวยค้อนมองกันอย่างดูท่าว่ากำลังจะเริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง ท่าทางที่คนมองไม่ได้นึกรำคาญหากแต่คิดว่ามันดูน่ามองไปอีกแบบ
หินชอบเวลาที่เห็นอีกฝ่ายทำหน้าเชิดๆใส่แล้วตวัดเสียงพูดด้วย ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคจิตหรือว่าอะไรแต่มันมีความรู้สึกชอบมอง สนุกดี
“หึ” ตาคมทอดมองใบหน้าสวยที่ติดบึ้งตึงก่อนจะหลุดเสียงหัวเราะในลำคอ อืม ยิ่งมองยิ่งสวย
“แต่กูมีข้อแม้ ถ้ามึงคิดว่าทำไม่ได้ก็เดินออกจากห้องไปไม่ต้องติดต่อกันอีก” คิ้วหนาเลิกขึ้นนิดๆเมื่อได้ยินสิ่งที่แฟนหมาดๆของตัวเองพูดออกมา
“อะไร”
“มึงต้องอดทนและพยายามเพื่อกูได้ทุกอย่าง”
ประโยคที่ไม่ได้ยาวและมีความหมายโดยกว้างทำเอาคนฟังแปลกใจไม่น้อย สองสายตาสบกันนิ่ง ต่างฝ่ายต่างคิดอะไรกับตัวเองเงียบๆ
“พยายามกับอะไร” หินถามออกมา
“อะไรก็ตามที่มึงจะสามารถทำเพื่อกูได้”
“อืม...ข้อนี้ทำได้ง่ายกว่าอดทน”
คนที่นอนอยู่แกล้งเอ่ยพูดพร้อมกับยกยิ้มน้อยๆอย่างตั้งใจกวนอารมณ์ และมันก็ดูเหมือนจะได้ผลเมื่อใบหน้าสวยงอง้ำพลางเอ่ยถามเสียงขุ่น
“หมายความว่าไง”
“มึงเองก็ต้องเอาแต่ใจให้น้อยลง กูเป็นคนมีความอดทนต่ำ...แต่สัญญาว่าจะอดทนและพยายามอย่างที่มึงต้องการ”
กับคนอื่นถ้าเป็นอย่างนี้คนอย่างหินคงไม่ทน แต่ตั้งแต่ที่อยู่ด้วยกันเมื่อคืนจนถึงตอนนี้กลับไม่ได้รู้สึกรำคาญอีกฝ่ายแต่อย่างใด แม้ไม่แน่ใจนักว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไงแต่ก็จะพยายามทำทุกอย่างให้ดี ไม่ได้คิดจะคบเล่นๆอย่างที่อีกฝ่ายนึกกังวลแน่นอน
“ถ้ามึงพยายามกูก็จะพยายาม”
แฟนรับคำเสียงแผ่ว อาจไม่มั่นใจว่าจะทำได้ดีแต่จะพยายามลดความเอาแต่ใจและความใจร้อนของตัวเองลง ที่ตกลงคบด้วยมันไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบและอยากรักษาความสัมพันธ์นี้เอาไว้ให้นานที่สุด
การคบกับใครซักคนก็ต้องหวังว่าเขาจะเป็นคนสุดท้ายทั้งนั้น
“ดีมาก...เอาล่ะ ถ้ามึงมีอะไรที่อยากรู้เกี่ยวกับกูก็ถามมา จะตอบทุกอย่าง” หินเอ่ยพร้อมทั้งขยับตัวเล็กน้อย ยังคงนอนอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่ได้ลุกไปไหนให้แฟนก้มลงมามองและนึกคิด
หลังจากนั้นต่างฝ่ายจึงต่างแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนตัวของกันและกันในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่ชอบ อาหารที่ชอบ อายุ การศึกษา ครอบครัว กระทั่งเวลาผ่านไปเรื่อยๆจนกลายเป็นชั่วโมง
เริ่มจากชื่อจริงนั้นคือ
นายศิลา คณานนท์ อายุ25 ซึ่งมากกว่าแฟนอยู่สามปี(แต่ไม่เรียกมันว่าพี่หรอก) ทำงานเป็นนักดนตรีที่ผับแห่งหนึ่ง บ้านเกิดอยู่จังหวัดขอนแก่น เรียนจบจากมหาลัยรัฐที่มีชื่อเสียงทางด้านดนตรี พักอยู่ห่างจากคอนโดนี้ไม่ไกลมากนัก กินได้ทุกอย่างแต่ไม่ชอบอาหารต่างชาติ ชอบดูบอล กิจกรรมที่ชอบที่สุดคือ...มีเซ็กส์
อันสุดท้ายมันยิ้มหน้าระรื่นบอกเองทั้งที่ไม่อยากรู้
ประมาณนี้จากประวัติโดยสังเขป ส่วนแฟนนั้นก็ไม่มีอะไรมาก บอกมันไปหมดแต่อีกฝ่ายก็ถามน้อยกว่าที่ถูกถาม
“กูทำงานตอนกลางคืน เวลางานไม่ค่อยพกโทรศัพท์ถ้าติดต่อไม่ได้ไม่ต้องโมโห”
“งี้กูก็เจอมึงได้แค่ตอนกลางวัน?”
“เจอได้ตลอดถ้ามึงอยากเจอ จะไปหาที่ผับก็ได้” หินตอบก่อนจะขยับพลิกตัวนอนตะแคงข้างแล้วซุกใบหน้าเข้าหาท้องแบนราบพร้อมกับเอื้อมมือไปคล้องเอวเล็กเอาไว้
“ไปนอนดีๆไหมล่ะ”
แฟนเอ่ยพูดและไม่ได้มีทีท่าจะขยับออก ได้กันมาจนขนาดนี้แล้วจะมาทำหวงตัวก็ไม่ใช่เรื่อง ร่างบางทำเพียงแค่ขยับตัวเล็กน้อย แม้ลมหายใจร้อนที่เป่าผ่านเสื้อตัวบางจะทำให้รู้สึกวูบไหวแต่ก็พยายามปั้นหน้านิ่ง
“ตัวมึงหอม”
พูดพร้อมกับซุกซบเข้าหาความหอมนั้นยิ่งกว่าเดิม คนที่นั่งอยู่เหลือบมองเส้นผมหนาสีดำบนตักตัวเองก่อนจะยอมนั่งนิ่งๆแล้วหยิบรีโมทมาเปิดรายการอื่นดู ผ่านไปไม่นานนักร่างสูงก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง คนที่ไม่ได้ตั้งตัวจึงสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเหลือบมองใบหน้าคมด้วยสายตามีคำถาม
“นอนตรงไหนได้ เดี๋ยวมึงปวดขา” พูดไปทั้งที่ตาปรือจะปิดลง
“ในห้องก็ได้ เปลี่ยนผ้าปูที่นอนแล้ว” ไม่เปลี่ยนก็ไม่รู้จะว่ายังไงเพราะสภาพมันช่างยับเยินและเปรอะด้วยคราบอะไรๆเต็มไปหมด
“พาไปหน่อย”
แม้จะแปลกใจที่อีกคนเอ่ยอย่างนั้นเพราะมันก็เคยเข้าออกห้องมาแล้วแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี คิดว่าคงเป็นเพราะความง่วงเลยทำให้สตินั้นหายไปและมีความมึนงง
แฟนวางรีโมทในมือลงก่อนจะเดินนำร่างสูงเข้ามายังห้องนอนที่เป็นสมรภูมิความร้อนแรงในค่ำคืนที่ผ่านมา กระทั่งเดินมาจนถึงเตียงอีกคนก็ทรุดตัวนั่งลงส่วนเจ้าของห้องนั้นเดินไปเปิดแอร์ให้เรียบร้อยเสร็จสรรพ
“มานี่หน่อย”
คนที่นอนลงบนเตียงเอ่ยเรียกจนต้องวางรีโมทแอร์ลงแล้วขยับเข้าไปใกล้ กระทั่งหยุดยืนอยู่ข้างเตียงกว้างร่างเล็กก็โดนแรงมหาศาลดึงรั้งให้นอนลงก่อนผ้าห่มผืนหนาจะตวัดมาคลุมตัว
“นอนด้วยกัน”
“บอกดีๆก็ได้ กูตกใจนะ!”
เสียงเล็กแหวเข้าให้ พยายามจะขยับตัวแต่ท่อนขาและอ้อมแขนแข็งแรงก็กอดก่ายเอาไว้แน่น ความใกล้ชิดที่ทำให้ได้กลิ่นน้ำหอมจางๆจากเรือนกายของกันและกัน ก่อนแฟนจะสะดุ้งเฮือกยามใบหน้านั้นซุกลงเข้ากับซอกคอของตัวเอง
“ตัวมึงอุ่นๆ ต้องนอน”
หินเอ่ยย้ำอีกรอบจนแฟนเหลือบมองหน้าคนพูดอย่างเบื่อหน่าย รู้แล้วว่าตัวเองตัวอุ่นแต่ขนาดคนป่วยเองยังไม่เดือดร้อนอะไรทำไมถึงบังคับกันนัก
“รู้แล้ว”
“รู้ก็นอน”
มือหนาเอื้อมมาปิดตาดวงโตเอาไว้ทั้งสองข้างจนคนถูกบังคับส่ายหน้าหนีแล้วส่งเสียงรำคาญ ขณะที่คนทำก็หัวเราะในลำคออย่างถูกใจก่อนจะยอมเอามือออกแล้วขยับนอนดีๆ
ไม่นานนักลมหายใจร้อนก็เข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ตาเฉี่ยวเหลือบมองคนที่ซุกอยู่กับตัวเองแล้วได้แต่ส่ายหน้า ไม่รู้ว่าเรื่องของเขากับมันจะเป็นยังไงต่อแต่ก็หวังว่าจะไปด้วยกันได้ดีอย่างที่คาดหวัง
แม้ว่าตอนเริ่มต้นจะไม่คาดคิดและรวดเร็วไปหน่อยก็ตาม✡✡✡✡✡✡✡✡✡✡✡✡✡
ในเล้าจะลงเท่านี้นะคะ(เพราะเป็นหมวดเรื่องสั้นเนอะ) แต่ด้วยเพราะฟีลคนเขียนอยากเขียนให้เป็นเรื่องเป็นราวกว่านี้มันเลยมีต่อ ใครชอบและอยากอ่านติดตามที่แฟนเพจได้นะคะ หรือใครจะอยากอ่านแค่เท่านี้ก็ไม่ว่ากัน
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
FP :
https://www.facebook.com/Writer-Ex-SoulL-713126712164342/