#5
คุณคือสมบัติล้ำค่าของผม
กาลครั้งหนึ่ง องครักษ์ผู้ต้อยต่ำได้หลงรักผู้สูงศักดิ์องค์หนึ่ง
คงไม่เคยได้ยินกันล่ะสิ? เพราะที่ผ่านมานิทานแสนหวานมักจะเริ่มต้นด้วยความรักของคนสองคนที่ต่างตกหลุมรักกันและกัน ก่อนจะจบด้วยความสุขชั่วนิรนดร์ ปิดเรื่องราวไปอย่างสวยงาม หล่อหลอมให้ใจคนคาดหวังว่าสักวันหนึ่ง ชีวิตของตนจะจบลงอย่างสวยงามเช่นในนิทาน
ในความเป็นจริงมันเคยมีเรื่องเช่นนั้นที่ไหน?
มีใครคนไหนบนโลกบ้างที่พบแต่ความสุข ไม่เคยพบความเจ็บปวด?
มีใครบนโลกที่ยิ้มหัวเราะท่ามกลางทุ่งดอกไม้และท้องฟ้าอันแสนงดงาม โดยไม่เคยค้นพบความหนาวเหน็บของสายฝนและรสชาติขมปร่าของหยาดน้ำตาที่อาบแก้ม
มีใครบ้างหรือ? ที่จะไม่เคยพบกับสิ่งที่เรียกว่าความเจ็บปวด
ในนิทานเรื่องนั้นที่มีองครักษ์เป็นตัวเอก สุดท้ายมันก็จบลงตรงที่องครักษ์ทำได้เพียงแค่เฝ้ามองแผ่นหลังคนที่รักเข้าพิธีวิวาห์กับใครอีกคนที่ตรงใจและสูงศักดิ์เทียบเท่าเป็นคราสุดท้าย ก่อนจะออกศึกและไม่ได้กลับมาอีกเลย
นิทานเศร้าๆ ที่คนไม่ชอบ นิทานที่จบลงอย่างผิดหวัง ไม่ตราตรึงใจเช่นรักแสนหวานที่เจ้าชายและเจ้าหญิงครองคู่กันอย่างมีความสุขชั่วนิรันดร์
แต่ใครเล่าจะรู้...ว่าเพราะความเศร้าไม่ใช่หรือ? ที่ทำให้คนเรารู้คุณค่าของรักที่คว้าได้ในฝ่ามือและทะนุถนอมมันให้ได้ดีที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะทำได้
ใครจะรู้ว่า เพราะมีคนผิดหวัง มันจึงได้มีคนอีกสองคนสุขสมหวัง
ใครเล่าจะรู้ว่าเบื้องหลังความสุขของใครบางคน ล้วนเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความทุกข์ของใครคนที่เต็มใจจะหลั่งมัน เพื่อปูเส้นทางที่งดงามเพื่อคนในใจให้ก้าวเดินสู่ความสุขที่เฝ้าคอยตลอดมา...
สิ่งที่ยากที่สุดคือการปิดสิ่งที่อยากจะพูดและแสดงออกในสิ่งที่ไม่ได้อยากทำ
ใครมันอยากจะฝืนตัวเองแบบนั้น...หากไม่ได้หวาดกลัวอะไรสักอย่าง
เขาเองก็เป็นเช่นนั้น
เขาเพียงหวาดกลัวว่าจะสูญเสีย...จนทำให้สูญเสียโอกาสที่จะพูดความจริงไปในที่สุด
“...ไม่เป็นไร” ตามเงียบไปครู่หนึ่งกับคำตอบที่มาพร้อมกับเสียงสะอื้นของเทียนที่ย้ำหลายต่อหลายครั้งว่า สุดท้ายแล้วพยายามไปเท่าไหร่ ก็ไม่อาจจะตัดใจจากผู้ชายคนนั้นได้
คงเพราะมันสำคัญจนเกินไป คงเพราะวันเวลามันยาวนานเกินไป มันนานจนมันไม่ใช่แค่ความผูกพัน...มันเป็นสิ่งที่เข้มแข็งกว่านั้น แต่ในขณะเดียวกันก็ช่างเปราะบางเสียจนหากไม่ระวัง วันหนึ่งมันจะพังทลายในคราเดียว
“ไม่เป็นไร ตัดใจไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องร้องไห้แล้ว”
“ฮืออ...”
“พอแล้วเทียน หยุดร้องไห้นะ”
“...” ใบหน้าเปื้อนน้ำตาส่ายไปมากับอกของเขา มันน่ารัก...แต่ตามกลับยิ้มไม่ออกเอาเสียเลย
ถ้าหากเป็นไปได้
หากแลกกันได้...เขาก็อยากจะเจ็บแทนและเป็นฝ่ายร้องไห้แทนอีกคนยังจะดีกว่า
ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ ตามจึงได้หลุดปากออกไป ...หลุดในสิ่งที่เขาอุตส่าห์เก็บงำท่าทีตลอดมาเพราะความหวาดกลัว
ราวกับหากเขาไม่พูดตอนนี้ เขาจะไม่มีวันได้พูดอีกต่อไป
“เลิกร้องเถอะเทียน กูจะขาดใจแล้ว”
“...”
“กูไม่ชอบเห็นมึงร้องไห้แบบนี้เลย ต่อให้มึงจะร้องไห้แค่เฉพาะต่อหน้ากูเท่านั้นก็เถอะ”
“...”
ตามประคองใบหน้าของเทียน ใช้นิ้วไล้ปาดน้ำตาไปตามใต้ตาแดงช้ำ ก่อนจะวกมาบีบจมูกรั้นที่แดงเรื่อเบาๆ มองใบหน้าเศร้าหมองด้วยความสงสาร เอ็นดูและรักใคร่
“มึงไม่เคยรู้หรอกว่าเวลาที่มึงร้องไห้เพราะคนอื่น ใจกูมันเจ็บมากแค่ไหน”
“...ตาม”
“โดยเฉพาะเวลาที่มึงร้องไห้เพราะผู้ชายคนนั้น กูเกลียดมากที่สุด เพราะมึงจะร้องไห้ไม่หยุดจนตาบวม บางครั้งก็ร้องจนไม่สบาย มึงไม่รู้เลยว่ากูโกรธตัวเองแค่ไหนที่ได้แต่คอยดูแลมึงในช่วงเวลาเหล่านั้น แต่กลับไม่สามารถทำให้มึงเลิกเพราะไอ้เวรนั่นได้สักที”
“...”
“มึงไม่เคยรู้...” ตามมองใบหน้าที่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ตัวเองไม่อาจละสายตาออกห่าง ไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่...ที่เขาพูดได้เต็มปากว่านี่ คือคนสำคัญของเขา คือคนที่เป็นทั้งเพื่อน ทั้งคนที่รักหมดหัวใจ “...ว่าไม่ได้มีแค่มึง ที่รอให้ใครคนนั้นมองกลับมา”
“ไม่ได้...ล้อกันเล่นใช่ไหม”
“มาถึงขนาดนี้จะล้อเล่นทำไมล่ะ” แม้จะพยายามให้มันดูไม่หนักจนเกินไปสำหรับเทียนที่เพิ่งร้องไห้ แต่ตามก็ไม่อาจเล่นมากจนอีกฝ่ายไม่รับรู้ถึงความจริงจังในความรู้สึกที่เขาได้พูดออกไป
“กูชอบมึงจริงๆ”
“...”
“ชอบเหมือนที่มึงชอบมองผู้ชายคนนั้น มีความสุขเวลาที่เห็นมึงยิ้ม รู้สึกทรมานจนเหมือนจะตายตอนที่เห็นมึงร้องไห้ แถมวันๆ หนึ่งกูแทบจะตายไปนับครั้งไม่ถ้วน เพราะมึงไม่เคยมีความสุขจริงๆ เลยนับตั้งแต่เรารู้จักกันมา”
“...”
“แม้กระทั่งตอนนี้ที่มึงได้เป็นแฟนกับคนที่มึงรอมานาน มึงก็ยังไม่พ้นต้องเสียใจเพราะเขา คนที่ชอบมึงอย่างกู ก็ทรมานใจตามไปด้วย เวลาที่มึงถูกเขาทำร้ายจิตใจกลับมา”
“...”
“ดังนั้นที่ผ่านมาสิ่งที่กูภาวนาไม่ใช่ให้มึงหันมามองกู เพราะคงหวังสูงเกินไป กูแค่หวัง...ให้มึงมีความสุขเพิ่มสักวันหนึ่งก็ยังดี ร้องไห้น้อยลง ยิ้มที่ยิ้มเพราะมีความสุขมากขึ้นก็พอ”
“...”
“แต่เวลาที่ผ่านมาทั้งหมด จนกระทั่งวันนี้มันทำให้กูรู้ว่า สิ่งที่กูภาวนามันโคตรจะไร้สาระและไม่มีวันเป็นจริง”
“...”
“มึงยังต้องเสียใจเพราะผู้ชายคนนั้น มึงยังยิ้มมีความสุขตอนที่เขาอยู่กับมึงแล้วแอบร้องไห้อยู่คนเดียว มึงทำแบบนั้นจนเหมือนกับ...มันกลายเป็นสิ่งที่มึงต้องทำ ทั้งที่มันไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้น”
“...” เทียนมองมือของตามที่ยังคงอุ่นเหมือนครั้งที่เขายังไม่รู้ว่าเจ้าของมือนี้ฝากความรู้สึกของตัวเองมาทุกครั้งที่วางมันบนไหล่ยามปลอบใจ ยามที่จับมือเขาข้ามถนนด้วยความเป็นห่วง ทุกครั้ง...ที่จับมือของเขาเอาไว้ในวันที่เขารู้สึกเหมือนตัวคนเดียว
ในช่วงเวลาที่ความสุขบางครั้งเขาก็หลงลืมความอบอุ่นจากมือคู่นี้ แต่ในวันที่เขาเจ็บปวดเช่นในวันเช่นนี้ ความอบอุ่นจากมือของตามกลับคอยกุมมือของเขาอยู่เสมอ
ทุกครั้งที่มองไปข้างหน้าแล้วเห็นเพียงแผ่นหลังที่เย็นชาของพี่สิงห์ เมื่อเขาหันกลับมา ก็จะพบกับตามที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาและส่งยิ้มใจดีให้เสมอ ความรู้สึกเช่นนั้นทำให้ความเจ็บปวดที่มีจางลง
จางลง
และหายไปในที่สุด
“ชื่อของกูคือตามตะวัน แต่ตะวันของกูไม่ใหญ่ดวงใหญ่หรืองดงามเหมือนตะวันของคนอื่นๆ”
“...”
“เป็นแค่แสงเทียนเล็กๆ ที่คนเขาต้องการแค่วันที่ไฟฟ้าดับ เป็นแค่ของสำรองที่คนจะให้ความสำคัญเป็นอันดับสองเสมอ”
“...”
“แต่สำหรับกู แสงเล็กๆ แสงนั้นคือทั้งหมดที่กูต้องการ”
“...”
“เทียน นับตั้งแต่วันที่รู้ใจตัวเอง ชื่อของกูมันก็มีไว้หมายถึงมึงเสมอ”
จำไม่ได้แล้วว่าคำแรกที่ทักกันคือคำว่าอะไร
แต่ตอนนี้คำที่เขาพูดมากที่สุด เห็นจะเป็นคำว่า
‘ไม่เป็นไร’
‘อย่าร้องไห้’
‘มึงยังมีกูอยู่เสมอ’ทั้งๆ ที่เกลียดแสนเกลียดยามที่ต้องพูดประโยคเหล่านี้ แต่ทุกครั้งที่เทียนร้องไห้และทำเหมือนโลกนี้มันกว้างคนอยู่ได้เพียงแค่คนเดียว เขาก็อดพูดคำที่เกลียดเหล่านี้ไม่ได้เลย
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่เขาลืมไปว่ายิ้มที่มีความสุขของเทียนเป็นแบบนั้น
ตอนนี้เขาจำได้แค่รอยยิ้มแกนๆ รอยยิ้มเหงาๆ รอยยิ้มแสนเศร้าที่คล้ายหมายถึงใครคนหนึ่งเสมอ
รอยยิ้มที่เขาเกลียด เกลียดพอๆ กับคนที่ทำให้เทียนต้องยิ้มออกมาแบบนั้น แม้จะไม่เคยพบกันแม้แต่ครั้งเดียวก็ตาม
เทียนหลับไปแล้ว หลับไปพร้อมกับความเหนื่อยอ่อนหลังจากที่ร้องไห้ติดต่อกันนานเกินไป ส่วนตัวเขาในตอนนี้กลับยืนอยู่หน้าบ้านของใครบางคน ใครที่เขาคิดว่าเทียนคงไม่อยากให้เขาเจอ
บ้านของคนที่ชื่อสิงห์
เขาเหลือบมองเบอร์โทรศัพท์ที่แอบเอามาจากเครื่องของเทียน แล้วกดโทรออก รอไม่นานเสียงทุ้มที่ทำให้นึกเกลียดตั้งแต่แรกได้ยินก็ดังขึ้น มันตอกย้ำภาพที่เทียนร้องไห้ในสมองของเขา จนมือที่กำเข้าหากันกำแน่นจนปวดไปหมด
แต่มันคงไม่เท่าใจของเทียน
(ครับ?)
“คุณคือสิงห์ พี่สิงห์ของเทียนใช่ไหม?”
(...ใครครับ)
“ผมเป็นเพื่อนของเทียน ผมคิดว่า...คุณควรลงมาพบผมเพื่อคุยกันหน่อย”
(...)
“เรื่องของเทียน”
ไม่นาน ผู้ชายคนที่เขาไม่คิดจะมีวันที่ต้องมายืนคุยกันสองต่อสองก็มาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านอีกฝ่ายด้วยชุดที่บ่งบอกได้ว่าเขากำลังมากวนเวลาพักผ่อนของอีกคน แต่ใครสนใจกันล่ะ หมอนี่เป็นแค่คนที่เขารู้จักชื่อเท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไรสำคัญไปมากกว่านั้น หากมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเทียน เขาไม่มีวันมาเจอหน้าหรอก
แล้วก็เป็นอย่างที่คิดมาตลอด แม้จะไม่เคยได้เจอกันแต่ตามก็มักจะจินตนาการภาพของสิงห์ในสมองเสมอ เวลาที่เทียนพร่ำเพ้อหาถึงและเมื่อมาพบต่อหน้า เขาถึงได้รู้ว่าไอ้สิ่งที่เคยคิดมันเทียบอะไรไม่ได้เลยกับคนตัวจริงๆ ตรงหน้า ไม่แปลกแล้วว่าทำไมเทียนถึงไม่เคยตัดใจได้เลย
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“วันนี้ทำไมคุณถึงไม่ไปตามนัด”
“...ฉันคิดว่านี่มันไม่ใช่เรื่องของนาย”
“แต่ผมคิดว่าผมมีสิทธิ์ถาม”
“...”
“ผมได้ยินมาจากเทียน ว่าคุณไปหาแฟนของเพื่อนคุณ จริงหรือเปล่า?”
“เขาประสบอุบัติเหตุ เพื่อนฉันไม่ว่างไปดูแล เลยให้ฉันไปดูแลก่อน ก็เท่านั้น”
“สำหรับคุณมันอาจจะแค่นั้น” ตามเงียบไปครู่หนึ่ง เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น แต่เขากลับรู้สึกราวกับภาพที่เทียนร้องไห้มันยาวนานจนเกินไปแล้ว และเขาไม่ต้องการเห็นมันอีกต่อไป “แต่สำหรับเทียนมันไม่ใช่”
“...”
“คุณรู้บ้างไหมว่ากี่ครั้งแล้วที่มันเป็นแบบนี้ กี่ครั้งแล้วที่เทียนต้องรอคุณแล้วมันจบลงที่ต้องร้องไห้”
“...”
“มันยืนรอคุณเหมือนคนโง่ๆ คนหนึ่งที่ห้าง เพียงแค่หวังว่าคุณจะมา ไม่ได้หวังว่าคุณจะทำตามสัญญา เทียนมันแค่อยากเห็นว่าคุณมา...แค่คุณมาเท่านั้น”
“...”
“แต่คุณก็ไม่มา”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะผิดนัดกับเทียน”
“แต่คุณก็ทำไปแล้ว!”
สิงห์อึดอัดใจไม่น้อยกับคำพูดของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ออกตัวว่าเป็นเพื่อนของเทียน แม้ว่าจะไม่เคยเห็นตัวจริงๆ มาก่อน แต่จากรูปถ่ายที่เทียนเคยถ่าย เขาก็พอจำได้ว่ามีเด็กคนนี้อยู่และมักเป็นคนที่คอยยืนข้างๆ เทียนเสมอ ใบหน้าของเด็กตรงหน้าตอนนี้เย็นชาและมองออกว่ามันเต็มไปด้วยความไม่พอใจ บางทีนี่อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็กคนนี้อยากจะวิ่งโร่มาเคลียร์กับเขาอย่างนี้ บางทีมันอาจจะไม่ใช่ครั้งเดียวที่เขาทำให้เทียนเสียใจ...
“เพื่อนของผม...ที่ผ่านมาก็มีแค่คุณ กี่ครั้งที่คุณรำคาญ กี่ครั้งที่คุณทำเหมือนไม่เห็นความรู้สึกของเขา กี่ครั้งที่คุณลืม คุณไม่รู้หรอกว่าเทียนมันเสียใจแค่ไหน”
“...”
“คุณที่มีครอบครัว มีเพื่อนฝูง มีคนที่รักมากมาย แต่กับเทียนนอกจากคุณที่มันรักที่สุด เพื่อนมันก็มีแค่ผม...แล้วคุณจะให้เทียนมันทำยังไง ในเมื่อคุณเป็นแค่คนเดียวที่มันอยากจะแชร์ทุกความสุขด้วย”
“...”
“ผมรู้ว่าสิ่งที่เทียนขอจากคุณมันโง่มากๆ กับการที่อยากจะลองให้คนที่ไม่คิดอะไรเลยกับตัวเองให้มองในฐานะคนๆ หนึ่ง แต่เพราะมันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เพราะมันชอบคุณมากจริงๆ มันก็แค่นั้น ถ้าคุณรักมันไม่ได้ ก็ช่วยถนอมใจหน่อยได้ไหมวะ!”
“...”
“ถ้ามันหมดทางแล้วจริงๆ ที่คุณจะเปลี่ยนใจไปชอบเทียน คุณก็ช่วยบอกมันทีว่าครั้งนี้ อย่ากลับมารักคุณอีก ผมไม่อยากเห็นมันร้องไห้แล้ว”
“...เธอดู เป็นห่วงเทียนมากเลยนะ”
ตามเบือนสายหนีหลบอาการรู้ทันของคนอายุมากกว่า กระนั้นเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะความจริงมันก็เป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ อีกอย่าง เขาในตอนนี้ก็สารภาพความจริงกับเทียนไปหมดแล้ว หากมันจะมีคนอื่นรู้เพิ่มมันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรอีก ตอนนี้เขาขอเทียนมันมีเรื่องที่ต้องเสียใจน้อยลงก็พอ
เรื่องของเขากับเทียนจะสามารถเป็นไปได้ไหมนั้น เขาไม่หวัง...และหมดหวังไปนานแล้ว
จะให้เป็นเพื่อน เขาก็จะเป็นเพื่อน
หากอยากให้ดูแลในยามที่เสียใจ เขาก็จะทำ
หรือหากอยากให้เขาหายไป เขาก็จะไป
มันน่าขำเหมือนกันที่ในสายตาคนอื่น การกระทำของเทียนดูน่าตลกที่พยายามจนเหมือนคนบ้า แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาทำลงไปตลอดหลายปีที่ผ่านมา บางทีคนที่โง่ที่สุดคงเป็นเขา...
เขาที่หลงรักเพื่อนตัวเอง
เขาที่ไม่คิดจะฝืนใจตัวเองให้มองแค่เพื่อนและปล่อยให้มันเลยเถิด กัดกินมิตรภาพของเราทั้งสองคน จนมันเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียว ส่วนอีกครึ่งนั้นได้กลายเป็นความรักที่ไม่มีทางสมหวังไปแล้ว
“ผมรู้ว่าคุณจะถามว่าอะไร ใช่ ผมชอบเทียนและผมไม่ได้ต้องการที่แย่งเทียนจากคุณ เพราะผมรู้ดีว่าเทียนไม่มีวันชอบผม ในใจของเขามีแต่คุณมาตลอด”
“ถ้าเธอชอบเทียนจริงๆ ทำไมถึงไม่เคยอยากจะคบเด็กคนนั้น มันตลกเกินที่จะบอกว่าเธอไม่เคยหวังอะไรกับความรักครั้งนี้เลย”
“ผมหวัง ผมเคยหวังมาตลอดว่ามันจะมองมาที่ผมบ้าง”
“...”
“ผมหวังว่าสักวันในดวงตาของมันจะสะท้อนภาพของผมแทนคุณและยิ้มเพราะผมเป็นต้นเหตุสักครั้ง”
“...”
“ผมหวังให้คนที่มันคิดแทบเป็นแทบตายในวันเกิดว่าจะซื้ออะไรให้คือผม หวังให้คนที่มันยอมอดหลับอดนอนไปเฝ้าไข้เป็นผมบ้าง หวังเหมือนคนโง่ให้มันเข้าใจว่าทั้งหมดที่ผมทำอยู่เพราะผมรัก...ไม่ใช่เพราะมันเป็นเพื่อนผม”
“...”
“แต่เพราะเทียนมีความสุขเหลือเกินกับการรักคุณอย่างไม่มีจุดหมาย ต่อให้ต้องร้องไห้ ต่อให้ต้องรอนานแค่ไหนหรือต่อให้สุดท้ายจะต้องเสียใจ มันก็ยังยืนยันว่าต้องเป็นคุณ หลังจากนั้นความหวังของผมก็เปลี่ยนไป”
“...”
“ผมหวังให้มันมีความสุข”
“...”
“หากการที่คุณรักทำให้มันมีความสุขผมจะทำ หากว่าการช่วยให้มันสมหวังคือสิ่งที่ทำให้มันยิ้มได้ ผมจะทำทุกวิถีทางให้คุณหันมามองมันสักครั้ง แต่ทุกอย่างมันพังไปหมด เพราะในวันนี้คุณได้ชื่อว่าแฟนมันแท้ๆ แต่ก็กลับยังทำให้มันต้องร้องไห้ เพราะแบบนั้น...ผมถึงได้มาพูดกับคุณในวันนี้”
“...”
“ถ้าหากสุดท้ายแล้วคุณจะปฏิเสธ ก็ขอให้ปฏิเสธไปซะตั้งแต่วันนี้เถอะครับ”
“...”
“เพื่อนของผม...คนที่ผมรัก เจ็บเพราะคุณมามากเกินพอแล้วจริงๆ”
รู้สึกเหมือนตอนนี้จะมีแต่บทสนทนาแฮะ 5555 น่า ให้ตามเขาบ่นหน่อย พี่สิงห์ใจร้ายเอ้อออ
เจอกันตอนหน้าค่ะ รักเสมอออ ฝากติดตามด้วยนะคะ ^^
NAVY