29.“ช่วงนี้คงต้องให้น้องบัวอยู่ในห้องทำงานของพ่อไปก่อน ถ้าจ้างคนมาต่อเติมห้องข้างล่างเสร็จ ค่อยย้ายข้าวของลงมาห้องใหม่ข้างล่าง”
“ให้น้องบัวอยู่ห้องผมก็ได้ครับ เพราะยังไงผมก็กลับแค่ช่วงปิดเทอมอยู่แล้ว” ผมออกความเห็น “อีกอย่างผมตั้งใจว่าจะปลูกเรือนเล็ก ๆ อยู่ริมสระบัวนั่นหลังจากเรียนจบอยู่แล้ว”
“การที่แม่จะจ้างพี่เลี้ยงมาช่วย ไม่ได้หมายความว่าเบลล์พ้นจากหน้าที่ดูแลน้องนะ” ผมเงียบเมื่อได้ยินแม่พูดอย่างนั้น “เพราะมันคือความรับผิดชอบ”
“ครับ”
“เดี๋ยวก็แบ่งขวดนมที่นึ่งเสร็จแล้วขึ้นไปไว้ข้างบนด้วย เผื่อเอาไว้ใช้คืนนี้”
“ครับ”
“อย่านอนดึกละ” ผมยิ้มอย่างดีใจเมื่อแม่ยื่นมือมาลูบหัวผม เพราะนั่นมันหมายความว่าแม่คงจะหายโกรธผมแล้ว “แม่ไปอาบน้ำนอนก่อนล่ะ”
ผมยิ้มตอบกลับไปให้ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นรอเวลาให้ขวดนมนึ่งเสร็จ กดเปิดดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยจนมาสะดุดกับรูปภาพที่บิ๊กเพิ่งโพสต์ลงไปเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว
คิดถึง..ผมนั่งจ้องรูป..มองสร้อยข้อมือรูปเต่าที่ผูกติดเอาไว้ตรงข้อมือ ก่อนจะเลื่อนสายตามามองสร้อยข้อมือรูปหอยทากอีกเส้นที่น้องมันถอดมากำเอาไว้ในมือแทนที่จะใส่
เพ้อ..ผมแสดงความคิดเห็นออกไปเพียงสั้น ๆ แต่กลับมีคนเข้ามากดถูกใจนับร้อย ก่อนจะทยอยกันแสดงความคิดเห็นในทำนองว่าผมคือคนที่น้องมันต้องการจะบอกว่ากำลังคิดถึงอยู่ พอไล่ดูจากรูปโปรไฟล์แล้วก็เหมือนจะไม่ใช่เพียงแค่คนในคณะผมเท่านั้นที่มาตอบ ผมวางโทรศัพท์ลงนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไป จู่ ๆ เสียงโทรเข้าจากโปรแกรมสนทนาหนึ่งก็ดังขึ้นมา
“ยังไม่นอนอีกเหรอครับ”
ผมหัวเราะให้กับคำทักทายแรกของน้องมัน ก่อนจะตอบกลับไป “เพิ่งสามทุ่มเอง”
“อ๋อ..” น้องมันทำหน้าคิด “ผมงง ๆ เอง”
“...”
“มัวแต่คิดถึงจนไม่เป็นอันทำอะไร”
ได้ยินเสียงถอนหายใจของน้องมันแล้วผมก็รู้สึกผิดขึ้นมา “ขอโทษที่ไม่ได้รับสายนะ”
“...”
“พอดียุ่งมากจริง ๆ”
“ครับ..ผมรู้”
ผมว่าน้องมันไม่ได้รับรู้อะไรมากไปกว่าการพยายามทำทุกอย่างให้ผมไม่ต้องรู้สึกอึดอัดใจหรอก อย่างตอนนี้ผมว่าน้องมันเองก็คงจะกำลังคิด ว่าการสละเวลาคุยกับมันแค่วันละไม่กี่นาทีมันจะยากอะไรนักหนา
“กูยุ่งจริง ๆ นะ” ผมย้ำอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าน้องมันเงียบไปนาน “ไม่ได้ไม่อยากรับสาย”
“ทำอะไรจนยุ่ง ผมถามได้ไหมครับ”
ผมเหลือบตามองไฟเตือนที่เครื่องนึ่งขวดนม พอเห็นว่านึ่งเสร็จแล้วก็เดินตรงไปดึงปลั๊กออก “กลับมามึงก็รู้เอง”
“บอกไม่ได้เหรอครับ”
“แค่นี้ก่อนนะบิ๊ก เดี๋ยวเสร็จธุระแล้วจะโทรไป”
“ครับ..”
น้องมันตอบรับด้วยน้ำเสียงหงอย ๆ คงเพราะรู้ดีว่าผมไม่เคยทำตามที่บอกได้เลยสักครั้ง ไม่ว่าจะรับปากมั่นเหมาะแค่ไหนว่าจะโทรกลับ แต่ผมก็ไม่เคยติดต่อกลับไปเลยสักครั้ง
“คงอีกสักชั่วโมง ทำนี่แล้วอาบน้ำเสร็จก็จะโทรไป”
“...”
“รอรับด้วยนะ”
“ครับ”
วางสายแล้วผมก็คีบขวดนมขึ้นมาใส่กล่อง แล้วเอาขึ้นไปวางไว้ให้น้องที่ห้อง จัดผ้าห่มขึ้นคลุมอกให้เสร็จเรียบร้อยก็ย้ายเครื่องฟังเสียงเด็กมาไว้ใกล้ ๆ เปลให้แม่ที่จะฟังจากอีกห้องหนึ่ง เพราะแม่บอกว่าผมเป็นคนหลับลึกเกินไป ถ้าน้องร้องไห้ตื่นมาตอนกลางคืนก็คงไม่รู้เรื่อง ยังดีที่แม่เริ่มคิดจะหาพี่เลี้ยงมาช่วยแล้ว ไม่อย่างนั้นผมคงรู้สึกแย่กว่านี้ ที่ทำให้แม่ต้องมาลำบาก
“พี่เบลล์” เห็นสีหน้าดีใจของน้องมันแล้วผมก็อดจะยิ้มตามไม่ได้ “ผมนึกว่า..”
“คุยไม่นานนะ พรุ่งนี้กูต้องตื่นแต่เช้า”
“ครับ..แค่นี้ก็ดีแล้วครับ”
ผมหัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ยปากถามไถ่สารทุกข์สุขดิบน้องมันไป มันก็เล่าเรื่องแม่เรื่องน้องสาววัยประถามของตัวเองให้ผมฟังไป ก่อนจะปิดท้ายด้วยคำหวานเมื่อผมบอกว่าง่วงแล้ว
“ฝันดีนะครับ..” ว่าแล้วฉีกยิ้มส่งมาให้ “คิดถึงพี่เบลล์นะครับ”
“คิดถึงก็รีบกลับมา”
“...”
“ซื้อชอกโกแลตมาฝากกูด้วย”
“ครับ” ผมส่งยิ้มมาให้อีกครั้ง “ฝันดีนะครับ”
“อืม..”
ผมกดวางสายก่อนจะลุกขึ้นมาปิดไฟ แล้วเดินกลับไปนอนซุกตัวกับผ้าห่ม บี้หน้าตัวเองลงกับหมอน..เหยียดแขนเหยียดขาบิดขี้เกียจไปมา เสร็จก็กลับมานอนนิ่ง ค่อย ๆ หลับตาลงไปช้า ๆ
“พรุ่งนี้ก็คงจะเหนื่อยเหมือนเดิม..”
ถึงจะบ่นอย่างนั้น แต่ลึก ๆ ผมเองก็รู้ดีว่าแม่ต้องเหนื่อยกว่าผมมาก การที่ต้องเลี้ยงเด็กสักคนหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่ผมเคยคิดจริง ๆ
“ขอโทษนะครับแม่”
ขอโทษจริง ๆ
ผมช่วยแม่เลี้ยงน้องบัว เรียนรู้และฝึกเลี้ยงเด็กไปเรื่อย ๆ มีบ้างที่มีนจะมาช่วยเวลาที่แม่ออกไปข้างนอกกับแม่มล .ซึ่งเขาดูคล่องแคล่วมาก สามารถทำทุกอย่างให้น้องได้โดยที่พี่เลี้ยงไม่ต้องบอก ต่างจากผมที่ยังต้องให้พี่เขาคอยย้ำทั้งที่เป็นเรื่องเดิม ๆ ที่เคยสอนให้ทำมาแล้ว
“ใจเย็น ๆ เบลล์ เดี๋ยวน้องก็สำลักจนได้” ผมคลายมือที่จับขวดนมลง เมื่อมีนยื่นมือเข้ามากุมทับมือผมเอาไว้ “แบบนั้นแหละ อย่าใจร้อน”
“...”
“อย่าเครียด..ค่อย ๆ เรียนรู้ไป” ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง ก่อนจะรีบหันหน้าหนี “หึ ๆ”
“...”
“เคยทำได้แล้ว..ยังไงก็ต้องทำได้อีก”
“...”
“ไม่ต้องกลัว”
ผมก้มหน้าลง ภาวนาให้พี่เลี้ยงของน้องบัวรีบ ๆ กินข้าวให้เสร็จแล้วกลับขึ้นมาดูน้องสักที แต่ดูเหมือนคำขอจะไม่เป็นผล เมื่อสุดท้ายกว่าที่พี่เลี้ยงจะขึ้นมาผมก็ป้อนนมน้องจนหมดขวดแล้ว
“ขอโทษที่ช้านะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
ผมว่าแล้วรีบเดินลงมาหาอะไรกินบ้าง พอหมุนซ้ายหมุนขวา มองหาอะไรให้ตัวเองกินไม่ได้ก็เดินไปหากุญแจรถเพื่อจะออกไปหาของกินข้างนอก แต่ก็ช้ากว่าคนที่ตอนนี้คว้ากุญแจรถผมเอาไปไว้ในมือแล้ว
“ไปกินข้าวบ้านเราก็ได้”
“...”
“เดี๋ยวเราทำอะไรให้กิน”
ผมเลิกคิ้ว มองคนที่ตอนนี้เดินนำหน้าทิ้งผมไปแล้ว แม้แต่กุญแจรถเองก็ไม่ยอมคืนให้ สุดท้ายผมเลยทำได้แค่เดินตามเขาไปที่บ้าน นั่งรอและกินมื้อเที่ยงง่าย ๆ ฝีมือเขา
“น้ำมะนาว” เขาว่าแล้วเลื่อนแก้วน้ำมาให้ “แม่ทำทิ้งไว้เมื่อเช้า”
“ขอบคุณนะ” เขาไม่ตอบอะไร ทำแค่ก้มหน้ากินไข่เจียวหมูสับในจานไป ผมเลยยื่นมือไปตักไส้กรอกทอดใส่ให้เขา “ตอบแทนไง”
“อืม..”
ถึงจะแค่เสี้ยววินาที แต่ผมก็เห็นว่าเขายิ้มให้จริง ๆ นะ
“ยังไม่ทิ้งไปอีกเหรอ” ผมถามแล้วชูบ้านที่ทำจากไม่ไอศกรีมขึ้น “ตั้งนานแล้ว”
“อืม”
“ห่วยขนาดนี้เอาไปเป็นแบบไม่ได้หรอกนะ” ว่าแล้วก็วางมันลงที่เดิม “ทิ้งไปเถอะ”
“ไม่ได้เกะกะอะไร ชิ้นเล็กแค่นั้น”
ผมหันไปมองคนพูด ก่อนจะหันกลับมามองของที่เพิ่งวางลงไปอีกครั้ง แบบบ้านจากไม้ไอศกรีมที่ผมเป็นคนทำเอาไว้ตอนเด็ก ๆ แบบบ้านที่ผมบอกกับเขาว่าเราจะสร้างมันขึ้นมาที่ริมสระบัวนั่น
ครืดดดดผมหยิบมือถือที่กำลังสั่นขึ้นมา ก่อนจะหันไปมองเจ้าของห้อง “ขอตัวแปบนะ”
ผมเดินออกมาที่ระเบียง ก่อนจะเลื่อนบานประตูให้ปิดสนิทเอาไว้อย่างเดิม “ว่าไงบิ๊ก”
“ผมกลับพรุ่งนี้เช้า..คือหมายถึงผมจะถึงสนามบืนพรุ่งนี้เช้า”
“เฮ้ย..ขึ้นเครื่องมาเมื่อไร ทำไมไม่เห็นจะบอก” ได้ยินเสียงหัวเราะของน้องมันแล้วก็อดจะว่าไม่ได้ “ขำอะไร”
“ผมกำลังจะถึงบ้านพี่แล้ว..อีกครึ่งชั่วโมงได้”
“ว่าไงนะ”
“จัดที่นอนให้ผมด้วยนะ เหนื่อยมากเลย”
“เดี๋ยว..”
“ไว้คุยกันตอนเจอทีเดียวนะครับ ขับรถไปคุยไปผมชนแน่”
“เอ่อ..อืม..ขับรถดี ๆ”
ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่ผมก็รีบบอกลามีนแล้ววิ่งกลับมาจัดที่หลับที่นอนให้น้องมันที่บ้านทันที จัดข้าวของในห้องนอนตัวเองเสร็จก็รีบวิ่งลงมาดูว่าพอจะมีอะไรให้น้องมันกินได้บ้าง แต่พอไม่เจออะไรที่จะสามารถทำให้น้องมันกินเองได้ ผมก็คิดว่าจะออกไปหาซื้ออะไรมาไว้ให้ ติดที่ว่ากุญแจรถผมยังอยู่กับเขา
“หาไอ้นี่อยู่เหรอ”
พอหันไปมองก็เจอกับเขาที่ยืนพิงโต๊ะกินข้าวอยู่ “อืม”
“เราขับให้เอาไหม ดูท่าทางเบลล์รีบ ๆ เรากลัวจะขับไปชน”
“...”
“เบลล์”
“คิดว่าสักพักแม่คงกลับแล้ว ไว้เราโทรไปขอให้แม่แวะซื้ออะไรเข้ามาให้ดีกว่า” ผมบอกแล้วตั้งท่าจะกดโทร “ไม่รบกวนดีกว่า”
เขาไม่ได้พูดอะไรอีก ทำแค่วางกุญแจรถลงบนโต๊ะ แล้วเดินกลับออกจากบ้านผมไป ผมเลยก้มลงมองพื้นตรงหน้าตัวเองไปเงียบ ๆ ในหัวก็คิดวุ่นวายหาสาเหตุที่ทำให้เขาแสดงสีหน้าที่ดูแย่ขนาดนั้นออกมา ก่อนจะนึกได้ว่าตัวเองทำท่าทางตื่นเต้นมากจนเกินไปแค่ไหนกับการที่บิ๊กจะมา
“มันใช่ความผิดของเราหรือไง..”
ผมได้แต่ถามคำถามนี้วนเวียนซ้ำ ๆ ในใจตัวเอง..
Ma-NuD_LaW
ใครยังบอกว่าสั้นอีกจะโดน
ขอโทษ..ช่วงนี้ผมยุ่งๆ พอดีสอบผ่านงานอ่ะ เตรียมสัมภาษณ์แระ ดีจายยยย