สายลมห่มตะวัน
บทที่ ๑๕ ตัวประหลาด
ราซิสเดินวนเวียนอยู่ท่ามกลางความมืด รอบกายเขาไร้แสงสว่างที่มากพอจะทำให้มองเห็นอะไรได้ เสียงครืด ๆ จากบางสิ่งดังมาทุกจังหวะก้าวเดินของเขา ด้วยไม่สามารถมองเห็นที่มาของเสียง ทำให้ชายหนุ่มเหลียวมองรอบกายอย่างระแวดระวัง จนกระทั่งหันกลับมาประจันหน้ากับผู้ที่มีนัยน์ตาสีแดงเพลิงในระยะประชิด
ดวงตาราซิสเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก เจ้าของนัยน์ตาสีเพลิงยกยิ้มแสยะจนเห็นเขี้ยวขาวคม ก่อนวัตถุแข็ง ๆ ในมือของฝ่ายนั้นจะเหวี่ยงวูบแล้วฟาดลงมาบนศีรษะของเขาจนเลือดไหลโกรก ในหูอื้ออึงพร้อมความเจ็บร้าวที่แล่นปราด ราซิสทรุดตัวลงกุมศีรษะร้องครวญครางทั้งยกมือห้ามไม่ให้อีกฝ่ายฟาดลงมาซ้ำ แต่ดูเหมือนฝ่ายนั้นจะไม่ฟัง เมื่อวัตถุในมือถูกเงื้อง่า ราซิสหลับตาแน่นตามสัญชาตญาณ แต่แล้วกลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นนอกจากเสียงวัตถุแข็งหล่นลงกระทบพื้น ก่อนที่มันจะค่อย ๆ กลิ้งมาชนเขา
ชายหนุ่มหรี่ตาขึ้นมอง เงาทะมึนยังยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าพร้อมเสียงคำรามน่าหวาดหวั่น ก่อนที่เงาร่างนั้นจะพุ่งเข้ามา ฟันคมแยกยกก่อนฝังคมเขี้ยวลงบนต้นคอของเขา
“อ๊ากกกกกก”
ร่างกำยำดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงกว้างพร้อมอาการหอบหายใจ มือหนาจับลำคอตนเอง หัวใจเต้นกระหน่ำเมื่อรู้สึกถึงบางอย่างเหนียว ๆ เขารีบลุกไปที่ห้องน้ำเพื่อส่องกระจก รอยช้ำคล้ายถูกคมเขี้ยวของบางสิ่งขย้ำกัดปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน มันมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย เพียงได้เห็นเท่านั้นขนกายก็ลุกชัน เมื่อมันเหมือนความฝันเมื่อครู่ไม่มีผิด
มือหนาค่อย ๆ ยกขึ้นมาที่หน้าผากของตนเองด้วยความสั่นเทา ค่อยเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าผากออกช้า ๆ รอยแดงตรงไรผมยิ่งทำให้ร่างกายของเขาเย็นเยียบ ก่อนจะพึมพำเบา ๆ
“ไม่จริง... เป็นไปไม่ได้...”
ร่างนั้นพุ่งออกจากห้องน้ำไปที่เตียงนอน เปิดลิ้นชักโต๊ะหัวเตียงออกแล้วคว้าขวดยาในนั้นออกมาเทลงบนฝ่ามือ โยนมันใส่ปากทั้งกำมือแล้วดื่มน้ำ เขาแค่หลอนไปเอง รูสมันก็แค่หมาบ้าที่จนตรอก ไม่ใช่ตัวประหลาดที่น่ากลัวสักนิด มันไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว!
“บ้าเอ๊ย!!” แก้วน้ำในมือถูกปาลงพื้นจนแตกกระเด็น ไอ้เด็กนรกนั่น มันเป็นตัวอะไรกันแน่
มือหนากุมคอของตน สายตาที่ฉายแววหวาดหวั่นค่อยแปรเปลี่ยนเป็นอาฆาต หากตอนนี้มันยังไม่ตาย เขาจะฆ่ามันซ้ำ ให้มันตายโหงตายห่าให้สิ้นซาก รูส!
......
รถตู้คันใหญ่แล่นมาจอดในบ้านของมิสเตอร์แอล เมื่อประตูรถถูกเปิดออก สายลมก็ก้าวลงมา ก่อนจะหันกลับไปหาคนในรถแล้วช้อนอุ้มโดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายเดินให้เหนื่อย
“สายลม รูสเดินได้นะ ไม่ได้เจ็บขาสักหน่อย” เด็กเอ่ยท้วงเสียงเบา แขนเรียวเกี่ยวลำคอหนาป้องกันตนเองตกลงไปก้นจ้ำเบ้า
“เดินได้จริงเหรอ เกิดล้มพับไป ฉันช่วยไม่ทันนา” คนตัวโตแกล้งเย้าขณะพาเดินเข้าบ้านของผู้เป็นอา
“รูสแข็งแรงจะตาย”
“เชื่อดีไหม?”
รูสแก้มพองเมื่อถูกแกล้ง สายลมหัวเราะเบา ๆ ขายาวหยุดก้าวเดินเมื่อลูห์ก้าวมาหา รูสค่อยหันไปมองมันก่อนหันกลับมาทางสายลม ชายหนุ่มยิ้มบาง วางเด็กลงยืนเพื่อให้ไปหาลูห์
รูสนั่งลงตรงหน้ามัน โอบแขนรอบแผงคอหนา แนบแก้มกับแผงคอมัน กอดมันเอาไว้พร้อมเอ่ยขอบคุณ ลูห์เองก็อยู่นิ่งให้กอด มันวางคางบนไหล่เล็ก รู้สึกยินดีไม่น้อยที่เจ้าหนูนี่กลับมาอย่างปลอดภัย
“รูส เข้าบ้านกัน เดี๋ยวพี่พาไปทำความรู้จักคุณย่ากับไก่น้อย”
เดวาที่ลงจากรถตู้คันเดียวกันมาส่งมือให้น้องจับ รูสยิ้มให้ก่อนจับมือนั้นลุกขึ้นแล้วเดินไปด้วยกันกับพี่ชายคนใหม่ มิวายหันมาพยักพเยิดกับสายลมว่าเห็นไหม ตนเองเดินได้จริง ๆ
สายลมส่ายหน้ายิ้ม ๆ ได้เพื่อนใหม่แล้วนี่ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียว
เดวาพารูสมาทำความรู้จักคุณอัญชันผู้เป็นย่า และเปียว ผู้เป็นบิดาของตนอีกคน รูสเรียกเปียวว่าคุณอาไก่น้อยตามที่เดวาเรียก ทำให้มิสเตอร์แอลขำพรืดจนถูกคนรักหยิกเอา
“อาไม่ได้ชื่อไก่น้อยครับ” เปียวบอกเด็กน้อยยิ้ม ๆ
“อ้าว”
เจ้าดื้ออุทานแล้วหันมามองเดวา คนถูกมองอย่างมีคำถามอมยิ้ม ก่อนบอก
“ไก่น้อยเป็นชื่อเฉพาะน่ะ จริง ๆ แล้วพ่อพี่ชื่อเปียว”
“...?” คราวนี้รูสทำหน้างง เดวาบอกคุณอาเปียวเป็นพ่อ แล้วคุณอาตัวโตที่เดวาเรียกมายฟาคนนั้นล่ะ เป็นใคร?
เห็นเด็กมันทำหน้างง เดวาจึงอธิบายเพิ่มเติม “มายฟาก็พ่อ งงไหม?”
รูสพยักหน้าหงึก ทำให้คนในห้องยิ้มขำ
“เหมือนฉันไง รูส” สายลมพยายามช่วย แต่ดูเหมือนเด็กมันจะงงกว่าเดิม ก็สายลมมีพ่อตั้งสามคน
“......” รูสเกาหัวแกรก เข้าใจก็ได้
เดวาขยี้ผมเด็กที่ยังคงมึนงง แต่ก็พยายามจะทำความเข้าใจ ทุกคนดูท่าจะเอ็นดูเด็กมันเอาการ เด็กน้อยไร้ที่พึ่งพิง ทั้งยังถูกคิดร้ายจากคนใกล้ตัวอีก หากคุณทวดของเดวายังอยู่ ท่านก็คงเอ็นดูรูสไม่น้อย เดวาเล่าให้น้องชายคนใหม่ของตนเองฟังว่าท่านใจดี ไม่ดุเลย เหมือนย่าอัญชันของเดวานั่นล่ะ
“คุณย่าใจดี” รูสว่าพลางยิ้มแป้น
“ใช่ไหม ย่าน่ารักที่สุด” เดวาเสริมอย่างเห็นด้วยที่สุด
สองหนุ่มจูงมือกันไปดูห้องนอนที่ชั้นบนโดยมีสายลมเดินตามไปด้วย เดวาบอกจะให้น้องนอนกับตนเอง ได้ยินเช่นนั้นแล้วสายลมก็ทำหน้าประหลาด จะนอนกับเดวาจริงหรือ สายตาคมมองมาที่รูสอย่างต้องการคำตอบ เด็กมันมีสีหน้าลำบากใจจนเดวาต้องหันมาหาพี่ชายตัวโตของตนเอง
“ทำไมครับ พี่ลม รูสนอนกับเดวาไม่ได้เหรอ?” ดวงตาแสนดื้อมองพี่ชายอย่างจับผิดเต็มที่
“ก็เปล่า... จะนอนก็นอนสิ ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“จริงน่ะ?” หรี่ตาเล็กน้อย ดูกวนจนสายลมอยากเขกหัวเด็กแสบสักทีสองที
“เออ” เขาตอบส่ง ๆ แต่เจ้าตัวแสบกลับยิ้มร่า
“งั้นก็ดี พี่กลับห้องตัวเองไปได้แล้วไป เดวากับน้องจะคุยกัน” ว่าแล้วก็เปิดประตูห้องนอนของตนแล้วจูงมือน้องเข้าไป ก่อนจะงับประตูปิด
“คุยอะไร ทำไมต้องทำเป็นมีความลับ?” สายลมไม่ยอมให้ปิด ดันบานประตูไว้ ทำให้เจ้าตัวแสบต้องออกแรงดันเพิ่มขึ้น
“บอกพี่ก็ไม่ลับสิ” ฉีกยิ้มหวาน ก่อนดึงประตูกลับแล้วดันสุดแรงจนปิดได้สำเร็จ
“เดวา!”
ถึงจะเรียกไป คนในห้องก็ไม่เปิด สายลมถอนใจแรง เพิ่งจะได้ตัวเด็กมันกลับมา ถูกแย่งไปอีกแล้ว เดี๋ยวลูห์ เดี๋ยวเดวา เขามีความหมายบ้างไหมนี่ บ่นงึมงำแล้วร่างสูงใหญ่ก็เดินออกจากหน้าประตูไป คนแก่ก็ขี้ใจน้อยแบบนี้ล่ะนะ
ขณะที่ภายในห้อง เดวาหัวเราะชอบใจกับผลงานของตนเอง ก่อนจะชะงักเมื่อหันมามองเด็กหน้าซื่อที่ยืนงงอยู่ด้านหลัง เจ้าแสบรั้งแขนน้องให้เดินตามตนเองมายังตู้เสื้อผ้า ก่อนจะค้นเสื้อผ้าของตนมาแบ่งให้น้องใส่ไปพลาง ๆ ก่อน วันหลังจะพาไปซื้อใหม่
การได้จับน้องแต่งตัวตามใจตนเองดูจะถูกอกถูกใจเดวาเอามาก ๆ ก็เขาอยากมีน้องบ้างนี่ มายฟากับไก่น้อยมีให้ไม่ได้ อย่างนั้นเขาขอเด็กคนนี้เป็นน้องก็แล้วกัน
ความมืดปกคุลมรอบบริเวณในยามค่ำคืน แสงภายในห้องนอนก็มืดลงเมื่อไฟในห้องถูกปิด รูสรู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึก ท่ามกลางความมืดนั้น การมองเห็นที่ยังไม่ดีนักทำให้เด็กบนเตียงรีบหลับตาแน่น กลัว อยากมีอ้อมกอดแข็งแรงของสายลมโอบกอดเหมือนทุกคืน ฟันคมกัดริมฝีปากเมื่อรู้สึกว่าตนเองกำลังจะร้องไห้อีกแล้ว รูส... คนอ่อนแอ
เตียงนอนยุบยวบจากการขยับตัวของใครบางคน ก่อนที่ความอบอุ่นจากวงแขนแข็งแรงจะสวมกอดกายผอมเอาไว้ ใจรูสเริ่มผ่อนคลายเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ๆ และเสียงเต้นของหัวใจผู้ที่โอบกอดกายตนอยู่ด้านหลัง
“หลับซะ เด็กดี จากนี้ฉันจะปกป้องเธอเอง”
เสียงทุ้มที่กระซิบบอกทำให้ริมฝีปากบางยิ้มอ่อน ค่อยผล็อยหลับไปช้า ๆ ด้วยคลายกังวล สายลมมาแล้ว มาอยู่ข้างรูส อย่าทิ้งรูสไปไหนนะ ถึงรูสจะเป็นตัวประหลาดก็อย่าทิ้งรูสนะ ได้ไหม... สายลม?
สายลมมองเด็กที่ลมหายใจสม่ำเสมอเพราะหลับสนิทไปแล้ว มือหนาเกลี่ยผมที่ปรกหน้าผากนูนเบา ๆ สายตาอ่อนแสงยังคงมองดวงหน้าเด็กในอ้อมแขนตนที่พลิกกายกลับมาหา เขาต้องถ่อไปถึงห้องเดวาด้วยกลัวว่าเด็กมันจะนอนไม่หลับเพราะแปลกที่ แต่เจ้าดื้อมันดันหลับปุ๋ยเลยถูกเดวายิ้มล้อ แต่เขาก็ทำไม่สนแล้วอุ้มเด็กกลับมาที่ห้องแบบนี้
“สายลม...”
รูสขยับตัว ทำให้สายลมชะงัก ใบหน้าเรียวค่อยซุกเข้ามาชิดอกเขามากขึ้น มือหนาเลื่อนลูบหลังบาง รู้สึกกังวลแปลก ๆ ใจเขาไม่สงบเอาเสียเลยเวลานี้ เหมือนบางอย่างกำลังจะหายไป ความว่างเปล่าที่เกิดขึ้นในหัวใจจนรู้สึกวูบโหวง ช่องว่างนั้นมันคืออะไร คงไม่ใช่คนนี้ใช่ไหม... คงไม่ใช่รูสใช่ไหม... ที่จะหายไปจากเขา...?
......
ณ ห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุง
เดวาพารูสมาเดินเที่ยว เผื่อซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้น้องด้วย เด็กหนุ่มแวะเข้าร้านทำผมที่ตนเองกับเจ้าของร้านรู้จักกันดี บอกช่างให้ช่วยตัดผมสายลม เอาให้หล่อจนจำไม่ได้เลยยิ่งดี ช่างมองผมยาว ๆ กับใบหน้าดุ ๆ นั่นแล้วก็ยิ้มแหย ก่อนจะเชิญให้ชายหนุ่มนั่งแล้วถามไถ่ว่ามีทรงที่อยากได้เป็นพิเศษไหม หรือจะให้ออกแบบทรงผมให้เข้ากับรูปหน้า
“ช่วยเลือกทรงให้ก็ดีครับ” เดวาเป็นคนตอบแทนเมื่อพี่ชายเอาแต่นั่งหน้านิ่ง
“ถ้าอย่างนั้น สระผมก่อนดีไหมครับ จะได้เริ่มตัดกันเลย เชิญครับ”
ช่างผายมือเชิญให้สายลมไปที่ห้องสระผม นัยน์ตาคมดุมองช่างนิ่ง ไม่ได้คิดจะขยับไปตามคำเชิญนั้นจนช่างหน้าเจื่อน หันไปมองเดวาอย่างต้องการความช่วยเหลือ
“ไหนว่าจะมาตัดผมไง พี่ลม เล่นนั่งหน้าบูดแบบนี้ ช่างที่ไหนจะมาตัดให้พี่?” เดวากอดอก มองพี่ชายขี้เต๊ะด้วยความเหนื่อยใจ
“ช่างหัวมันสิ”
“เอ๊ะ!”
“ดะ... เดี๋ยว พี่เดวา อย่าทะเลาะกัน” รูสรีบดึงแขนเดวาไว้เมื่อเจ้าตัวแสบตั้งท่าจะมีเรื่องกับพี่ชาย
เดวาหันมามองรูสแล้วเดาะลิ้นขัดใจ รูสยิ้มเจื่อน ก่อนหันมาทางสายลมบ้าง
“สายลมไม่อยากตัดผมเหรอ?” เด็กหนุ่มเอ่ยถาม
“รูสอยากให้ตัดหรือไง?”
ถูกย้อนถามมาเช่นนั้น รูสก็อึกอัก ก่อนตอบกลับไปเสียงค่อย “ก็... แล้วแต่สายลมสิ ถ้าถามรูส รูสว่ามันอาจจะดีก็ได้...”
มองท่าทีของเด็กมันแล้วสายลมก็ถอนใจ ก่อนร่างสูงใหญ่นั้นจะลุกขึ้นเดินไปที่ห้องสระผมตามที่ช่างทำผมบอก
“โธ่เอ๊ย เล่นตัวจริง พี่ชายใครวะ”
เดวาบุ้ยปาก ก่อนหัวเราะอย่างเหนือกว่า ขณะที่รูสอมยิ้มกับท่าทางนั้น ทั้งสองพากันนั่งลงที่โซฟาภายในร้าน เดวาหยิบหนังสือมาให้น้องอ่านคนละเล่มกับตนเอง รอสายลมสระผมเสร็จ
เมื่อออกจากห้องสระผมมาแล้วช่างก็พาสายลมมานั่งเก้าอี้หน้ากระจก ก่อนลงมือตัดซอยให้ ทำไปชวนคุยไป แต่สายลมกลับเงียบจนคนชวนคุยพูดคนเดียวก็เหนื่อยจนเลิกพูด
“สายลม รูสไปเดินเล่นกับพี่เดวานะ”
เสียงเด็กที่ดังขึ้นข้างกายทำให้สายลมหันมามอง ก่อนมองเลยไปยังเจ้าตัวแสบที่พยักหน้าหงึกหงักบอกให้เขาอนุญาต
“อืม ไปสิ”
รูสยิ้มกว้างแล้วเอ่ยขอบคุณคนใจดี “ขอบคุณครับ”
เดวายื่นมือมา รูสก็ยื่นไปจับแล้วพากันเดินออกจากร้านไป เพราะเดวาน่ารัก รูสก็เลยชอบ ชอบคุณย่าอัญชันของเดวาด้วย ท่านใจดี ไก่น้อยของเดวาก็ดูแลเขาเหมือนเดวาทุกอย่าง มายฟาของเดวาถึงจะดูดุไปสักหน่อยแต่ก็ใจดีไม่ต่างกัน ทำให้รูสรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้อยู่ร่วมกับคนในครอบครัวนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเศร้าใจ เพราะอย่างไรเสีย ทุกคนก็ไม่ใช่ครอบครัวแท้ ๆ ของเขาอยู่ดี
สองหนุ่มวัยละอ่อนเดินเล่นกันเพลิน แถมขากลับยังซื้อข้าวของมาเต็มไปหมด ฝากบอดีการ์ดช่วยหอบกลับมาหาสายลมขณะที่พวกตนเดินตัวปลิวเหมือนขาไปไม่มีผิด
ทางด้านสายลมที่ตัดผมและจัดทรงโดยช่างฝีมือดีจนเรียบร้อย ชายหนุ่มมองเงาของตนเองที่สะท้อนในกระจกแล้วรู้สึกแปลก ๆ เมื่อรูสโผล่หน้าเข้ามาในร้าน เขาก็หันไปมอง เจ้าดื้อมันแย้มยิ้มตามประสาก่อนจะชะงักค้างเมื่อเห็นเขา ริมฝีปากหยักยกยิ้มเมื่อเอ่ยทักเด็กต๊อง
“ทำหน้าเหมือนเห็นผี”
เด็กมันหุบปากที่อ้าค้างลงเมื่อถูกทัก กะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะเดินสำรวจรอบตัวเขา
“นี่ใครน่ะ?”
สายลมโยกหัวเด็กที่แกล้งเย้าตน ก่อนเอ่ยถามยิ้ม ๆ
“ดูดีหรือยัง?”
“มาก” ยกนิ้วให้ว่ามากจริง ๆ ท่าทางจะพอใจกับสายลมมาดคุณชายไม่เบา
“ชอบไหม?”
คำถามนั้นทำให้รูสอมยิ้มแล้วพยักหน้าหงึก แบบเดิมเขาก็ชอบ ดูเถื่อน ๆ ดี แต่แบบนี้ก็ดูเป็นหนุ่มหล่อ สะอาดสะอ้านแบบคุณชายบ้านรวย เท่ไปอีกแบบ
สายตารูสสะดุดกับรอยแผลเป็นที่หางคิ้วของสายลม รอยยิ้มที่มีเริ่มเจื่อนลง พอตัดผมแล้วจัดทรงเปิดหน้าผากแบบนี้ทำให้เห็นรอยบากชัดเจน แบบนี้สายลมจะอายคนไหม...
“เป็นอะไรอีก?”
สายลมเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเด็กมันหน้าจ๋อย ก่อนจะยกมือขึ้นแตะที่หางคิ้วของตัวเองเมื่อเห็นว่าตากลมมองมาที่นี่ คิ้วเข้มเลิกสูงอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะร้องอ๋อในใจเมื่อรู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เด็กมันทำหน้าแบบนั้น
“น่าเกลียดเหรอ?”
“เปล่า ๆ ๆ” รูสรีบโบกมือปฏิเสธพัลวัน “รูสแค่... กลัวว่าสายลมจะอายคนอื่นหรือเปล่า เวลาเขามองมา...”
“ไม่เห็นเป็นไร อยากมองก็มองไปสิ”
สายลมบอกอย่างไม่ใส่ใจ คว้ามือเด็กหน้าจ๋อยแล้วพาออกจากร้าน เดวาที่ถูกทิ้งไว้คนเดียวจึงหันไปลาเจ้าของร้านที่รู้จักกัน ก่อนเดินตามทั้งคู่ออกมา
รูสช้อนมองคนตัวโตข้างกายแล้วยิ้มบาง ก่อนใบหน้าเรียวจะค่อยก้มต่ำลง รอยยิ้มที่มีค่อยคลาย มือที่ถูกกุมกระชับมือของสายลมแน่นขึ้น ทำให้สายลมหันมามองเมื่อรู้สึกถึงความผิดปรกติ รูสเงยมามองแล้วส่ายหน้า ส่งยิ้มให้ว่าตนเองไม่เป็นไร
คิ้วสายลมขมวดด้วยความสงสัย ได้แต่เก็บมันไว้เมื่อรูสพยายามที่จะทำให้เขาเห็นว่าไม่เป็นไร แม้ในใจจะขัดแย้ง แต่เขาก็จะพยายามเชื่อก็แล้วกัน
......
เอวานนัดเจรจาเรื่องงานวิจัยกับราซิส ผู้ที่ติดต่อเรื่องนั้นกับมันอยู่ตอนนี้ก็คือเขาเอง จากที่ให้คนของเขาออกหน้ามาตลอด คราวนี้ถึงทีพวกเขาต้องออกโรงเองแล้ว เมื่อสายลมอยากเป็นคนจัดการราซิสด้วยตนเองโดยมีลุงหลงคอยให้ข้อมูลเบื้องลึกที่พวกเขายังไม่รู้ ลุงหลงถูกพาไปพักในที่ปลอดภัย ให้พ้นหูตาของราซิส เพื่อที่ฝ่ายนั้นจะได้อ่านเกมของพวกเขาไม่ออก
เมื่อถูกร่นเวลาเข้ามา ราซิสก็ยิ่งเครียดจนไม่อยากพบกับฝ่ายตรงข้าม แต่สุดท้ายก็ต้องมาเพื่อยืดเวลาออกไปอีก แต่เมื่อได้พบกับสายลมที่เป็นฝ่ายมาเจรจากับเขาด้วยตนเอง นั่นทำให้ราซิสถึงกับนิ่งงัน ถึงไอ้หนุ่มผมยาวนั่นมันจะตัดผม โกนหนวด แล้วแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ เขาก็ยังคงจำมันได้ คนที่มาตามหารูส คนที่มันใช้ปืนจ่อหัวเขา เขาไม่มีทางลืม!
“ผมว่าในแวดวงธุรกิจ คุณคงเคยได้ยินชื่อวินท์ คาร์ล มาบ้างนะ” สายลมเริ่มแนะนำตัวเอง นัยน์ตาสีนิลจับความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามไม่ให้พลาดสักนาที
“ก... คุณคือวินท์ คาร์ลเหรอ?” ราซิสต้องพยายามห้ามปากไม่ให้จิกหัวเรียกอีกฝ่ายดังเช่นก่อนหน้าที่ได้พบกัน เพราะเวลานี้สายลมอยู่ในฐานะที่เหนือกว่าตนเองเสียอีก
“เป็นคำถามที่ดีนะ” สายลมยิ้ม “และผมคงต้องบอกว่าใช่”
ราซิสนิ่งไป พวกมันรวมหัวกันหลอกเขา หมอนี่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับรูส ไอ้เด็กนั่นหลอกล่ออะไรมันมา ถึงได้ยอมทุ่มเงินมากมายเพื่อที่จะซื้องานวิจัยของศาสตราจารย์ภิชาติจากเขา มันมีแผนอะไรอยู่กันแน่
“วันนี้ที่นัดคุณออกมาคุยเพราะผมเห็นว่ามันล่าช้าจนเกินไป จนไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะได้เห็นงานวิจัยที่คุณว่าเสียที” สายลมเปิดประเด็นอย่างใจเย็น
“ผมบอกคนของคุณไปแล้วว่าขอเวลา ซึ่งทางคุณก็ให้เวลามาสัปดาห์หนึ่ง ไม่ใช่เหรอ?”
“แต่พรุ่งนี้ก็ครบสัปดาห์แล้วนี่ครับ” สายลมย้อน ทำให้ราซิสชะงัก พยายามระงับอารมณ์เต็มที่
“แล้วจะเอายังไง?”
“อืม... เอายังไงดีล่ะ ให้กฎหมายช่วยจัดการเรื่องนี้ดีไหมครับ คุณราซิส เงินที่ผมทุ่มลงไปแต่ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง คุณว่า... ผมควรจะทำยังไงดีล่ะ?”
ราซิสหัวเราะในลำคอเชิงเยาะหยัน คิดจะใช้กฎหมายมาข่มขู่คนอย่างเขาหรือ ถ้าเขาเกรงมันสักนิดคงไม่มาไกลขนาดนี้
“ถ้าฉันกลัว ฉันคงไม่ใช่ราซิส”
สรรพนามที่เปลี่ยนไป ทั้งน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง ทำให้สายลมเปลี่ยนท่าทีจากที่นั่งสบาย ๆ เป็นโน้มไปด้านหน้าเล็กน้อย นัยน์ตาคมมองคนตรงหน้าราวเป็นเหยื่อที่ตนพร้อมจะบดขยี้ได้ทุกเมื่อ
“พวกเรามันประเภทพูดเรื่องกฎหมายกันไม่รู้เรื่อง ถ้าอย่างนั้น... ก็ลองดูกันสักตั้ง ในเมื่อคุณคิดจะเล่นเกมนี้กับผมก็ลองดู อย่าถอดใจไปก่อนแล้วกัน”
ทิ้งท้ายเพียงเท่านั้นร่างสูงใหญ่ก็ลุกขึ้น คนของเขาลุกตาม ทิ้งสายตาเยาะหยันทั้งเหยียดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มไม่น่ามอง ก่อนจะเดินออกไปจากจุดนั้น ปล่อยให้ราซิสกำหมัดแน่นทั้งตัวสั่นด้วยความเคืองแค้น วินท์ คาร์ล แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!!
“จะเอายังไงต่อไปครับ?”
คนของเวสส์เอ่ยถามน้องชายของนายตน ซึ่งบัดนี้กลายมาเป็นนายอีกคนเพราะคำสั่งของเอวาน พวกเขาจึงต้องฟังและทำตามที่สายลมสั่ง
“จับตาดูมันไปก่อน ตอนนี้เอวานกำลังช่วยเจรจาเพื่อตัดกำลังของมันอยู่” สายลมบอกเสียงเครียด
“ครับ”
ขึ้นชื่อว่าเวสส์ นักธุรกิจทั้งด้านมืดและด้านถูกกฎหมายต่างก็รู้จักไม่ต่างจากเฟอร์ริงตันของอเล็กซานเดอร์ การเข้าถึงตัวนายของราซิสจึงไม่ใช่เรื่องยากหากเอวานออกหน้า ฝีปากเอวานสามารถโน้มน้าวใจคนให้คล้อยตามได้ เว้นเสียแต่ว่าฝ่ายนั้นอยากปะทะกับเวสส์เพื่อปกป้องลูกน้องปลายแถวอย่างราซิส หรืออีกนัยหนึ่ง ราซิสก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในกระดานที่นายของมันเก็บเอาไว้ใช้ยามจำเป็น เพราะราซิสเคยเป็นลูกน้องนายเจสัน แล้วมาร่วมมือกับนายคนปัจจุบันของมันโค่นนายเจสันเพื่อถีบตัวเองขึ้นเป็นใหญ่ คนเหล่านี้มักไม่มีสัจจะวาจา นอกเสียจากผลประโยชน์ของตนที่พึงจะได้และรักษาไว้เท่านั้น
เขาจะบีบมันทุกทาง ในเมื่อมันทำกับคนของเขาอย่างโหดร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากคิดลอยหน้าอยู่ดีมีสุขก็คงคิดผิดมหันต์ ราซิส ธรรมวงศา สันดานมันช่างไม่เหมาะกับนามสกุลเอาเสียเลย!
......
บ้านหลังใหญ่ในยามค่ำคืน ในคืนนี้ก็เป็นอีกครั้งที่รูสมีอาการแปลกประหลาด เสียงครางและอาการหอบหายใจแรง พลิกกายไปมาด้วยความกระสับกระส่ายเพราะภาพที่ผุดขึ้นมาเป็นฉาก ๆ ในห้วงสำนึกหลังหลับตา เหงื่อเม็ดโตไหลซึมจนเปียกชื้น ทั้งที่ภายในห้องเย็นฉ่ำเพราะเครื่องปรับอากาศ มันเหมือนมีของเหลวบางอย่างกำลังโอบล้อมร่างกาย ไม่รู้ว่ามันคือความฝันหรือภาพความทรงจำที่ผุดพรายจนแทบหายใจไม่ออก ทรมาน... ทรมาน... ใครก็ได้ ใครก็ได้... ช่วยด้วย ช่วยรูส...
“รูส! รูส!!”
สายลมเขย่าตัวเรียกสติเด็กที่ดิ้นรนคล้ายจะขาดอากาศหายใจในไม่ช้า มือเอื้อมไปเปิดโคมไฟหัวเตียงด้วยความตกใจที่เห็นเด็กมันเป็นแบบนี้ ไม่นานนักอาการนั้นก็ค่อยสงบลง ก่อนที่ดวงตากลมจะค่อยลืมขึ้นมามองเขาแล้วโผเข้ากอด
สายลมลูบหลังเด็ก ตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาล รูสก็มักเป็นแบบนี้ ที่ราซิสบอกถูกรูสทำร้ายนั่นจริงหรือ แค่ฝันร้ายเด็กมันยังตัวสั่นงันงกขนาดนี้ จะไปทำเรื่องแบบนั้นได้อย่างไร
แสงไฟภายในห้องเพียงสลัวราง รูสนั่งพิงสายลมอยู่นาน ความรู้สึกหวาดกลัวที่มีค่อยคลายลง แต่เขาไม่อยากนอน ไม่นอนแล้ว เพราะเดี๋ยวนอนหลับไปก็ฝันร้ายอีก ไม่เอาแล้ว
“ทำไมพักนี้ฝันร้ายบ่อยจัง หืม เพราะนอนกับฉันเหรอ?” สายลมเอ่ยถามเสียงนุ่ม ลูบต้นแขนเล็กไปพลางเพื่อปลอบประโลม
รูสเงยมองคนถามแล้วส่ายหน้าระรัวเป็นการปฏิเสธ สอดแขนกอดสายลมแล้วซบนิ่ง ฟังเสียงหัวใจสายลมเต้นอยู่ข้างหู เสียงเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอมันทำให้ใจเขาสงบลง
“สายลม”
“หืม?”
“รูสรู้สึกแปลก ๆ ถ้าเกิดว่ารูสทำอะไรโดยที่ไม่รู้ตัว สายลมอย่าโกรธรูสนะ” ตากลมช้อนมองสายลมอย่างเป็นกังวล
“สัญญา ถ้าเกิดรูสทำอะไรแปลก ๆ ฉันจะคอยห้าม ไม่ต้องกลัวหรอก”
สายลมให้สัญญามาเช่นนั้น แต่รูสก็ยังไม่สบายใจ เขารู้สึกใจไม่ค่อยดี เหมือนอยากจะไปที่ไหนสักแห่ง แต่เขาก็กลัวที่จะต้องไป แม้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองจะต้องไปที่ไหน
เวลาผ่านไปพักใหญ่ เด็กที่นั่งกอดเขาอยู่ก็ผล็อยหลับ สายลมค่อยเอนตัวเด็กลงนอน มือเรียวผวาคว้าแขนเขาเมื่อจะผละห่างแล้วกอดเอาไว้แน่น สายลมไม่กล้าขยับ มือลูบเปิดผมที่หน้าผากนูนแล้วลูบเบา ๆ เป็นการกล่อม
โน้มจูบหน้าผากคนหลับก่อนจะค่อย ๆ นอนลงข้างกันแล้วเอื้อมไปปิดไฟ เด็กมันไม่ยอมปล่อยแขนเขา ทำให้นอนลำบาก เขาจึงค่อยแกะมือเหนียว ๆ นั้นออกแล้วเปลี่ยนมากอดไว้ อาการเกร็งจึงคลายลงเมื่ออยู่ในอ้อมแขนที่เคยคุ้น
......
ต่อด้านล่างค่ะ