“ผมอยู่หน้าร้านครับ ตรงที่นั่ง ข้าง ๆ บันได”เขาตอบมา
สายตาผมก็มองตรงออกไปที่หน้าร้านทันที
ผมกรอกเสียงผ่านมือถือไปถึงเขาอีกครั้งครับ
ด้วยเสียงพูดที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ
ในที่สุดผมก็เจอเขาเสียที
“โอเคครับ ผมเห็นคุณแล้ว”
********ตอนที่2********
ผมเปิดประตูทางด้านหน้าร้านแล้วก้าวเท้าออกไปหาเขาผู้มาเยือน
ภายในหัวผมไม่ได้คิดอะไรทั้งสั้น
นอกจากไปเจอเขาให้เร็วที่สุด ตามมารยาทของเจ้าบ้านครับ
ผม เข้าไปใกล้เขามากขึ้น ๆ ยิ่งผมเข้าไปใกล้เขามากเท่าไร รูปหน้าของเขาก็ ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
สมองผมรีบประมวลผลทันทีทันใด เต็ม10 ได้เท่าไร ตอนนี้10
เดินเข้าใกล้อีกนิด 9
อีดนิด8
หยุดไว้ที่8 ก็คงพอแล้วครับ
ขืนน้อยไปกว่านั้นเดี๋ยวคนอ่านจะรู้ว่าหมด ว่าคนนี้ต่ำกว่ามาตรฐาน
แต่จะมาตรฐานอะไรเดี๋ยวมีเฉลยครับ5555
*
*
*
ชายหนุ่ม ชาวไต้หวัน อายุราว 28 ผมสีดำเข้ม ปริวไปมาตามแรงลม ในยามเย็น
คิ้วโก้งหนา ตาชั้นเดียว จมูกโด่งเป็นสัน ปากสีชมพูได้รูป
ยิ่งผมเดินเข้าใกล้เขาเพียงใด
ผมยิ่งรับรู้ได้ว่า ผู้ชายคนนี้ดูดีทีเดียว กับส่วนสูงเกือบ 180 ร่างกายผอมบาง
ใส่เสื้อ เชิ้ต ลายดำสลับขาว กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบไนกี้ ที่ผูกอย่างเรียบร้อย
ไหล่ขวา สะพาย กระเป๋า โน๊ตบุ๊ค
มือซ้ายจับอยู่ที่ลากกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่
กับสายตาที่กำลังหันซ้ายที ขวาที มองหา
เจ้าของเสียงในโทรศัพท์ที่เพิ่งวางไปเมื่อสักครู่555555
ผมเดินเข้าไปหาเขาอย่างคุ้นเคยในระดับหนึ่ง เพราะผมเห็นเขาผ่านทางเว็ปแคมแล้ว
ทำให้ผมแน่ใจว่านี้คือ คุณคนนั้น คนที่ผม สนทนาก่อนหน้านี้แล้ว
และมันจึงไม่ทำให้ผมเขอะเขินที่จะเข้าไปทักทายชายผู้นี้แต่อย่างใด
ใช่สิครับ นางงามมารยาทดีพ่วงมาอีกตำแหน่งนึงนี่5555
เมื่อผมอยู่ในระยะที่ทำให้เขาน่าจะรู้แล้วว่าคนที่เขารอนั้นคือใคร
และได้มาถึงแล้ว อยู่ตรงหน้าเค้านี่ไง
ผมเริ่มทักทายด้วย คำง่ายๆ กับคำว่า ไฮโล55
เปล่าครับเฮโล่
“ คุณเบนใช่ไหมครับ” ผมถามต่อ
เขามองมาที่ผม พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า อย่างเป็นมิตร
หรืออาจจะตกหลุมผมแล้วก็ได้ เพราะสวยฟาดขนาดนี้5555
“ครับใช่ คุณพอลใช่ไหม” เขาถามกลับ
ผมตอบเขาไปว่าใช่ครับ ทันทีที่ผมตอบไป
หนุ่มตี๋ผู้นี้ก็พมนมือ ขึ้นในระดับอก โค้งหัวลง อย่างช้าๆ
ทักทายผมด้วยภาษากายอีกครั้ง
ปากที่ได้รูปสีชมพูคู่นั้น
เอ่ยคำว่า... สวัสดีครับ คุณพอล อย่างช้าๆๆ ดูนุ่มนวลชวนฟัน เอ้ย ฝันทันที
มันเป็นการทักทายตามมารยาทของคนไทย
แต่ดูแปลกตรงที่ท่าทางค่อนข้างจะแข็ง ไม่อ่อนน้อมแบบคนไทยทั่วไป
ผมไม่รีรอ ทำตามเขาโดยอัตโนมัติ แต่สวยกว่า ก็แน่ล่ะสิครับผมคนไทยนี่
จะไปไหว้แข็งๆ แบบเขา ได้อย่างไรกัน
อย่าลืมว่าผมตำแหน่งอะไร5555
“สวัสดี ขอต้อนรับสู่เมืองไทยนะครับ” เป็นภาษาไทย อีกครั้ง
เขาทำหน้า งง งง กับคำพูดของผม ด้วยหน้าที่ยิ้มแย้มปนความสงสัย
ผมทำหน้าที่เป็นนักแปลอย่างรีบด่วน บอกในสิ่งที่ผมสื่อออกไป
เขากล่าวขอบคุณผม พร้อมกับยิ้มให้ผมอีกครั้ง
สวยละลายทันทีครับ ตรงแม็คนั่นละ
เพราะรอยยิ้มของเขาทำให้เขาตาปิดนะสิครับ
แต่มันก็น่ารักนะ ได้อยู่ ได้อยู่555
ตอนนี้ความอายหรือความหน้าด้านของผมไม่รู้มาจากไหนแล้วละครับ
มันค่อย ๆ ทำให้ผมไม่กล้าที่จะมองหน้าเขาแล้ว
เขินชิบ
ผู้ชายคนนี้ คนที่อยู่ข้างหน้าผมช่างดูดีเหลือเกิน
ต่างจากที่ผมเห็นผ่านเว็ปแคมอย่างชัดเจน
ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา
แววตาบ่งบอกถึงความจริงใจ และใส่ใจในทุกคำพูดของการการสนทนา
ผิดกับผม ผมแทบไม่กล้าจะยิ้มตอบกลับไปเท่าไร ทั้งที่ผมเป็นคนไทย
ผมกลับทำให้เสียชื่อ สยามเมืองยิ้มไปซะแล้ว
ด้วยเกียรติของนางสาวไทย
หนูขอสัญญาว่า จะยิ้มให้สวยที่สุดและบ่อยๆคระ555
แต่ทำไงได้หละครับ คนธรรมดาอย่างผมอยู่ต่อหน้าคนหน้าตาดีนี่ครับ
จะบอกว่าผมเจียมตัวก็ไม่ผิดอะไรครับ ก็ผมเจียมตัวจริง ๆ
ผู้อ่านคงอยากถามสิครับว่า ทำไมใครๆที่เข้ามาในชีวิตหนูปอร์ถึงมีแต่คนหล่อๆ เริศๆ
555 แล้วถ้าจะบอกว่าไม่หล่อแล้วพวกเมริงจะอ่านไหม555
ที่ผมให้8 ก่อนหน้านี้เทียบกับคนไต้หวันเหมือนกันครับ55
แต่เทียบกับคนไทยนี่ เต็ม10 ได้เท่าไร มิแซ่บ ครับ
*
*
*
ผมกับเบน เรา เริ่มสนิทกันมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการสนทนา
แต่จะเป็นเรื่องของการทำงานเป็นส่วนใหญ่ การเดินทาง สภาพแวดล้อมที่เขาเคยอยู่มา
รวม ถึงชอบหรือประทับใจอะไรในเมืองไทย
รวมทั้งในตัวผม ตอนนี้สะพานกรอบแล้วครับ น่าทานเชียว
อันสุดท้ายผมเม้าท์นะครับ5555
เราสองคนทำหน้าที่ผู้ถามและผู้ถูกถามสลับกันไปมา
และผมก็ทำหน้าที่ของผมเท่าที่สมองของผมจะทำได้ใน ขณะนั้น
*
*
*
เบนเป็นคนจีนที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีคนนึงครับ การออกเสียง
สำเนียงแบบอเมริกัน เป๊ะ ทำไมผมถึงรู้เหรอครับ ผมก็ถามเขาสิครับ
เขาบอกว่าเขาไปใช้ชีวิตอยู่ฮาวาย 2 ปี
ไปทำงานกับญาติที่นั่น มันจึงไม่แปลกเลยที่ภาษาเขาจะดีขนาดนี้
ผิดกับผม พูดภาษาอังกฤษก็จริง แต่สำเนียงอะไรนั้น ผมแทบไม่รู้เลย
แต่เท่าที่รู้คือ สำเนียงไทยนี่ละครับ แต่เขาก็เข้าใจนะครับ
หรืออาจแกล้งทำเป็นเข้าใจ เพื่อรักษามารยาท ของการสนทนาก็เป็นได้
แต่ผมแคร์ที่ไหนล่ะครับ พูดไปตามที่ผมทำได้ อ้อมบ้าง สั้นบ้าง ยาวบ้าง
อ้อมโลกก็แล้วแต่ที่ผมจะคิดได้ในตอนนั้น
ทำไงได้ล่ะผมไม่เคยไปทำงานหรือเรียนที่ต่างประเทศเหมือนกับนายเบนคนนี้นี่ครับ
พูดได้แค่นี้ถือว่าดีที่สุดสำหรับผมแล้ว
เราสองคนใช้เวลาสนทนาสักครู่ ผมจึงเอ่ย ถามเขาตามมารยาท
ว่าทานอะไรมาบ้างหรือยัง ระหว่างเดินทางมา
รู้สึกผมจะมารยาทดีจริงเลยนะครับ555
โดยเฉพาะกับผู้ชายนี่555
ต่อมแรดแตกทุกที5
เขาบอกผมว่าอยากหาร้านนั่งคุยกันไปจิบเบียร์ไปด้วยคงดีไม่น้อย
ระหว่างที่เขารอเพื่อนมารับกลับที่พักครับ
ถึงผมจะทำงานแถวนี้ก็จริงนะครับ
ถ้าถามผมว่ารู้จักที่เที่ยวหรือร้านเหล้าไหม
ผมตอบได้โดยไม่ต้องสงสัยเลยครับว่าไม่รู้
ทำไงได้ล่ะครับ หลังจากทำงานเสร็จผมก็รีบเข้าฟิตเนส
หรือไม่ก็กระโดดขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้านทันที
ผมไม่ได้ที่จะเดินเล่น หรือเป็นหนูน้อยนักสำรวจ ที่อยากรู้อยากเห็นแต่อย่างใด
หลายคนที่รู้ว่าผมทำงานแถวนี้มักจะแปลกใจ
ว่าทำงานแถวนี้แท้ ๆ กลับไม่รู้อะไรเลย
ผมมักจะตอบกลับไปทันที เลยว่าผมทำงานกลางวันนะ
ไม่ได้รับจ๊อบพิเศษตอนกลางคืนนี่นา กรี๊ด ๆๆๆสวยตอนกลางวัน555
เบนเสนอความคิดว่าพอรู้จักร้านเล็กๆ ในซอย 4 พร้อมทั้งอธิบายลักษณะของร้านที่เขากำลังพูดถึง
โห รู้ดีขนาดนี้ รู้มากกว่าผมอีก ผมคิดในใจ
ในเมื่อเขาเสนอมาแบบนี้ บวกกับที่ผมไม่รู้อะไรเลย
ก็แน่นอนครับ ผมก็ต้องเลือกสิ่งที่เบนเสนอมาอย่างแน่นอน
ผมเลือกที่ช่วยเขาสะพายกระเป๋าโน้ตบุค เพราะมันคงจะดีไม่น้อยถ้าช่วยเขาได้
เขาสะพายข้ามน้ำข้ามทะเลมาคงจะหนักไม่น้อย
เห็นไหมครับ ผมมีน้ำใจแค่ไหน …อีกแล้ว
ดีนะครับที่ผมไม่เลือกที่จะลากกระเป๋าใบใหญ่นั่น เขาคงประทับใจ ผมน่าดูเลย
ผมจึงเอ่ยปากแสดงความเต็มใจที่จะช่วยถือ แต่ด้วยมารยาทเบนปฏิเสธในตอนแรก
แต่ก็สายไปแล้ว มือผมเอื่อมไปถึงกระเป๋าใบนั้นแล้ว
และเขาก็เต็มใจที่ให้ผมช่วยแต่โดยดี
ผมไม่ใช่คนมือไวนะครับ แต่ตอนนี้กระเป๋านั้นมันมาอยู่ที่บ่าผมเรียบร้อยโรงเรียนไต้หวัน555
ด้วยความที่ถนนสีลมในช่วงหลังเลิกงาน รถติดเป็นที่รู้ ๆ กัน เราสองคนถึงข้ามถนน
มาได้อย่างง่ายดาย โดยที่ไม่มีใครได้รับอุบัติเหตุ
นอกจากอุบัติรักที่กำลังจะเกิด55555555555
เบนเป็นคนเดินนำอย่างรู้ทาง……..ตกลงใครคนไทย ตกลงใครเจ้าถิ่น
ทำให้ผมรู้สึกอับอายเล็กน้อย
เขาตรงเขาไปในซอย4 นั้นอย่างคุ้นเคย แต่ผมก็ไม่ได้ถามเขาหรอกครับ
ว่าเคยมาร้านนี้มาก่อนหรือเปล่า
เพราะคิดไปเองว่า
เขาคงจะหาข้อมูลก่อนมา หรือจะเคยมาเที่ยวแล้วก็เป็นได้
ช่วงเวลานี้ หลายๆ ร้านบนซอย 4 เริ่มจะเปิดให้บริการแล้ว
มันจึงง่ายที่เราสองคนจะเลือกใช้บริการจากร้านต่าง ๆ
บวกกับมีพนักงาน ส่งเสียงเชิญชวนให้เข้าไปใช้บริการด้วยแล้ว
จึงไม่ยากเลยที่จะตัดสินใจเลย
ผมและเบนเลือกนั่งตรงข้ามร้านนี้ แปลว่า ระเบียง เบนสั่งเบียร์ขวดเล็ก ๆ1 ขวด ให้ตัวเอง
และไม่ลืมที่จะถามผมว่าจะทานอะไร
แหม สุภาพบุรุษมาแล้วครับตอนนี้
ตอนนั้นผมไม่ได้คิดถึงน้ำส้มหรอกนะครับ
ถึงจะสวยฟาดแค่ไหนก็ตาม
แต่คิดถึงน้ำเปล่าแทน เพราะมันคงจะง่ายกว่า
ความจริงผมอายจนไม่รู้จะสั่งอะไรมากกว่าครับ
เบนสั่งของกินเล่นมาอีก2 อย่าง
อีกอย่างไม่ต้องสั่ง รอให้กินอยู่แล้วตรงหน้า555
*
*
ในช่วงที่เรา รอออเดอร์อยู่นั้น
เบนเขาได้เปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุค ขึ้นมา พร้อมบอกผมว่ามีอะไรจะให้ดู
ผมตื่นเต้นนิดหน่อยครับ
แค่มือสั่น ตาลอย แต่แสดงออกเป็นท่าทางที่สนใจแทน
ยังจินตนาการไม่ออกหรอกครับว่ามันคืออะไร
จะเป็นคลิปโป๊ ก็ไม่นะ เพราะเราเพิ่งเจอกัน เขาคงไม่กล้าขนาดนั้น
หรือว่าจะเป็น คาราโอเกะ เบนก็ยังไม่ได้กินเบียร์แล้วจะกล้าร้องขนาดนั้นเหรอ555
*
*
*
ครับ มันเป็นเพลงไทย หลาย ๆ เพลง รวมไว้ในไฟล์ ออกแนวเพลงเพื่อชีวิต
เขาเปิดให้ผมฟังพร้อมกับร้องคลอตามเบา ๆ** เสียตัวอย่าเสียจาย เท่าที่ผมจำได้นะครับ ร้องสำเนียงจีน ๆ **
สีหน้าเขามีความสุข กับการได้ร้องเพลงเหล่านั้นมาก
ผมถามเขาว่าแล้วรู้เหรอว่ามันแปลว่าอะไร
เบนส่ายหัว... แล้วผมก็ไม่รอช้าครับ เป็นล่าม และดิกชันนารีในเวลาเดียวกัน
เห็นไหมครับ อย่างน้อยผมก็มีประโยชน์อยู่บ้าง
ยังไม่หมดครับ เบน พูด
แล้วเขาก็คลิ๊ก 2 ถึง 3 ครั้ง
ก็มีเสียงคนพูดดังขึ้นมา
ผมมองไปที่จอคอมพิวเตอร์นั้น
มันคือโปรแกรมเรียนภาษาไทยสำหรับคนจีนครับ
แปลจากจีนเป็นไทย บ้าง แปลจากไทยเป็นจีนบ้าง
“อยากเรียนภาษาไทยเหรอ” ผมถามเขา
“ใช่ครับ อยากพูดภาษาไทย ชอบคนไทย ชอบเมืองไทย” เบนตอบ
ผมก็เสนอตัวเลยครับอย่างไม่รอช้า อย่าเข้าใจผิดนะครับ ท่านผู้อ่าน
ผมเสนอตัวเป็นคนสอนภาษาไทยให้เขาครับ ไม่ได้เสนอตัวอย่างว่า55555
*
*
*
*
เราสองคนสนทนากันอย่างสนุกสนาน
เสียงสนทนาของเราหยุดลง....เมื่อเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นมา
เขาคุยกับปลายสายสักพัก แล้วก็วางไป
หันมาคุยกับผมต่อ บอกว่าเพื่อนเขาที่มารับได้มาถึงสถานีศาลาแดงแล้ว
เราสองคนก็เลยต้องหยุดการการสนทนานั้น และเก็บคอมพิวเตอร์ลงใส่กระเป๋า
ข้ามฝั่งมาที่นัดหมายระหว่างเบนกับเพื่อนอีกครั้ง
เบนแนะนำให้ผมรู้จักเพื่อนเขา ทุกคน
ผมก็ทักทายเขาตามมารยาท เขาก็เช่นกัน
โดยที่ไม่รู้หรอกว่าเขาพูดอะไรกับผม เพราะภาษาที่เขาใช้เป็นภาษาจีน
เวลาผ่านไปตอนนั้นเวลาประมาณ1 ทุ่ม กว่า ๆ
มันก็นานที่เราได้คุยได้รู้จักกัน
เบนได้หันผม
“พอล ผมต้องไปแล้วครับ”
“ครับ ดีใจที่ได้รู้จักครับเบน”
“เหมือนกันครับพอล ดีใจที่ได้รู้จักครับ”เบนกล่าวคำขอบคุณ
การต้อนรับที่อบอุ่น
“คุณพอลรู้ไหมครับ คุณเป็นคนไทยคนแรกที่ผมรู้จัก หลังจากที่มาถึงที่นี่”
ซึ่งผมก็ดีใจไม่แพ้เบนเลยที่เป็นคนแรกของเขา **หมายถึงเพื่อนคนไทยคนแรกนะครับ อย่าคิดเป็นอย่างอื่น
“คุณเป็นคนจากเกาะไต้หวันคนแรกที่ผมรู้จักเช่นกันครับ
ขอต้อนรับสู้เมืองไทยอีกครั้งครับ สวัสดีครับ” พูดจบผมก็พนมมือขึ้นระดีบอกอีกครั้งครับ
เหมือนแอร์สาว555
เบนก็ทำเช่นเดียวกับผม
แล้วเขาก็ขึ้นรถแท็กซี่โดยสารที่จอดรออยู่แล้ว
เขายังไม่ลืมที่จะหันมามองผมและโบกมือตลอดทางจนแท็กซี่นั้นค่อย ๆ หายไป..
พนักงานต้อนรับจำเป็นจึงจบลงแค่นี้
วันนี้มีคำใหม่ๆมาฝาก
สวยฟาด หมายถึงสวยมาก
เช่น วันนี้น้องปอร์สวยฟาดมากในสายตาหนุ่มไต้หวัน 555