บทที่ ๙ ครึ่งหลัง“พี่ณิช พี่โอ๋บอกว่าอย่าลืมงานลูกค้าด้วยนะ ลูกค้าโทรมาเร่งบอกจะเอาภายในอาทิตย์หน้า” มิ้งบอกคนที่กำลังเหม่อ เธอชะโงกหน้าเข้าไปดูณิชใกล้ๆ แต่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะตกใจหรือขยับออกอย่างปกติ
“พี่ณิช พี่... เห้ย! พี่ณิช!”
“เห้ย! ตกใจหมดไอ้มิ้ง! เรียกทำไมเสียงดัง” ณิชเซเกือบล้มเพราะหญิงสาวผลักเขา
“ก็พี่เหม่ออ่ะ หนูคุยด้วยตั้งนานแต่พี่เอาแต่ยืนเหม่ออยู่นั่นแหละ เป็นอะไรรึเปล่า ไข้กลับเหรอ” มิ้งโบกมือหน้าณิช ฝ่ายรุ่นน้องขมวดคิ้วมุ่นสงสัยไม่น้อยว่ารุ่นพี่เธอเป็นอะไร ดูใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตั้งแต่เช้าแล้ว
“เปล่า ไม่มีอะไร ไปทำงานต่อเถอะไป”
“อย่าลืมส่งงานลูกค้าให้พี่โอ๋นะ และดูท่าพี่จะมีข่าวดีด้วย”
“อะไร”
“ลูกค้าสั่งแก้งาน ฮ่าๆๆ” พูดจบมิ้งก็ทิ้งไว้แค่เสียงหัวเราะก่อนจะวิ่งจากไป ณิชถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
สาเหตุอาการเหม่อลอยของเขาก็ไม่ใช่ใครอื่น เจ้าของวังปริพัตรนี่แหละที่ทำให้เขาว้าวุ่นใจอยู่แทบทุกวัน เพราะตั้งแต่คืนนั้นที่เขาได้พูดคุยกับจีรัชญ์ ให้อีกฝ่ายสอนเขียนหนังสือกับปากกาขนนก จนมาจบที่ได้เห็นความอ่อนไหวของอีกฝ่าย จีรัชญ์ก็แทบจะหลบหน้าหลบตาไม่ให้เขาเห็นหน้าอีกเลย
จนวันนี้เกือบอาทิตย์เห็นจะได้ที่อีกฝ่ายบ่ายเบี่ยงที่จะเข้าใกล้เขา ยิ่งเวลาอยู่กันสองคนจีรัชญ์จะปลีกตัวออกห่างเขาไปทันที ทำทีว่าติดธุระบ้างล่ะ ไม่ว่างคุยให้คุยกับคุณหมีไม่ก็คุณสุทิน เขาหงุดหงิดจนเลิกหงุดหงิดไปแล้วอีกฝ่ายก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเข้าใกล้กัน
“ป้าแจ่ม ผมถามอะไรหน่อยสิครับ” ณิชเดินมาหาแม่บ้านใหญ่ตรงเรือนครัว ป้าแจ่มกำลังทำสะเดาน้ำปลาหวานอยู่หันมายิ้มให้ กวักมือให้เขาเข้าไปหา ณิชจึงนั่งลงบนแคร่ข้างหญิงสูงวัยทันที
“มีอะไรเหรอครับคุณณิช”
“คุณจีรัชญ์เขาเคยเกลียดใครไหมครับ แบบไม่ชอบใจใครประมาณนี้” อดรนทนไม่ไหวจึงต้องถามหาคำตอบจากคนที่อยู่บ้านหลังนี้มานาน อีกฝ่ายหัวเราะทันทีเมื่อได้ฟัง
“ทำไมถามแบบนี้ล่ะคะ หรือว่าคุณณิชไปทำอะไรให้คุณตรีโกรธ” ป้าแจ่มหันมาถามใบหน้ายังมีรอยยิ้มเปื้อนอยู่ ด้วยความเอ็นดูแขกของบ้านที่มาอยู่ได้ร่วมเดือนแล้ว แต่ดูเหมือนจะเข้ากับเจ้านายของเธอไม่ได้สักเท่าไหร่ บางครั้งคนทั้งสองก็เหมือนพร้อมจะเข้าหากัน แต่หลังๆ ก็ออกห่างกันอีกแล้ว
“ก็คุณตรีของป้าแจ่มเขาหลบหน้าผม ผมก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิดไปเขาถึงไม่คุยด้วย” ณิชว่าสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะบึ้งตึงเมื่อคิดว่าตนไม่จำเป็นต้องเข้าหาจีรัชญ์ขนาดนี้เลย หากเจ้าตัวไม่อยากคุยกับเขาก็สั่งงานผ่านรุ่นน้องเขาก็แล้วกัน
“ถามคุณเขาตรงๆ เลยสิคะ ป้าว่าคุณตรีเขาไม่ได้อะไรหรอก แต่คุณณิชคิดมากไปเองมากกว่า”
“แล้วผมจะคุยกับเขาได้ยังไงล่ะครับ อยู่บนโต๊ะอาหารเขาก็เอาแต่กินข้าวลูกเดียว พอจะถามก็โน่น...รีบขึ้นรถคุณหมีไปแล้ว” ชายหนุ่มตอบพลางหยิบถั่วทอดที่คลุกเกลือไว้แล้วมากิน
“คุณตรีเธอชอบขลุกตัวอยู่ในห้องทำงานค่ะ ถ้าคุณณิชเข้าไปในห้องนั้นป้ารับรองว่าคุณเขาหนีไปไหนไม่ได้แน่นอน”
เพราะคำแนะนำของป้าแจ่มที่ตอนแรกคิดว่าจะไม่ใส่ใจ แต่ท้ายสุดเขาก็เข้ามายังห้องทำงานของจีรัชญ์จนได้ โดยให้ป้าแจ่มเป็นคนเปิดห้องให้ ณิชเดินสำรวจข้าวของภายในที่ส่วนใหญ่เป็นไม้ ทั้งชั้นวางหนังสือที่ติดกับฝาผนัง โต๊ะ เก้าอี้ ทุกอย่างถูกตกแต่งกลิ่นอายเดียวกับห้องนอนของจีรัชญ์ ภาพวาดบ้านเรือนไทยถูกเจ้าของเอาใส่กรอบใหม่ และแขวนไว้มุมหนึ่งของห้องนี้แล้ว
“สวัสดีครับคุณอนันต์” ณิชเอยทักเจ้าของปลายพู่กันที่บรรจงสร้างรูปนี้ขึ้นมา แม้ฝ่ายนั้นจะไม่อยู่แล้วก็ตาม แต่เขาก็ขอบคุณที่ทำให้เขารู้สึกผูกพันกับรูปนี้ ใบหน้าหวานระบายยิ้มหน่อยๆ ก่อนจะละสายตาจากรูปมาเป็นชั้นวางหนังสือสูงเลยหัวเขาแทน
มันจริงอย่างที่จีรัชญ์ว่าที่ตนอ่านหนังสือได้หมด ไม่มีเน้นหนักประเภทไหนเป็นพิเศษ เพราะเท่าที่เขาเห็นตอนนี้มีทุกแนว ตั้งแต่ปรัชญา การเมือง เศรษฐกิจ การ์ตูน ขนาดหนังสือขายหัวเราะก็ยังมี คู่สร้างคู่สมที่เขาเลิกผลิตไปแล้วก็มีให้เห็น นิยายไม่ว่าจะเขย่าขวัญสั่นประสาท สืบสวน-สอบสวน หรือนิยายอีโรติกก็จัดวางเรียงเป็นระเบียบ
ณิชลองหยิบหนังสือมาเล่มหนึ่ง สภาพเก่าจนกระดาษซีดเหลือง เป็นหนังสือบันทึกอะไรสักอย่างเขียนด้วยลายมือ แต่เขายังไม่ทันได้เปิดอ่านลมหอบใหญ่ก็พัดเข้ามาจนตาหยี ม่านหน้าต่างที่เปิดไว้ เพื่อให้แสงสว่างของธรรมชาติสาดเข้ามาพลิ้วไหวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ เบาลง ขณะเดียวกันก็มีกระดาษตกลงกระทบหลังเท้าจนต้องหยิบขึ้นมาดู มันเป็นกระดาษที่เก่ามากแล้ว เปราะบางเสียจนเขาต้องประคองมันขึ้นมา แต่ดูท่าเจ้าของจะรักษาไว้อย่างดีภายในหนังสือบันทึกเล่มนี้
ถึง หัวใจของปราณ
ข้ารู้ว่าเอ็งอ่านหนังสือไม่ออก แต่นี่คือทางเดียวที่ข้าจะสื่อสารกับเอ็งได้ เจ้าคุณพ่อขังข้าไว้ข้าจึงฝากจดหมายนี้มากับไอ้มั่น
ข้าขออภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ข้าเห็นแก่ตัวจึงทำให้เอ็งต้องโดนลงทัณฑ์ ข้าเสียใจแต่ก็มิอาจไปไถ่โทษให้เอ็งได้อย่างใจอยาก หากเอ็งจะถือโทษโกรธเคืองข้าก็มิผิด แต่สิ่งหนึ่งที่เอ็งโปรดรู้ไว้คือคำรักที่ข้าให้เอ็งมิเคยปดเลย
เพราะความกลัวทำให้ข้าขลาดเขลา และความรู้ผิดทำให้ข้ามิอาจมีชีวิตอยู่ได้ ข้าขอชดใช้ความรู้สึกผิดนี้ด้วยชีวิตที่มี ขอเอ็งจงอย่าถือโทษว่าเป็นความผิดของตน อย่าคิดว่าเพราะเราต่างชนชั้นกันจึงทำให้คู่กันไม่ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรหัวใจของข้ามันเป็นของเอ็งเสมอ ต่อให้เอ็งต้อยต่ำเท่าชั้นดินก็ยังเป็นที่รักของข้า
ข้าหวังว่า หากวันใดที่เอ็งอ่านสิ่งที่ข้าเขียนได้ วันนั้นเอ็งจะให้อภัยในสิ่งที่ข้าทำกับเอ็งไว้
รัก
จาก สายลมของหาญ
ทันทีที่อ่านเนื้อความในกระดาษแผ่นนี้จบชายหนุ่มร่างบางก็ทรุดลงไปกองบนพื้น มือเย็นปลายเท้าชารู้สึกคล้ายจะเป็นลม ตอนนี้ณิชรู้สึกเหมือนตัวเองโดนทุบหัวจนมึนไปหมด ไอ้หาญกับคุณปราณในความฝันของเขามีชีวิตจริงๆ แม้แต่ไอ้มั่นเพื่อนของไอ้หาญก็ด้วย หัวเขาปวดร้าวแทบระเบิดก่อนสติทุกอย่างจะดับวูบลง มีเพียงสายลมเอื่อยๆ พัดผ่านเข้ามาให้คนที่สลบไสลไม่ร้อนนัก
--##--##--##--##--##--##--
“ไอ้มั่นมันรู้เรื่องของบ่าวกับคุณปราณแล้วนะขอรับ” ไอ้หาญบอกยอดดวงใจของมัน ซึ่งตอนนี้คุณปราณนอนหนุนตักมันอยู่ใต้ต้นไทร ต้นไม่ใหญ่แผ่กิ่งก้านให้ความร่มรื่นไม่น้อย ดวงหน้าหวานมองไอ้หาญนิ่งก่อนจะพูดขึ้นบ้าง
“แล้วมันว่าอย่างไร จะเอาไปบอกใครหรือไม่”
“ไอ้มั่นมิใช่คนเช่นนั้นดอกขอรับ มันจะช่วยบ่าวเก็บเรื่องนี้ไว้”
“ก็ดี มิเช่นนั้นข้าจะกุดหัวมัน”
คุณปราณพูดเสียงดุ แต่ไอ้หาญรู้ดีว่ายอดดวงใจมันหรือจะฆ่าใครได้ แม้แต่จับดาบยังมือสั่นแทบยกไม่ขึ้น มันจับมือของอีกฝ่ายของมาจูบซับเบาๆ ไล่จากหลังมือลามไปยังแขน ผิวนุ่มที่หอมน้ำอบน้ำปรุงทำให้มันสูดดมได้ไม่เคยเบื่อ ปลายนิ้วเรียวแตะแต้มที่กลีบปากของไอ้หาญพร้อมรอยยิ้มของเจ้าตัว บนนิ้วนางข้างซ้ายมีแหวนดอกไม้ที่ไอ้หาญเอาดอกหญ้ามาถักร้อยให้สวมอยู่
มันเป็นบ่าว ไม่มีทรัพย์สินหรือเงินทองใดติดตัวดอก ของที่มีติดตัวก็หาใช่ของมีราคาไม่ มันจึงทำแหวนดอกไม้ขึ้นมา ในคราแรกไม่กล้าให้คนรับ แต่คุณปราณแอบเห็นเสียก่อนจึงเอาไปใส่ และกล่าวว่าแหวนนี้เป็นของตนเสียแล้ว ไอ้หาญจึงได้แค่ยิ้มเขิน และคิดไว้ในใจว่ามันจะพยายามทำงานหาเบี้ยมาไถ่ตัวเอง แม้อยู่เรือนท่านออกญาฯ จะสุขสบายกว่าเรือนอื่น เพราะไม่ต้องโดนเจ้านายข่มเหงรังแก แต่จะให้มันติดอยู่กับชีวิตทาสตลอดชีวิตก็ไม่ได้ มิเช่นนั้นก็คงต้องหลบๆ ซ่อนๆ แอบรักคุณปราณไปเช่นนี้
ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ริมสระบัวอีกเพียงชั่วครู่ก็กลับเรือน มาถึงท่าน้ำก็ทันเห็นไอ้มั่นหน้าตื่นชะเง้อคอยืดยาวอยู่ริมท่า มันโบกมือไหวๆ เรียกให้เขารีบพายเข้าไปหา คุณปราณเห็นท่าทางอยู่ไม่สุขของมันจึงเอ่ยถาม
“มีเหตุอันใดรึไอ้มั่น เอ็งดูลุกลี้ลุกลนราวคนโดนจับได้ว่ากระทำผิด หรือพอรู้ความลับของข้าจึงได้มีท่าทีเช่นนี้” คุณปราณเสียงเข้มขึ้นทันควันเมื่อขึ้นท่ามาได้ ไอ้มั่นรีบส่ายหัวโบกมือพัลวัน
“มิได้ขอรับ ถึงบ่าวจะรู้เรื่องของคุณปราณแต่บ่าวก็มิอาจปากสว่างดอกขอรับ ที่บ่าวร้อนรนเช่นนี้เพราะมีข่าวจากบนเรือนว่าท่านออกญาฯ จะกลับมาถึงเรือนเย็นนี้ขอรับ บ่าวกลัวท่านออกญาฯ จะพบเห็นคุณปราณอยู่กับไอ้หาญจึงจะมาเตือนขอรับ” ไอ้มั่นรีบเตือนนายมันด้วยความหวังดี เพราะความซื่อสัตย์และความรักเพื่อนของมันทำให้ต้องรีบคาบข่าวมาบอก เมื่อครู่ยายอาบร้องแรกแหกกระเชอไปทั้งครัวว่าให้ทำสำรับให้ท่านออกญาฯ โดยมีคุณหญิงราตรีลงครัวด้วยตนเอง ใช้ฝีมือปลายจวักต้อนรับสามีที่ไปว่าราชการที่หัวเมืองกลับเรือน
“ขอบใจเอ็งมากที่มาบอก หาญ...ไว้มีเรื่องอันใดข้าจะสั่งความไปกับไอ้มั่น จากนี้เอ็งก็หลบเจ้าคุณพ่อของข้าไปก่อนหนา”
คุณปราณหันไปสั่งไอ้บ่าวซื่อ ไอ้หาญรับคำพร้อมมอบรอยยิ้มหวานให้ยอดดวงใจ ไอ้มั่นมองเพื่อนตนที่ก่อนหน้านี้มีอยู่หน้าเดียว พอเห็นไอ้หาญยิ้มแล้วก็ขนลุกแปลกๆ ไอ้หาญมองคุณปราณที่หายขึ้นเรือนไปจนลับสายตา ก่อนจะโดนไอ้มั่นยันโครมจนเอวยอกด้วยความหมั่นไส้
“เพลาๆ หน่อยสิโว้ย กูนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคน กูรู้เรื่องของมึง แต่ใช่มึงจะแสดงออกได้นะเว้ย คนอื่นเขาก็มีตามีหูเช่นกัน จะส่งสายตาหรือกระทำอันใดก็ระวังหน่อย” ไอ้มั่นเตือน
ไอ้หาญไม่เถียงกลับและไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองเพื่อนรักของตน ไอ้หาญแยกกลับเรือนทาสไปทำหน้าที่ของมันต่อ ส่วนไอ้มั่นก็ตามขึ้นไปปรนนิบัติคุณปราณดั่งเช่นทุกวัน จากนั้นไอ้บ่าวซื่อก็แทบไม่ได้พบหน้าคุณปราณในยามกลางวันเลย คงจะมีบ้างที่ได้แค่แอบเมียงๆ มองๆ แต่มิกล้าเข้าไปใกล้ เพราะท่านออกญาฯ จะคอยเรียกบุตรชายไปพูดคุยอยู่เสมอ
ท่านออกญาฯ สั่งให้พวกบ่าวไพร่ชายทั้งหลาย ผลัดเปลี่ยนเวรยามกันเฝ้าเรือน เพราะก่อนหน้านี้หละหลวมเรื่องพวกนี้ไปบ้าง จึงกลับมาเคร่งครัดเรื่องพวกนี้เสียหน่อย และเพราะเหตุนี้ทำให้ไอ้หาญไม่สามารถไปหาคุณปราณในยามค่ำคืนได้อย่างใจคิด
จวบจนวันหนึ่งที่คุณปราณอดรนทนไม่ไหว สั่งความมากับไอ้มั่นว่าให้ไอ้หาญไปรอตนที่กอดอกเฟื่องฟ้า ซึ่งขึ้นแผ่กิ่งก้านเลื้อยพันไปมาจนเกิดเป็นกอขนาดใหญ่ ห่างออกไปจากเรือนท่านออกญาฯ สองคุ้งน้ำ ซึ่งตรงนั้นเป็นทางคลองที่หากเลี้ยงขวาไปจะเดินทางไปวัด แต่เลี้ยวซ้ายจะผ่านไปยังสระบัวที่พวกเขามักไปกัน
ดอกพุดน้ำบุษย์ถูกห่อมาบนผ้าเช็ดหน้าสีขาว ไอ้มั่นยื่นให้ไอ้เกลอรักพร้อมถ้อยคำของเจ้านายที่ฝากมา ไอ้บ่าวผิวคล้ำจากแดดเหงื่อไหลโทรมกายที่กำลังผ่าฟืนวางพร้าลง มันยิ้มทันทีเมื่อได้เห็นของที่คุณปราณฝากมา
“คืนนี้หนา มึงอย่าลืมล่ะ”
ไอ้มั่นส่งสารตามที่เจ้านายสั่งมาเสร็จก็รีบวิ่งกลับไปที่เรือนใหญ่ เพื่อไม่ให้คนของท่านออกญาฯ ได้เห็นว่ามันแอบเอาผ้าเช็ดหน้าของคุณปราณมาให้ไอ้เกลอ เพราะตั้งแต่วันที่ไอ้หาญพาคุณปราณไปตกน้ำวันนั้น ก็โดนหมายหัวจากท่านออกญาฯ ว่าอย่าได้เข้าไปใกล้เรือนใหญ่อีก เรื่องการจะไปชมบัวก็อย่าหวังว่าจะได้ไป คุณปราณโดนสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้ไปที่สระบัว
ทางด้านไอ้หาญที่รอเวลาตกเย็นจวบจนค่ำ มันอาบน้ำอาบท่าล้างเนื้อตัวให้สะอาด จากนั้นก็เดินลัดเลาะไปตามทางเพื่อไปพบคุณปราณอย่างที่ได้นัดกันไว้ เดินมาได้ระยะเวลาหนึ่งก็เห็นหลังไอ้มั่น พร้อมกับชายหนุ่มร่างบางที่ยืนอยู่ โดยมีแสงจากตะเกียงของไอ้มั่นให้ความสว่าง
“บ่าวจะรออยู่แถวนี้นะขอรับ” ไอ้มั่นกล่าวเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักตนมาแล้ว ก่อนจะหลบไปนั่งตบยุ่งตรงริมคลองเฝ้าเรือไว้ นึกตกใจตนเองไม่น้อยที่อยู่ๆ มันก็ได้มาเป็นคนดูต้นทางให้คุณปราณกับไอ้หาญ ทั้งที่ก่อนหน้านี้หูหนวกตาบอดกับความสัมพันธ์ของสองคนนี้อยู่เสียนานสองนาน
คุณปราณปดบิดาไปว่าตนจะให้ไอ้มั่นพายเรือพาไปชมจันทร์สักหน่อย ตอนแรกท่านออกญาฯ ก็เอ็ด มิใคร่เห็นด้วยกับคำขอบุตรชายนัก แต่เพราะเห็นว่าไอ้มั่นคอยดูแลบุตรของตนมาตั้งแต่ยังเล็ก จึงพอวางใจได้บ้าง แต่ก็กำชับว่าให้กลับมาโดยไว มิให้ไปนาน
ฟอดดด
เมื่อหลบเข้ามายังหลังต้นเฟื่องฟ้ากอใหญ่ ไอ้หาญก็กอดเอวบางแล้วหอมแก้มนิ่มเสียเต็มปอด คุณปราณเอียงแก้มเอียงคอให้ไอ้บ่าวซื่อได้เชยชม กอดรัดให้หายคิดถึงอยู่เสียนานจึงจะได้พูดกัน
“บ่าวคิดถึงคุณปราณเหลือเกินขอรับ คุณปราณนอนหลับหรือไม่ บ่าวนอนไม่หลับเลยเมื่อไม่มีคุณปราณให้กอด”
คำหวานจากไอ้บ่าวซื่อทำคุณปราณยิ้มกริ่ม ยิ่งเห็นมันคลั่งรักในตัวเขายิ่งทำให้สุขจนล้นอก ไม่คิดจริงๆ ว่าเมื่อได้รักกับไอ้หาญแล้ว มันจะเผยสิ่งที่อยู่ในใจมากถึงเพียงนี้ จากคนซื่อๆ เงียบๆ ไม่พูดจากับใครนัก แต่เมื่ออยู่กับเขาเพียงสองคน คำพูดคำจาช่างหวานล้ำ อีกทั้งสายตาวาววับที่มองก็ดูหลงใหลเขาจนปิดไม่มิด
“ข้าก็มิใคร่จะหลับได้ดอก ตอนกลางคืนปวดเมื่อยเนื้อตัวก็อาศัยให้ไอ้คมมัน...อุ๊บส์”
คุณปราณอยากลองดีกับความหึงหวงนี้ จึงเย้าแหย่ไปทั้งที่รู้ว่าไอ้หาญจะมีอาการเช่นไร กลีบปากนุ่มถูกประกบปิด ด้วยแรงอารมณ์ไม่ชอบใจที่ได้ฟังยอดดวงใจพูดถึงใครอื่น ยิ่งคิดไปว่าคนอื่นได้แตะต้องคนของมัน ไอ้หาญยิ่งลงแรงดูดเม้มริมฝีปากสวยจนมันบวมเจ่อ คุณปราณทุบอกเปลือยที่มีแต่มัดกล้ามของไอ้บ่าวซื่อเพื่อให้มันปล่อย เพราะตนเริ่มหายใจไม่ทัน
ทั้งสองกอดก่ายกันพอให้คลายความคิดถึงที่ไม่ได้เจอหน้ากันเลยร่วมสองอาทิตย์ ก่อนจะแยกกันกลับเมื่อคุณปราณเห็นแก่เวลาอันควรแล้ว ไอ้หาญเดินลัดเลาะริมคลองกลับไป เช่นเดียวกับคุณปราณที่นั่งเรือโดยมีไอ้มั่นเป็นคนพาย
หลังจากวันนั้นก็มีการลอบพบกันอีกหลายครา ท่านออกญาฯ ไม่ได้ระแคะระคายสงสัยอันใด เพราะคุณปราณมักมีข้ออ้างมากมายที่จะออกไปข้างนอก ไม่ว่าเช้า กลางวัน หรือตอนมืดค่ำแล้วก็ตาม
จวบจนวันหนึ่ง ในช่วงสายของวันหลังจากท่านออกญาฯ ออกไปว่าราชการ คุณปราณก็ส่งสารมาหาไอ้หาญเช่นเดิม วันนี้เขาอยากจะนัดเจอมันสักหน่อย เพราะวันก่อนได้สั่งทำแหวนทองขึ้นมาวงหนึ่ง คิดว่าจะเอามาให้มันเก็บไว้ แม้รู้อยู่เต็มอกว่ามันคงไม่มีวันใส่แต่เขาก็อยากจะให้ เป็นของแทนใจเหมือนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น กับดอกพุดน้ำบุษย์ที่มันเก็บไว้จนดอกแห้งกรอบ โดยมีไอ้มั่นทำหน้าที่เป็นคนดูต้นทางเช่นเดิม
ไอ้มั่นปล่อยให้คนทั้งคู่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน นึกสงสารไอ้หาญจับใจที่มีความรักแสนลำบากเช่นนี้ มันถอนหายใจเมื่อคนทั้งคู่หายเข้าไปในกอเฟื่องฟ้ายามสายของวัน ส่วนมันได้อ้อยมากินเลยแทะของหวานนี้เล่นใกล้ริมคลองเช่นเดิม
“บ่าวรับไว้ไม่ได้ดอกขอรับ มันมีราคา หากบ่าวคนอื่นเห็นคงไม่ดีนัก มันจะสงสัยเอาได้ว่าบ่าวเอามาจากไหน” ไอ้หาญบอกยอดดวงใจของมัน แม้ในใจจะพองฟูคับอกกับสิ่งที่คุณปราณทำให้ แต่มันก็ต้องปฏิเสธไปเพราะบ่าวอย่างมันหรือจะคู่ควรกับของมีราคาเช่นนี้
“แต่ข้าอยากให้ เหตุใดเอ็งชอบปฏิเสธข้าอยู่เรื่อยกัน” หน้าหวานงอง้ำลงเล็กน้อยอย่างคนอยากให้อีกฝ่ายง้องอน แหวนวงนี้ราคาไม่กี่สิบ เศษเบี้ยที่เขาพกเสียด้วยซ้ำ แต่ไอ้บ่าวซื่อปฏิเสธราวกับมันคือทองคำหนักหลายชั่ง
ไอ้หาญรั้งร่างบางของคุณปราณเข้ามากอด จูบกลุ่มผมและหน้าผากของอีกฝ่ายอย่างทะนุถนอม แหวนวงสวยที่อยู่ในมือคุณปราณถูกมันหยิบขึ้นมาดู ก่อนจะจูบลงไปที่แหวนวงนั้นแล้วเอามาเหน็บไว้ที่ชายพก
“บ่าวคงใส่ให้ใครเห็นไม่ได้ แต่จะเก็บไว้ให้ดีที่สุด เพื่อว่ายามใดที่คิดถึงคุณปราณจะได้หยิบมันขึ้นมาดูนะขอรับ” คุณปราณยิ้มหวาน ปรางทั้งสองข้างขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอาย เพราะสายตาของไอ้หาญที่มองมาแปลเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากรักเขาสุดหัวใจ
ใบหน้าคนทั้งสองค่อยๆ เคลื่อนเข้าหากัน จุมพิตหวานที่สุดที่ไอ้หาญอยากมอบให้ยอดดวงใจของมันประทับลงบนกลีบปากนุ่ม ขยับหยอกล้อเล่นกับความนุ่มนวลที่ได้ลิ้มลองไม่รู้เบื่อ มือไอ้หาญปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกทีละนิด คุณปราณที่รู้ว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ให้ความร่วมมือ นวดเฟ้นส่วนกลางกายของไอ้หาญไม่วางมือ จากที่มันนุ่มหยุ่นก็แปรเปลี่ยนเป็นแข็งขืน
ฝั่งไอ้มั่นที่นอนพอได้กินของหวานและลมเย็นๆ พัดผ่านทำให้เคลิ้มหลับ มันจึงเดินไปหาต้นกล้วยแถวนี้เพื่อตัดใบตองมาปูนอน โดยหารู้ไม่ว่าคลองอีกฝ่ายมีเรือของท่านออกญาฯ ลอยลำมา และฝ่ายนั้นก็เห็นเรือของที่เรือนจอดอยู่ริมฝั่ง อดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดเรือของที่เรือนจึงได้มาจอดอยู่เช่นนี้
เมื่อสั่งไอ้ขำให้พายไปจอดเทียบฝั่งแล้วจึงได้ยินเสียงพูดคุยกระวิบกระซาบกัน แว่วเสียงแรกที่ได้ยินคุ้นหูราวกับเสียงบุตรชาย เพื่อคลายความสงสัยจึงเดินเข้าไปใกล้ ชายสูงวัยผู้มีอำนาจสูงสุดในเรือนค่อยๆ ย่องเดินไปที่กอเฟื่องฟ้า ซึ่งมันขึ้นเสียจนรกสายตา หากไม่เพ่งมองคงไม่รู้ว่าข้างในมีคนอยู่
“อ๊ะ...อ๊ะ...หาญ...ซี้ด...”
ชื่อของไอ้บ่าวที่เคยทำเขาขุ่นเคืองใจถูกเอ่ยให้ได้ยิน จนเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้ว่าเหตุใดมันจึงออกมานอกบริเวณเขตเรือน แทนที่จะอยู่ทำงานในทีที่ตนสั่ง
เสียงครางเครือเบาๆ สื่อให้รู้ถึงความเสียวซ่าน คิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ว่า มันคงไปเอาลูกสาวบ้านไหนฉุดมาเพื่อทำเรื่องบัดสีตอนกลางวันแสกๆ แบบนี้ และนั่นย่อมยอมไม่ได้ จะให้บ่าวไพร่เรือนออกญาฯ ศรีรัตนกรเป็นขี้ปากผู้อื่นว่าท่านออกญาฯ ไม่ดูแลบ่าวในเรือน ปล่อยให้มาทำเรื่องอุจาดตาแบบนี้ได้อย่างไร
“ไอ้หาญ! มึงทำ...พ่อปราณ!!”
ราวกับเสียงฟ้าผ่าลงกลางกระหม่อม แรงขยับโยกกายของไอ้หาญหยุดชะงัก จากนั้นก็โดนตีนของเจ้านายยันโครมเข้าที่แผ่นหลังเพื่อให้ตัวหลุดออกจากบุตรชายตน
ภาพที่ได้เห็นทำท่านออกญาฯ ถึงกับหน้ามืดลมแทบจับ หัวใจของผู้เป็นพ่อปวดหนึบเจ็บในอกเมื่อเห็นถึงความวิปลาสของบุตรชายตนเอง ใจสั่นไหวยิ่งกว่าเจอโจรที่หัวเมือง เหตุใดลูกชายถึงได้ที่มานอนให้ไอ้บ่าวชั้นต่ำสอดแก่นกายเข้าไปในตัวแล้วขยับโยกเสียดสี สนองความกำหนัดพร้อมเสียงครางสุขสม หัวอกคนเป็นพ่อราวกับโดนย่ำยีจนมิอาจทำสิ่งอื่นใด นอกเสียจากเอาไม้ตะพดในมือฟาดไปบนตัวไอ้ทาสชั่ว
“เจ้าคุณพ่อ! อย่าขอรับ อย่าทำมันขอรับ!” คุณปราณรีบใส่เสื้อผ้าอย่างลวกๆ คลานเข้ามากอดขาบิดาตนที่มีแต่แรงโทสะไว้ ความกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจ เมื่อความผิดครั้งนี้โดนจับได้คาหนังคาเขา สิ่งที่แอบทำมาตลอดหลายเดือนปิดไม่มิดอีกต่อไป
“กลับไปคุยกันที่เรือน ใครขัดขืนกูจะบั่นคอเสียให้สิ้น!!”
คำประกาศิตของท่านออกญาฯ ทำให้คนทั้งสองไม่กล้าหือ ไอ้หาญนุ่งผ้าเรียบร้อยก็เดินตามไป คุณปราณโดนบิดาลากถูลู่ถูกังให้นั่งเรือไปกับตน โดยมีไอ้คมที่ทำหน้าที่ฝีพายให้ท่านออกญาฯ ในวันนี้จอดเรือรอท่าอยู่แล้ว
จากปกติสองพ่อลูกก็มิได้มีท่าทีอ่อนโยนต่อกันอยู่แล้ว พอมีแรงโทสะเข้ามาจึงทำให้ดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม คุณปราณลงเรือตามบิดาไป สายตาก็หันมองไอ้หาญที่โดนไอ้ขำจับตัวไว้
ไอ้มั่นที่ได้ยินเสียงเอะอะจึงแอบอยู่หลังต้นกล้วย พอเห็นว่าไอ้เกลอเกิดเรื่องก็อยู่ไม่ติด ทิ้งใบตองที่ตัดได้รีบวิ่งกลับเรือน เพื่อไปให้ทันท่านออกญาฯ ที่เรือนเสีย ไม่คิดเลยว่าแค่คลาดสายตาไป ท่านออกญาฯ จะโผล่มาเอาเรื่องทั้งคุณปราณและไอ้หาญได้
เมื่อมาถึงเรือนท่าทีท่านออกญาฯ ที่รุนแรงราวพายุพัดทำให้บ่าวในเรือนไม่กล้าสู้หน้า เสียงตวาดกร้าวไล่บ่าวไพร่ที่ทำงานอยู่บนเรือนลงไปให้หมด คุณหญิงราตรีที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของสามีจึงรีบรุดออกมาดู ไอ้มั่นหอบจากแรงวิ่งมา ทันเห็นว่าลุงขำลากไอ้หาญขึ้นไปบนเรือนใหญ่แล้ว บ่าวไพร่ทุกคนโดนไล่ลงมาทั้งหมด ใจมันได้แต่ภาวนาขอให้โทษที่ไอ้เกลอได้รับอย่าถึงโทษโดนบั่นคอเลยเถิด
ตึง!!
“ว้าย!! คุณพี่! อย่าทำกับลูกแบบนี้สิเจ้าค่ะ พ่อปราณเจ็บไหมพ่อ”
แรงเหวี่ยงของชายสูงวัยที่อดีตเคยรบทัพจับศึกมาทำให้ร่างบางของคุณปราณปลิวตามแรง ล้มตึงลงที่เรือนกลางซึ่งกำลังจะเปลี่ยนเป็นที่ตัดสินโทษของนักโทษทั้งสามต่อจากนี้ คนเป็นแม่ปรี่เข้าไปหาลูกชายที่ใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยนัก มันหลุดลุ่ยดูไม่งามดังเช่นปกติที่ลูกชายเธอมักแต่งตัวเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เกิดเหตุอันใดขึ้นหรือเจ้าคะคุณพี่ ไยต้องกระทำรุนแรงเยี่ยงนี้” คุณหญิงราตรีหันมาถามไถ่สามีที่ตอนนี้สีหน้าเครียดขมึง ตาดุลุกวาวไปด้วยโทสะที่ยากจะยั้งได้ ปรายตามองไอ้บ่าวที่คุ้นหน้ากันดี ซึ่งโดนลากขึ้นมาเช่นเดียวกัน มันหมอบกราบอยู่ไม่ไกลกัน ท่าทางไอ้หาญยังคงเงียบแต่เธอเห็นว่ามันลอบมองลูกชายเธอตลอดเวลา
“เป็นถึงลูกกู! กล้าทำเรื่องอัปรีย์ไม่อายฟ้าดิน! บอกมาสิพ่อปราณ ว่าที่ได้ไปนอนเอนกายให้ไอ้บ่าวมันย่ำยีเป็นเพราะเจ้าเต็มใจ หรือโดนไอ้ชาติชั่วนี่ล่อลวงไป!”
โกรธจนมือสั่น แต่ก็ต้องสะกดอารมณ์ยั้งมือยั้งเท้าไว้ไม่ให้ประเคนให้ไอ้คนที่กล้ามาย่ำยีหัวใจตน เพราะอยากถามหาความจริงเสียก่อนว่าเป็นเพราะลูกตนชั่วเอง หรือเพราะใครอื่นพาบุตรชายเขาเสียคน ฝั่งคุณหญิงราตรีเมื่อได้ฟังก็ลมจับ จนยายอาบบ่าวคนสนิทที่ยังอยู่บนเรือนต้องรีบหายาดมยาหอมมาให้นายหญิง
“จ...เจ้า...เจ้าคุณพ่อ”
คุณปราณหวาดกลัวผู้เป็นบิดาตัวสั่น เสียงตวาดกร้าวมีพลังจนข่มความกล้าที่มีอยู่น้อยนิดในตัวไปจนหมดสิ้น เขาไม่เคยเห็นเจ้าคุณพ่อน่ากลัวเช่นนี้ ตั้งแต่เล็กจนโตก็มิเคยโดนเอ็ดโดนว่าจนถึงขั้นขึ้นมึงกู ครั้งนี้คงสุดทนหากเขามิใช่บุตรคงโดนเฆี่ยนหลังขาดไปเสียแล้ว
“ตอบข้ามา!!” ออกญาศรีรัตนกรตวาดลั่นเรือน
ไอ้หาญมองยอดดวงใจของมันที่น้ำตาคลอจนไหลลงอาบแก้มเพราะความกลัว มันจะคลานเข้าไปหาก็ไม่ได้เพราะโดนลุงขำจับกดไว้เสียก่อน
“ลูก...ลูก...” คุณปราณเหลือบมองหน้าไอ้บ่าวซื่อที่โดนกดหัวจนหน้าแนบไปกับพื้นเรือน ไอ้หาญดิ้นเพื่อจะเข้ามาหามัน
“ลูกโดนลวงไปขอรับ”
เพราะความกลัวทำให้คุณปราณพูดปดออกไป ใจจริงมันก็อยากให้คุณปราณตอบไปเช่นนั้น มันไม่ถือโทษโกรธคุณปราณที่เอาตัวรอดจากความกลัว เพราะอย่างไรเสียบ่าวอย่างมันก็มิได้มีค่าพอให้เอาชีวิตเข้าแลก
“เยี่ยงนั้นรึไอ้หาญ! มึงลวงลูกกูไปรึ!!” ท่านออกญาฯ หันมาถามไอ้บ่าวชั่ว ฝ่าเท้ายันให้มันหงายหลังและเหยียบอกใช้ไม้ตะพดชี้หน้า ไอ้หาญเหลือบมองยอดดวงใจของมันที่ไม่แม้แต่จะหันมองมา ก่อนจะตอบออกไป
“ขอรับ บ่าวลวงคุณปราณไปเองขอรับ”
เพียงเท่านี้ แรงประเคนทั้งมือและเท้าก็ลงใส่ตัวไอ้หาญไม่ยั้ง ออกญาศรีรัตนกรหยิบจับอะไรได้ก็ทุ่มใส่ไอ้บ่าวชั่วไม่ยั้งมือ ไม่สนว่ามันจะหัวแตก เลือดตกยางออกมากเพียงใด
--##--##--##--##--##--##--
“ณิช คุณณิช คุณเป็นอะไร คุณณิช”
แรงตบที่ใบหน้าเบาๆ เพื่อเรียกคนที่มานอนสลบอยู่ในห้องทำงาน จีรัชญ์ที่เพิ่งกลับมาจากทำงานเข้ามาในห้อง เห็นหนุ่มร่างบางนอนกองอยู่บนพื้นจึงอุ้มขึ้นมานอนบนเก้าอี้เอนตัวยาว แต่ปลุกเรียกเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
“หาญ...หาญ” เป็นอีกครั้งที่ณิชพึมพำชื่อนี้ขึ้นมา ก่อนเปลือกตาจะค่อยๆ ลืมขึ้นสบตาคนที่นั่งอยู่ข้างกัน จีรัชญ์มองอีกฝ่ายที่มองเขาราวกับไม่เคยเจอกันมาก่อน
“คุณตื่นสักที ผมคิดว่าคุณเป็นลมจนไม่ฟื้นเสียอีก เกือบจะหามส่งโรงพยาบาลแล้ว” จีรัชญ์บอก ทำท่าจะลุกขึ้นแต่ณิชกลับชุดข้อมือเขาไว้เสียก่อน มือเรียวจับไว้มั่น ก่อนน้ำตาของอีกฝ่ายจะไหลลงอาบแก้ม
“อึก...ฮึก...”
แล้วเสียงสะอื้นก็ค่อยๆ หลุดรอดออกมาจากปาก แล้วณิชก็ปล่อยโฮเสียงดังอย่างกลั้นไม่ได้ เขาลุกขึ้นกอดจีรัชญ์ไว้แน่น ความเสียใจที่ถาโถมเข้าใส่จนไม่อาจพูดออกมาเป็นคำได้
โปรดติดตามตอนต่อไป