The Color of Love : ​Pink Loved ความรักสีชมพู (The End)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Color of Love : ​Pink Loved ความรักสีชมพู (The End)  (อ่าน 27462 ครั้ง)

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​ -The End-
«ตอบ #120 เมื่อ14-01-2018 10:05:53 »

พี่หมอสายหึง ฮ่าๆๆๆๆๆๆ จบไปแล้วหนึ่งคู่ น่ารักน่าฟัด อิอิ รอคู่กรีนกูรต่อจ้าาาา

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​ -The End-
«ตอบ #121 เมื่อ14-01-2018 13:00:49 »



น่ารักจริงๆเลย

รอคู่ที่เหลือขอรับ


ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​ -The End-
«ตอบ #122 เมื่อ14-01-2018 18:33:54 »

เรื่องน่ารักๆ จบไปอีก 1 เรื่อง ..

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​ -The End-
«ตอบ #123 เมื่อ14-01-2018 19:03:29 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​ -The End-
«ตอบ #124 เมื่อ14-01-2018 19:36:32 »

อ่านบทนี้แล้วรู้สึกแปลก ๆ ตรงตักแกงใส่จาน แล้วก็เขี่ยแกง นี่ล่ะค่ะ คือถ้าบอกว่าเป็นแกงเผ็ดก็พอจะเข้าใจอยู่ หรือพวกผัดหรือยำอะไรอย่างนั้นก็น่าจะพอเขี่ยออกได้ ถ้าบอกว่าแกงเฉย ๆ นี่เรานึกถึงพวกที่มีน้ำเยอะ ๆ อ่ะ จะเขี่ยออกได้ยังไง

รอตอนของกรีนจ้า

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : White Lie คำโกหกสีขาว​ -The End-
«ตอบ #125 เมื่อ14-01-2018 20:56:42 »

ตอนที่ตักแกงแล้วเขี่ยออกนั้นชี้แจ้งนิดหน่อย เป็นแกงจำพวกแกงเผ็ดเป็ดย่างหรือเก็งเผ็ดไก่ที่จะเป็น้ำขลุกขลิกจ้า

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #126 เมื่อ17-01-2018 19:11:47 »

​Green Light เพียงแค่ผ่าน
[/size]

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #127 เมื่อ17-01-2018 19:14:43 »

ชยางกูร อิทธิเทพ อายุ 28 ปี
[/size]
ชายหนุ่มที่สร้างรากฐานการทำงานด้วยตัวเอง จากคำดูถูกของคนรักเก่าที่ทิ้งเขาไปเพียงเพราะเขาไม่มีอะไร เขาต้องการพิสูจน์ให้เธอได้รู้ว่า คนจนอย่างเขาก็สามารถประสบความสำเร็จได้ การที่ต้องสู้ชีวิต ดิ้นร้นกับความพยามยามในการทำงาน เมื่อเขาได้มาเจอกับกรีน ชายหนุ่มที่เพียบพร้อมทุกอย่าง เขาเองก็รู้สึกว่าผู้ชายอย่างกรีนคงไม่มีทางประสบความสำเร็จอะไร เขาไม่ชอบกรีนเลยสักนิด แต่ยิ่งไม่ชอบเขาก็ยิ่งต้องใกล้ชิด และยิ่งใกล้ชิดเขายิ่งรู้จักตัวตนของกรีนมากขึ้น จนวันหนึ่งเขาก็รู้ว่าที่จริงกรีนน่าสนใจมากแค่ไหน

อนาคิม กิจสุนทรวิริยะกุล อายุ 24ปี
[/size]
ทายาทคนที่สี่ หนุ่มเจ้าสำราญรักการแสดงและร้องเพลง เขาจึงหันเหไปทางวงการบันเทิงมากกว่า เขาเป็นหนุ่มอารมณ์ดี ยิ้มง่ายไม่เคยมีอะไรที่ทำให้เขาหงุดหงิดใจเลยสักครั้ง อาจเป็นเพราะเขาเป็นหนุ่มเจ้าชู้จึงไม่รู้สึกว่าความรักเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความรู้สึกมาก แต่ใครหล่ะที่จะทำให้หนุ่มเจ้าสำราญ มองโลกเป็นเรื่องสนุกคนนี้รู้ว่าความรักมันต้องใช้ความรู้สึกและหัวใจ ไม่ใช่เพียงแค่ร่างกาย แต่เมื่อการที่เขามองโลกในแง่ดีเกินไปจนถูกคนใกล้ชิดทำร้าย และทำลายอนาคต เขากลับเจอผู้ชายคนหนึ่งที่คอยช่วยเหลือเขาทั้งๆที่ครั้งแรกที่เจอเขาเกลียดผู้ชายคนนี้เหลือเกิน ยิ่งเกลียด ยิ่งต้องผูกพัน จนกลายเป็นความรัก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-01-2018 19:27:01 โดย Papai »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #128 เมื่อ17-01-2018 19:49:22 »

รอเลยค่ะ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #129 เมื่อ18-01-2018 13:02:09 »

สีใหม่มาแล้ว ..

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
« ตอบ #129 เมื่อ: 18-01-2018 13:02:09 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #130 เมื่อ18-01-2018 19:34:39 »

Green Light 1 : พบเจอ (ชยางกูรxอนาคิม)
[/size]

อนาคิม พาร์ท
[/b]
ผมชื่อ อนาคิม กิจสุนทรวิริยะกุล เป็นพี่น้องคนที่สี่ของบ้านหลังใหญ่นี้ บ้านเราทำกิจการพวกแพนติ้งพ่อแม่ของพวกเราจึงตั้งชื่อลูกๆตามสี ผมชื่อกรีน ที่แปลว่าสีเขียว นิสัยผมนะหรอใครๆก็มักว่าผมเป็นคนเจ้าชู้ แต่ที่จริงไม่เลยผมไม่ได้เจ้าชู้แต่คนที่เข้าหาผมส่วนใหญ่จะมาเพื่อหวังเงินมากกว่า ลืมบอกไปเลยผมเป็นดารานะ เพราะความชอบส่วนตัว เฮียแบล็คก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมชอบที่จะทำงานนี้เสียด้วยสิ
“พี่เต๋อ พรุ่งนี้มีคิวที่ไหนไหมครับ”ผมเอ่ยถามผู้จัดการส่วนตัว พี่เต๋อคือรุ่นพี่ที่เรียนมาด้วยกันผมชวนเขามาทำงานด้วยเพราะสนิทและผมเชื่อใจเขา
“คุณแบล็คบอกให้ยกเลิกงานทั้งหมดและสั่งให้กรีนเข้าบริษัทด้วย”ผมหันมองพี่เต๋อ
“ห๊า...ยกเลิกหมดเลยหรอ”
“ใช่ ทั้งหมด”
“งานถ่ายแบบกับคริสตินที่ปาริสด้วยหรอ”
“อื้อ หื้อ”
“โอ๊ยยย เฮียนะเฮียทำไมทำกับเค้าแบบนี้นะ แล้วจะเข้าบริษัทกี่โมงครับ”
“สิบโมง”
“สิบโมง...นี่มันจะเก้าโมงแล้วนะครับ”ผมทำหน้าตื่นทันที เฮียแบล็คเป็นคนตรงต่อเวลามากถ้าผมสายไปนี่ สงสัยโดนตัดค่าปันผลหุ้นเดือนนี้แน่เลย
“ใช่ครับ เพราะฉนั้นรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าครับ เดี๋ยวสายนะ”พี่เต๋อเอ่ยขึ้น ผมรีบวิ่งไปเข้าห้องทันทีก่อนจะยกยิ้มออกมา เมื่อเสื้อผ้าของผมถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
“พี่เต๋อนี่สุดๆไปเลย”ผมสบถกับตัวเองก่อนจะรีบแต่งตัวเพื่อออกไปบริษัท
ผมกับพี่เต๋อออกมาเก้าโมงกว่าแล้ว ยังไงผมก็คิดว่าไม่ทันแน่นอนเพราะรถที่กำลังจอดนิ่งเหมือนภาพนิ่งตอนนี้ทำเอาผมหงุดหงิดนัก
“จะทันไหมครับพี่เต๋อ”ผมหันไปถามคนขับ
“ไม่น่าจะทันนะ เดี๋ยวพี่โทรไปบอกเลขาคุณแบล็คก่อนนะว่าเราจะช้า”
“ก็ดีครับ”ผมเอ่ยออกมา พี่เต๋อจัดการโทรบอกเลขาพี่ชายของผมเรียบร้อยอย่างไม่มีปัญหาอะไร ผมก็ยังคงนั่งฟังเพลงไปเรื่อยๆจนเผลอหลับไป
“คุณกรีนตื่นเถอะครับ ถึงแล้ว”เสียงพี่เต๋อเอ่ยเรียกผมที่กำลังนอนหลับสบาย ผมตื่นขึ้นอย่างงัวเงียปรายตามองไปทั่วก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นดู
“สิบเอ็ดโมงแล้วหรอ ตายแล้วเฮียด่าตายแน่เลย”ผมเอ่ยก่อนจะรีบออกจากรถและรีบขึ้นตักไป
“เดินช้าๆเดี๋ยวล้มครับ”เสียงพี่เต๋อเอ่ยทักผม
“เฮียบ่นแย่เลย”ผมเอ่ยบอกแต่พี่เต๋อก็ยังคงเดินตามผมมา แม้จะบ่นผมบ้างพี่เต๋อก็อดทนกับผมดี ผมคิดแบบนั้น ผมรีบไปที่ห้องทำงานเฮียทันทีเมื่อมาที่ห้องประชุมแล้วไม่เห็นใคร
แกรก
“เฮีย เค้าขอโทษที่ช้าไปนิด”ผมเปิดประตูได้ก็เอ่ยขอโทษเฮียที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตอนนี้ก่อนจะปรายตาพิฆาตมาทางผม
“ช้าไปนิดหรอ ไม่นิดแล้วหล่ะมั้งเนี้ย”เสียงเฮียเอ่ย น้ำเสียงเหมือนโกรธใครมาก่อนหน้านี้แล้ว ผมจึงรีบเข้าไปเกาะแข็งเกาะขาเฮียตามแบบที่เคยทำ
“โธ่เฮียอ่า ก็รถมันติดนี่ครับ ว่าแต่ไม่เห็นมีใครที่ห้องประชุม เลิกประชุมแล้วหรอเนี้ย”ผมยังมีน่าไปถามเฮียให้เฮียด่าอีกนะ
“ใครเขาจะรอนายกันหล่ะ นัดสิบโมงมาเกือบเที่ยงแบบนี้ แล้วนี่กินอะไรมายัง”เฮียเอ่ยถามผม เฮียยังไงก็คือเฮียรักน้องเสมอ ผมนับถือเฮียเป็นพ่อเลยหล่ะ
“แฮ่ๆ ยังเลย เฮียจะเลี้ยงป่ะ”ผมเอ่ยขึ้น เฮียทำหน้าเบื่อโลกกับผมก่อนจะถอนหายใจและลุกจากเก้าอี้กลางห้องทำงาน
“คุณเต๋อวันนี้เจ้ากรีนมีงานที่ไหนอีกไหม”เฮียหันไปถามพี่เต๋อ
“ไม่มีแล้วครับ หลังจากคุณแบล็คสั่งผมก็แคนเซิลงานหมดแล้ว”พี่เต๋อรายงานเฮียยังกับเฮียเป็นเจ้านายยังงั้นหล่ะ แต่มันก็ใช่นะคนจ่ายเงินคือเฮียนี่นา
“งั้นคุณกลับไปพักเถอะ พรุ่งนี้ค่อยไปรับเจ้ากรีนที่บ้านแล้วกันนะ ผมนัดประชุมอีกทีบ่ายพรุ่งนี้”
“ครับคุณแบล็ค”พี่เต๋อเอ่ยก่อนจะเดินออกไป
เมื่อพี่เต๋อเดินออกไปแล้ว เฮียก็หันมาทางผมด้วยสายตานิ่งตามแบบที่เฮียเป็น ผมจึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเพราะตั้งแต่พี่นิลกาฬฝาแฝดพี่นิ่มมาอยุ่ที่บ้าน ผมว่าเฮียดูแปลกๆไป
“เฮียเป็นไรหรือเปล่า”
“เปล่า ว่าแต่เดี๋ยวไปทานข้าวกันแล้วเฮียจะไปทำธุระต่อ เฮียจะให้นายไปเอารถหนูพิ้งค์ที่ศูนย์ให้หน่อย”
“โธ่ เฮียจะให้ดาราดังอย่างเค้าเนี้ยนะไปเอารถที่อู๋ จะบ้าหรอไง”ผมเอ่ยขึ้นอย่างลืมตัว เฮียหันมาหน้านิ่งแบบน่ากลัวชะมัดเลย ไม่รุ้พี่นิ่มหลงรักได้ยังไงนะผู้ชายดุๆแบบเฮียเนี้ย
“โอเค โอเค ไปครับไป”ผมเอ่ยอย่างจำยอม ใครจะสู้เฮียได้หล่ะแค่สายตาผมก็จะหายใจไม่ออกแล้วเนี้ย
เวลาไม่นานที่ผมกับเฮียทานข้าวกัน เราสองคนพี่น้องมักจะมาทานข้าวกันแบบนี้ไม่บ่อยนัก อาจเพราะตารางงานถ่ายแบบผมแน่นมากด้วยหล่ะมั้งทำให้ผมไม่ค่อยมีเวลา
“เจอกันที่บ้านนะ”เฮียบอกเมื่อมาส่งผมที่ศูนย์
“ครับเฮีย”ผมเอ่ยก่อนจะเดินไปทำเรื่องรับรถ แต่กว่าจะทำเรื่องเสร็จสาวๆที่ศูนย์ก็ขอถ่ายรูป ขอรายเซนต์กันเยอะเชียว ก็คนมันฮอตอ่านะ
เกือบชั่วโมงกว่าจะออกมาได้ ผมขับรถหนูพิ้งค์มาที่บ้าน วันนี้คงมาค้างที่บ้าน ดีเลยอยากกินกับข้าวอร่อยๆบ้าง ระหว่างที่ผมขับรถจะเข้าซอยบ้านนั้นก็มีรถคันหนึ่งขับมาด้วยความเร็ว
เอี๊ยดดดดด
“มันจะบ้าหรอไง ซอยหมู่บ้านก็แค่นี้ป่ะมึงคิดว่าเป็นสนามแรลลี่หรือไง”ผมสบถกับตัวเองด่ามันนะ ผมก็พยายามเบี่ยงรถหลบแต่แม่งก็มาเบียดผมจนได้ แต่ดีนะไม่ชนไม่งั้นรถหนูพิ้งค์ได้เข้าศูนย์อีกรอบแน่ๆ
“ไอ้บ้า ขับรถแบบนี้อยากตายหรอไง”ผมเอ่ยขึ้นเมื่อลงรถได้ ผมมองไปยังรถคู่กรณก่อนที่ร่างสูงของคนขับจะเดินลงมาจากรถ ผมอาจจะนิ่งไปเล็กน้อย แค่เล็กน้อยนะย้ำเลยว่าไอ้คู่กรณีมันสูงหล่อจัง
“ผมขับมาถูกทางของผม คุณนั่นหล่ะที่ขับกินเลนคนอื่น”ดูไอ้บ้านี่สิ ผิดแล้วยังมาว่าผมอีก
“อย่ามามั่วนะ...ไหนๆ ผมผิดตรงไหน”ผมรีบไปหาหลักฐานก่อน ยังไงล้อมผมก็ต้องอยู่เลนผมแน่นอนผมมั่นใจ แต่ทันทีที่ผมเห็นว่าล้อของผมกินเลนไปครึ่งหนึ่งหน้าผมจะเหลืออะไรหล่ะ ผมกรอกตาไปมาก่อนจะแถไป
“หึ...ใครผิดหล่ะคราวนี้”โยเกลียดขี้หน้าไอ้บ้านี่แล้วสิ เกลียดรอยยิ้มกับสายตามันจัง
“แต่คุณขับไวเกินไปนะ นี่มันเขตชุมชน ในหมู่บ้านเขาไม่ให้ขับเกินสามสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง”เอาสิคนอย่ากรีนไม่มีทางยอมแพ้
“หึ วันนี้ผมรีบผมไม่อยากเถียงกับคนขี้แถแบบคุณหรอก”ดูมันสิ ไม่พูดเปล่าไอ้บ้านั่นก็รีบขึ้นรถขับออกไปทันที ทิ้งให้ผมนี่หล่ะยืนกำหมัดแน่น มันขัดใจกรีนจริงๆ
“อย่าได้เจออีกนะมึง เจ็บแน่”ผมตะโกนบอกตามหลังรถที่แล่นไปไหนต่อไหนแล้ว โอ๊ยทำไมต้องได้เจอคนแบบนี้ด้วยนะ ผมบ่นกับตัวเองก่อนจะขับรถกลับบ้านอย่างฉุนๆ
+++++++

ชยางกูร พาร์ท
[/size]
ชยางกูร ชื่อนี้ผมชอบมากเพราะเป็นชื่อที่แม่ผมเป็นคนตั้งให้ก่อนที่จะเสียไป ชีวิตผมใช้ชีวิตตามลำพังมาตลอดแม่ผมจากไปตั้งแต่ผมเกิด พ่อเลี้ยงดูผมมาตั้งแต่เล็กและเหมือนผมมีกรรม พ่อมาจากไปอีกทำให้ผมต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังช่วงมัธยม ผมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้เรียนหนังสือ จนจบมหาวิทยาลัยและไม่เคยเกี่ยงว่าตัวเองจะทำงานอะไร ขอให้ได้เงินและประสบการณ์มาเพื่อสร้างตัวเองให้ผู้หญิงคนหนึ่งรู้ว่าคนอย่างผมก็ประสบความสำเร็จได้
“กูร เราเลิกกันเถอะ”
“แคทว่าอะไรนะ”
“แคทว่า เราเลิกกันเถอะ”
“ทะ...ทำไมหล่ะ เราสองคนรักกันมาเกือบเจ็ดปีแล้ว ทำไมแคทมาบอกเลิกกูรแบบนี้หล่ะ”
“แคททนอยู่กับคนที่ไม่อะไรเลยอย่างกูรไม่ได้หรอกนะ ดูบ้านสิก็เก่า โทรมก็โทรม รถก็ไม่มีขับแถมกูรเองก็เป็นแค่ลูกจ้างบริษัทรายวันแบบนี้ แคทมองหาอนาคตไม่เจอเลย แคทว่าเราเลิกกันเถอะ”
“แล้วรักของเราหล่ะ”
“ความรักมันไม่ทำให้อิ่มท้องหรอกนะ ปล่อยแคทไปเถอะ”
ผมคิดเรื่องนี้มาเกือบตลอดห้าปีนี้ ผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักเธอทิ้งผมไปเพียงเพราะผมไม่มีอะไรให้เธอมากกว่า เธอต้องการของหรูๆราคาแพงๆ แต่ผมไม่สามารถหาให้เธอได้ในตอนนั้น แต่ตอนนี้ผมกลับมีพร้อมทุกอย่างบริษัทที่ผมสร้างกับมือ แม้จะมีทีมงานเพียงห้าคนเท่านั้นแต่บริษัทของผมกลับได้รับความสนใจ อีกทั้งบ้านหลังเก่าของครอบครัวผมที่ตกแต่งใหม่ แต่ผมคงปล่อยให้อยู่แบบนั้น ตัวผมตอนนี้หน่ะหรอกำลังจะย้ายไปอยู่คอนโดที่ซื้อไว้
“พี่กูรคะ โทรกลับคุณอนาคิน บริษัทกิจสุนทรแพนติ้งด้วยนะ”มิวน้องที่ทำงานเอ่ยบอกผมเมื่อผมเข้ามาในออฟฟิตเช้านี้
“อื้ม ขอบใจมาก ก้องเตรียมโปรคเจคที่คุยกันวันก่อน ดรัมไปช่วยก้องด้วยนะแล้วตามพี่ไปที่ห้อง”ผมเอ่ยสั่งลูกน้อง เพราะคิดว่างานใหญ่กำลังจะมาแล้ว ผมยิ้มรับกับงานนี้ด้วยความสุขเพราะมันหมายถึงเงินเจ็ดหลักที่ผมจะได้
“ครับพี่กูร”เสียงสองหนุ่มเอ่ยรับ ผมเดินเข้าห้องทำงานได้ก็รีบคว้ามือถือโทรหาคุณอนาคิน เจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ใครๆก็อยากจะเป็นพันธมิตรด้วย
“สวัสดีครับคุณอนาคิน ผมชยางกูรจาก ชยางกูรโปรดิวซ์ครับ”ผมเอ่ยแนะนำตัวเมื่อปลายสายรับสาย
(“สวัสดีครับคุณกูร ต้องขอโทษเรื่องเมื่อวันก่อนด้วยที่ทำให้มารอเก้อ”)
“โอ๊ะ ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีและเต็มใจมากที่คุณอนาคินไว้ใจที่ให้ผมทำงานให้”
(“วันนี้ผมเลยขอแก้ตัวครับ ช่วงบ่ายผมขอนัดอีกทีนะครับ”)
“ยินดีครับ ครั้งนี้ผมเข้าไปนำเสนอคอนเซปคร่าวๆไปเลยแล้วกันนะครับ”
(“ดีเลยครับ แล้วเจอกันนะครับ”)
ผมวางสายพร้อมยกยิ้มขึ้น น้อยนักที่จะได้เจอเจ้าของโปรเจคที่ดีแบบนี้ ผมชอบนะและผมคิดว่าผมจะคุยกับคุณอนาคินเพื่อขอรับโปรเจคทุกงานของกิจสุนทรแพนติ้ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขออนุญาตครับพี่กูร”ก้องรุ่นน้องที่คณะของผม เราสองคนสนิทกันผมเลยชวนมาทำงานด้วย
“เข้ามาเลย งานช้างมาแล้วพวกเรา”ผมเอ่ยบอกน้องๆก่อนจะยิ้มออกมา
“ว้าวๆ ฉลองเลยไหมพี่”ดรัมเอ่ยขึ้น ดรัมก็เป็นน้องที่มาของานทำกับผมทั้งๆที่ยังเรียนไม่จบแต่ผมเชื่อว่าฝีมือของน้องไม่แพ้คนเรียนจบมาแน่นอน และที่ผมตัดสินใจรับดรัมเข้าทำงานเพราะเจ้านี่กับแฟนมาทะเลาะกันและผมมาเห็นเหตุการณ์พอดี เพียงเพราะผู้หญิงบอกเจ้าดรัมว่าจน ไม่มีอนาคต เพียงแค่นี้ผมก็รีบชวนมันมาทำงานซะเลย
“เดี๋ยวๆ มึงดื่มเหล้าเป็นหรอ”ไอ้ก้องมัยหันไปถามรุ่นน้อง
“ไม่อ่ะ กินโค้กก็ได้ครับ”ลืมบอกไปเจ้าดรัมมันแพ้แอลกอฮอล์ ผมเคยพาน้องๆที่บริษัทไปเลี้ยงและเจ้าดรัมมันก็ดื่มเหล้าเข้าไป ใครจะรู้ว่ามันเกือบตายต้องพาไปโรงพยาบาลแทบไม่ทัน
“ฮ่าๆๆ ให้งานจบก่อนพี่เลี้ยงฉลองใหญ่แน่นอน”ผมเอ่ยบอกน้องๆ ก่อนจะคุยงานต่อจนจบ และผมก็เตรียมตัวจะไปนำเสนอโปรเจคนี้ช่วงบ่ายพอดี
“วันนี้ผมจะได้เจอคุณไหม คุณนิล”ผมเอ่ยออกมา เมื่อเดินขึ้นรถ ก็เมื่อวานผมเพิ่งได้เจอผู้ชายคนหนึ่ง บอกได้เลยนะว่าผมไม่ได้เป็นเกย์ แต่ผมกลับสนใจผู้ชายคนนี้และผมเองก็รู้สึกว่าเขามีอะไรน่าสนใจ แต่เวลาเดียวกันในหัวผมก็มีภาพผู้ชาย ตัวขาวผมทอง หน้าตากวนๆ ปากแม้จะแดงอวบอิ่มแต่แม่งปากจัดฉิบหาย
“เชี่ย ทำไมคิดถึงไอ้บ้านั้นว่ะ คนอะไรปากจัดฉิบแถมไม่มีมารยาทด้วย ต่างกับคุณนิลฟ้ากับเหวเลย ทำไมในหัวกูมีไอ้บ้านั้นว่ะ แม่งขอเจอแค่ครั้งเดียวนะคนแบบนี้”ผมสบถกับตัวเองก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิดและไอ้บ้าตัวขาวปากแดงนั้นออกไป และมุ่งหน้าสู่โปรเจคทองของผม
ผมเดินยิ้มมาที่ห้องประชุมใหญ่ของบริษัท ทุกอย่างดูหรูดูแพงไปหมดสำหรับบริษัทนี้ ทำให้ผมเองต้องลงมือทำเอง ตรวจงานเองและมานำเสนอเองเช่นกัน
“แล้วโปรดิวเซอร์ของเรามาหรือยัง”ผมยกยิ้มกับเสียงนุ่มของคุณอนาคินที่เอ่ยถามหาผม
“อ่อ กำลังมาคะ”ผมจัดเสื้อผ้า หน้าผมให้ดูดีเอาไว้อย่างน้อยก็ต้องดูดีจากข้างนอกด้วย
“มาช้าแบบนี้จะเอาบริษัทนี้หรอครับเฮีย”ผมหุบยิ้มทันทีเมื่อได้ยินใครบางคนในห้องเอ่ยขึ้น อยากรู้นักว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครกล้าดียังไงมาประเมินผมที่ยังไม่เคยรู้จักกัน
“บริษัทนี้มีชื่อเสียงมากนะ รออีกนิดแล้วกันอย่าทำเป็นดาราใจร้อนสิ หน้างอไม่น่ารักเลย”ดาราหรอ ถ้าผมฟังไม่ผิดคือคนที่พูดเป็นดารา หรือจะเป็นคนที่ผมต้องร่วมงานด้วยนะ ถ้าใช่แบบนี้ไม่ดีเลย ผมรีบเปิดประตูห้องเข้าไปทันที และทันทีที่เปิดเข้าไปสายตาผมมองไปรอบๆห้อง ผมถึงกลับนิ่งไปทันทีเมื่อได้เห็รคุณนิลกาฬ ผมยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อคุณนิลเบาๆ
“คุณนิล”ผมเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ แต่ก็ต้องหัวเสียทันทีเมื่อเสียหนึ่งดังขึ้น และก็เป็นเสียงของคนที่ผมไม่อยากคิดถึงเลย
“ไอ้ๆๆ”เสียงหนึ่งโดดขึ้นมา ผมหันมองไปต้นเสียงและก็จ้องไปยังใบหน้าของผู้ชายคนนั้น
“กรีนมีมารยาทหน่อย นั่งลง”คุณอนาคินเอ่ยบอก ท่าทางจะสนิทกันมากแถมไอ้ปากปีจอนั้นก็ดูจะกลัวคุณอนาคินด้วยสิ
“คุณชยางกูร เจ้าของบริษัท CY โปรดิวเซอร์ ที่ผ่านการประมูลโปรเจคตัวใหม่ของเราคะ”เสียงผู้จัดการการตลาดเอ่ยขึ้นแนะนำ ผมยกมือสวัสดีกับทุกคนก่อนจะนั่งลง
“สวัสดีครับคุณอนาคิน และคุณนิล ดีใจจังครับที่ได้เจอคุณนิลอีก”ผมเอ่ยขึ้นอย่างลืมตัวก่อนจะมองไปยังคุณนิลกาฬ แต่ก็รู้สึกหน่วงไปบ้างที่รู้ว่าที่จริงคุณนิลกาฬมีเจ้าของแล้ว แถมเจ้าของดูดีไปหมดไม่มีที่ติแบบคุณอนาคิน ผมยอมแล้วหล่ะ
การนำเสนอโปรเจคของผมเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ที่ดูจะไม่ราบรื่นก็แค่นายแบบที่ต้องมาร่วมงานด้วยนี่สิ ขัดผมทุกอย่าง ไม่ชอบทุกอย่างที่เป็ยโปรเจคของผม แต่ผมโชคดีที่คุณอนาคินสนใจ
“เดี๋ยวก่อน คุณโปรดิวเซอร์”ผมหันไปมองต้นเสียง ท่าทางกร่างน่าดู กวนตีนชะมัดคนอะไรไม่รู้ ผมคิดแบบนั้น
“คุณกรีนมีอะไรหรอครับ หรือจะให้ผมบรีฟงานที่ต้องทำเพิ่มเติม”ผมเอ่ยถามยียวน เขาทำหน้าหุบยิ้มทันทีเหมือนเด็กถูกขัดใจ
“ผมอ่ะมืออาชีพ ไม่ต้องมีใครมาบงมาบรีฟงานให้หรอกนะ แต่ที่ผมเรียกคุณเมื่อกี้ ก็แค่อยากจะบอกว่า โปรคเจคคุณห่วยแตกชะมัดเท่าที่ผมทำงานมา แค่นี้หล่ะฮาๆๆ”ผมกัดฟันกรามแน่น คนบ้าอะไรพูดจาไม่เข้ากับหน้าตาเหลือเกิน ผมสัญญาเลยจริงๆว่าจะไม่ขอร่วมงานกับผู้ชายคนนี้ ถ้าไม่จะเป็น
.........................

"ไม่ต้องถามว่าเริ่มต้นยังไง ถ้าตอนจบสวยมันก็โอเค"
[/size]

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน #1
«ตอบ #131 เมื่อ19-01-2018 07:50:56 »

มาลงตอนแรกให้แล้วนะ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #132 เมื่อ19-01-2018 20:08:17 »

ฮ่าๆๆๆๆๆ ท่าทางคู่นี้จะคู่กัด อิอิ
กรีนกวนแค่นี้ก็เข้าไปวิ่งในหัวกรูแล้วอ่ะ คิกๆๆๆ
กรูโดนใจ หญิงสาวนิรนาม (อนาคตตัวร้ายแน่ๆๆ)นิล ซี แต่มาจบที่กรีน อิอิ ตามติดจ้า

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #133 เมื่อ21-01-2018 19:30:13 »

Green Light 2 : เดินทาง (ชยางกูรxอนาคิม)
[/size]

ชยางกูร พาร์ท
[/b]

นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนแล้ว ผมค่อยๆละงานจากหน้าคอมก่อนจะเดินไปที่ระเบียงของออฟฟิต ผมยกบุหรี่ขึ้นมาจุดพร้อมพ่นควันสีขาวเทาไปข้างหน้า ช่วงเวลากลางคืนของกรุงเทพตอนนี้มันช่างนาพิสมัยนักสำหรับนักท่องเที่ยวราตรี
ฟู่วววววว
“แค่คิดว่าคุณมีใครแล้ว ผมก็ไม่อยากจะทำอะไรต่อเลย”ผมพูดออกมาลอยๆกับผู้ชายคนนั้น คุณนิลเป็นผู้ชายน่ารักมาก ผมถูกใจรอยยิ้มของเขานัก แม้ว่าผมจะไม่ใช่เกย์ก็ตามแต่ผมว่าผมหลงรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น
“แต่เห็นรอยยิ้มและแววตาของคุณเวลาคุณอยู่กับคุณอนาคิน ผมก็รู้แล้วว่าคุณรักเขามากแค่ไหน”ผมเองก็เพ้อไปเรื่อย ก่อนจะหลับตาลงหลังเขี่ยก้นบุหรี่ทิ้ง แต่ในหัวกลับมีใบหน้าขาวนั้นผ่านเข้ามา
“ต่างกับผู้ชายบางคน ปากจัด นิสัยคงจะเอาแต่ใจน่าดู คงจะนิสัยแย่สุดๆเลยมั้ง”ผมเอ่ยขึ้นกับคนในภาพที่อยู่ในหัวผมตอนนี้
“นี่ต้องไปอิตาลีด้วยกันอีก จะอดใจไม่ด่าน้องชายเจ้าของงานได้ไหมว่ะเนี้ย”ผมสบถออกมา ก่อนจะไล่ความคิดนั้นออก และเตรียมเก็บของกลับบ้าน
ผมขับรถไปตามท่องถนนยสมราตรีแบบนี้ มันช่างดีนัก โล่งจนผมชอบที่จะกลับบ้านตอนดึกๆ ระหว่างที่ขับรถรอไฟเขียวอยู่นั้น ผมก็มีรถคันหรูมาจอดเทียบผม เปิดเพลงเสียงกระหึ่มแทบไม่เกรงใจใคร คงเป็นพวกนักเที่ยวหล่ะมั้ง เพราะจอดรถได้ก็รีบนัวเนียกับสาวข้างๆทันที แต่ผมไม่ได้สนใจอะไรนัก มันก็ปกติทั่วไปแต่ผมกลับต้องหันกลับไปอีกครั้งเมื่อไอ้คนขับที่กำลังถูกแม่สาวนุ่งน้อยห่มน้อยเอ่ยเรียกชื่อนั้นเป็นคนที่ผมจำในสมอง
“อ่าห์...อย่าซนสิคะกรีน นี่มันกลางไฟแดงนะ”
“อื่อ...แล้วไง ใครจะสนหล่ะ”หน้าด้านไม่มีที่ติเลยจริงๆ ผู้ชายคนนี้ผมคิดในใจก่อนจะกดแตรเสียงดังๆเมื่อสัญญาณไฟเริ่มจะบอกว่าเขียวแล้ว
ปรี๊ดดดดด
“รอถึงโรงแรมดีกว่าไหมครับคุณกรีน ที่นี่มีกล้องหลวงนะ”ผมลดกระจกลงพร้อมเอ่ยบอกคนในรถที่หันมาทางผม ใบหน้าบอกว่าตกใจแต่ก็คงจะรู้สึกโกรธอยู่บ้างแต่ผมไม่สนใจเพราะผมขับรถออกมาก่อนแล้ว
“ฮ่าๆๆ ป่านนี้หัวร้อนน่าดูหล่ะมั้ง”ผมเอ่ยพร้อมหัวเราะออกมาอย่างที่ไม่เคยหัวเราะแบบนี้มานานมากแล้ว
ผมกลับถึงบ้านก็เกือบตีสองกว่าจะอาบน้ำเรียบร้อย ผมยกมือถือขึ้นมาดูหน้าจอที่ยังคงเป็นรูปของแคท ไม่ใช่ว่าผมยังไม่ลืมเธอนะ แต่ที่ผมยังคงเอารูปเธอขึ้นหน้าจอเพราะจะได้เตือนผมว่า ผู้หญิงคนนี้คือคนที่ดูถูกผมไว้และมันก็จะทำให้ผมรู้สึกว่าผมต้องสู้
“วันที่ห้าย้ายคอนโด”ผมยกปากกามาขีดที่ปฏิทิน ผมจะต้องย้ายคอนโดก่อนไปอิตาลี เพราะช่างต้องเข้ามาทำบ้านให้ผมน่าจะเป็นเดือนกว่าที่ผมจะได้กลับมาอยู่ที่บ้าน
...
..
ผมกับทีมงานใช้เวลาเกือบสัปดาห์เพื่อเตรียมโปรเจคไปอิตาลี ไม่อยากให้เสียชื่อบริษัทและความไว้ใจของคุณอนาคิน วันนี้ผมจึงนัดคุณธนาคิมหรือคุณเกรย์ เจ้าของบริษัทอีกคนที่ต้องไปอยู่อิตาลีเพื่อคุยงานที่ต้องเตรียมในวันเดินทาง
“คุณชยางกูรมองหาอะไรครับ”เสียงนิ่งๆแต่มันแฝงไปด้วยความดุดันของคุณเกรย์เอ่ยถามผม เมื่อผมมองซ้ายมองขวาเพื่อมองหาใครบางคน
“อ่อ เปล่าครับ เรามาคุยงานต่อดีกว่า”ผมบอกปัดไป สายตาพี่น้องบ้านนี้ไม่รู้เป็นไง ผมว่าเวลามองเข้ามาแล้วผมรู้สึกร้อนวูบวาบบอกไม่ถูก
ระหว่างที่ผมคุยงานกับคุณเกรย์อยู่นั้น ผมก็เห็นคุณนิลและคุณอนาคินเดินผ่านห้องประชุมไป ใจผมมันว่าทำใจได้แล้วแต่ก็ไม่เป็นผลก็ยังรู้สึกหน่วงอยู่ดี แต่ผมว่าไม่ใช่แค่ผมที่เป็นแบบนั้น คุณเกรย์เองก็เช่นกัน จนเสียงหนึ่งที่ดังเข้ามาทำเอาผมและคุณเกรย์หันไปมองยังจุดเดียวกัน
“เฮีย ไปกินข้าวกันเถอะ หิวแล้ว”เสียงเอ่ยอ้อนๆของคนที่กำลังเปิดประตูเข้ามาพร้อมผู้จัดการส่วนตัว
“เสียมารยาทมากเจ้ากรีน เฮียคุยงานอยู่”เสียงเอ่ยดุของคุณเกรย์ทำเอาอีกคนหน้าเสียซึ่งผมเองกลับยกยิ้มมุมปากออกมา คนอะไรไม่มีมารยาทจริงๆ
“อย่ามายิ้มเยาะผมนะ”อยู่ๆเสียงนั้นก็เอ่ยอีกครั้งและท่าทางจะหันมาทางผมเสียด้วยสิ
“เจ้ากรีน อย่าเสียมารยาทกับคุณกูร”ผมยิ่งยกยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนที่ใบหน้าขาวของคนไม่มีมารยาทนั้นจะบึ้งตึงก่อนที่คุณเกรย์จะเอ่ยเรียก
“ไหนๆก็มาแล้ว เข้ามาดูงานอีกนิดก่อนที่มะรืนนี้จะไปอิตาลีกัน”
“เฮีย ค่อยไปคุยที่โน้นไม่ได้หรอไงอ่ะ”
“ไม่ได้ ทำงานต้องวางแผนก่อนสิ คุณเต๋อพาเด็กดื้อของคุณมานั่งตรงนี้เลยครับ”น้ำเสียงเด็ดขาดของคุณเกรย์เอ่ยขึ้น ผมยกยิ้มไม่หุบจริงก่อนที่ผู้จัดการของเขาจะพามานั่งที่โต๊ะ
“งานแบบนี้ ผมทำมาไม่รู้จักกี่งานแล้ว กระจอกแบบนี้ไม่บรีฟก็ทำได้ป่ะ”น้ำเสียงเอ่ยอย่างดูถูกผม ก่อนที่ผู้จัดการของเขาจะตีที่แขนของเขาไม่แรงนัก
แปะ
“นี่แน่ ทำไมพูดแบบนั้นหล่ะครับ ไม่น่ารักเลย”
“อุ้ย พี่เต๋อมันเจ็บนะครับ มาตีผมต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ผมงอนแล้วนะ”ผมพอจะเข้าใจบ้างแล้วว่าทำไมถึงเป็นคนขี้เอาแต่ใจนัก
“จะเถียงกันอีกนานไหมครับ ผมมีงานอีกเยอะนะที่ต้องทำ”ผมเอ่ยขึ้น ทำเอาทั้งคู่หันมองแม้ผู้จัดการจะยกยิ้มอย่างรู้สึกผิด แต่ต่างกับอีกคนที่มองผมแบบจะกินเลือดกินเนื้อ
“คุณกูรพูดถูก รีบๆคุยงานอย่าเล่นให้มากนัก เฮียก็มีงานเยอะเหมือนกัน และคุณเต๋อก็อย่าตามใจเจ้ากรีนมากนัก”ผมยกยิ้มยิ้มปากเล็กน้อยเมื่อรู้สึกสะใจที่เขาถูกพี่ชายดุ
“ครับคุณเกรย์”ผมมองผู้จัดการของเขาแล้วก็รู้สึกว่า ความสนิทสนมของทั้งคู่มันแปลกๆนัก ถ้าวันก่อนผมไม่เห็นว่าเขานัวเนียกับผู้หญิงผมเองก็คงจะเข้าใจว่าทั้งคู่ต้องมีซัมติงกันแน่ๆ
ผมคุณงานไปเกือบชั่วโมงก่อนจะขอตัวกลับ ที่จริงคุณเกรย์ก็ชวนทานข้าวเที่ยงด้วยแต่ผมเองไม่อยากทานกับคนหน้าบึ้งกลัวว่าจะทานไม่อร่อย
“คนอะไร ไม่น่าจะเป็นดาราได้เลย มนุษยสัมพันธ์แย่มากๆ มีดีแค่หน้าตาที่น่ารักหล่ะมั้ง”ผมคิด ห๊ะ ผมคิดแบบนั้นหรอ ผมว่าไอ้บ้านั้นมันน่ารักอย่างนั้นหรอ
“เราว่าไอ้บ้านั่นน่ารักอย่างงั้นหรอ นี่เราท่าจะนอนน้อยไปหรือเปล่าว่ะ”ผมเอ่ยด่าตัวเองก่อนจะขับรถออกไป เพราะวันนี้ผมต้องรีบไปเตรียมของเพื่อย้ายเข้าคอนโดใหม่
...
..
ผมจัดการเรื่องห้องกับทางคอนโดเรียบร้อยก็เดินเข้าลิฟท์เพื่อขึ้นมาชั้นที่ห้องของผม ผมก็สำรวจห้องตามที่พนักงานคอนโดบอก ผมลากกระเป๋ามาใบเดียว สมัยนี้สะดวกสบายจริงๆแค่มีเสื้อผ้าและเงินก็เข้าอยู่ได้แล้ว
“หกเก้า หรือหกแปดว่ะ”ผมบ่นกับตัวเอง ก็คีย์การ์ดที่คอนโดให้มามันก็สี่เหลี่ยมธรรมดาและตอนผมเองก็เพลียมาก ผมจึงจัดการรูดคีย์การ์ดที่หน้าห้อง แต่ทำยังไงก็เปิดไม่ออก
“เชี่ย อะไรว่ะ หรือว่าไม่ใช่”ผมก็ยังบ่นกับตัวเองและก็ยังคงรูดคีย์การ์ดอยู่แบบนั้น และแล้วประตูก็เปิดออกไม่ใช่เพราะคีย์การ์ดนะ แต่เป็นคนตัวขาวแก้มอุ้มเจ้าของห้องต่างหาก
แกร๊ก!
“คุณกำลังทำอะไรอ่ะ”
“อ๊ะ...คือ...ขอโทษด้วยครับ ผมจำหมายเลขห้องผิดแน่ๆเลย”ผมเองตกใจมาก เมื่อหันไปมองหมายเลขห้องจริงๆแล้วผมว่าผมจำเลขห้องผิดมากกว่า ผมเอ่ยพร้อมยกยิ้มอย่างรู้สึกผิด แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเดินไปที่ห้องของตัวเอง ผมก็ได้กลิ่นอะไรสักอย่าง
ฟิด ฟิด ฟิด
“คุณได้กลิ่นอะไรไหม”ผมเอ่ยพร้อมฟูดฟิดจมูก
“กลิ่นหรอ กลิ่นอะไร”เสียงหวานน่ารักเอ่ยย้อนถามผม ไอ้ผมก็รู้สึกได้ว่ามันคือกลิ่นไหม้
“กลิ่นไหม้อ่ะครับ...”ผมเอ่ยก่อนที่จะรีบดีดตัวเข้าไปที่ครัวเพราะตอนนี้ควันจากกระทะกำลังเริ่มโขมงขึ้น ผมรีบหาผ้าชุบน้ำมาคลุมไว้ทันที แต่ก็ทุลักทุเลพอสมควรแต่ก็สามารถดับมันได้ ผมทรุดตัวนั่งลงก่อนที่คนตัวเล็กกว่าผมจะทรุดตัวนั่งลงข้างๆผม
“แค่กๆๆ โอ๊ยยยยเกือบตายแล้วเรา”
“อ่า เกือบไหม้ทั้งตึกแล้วนะครับ”ผมเอ่ยขึ้นก่อนจะหันมองมายังใบหน้าขาวของคนข้างๆ น่ารักจังแก้มอุ้มๆหน่อยผมว่าเขาน่ารักมากเวลายิ้มยิ่งน่ารักผมคิดแบบนั้น ก่อนจะเห็นแก้มของเขาเปื้อนจึงเอ่ยบอก
“แก้มคุณเปื้อนอ่ะ”ผมเอ่ย มือขาวก็ค่อยๆเช็ดที่แก้มของตัวเอง แต่ก็ยังไม่ถูกจุด ผมก็ชี้บอกว่าไม่ใช้ตรงนั้นแต่เป็นตรงนี้ เขาก็ยังเช็ดไม่ถูกอีก ผมจึงเอ่ยเสนอขึ้น
“ขอโทษนะครับ เดี๋ยวผมเช็ดให้เองดีกว่า”ผมกำลังจะยื่นมือเข้าไปเช็ดให้แต่ใบหน้าขาวก็เบี่ยงหลบออก ผมเองไม่ได้รู้สึกอะไรเลยเพราะคิดว่าเราเพิ่งจะเจอกันจะมาให้ถูกเนื้อต้องตัวมันก็ยังไงอยู่ ผมเข้าใจเขา
ผมใช้เวลาไม่นานนักกับการช่วยน้องซีเก็บของ และผมเองก็ชวนน้องซีมาที่ห้อง อย่างน้อยเราสองคนก็เป็นเพื่อนข้างห้องกันแล้ว ผมชอบเวลาน้องซีพูดช่างเจื้อแจ้วจนผมมองความน่ารักนั้นเพลินไปเลย และผมเองก็น่าจะสังเกตว่าเขาเองก็น่าจะมีแฟนอยู่แล้ว
“พรุ่งนี้พี่ต้องไปทำงานที่อิตาลีแต่เช้า เอาไว้กลับมาพี่จะพาไปกินของอร่อยๆหลายๆที่เลยนะ”ผมเอ่ยบอกคนตรงหน้า
“ครับ”น้องซีน่ารักชะมัดเลย แค่พูดและอมยิ้มออกมาก็ทำผมใจละลายแล้ว
“งั้นสั่งอาหารไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ไปเข้าห้องน้ำแปบ”ผมเอ่ยบอก ก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ผมรู้สึกแปลกๆกับตัวเองถามว่าผมชอบผู้ชายไหม ผมบอกเลยว่าไม่เคยคิดอยู่ในสมองแต่ถ้าเป็นผู้ชายที่น่ารักๆ รอยยิ้มหวานๆแบบคุณนิลหรือน้องซีผมว่าผมหลงรักผู้ชายได้ไม่ยากเลย
“คนอะไร น่ารักชะมัดเลย ภาวนาขออย่าเพิ่งมีใครเลยนะ”ผมเอ่ยในใจก่อนจะล้างมือและเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่เมื่อเดินออกมาก็เห็นร่างเล็กนั้นวิ่งออกไปแล้ว และที่สำคัญผมเห็นร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งวิ่งตามไปพร้อมเรียกชื่อ น้องซี
“น้องซี...น้องซีครับ”ผมเอ่ยเรียกชื่อของเขา เผื่อว่าจะหันมาบ้างแต่ผมว่าผมน่าจะมองออกว่าคนที่วิ่งตามนั้นน่าจะเป็นคนสำคัญของเขา ผมยกมือถือโทรหาเขาตลอดแต่ก็ไม่รับสายจนเสียงข้อความดังขึ้น
น้องซี : ซีขอโทษนะครับที่วิ่งออกมาแบบนั้น
ชยางกูร : มีอะไรเล่าให้พี่ฟังได้ไหม เดี๋ยวพี่ไปหาที่ห้องนะ
น้องซี : พี่กูร เอาไว้ซีพร้อมซีจะเล่าให้ฟังนะครับ ครั้งนี้ซีขอจริงๆ
ชยางกูร : ครับ พี่กลับจากอิตาลีพี่จะแวะไปหานะ
ผมเก็บมือถือใส่กระเป๋าและออกจากร้านมา ผมเดินผ่านห้องของเขาใจก็อยากจะเคาะเรียกถาม แต่อีกใจก็คิดว่าอย่าดีกว่า ถ้าเขาต้องการผมจริงๆเขาจะไม่วิ่งหนีออกมาแบบนี้
...
..
ผมออกมาจากห้องเช้ามืด ในใจคิดเป็นห่วงแต่น้องซีแต่ผมก็ต้องมีหน้าที่ของตัวเอง ผมมาถึงสนามบินก่อนใคร ก่อนที่คุณธนาคิมจะตามาสมทบและทีมงาน
“เจ้ากรีนอยู่ไหน ป่านนี้ทำไมยังไม่มา”เสียงเอ่ยโวยของคุณธนาคิมที่บ่นน้องชายตัวเองอยู่ เพราะทุกคนมากันครบแล้วรอเพียงแต่ดารานายแบบชื่อดังอยู่ ที่ป่านนี้ยังไม่เห็นหัวเลย
“ทุกคนไปขึ้นเครื่องรอได้เลย เดี๋ยวผมรอเจ้ากรีนเอง”เสียงคุณธนาคิมเอ่ยบอก แต่ยังไม่ทันที่ทุกคนจะเดินไปเสียงโวยจากอีกด้านก็ดังขึ้น
“เฮียยยย ขอโทษทีครับ แฮ่กๆๆ”ผมหันมองคนเสียงหอบนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่หรอดารานายแบบที่ว่าหล่อนักหล่อหนา ใบหน้าเหมือนแมวง่วงนอนเลย ผมคิดในใจมองคนตัวบางกว่าแล้วเผลออมยิ้มออกมา
“ถ้าจะยิ้มเยาะกันขนาดนี้ ด่าเลยดีไหม”อยู่ๆริมฝีปากอวบอิ่มนั้นก็เอ่ยประชด
“ด่าได้ด้วยหรอครับ ถ้าได้ผมขอด่าเลยแล้วกัน...”ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยด่าออกมา เสียโวยของเขาก็ดังขึ้นทันที
“ประชด...รู้จักไหม”เขาเอ่ยออกมาก่อนจะชวนผู้จัดการส่วนตัวเดินไป แต่มิวายจะหันมาทำหน้ายักษ์ใส่ผมอีก
“คนอะไร นิสัยแย่ชะมัด”ผมเอ่ยออกมาเบาๆก่อนจะเดินตามไปเป็นคนสุดท้าย ผมว่าทริปนี้ผมต้องเหนื่อยมากแน่ๆ กับดารานายแบบคนนี้
................

"การเดินทางที่แสนน่าเบื่อ บางครั้งอาจจะเป็นการเดินทางที่แสนหวานก็ได้"
[/size]

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #134 เมื่อ21-01-2018 21:28:26 »

กัดกันเบาๆๆๆ รอการเดินทาง จะหวานแบบไหน อิอิ

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #135 เมื่อ22-01-2018 17:49:45 »

การเดินทาง ที่แสนหวานชื่น ..

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #136 เมื่อ25-01-2018 19:29:29 »

Green Light 3 : คนของผม (ชยางกูรxอนาคิม)
[/size][/b]

อนาคิม พาร์ท
การที่นอดึกตื่นสายเป็นเรื่องปกติของผม และเช้านี้ผมก็ต้องตื่นตั้งแต่ไก่โห่ พี่เต๋อลากผมขึ้นแท็กซี่ได้ผมก็หลับสลบ และขึ้นเครื่องได้ผมก็หลับสลบไปเลยอีกเช่นกัน
“อื้ออออ”ผมครางออกมาเบาๆ เมื่อรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ ปรือตาได้ก็มองไปรอบๆมองหาพี่เต๋อเพื่อจะให้พาไปเข้าห้องน้ำ
“เฮีย เค้าปวดฉี่อ่ะ ไปส่งเขาหน่อย”ผมหันไปปลุกเฮียเมื่อไม่เห็นพี่เต๋อ
“อ้าว คุณเต๋อหล่ะ”เฮียหันมาถามผม
“ไม่รู้เหมือนกันครับ นะเฮียเค้าปวดฉี่อ่า”อ้อนเข้าไป เฮียเกรย์กับเฮียแบล็คมักจะใจอ่อนกับการอ้อนของน้องๆเสมอ
“ใส่สื้อคลุมด้วย เสื้อนี่บางชะมัด”เฮียเอ่ยขึ้นก่อนจะหยิบเสื้อแขนยาวให้ผม แต่ยังไม่ทันที่ผมและเฮียจะเดินไปยังห้องน้ำของเครื่อง ร่างสูงของไอ้บ้าหน้านิ่งก็ลุกขึ้นเดินนำผมไป เฮียจึงเอ่ยถาม
“คุณกูร จะไปห้องน้อเหมือนกันหรอครับ”ผมรีบหันไปมองเฮียทันที อย่านะเฮีย อย่าทำแบบนี้
“ครับ คุณเกรย์มีอะไรหรือเปล่าครับ”แหม กูกับเฮียพูดเสียงดังซะขนาดนั้นมึงจะถามเอาอะไรเนี้ย ผมคิด
“อ่อ ฝากเจ้ากรีนไปห้องน้ำด้วยนะครับ”
“เฮีย…ไหนเฮียจะไปส่งเค้าไง”ผมเอ่ยขึ้น
“เอาหน่า ไหนๆคุณกูรก็จะไปอยู่แล้วนี่ ยังไงก็มีคนไปด้วยนะ”ผมทำหน้าอ้อนวอนเฮีย
“อย่าดื้อได้ไหม”เฮียเอ่ยเสียงแข็ง ผมทำหน้าบึ้งออกมา
“จะไปได้หรือยัง ฉี่จะราดแล้ว”เสียงเอ่ยไม่เสนาะหูเอาเสียเลยเอ่ยบอกผม ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยอะไรหรืองอแงอะไรมือไอ้บ้านั้นก็คว้ามาที่มือของผมแล้วดึงไป
หมับ
“อ๊ะ…ปล่อยดิ”ผมเอ่ยพร้อมบิดมือออก แต่เขากลับจับมือผมแน่น
“ไม่อยากจะจับนักหรอกนะ แต่ที่จับเพราะไม่อยากให้เกรย์ว่าได้”ไอ้นี่ ตีสองหน้าเก่งนักว่ะ
“ตอแหลเก่งจังว่ะ”ผมเอ่ยก่อนจะรีบเข้าห้องน้ำทันทีโดยลืมไปว่า ห้องน้ำบนเครื่องมันจำกัดบริเวณเหลือเกิน ผมหันมองไปรับๆห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆนั้น
“อื้อ อื้อ อื้อ…”เสียงหายใจของผมที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ผมรีบปลดกางเกงเพื่อทำธุระ เพราะไม่อย่างงั้นผมต้องตายก่อนแน่ๆ
“คะ…คุณ”ผมเอ่ยขึ้นเรียกคนที่อยู่ข้างนอก ผมกลัวว่าจะติดอยู่ในห้องน้ำนี้ แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ ผมจึงเคาะประตูเรียกอีกครั้ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณ ยังอยู่ไหม…”ไอ้บ้านั่นทิ้งเราไปแล้วหล่ะสิ เอาไงดีตอนนี้หายใจแทบไม่ออกแล้วด้วย ยังไม่ทันที่ผมจะใส่กางเกงเรียบร้อย เครื่องบินก็ไฟตกและสั่นเล็กน้อย อาจเป็นเพราะตกหลุมอากาศ แต่ผมกลับกลัวมาก การอยู่ที่แคบแบบนี้ทำให้ผมคิดถึงครั้งนั้น
แกร๊ก
“อะไรว่ะ…”เชี่ยแระ เมื่อผมจะออกจากห้องน้ำ ประตูกลับเปิดไม่ออก จะดันออกหรือดึงเข้าก็ไม่ออก ผมเริ่มกังวลแล้ว และเริ่มหายใจไม่ออกอีกครั้ง ยิ่งคิดว่าไม่มีคนอยู่ข้างนอกยิ่งทำให้ตกใจ
แกร๊ก แกร๊ก
“มีใครอยู่ข้างนอกบ้างครับ…”ผมตะโกนออกมาเสียงดัง พยายามเปิดประตู น้ำตาเริ่มจะไหลออกมาแล้วเพราะความกลัว เฮียจะรุ้ไหมว่าผมติดอยู่ที่นี่ พี่เต๋อจะรุ้ไหมว่าผมมาเข้าห้องน้ำคนเดียวโดยไม่มีแก และไอ้บ้านั้นมันไปไหนกันนพ ไหนรับปากเฮียจะดูแลเราไง
“มีใครอยุ่ข้างนอกไหมครับ ช่วยผมที ผมติดอยู่ในนี้”ผมเอ่ยทั้งน้ำตาละความหวาดกลัว เมื่อครั้งนั้น ภาพครั้งนั้นมันแล่นเข้ามาอีกครั้งจนผมสั่นไปหมด ก่อนที่จะได้ยินเสียงของคนข้างนอก
“คุณกรีน…”ผมยกยิ้มออกมาทันทีก่อนจะเอ่ยขานรับ
“คุณกูร คุณใช่ไหม”ผมเอ่ยอย่างดีใจ
“ใช่ครับ เดี๋ยวผมมานะ ผมไปบแกเจ้าหน้าที่บนเครื่องให้”
“ไม่เอา อย่าไปไกลผมนะ คุณอยู่ตรงนี้หล่ะผมกลัว…ฮื้อๆๆ”ผมแสดงความกลัวออกมา ผม้จะกลั้นสะอื้นแต่ก็คิดว่าคนข้างนอกก็คงได้ยินบ้าง
“ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมไปไม่นานหรอก”เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่มันทำให้ผมรู้สึกว่าเขาห่วงผมมาก
“รีบกลับมานะ อย่าทิ้งผมแบบเขานะ”ผมเอ่ยออกมา ไม่รู้แล้วว่าตอนนี้ผมเพ้ออะไร และไม่รู้ว่าไอ้บ้านนั่นจะถามไหมว่าแบบเขาคนนั้นเป็นใคร
เวลาไม่นานนัก ผมก็ได้ยินเสียงงัดประตูจากด้านนอก เพียงแค่ไม่กี่นาทีแต่มันทำให้ผมแทบบ้า ผมกลัวที่แคบข้อนี้ที่บ้านรู้ดี คนใกล้ชิดผมอย่างพี่เต๋อก็รู้ดี
ครืดดดด
หมับ
“คุณกูร…”เมื่อประตูเปิดได้ สิ่งแรกที่ผมเห็นตรงหน้า และสิ่งที่ผมรีบโผเข้าหาคือร่างสูงของโปรดิวเซอร์ ผมลืมอายและทิฐิไปเลยตอนนี้ผมขอเพียงอย่างเดียวคือสิ่งที่ปกป้องผมได้
“ไม่ต้องกลัวนะครับ ไม่มีอะไรแล้ว”เสียงปลอบและมือหนาที่ลูบที่หลังผมเบาๆ
ตอนนี้พวกเราถูกเชิญมานั่งอยู่ห้องรับรองของเครื่อง เพื่อที่ทางสายการบินแสดงการขอโทษ ที่จริงผมเองก็ไม่ได้จะผูกใจอะไร ที่ทางสายการบินบอกว่าห้องน้ำจะล๊อคเองถ้าเครื่องเกิดปัญหา และจะปลดล๊อคเองเช่นกันถ้าเครื่องอยุ่ในภาวะปกติ แต่ครั้งนี้ประตูกลับไม่ปลดล๊อคเองสงสัยจะเสีย
“ทางเราต้องขอโทษผู้โดยสารด้วยนะครับที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ทางเรายินดีรับผิดชอบทุกอย่าง”เสียงกัปตันเครื่องเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ ผมเองที่ยังนั่งอยู่ข้างๆร่างสูงของเขา มือหนายังคงกุมมือผมไว้แน่น
“แค่ขอโทษ แค่รับผิดชอบ ผมว่ามันไม่คุ้มกันหรอกนะถ้าเกิด คนที่ติดอยู่ในนั้นไม่ใช่คนของผม แต่เป็นเด็กขึ้นมาคุณคิดว่าเด็กจะทำยังไง จะรอคนมาช่วยไหวไหม แม้แต่คนของผมเอง้าผมไม่ได้อยู่แถวนั้นคุณคิดว่าคนของผมจะเป็นยังไง”น้ำเสียงเอ่ยดุขึ้นจนผมเองตกใจ และที่ผมยิ่งหูดับและตกใจมากก็คือ คนของผมหรอ
“ต้องขอโทษจริงๆครับ คุณจะให้เราชดใช้ยังไงก็บอกมาเลยครับ ทางเรายินดี”ผมหันไปมองคนข้างๆที่ดูเหมือนจะโกรธ
“คุณกูร ผมไม่เป็นไรแล้ว ผมว่าเรากลับที่นั่งกันดีกว่านะครับ”ผมเอ่ยไม่อยากจะมีเรื่องอะไร เพราะผมเองก็เป็นดารากลัวเป็นข่าว
“อื้ม…”เขาหันมาตอบผมแบบห้วนๆก่อนจะหันไปเอ่ยต่อ
“ผมอยากให้ทางคุณพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้งนะครับ ขอให้เหตุการณ์คนของผมครั้งนี้เป็นบทเรียน”เขาเอ่ยก่อนจะลุกขึ้นและโอบไหล่ผมเดินออกไป
บางทีผมว่าผมคงต้องมองเขาใหม่แล้วหล่ะ ผมกับเขาเดินมายังโซนผู้โดยสาร ผมรีบเบี่ยงตัวออกทันทีเมื่อเห็นเฮียและพี่เต๋อกำลังทำหน้าเครียดๆ ซึ่งกำลังห่วงผมอยู่
“เฮีย….”ผมเอ่ยขึ้นก่อนจะรีบผละออกจากอ้อมกอดของเขาและวิ่งไปกอดเฮียทันที
“ไม่มีอะไรแล้วนะ ปลอดภัยก็ดีแล้ว”เฮียเอ่ย ผมทำหน้างงๆว่าเฮียรู้เรื่องได้ยังไงกันว่าผมไปเจออะไรมาก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆเฮีย และเฮียก็เล่าให้ผมฟังว่าเขาคนนั้นโทรหาเฮียและถามเฮียว่าผมเป็นอะไร ทำไมถึงหายใจเสียงดังและน้ำเสียงหวาดกลัวเมื่อเข้าห้องน้ำ และเฮียก็เล่าให้เขาฟังไปหมดว่าเพราะอะไรผมถึงกลัวที่แคบ
“ขอบคุณนะ”เป็นคำขอบคุณในใจ
++++++++
ชยางกูร พาร์ท
ผมเองก็ไม่ได้อยากยุ่งกับนายแบบเจ้าปัญหามากนักหรอก ถ้าไม่ใช่คุณเกรย์ขอให้ช่วย ตอนแรกผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเข้าห้องน้ำเองไม่ได้ ทำไมต้องมีคนไปส่ง ครั้งแรกเลยคือผมทิ้งเขาไว้ที่ห้องน้ำเพราะคิดว่าเขาเป็นคนเอาแต่ใจและคงจะถูกตามใจจนเคยตัวทำให้เวลาไปไหนต้องมีคนตามไปด้วย
“คุณกูร เจ้ากรีนหล่ะครับ”เสียงของคุณเกรย์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผมเดินกลับมาเพียงคนเดียว สีหน้าดูตื่นเล็กน้อย
“เข้าห้องน้ำอยู่ครับ”ผมเอ่ยเรียบๆ
“อ้าว คุณไม่ได้อยู่กับเจ้ากรีนหรอกหรอ”ผมขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยถามคุณเกรย์
“ไม่ครับ ผมแค่คิดว่าคุณเกรย์ให้ผมพาไปเฉยๆ”ผมเอ่ยเหมือนคนไม่รู้อะไร จนคุณเกรย์สบถออกมา
“ตายห่าล่ะ คุณเต๋อไปไหนเนี้ย”ผมเห็นคุณเกรย์ดูเป็นกังวล ไม่รู้ว่าผมเองทำผิดอะไรไป หรือมันมีอะไรกันายแบบคนนั้นที่ผมไม่รู้
“คุณเกรย์มีอะไรหรือเปล่าครับ”ผมเอ่ยถาม
“คือผมคิดว่าคุณจะอยู่กับเจ้ากรีนจนเสร็จธุระเสียอีก”
“คือผมไม่เข้าใจครับ ช่วยอธิบายผมที”ผมเอ่ยถามย้ำอีกที จนคุณเกรย์เล่าเรื่องของน้องชายของเขาให้ฟังว่า คุณกรีนนายแบบจอมเอาแต่ใจของผมนั้นเป็นโรคกลัวที่แคบ เคยกลัวมากจนหมดสติไปทำให้ผมรู้สึกผิดมาก
ผมจึงรีบเดินไปที่ห้องน้ำทันที แต่ระหว่างนั้นเครื่องเกิดตกหลุมอากาศและทำให้ระบบความปลอดภัยของเครื่องบินทำงาน จนเกิดเรื่องนี้ และตอนนี้ผมยิ่งรู้สึกผิดมากเมื่อเห็นเขากลัวจนตัวสั่นไปหมด
“ขอโทษนะ”ผมเอ่ยในใจเมื่อหันไปมองเขาที่นั่งข้างๆคุณเกรย์และผู้จัดการของเขา สายตาที่มองมาทางผมตอนนี้ ผมรู้สึกแปลกๆมันเป็นสายตาที่ดูน่าถนอม
เมื่อมาถึงอิตาลี พวกเราทั้งหมดเข้าเช็คอินโรงแรมหรู ทางบริษัทจ่ายให้หมดข้อนี้ผมชอบมากอยากที่จะทำงานกับบริษัทใหญ่ๆก็เพราะแบบนี้หล่ะ
“อ่าห์…สวยชะมัดเลย”ผมเอ่ยออกมาเมื่อล้มตัวลงบนที่นอนกว้าง ผมพักคนเดียวเพราะคุณเกรย์บอกว่าอยากให้พักสบายๆไม่อยากให้มีคนมากวนมากนัก เพื่อที่ผมจะได้คิดอะไรใหม่ๆเข้ามา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ผมหันมองไปยังประตู ก่อนจะลุกไปส่องดูที่ตาแมวก็เห็นเป็นผู้จัดการของคุณกรีน ผมเองก็งวยงงเล็กน้อยแต่ก็เปิดประตู
“คุณผู้จัดการมีอะไรหรือเปล่าครับ”ผมเอ่ยถาม
“อ่อ ผมเข้าไปได้ไหม”เขาเอ่ย ผมเองจะปฏิเสธยังไงได้ ในเมื่อเขาแทรกตัวเข้ามาแล้ว ผมเองก็เดินตามเข้าไปนั่งอยู่ที่โซฟารับแขกของห้อง
“คุณผู้จัดการมีอะไรหรือเปล่าครับ”ผมเอ่ยถาม
“อ่อ ผมแค่อยากจะมาขอบคุณ คุณกูรอ่ะครับที่ช่วยคุณกรีนไว้ ผมเองก็ติดธุระเรื่องเคลียงานเลยไม่ได้ไปดูแลเขา คุณกรีนอ่ะเป็นคนน่าสงสารนะครับ ดูภายนอกจะดูเป็นคนไม่มีความทุกข์อะไร ดูเหมือนจะไม่มีหลักอะไรกับชีวิต แต่ส่วนลึกของเขาน่าสงสารมาก…”ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าคุณผู้จัดการนี่จะพูดเอาอะไร ผมขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ที่มาหาผมคือเรื่องคุณกรีนน่าสงสารหรือมาขอบคุณผมครับ”ผมเอ่ยตรงๆ ที่จริงผมเองก็ไม่ชอบนะคนที่จะมานินทาเจ้านายให้คนอื่นฟังแบบนี้
“อ่อ ผมแค่อยากจะมาขอบคุณ คุณแค่นั้น และอยากจะบอกคุณอีกอย่างว่า คุณกรีนอ่ะ ของผมครับ ไม่ใช่ของคุณ”ผมไม่เข้าใจไอ้ผู้จัดการนี่เลยให้ตายเถอะ
“อ้าวหรอครับ ขอโทษนะครับผมเองก็ไม่ได้คิดว่าคุณกรีนของคุณจะเป็นของผมสักหน่อย”ผมเอ่ยขึ้น ก็ไม่รู้ว่าผมไปพูดตอนไหนกันที่บอกว่าคุณกรีนเป็นของผม แล้วไอ้ผู้จัดการนี่เอามาจากไหนกัน
“หรอครับ เมื่อสักครู่ มีคลิปของคุณและคุณกรีน ที่ห้องรับรองบนเครื่อง เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน…”มือขาวยกมือถือขึ้นมากกดและยื่นให้ผมดู เป็นคลิปของผมและคุณกรียกำลังพูดคุยกับสายการบินอยู่ เหมือนมีคนแอบถ่ายไว้ได้
“ทางเราต้องขอโทษผู้โดยสารด้วยนะครับที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ทางเรายินดีรับผิดชอบทุกอย่าง
“แค่ขอโทษ แค่รับผิดชอบ ผมว่ามันไม่คุ้มกันหรอกนะถ้าเกิด คนที่ติดอยู่ในนั้นไม่ใช่คนของผม แต่เป็นเด็กขึ้นมาคุณคิดว่าเด็กจะทำยังไง จะรอคนมาช่วยไหวไหม แม้แต่คนของผมเอง้าผมไม่ได้อยู่แถวนั้นคุณคิดว่าคนของผมจะเป็นยังไง”
“ต้องขอโทษจริงๆครับ คุณจะให้เราชดใช้ยังไงก็บอกมาเลยครับ ทางเรายินดี
“คุณกูร ผมไม่เป็นไรแล้ว ผมว่าเรากลับที่นั่งกันดีกว่านะครับ”
“อื้ม…”
“ผมอยากให้ทางคุณพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้งนะครับ ขอให้เหตุการณ์คนของผมครั้งนี้เป็นบทเรียน”
ผมดูคลิปจนจบ แถมกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่เชียว ผมลืมตัวขนาดนั้นเลยหรอ และผมเองก็จำไม่ได้ด้วยว่าผมพูดแบบนั้น
“แล้วไงครับ”ผมเอ่ยถามคนตรงหน้า
“ไม่แล้วไงหรอก แค่ผมอยากจะบอกคุณไว้ว่าคุณกรีนเป็นของผมก็แค่นั้น”ผมทำหน้านิ่งๆก่อนจะเอ่ยขึ้น
“หึ ผมอ่ะนะไม่ใช่เกย์ และไม่ได้ชอบผู้ชายคุณจำเอาไว้ และก็รบกวนออกจากห้องส่วนตัวผมด้วยครับ”ผมเอ่ยอย่างเสียมารยาท
“ก็ดีครับ งั้นคุณก็จำเอาไว้ว่าผมไม่มีทางให้คุณกรีนไปสนใจคุณแน่นอนเช่นกัน คงจะเป็นงานเดียวที่ผมให้คุณกรีนร่วมงานกับคุณ”เขาเอ่ยเสร็จก็เดินออกจากห้องไป ผมรีบปิดประตูทันทีก่อนจะรีบมากดมือถือตัวเองเพื่อดูคลิปที่แชร์นั้น
“เชี่ย…คนดูเป็นหมื่นแล้วหรอว่ะ”ผมสบถเบาๆ เมื่อคลิปลงไปไม่ถึงชั่วโมงคนกดเข้ามาดูเป็นหมื่นแล้ว อาจเป็นเพราะคุณกรีนนั่นเป็นดาราด้วยหรือเปล่า
“เพิ่งรู้ว่าพี่กรีนเป็นเกย์…แต่ก็ยังรักพี่กรีนเสมอคะ”
“ว้าวววว แฟนพี่กรีนหล่อจัง”
“อิจฉาพี่กรีนจังเลย มีแฟนปกป้อง”
“กรี๊ดดดดด พี่กรีนแฟนหล่อมาก”
“พี่ขา ดูแลพี่กรีนของพวกหนูด้วยนะคะ…”
“คนของผม…กรี๊ดดดดด”
ผมเหงื่อซึมเป็นเม็ดออกมาทันทีกับคอมเม้นแต่ละคอมเม้น ตายแล้วกู อยากจะตายนักเมื่อไอ้น้องที่ทำงานส่งข้อความเข้ามาถามผม
“พี่กูร ทำไมพี่ไม่อ่อนโยนกับความรู้สึกสาววายอย่างพวกหนูเลย…อร๊ายยยย”
“พี่กูร เรื่องจริงหรอครับ…”
“พี่กูร พี่กูร พี่กูร…”
“ไอ้พวกบ้า กลับไปกูจะเอาหน้าไปไว้ไหนว่ะเนี้ย”ผมสบถกับตัวเองก่อนจะนอนราบกับที่นอนพร้อมหลับตาลง
“แล้วต้องเจอกับเขาอีก กูจะทำไงต่อว่ะ”ผมเอ่ยออกมาก่อนจะกลิ้งไปมากับที่นอน ไม่ได้โมโหแต่อย่างใด แต่ผมกำลังรู้สึกแปลกๆกับตัวเอง มันคืออะไรกันว่ะ
…………………….

"คำบางคำที่พูดออกไป ไม่สามารถลบออกได้"
[/size][/b]

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #137 เมื่อ26-01-2018 07:21:51 »

คนของผม  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #138 เมื่อ26-01-2018 12:42:48 »

ปกป้อง คุ้มครอง ..

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #139 เมื่อ26-01-2018 19:59:16 »

น้องกรีนสะดุดคำนี้น่ะ
พี่กูรสายรู้ใจตัวเองช้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
« ตอบ #139 เมื่อ: 26-01-2018 19:59:16 »





ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #140 เมื่อ29-01-2018 20:12:49 »

Green Light 4 : รอย (ชยางกูรxอนาคิม)
[/size]
[/b]
อนาคิม พาร์ท
[/b]
ผมโยนมือถือลงบนเตียงอย่างฉุนๆกับคริปที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่ฉุนอย่างเดียว คริปนี้มันทำให้ผมหน้าแดงออกมาอย่างบอกไม่ถูก ใบหน้าของเขาคนนั้นตอนที่เอ่ยบอกว่าผมคือคนของเขา มันทำให้ผมยิ่งหน้าร้อยผ่าว ใจเต้นแรงไปหมด
“โอ๊ยยยย พรุ่งนี้จะต้องทำงานด้วย ต้องเจอกันตลอดทั้งวันแล้วกูจะทำหน้ายังไงว่ะเนี้ย”ผมเอ่ายพร้อมนอนราบกับเตียงนอนนุ่ม สองมือปิดหน้าตัวเองอย่างรู้สึกเขินก่อนที่เสียงข้อความผมจะดังขึ้น
ติ้ง ติ้ง
บลู : เฮีย...
กรีน : รัย
บลู : คริปของเฮียอ่ะ เรื่องจริงป่ะ
หนูพิ้งค์ : เฮีย เรื่องจริงป่ะ
กรีน : เอ่อ...
เกรย์ : ตามนั้นเลย 5555
กรีน : เฮียอ่ะ ทำเอาเข้าใจผิดหมด เปล่าสักหน่อยนะ
หมอไวท์ : ว้าววววว
เฮียแบล๊ค : พอกันได้แล้ว ตั้งใจทำงานหล่ะ
กรีน : ขอบคุณครับเฮีย
เฮียแบล๊ค : กลับมาพาน้องเขยเฮียมาทานข้าวด้วยนะ ฮ่าๆๆ
กรีน : เฮียอ่ะ ไม่ช่วยเลย
จบการสนทนาไลน์กลุ่มของครอบครัวผม ตอนนี้ผมกลายเป็นทอคออฟเดอะทาวน์สำหรับครอครัวไปแล้ว แต่แปลกธรรมดาผมเองก็เป็นคนขี้หงุดหงิดง่ายถ้าโดนล้อในสิ่งที่ไม่ชอบแบบนี้ แต่ครั้งนี้ผมกลับรู้สึกแปลกๆ ไม่หงุดหงิดแถมรู้สึกใจเต้นแรงเหลือเกิน
“เขาจะรู้สึกแบบเราหรือเปล่านะ”ผมเอ่ยในใจ ก่อนที่จะหันมองไปยังประตูที่ตอนนี้เกิดเสียงเคาะจากคนด้านนอก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณกรีน พี่เต๋อเองนะ”ผมเดินไปเปิดประตูให้พี่เต๋อทันที เพราะเราสองคนสนิทกันไม่ได้กังวลหรือกลัวอะไร
แกรก!!
“เชิญฮะ”ผมเอ่ยและเชิญพี่เต๋อเข้ามา ก่อนที่จะทิ้งตัวลงบนที่นอน พี่เต๋อเองก็ค่อยๆนั่งลงข้างๆผมเช่นกัน
“เห็นคริปแล้วใช่ไหม”พี่เต๋อถามผม
“อื้ม...”ผมตอบไปสั้นๆ
“แค่นี้เองหรอ”พี่เอ่ยถาม ผมหันมามองพี่เต๋อก่อนจะเอ่ยขึ้นถาม
“ทำไมอ่า”
“ก็ไม่ทำไม ก็ธรรมดาคุณกรีนต้องโวยวายมากถ้าเจอข่าวแบบนี้”
“ไม่รู้จะโวยวายไปทำไม ก็ในเมื่อในคริปก็ไม่ได้ทำให้ผมเสียหายอะไรนี่”ผมเอ่ยออกมา มันก็จริงนะคริปนั้นไม่ได้ทำให้ผมเสียหายอะไรเลย ยิ่งมีแต่คนให้กำลังใจมากกว่า แต่ก็ยังน้อยกว่าคนที่แซวผมว่า แฟนผมหล่อจัง ยิ่งคิดยิ่งอดหน้าร้อนไม่ได้เลย
“คุณกรีนเป็นอะไรครับ”พี่เต๋อเอ่ยขึ้นถามผม
“ปะ...เปล่าครับ พี่เต๋อมีอะไรอีกไหมครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปอาบน้ำก่อน อยากพักมาเลย”
“โอเค งั้นพรุ่งนี้พี่โทรปลุกแต่เช้าแล้วกัน”
“ครับผม ฝันดีนะครับ”ผมเอ่ยบอก
“ฝันดีครับ”พี่เต๋อเอ่ยขึ้นก่อนจะวางมือที่กลางศีรษะผมและขยี้ไปมา และเดินออกจากห้องไป ผมเองก็ไม่ได้อะไรนัก พี่เต๋อเอ็นดูผมเสมอ ผมคิดแบบนั้น
...
..
ช่วงเช้าของวันเริ่มงานวันแรก พี่เต๋อทำหน้าที่ผู้จัดการที่ดีมาก จัดแจงทุกอย่างให้ผมเรียบร้อย ผมกับพี่เต๋อเดินลงมาที่ห้องอาหารของโรงแรม เฮียเองก็มาถึงก่อนแล้วผมกวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นทีมงานเองก็นั่งทานอาหารเช้ากัน แต่ผมกลับไม่เห็นเขา
“เอาแยมแล้วกันนะ”ผมพยักหน้ารับทราบ ก่อนที่พี่เต๋อจะเดินไปตักอาหาร ผมนั่งข้างๆเฮียที่กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่ตอนนี้
“หวัดดีตอนเช้าฮะเฮีย”ผมเอ่ยทัก สายตาเองก็ยังกวาดมองไปทั่ว
“อื้ม...แล้วนี่มองหาอะไรอ่ะ”เฮียนี่ช่างสังเกตน้องชายจริงๆนะ ธรรมดาแทบจะไม่สนใจแต่วันนี้กลับมาสนใจ
“เปล๊า...แล้วนี่เราเริ่มกันกี่โมงฮะ”ผมเปลี่ยนเรื่องทันที กลัวว่าเฮียอ่ะจะรู้ว่าผมกำลังมองหาใครอยู่
“เสียงสูงจังเลยนะ เก้าโมงก็เริ่มแล้วหล่ะ รถตู้มารอที่หน้าโรงแรมแล้วหล่ะ”ผมพยักหน้า อยากจะถามเฮียจังว่าโปรดิวเซอร์เฮียอยู่ไหน
“น้ำส้ม และขมปังทาแยมนะ และซุปร้อนๆ”เสียงพี่เต๋อเอ่ยพร้อมวางอาหารตรงหน้าผม
“ขอบคุณครับ”ผมเอ่ยพร้อมยกยิ้มให้พี่เต๋อ ก่อนจะนั่งทานอาหารเรื่อยๆจนมีทีมงานเดินเข้ามาหาเฮีย ตอนแรกก็จะไม่สนใจนักหรอกถ้าไม่มีชื่อหนึ่งที่ทำผมวางช้อนซุปทันที
“คุณเกรย์ครับ คุณชยางกูรโทรมาบอกว่า สถานที่เรียบร้อยแล้วครับ”
“อื้ม ขอบใจบอกเขาว่าอีกยี่สิบนาทีพวกเราไปถึง”ผมมองตามเฮีย อยากจะถามนะแต่กลัวโดนล้อว่าอยากรู้เรื่องของเขา
“เฮีย...”ผมยังไม่ทันเอ่ยอะไร เฮียก็สมเป็นเฮียของผมจริงๆเอ่ยตัดบทผมทันที
“ไม่ต้องถามมาก คุณกูรขอไปดูสถานที่ถ่ายงานวันนี้ ตั้งแต่เช้าแล้วหล่ะ”
“ใครอยากจะรู้จะหล่ะฮะ แค่จะบอกว่าเราไปกันได้หรือยังต่างหากหล่ะ”ผมเอ่ยพร้อมหลบสายตาของเฮียก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปที่รถ โดยมีพี่เต๋อวิ่งตามผมมา
เราทั้งหมดใช้เวลาไม่นานนักตามที่เฮียบอก เรามาถึงสถานที่ถ่ายโฆษณา ทันทีที่ลงรถได้ผมก็ส่ายสายตาไปยังร่างสูงของเขาเวลาทำงาน เขาดูจริงจังและดูมีเสน่ห์ ผมคิดแบบนั้น
“คุณกรีนครับไปแต่งหน้าแต่งตัวทางโน้นครับ”เสียงพี่เต๋อเอ่ยบอกผม แต่ผมกลับรู้สึกว่าผมยังคงอยากจะยืนมองเขาจัดนั้นจัดนี้อยู่เลย
“คุณกรีนครับ”คราวนี้ผมกลับรู้สึกเจ็บที่แขนเล็กน้อยเมื่อพี่เต๋อเรียกผมและจับที่แขนผม
“พี่เต๋อ ทำไมบีบแขนผมแรงนั้นหล่ะครับ”ผมหันไปเอ่ยถามพี่เต๋อ ใบหน้าดูแข็งกร้าวจ้องมองผมตอนนี้ค่อยๆอ่อนลงเมื่อผมเอ่ยถาม
“ก็พี่เรียกคุณนานแล้วแต่คุณดื้อกับพี่อ่ะ แต่พี่ก็ขอโทษด้วยแล้วกัน”พี่เต๋อเอ่ยพร้อมทำหน้าเศร้าออกมา ผมเองก็แคร์พี่เต๋อนะ ยังไงเขาก็ดูแลผมมาตลอด
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็คงดื้อกับพี่จริงๆ”ผมเอ่ยพร้อมยกยิ้มออกมา ก่อนจะเดินไปพร้อมพี่เต๋อที่เต้นท์ เพื่อให้ช่างแต่งหน้าทำผมได้เตรียมตัวกับผม
เราใช้เวลาไม่นานกับการเตรียมตัว พี่เต๋อเข้าไปในเต้นท์เปลี่ยนเสื้อผ้ากับผมด้วยซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติ พี่เต๋อกับผมเราเคยแม้กระทั่งอาบบน้ำด้วยกัน ผมนับถือแกเป็นเหมือนพี่ชายอีกคน
“ทำไมนังพวกนั้นถือปิดรอยตรงนี้ไม่เนียนเลยนะ”เสียงพี่เต๋อเอ่ยบ่น รอยแผลเป็นที่แขนของผม มันคือรอยที่ผมเองก็ไม่อยากจำนัก
“พี่เต๋อ ผมอยากจะลบมันออกไม่ให้เหลือซาก พี่เต๋อหาหมอดีๆให้ผมหน่อยสิ”ผมเอ่ยขึ้น
“เราพยายามลบมาหลายรอบแล้วนะ แต่ว่ามันเกินจะลบแล้ว ปล่อยมันเถอะอย่าสนใจมันเลย”พี่เต๋อเอ่ยพร้อมกับใช้มือของแกปิดรอยนั้นไว้ ก่อนจะเอาเมคอัพมาปิดมันอีกที
เรียวมือขาวของพี่เต๋อเหมือนค่อยๆลูบไปที่แผลนั้น พร้อมไล่มาที่แผงอกของผม แม้ผมจะดูสูงโปร่งแต่ผมก็ดูไม่มีกล้ามเนื้ออะไรที่เรียกว่าซิกแพ็คนัก
หมับ
“พี่เต๋อจะทำอะไรอ่ะ”ผมเอ่ยถามเมื่อตะปบมือพี่เต๋อไว้ เพราะตอนนี้กำลังไล่มาที่หน้าท้องของผม
“ก็จะเกลี่ยเมคอัพให้เสมอกันไง อย่ามองพี่แบบนั้นสิ เรารู้จักกันมานานแล้วนะ ยังไม่รู้อีกหรอว่าพี่เป็นคนยังไง พี่ไม่ใช่ไอ้เชี่ยนั่นนะ”พี่เต๋อเอ่ยขึ้น ผมหลบสายตาทันทีในหัวกลับคิดถึงเมื่อห้าปีก่อนนั้น
“ผมขอโทษครับ”ผมเอ่ย ก่อนที่เสียงเอ่ยจากด้านนอกจะดังขึ้น
“นายแบบของเราพร้อมหรือยังครับ หรือจะรอให้บ่ายโมงก่อน”เสียงคุ้นๆ ทำเอาผมหัวใจเต้นแรงนักแต่กลับนึกงอนเล็กน้อยกับประโยคของเขา
“ไปเถอะครับ เดี๋ยวโปรดิวเซอร์บ้าอำนาจจะบ่นเอา”ผมเอ่ยบอกพี่เต๋อที่ยกยิ้มออกมา
“ดูเข้า ไปว่าเขาแบบนั้นนะ”
“ก็จริงนี่ คอยดูนะผมจะป่วนให้งานไม่เสร็จแล้วฮียก็บ่น แถมเฮียแบล็คก็จะไม่ชอบเขาเลยคอยดูสิ”ผมเอ่ยออกมาก่อนจะเดินออกจากเต้นท์ไป หวังจะทำหน้าดื้อใส่เขาแต่เมื่อผมเดินออกมาเผชิญหน้ากับเขา ใจผมเองต่างหากที่แม่งเต้นแรง แถมหลบสายตาเขาเฉยเลย
“จะไปได้หรือยัง”เสียงเขาเอ่ยเบาลง
“ก็ไปสิ จะยืนขวางทำไมหล่ะ”ผมเอ่ยขึ้น ที่จริงผมว่าเขาก็ไม่ได้ขว้างนะ แต่ผมเองกลับไม่หลบเขาเอง ก็เท้ามันสาวไปไม่ถูกแล้วตอนนี้
“เชิญ…”เขาหลีกทางให้ผมก่อนจะเอ่ยขึ้น ผมเดินผ่านเขาไปโดยไม่กล้ามอง แต่ถ้าดูไม้ผิดผมว่าเขาเองก็หน้าแดงนะ หรือผมคิดไปเอง
..
..
วันนี้โปรแกรมถ่ายเป็นเพียงภาพนิ่งเท่านั้น ผมนึกเขินนักที่ต้องมีซีนถอดเสื้อออก และละเลงสีของบริษัทผมบนตัวผมเอง ถามว่าผมกลัวเปื้อนไหม ผมบอกเลยว่าไม่กลัวนะแต่ที่กลัวคือสายตาของโปรดิวเซอร์ที่มอองมาต่างหาก
“พี่เต๋อไปไหนครับ”ผมถามทีมคอสทูม เพราะต้องเปลี่ยนชุดแล้วทำไมพี่เต๋อไม่รีบมาหาผม
“พี่เต๋อหรอ เมื่อสักครู่บอกว่าจะรีบไปซื้อน้ำกีวี่ให้คุณกรีนนะคะ เห็นบอกว่าถ้าร้อนๆแบบนี้คุณกรีนจะต้องดื่มน้ำกีวี่แทนน้ำแร่”ผมพยักหน้ารับพร้อมเดินเข้าเต็นท์ไป แต่ไม่ทันที่จะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ร่างสูงของเขาก็เข้ามาในเต็นท์
พรึบ
“อ๊ะ…”ผมรีบเปิดเสื้อคลุมทันทีและรีบหันไปหาเขาที่ยืนนิ่งเช่นกัน
“คะ…คุณ เข้ามาทำไมเนี้ย”ผมเอ่ยถาม ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด
“เอ่อ คือคุณเกรย์โทรมาเร่งอ่ะ บอกว่าให้ถ่ายซีนนี้ให้จบภายในบ่ายนี้ ผมเลย…”เขาเองก็ยังพูดติดๆขัดๆแถมไม่มองหน้าผมด้วย ไม่รุ้ว่าไม่อยากคุยกับผมหรืออะไร
“อ่อ งั้นเดี๋ยวพี่เต๋อมาผมจะให้พี่เต๋อรีบจัดการเลยครับ เพราะให้ผมและพี่แหม่มทำเอง คงทำไม่ได้”ผมเอ่ยขึ้น หมายถึงสีที่ต้องละเลงบนตัวผมตอนนี้ ซึ่งพี่เต๋อเองมักจะจัดการเรียบร้อย
“แล้วคุณเต๋ออยู่ไหน ผมเองก็รีบนะ”
“ไปซื้อน้ำให้ผม”
“น้ำในกองก็มีทำไมต้องไปซื้อให้ยุ่งยากหล่ะ”ผมนึกฉุน
“ก็พี่เต๋อเขาใส่ใจผมไง เขาเขารู้ว่าเมื่อผมได้ดื่มน้ำกีวี่แล้วผมจะทำงานได้ดีและไม่ขาดตกบกพร่อง  ถ้าคนไม่รู้อะไรเขาก็คิดว่ามันยุ่งยาก”ผมเอ่ยอยากงอนๆ ก่อนจะหันหลังไปมองสีที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่สนใจเขา แต่กลับทำผมตกใจเมื่ออยู่ๆมือหนาก็จับไหล่ผมไว้
หมับ
“เอ้ย…คุณจะทำอะไรอ่ะ”ผมโวยขึ้น เมื่อเขาเปิดเสื้อคลุมผมออกและก็ทำหน้านิ่งๆโดยไม่ตอบอะไร
มือหนากำลังจุ่มที่สีและละเลงบนตัวผม สัมผัสนี้แม้จะเจ็บไปบ้างแต่ผมกลับรู้สึกวาบหวามไปหมด มือหนาค่อยๆป้ายสีไปทั่วตัวตามแบบที่เขาเองเป็นคนคิดออกมา
“เดี๋ยวๆคุณ เบาๆสิมันเจ็บนะ”ผมเอ่ยขึ้น แม้เมื่อจะบ่นแต่ผมกลับเสียงสั่นออกมา ใบหน้าเขาเองก็แดงเห่อออกมาเช่นกัน
“คนดื้อต้องเจอแบบนี้หล่ะ”เอาเอ่ยออกมาแม้ไม่ดังนักผมก็พอรู้บ้าง
“ใครดื้อ ผมอ่ะไม่เคยดื้อเลยจะบอกให้ และก็นี่ลายอะไรไม่ทราบ ห่วยแตกชมัด”ผมเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ ริมฝีปากของเขายกยิ้มออกมาเล็กน้อย
“หรอ มันก็เขากับตัวบางๆ ขี้ก้างแบบคุณมากนะครับ”เขาเอ่ย ผมเองอยากจะซัดหมัดลงที่หน้าเขานัก แต่ก็ทำไม่ได้
“อ๊ะ…”ผมเองร้องออกมาเบาๆ ตอนเขาลูบที่แขนของผม เขากลับนิ่งและค่อยๆลูบพื้นที่ตรงนั้น ผมเองก็ลืมไปเลยว่าที่ตรงนั้นเป็นที่ที่ผมเกลียดและไม่อยากให้ใครเห็น
“นี่คือ…”ยังไม่ทันที่เขาจะถามอะไรผมมาก ผมเองก็รีบเบี่ยงตัวทันทีและก็ทันทีที่พี่เต๋อเข้ามาพอดี
“คุณกรีน น้ำกีวี่ครับ”พี่เต๋อเอ่ยขึ้นและหยุดนิ่งไป ผมเองก็รีบคว้าเสื้อคลุมเดินออกไปทันทีเช่นกัน โดยไม่รอให้สองคนข้างในเอ่ยเรียกหรือตามมา และก็ยกมือถือหาเฮียเกรย์
(“เสร็จแล้วหรอ”)
“เฮีย ไม่ถอดเสื้อได้ไหม เค้าไม่อยากให้ใครเห็นรอยนั้น”
…………………….

"รอยอดีตก็แค่อดีต"
[/size]

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #141 เมื่อ29-01-2018 21:01:53 »

พี่เต๋อนี่ต้องก่อเรื่องแน่

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #142 เมื่อ30-01-2018 14:09:32 »

อดีต ถ้าไม่ดี อย่าไปจำ ..

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #143 เมื่อ02-02-2018 19:35:50 »

Green Light 5 : คืนนั้น วันนี้ (ชยางกูรxอนาคิน)
[/size]

ชยางกูร พาร์ท
[/size]
ยิ่งรู้จัก ยิ่งรู้สึกว่าเขาคนนั้นมีอะไรมากมายที่น่าค้นหา ภายใต้ความดื้อ ความปากเสียและการเอาแต่ใจของเขา มันซ่อนความลับมากมาย ตัวตนที่แท้จริงและความรู้สึกหลายๆอย่างที่ผมเองกลับอยากรู้ว่ามันคืออะไร
“พรุ่งนี้เราจะไปถ่ายทำกันที่ไหนครับคุณกูร”เสียงคุณเกรย์เอ่ยขึ้นถามผม ตอนนี้เรากำลังทานอาหารเย็นกันอยู่หลังจบการถ่ายภาพนิ่ง พรุ่งนี้เราจะมีการถ่ายภาพเคลื่อนไหว
“เมืองชิงเกว แตร์เร ครับ ขอให้ทุกคนตื่นแต่เช้าด้วยนะครับ เราจะออกเดินทางแต่เช้าเลย”ผมเอ่ยขึ้นสายตาก็ปรายมองคนที่นั่งนิ่งอยู่เหมือนกำลังคิดอะไร
“คุณเต๋อก็ปลุกเจ้ากรีนแต่เช้าแล้วกันนะ หรือกรีนจะไปนอนกับเฮียหล่ะ”คุณเกรย์เอ่ยขึ้น แต่ใบหน้านั้นยังนิ่งอยู่จนคุณเกรย์ย้ำอีกครั้ง
“เจ้ากรีน…”เสียงดุพอสมควรจนเขาเองตกใจ
“ฮะ…ฮะ เฮียว่าอะไรนะ”ผมรู้สึกเป็นห่วงเขาขึ้นมาแล้วสิ ความรู้สึกเป็นห่วงนั้นมันไม่ได้หมายความว่าผมชอบเขานะแต่ผมเป็นห่วงว่าสิ่งที่เขาเป็นตอนนี้มันจะทำลายความดื้อและน่ารักของเขา
“เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า”คุณเกรย์เอ่ยถามย้ำอย่างเป็นห่วง
“เปล่าครับ”
“ถ้าคุณกรีนไม่สบายก็ไปพักก่อนก็ดีนะครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าด้วย”ผมเสริมขึ้น สายตานั้นหันมองผมทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“กลัวผมจะทำงานห่วยแตกของคุณพังหรอ เสียใจนะครับคนอย่างอนาคิมไม่เคยทำงานใครพัง ถึงแม้ว่างานนั้นจะห่วยแตกแค่ไหนก็ตาม”เขาเอ่ยเสร็จก็เดินออกไปทันที โดยมีผู้จัดการส่วนตัวทำท่าจะวิ่งตามออกไป แต่เขาก็หันมาเอ่ยบอก
“พี่เต๋อไม่ต้องตามมาหรอกครับ ผมอยากอยู่คนเดียว”เขาเอ่ยเสร็จก็เดินออกไป
“เอ่อ…”เสียงผู้จัดการพูดอะไรไม่ออก คุณเกรย์จึงพยักหน้าให้รู้ว่าให้ทำตามที่น้องชายเขาบอก
“ผมต้องขอโทษแทนน้องชายผมด้วยนะครับ”คุณเกรย์หันมาขอโทษผม
“ไม่เป็นไรครับ คุณกรีนคงจะเหนื่อย”ผมเอ่ยขึ้น แต่ผู้จัดการของเขาก็สวนขึ้นทันที
“คุณกรีนไม่เคยที่จะเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบนะครับ แม้ว่าจะเหนื่อยหรือนอนดึกแค่ไหน คุณกรีนก็ต้องทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด ผมอยากให้คุณทราบไว้แค่นี้ครับ ขอตัวนะครับ”ผู้จัดการนั่นก็ร่ายยาวเชียวก่อนจะเดินออกไป ผมเองก็ไม่ได้สนใจอะไรนักก่อนจะคุยงานกับคุณเกรย์และทีมงานอิตาลีต่อ
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงที่ผมขอตัวขึ้นห้อง เมื่อขึ้นห้องได้ผมก็ล้มตัวลงนอนบนที่นอน ในหัวคิดอะไรมากมายแม้แต่ร่างบางตัวขาว และคนตัวขาวแก้มอุมนั้น ผมว่าตัวผมต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปแล้วแน่ๆเลย ในหัวของผมคิดถึงแต่คุณนิลกาฬและน้องซี ยิ่งคิดยิ่งมีความสุข แต่กลับกันที่ผมยิ่งคิดถึงเขาผมกลับอยากจะค้นหา อยากจะอยู่ด้วยและอยากจะดูแลเขา
“คุณมีอะไรซ่อนอยู่นะ”ผมสบถออกมาก่อนจะหลับตาลงเพื่อพักสายตา แต่กลับได้ยินเสียงแปลกๆดังมากจากอีกห้อง แต่ไม่แน่ใจนักว่าเป็นห้องของใคร ชั้นนี้มีเพียงผม คุณเกรย์และเขาเท่านั้น
“ปล่อยยยย”เสียงเริ่มดังขึ้น ผมเองก็ไม่แน่ใจนักก่อนจะเดินออกไป และหยุดที่ห้องพักของเขาและมันก็แน่ใจขึ้นเมื่อเสียงข้างในเอ่ยชื่อกันออกมา
“พี่เต๋อ…ปล่อยผมนะ พี่มันบ้าไปแล้ว”ผมกระวนกระวายใจมาก จะลงหันไปโทรหาพนักงานโรงแรมก็กลัวไม่ได้การ ผมทำได้แค่ส่งข้อความหาคุณเกรย์ ก่อนที่จะตัดสินใจเคาะเรียก
ก๊อก ก๊อ ก๊อก
“คุณกรีนครับ ผมกูรเองนะ”ผมเอ่ยออกมา พยายามฟังเสียงในห้องที่ตอนนี้เงียบลงแต่ผมเองก็ไม่ละความพยายาม
“คุณกรีนครับ ผมอยากจะมาคุยเรื่องงานและมาขอโทษเรื่องเมื่อสักครู่ คุณกรีนอยู่ไหม”ตอนนี้เองก็ยังเสียงเงียบจากในห้อง ผมเองก็เริ่มมั่นใจแล้วว่าข้างในต้องมีอะไร
“ถ้าคุณไม่เปิดให้ผม ผมเองก็จะยืนรออยู่ตรงนี้หล่ะนะ”ผมเองก็ยังดื้ออยู่จนได้ยินเสียงคนข้างในเอ่ยขึ้น
“คุณกรีนไม่สบาย หลับไปแล้วมีอะไรเอาไว้คุยพรุ่งนี้นะครับ”ผมเองมั่นใจเต็มร้อยว่าข้างในต้องมีอะไรแน่ๆผมจึงยังคงดื้อดึง
“หรอครับ งั้นผมขอเข้าไปดูหน่อยนะครับ ถ้าคุณเต๋อไม่ว่าอะไร”ผมเอ่ยขึ้น และในที่สุดประตูห้องก็เปิดออกแต่เพียงแงมๆเท่านั้น ผมไม่มีโอกาสได้เห็นข้างในเลย
แกรก
“คุณมีอะไรหรอ จะเยอะไปไหม ผมบอกว่าคุณกรีนไม่สบาย หลับไปแล้วทำไมคุณถึงไม่มีมารยาทแบบนี้”ผมมองไปยังคนตรงหน้าที่ตอนนี้หัวดูยุ่งเหยิงไปหมด แม้เสื้อผ้าจะใส่เรียบร้อยแต่ผมว่ามันก็ยังยับอยู่จนเห็นชัดว่าเมื่อสักครู่ข้างในต้องมีอะไรแน่ๆ
“คุณเต๋อไปโดนอะไรมาครับ เหมือนมีเลือดออก”ผมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเลือดที่ซิบอยู่ที่คอจากรอยเล็บ
“โดนอะไร ผมไม่ได้โดนอะไรและคุณเองก็กลับห้องไปได้แล้ว”เขาเอ่ยขึ้น และผมเองก็เห็นความกระวนกระวายของเขาเมื่อรู้สึกได้ว่าข้างในห้องกำลังมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
ตุ๊บ
“เสียงอะไรครับ ผมขอเข้าไปดูหน่อย”ผมเอ่ยพร้อมเบียดตัวแทรกเข้าห้องไป แต่ไอ้ผู้จัดการนั้นก็รีบมาขวางผมอีกแต่ผมเองก็พยายามดันตัวเข้าไปจนได้
“คุณ…”เสียงเอ่ยของไอ้ผู้จัดการนั่นเอ่ยขึ้นก่อนจะเงียบลงเมื่อสิ่งที่ผมเข้ามาเห็นคือร่างของคุณกรีนที่ถูกมัดอยู่หล่นอยู่บนพื้นห้อง ปากที่ปิดสนิท มือของข้างและขาสองข้างถูกมัดเข้าด้วยกัน ขาทั้งสองข้าก่อนถูกรวบกับมือมันอ้าออกจนเห็นหมด และยิ่งซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือร่างของคุณกรีนไม่มีอะไรปกปิดเลยสักนิด
“คุณทำอะไรกับเขา”ผมเอ่ย ก่อนจะรีบไปรวบตัวของคุณกรีนขึ้นมาพร้อมดึงเทปที่ปากออก พยายามจะแก้เชือกให้ แววตาที่แดงกล่ำ ฉ่ำไปด้วยน้ำตานั้นผมยิ่งเห็นยิ่งสงสารและเจ็บปวดแทน
“มึงมันเสือกไม่เข้าเรื่อง กูทนอยู่รับใช้คุณกรีนมาตั้งนานเพื่อที่จะได้ครอบครองเขา แต่เมื่อมึงเข้ามาไม่นานคุณกรีนกลับมองว่ามึงดีและปกป้องเขาได้ และก็คิดจะเปลี่ยนจากกูไปเป็นมึง หึ…พี่ต่างหากหล่ะคุณกรีนที่ปกป้องคุณกรีนได้ ไม่ใช่เพราะพี่หรอกหรอที่ช่วยคุณกรีนจากการถูกข่มขืนในลิฟท์ที่มหาลัย ไม่ใช่พี่หรอกหรอคือฮีโร่ของคุณกรีนอ่ะ”ผมเงยหน้ามองตามเสียงนั้น ก่อนจะตกใจเล็กน้อยเมื่อปลายกระบอกปืนกำลังเล็งมาที่ผม และผมเองก็รีบหันตัวเองบังร่างขาวนั้นพร้อมดึงเขาไว้ในอ้อมอก
“ผมไม่เคยเห็นใครดีกว่าพี่หรือมาแทนพี่เลยนะครับ ผมก็แค่อยากให้พี่เต๋อได้พักบ้าง ได้เจอใครบ้าง ไม่ใช่มาทนอยู่กับผม เพราะพี่ต้องมีครอบครัว…”น้ำเสียงเบาๆที่เอ่ยออกมาอย่างหมดแรงนั้นเอ่ยบอก
“หึ ก็ไม่ใช่เพราะพี่อยากอยู่กับคุณกรีนตลอดชีวิตหรอ พี่ถึงต้องยอมจ้างคนไปข่มขืนคุณกรีนละไปช่วยคุณ พี่ทำสถานการณ์นี้ขึ้น เพื่อที่จะได้ถูกมองว่าพี่ปกป้องคุณกรีนได้ลี่สามรถดูแลคุณกรีนตลอดชีวิต”เพียงแค่ประโยคเดียวที่ทำเอาผมและคนในอ้อมกอดอึ้งไปเลย
“พี่เต๋อ ทำไมทำแบบนี้หล่ะ ทำไมทำลายมิตรภาพของเราแบบนี้”ผมมองแววตาของเขาที่หมดความเชื่อมั่นกับผู้ชายคนนั้น และแววตาของความผิดหวัง
“ก็เพราะกูรักมึงไง กูรักมึงไง แต่มึงเสือกรักมัน”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ”
“คุณกำลังเข้าใจผิดนะคุณเต๋อ”ผมเอ่ยขึ้นก่อนที่จะรู้ตัวว่ายังไงไอ้ผู้จัดการนั่นต้องไม่เชื่อแน่
“หึ เข้าใจผิดหรอ มึงกอดกันกลมขนาดนั้น มึงปกป้องกันขนาดนั้น คิดว่ากูเชื่อหรอ รักกันมากใช่ไหม ได้สิกูจะให้มึงทั้งสองไปลงนรกด้วยกัน…”เพียงแค่นั้นผมเองก็รีบดึงร่างของเขามาแนบที่อกแน่นก่อนจะเอาตัวบังเขาไว้ ก่อนที่เขาและผมจะเอ่ยขึ้น
“ขอบคุณนะครับ”เขาเอ่ยพร้อมหลับตาลง ผมที่มองเข้าไปยังสายตาของเขาก่อนจะเอ่ยขึ้นเช่นกัน
“ผมขอโทษนะครับ”ผมเอ่ยก่อนจะหลังตาลงกดหัวเขามาซบที่อกผม
เปรี้ยง…
“อึก…”ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองถูกสะกดด้วยกระสุนที่ตอนนี้น่าจะเจาะที่ไหล่ของผมหรืออก หรือแขน หรือหลังนะ แต่ผมเองก็ไม่รู้สึกว่ามันเจ็บปวดเลยเมื่อได้ยินเสียงของคนในอ้อมกอดตะโกนเรียกชื่อผม
“คุณกูร…”ผมยกยิ้มมุมปากให้กับคนในอ้อมกอด ก่อนที่เสียงของคุณเกรย์และคนอื่นๆจะตามเข้ามา ผมรีบดึงผ้าห่มมาคลุมที่ร่างเปลือยเปล่านั้นก่อนจะหันมองทุกคน
“กรีน…คุณกูร”เสียงคุณเกรย์เอ่ยขึ้น ก่อนที่จะหันมองไปยังไอ้ผู้จัดการนั่นที่ตอนนี้รีบวิ่งหนีออกไปแล้ว
“คุณกูร ผมฝากน้องชายผมด้วยนะ เดี๋ยวผมขอไปจัดการเขาก่อน”คุณเกรย์เอ่ยขึ้นก่อนจะวิ่งตามออกไป
ผมมองประตูบานสวยหรูที่ปิดลงก่อนจะก้มมองคนในอ้อมกอดที่สั่นสะท้าน น้ำตายังคงไหลเป็นทางอยู่ ผมค่อยๆกุมใบหน้านั้นก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับ คุณปลอดภัยแล้ว”ผมเอ่ยขึ้น ริมฝีปากที่ยังกัดกันแน่น สายตายังคงสำรวจที่ไหล่และแขนของผม
“คุณโดนยิงไหม พี่เต๋อยิงโดนคุณหรือเปล่า”ผมยกยิ้มออกมา ที่จริงผมว่าเขาน่ารักมา มีเสน่ห์มากเมื่อเขารุ้สึกห่วงคนอื่นแบบนี้
“ไม่ครับ ดีว่าเขายิงปืนไม่แม่น ไปโดนผนังซะก่อน หวงผมหรอ”ผมเอ่ยขึ้น ใบหน้าแดงเห่อออกมา ตัวสั่นไปหมด ผมค่อยๆพาเขาขึ้นมานั่งบนเตียงแต่ใช้มือลูบไปยังริมฝรปากที่เป็นแผลตอนนี้
“อุ้ย…”เขาสะดุ้งเล็กน้อย
“มันทำใช่ไหม”ผมเอ่ยถาม สายตาหวานหลบตาผมทันทีและผมเองก็น่าจะรู้ว่าเป็นฝีมือไอ้หมอนั่น ผมเชยคางของเขาขึ้นให้ใบหน้าเฉิด แววตาเหนื่อยล้ายังคงมองผมอยู่
“ถ้าไม่รังเกียจ จะให้ผมช่วยลบมันไหม”ไม่รู้ว่าผมเป็นเชี่ยอะไร ทำไมถึงพูดแบบนั้นกับเขานะ เขาเพิ่งผ่านเหตุการณ์อย่างว่ามาแท้ๆ แล้วผมเองกลับมาทำแบบนี้กับเขาอีกน่ะหรอ
“เอ่อ คือผมขอโทษนะ ผมพูดออกไปโดยไม่ได้คิด”ผมเอ่ยออกมา เมื่อได้สติว่าตัวเองพูดอะไรออกไป ผมเบี่ยงตัวออกเล็กน้อย แต่ก็ต้องตกใจเมื่อมือขาวรั้งผมไว้ ก่อนที่จะดึงผ้าห่มออกจากร่างเปลือยตัวเอง และเอ่ยขึ้นจนผมเองตกใจ
“ช่วยลบมันออกทั้งหมดได้ไหม ทั้งหมดเลย”เขาเอ่ยพร้อมก้มหน้าลง ใบหน้าแดงกล่ำ อีกทั้งร่างกายเปลือยที่แต้มด้วยสีแดงและรอยเชือกนั้น
“คุณกรีน”ผมเอ่ยขึ้นเบาๆ สายตาสวยหลับตาลงพร้อมยื่นใบหน้าให้ผม ริมฝีปากที่อวบอิ่มแม้จะมีรอยแผลเล็กๆแต่ก็ไม่ทำให้ความน่าสนใจมันหายไป
“ช่วยลบมันออกให้หมดเลยได้ไหมครับ”น้ำเสียงเอ่ยอย่างแสนเศร้า ผมรู้ว่าเขาเสียใจมากแค่ไหน คนที่เขาไว้ใจและคิดว่าปกป้องเขาได้มาทำแบบนี้การถูกหักหลังมันเจ็บนัก ผมเข้าใจดี
“คุณจะไม่เสียใจใช่ไหม”ผมเอ่ยย้ำถามอีกครั้ง
“ไม่…”สั้นๆที่หลุดออกจากริมฝีปากนั้น และเป็นคำสุดท้ายที่ได้เปล่งเสียงออกมา เมื่อเขาเองกลับยื่นจูบนั้นให้ผม และผมเองก็กลับปฏิเสธไม่ได้ ไม่ใช่เพราะผมถูกบังคับแต่อย่างใดแต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ริมฝีปากนั้นช่างดึงดูดผมมากกว่า
เรือนร่างของเขาแม้จะเป็นผู้ชายเหมือนกัน ผมกลับรู้สึกว่าเขาคือคนที่ผมต้องการในเวลานี้ ทุกสัดส่วนช่างลื่นมือไปหมด ผมกดจูบไปทุกร่องรอยที่บังเกิด เรียวขาของเขาสมกับเป็นนายแบบนัก ไขมันแทบไม่ต้องพูดถึง สองมือจิกที่หัวผมแน่นเมื่อผมกดย้ำริมฝีปากและลิ้นลงไปที่ยอดอกของเขา
“อ่าห์…”
“อื่ออออ”
ผมจับเรียวขาแยกออก ไม่ได้สนใจว่าตรงนั้นจะผ่านอะไรมา ผมคิดแค่เพียงผมต้องการลบมันออกไปเท่านั้น เลือดที่ยังคงเกรอะอยู่ที่ช่องทางหลังยิ่งทำให้ผมโมโหไอ้ผู้ชายคนนั้นนัก
“ผมจะดูแลคุณเองนะ”ผมเอ่ยออกมาก่อนจะก้มกดย้ำที่ริมฝีปากและหน้าฝากของเขา น้ำตาที่ยังคงไหลเป็นทางอยู่ ทำให้ผมยิ่งสงสารเขานัก
“ฮึก…”เสียงสะอื้นออกมาเบาๆ พร้อมเสียงครางออกมาเล็กน้อยเมื่อผมกดปลายหัวป้านเข้าที่ช่องทางนั้น ผมเองก็ใช่จะทำเป็น นี่คือครั้งแรกของผมกับผู้ชาย แต่ผมกลับมองเขาไม่ใช่เพศไหนเลย กลับมองเขาคือคนที่ผมอยากปกป้องมากกว่า
“อ่าห์…”
“อื่อออออ”
“อ๊ะ…”
เวลานานเกือบชั่วโมงเมื่อผมพยายามลบทุกอย่างตอนนี้ออกจากตัวเขา ทุกรอยนั้นถูกผมลบมันด้วยริมฝีปกาอุ่นๆของผมไปหมดแล้ว หลังผมชำระร่างกายเขาเรียบร้อยผมก็พาเขามานอนที่เตียง ร่างกายที่เพลียแสนเพลีย หลับเหมือนเด็กน้อยตอนนี้ ผมค่อยๆลูบไปยังกลุ่มผมนิ่มและสวมกอดคนที่ซุกหน้าอยู่ที่ออกผม
“ทำไมไม่บอกล่ะครับ ว่าไอ้ระยำนั่นยังไม่ได้รุกล้ำคุณเลยสักนิด”ผมเอ่ยออกมากับคนที่นอนหลับอยู่ตอนนี้ เมื่อผมเองกลับรู้ว่าที่จริงแล้วไอ้บ้านั่นยังไม่ได้เข้าไปในตัวของเขาเลย เป็นผมต่างหากที่ได้เข้าไปเป็นคนแรก จังหวะรักและจังหวะของความสุขเมื่อสักครู่ สายตาของเขากลับแปลกไปเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่

ติ้ง ติ้ง
คุณอนาคิม : ผมจองตั๋วกลับไทยไว้แล้ว พรุ่งนี้ช่วยพากรีนกลับด้วยนะครับ
ชยางกูร : ทำไมหล่ะครับ แล้วงงานหล่ะ แล้วไอ้ระยำนั่นหล่ะ
คุณอนาคิม : ไม่ต้องห่วง ผมจัดการเอง ช่วยดูแลน้องผมด้วย
ชยางกูร : ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลเขาอย่างดี ขอบคุณที่ไว้ใจผม

นี่คือข้อความของผมและคุณเกรย์ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาคนที่อยู่แนบอกผมตอนนี้จะว่ายังไง เราสองคนจะดำเนินชีวิตยังไงต่อ ในเมื่อผมเองกลับหลงใหลเขาไปแล้ว
“ให้ผมเป็นคนที่ปกป้องคุณได้ไหม”
………………….

"การที่เราไม่ได้สัมผัสตัวตนของเรา เราจะไม่รู้เลยว่าเขาน่าสนใจเพียงใด"
[/size]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-02-2018 19:44:09 โดย Papai »

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #144 เมื่อ02-02-2018 20:15:26 »

เข้าได้กันแล้ววววววว

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #145 เมื่อ03-02-2018 14:46:04 »

ได้ปกป้องกันแล้ว ..

ออฟไลน์ Papai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #146 เมื่อ07-02-2018 19:26:30 »

Green Light 6 : สายตา (ชยางกูรxอนาคิม)
[/size][/b]

อนาคิม พาร์ท
[/size]
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ผมพยายามที่จะหลบสายตาของเขา ทุกครั้งที่เขาเอ่ยถาม ผมจะตอบไปคำตอบเดียวสั้นๆ ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังโกรธ หรือรู้สึกอายที่เอ่ยร้องขอให้เขาทำแบบนั้นกับตัวเอง
“คุณกรีนหิวไหมครับ”น้ำเสียงอบอุ่นนัก ผมหันมองเขาก่อนจะส่ายหน้าไปมาและหันไปมองนอกหน้าตา
ท้องฟ้าสวยนัก เมฆขาวสวยจัง ป่านนี้ที่เมืองไทยคงจะกำลังหลับใหลกันอยู่ ผมก้มมองที่ข้อมือตัวเอง รอยนั้นยังอยู่ ผมเจ็บปวดนักไม่ใช่เพราะแผลจากรอยเชือกที่มัดมือผมไว้เมื่อคืนแต่มันเจ็บจากคนที่มัดผมมากกว่า ตลอดเวลาหลายปีมานี้ผมเชื่อใจเขาทุกอย่าง ความไว้ใจ ความเชื่อใจและผมก็ชื่นชมพี่เต๋อว่าเป็นคนที่ดูแลผมได้
หมับ
“อ๊ะ…”ผมหันมองเจ้าของมือหนานั้น
“ทานอะไรสักหน่อยนะครับ ตั้งแต่เช้าแล้วคุณยังไม่ได้ทานอะไรเลย”ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ แต่กลับถูกเขาทำหน้าดุใส่
“แซนวิสครับ”ดูเขาจะบังคับผมจังเลย แต่ผมกลับไม่หงุดหงิดนัก ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมต้องวินแตกแน่ๆถ้ามาบังคับผมแบบนี้ ผมหยิบแซนวิสจากเขาและกัดมันไปหนึ่งคำ สายตาก็ยังคงหันไปมองที่นอกหน้าต่างอยู่ดี
“ทานเยอะๆสิครับ”เขาเร้าผม มาแค่สองคนเองนะ ดูจะบงการผมเหลือเกิน
“ผมอิ่มแล้วครับ คงทานต่อไม่ได้จริงๆ”ผมเอ่ยขึ้น
“ทานอีกสักคำสองคำนะครับ จะได้ทานยา”ผมมองไปยังใบหน้าเขา ดูคำพูดและการบังคับของเขาช่างดูห่วงใยผมนัก หรือที่เขาทำไปเพราะเฮียสั่งเขามา
“ผมไม่ได้เป็นอะไร ทำไมต้องกินยาด้วย”ผมเอ่ยอย่างปากแข็ง ทั้งๆที่ตอนนี้รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเป็นบ้าเลย แถมตอนนี้ผมเจ็บตรงนั้นมาก
“แน่ใจนะครับ อย่ามาโกหกผมนะ”เขาพูดเหมือนรู้ว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไง
“ก็ได้ครับ”ผมเอ่ยก่อนจะกัดแซนวิสไปสองคำและขอยาจากเขา
“ทานยาแล้วนอนพักนะครับ อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเมืองไทย”ผมมองเขาและมือของเขาตอนนี้ลูบอยู่บนกลุ่มผมนิ่มของผม เมื่อเขาจัดให้ผมนอนเรียบร้อย
“อย่าทำดีกับผมเพราะสงสารผมหรอกนะ”ผมเอ่ยขึ้นพร้อมหลับตาลง ผมไม่อยากให้เขาทำดีกับผมเพราะสงสารผม หรือเพราะเราสองคนมีอะไรกันแล้ว
“แล้วแต่จะคิดนะครับ ผมห้ามความคิดคุณไม่ได้อยู่แล้ว แต่อยากบอกว่าที่ผมทำอยู่ตอนนี้ผมทำโดยไม่ได้หวังอะไรทั้งสิ้น”เขาเอ่ยแค่นั้นก่อนจะลุกขึ้นไป ผมค่อยๆหันมองตามหลังของเขาเดินไปด้านหลัง
“แต่ผมหวัง…”ผมเอ่ยเบาๆก่อนจะหลับตาลง ดวงตากลับร้อนผ่าวอีกครั้งพยายามไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา
เวลานานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมหลับสบายมาก เมื่อได้ยินเสียงคนข้างๆเอ่ยปลุกผมว่าเครื่องกำลังจะลงแล้ว
“คุณกรีนครับ เตรียมตัวนะเครื่องจะลงแล้ว”เขาเอ่ยพร้อมกับจัดแจงเสื้อผ้า หน้าผมให้ผมเรียบร้อยราวกับผมเป็นเด็กอย่างนั้นหล่ะ

เราทั้งสองเดินออกจากผู้โดยสารขาเข้า ร่างสูงของเขาก็รีบดึงกระเป๋าจากมือผม โดยไม่พูดอะไรสักคำ ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะเจ็ดโมงเช้าของที่นี่
“เดี๋ยวไปคอนโดคุณก่อนนะ แล้วค่อยกลับบ้าน”เขาเอ่ย คอนโดหรอ คอนโดที่มีแต่เรื่องราวของพี่เต๋อนั่นหน่ะหรอ ผมรีบเอ่ยทันที
“เดี่ยวผมนั่งแท็กซี่กลับบ้านเลยดีกว่าครับ”
“ทำไมล่ะ นี่ยังเช้าอยู่เลยนะ”เขาเอ่ย ผมทำหน้าตาลังเลจนเขาเองพอจะเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร และทำไมผมถึงไม่อยากไปคอนโด
“อ่อ งั้นเดี๋ยวผมพาคุณไปเอง”เขาเอ่ยก่อนที่จะจับมือผมและดึงออกไป
เราทั้งสองนั่งแท็กซี่มาที่คอนโดสูงแห่งหนึ่ง ผมมองไปยังตึกสูงนั้นอย่างไม่เข้าใจก่อนจะหันไปถามเขาที่ตอนนี้จัดแจงเรื่องค่าแท็กซี่เรียบร้อย
“ที่นี่ที่ไหนครับ”ผมเอ่ยขึ้น
“คอนโดผมเอง เดี๋ยวคุณพักผ่อนก่อนนะ ช่วงเย็นๆเดี๋ยวผมไปส่งที่บ้านคุณ”
“แต่ว่า…”ผมเอ่ยออกมา ที่จริงผมกลัวเฮียแบล๊คและทุกคนเป็นห่วงมากกว่า เพราะเรื่องของผมเฮียเกรย์คงจะบอกทุกคนและจัดการให้จบไปแล้ว
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมโทรบอกคุณอนาคินไปแล้ว และคุณอนาคินก็บอกให้ผมดูแลคุณด้วย”ผมเงยหน้ามองเขา แม้น้ำเสียงจะดูจริงจังแต่ผมก็กลัวคำห่วงใยพวกนี้จริงๆ กลัวว่ามันจะซ้ำรอยอีกครั้ง

ผมเดินเข้าห้องใหญ่เข้ามา ห้องดูสะอาดและเรียบร้อย โทนสีนี้สบายตาจังแต่สำหรับผม สีที่ผมชอบที่สุดคือสีเขียว ผมว่ามันสบายตากว่าสีอื่นๆและที่สำคัญมันคือสีของผมเอง
“คุณอาบน้ำก่อนนะครับ ผมเตรียมน้ำไว้ให้แล้ว นอนแช่สักหน่อยและค่อยมาทานข้าวกัน”เขาเอ่ยออกมา ท่าทางของเขาที่ปฏิบัติกับผมดูมันสบายๆเกินไป ทั้งๆที่เราสองคนเพิ่งผ่านเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นมาเมื่อคืนนี้
เขากับผม เราสองคนมีอะไรกันทั้งๆที่เราสองคนเป็นผู้ชายทั้งคู่ สัมผัสทุกสัมผัส ทุกท่าทางของเขาที่ขยับเข้าออกและมีความสุขบนร่างกายผมเมื่อคืน ทุกท่าทางที่เขาสั่งการให้ผมทำและผมเองก็เต็มใจ ความสุขที่ผมได้รับมีแค่ข้ามคืนเท่านั้น เพราะตั้งแต่ตื่นมาเขาไม่เอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนเลยสักคำ
“เราเป็นคนขอร้องเขาเองนี่ จะมาเสียใจทำไมกัน”ผมสบถออกมา เมื่อน้ำอุ่นๆกำลังไหลออกมาจากดวงตา ปล่อยร่างที่กำลังนอนแช่อยู่ในอ่างค่อยๆจมไปกับความคิดนั้น ช่องทางหลังที่ยังคงเจ็บอยู่ มันกำลังเตือนผมว่า ถึงแม้จะรู้สึกอะไร เขาเองก็คงไม่ได้รู้สึกตอบกลับ มันเป็นเพียงความสัมพันธ์ข้ามคืนเท่านั้น นับจากนี้เขาคนนั้นก็ลืม
“ผมจะพยายามลืมมันเหมือนกัน”ผมเอ่ยในใจก่อนจะหลับตาลงและจมอยู่ในอ่างอย่างไม่ได้คิดอะไร อยากจะหลับไปและจากโลกนี้ไปนัก
หมับ
“ทำอะไรของคุณเนี้ย…”ร่างของผมลอยขึ้นจากน้ำเมื่อมือหนาจับผมดึงขึ้นมาจากก้นอ่างจนผมตกใจ
“แฮ่กๆๆๆ อะไรของคุณ”ผมหันไปโวยเขา เพราะผมเองก็ตกใจมาก
“ก็นี่ไง กำลังทำอะไรของคุณ”เขาเอ่ยเสียงดังใบหน้าดูเครียดและแดงไปหมดเหมือนกำลังโกรธ
ผมรีบนั่งงอตัวทันทีเมื่อร่างเปลือยของผมกำลังดูเขามองด้วยสายตาเหมือนคืนนั้น ใบหน้าหล่อของเขากำลังนิ่งเหมือนโมโหผมมาก มือหนายังคงจับที่ต้นแขนผมอยู่ ก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้าลงมาต่ำลง ผมรู้ว่าเขากำลังจะจูบผม ถ้าผมยอมให้เขาจูบคือผมต้องยอมเจ็บอีก ผมจึงเบี่ยงใบหน้าออกและเอ่ยขึ้น
“ผมหนาวแล้ว และอยากจะพักด้วย”ผมเอ่ยขึ้นก่อนจะดึงเสื้อคลุมมาคลุมและเดินออกไป ผมเห็นอาหารที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อย ตั้งแต่ออกจากอิตาลีผมเองก็ยังไม่ได้ทานอะไรนอกจาแซนวิส สองสามคำนั้น
“ทานข้าวก่อนนะครับ แล้วค่อยพักผ่อน”เขาเอ่ยตามหลังผม เมื่อเขาเองก็สวมชุดคลุมสีขาวเดินออกจากห้องน้ำมา เพราะเมื่อสักครู่เขาเองก็เปียกไปหมดเช่นกัน
“ผมไม่หิวครับ เดี๋ยวผมโทรบอกน้องชายให้มารับที่นี่ก็ได้ ผมไม่อยากรบกวนคุณมาก”ผมเอ่ยขึ้น ถามว่าผมอยากไปไหมตอนนี้บอกได้เลยว่าสองจิตสองใจมาก แต่ผมกลัวมากกว่ากลัวว่าเขาดีกับผมเพียงเพราะพี่ชายของผมฝากให้ดูแลหรือเพราะเขาสงสารผม
“รบกวนเขาใช้กับคนที่ไม่ได้เป็นอะไรกันมากกว่านะ สำหรับเราสองคนคุณว่าเราควรใช้คำนี้หรือเปล่า”เขาเอ่ยขึ้นหน้าตาเฉยทั้งๆที่มือก็ยังจัดช้อนและส้อมอยู่
“คุณ…”ผมเอ่ยออกมาแค่นั้น เพราะตอนนี้มือหนาจับตัวผมมานั่งที่โต๊ะอาหารแล้วเรียบร้อย
“ทานข้าวและไปนอนพักผ่อนนะครับ ผมสั่ง”เขาเอ่ยออกมาหน้าตาเฉย
“ที่คุณพูดเมื่อกี้ หมายความว่ายังไงครับ”ผมเอ่ยถามแต่ไม่กล้าสบตาเขาที่นั่งอยู่ข้างหน้าผมตอนนี้
“หมายความแบบนั้นหล่ะ ทานข้าวนะครับอย่าพูดมากได้ไหม”เขาเอ่ยบ่นผม เขาเป็นคนแรกนะที่บ่นผมมากแบบนี้ ธรรมดาแล้วไม่มีใครบ่นผมมากแบบนี้มาก่อน
“คือ…”ยังไม่ทันที่ผมจบ ปลาหมึกก็ถูกยัดเข้าปากผมมาแล้ว ใบหน้าผมกลับเห่อขึ้นเมื่อนิ้วโป้งของเขากลับค่อยๆเช็ดที่มุมปากของผม
“ทิชชู่ก็มีไหมครับ”ผมเอ่ยขึ้นสายตาก็ไม่กล้าจะมองคนตรงข้าม ตอนนี้หน้ามันร้อนไปหมดผมไม่รู้หรอกว่าเขาทำหน้ายังไง แต่เท่าที่ผมรู้คือตอนนี้อาหารกลับถูกตักมาจ่อที่ปากผมเรื่อยๆ
หลังจากผมทานข้าวเรียบร้อย เขาก็บังคับผมทานยาอีกครั้ง ผมหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยาไม่รู้ว่าหลังจากที่ผมหลับเขากำลังทำอะไรต่อ แต่ผมหลับไปน่าจะนานมากผมค่อยๆปรือตาขึ้น พยายามมองไปรอบๆตอนนี้ดูน่าจะบ่ายแล้ว
“อ๊ะ…”ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นแขนที่พาดผ่านลำตัวมา ผมค่อยๆจับแขนของเขาออกแต่ทว่าเขากลับกระชับแขนและดึงผมเข้าไปกอดแนบอก
“อื้ออออ”เสียงครางเบาๆ กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวเขาช่างรู้สึกดีจัง แต่ผมก็ต้องพยายามออกจากอ้อมกอดเขาให้ได้ไม่ยังงั้นผมเองจะลำบากกับความรู้สึกตัวเอง
“จะไปไหนครับ”เขาเอ่ยขึ้นเมื่อผมพยายามดิ้น
“ผมอยากเข้าห้องน้ำครับ”ผมเอ่ยขึ้น
“ให้ผมไปส่งนะ”เขาเอ่ยขึ้น ทำให้ผมคิดถึงวันนั้นที่บนเครื่อง ทำให้ผมยกยิ้มออกมา
“ไม่ต้องหรอก ห้องน้ำบ้านคุณกว้างชะขนาดนั้นผมเข้าได้”ผมเอ่ยก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ผมต้องไม่ปล่อยให้หัวใจผมเต้นแรงแบบนี้สิ ผมต้องไม่รู้สึกดีแบบนี้กับเขาสิ ผมเพิ่งรู้จักเขาเพียงไม่นานเท่านั้น
“เขาเพียงแค่ผ่านมาเท่านั้น”ผมคิดในใจกับสมองของตัวเองที่กำลังตีกันวุ่นวานอยู่
“แต่เขาคือคนแรกของมึงนะ แต่เขากับมึงก็มีอะไรกันแล้ว”ผมคิดกลับ
“แต่มึงขอร้องเขาป่าวว่ะ เขาถึงยอมมีอะไรกับมึง ที่จริงแล้วเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับมึงด้วยซ้ำ”ผมคิดกลับอีก ตอนนี้ปวดหัวจะแย่แล้วสิ ผู้ชายคนนี้มีอิทธิพลกับผมมากขนาดนี้เลยหรอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณกรีนครับ เป็นอะไรหรือเปล่า ผมเห็นว่าเข้าห้องน้ำนานแล้ว”เสียงเอ่ยเคาะประตูเรียกผม นานตรงไหนว่ะเพิ่งจะเข้าป่ะ ผมคิดก่อนจะขานกลับ
“เสร็จแล้วครับ”ผมเอ่ยก่อนจะจัดการทำความสะอาดและเดินออกจากห้องน้ำ เห็นเขาเก็บที่นอนเรียบร้อยแล้ว
“ผมเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้แล้ว คุณจะอาบน้ำก่อนไหมแล้วค่อยกลับ”ผมนิ่งไปกับประโยคของเขาทันที นี่คงอยากจะไล่ผมกลับมากล่ะสิท่า ผมหน้าหงิกอย่าลืมตัวก่อนจะหยิบเสื้อผ้าบนเตียงขึ้น
“คงไม่อาบหรอกครับ เดี๋ยวผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยแล้วกันจะได้รวดเร็ว ไม่เสียเวลาและรบกวนคุณ”ผมเอ่ยพร้อมเดินเข้าห้องน้ำทันที ท่าทางของผมดูยังไงก็เหมือนงอนเขาใช่ไหม เพราะผมกำลังงอนและน้อยใจเขาจริงๆ
ผมเดินออกจากห้องน้ำมา เห็นเขาเองก็แต่งตัวเรียบร้อย ผมเดินไปเก็บเสื้อคลุมและเดินออกจากห้องนอนทันที ก่อนจะหันมาหยิบกระเป๋าลากของตัวเองอย่างฉุนๆ
หมับ
“ผมถือให้เอง”เขาเอ่ยขึ้นเมื่อคว้ากระเป๋าของผมและมือของผม
“งั้นก็ปล่อยมือผมได้แล้ว”ผมเอ่ย สายตากลับหลบสายตาของเขา ใบหน้าหล่อนั้นคงยกยิ้มเยาะผมล่ะสิที่หน้าผมคงแดงเห่อสุดๆ
“งอนอะไรผมหรอ”เขาเอ่ยถามผมตรงๆ ผมว่าข้อดีของเขาคือการพูดตรงๆ แต่มันทำให้คงฟังรู้สึกไม่ชอบนัก
“งอนหรอ งอนอะไรครับ ผมไม่มีสิทธิ์งอนคุณหรอก”ผมเอ่ยออกมา
“คุณรู้ตัวไหม เวลาคุณแสดงท่าทางแบบนี้คุณน่ารักกว่าเวลาคุณทำหน้าเศร้าๆอีกนะ”เขาเอ่ยขึ้นจนผมเองสะอึก จุกในลำคอทันที น่ารักหรอ เขาบ้าหรือเปล่านี่ผมกำลังดื้อกับเขาอยู่นะ
“คุณท่าจะบ้า เราจะไปได้หรือยัง ผมอยากกลับบ้านแล้ว”ผมเอ่ยขึ้น เขาพยักหน้าก่อนจะพาผมออกจาห้องไป ระหว่างที่เดินไปที่ลานจอดรถ ผมเองรู้สึกว่าผมเห็นรถพี่หมอไวท์ แต่ว่าพี่หมอมาทำอะไรที่นี่นะ
เวลาไม่นานผมก็มาถึงบ้าน เขาไม่ได้เข้าไปในบ้านกับผม บอกผมแค่ว่าจะรีบไปเคลียงานที่บริษัท เรื่องเปลี่ยนแผนงานของโปรเจคนี้หลังจากมันล่มไม่เป็นท่า ผมเดินหน้าเข้าห้องพร้อมล้มตัวลงนอนที่เตียง
“คงจะไปหาแฟนหล่ะมั้ง หรือเขาไม่อยากจะอยู่กับเรา”ผมคิดในใจ มันก็แน่อยู่แล้วใครจะมาอยากมาอยู่กับคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไร แถมเป็นผู้ชายที่ยอมให้ผู้ชายด้วยกันมีอะไรด้วย แค่ผิดธรรมชาติแบบนี้ใครเขาอยากจะสนใจ ผมคิดแบบนั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เฮียฮะ พิ้งค์กับเฮียบลูเอง เราขออนุญาตเข้าไปนะฮะ”ผมหันมองตามเสียงหวานของน้องชายคนเล็ก ผมรีบเช็ดน้ำตาและยกยิ้มหวานให้กับหนูพิ้งค์และน้องชายคนรองจากผมอย่างเจ้าบลู
“เข้ามาสิ”ผมเห็นหน้าของน้องชายทั้งสองแล้วก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่จริงๆ ทั้งสองเองก็เช่นกัน เมื่อผมบ่อน้ำตาแตกมีหรอเจ้าจองเกลอของผมจะไม่ร้องตามรีบมาสวมกอดผมทันที
หมับ
“เฮีย เป็นไงมั้ง ฮื่อๆๆ”เสียงโฮของหนูพิ้งค์น่าจะมากกว่าใคร เพราะหนูพิ้งค์เป็นน้องคนเล็กที่พวกเราถนอมที่สุด
“ไม่เป็นไรแล้วหล่ะ เฮียโอเค”ผมเอ่ยทั้งที่ยังสวมกอดน้องทังสอง
“ถ้าเค้าเป็นคุณกูร เค้าเอามันตายแน่ ไม่ปล่อยมันแค่เข้าคุกหรอก”เสียงของบลูเอ่ยขึ้นอย่างโมโห
“ช่างเขาเถอะตอนนี้เขาก็ได้ชดใช้กรรมแล้วหล่ะ ว่าแต่อย่าร้องไห้สิ เฮียก็ร้องตามพอดี”ผมเอ่ยออกมาพร้อมเช็ดน้ำตาให้น้องทั้งสองคนก่อนจะเงยหน้ามองคนที่เดินเข้ามาใหม่
“คุณกรีน พี่ทำซุปร้อนๆมาให้ ทานก่อนนะ”ใบหน้าหวานของพี่สะใภ้คนโตของผม พี่นิลดีกับเราทุกคนและรักเราทุกคน พวกเราเองก็รักพี่นิลมากเช่นกัน
“ขอบคุณครับพี่นิล”ผมยกมือขอบคุณพร้อมยกยิ้มหวานขึ้น
“อย่าขอบคุณเลย ทานและพักผ่อนนะครับ เย็นนี้พี่ทำของโปรดให้ทาน เย็นนี้ทานข้าวพร้อมหน้ากันนะครับ คุณหมอจะพาแฟนมาด้วย”พี่นิลเอ่ยเรื่องแฟนพี่หมอ ผมเองก็นึกขึ้นได้ว่าผมเห็นรถพี่หมอ
“งั้นเฮียพักผ่อนนะฮะ”เจ้าบลูเอ่ย ผมพยักหน้าตอบทุกคนก่อนที่ทุกคนจะออกจากห้องไป ผมยกยิ้มกับถ้วยซุปก่อนจะหันซ้ายขวาเพื่อหามือถือตัวเอง แต่ผมคงทิ้งมันไปแล้วที่อิตาลี
“เขาคงไม่คิดถึงเราหรอกมั้ง”ผมคิดแบบนั้น
+++++++
ผมเดินเข้ามาที่ห้องโถงใหญ่ เฮียแบล็คกลับมาก็เรียกหาผมทันที พวกเราทั้งหมดเดินมานั่งที่ห้องรับแขก ไม่บ่อยนักที่เราทั้งหมดจะมารวมตัวกัน
“สวัสดีครับเฮีย เฮียเกรย์มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”ผมหันไปถามพี่ชายคนรองที่น่าจะเพิ่งกลับมา
“เพิ่งมาถึงอ่ะ เรามาถึงกี่โมง”
“เจ็ดโมงเช้าครับ”ผมตอบกลับไป ก่อนจะนั่งลงข้างๆเฮียแบล็คที่ทำหน้านิ่งอยู่จนผมเองใจเต้น กลัวว่าเฮียจะสั่งเก็บไอ้เลวคนนั้น ผมไม่อยากให้เฮียของผมทำอะไรผิดอีก
“เจ้าหมอยังไม่มาใช่ไหม”เสียงเฮียแบล็คเอ่ยขึ้น
“ยังครับ”เจ้าบลูรีบตอบกลับ จนสักพักร่างสูงขาวของพี่หมอไวท์ก็เดินเข้ามา ผมเองก็เห็นหน้าแฟนพี่หมอไม่ชัดนัก เห็นแค่หลังไวๆ
“กรีนพอจะบอกเฮียได้หรือยังว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไอ้ระยำนั่นมันทำอะไรแกบอกเฮียมาเดี๋ยวนี้”เฮียแบล็คเอ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงเข้มและนี่คือเสียงที่ทุกคนในบ้านรู้ดีว่าเฮียกำลังโมโห
“เฮีย อย่าคั้นอะไรเจ้ากรีนมากนักเลยครับ ไหนๆไอ้ผู้จัดการนั้นมันก็ถูกจับแล้ว”เฮียเกรย์เอ่ยขึ้น
“ใช่ครับเฮีย ไหนๆเฮียกรีนก็ไม่ได้เสียหายอะไรและก็ปลอดภัยทุกอย่างเราควรจะดีใจมากกว่าโกรธนะครับ”เจ้าบลูเอ่ย
“ดีนะครับที่คุณกูรมาช่วยไว้ทัน ไม่งั้นนะ...”หมอไวท์เอ่ยขึ้นทิ้งไว้ยังไม่ทันที่จะเอ่ยต่อเสียงคุ้นๆที่เอ่ยขึ้น ผมเองก็ตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเจ้าของเสียงนั้น
“ขอโทษนะครับ ผมมารบกวนหรือเปล่า”เสียงหนึ่งดังขึ้นจากหน้าประตู ผมเงยหน้ามองเสียงนั้น หัวใจกลับเต้นแรงเขามาได้ยังไงกัน
“อ่อ คุณกูรมาแล้วหรอเชิญครับ”เฮียแบล็คเอ่ยขึ้น ผมหันมองเฮียทันที นี่พวกเขารู้กันแล้วหรอว่าผู้ชายคนนี้จะมาที่บ้านเย็นนี้
“ถ้าคุณกูรมาแล้ว เราไปที่โต๊ะอาหารดีกว่า”เฮียเอ่ยขึ้น ทุกคนพากันเดินมาที่โต๊ะอาหารที่ตอนนี้อาหารถูกวางขึ้นโต๊ะเรียบร้อย
“คุณกูร”
“น้องซี”
ผมอยากจะหายจากตรงนั้นจริงๆ ที่ได้เห็นสายตาของเขามองไปยังแฟนพี่หมอไวท์ มันคนละสายตากับที่มองผมมันช่างแตกต่างจนผมรู้สึกเกลียดสายตานั้น และยิ่งรู้ว่าทั้งสองรู้จักกันมาก่อนยิ่งทำให้ผมรู้สึกเกลียดสายตาของเขา และเกลียดตัวเองนักที่กลับรู้สึกกับเขามากเกินไป
............................

"ยิ่งรู้สึก ยิ่งเจ็บ"
[/size]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-02-2018 20:30:47 โดย Papai »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #147 เมื่อ07-02-2018 20:05:47 »

คิดไปเองใหญ่เลย

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #148 เมื่อ08-02-2018 13:00:41 »

มโนแจ่ม ..

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: The Color of Love : ​Green Light เพียงแค่ผ่าน
«ตอบ #149 เมื่อ09-02-2018 19:37:32 »

ช่วงดึงอารมณ์ อิอิ จะได้ชัดเจนไวไว
รออออออออ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด