Green Light 6 : สายตา (ชยางกูรxอนาคิม)
[/size][/b]
อนาคิม พาร์ท
[/size]
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ผมพยายามที่จะหลบสายตาของเขา ทุกครั้งที่เขาเอ่ยถาม ผมจะตอบไปคำตอบเดียวสั้นๆ ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังโกรธ หรือรู้สึกอายที่เอ่ยร้องขอให้เขาทำแบบนั้นกับตัวเอง
“คุณกรีนหิวไหมครับ”น้ำเสียงอบอุ่นนัก ผมหันมองเขาก่อนจะส่ายหน้าไปมาและหันไปมองนอกหน้าตา
ท้องฟ้าสวยนัก เมฆขาวสวยจัง ป่านนี้ที่เมืองไทยคงจะกำลังหลับใหลกันอยู่ ผมก้มมองที่ข้อมือตัวเอง รอยนั้นยังอยู่ ผมเจ็บปวดนักไม่ใช่เพราะแผลจากรอยเชือกที่มัดมือผมไว้เมื่อคืนแต่มันเจ็บจากคนที่มัดผมมากกว่า ตลอดเวลาหลายปีมานี้ผมเชื่อใจเขาทุกอย่าง ความไว้ใจ ความเชื่อใจและผมก็ชื่นชมพี่เต๋อว่าเป็นคนที่ดูแลผมได้
หมับ
“อ๊ะ…”ผมหันมองเจ้าของมือหนานั้น
“ทานอะไรสักหน่อยนะครับ ตั้งแต่เช้าแล้วคุณยังไม่ได้ทานอะไรเลย”ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ แต่กลับถูกเขาทำหน้าดุใส่
“แซนวิสครับ”ดูเขาจะบังคับผมจังเลย แต่ผมกลับไม่หงุดหงิดนัก ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมต้องวินแตกแน่ๆถ้ามาบังคับผมแบบนี้ ผมหยิบแซนวิสจากเขาและกัดมันไปหนึ่งคำ สายตาก็ยังคงหันไปมองที่นอกหน้าต่างอยู่ดี
“ทานเยอะๆสิครับ”เขาเร้าผม มาแค่สองคนเองนะ ดูจะบงการผมเหลือเกิน
“ผมอิ่มแล้วครับ คงทานต่อไม่ได้จริงๆ”ผมเอ่ยขึ้น
“ทานอีกสักคำสองคำนะครับ จะได้ทานยา”ผมมองไปยังใบหน้าเขา ดูคำพูดและการบังคับของเขาช่างดูห่วงใยผมนัก หรือที่เขาทำไปเพราะเฮียสั่งเขามา
“ผมไม่ได้เป็นอะไร ทำไมต้องกินยาด้วย”ผมเอ่ยอย่างปากแข็ง ทั้งๆที่ตอนนี้รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเป็นบ้าเลย แถมตอนนี้ผมเจ็บตรงนั้นมาก
“แน่ใจนะครับ อย่ามาโกหกผมนะ”เขาพูดเหมือนรู้ว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไง
“ก็ได้ครับ”ผมเอ่ยก่อนจะกัดแซนวิสไปสองคำและขอยาจากเขา
“ทานยาแล้วนอนพักนะครับ อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเมืองไทย”ผมมองเขาและมือของเขาตอนนี้ลูบอยู่บนกลุ่มผมนิ่มของผม เมื่อเขาจัดให้ผมนอนเรียบร้อย
“อย่าทำดีกับผมเพราะสงสารผมหรอกนะ”ผมเอ่ยขึ้นพร้อมหลับตาลง ผมไม่อยากให้เขาทำดีกับผมเพราะสงสารผม หรือเพราะเราสองคนมีอะไรกันแล้ว
“แล้วแต่จะคิดนะครับ ผมห้ามความคิดคุณไม่ได้อยู่แล้ว แต่อยากบอกว่าที่ผมทำอยู่ตอนนี้ผมทำโดยไม่ได้หวังอะไรทั้งสิ้น”เขาเอ่ยแค่นั้นก่อนจะลุกขึ้นไป ผมค่อยๆหันมองตามหลังของเขาเดินไปด้านหลัง
“แต่ผมหวัง…”ผมเอ่ยเบาๆก่อนจะหลับตาลง ดวงตากลับร้อนผ่าวอีกครั้งพยายามไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา
เวลานานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมหลับสบายมาก เมื่อได้ยินเสียงคนข้างๆเอ่ยปลุกผมว่าเครื่องกำลังจะลงแล้ว
“คุณกรีนครับ เตรียมตัวนะเครื่องจะลงแล้ว”เขาเอ่ยพร้อมกับจัดแจงเสื้อผ้า หน้าผมให้ผมเรียบร้อยราวกับผมเป็นเด็กอย่างนั้นหล่ะ
เราทั้งสองเดินออกจากผู้โดยสารขาเข้า ร่างสูงของเขาก็รีบดึงกระเป๋าจากมือผม โดยไม่พูดอะไรสักคำ ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะเจ็ดโมงเช้าของที่นี่
“เดี๋ยวไปคอนโดคุณก่อนนะ แล้วค่อยกลับบ้าน”เขาเอ่ย คอนโดหรอ คอนโดที่มีแต่เรื่องราวของพี่เต๋อนั่นหน่ะหรอ ผมรีบเอ่ยทันที
“เดี่ยวผมนั่งแท็กซี่กลับบ้านเลยดีกว่าครับ”
“ทำไมล่ะ นี่ยังเช้าอยู่เลยนะ”เขาเอ่ย ผมทำหน้าตาลังเลจนเขาเองพอจะเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร และทำไมผมถึงไม่อยากไปคอนโด
“อ่อ งั้นเดี๋ยวผมพาคุณไปเอง”เขาเอ่ยก่อนที่จะจับมือผมและดึงออกไป
เราทั้งสองนั่งแท็กซี่มาที่คอนโดสูงแห่งหนึ่ง ผมมองไปยังตึกสูงนั้นอย่างไม่เข้าใจก่อนจะหันไปถามเขาที่ตอนนี้จัดแจงเรื่องค่าแท็กซี่เรียบร้อย
“ที่นี่ที่ไหนครับ”ผมเอ่ยขึ้น
“คอนโดผมเอง เดี๋ยวคุณพักผ่อนก่อนนะ ช่วงเย็นๆเดี๋ยวผมไปส่งที่บ้านคุณ”
“แต่ว่า…”ผมเอ่ยออกมา ที่จริงผมกลัวเฮียแบล๊คและทุกคนเป็นห่วงมากกว่า เพราะเรื่องของผมเฮียเกรย์คงจะบอกทุกคนและจัดการให้จบไปแล้ว
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมโทรบอกคุณอนาคินไปแล้ว และคุณอนาคินก็บอกให้ผมดูแลคุณด้วย”ผมเงยหน้ามองเขา แม้น้ำเสียงจะดูจริงจังแต่ผมก็กลัวคำห่วงใยพวกนี้จริงๆ กลัวว่ามันจะซ้ำรอยอีกครั้ง
ผมเดินเข้าห้องใหญ่เข้ามา ห้องดูสะอาดและเรียบร้อย โทนสีนี้สบายตาจังแต่สำหรับผม สีที่ผมชอบที่สุดคือสีเขียว ผมว่ามันสบายตากว่าสีอื่นๆและที่สำคัญมันคือสีของผมเอง
“คุณอาบน้ำก่อนนะครับ ผมเตรียมน้ำไว้ให้แล้ว นอนแช่สักหน่อยและค่อยมาทานข้าวกัน”เขาเอ่ยออกมา ท่าทางของเขาที่ปฏิบัติกับผมดูมันสบายๆเกินไป ทั้งๆที่เราสองคนเพิ่งผ่านเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นมาเมื่อคืนนี้
เขากับผม เราสองคนมีอะไรกันทั้งๆที่เราสองคนเป็นผู้ชายทั้งคู่ สัมผัสทุกสัมผัส ทุกท่าทางของเขาที่ขยับเข้าออกและมีความสุขบนร่างกายผมเมื่อคืน ทุกท่าทางที่เขาสั่งการให้ผมทำและผมเองก็เต็มใจ ความสุขที่ผมได้รับมีแค่ข้ามคืนเท่านั้น เพราะตั้งแต่ตื่นมาเขาไม่เอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนเลยสักคำ
“เราเป็นคนขอร้องเขาเองนี่ จะมาเสียใจทำไมกัน”ผมสบถออกมา เมื่อน้ำอุ่นๆกำลังไหลออกมาจากดวงตา ปล่อยร่างที่กำลังนอนแช่อยู่ในอ่างค่อยๆจมไปกับความคิดนั้น ช่องทางหลังที่ยังคงเจ็บอยู่ มันกำลังเตือนผมว่า ถึงแม้จะรู้สึกอะไร เขาเองก็คงไม่ได้รู้สึกตอบกลับ มันเป็นเพียงความสัมพันธ์ข้ามคืนเท่านั้น นับจากนี้เขาคนนั้นก็ลืม
“ผมจะพยายามลืมมันเหมือนกัน”ผมเอ่ยในใจก่อนจะหลับตาลงและจมอยู่ในอ่างอย่างไม่ได้คิดอะไร อยากจะหลับไปและจากโลกนี้ไปนัก
หมับ
“ทำอะไรของคุณเนี้ย…”ร่างของผมลอยขึ้นจากน้ำเมื่อมือหนาจับผมดึงขึ้นมาจากก้นอ่างจนผมตกใจ
“แฮ่กๆๆๆ อะไรของคุณ”ผมหันไปโวยเขา เพราะผมเองก็ตกใจมาก
“ก็นี่ไง กำลังทำอะไรของคุณ”เขาเอ่ยเสียงดังใบหน้าดูเครียดและแดงไปหมดเหมือนกำลังโกรธ
ผมรีบนั่งงอตัวทันทีเมื่อร่างเปลือยของผมกำลังดูเขามองด้วยสายตาเหมือนคืนนั้น ใบหน้าหล่อของเขากำลังนิ่งเหมือนโมโหผมมาก มือหนายังคงจับที่ต้นแขนผมอยู่ ก่อนที่เขาจะโน้มใบหน้าลงมาต่ำลง ผมรู้ว่าเขากำลังจะจูบผม ถ้าผมยอมให้เขาจูบคือผมต้องยอมเจ็บอีก ผมจึงเบี่ยงใบหน้าออกและเอ่ยขึ้น
“ผมหนาวแล้ว และอยากจะพักด้วย”ผมเอ่ยขึ้นก่อนจะดึงเสื้อคลุมมาคลุมและเดินออกไป ผมเห็นอาหารที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อย ตั้งแต่ออกจากอิตาลีผมเองก็ยังไม่ได้ทานอะไรนอกจาแซนวิส สองสามคำนั้น
“ทานข้าวก่อนนะครับ แล้วค่อยพักผ่อน”เขาเอ่ยตามหลังผม เมื่อเขาเองก็สวมชุดคลุมสีขาวเดินออกจากห้องน้ำมา เพราะเมื่อสักครู่เขาเองก็เปียกไปหมดเช่นกัน
“ผมไม่หิวครับ เดี๋ยวผมโทรบอกน้องชายให้มารับที่นี่ก็ได้ ผมไม่อยากรบกวนคุณมาก”ผมเอ่ยขึ้น ถามว่าผมอยากไปไหมตอนนี้บอกได้เลยว่าสองจิตสองใจมาก แต่ผมกลัวมากกว่ากลัวว่าเขาดีกับผมเพียงเพราะพี่ชายของผมฝากให้ดูแลหรือเพราะเขาสงสารผม
“รบกวนเขาใช้กับคนที่ไม่ได้เป็นอะไรกันมากกว่านะ สำหรับเราสองคนคุณว่าเราควรใช้คำนี้หรือเปล่า”เขาเอ่ยขึ้นหน้าตาเฉยทั้งๆที่มือก็ยังจัดช้อนและส้อมอยู่
“คุณ…”ผมเอ่ยออกมาแค่นั้น เพราะตอนนี้มือหนาจับตัวผมมานั่งที่โต๊ะอาหารแล้วเรียบร้อย
“ทานข้าวและไปนอนพักผ่อนนะครับ ผมสั่ง”เขาเอ่ยออกมาหน้าตาเฉย
“ที่คุณพูดเมื่อกี้ หมายความว่ายังไงครับ”ผมเอ่ยถามแต่ไม่กล้าสบตาเขาที่นั่งอยู่ข้างหน้าผมตอนนี้
“หมายความแบบนั้นหล่ะ ทานข้าวนะครับอย่าพูดมากได้ไหม”เขาเอ่ยบ่นผม เขาเป็นคนแรกนะที่บ่นผมมากแบบนี้ ธรรมดาแล้วไม่มีใครบ่นผมมากแบบนี้มาก่อน
“คือ…”ยังไม่ทันที่ผมจบ ปลาหมึกก็ถูกยัดเข้าปากผมมาแล้ว ใบหน้าผมกลับเห่อขึ้นเมื่อนิ้วโป้งของเขากลับค่อยๆเช็ดที่มุมปากของผม
“ทิชชู่ก็มีไหมครับ”ผมเอ่ยขึ้นสายตาก็ไม่กล้าจะมองคนตรงข้าม ตอนนี้หน้ามันร้อนไปหมดผมไม่รู้หรอกว่าเขาทำหน้ายังไง แต่เท่าที่ผมรู้คือตอนนี้อาหารกลับถูกตักมาจ่อที่ปากผมเรื่อยๆ
หลังจากผมทานข้าวเรียบร้อย เขาก็บังคับผมทานยาอีกครั้ง ผมหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยาไม่รู้ว่าหลังจากที่ผมหลับเขากำลังทำอะไรต่อ แต่ผมหลับไปน่าจะนานมากผมค่อยๆปรือตาขึ้น พยายามมองไปรอบๆตอนนี้ดูน่าจะบ่ายแล้ว
“อ๊ะ…”ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นแขนที่พาดผ่านลำตัวมา ผมค่อยๆจับแขนของเขาออกแต่ทว่าเขากลับกระชับแขนและดึงผมเข้าไปกอดแนบอก
“อื้ออออ”เสียงครางเบาๆ กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวเขาช่างรู้สึกดีจัง แต่ผมก็ต้องพยายามออกจากอ้อมกอดเขาให้ได้ไม่ยังงั้นผมเองจะลำบากกับความรู้สึกตัวเอง
“จะไปไหนครับ”เขาเอ่ยขึ้นเมื่อผมพยายามดิ้น
“ผมอยากเข้าห้องน้ำครับ”ผมเอ่ยขึ้น
“ให้ผมไปส่งนะ”เขาเอ่ยขึ้น ทำให้ผมคิดถึงวันนั้นที่บนเครื่อง ทำให้ผมยกยิ้มออกมา
“ไม่ต้องหรอก ห้องน้ำบ้านคุณกว้างชะขนาดนั้นผมเข้าได้”ผมเอ่ยก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ผมต้องไม่ปล่อยให้หัวใจผมเต้นแรงแบบนี้สิ ผมต้องไม่รู้สึกดีแบบนี้กับเขาสิ ผมเพิ่งรู้จักเขาเพียงไม่นานเท่านั้น
“เขาเพียงแค่ผ่านมาเท่านั้น”ผมคิดในใจกับสมองของตัวเองที่กำลังตีกันวุ่นวานอยู่
“แต่เขาคือคนแรกของมึงนะ แต่เขากับมึงก็มีอะไรกันแล้ว”ผมคิดกลับ
“แต่มึงขอร้องเขาป่าวว่ะ เขาถึงยอมมีอะไรกับมึง ที่จริงแล้วเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับมึงด้วยซ้ำ”ผมคิดกลับอีก ตอนนี้ปวดหัวจะแย่แล้วสิ ผู้ชายคนนี้มีอิทธิพลกับผมมากขนาดนี้เลยหรอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณกรีนครับ เป็นอะไรหรือเปล่า ผมเห็นว่าเข้าห้องน้ำนานแล้ว”เสียงเอ่ยเคาะประตูเรียกผม นานตรงไหนว่ะเพิ่งจะเข้าป่ะ ผมคิดก่อนจะขานกลับ
“เสร็จแล้วครับ”ผมเอ่ยก่อนจะจัดการทำความสะอาดและเดินออกจากห้องน้ำ เห็นเขาเก็บที่นอนเรียบร้อยแล้ว
“ผมเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้แล้ว คุณจะอาบน้ำก่อนไหมแล้วค่อยกลับ”ผมนิ่งไปกับประโยคของเขาทันที นี่คงอยากจะไล่ผมกลับมากล่ะสิท่า ผมหน้าหงิกอย่าลืมตัวก่อนจะหยิบเสื้อผ้าบนเตียงขึ้น
“คงไม่อาบหรอกครับ เดี๋ยวผมเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยแล้วกันจะได้รวดเร็ว ไม่เสียเวลาและรบกวนคุณ”ผมเอ่ยพร้อมเดินเข้าห้องน้ำทันที ท่าทางของผมดูยังไงก็เหมือนงอนเขาใช่ไหม เพราะผมกำลังงอนและน้อยใจเขาจริงๆ
ผมเดินออกจากห้องน้ำมา เห็นเขาเองก็แต่งตัวเรียบร้อย ผมเดินไปเก็บเสื้อคลุมและเดินออกจากห้องนอนทันที ก่อนจะหันมาหยิบกระเป๋าลากของตัวเองอย่างฉุนๆ
หมับ
“ผมถือให้เอง”เขาเอ่ยขึ้นเมื่อคว้ากระเป๋าของผมและมือของผม
“งั้นก็ปล่อยมือผมได้แล้ว”ผมเอ่ย สายตากลับหลบสายตาของเขา ใบหน้าหล่อนั้นคงยกยิ้มเยาะผมล่ะสิที่หน้าผมคงแดงเห่อสุดๆ
“งอนอะไรผมหรอ”เขาเอ่ยถามผมตรงๆ ผมว่าข้อดีของเขาคือการพูดตรงๆ แต่มันทำให้คงฟังรู้สึกไม่ชอบนัก
“งอนหรอ งอนอะไรครับ ผมไม่มีสิทธิ์งอนคุณหรอก”ผมเอ่ยออกมา
“คุณรู้ตัวไหม เวลาคุณแสดงท่าทางแบบนี้คุณน่ารักกว่าเวลาคุณทำหน้าเศร้าๆอีกนะ”เขาเอ่ยขึ้นจนผมเองสะอึก จุกในลำคอทันที น่ารักหรอ เขาบ้าหรือเปล่านี่ผมกำลังดื้อกับเขาอยู่นะ
“คุณท่าจะบ้า เราจะไปได้หรือยัง ผมอยากกลับบ้านแล้ว”ผมเอ่ยขึ้น เขาพยักหน้าก่อนจะพาผมออกจาห้องไป ระหว่างที่เดินไปที่ลานจอดรถ ผมเองรู้สึกว่าผมเห็นรถพี่หมอไวท์ แต่ว่าพี่หมอมาทำอะไรที่นี่นะ
เวลาไม่นานผมก็มาถึงบ้าน เขาไม่ได้เข้าไปในบ้านกับผม บอกผมแค่ว่าจะรีบไปเคลียงานที่บริษัท เรื่องเปลี่ยนแผนงานของโปรเจคนี้หลังจากมันล่มไม่เป็นท่า ผมเดินหน้าเข้าห้องพร้อมล้มตัวลงนอนที่เตียง
“คงจะไปหาแฟนหล่ะมั้ง หรือเขาไม่อยากจะอยู่กับเรา”ผมคิดในใจ มันก็แน่อยู่แล้วใครจะมาอยากมาอยู่กับคนที่ไม่ได้รู้สึกอะไร แถมเป็นผู้ชายที่ยอมให้ผู้ชายด้วยกันมีอะไรด้วย แค่ผิดธรรมชาติแบบนี้ใครเขาอยากจะสนใจ ผมคิดแบบนั้น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เฮียฮะ พิ้งค์กับเฮียบลูเอง เราขออนุญาตเข้าไปนะฮะ”ผมหันมองตามเสียงหวานของน้องชายคนเล็ก ผมรีบเช็ดน้ำตาและยกยิ้มหวานให้กับหนูพิ้งค์และน้องชายคนรองจากผมอย่างเจ้าบลู
“เข้ามาสิ”ผมเห็นหน้าของน้องชายทั้งสองแล้วก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่จริงๆ ทั้งสองเองก็เช่นกัน เมื่อผมบ่อน้ำตาแตกมีหรอเจ้าจองเกลอของผมจะไม่ร้องตามรีบมาสวมกอดผมทันที
หมับ
“เฮีย เป็นไงมั้ง ฮื่อๆๆ”เสียงโฮของหนูพิ้งค์น่าจะมากกว่าใคร เพราะหนูพิ้งค์เป็นน้องคนเล็กที่พวกเราถนอมที่สุด
“ไม่เป็นไรแล้วหล่ะ เฮียโอเค”ผมเอ่ยทั้งที่ยังสวมกอดน้องทังสอง
“ถ้าเค้าเป็นคุณกูร เค้าเอามันตายแน่ ไม่ปล่อยมันแค่เข้าคุกหรอก”เสียงของบลูเอ่ยขึ้นอย่างโมโห
“ช่างเขาเถอะตอนนี้เขาก็ได้ชดใช้กรรมแล้วหล่ะ ว่าแต่อย่าร้องไห้สิ เฮียก็ร้องตามพอดี”ผมเอ่ยออกมาพร้อมเช็ดน้ำตาให้น้องทั้งสองคนก่อนจะเงยหน้ามองคนที่เดินเข้ามาใหม่
“คุณกรีน พี่ทำซุปร้อนๆมาให้ ทานก่อนนะ”ใบหน้าหวานของพี่สะใภ้คนโตของผม พี่นิลดีกับเราทุกคนและรักเราทุกคน พวกเราเองก็รักพี่นิลมากเช่นกัน
“ขอบคุณครับพี่นิล”ผมยกมือขอบคุณพร้อมยกยิ้มหวานขึ้น
“อย่าขอบคุณเลย ทานและพักผ่อนนะครับ เย็นนี้พี่ทำของโปรดให้ทาน เย็นนี้ทานข้าวพร้อมหน้ากันนะครับ คุณหมอจะพาแฟนมาด้วย”พี่นิลเอ่ยเรื่องแฟนพี่หมอ ผมเองก็นึกขึ้นได้ว่าผมเห็นรถพี่หมอ
“งั้นเฮียพักผ่อนนะฮะ”เจ้าบลูเอ่ย ผมพยักหน้าตอบทุกคนก่อนที่ทุกคนจะออกจากห้องไป ผมยกยิ้มกับถ้วยซุปก่อนจะหันซ้ายขวาเพื่อหามือถือตัวเอง แต่ผมคงทิ้งมันไปแล้วที่อิตาลี
“เขาคงไม่คิดถึงเราหรอกมั้ง”ผมคิดแบบนั้น
+++++++
ผมเดินเข้ามาที่ห้องโถงใหญ่ เฮียแบล็คกลับมาก็เรียกหาผมทันที พวกเราทั้งหมดเดินมานั่งที่ห้องรับแขก ไม่บ่อยนักที่เราทั้งหมดจะมารวมตัวกัน
“สวัสดีครับเฮีย เฮียเกรย์มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”ผมหันไปถามพี่ชายคนรองที่น่าจะเพิ่งกลับมา
“เพิ่งมาถึงอ่ะ เรามาถึงกี่โมง”
“เจ็ดโมงเช้าครับ”ผมตอบกลับไป ก่อนจะนั่งลงข้างๆเฮียแบล็คที่ทำหน้านิ่งอยู่จนผมเองใจเต้น กลัวว่าเฮียจะสั่งเก็บไอ้เลวคนนั้น ผมไม่อยากให้เฮียของผมทำอะไรผิดอีก
“เจ้าหมอยังไม่มาใช่ไหม”เสียงเฮียแบล็คเอ่ยขึ้น
“ยังครับ”เจ้าบลูรีบตอบกลับ จนสักพักร่างสูงขาวของพี่หมอไวท์ก็เดินเข้ามา ผมเองก็เห็นหน้าแฟนพี่หมอไม่ชัดนัก เห็นแค่หลังไวๆ
“กรีนพอจะบอกเฮียได้หรือยังว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไอ้ระยำนั่นมันทำอะไรแกบอกเฮียมาเดี๋ยวนี้”เฮียแบล็คเอ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงเข้มและนี่คือเสียงที่ทุกคนในบ้านรู้ดีว่าเฮียกำลังโมโห
“เฮีย อย่าคั้นอะไรเจ้ากรีนมากนักเลยครับ ไหนๆไอ้ผู้จัดการนั้นมันก็ถูกจับแล้ว”เฮียเกรย์เอ่ยขึ้น
“ใช่ครับเฮีย ไหนๆเฮียกรีนก็ไม่ได้เสียหายอะไรและก็ปลอดภัยทุกอย่างเราควรจะดีใจมากกว่าโกรธนะครับ”เจ้าบลูเอ่ย
“ดีนะครับที่คุณกูรมาช่วยไว้ทัน ไม่งั้นนะ...”หมอไวท์เอ่ยขึ้นทิ้งไว้ยังไม่ทันที่จะเอ่ยต่อเสียงคุ้นๆที่เอ่ยขึ้น ผมเองก็ตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเจ้าของเสียงนั้น
“ขอโทษนะครับ ผมมารบกวนหรือเปล่า”เสียงหนึ่งดังขึ้นจากหน้าประตู ผมเงยหน้ามองเสียงนั้น หัวใจกลับเต้นแรงเขามาได้ยังไงกัน
“อ่อ คุณกูรมาแล้วหรอเชิญครับ”เฮียแบล็คเอ่ยขึ้น ผมหันมองเฮียทันที นี่พวกเขารู้กันแล้วหรอว่าผู้ชายคนนี้จะมาที่บ้านเย็นนี้
“ถ้าคุณกูรมาแล้ว เราไปที่โต๊ะอาหารดีกว่า”เฮียเอ่ยขึ้น ทุกคนพากันเดินมาที่โต๊ะอาหารที่ตอนนี้อาหารถูกวางขึ้นโต๊ะเรียบร้อย
“คุณกูร”
“น้องซี”
ผมอยากจะหายจากตรงนั้นจริงๆ ที่ได้เห็นสายตาของเขามองไปยังแฟนพี่หมอไวท์ มันคนละสายตากับที่มองผมมันช่างแตกต่างจนผมรู้สึกเกลียดสายตานั้น และยิ่งรู้ว่าทั้งสองรู้จักกันมาก่อนยิ่งทำให้ผมรู้สึกเกลียดสายตาของเขา และเกลียดตัวเองนักที่กลับรู้สึกกับเขามากเกินไป
............................
"ยิ่งรู้สึก ยิ่งเจ็บ"
[/size]