แฝด ตอนที่ 19
ก๊อก...ก๊อก...
“สวัสดีครับ ผมพีรภัทร หรือจะเรียกสั้นๆว่าภีมก็ได้ครับ ผมเป็นลุงของชิตะน่ะครับ ส่วนนี่เจ้านายภรรยาผม ยินดีที่ได้รู้จักครับ” หลังจากที่แม็กนั่งคุยกันเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานอยู่กับสองพี่น้องเตโชและเตชินอยู่พักใหญ่ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาเบาๆพร้อมกับที่ฟาโรห์เป็นคนเดินนำบุคคลแปลกหน้าสองคนที่แม็กเคยเห็นผ่านตาบนหน้านิตยสารสังคมชั้นนำอยู่หลายครั้งหลายคลาเดินตามเข้ามาพร้อมกับที่มีเจ้าชิตะน้อยเดินหน้างอตามมาด้วย
“ผมแม็กยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” แม็กแนะนำตัวพร้อมกับยื่นมือเข้าไปจับทักทายตามมารยาทสังคมกับแขกทั้งสองคน
“นี่ของเยี่ยมครับ ขอให้ภรรยาและลูกคุณแข็งแรงขึ้นในเร็ววันนะครับ” ภีมยื่นกระเช้าของฝากส่งให้กับแม็กพร้อมกับอวยพร
“ขอบคุณครับ” แม็กตอบกลับด้วยรอยยิ้ม(การค้า)น้อยๆ
“ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ปล่อยให้อชิตะมากวนพวกคุณอยู่หลายวัน เพราะที่บ้านเราไม่มีใครอยู่ไทยเลย ส่วนพ่อแม่ของเจ้าตัวเล็กนี่ก็ติดภารกิจหนักอยู่ที่ญี่ปุ่นกันทั้งคู่” ภีมบอกด้วยสีหน้าและท่าทางเกรงใจ เพราะก่อนหน้านี้สมาชิกครอบครัวของพวกเขาไม่มีใครอยู่เลยจริงๆ จะเอาไปไว้ให้อยู่กับแม่บ้านก็คงจะไม่มีใครเอาอยู่
“ไม่รบกวนหรอกครับ เจ้าเปี๊ยกนี่เขากลายเป็นคนโปรดของภรรยาผมไปแล้ว ซนพอๆกัน” แม็กว่าพลางยื่นมือเข้าไปขยี้หัวกลมๆของชิตะน้อยที่ยืนอยู่ที่พื้นข้างหน้าคุณลุงของเจ้าตัว เพราะตั้งแต่มีชิตะเข้ามามินก็ดูร่าเริงขึ้นเพราะได้เพื่อนเล่นเพื่อนดูการ์ตูนที่โต้ตอบกับตัวเองได้ดีกว่าแก๊งค์เพื่อนปลาทองของเจ้าตัวที่คุยด้วยได้แต่ไม่มีคำตอบให้
“ยังไงวันนี้ผมก็ต้องขอตัวหลานกลับเลยนะครับ ขอคุณมากๆเลยนะครับที่ช่วยเป็นธุระดูแลให้อยู่หลายวันเลย” ภีมบอกลาเมื่อเห็นว่าถึงเวลาสมควรแล้ว เพราะไม่อยากที่จะอยู่รบกวนเวลาพักผ่อนของคนไข้ที่ยังนอนไม่ได้สติอย่างมินมากนัก
“พรุ่งนี้พี่ชิตะจะรีบมาหามินนี่จังกับแม็กกี้แต่เช้าเลยนะฮะ” ชิตะพูดบอกพร้อมกับโผเข้ากอดแม็กเต็มแรง เพราะเด็กน้อยเริ่มที่จะผูกพันกับคนในครอบครัวนี้ซะแล้ว
“เอาน่า...อย่าร้องไห้สิไอ้ตัวเล็ก แค่กลับไปนอนกับคุณลุงเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยกับมาเล่นกับมินกับน้องที่นี่ใหม่แค่นั้นเอง...รู้มั้ย?” แม็กยกตัวเด็กน้อยขึ้นมาอุ้มพร้อมกับพูดปลอบเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวแสบเขื่อนน้ำตาแตกเสียแล้ว
“อื้อ! ฝันดีนะแม็กกี้…จุ๊บ!” ชิตะพยักหน้ารับรู้ก่อนที่จะบอกฝันดีล่วงหน้าพร้อมกับใช้ริมฝีปากน้อยๆของตัวเองจุ๊บลงไปที่ริมฝีปากของแม็กเบาๆอย่างที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อนว่าเจ้าตัวจะทำ โดยเฉพาะคนที่ยืนมองพร้อมกับกำหมัดแน่นอยู่ข้างหลังอย่างฟาโรห์
‘บอกว่าไม่ให้ทำอย่างนี้กับใครไม่เคยจำ!...อยากโดนลงโทษมากสินะ!’ เสียงบ่นในใจของใครบางคนที่ตอนนี้กำลังปล่อยรังสีอำมหิตออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ถ้าอย่างนั้นพวกผมขอตัวกลับเลยนะครับ” ภีมบอกลาพร้อมก่อนที่จะพาชิตะและเจ้านายผู้เป็นภรรยาเดินออกจากห้องพักของมินไป
“ไม่ตามไปส่งหน่อยหรือ? งอนขนาดหนักเลยนะนั่น” แม็กหันมาถามฟาโรห์ที่ยังคงยืนจ้องบานประตูนิ่งๆหลังจากที่คุณลุงและคุณหลานทั้งสามคนกลับไปแล้ว เพราะเขาสังเกตุเห็นว่าก่อนหน้าที่ชิตะจะเดินออกไปเจ้าตัวเล็กหันมาค้อนบอดี้การ์ดตัวโตนี่ทั้งน้ำตาเลย
“ปล่อยให้มันเป็นไปตามนี้ดีที่สุดแล้วครับ…ผมขอตัวไปจัดการไอ้ตัวที่จับได้เมื่อวานนี้ก่อนนะครับ” ฟาโรห์ว่าก่อนที่จะหันหลังเดินออกจากห้องไป
“อือออ...” ยังไม่ทันที่แม็กจะได้ทำอะไรเสียงร้องของคนบนเตียงที่เขารอคอยอยู่นานก็ทำท่าว่ากำลังจะตื่นขึ้นมาจากนิทราเสียที
“เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนรึเปล่า” หลังจากที่เอาน้ำให้คนป่วยอย่างมินดื่มแก้กระหายเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม็กก็ซักถามถึงอาการทันทีด้วยความห่วงใยถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะได้คำตอบจากหมอมาแล้วว่ามินและลูกปลอดภัยดีก็ตาม
“ลูกเป็นอะไรรึเปล่าแม็ก มินเจ็บตรงท้อง” มินถามด้วยความกังวล
“ไอ้ตัวเล็กมันยังสบายดีเหมือนเดิม แต่หมอไม่ยังไม่ให้มึงขยับตัวเพราะกลัวว่าจะกระเทือนไปถึงลูก” แม็กบอก
“ลูกไม่เป็นอะไรจริงๆใช่มั้ยแม็ก? ตอนนั้นมินกลัวมากเลย” มินถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เพราะก่อนที่จะหมดสติไปเขารู้สึกเจ็บและปวดเหมือนกับว่ามีอะไรมาบีบรัดแรงๆอยู่ที่หน้าท้องตลอดเวลา
“เอาน่า...บอกว่าไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นอะไรสิ อย่าไปคิดอะไรมากเลย กูไม่ปล่อยให้มึงกับลูกเป็นอะไรไปหรอก” แม็กบอกพร้อมกับลูบหน้าผากมินเบาๆ เขากำลังดีใจ...ดีใจที่มินฟื้นขึ้นมาแบบปกติโดยที่ไม่มีผลข้างเคียง ดีใจที่เลือดของเขาสามารถช่วยชีวิตทั้งลูกและคนรักของเขาไว้ได้ถึงสองคน ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะต้องพึ่งพาเลือดของสตีฟกับฟาโรห์ก็ตาม ไม่ว่าเมื่อวานมันจะเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นบ้าง...แต่วันนี้มินยังอยู่กับเขาตรงนี้ก็มากพอแล้ว
..
..
..
เช้าวันต่อมา...
แอ๊ดดด...ตึง!
“มินนี่จัง~ พี่ชิตะสุดหล่อมาหาแล้ววววว....” ประตูห้องพักของมินเปิดออกพร้อมกับเสียงทักทายอันสดใสของลูกพี่ใหญ่แห่งแก๊งค์ลูกเป็ดดังลั่นมาแต่ไกล ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบปีนขึ้นไปบนเตียงผู้ป่วยของมินอย่างคล่องแคล่วเมื่อเห็นว่ามินกำลังนั่งทานข้าวต้มอยู่โดยมีแม็กยืนป้อนอยู่ใกล้ๆ
“อย่าทำเสียงดังรบกวนคนอื่นอย่างนี้สิครับคุณหนู” ฟาโรห์ที่นั่งดูข่าวอยู่บนโซฟาบริเวณจุดที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้ญาติของผู้ป่วยได้พักผ่อนเอ่ยเอ็ดขึ้นมานิ่งๆ
“ฟอดดดด...พี่คิดถึงมินนี่จังม๊ากมากกกก.....” แต่มีหรอที่คนอย่างพี่ชิตะน้อยจะสะทกสะท้าน เจ้าตัวเมินเฉยทำเป็นไม่ได้ยินที่ฟาโรห์ว่า พร้อมทั้งลุกขึ้นคว้าคอมินเข้ามาสหอมแก้มอีกฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึง
“เฮ้อ! เหนื่อย! สวัสดียามเช้าครับทุกคน...ทำไมชิตะวิ่งไม่รอลุงภีมอย่างนี้ล่ะครับ ถ้าหลงทางไปจะทำยังไง...ฮึ?” ภีมที่วิ่งตามหลานมาด้วยอาการเหนื่อยหอบเพราะเจ้าตัวเล็กนั้นยิ่งกว่าปรอทก็เอ่ยทักทายทุกคนอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จะหันไปดุหลานชายตัวน้อยที่นั่งทำหน้าทะเล้นอยู่บนเตียงคนไข้ข้างๆมิน
“ก็ชิตะคิดถึงมินนี่จังนี่ฮะ ลุงภีมไม่โกรธน้า...สัญญาว่าจะไม่ทำอีก มาโอ๋ๆกันดีกว่า” เจ้าตัวน้อยแก้ตัว พร้อมกับให้คำสัญญาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ ก่อนที่จะกางแขนสองแขนร้องเรียกให้คุณลุงสุดที่รักเดินเข้ามากอดตัวเองอย่างออดอ้อน
“อย่าทำอีกนะครับเด็กดี” ภีมเดินเข้ามาพูดบอกพร้อมกับโอบกอดหลานชายตามที่เจ้าตัวร้องขอ
“รับทราบฮะ” ชิตะรับปากพร้อมกับลุกยืนขึ้นทำวันทยหัตถ์เรียนแบบท่าทางของพวกตำรวจทหารอย่างทะเล้น
“ถ้าอย่างนั้นลุงไปทำงานก่อนนะครับ เดี๋ยวตอนเย็นจะมารับ รบกวนด้วยนะครับคุณแม็กคุณมิน” ภีมบอกกับหลานชายก่อนที่จะหันไปพูดบอกกับแม็กและมินอีกทีด้วยความรีบร้อน จนลืมไปว่าตัวเองนั้นยังไม่ได้แนะนำตัวกับคนป่วยอย่างเป็นทางการเลย
จุ๊บ...จุ๊บ...จุ๊บ!!!
“ไฟท์ติ้งนะฮะลุงภีม!!” เจ้าตัวน้อยคว้าคอคุณลุงสุดที่รักเข้ามาจุ๊บแก้มซ้ายขวาพร้อมทั้งปิดท้ายที่ริมฝีปากของภีมแรงๆอีกหนึ่งทีเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงาน
“ครับผม...ขอตัวก่อนนะครับ” ภีมรับคำหลานก่อนที่จะหันไปพูดลาแม็กและมินอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปจริงๆ
“จะทันได้โตมั้ยเนี่ยไอ้เปี๊ยก” แม็กมองการกระทำอันไร้เดียงสา(รึเปล่า?)ของเจ้าตัวแสบ และอดไม่ได้ที่จะเสตามองไปทางฟาโรห์ที่นั่งปั้นหน้ายักษ์อยู่ไม่ไกล
“แม็กพูดว่าอะไรนะมินฟังไม่ทัน” มินถามคนรักที่ยืนบ่นพึมพำอยู่ข้างๆกัน
“เปล่าๆ มากินข้าวต่อ จะได้กินยา” แม็กสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆของตัวเองก่อน ก่อนที่จะหันมาสนใจป้อนข้าวมินต่อ
“คนเมื่อกี้นี้เขาเป็นใครหรอ?” มินถามด้วยความสงสัยเพราะเห็นว่าภีมทักทายเขาเหมือนกับว่ารู้จักกันมาก่อนอย่างไงอย่างงั้น
“พีรภัทร อัครจินดากรณ์ แฝดคนกลางของเจ้าสัวณัฐภาส เจ้าพ่อคลังเพชรที่มึงเคยออกแบบเครื่องเพชรส่งไปประกวดไง ที่สำคัญคือเขาคือลุงแท้ๆของไอ้ตัวแสบนี่ไง” แม็กบอก เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่มินเคยวาดแบบเครื่องเพชรส่งไปประกวดเล่นๆเมื่อตอนที่บริษัทเขาจัดประกวด แต่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว
“หืม...พี่ชิตะของเรานี่ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย” มินร้องครางด้วยความประหลาดใจ เมื่อได้รู้ถึงที่ไปที่มาของบุคคลแปลกหน้า ก่อนที่จะหันไปเย้าแหย่กับเด็กชายตัวน้อยที่นั่งยิ้มแป้นด้วยความภูมิใจ(อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว)อยู่ข้างๆตัวเอง เพราะมินเป็นคนที่ไม่ค่อยได้สนใจโลกภายนอกนักบวกกับว่าไม่ค่อยชอบติดตามข่าวธุรกิจสักเท่าไหร่เขาจึงไม่ค่อยจะรู้จักพวกบุคคลสำคัญหรือคนที่อยู่ในแวดวงไฮโซเหมือนกับแม็กที่ต้องพบเจอกับคนพวกนี้ด้วยหน้าที่การงานบ่อยๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่แม็กจะรู้แต่เขาไม่เคยรู้
“หึๆ ถ้ามึงรู้ว่าพ่อแม่กับพี่ป้าน้าอาปู่ย่าตายายมันเป็นใครมึงจะอึ้งกว่านี้อีกมิน” แม็กบอกพร้อมกับส่งยาและน้ำให้กับมิน
“ทำไมหรอ?” มินถามด้วยความอยากรู้
“มึงลองถามมันดิว่าคนในครอบครัวมันทำอาชีพอะไรบ้างและมีใครบ้าง” ไม่ไม่บอกแต่ไล่ให้มินไปถามกับเพื่อนซี้(ต่างวัย) ของเจ้าตัวแทน
“ชิตะครับ” มินหันไปเรียกเจ้าตัวน้อยที่กำลังกดๆจิ้มๆหน้าจอไอแพดของเจ้าตัวอยู่
“ฮับ!” ตอบรับอย่างแข็งขันแต่ยังคงมุ่นหน้าอยู่กับหน้าจอเช่นเดิม
“สมาชิกครอบครัวชิตะมีกี่คนครับ” มินพยายามเลือกใช้คำที่เด็กน้อยวัยนี้พอจะเข้าใจ แต่มิน คงจะไม่รู้อะไรว่าเจ้าเด็กน้อยคนนี้มันรู้มากเกินวัยตัวเองไปมากโขแล้ว
“มีป๊า มีแม่ มีเฮียยูตะ เคนตะ ปู่ภาส ย่าพัส ปู่คุณ ย่าธาร ลุงภาค ลุงชิงหลง ลุงภีม ลุงนาย อาพีช อาขุน อาสมุทร มิโนรุ ฟาโรห์ หลายคนเลยฮะ” เจ้าตัวค่อยๆไล่ชื่อพ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายายของตัวเองออกมาทีละคน แต่มาตกม้าตายก็ตอนที่นับนิ้วจนลืมว่ามีกี่คน เลยสรุปเอาเลยว่ามีหลายคน...เพราะนิ้วน้อยๆทั้งสิบนิ้วของพี่ชิตะนับไม่พอ!!
“อ่อ...แล้วเค้าทำงานอะไรกันหรอ?” ปกติแล้วอย่างที่รู้กันว่ามินไม่ใช่คนที่จะไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของใครอย่างนี้ แต่การที่คนรักอย่างแม็กที่ทิ้งท้ายคำตอบไว้ให้เขาสงสัยอย่างนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้ เพราะว่าเขาหลงรักเจ้าเล็กตัวน้อยตรงหน้านี้ไปแล้ว เลยอยากที่จะรู้จักเรื่องราวครอบครัวของเจ้าตัวไว้มั่ง เผื่อว่าวันหนึ่งเจ้าตัวน้อยนี้ต้องกลับประเทศไปเขาจะได้ถามหาถูกคน
“ปู่กับย่าบอกว่าบ้านเราทำธุรกิจขายของฮะ แต่ลุงนายบอกว่าครอบครัวเราเป็นมาเฟียทั้งบ้านต่างหากล่ะ” ชิตะบอกออกมาตามที่ผู้ใหญ่ฝังหัวมาอีกที อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวเพราะสมาชิกในครอบครัวของเจ้าตัวนั้นมีงานและธุรกิจที่แตกต่างกันออกไป ก็เลยไม่รู้ว่าจะอธิบายออกมายังไง เลยเลือกที่ลุงนายคนแมน(?) พูดกรอกหูอยู่บ่อยๆตอบออกไป
“ห๊ะ?” มินร้องเหวออ้าปากหวอไปแล้วกับสิ่งที่ได้ยิน
“หึๆ” ส่วนแม็กก็นอกจากจะไม่ช่วยอธิบายแล้วยังจะมายืนหัวเราะหึๆ เพิ่มความสับสนให้มินรู้สึกมึนงงเข้าไปอีก
“ไม่ต้องมาหัวเราะเลย ก็รู้อยู่ว่ามินเป็นพวกเข้าใจอะไรยาก อธิบายให้ฟังหน่อยสิ” มินฟาดมือเข้าไปที่ต้นแขนคนรักเบาๆด้วยความหมั่นไส้
“ครอบครัวนี้ก็ทำธุรกิจทั่วๆไปอย่างเราๆนี่แหละ แต่อาจจะเสี่ยงหน่อยเพราะว่าได้เขยเป็นมาเฟียฮ่องกงคนนึง คนสนิทก็เป็นมาเฟียอิตาลี ส่วนพ่อเจ้านี่ก็ตระกูลยากุซ่าเก่า แต่ตอนนี้หันมาฝึกหน่วยรบพิเศษให้ตำรวจกับทหารแทน...ฉันพูดถูกใช่มั้ยฟาโรห์?” แม็กพยายามที่จะอธิบายให้สั้นและเข้าใจได้ง่ายที่สุด ก่อนที่จะหันไปถามคำยืนยันจากฟาโรห์ที่เป็นคนวงในคลุกคลีอยู่กับครอบครัวนี้
“ครับ ถึงพวกเขาจะมีธุรกิจที่เสี่ยงไปบ้าง แต่ผมกล้ายืนยันได้เลยครับว่าครอบครัวนี้ไม่แตะต้องงานที่ผิดกฎหมายกันสักคน” ฟาโรห์บอก
“ถ้าอย่างนั้นฟาโรห์ก็ต้องเป็นตำรวจหรือไม่ก็ทหารสินะถึงได้มากับชิตะได้” มินพูดไปตามที่เข้าใจ
“ไม่ใช่หรอกครับ ผมเป็นแค่คนธรรมดาๆทั่วไปนี่แหละครับ เพราะนอกจากพรรค์ของเราจะฝึกตำรวจกับทหารหน่วยรบพิเศษแล้ว เรายังมีฝึกบอดีการ์ด แล้วก็สอนพวกศิลปะป้องกันตัวอื่นๆด้วยครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มช่วยขยายความเข้าใจให้เจ้านายคนสวยเพิ่มอีกหน่อย
“อ่อๆ มินเข้าใจล่ะ” ทำท่าพยักเพยิดเหมือนจะเข้าใจแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเข้าใจจริงๆรึเปล่า
“ถ้าหมดข้อสงสัยแล้วก็นอนพักได้แล้ว ยาก็กินเข้าไปนานแล้วยังไม่ง่วงอีกรึไง” แม็กว่าพลางประคองมินให้เอนตัวลงนอนช้าๆ ก่อนที่จะห่มผ้าให้อีกทีโดยมีชิตะน้อยช่วยอีกแรง
“ฮ้าว~ พอแม็กทักปุ๊บมินง่วงปั๊บเลยอ่า...” มินบอกพร้อมกับค่อยๆหลับตาหลงช้าๆ และเพียงแค่เสี้ยววินาทีเจ้าตัวก็หลับสนิทไปจริงๆด้วยฤทธิ์ของยาที่ออกมานานแล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังฝืนตัวเองนั่งคุยกับคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยเปื่อยจนลืมง่วง ถึงได้สลบไสลไปทันทีอย่างที่เห็น
“เฮ้อ...ดื้อพอๆกับไอ้เปี๊ยกเลยนะมึง” แม็กว่าพลางลูบหัวกลมๆของคนรักด้วยความเอ็นดู
“งื้อออ...แม็กกี้อ่ะ! พี่ชิตะไม่ได้ดื้อสักหน่อย!” เจ้าเด็กดื้อที่รู้ตัวว่าถูกพาดพิงก็ลุกขึ้นมาแก้ตัวให้ตัวเองเป็นการใหญ่
“ฮ่าๆ ถ้าไม่ดื้อก็ดูแลมินดีๆรู้มั้ย? ฉันจะไปดูอาการของกำธรสักหน่อย” แม็กไม่ได้บอกแต่กับชิตะคนเดียว แต่เขาฝากมินไว้กับฟาโรห์ที่พยักหน้ารับรู้อยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่จะออกจาห้องไป เพราะตั้งแต่ที่เกิดเรื่องเขาก็มัวแต่ยุ่งกับมินจนไม่ได้แวะไปดูอาการของคนสนิทอย่างกำธรเลย เพียงแต่โทรสั่งให้เลขาจัดการงานที่ค้างไว้ และช่วยย้ายกำธรมารักษาที่โรงพยาบาลเดียวกันกับมินนี้เลยจะได้สะดวกในการดูแล เพราะยังไงเขาก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายและเรื่องคดีความต่างๆให้กับกำธรระหว่างที่เจ้าตัวเจ็บอย่างนี้อยู่แล้ว
“ลงมานั่งข้างล่างเถอะครับคุณหนู คุณมินต้องการพักผ่อนนะครับ” ฟาโรห์เอ่ยเรียกพร้อมทั้งพูดเตือนเด็กน้อยจอมเอาแต่ใจที่ยังคงเล่นเกมส์หรือว่าทำอะไรสักอย่างอยู่กับไอแพดของตัวเอง ข้างๆกันกับคนป่วยที่นอนหลับไปแล้วอย่างมิน
“.....” ฟิ้ววว~ ไร้การตอบสนอง ไม่ต่างจากว่าฟาโรห์กำลังพูดอยู่กับดินฟ้าอากาศ
“กลายเป็นคนที่พูดไม่รู้เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่หรอครับคุณหนูอชิตะ”
“อย่ามาเรียกชื่อเราอย่างนั้นนะ!!!” ชิตะน้อยทิ้งไอแพดในมือลงพื้นพร้อมกับแหวขึ้นมาเสียงดังทันที เมื่อได้ยินฟาโรห์เรียกชื่อเต็มของตัวเองด้วยน้ำเสียงที่จงใจห่างเหินอย่างเห็นได้ชัด
“ทั้งเสียงดังทั้งทำลายข้าวของอย่างนี้ไม่น่ารักเลยนะครับ” ฟาโรห์ลุกขึ้นเดินไปเก็บไอแพดที่นอนจอแตกอยู่ที่พื้นพร้อมกับวาดแขนเกี่ยวตัวเด็กน้อยเข้ามาอุ้มลงจากเตียงของมิน
“ปล่อยเราเดี๋ยวนี้เลยนะ!!” ชิตะน้อยดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของคนตัวโตอย่างทำอะไรไม่ได้ ด้วยรูปร่างและแรงที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง...เด็กห้าขวบหรือจะมาสู้แรงคิลเลอร์มือหนึ่งของพรรค์ฟูจิวาระผู้แข็งแกร่ง
“เด็กดื้อต้องถูกลงโทษรู้มั้ยครับ...เตชินเข้ามาเฝ้าคุณมินข้างในคนนึงสิ” ฟาโรห์กระซิบบอกข้างหูของเด็กน้อยในอ้อมแขนเบาๆ ก่อนที่จะเดินออกไปเรียกเตชินที่นั่งเฝ้าอยู่กับเตโชข้างนอกให้เข้าไปเฝ้ามินข้างในหนึ่งคน
“จะไปแล้วหรอครับหัวหน้า” เตโชถามเป็นมารยาทตามปกติแบบที่ไม่ได้ต้องการคำตอบแต่อย่างใดเพราะงานในส่วนของเขากับฟาโรห์มันคนละส่วนกัน
“อือ...จะพาเด็กดื้อไปดัดนิสัย” ฟาโรห์บอกแค่นั้นก่อนที่จะจับชิตะพาดบ่าเดินออกไปอย่างสบายๆด้วยสีหน้านิ่งเรียบไม่แสดงอาการอะไรออกมาทั้งสิ้น ซึ่งแตกต่างจากเจ้าเด็กน้อยที่ห้อยหัวต่องแต่งๆดิ้นเล่าๆแหกปากร้องโวยวายไปตลอดทาง
...TBC.