จอมร้าย
By: Dezair
…………….
ตอนพิเศษ พระเอกนางเอก
เด็กชายขนมทำการบ้านเสร็จแล้ว และภารกิจประจำวันศุกร์หลังทำการบ้านก็คือนั่งดูโทรทัศน์เป็นเพื่อนคุณย่าพัชรี
คุณย่าของเด็กชายขนมนั้นเป็นแฟนละครก่อนข่าวหลังข่าวแทบทุกช่อง มีดาราในดวงใจหลายคน มีหนังสือเรื่องย่อละครเก็บไว้เป็นลังๆ จำได้กระทั่งเพลงประกอบ และ...มีส่วนร่วมกับทุกฉากทุกตอนของละครที่กำลังดู
“คุณย่ายิ้มทำไมครับ”
ตอนที่พระเอกนางเอกในละครเดินเคียงกันอยู่ริมแม่น้ำยามค่ำคืน มีฉากหลังเป็นสะพานพระรามแปดที่เปิดไฟสีส้มอมเหลืองให้ความนวลเนียนนั้น คุณพัชรีก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ตามองจอโทรทัศน์ไม่กะพริบ
“ย่าฟินน่ะสิ!” คุณย่าหันมาบอก แล้วหันไปมองโทรทัศน์ต่อ พระเอกนางเอกหันมองหน้ากันแล้ว มองตากันหวานเยิ้ม ส่วนคนที่เยิ้มกว่าเห็นจะเป็นแฟนละครหน้าจอที่ชื่อพัชรี วิมลกิตติ!
“ของขวัญกับโต เขาก็คงจะมองกันอย่างงี้เนาะ!”
แต่ระดับคุณพัชรี ครั้นจะฟินกับพระเอกนางเอกอย่างเดียวก็เห็นจะไม่ใช่ เพราะในชีวิตจริงมีพระเอกนางเอกอีกหนึ่งคู่ที่ร่วมลุ้นร่วมเชียร์มานมนาน แต่...ทั้งๆที่หล่อนมีฐานะเป็นถึง ‘ญาตินางเอก’ กลับแทบจะไม่เคยเห็นอธิปกับจอมขวัญมองตากันหวานเยิ้มแบบนี้เลย คิดแล้วมันน่าน้อยใจที่หลานชายไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ป้าหลานเลยสักนิด!
...จะอายอะไร้! ก็คนกันเองทั้งนั้น! แถมเป็นคนกันเองระดับญาตินางเอกที่อยากฟินเรื่องรักๆของหลานกับแฟนจะแย่อยู่แล้ว!…
“อาของขวัญกับอาโต?” เด็กชายขนมย้อนอย่างงุนงง ตอนนั้นเองที่คุณย่าร่างอวบเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าหล่อนหลุดปากคำโตกับหลานชายวัยประถมไปเสียแล้ว
“อ...เอ่อ...ย่า...ย่าหมายถึง...หมายถึงอาของขวัญกับอาโตของขนม…เขาก็คง...เอ่อ...ดูแลกันและกันแบบพระเอกนางเอกนี่ล่ะ”
“แบบพระเอกนางเอก?...เอ๋? แต่ว่าอาโตกับอาของขวัญเป็นผู้ชาย จะเหมือนพระเอกนางเอกได้ไงล่ะฮะ” เด็กชายขนมหันมองในจอโทรทัศน์ ฉากละครตัดไปเป็นโฆษณาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็จำได้ว่าพระเอกนางเอกในละครเมื่อครู่เป็นผู้ชายกับผู้หญิง
…แต่คุณย่ากลับบอกว่าอยากให้อาโตกับอาของขวัญดูแลกันและกันแบบพระเอกนางเอกในละคร!...
คุณพัชรีหันมาทางหลานชายคนเล็กแต่หุ่นอ้วนกลม รู้ดีว่าเรื่องของอธิปและจอมขวัญเป็นเรื่องที่เข้าใจยากสำหรับเด็กๆ แต่ถึงจะไม่เข้าใจ หล่อนก็อยากให้เด็กๆยอมรับ...
...ยอมรับในความรู้สึกที่อธิปและจอมขวัญมีต่อกัน...
...ยอมรับในความสัมพันธ์ที่ฝ่าฝันและเคียงข้างกันมานานหลายปี...
...ยอมรับ...ในสิ่งที่อธิปและจอมขวัญเลือก...
เส้นทางที่แตกต่าง แต่...ก็สวยงามในแบบของตนเอง
“การดูแลกันเป็นสิ่งที่ดีนะขนม เป็นการทำความดีให้แก่กัน ไม่ต้องเป็นผู้ชายกับผู้หญิงก็ได้ แต่ขอแค่ดูแลคนที่เรารัก คนที่เราหวังดี ให้เขามีความสุข ให้เขาปลอดภัย ให้เขาสบายใจ เหมือนพระเอกดูแลนางเอกไงลูก” เด็กชายขนมขมวดคิ้วมุ่น ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก คุณย่าพัชรีโอบร่างกลมเข้ามากอดแล้วโยกเบาๆ
“ถ้าขนมโตขึ้น ขนมเจอคนที่ขนมอยากดูแล ขนมสัญญากับย่านะ ว่าจะดูแลเขาให้ดีเหมือนพระเอกดูแลนางเอก เหมือนอาโตดูแลอาของขวัญ” แม้ไม่เข้าใจ แต่หลานชายผู้ว่านอนสอนง่ายก็ชูนิ้วก้อยขึ้นทันที
“สัญญาฮะ!”
“ดีมากจ้ะ” คุณพัชรีเกี่ยวนิ้วก้อยด้วย โฆษณาจบลงและตัดเข้าสู่ละครพอดี คราวนี้เด็กชายขนมตั้งอกตั้งใจดูเป็นพิเศษ เรียนรู้การดูแลที่พระเอกมีต่อนางเอกเพื่อจะได้ทำตามสัญญาที่มีให้คุณย่าให้จงได้
ว่าแต่...พระเอกทำอาหารให้นางเอกทานเหมือนอาโตทำให้อาของขวัญเลยแหะ!
....................
เย็นวันจันทร์ อธิปยังคงนั่งทำงานอยู่ในห้อง เขากวาดตาอ่านเอกสารบนโต๊ะ พอจรดปากกาเซ็น ชายหนุ่มก็คิดไปถึงอาหารเย็นของวันนี้แล้ว
แน่ล่ะ ว่านอกจากจะเป็นผู้บริหาร เป็นหัวเรี่ยวหัวเเรงที่สำคัญของธุรกิจแล้ว เขายังเป็นพ่อครัวของครอบครัวเล็กๆที่มีกันแค่สองคน และใครอีกคนที่เป็นครอบครัวของเขานั้น มีเรื่องให้เอาใจและตามใจมากกว่าคนสักสิบคนรวมกันเสียอีก
อธิปอมยิ้มยามคิดถึงคนรัก เรื่องเอาแต่ใจของจอมขวัญกลายเป็นความน่าเอ็นดูสำหรับเขามานานมากแล้ว และยังคงเป็นอยู่อย่างนั้นจนวันนี้
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มต้องหันมอง ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอคือชื่อเดียวกับคนที่เขากำลังคิดถึง
...ตายยากเสียด้วย คิดถึงปุ๊บโทรมาปั๊บ แบบนี้สงสัยได้เอ็นดูกันไปยันแก่...
“ว่าไง” เขารับสาย เอนหลังพิงพนักอย่างผ่อนคลาย
‘ขวัญออกจากโรงแรมแล้วนะ ป้ารีโทรมาบอกให้ไปรับหลาน’
“อ้าวเหรอ วันนี้คุณจักรไปต่างประเทศใช่มั้ย”
‘ใช่ ป้ารีกับลุงชัยต้องไปงานศพ เข้มก็ไปเข้าค่าย เหลือข้าวกับขนม ขวัญเลยจะให้มานอนบ้านเรานะ’
“อื้อ งั้นเดี๋ยวพี่ออกเลย จะแวะซื้อกับข้าว หลานน่าจะหิวกันแล้ว ของขวัญอยากกินอะไรมั้ย” เพราะหากลงมือทำอีก มีหวังได้หิ้วท้องรอกันพอดี
‘อะไรก็ได้’ คำตอบปลายเปิด เปิดกว้างเสียจนบางทีก็เดาใจไม่ถูก แต่อธิปจำได้ว่าเมื่อวานคนรักบ่นว่าอยากกินหมูยอ
“งั้นพี่ซื้อกับข้าวไปสัก 3-4 อย่างแล้วกัน แล้วของขวัญอยากกินหมูยอด้วยมั้ย”
‘อยากๆ’
“อยากกินหมูยอดทอดหรือหมูยอนึ่ง?” ปลายสายเงียบไปอึดใจดูเหมือนเจ้าตัวจะกำลังคิดหนัก
“หรือจะเอาทั้งสองอย่างเลย?” อธิปถามนำ
‘มันเยอะไปมั้ย’ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่คำถาม แต่เป็นการเกริ่นทำนองว่า ‘เยอะ แต่ก็อยาก’ ร่างสูงอมยิ้ม เขานึกหน้าคนรักออกเลยทีเดียวว่าตอนนี้เจ้าตัวคงกำลังคิ้วขมวดมุ่น ตัดสินใจไม่ได้ว่ามื้อเย็นวันนี้จะทานหมูยอทอดหรือหมูยอนึ่งดี
“ไม่เยอะหรอก เด็กๆก็ทานด้วย”
‘เอางั้นก็ได้’ อธิปรับคำ ก่อนจะกดวางสาย หันไปปิดคอมพิวเตอร์ แล้วคว้าข้าวของออกจากห้อง
มื้อเย็นวันนี้ นอกจากหลานๆแล้ว ใครบางคนต้องเจริญอาหารเพราะได้ทานของที่อยากแน่ๆ...
.....................
ตอนที่จอมขวัญพาเด็กชายทั้งสองซึ่งคนน้องตัวใหญ่กว่าคนพี่มาถึงบ้าน อธิปก็อุ่นกับข้าวที่ซื้อมาเสร็จเรียบร้อย แถมด้วยนึ่งและทอดหมูยอแล้ว เขาให้เด็กๆไปล้างหน้าล้างมือ แล้วหันมาจ้องคนที่เพิ่งกลับมาถึงแต่มือไม่ล้าง แอบหยิบหมูยอนึ่งหั่นแว่นเข้าปากไปหนึ่งชิ้น
“ไปล้างมือก่อน ของขวัญ”
“ชิ้นเดียวเอง” เจ้าตัวแย้ง แต่ตาเหลือบไปมองหมูยอทอดที่ยังไม่ได้ชิม ทว่าอธิปยืนจ้อง เขาก็เลยต้องเดินเลี่ยงไปล้างมือในห้องน้ำแต่โดยดี
ในห้องน้ำที่ชั้นล่าง หลานๆของจอมขวัญกำลังล้างมือถูสบู่กันอยู่ คุณอารูปหล่อก็เข้าไปแทรกขอล้างมือบ้าง ตอนที่จอมขวัญพับแขนเสื้อเชิ้ตของตนเองขึ้นมาที่ข้อศอกนั้น เจ้าหลานชายที่ชื่อขนมจ้องมองคุณอาสุดหล่อตาไม่กะพริบ
“ทำไมเสื้อขนมไม่มีแขนยาวมั่ง” เด็กชายขนมถามแล้วก้มลงมองแขนป้อมๆของตนเอง
“เสื้อนักเรียนที่ไหนมีแขนยาวล่ะขนม” จอมขวัญหันมาบอกหลานรักพลางหัวเราะ ทำเอาเจ้าตัวแสบทำปากยู่อย่างแสนเสียดาย
“งั้นกว่าขนมจะได้ใส่เสื้อแขนยาว ขนมก็ต้องโตเป็นผู้ใหญ่ก่อนเหรอ อีกตั้งนานแหน่ะ”
“ก็ใส่เสื้อกันหนาวสิ” เด็กชายข้าวผู้พี่หันมาบอก แต่เด็กชายขนมผู้น้องส่ายหน้ากลมๆไปมาอย่างขัดใจ
“ขนมหมายถึงเสื้อแบบอาของขวัญต่างหาก” จอมขวัญมองเสื้อเชิ้ตของตัวเองแล้วก็นึกขำเจ้าหลานชายตัวใหญ่ อธิปโผล่หน้าเข้ามาในห้องน้ำ เพราะเห็นสามอาหลานหายกันไปนาน
“คุยอะไรกันในนี้ มาทานข้าวได้แล้ว” เขาชวนพลางยิ้ม
“ขนมอยากใส่เสื้อแบบอาของขวัญ แล้วจะพับแขนเสื้อขึ้นแบบนี้ด้วย!” อธิปหันมองคนรัก แต่จอมขวัญยักไหล่เหมือนไม่เข้าใจ ร่างสูงเลยหันกลับมาหาเจ้าหลานชายผู้อยากเหมือน ‘อาของขวัญ’ ไปหมดเสียทุกอย่าง
“ทำไมล่ะ”
“ก็อาของขวัญเท่จะตาย พับแขนเสื้อแบบนี้ๆ เหมือนพระเอกในละครเมื่อคืนวันศุกร์เลย!” แล้วเจ้าตัวก็ทำมือถูไปบนแขนตัวเองเป็นท่าพับแขนเสื้อ เพียงเท่านั้นผู้ใหญ่อีกสองก็ถึงกับหัวเราะลั่นห้องน้ำ
“อาของขวัญเท่จริงๆนะ! เพื่อนๆในห้องของขนมก็บอกว่าหล่ออย่างกับพระเอกแหน่ะ! เมื่อกี้ตอนไปรับขนม เพื่อนขนมมองกันตรึม! พรุ่งนี้เพื่อนผู้หญิงต้องมารุมขนมแน่ๆ เพราะทุกคนต้องมาชมว่าอาของขวัญทั้งหล่อทั้งเท่!”
“ขนาดนั้นเชียวเหรอ แล้วอากับอาของขวัญ ใครหล่อเท่กว่ากัน” อธิปถามยิ้มๆ หวังจะหยอกคนรัก เพราะอย่างไรเสียคำตอบของเด็กชายขนมย่อมต้องเป็นคุณอาสุดที่รักยอดไอดอลอย่างจอมขวัญอยู่แล้ว
ทว่าเจ้าเด็กอ้วนกลมกลับทำหน้านิ่วคิดหนัก
“บางทีอาโตก็เท่กว่า แต่บางทีอาของขวัญก็เท่กว่า”
“แล้วถ้าอาไปรับแทน เพื่อนผู้หญิงจะรุมขนมกันมั้ย”
“แน่นอน!”
“รุมมากกว่าตอนอาของขวัญไปรับไหม”
“พี่โต ไม่ถามชี้นำ” จอมขวัญแทรก แน่นอนว่าไม่แทรกแค่ปาก แต่เอามือเปียกๆไปป้ายแขนเสื้อคนรักด้วย โทษฐานถามชี้โพรงให้กระรอกที่ชื่อขนม
“โอเคๆ เสื้อพี่เปียกหมดแล้ว” อธิปหัวเราะร่า ยอมแพ้ทั้งๆที่เรื่องเสื้อเปียกเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่คนหน้าหงิกยังป้ายมือชื้นๆกับเสื้อของเขาไม่หยุด
“อาของขวัญ ข้าวหิว...” เด็กชายคนพี่แต่ร่างผอมกว่าคนน้องเยอะกระตุกแขนคุณอารูปหล่อยิกๆ จอมขวัญเพิ่งนึกได้ว่าพวกเขายังยืนแออัดกันอยู่ในห้องน้ำแคบๆ เลยชักชวนทุกคนกลับไปที่โต๊ะทานอาหาร เด็กชายข้าวจูงมือจอมขวัญไปนั่งกับตัวเอง ปล่อยให้น้องชายตัวใหญ่นั่งข้างอธิป
“อู้ฮู้! กับข้าวเยอะจัง!” เด็กชายขนมอ้าปากทำตาโต ก่อนจะไปสะดุดตากับจานหมูยอที่มีทั้งทอดและนึ่ง มีซอสพริกสีแดงอมส้มใส่ถ้วยเล็กวางไว้ข้างๆ
“ทำไมมีทั้งหมูยอทอดและหมูยอนึ่งล่ะฮะ” เด็กชายหันไปถามผู้ใหญ่ทั้งสอง อธิปยิ้ม ตักข้าวใส่จานให้เด็กๆ ในขณะที่จอมขวัญเป็นคนส่งจานให้
“อาของขวัญเขาอยาก” ร่างสูงตอบ เด็กชายขนมเลยหันไปมองคุณอารูปหล่อของตนเอง
“เพราะว่าข้าวกับขนมจะมา อาก็เลยให้อาโตทำให้ทั้งสองอย่างไง วันนี้ต้องทานเยอะๆนะ” จอมขวัญพูดพลางยิ้ม
“ได้เลยฮะ! เชื่อใจขนมได้เล้ย!”
บทสนทนาในโต๊ะมีแต่เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กชายขนมคนน้องและคุณอายอดรัก อธิปเพิ่งสังเกตเห็นสายตาของพี่คนกลางอย่างเด็กชายข้าวที่จับจ้องมาที่เขา มันเป็นสายตาไม่พอใจ แต่พอเขามองกลับ เจ้าหนูน้อยก็รีบก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปาก ไม่อย่างนั้นก็หันไปอ้อนขอให้จอมขวัญที่นั่งข้างๆช่วยตักกับข้าวให้
น่าแปลก...เพราะเขาเป็นที่คุ้นเคยของหลานๆบ้านวิมลกิตติเป็นอย่างดี เห็นกันมาแต่อ้อนแต่ออก แต่พักหลังมานี้ รู้สึกว่าเด็กชายข้าวจะเพ่งเล็งเขาชอบกล
หรือว่า...อธิปจะเข้าข่ายถูกหลานของคนรักกันท่าเสียแล้ว
...............................
หลังมื้อเย็น จอมขวัญพาหลานๆไปอาบน้ำ ในขณะที่อธิปจัดการหาฟูกมาปูที่ห้องทำงานเพื่อเป็นที่นอนของตนเอง คืนนี้เขาตั้งใจจะยกเตียงให้เป็นที่นอนของสามอาหลาน
“พี่โตไปนอนในห้องนอนเถอะ ขวัญนอนฟูกกับหลานเอง”
คุณอารูปหล่อของเด็กๆเดินออกมาเห็นคนรักกำลังปูฟูกนอนอยู่ข้างโต๊ะทำงานก็รีบท้วง หลังจากเมื่อครู่เห็นหมอนและผ้าห่มจำนวนมากบนเตียง คาดว่าอธิปคงเอามาเพิ่มสำหรับหลานๆของเขา
“ไม่เป็นไร พี่จะได้ทำงานด้วย” อธิปหมายถึงงานจำพวกเช็คอีเมลเล็กๆน้อยๆ
“ก็เอาโน้ตบุ้คไปเช็คที่ห้องนอนสิ เดี๋ยวขวัญกับหลานนอนห้องนี้ ขนมมันนอนดิ้น เกิดนอนห้องนู้นแล้วดิ้นตกเตียง พี่จักรฆ่าขวัญแน่”
เหตุผลเรื่องหลานตกเตียงนั้นฟังขึ้นทีเดียว แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่จอมขวัญไม่ได้บอกคือฟูกมันบางกว่าเตียงเยอะ และเขาไม่อยากให้อธิปนอนฟูกบางๆแล้วตื่นมาปวดเมื่อยเนื้อตัวต่างหาก
...อายุมากแล้ว ก็ต้องดูแลสุขภาพกันหน่อย...
...โปรโมชั่นสำหรับคนรักอาวุโสเชียวนะ...
“เดี๋ยวขวัญไปดูขนมก่อน ไม่รู้อาบน้ำเสร็จรึยัง ฝากพี่โตเอาหมอนกับผ้าห่มมาห้องนี้หน่อยนะ”
แล้วจากนั้นคนสั่งก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อไปยังห้องน้ำด้านใน อธิปไม่ทันได้ท้วงอะไรอีก แต่พอมองฟูกบนพื้นแล้วก็ชักกังวลอย่างที่คนรักว่า เกิดลูกของจักรกฤษณ์ตกเตียงหัวโนขึ้นมา คงบ้านแตกกันพอดี รายนั้นหวงลูกน้อยเสียที่ไหน
ชายหนุ่มจัดแจงหาฟูกมาปูเพิ่มสำหรับคนรักและหลานชายอีกสอง ปูผ้าปูที่นอนใหม่ แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อหยิบหมอนและผ้าห่มมาวาง ตอนนั้นทั้งเด็กชายข้าวและเด็กชายขนมก็อาบน้ำแต่งตัวสวมชุดนอนเรียบร้อยแล้ว
“ข้าว ขนม ไปเล่นห้องนู้นก่อน เดี๋ยวอาอาบน้ำแล้วจะตามไป” จอมขวัญสั่งสองหลาน เจ้าหลานคนเล็กแต่หุ่นอ้วนกลมวิ่งพรวดออกไปแล้ว แต่หลานคนกลางยังยืนจ้องตาเขม็ง
“อาของขวัญอาบน้ำกับใครฮะ”
“อาบกับใคร? อาก็อาบคนเดียวน่ะสิ” คุณอาหนุ่มตอบพลางหัวเราะอย่างไม่ทันสงสัยคำถามแปลกประหลาดของหลานชาย เด็กชายข้าวพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหมุนตัวเดินตามน้องชายออกจากห้องนอนไป แต่ก่อนจะพ้นประตูก็ยังไม่วายหันกลับมามองคุณอาจอมขวัญสุดที่รักและคุณอาอธิป จอมขวัญเดินผิวปากไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำแล้ว แต่อธิปยังยืนอยู่ที่เดิมและทันเห็นสายตาเคลือบแคลงของหลานชายของคนรักที่หันกลับมามอง
เด็กชายข้าวมองเขาเพียงวูบเดียว แล้วก็รีบหลบสายตาเดินออกจากห้องไป แต่ผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างอธิปรู้แน่แล้วว่างานนี้เขาถูกสงสัย
แถมคนสงสัยก็ยังเป็นหลานวัยประถมของคนรัก และไม่ช้าหลังจากนี้ จะต้องมีคำถามสำคัญตามมา
เขา...ควรจะตอบ ‘คำถามสำคัญ’ จากหลานชายของ ‘คนสำคัญของเขา’ อย่างไรดี
...............................
จอมขวัญเป็นอาที่ดี ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงสอนการบ้าน แต่นั่งเฝ้าให้เด็กๆทำให้เสร็จ จากนั้นก็ชวนกันเล่นของเล่นที่ขนมพกมาด้วย สามทุ่มตรงก็ได้เวลาเข้านอนของเด็กๆโดยมีคุณอาหนุ่มทิ้งตัวลงนอนบนฟูกด้วย
“แล้วอาโตนอนที่ไหน” เด็กชายขนมผู้สงสัยใคร่รู้ไปเสียทุกเรื่องหันมาถามคุณอาตาแป๋ว
“อาโตก็นอนในห้องนอนน่ะสิ”
“ถ้าขนมกับพี่ข้าวไม่มา อาของขวัญก็นอนห้องอาโตใช่ไหม”
คำถามของเจ้าหลานคนเล็กแต่ตัวไม่เล็กคราวนี้ทำเอาจอมขวัญชะงัก ท่ามกลางความมืดสลัว เขารู้ว่ามีดวงตาอีกสองคู่ของหลานชายกำลังจับจ้องมาที่เขาอย่างอยากรู้อยากเห็นและรอคอยคำตอบ
“น...นอนได้แล้ว ดึกแล้ว...” ชายหนุ่มว่าอย่างนั้น แล้วขยับผ้าห่มให้เด็กๆเป็นเชิงให้หลับ
“ทำไมอาของขวัญต้องนอนห้องเดียวกับอาโตด้วยฮะ” แต่ดูเหมือนหลานๆจะไม่อยากนอน คราวนี้เป็นคำถามของเด็กชายข้าว
จอมขวัญรู้สึกร้อนอบอ้าว ทั้งๆที่ในห้องเปิดแอร์เย็น ร้อนสันหลังวาบๆ หาคำตอบให้หลานไม่ได้ขึ้นมาเสียดื้อๆ
“ขนมรู้!” เจ้าหลานคนเล็กชูมือหรา คราวนี้คนเป็นอาถึงกับกลืนน้ำลายไม่ลงคอ
“ก็เพราะอาของขวัญกลัวผีน่ะซี!” แต่คำเฉลยของคนรู้ ทำเอาจอมขวัญถอนหายใจเฮือก
“ท...ที่นี่มีผีด้วยเหรอ?!” คนกลัวผีหางจุกตูดถึงกับหันไปถามน้องชายตาโต
“ที่ไหนๆก็มีผีทั้งนั้นแหละ! โกโบริยังเป็นผีบนทางช้างเผือกเล้ย!” ในขณะที่คนน้องแต่รู้ไปเสียทุกเรื่องก็ออกตัวรู้มากจนจอมขวัญชักจะปวดหัว
“นอนกันได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไปโรงเรียนไม่ทันหรอก” คุณอาหนุ่มรีบปราม
ในห้องทำงานที่แปลงเป็นห้องนอนชั่วคราวของสามอาหลานก็เลยเงียบลงตามเดิม แตกต่างกว่าเดิมนิดหน่อยตรงที่เด็กชายข้าวขยับเข้าชิดจอมขวัญมากกว่าเมื่อครู่ แต่ก็ไม่เรียกร้องถามหาคำตอบของคำถามที่ค้างเอาไว้
จอมขวัญนอนนิ่งจนแน่ใจว่าหลานๆหลับไปแล้วเรียบร้อย ถึงได้ลุกจากฟูก แม้จะไม่ได้ตอบคำถามของหลานรัก แต่คำถามนั้นก็ยังตกค้างอยู่ในใจเขา วันนี้ยังดีที่มีหลานคนเล็กพาออกนอกเรื่องช่วยกู้สถานการณ์ แต่หากคราวหน้าถูกถามซ้ำและถูกขอคำตอบอย่างตรงไปตรงมา เขาจะตอบอย่างไรดี
...ทำไมอาของขวัญกับอาโตถึงอยู่บ้านเดียวกัน...
...ทำไมอาของขวัญกับอาโตถึงนอนห้องเดียวกัน...
...ทำไม ทำไม ทำไม...
แน่นอนว่าคำตอบมีอย่างเดียว แต่เป็นอย่างเดียวที่จอมขวัญไม่แน่ใจเอาเสียเลยว่าเขาควรตอบให้หลานๆฟัง
...พวกเขาเป็นคนรักกัน...