PART II บทที่ 30
ครอบครัว
Party's Part
ผมหันมองนาฬิกาครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะนี่มันเลยเวลาเลิกงานมาแล้ว แต่จะลุกออกไปตอนนี้ก็คงไม่ได้เพราะนี่คือการประชุมประจำไตรมาส มีแต่ระดับผู้บริหารเต็มไปหมด ซึ่งผมก็ไม่ใช่ระดับบริหารอะไรกับเค้าหรอกนะครับ ที่ต้องเข้ามานี่เพราะหัวหน้าผมบังคับให้เข้ามาด้วย ป้องกันเวลาแกตอบอะไรไม่ได้หรืออะไรที่แกลืม แกไม่เข้าใจ นั่นแหละครับ
ไอ้ที่ผมกังวลนี่ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ ก็ไอ้คนจากภูเก็ตนั่นแหละ ป่านนี้เครื่องน่าจะใกล้ลงแล้ว ผมก็นึกว่าครั้งก่อนเค้าพูดเล่นที่ว่าจะบินไปกลับมาหาผมบ่อยๆ ในช่วงที่ผมยังไม่ย้ายไปอยู่กับเค้า ดันทำจริงๆ ก็ยังดีอยู่บ้างที่ไม่ได้มาทุกวันจริงๆ อย่างที่พูดในทีแรก เพราะเค้าก็ต้องทำงานทำการเหมือนกัน แต่ทีนี้ปัญหามันอยู่ที่วันว่างของเค้ามันคือวันทำงานของผม แล้วนี่อีกแค่อาทิตย์เดียว ก็จะครบกำหนดที่ผมยื่นใบลาออกไว้ล่วงหน้า 1 เดือนแล้วแท้ๆ วันนี้ก็ยังจะดื้อดึงมาให้ได้อีก
“ไม่รู้แหละถ้าเราถึงบ้านก่อนแล้วยังไม่เจอตี้ คืนนี้อย่าคิดว่าจะได้นอน พรุ่งนี้ก็เตรียมลางานไว้ได้เลย”นั่นแหละครับคำขู่ของเค้า แม้เรื่องลางานมันจะไม่สำคัญอะไรกับผมเท่าไหร่ เพราะยังไงก็จะออกอยู่แล้ว แต่ไอ้เรื่องจะไม่ให้ผมนอนนี่สิครับ
“ก็ชดเชยวันที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันไง”ข้ออ้างในการแถเพิ่มรอบสำหรับการขอมีอะไรกับผมของเค้าแหละครับไม่รู้จะหื่นไปถึงไหน
ทันทีที่การประชุมเสร็จ ผมรีบลุกโดยไม่ได้สนใจใครอีกเลย นี่เกินเวลาเลิกงานมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว และเค้าก็ส่งข้อความมาบอกผมแล้วเช่นกันว่าลงเครื่องเรียบร้อย ผมรีบคำนวณเวลา ถ้าผมรีบออกตอนนี้น่าจะถึงบ้านก่อนเค้าได้แบบฉิวเฉียด นี่คงต้องรีบแล้วสินะเนี่ย ผมคว้าข้าวของเตรียมออกตัววิ่ง แต่ก็เกือบล้มเพราะดันโดนแรงดึงสายกระเป๋าสะพายของผม
“อะไรของมึงไอ้เหมา”ผมถามอย่างไม่ค่อยพอใจ เมื่อเห็นว่าใครเป็นคนรั้งผมเอาไว้
“แดกเบียร์กันไหมมึง”ผมยกข้อมือขึ้นดูเวลาอีกครั้งอย่างเป็นกังวล ก่อนจะมองหน้าไอ้เหมาอย่างเคืองๆ
“วันนี้ชาร์ปมา กูไปละนะ”ผมรีบตัดบทปฏิเสธ
“แหม นี่คิดถึงสามีจนต้องรีบขนาดนี้เลยเหรอวะ”ที่จริงถ้ายังมีเวลาก็จะอยู่ลับฝีปากกับมันอยู่หรอกนะครับ แต่นี่รีบจริงๆ ผมยังอยากมีเวลาเหลือนอนพักในคืนนี้บ้าง ไม่ใช่โดนอีกคนจับกดจนไม่ได้นอนเพราะถึงบ้านช้ากว่าเค้านี่แหละครับ ผมย้ำกับไอ้เหมาอีกรอบว่าจะไปแล้ว
“เดี๋ยวไอ้ตี้”ไอ้เหมาเรียกผมไว้ พร้อมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แถมกวักมือเรียกผมกลับเข้าไปหาใกล้ๆ อีกด้วย นี่มันจะลีลาอะไรเยอะแยะนักหนา ไอ้ผมก็ยิ่งรีบๆ อยู่
“มึงไม่ต้องรีบ เพราะยังไงมึงก็ไปถึงทีหลังแว่นมันอยู่แล้ว”ผมขมวดคิ้วกับสิ่งที่ไอ้เหมาเพิ่งบอก ส่วนตัวคนบอกก็ยังคงวางท่าอย่างน่าหมั่นไส้
“อะไร”ผมเดินย้อนกลับมายืนตรงหน้ามัน เพราะรู้สึกว่าคงมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ
“ผัวมึงอ่ะ มันลงเครื่องตั้งแต่บ่าย 2 แล้ว”ไอ้เมาพูดเบาๆ ในทีแรกก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วสุดท้ายผมก็ได้รู้ว่าไอ้คนที่รอผมอยู่บ้านนั่นกะหลอกผมว่าจะมาถึงเวลาไล่เลี่ยกับที่ผมเลิกงาน แต่จริงๆ ตัวเองมาก่อนเวลาตั้งเยอะ เพื่อหวังเอาข้อตกลงมาให้ผมแพ้แล้วต่อรองจะหื่นใส่ผมทั้งคืนนั่นแหละครับ
“1 เมาคือค่าปิดปากกูที่มันให้ไว้ กูก็หวังว่ามึงจะให้กูมากกว่านี้นะเพื่อนเลิฝ”
“กูให้ 3 เมาเลย แต่ไอ้คนเจ้าแผนการนั่นแหละจะเป็นคนจ่าย”ผมบอกก่อนจะยิ้มอย่างอารมณ์ดี ตอนนี้ก็ไม่ต้องรีบอะไรมากแล้ว แต่เดี๋ยวกลับไปพ่อคนเจ้าเล่ห์ที่บ้านนั่นเจอผมแน่
“มาช้าแบบนี้ รู้ใช่ไหมครับว่าที่รักจะโดนอะไร”ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าบ้านอีกคนก็มาทักทายผมพร้อมด้วยคำขู่เล็กๆ และทำท่าหื่นๆ ใส่ผม
“แล้วนี่มานานมากแล้วเหรอ เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำขนาดนี้ นึกว่าเปิดมาสัก 3 ชั่วโมงแล้ว”ผมบอกยิ้มๆ จ้องมองอีกคนด้วยสายตาจับผิด แต่เค้ายังคงสงวนท่าทีไม่ออกอาการมากนัก
“เพิ่งมานี่แหละ แต่แอร์ยี่ห้อนี้มันดีไง เปิดแปปเดียว เย็นชื่นใจ”นั่นไงทำเป็นพูดดี แต่ไม่ยอมสบตา
“ให้โอกาสตอบใหม่ ไม่งั้นคืนนี้นอนแยกห้อง”ผมบอกอย่างเป็นต่อ เค้ามองกลับมาที่ผมอย่างชั่งใจ ผมยักคิ้วให้เค้าเป็นการย้ำว่าถ้าโกหกอีกละก็ผมเอาจริงแน่นอน
“ก็ได้ๆ รู้เรื่องจากไอ้เหมามาแล้วใช่ไหมเนี่ย”ผมพยักหน้าตอบรับ เค้าทำหน้าเซ็งๆ บ่นอุบอิบถึงไอ้เหมานิดหน่อย แล้วเดินหน้างอมาดึงผมเข้าไปกอด
“ขอโทษที่โกหก แต่จะมาโทษเราไม่ได้นะ ก็เราคิดถึงตี้นี่นา”ผมถอนหายใจอย่างปลงๆ ปลงให้กับตัวเองนะครับพอเจอลูกอ้อนนิดหน่อยแบบนี้ผมก็ใจอ่อนทุกทีสิเนี่ย จะทำไงได้ละครับก็รักเค้าไปแล้วนี่สิ แต่ว่าจะยอมเค้าตลอดก็จะเหลิงเกินไปผมก็คงต้องขัดๆ เค้าบ้างแหละครับ
“อีกอาทิตย์เดียวก็จะย้ายไปอยู่ด้วยแล้วนี่ไง พออยู่ด้วยกันทุกวันอย่ามาเบื่อเราละกัน”ผมกระชับวงแขนกอดตอบเค้า ซุกหน้าลงที่ไหล่กว้าง
“ใครจะไปเบื่อลงละครับ น่ารักขนาดนี้”มือหนายีหัวผมเบาๆ ก่อนจะประคองใบหน้าของผมขึ้น พรมจูบลงมาที่หน้าผากของผม
“คร๊อกแคร๊ก”เสียงน้ำย่อยในกระเพาะของผมประท้วงออกมาเพราะนี่มันได้เวลามื้อเย็นแล้ว ทำเอาเราสองคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน แล้วไม่นานนักอาหารฝีมือเราสองคนที่ช่วยกันทำอย่างทุลักทุเลก็พร้อมบนโต๊ะอาหาร
“แล้วเรื่องที่แม่เราถาม ตี้ว่ายังไง”เค้าถามขึ้นระหว่างที่เราสองคนกำลังทานข้าวอยู่ ผมเงยหน้ามองเค้าด้วยความลำบากใจ สิ่งที่เค้ากำลังถามถึงมันไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงอะไรเลย สำหรับผม เพียงแต่ว่าผมกังวลกับผลที่จะตามมาในอนาคตมากกว่า ผลกระทบที่มันไม่ใช่แค่ผมกับคนตรงหน้า
“ยังไม่ต้องตอบก็ได้ เราก็แค่ถามดู ถ้าวิธีนี้ตี้ไม่โอเค เรามาหาวิธีใหม่ไปคุยกับแม่เราก็ได้”เค้าเอื้อมมือมากุมที่มือผม ลูบเบาๆ เป็นการปลอบใจ แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องยากที่ทุกคนเห็นตรงกันหมดแล้ว และเหลือผมเพียงคนเดียวที่ต้องมาเป็นคนตัดสินใจคนสุดท้าย ผมฝืนยิ้มให้เค้าซ่อนความกังวลไว้ในใจ เราทานข้าวกันต่อจนเสร็จเรียบร้อย ต่างคนต่างอาบน้ำเพื่อเข้านอน
“วันนี้ไม่ทำได้ไหม”ผมบอกอีกคนที่พอถึงเตียงนอนก็เริ่มพรมจูบลงที่ซอกคอของผม ตอนนี้ผมยังกังวลกับสิ่งที่เค้าเอ่ยถามผมตอนทานข้าวจนรู้สึกว่าตัวเองน่าจะไม่มีอารมณ์ร่วมในสิ่งที่เค้ากำลังจะทำ เค้าหยุดการกระทำก่อนจะยันตัวขึ้นไปนั่งพิงกับหัวเตียง พร้อมกับดึงตัวผมให้หนุนลงที่ตักของเค้า
“ยังเครียดอยู่เหรอ”เค้าลูบหัวผมแผ่วเบา ผมพยักหน้าเบาๆ โดยไม่ปฏิเสธ ที่จริงเรื่องนี้ผมก็คิดมาพักนึงแล้ว ตั้งแต่ตกลงว่าจะย้ายไปอยู่กับเค้าที่ภูเก็ต แต่ผมก็เลี่ยงที่พูดถึงมาตลอด
“เราเข้าใจทั้งพ่อแม่ชาร์ป นะที่อยากมีหลาน และเราก็รู้ว่าชาร์ปเองก็คงจะอยากมีลูก แต่ทำแบบนี้มันจะดีจริงๆ เหรอ”นี่แหละครับคือสิ่งที่ผมกังวล ผมรู้ครับว่าปัจจุบันคู่รักเพศเดียวกันก็มีลูกกัน ซึ่งมันก็มีหลากหลายวิธีที่แต่ละคนเลือกใช้ ง่ายๆ เลยก็รับเลี้ยงอุปการะเด็กสักคนมาเป็นลูก หรือไม่ก็เรื่องของการอุ้มบุญ ซึ่งแน่นอนว่าพ่อกับแม่ชาร์ปจะเลือกวิธีนี้เพราะอยากได้หลานที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของชาร์ปจริงๆ
ไอ้ขั้นตอนวิธีการอะไรพวกนี้ผมไม่ติดหรอกนะครับ อีกอย่างถ้าการมีลูก มีหลานมันจะทำให้ทั้งชาร์ปและครอบครัวเค้ามีความสุขผมก็ยินดีแหละครับ แต่เรื่องของเด็กที่จะเกิดมาละ วันนึงถ้าเค้าถามว่าแม่เค้าคือใคร หรือทำไมเค้ามีพ่อสองคนหรืออีกหลายๆ อย่างที่มันจะมีผลตามมา ผมไม่รู้ว่าเราทั้งคู่จะรับมือเรื่องนี้ได้ดีขนาดไหน จะทำยังไงให้เค้าเติบโตมาแล้วไม่รู้สึกแปลกแยก หรือรู้สึกว่าตัวเองต่างจากคนอื่น
“เราไม่รู้นะว่าตี้กังวลเรื่องอะไรบ้าง แต่เราอยากให้ตี้มีความสุขกับตอนนี้ เรื่องของอนาคตถ้ามันมีอะไรมา เราก็ค่อยช่วยกันแก้ไข ไปด้วยกัน”นิ้วเรียวของเค้าเกลี่ยตามไรผมลากลงมาที่ใบหน้าของผม ถึงเค้าจะพูดแบบนั้นก็เถอะ ก็คนมันกังวลไปแล้วนี่นา
“งั้นเราค่อยให้คำตอบที่ภูเก็ตแล้วกันนะ”ผมรู้ครับว่าสุดท้ายตัวผมเองก็คงไม่ขัดในความต้องการของเค้าหรอกครับ เพียงแต่ขอเวลาให้ผมทำใจยอมรับอีกสักพัก
“เอางี้เราสองคนก็รักกัน พ่อกับแม่ก็รักพวกเราทั้งคู่ เพราะงั้นเรามั่นใจนะว่าครอบครัวเราจะเป็นครอบครัวที่อบอุ่น เต็มไปด้วยความรัก เพราะงั้นการจะมีอีกชีวิตที่เกิดมา เค้าก็ต้องมีความสุขที่ได้มาอยู่กับพวกเราจริงไหม”ผมคิดตามที่เค้าพูด มันก็จริงแหละครับ ผมพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย
“โอเค งั้นนอนกันดีกว่าเนอะ”ผมบอกพร้อมขยับตัวออกจากเค้า แต่ยังไม่ทันที่หัวผมจะถึงหมอนดี เค้าก็พลิกตัวตามมาคร่อมผมไว้อย่างรวดเร็ว
“ก็สบายใจแล้ว ทีนี้ก็ต่อจากเมื่อกี้ไง”ผมส่ายหน้าอย่างเอือมๆ กับคนตรงหน้า ตกลงที่พูดเมื่อสักครู่นี่แค่ให้ผมเลิกกังวลแล้วจะได้หื่นใส่ผมหรือเปล่าเนี่ย
“ถ้าวันนี้บ่ายเบี่ยง พรุ่งนี้จะโดนจัดหนักกว่าเดิมนะ เตือนไว้ก่อนเลย”เค้าก้มลงมากระซิบที่ข้างหูผม ผมหัวเราะหึในลำคอ ไหนๆ ก็คงปฏิเสธไม่ได้แล้วสองมือผมเลยรั้งที่ท้ายทอยเค้าไว้แล้วค่อยๆ ประคองศีรษะเค้าเข้ามาหาเพื่อประกบริมฝีปากลงไป
“กลัวที่ไหนละ”ผมบอกออกไปอย่างท้าทายหลังเค้าถอนริมฝีปากออก ทำให้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเค้าผุดขึ้นมาทันที เห็นท่าคืนนี้ผมจะไม่ได้นอนง่ายๆ เสียแล้ว
Sharp’s Part
3 ปีกว่าๆผ่านไป
ผมมองภาพที่ห่างออกไปไม่ไกลด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข ภาพเด็กน้อยวัย 2 ขวบกว่าๆ 2 คนกับอีก 1 คนที่ผมได้เลือกมาเป็นคู่ชีวิตกำลังหยอกล้อกันด้วยความสนุกสนาน ไม่ต้องแปลกใจหรอกครับว่านั่นคือใครบ้าง พวกเค้าคือครอบครัวของผมนี่แหละครับ ปาร์ตี้คนรักของผมและลูกแฝดของเรา ถึงจะเป็นลูกแฝดแต่ทั้งคู่ก็ต่างกันแทบทุกอย่างเลยทีเดียว ทั้งนิสัยและหน้าตา แต่ก็น่ารักไปคนละแบบแหละครับ
“ป่อจ๊าบ โต้บอกพ่อตี้แล้วว่าคืนนี้โต้กับน้องจะไปนอนห้องคุณปู่คุณย่า แต่น้องจะไม่ยอมไปฮ่ะ น้องบอกจะนอนกะป่อตี้ฮ่ะ”ผมเอื้อมมือไปลูบหัวลูกชายคนโตอย่างเอ็นดู ปอร์โต้เป็นคนเดียวที่ผมเพิ่งจะดึงมาเป็นพวกได้ครับ ก็สุดที่รักของผมนะสิครับทีแรกตอนคุยเรื่องว่าจะมีลูกก็ดูกังวลนู่นนี่นั่นไปหมด แต่พอมีเจ้าหนูสองคนนี้ออกมานี่แทบไม่ให้ใครแตะต้องดูแลเองยิ่งกว่าไข่ในหินอีกครับ
ไอ้การที่เค้ารักลูกนี่ผมก็ชอบนะครับ แต่เค้าเล่นโอ๋ จนเด็กๆ ติดเค้าแจแบบนี้ผมก็แทบจะไม่มีเวลากุ๊กกิ๊กกับเค้าเลยนี่สิ ผมเลยต้องให้พ่อกับแม่ช่วยครับ คือจันทร์ถึงศุกร์เนี่ยให้เด็กๆ นอนกับพวกผม ส่วนเสาร์อาทิตย์ให้ไปนอนกับปู่แล้วก็ย่า แต่แค่นั้นมันจะไปพอได้ยังไงละครับ คนอย่างผมมันก็ต้องมีติดสินบนลูกบ้างสิครับ ทำให้ลูกอยากไปนอนห้องปู่กับย่าเอง แม้จะไปเพราะกลอุบายของผมก็เถอะครับ
“งั้นพี่โต้ไปบอกน้องชาร์ลมาหาพ่อชาร์ปหน่อยนะครับ”ผมหอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่ด้วยความหมั่นเขี้ยว ปอร์โต้นี่สินบนหาไม่ยากเลยครับ ผมจับทางได้แล้วแค่เอาของเล่นกับของกินกับของเล่นมาล่อก็ได้ผลแล้ว แต่เจ้าตัวเล็กชาลีน้อย หรือชาร์ลของพ่อตี้นี่แหละครับดูจะติดปาร์ตี้จนผมแกะไม่ออก ขนาดเสาร์อาทิตย์ต้องไปนอนกับปู่และย่านี่ก็กล่อมกันอยู่นานกว่าจะยอม
“พ่อชาร์ปมีไรเหรอฮ่ะ”เด็กน้อยเดินมาใกล้ๆ พร้อมชูแขนให้ผมอุ้ม ผมเอื้อมแขนไปจับเจ้าตัวเล็กขึ้นมานั่งบนตักอย่างรวดเร็ว ปาร์ตี้หันมามองผมอย่างสงสัย คงเริ่มคิดแล้วว่าผมจะทำอะไรสักอย่างเพราะงั้นผมต้องรีบก่อนที่เค้าจะจับได้ว่าผมอยากให้ลูกไปนอนกับคุณปู่คุณย่า
“น้องชาร์ลไม่อยากไปนอนห้องคุณปู่คุณย่าเหรอครับ ไม่รักคุณปู่คุณย่าแล้วเหรอ”เด็กน้อยทำหน้ายู่พร้อมมองผมด้วยสายตาสงสัย คงกำลังไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องพูดแบบนี้
“ก็ไปทุกเสาร์อาทิตย์อยู่แล้วนี่ฮ่ะ วันอื่นๆ ก็ต้องอยู่กับพ่อตี้สิฮ่ะ”นี่ผมจะหลอกล่อลูกชายตัวน้อยนี่ยังไงดีละครับเนี่ย
“งั้นเอาเป็นว่าพ่อขอให้คืนนี้ไปนอนกับคุณปู่คุณย่าเพิ่มละกันตกลงไหมครับ คนเก่ง เดี๋ยวคุณปู่กับคุณย่าเสียใจนะที่น้องชาร์ลไม่ไปนอนด้วยบ่อยๆ แล้วนี่วันนี้พี่โต้ก็ไปนอนห้องคุณปู่คุณย่าด้วย น้องชาร์ลจะไม่คิดถึงพี่โต้เหรอถ้าไม่ได้นอนด้วยกัน”ผมเริ่มกล่อมให้ลูกชายคิดตาม แต่เหมือนจะยังไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่
“ถ้าคืนนี้น้องชาร์ลยอมไปนอนห้องคุณปู่คุณย่านะ น้องชาร์ลอยากได้อะไรพ่อหาให้ทุกอย่างเลย”เด็กน้อยทำท่าคิด ทำให้ผมเริ่มมีหวังขึ้นมาบ้างแล้วครับ
“ชาร์ลไม่อยากได้ไรเพิ่มฮ่ะ เพราะพ่อตี้ให้ทุกอย่างที่ชาร์ลอยากได้อยู่แล้ว”คำพูดลูกชายทำเอาผมใกล้หมดหนทาง แล้วผมจะทำยังไงดีละเนี่ย นี่ถ้าตี้เป็นคนขอลูกผมมั่นใจว่าลูกๆ ต้องยอมแน่ๆ แต่ตี้คงไม่ทำตั้งแต่ผมบอกแล้วครับ แถมดีไม่ดีอาจคาดโทษผมอีกต่างหาก ที่จริงผมน่าจะให้ปอร์โต้อ้อนตี้ ให้ตี้กล่อมชาร์ล ผมก็ดันลืมคิดไป ถ้าเรียกปอร์โต้มาตอนนี้แล้วปล่อยชาร์ลกลับไปหาปาร์ตี้ ผมว่าแผนการผมแตกแน่นอนครับ
“มันไม่มีสักอย่างเลยเหรอที่พ่อตี้เค้าห้ามน้องชาร์ล ทั้งที่น้องชาร์ลอยากทำ”ผมถามออกไปอย่างยังมีหวัง
“ที่จริงก็มีฮ่ะ”ผมหูผึ่งรีบยกเจ้าตัวเล็กหันหน้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว
“อะไรครับ เดี๋ยวพ่อจัดการให้”ผมรีบบอกอย่างตื่นเต้น
“อันนี้ฮ่ะ น้องชาร์ลขอทีไรพ่อตี้ไม่เคยให้เลย”ผมมองตามมือเล็กๆ ที่ชี้ไปยังแก้วเครื่องดื่มของผมที่วางอยู่ข้างๆ ความหวังของผมที่พุ่งไปแตะเพดานเมื่อสักครู่ ตอนนี้หล่นลงพื้นแทบทะลุเมืองบาดาลแล้วครับ ก็ไอ้ที่เจ้าตัวเล็กอยากลองนี่มันเบียร์นะสิครับ แต่เดี๋ยวก่อนสมองอันชาญฉลาดของผมได้ผุดไอเดียบางอย่างขึ้นมาเพียงเสี้ยววินาที
“เดี๋ยวน้องชาร์ลไปบอกพ่อตี้ได้เลยว่าคืนนี้จะนอนห้องคุณปู่คุณย่า ส่วนแก้วนี้พ่อจะไปเตรียมจากในบ้านมาให้ แล้วเป็นความลับของเราห้ามบอกพ่อตี้ เดี๋ยวอดลองของอร่อย ตกลงไหมครับ”นี่ลูกใครเนี่ยมาอยากดื่มเบียร์ตั้งแต่ 2 ขวบกว่าแบบนี้ไม่รู้เลือดพ่อคนไหนแรงกว่ากันนะครับเนี่ย
เด็กน้อยชูนิ้วก้อยเล็กๆ มาเกี่ยวกับนิ้วของผมก่อนจะรีบวิ่งกลับไปหาพี่ชายกับคุณพ่อสุดที่รักอีกคนของเค้า ส่วนผมนะเหรอครับ รีบวิ่งเข้าบ้านตรงดิ่งหาตู้เย็นทันทีเลยครับ ไม่นานนักผมก็หาสิ่งที่ต้องการเจอ อะไรนะเหรอครับ ก็ชามะนาวไงครับ แม้สีมันจะเพี้ยนๆ ไม่ตรงกับเบียร์สักเท่าไหร่ แต่เด็ก 2 ขวบอย่างลูกชายผมไม่น่าจะแยกออกหรอกน่า อีกอย่างถ้าไม่ยอมเชื่อเดี๋ยวผมนี่แหละจะแถต่อเอง
“กู๊ดไนท์ฮ่ะ”เจ้าตัวเล็กทั้งสองบอกกับผมและตี้หลังจากทานมื้อเย็นอาบน้ำ แปรงฟันก่อนนอนเสร็จเรียบร้อยแล้วทุกอย่าง ตอนนี้ก็ถึงเวลาส่งตัวทั้งคู่ให้ปู่กับย่ารับช่วงต่อแล้วครับ นี่เพราะแผนการอันชาญฉลาดของผมเลยนะครับเนี่ย
“รบกวนด้วยนะครับ แต่ถ้ามีอะไรแม่มาเรียกได้ตลอดนะครับ นี่ก็ไม่รู้ทำไมถึงอยากมากวนปู่กับย่าแบบนี้”แหมแฟนผมนี่ก็จะเกรงใจอะไรนักหนา พ่อกับแม่ผมออกจะดีใจที่หลานๆ มานอนด้วย
“รบกวนอะไรกัน พูดยังกะคนอื่นคนไกล เราเป็นครอบครัวเดียวกันมากี่ปีแล้วเนี่ยตี้ ไปๆ ไปนอนกันได้แล้วทำยังกับว่าหลานๆ ไม่เคยมานอนนี่งั้นแหละ”แม่ผมรีบบอกพร้อมหันมามองผมยิ้มๆ อย่างรู้ทัน
“ไปพูดอะไรกับลูกๆ ทำไมเด็กๆ ถึงพร้อมใจกันอยากไปนอนห้องปู่กับย่าแบบนี้”เมียใครครับเนี่ย ฉลาดจริงๆ เลย แต่มีเหรอครับที่ผมจะยอมรับ ผมตีมึนเดินเข้าไปโอบเค้าจากด้านหลังโดยไม่พูดอะไร
“อย่ามาเนียนนะชาร์ป”เค้าบอกด้วยน้ำเสียงดุๆ หน่อย สงสัยต้องง้อแล้วละครับเนี่ย
“ก็ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้กุ๊กกิ๊กกันเลย ตี้ขอไม่ให้แยกห้องลูกๆ เราก็ยอมแล้ว แต่การที่ตี้ให้เวลาเราแค่สัปดาห์ละสองวัน มันน้อยไปอ่า”ผมทำเสียงอ้อนๆ หวังให้เค้าเห็นใจผมบ้าง ไม่อยากให้เค้ามองว่าผมหื่นจนเอาแต่ผลักไสลูกๆ
“เฮ้อ...ชาร์ป ลูกๆ นะเดี๋ยวก็โต พอตอนนั้นเค้าก็จะไม่ค่อยสนใจเราสองคนเท่าไหร่แล้ว เราก็แค่อยากใช้เวลากับพวกแกให้มากที่สุด ให้ความรักเอาใจใส่ให้มาก เพราะมันคงมีอีกหลายอย่างที่พอเริ่มเรียนรู้พวกแกสองคนอาจมีความไม่เข้าใจขึ้นมาได้”เอาอีกแล้วครับ นี่ผมนึกว่าเค้าเลิกกังวลเรื่องนี้ไปแล้วเสียอีกนะครับเนี่ย
“ตี้ว่าลูกๆ เราตอนนี้มีความสุขไหม เรารู้ว่าตี้อยากเลี้ยงลูกๆ ให้ดีที่สุด ตี้อยากเป็นให้ได้ทั้งพ่อและแม่ของเด็กๆ ซึ่งเราบอกเลยว่าตี้ทำได้ดีแล้ว”ผมไม่รู้จะพูดยังไงให้เค้าเลิกกังวล ผมรู้ว่าเค้ารักลูก หวังดีกับลูก และทำหน้าที่ของเค้าได้ดีแล้วกับหน้าที่พ่อ หรือกระทั่งแม่ แต่บางทีผมก็รู้สึกนะครับว่าคนที่เค้าเริ่มไม่ให้ความสำคัญ หรือให้ความสำคัญน้อยลง มันคือผมนี่แหละครับ ไม่ใช่ผมไม่รักลูก ไม่ใช่ว่าผมหื่นจนไม่สนใจอะไร แต่ชีวิตคู่ ชีวิตครอบครัวมันก็ต้องควบคู่ไปด้วยกันไม่ใช่เหรอครับ
“เรารู้ว่าตี้ก็คงเหนื่อยที่ต้องทั้งช่วยเราทำงาน แล้วยังต้องดูแลลูกๆ อีก แต่เราก็อดไม่ได้ที่จะยังอยากให้ตี้แบ่งเวลาให้เราบ้าง ขอแค่ช่วงกลางคืนแบบนี้ก็ได้”ผมไม่ได้ออกตัวชัดเจนเกินไปใช่ไหมครับ เพราะนี่ผมต้องอยู่ในโหมดจริงจังอยู่ เค้าหยุดคิดไปนิดนึงก่อนจะเงยหน้ามามองผม เค้านิ่งครุ่นคิด นิ่งเสียจนผมเริ่มรู้สึกผิด ที่คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว
“แต่เราคง เอาแต่ใจตัวเองมากไปทั้งที่ตอนนี้ก็เป็นพ่อคนแล้ว เราขอโทษนะ สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก นอนเถอะ”ผมพรมจูบที่หน้าผากเค้าแผ่วเบา บางทีผมคงต้องลดความต้องการของตัวเองลงบ้าง แม้มันจะยากสักหน่อย แต่ก็คงต้องทำ
“เราอาจเป็นคนที่ต้องขอโทษหรือเปล่า เราเอาแต่พยายามทำเพื่อลูกๆ พยายามจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้พวกแก แต่เรากลับลืมอีกหนึ่งหน้าที่ คือหน้าที่ของคนรัก”เค้าบอกกับผมเสียงหม่นๆ นี่ตกลงผมกับเค้าจะมาขอโทษกันไปมาทำไมเนี่ย
“หน้าที่เมียอะเหรอ”ผมแกล้งแหย่เพื่อให้เค้ารู้สึกดีขึ้น
“ยังจะมาพูดเล่นอีก”เค้าตีแขนผมเบาๆ ผมหัวเราะอย่างมีความสุขก่อนจะดึงเค้าเข้ามากอด ที่จริงเรื่องระหว่างเรามีอะไรมันก็ควรจะพูดกันตรงๆ เปิดอกคุยกันแบบนี้แหละจริงไหมครับ ชีวิตคู่มันก็คงไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบเสียหมด นี่เราก็เพิ่งจะอยู่ด้วยกันมา 3 ปีกว่าๆ เอง การจะอยู่ด้วยกันไปตลอดมันก็คงมีอีกหลายอย่างต้องปรับต้องจูนกันอีก
“เอาเป็นว่าเรายอมเพิ่มให้ลูกๆ ไปนอนกับคุณปู่คุณย่าได้ อาทิตย์ละ 3 วัน แต่ถ้าลูกๆ ไม่ยอมก็อีกเรื่องนะ”แหม ถ้าเรื่องลูกๆ ผมว่าผมจับจุดได้แล้วนะ เอาวะเพิ่มเวลาให้ผมอีกวันแบบนี้ก็ยังดีครับ
“ส่วนเรื่องแยกห้องให้เด็กๆ ก็รอให้โตกว่านี้อีกหน่อยแล้วกันนะ”ผมดึงเค้าเข้ามากอด แถมหอมแก้มเค้าไปฟอดใหญ่ถ้ารู้ว่าเมียจะยอมให้ผมขนาดนี้ ผมคุยเรื่องนี้ไปนานละครับเนี่ย
“ว่าแต่วันนี้ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ขอจัดหนักเลยแล้วกันนะครับเมีย”ผมพลิกตัวขึ้นคร่อมเค้าด้วยความรวดเร็ว จ้องมองเค้าด้วยความหลงไหล ไม่รู้ทำไมผมถึงรักเค้าได้ขนาดนี้ ผมค่อยๆ โน้มหน้าลงไปหาเค้า
“ก๊อกๆ ชาร์ปตี้หลับกันหรือยังลูก”ทั้งผมและปาร์ตี้ต่างชะงักเพราะเสียงเคาะประตูเรียกจากแม่ผมเรารีบผละออกจากกันจัดเสื้อผ้าแบบลวกๆ ให้เข้าที่ ก่อนเดินมาเปิดประตู
“ชาร์ลฝันร้ายบอกยังไงก็จะมาหาตี้นะลูก”แม่ผมที่ส่งเจ้าตัวเล็กให้กับปาร์ตี้ บอกพร้อมหันมามองผมด้วยรอยยิ้มแห้งๆ ส่วนเจ้าตัวเล็กก็ก้มหน้างุดๆ มุดเข้าหาปาร์ตี้
“แล้วปอร์โต้ละครับแม่”ผมถามถึงลูกชายอีกคน
“รายนั้นหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวไปแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวน้องชาร์ลผมดูต่อเองครับแม่”ปาร์ตี้บอกพร้อมอุ้มเจ้าตัวเล็กไปที่เตียง แม่ผมเอื้อมมือมาแตะผมอย่างให้กำลังใจก่อนจะเดินกลับห้องไป ผมเดินตามไปที่เตียง
“พ่อตี้ปิดหูก่อนนะฮ่ะ น้องชาร์ลมีความลับต้องคุยกับพ่อชาร์ป”เด็กน้อยพูดเสียงอ่อยๆ พร้อมมองหน้าพวกผมสองคนสลับไปมา ปาร์ตี้แกล้งเอามือปิดหู ซึ่งก็น่าจะยังได้ยินเสียงอยู่ดีนั้นแหละครับ
“ว่าไงครับน้องชาร์ลคนเก่ง”ผมล้มตัวลงนอนข้างๆ ลูกชายคนเล็กพร้อมถามอย่างเอ็นดู
“น้องชาร์ลขอโทษฮ่ะ ที่ผิดสัญญา”เด็กน้อยกระซิบบอกผมเบาๆ ผมยิ้มตอบด้วยความเอ็นดูเพราะเริ่มรู้แล้วว่าลูกชายตัวน้อยขอโทษเรื่องอะไร
“ไม่เป็นไรครับ วันนี้น้องชาร์ลฝันร้ายนิ รีบนอนเถอะไว้เราค่อยตกลงสัญญากันใหม่นะครับ”ผมลูบหัวลูกชายเบาๆ ก่อนจะหันไปยิ้มให้อีกคนที่เอาใอปิดหูแต่มองผมกับลูกยิ้มๆ
“นี่พ่อตี้เลิกปิดหูได้หรือยังนา”ตี้พยักหน้าให้ผมเป็นเชิงบอกว่าเดี๋ยวเค้าจัดการต่อเอง ผมเลยลุกจากเตียงหันไปคว้าบุหรี่กับไฟแช็คเดินออกไปริมระเบียง เสียงพูดคุยของสองพ่อลูกแว่วเบาๆ ให้ผมได้ยินเป็นระยะ ผมพ่นควันบุหรี่เหม่อมองออกไปในความมืด ผมอมยิ้มกับตัวเองนี่สินะครอบครัวที่ผมเคยใฝ่ฝัน แม้อาจจะไม่เหมือนครอบครัวของใครหลายๆ คน แต่แบบนี้ผมก็มีความสุขแล้ว ได้เห็นทุกคนที่ผมรักมีความสุขนี่มันก็สุขตามไปด้วยแหละครับ
“ลูกหลับแล้วเหรอ”ผมถามคนที่ตามผมออกมาริมระเบียง เค้าเดินมาพิงที่ไหล่ของผม ผมดึงเค้ากอดกระชับเข้าหา
“ชาร์ป”
“หือ”ผมหันไปหาคนรักที่อยู่ข้างๆ
“ชาร์ปจะไม่เบื่อเราใช่ไหม”คิดมากอะไรอีกละครับเนี่ยเมียผม
“บอกไปตั้งกี่ครั้งแล้ว ว่ารักจนไม่รู้จะรักยังไงแล้วเนี่ย”ผมกดก้นบุหรี่ลงที่เขี่ย แล้วดึงเค้าเข้ามากอดเต็มวงแขน
“เราก็แค่กลัว ที่พักหลังเรามีอะไรกันน้อยลง เรากลัวว่าชาร์ปจะเบื่อ”นั่นไง นี่ผมคงต้องลดแสดงออกให้เค้าเห็นแล้วว่าหื่นเกินไปเนี่ย
“ตี้ ถึงเราจะดูหื่น ถึงเราจะยอมรับว่าเซกส์ก็สำคัญสำหรับชีวิตคู่ แต่เราก็รู้ว่าชีวิตมันไม่ได้มีแค่นั้น ตี้ฟังเรานะ เราอยากจะแก่ไปพร้อมๆ กับตี้ อยากเห็นลูกๆ ของเราเติบโต เฝ้ามองทุกช่วงชีวิตของลูกๆ จนวันนึงเรากลายเป็นปู่ แต่ตี้เป็นยายดีกว่าเนอะ ฮ่าๆ”เค้าตีแขนผมเบาๆ แต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก
“ขอบคุณนะ ที่ให้เราเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวชาร์ป”นี่สินะความสุขในแบบที่ผมเคยใฝ่ฝัน
“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นลงบัญชีไว้ให้เราจัดหนักได้ไหม”แกล้งกระเซ้าเค้าหน่อยครับ
“ตรงนี้เลยไหมละ”แหนะมีการท้าทายด้วยครับ
“อย่าท้านะ”ผมบอกก่อนที่เราทั้งคู่จะหัวเราะออกมา ก็ได้แต่หวังนะครับว่าวันข้างหน้าของเราสองคน และลูกๆ ด้วย จะมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสุขแบบนี้ไปตลอด
END
จบแล้วครับ
ชาร์ปตี้ก็แฮปปี้กันไป ยังไงก็ขอบคุณทุกๆ คนมากๆ ที่ติดตามอ่านนะครับ
อ่านทุกคอมเม้นต์ แม้จะไม่ได้ตอบกลับ แต่ก็มีความสุขที่เห็นว่ามีคนชอบเรื่องนี้
เรื่องนี้ก็ยังมีหลายๆ จุดที่รู้สึกว่าต้องแก้ไข ยังไงใครอยากฝากติจุดไหนก็ติมาได้นะครับ
ไว้จะได้ไปปรับปรุงในเรื่องต่อๆ ไป ยังไงถ้ามาเรื่องใหม่ออกมาก็ฝากติดตามด้วยนะคร๊าบบบ