Chapter 11 : D a n k e
“อืม..”
ผมพลิกตัวไปมา ครางเบาๆ ค่อยๆลืมตาขึ้น
ผมนึกอยู่ครู่หนึ่งว่า ..นี่มันเวลาไหน ..ผมนอนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่
แล้วผมก็นึกได้ . . ผมตื่นมาตอนสายมาก ด้วยความรู้สึกปวดหัวจนลุกไปเรียนไม่ไหว
รู้แล้วว่าทำไม ,,วิ่งห่าตากฝนติดๆกันมาสองวัน แถมไอ้โกเสือกมีวันคล้ายวันเกิดขึ้นมาเมื่อวาน
ทำให้เราไปนั่งแดร๊กเหล้าเบียร์กันจนดึกดื่น แล้วก็ดันเป็นหน้าที่ผม ที่ต้องหอบหิ้วส่วนที่เหลือกลับมา
แค้นใจ เลยล่อต่อซะหมดคนเดียว จึงหมดสภาพอย่างที่เห็น
ผมรู้สึกหนักๆที่หน้าผาก จึงเอามือจับๆดู
เฮ้ย – อะไรมาวางอยู่ ?
..ผมเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟ
แผ่นเจลลดไข้นี่หว่า..
มาจากไหนวะ.. ผมเริ่มทวนความจำอีกที
อ้อ ไอ้เด็กนั่นมาที่นี่
ใช่ละ มาเอาเสื้อ ปีนระเบียงเข้ามาตามแบบฉบับความเกรียนของมัน
ผมยอมรับว่า ผมไม่ชอบมันนะ..
ผมหมายถึง.. เป็นคุณ ก็คงไม่ได้ชอบคนที่คุณไปมีอะไรด้วยได้ง่ายๆในสถานการณ์แบบนั้นหรอกจริงมั๊ย
มันแค่ได้เสียกันทั้งสองฝ่าย แล้วก็ไม่มีอะไรต่อกัน
ผมอาจจะทำตัวแบบนั้นแหละ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ผมจะชอบคนที่ทำตัวแบบเดียวกัน คนที่..กับใครก็ได้
ไหนจะปากเสียๆ กับความหยาบคายไร้มารยาทขนาดนั่นอีก
หมาไม่แดกครับ บอกได้แค่นี้
ผมค่อยๆยันตัวลุกขึ้น อาการปวดหัวทุเลามากแล้ว เทียบกับครั้งแรกที่ผมตื่นขึ้น
ผมมองนาฬิกา ..ตีสาม
โธ่ ตื่นทั้งที กูขอเช้าเลยไม่ได้รึไงวะ ตื่นมาแล้วเจ็บคอชิบหาย
เย้ย..
กำลังคิดว่าเจ็บคอ จู่ๆก็มองเห็นยาแก้ไอแก้เจ็บคอบนโต๊ะ ทั้งๆที่ผมไม่เคยสรรหาตัวยาชนิดใดมาไว้ในห้อง
ยังไงดีล่ะ..?
ผมพ่นลมหายใจ ไอ้ตัวกวนนั่นมันก็ทำตัวเป็นประโยชน์อยู่หรอก
ผมเปิดไฟในห้อง แล้วไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ พลางนึกทบทวนว่าไอ้หมอนั่นมาทำอะไรบ้าง
“ไอ้เหี้ยนิ มึงแดกเอง มึงก็ล้างเองเซ่”
เสียงแข็งๆอย่างฉุนโกรธแว่บเข้ามาในความคิด
ผมหัวเราะน้อยๆ ออกมามองดูที่โต๊ะ แต่ไม่มีถ้วยโจ๊ก
ผมหันไปมองชั้นคว่ำจาน.. มันล้างแล้ว
ขวดเหล้าเบียร์ที่กลิ้งๆอยู่ก็ไม่มีละ
ผมขมวดคิ้ว ทั้งหมดนี่มันทำ ทำไม..?
หรือว่า..
หรือว่า มัน ชอบผมวะ ??
แต่แล้วสิ่งที่ผมนึกถึงมันได้มีแต่ ..
ความเกรียน เกรียนโคตร อภิมหาเกรียน
รอยยิ้มหวานๆ คำซึ้งๆ ของขวัญเล็กๆน้อยๆ คำพูดเพราะๆ การพยายามทำตัวให้ดูดี อย่างคนที่ชอบใครซักคนจะพึงมีและทำ
ไอ้เกรียนนั่นไม่มีเลย - -
ผมพยายามค้นหาลงไปในความทรงจำว่าเคยมีสักครั้งไหม ที่มันทำท่าว่าจะชอบผม
,,ไอ้เหี้ย ปล่อยกู
,,ให้เอากะมึงอีกรอบ กูไปเอากะหมู เห็ด เป็ด ไก่ ดีกว่า
,,เออ แต่กูไม่ยินดีเลยที่ได้รู้จัก
,,สองเจ็ดสิบสี่ สองแปดสิบหก สองเก้ายี่เสียบ
==’
ผมพยายามแล้วนะ แต่ก็หาความน่ารักหรือความดูดีของมันไม่เจอเลยครับ !!
เมื่อย้ายก้นมานั่งลงบนเก้าอี้ กระดาษแผ่นเหลืองๆนั่นเตะตาผมอีกครั้ง
“ดี เอ เอ็น เค อี”
ผมอ่านอีกทีโดยไม่รู้ความหมาย
ผมไม่ได้ถามมันซะด้วย ลืมไปเลย..
แล้วจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจ
ไม่เข้าใจทั้ง ดี เอ เอ็น เค อี และไม่เข้าใจด้วยว่า ..ตกลงมันเป็นคนแบบไหนกันแน่(วะ)
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
“ไง ไอ้ทัศน์”
เสียงไอ้โกเอ่ยทักทายเช้าวันต่อมา
ผมทำหน้าให้มันรู้ ว่า กูปางตาย
“ฮ่าๆ เมื่อวานหายหัวไปเลยนะมึง แดกไปเยอะสิท่า”
ผมได้แต่ยิ้ม สองขาเดินเคียงข้างเพื่อนไป
แต่สายตาหันมองรอบๆตัว และเหลียวหลังทุกครั้งที่เห็นผู้ชายใส่กางเกงยีนส์เก่าๆเดินผ่าน
ไปละ สหมง-สมอง ผมคาดหวังจะเจอใครเนี่ย?
แต่มหาวิทยาลัยนี้มันคงกว้างเกินไปจริงๆ.. ผมไม่เจอคนใส่ยีนส์เก่าที่คุ้นตาคนนั้นเลยน่ะ
เจอแต่..
“พี่ทัศน์”
ไอ้แอร์ยกมือไหว้ทักทายยามเช้า ผมพยักหน้า ปล่อยให้มันเดินผ่านไป แต่ว่า..
“ไอ้แอร์ เดี๋ยวๆ”
น้องรหัสหันกลับมาตามเสียงเรียก “ว่าไงครับพี่?”
เอิ่ม.. หะ ห๊ะ ว่าไงน่ะเหรอ
“เออ อืม”
ผมเลียริมฝีปากอย่างนึกหาคำพูด จนคนรอฟังมองผมแปลกๆ
“สบายดีมั๊ย?”
คำถามนั่นหลุดจากปากผมเองแหละครับ
ไอ้แอร์ทำหน้าพิลึกกึกกือ “ก็ดีพี่”
มันผายมือประมาณ พี่ก็เห็นผมอยู่นี่ไง ถามหาด๋อยอะไรครับ
มันหยุดรออยู่ซักแป๊ปนึง เมื่อผมไม่พูดอะไรอีก มันจึงหันหลังแล้วเดินต่อไป
“แอร์”
ผมเรียกอีกครั้ง ทำหน้าให้ดูเหมือนคุยเรื่อยๆ “ที่หอเป็นไง?”
คำถามงี่เง่าคำถามที่สอง และเข้าประเด็นที่สุดแล้วที่ผมจะทำได้
ไอ้แอร์ทำหน้าโคตรประหลาดใจแล้วตอนนี้
มันดูงุนงง “หอก็เป็นหอสิพี่”
แต่แล้ว.. สายตาไอ้แอร์ก็มองผมเหมือนนึกอะไรขึ้นได้
“เอาเป็นว่า..” ไอ้น้องรหัสตัวดีเริ่มเหล่ตา
“พี่ทัศน์จะถามถึงใครรึเปล่าครับ?”
ไอ้น้องรหัสเวร ไอ้น้องรหัสชั่ว ไอ้น้องรหัสแสนรู้
ผมทำตาเขียวตาเหลือง ไอ้แอร์หัวเราะลั่น เพราะการที่ผมโกรธ คงเท่ากับยอมรับ ว่ามันพูดถูก
“เกรย์?”
ไอ้แอร์ขึ้นเสียงสูงเป็นคำถาม หน้าตาเจ้าเล่ห์ได้อีก
เตะน้องรหัสผิดกฎหมายมั๊ยครับ!
ผมไม่เคยบอกอะไรแอร์ เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ครั้งเดียวที่มันเห็นผมกับไอ้เวรนั่น ก็หน้าหอสามที่ผมวิ่งไล่จับเมทมันนั่นละ
ไม่ ผมไม่สามารถยอมรับได้หรอกว่าพยายามพาดพิงหาไอ้เกรียน ผมจึงรีบหันหลังกลับ เดินลิ่วๆไปจากตรงนั้น
ผมไม่ได้อยากถามถึง ไม่ได้อยากเจอมัน
แต่ว่า..ไอ้ห่านั่นอยากทำให้ผมแปลกใจนี่หว่า
ผมก็แค่สงสัยว่ามันเป็นคนแบบไหนกันแน่ มันเป็นไงมั่ง เมาแฮงค์ เจ็บตูด เพราะออกเที่ยวทุกคืนรึเปล่า ก็แค่นั้น..
.
.
เที่ยงนี้ โรงอาหารก็คึกคักเหมือนทุกวัน
พวกผมนั่งกินข้าว และไอ้หนุ่มก็ทำหน้าที่เดิมของมันคือจิกกัดไอ้โจ ที่กำลังหยอดมุขจีบเด็กปีหนึ่งโต๊ะข้างๆ
“คณะมนุษยฯค่ะ”
รุ่นน้องพยายามก้มหน้าก้มตากินข้าว ตอบคำถามไอ้โจพอเป็นพิธี
“แล้วเรียนเอก’ไรครับ น้องคนสวย”
เฮ่อ เพื่อนผมคนนี้ หน้าหม้อทุกที่จริงๆ
“เอกฝรั่งเศสน่ะค่ะ”
ผมไม่ได้ยินว่าคุยอะไรกันบ้างหรอกครับ แต่ได้ยินสาวเจ้าตอบมาเบาๆท่ามกลางเสียงจอแจ
แล้วผมก็ชะงักนิดหนึ่ง.. ดี เอ เอ็น เค อี
ไอ้เวรนั่น อยู่คณะมนุษยฯ นี่หว่า..
หรือว่า..
ผมหันไปมองสาวคนนั้น แล้วลุกขึ้นไปหาเธอ
“เฮ้ยๆ คนนี้กูจองแล้ว”
ไอ้โจค้าน ดึงเสื้อผมกลับมา
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
ผมสะบัดไหล่ ไม่สนใจมัน
ผมยื่นกระดาษแผ่นน้อยให้เธอ
“พอจะบอกได้มั๊ยครับน้อง มันแปลว่าอะไร คือ.. พี่แค่คิดว่า อาจเป็นภาษาอะไรซักอย่าง ฝรั่งเศส?”
เธอก้มลงมอง
“อืม.. เหมือนจะไม่ใช่นะคะ”
เธอรับไปและส่งให้เพื่อนร่วมโต๊ะดู เพื่อนก็พึมพำเห็นด้วย “ไม่ใช่อ่ะค่ะ”
อ่า..
ผมได้แต่พยักหน้าแล้วรับกระดาษมา
ถอนหายใจเบาๆ นี่ผมมาถามอะไรวะเนี่ย?
ผมจะสนใจทำไม แค่คำคำเดียวเองนะ !
มันจะหมายถึงอะไรก็ช่างสิ เผลอๆ อาจเป็นคำด่าที่ไอ้เกรียนนั่นคิดค้นด้วยตัวมันเอง -*-
.
.
“ขอบคุณ”
น้องปีหนึ่งคนหนึ่งในกลุ่มนั้น เดินผ่านผมแล้วบอก
ผมงงเล็กๆ
“ขอบคุณพี่เหรอ?”
“ไม่ใช่ค่ะ คำนั้นน่ะ” เธอเหล่ตามาที่กระดาษ “เป็นภาษาเยอรมัน.. แปลว่าขอบคุณ..”
ผมนิ่งไปแป๊ปหนึ่ง
ขอบคุณ..งั้นหรือ
ไอ้เด็กเกรียน ขอบคุณผมเนี่ยนะ?
สำหรับอะไร..
สำหรับที่ผมให้มันนั่งหลับบนโซฟา? ที่ผมไล่ออกไปนอกระเบียงตอนแม่มา? หรือที่ผมต้องซื้อขนมด้วยความจำใจให้มัน?
“ไอ้ทัศน์ มึงตายยัง”
ไอ้โกกระตุกเสื้อผมเบาๆ
ผมไม่ทันใส่ใจเพื่อน ได้แต่ขมวดคิ้ว
ไอ้เกรียน มึงจะหยาบคายหรือจะมารยาทดี ช่วยเลือกเอาซักอย่างได้มั๊ย กูงงมึงแล้วนะเฮ้ย!
“เฮ้ย ไอ้ทัศน์ หลับในเหรอวะ”
ไอ้หนุ่มเขย่าไหล่ แต่ผมยังไม่รับรู้
“ภาษาไทยก็มีให้มึงใช้ หรือ Thank you กูยังพอรับได้ นี่มึงเกรียนหรือมึงอะไร ถึงให้ภาษาเยอรมันมาวะ”
ผมบ่นเบาๆ พยายามห้ามริมฝีปากไม่ให้กระตุกยิ้ม
ไม่แดกข้าวละ กูอิ่ม..
ผมบอกแล้วไง ผมไม่ได้คิดอะไรกับมัน อย่ามามองผมแบบนั้นสิครับคุณ !
.
.
ตกเย็น ผมขับมาสด้า เตรียมกลับหอ พอเหอะวันนี้ อยากสันโดษ
ไม่ไปคุมปีหนึ่งละ ปล่อยพวกปีสองดูน้องไป
ผมขับรถผ่านอ่างแก้ว
..สวยครับ อ่างแก้ว มช. บึงน้ำขนาดใหญ่ ต้นไม้รายรอบร่มรื่นตา..
แต่ผมไม่ได้ชอบอ่างแก้วเหมือนพวกที่กำลังอินเลิฟ
เพราะผมไม่ชอบมีความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน และดูแลเทคแคร์ใครไม่เป็น
ซึ่งอ่างแก้ว.. ก็ดูไม่ใช่ที่ที่ใครจะมาแบบฉายเดี่ยวบ่อยนัก
ผมมองอ่างแก้วผ่านๆอย่างไม่ใส่ใจ แต่ร่างหนึ่งทำให้ผมต้องเหลียวกลับไปมองอีกครั้ง
ผมยุ่งๆปลิวสะบัดนิดๆในสายลม ดูเหมือนเจ้าของไม่เคยสนใจจะจัดแต่งมัน
มือจับดินสอหรือปากกาก็ไม่รู้ เขียนขยุกขยิกลงในสมุดเล่มเล็ก
มันนั่นแหละครับ.. อยู่ในชุดประจำของมัน ยีนส์เก่า เสื้อคลุมลายสก๊อต
นั่งชันเข่า จดอะไรบางอย่างด้วยท่าทีสบายๆอยู่ริมน้ำ
ร่างขาวตัดกับสีเขียวเข้มของใบหญ้าในแสงอาทิตย์ยามเย็น ..สวย
เอ่อ คือ.. คือผมหมายถึง อ่างแก้วน่ะสวย
คุณอย่ามองผมแบบนั้น อย่าเด็ดขาด
ผมจอดรถ เปิดประตูออก
แต่ก็ชะงักค้าง ผมเนี่ยนะจะ เอ่อ ไปอ่างแก้ว..
งี่เง่าสิ้นดี
ผมกลับขึ้นไปสตาร์ทรถ และตั้งใจจะตรงกลับหอเหมือนที่คิดไว้ตอนแรก
สายตาเหลือบไปมองอีกครั้ง..
ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเป็นคนเดียวกับที่ผมคว้ามาในคืนนั้น..
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .