Just you and I ตอนพิเศษ : ค่ำคืนแห่งความวุ่นวาย
“พี่โช ไอ้ต้อมโทรมา” ผมเกริ่นหลังจากถูกจ้องแล้วจ้องอีกเมื่อวางโทรศัพท์ลง “มันบอกจะเลี้ยงตอบแทนเรื่องข้อมูลที่ส่งให้”
“ที่ไหน” ถามกลับโคตรไว
“ร้านเพิงยาดองหลังมหาลัยผมนั่นแหละ พี่โชว่าไง” แอบเหลือบมองปฏิกิริยาของคนข้างๆ
“ชวนมากินที่ห้องนี่แหละ”
“หา”
“ก็วันนี้พวกไอ้แทมจะมากินที่นี่อยู่แล้ว ก็ชวนมากินทีเดียว”
“มันไม่มาหรอกมั้ง”
“ลองโทรไปชวนก่อน”
ยู่หน้าให้คนขี้หวง พี่โชเหล่ตามองผมก่อนจะหันไปดูละครจักรๆ วงศ์ๆ ตอนเช้าวันหยุด โตขนาดนี้ยังติดละครอีก ผมจะดูการ์ตูนไม่ได้ดูเลย เซ็ง
เดินออกมาที่ระเบียง กดต่อสายหาไอ้ต้อม รอสายนานกว่าจะมีคนรับ แต่ปลายสายไม่ใช่เจ้าของเครื่องแน่
(ครับ)
“พี่ฟลอยด์?”
(ครับ)
“เอ่อ ต้อมไม่อยู่เหรอครับ”
(ต้อมเอาผ้าไปตาก รอแปบหนึ่งนะครับ) ได้ยินเสียงพี่ฟลอยด์ตะโกนเรียกเพื่อนผม (ว่าไงมึง)
“แหม ขนเสื้อผ้าไปอยู่ด้วยกันแล้วเหรอวะ” แซวมันไป ไอ้ต้อมก็ไม่เถียง มันดีตรงที่ไม่ได้แก้ตัวหากเป็นเรื่องจริง
(เหมือนมึงนั่นแหละไอ้ห่ากลอย แล้วมีไร)
“ที่มึงชวน...”
(พี่โชไม่ให้ไปใช่มั้ย) ไอ้ต้อมรีบขัดขึ้นทันที (กูว่าแล้ว)
“มึงฟังกูก่อน คือวันนี้พวกเพื่อนพี่โชจะมากินที่ห้อง แล้วพี่โชให้ชวนมึงมาด้วย”
(แต่กูไม่รู้จักใคร)
“กูไง ไอ้ทูก็มา พี่โชมึงก็รู้จัก แล้วเพื่อนกูคนที่มันหาข้อมูลให้ก็มานะ มึงอยากเจอมันไม่ใช่เหรอ” รีบหาสิ่งล่อครับ ไม่งั้นไอ้ต้อมไม่มาหรอก มันบ่นอยากเจอไอ้อัธตลอด
(เอาไงดี...) ได้ยินไอ้ต้อมถามพี่ฟลอยด์ว่าจะมาห้องผม ผมเข้าใจนะ พี่ฟลอยด์กับพี่โชไม่ค่อยถูกกันด้วย ฝ่ายนั้นคงลำบากใจแหง (ไอ้กลอย ที่ห้องมึงกี่โมงวะ)
“เย็นๆ” ไม่น่าเชื่อว่าพี่ฟลอยด์จะมา
(อืม เดี๋ยวกูซื้อของเข้าไปด้วย แค่นี้นะ กูตากผ้ายังไม่เสร็จ) ก่อนไอ้ต้อมวางไอ้ยินเสียงมันบ่นคนที่ตากผ้าไม่เป็น ผมหันเข้าไปมองคนที่นั่งดูละครตอนเช้าแล้วแอบยิ้ม อย่างน้อยที่โชก็ตากผ้าเป็น
ปัดกวาดเช็ดถูห้องก่อนจะเกิดสงครามความเมา ผมชี้ให้เจ้าของห้องดูดฝุ่นพื้นพรมที่ปูด้วย ส่วนผมก็กำลังปัดฝุ่นบนตู้ อยู่ด้วยกันก็ต้องช่วยกันทำงานบ้านครับ แฟร์สุดๆ
คนที่มาคนแรกคือพี่ตินครับ หิ้วถุงที่มีกล่องสีดำเข้ามา ตอนวันทำงานท่าทางโคตรอิดโรย พอจะเมานี่พี่แกดี๊ด๊าสุดๆ หลังจากพี่ตินเข้าห้องยังไม่ทันได้นั่ง พวกไอ้อัธกับไอ้ม่านก็มา มันเอาพวกของสดมาลำบากผมต้องทำกับแกล้มให้อีก จ้องพวกมันตาขวางแต่มันไม่สนใจ
“ทำให้อร่อยๆ นะเพื่อนเลิฟ” ไล่เตะไอ้ม่านแต่มันวิ่งหนี ทำไมไม่ซื้อที่เขาทำมาแล้วไม่เข้าใจ
เดินหน้างอหิ้วถุงเข้าครัว คอยดู เดี๋ยวจะเอาให้แซ่บนัวจนลุกเข้าห้องน้ำแทบไม่ทันเลย
มัวแต่ขลุกในครัวเลยไม่ได้ออกไปรับพี่แทมที่หิ้วกุ้งเผาตัวใหญ่มาเป็นกิโล แถมด้วยส้มตำเจ้าเด็ดอีก รวมกับกุ้งแช่น้ำปลา กับยำที่ผมทำก็กินแทบไม่หมดแล้วขอบอก
“อร่อย” พี่โชเดินมาหยิบกุ้งแช่น้ำปลาไปกินตัวหนึ่งยกนิ้วโป้งให้ มันแน่นอนอยู่แล้ว นี่ใคร นี่กลอยประเกรียนครับ ทำทุกอย่างเรียบร้อยก็เดินหน้ามันออกไปนั่งล้อมวงด้วย
“โห ไอ้กลอย หน้ามึงเอาไปทอดไข่ได้เลยนะ” โดนพี่แทมว่าไปหนึ่งดอก เลยเช็ดหน้ากับหลังพี่โชอย่างเคืองๆ คนโดนเช็ดก็ได้แต่ขำไม่ช่วยด่าเพื่อนตัวเอง
“มึงไปว่าให้มันทำไมวะ เดี๋ยวก็โดนไล่ออกห้องหรอก ผัวมันดุอย่างกับหมา ไอ้สัด” พี่ตินเหมือนจะเข้าข้างผมแต่มาด่าพี่โชแทนเลยโดนน้ำแข็งก้อนปาเต็มหน้าผาก
“พี่เก็บน้ำแข็งด้วย ห้ามให้มันละลายบนพื้นนะ” ผมชี้บอกตรงที่น้ำแข็งวางอยู่ พี่ตินทำตาโตแล้วเก็บ
“ผัวมึงปาหัวกูแท้ๆ” แอบเห็นพี่ตินเอาน้ำแข็งก้อนนั้นหย่อนในแก้วพี่แทมด้วย โคตรสกปรก คนโดนก็ไม่รู้เรื่องเพราะมัวแต่หัวเราะ
“พวกพี่นี่อะไรไม่รู้ ดูเพื่อนผมนี่ สงบเสงี่ยมไม่โวยวายสักนิด” ใช่ครับ ไอ้อัธกับไอ้ม่านไม่โวยวายเพราะพวกมันกำลังต่อสายพ่วงคาราโอเกะแล้วด่ากันเองเพราะต่อสายผิด ปกติจะเป็นเจ้าของห้องทำ วันนี้พี่แกขี้เกียจเลยใช้คนอื่น สรุปแล้วก็พี่โชนั่นแหละครับที่รำคาญเลยลุกไปทำ
“ไอ้พวกไม่ได้เรื่อง มาๆ” พี่แทมกวักมือเรียกเพื่อนผมก่อนชนแก้วดังสนั่นจนแก้วแทบแตก
กำลังจะอ้าปากบ่นเสียงกริ่งประตูดังขึ้นมาซะก่อน ผมรีบวิ่งไปแง้มดู เป็นไอ้ต้อมกับพี่ฟลอยด์ ข้างหลังมีไอ้ทูกับพี่เบด้วย
“เข้ามาเลยๆ” ผมกวักมือเรียกทุกคนให้เข้ามา ไอ้ต้อมกับพี่ฟลอยด์ดูเกรงใจที่เข้าห้องคนอื่น แต่ไอ้ทูกับพี่เบมาบ่อยจนเดินแทบจะเหยียบหัวผมก่อนเข้าห้องแล้ว “โห เอาไรมาเยอะแยะเนี่ย” รีบเข้าไปช่วยถือถุงจากไอ้ต้อม พอเข้ามาแล้วดูมันตกใจที่เห็นบรรยากาศที่เริ่มตั้งวงกันแล้ว
“คนเยอะ” ได้ยินเสียงมันพูดเบาๆ ผมเลยยิ้มให้พร้อมกับแนะนำให้รู้จักทุกคน
“พี่ๆ นี่เพื่อนผมเอง มันชื่อไอ้ต้อม แล้วนี่พี่ฟลอยด์...” ยังพูดไม่จบ พวกขี้เมาก็ไม่สนใจอีก เพราะมัวแต่ยกแก้วชน “นั่งเลยๆ พี่ฟลอยด์นั่งเลย” ผมพาทั้งคู่มานั่งรวมในวงสุราที่เริ่มไปก่อนหลายแก้ว เห็นถุงเมื่อกี้มีเพิ่มมาอีกสองกล่อง คืนนี้คงเมายาวสินะ
เพื่อนพี่โชแกก็ดูแลคนใหม่ของห้องดี พี่ตินดูแลเรื่องแก้วเหล้าจนลามมาแขวะผม อะไรวะ ผมไม่ดีตรงไหน ขยับไปหาพี่โชที่ยกแก้วไปจ้องสมาชิกใหม่ของวงไป
“จ้องทำไม” ผมกระซิบถาม พี่โชเหล่ตามามองแล้วส่ายหน้า “พี่โช” กดดันทางสายตาให้รู้ว่าต้องพูด
“แค่แปลกๆ ที่เห็นไอ้ฝอยขัดหม้อมานั่งในห้อง” เสียงกระซิบข้างหูเพื่อให้ได้ยินแค่สองคน ถึงจะพูดดังกว่านี้ก็ไม่มีคนสนใจเพราะมัวแต่ฟังไอ้อัธร้องเพลงคาราโอเกะ
“วู้วๆๆ” ทุกคนปรบมือพร้อมร้องตามเพลงตัวร้ายที่รักเํธอที่ไอ้อัธกำลังครวญอย่างไพเราะ แต่มีคนหนึ่งที่ไม่สนใจชาวบ้าน...
พี่แทมนั่นแหละครับ
พี่แกกำลังเลือกเพลงที่จะร้องแข่งกับไอ้อัธ หวังว่าคงไม่ร้องไล่สมาชิกใหม่ไปหรอกนะ ผมละกลัวจริงๆ คือกลัวเส้นประสาทในหูของไอ้ต้อมกับพี่ฟลอยด์จะขาดไปซะก่อน เพราะต้องทนฟังเสียงผิดคีย์จนแก้วหูจะทะลุ
“ถึงกูจะร้าย กูก็รักไม่น้อยกว่าเขา แล้วเหตุใดเล่า จึงเป็นตัวเราที่แพ้เสมอ ทุกๆ อย่างทุกการกระทำเพียงหวังให้เธอ หันมาเจอะเจอ หันมาจ้องมองและลองสนใจ” ผมร้องคลอเพลงตามประจวบกับไอ้อัธหันมามองนิดๆ ผมเลยยกนิ้วโป้งให้ มันยิ้มแล้วหันกลับไปมองหน้าจอที่มีเนื้อเพลงอีกรอบ
“และตอนสุดท้ายก็คงต้องตายในตอนจบ ไม่มีใครคบ ไม่มีใครเห็น ไม่มีสนใจ ถึงกูจะร้ายแต่ก็รักเธอจนสุดหัวใจ อยากให้รู้ไว้ ถึงฉันจะร้ายแต่ก็รักเธอ” กว่าเพลงนี้จะจบ พี่แทมก็ลิสรายชื่อเพลงตัวเองยาวเป็นกิโล พี่ตินตบหัวเพื่อนตัวเองแล้วให้เลือกร้องคนละสองสามเพลง แต่คนที่ชอบร้องไม่ยอมเพราะพี่แกร้องจบก็วิ่งหนีไม่ให้คนอื่นแย่งไมค์ อ้อ เอารีโมทไปด้วยกลัวถูกกดปิด
“มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ตัวฉัน ยังยืนอยู่ตรงนี้” แค่พี่แทมขึ้นเพลงนี้มา ผมก็หันไปมองไอ้ต้อมกับพี่ฟลอยด์ ความรู้สึกประทับใจที่เคยได้ฟังเพลงนี้มากำลังจะหายไป อีกไม่กี่วินาทีที่จะได้ยิน ความประทับใจจะเลือนหายไปตลอดกาล คนที่สร้างความประทับใจนั้นคงรู้สึกเหมือนกัน พี่ฟลอยด์ถึงขั้นกุมขมับ ไอ้ต้อมขำอย่างเดียว
“ปวดหูเหี้ย” พี่โชบ่นเมื่อเจอเสียงเพลงสุดเพี้ยนเข้าไป ถึงขนาดเดินไปแย่งไมค์ออกมา “ไอ้ฝอย มึงร้องสักเพลง” พี่โชเอาไมค์ยื่นให้พี่ฟลอยด์ครับ แต่มันไม่ธรรมดาตรงเรียกชื่อนี่แหละ นี่ก็ไม่เคยจะฟัง สั่งห้ามแล้วแท้ๆ เพราะกลัวมีเรื่อง ไม่ได้เป็นห่วงพี่โชเท่าไหร่เพราะถ้ามีเรื่องเพื่อนเยอะไงครับ แต่พี่ฟลอยด์มาคนเดียว สู้ไม่ไหวแน่นอน
“สรุปมึงชื่อฟลอยด์หรือฝอยวะ” พี่แทมหน้ามุ่ยถาม คงยังเคืองที่ถูกแย่งไมค์ ผมโคตรลุ้นกลัวพี่ฟลอยด์จะโมโห
“ชื่อฟลอยด์...ครับ” อยากลองตบหน้าตัวเอง (แต่กลัวเจ็บ) พี่ฟลอยด์พูดใส่หางเสียงด้วย แม้น้ำเสียงจะสะบัดๆ นิดหนึ่ง คงไม่พอใจอยู่แล้ว เรียกชื่อซะเสียหายแบบนั้น
แล้วผมก็โดนดึงเข้าไปเอี่ยวเมื่อพูดเรื่องชื่อ พี่โชยังเฉยแปลว่าไม่โกรธผมเลยรีบขัดขึ้นแล้วบอกไอ้ต้อมเป็นแฟนพี่ฟลอยด์ ทุกคนเลยเปลี่ยนเรื่อง คงกลัวคนทะเลาะกันแน่ เพราะเห็นพี่แทมเหล่มองพี่โชด้วย รู้ฤทธิ์เดชกันอยู่แล้ว
ทุกคนมัวแต่สนใจเรื่องอื่นลืมสังเกตพี่แทมที่เดินไปขอไมค์พี่ฟลอยด์แบบเงียบๆ ดีที่พี่โชเห็นแล้วชี้นิ้วสั่ง เลยโดนบ่นเงียบไปชุดใหญ่
“ขัดกูตลอด เซ็ง” พูดแล้วก็กลับไปนั่งที่ตัวเอง มีไอ้อัธตบบ่าปลอบใจ แต่มันขำพี่อยู่นะเห็นปะ
เพราะไม่รู้จะร้องเพลงอะไร เพลงที่พี่ฟลอยด์ร้องจึงเป็นเพลงที่พี่แทมเลือกไว้ตั้งแต่แรก โปเตโต้มาเชียว แต่ก็เกือบไม่รอดถูกทิ้งไว้กลางทางตามชื่อเพลง แม้เสียงจะเพราะก็เถอะ ดีที่ไอ้อัธช่วยแหกปากร้องด้วยเลยผ่านไปได้ด้วยดี แต่สองคนนี้ประสานเสียงกันโคตรเพราะ คือคนร้องเพราะเจอกัน อะไรก็น่าฟัง
“เพราะมาก” ไอ้ม่านตบมือเปาะแปะหลังเพลงจบ
“ทีกูร้องแม่งไล่ลงตลอด กูเสียใจ”
พี่แทมดราม่าแต่ไม่มีใครสนใจ ทุกคนชูแก้วขึ้นชนกัน แล้วคนงอนก็รีบยกแก้วตาม สรุปงอนเองหายเอง ผมเริ่มสังเกตเห็นพี่ฟลอยด์เริ่มพูดคุยกับพวกพี่ตินแล้วก็เบาใจ แต่พวกเพื่อนของพี่โชเข้ากับคนง่ายอยู่แล้ว แม้เมื่อก่อนจะเป็นพี่ว๊ากที่น้องกลัวจนหัวหดก็เถอะ ก็เล่นหน้าโหด เสียงดังซะขนาดนั้น
ผมกำลังจะยกแก้วขึ้น พี่โชก็กระแอมทันที ยู่ปากทำให้รู้ว่าไม่เกินห้าแก้วแน่นอน ระหว่างเหล้าแตะปากตาก็รีบเหลือบมองไอ้ต้อมลุกออกไปพร้อมไอ้อัธ พวกมันไปไหน หันไปมองพี่ฟลอยด์ก็เห็นขมวดคิ้วจ้องแทบจะทะลุกระจก ขี้หวงแต่ไม่แสดงออกสินะ
นานมากกว่าไอ้สองคนนั้นจะเข้ามา แต่ก่อนหน้านั้นพี่จอมกับพี่ซันก็มา คู่นี้มาสายแถมมามือเปล่าอีก กะมากินอย่างเดียวสินะ พอไอ้ต้อมเข้ามาผมก็กะจะแนะนำ เดินไปคว้าแขนมันแล้วต้องหลับตาปี๋เมื่อหมัดพุ่งเข้ามา
ไม่เจ็บ...ค่อยๆ ปรือตาทีละข้าง เห็นหมัดไอ้ต้อมอยู่ในฝ่ามือพี่โชที่ยื่นมาบังหน้าผม เข่าอ่อนทันที เชี่ยเอ้ย เกือบเจ็บตัวแล้วไอ้กลอย
“ไอ้เชี่ยต้อม ใจเย็นๆ มึง กูเองๆ” หลังจากตั้งสติได้ผมก็รีบพูดรัวๆ “กูแค่จะแนะนำให้รู้จัก นี่พี่ซัน แล้วก็พี่จอม” ผมชี้ไปที่คนมาใหม่ พี่ซันยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร พี่จอมก็จ้องนิ่ง “ส่วนนี่ไอ้ต้อม แฟนพี่ฟลอยด์” ผมรีบออกตัวก่อนจะโดนอะไรย้อนเล่นงาน เพราะพี่แทมกำลังจะอ้าปาก ต้องจ้องเล่นผมแน่ พอผมแนะนำแบบนั้นก็ส่งเสียงจิ๊จ๊ะ
พี่จอมเปิดไมค์รอบสอง แม้ไม่เพี้ยนมากแต่ก็เพี้ยนอยู่ พี่ซันก็เอาแต่คุยกับพี่โชไม่สนใจแฟนตัวเองที่กำลังเต้นโยกเป็นคาราบาวกับพี่ติน
“ไหวหรือเปล่าพี่น้องคร้าบ” เสียงพี่ตินเรียกความคึกครื้นให้คนเมา พี่ฟลอยด์ยังชูมือเป็นเขาควายด้วย เห็นไอ้ต้อมนั่งหัวเราะแฟนมัน คงเมาได้ที่แล้วสินะ
ระหว่างที่พวกร้องเพลงกำลังเมามันส์ หันไปมองไอ้ม่านที่กำลังป้องปากคุยโทรศัพท์ตั้งแต่เมื่อกี้ สงสัยกับไอ้เม่นมีความคืบหน้า ถ้าเรียนที่เดียวกันคงรู้มากกว่านี้ แต่มันเรียนคนละที่ แถมนานๆ ผมจะได้เจอไอ้เม่น ส่วนเพื่อนผมแชทไปถามก็เงียบ ซุ่มตลอด แต่ก็ไม่พ้นเซ้นส์ของไอ้กลอยคนนี้ได้หรอก หึๆ ไอ้ต้อมมันขยับตัวห่างผมแต่ผมก็ดึงมันมานั่งข้างๆ เหมือนเดิม มันว่าผมเป็นโรคจิตด้วย ผมเปล่าเป็นโรคจิตนะ...ใช่มั้ย
ตอนเย็นยังไม่คึกเท่าตอนดึกครับ ยิ่งเหล้าในขวดลดไปเท่าไหร่ ความสนุกยิ่งเพิ่ม ผมรีบเข้าไปในห้องหยิบถุงที่พี่กิ่งฝากซื้อพวกวิกผมที่จะเอาไปใส่ในงานเลี้ยงบริษัทออกมาให้พวกพี่เขาใช้ก่อน แต่ละคนก็รีบหยิบไป เห็นไอ้ต้อมเอาใส่หัวพี่ฟลอยด์อันหนึ่งด้วย น่ารักดีนะครับ แต่ถ้าลองเป็นผมสิ โดนเขกหัวแน่ ไม่ดีๆ
“พร้อมมั้ยๆ” พี่แทมทำมือแบบฮิปฮอปกวักลงเหมือนเด็กแนว เมื่อเพลงสาละวันถูกเปิด เห็นพี่จอมวิ่งไปดึงพี่ฟลอยด์ออกมาเต้นด้วย ถ้าไม่ใช่พี่จอมคงไม่มีใครกล้าผมว่า
“เตี้ยลง เตี้ยลง เตี้ยลง เตี้ยลงสาวะลันเตี้ยลง เตี้ยลง เตี้ยลง เตี้ยลง เตี้ยลงสาละวันเตี้ยลง” ทุกคนประสานเสียงร้องพร้อมย่อตัวลง พี่ฟลอยด์ตลกสุดเมื่อย่อลงไม่พร้อม เลยถูกพี่จอมตบหัว ผมควรสงสารใช่มั้ย แต่ทำไมมันขำวะ
นั่งขำพี่ฟลอยด์ที่เริ่มย่อจนหัวเข่าแทบติดพื้นไปพร้อมกับพวกพี่แทม พี่โชก็ถูกพี่ตินมาลากออกไปพร้อมคำท้าว่าสู้พี่ฟลอยด์ไม่ได้ คนท้าไม่ได้ก็เดินออกไปแบบเท่ๆ แต่ไม่ย่อหรอกครับ แล้วก็ไม่มีใครตบหัว พี่โชเหล่เพื่อนๆ ย่อตัวตามเพลง ก่อนยักไหล่นิดๆ แค่นั้นแม่งก็ขำแล้ว พอเพลงเริ่มคึกก็ยักไหล่เพิ่มขึ้น
เมื่อเพลงจบทุกคนก็หอบแฮ่ก ขนาดพี่โชที่เต้นไม่ออกแรงมากยังหอบ ผมยื่นแก้วให้ก็รีบยกดื่ม
“เหนื่อยป่ะ” ผมกระซิบถาม พี่โชพยักหน้าตอบ “เต้นไม่เท่าคนอื่นแต่เหนื่อยว่ะ”
“เออ” ตอบแบบเรียบๆ จนผมขำ
หายเหนื่อยพี่จอมก็เลือกเพลงแล้วเอาไมค์ยัดมือพี่ฟลอยด์ เพลงโคตรโหด ร้องไปลิ้นพันกันแน่ ยิ่งคนเมาด้วยแล้ว พี่ฟลอยด์ส่ายหน้าทันที พี่แทมเลยแย่งไมค์ไปให้พี่ซันแทน คนเลือกเพลงส่งเสียงไม่พอใจ
“ไม่ถามกูสักคำ” พี่ซันส่ายหน้าแต่ก็เริ่มร้องเพลงกรุณาฟังให้จบ มีลิ้นพันกันพอประมาณแต่ก็ยังประคองตัวจนร้องจบ แต่คนร้องตามแม่งมั่วทุกประโยค ขนาดผมยังมั่วเนื้อเลย
“กูร้องต่อ กูจองแล้ว” พี่ตินรีบแหวกเพื่อนมาแย่งไมค์ทันที “เพลงนี้กูโคตรภูมิใจ เป็นเพลงที่ทำให้กูมาถึงจุดนี้ได้” เพลงบรรเลงขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่ พี่ตินยืนตัวตรงก่อนวาดแขนอย่างนักร้องโอเปร่า แต่เสียงที่เปล่งมามันไม่โอนะ ออกแนวปวดแก้วหูมากกว่า แถมตลกด้วย
เพลงหนึ่งจบอีกเพลงก็ขึ้นวนไปแบบนั้นจนดึกดื่น พี่ฟลอยด์ก็ไปรวมกลุ่มด้วย เมาแล้วนิสัยออกสินะ พี่โชเริ่มไม่เก๊กแล้วด้วย เห็นคุยกันปกติ พอทุกอย่างดีอะไรก็ราบรื่น ตอนนี้ก็นั่งขำลูกเดียว ความเมาไต่ระดับจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน หมดกันคนหล่ออย่างพี่ฟลอยด์ ความประทับใจในเพลงบนเวทีจบด้วยเพลงตุ่มของอะแคปเปร่าเซเว่น
แอบมองหาเจ้าของห้องที่คงหนีเข้าไปนอนอยู่ในห้องแน่ เวลาเมาหนักๆ มักจะเซไปนอนในห้องตลอด เดินไปเปิดดูก็เป็นแบบนั้นครับ พี่โชนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงแล้ว หันออกมาอีกทีพวกด้านนอกก็เริ่มทิ้งตัวนอนเกลื่อนปล่อยซากของกินกระจายเต็มพื้น ลำบากใคร ก็ไอ้กลอยนี่แหละครับ ยังดีที่มีไอ้ต้อมช่วย มันคงกะจะกลับแต่สภาพพี่ฟลอยด์คงต้องนอนที่นี่
ตอนแรกมันดึงดันจะกลับ สุดท้ายก็ยอมนอนเพราะคนเมาไม่ยอมลุก มันยืมหมอนกับผ้าห่มไป ผมดูแลคนเมาบนเตียงที่เอามือปัดผ้าเย็นๆ ที่ผมเช็ดตัวให้ ดื้อมาผมก็ตีไปหลายแปะ เห็นไอ้ต้อมมันหัวเราะผมตอนอาบน้ำเสร็จแล้วออกห้อง
“พี่โชเว้ย อย่าดิ้น” โวยวายใส่คนเมาไปก็แค่นั้น คำตอบกลับมาก็มีแต่เสียงอื้ออึง “โอ้ย เจ็บเว้ย” โดนฝ่ามือตบเต็มแก้ม แม้ไม่หนักแต่ก็เจ็บนะเว้ยเฮ้ย “เดี๋ยวปั๊ดถีบตกเตียง” ถีบจริงนะครับแต่ถีบเบาๆ แต่คนเมาก็ยังไม่ยอมลืมตา
ผมเดินเข้าห้องน้ำหลังจากลอกคราบคนเมาบนเตียงจนเหลือแต่กางเกงในสีดำ ออกมาอีกทีคนเมาแม่งถอดจนร่างกายเปลือยล่อนจ้อน ดีที่คนข้างนอกเมาปลิ้น ไม่งั้นเข้ามาเห็นคงตกใจเป็นแถวๆ ที่มีมังกรอยู่ในห้อง (อวยแฟนตัวเองก็แบบนี้)
ค้นเสื้อกับกางเกงบอลมาใส่ให้คนบนเตียงอย่างลวกๆ โคตรเหนื่อยที่ต้องมารับมือคนเมาแบบนี้ ใครไม่เคยก็ไม่ต้องลองหรอกนะครับ ไม่สนุก เพราะกว่าจะเก็บของข้างนอกเสร็จก็ยังต้องมาดูแลคนเมาอีก รู้แบบนี้ไปกินที่ร้านง่ายกว่าอีก ไม่ต้องล้างจานหรือเก็บกวาด
“อยู่นิ่งๆ นะ ผมจะไปอาบน้ำ” ชี้นิ้วสั่งคนไม่รู้เรื่อง ผมอาบน้ำไม่นานออกมาก็เห็นคนเมาถอดเสื้อกับกางเกงทิ้งข้างเตียงแล้วก็บ่นร้อน แอร์ต่ำกว่ายี่สิบองศานี่ยังบอกว่าร้อน จะทิ้งให้นอนเปลือยก็กลัวเป็นหวัด ผมเลยต้องใส่เสื้อผ้าให้คนเมาอีกรอบแล้วลดแอร์ลง อีกนิดเดียวก็ขั้วโลกแล้วนะ สุดท้ายคนเมาก็สิ้นฤทธิ์นอนหลับไปโดยที่ผมนอนมุดอยู่ในผ้าห่ม แค่โผล่หัวไปก็หนาวยันขา
กว่าจะเช้าผมแทบหายใจไม่ออก พี่โชยังนอนนิ่งไม่ตื่นแต่ผมต้องตื่นเพื่อทำกับข้าว เดินโซเซออกมาเห็นกองคนเมานอนอยู่ที่พื้น คู่ที่สบายหน่อยก็คู่เดิมนั่นแหละครับ พี่ซันกับพี่จอมที่ยึดโซฟาเป็นเตียง ไอ้ต้อมกับพี่ฟลอยด์ก็นอนกอดกันกลม นอนกันตามสบายนะ ไม่ต้องสนใจไอ้กลอยประเกรียนคนนี้ (พูดทั้งน้ำตาแบบคนดราม่า)
ผัดนู้นผัดนี่สักพักไอ้ต้อมก็มา มันดูแปลกใจที่ผมทำเยอะขนาดนี้ ไม่อยากจะบอกว่านี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ โดยเฉพาะพี่จอมที่ไม่เคยหยุดแค่จานเดียว ข้าวผัดเสร็จคนขี้เมาก็พร้อมกิน พี่โชเดินมากอดเอวแล้วหอมแก้มผมแบบทุกทีในตอนเช้าแบบนี้
“อยากกินข้าวต้ม” พี่โชบอกข้างๆ หู
“ไว้พรุ่งนี้เช้านะ” ผมบอก คนอยากกินพยักหน้าเบาๆ
“ตอนเย็นอยากกินขนมจีน”
“อยากกินอะไรที่มันง่ายๆ หน่อยได้ป่ะ”
“พี่รู้ว่าเมียพี่ทำได้”
“เหรอ” ลากเสียงยาวเลยถูกบีบจมูก
ก่อนความสวีทของผมจะทำให้คนในห้องอ้วกเอาข้าวผัดออกมา พี่โชก็แยกไปนั่งกินข้าวกับพี่จอมที่กินเป็นจานที่สองจนเกลี้ยง
“กูกลับก่อนนะ” ทุกคนเริ่มทยอยกันกลับ ผมยืนล้างจานอยู่ในครัวกับไอ้ต้อม วันนี้มีไอ้ต้อมมาช่วยเบามือไปเยอะ ระหว่างล้างไปก็แอบชำเลืองมองพี่โชกับพี่ฟลอยด์ที่นั่งดูทีวีด้วยกัน
“ญาติดีกันแล้ว” ผมว่าออกมา ไอ้ต้อมมองหน้าผมก่อนหันไปมองบ้าง
“ดีแล้ว กูเหนื่อย” หัวเราะให้เพื่อนต่างคณะ
ยืนส่งไอ้ต้อมกับพี่ฟลอยด์หน้าห้องเป็นคู่สุดท้าย พอปิดประตูห้องก็ถูกพี่โชอุ้มพาดบ่า
“พี่ทำไรวะ ปล่อย” ดิ้นอยู่บนบ่า
“อย่าคิดว่าไม่รู้นะ เมื่อคืนถีบพี่ใช่มั้ยห๊ะ” โดนตีก้นไปหลายที
“เมาแล้วรู้ได้ไงวะ” ถูกอุ้มวางบนเตียง คนอุ้มคลานคร่อมมาจนผมเอนนอนลงบนเตียง “หรือเมาไม่จริง” ไม่จริง พี่โชเมาผมรู้
“เมาจริงแต่รู้หมด” ดวงตาพราวฉายแววเจ้าเล่ห์
“อ๋อ แกล้งผมใช่มั้ย ที่ถอดเสื้อกับกางเกงก็รู้ตัวสินะ” คนเจ้าเล่ห์ยิ้มคล้ายกับรับคำถามคือเรื่องจริง “นิสัยไม่ดีแกล้งผมทำไม” เบ้ปากใส่ จะลุกก็ลุกไม่ได้
“งอนพี่เหรอครับ” พูดพร้อมก้มลงมาแถวซอกหูจนต้องย่นคอหลบ “พี่แค่หยอกเฉยๆ” งับหูซะขนแขนลุกเกรียว
“อื่ออ ลุกเลยนะ” ดันหน้าออกแต่คนที่คร่อมผมไม่ยอมขยับ
“จะให้รุกเลยเหรอ จัดไปครับเมียจ๋าของพี่” ผมยกมือตีปากพี่โชเบาๆ ไปที คนโดนตียึดมือผมไว้ก่อนแลบลิ้นออกมาเลียตามนิ้ว
โคตรเขินเลยให้ตายเถอะ
“พี่โช” เรียกเสียงแผ่วเบา ใบหน้าหล่อเคลื่อนเข้ามาใกล้ระยะประชิดจนหน้าเริ่มเบลอ
“กลอย” ปากแดงแตะริมฝีปากผมเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ดูดดื่ม มือขาวเคลื่อนไปตามสีข้าง ปัดผ่านหน้าอกจนต้องครางออกมา
“พี่โช” เสื้อยืดสีเหลืองของผมถูกถอดออกจากตัวไปแล้ว ต่อไปก็กางเกงวอร์ม มือร้อนรูดลงช้าๆ
กริ๊งๆๆๆๆ
เหมือนถูกกดโดนอะไรสักอย่างทำให้การกระทำทุกอย่างหยุดลง พี่โชกัดริมฝีปากตัวเองแน่น ดวงตาคมจ้องผมนิ่งคล้ายกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“เชี่ยเอ้ย” แล้วก็สบถออกมาพร้อมกับพุ่งออกไปด้านนอก “พวกมึงกลับมาทำเหี้ยอะไรวะ” ตะโกนเสียงโคตรดัง ผมรีบลุกมาใส่เสื้อที่ถูกถอดข้างเตียง
“ก็กูลืมโทรศัพท์ เห็นป่ะ” พี่จอมเดินผ่านหน้าห้องนอน (ไม่ได้ปิดประตู) “กำลังเอากันอยู่เหรอวะ” ตรงเหี้ยๆ
“เออ!” นี่ก็ตรงพอๆ กัน
ได้ยินเสียงพี่ซันหัวเราะ พี่จอมเหล่ตามามองผมก่อนจะเดินเข้ามาหาผมในห้องนอน
“อะไรพี่” ผมถามอย่างสงสัย
“หลบไปดิ๊”
“หา”
“กูจะนอนด้วย ขี้เกียจกลับ”
เชี่ย พี่จอมขึ้นมานอนข้างๆ ผมที่นั่งอ้าปากหวอมอง พี่โชกัดฟันจนกรามนูนเป็นสัน มีพี่ซันตบบ่าปลอบใจเพราะคงทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ก็นี่คือพี่จอม
“ทำใจเถอะว่ะ”
ก็อยากทำใจอยู่หรอก แต่ทำไมพวกพี่ถึงไม่กลับห้องวะ มานอนห้องคนอื่น บนเตียงคนอื่น แล้วมาขัดคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง หมดกันอารมณ์คึกๆ ตอนนี้หดหายไปหมด ตามสบายครับพี่ นอนเลย นอนข้ามคืนไปเล้ย!! ไม่ต้องกลับแล้วห้องคอนโดนั่น ขายทิ้งไปเล้ย!! (เปิดโหมดดราม่าเต็มสตรีม)
...
เรื่องนี้เกิดพร้อมกับเหตุการณ์ในเรื่อง No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ ของพี่ฝอยกับน้องต้อมนะคะ เรื่องนั้นต้อมไม่เกรียนเลยเล่าแบบธรรมดาๆ น้องกลอยก็ไม่เกรียนเลยเล่าแบบธรรมดาเช่นกัน ฮ่าๆๆๆ
เจอกันตอนพิเศษตอนหน้าค่าาา กราบขอบพระคุณผู้มีอุปการะคุณทุกท่านที่เปิดเข้ามาอ่าน และทิ้งกำลังใจก้อนโตไว้ให้นังหัวเห็ดคนนี้ ขอบพระคุณค่าาา